คลังเก็บป้ายกำกับ: NETWORK_MANAGEMENT

Next Generation HPE Aruba Networking Central: ระบบบริหารจัดการ Network ผ่าน Cloud โฉมใหม่ ใช้ง่ายด้วยพลังของ Data และ AI โดย VST ECS

หากพูดถึงระบบ Cloud Networking สำหรับธุรกิจองค์กร Aruba Central คงเป็นหนึ่งในโซลูชันที่หลายๆ คนนึกถึง ด้วยความสามารถของระบบที่ครอบคลุมหลากหลาย และความง่ายดายในการใช้งาน จนได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในภาคธุรกิจองค์กรทั่วโลก

แต่เมื่อโลกของระบบเครือข่ายเปลี่ยนแปลงไป Aruba Central จึงได้รับการปรับปรุงสู่โฉมใหม่ เพื่อตอบโจทย์โลกของระบบ Network ที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มีการใช้งานข้อมูลในการจัดการมากยิ่งขึ้น และผสานนวัตกรรม AI เพื่อให้การบริหารจัดการระบบเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ Next Generation HPE Aruba Networking Central ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนหน้าจอการใช้งานครั้งใหญ่ ให้ตอบโจทย์สำหรับเหล่า Network Engineer และ IT Administrator มากยิ่งกว่าที่เคยกันครับ

ทำไม HPE Aruba ถึงต้องอัปเกรดยกเครื่องครั้งใหญ่ให้ Aruba Central?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ระบบเครือข่ายนั้นได้มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีล่าสุด ที่ธุรกิจองค์กรต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน และนำอุปกรณ์ IoT ใหม่ๆ มาใช้เพื่อตอบโจทย์การออกแบบออฟฟิศที่ไร้สัมผัส และจัดการสิ่งต่างๆ ในบริษัทให้เป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น

HPE Aruba ได้เล็งเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และพบว่าผู้ใช้งาน Aruba ทั่วโลกนั้น ต่างกำลังเผชิญกับความท้าทายหลักๆ ด้วยกัน 2 ประการ ได้แก่

  1. การดูแลรักษาระบบเครือข่ายที่มีความซับซ้อนสูงยิ่งขึ้น การมาของ Hybrid Work, Cloud และ IoT นั้นได้ทำให้ระบบเครือข่ายซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม และมีอุปกรณ์หรือผู้ใช้งานจำนวนมากที่อาจตกสำรวจไป ทำให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายไม่สามารถตรวจสอบ ติดตาม และควบคุมการใช้งานเครือข่ายสำหรับอุปกรณ์หรือผู้ใช้งานเหล่านี้ จึงไม่อาจปรับแต่งระบบเครือข่ายเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดได้อย่างเหมาะสม และการปรับเปลี่ยนการตั้งค่าของระบบเครือข่ายก็อาจกระทบกับเหล่าผู้ใช้งานและอุปกรณ์ที่ตกสำรวจนี้ได้โดยไม่ตั้งใจ
  2. การขาดแคลนทรัพยากรบุคคลด้าน IT ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น นับวันผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเครือข่ายที่จะเข้ามารับหน้าที่ดูแลระบบเครือข่ายขององค์กรจะยิ่งหายากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ปริมาณของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายกลับมีมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การทำ Network Automation แบบดั้งเดิมนั้นไม่อาจตอบโจทย์การบริหารจัดการได้เพียงพออีกต่อไป และต้องอาศัยพลังของ Data กับ AI เข้ามาช่วยในส่วนนี้

ความท้าทายเหล่านี้เองได้ทำให้ HPE Aruba ตัดสินใจยกเครื่องให้กับระบบ Aruba Central ครั้งใหญ่ เพื่อให้การดูแลรักษาระบบเครือข่ายเพื่อรองรับอุปกรณ์จำนวนมากและหลากหลายนั้นสามารถเป็นไปได้ด้วยผู้ดูแลระบบเครือข่ายเพียงไม่กี่คน

Next Generation HPE Aruba Networking Central ใช้งานง่ายกว่าเดิม ตอบโจทย์ผู้ดูแลระบบเครือข่ายยิ่งกว่าที่เคย

ในงาน Atmosphere’23 ซึ่งเป็นงานสัมมนาใหญ่ประจำปีของ HPE Aruba ในระดับโลกนั้น ได้มีการเปิดตัว Next Generation HPE Aruba Networking Central ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการเครือข่ายผ่าน Cloud รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ธุรกิจองค์กรสามารถนำ Data จากระบบเครือข่ายมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ AI ช่วยดูแลรักษาบริหารจัดการเครือข่ายได้ดียิ่งกว่าเดิม ซึ่งผู้ใช้งาน Aruba Central นั้นสามารถปรับไปใช้หน้าจอบริหารจัดการแบบใหม่นี้ได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สำหรับความสามารถใหม่ๆ ที่โดดเด่นภายในหน้า Dashboard ของ Next Generation HPE Aruba Networking Central จะมีดังนี้

Credit : HPE Aruba

1. Toggle View

ปุ่มสำหรับสลับรุ่นของ Aruba Central เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนมาใช้ HPE Aruba Central รุ่นใหม่และรุ่นเก่าได้ตามต้องการ

2. Entity-centric Solar System

เนื่องจากองค์ประกอบใหม่ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในระบบเครือข่ายนั้นมีความหลากหลายและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้ระบบเครือข่ายมีขนาดใหญ่กว่าที่เคย HPE Aruba จึงเรียกระบบสำหรับบริหารจัดการภาพรวมของเครือข่ายว่า Solar System เพื่อสื่อถึงการตรวจสอบภาพรวมของระบบที่มีขนาดใหญ่และหลากหลายนี้

Solar System จะทำการ Correlate ส่วนต่างๆ ภายในระบบเครือข่ายเข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถเชื่อมต่อเข้าถึงแต่ละส่วนได้อย่างง่ายดาย โดยแยกเป็นส่วนของการจัดการ Network, Clients, Applications, Security และ Alert สำหรับระบบเครือข่ายในแต่ละสาขา

นอกจากนี้ ภายในระบบยังมีการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ปัญหาถึงระบบ Layer 1 ของเครือข่าย เพื่อให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายสามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นอีกด้วย

3. Blended Indicator

ภายใน Solar System จะมีการให้คะแนนของภาพรวมในแต่ละส่วน เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าส่วนใดของระบบเครือข่ายที่กำลังมีปัญหารุนแรงในระดับใด และจัดลำดับความสำคัญในหารแก้ไขปรับปรุงระบบเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง

4. Industry-first Time Travel

Next Generation HPE Aruba Networking Central จะมีการเก็บข้อมูลของระบบเครือข่ายทั้งหมดย้อนหลังเอาไว้ 7 วัน และมีแถบช่วงเวลาให้ผู้ดูแลระบบสามารถเลื่อนย้อนเวลากลับไปได้ถึงระดับนาที เพื่อตรวจสอบแก้ไขปัญหาย้อนหลังได้อย่างง่ายดาย ซึ่งถือเป็นระบบบริหารจัดการเครือข่ายแรกของวงการที่มีการนำเสนอความสามารถนี้

5. Dynamic Information Panels

มีกราฟแสดงผลข้อมูลต่างๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามการเลือกแต่ละ Entity ภายใน Solar System ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถเข้าใจสถานการณ์โดยรวมในแต่ละภาคส่วนได้ง่ายดายยิ่งขึ้น

นอกเหนือไปจาก Dashboard ที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว Next Generation HPE Aruba Networking Central ก็ยังมีการเสริมความสามารถใหม่ๆ ที่น่าสนใจอีกหลายประการ เช่น

