ชิป Exynos 992 ของทาง Samsung อาจจะไม่ได้มาพร้อมกับ Cortex-A78 หรือ Cortex-X1

ก่อนหน้านี้นั้นได้มีข้อมูลหลุดออกมาว่าชิปเซ็ทรุ่นใหม่สำหรับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของทาง Samsung อย่าง Exynos 992 ที่คาดว่าน่าจะใช้งานกับเครื่อง Galaxy Note 20 นั้นจะมีการปรับแต่งใหม่ให้มาพร้อมกับแกนการประมวลผลประสิทธิภาพสูงอย่าง Cortex-A78 และ Cortex-X1 ทว่าจากข้อมูลล่าสุดจากนักวิเคราะห์หลายๆ สำนักนั้นพบว่านี่อาจจะไม่เป็นความจริงแล้วเนื่องจากว่าหากดูตามระยะเวลาแล้วนั้นกว่าที่เราจะได้เห็นชิปเซ็ทที่มาพร้อมกับแกน Cortex-A78 หรือ Cortex-X1 นั้นก็น่าจะเป็นปี 2021 เลย

ตามข้อมูลนั้นพบว่าโดยปกติแล้วนั้นทาง Samsung เองจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับเรือธงในซีรีย์ Galaxy Note นั้นก็จะเป็นช่วงเดือนกันยายนในทุกๆ ปี ทว่าเมื่อเทียบไปในช่วงเวลาที่มีการเปิดตัวชิปเซ็ทรุ่นท๊อปอย่าง Exynos 990 นั้นก็จะใช้เวลามากกว่า 4 – 6 เดือนกว่าที่เราจะได้เห็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของทาง Samsung ใช้ชิปเซ็ทรุ่นใหม่กัน อย่างเช่น Exynos 990 นั้นก็เปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคมของปี 2019 ซึ่งกว่าจะถูกนำมาใช้งานจริงนั้นก็เข้าสู่เดือนมีนาคม 2020 กับซีรีย์ S20 แล้ว

ซึ่งตามระยะเวลาดังกล่าวนี้เองนั้นนักวิเคราะห์ได้มองว่าข่าวลือเรื่องที่ Exynos 992 จะมาพร้อมกับ Cortex-A78 หรือ Cortex-X1 ภายในปีนี้นั้นน่าจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้แถมในจุดนี้นั้นทาง ARM เองก็ยังไม่ได้เริ่มที่จะส่งข้อมูลของสถาปัตยกรรมอย่าง Cortex A78 ออกไปให้คู่ค้าอย่างเป็นทางการเลย อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะเป็นเช่นไรเพราะเรื่องดังกล่าวนี้ก็ค่อนข้างที่จะเดาได้ยาก(ไม่แน่ว่าทาง Samsung เองอาจจะมีการเจรจาพิเศษกับทาง Qualcomm เอาไว้ก็เป็นได้)

ที่มา : notebookcheck

from:https://notebookspec.com/exynos-992-is-unlikely-to-get-arms-new-cortex-a78-or-cortex-x1-cores/523376/

หลุดผลทดสอบของ Intel DG1 ผ่านทาง 3DMark Fire Strike พบประสิทธิภาพไม่สูงอย่างที่เคยโฆษณาไว้

เชื่อว่าหลายๆ ท่านที่เป็นแฟนๆ Intel นั้นน่าจะยังจำได้ดีกับการประกาศพร้อมกลับมาลงตลาดกราฟิกการ์ดอีกครั้งด้วยสถาปัตยกรรมกราฟิกใหม่อย่าง Intel Xe ซึ่งตัวการ์ดที่มีข้อมูลหลุดออกมาเรื่อยๆ นั้นก็จะใช้รหัสในการพัฒนาว่า Intel DG1 ซึ่งตามข้อมูลที่ทาง Intel เคยให้เอาไว้เองนั้นจะโฆษณาเอาไว้ว่าตัวการ์ด Intel DG1 นั้นจะมีประสิทธิภาพสูงเป็นอย่างมากโดยมันจะสามารถรันเกมที่ความละเอียดระดับ 1080p ได้ที่ 60 FPS ได้แบบสบายๆ

ล่าสุดนั้นดูเหมือนกับว่าคำโฆษณาดังกล่าวของทาง Intel นั้นอาจจะไม่ได้เป็นจริงอย่างที่หลายๆ ท่านคิดเอาไว้ โดยข่าวหลุดล่าสุดนี้นั้นก็เผยแพร่ออกมาจากนักปล่อยข้อมูลหลุดชื่อดังอย่างคุณ @TUM_APISAK ซึ่งได้มีการโพสภาพผลคะแนนของกราฟิกการ์ด Intel DG1 ที่ถูกทดสอบโดยโปรแกรม 3DMark Fire Strike โดยภาพดังกล่าวนั้นจะเป็นดังต่อไปนี้

