ส่วน Mi 10T เหมือนกับ Mi 10T Pro เกือบทุกประการ แต่เปลี่ยนกล้องหลังหลักเป็น กล้อง 64MP f/1.89 เซ็นเซอร์ SONY IMX686 กับมีสองแบบคือแรม 6GB กับ 8GB แต่หน่วยความจำภายในอยู่ที่ 128GB ทั้งสองแบบ
Mi 10T Pro มีให้เลือก 3 สีคือ Aurora Blue, Lunar Silver และ Cosmic Black ส่วนรุ่น Mi 10T จะไม่มีสี Aurora Blue ยังไม่เปิดเผยวันวางจำหน่าย แต่ทั้งสองรุ่นมีราคาดังนี้
Acer Aspire 3 A315-55 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นคุ้มค่าขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันประมาณนึง ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0, HDMI, Lan RJ45 และรูหูฟังกับไมค์แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มี USB 3.1 Type-C เลย น่าจะให้มาซัก 1 พอร์ต ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอย่างรองรับทั้ง Bluetooth 4.2 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน Wi-Fi AC
ทาง Xiaomi ชูจุดเด่นของ Mi 10T Pro และ Mi 10T ในเรื่องของการถ่ายภาพ ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ จับยัดฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสนุกกับการถ่ายภาพเข้ามาเพียบเลย
Long exposure การถ่ายภาพโดยลากความเร็วชัตเตอร์นาน ๆ แบ่งย่อยเป็นอีก 6 รูปแบบ
AI Skyscaping 3.0 แทนที่ท้องฟ้าในภาพด้วยการประมวลผลจาก AI หรือแม้แต่เติมดอกไม้ไฟและสภาพอากาศเข้าไปก็สามารถทำได้
เปลี่ยนโทนสีของภาพถ่ายกลางคืนได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ Cyber punk, Gold vibes, Black ice
Photo และ Video Clones ตั้งกล้องไว้นิ่ง ๆ แล้วยืนในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ระบบจะประมวลผลรวมให้เป็นภาพเดียว
ท่ามกลางกระแส Digital Disruption ที่ถูกเร่งให้เร็วยิ่งขึ้นด้วยสถานการณ์ New Normal ในปัจจุบันนี้ เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกวงการธุรกิจ ในขณะที่ชีวิตของทุกคนนั้น Digital ก็ได้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ไม่อาจแยกขาดจากกันได้อีกต่อไป และมีบทบาทเป็นอย่างมากทั้งในการดำรงชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการทำงานให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในมุมมองของ AIS ในฐานะของ Digital Enabler ที่จะช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถปรับตัวสู่อนาคตที่เป็นยุค Digital ให้ได้อย่างเต็มตัว ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมานี้ได้เล็งเห็นถึง Digital Roadmap สำหรับธุรกิจองค์กรที่แบ่งออกเป็น 6 ข้อหลักๆ ด้วยกันได้แก่
Digital War Room ต่อยอดจากการทำ Digitization เปลี่ยนกระบวนการทำธุรกิจให้กลายเป็น Digital และมีข้อมูลครบถ้วน ก่อนจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์แสดงผลและใช้งานในการตัดสินใจในเชิงธุรกิจตั้งแต่ระดับบริหารไปจนถึงระดับปฏิบัติการ สู่การเป็น Data-Driven Business อย่างเต็มตัว
Digital Experience สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าคนสำคัญด้วยประสบการณ์ในเชิง Digital ทั้งการติดต่อสื่อสาร, การปรับกระบวนการทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าบนโลก Digital ได้มากขึ้น ไปจนถึงการทำความเข้าใจลูกค้าด้วยข้อมูลและนำเสนอในสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อยู่เสมอ