  • Sunburst Topology Views การนำเสนอ Network Topology ในแผนภาพแบบวงแหวน ที่ทำให้เข้าใจถึงภาพรวมของระบบเครือข่ายได้ง่ายดายกว่าการนำเสนอแบบกราฟความสัมพันธ์ เหมาะกับระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนสูง
  • Assurance Indicators ข้อมูลชี้วัดสำหรับ Device Health และ Client Experience ที่มีความแม่นยำ จากการใช้อัลกอริธึมเฉพาะในการวิเคราะห์
  • Near real-time AI-powered Insights ใช้ AI วิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลที่ผู้ดูแลระบบควรทราบในระดับเกือบ Real-Time ทำให้สามารถมองเห็นถึงปัญหาใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว
  • AI-powered Client Profiling ใช้ AI ในการจำแนกประเภทของอุปกรณ์ ที่มีความแม่นยำสูงกว่า 99% จากการนำข้อมูล Fingerprint ของอุปกรณ์มากกว่า 200 ล้านรูปแบบมาให้ AI เรียนรู้
  • Natural Language Aided AI Search ใช้ AI ที่เข้าใจภาษามนุษย์มาช่วยในการค้นหาข้อมูลต่างๆ ของระบบเครือข่าย ทำให้สามารถนำเสนอข้อมูลได้อย่างตรงจุดกว่าเดิม
  • Flexible Configuration สามารถกำหนดการตั้งค่าระบบเครือข่ายได้ในแบบ Hierarchy หลายชั้น เหมาะสำหรับการออกแบบเครือข่ายเพื่อรองรับกรณีการใช้งานที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี
  • Device-agnostic Configuration Workflows สามารถออกแบบและกำหนดการตั้งค่าของระบบเครือข่ายได้ในแบบ Intent-based สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายหลายรูปแบบพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น Access Point, Switch หรือ Gateway ก็สามารถออกแบบนโยบายและบังคับใช้งานร่วมกันได้พร้อมกัน

จะเห็นได้ว่าความสามารถใหม่ๆ ภายใน Next Generation HPE Aruba Networking Central นี้สามารถตอบโจทย์ระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนสูงได้ดีกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ในขณะที่การบริหารจัดการดูแลรักษาระบบเครือข่ายที่มีขนาดเล็กเอง ก็จะได้ประโยชน์จากความง่ายดายในการใช้งานที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ดูแลระบบไม่ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบแก้ไขปัญหาอย่างในอดีตอีกต่อไป

สนใจโซลูชันของ HPE Aruba ติดต่อ VST ECS ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชัน HPE Aruba Networking Central หรือโซลูชันใดๆ ของ HPE Aruba สามารถติดต่อทีมงาน VST ECS ได้ทันทีที่

บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด

โทร : 02-032-9999

Email : sukitta@vstecs.co.th

aruba.th@hpe.com

from:https://www.techtalkthai.com/next-generation-hpe-aruba-networking-central-by-vstecs/

Juniper Networks ผสานความแข็งแกร่งของ ChatGPT สู่ Mavis AI

Juniper ได้ประกาศความก้าวหน้าในผลิตภัณฑ์ของตน 3 หัวข้อ หนึ่งในนั้นคือการนำความแข็งแกร่งจาก ChatGPT เข้ามาเพิ่มให้ AI เดิมที่มีเพื่อให้การปฏิสัมพันธ์กับ AI ทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการรับข้อมูลจาก Zoom Cloud และออก Wi-Fi 6E AP รุ่นใหม่

AP24, Credit : Juniper Networks

Mavis (Virtual Network Assistant : VNA) มีหน้าที่คอยช่วยให้ไอทีสามารถแก้ปัญหาทางเครือข่าย คาดการณ์ผลลัพธ์ หรือเรียกดูข้อมูลที่ชี้ถึงประสบการณ์ของผู้ใช้ผ่านภาษาที่คล้ายกับการสื่อสารของมนุษย์ (NLP/NLU) มาหลายปีแล้ว โดยไอเดียในการดึงความสามารถของ ChatGPT ก็คือการเรียกใช้ API นั่นเอง ซึ่งความเก่งของ Large Language Model จะทำให้ผู้ใช้งาน Mavis สั่งการ AI ได้ง่ายขึ้นอย่างการสอบถามหาเอกสารทางเทคนิค หรือร้องขอข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหา เช่น “List steps to configure Juniper campus fabric”

นอกจากเรื่อง ChatGPT แล้ว Juniper ยังมีการรับข้อมูลจาก Zoom Cloud ซึ่งเมื่อประกอบกับข้อมูล Telemetry ของอุปกรณ์เครือข่ายที่ Mist AI มีอยู่แล้ว ก็จะนำไปสู่การเข้าใจคุณภาพการใช้งานที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้ รู้ถึงต้นตอปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ใช้งาน เพียงแค่ผู้ใช้ร้องของ่ายๆเช่น “List users with a bad Zoom experience”

ปิดท้ายการประกาศของ Juniper ด้วยการเปิดตัว Wi-Fi 6E AP รุ่น AP24 ที่ตัวมาตรฐานใหม่ทำให้อุปกรณ์ครอบคลุมถึง 3 ย่านสัญญานคือ 2.4/5/6 GHz โดยอุปกรณ์รองรับ Throughput ได้ถึง 3.6 Gbps และแน่นอนว่ามีฟีเจอร์อันชาญฉลาดจาก AI ที่ช่วยเลือกย่านสัญญาณที่ดีที่สุดได้ โดย AP24 จะเข้ามาเติมในพอร์ตของ Wi-Fi 6E จากเดิมคือ AP45 และ AP34

ที่มา : https://www.lightreading.com/aiautomation/juniper-networks-updates-aiops-/d/d-id/784924?

from:https://www.techtalkthai.com/juniper-networks-integrates-mavis-with-chatgpt-zoom-cloud-and-launch-ap24/

ขอเชิญร่วมงาน Progress Software Day 2023 วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2566 เวลา 13:00 – 20:00 น. ในรูปแบบ Hybrid

ในยุคที่ความต้องการความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูลสูงขึ้น (Data Protection) การเลือกโซลูชันการถ่ายโอนไฟล์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมมีความสำคัญต่อความสำเร็จในการดำเนินงานขององค์กรเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกันกับความต้องการเครื่องมือที่สามารถมองเห็นเครือข่ายแบบรอบด้าน (Network Visibility) ที่สมบูรณ์คือสิ่งที่ทุกองค์กรมองหา ร่วมอัปเดตและสัมผัส Software ที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการพร้อมพูดคุยกับ Progress และ Net Bright ภายในงาน Progress Software Day 2023 วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2566 เวลา 13:00 – 20:00 น. (เรียนเชิญร่วมรับประทานอาหารเย็น) อำนวยความสะดวกให้ท่านสามารถเลือกเข้าร่วมงานในช่องทางที่ท่านสะดวก ณ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ (ที่นั่งมีจำนวนจำกัด) หรือเข้าร่วมแบบออนไลน์ผ่าน Webex (Option)

 

Progress Product Key Highlight 

With Progress, businesses can automate the process by which apps are developed, deployed and managed. This makes critical data and content more accessible and secure, leading to both competitive differentiation and business success.  

กำหนดการ

13:00 – 14:00             Register & Booth Check in

14:00 – 14:30             Mission I: Build Faster, Grow Stronger with Progress Software

                                 เติบโตอย่างมั่นใจไปกับบริการของ Progress Software (Overall)   
 
                                 – คุณกนกรัตน์ พึ่งพา, Sales Manager, Net Bright

                                 – Annie Sun, Partner Account Manager, ASEAN, South Asia & Korea, Progess

                                 – Vincent Chew – Regional Sales Engineer – ANZ & South Asia, Progess

14:30 – 15:30             Mission II: Network Management, Be More Efficient with WhatsUp Gold

                                  ตรวจสอบระบบเครือข่ายอย่างมั่นใจกับ WhatsUp Gold

                                   – คุณศราวุธ สำเภาทอง, Product Specialist , Network Monitoring, Net Bright

15:30 – 16:30             Mission III: Protect Your Business with MOVEit File Transfer

                                    ปกป้องข้อมูลไปอีกขั้นกับ MOVEit and WS_FTP

                                  – คุณจักรินทร์ งามเลิศ, Product Specialist, File Transfer, Net Bright

16:30 – 16:45             Coffee Break

16:45 – 17:30             Mission IV: Challenge New Opportunity with another Software

                                    เพิ่มโอกาสทางธุรกิจของคุณกับ Software ใหม่ๆ Progress Software

                                    Part A: Reduce risk and improve your resilience with Flowmon, Loadmaster

                                   – Henry Kay, Presales Manager APJ, Progess

                                    Part B: Leader for DevOps and Integrations with Chef

                                    – Andrew Kwek – Senior Regional Solution Architect, South Asia, Progess

17:30 – 20:00             Dinner & Lucky Draw 

 

ร่วมลุ้นรับของรางวัลมากมาย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อคุณสุธาทิพย์
เบอร์โทรศัพท์ 0894101664 หรืออีเมล suthatip@fdc.co.th 

from:https://www.techtalkthai.com/netbright-progress-software-day-2023-2-june-2023/

