เตือนภัย !! SMS ธนาคารปลอมระบาดต่อเนื่อง ห้ามกดลิงก์กรอกข้อมูลเด็ดขาด

ตลอดช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อน ๆ น่าจะได้เห็นข่าวเกี่ยวกับ “มิจฉาชีพทำตัวเป็นธนาคารส่ง SMS ปลอม ผ่านตากันมาบ้าง วิธีการที่ใช้คือ ฟิชชิ่งหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว เพื่อจุดประสงค์ในการสูบเงินออกจากบัญชี ดูเหมือนว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังมีคนหลงกลตกเป็นเหยื่ออยู่ ทำให้ธนาคารหลายแห่งพร้อมใจกันออกมาเตือนภัยในเรื่องนี้อีกครั้ง

จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทำให้ทั้งธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงศรีอยุธยา ต้องประกาศระงับการให้บริการย้ายหรือติดตั้งแอป mobile banking ไปยังอุปกรณ์เครื่องใหม่เป็นการชั่วคราว โดยจะต้องไปดำเนินการที่ธนาคารสาขาต่าง ๆ แทน เพื่อป้องกันมิจฉาชีพสวมรอย

ล่าสุดธนาคารกสิกรไทยและธนาคารอื่น ๆ อีกหลายแห่ง ก็ได้ออกโรงเตือนลูกค้าของตัวเองในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน (แม้จะยังไม่มีรายงานความเสียหายเกิดขึ้นก็ตาม)

วิธีการที่มิจฉาชีพใช้ในคราวนี้คือ การส่ง SMS ที่มีลิงก์ธนาคารปลอม พร้อมทั้งเนื้อหาที่ล่อลวงให้กดเข้าไปยังลิงก์นั้น ๆ เช่น การหลอกให้กรอกข้อมูลเพื่ออัปเดตระบบ ซึ่งหากใครหลงกล กรอกข้อมูลต่าง ๆ ไปแล้วล่ะก็…อาจถูกสูบเงินออกจากบัญชีจนเกลี้ยงเลยก็ได้ครับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหมายเลข OTP เนี่ย สำคัญมาก ๆ เพราะเจ้ารหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวนี้จะสูงส่งมายังหมายเลขโทรศัพท์ที่เราผูกโยงอยู่กับบัญชีธนาคารเท่านั้น เพราะต่อให้คนร้ายได้ข้อมูลอื่น ๆ ทั้งหมายเลขบัญชีและรหัสผ่านไป แต่ก็จะยังไม่สามารถทำธุรกรรมใด ๆ ได้จนกว่าจะมีหมายเลข OTP ดังนั้น ย้ำอีกครั้ง สำคัญมาก ห้ามบอก OTP ให้ใครรู้เด็ดขาด !!

ธนาคารทุกธนาคารจะไม่มีนโยบายส่งลิงก์ใด ๆ เพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลส่วนตัว (ปกติแล้ว อย่างน้อยที่สุดจะใช้การโทร เพื่อเป็นการยืนยันตัวตน) หากมีลิงก์อะไรส่งมาทาง SMS ก็ให้เอะใจไว้ก่อนเลย รวมถึงช่องทางออนไลน์อื่น ๆ เองก็ด้วย ไม่ว่าจะเป็น E-Mail, LINE หรือ Facebook ซึ่งหากไม่แน่ใจก็ให้โทรไปสอบถามกับทางธนาคารโดยตรงก่อนจะดีกว่า หรือถ้าเผลอตกเป็นเหยื่อไปแล้ว แต่ไหวตัวทันในภายหลังก็ให้รีบติดต่อทางธนาคารโดยเร็วเช่นกันครับ

นอกจากนี้ การเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นระยะ อาจจะทุก 3 หรือ 6 เดือน รวมถึงหมั่นตรวจเช็กความเคลื่อนไหวทางบัญชีก็จะช่วยได้มากเช่นกันครับ

from:https://droidsans.com/e-banking-scam/

ถ่ายทอดสด AIS Countdown 2021 ดูฟรี AIS Play และช่อง 3

เปิด SHOWTIME แบบจัดเต็ม AIS 5G THE FUTURE OF VIRTUAL CELEBRATION 2021 งานเคาท์ดาวน์เสมือนจริงครั้งแรกในไทย! ชมพร้อมกัน 31 ธ.ค. นี้ เวลา 18.00 น. ที่ AISPLAY พิเศษ! รับชมใกล้ชิดแบบ 360° เวลา 18.00 น. ที่แอป AIS5GPLAY VR (จำกัด 20,000 คน) หรือรับชมผ่านช่อง 3 HD เวลา 22.20 น. เป็นต้นไป

ลิงก์ดูผ่านเน็ต >> https://aisplay.ais.co.th/portal/

from:https://www.9tana.com/node/ais-countdown-2021/

BE.S.T AWARD 2020 : สุดยอดสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และนวัตกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี 2020

กลับมาอีกครั้งกับการประกาศผล BE.S.T AWARD ซึ่งในปี 2020 นี้มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายแบบหนักหนาสาหัสจริง ๆ แต่ตลาดสมาร์ทโฟนก็ยังคงเติบโตและแข่งขันกันอย่างดุเดือดต่อเนื่อง มีมือถือและแท็บเล็ตรุ่นใหม่ ๆ เปิดตัวออกมาเยอะมาก ๆ ไม่ต่างจากปีก่อน ๆ เลย แถมยังพัฒนามาอยู่ในจุดที่สูสีกันมากกว่าเดิม กว่าจะคัดเลือกมาได้แต่ละรุ่นทำเอาทีมงานปวดหัวเลยทีเดียว

ขอแจ้งไว้ก่อนนะครับว่าเราจะคัดเลือกเอาเฉพาะมือถือและแท็บเล็ตที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทยเท่านั้น และต้องมีการเปิดตัวหรือวางจำหน่ายก่อนเดือนธันวาคม เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมบางรุ่นถึงไม่ติดเข้ามาใน BE.S.T AWARD ด้วย

BE.S.T VALUE SMARTPHONE AWARD สมาร์ทโฟนสุดคุ้ม

Mi 10T Pro

ครบเครื่องต้มยำมาก ๆ ในงบหมื่นกลาง ๆ กับฮาร์ดแวร์ระดับเรือธง ชิป Snapdragon 865, RAM 8GB LRDDR-5, ROM 256GB (หรือ 128GB) เรื่องความแรงการประมวลผลและความเร็วเขียน-อ่านข้อมูลจัดอยู่ในระดับท็อปคลาส จนเกิดคำถามที่ว่า “Xiaomi ไปเอากำไรมาจากไหน กับราคา (เริ่มต้น) 12,990 บาท ?”

Xiaomi ยัดแบตเตอรี่มาให้ Mi 10T Pro ที่ความจุ 5000mAh และรองรับชาร์จไว 33W ส่วนกล้องหลังทั้ง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 108MP + กล้องอัลตร้าไวด์ 13MP + กล้องมาโคร 5MP ทำผลลัพธ์ออกมาได้สูสีกับสมาร์ทโฟนเรือธงหลาย ๆ รุ่นเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบกันสั่นสำหรับงานวิดีโอที่ทำได้นิ่งกริ๊บ น่าประทับใจสุด ๆ และฟีเจอร์กับลูกเล่นต่าง ๆ ด้านการถ่ายภาพที่ให้มา คือ เยอะมาก~ จนแทบจะตาลาย ใช้งานกันเพลินสุด ๆ

สิ่งที่หลายคนบ่นกันในตอนแรกจะเป็นเรื่องหน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ซึ่ง Xiaomi เลือกใช้พาแนลชนิด IPS LCD แทนที่จะเป็น OLED …แต่พอประกาศค่าตัวออกมาแค่ 13,900 บาท (ในรุ่นเริ่มต้น) ก็ทำให้ใครต่อใครเปลี่ยนความคิดไปตาม ๆ กัน เพราะมันก็เป็นอะไรที่ “เหมาะสม” กับราคาดี แถมเอาเข้าจริง ๆ ก็เป็น IPS LCD ที่คุณภาพไม่ได้แย่เลย ใช้งานในสภาวะแสงในร่มพบความแตกต่างจาก OLED ได้น้อยมาก ๆ ทำได้ดีทั้งเรื่องความจัดจ้านของสีสันและความเที่ยงตรง อีกทั้งยังมีอัตรารีเฟรชที่สูงถึง 144Hz ด้วย