Automation เปลี่ยนกระบวนการทำงานให้กลายเป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น ทั้งในเชิงของ Digital เพื่อจัดการข้อมูลและผสานการทำงานระหว่างระบบ Business Application สำคัญ ไปจนถึงการนำเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์มาทำงานที่ซับซ้อนได้แบบอัตโนมัติ จากการที่เทคโนโลยีด้าน AI นั้นมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ผสาน Digital Service เปิดโอกาสใหม่ให้ธุรกิจอาคารพาณิชย์และอสังหาริมทรัพย์ไทย
แนวทางการปรับตัวเพื่อตอบรับต่ออนาคตที่เป็นไปได้นั้นก็คือการผสานนำ Digital Service เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการพื้นที่หรือสถานที่ต่างๆ เป็นอีกปัจจัยสำคัญหนึ่งเพื่อให้ผู้ที่มาใช้บริการหรือเช่าพื้นที่ใช้งานนั้นมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และมั่นใจได้มากขึ้นว่าหากต้องการใช้งานเทคโนโลยีใดๆ ในอนาคต สถานที่ที่ได้ตัดสินใจเช่าเอาไว้นี้จะสามารถตอบโจทย์ได้
ห้างสรรพสินค้า ที่แต่เดิมมุ่งเน้นการนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดี การเดินทางที่ง่ายดาย และความสะดวกสบายของผู้มาเช่าพื้นที่หรือลูกค้าที่มาจับจ่ายใช้สอยเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันนี้ก็อาจต้องเพิ่มบริการอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายเพื่อให้บริการร้านค้าสำหรับเชื่อมต่อกับระบบ Business Application โดยเฉพาะ, บริการอินเทอร์เน็ตสำหรับลูกค้า, การเดินเครือข่ายหรือการจ่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับอุปกรณ์ Internet of Things (IoT), การวางระบบลาดจอดรถอัจฉริยะ ไปจนถึงระบบ Analytics เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าผู้มาเยี่ยมชมในแต่ละช่วงเวลา ช่วยให้ร้านค้าสามารถปรับตัวหรือปรับกลยุทธ์การตลาดของตนเองได้แม่นยำยิ่งขึ้น เป็นต้น
และอีกประเด็นหนึ่งที่กำลังได้รับความสำคัญจากภาคธุรกิจทั่วโลก ก็คือการนำเทคโนโลยีแบบ Touchless มาใช้เพื่อส่งเสริมการทำ Social Distancing และลดการสัมผัสสิ่งต่างๆ ในระหว่างทำงานลง ซึ่งก็เป็นเทคโนโลยีที่ถูกใช้ในแทบทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย, การใช้ AI ตรวจสอบใบหน้าเพื่อเปิดประตูได้โดยไม่ต้องสัมผัส, การนำหุ่นยนต์มาให้บริการ และอื่นๆ อีกมากมาย
ตัวอย่างเหล่านี้จะกลายเป็นโอกาสและการแข่งขันใหม่ในวงการธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาคารพาณิชย์ ไปจนถึงธุรกิจอื่นๆ ที่มีการขายหรือเปิดให้เช่าพื้นที่เพื่อวัตถุประสงค์ใดๆ ก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าสถานที่ที่มีระบบ Digital Service ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ก็ย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจเช่าหรือซื้อของลูกค้าอย่างแน่นอน
เทคโนโลยีและบุคลากรคือองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จในการปฏิรูปธุรกิจสู่การทำงานยุคใหม่ จากความท้าทายนี้ ทาง IKEA จึงได้เลือกใช้ Microsoft Teams เพื่อส่งเสริมพนักงานในสาขาให้สามารถบริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
การนำ Microsoft Teams เข้ามาใช้ช่วยให้พนักงานที่อยู่ต่างสาขาสามารถพูดคุยกับสำนักงานใหญ่ได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสะบายมากขึ้น