HPE Aruba Networking กับทิศทาง Network Modernization ในปี 2023

ตั้งแต่คำว่าคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ เรื่องของ “ระบบเครือข่ายหรือเน็ตเวิร์ก (Network)” ในระบบไอทีก็ได้กลายเป็นแกนหลักขององค์กรธุรกิจชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกองค์กรจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) สถาปัตยกรรม (Architecture) ของระบบเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสอดรับกับความต้องการใช้งานในหลากหลายกรณี และมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อเร็วๆ นี้ HPE Aruba Networking บริษัทผู้นำด้านเครือข่ายครบวงจร อรูบ้าเป็นหนึ่งในเครือบริษัทฮิวเลตต์แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้จัดงาน “HPE Aruba Networking Partner Day’23 – Network Modernization” ที่มีการอัปเดตทั้งเทรนด์อุตสาหกรรมของระบบเครือข่าย รวมทั้งโซลูชันใหม่ ๆ และทิศทางที่จะเดินต่อไปในปี 2023 เพื่อตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ อาทิ Hybrid Work, Cloud Management หรือเรื่อง Zero Trust เพื่อความมั่นคงปลอดภัย (Security) สิ่งที่ HPE Aruba Networking มองเห็นและกำลังจะเดินต่อไปนั้นมีอะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบ

Network Modernization” ต้องทำเพื่อตอบโจทย์ความต้องการยุคใหม่

หลังจากที่โลกเข้าสู่ยุคการทำ Digital Transformation ระบบต่าง ๆ ได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการดิจิทัลมากขึ้น รวมไปถีง Infrastructure ของหลาย ๆ องค์กรได้ปรับเข้าสู่ยุคของ Cloud-First เป็นที่เรียบร้อย รวมถึงการทำงานในรูปแบบที่เปลี่ยนไปเป็นลักษณะ Hybrid Work มากขึ้น สิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลให้ธุรกิจสามารถลดจำนวนแรงงานมนุษย์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในสำนักงานได้อย่างมาก แต่ความต้องการในเรื่องเน็ตเวิร์กและ Infrastructure ขององค์กรสำหรับการทำงานยุคใหม่นั้นกลับมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรองรับการทำงานด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขนาดข้อมูลที่ส่งต่อไปมาที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และเรื่องของ Security ที่ต้องคำนึงถึงในทุกจุด

เพื่อทำให้ประสบการณ์การทำงานส่วนบุคคลของผู้ใช้ (Personalized Experience) ยังคงมีประสิทธิภาพ (Efficiency) ราบรื่นได้เช่นเดิม เรื่องของ Network Modernization จึงเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาเพื่อทำให้องค์กรมี Infrastructure ที่ทันสมัยมากขึ้น ทั้งเรื่องของระบบ Automation ที่สามารถจัดการระบบเน็ตเวิร์กได้อัตโนมัติมากขึ้น การเพิ่ม Security เข้าไปในทุกจุด และการทำให้แพลตฟอร์มของเน็ตเวิร์กมีความยืดหยุ่น ขยาย รองรับการเติมโตของธุรกิจได้ง่าย เพื่อรองรับความต้องการใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างฉับไว ส่งผลให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น และปลอดภัยมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา

คุณประคุณ เลาหกิตติกุล Country Manager (Thailand), HPE Aruba Networking

แนวคิดและทิศทางของ HPE Aruba Networking ในอนาคต

ภายในงาน คุณประคุณ เลาหกิตติกุล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของบริษัทอรูบ้า หนึ่งในบริษัทของฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอนเตอร์ไพรส์ ได้กล่าวชัดเจนว่าสิ่งที่ HPE Aruba Networking กำลังทำอยู่นั้น คือการทำให้เรื่องเน็ตเวิร์กเป็นเสมือน “แพลตฟอร์ม (Platform)” ที่จะเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ต่อไปในอนาคตที่จะต่อยอดเป็นบริการใหม่ ๆ ไปได้อีกมากมายหลายสิ่ง

จากแนวคิดดังกล่าว จึงที่มาของ “Edge Service Platform (ESP)” โซลูชันแพลตฟอร์มเน็ตเวิร์กที่ทาง Aruba จะช่วยให้องค์กรสามารถทำเรื่อง Network Modernization ได้อย่างรวดเร็ว ผ่านหลักการแนวคิด 3 ข้อได้แก่

  • Unified Infrastructure  หนี่งใน Aruba Edge Service Platform ที่จะทำให้ระบบโครงข่ายของคุณเป็นหนี่งเดียวกันทั้งแบบมีสาย ไร้สาย สาขา และ ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่ทุกโซลูชันสามารถบริหารจัดการได้ในจุดเดียว เพื่อให้บริหารจัดการทุกอย่างได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว
  • Zero Trust การรักษาความมั่นคงความปลอดภัยของระบบเครือข่ายแบบ Zero Trust เป็นการผนึกรวมความสามารถทางด้าน Securities ของ Aruba เข้าด้วยกัน คือ การให้สิทธิการเข้าถึงตามบทบาท, การแยกส่วนระบบเครือข่ายแบบอัจฉริยะ และการตรวจจับการบุกรุกโดยระบุตัวตน 
  • AIOps ผสานข้อมูลระบบเครือข่ายเข้ากับเทคโนโลยี AI และ Cloud เปลี่ยนระบบเครือข่ายสู่การดูแลรักษาแบบอัตโนมัติอย่างเต็มตัว

ก้าวถัดไปของ HPE Aruba Networking แห่งปี 2023

จากหลักการแนวคิด ESP ดังกล่าวข้างต้น ปีนี้ HPE Aruba Networking ได้มีโซลูชันและผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับแนวคิดและทิศทางที่จะเดินไป ดังต่อไปนี้

“Aruba Central” โซลูชันแบบ Cloud-based ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการ และติดตามการทำงานของระบบ IT ทั้งในส่วนของระบบเครือข่ายมีสายและไร้สายพร้อม กันได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ

โซลูชันระบบเครือข่ายแห่งอนาคตนั้นกำลังจะไปในระบบ Cloud ด้วยเช่นกัน และแพลตฟอร์มเน็ตเวิร์กรวมศูนย์ Aruba Central นั้นเป็นโซลูชันศูนย์กลางที่ช่วยสนับสนุนการบริหารจัดการเครือข่ายและอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ทั้งหมดภายในที่เดียวผ่าน Cloud โดยหลังจากเอาอุปกรณ์ทั้งหลายไปติดตั้งที่แคมปัสหรือสาขาต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเชื่อมโยงเห็นกันได้ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าองค์กรจะเลือกใช้อุปกรณ์แบบมีสาย ไร้สาย IoT หรือ SD-WAN ใด ๆ ก็ตาม สามารถเชื่อมต่อและ Authentication เพื่อเข้ามาบริหารจัดการผ่าน Aruba Central ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย พร้อมกันนี้ยังมีโซลูชัน AI ที่ชาญฉลาด ที่ช่วยทำในหลาย ๆ เรื่องให้ได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้ผู้ดูแลระบบและเครือข่ายขององค์กรทำงานได้สะดวกและง่ายขึ้นกว่าเดิม แถมยังมีความปลอดภัยมากขึ้น และมีประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นกว่าเดิม

“Wi-Fi 6E” Access Point ยุคถัดไปเสริมประสบการณ์ WiFi ให้ไหลลื่น เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายที่มากด้วยประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ

WiFi 6E คือเทคโนโลยีของ WiFi ที่จะมีย่านคลื่นความถี่ 6 GHz แยกออกมาโดยมีขนาดช่องสัญญาณใหญ่กว่า 2.4 GHz และ 5 GHz อย่างมหาศาล ซึ่ง WiFi 6E นั้นกำลังจะเป็นเทรนด์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยปัจจุบันทาง กสทช.กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับการอนุมัติให้ใช้งานได้ในเร็ววันนี้

การมาถึงของ WiFi 6E จะทำให้ประสบการณ์การใช้งาน WiFi ในทุกที่มีประสบการณ์ที่ดีขึ้น สามารถรับโหลดข้อมูลขนาดใหญ่ขึ้นได้ รวมทั้งเรื่องสัญญาณกวนกับอุปกรณ์ที่ใช้ย่านความถี่อื่น ๆ จะลดลงไปอีกด้วย ซึ่งทาง Aruba ได้มีอุปกรณ์ Access Point ที่พร้อมให้บริการ WiFi 6E แล้วในหลาย ๆ รุ่น โดย Access Point ในรุ่น 6xx Series จะมีเป็น WiFi 6E พร้อม GPS ในตัว ส่วน 5xx Series นั้นจะมีแค่ WiFi 6 เท่านั้น ซึ่ง Access Point จากทาง Aruba ในทุก Series มีให้เลือกบริหารจัดการผ่าน Cloud หรือ On-Premises ได้ทั้งสองรูปแบบ

