Google Cloud เปิด CA ให้ขอใบรับรองผ่านโปรโจตอล ACME ชูจุดเด่นใช้งานได้ครอบคลุม

Google Cloud เปิดบริการออกใบรับรองเข้ารหัสจาก Certification Authority ของกูเกิลเองผ่านโปรโตคอล ACME ทำให้สามารถใช้ซอฟต์แวร์ขอใบรับรองต่างๆ ที่มีในตลาดเพื่อออกใบรับอรงได้

ทุกวันนี้การขอใบรับรองผ่าน ACME มักใช้งานกับ Let’s Encrypt เป็นส่วนใหญ่ แต่ CA หลายรายรวมถึงรายที่ให้บริการแบบคิดค่าบริการก็เริ่มรองรับ ACME กันมากแล้ว แม้ว่า Let’s Encrypt จะให้บริการได้เป็นอย่างดี แต่การมี CA สำรองก็เป็นสิ่งสำคัญในกรณีที่บริการบางตัวอาจจะมีปัญหาขึ้นมา

จุดเด่นอย่างหนึ่งของใบรับรองเข้ารหัสจากกูเกิลคือ CA ที่ใช้ออกใบรับรองนี้เป็นตัวเดียวกับที่กูเกิลใช้กับบริการของตัวเอง เช่น YouTube หรือ Google Search ทำให้ค่อนข้างแน่ใจได้ว่าอุปกรณ์เกือบทั้งหมดรองรับ (ประเด็นนี้ Let’s Encrypt เคยมีปัญหาเมื่อปี 2020 แม้สุดท้าย IdenTrust จะเข้ามาช่วยเหลือ)

บริการ CA ของ Google Cloud นี้รองรับการยืนยันตัวตนทั้งแบบ HTTP-01, TLS-ALPN-01, และ DNS-01 สามารถขอใบรับรองอายุไม่เกิน 90 วันแต่สามารถกำหนดให้ต่ำกว่านั้นได้ต่ำสุด 1 วัน (แนะนำให้ขอขั้นต่ำ 3 วัน) ตัวใบรับรองขอได้ทั้งแบบ ECC และ RSA แต่ยังไม่รองรับการขอใบรับรองแบบ ECC ทั้งสายแบบ Let’s Encrypt

ตอนนี้เปิดให้ใช้งานวงปิด ต้องลงชื่อแสดงความสนใจใช้งาน

ที่มา – Google

No Description

from:https://www.blognone.com/node/127874

Spring Framework ออกแพตช์ฉุกเฉินหลักพบช่องโหว่รันโค้ด ควรอัพเดตทันที

Spring Framework ออกแพตช์เวอร์ชั่น 5.3.18 และ 5.2.20 เป็นแพตช์ฉุกเฉินหลังเมื่อวานนี้มีโค้ดตัวอย่างสำหรับโจมตีเซิร์ฟเวอร์ที่รันเฟรมเวิร์คหลุดออกมา เปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดบนเครื่องของเหยื่อได้

ช่องโหว่ CVE-2022-22965 หรือ Spring4Shell อาศัยกระบวนการ RequestMapping ที่แปลงสตริงเป็นออปเจกต์ คนร้ายสามารถส่ง HTTP request ที่กระตุ้นให้เซิร์ฟเวอร์ Tomcat ที่รันแอป Spring อยู่รัน webshell เปิดทางให้แฮกเกอร์เข้ายึดเครื่องได้

นอกจาก Spring4Shell แล้วยังมีช่องโหว่อื่นๆ ของ Spring Cloud เปิดทางให้แฮกเกอร์รันโค้ดได้เช่นกัน ตอนนี้ยังไม่มีรายงานโดยตรงว่ามีการโจมตีแต่เนื่องจากโค้ดทดสอบช่องโหว่ถูกปล่อยออกมาแล้วจึงควรอัพเดตโดยเร็ว เบื้องต้นผู้ให้บริการ CDN อย่าง Cloudflare ก็ปล่อยกฎสำหรับป้องกันด้วย WAF ให้แล้ว แต่กฎเหล่านี้ปิดเอาไว้ หากยังอัพเดตแอปพลิเคชั่นไม่ได้อาจจะเลือกทดสอบ WAF แล้วเปิดใช้งาน