จากภาพนั้นจะเห็นได้ว่าคะแนนรวมของการทดสอบ Intel DG1 ซึ่งถูกใช้งานร่วมกับหน่วยประมวลผลที่ยังแรงอยู่อย่าง Core i9-9900K จะอยู่ที่ 5538 คะแนนเท่านั้นซึ่งคะแนนดังกล่าวนี้เมื่อเทียบแล้วจะมีประสิทธิภาพแค่พอๆ กับกราฟิกการ์ดเมื่อ 3 ปีที่แล้วของทาง NVIDIA อย่างรุ่น GTX 1050 เท่านั้น แน่นอนว่าจากคะแนนดังกล่าวนั้นดูเหมือนจะค่อนข้างน่าผิดหวังเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ทาง Intel ได้เคยโฆษณาเอาไว้ ทว่าหากคิดตามความเป็นจริงแล้วนั้นก็ตรงกับที่ทาง Intel โฆษณาเอาไว้เพราะกราฟิกการ์ด GTX 1050 นั้นก็สามารถที่จะเล่นเกมที่ความละเอียดระดับ 1080p@60FPS ได้อย่างสบายๆ (แต่เปิดแอฟเฟคสุดไม่ได้เท่านั้น)

แต่ถ้าหากคิดว่า Intel DG1 นั้นจะเป็นกราฟิกการ์ดแบบแยกที่ถูกนำมาใช้งานบนเครื่องโน๊ตบุ๊ครุ่นที่ราคาไม่สูงมากนักแล้วล่ะก็นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียวเพราะถ้าหากเทียบกับคู่แข่งอย่าง AMD RX Vega 8 และ NVIDIA GeForce MX250 แล้วนั้น Intel DG1 ถือว่ากินขาดในเรื่องของประสิทธิภาพได้อย่างสบาย ซึ่งนั่นทำให้โน๊ตบุ๊คที่ไม่เน้นเรื่องการเล่นเกมแบบเต็มเหนี่ยวมากนักจะมาพร้อมกับราคาที่ถูกมากกว่าเดิมนั่นเอง

หมายเหตุ – แต่ถ้าเทียบกับกราฟิกชิปแบบแยกอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Max-Q และ AMD Navi RX 5300M แล้วนั้น ทั้ง 2 ชิปกราฟิกแยกดังกล่าวนี้ได้คะแนนการทดสอบดีกว่า Intel DG1 มากพอสมควรซึ่งนั่นทำให้ผู้ใช้ที่อยากจะได้โน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมที่ไม่ต้องแรงมากนักมองข้ามโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับ Intel DG1 ไปอยู่ดี

ที่มา : notebookcheck

from:https://notebookspec.com/worrying-intel-dg1-3dmark-fire-strike-scores-leak/523372/

ร้านค้าปลีกในตุรกีเผย … PlayStation 5 จะรองรับการเล่นเกมได้ไปถึงรุ่น PS2

ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กับการวางจำหน่ายของคอนโซลในยุคต่อไปอย่าง PlayStation 5 ซึ่งยิ่งใกล้วันจำหน่ายเท่าไรเราก็จะได้เห็นข้อมูลออกมามากเท่านั้น ล่าสุดนั้นทางร้านค้าปลีกของทางตุรกีได้เผยข้อมูลหลุดที่น่าสนใจของตัวเครื่อง PS5 ออกมาอีกอน่างซึ่งนั่นก็คือการรองรับการเล่นเกมย้อนหลังซึ่งสิ่งที่น่าสนใจนั้นก็คือตามข้อมูลที่ทางร้านดังกล่าวได้โพสออกมานั้นพบว่าเจ้า PS5 นั้นจะรองรับการเล่นเครื่องเกมย้อนหลังไปจนถึงสมัย PS2 กันเลยทีเดียว

