John McAfee เสียชีวิตในเรือนจำสเปน หลังศาลอนุมัติส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปสหรัฐฯ

John McAfee บิดาผู้ให้กำเนิดซอฟต์แวร์แอนติไวรัสชื่อดังในตำนาน ที่ตอนนี้อายุ 75 ปีแล้ว พร้อมมีคดีในสหรัฐฯ ติดตัวมากมาย ล่าสุดเสียชีวิตระหว่างการรอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนในเรือนจำของประเทศสเปน หลังถูกประสานให้เข้ารับกุมข้อหาหลบภาษี

ศพของ McAfee ถูกพับในห้องขังของเรือนจำใกล้กับกรุงบาเซโลน่าเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในเวลาประมาณบ่ายโมงตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งหลังจากแพทย์เข้าชันสูตรแล้ว โฆษกของศาลสูงกรุงคาตาโลเนียได้ให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุการตายยังอยู่ระหว่างการสืบสวน

ขณะที่แถลงการณ์ของกรมราชทัณฑ์ประจำแคว้นคาตาโลเนียที่เป็นเจ้าของเรือนจำดังกล่าว ระบุว่าเจ้าหน้าที่และหน่วยแพทย์ได้พยายามปฐมพยาบาลตามขั้นตอนแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยพิจารณาจากหลักฐานทุกอย่างแล้วว่า McAfee น่าจะฆ่าตัวตาย

การตายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากคณะผู้พิพากษาศาลแห่งชาติในกรุงแมดริดได้มีคำสั่งส่งมอบผู้ร้ายข้ามแดนไปเข้ารับการไต่สวนต่อที่สหรัฐฯ แต่มีข้อสังเกตว่าช่วงเวลาที่พบศพนั้น เพื่อนร่วมห้องขังไม่อยู่ห้อง และเจ้าหน้าที่ก็ไม่รับรู้การเฝ้าตรวจติดตามในห้องขัง ในเวลาดังกล่าว

ที่มา : CNN

from:https://www.enterpriseitpro.net/john-mcafee-died-in-jail-spain/

14 ฟีเจอร์ที่กำลังจะหายและเปลี่ยนแปลงไปเมื่อวินโดวส์ 11 มาถึง

ไมโครซอฟท์ได้เผยแพร่รายการฟีเจอร์ของวินโดวส์ 10 ที่จะโดนดึงออกหรือเปลี่ยนแปลงเมื่อคุณอัพเกรดไปใช้วินโดวส์ 11 แล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงบางอย่างค่อนข้างส่งผลกระทบอย่างมากกับผู้ใช้ที่ปรับแต่งวินโดวส์ 10 ให้เข้ากับการใช้งานของตนเองบางแบบที่จำเพาะตัวอย่างเช่น สตาร์ทเมนูของวินโดวส์ 11 อนุญาตแค่ให้คุณผูกทาสก์บาร์เข้ากับด้านล่างของหน้าจอเท่านั้น นั่นหมายความว่าถ้าเดิมคุณเคยเอาทาสก์บาร์ไปยึดกับขอบบนของหน้าจอแล้ว คุณจะทำไม่ได้อีกบนวินโดวส์ 11

ไมโครซอฟท์ยังอธิบายการเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่างในส่วนของสตาร์ทเมนูด้วย ไม่ว่าจะเป็นการถอดการรองรับ Live Tiles, การตั้งชื่อกลุ่ม, และการใช้โฟลเดอร์จัดกลุ่มแอพออกไป เป็นต้น

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังเตรียมถอด Internet Explorer โดยเปลี่ยนมาเพิ่ม IE Mode ใน Microsoft Edge แทน ทำให้ไม่น่าจะกระทบกับคนจำนวนมากเท่าไร

ฟีเจอร์อื่นที่โดนเอาออกก็ได้แก่ Tablet Mode, Timeline, และ Wallet รวมทั้งแอพอย่าง 3D Viewer, Paint 3D, OneNote, และ Skype ก็จะถูกถอนการติดตั้งเมื่ออัพเกรดด้วย แต่ก็ยังมีให้โหลดกลับมาใหม่จากสโตร์

โดยรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลง และการถอดฟีเจอร์เดิมของวินโดวส์ 10 ออกนั้นมีดังนี้:

  • Cortana จะไม่ถูกรวมาเวลาบูธเครื่องครั้งแรก หรือปักหมุดให้ใช้บนทาสก์บาร์อีก
  • วอลเปเปอร์บนเดสก์ท็อป จะไม่สามารถซิงค์ไปมาระหว่างอุปกรณ์เมื่อล็อกอินด้วยบัญชีไมโครซอฟท์เดียวกันได้อีก
  • Internet Explorer จะถูกปิดการใช้งาน โดยแนะนำให้หันมาใช้ตัวใหม่อย่าง Microsoft Edge แทนที่จะมีฟีเจอร์อย่าง IE Mode เพิ่มเข้ามาที่อาจเป็นประโยชน์ในการใช้งานบางอย่าง
  • แผงปุ่มทางคณิตศาสตร์ จะถูกเอาออก แต่ก็สามารถเลือกติดตั้งแอพ Math Recognizer แทนทีหลังได้ ซึ่งจะรวมเอาส่วนการกรอกเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์และตัว Recognizer ไว้ด้วยกัน ส่วนการเขียนเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ในแอพอย่าง OneNote ไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
  • ส่วน News และ Interests จะถูกปรับใหม่ โดยให้เข้าถึงได้ผ่านการคลิกไอคอน Widgets บนทาสก์บาร์
  • การแสดงสถานะอย่างง่าย และปุ่มตั้งค่าอำนวยความสะดวกการเข้าถึง (Associated Setting) บนหน้าจอล็อกสกรีนก็โดนเอาออกไปด้วย
  • S Mode จะมีเหลือให้ใช้เฉพาะบนวินโดวส์ 11 แบบ Home Edition เท่านั้น
  • Snipping Tool จะยังมีให้ใช้ต่อไป แต่จะเปลี่ยนโฉมดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานที่เคยมีในวินโดวส์ 10 ใหม่ โดยจะอยู่ในรูปแอพที่เดิมเป็นที่รู้จักในชื่อ Snip & Sketch
  • เมนู Start ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวินโดวส์ 11 ที่มีการปรับเปลี่ยนและเอาฟีเจอร์เดิมออกที่น่าสังเกตดังนี้:
    • การตั้งชื่อกลุ่ม และจัดแอพเข้าโฟลเดอร์แบบเดิมนั้นจะไม่สามารถทำได้อีก และไม่สามารถปรับเปลี่ยนขนาดเลย์เอาต์ได้
    • แอพและเว็บไซต์ที่ปักหมุดไว้เดิมจะไม่ได้ถูกย้ายไปวินโดวส์ 11 ด้วย
    • ดีไซน์แบบ Live Tiles จะหายไป โดยสามารถเข้าถึงคอนเทนต์แบบไดนามิกที่สรุปภาพง่ายๆ แบบเดิมนี้ได้จากฟีเจอร์ Widgets ใหม่แทน
  • Tablet Mode ถูกเอาออก โดยเพิ่มฟังก์ชั่นและความสามารถใหม่เข้ามาแทนอย่างเช่น แผงคีย์บอร์ดบนหน้าจอ และการควบคุมสัมผัสแบบ Detach Posture
  • Taskbar ก็ถูกเปลี่ยนแปลงฟังก์ชั่นหลายอย่าง เช่น:
    • ไม่มีการแสดงส่วนของ People บนทาสก์บาร์อีก
    • ไอคอนบางตัวจะไม่แสดงบน System Tray (systray) ของเครื่องที่อัพเกรดแล้ว โดยรวมถึงการปรับแต่งพิเศษที่ทำขึ้นก่อนหน้าด้วย
    • การจัดเรียงในส่วนด้านล่างของหน้าจอนั้น อนุญาตแค่ส่วนของโลเคชั่น
    • แอพต่างๆ จะไม่สามารถปรับแต่งบริเวณบนทาสก์บาร์เป็นของตนเองได้อีก
  • Timeline ถูกเอาออก โดยสามารถไปใช้ฟังก์ชั่นที่คล้ายกันได้บน Microsoft Edge แทน
  • Touch Keyboard จะไม่ฝังล็อกตำแหน่งแบบเดิม โดยเลย์เอาต์ของคีย์บอร์ดที่ลอยอยู่ใหม่บนหน้าจอ 18 นิ้วจะมีขนาดใหญ่ขึ้นให้ใช้งานสะดวก
  • Wallet ก็ถูกเอาออกไป