เมื่อปรับระบบมาสู่คลาวด์
ประโยชน์ที่เห็นได้ทันทีหลังจากที่ IKEA เปลี่ยนมาใช้ Microsoft 365 ก็คือการลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเซิร์ฟเวอร์ เพราะแพลตฟอร์มของ Microsoft 365 มีความปลอดภัยสูง ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีการจัดการและการอัปเดตระบบไอทีมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น Microsoft 365 ยังได้เข้ามาพลิกโฉมรูปแบบการทำงานร่วมกันเป็นทีมภายในองค์กร ช่วยให้พนักงานหน้างานที่สาขาต่าง ๆ สามารถเข้าถึงเครื่องมือด้านดิจิทัลแบบเดียวกับที่พนักงานที่สำนักงานใหญ่ใช้งานได้ ผ่านแอปบนมือถือส่วนตัวหรืออุปกรณ์ที่หลากหลายตามที่พนักงานแต่ะคนสะดวก ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นพีซีหรือแล็ปท็อปเหมือนยุคก่อน
โดย IKEA สามารถเปิดให้พนักงานกว่า 75,000 คนเข้ามาใช้งานฟีเจอร์ใหม่ ๆ ใน Microsoft Teams ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือน
การจัดตารางงานเป็นเรื่องง่าย
ร้านอาหารใน IKEA สาขา Kungens Kurva ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถือเป็นหน่วยงานแรก ๆ ที่นำ Microsoft Teams เข้ามาใช้งานอย่างจริงจัง ก่อนหน้านั้นพนักงานร้านอาหารกว่า 150 คนต้องใช้กระดาษในการจัดตารางงานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนกะ ขาด ลา มาสาย
การนำความสามารถ “Shifts” ใน Microsoft Teams เข้ามาใช้ช่วยให้พนักงานแต่ละคนสามารถจัดการกะได้ผ่านแอปบนมือถือส่วนตัวและมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับเอกสารและตารางงานของตัวเอง
คุณ Fabian Haeberlein รองผู้จัดการฝ่านการตลาดของ IKEA กล่าวว่า “การใช้ Microsoft Teams ทำให้ชีวิตการทำงานในร้านของพวกเราดีขึ้น” โดย IKEA สามารถประหยัดเงินได้ถึง 364,000 โครนาสวีเดน หรือประมาณ 1,200,000 บาท จากการเปลี่ยนมาใช้งาน Shifts ใน Microsoft Teams
ลดขั้นตอนของการสื่อสารให้สั้นลง
พนักงานในสาขาต่าง ๆ สามารถรับรู้ถึงประโยชน์จากการใช้งาน Microsoft Teams ได้ทันที แต่ก่อนนั้น พนักงานต้องอยู่ในห้องเดียวกันเพื่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน และต้องยืนอ่านประกาศที่กระดานข่าวสารของบริษัท
ในปัจจุบันนี้ พนักงานสามารถแชทคุยกันและติดตามข่าวสารผ่าน Microsoft Teams ได้เลย ซึ่งเป็นวิธีที่พนักงานรุ่นใหม่คุ้นเคยและง่ายกว่ามาก ส่วนผู้จัดการร้านในสาขาต่าง ๆ ก็สามารถโพสต์ประกาศสำคัญได้ตลอดเวลาบนอุปกรณ์ส่วนตัวของพวกเขาเอง และพนักงานก็สามารถเสนอความคิดเห็นตอบกลับไปได้เลย สร้างให้เกิดสภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่ทุกคนมีส่วนร่วมกัน
ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยการประชุมออนไลน์
การย้ายไปสู่การสื่อสารแบบดิจิทัลใน Microsoft Teams ไม่เพียงช่วยให้ IKEA สามารถลดค่าใช้จ่ายจากกระบวนการที่ต้องใช้กระดาษเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความจำเป็นในการเดินทางและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของบริษัทได้อีกด้วย
เพื่ออำนวยความสะดวกในการประชุมออนไลน์ ทาง IKEA จึงได้พัฒนาการออกแบบห้องประชุมมาตรฐาน พร้อมลงทุนติดตั้ง Microsoft Teams Rooms ในห้องประชุมหลายแห่งอีกด้วย