เรียกได้ว่า Mi 10T Pro แทบจะหาข้อติไม่เจอในช่วงราคาระดับนี้ จอสวย กล้องแจ่ม แบตอึด ชาร์จไว ชิปเรือธง ให้นิยามสั้นเลย คือ “คุ้มมาก” คว้าอันดับ 1 ในหมวดหมู่ BE.S.T VALUE SMARTPHONE AWARD ไปครองสบายแฮ

Galaxy S20 FE

ถัดมากับสมาร์ทโฟนจากค่าย Samsung ที่มีกระแสตอบรับในช่วงเปิดตัวดีมาก ๆ สิ่งที่เป็นไฮไลต์ที่สุดคงหนีไม่พ้นชิป Snapdragon 865 ซึ่งสมาร์ทโฟนในซีรีส์ Galaxy S20 อื่น ๆ ที่เหลือ ล้วนแต่เป็นชิป Exynos 990 ทั้งหมด ซึ่งฝ่ายแรกนั้นจะทำได้ดีกว่าในแง่ของการบริหารจัดการพลังงานและเรื่องความร้อน แถมยังได้ความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ในราคาที่ต้องจ่ายน้อยกว่า หากเทียบกับ Galaxy S20 Ultra 5G แล้ว ทั้ง 2 รุ่นจะมีค่าตัวห่างกัน 14,000 – 16,000 บาท เลยทีเดียว

จอภาพของ Galaxy S20 FE มีขนาด 6.5 นิ้ว พาแนล sAMOLED แบบ Infinity-O ความละเอียด Full HD+ และมีอัตรารีเฟรชอยู่ที่ 120Hz ซึ่งขึ้นชื่อว่า Samsung ก็เป็นการการันตีคุณภาพของหน้าจอแสดงผลในตัวอยู่แล้ว ดังนั้นคงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก สวยงามหายห่วงแน่นอน

ด้านกล้องหลัง Galaxy S20 FE มีด้วยกัน 3 ตัว คือ กล้องหลัก 12MP + กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP + กล้องเทเลโฟโต้ 5MP แม้กล้องตัวสุดท้ายจะมีความละเอียดที่น้อยกว่าพวกพี่ ๆ ทั้ง 3 รุ่นในซีรีส์เดียวกันก็จริง แต่ก็ยังสามารถซูมแบบออปติคอลได้ 3 เท่า และซูมแบบดิจิตอลได้ 30 เท่า ไม่แตกต่างกันแต่อย่างใด

อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ Galaxy S20 FE ติดชาร์ตมาเป็นอันดับ 2 ในหมวดหมู่นี้ เป็นเพราะความได้เปรียบด้านการอัปเดต OS ที่ยาวนานถึง 3 เวอร์ชั่น โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เปิดตัวมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 หมายความว่า จะได้รับการประกันการอัปเดตไปยาว ๆ ถึง Android 13 ในปี 2023 นู่นเลยทีเดียว ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในอนาคตและแพตช์ความปลอดภัยพ่วงมาด้วยแน่นอน น่าดึงดูดใจแบรนด์อื่น ๆ ซึ่งส่วนมากจะอัปเดตกันเต็มที่ไม่เกิน 2 ปีพอสมควร

อันที่จริงต้องบอกว่า เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากพอดู กับอันดับ 1 อย่าง Mi 10T Pro และอันดับ 2 อย่าง Galaxy S20 FE สาเหตุหลักที่ฝ่ายหลังโดนหั่นคะแนนไปเป็นเพราะ…ความตะกุกตะกักด้านซอฟต์แวร์ อย่างเช่นปัญหาเรื่องการทัชหน้าจอ กว่าจะแก้ได้ก็ต้องรอกันจนเกือบหมดปี 2020 เจ้านี่จึงชวดอันดับ 1 ไปอย่างน่าเสียดาย

OnePlus Nord

ครั้งสุดท้ายที่ OnePlus มีการเปิดตัวมือถือที่ไม่ใช่ระดับเรือธงนี่ต้องย้อนกันไปไกลถึง OnePlus X ในปี 2015 เลยทีเดียว และในที่สุดก็กลับมาอีกครั้งในปี 2020 กับ OnePlus Nord ที่มาพร้อมกับสโลแกนประจำตัวว่า “lite flagship” ซึ่งเป็นการนำชุดฮาร์ดแวร์จาก OnePlus 8 ที่เป็นรุ่นเรือธงมาปรับแต่งใหม่ แล้วเคาะราคาออกมาแบบแทบจะหารครึ่ง

OnePlus Nord ไม่ได้มีวัสดุเกรดพรีเมี่ยมแบบเดียวกับรุ่นพี่ก็จริง แต่เรื่องประสบการณ์การใช้งาน รวม ๆ แล้วแทบไม่แตกต่างกันเลย ทำได้ดีสมกับเป็น OnePlus มาก ๆ พวกฟีเจอร์หรือลูกเล่นภายในเองก็ไม่ได้ถูกตัดออก ปุ่ม alert slider ที่ด้านข้างอันเป็นเอกลักษณ์ก็มีมาให้อยู่เหมือนเดิม อันนี้คนชอบกันมาก ปรับโฟรไฟล์เสียงได้โดยตรง สะดวกสุด ๆ

หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว เป็นขนาดที่ใช้งานได้ดีแบบเหมาะมือมาก ๆ แสดงผลได้ลื่นไหล 90Hz จุดที่ทำได้โดดเด่นเหนือคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน คือ ความเที่ยงตรงของสีสัน แถมเรายังเลือกปรับได้ระหว่าง sRGB กับ DCI-P3 อีก แค่นี้ก็ครอบคลุมคอนเทนต์แทบทุกอย่างแล้ว ส่วนกล้องหลังก็ให้มาเยอะถึง 4 ตัว ความลุเอียดสูงสุด 48MP คุณภาพหวังผลได้เลย OnePlus Nord จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลว สำหรับใครที่อยากได้สมาร์ทโฟนราคาคุ้มสักรุ่น

realme X7 Pro 5G เป็นรุ่นที่ชวดรางวัลไปอย่างน่าเสียดาย เพราะกว่าจะนำมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยก็ปาไปจะหมดปี 2020 อยู่แล้ว ถ้ามาเร็วกว่านี้อีกสักหน่อยล่ะก็…ไปเบียดกับพวกด้านบนนี้ได้สบาย ๆ เลย

BE.S.T CAMERA SMARTPHONE AWARD สมาร์ทโฟนกล้องยอดเยี่ยม

Galaxy Note 20 Ultra 

ด้วยคุณภาพของชุดเซนเซอร์ที่เหลือล้น ผสานกับความครบเครื่องของช่วงเลนส์ ทำให้ Galaxy Note 20 Ultra ตอบโจทย์การถ่ายภาพทุกระยะ สีสันบนภาพพรีวิวบนหน้าจอ ทั้งก่อนและหลังกดชัตเตอร์ให้ผลลัพธ์ที่ตรงกัน ระบบกันสั่นที่ทำงานได้ดี อย่างเช่น เวลาถ่ายด้วยเลนส์เทเลโฟโต้ ต่อให้มือเราสั่น แต่ภาพบนหน้าจอก็จะไม่ค่อยสั่นตาม ทำให้เล็งเฟรมเพื่อจัดองค์ประกอบได้ง่าย ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่ได้มีความชำนาญก็ถ่ายรูปได้อย่างง่ายดาย ยูซเซอร์เฟรนด์ลี่มาก ๆ และภาพจากเลนส์อัลตร้าไวด์ก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ด้วย

iPhone 12 Pro Max 

กล้องของ iPhone พัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาก ๆ ในช่วง 1-2 ปีหลัง Apple ได้ยกระดับคุณภาพการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอบนสมาร์ทโฟนของตัวเองให้ขึ้นมาอยู่หัวแถวได้อย่างเต็มภาคภูมิแบบไร้ข้อกังขา ชุดกล้อง เซนเซอร์ AI ไม่ได้เป็นรองฝั่ง Android แล้ว เรื่องการละลายฉากหลังในโหมดพอร์เทรตที่ไม่แม่นยำก็ถูกแก้ไขแล้ว (แม้จะยังไม่สมบูรณ์ก็เถอะ) ด้วยเซนเซอร์ LiDAR สำหรับตรวจจับความลึกเข้ามา เสริมด้วยไฟล์ภาพชนิดใหม่อย่าง Apple ProRAW ซึ่งบรรดาโปรซูเมอร์ที่ชอบแต่งภาพต่างร้องว้าว และอาจกลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ของการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนเลยก็ได้