และแอพต่อไปนี้แม้จะไม่ได้ถูกเอาออกตอนอัพเกรด แต่ก็จะไม่ถูกติดตั้งให้บนอุปกรณ์ที่จำหน่ายใหม่ หรือเมื่อติดตั้งวินโดวส์ 11 แบบคลีน ทั้งนี้ก็ยังมีให้ดาวน์โหลดมาใช้ใหม่ได้จากสโตร์:

  • 3D Viewer
  • OneNote for Windows 10
  • Paint 3D
  • Skype

ที่มา : Bleepingcomputer

from:https://www.enterpriseitpro.net/these-features-are-going-away-with-windows-11/

Windows 11 มี Dynamic Refresh Rate ปรับรีเฟรชเรตตามชนิดแอพ ช่วยประหยัดแบต

ไมโครซอฟท์เปิดเผยฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างของ Windows 11 คือ Dynamic refresh rate (DRR) ที่ตัวระบบปฏิบัติการจะปรับรีเฟรชเรตของหน้าจอ ตามประเภทหรือรูปแบบแอปพลิเคชันที่ใช้งาน เพื่อประหยัดพลังงานลง

ฟีเจอร์นี้ต้องใช้กับหน้าจอที่รองรับ Variable refresh rate (VRR) โดยมีอัตรารีเฟรชอย่างน้อย 120 Hz และตัวไดรเวอร์การ์ดจอ (WDDM 3.0) ต้องซัพพอร์ตฟีเจอร์นี้ด้วย ซึ่งไมโครซอฟท์บอกว่ากำลังร่วมกับผู้ผลิตการ์ดจอเตรียมไดรเวอร์อยู่

ถ้าทุกอย่างพร้อมแล้ว Windows 11 จะปรับรีเฟรชเรตของจอให้อัตโนมัติ ถ้าเป็นแอพทำงานทั่วๆ ไป เช่น อีเมล เขียนเอกสาร จะปรับมาที่ 60 Hz เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ แต่ในงานบางอย่าง เช่น เลื่อนหน้าจอ (scrolling) หรือ เขียนจอด้วยปากกา (inking) จะปรับรีเฟรชเรตเป็น 120 Hz เพื่อให้ประสบการณ์ที่ลื่นที่สุด

แอพที่รองรับแล้วตอนนี้คือ

  • Smoother inking: Microsoft Office, Microsoft Edge, Microsoft Whiteboard, Microsoft Photos, Snip & Sketch, Drawboard PDF, Microsoft Sticky Notes, Adobe Acrobat, Adobe Illustrator, Microsoft To Do, Inkodo
  • Smoother scrolling: Microsoft Office

No Description

ที่มา – Microsoft

from:https://www.blognone.com/node/123509

ดู สองเสน่หา EP.16 สดๆ ลิงก์ช่อง 3 และดูย้อนหลัง CH3Plus วันที่ 30 มิ.ย. 64

เรื่องย่อ สองเสน่หา EP.16 เดือนหยาด เข้ามาอยู่ในบ้าน เชื้อชาติ สำเร็จ แต่เมื่ออยู่กับเจ้าพ่อมาเฟียได้สักระยะเธอก็ต้องพบกับชีวิตที่ทุกข์ทนอีกครั้ง เมื่อเพิ่งรู้ว่าเขานั้นมีรสนิยมทางเพศไม่แตกต่างกับ ทรงชัย หนำซ้ำยังทำให้เธอเจ็บปวดมากกว่า แต่ก็แลกมาซึ่งข้าวของราคาแพงและ “ทะเบียนสมรส” เดือนหยาดได้เป็นภรรยาของเชื้อชาติอย่างถูกต้องตามกฎหมายพ่วงตำแหน่งแม่ใหม่ที่ บุษบา ยอมรับไม่ได้ ติดตาม สองเสน่หา EP.16 ได้วันที่ 30 มิ.ย. 64 เวลา 2 ทุ่มทางช่อง 3 และดูย้อนหลังได้ในเวลาเที่ยงคืน

ดู สองเสน่หา EP.15

The post ดู สองเสน่หา EP.16 สดๆ ลิงก์ช่อง 3 และดูย้อนหลัง CH3Plus วันที่ 30 มิ.ย. 64 first appeared on 9TANA : Tech Channel !!.
from:https://www.9tana.com/node/song-saneha-ep16/

ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ ฉลองการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ที่งาน “สวัสดี ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์”

บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ ฉลองการเปิดตัว “ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์” (Disney+ Hotstar) บริการสตรีมมิ่งที่ทุกคนรอคอยอย่างเป็นทางการในประเทศไทยด้วยการจัดงาน “สวัสดี ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์” ที่มาพร้อมการปรากฏตัวของเซเลบริตี้ชื่อดังและการแสดงจากศิลปินมากมาย ภายใต้ฉากหลังของบรรยากาศสุดพิเศษในสถานที่ที่ล้วนแล้วแต่เป็นแลนมาร์คของกรุงเทพมหานครที่ทุกคนจดจำได้

โดยงานสวัสดี ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ เริ่มพรีเมียร์ในเวลา 19.30 น. ของวันนี้ ทั้งทางแอป Disney+ Hotstar และ AIS Play และถ่ายทอดสดทางช่องเวิร์คพอยท์ โดยมีความยาวทั้งหมด 30 นาที และจะมีการถ่ายทอดเทปบันทึกภาพอีกครั้งทางช่อง One31 เวลา 23.15 น. และสามารถสตรีมเพื่อชมได้ทางแอป Disney+ Hotstar และ AIS Play จนถึงวันที่ 8 กรกฎาคม เวลา 23.59 น. 

