คลังเก็บป้ายกำกับ: INTEL

Intel ลงนามข้อตกลง ขยายโรงงานในเยอรมนี เงินลงทุนมูลค่ากว่า 1.14 ล้านล้านบาท

อินเทลประกาศลงนามข้อตกลงกับรัฐบาลเยอรมนี เพื่อลงทุนเพิ่มเติมขยายโรงงานในเมือง Magdeburg โดยจะสร้างอาคารผลิตชิปใหม่ 2 อาหาร ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 3 หมื่นล้านยูโร หรือราว 1.14 ล้านล้านบาท

โรงงานใหม่นี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ใน 4-5 ปี ข้างหน้า โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการอนุมัติจากคณะกรรมาธิการยุโรป เนื่องจากเยอรมนีได้ให้เงินอุดหนุนส่วนหนึ่งในการลงทุนของอินเทล ทั้งนี้อินเทลคาดว่าการลงทุนจะสร้างงานในส่วนการก่อสร้าง 7,000 อัตรา ส่วนของผู้เชี่ยวชาญในอินเทล 3,000 อัตรา และงานที่เกี่ยวข้องอีกหลายหมื่นอัตรา

Pat Gelsinger ซีอีโออินเทล กล่าวถึงข้อตกลงนี้ว่าเป็นการเชื่อมต่อซัพพลายเชนของการผลิตชิปในภูมิภาคยุโรป ต่อจากประกาศการลงทุนในเมือง Wrocław ประเทศโปแลนด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วน Olaf Scholz นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่าการลงทุนของอินเทลนี้ เป็นหนึ่งในการลงทุนจากบริษัทต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เยอรมนี ซึ่งเทคโนโลยีทั้งหมดจะส่งเสริมอุตสาหกรรมทั้งในเยอรมนี และภูมิภาคยุโรป

ที่มา: อินเทล

No Description

No Description

from:https://www.blognone.com/node/134430

อินเทลตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ในอิสราเอล, โรงงานประกอบและทดสอบในโปแลนด์

Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ประกาศข่าวว่าอินเทลจะตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ที่อิสราเอล มูลค่า 25 พันล้านดอลลาร์

อินเทลมีโรงงานผลิตชิปในอิสราเอลอยู่ก่อนแล้ว มีพนักงานในอิสราเอลราว 12,000 คน ตอนนี้อินเทลกำลังสร้างโรงงานใหม่อีกหนึ่งแห่งที่เมือง Kiryat Gat และมีกำหนดเปิดในปี 2027

อิสราเอลถือเป็นประเทศสำคัญของอินเทล เพราะมีศูนย์วิจัยออกแบบชิป 4 แห่ง รวมถึงบริษัทลูกในเครือคือ Mobileye ที่พัฒนาระบบชิปสำหรับรถยนต์ ซื้อกิจการปี 2017 และ Tower Semiconductor บริษัทผลิตชิปที่ซื้อกิจการในปี 2022

สัปดาห์ที่ผ่านมา อินเทลเพิ่งประกาศข่าวลงทุน 4.6 พันล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานประกอบและทดสอบ (assembly and test) ที่เมือง Wrocław ประเทศโปแลนด์ กำหนดเปิดปี 2027 และจ้างงานในโปแลนด์เพิ่ม 2 พันตำแหน่ง โดยโรงงานแห่งนี้จะประสานกับโรงงานผลิตชิปที่มีอยู่แล้วในไอร์แลนด์ และโรงงานแห่งใหม่ในเยอรมนี เพื่อเป็นเครือข่ายซัพพลายเชนของธุรกิจชิปในยุโรปด้วย

ที่มา – Intel, Bloomberg

No Description

from:https://www.blognone.com/node/134420

จะซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ในปี 2023 ต้องดูอะไรบ้าง

มาถึงช่วงกลางปี 2023 กันแล้ว แต่ละแบรนด์ก็เริ่มขนเทคโนโลยีแบบจัดเต็มมาใส่ในโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ กันแล้ว ในบทความนี้จะมาดูกันครับ ว่าถ้าจะซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ในปีนี้ มีจุดไหนที่ต้องพิจารณาบ้าง และเลือกแบบไหนที่จะตอบโจทย์การใช้งานแต่ละแบบมากกว่ากัน

ซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ปี 2023

Advertisementavw

ดีไซน์ของตัวเครื่อง

ในช่วงสองสามปีหลังมานี้ ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กรายใหญ่หลายแบรนด์ได้เปิดตัวโน้ตบุ๊กที่มีดีไซน์หลากหลายกว่าแต่ก่อน จากดีไซน์แบบ clamshell ที่พับจอลงมาได้เพียงอย่างเดียว ตอนนี้เราได้พบกับโน้ตบุ๊กที่หลากหลายขึ้น อาทิ

โน้ตบุ๊กพับจอกลับได้สูงสุด 360 องศา

เครื่องในกลุ่มนี้ก็อย่างเช่น Lenovo IdeaPad Flex, Dell Latitude บางรุ่น เป็นต้น ซึ่งอาจจะเรียกโน้ตบุ๊กกลุ่มนี้ว่าเป็นเครื่องแบบ 2-in-1 ก็ได้ เพราะสามารถใช้เป็นได้ทั้งโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตในเครื่องเดียว เมื่อพับจอกลับไปจนชนกับหลังคีย์บอร์ด นอกจากนี้แต่ละแบรนด์ก็จะมีจุดขายที่พ่วงมากับการพับจอ เช่น สามารถตั้งเครื่องแบบสามเหลี่ยมได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับการใช้งานในบางสถานการณ์

Screenshot 2023 05 20 at 12.29.21 PM

เครื่องกลุ่มนี้จะค่อนข้างเหมาะกับคนที่ต้องการโน้ตบุ๊กแบบพกสะดวกซักเครื่อง เพื่อไปใช้ในบางสถานการณ์ที่อาจไม่สามารถวางเครื่องในแบบโน้ตบุ๊กปกติได้ เช่น อาจต้องพกเพื่อไปยืน config อุปกรณ์หน้างาน ซึ่งโน้ตบุ๊กในลักษณะนี้จะสะดวกกว่าการใช้แท็บเล็ตตรงที่ตัวเครื่องจะมีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันกว่า แถมในเวลาที่ต้องทำงานเต็มสูบ ก็สามารถพับจอมาเป็นโน้ตบุ๊กปกติ เพื่อวางทำงานบนโต๊ะ บนตักได้ทันที ถ้าใครต้องการเครื่องมาใช้ในลักษณะนี้ ก็อาจจะหาซื้อโน้ตบุ๊ก 2-in-1 ในสไตล์นี้ดูครับ

ส่วนโน้ตบุ๊กที่เน้นนวัตกรรมด้านจอ เช่น มีสองจอในเครื่องเดียว โน้ตบุ๊กจอพับโค้งได้ อันนี้ก็จะตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน แต่ก็มักจะมาพร้อมราคาที่สูงขึ้นไปกว่าโน้ตบุ๊กปกติที่สเปคเทียบเท่ากันพอสมควรเลย

โน้ตบุ๊กที่แยกส่วนกับคีย์บอร์ดได้

กลุ่มนี้จะค่อนข้างคล้ายกับโน้ตบุ๊ก 2-in-1 ในข้างต้น คือใช้เป็นได้ทั้งโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตในเครื่องเดียว แต่จุดแตกต่างกันก็คือผู้ใช้สามารถถอดคีย์บอร์ดแยกมาจากหน้าจอได้ ซึ่งเมื่อถอดแยกออกมา ส่วนจอก็ยังสามารถทำงานต่อเนื่องได้ทันที โดยจะสลับไปทำงานเป็นแบบแท็บเล็ตจอสัมผัส ตัวอย่างเช่น กลุ่มของ Microsoft Surface Pro และ Surface Go เป็นต้น รวมถึงกลุ่มเครื่องที่มักมีการใส่คำว่า Detachable เข้ามาในชื่อ หรือในการโฆษณา

Screenshot 2023 05 20 at 12.40.25 PM

เครื่องกลุ่มนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคล่องตัวในการใช้งานสูงสุด ด้วยความโดดเด่นในด้านตัวเครื่องที่บางเบากว่าโน้ตบุ๊กทั่วไป ในขณะที่ประสิทธิภาพก็สามารถใช้งานปกติได้อยู่ แม้ว่าอาจจะต้องลดทอนประสิทธิภาพลงบ้าง จากการใช้ชิปประมวลผลที่มีความแรงน้อยลงหน่อย เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานแบตให้นานที่สุด ควบคู่กับการคุมความร้อนภายในเครื่องให้ได้ นอกจากนี้ หากใครที่กำลังจะซื้อโน้ตบุ๊กซักเครื่อง เพื่อนำมาใช้งานด้านกราฟิก วาดภาพ จดบันทึกเยอะ ๆ เครื่องกลุ่มนี้ก็น่าสนใจมากครับ เพราะเราสามารถมองเป็นแท็บเล็ตเครื่องนึงที่สามารถใช้โปรแกรมฝั่ง Windows ได้สบาย ๆ ได้เลย

แต่ถ้าต้องการความแรงเพื่อใช้ในการเล่นเกมด้วย ตอนนี้ก็มี ASUS ROG Flow Z13 ออกมาให้เลือกซื้อเหมือนกัน นับว่าเป็นกลุ่มโน้ตบุ๊กที่น่าจับตามองมาก ๆ ในยุคนี้เลยทีเดียว

โน้ตบุ๊กปกติทั่วไป

กลุ่มนี้คงเป็นที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว กับดีไซน์ตัวเครื่องแบบฝาพับปกติ ที่ตอนนี้หลาย ๆ รุ่นก็พัฒนาบานพับจอให้สามารถกางได้สูงสุด 180 องศา เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น จุดเด่นของโน้ตบุ๊กในสไตล์นี้ก็คงจะเป็นเรื่องความหลากหลาย และตัวเลือกที่มีเยอะมากในท้องตลาด ราคาเริ่มต้นที่หลักพันไปจนถึงหลักแสน โน้ตบุ๊กรุ่นเริ่มต้น โน้ตบุ๊กทำงาน ไปจนถึงโน้ตบุ๊กเล่นเกม และอีกข้อก็คือมักจะมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อที่มากกว่าสองแบบข้างต้น ร่วมกับประสิทธิภาพที่สามารถทำได้สูงกว่า เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่จำเป็นต้องเน้นความบางเบาเท่าสายที่เน้นการพกพาแบบขีดสุด

newsroom intel 13th gen p series closeup 5.jpg.rendition.intel .web .1648.927

ชิปประมวลผลกลาง (CPU)

ยังคงเป็นจุดที่ผู้ซื้อโน้ตบุ๊กให้ความสำคัญอยู่เสมอมา เพราะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงระดับประสิทธิภาพได้ค่อนข้างชัดเจน รวมถึงเป็นชิ้นส่วนที่แทบจะไม่สามารถเปลี่ยนเองได้ในภายหลังด้วย จึงจำเป็นต้องเลือกให้ตอบโจทย์ตั้งแต่แรกไปเลย โดยในช่วงนี้ก็จะมีผู้ผลิต CPU อยู่ 3 แบรนด์หลักคือ Intel, AMD และ Apple ที่ทำชิปให้เฉพาะ MacBook ของตนเองเท่านั้น

Intel

ปีนี้ Intel เปิดตัวชิป 13th Gen mobile สำหรับโน้ตบุ๊กออกมา และก็มีวางจำหน่ายให้ได้เลือกซื้อกันแล้ว ซึ่งหลัก ๆ ก็จะแบ่งกลุ่มเป็น Core i3, i5, i7 และ i9 ตามเดิม โดยมีการจัดกลุ่มย่อยด้วยตัวอักษรท้ายชื่อรหัสรุ่น CPU อีกที ได้แก่

  • HX สำหรับชิปที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น Core i9-13980HX
  • H สำหรับชิปรุ่นรองลงมา ประสิทธิภาพสูง พบได้มากสุดในกลุ่มเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก
  • P เป็นชิปสำหรับกลุ่มโน้ตบุ๊กเน้นการพกพา โดยที่ยังมีประสิทธิภาพสูงพอตัวอยู่
  • U สำหรับชิปกลุ่มเน้นประหยัดพลังงาน ออกแบบมาสำหรับโน้ตบุ๊กที่เน้นความบางเบา ใช้แบตได้นาน

และถึงแม้ชิปรุ่นใหม่สุดในตอนนี้ของ Intel จะเป็น Gen 13 ก็ตาม แต่ชิป Gen 12 ที่ออกมาเมื่อปีก่อนก็ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ครับ เพราะประสิทธิภาพโดยทั่วไปไม่ต่างกันแบบก้าวกระโดดมากนัก สามารถใช้งานทั่วไป เล่นเกมได้สบาย ๆ อยู่ ถ้าตอนที่กำลังเลือกซื้อโน้ตบุ๊ก แล้วเจอเครื่องชิป Gen 12 ราคาดี ๆ สเปคโดยรวมตอบโจทย์ ก็สอยมาใช้งานได้อยู่

AMD

ด้าน AMD ก็ไม่น้อยหน้า มีการออกชิป Ryzen series 7000 mobile ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากเดิม โดยเฉพาะเรื่องประสิทธิภาพการประมวลผลแบบ single thread ที่เป็นจุดอ่อนอยู่ เมื่อเทียบกับทาง Intel แต่ต้องบอกว่าถ้าจะเลือกซื้อโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป AMD Ryzen 7000 series อาจจะต้องอ่านรหัสรุ่นของชิปให้ดี ๆ ว่าเป็นชิปที่ใช้คอร์รุ่นไหนนะครับ เพราะในตอนนี้มีแค่ชิปบางรุ่นเท่านั้นที่ใช้คอร์ Zen 4 ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด นั่นคือ ชิปที่มีรหัสรุ่นตัวที่สามเป็นเลข 4 ได้แก่ Ryzen X 7X4XHX และ Ryzen X 7X4XHS เท่านั้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่อโน้ตบุ๊กสเปคระดับท็อปเป็นหลัก

แต่ในการใช้งานจริง ชิป Ryzen 7000 series ที่ใช้คอร์รุ่นก่อนหน้า เช่น Zen 3+ และ Zen 3 เองก็ยังตอบสนองการใช้งานในปัจจุบันได้ดีอยู่

Apple

กลุ่มนี้จะค่อนข้างเฉพาะทางนิดนึง เพราะเป็นชิปที่มีอยู่ใน MacBook เท่านั้น ซึ่งถ้าใครที่วางแผนจะซื้อโน้ตบุ๊กในกลุ่ม MacBook ของ Apple ก็ค่อนข้างง่ายหน่อยครับ เพราะมีให้เลือกแค่ M2, M2 Pro และ M2 Max เรียงตามลำดับของประสิทธิภาพเลย โดย M2 จะมีอยู่ในทั้ง MacBook Air และ MacBook Pro 13″ ส่วน M2 Pro และ M2 Max จะอยู่ใน MacBook Pro 14″ และ 16″ เท่านั้น ซึ่งราคาก็จะแบ่งกันค่อนข้างชัดเจน

สำหรับในแง่ของประสิทธิภาพ ต้องบอกว่าแค่ M2 ก็ทำได้ดีมาก ๆ แล้ว ตอบโจทย์งานทั่วไป จนถึงงานที่เน้นพลังประมวลผลระดับสูงกว่าปกติเล็กน้อยได้ดี จะเอาไปใช้เรนเดอร์งาน เขียนโปรแกรมต่าง ๆ ก็ทำได้เลย ทั้งยังมีอัตราประสิทธิภาพต่อการใช้พลังงานที่ดี ความร้อนต่ำอีกด้วย ทำให้สามารถใช้งานแบตได้ค่อนข้างยาวนาน

ส่วนกลุ่มของชิป M2 Pro และ M2 Max จะออกแบบให้มีช่วงของประสิทธิภาพที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งพลังการประมวลผลและพลังด้านกราฟิก แต่ก็ตามมาด้วยราคาที่กระโดดพอตัว และต้องแลกกับระยะเวลาการใช้งานแบตที่ลดลงกว่าชิป M2 ปกติพอสมควร ซึ่งถ้าคุณต้องการซื้อ MacBook มาใช้งานทั่วไป ไม่ได้มีงานที่ต้องประมวลผลซับซ้อน ไม่ได้ต้องเรนเดอร์วิดีโอยาว ๆ บ่อย ๆ ก็หารุ่นที่ใช้ชิป M2 ปกติก็เหลือเฟือแล้ว

download

กราฟิกชิป

หรือที่คุ้นเคยในชื่อเรียกว่าการ์ดจอ เป็นฮาร์ดแวร์ส่วนที่เริ่มได้รับความสนใจน้อยลง ในกลุ่มของผู้ที่ต้องการซื้อโน้ตบุ๊กมาสำหรับใช้งานทั่วไป เนื่องจาก CPU สำหรับโน้ตบุ๊กแทบทุกรุ่น จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟิกในตัว ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี เพียงพอสำหรับการใช้งานพื้นฐาน การต่อจอหลายจอ รวมไปถึงการเล่นเกมได้พอประมาณแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มของกราฟิกซีรีส์ Vega ในชิป AMD Ryzen ที่สามารถใช้เล่นเกมใหม่ ๆ ได้พอตัวเลย

แต่สำหรับกลุ่มเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก กราฟิกชิปคือสิ่งที่สำคัญมากไม่แพ้กับ CPU เลยทีเดียว เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะบอกอนาคตได้เลยว่าเกมมิ่งโน้ตบุ๊กเครื่องนั้น จะสามารถเล่นเกมได้ระดับไหน เล่นไปได้อีกกี่ปี แต่นอกเหนือจากกลุ่มเกมเมอร์ที่ต้องพิจารณาเรื่องกราฟิกชิปให้ถี่ถ้วนแล้ว งานกลุ่มที่ต้องใช้พลังของ GPU ในการประมวลผลก็ต้องให้ความสำคัญกับจุดนี้ด้วยเช่นกันครับ เช่น กลุ่มงานมัลติมีเดียที่ใช้โปรแกรมที่รองรับการนำ GPU มาช่วย encode/decode ไฟล์ รวมถึงกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกับด้าน AI และ neural network ต่าง ๆ ด้วย เพราะชุดคำสั่งมักจะได้รับการออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ GPU ค่ายเขียวเป็นหลัก เพื่อให้สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้สูงสุด ใช้เทรนโมเดลได้เร็วขึ้น เป็นต้น

ทีนี้ถ้าแยกเป็นค่าย กราฟิกชิปค่ายที่ได้รับความนิยมในโน้ตบุ๊กมากสุดในไทยก็คือ NVIDIA ที่ปีนี้ก็จะเป็นคิวของ RTX 4000 series เป็นหลัก ซึ่งถ้าให้แนะนำสำหรับคนที่ต้องการซื้อโน้ตบุ๊กมาเล่นเกมให้ได้กราฟิกสวย ภาพลื่น ก็คงต้องเป็น RTX 4060 ขึ้นไป แต่ถ้าต้องการคุมงบลงมาหน่อย จะเลือกรุ่นที่ใช้ RTX 3060 ขึ้นไปก็ยังโอเคอยู่ครับ ส่วนถ้าเป็นค่ายแดง AMD ปีนี้ก็จะมีรุ่นใหม่เป็น AMD RX 7000M series สถาปัตยกรรม RDNA3 แต่ในไทยอาจจะหาซื้อยากซักนิดนึง เพราะตัวเลือกในตลาดมีน้อยมาก

MSI Raider GE 78HX DSC01816

จะซื้อโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง เน้น CPU หรือ GPU ดีกว่า?

คำถามข้อนี้ นับเป็นคำถามที่อยู่คู่วงการโน้ตบุ๊กมานานพอตัว เพราะสเปคของรุ่นที่ขายในไทย บางตัวก็เน้น CPU ใหม่แรง แต่ GPU ระดับกลาง ส่วนอีกรุ่นที่ราคาใกล้เคียงกัน มาพร้อม GPU ตัวแรงกว่า แต่ ดันเลือกใช้ CPU รุ่นเก่ากว่าตัวแรก เลยทำให้ตัดสินใจตอนซื้อยากซักนิดนึง

อันนี้ก็คงต้องมาพิจารณาเรื่องโจทย์การใช้งานเป็นหลักครับ ว่าเราต้องการซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องนี้มาทำอะไรเป็นส่วนใหญ่ ถ้าต้องการซื้อมาเล่นเกมภาพสวย เล่นเกมแบบ single player ก็แนะนำว่าเลือกเครื่องที่ GPU แรงกว่าไว้ก่อน เพราะถึงแม้ CPU จะด้อยกว่า แต่เชื่อว่าในช่วงราคาเดียวกัน ประสิทธิภาพก็น่าจะไม่ต่างกันมากเกินไปจนส่งผลกระทบถึงการเล่นเกม

แต่สำหรับกรณีที่ต้องการนำเครื่องมาใช้ทำงานเป็นหลัก หรือเล่นเกมที่มี unit เยอะ ๆ เล่นเกมแนว FPS multiplayer เช่น Overwatch, Call of Duty ที่อาจจะไม่ต้องเน้นความสวยของกราฟิกแบบจัดเต็มมากนัก แต่ขอเฟรมเรตสูง ๆ นิ่ง ๆ อันนี้อาจจะไปเลือกโน้ตบุ๊กรุ่นที่เน้น CPU หน่อย แล้วกราฟิกรองลงมานิดนึงก็ยังไหว

Kingston DDR5 04

แรม – 8GB ขึ้นไปเท่านั้น!!