OPPO Find X2 Pro 

ด้วยอานิสงส์ของเซนเซอร์ภาพ IMX689 ที่ได้รับการปรับแต่งมาโดยเฉพาะจาก Sony ส่งผลให้ Find X2 Pro ทำผลลัพธ์ออกมาได้ดีมาก ๆ ทั้งความคมชัด โทนสี ไดนามิกเรนจ์ ออโต้โฟกัส การถ่ายกลางคืน และการถ่ายพอร์เทรต ทำเอารอบนี้ลบภาพจำกล้องบิวตี้ฟรุ้งฟริ๊งของ OPPO ไปเลย พร้อมกับชุดกล้องที่มีครบทุกระยะ โหมดกลางคืนก็ทำได้ดีแม้แสงจะน้อย

ส่วนผู้ที่พลาดหวังไปในปีนี้อย่าง Huawei Mate 40 Pro นั้นกล้องเทพจริง แต่ดูเหมือน HUAWEI ยังคงไม่สามารถแก้ปัญหา color cast ได้อย่างเด็ดขาด ในหลาย ๆ ครั้งที่ถ่ายออกมาภาพอาจยังมีสีสันที่ไม่โดนใจเท่าไหร่ ซึ่งแฟน ๆ HUAWEI หลายคนก็บ่นเรื่องนี้กันมาเยอะ

BE.S.T CAMCORDER SMARTPHONE AWARD กล้องวิดีโอยอดเยี่ยม

iPhone 12 Pro Max

จุดเด่นของ iPhone ที่ทำได้ดีเสมอมาในงานวิดีโอก็คือ ความง่ายในการถ่าย และใน iPhone 12 Pro Max ก็ยังคงเอกลักษณ์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี และด้วยไดนามิกเรนจ์ที่กว้างมาก ๆ เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนทั้งส่วนมืดและส่วนสว่าง ยิ่งเปิดฟีเจอร์ HDR ก็ยิ่งโหดเหนือคู่แข่งรายอื่น ๆ ทำให้สมาร์ทโฟนจาก Apple มาวิน คว้าอันดับ 1 ในหมวดหมู่นี้ไปอย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก

Galaxy Note 20 Ultra

สมาร์ทโฟจาก Samsung มีจุดแข็งด้านไมโครโฟนที่บันทึกเสียงได้ดี แน่นอนว่า Galaxy Note 20 Ultra ในปีนี้เองก็เช่นกัน การเรนเดอร์สีสัน การวัดระดับความสว่าง และระบบกันสั่นล้วนทำงานได้อย่างดีเยี่ยม แต่ถูกหักคะแนนในเรื่องของระบบออโต้โฟกัสที่วืดวาดอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้ชวดอันดับ 1 ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

Vivo X50 Pro

ประสิทธิภาพการกันสั่นจากกล้อง Gimbal ไม่ทำให้ผิดหวัง ในขณะที่ระบบกันสั่นของสมาร์ทโฟนทั่วไปทำงานได้แค่ 2 แกน แต่กล้องของ Vivo X50 Pro ทำงานได้ถึง 5 แกน แนวตั้ง แนวนอน แนวทแยง ได้หมดทุกทิศทาง หากปรับปรุงเรื่องไดนามิกเรนจ์ที่จำกัดกับเพิ่มความคมชัดให้มากอีกนิดก็คงจะแจ่มไม่น้อย

BE.S.T BATTERY LIFE SMARTPHONE AWARD มือถือแบตอึด

Galaxy M51

คงไม่ต้องพูดกันให้มากความ กับแบตเตอรี่ความจุมหึมา 7000mAh แถมจอภาพยังเป็นพาแนล sAMOLED ที่บริโภคพลังงานน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอีก จึงทำให้ได้เปรียบในเรื่อง screen-on time ด้วย ซึ่งเราอาจเห็นผู้ผลิตหลาย ๆ รายเคลมว่า สมาร์ทโฟนของตัวเองใช้งานได้ 2 วันก็จริง แต่โดยมากแล้วจะเป็นการใช้งานในเงื่อนไขที่จำกัด แต่ไม่ใช่กับ Galaxy M51 ผู้ชนะเลิศของเราในปีนี้ เพราะเจ้านี่ใช้งานแบบปกติก็อยู่ข้ามวันได้แบบชิล ๆ จริง ๆ ไม่ต้องอาศัยโหมดประหยัดพลังงานหรืออะไรเลย แบตอึดเป็นบ้าเป็นหลังเลยล่ะครับ

Galaxy A42 5G

ถัดมาก็ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนของ Samsung อีก กับ Galaxy A42 5G ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 5000mAh นั่นเอง ซึ่งก็ทำได้ดีเช่นเดียวกับ Galaxy M 51 เพียงแต่อายุการใช้งานก็จะลดหลั่นลงมาตามความจุของแบตเตอรี่ที่มีน้อยกว่า

POCO M3

POCO M3 มีแบตเตอรี่ 6000mAh ความจุเป็นรองอันดับ 1 อย่างสเต็ปหนึ่ง จุดแข็งคือ สามารถสแตนด์บายได้นานมาก ๆ แต่เนื่องด้วยหน้าจอเป็นพาแนล IPS LCD จึงเสียเปรียบเรื่อง screen-on time ครับ แต่ถึงอย่างนั้นก็คว้าอันดับ 3 ไปครอง

 

BE.S.T COMPACT SMARTPHONE AWARD มือถือไซส์

Xperia 5 II

ตามที่เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ว่า สิ่งที่สร้างความประทับใจได้มากที่สุดของ Xperia 5 II คือ ขนาดตัวเครื่องที่พอดีมือมาก ๆ และเนื่องด้วยเฟรมเครื่องจะแบบโค้งมนจึงทำให้จับถือได้เข้ามือสุด ๆ ทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมด เราสามารถเอื้อมนิ้วโป้งไปยังสุดขอบจออีกฝั่งได้แบบไม่ต้องเกร็ง แต่ถึงเครื่องจะเล็กอย่างนั้นพื้นที่การใช้งานก็ยังมีมากอยู่ดี เพราะจอภาพเป็นสัดส่วนแบบ 21:9 ด้านยาวจึงมาก ยังคงเสพคอนเทนต์แบบฟิน ๆ ได้อยู่

ด้านชิปประมวลผลเป็นระดับไฮเอนด์ Snapdragon 865 พ่วงด้วยโมเด็ม X55 เพื่อเสริมคุณสมบัติ 5G มีกล้อง 3 ตัว พร้อมเลนส์ ZEISS T* คุณภาพสูง ลำโพงคู่สเตอรีโอ แจ็กหูฟัง 3.5 มม. หรือแม้กระทั่งไฟ LED แสดงสถานะ ซึ่ง 2 อย่างหลังเนี่ย เป็นสิ่งที่สมาร์ทโฟนเรือธงค่ายอื่นมักจะตัดทิ้งไปในช่วงหลัง แต่สมาร์ทโฟนของ Sony มีใส่มาให้แบบครบ ๆ เลยล่ะครับ แถมแบตอึดอีกด้วย เป็นสมาร์ทโฟนขนาดกะทัดรัดที่แจ่มสุด ๆ ของปีนี้

iPhone 12 mini

ถ้าดูกันที่เรื่องขนาดอย่างเดียวแล้วล่ะก็ สมาร์ทโฟนที่จิ๋วที่สุดก็คือ iPhone 12 mini รุ่นนี้นี่เอง พกพาสะดวก หยิบใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกงก็ไม่รู้สึกเกะกะเลย จอภาพได้รับการอัปเกรดขึ้นมาเป็น OLED แล้ว สวยงามสุด ๆ ส่วนชิปเป็น A14 Bionic แรงทะลุโลก เช่นเดียวกับ iPhone 12 รุ่นอื่น ๆ ในซีรีส์ …แต่ดูเหมือน Apple ยังต้องทำการบ้านเพิ่มเติมเล็กน้อยในส่วนของแบตเตอรี่และปัญหาเรื่องความร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเปิดใช้งาน 5G นี่ไหลเป็นน้ำก๊อกเปิดทิ้งเลยทีเดียว