“Aruba CX 10000 พร้อม Pensando” นวัตกรรมใหม่แห่งโลก DATA CENTER NETWORKING รวมถึง Security ที่ลึกถึงระดับ VM ใน Data Center

เรื่องเน็ตเวิร์กภายใน Data Center คืออีกสิ่งที่ทุกองค์กรต้องพิจารณา เพราะปัจจุบันการ Digital Transformation ได้ทำให้เกิดบริการรูปแบบใหม่ ๆ รวมทั้งเทรนด์การพัฒนาแอปพลิเคชันและให้บริการนั้นเปลี่ยนแปลงไป การใช้ Virtual Machine (VM) หรือ Container มีจำนวนมากขึ้น การสื่อสาร (Traffic) กันไปมาภายใน Data Center ก็เยอะขึ้นอย่างก้าวกระโดด จึงทำให้ทุกองค์กรจำเป็นต้องพิจารณาในเรื่อง Security ภายใน Data Center ที่ไม่ใช่ระดับ Server อีกต่อไป หากแต่ต้องพิจารณาในระดับที่ลึกขึ้นหรือระดับ VM

สิ่งนี้ Aruba เรียกการจัดการ Security ระดับ VM ว่าเป็นการทำ “Micro Segmentation” ที่จะสามารถกำหนด Policy ของเน็ตเวิร์กได้ในระดับ VM ด้วย “Aruba CX 10000 Switch” ที่มาพร้อมกับ AMD Pensando ซึ่งมี เทคโนโลยี Data Processing Unit (DPU) อยู่ภายใน ทำให้ Switch มีขีดความสามารถในทำ Software-Defined Stateful Service ทำ East-West Firewall, NAT, Encryption หรือว่า Telemetry ได้ภายในตัวอุปกรณ์เดียว ส่งผลให้องค์กรสามารถสร้าง Data Center ได้ในราคาที่ถูกลง ประหยัดเนื้อที่มากขึ้น ที่สามารถประมวลผลทราฟฟิกได้ด้วยความเร็วในระดับ 800G พร้อมทั้งมี Single Dashboard ผ่าน Aruba Fabric Composer

“EdgeConnect” SD-WAN ประสิทธิภาพสูงขึ้น

การทำงานยุคใหม่ที่ทุกแห่งใช้บริการเครื่องมือ Software-as-a-Service (SaaS) หรือ Cloud มากขึ้นเรื่อย ๆ นั้น ได้ส่งผลให้การจัดการเครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานของสาขาต่าง ๆ ในองค์กรนั้นมีความซับซ้อนมากขึ้น การจัดการจำนวนเครื่องในปริมาณมหาศาลจากสาขาต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายในหลายที่หลายเงื่อนไขนั้นคือความท้าทายที่จะต้องทำให้ทุกภาคส่วนสามารถทำงานได้อย่างราบลื่นที่สุด ซึ่งการจัดการเน็ตเวิร์กในรูปแบบเก่า ๆ นั้นไม่ตอบโจทย์อีกต่อไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ Software-Defined Wide-Area Network (SD-WAN) จึงเป็นเทคโนโลยีที่มาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อให้สามารถบริหารจัดการเครือข่ายที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น และ “EdgeConnect” คือโซลูชันแพลตฟอร์ม SD-WAN ที่พร้อมให้บริการเพื่อตอบโจทย์ในทุกรูปแบบเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็น Hub-Spoke, Mesh หรือ Topology ใด ๆ ก็สามารถปรับแต่ง (Configure) Policy ได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ ทำให้เชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างสาขาที่มีอยู่อย่างหลากหลายและซับซ้อนนั้นกลายเป็นเรื่องง่ายในทันทีไม่กี่คลิก หรือ Drag-and-Drop ผ่าน Business Intent Overlay

“Network-as-a-Service (NaaS)” บริการเช่าเครือข่ายรายเดือน หรืออีกความหมายคือ การเช่าใช้ระบบเครือข่ายทั้งหมดแบบ Subscription-based

ด้วยเทรนด์ Digital Transformation ที่เกิดขึ้น องค์กรธุรกิจเริ่มมองการใช้งานที่ Cloud มากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับยังมองเรื่องการลงทุนไปยัง CAPEX น้อยลง และมุ่งไปที่ค่า OPEX มากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้มีพนักงานน้อยลงไป จึงเป็นไปได้อย่างมากที่อนาคตอันใกล้หลาย ๆ องค์กรอาจไม่มีคนมาบริหารจัดการอุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้งานตาม Data Center หรือตามสาขาได้อย่างเพียงพอ

เหตุนี้เอง Aruba จึงสร้างเป็นบริการที่เป็นแนวเดียวกันกับ HPE GreenLake นั่นคือบริการ “Network-as-a-Service” บริการเช่าใช้อุปกรณ์เครือข่ายต่าง ๆ โดยทำสัญญาเช่าใช้อุปกรณ์ 3-5 ปีแล้วชำระเงินค่าเช่าเป็นรายเดือนแทน ทำให้องค์กรไม่จำเป็นต้องลงทุนด้วยจำนวนเงินปริมาณมหาศาลตั้งแต่เริ่มต้น อีกทั้งหากมีการต่อสัญญาเพิ่มยังสามารถทำ “Tech Refresh” อัปเกรดอุปกรณ์ให้กลายเป็นรุ่นใหม่ได้ด้วย และนอกจากเรื่องอุปกรณ์แล้ว ทาง Aruba ยังมีทีมงาน Customer Success ที่ช่วยสนับสนุนดูแลตอบคำถามและจัดทำรายงานให้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบริการลักษณะนี้ถือว่า Aruba เป็นเจ้าแรกที่เริ่มหลักการแนวคิดดังกล่าว และเชื่อว่าจะเติบโตมากขึ้นในอุตสาหกรรมเรื่อย ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้

บทส่งท้าย

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของแนวคิดและทิศทางที่กำลังจะก้าวต่อไปของ HPE Aruba Networking ในปีนี้ ซึ่งโซลูชัน และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้จัดเตรียมไว้ให้บริการอย่างหลากหลายนั้นจะสนับสนุนให้องค์กรมีเครือข่ายเน็ตเวิร์กที่แข็งแกร่งขึ้น ทันสมัยขึ้น และพร้อมรับกับการทำงานยุคใหม่ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นได้อย่างลื่นไหล เพราะองค์กรสามารถ Network Modernization ปรับเปลี่ยนขยับขยายได้อย่างยืดหยุ่นและมั่นคงปลอดภัยแบบรวมศูนย์นั่นเอง

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ โซลูชัน หรือบริการใด ๆ จากทาง HPE Aruba Networking สามารถติดได้ที่ บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-aruba-networking-and-network-modernization-direction-in-2023/

ระบบการจัดการบน EnGenius Fit…เลือกแบบไหนดี [Guest Post]

EnGenius Fit โซลูชันที่มาพร้อมระบบการจัดการอุปกรณ์แบบใหม่

ลูกค้าสามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสมของงาน ซึ่งวันนี้ทางทีม NVK จะทำการเทียบระบบ พร้อมแนวทางในการออกแบบ สำหรับท่านที่ยังคงสงสัยว่าควรเลือกแบบไหน บทความนี้มีคำตอบแน่นอน

ภาพตัวอย่าง Dashboard และการตั้งค่าต่างๆ

FitXpress : ระบบจัดการผ่าน Cloud จาก EnGenius ให้บริการบน AWS (Cloud Computing Services ของ Amazon) ซึ่งมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่นิยมจากทั่วโลก รองรับจัดการผ่าน Web Service และ Mobile Application ใช้งานได้ฟรี พร้อม GUI ที่ใช้งานง่าย สามารถตั้งค่าได้ แม้ไม่มีความรู้ด้าน IT

FitController : Hardware Controller On-Premise สำหรับติดตั้งใน Local Site มาพร้อม GUI และการตั้งค่าในเชิงลึก เหมาะกับองค์กรที่มี เจ้าหน้าที่ IT ในการดูแลระบบ

ภาพตัวอย่าง การลงทะเบียนอุปกรณ์

FitXpress : ลงทะเบียนอุปกรณ์ง่าย ผ่าน Mobile Application ด้วยการ Scan QR Code หรือผ่าน Web โดยใช้หมายเลข Serial Number