“สวัสดี ดิสนีย์พลัส ฮอทสตาร์” เปิดการแสดงอย่างประทับใจผู้ชมด้วยมิกกี้ เมาส์ และ มินนี่ เมาส์ ที่ปล่อยแสงระยิบระยับขึ้นไปทั่วประเทศไทย ฉายให้เห็นฉากหน้าของสถานที่สุดพิเศษของประเทศไทยที่ทุกคนรู้จักกันดี ก่อนที่แสงจะส่องกลับมาสู่ใจกลางกรุงเทพฯ 

ที่ไอคอนสยาม ซึ่งมีแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นฉากหลัง ชาคริต แย้มนาม และ รถเมล์ คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ ในฐานะพิธีกรของงาน พูดถึงการเปิดตัว “ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์” อย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมเผยให้ผู้ชมได้ทราบว่าค่ำคืนนี้พวกเขาจะได้พบกับอะไรบ้าง

พร้อมกับมีคลิปแสดงความยินดีสำหรับการเปิดตัวในประเทศไทยจากดาราฮอลลีวูดและดาราดังจากเกาหลี ไม่ว่าจะเป็น ทอม ฮิดเดิลสตัน, แอนโทนี แมคกี, เซบาสเตียน สแตน, กงยู และทีมนักแสดงผู้ให้เสียงพากย์จาก Disney’s Raya and the Last Dragon 

Disney+ Hotstar

รถเมย์-คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ และชาคริตแย้มนาม ร่วมเป็นพิธีกรกับฉากหลังสุดงดงามริมแม่น้ำเจ้าพระยา  

การแสดงชุดแรกสุดมหัศจรรย์เริ่มขึ้นในตอนค่ำที่พระราชวังพญาไทภายใต้บรรยากาศสุดขลัง นำโดย วี-วิโอเลต วอเทียร์, บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และ แอลลี่-อชิรญา นิติพน ที่ร่วมกันร้องเมดเลย์เพลงคลาสสิกจากดิสนีย์ที่ทุกคนรัก

จากนั้นเป็นการแสดงสุดมหัศจรรย์นี้นำเสนอโดย AIS 5G กับเมดเลย์ที่เริ่มต้นด้วยแอลลี่ กับเพลง Part of Your World (จาก The Little Mermaid) 

ก่อนที่บิวกิ้นจะเปิดตัวออกมาพร้อมเพลง Beauty and the Beast (จาก Beauty and the Beast) ถ่ายทอดความไพเราะของบทเพลงคลาสสิกนี้ด้วยเนื้อเสียงที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของเขา

ต่อด้วยวี วิโอเลตกับเพลง Reflection (จาก Mulan) จบท้ายด้วยการที่นักร้องทั้ง 3 คนกลับมาพร้อมกันเพื่อส่งต่ออารมณ์สุดตราตรึงในเพลง Into the Unknown (จาก Frozen 2) 

ทั้งนี้ นี่ยังนับเป็นครั้งแรกที่พระราชวังพญาไทได้เปิดประตูต้อนรับการแสดงครั้งพิเศษโดยนักร้องไทย นับเป็นการตอกย้ำความพิเศษของการเปิดตัว “ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์” ในประเทศไทยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน 

จากซ้ายไปขวาแอลลี่, วีวิโอเล็ต และบิวกิ้น ร่วมร้องเพลง Into the Unknown ในบรรยากาศสุดขลังของวังพญาไท 

ในการแสดงชุดแกรนด์ฟินาเล่ปิดท้าย ปาล์มมี่และเป๊กผลิตโชค เลือกยกระดับความบันเทิงให้พีคขึ้นอีกขั้นบนชั้นสูงสุดของมหานคร แบงค็อก สกายบาร์ ที่เผยให้เห็นเส้นขอบฟ้าอันงดงามของเมืองกรุงเทพฯ เติมเต็มบรรยากาศที่พิเศษยิ่งขึ้นให้กับการแสดงที่พิเศษไม่แพ้กันของพวกเขา โดยนี่ยังถือว่าเป็นครั้งแรกที่ปาล์มมี่และเป๊กได้ร้องเพลงร่วมกัน แถมยังเป็นการแสดงบนกระจก LED ที่ส่องสว่างที่โดดเด่นเป็นพิเศษด้วย

โดยปาล์มมี่และเป๊กขึ้นมาเพื่อร้องเพลงเดี่ยวได้แก่ เพลง Circle of Life (จาก The Lion Kingโดยปาล์มมี่ เพลง Let It Go (จาก Frozenโดยเป๊ก และเพลงร้องคู่แบบดูเอ็ทของทั้งสองคนคือ Once Upon a Dream (จาก Sleeping Beauty และ Maleficentและ Disney’s A Whole New World (จาก Aladdin

สองนักร้องซูเปอร์สตาร์ ปาล์มมี่ และเป๊ก ผลิตโชค ขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกันเป็นครั้งแรกในโชว์แกรนด์ฟินาเล่ที่มหานคร  แบงค็อก สกายบาร์ ในเพลง Once Upon a Dream จาก Sleeping Beauty และ Maleficent  และเพลง A Whole New World จาก Aladdin

นายวินท์รดิศ กลศาสตร์เสนี ผู้จัดการทั่วไป Direct-to-Consumer ไต้หวัน ฮ่องกง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ไม่รวมอินโดนีเซีย) กล่าวว่า “ค่ำคืนนี้นับว่าเป็นค่ำคืนแรกของหลายๆ อย่าง และเป็นค่ำคืนที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองร่วมกันเมื่อดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เรามุ่งหวังว่าผู้ชมจะเพลิดเพลินไปกับงาน “สวัสดี ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์” ที่ซึ่งความบันเทิงระดับโลกในบริการของเรา มาบรรจบกันอย่างน่าอัศจรรย์ภายในสถานที่จัดงานที่น่าตื่นตาตื่นใจของประเทศไทย พร้อมกับการแสดงที่น่าประทับใจจากดารานักแสดงชื่อดังของบ้านเรา” 

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าวว่า “เรายินดีที่ได้ร่วมสวัสดี Disney+ Hotstar ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก พร้อมเชิญชวนคนไทยให้สนุกกับโชว์ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษในงานเปิดตัวในค่ำคืนนี้ เอไอเอสในฐานะผู้ให้บริการอย่างเป็นทางการ ขอยืนยันถึงความพิเศษจากแพคเกจที่มอบให้ลูกค้าเพื่อรับประสบการณ์ความบันเทิงจากภาพยนต์และซีรีส์เรื่องโปรด”  

ทั้งนี้ ลูกค้าเอไอเอส สมัครแพคเกจพิเศษได้ที่ *111 หรือ ดูรายละเอียดได้ที่ www.ais.co.th/disney 

ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์คัดสรรภาพยนตร์กว่า 700 เรื่องและซีรีส์อีกกว่า 14,000 ตอนทั้งจากทั่วโลก เอเชีย และไทยมาให้สมาชิกได้รับชม สมาชิกสามารถลงทะเบียนได้ที่ www.disneyplushotstar.com หรือดาวน์โหลดแอป Disney+ Hotstar บนอุปกรณ์ Android และ iOS เพื่อเริ่มสตรีมดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ในราคา 799 บาทต่อปี 

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/disney-hotstar-celebrates-launch-in-thailand-with-sawasdee-disney-hotstar/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=disney-hotstar-celebrates-launch-in-thailand-with-sawasdee-disney-hotstar

5 พาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็ว พกง่ายน่าใช้ เริ่มแค่พันต้น ๆ เท่านั้น

พาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็วดี ๆ สักอัน ไม่ต้องปวดหัววิ่งหาปลั๊กอีกต่อไป!

powerbank cover

หลังจากมือถือ, โน๊ตบุ๊คสามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยพาวเวอร์แบงค์ได้แล้ว พาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็วก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความสะดวกและไม่ต้องพกอแดปเตอร์เฉพาะของโน๊ตบุ๊คติดกระเป๋าตลอดเวลาให้หนักด้วย ยิ่งถ้าออกไปติดต่องานแล้วใช้โน๊ตบุ๊คนิด ๆ หน่อย ๆ ล่ะก็ ยิ่งเป็นไอเทมที่น่ามีติดกระเป๋าเอาไว้ใช้สักชิ้นหนึ่งเลย และปัจจุบันนี้ราคาก็ไม่แพงมากเพียงหลักพันต้น ๆ ก็ได้พาวเวอร์แบงค์สเปคดี ๆ ไว้ใช้แล้ว

สำหรับการอ่านสเปคของพาวเวอร์แบงค์นั้น ผู้เขียนได้อธิบายเอาไว้ในบทความ “แนะนำ 4 Power Bank สําหรับโน๊ตบุ๊ค ชาร์จไหนก็ได้ไม่ง้อปลั๊ก!” รวมทั้งแนะนำพาวเวอร์แบงค์รุ่นน่าสนใจเอาไว้ให้ด้วย ส่วนในบทความนี้จะแนะนำอีก 5 รุ่นน่าใช้เอาไว้เป็นตัวเลือกให้เลือกซื้อกัน

พาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็ว

5 พาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็ว ชาร์จมือถือได้ ชาร์จโน๊ตบุ๊คก็สบาย!

พาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็วน่าใช้ที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำนั้น ส่วนใหญ่สามารถสั่งซื้อในประเทศไทยได้เลย แต่จะมีบางรุ่นที่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศเพราะ Official Shop ในประเทศไทยไม่ได้นำเข้ามาทำตลาด แต่ถ้าสนใจก็สั่งซื้อจากหน้าเว็บไซต์ของผู้ผลิตได้โดยตรงเช่นกัน แต่จะกินเวลาขนส่งสินค้าสักหน่อย โดยรุ่นแนะนำจะมีดังนี้

  1. Lenovo USB-C Laptop Power Bank 14000 mAh (ราว 2,390 บาท)
  2. Xiaomi Power Bank 3 Pro 20000mAh (ราว 1,390 บาท)
  3. Elecjet PowerPie P20 20000mAh (ราว 2,690 บาท)
  4. Yoobao EN1S (ราว 3,150 บาท)
  5. CHOETECH B626 (49.99 ดอลลาร์ หรือราว 1,600 บาท)
1. Lenovo USB-C Laptop Power Bank 14000 mAh (ราว 2,390 บาท)

8ee2bc496a40233bccd61e346e953952 e1625041665876

พาวเวอร์แบงค์ตัวแรกอย่าง Lenovo USB-C Laptop Power Bank ตัวนี้จัดว่าเป็นพาวเวอร์แบงค์ที่สร้างมาเพื่อโน๊ตบุ๊คในค่ายของตัวเองโดยเฉพาะ โดยในแพ็คเกจจะมีหัวปลั๊กเฉพาะสำหรับ Lenovo และสาย USB-C แถมมาให้ด้วย

สเปคของ Power Bank ลูกนี้มีความจุ 14,000 mAh มีพอร์ต Slim Tip หรือหัวปลั๊กเฉพาะของ Lenovo x 1 ช่อง, ปลั๊กหัวกลม x 1 ช่อง สำหรับชาร์จขไฟให้ Power Bank ส่วนพอร์ตชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นมี USB-A x 2, USB-C x 1 ช่อง โดยตัว USB-C ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นหรือชาร์จกลับให้ Power Bank ตัวนี้ก็ได้ และที่ข้างตัวมีไฟ LED 4 ดวงเอาไว้แสดงปริมาณแบตเตอรี่ในตัว กำลัการชาร์จด้วย USB-C จะมีกำลังไฟสำหรับชาร์จ 45 วัตต์ แต่ถ้าต่อผ่านปลั๊ก Round Tip ของ Lenovo แล้วแปลงเป็น USB-C จะมีกำลังไฟสำหรับชาร์จ 65 วัตต์ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้โน๊ตบุ๊คที่มี USB-C Power Delivery หรือ Thunderbolt ได้สบาย ๆ

สเปคของ Lenovo USB-C Laptop Power Bank
  • ความจุ 14,000 mAh ใช้ชาร์จโน๊ตบุ๊คและสมาร์ทโฟนได้ มีไฟ LED แสดงสถานะแบตฯ
  • กำลังไฟชาร์จโน๊ตบุ๊คสูงสุด 65 วัตต์ ด้วยหัว Slim Tip แปลงเป็น USB-C เข้าโน๊ตบุ๊ค
  • พอร์ตสำหรับชาร์จอุปกรณ์อื่นมี USB-A x 2 ช่อง, USB-C x 1 ช่อง
  • ในกล่องมีสาย USB-C to C, USB-C to Slim-Tip, USB-C to Round-Tip อย่างละเส้น
  • ราคา 2,390 บาท (Lenovo Official Store) สั่งซื้อที่นี่
2. Xiaomi Power Bank 3 Pro 20000mAh (ราว 1,390 บาท)

xiaomi

พาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็วของ Xiaomi มี Xiaomi Power Bank 3 Pro ให้เลือกซื้อ และตัวพาวเวอร์แบงค์ก็มีความปลอดภัยด้วยเพราะว่าทาง Xiaomi ใส่เทคโนโลยีป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและความร้อนเกินเอาไว้ให้ครบเครื่อง รวมทั้งหุ้มวัสดุป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรเอาไว้ 9 ชั้นอีกด้วย และพอร์ต USB-A บนตัวแบตเตอรี่ผ่านมาตรฐาน Quick Charge 3.0, Huawei FCP กำลังชาร์จ 18 วัตต์ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้โน๊ตบุ๊ค, แท็บเล็ต, สมาร์ทโฟน พร้อมกันได้มากสุด 3 เครื่อง

สเปคของพาเวอร์แบงค์มีความจุ 20,000 mAh ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลีเมอร์ กำลังชาร์จไฟสูงสุด 40 วัตต์ ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ให้ MacBook กับโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ต USB-C ที่รองรับการชาร์จแบบ Power Delivery ได้ ส่วนพอร์ตบนตัวพาวเวอร์แบงค์มี USB-A x 2 ช่องกับ USB-C อีก 1 ช่อง และมีไฟ LED แสดงปริมาณแบตเตอรี่ในตัวอีกด้วย

สเปคของ Xiaomi Power Bank 3 Pro
  • ความจุ 20,000 mAh ใช้ชาร์จโน๊ตบุ๊คและสมาร์ทโฟนได้ มีไฟ LED แสดงสถานะแบตฯ
  • USB-C กำลังไฟชาร์จโน๊ตบุ๊คสูงสุด 40 วัตต์ x 1 ช่อง, USB-A ทั้ง 2 ช่องเป็น Quick Charge 3.0 กำลังชาร์จ 18 วัตต์ x 2 ช่อง 
  • ราคา 1,390 บาท (Lazada) สั่งซื้อที่นี่
3. Elecjet PowerPie P20 20000mAh (ราว 2,690 บาท)

พาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็วรุ่น Elecjet PowerPie P20 รุ่นนี้จากมณฑลเสิ่นเจิ้นก็น่าสนใจ เพราะเป็นแบตเตอรี่ความจุ 20,000 mAh ที่ตัวเล็กบางพกพาง่าย กำลังชาร์จสูงสุด 45 วัตต์ สามารถชาร์จมือถือและโน๊ตบุ๊คพร้อมกันได้เร็วรวมทั้งมีไฟ LED แสดงสถานะแบตเตอรี่ที่ตัวพาวเวอร์แบงค์อีกด้วย แต่ข้อสังเกตมีเรื่องเดียวคือพอร์ตมี USB-A, USB-C อย่างละช่องเท่านั้น

สเปคของ Elecjet PowerPie P20 ตัวนี้มีความจุ 20,000 mAh กำลังชาร์จผ่านพอร์ต USB-C สูงสุด 45 วัตต์ Power Delivery แบบ PPS (Programmable Power Supply) ที่ตัวพาวเวอร์พาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็วตัวนี้จะปรับแรงดันไฟให้เข้ากับอุปกรณ์ที่ชาร์จอยู่โดยอัตโนมัติ ทำให้ชาร์จไฟได้เสถียรและเร็ว ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ให้โน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ต USB-C Power Delivery กับมือถือได้พร้อมกัน ส่วน USB-A มีกำลังชาร์จสูงสุด 18 วัตต์