Galaxy S20

อาจไม่ได้เล็กจนเรียกขนาดมินิได้ก็จริง แต่หากเทียบกับค่าเฉลี่ยขนาดของสมาร์ทในปีหลัง ๆ ก็ยังพอถือว่า “เล็ก” ได้อยู่ กับขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว ยังคงใช้งานมือเดียวได้ไม่ยากเย็น ฮาร์ดแวร์ทุกอย่างที่ให้มาก็เป็นระดับเรือธง รวมถึงฟีเจอร์ก็ใส่มาครบเช่นกัน Galaxy S20 จาก Samsung จึงเป็นอีกตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว สำหรับคนชอบมือถือที่พกพาสะดวกและน้ำหนักเบา

BE.S.T GAMING SMARTPHONE AWARD มือถือสายเกม

ROG Phone 3

สมาร์ทโฟนสายเกมมิ่งที่ครบเครื่องที่สุดในปีนี้ คือ ROG Phone 3 จาก ASUS อย่างไร้ข้อกังขาใด ๆ ทั้งสิ้น ฟีเจอร์เยอะสุด อุปกรณ์เสริมมากสุด ฮาร์ดแวร์โหดสุด ระบบระบายความร้อนก็เยี่ยม …และราคาแพงสุดด้วย (ฮา) และนอกจากจะตอบสนองด้านการเล่นเกมได้อย่างโดดเด่นสุด ๆ แล้ว ด้านมัลติมีเดียเองก็ทำได้ดีอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง เพราะทั้งจอภาพและลำโพงของ ROG Phone 3 นั้นมีคุณภาพดีมากในระดับเรือธงเลย ติดแค่อย่างเดียวจริง ๆ คือ เครื่องหนัก… 240 กรัม ไม่รวมอุปกรณ์เสริมทั้งหลายแหล่ ถึงจะเอาไปเทียบกับมือถือเกมมิ่งด้วยกันก็หนักกว่าชาวบ้านอยู่ดี

Legion Phone Duel

มือถือจาก Lenovo รุ่นนี้สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากในตอนเปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศจีน เพราะมีฮาร์ดแวร์เป็นรอง ROG Phone 3 แค่จิ๊ดเดียว แต่ราคาถูกกว่ากันเกือบครึ่งต่อครึ่ง ซึ่งเมื่อเดินทางมาวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วก็ยังมีค่าตัวที่ห่างจากสมาร์ทโฟนจาก ASUS มากอยู่ดี (เทียบตัวท็อป Snapdragon 865+) จึงทำเอาหลายคนคิดหนัก ทำใจเลือกลำบากมากทีเดียว โดย Legion Phone Duel จะมีกล้องเซลฟี่แบบ pop-up ด้านข้างเครื่องเป็นจุดเด่น เหมาะสำหรับเกมแคสเตอร์หรือสตรีมเมอร์ผู้ชื่นชอบการไลฟ์เป็นอย่างมาก ส่วนสิ่งที่ต้องพิจารณาคือ ไม่มีอุปกรณ์เสริมให้ต่อพ่วง

Red Magic 5S

ช่วงหลังมานี้ nubia อาจดูเงียบ ๆ เหงา ๆ แต่ในปีนี้ก็ยังส่ง Red Magic 5S ติดโผมากับเค้าด้วยเหมือนกัน เจ้านี่เป็นรุ่นอัปเกรดจาก Red Magic 5G แม้จะยังเป็นชิป Snapdragon 865 เหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือ ระบบระบายความร้อนใหม่ ใช้วัสดุชุบเงินแทนทองแดง พร้อมทั้งขยายขนาดของพัดลมภายในให้ใหญ่ขึ้น เล่นไปด้วย ชาร์จไปด้วย เครื่องก็ไม่ร้อน ควบคุมอุณหภูมิได้อยู่หมัด

BE.S.T SMARTPHONE AWARD สุดยอดสมาร์ทโฟน

iPhone 12 Pro Max

นอกจากเรื่องค่าตัวที่แพงแล้ว ข้อเสียที่เด่นชัดเท่าที่จะนึกออกคงมีแค่ แบตเตอรี่ไม่อึดอย่างที่ควรจะเป็นในการใช้งาน 5G รวมถึงการชาร์จที่ช้ากว่าคู่แข่งเท่านั้นเอง สำหรับ iPhone 12 Pro Max แล้ว ด้านอื่น ๆ แทบไร้ที่ติ จอสวย ลำโพงเสียงดี ชิปแรง กล้องแจ่ม ได้รับการอัปเดตเป็นเวลานาน บริการหลังการขายที่มีมาตรฐาน อีกทั้งยังรองรับ 5G ครอบคลุมที่สุดอีกต่างหาก ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้นี่แหละครับ ที่ไปหักล้างกับข้อสงสัยที่ว่า “ทำไมสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ถึงได้มีราคาสูงนัก ?”

Galaxy Note 20 Ultra

มี Apple ก็ต้องมี Samsung ซึ่งก็เป็นคู่แข่งที่ฟัดกันอย่างสมน้ำสมเนื้อมาตลอดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แม้จะโดน iPhone 12 Pro Max เบียดแย่งบัลลังก์อันดับ 1 สมาร์ทโฟนแห่งปีไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความจริงที่ว่า “Galaxy Note 20 Ultra เป็นมือถือฝั่ง Android ที่เจ๋งรอบด้าน” ถูกลดทอนคุณค่าลงแต่อย่างใด แถมยังมีปากกาสุดเทพ S Pen ที่หาไม่ได้จากสมาร์ทโฟนรุ่นไหนอีกด้วย สาเหตุที่พลาดท่าพ่ายให้กับ iPhone ไปนั้นมีเรื่องเดียวคือแบตไหลที่ยังแก้ไม่หายสักที

OnePlus 8 Pro

ในตอนนี้ OnePlus ได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาจาก flagship killer มาเป็น super flagship แล้ว ซึ่ง OnePlus 8 Pro เองก็จัดเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้หลากหลายมากที่สุดรุ่นหนึ่ง โดยเฉพาะ Oxygen OS ที่ขึ้นชื่อเรื่องการตอบสนองที่ลื่นไหลแบบสุดขีด เป็นสิ่งที่สร้างข้อได้เปรียบให้แก่สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ เพราะฮาร์ดแวร์ระดับท็อปเนี่ย เราหาได้ทั่วไป พบเห็นได้ทั่วไป แต่ซอฟต์แวร์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีตนั้นไม่ใช่ใครก็ทำได้

BE.S.T NEXT GEN AWARD สมาร์ทโฟนยุคหน้า

Galaxy Z Fold 2

แม้ว่า Galaxy Fold รุ่นแรกจะได้รับคำชมในหลาย ๆ อย่าง แต่เสียงติและจุดที่ยังต้องแก้ไขก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งในปีนี้ Samsung ก็ได้นำเอาผลตอบรับและข้อผิดพลาดจากรุ่นก่อนมาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ Galaxy Z Fold 2 เข้าใกล้มือถือจอพับในอุดมคติอย่างที่ควรจะเป็น อาทิ เพิ่มความทนทานของกลไกบานพับ เพิ่มความแข็งแกร่งของหน้าจอ ปรับแต่งอินเทอร์เฟซให้เหมาะสมกับจอภาพ ลดรอยบุ๋มตรงกึ่งกลาง เป็นต้น

