คลังเก็บหมวดหมู่: mobileocta

Kept Invest ทางเลือกใหม่การลงทุนเพื่อ New Gen จาก Kept by krungsri

Kept by krungsri แอปบริหารเงินแนวใหม่ เดินหน้าต่อยอดการเป็นผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการเงินบนแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับคนรุ่นใหม่ด้วยการออกฟีเจอร์ใหม่ “Kept Invest” ตัวเลือกการลงทุนสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มโอกาสต่อยอดผลประโยชน์ทางการเงินให้กับเงินออม 

เสริมทัพด้วยคลังข้อมูลครบครันและเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจก่อนเริ่มลงทุนได้อย่างมั่นใจ สะดวกในแอปเดียว พร้อมเสนอ 5 สูตรแผนลงทุน เพิ่มโอกาสสำเร็จง่ายที่เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างของแต่ละบุคคล ตั้งเป้ายอดผู้สมัครเปิดบัญชีลงทุนผ่าน Kept Invest จำนวน50,000 บัญชี และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ที่ 5,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี

Kept Invest

นับตั้งแต่ Kept by krungsri เปิดตัวนวัตกรรมบริหารเงินแพลตฟอร์มใหม่ ที่มาช่วยในการบริหารจัดการด้านการเงินในยุคดิจิทัล พร้อมพันธกิจหลักในการ “สร้างวินัยและความมั่นคงทางการเงินให้กับคนรุ่นใหม่” ผ่านการนำเสนอบริการที่สร้างแรงจูงใจให้กลุ่มเป้าหมายที่สนใจการออมอย่างเป็นระบบและสะดวกผ่านแอป ด้วยแนวคิด small change for BIG FUTURE #ปรับนิดชีวิตเปลี่ยน ทำให้การออมเงินเป็นเรื่องง่าย สนุกและสำเร็จจริง

จนมาถึงปัจจุบัน Kept by krungsri มีผู้ใช้งานราว 450,000 ราย มีธุรกรรมฝากเงินที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดเงินฝากเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ  ขณะนี้ จึงถึงเวลาแล้ว ที่ Kept by Krungsri จะนำคนรุ่นใหม่ก้าวไปอีกขั้นบนเส้นทางสู่อิสระทางการเงินในอนาคต คือ การลงทุน ผ่าน Kept Invest กระปุกลงทุน ในแอป Kept by krungsri ที่มาพร้อมตัวช่วยมากมายที่เน้นตอบโจทย์ด้านการลงทุนของคนรุ่นใหม่ ให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพิ่มโอกาสสำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น

คุณดมิศา พิศิษฐวานิช ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดลูกค้ารายย่อย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “พันธกิจของ Kept by krungsri ไม่เพียงอยากเห็นคนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่มีเงินเก็บ และรู้จักการออม แต่ยังต้องสามารถบริหารต่อยอดเงินให้งอกเงย นับว่าปัจจุบันภารกิจแรกของเราในการปลูกฝังวินัยการออมให้กับคนรุ่นใหม่นั้นสำเร็จและเห็นผลแล้ว ด้วยยอดเงินในบัญชีของลูกค้า Kept by krungsri เฉลี่ยต่อคนค่อนข้างสูง อยู่ที่ 50,000-200,000 บาท และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น

ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากฟีเจอร์เก็บเงินอัตโนมัติที่ช่วยให้ลูกค้ามีวินัยในการเก็บเงินอย่างสม่ำเสมอและอีกส่วนคือแรงจูงใจจากดอกเบี้ยที่สูงและสามารถเห็นได้จากแอปทุกวัน ทำให้ลูกค้ามีความสุขในการเก็บเงินได้สำเร็จตามเป้าหมาย ดังนั้นการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่าง Kept Invest นับเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ขึ้นทั้งกับเราเองและลูกค้าในการบ่มเพาะวินัยการลงทุนให้คนรุ่นใหม่” 

“เราได้ศึกษาทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง และมองหาโซลูชันการลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งโจทย์หลักของเราคือการเพิ่มโอกาสต่อยอดเงินออมที่มีอยู่ให้เติบโตมากขึ้น โดยเป็นการลงทุนในกองทุนรวมที่เปิดกว้าง ก้าวข้ามกรอบข้อจำกัดในเรื่องผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ ไม่จำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์ในเครือของกรุงศรีเท่านั้น แต่มอบอิสระให้ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนได้อย่างไร้ข้อจำกัด พร้อมตัวช่วยที่ทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ไม่เคยลงทุนในกองทุนรวมมาก่อน