สเปคของ Elecjet PowerPie P20
  • ความจุ 20,000 mAh ใช้ชาร์จโน๊ตบุ๊คและสมาร์ทโฟนได้ มีไฟ LED แสดงสถานะแบตฯ
  • USB-C กำลังไฟชาร์จโน๊ตบุ๊คสูงสุด 45 วัตต์, USB-A กำลังชาร์จ 18 วัตต์ มีเทคโนโลยีการชาร์จ PPS ปรับแรงดันไฟเวลาชาร์จโดยอัตโนมัติ มีพอร์ตอย่างละช่อง
  • ราคา 2,690 บาท (Shopee) สั่งซื้อที่นี่
4. Yoobao EN1S (ราว 3,150 บาท)

en1 1000x1000 1

Yoobao EN1S ตัวนี้ ถึงราคาจะแพงสุดในหมู่พาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็วก็ตาม แต่ฟีเจอร์น่าสนใจกว่าที่คิดมาก เพราะตัวพาวเวอร์แบงค์จะมีตัวอินเวอร์เตอร์ กำลังไฟ 150 วัตต์ สำหรับเสียบปลั๊กติดตั้งมาให้ เอาไว้ต่อปลั๊กชาร์จแบตเตอรี่ของอุปกรณ์อื่นนอกจากโน๊ตบุ๊ค, แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนได้ด้วย มีหน้าจอแสดงแบตเตอรี่ในเครื่องแบบดิจิตอลและมีไฟฉายให้ใช้ด้วย แต่ข้อสังเกตคือตัวพาวเวอร์แบงค์มีน้ำหนัก 1.1 กิโลกรัม ซึ่งหนักพอควร

สเปคใช้แบตเตอรี่ลิเธียมโพลีเมอร์ เกรดเดียวกับรถยนต์ ความจุ 26,400 mAh บอดี้อลูมิเนียมที่แข็งแรงและระบายความร้อนตอนชาร์จได้พร้อมกัน พอร์ต USB-C สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้โน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ต USB-C Power Delivery ได้ด้วยกำลังไฟ 45 วัตต์ และมีพอร์ต USB-A x 3 ช่อง กำลังชาร์จสูงสุด 18 วัตต์ ได้ด้วยรองรับมาตรฐานชาร์จไว Quick Charge 3.0, Power Delivery 3.0, Huawei FCP ทั้งหมด ส่วนไฟฉายมีกำลังไฟ 1 วัตต์ ส่วนปลั๊กพร้อมอินเวอร์เตอร์ด้านหลังมีกำลังไฟ 150 วัตต์ ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์ต่าง ๆ หรือแม้แต่โน๊ตบุ๊คที่ไม่มี USB Power Delivery ก็ได้

สเปคของ Yoobao EN1S
  • ความจุ 26,400 mAh มีหน้าปัดดิจิตอลแสดงแบตเตอรี่ที่มีเหลือในพาวเวอร์แบงค์ได้
  • USB-C กำลังไฟชาร์จโน๊ตบุ๊คสูงสุด 45 วัตต์ x 1 ช่อง, USB-A กำลังชาร์จ 18 วัตต์ x 3 ช่อง, หัวปลั๊กพร้อมอินเวอร์เตอร์ 150 วัตต์ x 1 ช่อง
  • ราคา 3,150 บาท (Lazada) สั่งซื้อที่นี่
5. CHOETECH B626 (49.99 ดอลลาร์ หรือราว 1,600 บาท)

A 3 e20e2dc9 7dd8 48ca 8574 1be2493148c9

CHOETECH B626 เป็นพาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็วจากแบรนด์ที่จำหน่ายสายเชื่อมต่อคุณภาพดีราคาไม่แพงมากในประเทศไทย แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เอาพาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็วเข้ามาทำตลาดด้วย โดย B626 ตัวนี้จะเป็นตัวเดียวที่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ

ด้านสเปคก็ถือว่าน่าสนใจ โดยมีพอร์ตชาร์จทั้งหมด 4 ช่อง ได้แก่ USB-A x 2 ช่อง, USB-C x 1 ช่อง, Micro USB x 1 ช่อง มีไฟ LED เอาไว้แสดงปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือในตัว มีกำลังชาร์จสูงสุด 45 วัตต์ ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ให้โน๊ตบุ๊คหรือแท็บเล็ตได้สบาย ๆ มีแบตเตอรี่ในตัว 20,000 mAh พร้อมระบบเซฟตี้ ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ป้องกันปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร และตัวแบตเตอรี่ก็ถือว่าบางและพกพาง่ายอีกตัวหนึ่ง

สเปคของ CHOETECH B626
  • ความจุ 20,000 mAh มีหลอดไฟ LED แสดงแบตเตอรี่ที่มีเหลือในพาวเวอร์แบงค์ได้
  • USB-C กำลังไฟชาร์จโน๊ตบุ๊คสูงสุด 45 วัตต์ x 1 ช่อง, USB-A  x 2 ช่อง, Micro USB x 1 ช่อง
  • ราคา 49.99 ดอลลาร์ หรือราว 1,600 บาท (CHOETECH) สั่งซื้อที่นี่

สรุปสเปคพาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็ว 5 รุ่น

สำหรับพาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็วทั้ง 5 รุ่นที่เลือกมาแนะนำ จะมีจุดเด่นแตกต่างกันไปและถ้าสรุปจุดสำคัญ ๆ ของพาเวอร์แบงค์แต่ละตัวนั้น จะมีดังนี้

รุ่น / สเปค ความจุ พอร์ต ราคา
Lenovo USB-C Laptop Power Bank 14,000 mAh USB-A x 2

USB-C x 1

2,390 บาท
Xiaomi Power Bank 3 Pro 20,000 mAh USB-A x 2

USB-C x 1

1,390 บาท
ELECJET POWERPIE P20 20,000 mAh USB-A x 1

USB-C x 1

2,690 บาท
YOOBAO EN1S 26,400 mAh USB-A x 3

USb-C x 1

ปลั๊กอินเวอร์เตอร์ 150W x 1

3,150 บาท
CHOETECH B626 20,000 mAh USB-A x 2

USB-C x 1

Micro USB x 1

49.99 ดอลลาร์ หรือราว 1,600 บาท

1587970231431612 e1612942650960

จะเห็นว่าถ้าเรามีพาวเวอร์แบงค์ดี ๆ ติดกระเป๋าเอาไว้สักอันล่ะก็ เวลาไปทำงานหรือติดต่อธุระที่ไหนแล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่จะหมดระหว่างทำงานเลย สามารถนั่งทำงานต่อเนื่องได้ทั้งวันอย่างแน่นอน แล้วหลาย ๆ รุ่นก็น้ำหนักไม่เยอะมาก ทำให้พกใส่กระเป๋าไปได้โดยลำบากไหล่นัก

เวลาเลือก ผู้เขียนก็แนะนำให้อิงการเลือกจากการใช้งานของเรา ว่าเร็ว ๆ นี้เรามีแผนเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คไปใช้เครื่องที่มีพอร์ต Thunderbolt หรือ USB-C ที่รองรับ Power Delivery หรือไม่ ก็สามารถเลือกตัวที่มีขนาดเล็กพกพาง่ายแต่มีความจุระดับ 20,000 mAh ขึ้นไปได้เลย เพราะว่าปริมาณแบตเตอรี่ก็จะมีมากพอใช้วนชาร์จให้โน๊ตบุ๊คเราจาก 0-100% ได้ราว 1 รอบเศษ แล้วเอาไปชาร์จอุปกรณ์ชิ้นอื่น ๆ ได้ด้วย