Galaxy Z Flip

หาก Galaxy Z Fold 2 เป็นมือถือจอพับที่เน้นด้านฟังก์ชั่นการใช้งานแล้ว Galaxy Z Flip ก็คงจะโดดเด่นในเรื่องความพรีเมียมและขนาดที่กะทัดรัด บ้างก็ว่า เป็นมือถือแฟชั่น เพราะมีตัวเครื่องที่สวยงาม แถมยังดูคล้ายตลับแป้งตอนที่พับอยู่อีกด้วย

moto RAZR 5G

moto RAZR 5G เป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้าที่เปิดตัวในปี 2019 ผสมผสานระหว่างความเป็นตำนานของมือถือฝาพับกับเทคโนโลยีสมัยปัจจุบันได้อย่างลงตัว แต่ก็ยังติดขัดอยู่บ้างในเรื่องของวัสดุและความทนทาน รวมถึงฮาร์ดแวร์ที่ใส่มาให้ไม่ใช่ระดับไฮเอนด์ ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าตัวที่ค่อนข้างสูง หลายคนจึงตั้งข้อสังเกตในส่วนนี้

นอกจากนี้ก็ยังมีสมาร์ทโฟนหน้าจอหมุนอย่าง LG WING ที่มาพร้อมกับแนวคิดและดีไซน์สุดล้ำ ซึ่ง LG ก็บอกเองว่า บริษัทต้องการผลิตมือถือที่ฉีกออกไปจากกรอบเดิม ๆ ให้มากขึ้น ส่วนฝั่ง Microsoft ก็ลงมาลุยตลาด Android ด้วยตัวเองกับเค้าบ้างแล้ว ด้วย Surface Duo สมาร์ทโฟนหน้าจอคู่ สามารถปรับโหมดการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมาก ๆ คือถ้าเข้ามาขายในไทยเนี่ย ติดอันดับ 2 ได้เหรียญเงินไปแล้วอะ

เพื่อน ๆ คงจะเห็นได้ว่า ในปี 2020 นี้ มีสมาร์ทโฟนแปลก ๆ ล้ำ ๆ ออกมาหลายรุ่นมาก ๆ แต่ที่เห็นผ่านตากันเยอะที่สุดก็คงจะเป็นจำพวกจอพับนี่แหละครับ (ฝั่งโน้ตบุ๊กก็มีเหมือนกัน) เพราะตอนนี้ดูจะมีความพร้อมมากกว่าแบบอื่น ๆ ปีหน้าเทรนด์นี้มาแรงแน่นอน


BE.S.T TABLET AWARD

iPad Air 4

แท็บเล็ตจาก Apple ในภาพรวมยังคงได้รับการยอมรับมากกว่า เพราะ iPadOS ได้ถูกออกแบบมาให้มีอินเทอร์เฟซที่เหมาะสมกับจอภาพขนาดใหญ่ ทั้งในแง่การแสดงผลและประสบการณ์การใช้งาน ซึ่งฝั่ง Android ยังไม่สามารถเทียบเคียงในส่วนนี้ได้ ส่วนเรื่องพอร์ต Lightning ที่หลายคนบ่นอยากให้เปลี่ยน ในที่สุดก็สมใจเสียที เพราะ iPad AIr 4 เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB Type-C เรียบร้อยแล้ว หาสายชาร์จง่ายขึ้น ต่อพ่วงอุปกรณ์อื่น ๆ สะดวกขึ้นเยอะ

Galaxy Tab S7+

แท็บเล็ตตัวท็อปจาก Samsung คงเปรียบได้กับการนำ Galaxy Note มาขยายร่าง ถ้าหากจะซื้อแท็บเล็ตสักตัวโดยให้ความสำคัญด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์เป็นพิเศษแล้วล่ะก็…คงไม่มีตัวเลือกไหนดีไปกว่า Galaxy Tab S7+ อีกแล้ว ด้วยจอภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในตลาด ลำโพงสเตอรีโอ เสียงกระหึ่ม แบตใหญ่จุใจ 10090mAh และแน่นอน… ปากกาเทพ S Pen เช่นเคย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การใช้งานแบบเดสก์ท็อปที่น่าสนใจอย่าง DeX อีกต่างหาก

MatePad Pro 5G

Galaxy Tab ไม่แถมคีย์บอร์ด ส่วน iPad ไม่แถมทั้งคีย์บอร์ดและปากกา แต่ HUAWEI ประเทศไทยใจดี จัดโปรฯ ซื้อ Mate Pad Pro 5G แถมฟรี ! ทั้งคีย์บอร์ดและปากกา ซึ่งหากใครที่จำเป็นต้องใช้งานพวกนี้อยู่แล้วก็จะช่วยประหยัดค่าอุปกรณ์เสริมไปได้หลายพันอยู่ การใช้งานโดยรวมเองก็ทำได้ดี เหมาะสมกับราคา และลำโพงที่ใส่มาให้ถึง 4 ตัวก็เสียงเพราะสุด ๆ

BE.S.T INNOVATION AWARD

OPPO X 2021 สมาร์ทโฟนจอม้วน

เทคโนโลยีหน้าจอแบบม้วนได้ถูกพัฒนามาหลายปีแล้วก็จริง แต่ยังไม่มีใครนำมาประยุกต์ใช้กับสมาร์ทโฟนให้เห็น…จนกระทั่ง OPPO X2021 ได้เผยโฉมเป็นครั้งแรกในงาน INNO DAY 2020 เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีจอภาพที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการม้วนได้ เวลาใช้งานจึงสามารถยืดและหดได้อย่างอิสระ กลายร่างจากมือถือ 6.7 นิ้ว เป็นแท็บเล็ต 7.4 นิ้ว ได้ภายในพริบตา ซึ่งจะไม่มีปัญหาทั้งเรื่องรอยย่นและช่องว่างระหว่างจอภาพกับตัวเครื่อง (สัมผัสหน้าจอแล้วบุ๋มลงไป) เหมือนอย่างมือถือจอพับหลาย ๆ รุ่นอีกด้วย เป็นนวัตกรรมที่น่าจับตามองมากทีเดียว

Apple ProRAW

การถ่ายภาพเป็นไฟล์ JPEG มีความสะดวก ถ่ายเสร็จปุ๊บ เอาภาพไปใช้งานต่อได้ทันที ส่วนการถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW ก็จะได้ประโยชน์ในเรื่องของความยืดหยุ่นในการตกแต่งภาพ ซึ่งฟอร์แมตภาพรูปแบบใหม่อย่าง Apple ProRAW นี้ เป็นการนำข้อดีของไฟล์ภาพทั้ง 2 ชนิดมารวมกัน อธิบายง่าย ๆ คือ ยังคงความสำเร็จรูปพร้อมใช้แบบ JPEG เอาไว้ ในขณะเดียวกันก็สามารถไปปรับแต่งเชิงลึกแบบ RAW ได้ในภายหลัง เป็นแนวคิดที่น่าสนใจและดูจะนำไปใช้งานได้จริง ไม่แน่ว่า…อาจกลายเป็นไฟล์ภาพมาตรฐานใหม่อีกรูปแบบหนึ่งในอนาคตก็เป็นได้

HUAWEI Freeform Lens

ถือเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนที่มีการนำเลนส์ชนิดนี้มาใช้ จุดประสงค์หลักคือ การลดความบิดเบี้ยวของเลนส์อัลตร้าไวด์ แต่ประโยชน์ด้านอื่นที่ได้รับพ่วงมาด้วยคือ เพิ่มความคมชัด ลดน้ำหนักและขนาดโดยรวมของโมดูลกล้อง จึงเป็นนวัตกรรมที่นำไปต่อยอดได้อีกในอนาคต ซึ่งตามแผนการที่ HUAWEI วางเอาไว้ ในปี 2021 เราคงได้เห็นเลนส์ชนิดนี้ถูกนำไปใช้กับกล้องเทเลโฟโต้ในสมาร์ทโฟนระดับเรือธง P50 หรือไม่ก็ Mate 50 ครับ