FitController : ค้นหาอุปกรณ์ภายใน Network อัตโนมัติเมื่อมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ หรือใช้หมายเลข Serial Number ในการลงทะเบียนอุปกรณ์

ภาพตัวอย่าง การกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้งาน

FitXpress : รองรับการจัดการแบบข้ามเครื่อข่าย เหมาะกับธุรกิจที่มีหลายสาขา และสามารถกำหนดสิทธิ์ในการใช้งานได้ 2 แบบคือ admin (full access) และ Viewer (read only)

FitController : สามารถเลือกการจัดการโดยแบ่งกลุ่มของการตั้งค่าผ่าน Network สามารถกำหนดสิทธิ์ในการใช้งานได้ 2 แบบคือ admin (full access) และ Viewer (read only) 

สรุปกลุ่มเป้าหมาย (Target User)

FitXpress : ธุรกิจขนาดเล็ก (SMBs) เจ้าของกิจการ ที่มีหลายสาขา ไม่มีความรู้ด้าน IT หรือเจ้าหน้าประจำบริษัท สามารถใช้งานได้ง่าย ด้วยการแสดงผลแบบกราฟฟิกข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญและครบถ้วน พร้อมเครื่องมือในการตรวจวิเคราะห์ปัญหาต่างๆได้อย่างง่าย

FitController : กลุ่มธุรกิจที่ออกแบบและวางแผนการเพิ่มอุปกรณ์ในอนาคต มีเจ้าหน้าที่ IT ในการดูแลระบบ กราฟฟิกแสดงผลข้อมูลในเชิงลึก ไม่ต้องการ Server ในการดูแลเพิ่มเติม และง่ายในการติดตั้ง

รายละเอียดอื่นๆ และความแตกต่างของระบบแบบตาราง

การเลือกใช้งานและการออกแบบ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายประเภท ลูกค้าสามารถนำข้อมูลนำไปใช้เป็นไอเดียในการออกแบบ และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอคำปรึกษาในออกแบบโซลูชั่นได้ที่ sale@nvk.co.th, 0 2940 2070 # 1

from:https://www.techtalkthai.com/management-system-on-engenius-fit-which-one-to-choose/

Cisco ปรับแพ็กเกจ Intersight Platform จาก 4 เหลือ 2

Cisco ได้ชี้แจงผ่านบล็อกของตนว่าจะมีการปรับแพ็กเกจ License ของ Intersight แพลตฟอร์มบริหารจัดการการทำงานคลาวด์ของตนจาก 4 แบบเหลือเพียง 2 นอกจากนี้ยังได้ส่วนลด Intersight Workload Optimizer ถึง 40% เมื่อใช้ UCS X Series ตามเกณฑ์ที่กำหนด

credit : Cisco

Intersight เป็นแพลตฟอร์มสำหรับปฏิบัติการครอบคลุม Deploy, Monitor, บริหารจัดการและดูแลเครื่องได้ทั้ง Physical และ Virtual เช่น UCS, HyperFlex Hyperconverged (HCI) และเชื่อมต่อกับ Third-party โดยรองรับการใช้ในลักษณะของ SaaS หรือ Virtual Appliance ก็ได้ ล่าสุดมีการประกาศปรับ License ของการใช้งานจากเดิม 4 tier กลายเป็น 2 คือ Essential และ Advantage ซึ่งตัวแรกนำเสนอการปฏิบัติงานทั่วไป Policy, Profile, Firmware Update, Health Monitoring และการดูแลด้านความั่นคงปลอดภัย ในขณะที่แพ็กเกจสูงสุดจะเพิ่มเรื่องการทำ Automation และปฏิบัติการขั้นสูง ตลอดจนการ Integrate กับ Third-party เป็นต้น

ในวาระเดียวกันนี้ Cisco ยังนำเสนอแพ็กเกจที่จะลดราคา Cisco Intersight Workload Optimizer (IWO) สำหรับผู้ที่ใช้งาน UCS X-Series Chassis มากกว่า 4 ตัวที่เชื่อมต่อกับ Fabric Interconnect เฉพาะระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้นโดยชมรายละเอียดได้ที่ https://www.cisco.com/c/en/us/solutions/cloud-computing/promotions-free-trials/x-series-sustainability-offer.html 

ที่มา : https://www.networkworld.com/article/3688954/cisco-simplifies-cloud-management-licensing.html

from:https://www.techtalkthai.com/cisco-intersight-platform-packages-from-4-to-2/

AWS เปิดตัวบริการใหม่ Telco Network Builder

อุตสาหกรรมเทเลคอมถือเป็นเป้าหมายใหญ่ของบริการคลาวด์ยักษ์ใหญ่มาหลายปี เนื่องจากผู้ประกอบการด้านเทเลคอมสามารถใช้ประโยชน์ของคลาวด์เพื่อเป็นแกนโครงสร้างพื้นฐานได้ ด้วยเหตุนี้เองล่าสุด AWS ได้ประกาศเปิดบริการใหม่สดๆร้อนๆที่เสริมศักยภาพในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้เพิ่มไปอีกคือ Telco Network Builder และ Private Wireless Networks

credit : aws

ไอเดียของ Telco Network Builder ก็คือเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ให้บริการด้านเทเลคอมสามารถสร้างและจัดการโครงสร้างระบบเครือข่ายของตนได้บน AWS ซึ่งทำให้การดำเนินงานเป็นเรื่องง่าย ตอบโจทย์ด้านการใช้งานจริง และมาตรฐานต่างๆที่ครอบคลุมในอุตสาหกรรม โดยสิ่งที่จะได้จากการบริการเช่น Compute (EKS Cluster หรืออื่นๆ), เครือข่าย (VPC, Internet Gateway, Routing และอื่นๆ) ตลอดจนโจทย์ด้าน CI/CD ด้วย AWS CodeBuild 

จากบริการข้างต้นจะเล็งไปที่ผู้ให้บริการด้านเทเลคอมแต่บริการ Private Wireless Network จะก้าวไปสู่กลุ่มลูกค้าระดับองค์กร สำหรับการให้บริการเครือข่ายสัญญาณไร้สายแบบส่วนตัว ซึ่งโครงข่ายนี้ก็ถูกดูแลจากผู้ให้บริการด้านเทเลคอมนั่นเอง แต่โครงสร้างพื้นฐานเป็น AWS จุดเด่นคือประสิทธิภาพด้านราคาและความมั่นคงปลอดภัย

ที่มา : https://techcrunch.com/2023/02/21/amazons-aws-cozies-up-to-carriers-launches-2-services-to-build-and-operate-networks-in-the-cloud/ และ https://aws.amazon.com/blogs/aws/new-aws-telco-network-builder-deploy-and-manage-telco-networks/

from:https://www.techtalkthai.com/aws-launches-service-telco-network-builder/

Cisco ประกาศเพิ่มความสามารถใหม่ให้การบริหารจัดการ OT

Cisco ได้ประกาศอัปเดตมากมายในหลายผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะระบบการบริการจัดการ OT ผ่านคลาวด์และฮาร์ดแวร์ที่ออกมารองรับ ในวาระเดียวกันนี้ยังพูดถึง ThousandEyes และ SD-WAN ด้วย

อัปเดตใหม่มีดังนี้

1.) เพิ่มความสามารถใหม่ให้บริการคลาวด์ IoT Operation Dashboard 

  • รองรับความสามารถ Cisco Cyber Vision โซลูชันที่ช่วยสร้างคลังทรัพย์สินได้อย่างอัตโนมัติ ตลอดจนระบุช่องโหว่ของอุปกรณ์พร้อมจัดลำดับความสำคัญ ซึ่งสามารถแชร์ข้อมูลกับ SecureX ได้
  • ทำให้ผู้ดูแลระบบ IT และ OT สามารถทำการรีโมตเพิ่มบริหารจัดการ deploy และแก้ปัญหาอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Cisco Industrial Router ได้ผ่าน Web UI 
  • มีฮาร์ดแวร์ระดับอุตสาหกรรมใหม่เช่น Catalyst IE3100, IW9165 อุปกรณ์ Wireless ที่นำไปติดกับวัตถุเคลื่อนที่ หรือ Catalyst IW9165D ที่เป็น Access Point 