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 1webcam 1

laptopstand cover

power bank laptop cover

from:https://notebookspec.com/web/602421-5-fast-charge-power-bank-for-laptop

วิเคราะห์ธุรกิจสตรีมมิ่งคอนเทนต์กับโอกาสของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ชาวไทย

กระแสการรับชมคอนเทนต์ผ่านสตรีมมิ่งมีอัตรการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจเพราะเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมคอนเทนต์ทั้งเก่าและใหม่ ให้ผู้บริโภครับชมย้อนหลังหรือในช่วงเวลาที่ตนเองสะดวก ด้วยพฤติกรรมการรับชมคอนเทนต์ตามความพอใจของคนรุ่นใหม่นั้น กลายเป็นเงื่อนไขสำคัญที่คนสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบละคร ซีรี่ย์ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ทันกระแส

thumbsup ได้เข้าร่วมฟังงานสัมมนา Nitade@NIDA ในหัวข้อ “Streaming Wars 2021: โอกาสหรือวิกฤตของธุรกิจ content ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทย” มีประเด็นที่น่าสนใจมากมายเลยค่ะ

ดร.ฐณยศ โล่ห์พัฒนานนท์ นักวิจัยประจำสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักวิจัยอุตสาหกรรมบันเทิงระหว่างประเทศ และ กรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับ Disney+ ไว้อย่างน่าสนใจ

ด้วยธุรกิจสตรีมมิ่งที่ขยายตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้ผู้บริหารของ Disney วางกลยุทธ์ที่จะเปิดตัว Disney+ และ Disney+ Hotstar เพื่อนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพสูงสำหรับครอบครัวและผู้ชมทุกเพศทุกวัย รวมทั้งยังเป็นการสร้างความเติบโตของแบรนด์ดิสนีย์สู่ตลาดโลก

นอกจากนี้ สตรีมมิ่งเป็นบริการที่มีผู้ให้บริการรายเดิมในตลาดอยู่แล้ว เราจึงเห็นการผสมผสานด้านกลยุทธ์ของดิสนีย์ทางด้านราคากับปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้เร็วขึ้น ผ่าน 5 แนวทางคือ

  • สร้างแรงจูงใจด้านราคา ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าผู้ให้บริการรายอื่นในท้องตลาด
  • ให้ผู้บริโภคที่ได้ทดลองใช้บริการเป็นคนสร้างกระแสให้ผู้บริโภครายใหม่สนใจ อยากรับชม เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงคอนเทนต์
  • สร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมกับดิสนีย์ ทำให้เป็นงานที่ต้องเสพ (must see)
  • ตอกย้ำแบรนด์ที่มีความสร้างสรรค์และเป็นสตรีมมิ่งที่อยากรับชมเป็นตัวเลือกแรก
  • เน้นกลุ่มผู้ชมทุกช่วงวัย โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่เป็นฐานผู้บริโภคหลัก

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ดิสนีย์พลัส สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้เพียงพอต่อการเผยแพร่ ทีมบริหารจึงวางงบประมาณในการผลิตคอนเทนต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟไว้ถึง 14-16 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2024 รวมทั้งคาดหวังให้คอนเทนต์เหล่านี้ สามารถเข้าถึงคนทุกระดับและดึงดูดกลุ่มผู้ชมใหม่ๆ อยู่เสมอ

นอกจากนี้ยังคาดหวังคุณภาพของคอนเทนต์มากกว่าปริมาณ เพราะต้องการที่จะเป็นท็อป 3 ในวงการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และ Amazon Prime ทำให้จำนวนซีรี่ย์ในระบบตอนนี้แบ่งเป็น ซีรีย์และรายการโทรทัศน์ 7,500 ตอน ภาพยนตร์ 500 เรื่อง ถือว่าน้องกว่าคู่แข่งอย่สงเน็ตฟลิกซ์ ที่มีภาพยนตร์ 3,600 เรื่อง ซีรี่ย์หรือรายการโทรทัศน์ 1,800 เรื่อง (มากกว่า 10,000 ตอน)

ตัวเลขทางธุรกิจที่น่าสนใจของดิสนีย์พลัส

ในปี 2020 ที่ผ่านมา ดิสนีย์พลัสสามารถสร้างรายได้อยู่ที่ 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีผู้สมัครทั่วโลก 86.8 ล้านคน โดย 30% จากตัวเลขนี้มาจากผู้สมัคร ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ และยังตั้งเป้ารายได้มากกว่า 10,000 ล้านเหรียญในสิ้นปี 2021 ซึ่งมียอดผู้สมัครเกิน 100 ล้านคนทั่วโลกแล้ว ตั้งแต่มีนาคม 2021 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าผู้สมัครทั่วโลกรวมกัน 230-260 ล้านคนในปี 2024 โดย 30-40% ของผู้สมัครต้องมาจากดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์

ตั้งแต่ Disney+ เริ่มเปิดให้บริการในประเทศอินโดนีเซียเมื่อเดือนกันยายน ปี 2020 มีผู้สมัครถึง 2.5 ล้านราย Viu 1.5 ล้านราย Vidio 1.1 ล้านราย และ Netflix 850,000 ราย

ทั้งนี้ เมื่อดูตัวเลขเกี่ยวกับจำนวนผู้ใช้บริการสตรีมมิ่งใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซียและสิงคโปร์ พบว่า ผู้ใช้บริการมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น 4.9 ล้านราย แบ่งเป็น Disney+ 43% Viu 12% ทำให้มีผู้ใช้บริการรวมกัน 24.2 ล้านราย

อย่างไรก็ตาม Netflix ยังคงครองสัดส่วนระยะเวลาของผู้ชมได้มากถึง 40% Viu 15% WeTV 13% iQiYi 10% Disney+ 2%

นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างคือผู้ใช้บริการสตรีมมิ่งเลือกชมคอนเทนต์เกาหลีใต้สูงถึง 34% คอนเทนต์อเมริกัน 30% คอนเทนต์ท้องถิ่น 13% ญี่ปุ่น (คอนเทนต์ประเภทอะนิเมะ) 9% และอื่นๆ อีก 14%

glocalization โอกาสของคอนเทนต์ไทยสู่สากล

การใช้กลยุทธ์ glocalization ของทุกสตรีมมิ่งดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ทุกสตรีมมิ่งจะต้องมีอยู่บนแพลตฟอร์มของตัวเอง เพราะไม่ว่าคอนเทนต์ต่างชาติจะดีแค่ไหน แต่คอนเทนต์ท้องถิ่นด้วยวัฒนธรรมที่คุ้นเคยของแต่ละชาติ ก็ยังทำให้คนในประเทศนั้นๆ คุ้นเคยกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งได้ไวกว่าการมีคอนเทนต์หลักเพียงอย่างเดียว

อาจารย์วรลักษณ์ กล้าสุคนธ์ อาจารย์ประจำหลักสูตรภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล DPU และ ผู้เขียนบทภาพยนตร์ บทโทรทัศน์ อาทิ “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” “30+ โสด ออน เซลล์” เล่าว่า เราเห็นความพยายามของ Netflix อย่างการแต่งตั้งนายยงยุทธ ทองกองทุนเป็นผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนต์ประจำประเทศไทย เข้ามาเติมโอกาสในเรื่องของการดีลธุรกิจการนำคอนเทนต์ไทยเข้าสู่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ทำให้มีคอนเทนต์สัญชาติไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความร่วมมือกับไทยทีวีสีช่อง 3 ในการนำละคร 6 เรื่องออกอากาศคู่ขนานทั่วอาเซียน