 

…และทั้งหมดนี้ก็คือ สุดยอดสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และนวัตกรรม ประจำปี 2020 ครับ เป็นปีที่ iPhone กับ Samsung แข่งกันดุเดือดมาก ๆ แต่แบรนด์อื่นก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน กว่าจะตัดตัวเลือกจนเหลือ 3 ตัวได้ก็เล่นเอาเหนื่อยแล้ว ยิ่งตอนที่มาเรียงลำดับ 1-3 ยิ่งยากเข้าไปอีก ซึ่งหากเพื่อน ๆ มีความคิดเห็นตรงกันหรือไม่ตรงกันอย่างไรก็คอมเมนต์เข้ามาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ

from:https://droidsans.com/droidsans-best-award-2020/

รถยนต์อัฉริยะ Apple Car ยังไม่เสร็จง่าย อาจจะต้องรอยาวถึงปี 2028

ก่อนหน้านี้ก็ได้มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการที่ Apple กำลังซุ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองอยู่ แต่ล่าสุดจากข้อมูลจาก Reuters ได้มีอัปเดตว่าทาง Apple มีโอกาสเริ่มผลิตรถยนต์ Apple Car จริง ๆ ในปี 2024 จากการคิดค้นแบตเตอรี่ Monocell ชนิดใหม่ อย่างไรก็ตามแหล่งข่าว Apple ชื่อดังอย่าง Ming Chi Kuo ออกมาให้ข้อมูลใหม่ว่า Apple จะเริ่มผลิต Apple Car ได้จริง ๆ เร็วที่สุดคือปี 2025 หรือถ้าเอาแบบเป็นไปได้ที่สุดคือหลังปี 2028 โน่นเลย

Ming Chi Kuo ได้ให้เหตุผลแยกเป็น 3 ปัจจัยหลัก ๆ เกี่ยวกับความไม่แน่นอนของ Apple Car 1) เรายังไม่สามารถรู้วันเปิดตัวที่แน่ชัดได้  , 2) Apple ยังไม่ได้มีการร่วมมือทำสัญญากับบริษัทรถยนต์เพื่อซื้ออะไหล่มาทำ Apple Car เลย และเหตุผลสุดท้าย 3) ความไม่แน่นอนเรื่องการแข่งขันทางการตลาดกับแบรนด์รถไฟฟ้าอื่น ๆ อย่าง Tesla หรือ Porsche

Tesla Model S รถยนต์ไฟฟ้าจากคู่แข่งอย่าง Tesla

ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง Ming Chi Kuo ได้เคยให้ข้อมูลเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า Apple Car อาจจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปี 2023-2025 แต่จากการค้นคว้าล่าสุดปรากฎว่าอาจการมีการเลื่อนเปิดตัวไปอีก ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้แบบเป๊ะ ๆ Apple Car ก็อาจจะได้เปิดตัวมาให้เราได้เห็นกันในช่วง 2025 -2027 อย่างแน่นอน แต่ Ming Chi Kuo ก็ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า อ้างอิงจากประวัติการทำงานของ Apple และความเปลื่ยนแปลงของรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมาถึงในอนาคตข้างหน้า ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจถ้า Apple Car อาจจะเลื่อนไปเปิดตัวหลังปี 2028 เป็นต้นไป

Ming Chi Kuo ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่าถึงแม้ Apple จะมีกำลังและความสามารถในการไปแข่งกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla ได้จริง แต่การเข้าไปในธุรกิจที่อยู่นอกกรอบก็อาจมีความเสี่ยงไม่น้อยเลยทีเดียว ยกตัวอย่าง HomePod ที่ Apple ทำออกมาค่อนข้างดีแต่ก็ยังไม่สามารถครองตลาด Smart Speaker ได้มากเท่าที่คาดการณ์เอาไว้แต่แรก อีกทั้งความยากของการทำ รถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติกลับไม่ใช่เรื่องของ Hardware แต่เป็นเรื่องของ AI ประมวลผลที่เข้ามาช่วยควบคุมรถ ซึ่ง Apple อาจจะต้องใช้เวลาเพิ่มเติมอีกมากกว่า 5 ปีเพื่อที่จะสามารถพัฒนาระบบ Software ตามแบรนด์รถไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อย่าง Tesla หรือ Waymo ที่ได้วางรากฐาน AI ที่แข็งแกร่งเอาไว้ก่อนแล้วได้

สุดท้ายแล้วเราก็พอจะสรุปได้ว่ากว่าเราจะได้เห็น Apple Car เราก็อาจจะได้เห็น iPhone รุ่นใหม่ไปอีก 8 Generation แต่ถ้ารถที่เปิดตัวออกมามันเจ๋งสู้ Tesla ได้จริง ๆ ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ 😁

 

Source: 9to5mac

from:https://droidsans.com/apple-car-might-not-be-launch-until-the-earliest-of-2028/

Top Nine รวม 9 ภาพที่ฮอตที่สุดจาก Instagram ในปี 2020 ทำอย่างไร

ใกล้จะถึงสิ้นปีก็คงถึงเวลาแล้วที่เราจะมาเช็คกันว่าตั้งแ […] More

from:https://www.iphonemod.net/how-to-use-top-nine-2020.html

Adobe เริ่มแสดงการแจ้งเตือนบนวินโดวส์ 10 ให้ถอนการติดตั้ง Flash Player แล้ว

จากที่ Flash Player จะสิ้นสุดอายุการใช้งานอย่างเป็นทางการในสิ้นปีนี้ ทำให้ Adobe เริ่มแสดงการแจ้งเตือนบนคอมพิวเตอร์วินโดวส์เพื่อแนะนำให้ผู้ใช้ถอนการติดตั้ง Flash Player

โดยตอนที่ติดตั้งตัวแฟลชเพลเยอร์นั้นจะมีการสร้างทาส์กที่กำหนดเวลารันไว้ชื่อ ‘Adobe Flash Player PPAPI Notifier’ ซึ่งจะรันคำสั่งดังต่อไปนี้: “C:\Windows\SysWOW64\Macromed\Flash\FlashUtil32_32_0_0_465_pepper.exe” -update pepperplugin

เมื่อรันคำสั่งแล้ว จะขึ้นการแจ้งเตือนที่เนื้อหาเป็นการขอบคุณผู้ใช้ที่เลือกใช้งาน Adobe Flash Player จากนั้นก็แนะนำให้ถอนการติดตั้งโปรแกรมด้วยเหตุผลที่สิ้นสุดอายุการใช้งานแล้ว ซึ่งถ้าคุณไม่ได้ใช้คอนเท็นต์ที่เป็นแฟลชอยู่บนคอมพิวเตอร์

เราก็แนะนำให้ถอนการติดตั้ง Flash Player ตอนนี้ดีกว่าแทนที่จะรอจนกว่าโปรแกรมจะหยุดทำงาน ทั้งนี้ Flash Player ถือเป็นโปรแกรมที่สร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัยมาตลอด และหลายเว็บไซต์ก็ได้เลิกใช้งานตั้งแต่ Adobe เริ่มประกาศกำหนดการหมดอายุใช้งานตั้งแต่ปี 2017 แล้ว

ที่มา : Bleepingcomputer

from:https://www.enterpriseitpro.net/adobe-now-shows-alerts-in-windows-10-to-uninstall-flash-player/

ไอที-โทรคมฯ 2563: 5G คืออนาคตของอุตสาหกรรม-กระแส Work form Home ดันยอด

ในปี 2563 ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทกับทุกภาคส่วน จึงไม่แปลกที่วงการไอที-โทรคมนาคมจะมีโอกาสเติบโตขึ้นอีก ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะถึงจะมี COVID-19 เข้ามาเบรก แต่อุตสาหกรรมดังกล่าวก็ยังมีกระแสต่างๆ เข้ามาช่วย

work form home

เริ่มต้นปีด้วยกระแส 5G

ในฝั่งโทรคมนาคม สิ่งที่เริ่มต้นในปี 2563 ไม่พ้น 5G เพราะการประมูล 5G เสร็จสิ้นในเดือนก.พ. มีเงินสะพัดกว่าแสนล้านบาท โดย AIS และ True ได้คลื่นไปจำนวนมาก ส่วน dtac ได้คลื่นน้อยกว่าที่หลายคนคาดการณ์ นอกจากนี้ยังมี TOT และ CAT ที่ได้คลื่นจากการเข้าร่วมประมูลครั้งนี้เช่นกัน