ถ้าคุณต้องการซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ซักเครื่อง แล้วต้องการให้สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการยอดนิยมรุ่นล่าสุดอย่าง Windows 11 ได้อย่างราบรื่น แนะนำเลยว่าต้องเลือกโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมแรมตั้งแต่ 8GB ขึ้นไปเท่านั้น หรือถ้าเป็นเครื่องรุ่นราคาย่อมเยาที่ให้แรมมาแค่ 4GB ก็ต้องตรวจสอบก่อนซื้อว่าสามารถซื้อแรมใส่เพิ่มได้ มีช่องให้เพิ่มแรมได้ในภายหลัง เพื่อจะได้เติมให้เป็นขั้นต่ำ 8GB ได้ เนื่องจากตัว Windows 11 เองต้องการแรมขั้นต่ำในการทำงานที่ 4GB ดังนั้นถ้าจะให้สามารถใช้งานโปรแกรมอื่น ๆ ได้ ก็ควรจะมีแรมตั้งแต่ 8GB ขึ้นไป ส่วนปริมาณแรมแนะนำในยุคนี้ก็คงเป็นตั้งแต่ 16GB ขึ้นไปเลย ส่วนกลุ่มเกมมิ่งโน้ตบุ๊กก็คงต้องยึด 16GB เป็นขั้นต่ำ และถ้าเป็นไปได้ก็ขอซัก 32GB เป็นขั้นแนะนำครับ

ส่วนประเภทแรม ระหว่าง DDR5 ที่ใหม่กว่า เร็วกว่า กับ DDR4 จะเลือกโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมแรมแบบไหนดี ก็ต้องบอกว่าเป็นไปตามงบเป็นหลักครับ เพราะส่วนของ CPU รุ่นใหม่ ๆ ของทั้ง Intel และ AMD ต่างก็ยังมีรุ่นที่รองรับแรม DDR4 อยู่ แถมประสิทธิภาพของ DDR4 ก็ยังดีมาก ๆ อยู่ด้วย ลงตัวสำหรับการทำงานทั่วไปดี หรือจะใช้เล่นเกมก็ยังทำได้สบาย แถมถ้าตัวเครื่องรองรับการอัปเกรดแรมเพิ่มได้ ราคาของแรม DDR4 ก็ยังย่อมเยากว่า DDR5 อยู่พอสมควร

แต่ถ้าคุณจริงจังในเรื่องของประสิทธิภาพ หรือต้องนำโน้ตบุ๊กไปใช้กับงานที่ต้องพึ่งพาแรมเร็ว ๆ แรง ๆ เช่น งานตัดต่อวิดีโอ งานที่ต้องมีการอ่าน/เขียนไฟล์เยอะ ๆ ก็อาจจะต้องไปเลือกซื้อโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมแรม DDR5 ไปเลย เริ่มต้นซัก 16GB แล้วค่อยอัปเกรดตามมาในภายหลังถ้าจำเป็น

สำหรับการเทียบประสิทธิภาพระหว่างแรม DDR4 และ DDR5 นั้น เข้าไปอ่านต่อได้ที่นี่เลย

ktc hero ssd skc3000 lg

 

SSD – ของที่ต้องมีในยุคนี้

นับเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้วสำหรับคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ กับอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ SSD ที่เข้ามาแทน HDD จานหมุนได้เกือบเต็มตัวแล้วในปัจจุบัน จากราคาต้นทุนที่ถูกลง เราเลยได้เห็นแม้กระทั่งในโน้ตบุ๊กระดับเริ่มต้นที่ราคาไม่สูงมาก ยังมาพร้อม SSD ให้ได้ใช้กันแล้ว (แต่ในรุ่นราคาเบาสุด อาจจะใช้เป็น eMMC ที่ช้ากว่าแทน) ซึ่งข้อดีที่เห็นได้ชัดสุดของ SSD ก็คือความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลที่สูงกว่า HDD จานหมุนหลายเท่าตัว เหมาะที่จะใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการสมัยใหม่ ที่มีการเรียกใช้ข้อมูลอยู่แทบตลอดเวลา

สำหรับประเภทของ SSD ในโน้ตบุ๊กปี 2023 นี้ ก็จะยังมีที่เป็นแบบขั้ว SATA ขนาดปกติ ใช้งานร่วมกับ SSD ขนาด 2.5″ และแบบขั้ว M.2 ที่มีขนาดเล็กกว่า ใช้งานร่วมกับ SSD แบบที่เป็นแท่งเล็ก ๆ ซึ่งเจ้าขั้ว M.2 นี้ก็จะมี SSD แยกย่อยประเภทของอินเตอร์เฟสการเชื่อมต่อไปอีก ว่าเป็นแบบ M.2 ผ่าน SATA และ M.2 ผ่าน PCIe ซึ่งถ้าเป็น SSD M.2 PCIe ในยุคนี้ ก็มักจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี NVMe ด้วย ซึ่งสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SSD แต่ละประเภทได้ที่นี่

HP 15 AMD Up SSD Review NBS 9

ทีนี้ สำหรับการเลือกซื้อโน้ตบุ๊กในปี 2023 ความจุ SSD ขั้นต่ำที่ควรเลือกก็จะแนะนำเป็นที่ 256GB ขึ้นไป ซึ่งถ้าคุณต้องการแค่ใช้งานเบา ๆ ไม่เน้นความเร็วมากนัก ก็เลือกโน้ตบุ๊กที่มาพร้อม SSD แบบ M.2 SATA ก็ได้ แค่นี้ก็เร็วกว่า HDD จานหมุนหลายเท่าตัวแล้ว รวมถึงถ้าจะซื้อ SSD มาอัปเกรดภายหลัง ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างย่อมเยากว่าด้วย แต่ถ้าคุณต้องการความเร็วแรง ก็เลือกรุ่นที่ใช้ SSD แบบ M.2 PCIe NVMe ไปได้เลย จะเป็น PCIe 3.0 (เร็ว) หรือ PCIe 4.0 (เร็วขึ้นไปอีก) ก็ได้

แต่ทั้งนี้จะมีอีกประเภทคือ โน้ตบุ๊กที่มาพร้อม SSD แบบบัดกรีติดมากับเมนบอร์ดเลย ซึ่งตอนซื้ออาจจะต้องเช็คอีกทีครับ ว่าในเครื่องมีช่องสำหรับอัปเกรด SSD มาให้หรือไม่ เพราะถ้าไม่มี เท่ากับว่าคุณจะไม่สามารถเพิ่มความจุ SSD ในเครื่องได้เลยตลอดการใช้งานโน้ตบุ๊กเครื่องนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ โน้ตบุ๊กที่เน้นความบางเบา มักจะไม่ค่อยมีช่องติดตั้ง SSD เพิ่มมาให้ รวมถึงไม่มีช่องใส่แรมเพิ่มด้วย ทางที่ดีคือควรตรวจสอบจากผู้ผลิต หารีวิวโน้ตบุ๊กรุ่นนั้น หรือรุ่นใกล้เคียง และสอบถามหน้าร้านเพื่อความมั่นใจอีกที เพราะโน้ตบุ๊กสมัยนี้ มักจะไม่ค่อยเปิดให้ผู้ใช้อัปเกรดฮาร์ดแวร์ในเครื่องเองได้ง่าย ๆ นัก

Review Avita Liber NotebookSPEC 18

หน้าจอ เลือกแบบไหนดี?

สิ่งสำคัญของโน้ตบุ๊กก็คือหน้าจอ เพื่อที่จะทำให้เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานได้ในทุกที่ ซึ่งส่วนของจอนับเป็นอีกจุดหนึ่งที่มีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก ไล่มาตั้งแต่ขนาด ประเภทพาเนล ค่าสี รีเฟรชเรต ซึ่งจอแต่ละแบบก็มีจุดประสงค์ในการออกแบบที่แตกต่างกัน เรามาเริ่มดูปัจจัยแต่ละข้อกันเลยครับ

ขนาดจอที่เหมาะสม

คำว่าเหมาะสมของแต่ละท่านคงจะมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการในด้านต่าง ๆ ได้แก่ พื้นที่แสดงผลที่ต้องการใช้ และความสะดวกในการพกพา ซึ่งโน้ตบุ๊กในปัจจุบันมักจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาดเริ่มต้นที่ 12″ – 16″ โดยขนาดยอดนิยมก็จะเป็น 13.x” และ 15.6″ ที่มีให้เลือกหลากหลายมาก ๆ ในปัจจุบัน ทั้งในกลุ่มของโน้ตบุ๊กเน้นพกพา โน้ตบุ๊กทั่วไป จนถึงกลุ่มเกมมิ่งโน้ตบุ๊กเลย โดยขนาดของหน้าจอ ก็มักจะแปรผันตามกับขนาดและน้ำหนักของตัวเครื่องด้วยครับ ยกเว้นบางรุ่นที่ทำขอบจอบางมากจริง ๆ เช่น ตัวเครื่องมีขนาดบอดี้เท่า ๆ กับโน้ตบุ๊กจอ 13″ แต่จอของเครื่องจริง ๆ มีขนาด 14″ เป็นต้น

ความละเอียดจอ เท่าไหร่ดี

โดยมากแล้ว ความละเอียดจอเริ่มต้นของโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ มักจะให้มาที่ระดับ Full HD (FHD) 1920×1080 กันแล้ว ซึ่งถือว่าพอเหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปบนจอขนาด 13″ ไปจนถึง 15.6″ เลย ทั้งยังไม่กินแรงการ์ดจอเกินไป ทำให้ความละเอียดระดับนี้ค่อนข้างเหมาะกับทั้งโน้ตบุ๊กทั่วไปและเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่ราคาไม่สูงมากนัก เริ่มต้นที่ 20,000 บาทกลาง ๆ ส่วนถ้าต้องการใช้งานด้านกราฟิกที่เน้นความแม่นยำของสี แน่นอนว่ายิ่งจอความละเอียดสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะมันจะหมายถึงพื้นที่ในการทำงานที่สเกลได้ละเอียดขึ้น แต่ปัจจัยสำคัญสำหรับงานด้านนี้ จะเป็นพวกเรื่องค่าสีซะมากกว่าครับ ถ้าจอมีขอบเขตค่าสีที่สูง จะใช้ความละเอียดที่ระดับ FHD ก็ยังได้เลย

ประเภทของพาเนลจอ – IPS / OLED / Mini-LED

โน้ตบุ๊กส่วนใหญ่ในท้องตลาดตอนนี้ มักจะมาพร้อมพาเนลจอแบบ IPS LCD เป็นมาตรฐานกันแล้ว ที่จะมีความแตกต่างในด้านคุณภาพ เกรดท็อป เกรดรองไปอีก ซึ่งก็สะท้อนออกมาตามราคาเครื่องครับ แต่ข้อดีของ IPS ก็คือค่าสีที่ค่อนข้างดี และมุมมองจอกว้างกว่าเมื่อเทียบกับจอแบบ TFT LCD ที่ตอนนี้หาได้ค่อนข้างยากแล้วในโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ แต่จอ IPS ก็จะมีจุดสังเกตอยู่บ้าง คือมักจะมีอาการแสงรั่วที่บริเวณขอบภาพ อันเกิดจากแสงสว่างของหลอดไฟ backlight ให้แสงที่อยู่ด้านหลังพาเนลจอ ซึ่งโดยทั่วไปก็จะไม่กระทบกับการใช้งาน ยกเว้นเวลาที่หน้าจอแสดงภาพสีดำ เช่น เวลาดูหนังที่มีขอบดำบน/ล่างแบบ letterbox ส่วนที่เป็นขอบดำก็จะไม่ดำสนิท

ส่วนจออีกประเภทที่กำลังได้รับความนิยม และเริ่มเห็นในโน้ตบุ๊กราคาจับต้องได้ง่ายมากขึ้น ก็คือจอแบบ OLED ที่มีจุดเด่นในด้านสีสัน ความดำสนิท ความสว่างที่เหนือกว่า IPS แบบเห็นได้ชัด ทั้งยังไม่มีปัญหาเรื่องแสงรั่วที่ขอบจอด้วย สู้แสงได้ดี แต่อาจจะมีจุดด้อยกว่าในเรื่องของรีเฟรชเรตในจอโน้ตบุ๊กรุ่นราคาไม่สูงมาก และก็จุดอ่อนที่สุดก็คือเรื่องการ burn in ของหลอดไฟ LED ในจุดที่จอต้องแสดงผลแบบเดิมนาน ๆ ซึ่งก็สามารถป้องกันปัญหาดังกล่าวได้ด้วยการตั้งเวลาปิดจอเมื่อไม่ได้ใช้งาน หรือพยายามให้จอเปลี่ยนรูปแบบการแสดงภาพไปเรื่อย ๆ

และประเภทสุดท้ายที่พอจะมีเห็นบ้างในโน้ตบุ๊กสมัยนี้ก็คือจอแบบ Mini-LED ซึ่งที่จริงแล้วก็เป็นการประยุกต์จากเทคโนโลยีจอ LCD ที่มีหลอดไฟ LED backlight ด้านหลัง มาใช้เป็นหลอด LED ขนาดเล็ก ๆ จำนวนมากแทน ทำให้สามารถแสดงภาพที่ดูมีมิติดีขึ้น ส่วนที่เป็นสีดำก็ดูมืดกว่า มีอาการแสงฟุ้งน้อยกว่าจอปกติ แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ถึงระดับจอ OLED และข้อดีที่สำคัญอีกเรื่องเลยก็คือ จะไม่มีปัญหาเรื่องอาการ burn in แบบจอ OLED ด้วย สำหรับโน้ตบุ๊กรุ่นเด่น ๆ ที่ใช้จอ Mini-LED ก็เช่น MacBook Pro 14″ และ 16″ ครับ

Screenshot 2023 05 21 at 3.28.38 PM

แล้วถ้าจะซื้อโน้ตบุ๊กซักเครื่อง เลือกจอแบบไหนดี ก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ควรเลือกที่จอพาเนล IPS เป็นขั้นต่ำไว้ก่อน แล้วค่อยไปพิจารณาค่าสี ดูเครื่องจริงกันอีกที ส่วนถ้าต้องการโน้ตบุ๊กมาใช้ทำงาน จะเลือกแบบไหนก็ได้เลย ขึ้นอยู่กับประเภทของงานที่ใช้ จะเป็น IPS เกรดสูง, OLED หรือจะ Mini-LED ก็ได้ แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องเปิดจอทิ้งไว้นาน ๆ อาจจะพิจารณาเป็นโน้ตบุ๊กจอ IPS จะดีกว่าครับ เพื่อป้องกันปัญหาอาการ burn in รวมถึงถ้าจอมีปัญหา ก็พอจะสามารถหาอะไหล่จอมาเปลี่ยนได้ในราคาย่อมเยากว่าจอ Mini-LED อยู่

ส่วนถ้าเป็นการเล่นเกม ในตอนนี้ก็ยังคงเลือกจอ IPS เอาไว้ก่อนเช่นกัน เพราะเป็นพาเนลจอที่ค่อนข้างลงตัวทั้งด้านสีสัน รีเฟรชเรต ระยะเวลา response time ของจอ รวมถึงยังไม่ต้องกลัวปัญหาเรื่องจอ burn in ด้วย ในกรณีที่ต้องเปิดเกมที่มี HUD นาน ๆ

ถ้าต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปรียบเทียบจอ IPS กับ OLED ก็เข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย

ค่าสี ควรเลือกแบบไหน เท่าไหร่ดี

ในตอนนี้ ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแต่ละราย มักจะบอกรายละเอียดสเปคเรื่องค่าขอบเขตสีที่จอสามารถแสดงได้มาด้วยแทบทั้งนั้นแล้ว เพราะเป็นอีกจุดที่ลูกค้าให้ความสำคัญ โดยค่าของมาตรฐานที่เราพบได้บ่อยก็ได้แก่ sRGB, NTSC และ DCI-P3 โดยจะใช้การแสดงระดับประสิทธิภาพเป็น % ที่จอนั้นสามารถแสดงสีสันได้ตามมาตรฐานต่าง ๆ เช่น 120% sRGB ก็คือจอนั้นสามารถแสดงสีสันทั้งหมดได้สูงกว่าที่มาตรฐาน sRGB กำหนดไว้ ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งสูงก็ยิ่งดี ยิ่งหมายความว่าจอนั้นแสดงสีได้แม่นยำ ใกล้เคียงหรือมากกว่าที่ตาเห็น เหมาะกับการใช้งานที่ต้องจริงจังด้านความแม่นยำสี เช่น งานสายกราฟิก งานออกแบบ ไปจนถึงคนที่ต้องการรับชมความบันเทิง แบบที่ได้อรรถรสอย่างที่ผู้สร้างคอนเทนต์ต้องการมากที่สุด

Screenshot 2023 05 21 at 3.32.20 PM

ทีนี้ ค่าขอบเขตสีที่เหมาะสม ควรจะเป็นเท่าไหร่ดี เริ่มต้นที่ sRGB ก็แนะนำว่าควรจะ 90% ขึ้นไป ได้ระดับ 100% ก็ดี ใช้งานกราฟิกทั่วไปได้ และถ้าสูงกว่า 100% ก็ยิ่งดีมาก ต่อมาคือค่ามาตรฐาน NTSC อันนี้มักจะไม่ค่อยมีการระบุในส่วนสเปคจอโน้ตบุ๊กเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้เทียบตัวเลข ค่า 72% NTSC นั้นจะเท่า ๆ กับระดับ 100% sRGB ครับ

ค่าสุดท้ายที่เจอบ่อยก็คือมาตรฐาน DCI-P3 ที่เป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซึ่งปริมาณขอบเขตสีก็จะมากกว่า sRGB ราว ๆ 26% โดยเฉพาะในกลุ่มของสีโทนแดงและเขียว ทำให้ได้สีสันของภาพที่ดูอิ่มกว่าเล็กน้อย แน่นอนว่าตัวเลขยิ่งสูงก็ยิ่งดีเช่นกัน

Screenshot 2023 05 21 at 3.34.21 PM

รีเฟรชเรต

เป็นค่าความเร็วในการรีเฟรชหน้าจอเพื่อการแสดงผลในแต่ละวินาที มีหน่วยเป็น Hz โดยจอทั่วไปจะอยู่ที่ 60Hz นั่นคือสามารถแสดงได้ 60 เฟรมใน 1 วินาที ยิ่งเลข Hz สูง ก็เท่ากับจอสามารถแสดงเฟรมภาพได้มากขึ้นใน 1 วินาที ส่งผลให้ได้ภาพที่ดูลื่นไหล ต่อเนื่องกว่า

ในกลุ่มของโน้ตบุ๊กทั่วไป มักจะให้รีเฟรชเรตของจอมาที่ 60Hz เป็นหลัก อาจจะมีรุ่นสูงขึ้นมาในบางรุ่นที่ให้มาสูงสุด 90Hz ส่วนกลุ่มของเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก มักจะมีตัวเลือกที่ระดับ 120Hz 144Hz 165Hz ซึ่งเป็นรีเฟรชเรตยอดนิยมในไทย ไปจนถึงระดับสูงสุดที่ 480Hz เลยทีเดียว

ทีนี้ถ้าจะซื้อโน้ตบุ๊กซักเครื่อง รีเฟรชเรตจำเป็นขนาดไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานเช่นเดียวกันครับ ถ้าใช้งานเอกสารทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเน็ต เขียนโปรแกรม งานกราฟิก จะใช้จอ 60Hz ปกติก็สบายมากแล้ว แต่ถ้าต้องการซื้อโน้ตบุ๊กมาเล่นเกม ก็คงต้องมองที่ระดับ 120Hz ขึ้นไปเป็นหลัก แต่ก็ควรจะสัมพันธ์กับความแรงการ์ดจอด้วย เพราะการที่รีเฟรชเรตจอสูง ก็ย่อมต้องการพลังประมวลผลภาพของชิปการ์ดจอที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว อย่างถ้าเครื่องมาพร้อมการ์ดจอเล่นเกมระดับกลาง เช่น RTX 3050 ก็จะค่อนข้างเหมาะกับจอ FHD 120Hz ส่วนถ้าการ์ดจอสูงกว่านี้ ก็มักจะถูกจับคู่มากับจอ 144Hz ที่สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้เหมาะสมกว่าด้วย

ฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ

นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว จอโน้ตบุ๊กหลายรุ่นในปัจจุบันก็มักพ่วงมากับฟีเจอร์เสริมในด้านการแสดงผลเพื่อเป็นจุดขายด้วย อาทิ การรองรับ HDR มาตรฐานระดับต่าง ๆ เทคโนโลยี Dolby Vision ที่เป็น HDR ในมาตรฐานอีกระดับหนึ่งที่ใช้เป็นมาตรฐานในวงการภาพยนตร์ รวมถึงเทคโนโลยีจอสัมผัสด้วย ว่ารองรับการสัมผัสพร้อมกันกี่จุด รองรับการทำงานร่วมกับปากกาสไตลัสแบบไหน ตรวจจับน้ำหนักแรงกดได้กี่ระดับ ซึ่งฟีเจอร์แต่ละอย่างก็จะเหมาะกับการใช้งานในบางแบบที่ค่อนข้างเฉพาะทาง เช่น ถ้าต้องการดูหนังบนจอโน้ตบุ๊ก ก็อาจจะต้องพิจารณาเรื่องการแสดงผลแบบ HDR ด้วย ว่ารองรับได้ระดับไหน ความสว่างจอกี่ nits และนำมาดูกับคอนเทนต์ที่รองรับได้ขนาดไหน เป็นต้น

MSI Raider GE 78HX DSC01845

พอร์ตเชื่อมต่อ

โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ มักมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อที่น้อยลง เพื่อทำให้สามารถออกแบบตัวเครื่องให้มีความบางเบายิ่งขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีเองก็ได้รับการพัฒนาให้พอร์ตเดียวสามารถใช้งานได้หลากหลาย รองรับการต่อพ่วงได้ เป็นต้น ซึ่งในการเลือกซื้อโน้ตบุ๊กของปี 2023 นี้ พอร์ตที่น่ามี น่าสนใจก็มีดังนี้