ที่มา – Sysdig, Cloudflare

No Description

ภาพตัวอย่างการโจมตีช่องโหว่ Spring4Shell

from:https://www.blognone.com/node/127873

Boston Dynamics ประกาศวางจำหน่ายหุ่นยนต์ทำงานในโกดัง Stretch เริ่มส่งมอบปีหน้า

Boston Dynamics บริษัทพัฒนาหุ่นยนต์ภายใต้ Hyundai ประกาศวางจำหน่ายหุ่นยนต์ทำงานในโกดัง Stretch ในเชิงพาณิชย์แล้ว โดยจะให้ผู้ซื้อจองและจะเริ่มส่งมอบได้ในปี 2023-2024

Stretch เป็นหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาใช้งานในโกดัง ซึ่ง Boston Dynamics มีลูกค้ากลุ่มแรกคือ DHL Supply Chain, Gap, H&M และ Performance Team – A Maersk Company ที่เริ่มเซ็นสัญญาและจองหุ่นยนต์ Stretch ของปีนี้ไปแล้ว

สำหรับการเปิดขาย Stretch ของ Boston Dynamics ครั้งนี้คือทางบริษัทเปิดให้ผู้สนใจเข้ามาสั่งจองหุ่นยนต์ได้เลย แต่เนื่องจากยอดพรีออร์เดอร์จากกลุ่มลูกค้า early adopter ที่ต้องส่งมอบในปี 2022 ถูกจองเต็มโควตาแล้ว ดังนั้นผู้ที่จองตอนนี้จะได้ใช้หุ่นยนต์ในปี 2023-2024

จุดเด่นของหุ่นยนต์ Stretch คือตัวหุ่นยนต์ไม่ต้องพรีโปรแกรม SKU หรือข้อมูลเกี่ยวกับขนาดกล่องไว้ก่อน, ไม่ต้องระบุเส้นทางหรือควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด, ขนถ่ายสินค้าได้แบบเรียลไทม์, ทำงานได้เต็มกะต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง หรือมากสุดถึง 16 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับตัวเลือกแบตเตอรี่ความจุสูง

ที่มา – Boston Dynamics, TechCrunch

No Description

from:https://www.blognone.com/node/127872

Twitter อาจนำ TweetDeck เข้าเป็นส่วนหนึ่งของบริการสมาชิกจ่ายเงิน Twitter Blue

The Verge รายงานว่า TweetDeck แอป Twitter ของกลุ่มผู้ใช้ระดับ power users อาจกลายเป็นแอปเสียเงินให้เฉพาะผู้ใช้ Twitter Blue คือผู้ใช้อาจต้องเสียเงินจ่ายค่าสมาชิกเพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมดของตัว TweetDeck

Jane Manchun Wong นักวิจัยความปลอดภัยรายงานว่าพบหน้าลงทะเบียนบน TweetDeck ที่กำลังพัฒนาอยู่ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญข้อหนึ่งที่บ่งบอกว่า Twitter กำลังคิดโมเดลหาเงินกับ TweetDeck อยู่

อย่างไรก็ดี ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า Twitter จะใช้โมเดลสมัครสมาชิก Twitter Blue ในการหาเงินอย่างไรกับ TweetDeck ซึ่งคาดกันว่าอาจจะเป็นไม่มีโฆษณาหากใช้งาน TweetDeck (ตอนนี้ Twitter Blue ยังมีโฆษณา), ล็อกฟีเจอร์บางอย่างไว้ให้ใช้งานเฉพาะผู้ใช้เสียเงินเท่านั้น หรืออาจจะจำกัดให้สมาชิก Twitter Blue เท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้งาน TweetDeck

ที่มา – The Verge

alt="TweetDeck"

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/127871

ดูละคร เกมปรารถนา EP.20 ตอนจบ ล่าสุด 31 มีค 65 (ช่อง 3)

เรื่องย่อ เกมปรารถนา EP.20 : เกมพลิก!! วิอัณณาไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าว แถมยังโดนตลบหลังกลับ คนเปิดโปงตัวจริงยังลอยนวล คุณพีย์ขอทำหน้าที่ปกป้องลูกๆ ตามที่ภรรยาร้องขอก่อนตาย!! ขอรับความผิดทั้งหมดคนเดียว!!ความแค้นเมื่อ 17 ปีก่อน!! คุณพีย์ใช้อำนาจให้พ่อของเตวิศสารภาพว่าวางเพลิงโรงงาน!! ติดตามชม เกมปรารถนา ตอนที่ 20 สดๆ หรือย้อนหลัง ได้จากลิงก์ได้ล่าง