เมื่อการประมูลจบลง AIS และ True ต่างประกาศกลยุทธ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ และเอกชนเพื่อยกระดับการดำเนินกิจการด้วยความเร็ว และเสถียรของ 5G รวมถึงการเจรจากับค่ายผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือเพื่อให้นำเข้า Smartphone ที่รองรับ 5G มามากขึ้น พร้อมกับการทำแพ็คเกจพิเศษเพื่อให้ผู้บริโภคทั่วไปได้ใช้งาน 5G

dtac
ชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ dtac

แต่พอเข้าเดือนมี.ค. ทุกอย่างก็ต้องมาปรับกระบวนท่าใหม่ เพราะมีการระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทย โดยเฉพาะในมุมสื่อสารการตลาด ทำให้ AIS และ True หันมาขยายเครือข่าย 5G ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดเพื่อรองรับการใช้งานเมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ

กระแส Work from Home เติบโต

การระบาดของโรค COVID-19 ในไทยยังไม่หยุดง่ายๆ ทำให้เดือนเม.ย. ทุกองค์กรแทบจะต้องทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home และองค์กรต่างๆ ต้องหาอุปกรณ์ และเทคโนโลยีมาให้พนักงานทำงานที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือใกล้เคียงกับการทำงานที่ออฟฟิศ

work from home
ภาพโดย Mikey Harris จาก Unsplash

จากกระแส Work form Home ทำให้ค่ายผู้ผลิตสินค้าไอทีทั้งคอมพิวเตอร์, บริการออนไลน์ และอื่นๆ ต่างได้รับประโยชน์ แต่ก็ไม่เต็มที่นัก เพราะซัพพลายสินค้าไม่เพียงพอ อิงจากความต้องการที่หลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก และซัพพลายไม่เพียงพอจากการที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน

ในทางกลับกันผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือเน็ตบ้าน ต่างแข่งกันออกแพ็คเกจราคาประหยัดเพื่อจูงใจ และตอบโจทย์ลูกค้าองค์กร รวมถึงบุคคลทั่วไปได้ดีขึ้น แต่การทำกลยุทธ์นี้ทำให้ค่าเฉลี่ยค่าบริการต่อเดือน หรือ ARPU ลดลงด้วย เช่น AIS ที่ลดลงอย่างชัดเจน

ais fibre

งานไอที-มือถือปรับตัวไปออนไลน์

แม้งาน Thailand Mobile Expo (TME) และ Commart ในไตรมาสแรกจะจัดแบบเว้นระยะป้องกันการระบาดของโรค COVID-19 แต่ในครั้งกลางปี TME เริ่มปรับตัวด้วยการจัดงานแบบออนไลน์ควบคู่ไปด้วยผ่านความร่วมมือกับ Lazada ซึ่งสรุปแล้วผลตอบรับก็ออกมาดี และความร่วมมือก็เกิดขึ้นในครั้งปลายปีด้วย

สำหรับภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือในปี 2563 พระเอกของตลาดน่าจะเป็นรุ่นระดับกลาง หรือราว 20,000 บาท เพราะบางแบรนด์มีรุ่น 5G ให้เลือก ทั้งยังใส่คุณสมบัติต่างๆ มาจัดเต็ม ส่วนรุ่นสูงสุดของแต่ละแบรนด์ยังไม่โดดเด่นจากรุ่นของปีก่อนหน้านี้นัก อาจเพราะใกล้ถึงจุดตันของตลาด Smartphone แล้ว

thailand mobile expo

และแบรนด์ที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คงไม่พ้น Huawei ที่ก่อนหน้านี้เป็นแบรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย แต่เมื่อตัวเครื่องไม่รองรับบริการ Google ยอดขายก็ตกลงอย่างหนัก และไม่มีทีท่าว่าจะกลับมายืนในตลาดนี้เหมือนเดิม เพราะถึงจะมี Huawei Mobile Services แต่มันก็ตอบโจทย์การใช้งานได้ไม่เหมือนบริการ Google

ปิดปีด้วย Cyberattack หลายกรณี

หลังจาก COVID-19 เริ่มทุเลาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี (แม้ตอนนี้จะเริ่มกลับมาใหม่แล้ว) ข่าว Cyberattack หรือการโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความหลอกลวงทาง iMessage, การส่งข้อความหลอกลวงเกี่ยวกับบริการทางการเงิน รวมถึงการถูกผู้ไม่ประสงค์ดีเจาะระบบเว็บไซต์หน่วยงานภาครัฐมากมาย

cyberattact
การโจมตีทางข้อมูล

ส่วนนี้ทำให้ธุรกิจประกันภัย เริ่มจัดกรมธรรม์ที่คุ้มครองดูแลความเสียหายจากอาชญากรมไซเบอร์มากขึ้น เช่นทิพยประกันภัย จับมือกับซิสโก้ เปิดบริการด้านนี้โดยเฉพาะ และเชื่อว่าจะมีบริษัทประกันภัยเข้ามาให้บริการมากขึ้น คล้ายกับการประกันภัยจากธรรมชาติ

และปิดปีด้วยเหตุการณ์ที่ไม่ได้เป็น Cyberattack แต่กระทบกับผู้บริโภคในวงกว้าง นั่นคือการที่ระบบส่ง SMS ของ dtac มีปัญหาในวันที่ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง ทำให้เกิดการร้องเรียนจำนวนมาก และสุดท้าย dtac ก็ต้องชดเชยอย่างเท่าเทียมกับสิ่งที่ผู้บริโภคสูญเสียไป

สรุป

ในปี 2563 โลกเข้าสู่ดิจิทัลเร็วขึ้นผ่านการถูก COVID-19 เร่งปฏิกิริยา ไม่ว่าจะเป็นการ Work from Home การซื้อสินค้าออนไลน์ และการลงทุนดิจิทัลอื่นๆ จึงเชื่อว่าในปี 2564 อัตราเร่งนั้นยังมีอยู่ และน่าจะเข้มข้นกว่าเดิม เพราะทุกคนคุ้นเคยกับดิจิทัล และใครที่ไม่ยอมเดินตามก็คงจะตกขบวนแน่นอน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ไอที-โทรคมฯ 2563: 5G คืออนาคตของอุตสาหกรรม-กระแส Work form Home ดันยอด first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/it-telecom-2020/

เอไอเอส จัดเต็มเครือข่าย AIS 5G และ AIS Fibre ใน “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร” จ.สมุทรสาคร สนับสนุนภารกิจต้านภัยโควิด-19

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม  หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “จากสถานการณ์ระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งถือเป็นพื้นที่ความเสี่ยงสูง และเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด 

ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดตั้ง “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร” ที่เป็นจุดศูนย์กลางของการบริหารจัดการเพื่อดูแลและสกัดกั้นการระบาด ใน 3 แห่ง ประกอบด้วย สนามกีฬา จังหวัดสมุทรสาคร, อาคารและพื้นที่ปฏิบัติธรรม วัดโกรกกราก และ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร แล้วนั้น 

 เพื่อเป็นการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการสื่อสาร อันจะทำให้การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยได้มีโอกาสสื่อสารกับครอบครัวให้คลายความกังวล ทีมวิศวกรเอไอเอส จึงได้เดินหน้าติดตั้งและขยายเครือข่ายเพิ่มเติมในทั้ง 3 จุดดังกล่าวข้างต้นแล้วอย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย

–         ขยายความสามารถในการรองรับการใช้งาน พร้อมความครอบคลุมของเครือข่าย AIS 5G