ข้อมูลดังกล่าวนั้นหลุดออกมาจากร้านค้าปลีกนาม Hepsiburada ซึ่งได้ทำการโพสรูปโฆษณาที่มีข้อมูลของตัวเครื่อง PS5 เอาไว้ด้วยกันหลายๆ อย่าง ตามข้อมูลดังกล่าวในหน้าที่ 5 ของข้อมูลตัวเครื่อง PS5 ที่ทางร้านโพสออกมานั้นก็คือตัวเครื่อง PS5 จะรองรับการเล่นเกมย้อนหลังไปได้ไกลมากจนถึงสมัย PS2 ซึ่งตามข้อมูลนั้นยังมีการเผยส่วนที่น่าสนใจเอาไว้ด้วยอีกว่าการรองรับการเล่นเกมย้อนหลังนี้นั้นผู้เล่นสามารถที่จะใช้แผ่นเกม DVD และ Blu-Ray ของเครื่องเกม PS2, PS3 และ PS4 เล่นผ่านทาง Blu-Ray drive ของตัวเครื่อง PS5 ได้เลยทันที

อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นสำหรับนักเล่นเกมอย่าพึ่งเรียบดีใจไปเนื่องจากว่ามีความเป็นไปได้เหมือนกันว่าสิ่งที่ทางร้าน Hepsiburada นี้ได้พิมพ์เอาไว้นั้นอาจจะเป็นข้อมูลที่ผิดพลาดก็เป็นได้ โดยอย่างไรแล้วนั้นคงต้องรอทาง Sony ยืนยันเรื่องความสามารถในการรองรับการเล่นเกมย้อนหลังดังกล่าวออกมาอย่างเป็นทางการก่อน ทว่าหากเรื่องดังกล่าวนี้เป็นเรื่องจริงแล้วนั้นก็ถือได้ว่าเป็นข่าวที่ดีเอามากๆ เพราะนั่นหมายความว่านักเล่นเกมที่ซื้อเครื่อง PS5 มาไว้นั้นจะสามารถเอาเกมเก่าๆ มาเล่นเพื่อระลึกความหลังกันได้อีกด้วย

หมายเหตุ – แต่เมื่อคิดตามความเป็นจริงแล้วนั้นก็ค่อนข้างจะยากอยู่เพราะสถาปัตยกรรมตัวเครื่อง PS5 นั้นค่อนข้างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับ PS2 และ PS3 แถมหากทาง Sony ได้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกมย้อนหลังตรงๆ ผ่าน Blu-Ray drive ได้เลยนั้นก็จะเป็นการทำให้ทาง Sony ขาดรายได้ในการขายแผ่นเกมไป ซึ่งจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นหาก Sony ต้องการที่จะขายเกมย้อนหลังในลักษณะแบบนี้แล้วจะทำการวางจำหน่ายผ่านทาง PSN มากกว่า

ที่มา : notebookcheck

from:https://notebookspec.com/ps5-backwards-compatibility-will-cover-all-ps2-ps3-and-ps4-games/523368/

ไมโครซอฟท์ประกาศปรับฟีเจอร์สแกนเอกสารทีละหลายหน้าบนแอพ OneDrive ให้ใช้งานฟรี

OneDrive แอพบริการสตอเรจออนไลน์ของไมโครซอฟท์ ประกาศปรับฟีเจอร์สแกนเอกสารทีละหลายหน้า ให้ผู้ใช้ทั่วไปซึ่งมีแอคเคาท์ OneDrive แบบฟรีสามารถใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวได้แล้ว
จากเดิมที่เคยเป็นฟีเจอร์พรีเมี่ยมซึ่งใช้งานได้เฉพาะสมาชิกบริการ Microsoft 365 เท่านั้น

ไมโครซอฟท์กล่าวว่าการตัดสินใจปรับบริการครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์ในปัจจจุบัน ที่ทำให้หลายคนจำเป็นต้องทำงานจากที่บ้านและไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ต่างๆ ได้เหมือนอยู่ที่ทำงาน จึงตั้งใจปล่อยฟีเจอร์สแกนเอกสารทีละหลายหน้าให้ใช้งานได้ฟรี เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีเครื่องสแกนไว้ใช้งาน

alt="ภาพขั้นตอนการใช้งานฟีเจอร์ทีละหลายหน้า เริ่มตั้งแต่เข้าเมนูสแกนเอกสาร, ถ่ายภาพเอกสาร, กดเพิ่มหน้าเอกสาร"

อย่างไรก็ตามฟีเจอร์ข้างต้นก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ กล่าวคือผู้ใช้จะสามารถรวมภาพเอกสารจากการสแกน เข้ามาอยู่ในไฟล์เอกสารเดียวกันได้สูงสุดเพียง 10 หน้าเท่านั้น ถ้ามากกว่านั้นต้องแยกเป็นอีกไฟล์ (ผู้เขียนเข้าใจว่าถูกจำกัดด้วยความสามารถของแอพในปัจจุบัน – อ้างอิงจากซัพพอร์ตของแอพบน Android)