USB-C ที่เป็นมากกว่า USB-C ปกติ

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าตัวช่อง USB-C ของทุกเครื่อง ทุกอุปกรณ์นั้นจะมีลักษณะหน้าตาที่เหมือนกันแทบจะ 100% คือเป็นพอร์ตรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมโค้งมนคล้ายลู่วิ่ง มีขนาดความยาวราว ๆ 8 มิลลิเมตร รองรับเทคโนโลยีที่หลากหลายมาก ทั้งในด้านการรับส่งข้อมูล เช่น USB 3.0, USB 3.1, USB 3.2, USB 4.0 รวมถึง Thunderbolt เทคโนโลยีด้านการชาร์จ Power Delivery (PD) เทคโนโลยีด้านการถ่ายทอดสัญญาณภาพ DisplayPort 1.4 เพื่อเชื่อมต่อจอ เป็นต้น

ซึ่งผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแต่ละราย มักจะมีการแจ้งรายละเอียดสเปคของพอร์ต USB-C ที่ติดมากับเครื่องอยู่แล้ว ว่ารองรับเทคโนโลยีอะไรบ้าง โดยสิ่งที่ควรพิจารณาก็คือ ควรจะเลือกโน้ตบุ๊กที่มี USB-C ซึ่งรองรับการชาร์จแบบ PD ด้วย (บางรุ่นคือตัดช่องชาร์จไปเลย เพื่อใช้ USB-C ในการชาร์จอย่างเดียว) เพื่อความสะดวกในการเสียบสายชาร์จ เพราะผู้ใช้สามารถเลือกซื้อสาย USB-C และอะแดปเตอร์ USB-C PD มาใช้ได้เองตามที่ต้องการ ขอเพียงแค่สายและอะแดปเตอร์รองรับวัตต์ในการจ่ายไฟเพียงพอกับความต้องการของเครื่อง อย่างในตอนนี้ อะแดปเตอร์ที่สามารถจ่ายไฟได้หลักร้อยวัตต์ ซึ่งมักจะมีขนาดเล็กกว่าอะแดปเตอร์ที่แถมมากับโน้ตบุ๊ก ก็มีขายแล้วในราคาเริ่มต้นที่เกือบพันถึงหนึ่งพันกลาง ๆ เท่านั้น

อีกเทคโนโลยีที่ควรมีก็คือ ควรจะเป็นพอร์ต USB-C ที่รองรับการต่อจอผ่านเทคโนโลยี DisplayPort ด้วย ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกได้มากในเวลาที่ต้องการต่อจอนอกหลาย ๆ จอพร้อมกัน โดยปกติแล้วผู้ผลิตก็มักจะระบุไว้อยู่แล้ว รวมถึงบริเวณข้าง ๆ พอร์ต ก็มักจะมีสัญลักษณ์ DP อยู่ด้วย

ส่วนเรื่องมาตรฐานการรับส่งข้อมูล โดยส่วนใหญ่แล้วแทบทุกเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ที่มีพอร์ต USB-C มักจะรองรับ USB 3.0/3.1 รวมถึง 3.2 กันอยู่แล้ว ส่วน USB 4.0 กับ Thunderbolt 4 ก็จะอยู่ในโน้ตบุ๊กรุ่นราคาสูงขึ้นมานิดนึง ซึ่งใครที่ต้องซื้อโน้ตบุ๊กมาใช้งานกับอุปกรณ์สตอเรจที่รองรับ Thunderbolt ก็คงต้องพิจารณาข้อนี้เป็นหลักด้วยเช่นกัน รวมถึงใครที่เล็งว่าจะซื้อกล่องใส่การ์ดจอ (External GPU enclosure) มาเพื่อต่อการ์ดจอใหญ่แบบแยกเพื่อใช้งานกับโน้ตบุ๊ก ก็ต้องดูเรื่องพอร์ตพวกนี้ดี ๆ เลยครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะต้องใช้การเชื่อมต่อแบบ Thunderbolt 3 ขึ้นไปแทบทั้งนั้น

USB-A มีก็ดี ไม่มีก็ได้ (แหละ)

แทบจะกลายเป็นพอร์ตหายากไปแล้ว สำหรับพอร์ต USB-A แบบขนาดเต็มที่คุ้นเคยกันมาอย่างยาวนาน ด้วยขนาดของพอร์ตที่ค่อนข้างกว้างไปซักนิดนึง จนอาจทำให้ผู้ผลิตที่ต้องการออกแบบโน้ตบุ๊กที่มีความบางมาก ๆ จำเป็นต้องตัดพอร์ตนี้ออก จะยังเหลืออยู่เยอะก็แค่ในเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่ตัวเครื่องหนาหน่อย แต่ในตอนนี้ก็เริ่มมีการนำเทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลรุ่นใหม่ ๆ อย่าง USB 3.2 มาใส่ใน USB-A บ้างแล้ว ทำให้โน้ตบุ๊กหลาย ๆ รุ่นยังคงใส่ USB-A มาให้ 1-2 ช่อง ซึ่งถ้าโน้ตบุ๊กมีช่องนี้อยู่ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกเวลาต้องใช้งานกับอุปกรณ์เสริมที่ยังเป็น USB-A อยู่ เช่น flashdrive หรือสายเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ แต่ถ้าโน้ตบุ๊กที่เล็งไว้ไม่มีพอร์ตนี้ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะสามารถหาซื้อหัวแปลงจาก USB-A เป็น USB-C อันเล็ก ๆ มาพกใส่กระเป๋าไว้ก็ได้ครับ ราคาหลักสิบ หลักร้อยเท่านั้น

Strix Scar G18 DSC01166

HDMI

เป็นพอร์ตต่อจอที่อยู่ยืนยงมาก ด้วยความแพร่หลายของอุปกรณ์ และการพัฒนาที่มีออกมาอยู่เรื่อย ๆ แต่สำหรับโน้ตบุ๊กรุ่นบาง ๆ เบา ๆ ก็อาจจะถูกตัดออกไป แล้วไปใช้การต่อจอนอกผ่านพอร์ต USB-C (DisplayPort) แทน แต่ถ้าเป็นไปได้ การเลือกโน้ตบุ๊กที่มี HDMI ขนาดเต็มติดเครื่องอยู่ บอกเลยว่ามันสะดวกกว่ามากจริง ๆ เพราะจอภาพ โปรเจ็คเตอร์ที่ใช้กันอยู่ แทบทุกเครื่องต้องมีพอร์ตและสาย HDMI ติดตั้งอยู่ทั้งนั้น

ส่วนมาตรฐานของ HDMI ก็มีเช่นเดียวกันครับ โดยในโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ มักจะมาพร้อมกับ HDMI 2.0 หรือ 2.1 เป็นหลัก (2.1 รองรับความสามารถของเวอร์ชัน 2.0 และต่ำกว่าลงมาทั้งหมด) ซึ่งถ้าจะเอาไปใช้ต่อจอนอก โดยเฉพาะสำหรับการเล่นเกม ก็ต้องพิจารณาจุดนี้ด้วยครับ อย่างถ้าจะซื้อโน้ตบุ๊กเกมมิ่งไปต่อจอ 4K 144Hz ผ่าน HDMI ก็ต้องเลือกโน้ตบุ๊กที่มาพร้อม HDMI 2.1 เท่านั้น ส่วนถ้าเป็นจอ 2K 144Hz จะเลือกเป็น HDMI 2.0 ก็ยังได้ แต่ถ้าจะใช้การต่อจอผ่าน DisplayPort ปัจจัยเรื่องเวอร์ชัน HDMI ก็ไม่มีผลครับ เพราะ DisplayPort 1.4 นั้นรองรับจอ 4K 144Hz สบาย ๆ ไปจนถึง 8K 60Hz ได้เลย

IdeaPad Slim 1 DSC00296

ช่องอ่าน SD Card

กลายเป็นช่องเชื่อมต่อสำหรับการใช้งานเฉพาะทางไปแล้วครับ เนื่องจากตอนนี้แทบจะมีแค่สายถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ สายโปรดักชันเท่านั้นแล้วที่ใช้ SD Card ในการทำงานร่วมกับกล้อง ดังนั้นเราจึงเห็นโน้ตบุ๊กหลาย ๆ รุ่นตัดช่องอ่าน SD Card ออกไป หรือเปลี่ยนเป็นช่องอ่าน MicroSD แทน ซึ่งถ้าคุณคิดว่าคงไม่ได้ใช้เท่าไหร่อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อโน้ตบุ๊กที่มีช่องนี้ก็ได้ครับ ไว้ถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็ไปซื้อตัวอ่าน SD Card แบบ USB มาใช้แทนก็ได้ ราคาหลักร้อยเท่านั้นเอง

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00046

กล้องเว็บแคม

แม้จะเป็นส่วนที่หลาย ๆ คนมองข้าม เพราะกล้องเว็บแคมโน้ตบุ๊กโดยทั่วไปก็พอสำหรับการใช้งานพื้นฐาน ใช้ประชุม วิดีโอคอลอยู่แล้ว ส่วนคนที่ต้องใช้งานกล้องแบบจริงจัง เช่น ใช้กับการประชุมที่เป็นทางการมาก ๆ หรือใช้ประกอบการสตรีม ก็มักจะซื้อกล้องเว็บแคมแยกไปเลยซะมากกว่า แต่ที่จริงทางฝั่งผู้ผลิตโน้ตบุ๊กก็มีการพัฒนา และเสริมฟีเจอร์ให้กับกล้องเว็บแคมอยู่เป็นระยะ ๆ เช่น การเพิ่มความละเอียดภาพจากระดับ 720p ที่อยู่มาอย่างยาวนาน หลายรุ่นก็ขยับมาเป็นกล้อง FHD 1080p กันแล้ว รวมถึงบางรายก็มีการปรับฮาร์ดแวร์กล้องให้มีคุณภาพดีขึ้น มีการเพิ่มชิ้นเลนส์เพื่อเพิ่มความคมชัด ทำให้รับแสงได้มากขึ้น เป็นต้น ทำให้ผู้ใช้ได้ภาพจากกล้องที่ดูดีขึ้น ให้ภาพที่สว่าง ดูเป็นธรรมชาติ

ส่วนฟีเจอร์อีกกลุ่มที่มักจะมีมาในโน้ตบุ๊กราคาราว ๆ 30,000 กว่าบาทขึ้นไป ก็คือกล้องเว็บแคมที่มีอินฟราเรด (IR) มาด้วย เพื่อช่วยในการจับตำแหน่งและสแกนใบหน้า ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Windows Hello ของ Windows 10 เป็นต้นมาได้ ช่วยให้การล็อกอินด้วยใบหน้าเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ แม้อยู่ในที่มีแสงน้อยก็ตาม นอกจากนี้ ในบางรุ่นยังมาพร้อมเซ็นเซอร์วัดระยะห่าง (proximity sensor) ที่มักจะถูกนำมาใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ล็อกหน้าจออัตโนมัติ เช่น ถ้าเราลุกออกจากหน้าจอ โน้ตบุ๊กก็จะล็อกจอให้ทันที เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลในเครื่อง ส่วนพอเวลากลับมาถึงหน้าเครื่อง จอก็จะติดขึ้นมา พร้อมให้ผู้ใช้สแกนใบหน้า หรือกรอกรหัสเพื่อปลดล็อกหน้าจอได้เลย

IdeaPad Slim 1 DSC00267

ส่วนอีกฟีเจอร์เสริมสำหรับกล้องเว็บแคมที่น่าสนใจก็คือ แผ่นเลื่อนปิดหน้ากล้อง ที่ผู้ใช้สามารถเลื่อนแผ่นมาปิดหน้าเลนส์ได้เลยในเวลาที่ไม่ได้ใช้กล้อง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ป้องกันกรณีที่อาจโดนแฮคกล้องเว็บแคมได้ รวมถึงยังสะดวกกว่าการใช้เทปหรือสติกเกอร์มาปิดทับหน้ากล้องด้วย เพราะเป็นกลไกอยู่ในเครื่องเลย

สำหรับการเลือกซื้อโน้ตบุ๊กในปีนี้ ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้งานกล้องเว็บแคม ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเลือกรุ่นที่มาพร้อมกล้อง 1080p เป็นหลัก มีอินฟราเรดด้วยก็ดี เพื่อความสะดวกในการใช้งาน แต่ถ้ามีงบจำกัดจริง ๆ กล้อง 720p ก็ยังอยู่ในระดับที่ใช้งานได้ดีอยู่ ไว้เวลาที่ต้องการอัปเกรด ก็ค่อยซื้อกล้องเว็บแคมแยกมาใช้งานแทนก็ยังได้ แค่อาจจะไม่ค่อยสะดวกในเรื่องการเชื่อมต่อเท่านั้นเอง

Lenovo ThinkPad X13 review 16

การเชื่อมต่อ WiFi และ Bluetooth

การเชื่อมต่อไร้สายเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ สำหรับโน้ตบุ๊ก เพราะหลาย ๆ รุ่นมักตัดพอร์ต LAN ออก รวมถึงอุปกรณ์เสริมก็ทำออกมาเป็นแบบเชื่อมต่อไร้สายกันมากแล้ว ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็ควรเลือกซื้อโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายรุ่นใหม่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคืออย่างน้อยควรจะรองรับ WiFi 6 (802.11ax) และ Bluetooth 5.0 ขึ้นไป ซึ่งมักจะอยู่ในโน้ตบุ๊กรุ่นราคา 20,000 กว่าบาทขึ้นไป ตอบโจทย์กับการใช้งานร่วมกับ router ของเน็ตบ้าน ที่ ISP ส่วนใหญ่มักให้ router WiFi 6 มาแล้ว พวกหูฟังต่าง ๆ ก็มักรองรับ Bluetooth 5.0 ขึ้นไป ส่วนในกลุ่มราคาย่อมเยาลงมา ก็จะเจอเป็นกลุ่มของ WiFi AC และ Bluetooth 4.2 แทน ซึ่งยังพอสำหรับการใช้งานทั่วไปได้ดีอยู่ แต่อาจจะมีข้อจำกัดนิดนึงเวลาที่ต้องเชื่อมต่อเพื่อรับส่งข้อมูลจำนวนมาก เช่น การฟังเพลงที่ความละเอียดไฟล์ระดับสูง เป็นต้น

ส่วนในกลุ่มของโน้ตบุ๊กที่ราคาสูงหน่อย ตอนนี้ก็เริ่มจะมาพร้อมการรองรับ WiFi 6E และ Bluetooth 5.3 กันแล้ว ซึ่งถ้างบถึง จะเลือกเป็นกลุ่มนี้ไปเลยก็ดี เพื่อการรองรับอุปกรณ์ในอนาคต

Dell Inspiron 16 5625 Review 50

การอัปเกรดอุปกรณ์ในเครื่อง

อาจจะเป็นจุดที่หลายท่านไม่ได้เน้นมากนัก โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการโน้ตบุ๊กสายบางเบา เพราะโน้ตบุ๊กในกลุ่มนี้ ผู้ผลิตมักจะติดตั้งอุปกรณ์แบบบัดกรีมาบนเมนบอร์ดเลย ทำให้การอัปเกรดแทบเป็นไปไม่ได้ หรือทำได้ยากมาก ๆ

รองลงมาก็จะเป็นกลุ่มโน้ตบุ๊กรุ่นปกติ ซึ่งกลุ่มนี้ ส่วนมากแล้วจะยังพอสามารถอัปเกรดแรมและ SSD ได้อยู่บ้าง เช่น บางเครื่องอาจจะมีช่องใส่แรมว่างอยู่ 1 ช่อง บางเครื่องอาจจะมาพร้อม SSD แบบ M.2 ที่สามารถซื้อมาเปลี่ยนภายหลัง เพื่ออัปเกรดให้มีความจุเพิ่มขึ้นได้ตามต้องการ นอกจากนี้ อาจจะมีบางรุ่นที่สามารถอัปเกรดการ์ด WiFi+Bluetooth ได้ด้วย เช่น อาจจะสามารถเปลี่ยนจากการ์ด WiFi AC ที่ติดเครื่องมา ไปใช้เป็นการ์ด WiFi 6 เป็นต้น ซึ่งก็ต้องเช็คกันดี ๆ ก่อนนะครับ ว่าโน้ตบุ๊กเครื่องนั้นรองรับหรือเปล่า

ส่วนกลุ่มที่พอจะอัปเกรดได้มากสุดในตอนนี้ก็จะเป็นพวกเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก ซึ่งปกติแล้วก็จะไม่หนีจากกลุ่มที่แล้วมากนัก แต่อาจจะมีจุดดีกว่าเช่น มีช่องใส่แรมมากกว่า เช่นมีทั้งหมด 2 ช่อง หรือมี 4 ช่อง ขึ้นอยู่กับการออกแบบเมนบอร์ด และความหนาของเครื่อง ทำให้สามารถซื้อแรมมาใส่เพิ่มได้มากกว่า บางรุ่นก็อาจมาพร้อมช่องใส่ SSD มากกว่า 1 ช่อง เช่นอาจจะเป็นช่องแบบ M.2 มาให้ 2 ช่อง หรือเป็น M.2 หนึ่งช่อง ส่วนอีกช่องเป็น SATA ปกติก็ได้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อ SSD มาใส่เพิ่มได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องถอดของเก่าออก ซึ่งก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่องได้ หรือในบางรุ่นที่รองรับการทำ RAID ผู้ใช้ก็สามารถเลือกได้เลยว่าจะตั้งค่าเป็นแบบไหน จะเน้นความเร็ว เน้นความจุ หรือเน้นความปลอดภัยของข้อมูลก็ทำได้ตามที่ผู้ผลิตออกแบบมาเลย

Lenovo IdeaPad Gaming 3i 9 2

ด้านของการอัปเกรด CPU การ์ดจอ รวมถึงแบตเตอรี่ ในปัจจุบันนี้หารุ่นที่ทำได้ยากมาก ๆ แล้วครับ อย่างในกลุ่มของ CPU และชิปการ์ดจอ ผู้ผลิตมักจะใช้การบัดกรีติดกับเมนบอร์ดไปเลย เพื่อทำให้ตัวเครื่องมีความบางที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมถึงอาจมีผลในแง่ของความเร็วในการรับส่งข้อมูลด้วย ส่วนแบตเตอรี่ ด้วยการออกแบบตัวเครื่องในยุคหลังนี้ ผู้ผลิตมักจะใช้การติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ในเครื่องเลย ไม่ได้เป็นแบบก้อนที่สามารถถอดเองได้ง่าย ๆ แล้ว จึงหาได้ยากมากที่จะมีการอัปเกรดแบตเตอรี่ในปัจจุบัน

ดังนั้น ในการเลือกซื้อโน้ตบุ๊กในปี 2023 นี้ ผู้ซื้อควรตั้งสเปคที่ต้องการจริง ๆ ในใจก่อน เช่นถ้าต้องการแรม 16GB ก็ไปมองหาโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมแรม 16GB ไว้ก่อนเลย ถ้าราคาสูงเกินไป ก็ค่อยขยับลงมาหารุ่นที่ให้แรม 8GB แต่สามารถอัปเกรดแรมเพิ่มได้แทน

ส่วนของ SSD ก็เหมือนกันครับ แต่จะต้องเช็คเพิ่มนิดนึง ว่าถ้าสามารถอัปเกรดได้ จะต้องใช้ SSD แบบไหน ช่องเชื่อมต่อแบบใด ความยาวเท่าไหร่ เพราะพื้นที่ภายในของโน้ตบุ๊กนั้นมีน้อยมาก ผู้ผลิตจึงมักจะล็อกขนาดความยาวของ SSD มาเลย ว่าต้องใช้ขนาดเท่าไหร่ เช่น อาจจะระบุไว้ว่าต้องใช้ SSD แบบ M.2 2242 เท่านั้น ซึ่งก็อาจจะหายากหน่อย เพราะ SSD ที่มีขายทั่วไปในตอนนี้ จะเป็น M.2 ขนาด 2280 ซะเป็นส่วนใหญ่

 

การรับประกัน และศูนย์บริการ

โดยพื้นฐานแล้ว โน้ตบุ๊กศูนย์ไทยทุกเครื่องจะมาพร้อมการรับประกันขั้นต่ำ 1-2 ปี แบบที่ผู้ใช้ต้องนำเครื่องเข้าศูนย์บริการเอง แต่ก็จะมีบางรุ่น บางแบรนด์ที่ให้การบริการแบบ on-site service ถึงบ้าน/ที่นัดหมายเลย อย่างถ้าเมื่อก่อนก็จะเป็น Dell ที่มีชื่อเสียงมานาน ซึ่งในปัจจุบัน แบรนด์อื่น ๆ ก็มีเข้ามาให้สำหรับกลุ่มโน้ตบุ๊กที่พรีเมียมขึ้นมานิดนึง หรือถ้าไม่มี ก็มักจะมีขายแพ็คเสริมการรับประกันแยกให้ พร้อมกับต่อระยะเวลาการรับประกันด้วย ซึ่งก็ควรสอบถามความครอบคลุมให้ละเอียดก่อนซื้อครับ เช่น ว่าจะมีอะไรเพิ่มมาบ้าง ระยะเวลาเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ จำนวนครั้งในการเคลมต่อปี เป็นต้น โดยราคาแพ็คเกจเสริมการรับประกันก็มักจะมีราคาอยู่ที่หลักพัน

นอกเหนือจากพวกประกันตัวเครื่อง บริการ on-site แล้ว หลายแบรนด์ก็จะมีพวกประกันอุบัติเหตุ ประกันแบตเตอรี่ บริการเครื่องใช้ทดแทนระหว่างซ่อมมาด้วย ซึ่งก็อาจจะต้องศึกษารายละเอียดให้ดีครับ จะได้ไม่เสียสิทธิ์ไปฟรี ๆ

ส่วนอีกประเด็นที่ยังคงเป็นข้อสงสัยกันมาอย่างยาวนาน ว่าถ้าอัปเกรดแรมและ SSD เอง โน้ตบุ๊กจะหมดประกันหรือไม่ อันนี้ถ้าเป็นเคสปกติ ไม่มีการงัดแงะจนชิ้นส่วนแตกหัก ไม่มีการบัดกรี หรือเกิดความเสียหายกับแผงวงจร ก็ไม่มีปัญหา ไม่หมดประกันครับ แต่ด้วยความที่โน้ตบุ๊กหลาย ๆ รุ่นมีการออกแบบที่เน้นความบาง จึงอาจทำให้การแกะเครื่องเพื่ออัปเกรดทำได้ยาก เช่น บางรุ่นช่องใส่แรมไปอยู่ใต้คีย์บอร์ด บางรุ่นใช้สลักพลาสติกล็อกฝาหลังทั้งชิ้น ทำให้แงะยาก ถ้าเป็นเครื่องในกลุ่มนี้ แนะนำว่าไปปรึกษาศูนย์บริการ เพื่อให้ช่างอัปเกรดให้จะปลอดภัยสุด