2.) Thousand Eyes โซลูชันที่ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นการเดินทางของบริการทางๆได้ ครอบคลุมโปรโตคอลต่างๆมากมาย โดยผู้ดูแลไม่ต้องมาเช็ค Ping หรือเช็คความล่าช้าในแต่ละ hop เอง ซึ่งล่าสุดสามารถรองรับ OpenTelemetry ที่เน้นสร้าง API ในการส่งข้อมูล Telemetry ที่ไม่ยึดติดกับยี่ห้อใด นั่นหมายถึงการที่ Thousand Eyes จะมีเส้นทางที่กว้างขวางขึ้นผู้ใช้นำข้อมูลอื่นเช่น คลาวด์ เข้ามาทำงานร่วมกันได้

3.) ผสานความสามารถ SASE Cisco+ Secure Connect ให้เทคโนโลยี SD-WAN ที่ใช้ Viptela 

ที่มา : https://newsroom.cisco.com/c/r/newsroom/en/us/a/y2023/m02/cisco-connects-and-protects-with-new-cloud-tools-across-networking-security-and-operations-to-provide-greater-visibility-and-control-over-networks.html และ https://www.networkworld.com/article/3687141/cisco-adds-services-hardware-to-better-support-industrial-iot.html

from:https://www.techtalkthai.com/cisco-announces-new-capabilities-for-ot-management-and-thousandeyes/

บริษัท NVK Inter จำกัด แถลงข่าวเปิดตัว “EnGenius Fit”

มิติใหม่ของงานแถลงข่าวในโรงภาพยนต์ SFX
โดย คุณฤทธิไกร ขัณฑวีระมงคล Managing Director บริษัท NVK Inter จำกัด
พร้อมประกาศเปิดตัว EnGenius Fit สอดรับความคล่องตัวในการบริหารจัดการ Wi-Fi Solutions พร้อมฟีเจอร์ที่เหมาะสม และราคาประหยัด
 

12 มกราคม 2023 – ณ โรงภาพยนต์ SFX เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 7 โรงที่ 11 เป็นสถานที่สำหรับจัดงานแถลงข่าวในรอบ 3 ของบริษัท NVK Inter จำกัด หลังจากห่างหายไปจากสถานการณ์ COVID-19 โดยครั้งสุดท้ายที่บริษัทได้จัดงานรวมเหล่าพันธมิตรต้องย้อนไปเมื่อปี 2019 และการกลับมาครั้งนี้ NVK ได้ควงแขวน EnGenius ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีประวัติยาวนานกว่า 20 ปี เพื่อเปิดตัว EnGunius Fit ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองการให้บริการธุรกิจขนาดเล็ก (SME) เพื่อช่วยเสริมศักยภาพความคล่องตัวในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่มีประสิทธิภาพ บริหารจัดการโครงข่ายได้อย่างรวดเร็วและสามารถจัดการระบบเครือข่ายผ่าน Cloud และประหยัดต้นทุน

ถอดบทเสวนา คุณฤทธิไกร ขัณฑวีระมงคล Managing Director บริษัท NVK Inter จำกัด ได้กล่าวเปิดต้อนรับในบรรยากาศโรงภาพยนต์เสมือนกำลังรับชมภาพยนต์ฟอร์มยักษ์

“ก่อนอื่นต้องขอกล่าวสวัสดีและขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานครั้งนี้ รู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจในการจัดงาน Event เป็นครั้งแรก หลังจากที่เราเพิ่งผ่านช่วงการแพร่ระบาด COVID-19 มา ถือว่าเป็น 2-3 ปีที่เกินความคาดหมายไม่คิดว่าประเทศไทยและโลกของเราจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้ ภาพตรงหน้าที่มองเห็นทำให้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทุกท่านสละเวลามาในวันนี้”
 
“NVK ได้ทำตลาดและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย EnGenius มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 2007 ถึงตอนนี้ก็เกิน 15 ปีแล้ว สำหรับในประเทศไทยนั้น NVK เท่ากับ EnGenius และ EnGenius ก็เท่ากับ NVK โดยถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้บริษัท NVK Inter จำกัด มีการเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ และอย่างต่อ ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา เราได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตร ลูกค้า ซึ่งเป็นโอกาสที่ให้เราได้ให้บริการอย่างเต็มที่เช่นกัน”
 
“ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา EnGenius ได้ออกผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า EnGunius Cloud ซึ่งได้ติดตั้งใช้งานที่สถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม EnGunius Cloud เป็นโซลูชันที่ถูกออกแบบมาเหมาะสำหรับทุกกลุ่มลูกค้าไปจนถึงระดับ Enterprise ด้วยฟีเจอร์ที่ครบครันทั้ง Access Point และ Switch ซึ่งถือว่าเป็น Software Defined Network ที่ครบวงจร อย่างที่ทราบกันว่า EnGunius Cloud มีฟีเจอร์ที่ค่อนข้างหลากหลาย ทำให้ราคาสูงเกินที่จะนำเสนอให้กับลูกค้ากลุ่ม SME ด้วยเหตุผลนี้ทาง NVK จึงได้หยิบยกประเด็นนี้มาถกร่วมกับทาง EnGunius เป็นระยะเวลาร่วมปีกว่า โดยตั้งเป้าหมายที่จะบุกตลาด SME สำหรับลูกค้าที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่ยังขาดอุปกรณ์ที่จะเข้ามาเติมเต็มทั้งในดานประสิทธิภาพและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ อาทิเช่น สำนักงานขนาดเล็ก โรงเรียนขนาดเล็ก โรงแรมที่มีจำนวนอุปกรณ์ไม่มาก”
 
“ในวันนี้ 12 มกราคม 2023 – EnGunius ได้ทำการเปิดตัว EnGunius Fit อย่างเป็นทางการในประเทศไทย และพร้อมให้บริการอุปกรณ์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกับ EnGunius Cloud แต่ด้วยชื่อที่ถูกเรียกขานกันว่า Fit จะมีการปรับปรุงฟังก์ชันบางรายการที่อาจจะไม่ได้ถูกใช้งานบ่อยสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับ SME ออกไป โดยมุ่งเน้นแอปพลิเคชันที่ให้บริการด้านอินเตอร์เน็ต ฮอตสปอร์ต หรือการใช้งานสำหรับออฟฟิศสำนักงาน ในขณะเดียวกัน EnGunius Fit ยังคงมีโซลูชัน On-Premise สำหรับให้บริการอุปกรณ์ 100 APs จนถึง Manage Service Provider ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญของ EnGunius เมื่อลองย้อนกลับไปดูข้อมูลด้าน Market Share ของ NVK กว่า 50% คือกลุ่มผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ด้วยประสิทธิภาพของ EnGunius สามารถให้บริหารจัดการได้มากกว่า 1,000 Site อย่างเช่นกลุ่มห้างร้าน Retail ที่มีอุปกรณ์ของ EnGunius ติดตั้งให้บริการอยู่ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่”
 
“EnGunius Fit เป็นชุดอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง มีฟังก์ชันที่เหมาะสมต่อการให้บริการ และที่สำคัญ คือ มีราคาที่สามารถแข่งขันได้ ไม่ว่าคู่แข่งจากแบรนด์ระดับเอเชียหรืออเมริการก็ตาม” คุณฤทธิไกร ขัณฑวีระมงคล กล่าวสรุปปิดท้าย
 
ภายในงานได้มีช่วง EnGunius Fit – Use-Case เป็นการขยายภาพด้านการให้บริการของ EnGunius Fit ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นทั้ง Home Solution, Office Solution, Store & Retail Solution, Hospitality Solution และ Manage Service Provider ใช้งานง่าย คล่องตัว พร้อมฟีเจอร์ที่เหมาะสม และราคาประหยัด

ภาพส่วนหนึ่งของบรรยากาศภายในงาน

บริษัท เอ็น.วี.เค.อินเตอร์ จำกัด

N.V.K. Inter Co., Ltd.