ท่านใดสนใจเข้าไปดาวน์โหลดแอพ OneDrive ได้ที่ Google Play (ใช้ได้กับ Android 6.5 ขึ้นไป) และที่ App Store (ใช้ได้กับ 11.31.5 ขึ้นไป) ครับ

ที่มา – OneDrive Blog via MSPoweruser

ภาพแสดงขั้นตอนการใช้งานฟีเจอร์ทีละหลายหน้า จากวิดีโอของไมโครซอฟท์

alt="ภาพขั้นตอนการใช้งานฟีเจอร์ทีละหลายหน้า แบบ GIF"

from:https://www.blognone.com/node/116667

ยาน Crew Dragon ของ SpaceX เชื่อมต่อเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติสำเร็จแล้ว

เมื่อเวลา 21:16 น. ที่ผ่านมา ยาน Crew Dragon ของ SpaceX ได้เชื่อมต่อเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ISS ได้สำเร็จแล้ว หลังจากทะยานออกจากแผ่นดินสหรัฐอเมริกาเมื่อเวลา 2:22 น. ของวันที่ 31 พฤษภาคม ตามเวลาประเทศไทย โดยไปถึง ISS เร็วกว่ากำหนดเล็กน้อย

การเดินทางจากโลกถึง ISS ใช้เวลาเกือบ 19 ชั่วโมง โดยระหว่างนั้น Robert Behnken และ Douglas Hurley นักบินอวกาศทั้งสองคนได้ทดลองควบคุมยาน Dragon ด้วยมือ โดยเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่ต้องทำ เพราะปกติยานจะทำงานแบบอัตโนมัติทุกอย่าง แต่การควบคุมด้วยมือก็ยังจำเป็นหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน นอกจากนี้ทั้งสองคนก็ได้นอนพักผ่อนเป็นเวลา 8 ชั่วโมง รวมถึงกินอาหารด้วย

alt="qQGjnS.png"ยาน Crew Dragon ขณะอยู่ห่างจาก ISS ราว 30 เมตร

ขณะที่กำลังเขียนข่าวนี้ ยาน Crew Dragon กำลังรอเปิดประตูยานอยู่ ซึ่งต้องมีการปรับความดันของ ISS และยานให้เท่ากันก่อน คาดว่าจะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้ นักบินอวกาศทั้งสองคนมีกำหนดอยู่บน ISS ราว 1 ถึง 4 เดือน

ที่มา – SpaceX Live

alt="qQvoJR.png"ยาน Crew Dragon ขณะอยู่ห่างจาก ISS ราว 1 เมตร

alt="qQvuiP.png"ยาน Crew Dragon หลังเชื่อมต่อกับ ISS แล้ว

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/116666

มัลแวร์ ComRAT ตัวใหม่ใช้ Gmail ในการรับคำสั่งเพื่อดูดข้อมูลเหยื่อ

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีนักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ค้นพบมัลแวร์ประตูหลังอย่าง ComRat รุ่นใหม่ที่มีความสามารถสูงขึ้น แบ๊กดอร์ตัวนี้เป็นหนึ่งในมัลแวร์ที่กลุ่มวายร้ายชื่อ Turla APT นำมาใช้ และครั้งนี้ได้ใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เฟซหน้าเว็บ ในการแอบรับคำสั่งและสืบข้อมูลความลับด้วย

ทั้งนี้บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ESET ได้ระบุไว้ในรายงานที่ออกมาแชร์ให้สำนักข่าว The Hacker News ไว้ว่า พบเป้าหมายการโจมตีแบบเจาะจงอยู่อย่างน้อย 3 รายได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศสองแห่งในภูมิภาคยุโรปตะวันออก และอีกแห่งเป็นสภาผู้แทนราษฎรในเขตคอเคซัส

สำหรับกลุ่ม Turla หรือที่รู้จักกันในชื่อ Snake นั้นมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบสิบปี โดยมีประวัติยาวนานในการโจมตีแบบหลอกลวงที่เจาะจงเป้าหมาย และฝังประตูหลังในระบบของสถานกงสุล และหน่วยงานทางทหารมาตั้งแต่ปี 2004 ก่อนหน้านี้ใช้แพลตฟอร์มสืบข้อมูลชื่อ Agent.BTZ ก่อนจะพัฒนามาเป็น ComRAT ในปัจจุบัน