ด้านของศูนย์บริการ หลังจากช่วงโควิด-19 มา บางแบรนด์ก็อาจมีการปรับเปลี่ยนจุดให้บริการไปบ้าง ซึ่งหลัก ๆ แล้วจะสามารถเช็คข้อมูลล่าสุดได้จากหน้าเว็บไซต์ของแต่ละแบรนด์เองครับ โดยข้อมูลเบื้องต้นสามารถอ่านต่อได้ที่บทความนี้ และบทความนี้เลย (อัปเดตปี 2021)

HP Experience and Service Center 06

สรุปการซื้อโน้ตบุ๊กในปี 2023

โดยภาพรวม แนวคิดในการเลือกซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ซักเครื่องก็คือควรจะเลือกรุ่นที่…

  • ราคาเหมาะสมกับงบที่ตั้งไว้
  • สเปคใหม่ล่าสุดเท่าที่เป็นไปได้ และตรงกับโจทย์ความต้องการ โดยยึดจากชิ้นส่วนที่อัปเกรด/เปลี่ยนไม่ได้เป็นหลัก

ซึ่งในข้อที่สองนี้ก็จะเป็นจุดที่ต้องใช้เวลาพิจารณากันซักนิดนึงครับ เพราฮาร์ดแวร์หลายส่วนนั้นถูกออกแบบมาให้อัปเกรด หรือเปลี่ยนแทบไม่ได้เลย เช่น CPU/GPU/จอ เป็นต้น อย่างในกรณีถ้าอยากเน้นเล่นเกม ก็คงต้องเลือกรุ่นที่การ์ดจอแรงเป็นหลัก จอดี รีเฟรชเรตสูงหน่อย แต่ถ้าจะเล่นเกมแบบต่อจอแยกอยู่แล้ว ก็อาจจะลดความสำคัญเรื่องจอลงนิดนึงได้

ส่วนถ้าอยากได้โน้ตบุ๊กทำงานทั่วไป ก็แนะนำว่าควรใช้ CPU ระดับกลางขึ้นไปไว้ก่อน เช่น ตั้งแต่ Core i3/i5 หรือ Ryzen 3/5 เป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับงบประมาณ มีแรมขั้นต่ำ 8GB และ SSD 256GB เอาไว้ ถ้ารุ่นไหนสามารถอัปเกรดเพิ่มเติมได้ ก็ค่อยพิจารณาเรื่องการอัปเกรดในภายหลังได้

สำหรับสายครีเอเตอร์ ก็คงต้องเลือกโน้ตบุ๊กที่ CPU รุ่นสูงหน่อย มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยในการ encode/decode ได้ดี มีคอร์เยอะ ๆ รวมถึงใช้จอคุณภาพสูง สีสันตรง มีพอร์ตเชื่อมต่อความเร็วสูงสำหรับใช้ร่วมกับ external storage เอาไว้ก่อน เพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำงานร่วมกับไฟล์ขนาดใหญ่

ยังไง ถ้ากำลังเล็งโน้ตบุ๊กรุ่นไหน กลุ่มใดอยู่บ้าง ก็ลองเข้ามาชมรีวิวได้จากในส่วนของรีวิวโน้ตบุ๊กในเว็บของเราได้ครับ เพื่อเป็นแนวทางว่ารุ่นไหนเหมาะกับงานที่ต้องการที่สุด รวมถึงจากบทความแนะนำโน้ตบุ๊กน่าซื้อในแต่ละช่วงราคา อาทิ

 

from:https://notebookspec.com/web/702439-buy-a-new-notebook-in-2023

[ลือ] อินเทลจะออกซีพียู Core 14th Gen “Raptor Lake Refresh” มาคู่กับ Meteor Lake

เมื่อไม่กี่วันมานี้ อินเทลเพิ่งประกาศทิศทางใหม่ของซีพียูแบรนด์ Core ว่าจะเลิกนับเจนในชื่อเรียกแล้ว (แต่ยังไม่ในเลขรุ่น) โดยจะเริ่มใช้ในซีพียูโค้ดเนม Meteor Lake ที่จะเปิดตัวภายในปีนี้

แต่ล่าสุดมีข่าวลือมาจากช่องไอทีจีน Golden Pig Upgrade บนแพลตฟอร์ม Bilibili ว่าอินเทลจะยังออกซีพียู 14th Gen มาด้วยเช่นกัน โดยจะเป็นซีพียูแกน Raptor Lake Refresh ที่อัพเดตจาก 13th Gen Raptor Lake ที่วางขายในปัจจุบัน

คาดว่า Raptor Lake Refresh ที่นับเป็น 14th Gen Core อาจมีเฉพาะซีพียูฝั่งเดสก์ท็อปรหัส K (เช่น Core i9-14900K) หรืออาจมีซีพียูโน้ตบุ๊กระดับบน รหัส HX เท่านั้น เพื่อเป็นตัวอุดช่องว่างสินค้าระหว่างรอซีพียูเดสก์ท็อปตัวถัดไป Arrow Lake ในปีหน้า 2024

ส่วน Meteor Lake ที่จะเริ่มใช้แบรนด์แบบใหม่ Core Ultra มีเฉพาะบนโน้ตบุ๊กรหัส U และ H เท่านั้น อินเทลจะรีเซ็ตเลขเจนเป็น 1 ใหม่ (เช่น Core Ultra 5 1003H) โดยจะออก Raptor Lake Refresh รหัส U ออกมาเป็นตัวล่าง (แบรนด์ Core เฉยๆ ไม่มี Ultra) ตามมาในภายหลัง

ที่มา – ExtremeTech

No Description

from:https://www.blognone.com/node/134417

รีวิว ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 เบา 1 โลฯ แบตฯ 12 ชม. เป็น Intel Evo สุดพรีเมี่ยมแห่งปี 2023

ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 โน๊ตบุ๊ค Intel Evo ตัวเบา 1 กก. พกง่ายสุดๆ

NBS 230615 image link arm Zenbook S 13 OLED

สิ่งที่ผู้ใช้คาดหวังจากโน๊ตบุ๊ค คือ การพกพาและน้ำหนักเบาพกง่าย ซึ่งในอดีตแค่เบากว่า 2 กิโลกรัมก็สุดยอดแล้ว แต่ปี 2023 นี้ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 ได้ปักหมุดสถิติความเบาได้สำเร็จด้วยน้ำหนัก 1 กิโลกรัม หนาเพียง 1 เซนติเมตร เอาชนะโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายรุ่นในท้องตลาดไปได้อย่างสวยงาม แถมแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นานร่วม 12 ชั่วโมง นานจนไม่ต้องง้ออแดปเตอร์หรือ Power Bank เลย ถูกใจเซลส์ AE ที่ต้องเอาโน๊ตบุ๊คใส่กระเป๋าไปพบลูกค้าติดต่องานอย่างแน่นอน

ข้อดีต่อมาคือ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 ติดตั้งซีพียู Intel 13th Gen ผ่านมาตรฐาน Intel Evo ได้สเปคระดับ “จบจากโรงงาน” ทั้งแรม 16GB LPDDR5 และ M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB การันตีความเร็วตอนอ่านไฟล์เกิน 6,500 MB/s ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาถึง 2 ช่อง รวมถึงพอร์ตพื้นฐานอย่าง HDMI 2.1 และ USB-A 3.2 ลดความยุ่งยากเวลาต้องต่อจอแยกหรือเมาส์ลงไปได้เยอะมาก แต่ถ้ามี USB-C Multiport Adapter ติดกระเป๋าสักชิ้นรับรองว่าจะสะดวกขึ้นอีก

Advertisementavw

หน้าจอของ Zenbook S 13 OLED ก็ยังคงมาตรฐานสูงเช่นเดิมในขนาดหน้าจอเล็กกะทัดรัด 13.3 นิ้ว แต่มีความละเอียดสูงถึง 2.8K (2880×1800) พิกเซล ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 550 nits รองรับการแสดงผล Dolby Vision ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, PANTONE Validated ว่าพาเนล OLED ของ Zenbook S 13 OLED มีมาตรฐานสูงคุณภาพดี แต่ก็ถนอมสายตาโดย TUV Rheinland Certified, SGS Eye Care Display การันตีแล้วว่าต่อให้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา

ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304

นอกจากนี้ทาง ASUS ยังใส่ฟีเจอร์ดีๆ เข้ามาให้อีกมากทั้งกางหน้าจอได้แบนราบ 180 องศา, เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E ได้, ลำโพงติดตั้งชิป Smart Amplifier มาให้เสียงดังกระหึ่ม ปรับจูนโดย harman/kardon รองรับ Dolby Atmos ในตัว แถมยังมีโปรแกรมลูกเล่นอย่าง GlideX สำหรับจำลองและคุมหน้าจอสมาร์ทโฟนได้ผ่านทาง ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 โดยตรงไม่เสียสมาธิระหว่างทำงานแล้วต้องสลับหน้าจอไปมาให้วุ่นวายด้วย

NBS Verdicts

DSC02937

โน๊ตบุ๊คน้ำหนักราว 1 กิโลกรัม หรือเบากว่านั้นในท้องตลาด ตอนนี้มีไม่กี่รุ่นจนนับนิ้วได้ด้วยมือข้างเดียวด้วยซ้ำ ซึ่ง ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 นี้ก็รวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ซึ่งมันเกิดมาเพื่อตอบโจทย์นักธุรกิจ, เซลส์และ AE ที่ต้องพกโน๊ตบุ๊คไปติดต่องานลูกค้าเป็นประจำ ซึ่งองค์กประกอบของมันก็เอื้ออย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะมีพอร์ต HDMI 2.1 เอาไว้ต่อหน้าจอหรือโปรเจ็คเตอร์ได้ มี USB-A 3.2 เอาไว้ต่อแฟลชไดรฟ์หรือฮาร์ดดิสก์สำหรับเปิดไฟล์งานประชุมได้เลย ช่วยให้งานสะดวกขึ้นมากๆ หรือจะต่อ USB-C Multiport Adapter เข้า Thunderbolt 4 ใช้งานเป็นเดสก์ท็อปตอนนั่งทำงานเอกสารอยู่ในออฟฟิศก็ดีไม่แพ้กัน

ด้านแบตเตอรี่หากใครเป็นแฟนคลับ ASUS Zenbook มาสักพักจะจำได้ว่าซีรี่ส์นี้จะได้แบตฯ ความจุสูงราว 75Wh แต่พอเป็นรุ่นใหม่ซีพียู Intel 13th Gen “Raptor Lake” แล้ว ก็ลดความจุเหลือ 63Wh ให้ใส่แบตเตอรี่เข้าไปตัวเครื่องที่หนา 1 เซนติเมตรได้ แต่ระยะเวลาใช้งานยังน่าประทับใจเช่นเดิมเพราะอยู่ได้นานร่วม 12 ชั่วโมง เวลาพกติดตัวไปธุระนอกออฟฟิศก็ใช้งานได้ทั้งวันไม่ต้องง้ออแดปเตอร์ ช่วยลดจำนวนของในกระเป๋าลงไปได้อีกชิ้นแถมยังได้ซองหนังสำหรับ Zenbook รุ่นนี้แถมมาให้เฉพาะ ช่วยป้องกันตัวเครื่องไม่ให้เกิดริ้วรอยและป้องกันอุบัติเหตุตอนทำเครื่องตกได้อีก

ระบบรักษาความปลอดภัยก็ได้กล้องสแกนใบหน้า IR Camera ติดตั้งมาให้ใช้งาน ปลดล็อคเครื่องได้รวดเร็วไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่านให้เสียเวลาก็ได้ แต่ในทางกลับกันเจ้า Zenbook S 13 OLED ก็ตัดเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Power ออกไปเช่นกัน ดังนั้นถ้าพกไปทำงานตามร้านกาแฟก็ต้องถอดแล้วใส่แมสก์เป็นระยะๆ ซึ่งเหตุผลว่า ASUS ตัดเซนเซอร์ตัวนี้ทิ้งอาจเพราะต้องการทำให้เครื่องบางลง แต่ก็น่าเสียดายเพราะถ้าได้เซนเซอร์นี้ก็จะใช้ชีวิตกับมันได้สะดวกขึ้นมาก

อีกจุดน่าเสียดาย คือ ทัชแพดของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นแบบทั่วไปไม่ได้เป็น ASUS NumberPad 2.0 แบบ Zenbook หลายรุ่นได้ติดตั้งมาใช้ อาจเป็นเพราะตัวเซนเซอร์ภายใต้ทัชแพดน่าจะทำให้ตัวเครื่องหนาขึ้นเกิน 1 เซนติเมตรเลยต้องตัดมันออกไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งถ้ายอมมีความหนาหลักทศนิยมเพิ่มเข้ามาสักนิดก็ยังคงบางน่าใช้งานอยู่ดี

ข้อดีของ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304

  1. น้ำหนักเครื่องเบาเพียง 1 กิโลกรัม หนา 1 เซนติเมตร พกพาง่ายมากไม่ต้องใช้กระเป๋าใหญ่
  2. งานประกอบระดับพรีเมี่ยม วัสดุแข็งแรงทนทาน ผ่านการทดสอบ MIL-STD-810H
  3. สเปคดีจากโรงงาน ได้ Intel 13th Gen รุ่นใหม่ล่าสุดจัดการพลังงานดีใช้งานได้นาน
  4. ได้รับการรับรอง Intel Evo การันตีว่าแบตเตอรี่ทนทาน ทำงานได้เป็นอย่างดี
  5. แบตเตอรี่ความจุ 63Wh แม้จะน้อยลงบ้างแต่ใช้งานได้ร่วม 12 ชั่วโมงเท่าเดิม
  6. มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2 ช่อง ร่วมกับพอร์ตมาตรฐานอื่นๆ ใช้งานได้สะดวก
  7. ติดตั้งกล้อง IR Camera ใช้สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้ ปลอดภัยมีความเป็นส่วนตัวสูง
  8. หน้าจอความละเอียดสูง 2.8K ได้ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้สีสันเที่ยงตรงสวยงาม
  9. ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, PANTONE Validated
  10. กางหน้าจอได้แบนราบ 180 องศา แชร์คอนเทนต์บนหน้าจอให้เพื่อนร่วมงานดูได้ง่าย
  11. ดีไซน์ ErgoLift เมื่อกางหน้าจอแล้วตัวตัวเครื่องจะยกขึ้นเล็กน้อย พิมพ์งานสะดวกมาก
  12. แถมซองหนังระดับพรีเมี่ยมมาให้ ป้องกันตัวเครื่องได้ดีมากไม่ต้องหาซื้อแยกภายหลัง
  13. กล่องกระดาษประคองเครื่องดีไซน์ให้ใช้เป็นฐานวางโน๊ตบุ๊คได้เวลานั่งทำงานอยู่กับโต๊ะ
  14. มีโปรแกรม GlideX ใช้ Mirror จอมือถือขึ้นมาใช้งานบโน๊ตบุ๊ค ใช้เมาส์คีย์บอร์ดควบคุมได้

ข้อสังเกตของ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304

  1. ทัชแพดยังเป็นแบบธรรมดา ไม่ได้ใส่ NumberPad 2.0 มาให้เหมือน Zenbook รุ่นอื่นๆ
  2. เวลาทำงานเต็มที่ เสียงพัดลมระบายความร้อนค่อนข้างดัง วัดได้ 58~60dB

รีวิว ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304

Specification

spec

ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 เป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo สุดบางเบาด้วยตัวเลข 1 กิโลกรัมและ 1 เซนติเมตร แถมยังได้พอร์ตมาค่อนข้างครบเครื่องรวมทั้งเซนเซอร์สแกนลายใบหน้า IR Camera รวมเอาไว้กับกล้องเว็บแคม เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องพกโน๊ตบุ๊คติดตัวไปทำธุระและประชุมงานกับลูกค้าเป็นประจำ ด้านสเปคมีรายละเอียดดังนี้

CPU Intel Core i7-1355U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็วสูงสุด 5GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 ความจุ 1TB
RAM 16GB LPDDR5 บัส 6400MHz
Display 13.3 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3, Dolby Vision ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, PANTONE Validated
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.3

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1 กิโลกรัม
Price 49,990 บาท (BaNANA)

Hardware & Design

DSC02935

ดีไซน์ของ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 หน้าเครื่องยังเน้นความเรียบง่ายไม่หวือหวา แค่สกรีนโลโก้ Dolby Vision, Atmos เอาไว้มุมซ้ายรวมกับสติ๊กเกอร์ Intel Evo, ASUS Perfect Warranty และสติ๊กเกอร์ Microsoft Office Home & Student รวม 3 ตัว ด้านขวาเป็นโลโก้ harman/kardon สกรีนติดเอาไว้

ขอบล่างถัดลงมาจากทัชแพดจะเป็นส่วนตัดเว้าไว้กางเปิดหน้าจอ จากที่ทดลองใช้แล้วถือว่าทาง ASUS วางบาลานซ์มาได้ดีใช้นิ้วเดียวกางหน้าจอใช้งานได้เลยแล้วตัวเครื่องไม่กระดกแม้แต่น้อยและตัวเครื่องไม่ไหลตามนิ้วด้วยเพราะเมื่อกางมาราว 60 องศา ตัวก้านพลาสติกกันลื่นส่วนขอบล่างหน้าจอจะแตะโต๊ะพอดี นอกจากไม่ลื่นไถลแล้วยังวางเครื่องได้มั่นคงขึ้น

ช่องระบายความร้อนทาง ASUS ดีไซน์ซ่อนเอาไว้ตรงขอบเหนือแป้นคีย์บอร์ดหันช่องเข้าขอบล่างหน้าจอ โดยมีอยู่ 2 ช่อง ระบายความร้อนได้ดีมาก แต่เวลา Full load แล้วเสียงพัดลมจะค่อนข้างดัง จากที่วัดด้วยเครื่องวัดเสียงแล้วดังราว 58-60dB ถือว่าเสียงค่อนข้างดังชัดเจน

ฝาหลังของ Zenbook S 13 OLED เป็นอลูมิเนียมทำสี โดยเครื่องทดสอบเป็นสีเทา Basalt Grey มีเส้น 4 เส้นตัดกันเป็นโลโก้แบบใหม่และมีคำว่า ASUS Zenbook เล็กๆ ติดเอาไว้ขอบล่างขวา ด้านวัสดุประกอบเครื่องเป็นวัสดุรีไซเคิล PIR (Post-Industrial Recycled) กับ PCR (Post-Consumer Recycled) โดยใช้เป็นเซรามิคกับอลูมิเนียม ดีไซน์เรียบง่ายไม่มีการทำบอดี้ให้เป็นร่องลึกหรือนูนขึ้นมา ดูเรียบง่ายแต่มีระดับมาก

DSC02881

ส่วนก้านบานพับเมื่อดูด้านข้างจะเห็นว่าทาง ASUS ดีไซน์ให้เป็นเหมือนตัว S กลับด้านแล้วมีก้านล็อคฐานบานพับตัวเครื่องติดเอาไว้ 2 ฝั่ง สามารถกางหน้าจอได้มั่นคงไม่มีอาการก้านจอสะบัดเลยแม้แต่นิดเดียว แถมดีไซน์ ErgoLift ยังช่วยยกตัวเครื่องให้เฉียงขึ้นเล็กน้อยให้พิมพ์งานได้สะดวกและเป็นฐานที่แข็งแรงดีพอควร ซึ่งสัมผัสตอนใช้งานสามารถวางมือพิมพ์งานได้ถนัดดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมาก

DSC02885

นอกจากความหรูหรา ทางบริษัทก็ดีไซน์ชิ้นส่วนในกล่องพัสดุให้หยิบมาใช้กับ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 ได้ด้วย โดยกล่องกระดาศประคองกล่องใส่เครื่องสามารถคว่ำด้านที่มีร่องจับกล่องให้คว่ำลงกับพื้นโต๊ะแล้วเอาโน๊ตบุ๊คมาวางเกี่ยวเอาไว้ ใช้เป็นแท่นวางโน๊ตบุ๊คชั่วคราวหรือจะวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะทำงานเลยก็ได้

ด้านใตั ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 จะมีแถบยางกันลื่น 2 เส้น กับช่องนำลมเข้าไประบายความร้อนอีก 2 ช่อง แต่มีขนาดค่อนข้างเล็กและขันล็อคฝาด้านใต้เครื่องเอาไว้ด้วยน็อต Trox อีก 11 ตัว ขันล็อคเอาไว้แน่นแข็งแรง โดยมีน็อต 4 ตัวขอบล่างเป็นตัวสั้น เวลาเปิดฝาควรแยกเอาไว้เป็นพิเศษไม่เอาไปปนกัน ลดโอกาสใส่น็อตผิดช่องแล้วเกิดปัญหาตามมา

Screen & Speaker

DSC02898

หน้าจอของ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 มีขนาดเล็กกะทัดรัด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED มีขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 รองรับการแสดงผล Dolby Vision ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, PANTONE Validated การันตีสีบนจอ Zenbook S 13 OLED ว่าแม่นยำใช้ทำงานอาร์ตได้ อย่างเช่นแต่งภาพทำ Photoshop อัพโหลดขึ้นโซเชียลหรือให้เซลส์ AE เอาไว้เปิดภาพงานอาร์ตพรีเซนต์งานลูกค้าแล้วได้สินค้ากับภาพในจอตรงกัน