Tel: +66-2940-2070
Fax: +66-2940-2071

General Inquiry: sale@nvk.co.th

Technical Support: Ticketing System

Finance & Accounting: finance@nvk.co.th

from:https://www.techtalkthai.com/nvk-inter-launched-engenius-fit/

ซิสโก้ขับเคลื่อนการเชื่อมต่อดิจิทัลที่ปลอดภัยให้กับซิลิคอนเทคพาร์ค Innovation Hotspot แห่งต่อไปของประเทศไทย [Guest Post]

“Silicon Valley of the East” จะใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ปลอดภัย
ของซิสโก้ เพื่อทดสอบนวัตกรรมใหม่ ๆ และส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย

กรุงเทพฯ – 16 ธันวาคม 2565 – ซิสโก้ ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตร่วมมือกับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC), แพลนเน็ตคอม และ ซิลิคอนเทคพาร์ค (STP) สร้างการเชื่อมต่อดิจิทัลที่ปลอดภัยที่เป็นรากฐานให้กับ “ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง” ในพื้นที่โครงการ EEC Silicon Tech Park (EEC STP) ความร่วมมือนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการขับเคลื่อนการพัฒนาดิจิทัล” หรือ Cisco’s Country Digital Acceleration (CDA) ของซิสโก้ ในด้านการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ เพื่อเปิดโอกาสให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลผ่านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ นอกจากจะให้บริการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและคลาวด์ที่ปลอดภัยสำหรับพื้นที่โครงการ EEC Silicon Tech Park แล้ว ซิสโก้ยังสนับสนุนนวัตกรรมสำหรับอาคารอัจฉริยะ สมาร์ทซิตี้ การทำงานไฮบริดที่ปลอดภัย และสมาร์ทเวิร์คเพลส อีกด้วย

EEC Silicon Tech Park ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Silicon Valley of the East” แห่งต่อไป โดยคาดว่าจะเป็นย่านที่มีชีวิตชีวาและไม่หยุดนิ่งผ่านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และพื้นที่อยู่อาศัยในเมืองที่ยั่งยืน สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการเปลี่ยนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจแบบ value-based ที่สนับสนุนโดยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ โดยคาดว่าจะดึงดูดการลงทุน 2.2 ล้านล้านบาท (61.97 พันล้านดอลลาร์) ในเขตอุตสาหกรรมตะวันออกของประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า ศูนย์กลางของ EEC Silicon Tech Park คือ “ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง” ซึ่งเป็น Next Frontier ของเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดยเครือข่ายที่ปลอดภัยและสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่มีความต้องการด้านต่างๆ มากที่สุด (most demanding environments) จึงต้องมีนวัตกรรมในอนาคต

ตั้งแต่การเชื่อมต่อแบบแยกส่วนในอุตสาหกรรมไปจนถึงการเพิ่มความสามารถใหม่ๆ ด้วยหุ่นยนต์อัตโนมัติ การเชื่อมต่อเป็นพื้นฐานของนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ ภายใต้โครงการ CDA ซิสโก้ได้สร้างการเข้าถึงเครือข่ายแบบหลายชั้นด้วยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพิเศษ และการเข้าถึงไวไฟสาธารณะด้วยโซลูชันเชื่อมต่อที่ปลอดภัยรวมถึง Cisco Umbrella และ Ultra-Reliable Wireless Backhaul ในการเชื่อมต่อเสาอัจฉริยะทั่วทั้ง EEC Silicon Tech Park

ขับเคลื่อน Industry 4.0 ด้วยการเชื่อมต่อยุคใหม่

Cisco Network Convergence System (NCS) 5500 Series นำเสนอ port density ที่มีแบนด์วิดธ์ความเร็วสูงถึง 100 GbE และ 400 GbE ซึ่งนับเป็นความเร็วระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ช่วยผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถจัดการกับดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำลังขยายตัวทั่วโลก และรองรับทราฟฟิกการรับ-ส่งข้อมูลเครือข่ายคลาวด์ สาธารณะ/ส่วนตัว ที่มีปริมาณมาก ทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย และมีประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อการปรับขนาดขององค์กรขนาดใหญ่ เว็บ และผู้ให้บริการ แพลตฟอร์ม NCS ยังสนับสนุน Segment Routing และ Ethernet VPN ซึ่งเป็นนวัตกรรมซอฟต์แวร์ชั้นนำของตลาดที่สำคัญเพื่อช่วยผู้ให้บริการลดความซับซ้อนของสถาปัตยกรรมเครือข่าย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนวัตกรรมคลาวด์และเอดจ์ เช่น ระบบการผลิตอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิตหรือลอจิสติกส์ทั่วไปที่ต้องใช้แบนด์วิธเครือข่ายระดับสูง สิ่งนี้ได้นำความเร็วใหม่มาสู่ธุรกิจ และสนับสนุนประสบการณ์ดิจิทัลในการวางแผน ออกแบบ และทดลองด้วยการพิสูจน์แนวคิด ศูนย์นวัตกรรมแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับองค์กรต่างๆ ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความต้องการทั้งในปัจจุบันและอนาคต องค์กรภาครัฐ นักวางผังเมือง และผู้ให้บริการดิจิทัลจะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเหล่านี้ที่ผนวกเข้ากับแอปพลิเคชันที่ใช้งานในชีวิตจริง โดยจะช่วยให้พวกเขาสามารถนำเทคโนโลยี 4.0 มาใช้ในการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ได้เป็นอย่างดี

ในการนำแอปพลิเคชันที่สามารถใช้งานในชีวิตจริงจากเทคโนโลยีแบบ next-gen มาสู่ประชาชน ซิสโก้ได้นำเสนอพอร์ตโฟลิโอด้านอาคารอัจฉริยะ สมาร์ทซิตี้ การทำงานแบบไฮบริดที่ปลอดภัย และโซลูชันสำหรับที่ทำงานอัจฉริยะ ซึ่งรวมถึงการเชื่อมต่อเซ็นเซอร์ด้านสิ่งแวดล้อม และไฟอัจฉริยะไปจนถึงเครื่องมือจัดการอาคารอัจฉริยะที่ใช้ประโยชน์จากไวไฟเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเข้าใช้พื้นที่ และโซลูชันการรักษาความปลอดภัยแบบ end-to-end รวมถึงการใช้ปัจจัยหลายๆ อย่างในการตรวจสอบ และยืนยันตัวบุคคลเพื่อการใช้งานแอปพลิเคชันขององค์กรอย่างปลอดภัย

เตรียมความพร้อมให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถด้วยทักษะด้านดิจิทัล

เพื่อความสอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทในการขับเคลื่อนอนาคตสำหรับทุกคน ซิสโก้ยังคงมุ่งมั่นในการสนับสนุนและพัฒนาความสามารถของบุคลากรด้านไอทีรุ่นใหม่ที่อาศัยอยู่ใน EEC Silicon Tech Park ซิสโก้ได้พัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถด้านดิจิทัลผ่านโปรแกรม Cisco Networking Academy มาเป็นระยะเวลากว่า 25 ปีโดยการเป็นพันธมิตรกับ PlanetComm, Mavenir Systems และ 5G Catalyst Technologies ในการพัฒนาหลักสูตรไอทีที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยทางไซเบอร์, เครื่องมือจำลองการเรียนรู้ และโอกาสในการเรียนรู้ภาคปฏิบัติ เพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถในพื้นที่ EEC Silicon Tech Park

นายคณิศ แสงสุพรรณ ประธานที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี กล่าวว่า “อีอีซี ได้ร่วมมือกับภาคเอกชนด้านนวัตกรรมชั้นนำ ได้แก่ ซิสโก้ แพลนเน็ตคอม และซิลิคอนเทคพาร์ค เตรียมความพร้อมการพัฒนา “ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง” ในพื้นที่โครงการ EEC SILICON TECH PARK โดยใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง 400 Gbps นับเป็นการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในพื้นที่อีอีซี เป็นที่ตั้งของคนทำงานยุคใหม่ผ่านนวัตกรรมขั้นสูง       ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้คุณภาพชีวิตที่ดี รองรับการลงทุนจากภาคเอกชน จูงใจบริษัทชั้นนำทั่วโลกเข้ามาลงทุนวิจัยพัฒนา (R&D) ต่อยอดธุรกิจด้านดิจิทัลในพื้นที่ในอีอีซี สร้างพื้นที่กลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพให้เข้ามาทำงานในอีอีซีเพิ่มขึ้น และจะเป็นศูนย์ฝึกอบรม การเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลในพื้นที่ อีอีซี โดยตั้งเป้าหมายให้พื้นที่ EEC SILICON TECH PARK เป็นเมืองต้นแบบดิจิทัล หรือ ซิลิคอนวอลเล่ย์แห่ง ภาคตะวันออก ดึงการลงทุนด้านดิจิทัล ขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมอัจฉริยะ สร้างโอกาสลงทุนตามแผน   อีอีซี ระยะ 2 ให้ได้ตามเป้าหมาย 2.2 ล้านล้านบาท (61.97 พันล้านดอลลาร์) ภายในปี 2570 รวมทั้งช่วยพัฒนาทักษะบุคลากรด้านดิจิทัล รองรับความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ New S-Curve สร้างตำแหน่งงาน และรายได้ที่ดีขึ้นอย่างสมดุลและยั่งยืน”

ดร. ชิต เหล่าวัฒนา ที่ปรึกษาพิเศษด้านการพัฒนาบุคลากรฯ สกพอ.