ที่มา : THN

from:https://www.enterpriseitpro.net/new-comrat-malware-uses-gmail/

เอไอเอส แนะวิธีป้องกันสแปมรบกวนใน iMessage

จากกรณีที่ช่วงนี้ มีกระแสผู้ใช้งาน iPhone ในหลายประเทศ ได้รับข้อความสแปมใน iMessage โดยไม่รู้สาเหตุ และเกิดความกังวลถึงความปลอดภัย ในประเทศไทย มีผู้ใช้มือถือหลายเครือข่าย พบปัญหาเช่นกัน เอไอเอส เข้าใจถึงความกังวลดังกล่าว และเร่งหาสาเหตุของปัญหาเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้งาน

โดยขอเรียนย้ำในเบื้องต้นว่า ข้อความสแปมเหล่านั้นไม่ได้ถูกส่งจากเอไอเอส ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถป้องกันข้อความสแปมดังกล่าว ได้ 2 วิธี ดังนี้

iMessage

1. บล็อกผู้ส่งข้อความ (Block Sender)

โดยเข้าไปที่เมนูข้อความ → เปิดการสนทนา → แตะผู้ติดต่อที่ด้านบนของการสนทนา → แตะ i → แตะชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ หรือ ที่อยู่อีเมล เลื่อนไปที่ด้านล่างสุดของหน้าจอ แล้วแตะปิดกั้น

2. ปิดการใช้งาน iMessage

โดยเข้าไปที่เมนูตั้งค่า → เลือกข้อความ → เลื่อนแถบปิดที่เมนู iMessage

ทั้งนี้ แนะนำให้กดรายงาน (Report) iMessage ที่มีลักษณะเข้าข่ายสแปมหรือข้อความขยะ หากได้รับจากบุคคลที่ไม่ได้ถูกบันทึกอยู่ในแอปฯ รายชื่อ โดยเมื่อเข้าไปที่เมนูข้อความ → เปิดการสนทนา → จะเห็นลิงก์ “แจ้งว่าเป็นขยะ” ภายใต้ข้อความ → แตะแจ้งว่าเป็นขยะ → แตะลบและแจ้งว่าเป็นขยะ จากนั้นแอพข้อความจะส่งต่อข้อมูลและข้อความของผู้ส่งไปยัง Apple และลบข้อความออกจากอุปกรณ์ของท่าน

เอไอเอสขอยืนยันว่า บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยได้ปฏิบัติตามและทบทวนขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดตามมาตรฐานระดับสากลอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ลูกค้าและประชาชนโปรดมั่นใจและเชื่อมั่นในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่บริษัทดำเนินการมาโดยตลอด

from:https://www.mobileocta.com/ais-suggests-ways-to-prevent-spam-in-imessage/

แนะนำ 5 เว็บไซต์เรียนออนไลน์เพิ่มทักษะ พัฒนาความรู้ให้ตัวเอง เตรียมตัวก่อนถูกดิสรัป

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สร้างความไม่แน่นอนในการใช้ชีวิตของใครหลายๆ คน บางคนอาจตกงานอย่างกระทันหัน ส่วนนักศึกษาจบใหม่หลายคน ยังต้องเผชิญกับความกังวลไม่รู้ว่าโลกดิจิทัลจะดิสรัปการทำงานในอนาคตอย่างไรบ้าง

ภาพจาก Unsplash โดย Annie Spratt

แต่นับว่าในปัจจุบันยังมีความโชคดีอยู่บ้าง ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้เราสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ขอแค่มีคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน และอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีเว็บไซต์สำหรับการเรียนออนไลน์จำนวนมาก จนอาจทำให้เกิดความสับสน ไม่รู้ว่าจะเลือกเรียนจากเว็บไซต์ไหนดี

แนะนำ 5 เว็บไซต์เรียนออนไลน์ยอดนิยม เรียนง่ายๆ ด้วยตัวเอง

ตัวอย่างคอร์สเรียนฟรีบนเว็บไซต์ LinkedIn Learning ภาพจาก LinkedIn Learning

LinkedIn Learning หลายๆ คนคงเคยใช้ LinkedIn ในฐานะเว็บไซต์สำหรับการหางาน แต่ความจริงแล้ว LinkedIn ก็มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเช่นเดียวกัน โดยแบ่งวิชาสำหรับการเรียนออกเป็นหมวดหมู่หลักๆ ได้แก่ ธุรกิจ เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ โดยมีมากกว่า 15,000 คอร์สให้เลือกเรียนได้ตามความต้องการ มีทั้งที่เรียนฟรี และเสียเงิน