กรอบหน้าจอของ Zenbook S 13 OLED UX5304 ดีไซน์ให้ขอบหน้าจอฝั่งซ้ายและขวาบางเป็นพิเศษให้มีพื้นที่แสดงผลมากขึ้น ส่วนขอบบนของจอมีกล้อง IR Camera สำหรับสแกนหน้าเครื่องติดตั้งเอาไว้และโลโก้ ASUS Zenbook ตรงขอบล่างกลางหน้าจอ และข้อดีของพาเนล OLED ก็ไม่แพ้กับ IPS ในแง่มุมมองภาพกว้าง 178 องศา โดยสีไม่เพี้ยนหรือเกิดเงาทาบบนหน้าจอเลย จึงใช้ทำงานและดูหนังได้ดี

DSC02946

ขอบเขตสีหน้าจอเมื่อทดสอบด้วย DisplayCal 3 ใช้เครื่อง Colorchecker ของ Calibrite ได้ Gamut coverage หรือค่าขอบเขตสีจริงของหน้าจอได้สีกว้างถึง 100% sRGB, 95.7% Adobe RGB, 99.8% DCI-P3 ส่วน Gamut volume หรือขอบเขตสีองค์รวมได้ 170.6% sRGB, 117.5% Adobe RGB, 120.8% DCI-P3 ค่าความเที่ยงตรงสี Delta-E เฉลี่ย 0.09~2.37 ถือว่าแม่นยำดีมาก ใช้ทำงานด้านสีสันได้ดีแน่นอน

เมื่อปรับความสว่างหน้าจอไป 100% แล้ว ตัวโปรแกรมวัดได้ 356.44 cd/m2 ถ้าเทียบจากที่เคลมเอาไว้ 550 nits แม้จะน้อยกว่าหน้าสเปค แต่ตอนใช้งานจริงถือว่าสว่างเหลือเฟือใช้งานได้ดี ถ้าใช้ในอาคารสำนักงานหรือร้านกาแฟแค่ตั้งเอาไว้ 50% ก็สว่างเหลือเฟือแล้ว แต่ถ้าแสงแดดส่องสะท้อนจอจนเริ่มมองไม่เห็นแค่ปรับขึ้นมาราว 70% ก็สว่างพอมองเห็นได้ชัดเจนแล้ว

ลำโพง 2 ดอกของ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 ส่วนขอบล่างใต้ที่วางข้อมือสองฝั่ง เมื่อปรับเสียงลำโพงดัง 100% แล้วถือว่าดังพอควรฟังในห้องนอนดังชัดเจน ปรับจูนเสียงโดย harman/kardon เนื้อเสียงของลำโพงนี้จะเน้นไปทางรายละเอียดและเสียงนักร้องนำเป็นหลักและมีมิติพอควร แต่เสียงเบสบางจนแทบไม่มีแรงปะทะ เลยส่วนตัวลำโพงนี้จะเหมาะกับเพลงแนวคลาสสิคหรือเน้นเสียงนักร้องที่สุด และไม่เหมาะกับเพลงแนวเบสหนักๆ อย่างเพลงร็อคหรือ EDM นัก ส่วนตัวแนะนำให้ต่อลำโพงแยกดีกว่า

Keyboard & Touchpad

DSC02905

คีย์บอร์ดของ ASUS Zenbook S 13 OLED จะเป็นไซซ์ขนาด TKL พร้อมไฟ LED Backlit สีขาวปรับความสว่างได้ 3 ระดับ โดยแสงจะลอดออกด้านข้างและตัวอักษรบนปุ่มให้พิมพ์ในที่แสงน้อยได้สะดวกขึ้น ตัวปุ่มและการ Mapping มาจากคีย์บอร์ดตระกูล ASUS Zenbook มาใช้โดยตรง จึงมีปุ่มหลักๆ ติดมาให้ใช้ครบเครื่องทั้งปุ่มลูกศรรวมกับปุ่ม Page Up, Page Down, Home, End และปุ่ม Delete จะซ้อนกับปุ่ม Insert เอาไว้ด้วย

สำหรับปุ่ม Power ระหว่างปุ่ม Print Screen และ Delete จะเป็นปุ่มธรรมดาไม่มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยส่วนตัวอยากให้ใส่มาด้วยเพราะเหมาะกับยุค Post COVID-19 มาก แต่เหตุผลน่าจะเป็นเรื่องมิติความหนาเลยใส่เป็นปุ่มธรรมดามาให้แทนและรวมเอาไว้กับแป้นคีย์บอร์ดชุดหลักด้วย ถึงจะพลาดกดโดนก็ไม่เป็นไรเพราะมันจะกลายเป็นคำสั่ง Sleep เข้าหน้า Lock screen แทน ถ้าจะใช้งานก็กดอีกครั้งพอ

แป้นคีย์บอร์ดของ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 เทียบกับโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ในปัจจุบันที่บางและระยะกดตื้นอยู่แล้ว เครื่องนี้จะบางลงไปอีกจนระยะกดตื้นมากแทบจะแตะสัมผัสได้ ใช้ปลายนิ้วแตะกดเบาๆ ก็ทริกเกอร์ทำงานทันทีแทบไม่ต้องใช้แรงเลย ซึ่งถ้าบางกว่านี้อีกนิดก็เท่ากับ Butterfly Keyboard ของ MacBook โมเดล 2016~2019 แล้ว ถ้าใครใช้คีย์บอร์ดเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหรือคีย์บอร์ดปกติน่าจะต้องปรับตัวสักระยะหนึ่งถึงจะกะแรงตอนพิมพ์ได้เหมาะสม

DSC02916

Function Hotkey ของ Zenbook S 13 OLED UX5304 จะรวมเอาไว้กับปุ่ม F1~F12 ถ้าจะใช้ตามปกติ ให้กด Fn+Esc เพื่อสลับโหมดได้ คำสั่งปุ่มยกจากซีรี่ส์ ASUS Zenbook มาใช้โดยตรง มีคีย์ลัดดังนี้

  • F1~F3 – ปิด, ลดหรือเพิ่มเสียงลำโพง
  • F4~F5 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
  • F6 – ปิดแป้นทัชแพด
  • F7 – ปรับความสว่างไฟ LED Backlit คีย์บอร์ด
  • F8 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
  • F9 – ปิดไมโครโฟน
  • F10 – ปิดกล้อง Webcam
  • F11 – เรียกโปรแกรม Snipping Tool
  • F12 – เรียกโปรแกรม MyASUS ขึ้นมาใช้งาน

ชุดคีย์ลัดของ Zenbook S 13 OLED นี้ ถึงจะยกมาใส่โดยไม่ปรับเปลี่ยนอะไรก็ตาม แต่ก็ให้ฟังก์ชั่นมาครบเครื่องดี ถ้าเป็นไปได้อยากแนะนำให้เอาคำสั่งเรียกโปรแกรม Snipping Tool ตรง F11 ไปรวมกับปุ่ม Print Screen แทนแล้วให้กดแบบรวมกับปุ่ม Fn จะดีกว่าแล้วใส่คำสั่งอื่นเช่น Airplane Mode แทนจะใช้งานได้สะดวกขึ้นมาก

ทัชแพด ErgoSense ของ Zenbook S 13 OLED ขยายขนาดมาให้กว้างมาก ทำขอบบนและล่างให้สุดขอบที่วางข้อมือและตัวแป้นด้านข้างถือว่ากว้างพอลากเคอร์เซอร์เมาส์ไปมาจนสุดขอบหน้าจอได้สบายๆ เวลาวางมือซ้ายแล้วสันมือจะทาบบนตัวแป้นโดยเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าไม่ใช้งานจะกด Fn+F6 ปิดทิ้งแล้วต่อเมาส์แทนก็ได้แต่ไม่มีอาการทัชแพดลั่นกวนใจอย่างแน่นอน

ถึงทัชแพดนี้จะทำงานได้ดีตอบสนองเร็วยอดเยี่ยมก็จริง แต่ก็เสียดายว่า ASUS ไม่ได้ใส่ NumberPad 2.0 มาให้เหมือน Zenbook รุ่นอื่น ดังนั้นถ้าใครทำงานบัญชีเปิดไฟล์ Excel บ่อยๆ ควรต่อคีย์บอร์ดหรือชุด Numpad แยกออกไปจะทำงานได้สะดวกกว่า ส่วนตัวคิดว่าสาเหตุที่ไม่ได้ใส่แป้นนี้มาให้เพราะใต้ตัวแป้นน่าจะมีเซนเซอร์และชิ้นส่วนที่ทำให้ตัวเครื่องหนาขึ้นเลยต้องตัดทิ้งไป กลับกันถ้าใส่มาให้แล้วยอมหนาขึ้นอีกไม่กี่มิลลิเมตรให้มีลูกเล่นดีๆ เพิ่มเข้ามาอีกก็คุ้มค่าอยู่

Connector / Thin & Weight

ถึงจะรีดตัวเครื่องมาบางเพียง 1 เซนติเมตร แต่ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 ก็มีพอร์ตพื้นฐานติดมาคู่กับ Thunderbolt 4 ด้านข้างซ้ายของเครื่องด้วย โดยมีดังนี้

  • ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – HDMI 2.1, Thunderbolt 4 x 2 ช่อง, ไฟแสดงสถานะการชาร์จ
  • ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – ไฟแสดงสถานะการทำงาน, Audio combo, USB-A 3.2
  • การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.3

ถือว่าทาง ASUS เองก็ใส่พอร์ตจำเป็นใช้มาด้วย ไม่ได้มีเฉพาะ Thunderbolt 4 เท่านั้น จึงต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ อย่างโปรเจคเตอร์, หน้าจอแยกและเมาส์เพิ่มได้ ถ้ามีหน้าจอทำงานแบบต่อสาย USB-C และเป็น Port Hub ด้วยยิ่งใช้งานสะดวก ให้ดีก็ซื้อ USB-C Multiport Adapter มาต่อ Thunderbolt 4 แยกเป็นพอร์ตอื่นๆ ด้วยยิ่งใช้งานสะดวกขึ้นหลายเท่า

DSC02845

น้ำหนักของ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 เมื่อชั่งดูแล้วเฉพาะเครื่องอย่างเดียวหนัก 1.04 กิโลกรัมตามที่เคลมไว้บนหน้าสเปค ถ้ารวมอแดปเตอร์ 65 วัตต์ ของตัวเครื่องอีก 218 กรัม จะหนัก 1.26 กิโลกรัม ใส่ซองหนังเฉพาะของ Zenbook อีก 172 กรัม จะหนัก 1.43 กิโลกรัมพอดี จัดว่าพกพาสะดวกสบาย ถือว่าเบาเป็นอันดับต้นๆ ของโลกในปัจจุบันนี้ด้วยซ้ำ

Inside&Upgrade

DSC02852

วิธีเปิดฝา ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 นั้นง่ายมาก แค่ขันน็อต Trox ทั้ง 11 ตัวออกแล้วเอาการ์ดแข็งแซะตามขอบตัวเครื่องไล่ไปเรื่อยๆ ก็ถอดฝาออกได้ทันที แต่เมื่อเปิดแล้วจะเห็นว่าพาร์ทที่ผู้ใช้ถอดเปลี่ยนได้เองจะมีแค่ M.2 NVMe SSD ใต้พัดลมฝั่งซ้ายมือเท่านั้น เพราะชิ้นส่วนอื่นถูกบัดกรีติดบนเมนบอร์ดหมดและน่าจะซ้อน Wi-Fi PCIe Card เอาไว้ใต้ SSD ด้วย ให้ใส่แบตเตอรี่ 63Wh เข้าไปได้

DSC02860

สังเกตว่าชิปแรม Micron 4 อันของ Zenbook S 13 OLED จะบัดกรีติดอยู่ใกล้ๆ Intel Core i7-1355U ดังนั้นถ้าใครซื้อเครื่องนี้มาก็ใช้งานไปเลยไม่ต้องคาดหวังเรื่องการอัพเกรดเพิ่ม ยกเว้นเฉพาะตอนที่ M.2 NVMe SSD ตัวหลักเสียหายใช้งานไม่ได้ค่อยเปลี่ยนในภายหลัง ดังนั้นถ้าใครซื้อ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 มาก็เปิดเครื่องใช้งานไปเลยไม่ต้องอัพเกรดเพิ่ม

Performance & Software

cpu

ซีพียูของ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 เป็น Intel Core i7-1355U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็วสูงสุด 5GHz สถาปัตยกรรม Raptor Lake เทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ 10 นาโนเมตร ค่า TDP 15 วัตต์ ซึ่งไม่สูงมากตามแบบซีพียูรุ่นประหยัดพลังงาน รองรับชุดคำสั่งพื้นฐานใช้งานครบถ้วนใช้ทำงานได้เป็นอย่างดี

เมนบอร์ดของ Zenbook S 13 OLED ทาง ASUS ผลิตเอง ติดตั้งแรมมาแบบออนบอร์ด มีความจุ 16GB LPDDR5 บัส 6400MHz ชิปแรมผลิตโดย Micron Technology รองรับ M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 สามารถติดตั้ง SSD รุ่นใหม่ล่าสุดแล้วรีดประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่

gpu

กราฟิคการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดรุ่น Intel Iris Xe Graphics เน้นใช้แสดงผลภาพขึ้นหน้าจอและทำงานกราฟิคตัดต่อแต่งภาพและคลิปได้แน่นอน รองรับชุดคำสั่ง OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan เพื่อใช้ทำงานครบถ้วน ทว่าจะไม่เหมาะกับการเล่นเกมมากนัก

device

พาร์ทภายในเครื่องเมื่อเช็คด้วย Device Manager จะเห็นว่า ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 มีชิปรักษาความปลอดภัย TPM 2.0 สำหรับประสานงานกับ Windows 11 และกล้อง IR Camera สำหรับใช้งานร่วมกับ Windows Hello ใช้สแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่อง

เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi PCIe Card รุ่น Intel AX211 เป็น Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.3 ในตัว มีแบนด์วิธรับส่งข้อมูล 160MHz เชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz / 6GHz ได้ รองรับเทคโนโลยี MU-MIMO, OFDMA, Intel vPro ถือว่าครบเครื่องทันสมัยที่สุดในบรรดา Wi-Fi Card ที่หาได้ในปัจจุบันนี้

ssd

M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB เมื่อเช็ครหัสใน Device Manager เป็น Samsung PM9A1 เป็น SSD แบบ OEM ประสิทธิภาพสูง ทาง ASUS เคลมความเร็วเอาไว้หน้าเว็บไซต์ว่าอยู่ที่ 6,500MB/s ด้านของ Samsung ขึ้นสเปคไว้ว่า SSD ตัวนี้มีความเร็ว Sequential Read 7,000 MB/s และ Sequential Write 5,100 MB/s อินเตอร์เฟสเป็น PCIe 4.0 x4

เมื่อทดสอบความเร็วอ่านเขียนข้อมูลด้วย CrystalDiskMark 8 มีความเร็ว Sequential Read 6,766.69 MB/s และ Sequential Write 5,017.22 MB/s ถือว่าเร็วกว่าที่ ASUS เคลมไว้หน้าเว็บไซต์ ใกล้เคียงกับสเปคหน้าเว็บไซต์ของ Samsung อีกด้วย ในฐานะโน๊ตบุ๊คบางเบาเพื่อใช้ทำงานเป็นหลักถือว่าทำงานได้เร็วมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องอัพเกรดก็ได้

ด้านการทดสอบเรนเดอร์โมเดล 3D ด้วยโปรแกรมตระกูล CINEBENCH ทั้ง 3 เวอร์ชั่นแล้ว ถือว่า Intel Core i7-1355U สามารถรันงานได้ดีระดับหนึ่ง เอาไว้พรีวิวตัวอย่างงานหรือตัดต่อแต่งภาพเพื่อใช้นำเสนองานได้ดีระดับหนึ่ง ถ้าแยกตามตัวโปรแกรมแล้วจะเป็นดังนี้

  • R23 – ใช้ทดสอบพลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก มีความละเอียดและแม่นยำสูง ได้คะแนน Multi Core 5,997 pts และ Single Core อีก 1,707 pts
  • R20 ใช้ทดสอบกำลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก ได้คะแนน CPU 2,330 pts
  • R15 ใช้ทดสอบการเรนเดอร์งานและโมเดล 3D ว่าซีพียูและกราฟิคการ์ดทำได้ลื่นไหลหรือไม่ คะแนน OpenGL 96.31 fps และ CPU 911 cb
Screenshot 2023 06 09 224134

ส่วนของโปรแกรม PCMark 10 สำหรับทดสอบโน๊ตบุ๊คโดยอิงกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน จะเห็นว่า ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 ทำคะแนนเฉลี่ยรวมได้ 5,540 คะแนน ซึ่งไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายรุ่นในปัจจุบันนี้ สามารถใช้ทำงานต่างๆ ได้รอบด้านและเด่นเรื่องใช้งานทั่วไปเช่นเปิดโปรแกรมต่างๆ และเปิดเว็บเบราเซอร์ขึ้นมาทำงาน, ประชุมออนไลน์รวมถึงทำงานเอกสารออฟฟิศได้ดีพอสมควรอีกด้วย

จุดน่าสนใจ คือกราฟิคการ์ด Intel Iris Xe Graphics ในซีพียูใช้ทำงานกราฟิคได้ดีระดับหนึ่ง สามารถใช้ตัดต่อแต่งภาพและวิดีโอได้ดีพอสมควร ถ้าปั้นหรือทำโมเดล 3D ถือว่าพอทำได้แต่ยังไม่ถึงกับเครื่องที่มีการ์ดจอแยกโดยเฉพาะพร้อมคอร์กราฟิคสำหรับทำงานประเภทนี้โดยเฉพาะแต่ก็ยังพอใช้พรีวิวตัวอย่างได้ระดับหนึ่ง

Screenshot 2023 06 09 221048

ด้านการเล่นเกมเมื่อทดสอบด้วย 3DMark Time Spy จะได้คะแนนเฉลี่ย 1,540 คะแนน แยกเป็น CPU score 4,665 คะแนน และ Graphics score 1,378 คะแนน เป็นคะแนนในระดับไม่สูงมาก แค่พอใช้เล่นเกมออนไลน์หรือเกมที่ไม่กินกราฟิคมากฆ่าเวลาได้อยู่ ซึ่งถ้านับตามความโดดเด่นแล้ว ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 จะดีและเหมาะกับการทำงานออฟฟิศและจัดการแบตเตอรี่ให้ใช้งานต่อเนื่องได้นานหลายชั่วโมง แต่ไม่เด่นนักหากเอามาใช้เล่นเกมหรือใช้ทำงานกราฟิคหนักๆ นัก

Screenshot 2023 06 14 114801

นอกจากใช้ทำงานตามปกติแล้ว ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 ก็มีโปรแกรม GlideX สำหรับ Mirror เอาหน้าจอสมาร์ทโฟนมาขึ้นบนจอคอมได้ทันทีแถมยังใช้เมาส์คีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊คควบคุมมือถือได้อีกด้วย ใช้วิธีเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ได้โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. โหลดแอพฯ GlideX มาติดตั้งในสมาร์ทโฟน รองรับทั้ง iOS, Android
  2. เชื่อมต่อ Wi-Fi เครือข่ายเดียวกันทั้งมือถือและโน๊ตบุ๊ค
  3. เปิดโปรแกรม GlideX ใน Zenbook S 13 OLED และสมาร์ทโฟน เมื่อสั่งเชื่อมต่อจากโน๊ตบุ๊คแล้วจะมีหน้าต่างให้กดยืนยันการเชื่อมต่อขึ้นบนจอสมาร์ทโฟน
  4. เมื่อกดยืนยันแล้วอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นจะเริ่มเชื่อมต่อกัน แล้วโชว์ภาพหน้าจอของสมาร์ทโฟนบนจอคอม
  5. เวลาใช้งานสามารถลากเมาส์ไปมาบนหน้าจอและใช้คีย์บอร์ดพิมพ์ได้ แต่ถ้าต้องการกด Back / Home / Recent App ให้กดตรงไอคอนด้านข้างบนแถบสีดำแทน
Screenshot 2023 06 16 165030

ข้อดีของแอพฯ GlideX คือ ทำให้เราไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาบ่อยๆ สามารถโฟกัสกับสิ่งที่อยู่บนจอคอมได้อย่างต่อเนื่องไม่ต้องสลับไปมาให้เสียเวลามากและยังใช้ต่อกับหน้าจอคอมแบบไร้สายก็ได้ หรือต่อกับแท็บเล็ตเอาไว้เขียนจดวาดภาพทำงานก็สะดวกไม่แพ้กัน ทว่าตัวแอพฯ ใน ASUS Zenbook ยังเป็นเวอร์ชั่นใช้งานฟรี ซึ่งถ้าจ่ายค่าใช้บริการรายเดือนแล้ว จะเชื่อมต่อผ่านสาย USB และใช้ฟังก์ชั่นอื่นๆ เพิ่มได้อีกด้วย ยิ่งถ้าใครใช้แท็บเล็ตนอกจากใช้เป็นหน้าจอเสริมพกพาก็ยังเอาไว้วาดภาพเขียนจดและคอมเมนท์งานเพิ่มได้สะดวกขึ้นอีกด้วย

MyASUS

นอกจากลูกเล่นอย่าง GlideX โปรแกรมติดเครื่องสำหรับตั้งค่าและอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดเสมออย่าง MyASUS ก็ถูกติดตั้งมาให้ใช้ตั้งค่าตัวเครื่องด้วย โดยส่วนสำคัญคือฟีเจอร์ ASUS OLED Care สำหรับถนอมพาเนล OLED ให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น ถนอมพาเนลไม่ให้เสื่อมสภาพเร็วไป และขอแนะนำให้เข้ามาเปิดฟีเจอร์นี้เอาไว้ด้วยจะดีสุด