–         ติดตั้ง AIS Fiber พร้อมสัญญาณ WIFI

โดยก่อนหน้านี้ได้สนับสนุนซิมการ์ดแบบเติมเงิน พร้อมด้วยประกันภัยคุ้มครองการติดเชื้อโควิด-19 ให้แก่กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว – อสต. ที่กำลังลงพื้นที่อย่างหนัก เพื่อให้สามารถติดต่อประสานงานระหว่างกลุ่มแรงงานต่างชาติกับโรงพยาบาล ,สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และสภากาชาด ในการติดตาม, คัดกรอง, เฝ้าระวัง ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงน้ำดื่มให้แก่ทางจังหวัดไปแล้วอีกด้วย

นางสายชล กล่าวในตอนท้ายว่า “ในฐานะภาคเอกชน เราขอเป็นตัวแทนขอบคุณ และส่งความห่วงใย พร้อมกำลังใจไปยังอาสาสมัคร ทั้ง อสต.และ อสม.ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน ซึ่งได้เสียสละอย่างยิ่งในการปฏิบัติงาน เพื่อรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดรอบใหม่นี้อย่างเต็มที่  โดยเอไอเอสยืนยันร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำระบบสื่อสารเข้าไปสนับสนุนเพื่อให้ประเทศไทยก้าวผ่านสภาวะการระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้อย่างดีที่สุด”

from:https://www.mobileocta.com/ais-provides-a-full-network-of-ais-5g-and-ais-fiber-in-sakorn-people-care-center/

GPD Win 3 คอมพิวเตอร์พกพาสำหรับการเล่นเกมเปิดสเปคแลราคาอย่างเป็นทางการ

GPD ผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็กที่เน้นการเล่นเกมโดยเฉพาะได้ออกมาทำการเปิดตัว GPD Win 3 อย่างเป็นทางการหลังจากที่ประกาศจะนำขึ้นในเว็บร่วมทุน Indiegogo ไปก่อนหน้านี้(ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา) งานนี้บอกเลยว่าน่าสนใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกับผู้ที่อยากเล่นเกมในระบบปฎิบัติการ Windows 10 แบบพกพาไปไหนมาไหนก็ได้เพราะตัวเครื่องนั้นมาพร้อมกับดีไซน์ที่คล้ายกับ Nintendo Switch เป็นอย่างมาก นอกไปจากนั้นแล้วสเปคของตัวเครื่องยังแรงอีกด้วยต่างหาก

563000011982402
GPD Win 3

GPD Win 3

ดีไซน์ของ GPD Win 3 นั้นจะอยู่ในรูปแบบของคอมพิวเตอร์ PC แบบหน้าจอสไลด์ซึ่งหากท่านมีอายุมากหน่อยนั้นน่าจะรู้สึกคุ้นเคยดีไซน์ของตัวเครื่องมาจาก Sony Vaio VGN-UX(ตามรูปด้านล่าง)

Sony Vaio VGN UX
Sony Vaio VGN-UX

แม้ว่าดีไซร์จะค่อนข้างเหมือนกันแต่ทว่า GPD Win 3 นั้นจะมีส่วนผสมของดีไซน์จาก Nintendo Switch เข้ามาด้วยเพื่อเพิ่มความเหมาะสมในการเล่นเกมซึ่งเป็นสิ่งที่ทาง GPD มีความถนัดเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ตัวเครื่องนั้นจะมีรายละเอียดดีไซน์และปุ่มต่างๆ รวมถึงพอร์ตการเชื่อมต่อดังต่อไปนี้

GPD Win 3 001

จะเห็นได้ว่าตัวเครื่อง GPD Win 3 นั้นหากไม่สไลด์คีย์บอร์ดออกมาแล้วค่อนข้างจะคล้ายกับ Nintendo Switch มากพอดู สำหรับสเปคนั้นต้องบอกเลยว่าแรงสุดๆ เพราะใช้หน่วยประมวลผล Intel Core i5 และ i7 Gen 11 ที่มาพร้อมกับชิปกราฟิกแบบฝังสถาปัตยกรรม Intel Xe ซึ่งมีการพิสูจน์ออกมาค่อนข้างมากแล้วว่าสามารถที่จะเล่นเกมได้เป็นอย่างดี สำหรับรายละเอียดของสเปคทั้งหมดของ GPD Win 3 นั้นจะมีดังต่อไปนี้

GPD Win 3 002

งานนี้นั้น GPD จัดเต็มจริงๆ หากจะให้เสียดายแล้วล่ะก็คงหนีไม่พ้นเรื่องหน้าจอที่ให้มาแค่ 5.5 นิ้วและรองรับความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 720p เท่านั้น(แต่ก็เข้าใจได้ว่าต้องการที่จะลดน้ำหนักของตัวเครื่องไม่ให้มากเกินไป) ทั้งนี้ตามข้อมูลนั้นระบุเอาไว้ว่า GPD Win 3 สามารถเล่นเกมระดับ AAA อย่าง GTA V, Monster Hunter World, Battlefield 1 และ Borderlands 3 ปรับกราฟิกไปที่ High ได้ที่ 50FPS+ แบบสบายๆ

ถึงแม้ว่าทาง GPD จะไม่ได้ให้ข้อมูลของความจุแบตเตอรี่เอาไว้ ทว่าทาง GPD ให้สัญญาเอาไว้ว่าตัวเครื่องสามารถที่จะเล่นเกมแบบหนักๆ ได้ต่อเนื่อง 2 – 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว(ใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 11 ชั่วโมง)

gdp win3 console external dock
Dock พิเศษที่จะเพิ่มพอร์ตการเชื่อมต่อให้มากกว่าเดิม

ยังไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความที่ GPD Win รุ่นเก่ามีปัญหาค่อนข้างมากในเรื่องของความร้อน งานนี้ GPD ก็เลยยกระดับเรื่องการระบายความร้อนภายในใหม่ทั้งหมด แถมยังได้เพิ่มฟีเจอร์สำหรับปรับระดับการใช้พลังงานตัวเครื่องไว้บน BIOS ให้ผู้ใช้สามารถเลือกเอาเองได้อีกว่าอยากจะแรงเต็มเหนี่ยวหรือจะกลางๆ แต่เครื่องไม่ร้อนมากจนเกินไปได้อีกด้วย(ปรับระดับการระบายความร้อนได้ 3 ระดับคือ 15-18W, 18-22W และ 22-28W)

สำหรับราคานั้นต้องบอกเลยว่าน่าสนใจเอามากๆ เพราะในรุ่นเริ่มต้นที่มากับหน่วยประมวลผล Core i5 นั้นจะอยู่ที่ $799 หรือประมาณ 23,950 บาทเท่านั้น

ที่มา : gsmarena

from:https://notebookspec.com/web/555278-gpd-win-3-is-a-handheld-gaming-pc-with-integrated-controller-and-slide-out-keyboard

ยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน Whirlpool ถูกแรนซั่มแวร์ Nefilim โจมตี

บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอย่าง Whirlpool โดนกลุ่มแรนซั่มแวร์ที่ชื่อ Netfilim โจมตี โดยมีการโจรกรรมข้อมูลออกมาก่อนล็อกอุปกรณ์ ซึ่ง Whirlpool ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องใช้ในบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลก

มีแบรนด์ลูกอยู่หลายตัวด้วยกันไม่ว่าจะเป็น KitchenAid, Maytag, Brastemp, Consul, Hotpoint, Indesit, และ Bauknecht ซึ่ง Whirlpool มีพนักงานกว่า 77,000 รายในโรงงานและศูนย์วิจัยเทคโนโลยีถึง 59 แห่งทั่วโลก

ล่าสุดทำรายได้ประจำปี 2019 รวมถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแก๊งแรนซั่มแวร์ Nefilim ได้ออกมาเผยแพร่ไฟล์ที่ขโมยมาจาก Whirlpool ระหว่างปฏิบัติการโจมตีด้วยแรนซั่มแวร์ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญต่างๆอันได้แก่ รายการสวัสดิการพนักงาน, คำร้องขอสถานที่พัก, คำร้องขอข้อมูลทางการแพทย์, ข้อมูลตรวจสอบประวัติพนักงาน เป็นต้น

ที่มา : BleepingComputer

from:https://www.enterpriseitpro.net/whirlpool-nefilim-ransomware/