นอกจากนี้ ยังมีซีรี่ย์วายที่ผลิตโดยผู้กำกับชาวไทยแต่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน อย่างเรื่อง Love Sick the series ถือว่าเป็นมิติใหม่ในการนำเสนอคอนเทนต์รักร่วมเพศในบทตัวแสดงนำ หรืออย่างดิสนีย์พลัสก็มีการสร้างคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟ อย่าง อิน-จัน มาสร้างโอกาสให้ผู้ผลิตชาวไทยเช่นกัน

ปัญหาที่คอนเทนต์ไทยในระดับโลกมีน้อย

ด้วยเนื้อหาของคอนเทนต์ที่เปิดกว้าง และโอกาสของผู้ชมคอนเทนต์ก็ต้องเนื้อหาที่หลากหลายมากกว่าที่มีการออกอากาศอยู่ในระบบทีวีแบบดั้งเดิม ทำให้ผู้ผลิตเองต่างก็ต้องพัฒนาความสามารถ รู้จักพฤติกรรมของผู้บริโภคและภาครัฐส่งเสริมให้ถูกจุดกว่านี้

ในต่างประเทศอย่างเช่น เกาหลีใต้ มองว่าการสร้างสรรค์งานซีรี่ย์ให้เข้าถึงผู้ชมได้นั้น จำเป็นต้องเกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายภาคส่วนในการผลักดันทั้งความสามารถทางการแสดง วัฒนธรรมเสื้อผ้า อาหาร ภาษา บทเพลง อัตลักษณ์ทางกายภาพ

เราจึงเห็นความนิยมของวัฒนธรรมเกาหลีอย่างรวดเร็วทั้งด้านของศิลปิน นักแสดง สินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า ไปจนถึงการศัลยกรรม ต่างก็เป็นโอกาสที่สร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาลในแต่ละปี

“คนที่สร้างคอนเทนต์เก่งๆ ไม่ได้มีหัวทางเรื่องของการบริหารทุกคน ดังนั้น การมีหน่วยงานส่วนกลางเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องให้คำปรึกษา สร้างคอนเนคชั่น เป็นแหล่งข้อมูลวิเคราะห์ผู้บริโภค หากมีสิ่งเหล่านี้ได้ครบก็น่าจะช่วยให้วงการผู้ผลิตคอนเทนต์ของไทยเติบโตระดับโลกและสร้างรายได้เข้าประเทศได้”

นอกจากนี้ การศึกษาในระบบแบบเดิมไม่ได้ให้ความรู้นักศึกษาเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่อัพเดทตลอดเวลา เครื่องมือในการพัฒนาและสร้างสรรค์คอนเทนต์ก็ยังเป็นแบบเก่า ทำให้นักศึกษาไทยยังไม่สามารถก้าวข้ามผ่านความรู้ความสามารถทัดเทียมระดับโลกได้

ผู้บริโภคที่พร้อมจ่ายหรือเสพคอนเทนต์นั้นมีอยู่อย่างมาก สวนทางกับความสามารถที่ยังมีขีดจำกัดและโอกาสก็ยังเข้าถึงไม่มากพอ หากรัฐและเอกชนร่วมกันสร้างฐานความรู้และธุรกิจให้แข็งแรงย่อมเป็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจคอนเทนต์ที่มีอยู่อย่างมหาศาล

 

ที่มา : Nitade@nida

from:https://www.thumbsup.in.th/streaming-thailand-ott?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=streaming-thailand-ott

Neeva เว็บค้นหาแนวคิดใหม่โดยอดีตพนักงานกูเกิล จ่ายรายเดือนแลกกับไม่มีโฆษณา

Neeva สตาร์ตอัพใหม่ของอดีตผู้บริหารกูเกิล 4 คน เปิดตัว search engine แนวใหม่ที่ไม่หารายได้จากโฆษณา แต่คิดเงินค่าสมาชิกจากผู้ใช้ 4.95 ดอลลาร์ต่อเดือน แลกกับ search engine ที่ไร้โฆษณา และรักษาความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มที่

Neeva บอกว่า search engine ในปัจจุบันเต็มไปด้วยโฆษณา เพราะเอาใจนักโฆษณามากกว่าผู้ใช้ ผลการค้นหาที่เป็น organic ลดพื้นที่ลงไปเรื่อยๆ บริษัทจึงกลับวิธีคิดใหม่ แก้ปัญหาเรื่องการหารายได้โดยให้ผู้ใช้จ่ายค่าสมาชิกแทน เพื่อสร้าง search engine ที่คิดเพื่อผู้ใช้จริงๆ

No Description

No Description

ฟีเจอร์อื่นของ Neeva คือการปรับแต่งที่เยอะกว่า search รายอื่นๆ เช่น การค้นหาข่าวผ่าน Google News เราเลือกแหล่งข่าวเองได้ลำบาก แต่ Neeva เปิดให้ผู้ใช้ปรับแต่งแหล่งข่าวที่ต้องการได้เอง, สามารถเชื่อมบัญชี Neeva กับบริการอีเมล ปฏิทิน แชท ไฟล์ต่างๆ เพื่อใช้ Neeva ค้นหาข้อมูลส่วนตัวที่เก็บอยู่ในบริการเหล่านี้ได้ด้วย

No Description

ลูกค้าที่จ่ายเงินรายเดือนให้ Neeva ยังจะได้ส่วนขยายสำหรับเบราว์เซอร์ ที่ช่วยบล็อคการตามรอยของเว็บไซต์ต่างๆ และ Neeva ยังสัญญาว่าจะกันรายได้ 20% ให้กับเจ้าของคอนเทนต์บเนว็บที่ Neeva นำมาใช้ตอบคำถามผู้ใช้โดยตรงด้วย ซึ่งตอนนี้ Neeva ก็เซ็นสัญญากับ Medium และ Quora เรียบร้อยแล้ว

No Description

การที่ Neeva สร้างโดยอดีตผู้บริหารกูเกิล (ที่บางคนอยู่ในทีม search โดยตรง) บริษัทจึงพยายามการันตีว่ารู้จักเรื่อง search ดี และทำผลิตภัณฑ์ออกมาได้ดีไม่แพ้กูเกิล ต้องรอดูกันว่าผลการค้นหาจะใช้งานได้ดีจริงๆ หรือไม่ ตอนนี้ Neeva ยังเปิดบริการเฉพาะในสหรัฐเท่านั้น

ที่มา – Neeva

from:https://www.blognone.com/node/123508

[Guest Post] “DGA” โชว์เคสงานวิจัยด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับภาครัฐ ในงานประชุมวิชาการนานาชาติ DGTI-Con 2021

สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA เร่งขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลเชิงรุกรับสถานการณ์โควิด เตรียมพร้อมจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมภาครัฐ (The International Conference on Digital Government Technology and Innovation – DGTI-Con 2021) เชิญนักธุรกิจหมื่นล้าน และกูรูด้าน Digital Transformation ระดับประเทศ ร่วมเสวนาให้ข้อคิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลประยุกต์ใช้ในช่วงวิกฤติ COVID-19 และใช้วางแผนหลังวิกฤติ COVID-19 พร้อมเชิญร่วมงานอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อโชว์ผลงานวิจัย ผลงานวิชาการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับภาครัฐ ทั้งในและต่างประเทศ ในรูปแบบ LIVE ผ่านทางเพจFacebook DGA Thailand (https://www.facebook.com/DGAThailand

 

 

ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA เปิดเผยว่า การจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมภาครัฐ (The International Conference on Digital Government Technology and Innovation – DGTI-Con 2021) จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการเผยแพร่ผลงานวิจัย ผลงานวิชาการ ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับภาครัฐ (Digital Government) รวมทั้งเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลภาครัฐระหว่างนักวิจัย นักวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้มีโอกาสนำเสนอผลงานวิจัย บทความทาง วิชาการด้านต่างๆ ระหว่างกัน

การประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้ จึงถือเป็นเวทีสากลในการนำเสนอผลงานวิชาการและผลงานวิจัย อันเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ระหว่างนักวิจัย นักวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้น ผลงานวิจัยทางด้านเทคโนโลยีใน 5 สาขาดังนี้ 1. เทคโนโลยีเพื่อสาธารณะประโยชน์ (Technology for Public Sector) 2. การเกษตรและความยั่งยืน (Agricultural and Sustainability) 3. การบริการและสวัสดิการสังคม (Services and Welfare) 4. วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium-sized Enterprises SME) 5. การศึกษายุคดิจิทัล (Smart Education)เพื่อผลักดันให้เกิดการต่อยอดผลงานวิจัย และนำไปสู่การใช้ประโยชน์ ในงานบริการของภาครัฐ โดยมีเป้าหมายในการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการบริการภาครัฐที่มี ประสิทธิภาพครบวงจร และรวดเร็วยิ่งขึ้น

ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ  กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ COVID-19 ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของ การใช้เทคโนโลยีในการทำงานของภาครัฐ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หน่วยงานภาครัฐ จำเป็นต้องเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาเป็นสื่อกลางใน การปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน พัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูล รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อนำเสนอข้อมูลต่อฝ่ายนโยบายในการกำหนดนโยบาย ทิศทาง แผนงาน  ได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำช่วยให้การตัดสินใจในเชิงนโยบายทันต่อสถานการณ์สำคัญ และเป็นปัจจุบัน (Realtime) โดยสิ่งสำคัญที่สุดทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว และเพื่อสะท้อนมุมมองจากภาคเอกชนต่อการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล DGA ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีดิจิทัล นักธุรกิจหมื่นล้าน  และกูรูด้าน Digital Transformation ระดับประเทศ      

ร่วมเสวนาพิเศษในหัวข้อ Digital Transformation: โลกอนาคตหลังโควิด-19 กับดิจิทัลภาครัฐโดยได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.ภุชงค์ อุทโยภาศ บอร์ดบริหารด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และนายชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ผู้ก่อตั้งบริษัท ไฟร์วัน วัน จำกัด และเป็นผู้ก่อตั้ง Wecosystem ร่วมแลกเปลี่ยนและให้ข้อคิดเห็น

งานประชุมวิชาการนานาชาติ ในครั้งนี้ มีความพิเศษ คือผลงานวิจัยหรือบทความวิชาการ ที่ผ่านการคัดเลือก จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จะได้รับการเชิญให้เข้าร่วมนำเสนอผลงานใน งานประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านเทคโนโลยี และ นวัตกรรมภาครัฐ (The International Conference on Digital Government Technology and Innovation  – DGTI-Con 2021) และนำไปเผยแพร่ลงในฐานข้อมูลนานาชาติของ Institute of Electrical and Electronics Engineers (IEEE) รวมทั้งผลงานที่ผ่านการคัดเลือกบางส่วนจะได้รับโอกาสในการเผยแพร่และตีพิมพ์ใน Journal of Intelligent Informatics and Smart Technology  อีกด้วย

สำหรับสถาบันอุดมศึกษา หน่วยงาน นักวิจัย นักวิชาการ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่สนใจสามารถร่วม ส่งบทความวิจัยได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 31 กรกฎาคม 2564  และได้รับแจ้งผลการพิจารณาภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2564

งานประชุมวิชาการนานาชาติ ( The International Conference on Digital Government Technology and Innovation – DGTI-Con 2021) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30-31 สิงหาคม 2564  ในรูปแบบ LIVE ผ่านทางเพจ Facebook และ YouTube DGA Thailand (https://www.facebook.com/DGAThailand https://www.youtube.com/c/DGAThailand) ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสอบถามข้อมูล หรือติดตามได้ที่ https://dgti.dga.or.th/dgti-con หรือ Email: dgti-con@dga.or.th

    

       

 

 

from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-dga-dgti-con-2021/

AIS 5G หนุน “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน” Lot12 เชื่อมต่อ ช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระคนไทย

นายพงษกรณ์ คอวนิช หัวหน้าส่วนงานการตลาดด้านผลิตภัณฑ์และลูกค้าโพส​ต์เพด AIS กล่าวว่า “ในฐานะ Digital Life Service Provider นอกเหนือจากการเดินหน้าพัฒนาบริการสื่อสารที่ดีที่สุด เพื่อลูกค้า และเพื่อเสริมขีดความสามารถในทุกภาคส่วนแล้ว

ในท่ามกลางวิกฤตจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น เรายังได้ใช้ศักยภาพของเทคโนโลยี Digital เข้าไปสนับสนุนการทำงานของภาคสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “เชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อคนไทย” อีกด้วย

AIS 5G

“อย่างไรก็ตามจากสภาวะการแพร่ระบาดที่ยังคงน่าเป็นห่วง ดังนั้นการรักษาระยะห่าง กักตัวเองอยู่กับบ้าน จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงและชะลอการแพร่ระบาดให้ลดน้อยลงอย่างรวดเร็วที่สุด โดยที่ยังต้องสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆได้อย่างต่อเนื่องผ่าน Online ด้วยเช่นกัน

จึงเป็นที่มาของการร่วมมือกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในโครงการ “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot12”  จัดแพ็กเกจเสริมโทร/เน็ตพิเศษ กับโปรแกรม Working From Home อยู่บ้านก็ทำงานได้ กับ แพ็กเสริมสุดคุ้ม เพียง 75 บาท จาก 298 บาท ให้ลูกค้า AIS สามารถใช้บริการประชุม Online ผ่าน ZOOM และ Microsoft Team ได้ไม่อั้น พร้อมเน็ตเต็มสปีดอีก 1 GB รวมทั้ง แพ็กเสริมค่าโทร 75 บาท ที่โทรได้ทุกเครือข่าย 100 นาที นาน 30 วัน

โดยสามารถสมัครแพ็กเสริมนี้ได้ที่ myAIS Application หรือ ดูรายละเอียดได้ที่ www.ais.th/package  สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2564”

นอกจากนี้ยังมีสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตในราคาพิเศษสำหรับนักศึกษาหลากหลายรุ่น อาทิ  Samsung, OPPO , ฯลฯ  ในราคาเริ่มต้นเพียง 4,989 บาท  พร้อมแพ็กเกจรายเดือนสุดคุ้มเพื่อการเรียนออนไลน์ สำหรับลูกค้าที่เปิดเบอร์ใหม่หรือย้ายค่ายเบอร์เดิม มีจำหน่ายที่เอไอเอส ช็อป, เทเลวิซ, A-Store by AIS  และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ระยะเวลา 1-31 กรกฎาคม 2564

นายพงษกรณ์ กล่าวในตอนท้ายว่า “หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะมีส่วนช่วยให้การทำงาน การเรียนหนังสือ ของคนไทย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ต้องกักตัวอยู่กับบ้าน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าชาวเอไอเอสจะดูแลคุณภาพของเครือข่ายและบริการให้ตอบสนองลูกค้าได้อย่างดีที่สุดในทุกสถานการณ์”

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/ais-5g-supports-commercial-price-reduction-help-the-people/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=ais-5g-supports-commercial-price-reduction-help-the-people