Battery & Heat & Noise

DSC02861

แบตเตอรี่ของ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 มีความจุ 63Wh แยกเป็น Typical Capacity 8,140mAh และ Rated Capacity 7,902mAh เป็นแบบลิเธียมโพลีเมอร์กินพื้นที่ภายในเครื่องไปครึ่งหนึ่ง โดยแบตเตอรี่ความจุนี้สามารถใส่กระเป๋าพกขึ้นเครื่องบินได้เลยไม่มีปัญหาใดๆ แต่ถ้าเทียบกับ Zenbook รุ่นอื่นซึ่งได้แบตเตอรี่ราว 75Wh ถือว่า S 13 OLED UX5304 ใส่แบตเตอรี่มาได้น้อยลง คงเพราะขนาดตัวเครื่องทั้งมิติความหนาและบอดี้ 13.3 นิ้วบังคับเอาไว้นั่นเอง

เมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์ โดยลดความสว่างหน้าจอเหลือ 50% เปิดเสียงลำโพง 10% ปิดไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ดแล้วเปลี่ยนโหมดตัวเครื่องเป็น Whisper Mode แล้วใช้ Microsoft Edge เปิดดูคลิป YouTube นาน 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง Zenbook S 13 OLED ก็ยังจัดการแบตเตอรี่ให้ใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 11 ชั่วโมง 32 นาที หรือร่วม 12 ชั่วโมง หากเทียบกับที่ ASUS เคลมเอาไว้ว่าใช้งานได้ 14 ชั่วโมง คาดว่าต้องปิดเสียงลำโพงทิ้งไปก็น่าจะได้ระยะเวลาตรงตามเคลมแน่นอน

แต่ถึงแบตเตอรี่จะมีความจุลดลงไป 12Wh ก็จริง แต่ก็ต้องยกความดีให้ Intel Core i7-1355U ที่จัดการแบตเตอรี่ได้ดีมาก ตอนพกเครื่องไปนั่งทำงานข้างนอกออฟฟิศทั้งวันก็ใช้งานได้นานทั้งวัน จากตอนเช้าหลังจากถอดสายชาร์จเวลา 8 โมงเช้า ขับรถไปทำธุระและเปิดเครื่องทำงานไปโดยใช้เป็น Whisper Mode แบตเตอรี่ก็แทบไม่ลดลงเลย พอถึงเวลา 5 โมงเย็นยังเหลือแบตเตอรี่ให้ใช้อีก 50% ซึ่งถ้าเป็นซีพียู Intel 11th~12th Gen อาจจะเหลือแบตเตอรี่ราว 30~35% แล้ว ถือว่า ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 มีแบตเตอรี่พอใช้งานในระยะเวลา 1 วันโดยไม่มีปัญหาแน่นอน

DSC02864

ชุดระบายความร้อนพัดลมคู่ของ Zenbook S 13 OLED UX5304 มีช่องนำลมเข้าพัดลมเพียง 2 ช่องเล็ก นำลมเข้าไปยังพัดลมในเครื่อง มีฮีตไปป์ 2 เส้น พาดตรงจากซีพียู Intel Core i7-1355U ไปยังฮีตซิ้งค์แล้วระบายความร้อนออกจากเครื่องผ่านช่องลมออกเหนือขอบตัวเครื่อง แต่ช่องมีขนาดเล็กเวลาทำงานเต็มที่แล้วเสียงพัดลมกับลมจากช่องเลยค่อนข้างดังชัดเจนและออกแหลม วัดความดังได้ราว 58~60dB

การจัดการอุณหภูมิภายในตัวเครื่องถือว่าทำงานได้ดีและความร้อนไม่กระจุกตัวอยู่บริเวณสันมือตอนพิมพ์งานเลย พอตอนรันโปรแกรม Benchmark ให้ทำงานเต็มที่แม้จะอุ่นขึ้น แต่ก็ระบายความร้อนให้กลับมาเย็นได้อย่างรวดเร็ว โดยอุณหภูมิจะเป็นดังนี้

อุณหภูมิ ใช้งานปกติ
(เซลเซียส)
เปิดโปรแกรมทดสอบ
(เซลเซียส)
ซีพียู 52~88 52~95
เมนบอร์ด 55~72 55~92

แม้อุณหภูมิตอน Full load จะดูสูงแต่ระบบระบายความร้อนของ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 ก็จัดการอุณหภูมิได้ดีมาก แม้อุณหภูมิตีขึ้นไป 95 องศาเซลเซียสก็จริงแต่ค้างอยู่ไม่นาน เพียงไม่เกิน 2 วินาที แล้วชุดพัดลมโบลวเวอร์จะเร่งรอบระบายความร้อนออกไปได้อย่างรวดเร็ว แลกกับเสียงพัดลมที่ดังขึ้นอย่างชัดเจนก่อนเบารอบลดรอบเสียงพัดลมลงมาทำงานตามปกติอีกครั้ง

User Experience

DSC02945

ความประทับใจแรกตอนเอา ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 ไปทดลองใช้ต้องยกให้น้ำหนักที่เบาเพียง 1 กิโลกรัม ซึ่งเบามากเมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค Intel Evo หลายๆ รุ่นในตลาด ทำให้มันพกพาง่ายมากและไม่ถ่วงไหล่เกินไปด้วย ถ้าใครชอบพกอุปกรณ์ใส่กระเป๋าไปมาเยอะๆ มีแท็บเล็ต, Powerbank ฯลฯ ติดตัวไปด้วยก็ไม่มีปัญหา ถ้าเอาใส่กระเป๋าเป้แล้วจะแบกไปไหนก็ไม่มีปัญหาหรือใส่กระเป๋าสะพายข้างแบบ Messenger Bag ก็ไม่มีปัญหา และตัวเครื่องหนาเพียง 1 เซนติเมตร เลยทำให้กระเป๋าไม่บวมกินพื้นที่เกินจำเป็น

ส่วนของระยะเวลาใช้งานด้วยแบตเตอรี่ก็น่าประทับใจ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนยังติดภาพว่าซีพียูแบบคอร์ 2 ชุดของ Intel ตั้งแต่รุ่นที่ 12 เป็นต้นมายังจัดการพลังงานได้ไม่ถึงใจเท่าไหร่ แม้จะใช้ได้ราว 8~10 ชั่วโมงก็จริง แต่ตอนใช้งานจริงพอจบวันแล้วก็เหลือแบตเตอรี่ค่อนข้างน้อย ถ้าต้องประชุมออนไลน์หรือแก้งานก็ต้องหยิบพาวเวอร์แบงค์มาต่อหรือหาที่เสียบปลั๊กแน่นอน แต่ Zenbook S 13 OLED แม้จะมีแบตเตอรี่แค่ 63Wh พอใช้ทำงานผ่านเบราเซอร์ Google Chrome ตั้งแต่ 08:00~17:00 น. เปิดความสว่างหน้าจอแค่ 50% เหมือนกัน สุดท้ายก็ยังเหลือแบตเตอรี่ค้างเอาไว้ 50% หรือทั้งวันใช้ไฟเพียง 31.5Wh เท่านั้น ในส่วนนี้ต้องยกความดีให้กับ Intel Core i7-1355U และ BIOS ที่ปรับแต่งมาได้ดีทีเดียว

กล่าวคือ ถ้าใครซื้อ ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 ไปใช้งานก็เอาอแดปเตอร์ของตัวเครื่องไปประจำโต๊ะทำงานได้เลยแล้วพกไปแค่เครื่องอย่างเดียวก็พอ อย่างมากอาจเอาปลั๊ก GaN กำลังชาร์จ 65 วัตต์หรือ Powerbank สำหรับชาร์จโน๊ตบุ๊คติดไปอย่างใดอย่างหนึ่งก็พอแล้ว และถ้าใครต้องต่ออุปกรณ์เสริมเยอะหรือเผื่อไปพรีเซนต์งานก็หาซื้อ USB-C Multiport Adapter มาเตรียมไว้ในกระเป๋าก็ได้ เผื่อว่าต้องต่อแปลง Thunderbolt 4 ออกมาเป็น VGA, Card Reader หรือเพิ่มหัว USB-A ไว้ใช้อีก 1-2 หัวก็ดี

DSC02929

ด้านระบบการยืนยันตัวแบบชีวมาตร (Biometric) มีเฉพาะกล้อง IR Camera ติดมาคู่กับเว็บแคมเท่านั้น ถ้าใช้งานในออฟฟิศก็ถือว่าสะดวก แต่ถ้าออกไปนั่งทำงานตามร้านกาแฟก็อาจจะถอดหน้ากากอนามัยชั่วคราวเพื่อสแกนหน้า ซึ่งถ้าทำแบบ Zenbook รุ่นก่อนๆ แล้วยอมให้เครื่องหนาเกิน 1 เซนติเมตรเพียงไม่กี่ มม. ก็ถือว่าไม่มีปัญหา แลกกับความสะดวกและปลอดภัยจาก COVID-19 ก็ถือเป็นเรื่องดีเช่นกัน

ชิ้นส่วนของตัวเครื่องที่ถูกรีดให้บางลงอีกอย่าง คือแป้นคีย์บอร์ดซึ่งระยะกดปุ่มบางจนแทบต้องแตะพิมพ์เอา ทำเอาผู้เขียนคิดถึง Butterfly Keyboard ของ MacBook โมเดล 2016~2019 ขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคีย์บอร์ดนั้นนอกจากแข็งและระยะกดตื้นมากจนผู้เขียนเคยนิ้วซ้นมาแล้วเลยไม่ประทับใจนัก แต่ยังดีว่าของ Zenbook S 13 OLED ตัวนี้ยังมีระยะสปริงเอาไว้ซับแรงนิ้วตอนกดอยู่เลยไม่มีปัญหานี้ ส่วนตัวถ้าใช้โน๊ตบุ๊คบางเบามาตลอดก็ไม่น่ามีปัญหากับคีย์บอร์ดตัวนี้ แต่ถ้าใช้ Mechanical Keyboard หรือคีย์บอร์ดของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คมาก่อนก็ต้องปรับตัวกันเยอะพอควรถึงจะกะแรงได้อย่างเหมาะสม

Conclusion & Award

DSC02948

ASUS Zenbook S 13 OLED UX5304 เป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ที่ดีมากอีกเครื่อง เหมาะกับคนที่ชอบความเบาบาง เพราะหนา 1 ซม. หนัก 1 กก. เลยใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนได้ง่าย ใช้ทำงานได้ร่วม 12 ชม. แถมยังได้ซีพียู Intel 13th Gen รุ่นใหม่ล่าสุด ในแง่ประสิทธิภาพตอนทำงานทั่วไปทั้งแต่งภาพหรือทำงานเอกสารทั่วไปก็ถือว่าดีน่าใช้มากและยังติดเซนเซอร์สแกนใบหน้ามาด้วยช่วยให้ปลอดภัยและใช้งานได้สะดวกขึ้นอีก แม้จะมีจุดที่ต้องปรับตัวสักนิดแต่ถ้าใช้ถนัดแล้วจะถูกใจมากแน่นอน

Award

NBS award 4 Mobility

Best Mobility

Zenbook S 13 OLED UX5304 บาง 1 เซนติเมตร เบา 1 กิโลกรัม ถือเป็นโน๊ตบุ๊คที่พกพาได้ง่ายที่สุดในปี 2023 นี้ ถ้าใครต้องพกโน๊ตบุ๊คไปประชุมงานติดต่อลูกค้าบ่อยๆ รับรองว่าจะต้องถูกใจแน่นอน

award new Battery Life

Best Battery Life

แบตเตอรี่จากการทดสอบและใช้งานจริงได้นาน 12 ชั่วโมงถือว่าทนทานน่าประทับใจมาก เวลาไปทำงานนอกออฟฟิศก็หยิบไปแต่เครื่องก็พอแล้ว ไม่ต้องเผื่อที่ให้อุปกรณ์เสริมก็ได้ ใครที่ชอบจัดกระเป๋าให้เบาๆ น่าจะตกหลุมรักมันแน่นอน

NBS award 7 Design

Best Design

การรีดตัวเครื่องให้บาง 1 เซนติเมตร เบา 1 กิโลกรัม แต่ยังใส่ Intel 13th Gen, Thunderbolt 4 อีกคู่และแบตเตอรี่ที่จุพอใช้งานได้ทั้งวันมานั้น เกิดจากการดีไซน์ชิ้นส่วนทุกชิ้นมาเป็นอย่างดีให้ใส่เข้าไปแล้วใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา แถมรูปลักษณ์ภายนอกยังสวยงานและเป็นวัสดุรักษ์โลกอีก เป็นการออกแบบที่ยอดเยี่ยมมาก

from:https://notebookspec.com/web/705478-review-asus-zenbook-s-13-oled-ux5304

7 โน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาท ได้ Office แท้ มีปากกาเขียนจอได้ น่าใช้สุดๆ !!

โน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาทปีนี้หาเครื่องดีๆ น่าใช้ให้เลือกเพียบ!

7Notebook30K 1

เวลาคิดถึงโน๊ตบุ๊คทำงานคุณภาพดีๆ สักเครื่อง ส่วนตัวผู้เขียนอยากแนะนำให้หาซื้อโน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 เอาไว้ใช้สักเครื่องที่สุด แม้หลายคนจะคิดว่าโน๊ตบุ๊คราคา 20000 บาทก็ใช้งานออฟฟิศและเรียนออนไลน์ได้ดีแล้ว ทำไมต้องจ่ายเพิ่มอีกตั้งหมื่นบาทกัน? นั่นเพราะถ้าเพิ่มเงินแล้วนอกจากได้สเปคดีขึ้นแล้วยังมีลูกเล่นกับดีไซน์อื่นๆ นอกจากแบบฝาพับและได้ซีพียู Intel กับ AMD Ryzen รุ่นใหม่ๆ อีกด้วย

จุดแตกต่างอย่างแรก คือดีไซน์ตัวเครื่องซึ่งปกติเป็นดีไซน์ฝาพับ (Clamshell) ดูแล้วรู้ทันทีว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค แต่ก็เติมรายละเอียดส่วนอื่นๆ เพิ่มเข้ามา เช่น เวลากางหน้าจอแล้วขอบล่างหน้าจอจะยกตัวเครื่องขึ้น, กางหน้าจอได้แบนราบ 180 องศา, ได้หน้าจอ OLED ฯลฯ และโน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาทบางรุ่น ณ ตอนนี้ฉีกดีไซน์ไปเป็นแท็บเล็ตตามสมัยนิยมเน้นพกง่ายหยิบใช้สะดวก เวลาจะจดเขียนวาดอะไรลงบนหน้าจอก็ทำได้ทันทีไม่ต้องหาโต๊ะหรือวางบนหน้าตักก็ได้แถมยังมีสไตลัสให้ใช้

Advertisementavw
โน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000

เลือกโน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 ยังไงให้คุ้มและง่ายสุด?

30k1

วิธีการเลือกโน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาทให้ง่ายที่สุดในหน้าค้นหาโน๊ตบุ๊ค เพียงแค่กดตัวเลือกตรงช่อง Price – ราคา ให้เป็นช่วง 20000-30000 บาท หากมีระดับราคาในใจอยู่แล้วจะกรอกระดับราคาในช่อง Min – Max แทนก็ได้เหมือนกัน เมื่อกดค้นหาแล้วระบบจะโชว์รุ่นที่มีขายอยู่ออกมาทั้งหมดพร้อมสเปคโดยสังเขปและราคาของรุ่นนั้นที่ถูกที่สุดอีกด้วย

ในหน้าสเปคตรงช่องราคาจะเห็นว่ามีโลโก้ร้านค้า, ราคาและปุ่ม “สั่งซื้อ” รวมอยู่ด้วยกัน ซึ่งระบบตรงนี้จะอิงราคาจากหน้าร้านโดยตรงและปรับราคาโดยอัตโนมัติ เมื่อคลิ๊กซื้อแล้วจะเห็นว่าราคาของหน้าสเปคกับร้านค้าตรงกัน ดังนั้นถ้าโน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาทรุ่นไหนถูกใจอยากได้เป็นเจ้าของก็กดไปซื้อได้เลย แต่ถ้าหน้าสเปคใดยังเป็น “ราคากลาง” อยู่ รุ่นนั้นอาจยังรอนำเข้ามาจำหน่ายหรือมีแผนเปิดตัวในอนาคตเร็วๆ นี้

หน้าสเปคโน๊ตบุ๊คอัพเดทใหม่นี้จะเห็นว่ามีกรอบเหนือชื่อขึ้นมา 2 อัน ได้แก่ “รุ่นแนะนำ” หากเครื่องนั้นได้สเปคต่อราคาดี ซื้อมาแล้วคุ้มค่าแน่นอน ถ้ามีกรอบ “มีรีวิว” เมื่อคลิ๊กเข้าไปดูในหน้าสเปคและเลื่อนลงมาด้านล่าง จะมีคลิปรีวิวโน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ บนหน้า YouTube Notebookspec ให้คลิ๊กดูด้วย

วิธีเลือกโน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาท ง่ายๆ ที่ผู้เขียนทำเป็นประจำมีหลักการง่ายๆ ดังนี้

  1. พฤติกรรมการใช้งาน – เป็นตัวกำหนดสเปค, ดีไซน์, ฟีเจอร์ของโน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาทได้ระดับหนึ่ง เช่นถ้าซื้อไว้ทำงานเอกสารหรือเรียนจะซื้อรุ่นไหนก็ได้ แต่ถ้าลงรายละเอียดไปว่าเน้นใช้งานกับโปรแกรม Microsoft Excel ก็ควรหาเครื่องที่มี Numpad และถ้าได้แรม 16GB ยิ่งดี แต่ถ้าเน้นพกพาด้วยอาจเลือกรุ่น 14 นิ้ว แล้วซื้อแป้น Numpad แยกก็ได้ แล้วงานที่ทำจะต้องแต่งภาพหรือตัดต่อคลิปไหม ถ้ามีก็ควรหาซีพียูซีรี่ส์ประสิทธิภาพสูงอย่าง Intel H-Series หรือ AMD Ryzen H, HS Series จะทำงานได้ดีสุด
  2. คิดเรื่องเงินในกระเป๋า – เรื่องเงินๆ ทองๆ เป็นปัจจัยสำคัญเวลาจะซื้อของอะไรสักชิ้น สำหรับโน๊ตบุ๊คนอกจากซื้อเครื่องมาแล้ว ก็มีเรื่องอัพเกรดเพิ่มว่าจะใส่ RAM, SSD เพิ่มไหม? จะซื้อโปรแกรมอะไรเพิ่มเปล่า? ซึ่งหลักการของผู้เขียนจะดูรุ่นที่ราคาเต็มงบประมาณก่อนอย่างกำเงินมา 30,000 บาทแล้วตัวราคา 29,990 บาท ได้ CPU, SSD, RAM เท่าไหร่ นอกจาก Windows แล้วแถม Microsoft Office มาให้หรือเปล่า? ฯลฯ หรือจะซื้อตัวถูกลงสักนิดแต่แรม 8GB แล้วซื้อแรมเพิ่มเองให้เหลือส่วนต่างเอาไว้ซื้อโปรแกรมแทนดีกว่า?
  3. เลือกขนาดที่อยากได้ – ตั้งโจทย์ก่อนว่าจะเอาโน๊ตบุ๊คขนาดไหน เพราะแต่ละไซซ์จะมีข้อดีแตกต่างกันไป อย่างเช่น 13.3~14 นิ้ว จะพกพาง่ายน้ำหนักเบาและมักมีโน๊ตบุ๊ครุ่นพิเศษแบบพรีเมี่ยมให้เลือก ส่วน 15.6 นิ้ว มักติดตั้ง Numpad มาให้ เหมาะกับสายออฟฟิศทำงานเอกสารและพิมพ์ตัวเลขบ่อยๆ
  4. ฟีเจอร์พิเศษ? – ในส่วนนี้คือฟีเจอร์อื่นๆ นอกเหนือจากที่โน๊ตบุ๊คปกติมี ได้แก่ หน้าจอทัชสกรีน, ปากกาสไตลัส หรืออยากได้โน๊ตบุ๊ค Intel Evo ก็ยังหาได้ รวมไปถึงพอร์ต Thunderbolt ถ้ามีก็ทำให้วิธีใช้และการเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมต่างออกไปด้วย เช่น ถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คทรงแท็บเล็ตก็หยิบออกมาถือใช้งานได้เหมือนแท็บเล็ตเลย ถ้ามีพอร์ต Thunderbolt ก็หาปลั๊ก GaN กำลังชาร์จ 65~100 วัตต์ของสมาร์ทโฟนมาเสียบชาร์จเครื่องได้อีก ลดน้ำหนักข้าวของในกระเป๋าไปได้เยอะ

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000

สรุปสเปค
โน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาท
CPU

GPU

SSD

RAM

Software

Display

Weight

Connectivity Price (บาท)
MSI Modern 15
B7M-054TH
AMD Ryzen 7 7730U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.75 กก.

USB 2.0 x 1

USB-C 3.2
Power Delivery x 1

USB-A 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

MicroSD
Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

18,990
DELL Inspiron 15 3535 AMD Ryzen 5 7530U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

1.63 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

SD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

22,990
Hp 15-fd0026TU Intel Core
i5-1335U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

100% sRGB

1.59 กก.

USB-C 3.2 x 1

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.3

26,490
ASUS Vivobook 16
M1605YA
AMD Ryzen 7 7730U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

1.88 กก.

USB 2.0 x 1

USB-C 3.2
Power Delivery x 1

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 4.2

25,990
ASUS Vivobook 13 Slate OLED
T3304GA
Intel Core
i3-N300

Intel UHD Graphics Xe 750

UFS 2.1
256GB

8GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

Touchscreen
13.3″ Full HD OLED

100% DCI-P3

Delta-E <2

VESA Display HDR True Black 500

PANTONE Validated

กล้องหน้า 1080p

กล้องหลัง 13MP

0.8 กก.

USB-C 3.2
Full Function x 2

MicroSD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

26,990
Acer Swift Go 14
SFG14-71-54LN
Intel Core
i5-13500H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
6400MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ 2.8K
(2880×1800)
OLED

Refresh Rate 120Hz

100% DCI-P3

1.32 กก.

USB-C 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.1

29,990
Lenovo Yoga 6
13ABR8
AMD Ryzen 7 7730U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR4x
4266MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

Touchscreen
13.3″ WUXGA
(1920×1200)
IPS

100% sRGB

Dolby Vision

1.37 กก.