ดูเกมปรารถนา EP.20 สดๆ เวลา 20:30 น. >> คลิกที่นี่

ดูเกมปรารถนา EP.20 ย้อนหลัง >> คลิกที่นี่

from:https://www.9tana.com/node/ch3-game-prad-tana-ep20/

React 18 ออกแล้ว เพิ่มฟีเจอร์ใหญ่คือ Concurrent React

React ออกเวอร์ชัน 18.0 ถือเป็นการออกเวอร์ชันใหญ่ครั้งแรกนับจาก React 17.0 ในปี 2020 ที่ไร้ฟีเจอร์ใหม่ รอบนี้จึงมีฟีเจอร์ใหญ่สะสมมาออกทีเดียวหลายอย่าง

ฟีเจอร์สำคัญที่สุดคือ Concurrent React เป็นการเปิดให้มี UI หลายเวอร์ชันในเวลาเดียวกัน (concurrency) โดย Concurrent React เป็นการปรับกลไกภายในของ React เองให้รองรับฟีเจอร์ใหม่สาย concurrency ต่างๆ ซึ่งนักพัฒนาสามารถเลือกใช้ได้แบบ opt-in

ทีมพัฒนา React บอกว่าในระยะใกล้ นักพัฒนาแอพจะเลือกใช้ Concurrent หรือไม่ก็ได้ แต่ในระยะยาวแล้ว หลายส่วนใน React จะมุ่งไปทาง Concurrent มากขึ้น

ของใหม่อย่างอื่นใน React 18 ได้แก่

  • Batching การรวม state update หลายๆ ก้อนไป re-render ทีเดียวเพื่อให้ประสิทธิภาพดีขึ้น
  • Transition เป็นแนวคิดใหม่ที่แยกระหว่าง urgent update ที่ต้องตอบสนองทันที (สะท้อนการพิมพ์ คลิก กดปุ่ม) และ transition update ที่ไม่ต้องตอบสนองทันที
  • Suspense เป็นการประกาศอย่างเจาะจงว่าให้สถานะของ UI ส่วนนั้นว่ายังไม่พร้อมแสดงผล เหมาะกับการใช้คู่กับ Transition

No Description

ที่มา – React

from:https://www.blognone.com/node/127870

ดีแทค จับมือ ทูนประกันภัย กระตุ้นการท่องเที่ยวไทย มอบซิม Easy Holiday ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

dtac

ฮาว ริเร็น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยในปีนี้เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (ศปก.กก.) ระบุว่า นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศเดินทางเข้าไทยทางอากาศ เฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา มีจำนวนถึง 203,970 ดีแทคจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยฟื้นกลับมาโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นเทศกาลที่ชาวต่างชาติอยากมาท่องเที่ยวในไทยมากที่สุด

ดังนั้นดีแทคจึงได้ร่วมกับพันธมิตร บริษัท ทูนประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ Tune Protect ประเทศไทย มอบสิทธิประโยชน์ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ซื้อประกัน Tune iPass แผนประกันเดินทางเข้าประเทศไทยคุ้มครองโควิด-19 หรือ iPass COVID-19 แผนประกันคุ้มครองโควิด-19  เพื่อจะได้ติดต่อสื่อสาร โชว์และแชร์ข้อมูลการท่องเที่ยวในไทยผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ให้ชาวโลกได้เห็นความสวยงามจากการท่องเที่ยวในไทย ผ่านการใช้งานอินเทอร์เน็ตในเครือข่ายดีแทค ดีทั่วดีถึง บนคลื่น 700 MHz เพราะประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวต่างชาติวางแผนที่จะกลับมาเที่ยวอีกสักครั้ง ด้วยเสน่ห์จากแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม อาหารอร่อย จิตใจที่พร้อมให้บริการของคนไทย ประกอบกับใช้งบประมาณในการท่องเที่ยวต่อคน ต่อทริปไม่แพงมาก นับเป็นโอกาสดีที่ดีแทคจะได้ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยอีกครั้ง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังมาถึงนี้”