จุดเด่นของ LinkedIn Learning คือ คอร์สเรียนต่างๆ ในเว็บไซต์สอนด้วยอาจารย์ หรือผู้ที่มีประสบการณ์โดยตรง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มทักษะใหม่ๆ ให้กับตัวเอง เพื่อทำงานในสายงานใหม่ๆ

edX มีคอร์สเรียนจากสถาบันชื่อดังของโลก ภาพจาก edx.org

edX เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมคอร์สเรียนจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลกกว่า 140 แห่ง edX จึงกลายเป็นเหมือนเว็บไซต์ที่จำลองการเรียนในมหาวิทยาลัย ให้กับคนที่ต้องการเรียนรู้อย่างอิสระ มีคอร์สเรียนฟรีรวมกว่า 1,000 คอร์ส ครอบคลุมทุกสาขาวิชา ตั้งแต่คอร์สที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์ ไปจนถึงมนุษยศาสตร์ ส่วนคอร์สเรียนที่เสียเงินผู้เรียนสามารถเลือกเรียนเพื่อรับวุฒิการศึกษาได้ด้วยเช่นกัน

โดยผู้เรียนสามารถค้นหาคอร์สที่ต้องการเรียนได้ ผ่านระบบการค้นหาที่แบ่งตามวิชา สถาบันเจ้าของวิชา ระดับความยากง่าย และภาษาที่ใช้ในการเรียนการสอน

คอร์สเรียนบนเว็บไซต์ Udemy มีราคาไม่แพง และขายแยกทีละคอร์ส ภาพจาก udemy.com

Udemy เป็นเว็บไซต์สำหรับการเรียนออนไลน์ที่เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นทดลองการเรียนออนไลน์เป็นครั้งแรก (แบบเสียเงิน) มีคอร์สเรียนให้เลือกรวมกว่า 100,000 คอร์ส จุดเด่นของ Udemy คือ การขายคอร์สแยกในราคาเริ่มต้นเพียง 11 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 350 บาทเท่านั้น นอกจากนี้หากผู้เรียนทดลองเรียนแล้วไม่พอใจ สามารถขอเงินคืนได้ภายใน 30 วันอีกด้วย

ส่วนคอร์สเรียนก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งด้านธุรกิจ การออกแบบ การถ่ายภาพ การตลาด เทคโนโลยี และซอร์ฟแวร์ รวมไปถึงการพัฒนาทักษะต่างๆ

คอร์สเรียนของ Codecademy มีหลายภาษาให้เลือก ภาพจาก codecademy.com

Codecademy เป็นเว็บไซต์สำหรับผู้ที่ต้องการหัดเรียนเขียนโปรแกรมโดยเฉพาะ มีคอร์สเรียนให้เลือกแบ่งตามประเภทของภาษาที่ต้องการ ทั้ง HTML, Java, C++ รวมถึงภาษาอื่นๆ อีกมากมาย จุดเด่นของ Codecademy คือคอร์สเรียนเขียนโปรแกรมพื้นฐานสามารถเรียนได้ฟรี แต่หากเสียเงินในราคาเหมา 240 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือประมาณ 7,638 บาท จะสามารถเข้าถึงบทเรียนขั้นสูงได้ เช่น แบบฝึกหัด บททดสอบ รวมถึงโปรเจคการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาต่างๆ ในชีวิตจริง ซึ่งบางคนอาจเคยพบเห็นในการทำงาน

ตัวอย่างคอร์สเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษา ภาพจาก khanacademy.org

Khan Academy เป็นเว็บไซต์เรียนออนไลน์ที่เหมาะกับคนที่กำลังอยู่ในวัยเรียน และต้องการเรียนเพิ่มเติมนอกเหนือจากการเรียนภายในห้องเรียนปกติ แต่จะแตกต่างตรงที่ Khan Academy จะมีบทเรียนที่ทำให้ผู้เรียนรู้สึกมีส่วนร่วมมากกว่า

คอร์สเรียนของ Khan Academy มีความหลากหลาย ทั้งในด้านเศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การเขียนโปรแกรม และการเงิน ส่วนจุดเด่นของ Khan Academy คือ เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ดังนั้นคอร์สเรียนทั้งหมดบนเว็บไซต์ จึงสามารถเรียนได้ฟรีโดยไม่มีเงื่อนไข

ที่มา – Fast Company 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/recommend-5-website-for-online-learning/