USB-C 3.2
Full Function x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

MicroSD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

29,990

7 โน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาท พกสะดวกทำงานดี เหมาะกับคนอยากเปลี่ยนเครื่อง!

ในปีนี้โน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาท น่าสนใจมาก เพราะราคาระดับนี้ได้เครื่องรุ่นใหม่สเปคดีซีพียูแรงระดับ Ryzen 7 หรือ Intel Core i5 รุ่นที่ 13 แล้วด้วยซ้ำ ซึ่งทั้ง 7 รุ่นที่เลือกมาแนะนำจะมีดังนี้

  1. MSI Modern 15 B7M-054TH (18,990 บาท)
  2. DELL Inspiron 15 3535 (22,990 บาท)
  3. Hp 15-fd0026TU (26,490 บาท)
  4. ASUS Vivobook 16 M1605YA (25,990 บาท)
  5. ASUS Vivobook 13 Slate OLED T3304GA (26,990 บาท)
  6. Acer Swift Go 14 SFG14-71-54LN (29,990 บาท)
  7. Lenovo Yoga 6 13ABR8 (29,990 บาท)

1. MSI Modern 15 B7M-054TH (18,990 บาท)

12534 f

เริ่มจาก MSI Modern 15 B7M-054TH โน๊ตบุ๊คน้ำหนักเบาจากแบรนด์เกมมิ่งซึ่งชูโรงข้อดีด้วยน้ำหนักเบาพกสบาย โดยตัวเครื่องขนาด 15.6 นิ้วหนักเพียง 1.75 กิโลกรัม ถือว่าเบาพกสบายได้ Numpad ติดมาให้ใช้งานรวมทั้งได้ลำโพงคุณภาพเสียง Hi-Res และเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E ที่รับส่งข้อมูลได้เร็วและเสถียรดี และจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล MSI Modern คือ มันสามารถกางหน้าจอได้แบนราบ 180 องศาและหมุนภาพหน้าจอกลับให้เพื่อนดูภาพหน้าจอได้ด้วยปุ่ม F12 เพียงปุ่มเดียวเท่านั้น และยังได้ซีพียู AMD Ryzen 7000 Series รุ่นใหม่ที่ทรงพลังและชาร์จแบตฯ ผ่านพอร์ต USB-C ได้ด้วย เป็นโน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาทเพื่อคนทำงานและนักเรียนนักศึกษาทุกคน แต่มีข้อสังเกตเล็กน้อยแค่อัพเกรดแรมไม่ได้เพราะเป็นออนบอร์ดเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าปิดแท็บเบราเซอร์และโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้แล้วเปิดค้างเอาไว้เป็นระยะๆ ก็ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาแน่นอน

สเปคของ MSI Modern 15 B7M-054TH

CPU AMD Ryzen 7 7730U แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.0~4.5GHz
GPU AMD Radeon Graphics
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-C 3.2 รองรับ Power Delivery x 1, USB-A 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 1.75 กิโลกรัม
Price 18,990 บาท (BaNANA)

2. DELL Inspiron 15 3535 (22,990 บาท)

12768 f

ถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คแบรนด์ในใจคนทำงาน คุณภาพงานประกอบและการรับประกันหลังการขายดีไว้ใจได้ ไม่ว่าใครก็ต้องคิดถึง DELL Inspiron 15 3535 ซึ่งทางบริษัทปรับดีไซน์ตัวเครื่องใหม่ให้บางเบาลงแต่ยังได้เครื่องจอ 15.6 นิ้ว พร้อม Numpad เวลากางจอใช้งานแล้วขอบล่างของหน้าจอยังยกแป้นคีย์บอร์ดขึ้นเล็กน้อยให้พิมพ์งานได้สะดวกขึ้น ติดตั้งโปรแกรม Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้กับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาด้วยโดยรวมไว้กับปุ่ม Power แถมสเปคจากโรงงานยังครบเครื่องไม่ต้องอัพเกรดก็ได้และยังตั้งราคามาดีเพียง 2 หมื่นบาทต้นๆ เท่านั้น แต่จุดสังเกตมีเพียงเรื่องรองรับแค่ Wi-Fi 5 ไม่ใช่ 6 อย่างที่เป็นมาตรฐานในปัจจุบันนี้และพอร์ต USB-C ใช้รับส่งไฟล์เข้าออกเครื่องได้เท่านั้น ไม่รองรับ DisplayPort หรือ Power Delivery อย่างน้อยถ้า DELL ให้มาสักฟีเจอร์ก็ยังดีจะได้ทำงานสะดวก

สเปคของ DELL Inspiron 15 3535

CPU AMD Ryzen 5 7530U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.0~4.5GHz
GPU AMD Radeon Graphics
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.63 กิโลกรัม
Price 22,990 บาท (Advice)

3. Hp 15-fd0026TU (26,490 บาท)

12831 c

อีกแบรนด์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ Hp 15-fd0026TU ซึ่งเครื่องนี้เป็นโน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาทที่ได้จอขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB และอัพเกรดซีพียูเป็น Intel 13th Gen แล้วน้ำหนักเบาเพียง 1.59 กิโลกรัม และติดเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ตรงที่วางข้อมือฝั่งขวา ได้แรม 16GB จากโรงงานถือว่าครบและคุ้มค่าน่าใช้ ตอบโจทย์สายทำงานเอกสารและออฟฟิศแถมยังแต่งภาพตัดต่อคลิปสั้นได้สบายๆ การเชื่อมต่อรองรับ Bluetooth 5.3 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่อาณัตสัญญาณกว้างและเร็วขึ้นกว่าเดิม ทว่าจุดน่าเสียดายคือพอร์ต USB-C ใช้โอนไฟล์เข้าออกเครื่องได้เท่านั้น ไม่รองรับ Power Delivery หรือ DisplayPort เลย ถ้าทาง HP เสริมเข้ามาให้จะยอดเยี่ยมมาก

สเปคของ Hp 15-fd0026TU

CPU Intel Core i5-1335U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็วสูงสุด 4.6GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200 MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB
Connectivity USB-C 3.2 x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.3

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.59 กิโลกรัม
Price 26,490 บาท (Advice)

4. ASUS Vivobook 16 M1605YA (25,990 บาท)

12874 c

ถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คสายคุ้มฟีเจอร์ล้นตัว ในปี 2023 นี้ต้องยกให้ ASUS Vivobook 16 M1605YA ซึ่งทางบริษัทใส่ฟีเจอร์มาให้จัดเต็มตั้งแต่สเปคที่จบจากโรงงาน ไม่ต้องอัพเกรดก็ยังได้ ติดเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ตรงแป้นทัชแพด, กางหน้าจอได้ 180 องศา, เคลือบสารป้องกันไวรัสและแบคทีเรียเอาไว้แถมยังชาร์จแบตเตอรี่ด้วย USB-C Power Delivery ได้ และถ้าใครทำงานบัญชีกดตัวเลขเยอะๆ ก็มีโปรแกรม Microsoft Office Home & Student 2021 กับชุด Numpad ติดมาให้ใช้งานแต่ขนาดจะเล็กกว่าปกติเล็กน้อย ต้องปรับตัวตอนเริ่มใช้งานใหม่ๆ สักระยะถึงจะคุ้นมือ และถ้าทาง ASUS ใส่ Wi-Fi 6 มาแทน Wi-Fi 5 จะดีกว่านี้มากๆ แต่สเปคและฟีเจอร์โดยรวมถือว่าน่าประทับใจทีเดียว

สเปคของ ASUS Vivobook 16 M1605YA

CPU AMD Ryzen 7 7730U แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.0~4.5GHz
GPU AMD Radeon Graphics
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 16 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-C 3.2 รองรับ Power Delivery x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 4.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.88 กิโลกรัม
Price 25,990 บาท (BaNANA)

5. ASUS Vivobook 13 Slate OLED T3304GA (26,990 บาท)

12838 c

ถ้าใครต้องออกไปธุระบ่อยๆ อยากได้โน๊ตบุ๊คพกง่ายๆ ขอแนะนำเป็น ASUS Vivobook 13 Slate OLED T3304GA เอาไว้ใช้ เพราะเป็นแท็บเล็ต Windows น้ำหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัม ได้จอทัชสกรีนแบบใช้ปากกา ASUS Stylus ใช้เขียนบนจอได้ ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Delta-E <2 การันตีความเที่ยงตรงของสีโดย PANTONE แล้ว ได้พอร์ต USB-C 3.2 Full Function คู่กับ MicroSD Card Reader และสแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้ด้วยกล้องหน้า 1080p แถมมีกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลเอาไว้ถ่ายภาพทำงานได้และมีโปรแกรม Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้ด้วย เชื่อว่าถูกใจคนที่อยากได้โน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาทเน้นพกพาสะดวกแน่นอน แต่แนะนำว่าหา USB-C Multiport adapter ติดกระเป๋าเอาไว้จะดีมากเพราะตัวเครื่องมีแต่พอร์ต USB-C เท่านั้น อาจจะต่ออุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ไม่สะดวกอย่างที่คิด

สเปคของ ASUS Vivobook 13 Slate OLED T3304GA

CPU Intel Core i3-N300 แบบ 8 คอร์ 8 เธรด ความเร็วสูงสุด 3.8GHz
GPU Intel UHD Graphics Xe 750
SSD UFS 2.1 ความจุ 256GB
RAM 8 GB LPDDR5 บัส 4800 MHz
Display ทัชสกรีน 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล OLED
ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Delta-E <2, VESA Display HDR True Black 500, PANTONE Validated

กล้องหน้า 1080p, กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล

Connectivity USB-C 3.2 Full Function x 2, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 0.8 กิโลกรัม
Price 26,990 บาท (ราคากลาง)

6. Acer Swift Go 14 SFG14-71-54LN (29,990 บาท)

12793 f

Acer Swift Go 14 SFG14-71-54LN เป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ในบรรดาโน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาท พร้อมหน้าจอ OLED ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 120Hz ได้ภาพไหลลื่นต่อเนื่อง ได้ซีพียู Intel 13th Gen กลุ่ม H-Series ประสิทธิภาพสูงเอาไว้ทำงานตัดต่อคลิปและแต่งภาพได้สบายๆ ทำงานเอกสารก็ดีเพราะมี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้ตั้งแต่เริ่มใช้งาน มีพอร์ต USB-C 4 มาให้ 2 ช่องและสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องตรงปุ่ม Power ได้ทันที เรียกว่าครบเครื่องมากแถมยังเบาเพียง 1.32 กิโลกรัมเท่านั้น แต่ราคาจะค่อนข้างสูงสักหน่อยเพราะสุดงบประมาณ 30,000 บาทพอดี แต่ถ้าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ตรงโจทย์การใช้งานของใครก็ซื้อไปใช้ได้เลย

สเปคของ Acer Swift Go 14 SFG14-71-54LN

CPU Intel Core i5-13500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็วสูงสุด 4.7GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics 
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16 GB LPDDR5 บัส 6400 MHz
Display 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED ค่า Refresh Rate 120Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3
Connectivity USB-C 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.32 กิโลกรัม
Price 29,990 บาท (ราคากลาง)

7. Lenovo Yoga 6 13ABR8 (29,990 บาท)

12878 f

แม้หน้าตาจะเป็นโน๊ตบุ๊คฝาพับตามปกติ แต่ Lenovo Yoga 6 13ABR8 ใส่ลูกเล่นอย่างหน้าจอทัชขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB และรองรับ Dolby Vision ในตัว ทำให้สีสันและภาพตอนดูหนังฟังเพลงได้ดีมาก ใช้ปากกา Lenovo Pen เขียนจอและพับกลับเป็นแท็บเล็ตได้ มี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาในตัว ได้เซนเซอร์สแกนใบหน้าและลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ มีพอร์ต USB-C 3.2 Full Function ใช้ต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตเตอรี่ให้เครื่องได้ เป็นโน๊ตบุ๊ค 2023 ราคาไม่เกิน 30000 บาทที่น่าใช้ทั้งดีไซน์และสเปคที่ได้ซีพียู AMD Ryzen 7000 Series รุ่นใหม่ล่าสุดด้วย จัดว่าข้อดีมาครบเครื่องดีมากๆ แต่ราคาจะสุดงบประมาณ 30,000 บาท ถ้าจะซื้ออุปกรณ์เสริมต้องเตรียมเงินเพิ่มอีกนิด

สเปคของ Lenovo Yoga 6 13ABR8

CPU AMD Ryzen 7 7730U แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.0~4.5GHz
GPU AMD Radeon Graphics
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16GB LPDDR4x บัส 4266MHz
Display ทัชสกรีน 13.3 นิ้ว ความละเอียด WUXGA (1920×1200) พาเนล IPS ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB, Dolby Vision
Connectivity USB-C 3.2 Full Function x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.37 กิโลกรัม
Price 29,990 บาท (BaNANA)
main 1


บทความที่เกี่ยวข้อง

MSIMOnitor
NBS 230521 image link arm Razer BlackWidow V4 Pro
MsiNotebook

from:https://notebookspec.com/web/705115-7-laptop-under-30000-baht-2023

Intel ประกาศรีแบรนด์หน่วยประมวลผลสำหรับ PC ในชื่อ Intel Core Ultra

Intel ประกาศรีแบรนด์หน่วยประมวลผลสำหรับ PC ใหม่ในชื่อ Intel Core Ultra

Credit: Intel

ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้ว Intel ได้เคยประกาศรีแบรนด์หน่วยประมวลผล Intel Pentiem และ Intel Celeron รวมกันเป็น Intel Processor ล่าสุด Intel ได้มีการประกาศรีแบรนด์อีกครั้งสำหรับหน่วยประมวลผลสำหรับ PC เพื่อเป็นการตอบรับหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ Meteor Lake ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผล PC ที่พัฒนาแบบ Chiplet ใช้ Intel 4 process และใช้เทคโนโลยี Extreme Ultraviolet Lithography (EUV) ในการผลิต โดยจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในชื่อ Intel Core Ultra และจัดถูกจัดเป็นผลิตภัณฑ์หลัก ส่วนชิปรุ่นอื่นๆจะยังคงเป็น Intel Core

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ตามเทคโนโลยีใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น ปัจจุบัน Intel นั้นมีผลิตภัณฑ์หน่วยประมวลผล PC ที่แบ่งเป็นระดับอยู่แล้วตามประสิทธิภาพ ได้แก่ Core i3, Core i5, Core i7 และ Core i9 โดย Intel จะยังคงใช้ชื่อการแบ่งระดับเช่นเดิม แต่จะมีการตัด “i” ออก เหลือเพีง Core 3, Core 5, Core 7 และ Core 9 สำหรับชื่อใหม่นี้จะถูกใช้เมื่อมีการเปิดตัวหน่วยประมวลผล Meteor Lake รุ่นใหม่ภายในปีนี้

ที่มา: https://siliconangle.com/2023/06/15/intel-rebrands-pc-processor-lineup/

from:https://www.techtalkthai.com/intel-rebrand-pc-cpu-as-intel-core-ultra/

อินเทลเปิดตัวแบรนด์ Intel Core Ultra สำหรับซีพียูรุ่นต่อไป พร้อมตัดตัว i ออกจากเลขรุ่น

อินเทลประกาศว่าซีพียูรุ่นต่อไปที่ชื่อรหัสว่า Meteor Lake จะใช้แบรนด์ใหม่ คือ Intel Core Ultra และอินเทลวางแบรนด์นี้สำหรับซีพียูกลุ่มไคลเอนต์กลุ่มสูงสุด ขณะรุ่นอื่นๆ จะใช้แบรนด์ Intel Core ต่อไปเหมือนเดิม ตรงกับข่าวลือก่อนหน้านี้

จุดที่อาจจะสับสนสักหน่อยคือระบบตัวเลข 3/5/7/9 นั้นยังคงมีอยู่ต่อไปแต่ตัดตัว i ออกจากชื่อแบรนด์ Intel Core Ultra เองก็มีเลขต่อท้าย 3/5/7/9 ต่อท้ายแบบเดียวกับ Intel Core คงต้องรอดูในระยะยาวว่าอินเทลจะแบ่งสินค้าอย่างไรว่าตัวไหนจะได้ใช้แบรนด์ Ultra บ้าง หรือตัวเลข 9 จะกันไว้สำหรับ Ultra เท่านั้นหรือไม่

สิ่งที่หายไปคือเลขรุ่น (generation) ของซีพียูที่อินเทลบอกว่าจะไม่เน้นในชื่อหลักของซีพียูอีกแล้ว แต่จะไปอยู่ในหมายเลขรุ่นของซีพียูแทน เช่น “Intel Core Ultra processor ##xx” ที่เป็นเลขรุ่น

ซีพียู Meteor Lake จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้กระบวนการผลิต Intel 4 (ที่เคยเรียกว่า 7nm) พร้อมกับเทคโนโลยี tile ที่แบ่งส่วนต่างๆ ของชิปจากหลายโรงงาน และเทคโนโลยีแพ็กเกจชิปแบบ Foveros นอกจากนี้ยังเป็นชิปตัวแรกที่จะมีวงจรเร่งความเร็วปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะ

แบรนด์ Core เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2006 สมัยยังเป็นซีพียู 32 บิต ส่วนแบรนด์ Core-i นั้นใช้ในซีพียู Nehalem เมื่อปี 2008 และใช้เรื่อยมาจนมาเปลี่ยนในปีนี้

ที่มา – Intel

No Description

No Description

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/134381

[ลือ] Intel กำลังเจรจาเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในการ IPO ของ Arm

หลัง Arm ยื่นไฟลิ่ง IPO ไปเมื่อเดือนที่แล้ว แม้จะยังไม่มีรายละเอียดเรื่องราคาและวันออกมา แต่ Bloomberg รายงานแล้วว่า Intel เริ่มเจรจาเป็นผู้ลงทุนใหญ่ (anchor investor) ใน Arm แล้ว โดย Arm เองก็มีการพูดคุยกับนักลงทุนรายใหญ่เจ้าอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดว่า Intel จะลงทุนเท่าไหร่ แบบไหน จะต้องรอติดตามต่อไป เพราะเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเจรจาเท่านั้น และดีลอาจจะล่มก็ได้ตลอดเวลา

ที่มา – Bloomberg

No Description

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/134353

9 เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel ตัวแจ่มเพื่อเกมเมอร์ ครีเอเตอร์ก็ชอบ อัพเดทกลางปี 2023

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel ตัวเด็ดอัพเดทกลางปี 2023 บอกเลยว่าของแรงเริ่มมากันเพียบ!

Share image Edit Name 1intel 1

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel ช่วงกลางปี 2023 นี้ ก็ยังคึกคักเหมือนเดิม ยิ่งในตอนนี้เมื่อบริษัทใหญ่อย่าง Intel, NVIDIA เปิดตัวซีพียูรุ่นที่ 13 และการ์ดจอ GeForce RTX 4000 Series ลงตลาดมาให้เกมเมอร์เลือกซื้อคู่กับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel รุ่น 11~12 ที่จับคู่กับการ์ดจอ GeForce RTX 3000 Series ที่แม้จะเก่าไปบ้างแต่ก็ยังแรงเหลือเฟือพอใช้ทำงานและเล่นเกมได้สบายๆ

แต่ในเมื่อทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเป็นซีพียู Intel การ์ดจอ NVIDIA เมื่อไหร่ มันต้องแรงเล่นเกมได้แทบทุกเกมสบายๆ อย่างแน่นอน ผู้ผลิตหลายๆ แบรนด์เลยพากันสร้างจุดเด่นให้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel ของตัวเอง เสริมฟีเจอร์ต่างๆ ทั้งหน้าจอขอบเขตสีกว้าง ทำให้เล่นเกมก็ได้ทำงานครีเอเตอร์ก็ดีหรือจะเน้นถูกเข้าว่าและใส่ช่องอัพเกรดเพิ่ม SSD, RAM ได้ หรือแม้แต่ติดพอร์ตมาให้ครบเครื่องรอบตัวตั้งแต่ USB, HDMI ไปจน Thunderbolt ให้ใช้ หลายๆ เครื่องเลยมีฟีเจอร์ต่อหน้าจอแยกได้ 2-3 จอเลยทีเดียว ดังนั้นถ้ามองแค่สเปคก็ดีแต่ถ้าดูร่วมกับฟีเจอร์จะยิ่งเห็นชัดว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนั้นสร้างมาเพื่อจุดประสงค์อะไรด้วย

Advertisementavw
เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel

สรุปสเปค 9 เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel ตัวเด็ดน่าโดน เล่นเกมก็ดีทำงานก็โอเคไม่แพ้กัน

สรุปสเปค
เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel
CPU

GPU

SSD

RAM

Software

Display

Weight

Connectivity Price (บาท)
Gigabyte G5
GE-51TH263SH
Intel Core
i5-12500H

NVIDIA GeForce
RTX 3050

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

1.9 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 1

Thunderbolt 4 x 1

HDMI 2.1 x 1

LAN x 1

MicroSD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

29,990
MSI GF63 Thin
11UD-1031TH
Intel Core
i7-11800H

NVIDIA GeForce
RTX 3050 Ti

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

1.86 กก.

USB-C 3.2 x 1

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

26,990
MSI GF63 Thin
12VE-046TH
Intel Core
i7-12650H

NVIDIA GeForce
RTX 4050

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

1.86 กก.