dtac

เบน อาศนะเสน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทูน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ Tune Protect Thailand และ Group Health Leader ผู้นำด้านสุขภาพกลุ่มบริษัท Tune Protect กล่าวว่า “ทาง Tune Protect เป็นผู้นำด้านประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ Tune iPass แผนประกันเดินทางเข้าประเทศ ที่ครอบคลุมคุ้มครองโควิด-19 ได้ออกแบบมาเพื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้ามาพักผ่อนหรืออาศัยอยู่ในประเทศไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาว เบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 1,899 บาท* หรือผลิตภัณฑ์ประกัน iPass COVID-19 แผนประกันคุ้มครองโควิด-19 สำหรับชาวต่างชาติ เบี้ยเริ่มต้นเพียง 5,649 บาท*  ถือว่าตอบโจทย์มาก เพราะคุ้มค่าทั้งความคุ้มครอง และยังรองรับมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ ที่กำหนดให้ชาวต่างชาติต้องมีประกันสุขภาพวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 20,000 USD ตามข้อกำหนดของรัฐบาล โดยความร่วมมือระหว่างพันธมิตรดีแทค ถือเป็นเรื่องดี ในการมอบซิมเติมเงิน Easy Holiday ให้กับลูกค้าเพื่อใช้ในการติอต่อสื่อสารในช่วงเทศกาลที่เป็น High Season ถือว่าลูกค้าได้ถึงสองต่อ ทั้งความคุ้มครองและการเชื่อมต่อเข้าสู่โลกดิจิทัล”

โดยลูกค้าสามารถซื้อประกัน Tune iPass แผนประกันเดินทางเข้าประเทศไทยคุ้มครองโควิด-19 และ iPass COVID-19 แผนประกันคุ้มครองโควิด-19 จาก Tune Protect ได้ที่นี่

Tune iPass : https://www.tuneprotect.co.th/en/product/travel-insurance/ONTALN

iPass COVID-19 : https://www.tuneprotect.co.th/en/product/coronavirus-covid-19-insurance/ONCOVIDL

นอกจากสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้า Tune Protect แล้ว ดีแทคยังเตรียมโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยวด้วยการเพิ่มจำนวนวันใช้งาน 2  เท่าสำหรับซิมดีแทคแฮปปี้ทัวริสต์ 299 บาท เป็นเล่นอินเทอร์เน็ตไม่อั้นได้ 15 GB นาน 16 วัน และ ซิมดีแทคแฮปปี้ทัวริสต์ 599 บาท เล่นอินเทอร์เน็ตไม่อั้นได้ 30 GB นานถึง 30 วัน

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.dtac.co.th/prepaid/touristsim.html

*ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายโดย บริษัท เกรท ฟอร์จูน โบรกเกอร์ จำกัด

คำเตือน: *เบี้ยประกันภัยขึ้นอยู่กับแผนประกันและความคุ้มครองที่ท่านได้เลือกซื้อ ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขของเอกสารเสนอขายก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ดีแทค จับมือ ทูนประกันภัย กระตุ้นการท่องเที่ยวไทย มอบซิม Easy Holiday ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/dtac-collaborates-with-tune-protect/

AIS, Qualcomm, ZTE ทดลองส่งสัญญาณ 5G NR-DC แบบ 2 ความถี่ครั้งแรกในโลกที่โคราช

AIS ร่วมกับ Qualcomm และ ZTE ทดสอบการส่งสัญญาณ 5G แบบ NR-DC (New Radio Dual Connectivity) ที่ไซต์ใน จ.นครราชสีมา สามารถสร้างสถิติส่งข้อมูลที่ 8.5Gbps (peak downlink) และ 2.17Gbps (peak uplink) ด้วยอุปกรณ์เครื่องเดียว

การส่งสัญญาณแบบ NR-DC เป็นการใช้คลื่น 2 ย่านความถี่คือ 2.6GHz (ทดสอบด้วยความกว้างคลื่น 100MHz) ร่วมกับ 26GHz (ความกว้างคลื่น 200MHz) ร่วมกันเพื่อให้ได้ความเร็วที่สูงขึ้น ฝั่งอุปกรณ์เครื่องรับเป็นมือถือรุ่นทดสอบ ที่ใช้โมเด็ม Snapdragon X65 5G และฝั่งอุปกรณ์เครือข่ายเป็น ZTE mmWave AAU