ดร. ชิต เหล่าวัฒนา ที่ปรึกษาพิเศษด้านการพัฒนาบุคลากรฯ สกพอ. กล่าวว่า “โครงการ EEC SILICON TECH PARK จะเป็นพื้นที่ศูนย์รวมงานวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูงของอีอีซี ที่ส่งเสริมและยกระดับความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากร ด้านหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ และดิจิทัล ภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ อีอีซี จะได้รับความรู้ และเกิดการใช้ระบบผลิตอัตโนมัติแบบดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตขั้นสูงในพื้นที่ พร้อมกันนี้จะสามารถฝึกอบรมทักษะใหม่ (New skill) เพื่อพัฒนาความชำนาญให้แก่บุคลากรที่จะเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมทักษะด้าน Robotics & Automation โดยตรง ซึ่งเป็นบุคลากรพิเศษเฉพาะด้าน โดยตั้งเป้าหมายจะพัฒนาให้ได้ประมาณ 5,000 คน ภายใน 5 ปี สร้างความพร้อมและจูงใจให้ผู้ประกอบการทั่วโลกสนใจลงทุนอุตสาหกรรมดิจิทัล ในพื้นที่อีอีซี ต่อไป”

มร. เอ็ดเวิร์ด แกรนท์, ที่ปรึกษาอาวุโสของ อีอีซี ซิลิคอนเทคพาร์ค

มร. เอ็ดเวิร์ด แกรนท์, ที่ปรึกษาอาวุโสของ อีอีซี ซิลิคอนเทคพาร์ค กล่าวว่า “EEC Silicon Tech Park (EEC STP) ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยมในอำเภอบ้านฉาง โดยภายในรัศมี 10 กิโลเมตรจากพื้นที่อีอีซี การพัฒนา EEC STP จะเป็นหัวใจสำคัญของแผนที่จะเป็น ultimate frontier ของศูนย์กลางของเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรม ด้วยความพร้อมของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ขับเคลื่อนโดยซิสโก้ EEC STP Park สามารถให้บริการเชื่อมต่อดิจิทัลกับผู้พักอาศัย รวมถึงการวิจัยและพัฒนาในทุกอุตสาหกรรม เช่น การบิน การแพทย์ การเงิน เทคโนโลยี และอื่นๆ เรามุ่งมั่นที่จะใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีกรีนเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน รองรับอนาคต และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม EEC STP มุ่งมั่นสร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้น และจุดประกายการสร้างสรรค์นวัตกรรมกับผู้คน และเรามีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับซิสโก้ในโครงการนี้”

นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน)

นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แพลนเน็ตคอมร่วมมือกับซิสโก้ผ่านโครงการ Cisco CDA – Country Digital Acceleration ขับเคลื่อนการพัฒนาดิจิทัลในประเทศไทย นำนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง Internet Switch 400 Gbps มาให้บริการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่โครงการ EEC SILICON TECH PARK ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล และเป็น 1 ใน 4 ส่วนสำคัญอันประกอบด้วย อินเทอร์เน็ตเร็วสูง ระบบไฟฟ้ามั่นคง น้ำสะอาดอากาศบริสุทธิ์ และ ที่พักอาศัยสำหรับคนทำงานยุคใหม่ (Health & Wellbeing) เพื่อให้เป็นเมืองต้นแบบ Smart Digital City สำหรับการบูรณาการและพัฒนาเมืองอื่นในประเทศไทย

นายทวีวัฒน์ จันทรเสโน, กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทยและพม่า

นายทวีวัฒน์ จันทรเสโน, กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทยและพม่า กล่าวว่า “อนาคตของสมาร์ทซิตี้ในประเทศไทยต้องอาศัยเครือข่ายที่ปลอดภัยเป็นแกนหลัก เนื่องจากอุปกรณ์ ข้อมูล และแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกันเป็นรากฐานของบริการสมาร์ทซิตี้ ซิสโก้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรอีโคซิสเต็มส์ภายใต้โครงการ CDA เพื่อนำอนาคตของการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยมายังผู้อาศัย และธุรกิจต่างๆ ใน EEC Silicon Tech Park และเปิดโอกาสในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย โดยเป็นพื้นที่ที่ธุรกิจสามารถนำร่องประสบการณ์การเชื่อมต่อยุคใหม่ และสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่มีความหมาย เช่น ระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ และระบบขนส่งอัจฉริยะ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชากร”


เกี่ยวกับ อีอีซี

อีอีซี เป็นต้นแบบการพัฒนาพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ โดยบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน มีพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 รองรับ ให้การพัฒนาพื้นที่มีความต่อเนื่อง มีองค์กรกำกับดูแลอย่างถาวร และมีกระบวนการทำงานที่ชัดเจน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนใน 12 อุตสาหหกรรมเป้าหมาย ต่อยอดและผลักดันนวัตกรรมขั้นสูงด้านดิจิทัล ยกระดับคุณภาพชีวิตเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่และประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด

เกี่ยวกับ ซิสโก้

ซิสโก้ (NASDAQ: CSCO) เป็นผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกที่ยกระดับการใช้งานอินเทอร์เน็ต ซิสโก้สร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ จากวิธีการใช้แอปพลิเคชันที่แตกต่างไปจากเดิม การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน และช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับทีมของคุณเพื่อโลกแห่งอนาคต เปิดประสบการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์ก และติดตามข่าวสารของซิสโก้บนทวิตเตอร์ที่ Twitter @Cisco.

เกี่ยวกับ บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน)

แพลนเน็ตคอม (mai: PLANET) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2537 และจดทะเบียนในตลาด mai เมื่อปี พ.ศ. 2557 โดยปัจจุบันเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมแบบครบวงจร ให้บริการออกแบบ ติดตั้ง และบริการหลังการขาย สำหรับโครงสร้างพื้นฐานระบบโครงข่ายโทรคมนาคม ระบบการสื่อสารแบบรวมศูนย์ ระบบส่งสัญญาณภาพและเสียงแบบดิจิทัล ระบบรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์ ไอโอทีแพลทฟอร์ม การวิเคราะห์ภาพและข้อมูลอัจฉริยะ การแพทย์ทางไกล เทคโนโลยียานพาหนะไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และ เทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ำด้วยระบบดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีไปใช้เพื่อยกระดับและพัฒนาประเทศไปสู่สังคมคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero-Carbon) ยกระดับภาคการผลิตไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพของผลผลิต (Increasing Productivity) รวมไปถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน (Improving a Quality of Life)

เกี่ยวกับ ซิลิคอน เทค พาร์ค (STP)

ซิลิคอน เทค พาร์ค (STP) บ้านฉาง จังหวัดระยอง ประเทศไทย เป็นบริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ และอุทยานเทคโนโลยีขั้นสูงที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งครอบคลุมแผนยุทธศาสตร์ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ของรัฐบาลไทย เพื่อสร้าง “มูลค่าใหม่ เศรษฐกิจฐานราก” มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นประเทศที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในอาเซียน เป็นเมืองน่าอยู่ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม น่าอยู่อาศัย ประกอบอาชีพ และเจริญรุ่งเรือง ด้วยพื้นที่รวมกว่า 519 ไร่ (205 เอเคอร์) STP จะกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนใครในไม่ช้า และ เป็นวิทยาเขตที่มุ่งเน้นในด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการเป็นเจ้าของ หรือ การถือครอง ของบริษัทสตาร์ทอัพที่เพิ่งเริ่มต้น เฟสที่ 1 กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการพร้อมกับความสำเร็จของ EEC Global Cloud Data Center ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูล Tier-3 ที่ทันสมัย และครอบคลุมที่สุดในอาเซียน และ ไซต์นี้ยังให้บริการโดยเครือข่าย 5-G ที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย มีที่ดินสำหรับขาย หรือ ให้เช่า และเรามีพันธมิตรที่สามารถทำการสร้างให้เหมาะกับอาคาร หรือ สิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ที่นักลงทุนและ/หรือผู้เช่าหลักหมายปองไว้ได้อย่างรวดเร็ว107

from:https://www.techtalkthai.com/cisco-powers-secure-digital-connectivity-for-thailands-next-silicon-tech-park-innovation-hotspot/