พบเซิร์ฟเวอร์ Sign in with Apple ปล่อยกุญแจยืนยันตัวตนของผู้ใช้ใดๆ แอปเปิลจ่ายรางวัลนักวิจัย 100,000 ดอลลาร์

Bhavuk Jain นักวิจัยความปลอดภัยรายงานถึงช่องโหว่ของบริการ Sign in with Apple โดยกระบวนการล็อกอินคล้าย OAuth 2.0 ที่ผู้ใช้ต้องยื่นขอกุญแจ JWT จากเซิร์ฟเวอร์แอปเปิล เพื่อไปส่งต่อให้กับบริการภายนอกโดยบริการภายนอกเช่นเว็บหรือแอปสามารถตรวจสอบความถูกต้องของ JWT ได้ และอนุญาตให้ผู้ใช้ล็อกอิน

อย่างไรก็ดี Jain พบว่าเซิร์ฟเวอร์ appleid.apple.com ปล่อยกุญแจของอีเมลใดๆ เพียงแค่ส่ง HTTP POST เข้าไปเท่านั้น

No Description

ช่องโหว่นี้ทำให้แฮกเกอร์ที่ได้รับกุญแจไปสามารถขอกุญแจ JWT ของผู้ใช้อื่นๆ แล้วนำไปล็อกอินยึดบัญชีของบริการต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น Dropbox, Spotify, หรือ Airbnb

ทางด้านแอปเปิลรับรายงานและสอบสวนภายใน ยืนยันว่าไม่มีการโจมตีด้วยช่องโหว่นี้มาก่อนหน้าที่ Jain จะรายงานช่องโหว่ แล้วจ่ายเงินรางวัล 100,000 ดอลลาร์เนื่องจากเป็นช่องโหว่ที่ผลกระทบสูง

ที่มา – Bhavuk Jain

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/116665

ทรัมป์จัดหนักจีน: ถอนตัวจาก WHO, ตัดสิทธิพิเศษฯ ฮ่องกง, ห้ามสายลับจีนเข้าประเทศ

ทรัมป์จัดเต็ม 3 หมัดงัดข้อจีน ทั้งการประกาศถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ตัดสิทธิพิเศษทางการค้าฮ่องกง ไปจนถึงห้ามสายลับในคราบนักศึกษาจีนเข้าประเทศ ดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่อง แต่ทุกเรื่องมีสาเหตุโดยทรัมป์มองว่าจีนเป็นแกนหลัก

Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ภาพจาก The White Houseวานนี้เวทีการเมืองระหว่างประเทศต้องร้อนระอุเพราะคำแถลงการณ์ของโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่กี่นาทีแต่ทุกนาทีที่สื่อความหมายออกมามุ่งเป้าไปที่จีนที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก

ทรัมป์เริ่มเปิดประเด็นด้วยการพูดถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อจีน รวมถึงมาตรการที่จะปกป้องความมั่นคงและความมั่งคั่งของชาติ จากนั้นก็พูดถึงดีลที่มีกับจีน (ขาดดุลการค้ามาตลอด) สหรัฐฯ เสียเปรียบจีนเป็นแสนล้านเหรียญสหรัฐทุกปี (ราว 3.1 ล้านล้านบาท)

จากนั้นทรัมป์ก็ร่ายยาวถึงเหตุผลที่ทำให้จีนได้เปรียบดุลการค้า การดำเนินธุรกิจที่ได้ผลประโยชน์อยู่ฝั่งเดียวทั้งจากประเทศกำลังพัฒนา ทั้งจากสหรัฐฯ ไม่เคยมีใครออกมาตำหนิจีนเลยซึ่งก็เป็นสาเหตุมาจากนักการเมืองในอดีตรวมถึงประธานาธิบดีทุกคนที่ผ่านมาด้วย ทรัมป์พูดไปถึงประเด็นฮ่องกง พูดถึงสหรัฐฯ ที่พยายามจะดำเนินความสัมพันธ์ในลักษณะสร้างสรรค์มาโดยตลอดเพื่อปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติแล้ว จากนั้นก็พูดถึงเรื่องสำคัญ 3 เรื่องที่เป็นผลมาจากท่าทีและการดำเนินนโยบายของจีน

ยุติความสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลก เพราะเชื่อว่าถูกจีนครอบงำ

ประเด็นแรกที่ทรัมป์พูดถึงคือเรื่องจีนพยายามปกปิดข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสในอู่ฮั่น จนทำให้ไวรัสแพร่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้ชาวสหรัฐฯ เสียชีวิตมากกว่า 1 แสนราย กว่าล้านรายทั่วโลกต้องประสบปัญหาจากการติดเชื้อโควิด-19 (ตัวเลขล่าสุดติดเชื้อรวม 6,065,624 ราย สหรัฐฯ เสียชีวิตรวม 103,781 ราย)