ที่มา – Qualcomm

No Description

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/127869

Samsung ถอดตัว Z ออกจากชื่อสินค้าซีรีส์ Galaxy Z Flip และ Fold ในบางประเทศ คาดหลีกเลี่ยงการสื่อถึงรัสเซีย

XDA และ Android Central ตรวจพบว่า Samsung ได้ถอดตัวอักษร “Z” ออกไปจากชื่อแบรนด์ Galaxy Z Flip และ Galaxy Z Fold บนหน้าเว็บไซต์อย่างเงียบ ๆ ในบางประเทศในแถบยุโรปที่มีพรมแดนติดกับยูเครน ได้แก่ เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย และรวมถึงยูเครนเองด้วย ถึงแม้บริษัทฯ จะไม่ได้ชี้แจงถึงเหตุผล แต่หลายฝ่ายให้ความเห็นตรงกันว่า เป็นเพราะรัสเซียใช้ตัวอักษรดังกล่าวในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงการสนับสนุนปูตินในการทำสงครามกับยูเครน Samsung จึงพยายามหลีกเลี่ยง


ภาพบางส่วนจากเว็บไซต์ Samsung ยูเครน

เมื่อเราเข้าไปที่เว็บไซต์ Samsung ประเทศยูเครน เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ก็จะเห็นได้ว่า Galaxy Z Flip 3 กับ Galaxy Z Fold 3 ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Galaxy Filp 3 และ Galaxy Fold 3 เฉย ๆ ไม่มีตัว Z ปรากฏบนชื่อเหมือนอย่างเคยแล้ว


ภาพบางส่วนจากเว็บไซต์ Samsung ยูเครน

ก่อนหน้านี้ Samsung พึ่งยืนยันต่อสื่อต่างประเทศ ถึงมาตรการแซงก์ชันรัสเซียโดยการระงับการขายสินค้าต่าง ๆ ตั้งแต่ชิปเซต สมาร์ทโฟน ตลอดจนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่หลายรายทำกัน เช่น Apple และ Google เป็นต้น

 

ที่มา : Android Central

from:https://droidsans.com/samsung-remove-z-from-galaxy-z-flip-fold/

รวมไว้ให้คุณแล้ว! โซลูชั่นสำหรับธุรกิจบน LINE ช่วยทำธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ จากงาน THAILAND NOW AND NEXT : PREPARING FOR THE CHANGING WORLD

ในยุคที่การทำธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนจากหน้าร้านมาเป็นการทำธุรกิจออนไลน์ เรื่องของการใช้ข้อมูล (DATA) และความปลอดภัย (Privacy) ต่างก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจยุคใหม่ทำงานได้ราบรื่นขึ้น

LINE แพลตฟอร์มดิจิทัลยอดนิยมที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถนำโซลูชั่น เครื่องมือต่างๆ ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ ได้จัดงาน THAILAND NOW AND NEXT : PREPARING FOR THE CHANGING WORLD บอกเล่าเทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมแนะนำเครื่องมือทรงประสิทธิภาพที่จะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตในโลกยุคใหม่ได้

รู้จักเครื่องมือเดิมของ LINE ทำธุรกิจได้แบบมืออาชีพ

ในงาน THAILAND NOW AND NEXT : PREPARING FOR THE CHANGING WORLD ผู้เชี่ยวชาญจาก LINE ได้แนะนำโซลูชั่นที่เปิดให้ใช้งานอยู่และเปิดตัวโซลูชั่นใหม่หลายตัว ที่จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปในแบบมืออาชีพและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เริ่มจากเครื่องมือพื้นฐาน ที่ทุกธุรกิจน่าจะมีกันอยู่แล้วอย่าง LINE Official Account (LINE OA) เครื่องมือหลักในการทำธุรกิจ ใช้ติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ทั้งเปิดการขาย ปิดการขาย ในเครื่องมือเดียว ปัจจุบันมีจำนวนการเปิดใช้งานกว่า 5 ล้านบัญชี ซึ่ง 90% ของบัญชีทั้งหมดนับเป็นธุรกิจ SMEs