USB-C 3.2
DisplayPort x 1

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

37,990
HP Victus
15-FA0087TX
Intel Core
i7-12700H

NVIDIA GeForce
RTX 3050 Ti

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

2.29 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C
DisplayPort x 1

HDMI x 1

LAN x 1

SD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

36,990
DELL G15 Gaming
W566312600M2CTH
Intel Core
i7-12700H

NVIDIA GeForce
RTX 3060

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR5
4800MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 165Hz

2.51 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

49,990
Lenovo Legion 5i
15IAH7H
Intel Core
i7-12650H

NVIDIA GeForce
RTX 3060

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR5
4800MHz

Windows 11 Home

15.6″ WQHD
(2560×1600)
IPS

Refresh Rate 165Hz

100% sRGB

Dolby Vision

NVIDIA G-SYNC

VESA DisplayHDR 400

2.4 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-C 3.2 DisplayPort x 1

USB-C 3.2 Full Function x 1

USB-A 3.2 x 3

HDMI 2.1 x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.1

51,990
ASUS ROG Flow Z13
GZ301VV
Intel Core
i9-13900H

NVIDIA GeForce
RTX 4060

M.2 NVMe
1TB

16GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

13.4″ WQXGA
(2560×1600)
IPS

Refresh Rate 165Hz

100% DCI-P3

NVIDIA G-SYNC

Dolby Vision

PANTONE Validated

กล้องหน้า 5MP

กล้องหลัง 13MP

1.1 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-C 3.2 Full Function x 1

USB-A 3.2 x 1

MicroSD Card Reader x 1

XG Mobile Interface x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

69,990
ASUS ROG Strix
G16 G614JI
Intel Core
i9-13980HX

NVIDIA GeForce RTX 4070

M.2 NVMe
1TB

32GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

16″ WQXGA
(2560×1600)
IPS

Refresh Rate 240Hz

100% DCI-P3

NVIDIA
G-SYNC

Dolby Vision

PANTONE Validated

2.5 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-C 3.2 Full Function x 1

USB-A 3.2 x 2

HDMI 2.1 x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

79,990
Acer Predator Helios 16
PH16-71-78MQ
Intel Core
i7-13700HX

NVIDIA GeForce
RTX 4070

M.2 NVMe
1TB

32GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

16″ WQXGA
(2560×1600)
IPS

Refresh Rate 250Hz

100% DCI-P3

2.6 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

79,990

9 เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel รุ่นดีน่าใช้กลางปี 2023 คุ้มค่าตัว สเปคน่าโดน!

KV INTEL 2 V

เกมเมอร์หรือครีเอเตอร์ที่อยากซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ ณ ตอนนี้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel จาก BaNANA ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะนอกจากได้ส่วนลดแล้วยังได้ของแถมอย่างหูฟังเกมมิ่งเพิ่มเป็นพิเศษอีกด้วย โดยทั้ง 9 รุ่นที่น่าซื้อ จะมีรุ่นแนะนำดังนี้

  1. Gigabyte G5 GE-51TH263SH (29,990 บาท)
  2. MSI GF63 Thin 11UD-1031TH (26,990 บาท)
  3. MSI GF63 Thin 12VE-046TH (37,990 บาท)
  4. HP Victus 15-FA0087TX (36,990 บาท)
  5. DELL G15 Gaming-W566312600M2CTH (49,990 บาท)
  6. Lenovo Legion 5i 15IAH7H (51,990 บาท)
  7. ASUS ROG Flow Z13 GZ301VV (69,990 บาท)
  8. ASUS ROG Strix G16 G614JI (79,990 บาท)
  9. Acer Predator Helios 16 PH16-71-78MQ (79,990 บาท)

1. Gigabyte G5 GE-51TH263SH (29,990 บาท)

12316 c

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel น่าซื้อเครื่องแรกแนะนำเป็น Gigabyte G5 GE-51TH263SH โดยเครื่องนี้เน้นด้านราคาถูกให้เกมเมอร์ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น รีดบอดี้ให้บางเบาพกง่ายถ้าเทียบกับโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6 นิ้วหลายๆ รุ่นแล้ว Gigabyte เคลมว่าโน๊ตบุ๊คนี้บางลง 22% และเบาแค่ 1.9 กิโลกรัม มีชิป MUX Switch เอาไว้สลับโหมดระหว่างการ์ดจอแยกและออนบอร์ดได้อย่างเหมาะสมและมีพอร์ตใช้งานติดตั้งมาให้ครบเครื่องอีกด้วย เจ้าเครื่องนี้ติดตั้งแรมได้ 2 ช่อง มากสุด 64GB DDR4 กับ M.2 NVMe SSD เสริมอีกช่อง

ส่วนกลุ่มเป้าหมายของ Gigabyte G5 กลุ่มแรกยกให้นักเรียนนักศึกษาทั้งที่เรียนอยู่และเพิ่งได้งานทำใหม่ๆ แล้วหาโน๊ตบุ๊คไว้ใช้เรียนและเล่นเกมได้ในเครื่องเดียว รวมไปถึงครีเอเตอร์ก็ซื้อไปใช้ได้เช่นกันแต่แนะนำให้ลงทุนซื้อจอครีเอเตอร์ขอบเขตสีกว้างและแม่นยำเอาไว้ใช้สักตัวจะดีสุดและแนะนำให้เพิ่มแรมไป 16GB ตั้งแต่ซื้อเครื่องมาเลยจะได้ใช้ทำงานและเล่นเกมได้ยาวๆ แล้วจะเติม SSD ตัวรองเข้าไปอีกก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แต่ละคนเลย

สเปคของ Gigabyte G5 GE-51TH263SH

CPU Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็วสูงสุด 4.5GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, Thunderbolt 4 x 1, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 1.9 กิโลกรัม
Price 29,990 บาท ใช้โค้ด BINNBJ10 ลดได้ 1,000 บาท แถมหูฟังเกมมิ่ง คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่

2. MSI GF63 Thin 11UD-1031TH (26,990 บาท)

notebook 12106 GF63 Thin 11UD c

แม้ว่า MSI GF63 Thin 11UD-1031TH จะเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel ที่เปิดตัวมาสักพักใหญ่แล้วก็จริง แต่ก็ยังมีจุดแข็งหลายอย่างให้เกมเมอร์ตัดสินใจได้ไม่ยาก ได้แก่ ลำโพง Hi-Res ปรับจูนด้วย nahimic ให้เนื้อเสียงดีฟังเพลงเล่นเกมสนุก พกสะดวกด้วยน้ำหนักเบาเพียง 1.86 กิโลกรัม หนาเพียง 21.7 มม. เท่านั้นและยังอัพเกรดเพิ่มแรมได้มากสุด 2 ช่อง ความจุ 64GB DDR4 และหน้าตาสวยเรียบร้อยเหมือนโน๊ตบุ๊คธรรมดาเครื่องหนึ่ง พกไปออฟฟิศหรือเข้าห้องเรียนไม่สะดุดตาคนรอบตัวแต่ทำงานได้สบายๆ ตั้งแต่งานเอกสาร, ตัดต่อคลิปหรือแต่งภาพหรือแม้แต่เล่นเกมฟอร์มใหญ่ในยุคนี้ก็ได้ ตอบโจทย์นักเรียนนักศึกษาไปจนคนทำงานที่มีงบซื้อโน๊ตบุ๊คไม่เกิน 30,000 บาทสุดๆ แถมยังเหลือเงินเอาไว้เพิ่ม RAM, SSD หรือซื้อกระเป๋าโน๊ตบุ๊คดีๆ สักใบเพิ่มก็ยังได้ แต่ถ้าจะใช้แต่งภาพตัดคลิปแนะนำให้หาจอคอมมาต่อแยกจะได้ขอบเขตสีกว้างขึ้น ถ้าใครสนใจสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

สเปคของ MSI GF63 Thin 11UD-1031TH

CPU Intel Core i7-11800H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.3~4.6GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
Connectivity USB-C 3.2 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 1.86 กิโลกรัม
Price 26,990 บาท ใช้โค้ด BINNBJ10 ลดได้ 1,000 บาท แถมหูฟังเกมมิ่ง คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่

3. MSI GF63 Thin 12VE-046TH (37,990 บาท)

12611 c

MSI GF63 Thin 12VE-046TH เป็นรุ่นอัพเกรดต่อจาก GF63 Thin ในข้อก่อน แม้จะใช้บอดี้เหมือนเดิมแต่ MSI ก็อัพเกรดเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาให้ทั้ง Matrix Display ต่อจอแยกได้ 2 จอ รวมกับของโน๊ตบุ๊คเป็น 3 จอ ได้ซีพียู Intel 12th Gen รุ่นพิเศษที่ประสิทธิภาพดีและประหยัดไฟกับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 4000 Series ให้ทำงานและเล่นเกมได้ดีขึ้น แถมอัพเกรดชุดระบายความร้อน Cooler Boost ให้ดียิ่งขึ้น ได้ลำโพง Hi-Res ปรับจูนโดย nahimic เช่นเดิม เรื่องคุณภาพเสียงถือว่าไว้ใจได้ ถ้าใครเล่นเกมมือถือเยอะก็โหลดเกมมาเปิดในโปรแกรม MSI App Player ในเครื่องได้เลยไม่ต้องโหลดโปรแกรมอื่นมาลงเพิ่ม

ถ้าจะอัพเกรดก็ใส่แรม DDR4 เพิ่มได้ 2 ช่อง สูงสุด 64GB แต่ฮาร์ดดิสก์ในเครื่องจะมีช่องติดตั้ง M.2 NVMe SSD ช่องหลักและ 2.5″ SATA III SSD เป็นช่องเสริม แม้จะไม่เป็น M.2 NVMe ก็ตามแต่ก็ใช้งานดีไม่มีปัญหา ซึ่งเจ้า GF63 Thin รุ่นใหม่นี้เหมาะกับเกมเมอร์ที่มีงบประมาณระดับหนึ่งรวมถึงครีเอเตอร์ด้วย เพราะได้ใช้ซีพียูและการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดและฟีเจอร์ครบเครื่องและยังจัดการแบตเตอรี่ได้ดีพอควรอีกด้วย

สเปคของ MSI GF63 Thin 12VE-046TH

CPU Intel Core i7-12650H แบบ 10 คอร์ 16 เธรด (6P+4E) ความเร็วสูงสุด 4.7GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 4050 แรม 6GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
Connectivity USB-C 3.2 รองรับ DisplayPort x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 1.86 กิโลกรัม
Price 37,990 บาท ใช้โค้ด BINNBJ10 ลดได้ 1,000 บาท แถมหูฟังเกมมิ่ง คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่

4. HP Victus 15-FA0087TX (36,990 บาท)

12441 notebook 12098 Victus 15 blue c

ถ้าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel แบรนด์ฝั่งอเมริการาคาคุ้มค่าแถมดีไซน์สวยเรียบร้อยไม่ต่างกับโน๊ตบุ๊คสายทำงาน HP Victus 15-FA0087TX เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะนอกจากได้พอร์ตและ SD Card Reader ติดมาให้และมี USB-C ต่อจอแยก DisplayPort ได้กล้องเว็บแคม TNR ลด Noise ในภาพตอนประชุมออนไลน์และได้จอด้านกันแสงสะท้อนขอบบางและซีพียู Intel รุ่นล่าสุดและอัพเกรดเพิ่ม RAM, SSD ได้ด้วย ส่วนข้อดีที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงนักคือแป้นคีย์บอร์ดของ HP Victus 15 นั้นเว้นระยะระหว่างปุ่มเอาไว้ได้ดี พิมพ์ง่ายพอดีนิ้วมากแถมมีแป้น Numpad ให้ใช้ด้วย แต่มีจุดระวังอย่างเดียวคือก้านบานพับของ HP Victus ถ้ากางอาจจะสะบัดเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีปัญหาเวลาใช้งานอย่างแน่นอน

สเปคของ HP Victus 15-FA0087TX

CPU Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็วสูงสุด 4.7GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200 MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
Connectivity USB-A 3.2 x 2, USB-C รองรับ DisplayPort x 1, HDMI x 1, LAN x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 2.29 กิโลกรัม
Price 36,990 บาท แถมหูฟังเกมมิ่ง คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่

5. DELL G15 Gaming-W566312600M2CTH (49,990 บาท)

12324 notebook 11932 G15 gaming grey c

DELL G15 Gaming-W566312600M2CTH เป็นรุ่นที่เรียกว่าครบเครื่องทั้งสเปคและโปรแกรมในเครื่อง เพราะมันได้โปรแกรม Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ไม่ต้องจ่ายซื้อเพิ่มให้เปลืองเงิน เหมาะจะซื้อเอาไว้เล่นเกมที่บ้านและพกไปออฟฟิศเพื่อทำงานได้ทั้งคู่ ยิ่งซีรี่ส์ใหม่นี้ทาง DELL ก็แก้ปัญหาเวลาใช้งานไปนานๆ แล้วอุณหภูมิเครื่องสูงเกินไปเป็นที่เรียบร้อย และรุ่นที่เลือกมาแนะนำก็ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ต่อหน้าจอแยกได้ ใช้โปรแกรม Alienware Command Center ปรับจูนรีดประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ดีขึ้น จะเรียกว่าเป็น Alienware ย่อส่วนก็ไม่ผิด แต่ถ้าเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นอาจจะหนักกว่าเล็กน้อยที่ 2.51 กิโลกรัม จึงขอแนะนำให้พกใส่กระเป๋าเป้ไปไหนมาไหนจะดีกว่า อย่าใส่ถุงย่ามหรือกระเป๋าสะพายข้างให้สะสมอาการปวดไหล่ได้

สเปคของ DELL G15 Gaming-W566312600M2CTH

CPU Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็วสูงสุด 4.7GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16 GB DDR5 บัส 4800 MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz
Connectivity Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 2.51 กิโลกรัม
Price 49,990 บาท แถมหูฟังเกมมิ่ง คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่

6. Lenovo Legion 5i 15IAH7H (51,990 บาท)

12560 notebook 11983 Legion 5 AH7H c

ถ้าขึ้นมาเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel หลักครึ่งแสนจะมีรุ่นน่าสนใจให้เลือกพอสมควรเลย อย่าง Lenovo Legion 5i 15IAH7H นี้ผู้เขียนเชื่อว่าจะเกมเมอร์หรือครีเอเตอร์ล้วนคิดถึงก่อนเป็นรุ่นแรกๆ แน่นอนเพราะได้หน้าจอขอบเขตสีกว้างดูหนังฟังเพลงและเล่นเกมได้ยอดเยี่ยมเพราะเป็น Dolby Vision มี NVIDIA G-SYNC ป้องกันภาพฉีกและอัพเกรดเพิ่ม SSD ได้ 2 ช่อง ตกช่องละ 1TB เพิ่มแรมได้สุด 32GB DDR5 บัส 4800MHz ได้ชุดระบายความร้อน Legion Coldfront 4.0 ทั้งระบายความร้อนดีและไม่ดังจนหนวกหูเกินไป และมีตัว Legion AI Engine ฝังมาให้ในเครื่องไว้ปรับโหมดเซ็ตโปรไฟล์และโอเวอร์คล็อกการ์ดจอได้ด้วย ส่วนคีย์บอร์ด Legion TrueStrike ก็กดดีตอบสนองเร็วรัวปุ่มไม่หลุด พิมพ์งานเร็วไม่มีปัญหาแถมยังได้พอร์ตรอบเครื่องยังเยอะอลังการไม่แพ้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel ในข้ออื่นด้วย แต่ข้อสังเกตสำหรับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คราคาครึ่งแสนนี้ยังยกให้เรื่องระบบปลดล็อคตัวเครื่องยังพิมพ์รหัสผ่านเหมือนเดิมอยู่ ยังใช้สแกนนิ้วหรือใบหน้าไม่ได้

สเปคของ Lenovo Legion 5i 15IAH7H

CPU Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็วสูงสุด 4.5GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16 GB DDR5 บัส 4800 MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด WQHD (2560×1440) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB, Dolby Vision, NVIDIA G-SYNC, VESA DisplayHDR 400
Connectivity Thunderbolt 4 x 1,USB-C 3.2 DisplayPort x 1, USB-C 3.2 Full Function x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home
Weight 2.4 กิโลกรัม
Price 51,990 บาท แถมหูฟังเกมมิ่ง คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่

7. ASUS ROG Flow Z13 GZ301VV (69,990 บาท)

12616 c

เพราะเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel ไม่ต้องเป็นทรงโน๊ตบุ๊คก็ได้ ASUS เลยแหกกฏนั้นโดยทำเป็นทรงแท็บเล็ตแทนแล้วกลายเป็น ASUS ROG Flow Z13 GZ301VV แทน เวลาพกไปไหนมาไหนก็สะดวกเพราะเบาแค่ 1.1 กิโลกรัม ได้ชุดระบายความร้อนโลหะเหลว Liquid Metal กับ Vapor Chamber มาแทน ต่อ XG Mobile ที่บ้านแล้วเล่นเกมหรือทำงานกราฟิคหนักๆ ได้ หน้าจอ ROG Nebula Display ก็รองรับ NVIDIA G-SYNC กันภาพฉีกขาด, Dolby Vision, PANTONE Validated ว่าสีสันแม่นยำ ขอบเขตสีระดับ 100% DCI-P3 ลำโพง Smart Amp ให้เสียงดีหนักแน่น รองรับ Dolby Atmos และยังได้กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้กับกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล เป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับเกมเมอร์ที่อยากได้เครื่องเบาแต่แรง มีจุดสังเกตแค่เรื่องราคาที่ค่อนข้างสูงสักหน่อย แต่ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องนี้รับรองว่าจะต้องตกหลุมรักมันอย่างแน่นอน

สเปคของ ASUS ROG Flow Z13 GZ301VV

CPU Intel Core i9-13900H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็วสูงสุด 5.4GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 4060 แรม 8GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB
RAM 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
Display 13.4″ WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3, NVIDIA G-SYNC, Dolby Vision, PANTONE Validated

กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้, กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล

Connectivity Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 Full Function x 1, USB-A 3.2 x 1, MicroSD Card Reader x 1, XG Mobile Interface x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.1 กิโลกรัม
Price 69,990 บาท แถมหูฟังเกมมิ่ง คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่

8. ASUS ROG Strix G16 G614JI (79,990 บาท)

12622 c

ASUS ROG Strix G16 G614JI รหัสนี้ถือเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel แบบ Desktop Replacement ซื้อมาแทนเกมมิ่งพีซีได้สบายๆ ได้สเปคแรงจบจากโรงงาน ไฟ RGB สวยงามและพัดลมระบายความร้อนในเครื่องถึง 3 ตัว ทำให้ชิ้นส่วนภายในเครื่องเย็น ดึงประสิทธิภาพออกมาได้สูงสุดตลอดเวลา ได้จอ ROG Nebula Display เช่นเดียวกับ Flow Z13 ในข้อก่อน ดังนั้นจะทำงานกราฟิคแต่งภาพตัดคลิปหรือเล่นเกมก็ดี และยังอัพเกรด Refresh Rate ให้สูงขึ้นเป็น 240Hz อีก ทำให้ภาพลื่นไหล ติด Hotkey มาให้เซ็ตปุ่มลัดเอาไว้กดใช้งานตอนเล่นเกมหรือทำงานได้ถนัดยิ่งขึ้นอีก แถมลำโพงยังรองรับ Dolby Atmos เสียงรอบทิศทาง 5.1.2 แชนแนลด้วย ด้านการพกพาถือว่าไม่ลำบากมากเพราะน้ำหนักอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ส่วนระบบยืนยันตัวยังต้องใช้รหัสผ่านอยู่ ไม่มีกล้องสแกนหน้าหรือเซนเซอร์สแกนนิ้วติดมาให้

สเปคของ ASUS ROG Strix G16 G614JI

CPU Intel Core i9-13980HX แบบ 24 คอร์ 32 เธรด (8P+16E) ความเร็วสูงสุด 5.6GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 4070 แรม 8GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB
RAM 32 GB DDR5 บัส 4800 MHz
Display 16″ WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 240Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3, NVIDIA G-SYNC, Dolby Vision, PANTONE Validated
Connectivity Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 Full Function x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 2.5 กิโลกรัม
Price 79,990 บาท แถมหูฟังเกมมิ่ง คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่

9. Acer Predator Helios 16 PH16-71-78MQ (79,990 บาท)

12721 c 1

ปิดท้ายด้วยเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel รุ่นใหม่แกะกล่องจาก Acer อย่าง Acer Predator Helios 16 PH16-71-78MQ โดยจุดเด่นยกให้หน้าจอขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 250Hz และชุดระบายความร้อน 5th Gen AeroBlade 3D กับชุดระบายความร้อน Liquid Metal ซึ่งนอกจากระบายความร้อนได้ดีมากๆ แล้ว ยังกดปุ่ม Turbo โอเวอร์คล็อกให้เครื่องแรงขึ้นได้ ไฟคีย์บอร์ด Per-Key RGB และ Pulsar Lighting ด้วย เรียกว่าเกิดมาเพื่อเกมเมอร์และครีเอเตอร์โดยไม่ต้องสงสัย แถมยังได้พอร์ต Thunderbolt 4 อีกด้วย ส่วนลำโพงมีฟีเจอร์ DTS X:Ultra Audio & Acer TrueHarmony technology ให้เสียงดีคมชัด แต่จุดสังเกตคือเสียงพัดลมค่อนข้างดังเวลาทำงานเต็มที่แลกกับประสิทธิภาพที่ดีของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel เครื่องนี้

สเปคของ Acer Predator Helios 16 PH16-71-78MQ

CPU Intel Core i7-13700HX แบบ 16 คอร์ 24 เธรด (8P+8E) ความเร็ว 5GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 4070 แรม 8GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB
RAM 32 GB DDR5 บัส 4800 MHz
Display 16″ WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 250Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 2.6 กิโลกรัม
Price 79,990 บาท แถมหูฟังเกมมิ่ง คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่
img mux

สำหรับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Intel ณ ตอนนี้จะมีรุ่นดีๆ ให้เลือกตั้งแต่ราคาไม่แพงมากไปจนตัวท็อปราคาเกือบหลักแสนเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับโจทย์และความต้องการของผู้ใช้ว่าหาเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแบบไหนเอาไว้ใช้ ซึ่งถ้าใครขี้เกียจประกอบคอมพิวเตอร์จะซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเหล่านี้ไปต่อจอแยกใช้งานก็ดีไม่แพ้กันเลย


บทความที่เกี่ยวข้อง

DellXPS13Plus17052023 1
NBS 230521 image link arm Razer BlackWidow V4 Pro
MsiNotebook

from:https://notebookspec.com/web/704894-9-intel-gaming-laptop-2023