ทรัมป์พูดถึงท่าทีจีนเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสไปจนถึงความพยายามปกปิดข้อมูล และการกดดันของจีน และการพยายามควบคุมองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยที่จีนจ่ายเงินเพื่อส่งเสริมบทบาท WHO ราว 40 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.2 พันล้านบาทต่อปี ขณะที่สหรัฐฯ จ่ายให้ WHO สูงถึง 450 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.43 หมื่นล้านบาท

Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ภาพจาก The White House

สหรัฐฯ พยายามจะให้ WHO ปฏิรูปองค์กรแล้วแต่ก็ล้มเหลว ดังนั้น วันนี้สิ่งที่สหรัฐฯ ตัดสินใจทำก็คือ การยุติความสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลก (WHO) ถ่ายโอนงบประมาณไปยังองค์กรที่เหมาะสม องค์กรที่เขาต้องการเงินอย่างเร่งด่วน และมีความจำเป็นต่อสาธารณสุขโลก โลกต้องการคำตอบจากจีนเรื่องไวรัส เราต้องการความโปร่งใส โรคระบาดทำให้คนล้มตายจำนวนมากเกินกว่าจะรับไหว เราต้องการคำตอบที่ไม่ใช่เพื่อสหรัฐฯ เอง แต่เพื่อประเทศที่เหลือทั่วโลก

ระงับการรับรองสถานะการเข้าประเทศของนักวิจัยหรือนักศึกษาจีนที่คาดว่าจะเป็นสายลับ

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังพูดถึงรัฐบาลจีนได้พยายามจารกรรมข้อมูลอย่างผิดกฎหมาย ขโมยความลับที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมของประเทศหลายต่อหลายครั้ง วันนี้ สหรัฐฯ จะประกาศเพื่อให้การความปลอดภัยกับประเทศชาติมากขึ้น สหรัฐฯ จะระงับการเดินทางเข้าประเทศจากคนต่างประเทศที่มาจากจีนผู้ที่มีศักยภาพพอที่จะสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคง ความปลอดภัยของสหรัฐฯ ได้

การระงับการรับรองสถานะเข้าประเทศดังกล่าว สืบเนื่องจากนักศึกษาหรือนักวิจัยชาวจีน ส่วนใหญ่เป็นนักวิจัยหรือนักศึกษาระดับ post-doc (Postdoctoral researcher นักวิจัยหลังปริญญาเอก) ผู้ที่เคยมีความเชื่อมโยงกับกองทัพปลดแอกประชาชนของจีน (PLA: Peopla’s Liberation Army) มีความเสี่ยงที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงสหรัฐฯ ได้

Xi Jinping v.s. Donald Trump_ภาพจาก The White House

ส่วนประเด็นฮ่องกงที่จีนพยายามจะปกครองฮ่องกง จนนำไปสู่การผ่านร่างกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ที่จะควบคุมฮ่องกงได้นั้น (กฎหมายดังกล่าวจะทำให้จีนสามารถถอนรากถอนโคนกลุ่มเคลื่อนไหวในฮ่องกงปัจจุบันได้) ทรัมป์กล่าวว่าสิ่งนี้ถือเป็นโศกนาฏกรรมของประชาชนชาวฮ่องกง จีนกำลังเปลี่ยนฮ่องกงที่เคยรุ่งเรืองเพราะสังคมที่มีเสรีภาพ เปลี่ยนจากหลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบ ให้กลายเป็น 1 ประเทศ 1 ระบบ

ยกเลิกการให้สิทธิพิเศษแก่ฮ่องกง เตรียมคว่ำบาตรชาติที่คุกคามเสรีภาพฮ่องกง

สหรัฐฯ จึงประกาศว่าจะยกเลิกนโยบายที่เป็นสิทธิพิเศษแก่ฮ่องกง และแก้ไขคำประกาศเตือนการเดินทางไปฮ่องกงที่น่าจะอันตรายมากขึ้นจากการถูกจีนสอดแนมหรืออาจจะถูกจีนทำโทษหลังจากนี้ นอกจากนี้ สหรัฐฯ จะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อคว่ำบาตรผู้ที่ถือเป็นบ่อนทำลายเสรีภาพของฮ่องกงด้วย

ที่มา – The White House (1), (2), (3), (4)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/donald-trump-actions-against-china/