เครื่องมือถัดมาที่ต้องใช้ คือ LINE Ads Platform (LAP) เครื่องมือลงโฆษณาได้ง่ายๆ บน LINE Ecosystem ที่ธุรกิจสามารถกำหนดวัตถุประสงค์ เช่น เพิ่มเพื่อน ชวนเข้าชมเว็บไซต์ เป็นต้น เครื่องมือนี้เป็นที่นิยมในกลุ่ม SME เพราะสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมาย กำหนดงบประมาณได้ด้วยตัวเอง

ในขณะที่แบรนด์ใหญ่จะซื้อโฆษณาผ่านมีเดียเอเจนซี่ แต่ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางใด ก็สามารถจัดการเพื่อให้ธุรกิจเข้าถึงเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

อีกทั้ง ในอนาคตอันใกล้ LINE มีแผนจะนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าบน LINE Ecosystem เพื่อช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ของข้อมูลในการใช้งาน LAP ทำให้กลุ่มลูกค้าผู้ใช้งาน LAP สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้แม่นยำยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

และสำหรับเครื่องมือใหม่ล่าสุด ที่ถือเป็นไฮไลท์ LINE ได้นำมาเปิดตัวในงาน THAILAND NOW AND NEXT : PREPARING FOR THE CHANGING WORLD คือ Business Manager โซลูชั่นจัดการดาต้าบน LINE ที่จะเป็นส่วนต่อยอดทำให้การสื่อสาร

การทำแคมเปญกับลูกค้า รวมถึงการยิงโฆษณาบน LINE มีประสิทธิภาพ เข้าถึงลูกค้าได้แม่นยำมากขึ้น รวมถึงเครื่องมืออื่นๆ ที่จะตามมา ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เราสรุปมาให้แล้ว

 

Business Manager เครื่องมือใหม่รับโลกแห่งดาต้า

เมื่อธุรกิจใช้งาน LINE Official Account (LINE OA) และ LINE Ads Platform (LAP) จะเริ่มเกิดการสะสมของข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านพฤติกรรมลูกค้า จำนวนการเข้าถึงโฆษณา จำนวนการคลิกลิงก์ต่างๆ เมื่อธุรกิจหรือแบรนด์สื่อสารออกไป

แต่เดิมข้อมูลเหล่านี้ จะสามารถ Cross กันได้ แค่ 1 บัญชี LINE OA ต่อ 1 บัญชี LAP เท่านั้นผ่านเครื่องมือ MyCustomer แต่วันนี้ LINE ได้เปิดตัว Business Manager เข้ามาแก้ไขปัญหาให้แบรนด์หรือเอเจนซี่ที่มักจะมีมากกว่า 1 บัญชี LINE OA หรือมีมากกว่า 1 บัญชี ให้สามารถส่งหรือรับข้อมูล ระหว่าง LINE Official Account และ LINE Ads Platform หลายบัญชีได้พร้อมกัน

ธุรกิจสามารถนำเอาข้อมูลการใช้งานบน LINE OA ไหนก็ได้ของแบรนด์ตนเอง มาเป็นแหล่งข้อมูล วิเคราะห์ต่อยอดเป็น กลุ่มเป้าหมายสำหรับการยิง Ads บน LAP ได้ ในขณะเดียวกัน ก็สามารถนำข้อมูลจาก LAP บัญชีไหนก็ได้ของแบรนด์ตนเอง

ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่คลิกลิงก์ กลุ่มที่เห็นโฆษณา กลับมาทำเป็นกลุ่มเป้าหมายสำหรับแคมเปญการสื่อสารที่จะ Broadcast ออกไปผ่าน LINE OA ไหนก็ได้ของแบรนด์ตนเองเช่นเดียวกัน

แต่ทั้งนี้ นักการตลาดหรือเอเจนซี่ก็ควรวางแผนให้ชัด ว่าอยากใช้ข้อมูลจากบัญชีไหน เพื่อนำมาวิเคราะห์เป็นกลุ่มเป้าหมายเพื่อประโยชน์อะไร ให้กับบัญชีไหน ให้ชัดเจน อีกทั้ง Business Manager ยังสามารถสร้างกลุ่ม Audience ของตนเองได้จากการนำเข้าข้อมูลที่แบรนด์มีอยู่เดิม เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ เพื่อนำมาเพิ่มเติมเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลที่ได้จากบนบัญชี LINE OA และ LAP ได้อีกด้วย

วิธีการสร้าง Business Manager คือ

  • สร้างบัญชี (หรือเรียกว่า Organization) ขึ้นมาบน Business Manager ก่อน
  • เลือกบัญชี LINE Official Account และบัญชี LINE Ads Platform ที่ต้องการเชื่อมต่อบน Business Manager จากนั้นจึงทำการแชร์ Audience ข้ามบัญชีกัน
  • ระบบจะเปิดแชร์ข้อมูลไปให้ฝ่ายงานต่างๆ ใช้งาน

หลังจากตั้งค่าเสร็จแล้ว จะมี Business Manager ID เพื่อบอกว่าเรากำลังใช้งานเครื่องมือใด ซึ่งระบบจะให้แบรนด์ได้เชื่อมโยงบัญชี LINE Official Account และบัญชี LINE Ads Platform ที่ต้องการ เมื่อเชื่อมต่อเสร็จเรียบร้อยก็จะแชร์ข้อมูล และสร้างกลุ่ม Target audience ย้อนกลับไปมาเพื่อให้ใช้งานร่วมกันได้

นอกจากนั้น ธุรกิจยังจะสามารถใช้งาน Business Manager ได้อย่างสบายใจหลังพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนตัว (PDPA) บังคับใช้ เพราะ Business Manager ได้ถูกออกแบบให้รองรับ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ ภายในงานยังอัพเดทเครื่องมือ โซลูชั่นอื่นๆ ที่จะเปิดให้ธุรกิจได้ใช้งานในเร็วๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็น

MyShop Open API ให้ร้านค้าสามารถเชื่อมต่อข้อมูลและระบบอื่นๆ เข้ากับ MyShop เพื่อการจัดการร้านค้าบนโลกออนไลน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นไปที่การเชื่อมต่อข้อมูลใน 3 ด้าน ได้แก่ ข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์ สำหรับร้านค้าหรือแบรนด์ใหญ่ที่มีสินค้าจำนวนมากจะไม่สามารถกรอกรายละเอียดสินค้าทีละชิ้นได้ในระบบ MyShop

ซึ่ง API จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ข้อมูลด้านสต็อคสินค้า API จะเชื่อมต่อเพื่อส่งข้อมูลการซื้อขายซึ่งจะทำให้บริหารจัดการสต็อคของแบรนด์ได้แบบ Realtime ได้มากขึ้น และข้อมูลด้านการสั่งซื้อสินค้า ที่จะทำให้การทำ Co-brand แคมเปญหรือโปรโมชั่น เป็นไปได้บน LINE OA ซึ่ง MyShop Open API จะเริ่มทยอยเปิดให้ใช้ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป

 

Facebook Integration on MyCustomer ให้ธุรกิจสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากบน Facebook เข้ามาเก็บรวมไว้ใน MyCustomer ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่ใช้ในการบริหาร 1st Party Data ของแบรนด์ หรือร้านค้า ที่ปัจจุบันมักมีการทำธุรกิจและเปิดร้านบนหลายแพลตฟอร์มทั้งบน Facebook และ LINE

เมื่อเกิดการเชื่อมโยงกัน ธุรกิจจะมีข้อมูลรอบด้าน สามารถใช้ประโยชน์และวิเคราะห์ข้อมูลได้ในภาพกว้างขึ้น เข้าใจลูกค้าผู้บริโภคมากขึ้น เพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น โดยจะเปิดให้บริการในปลายไตรมาสสองของปีนี้

ในงาน THAILAND NOW AND NEXT : PREPARING FOR THE CHANGING WORLD ยังมีเรื่องราวมีประโยชน์อีกมากมายหลายหัวข้อ ที่จะเปิดโลกดิจิทัลยุคใหม่ให้กับธุรกิจ ผู้สนใจสามารถติดตามชมย้อนหลังได้ที่ https://lin.ee/uFtHA5R/wcvn

และติดตามอัพเดทความรู้ ข่าวสารสำหรับผู้ต้องการทำธุรกิจผ่าน LINE ได้ที่ LINE Official Account: @linebizth และ FB Fanpage: LINE for Business

#ThailandNowandNext2022 #LINEforBusiness #LINEBusinessManager

 

 

บทความนี้เป็น Advertorial

from:https://www.thumbsup.in.th/line-sme-thailand-now-and-next-preparing-for-the-changing-world?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=line-sme-thailand-now-and-next-preparing-for-the-changing-world