ขณะเดียวกันเรายังคงรักษาจุดแข็งในเรื่องการออกแบบ Journey ของลูกค้าให้อยู่บนพื้นฐานของความง่าย สะดวก และสนุก ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของการเลือกจับมือกับพันธมิตรอย่าง ฟินโนมีนา (FINNOMENA) ที่คร่ำหวอดในเรื่องนี้ และสามารถทำงานร่วมกันเพื่อตอบทุกโจทย์ความต้องการในเรื่องการลงทุนได้” คุณดมิศา กล่าวเพิ่มเติม

คุณดมิศา พิศิษฐวานิช ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดลูกค้ารายย่อย

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

คุณดาริกา ภคภาสน์วิวัฒน์ ผู้บริหารฝ่ายวิเคราะห์และบริหารกิจกรรม ความสัมพันธ์ลูกค้า ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และหัวหน้าทีมสร้างสรรค์ Kept by krungsri กล่าวว่า Kept Invest เป็นกระปุกใหม่ ที่ดีไซน์ฟีเจอร์ให้ตอบโจทย์การลงทุน ทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่สนใจการลงทุน อยากศึกษาและลองลงทุนในกองทุนรวม รวมทั้งคนที่เริ่มลงทุนแล้ว อยากลงทุนให้หลากหลาย เป็นระบบมากขึ้น Kept Invest ถูกออกแบบมาครอบคลุมตลอดเส้นทางการลงทุน เริ่มตั้งแต่

·      การศึกษา อ่านบทวิเคราะห์ จากคลังความรู้เกี่ยวกับการลงทุน เทรนด์การลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งสามารถดูได้จาก Knowledge hub ในแอป Kept by krungsri

·      เมื่อสนใจแต่ยังไม่มั่นใจ Kept Invest มีฟีเจอร์ให้ลองสร้างแผนการลงทุนก่อนเริ่มลงทุนจริง (Plan now Invest later) ซึ่งจะช่วยให้คนรุ่นใหม่ที่ต้องการทดลองทำด้วยตัวเองสามารถลองเลือกแผนลงทุนที่เหมาะสมกับตนเองได้ก่อนเปิดบัญชีกองทุน หรือหากต้องการคำแนะนำเรื่องการลงทุนเพื่อเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ ลูกค้าสามารถใช้Kept advice บริการใหม่ที่ให้ลูกค้าสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนได้ฟรี ทั้งก่อนลงทุนหรือหลังลงทุนแล้ว

·      เริ่มต้นง่าย กับสูตรลงทุนสำเร็จง่าย ที่มาในรูปแบบของแผนการลงทุนที่ลูกค้าเลือกได้ตามขนาดเงินทุนที่มี ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเป้าหมายการลงทุนที่แตกต่าง มีแผนให้เลือกหลากหลาย[1] ไม่ว่าจะเป็น
สูตรลงทุนสู่เงินล้าน
 (แผน First Million) สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้น อยากมีล้านแรก มีเงินตั้งต้นไม่มาก ทยอยลงทุนได้ แบบถัวเฉลี่ย (DCA) มีการแนะนำปรับพอร์ตให้สอดรับกับสถานการณ์การเงิน หรือ
สูตรการลงทุนสู่เป้าหมาย (แผน Goal)
 สำหรับคนที่เริ่มวางแผนเก็บเงินลงทุนเพื่ออนาคต เช่น เพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือเพื่อมีเงินก้อนสำหรับลูกหรือไว้ใช้หลังเกษียณ สามารถแบ่งเงินลงทุนตามเป้าหมายจะกี่เป้าหมายก็ได้ แยกจัดการได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ยังมีสูตรลงทุนจัดการเงินก้อน (แผน All Balance) ที่เหมาะกับคนที่มีเงินก้อนค่อนข้างสูง อยากต่อยอดโอกาสให้เงินงอกเงย และอีกหนึ่งสูตรที่เหมาะสำหรับคนวัยทำงานที่มีรายได้คือ สูตรลงทุนช่วยลดหย่อนภาษี (แผน Tax Saving Fund)   ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนเลือกลงทุนในกองทุนทั้ง SSF และ RMF จากทุก บลจ. ครบจบที่เดียวบนแอป Kept by krungsri พร้อมแนะนำกองทุนเด็ดที่น่าลงทุน (ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน SSF และ RMF) แต่สำหรับลูกค้าที่ต้องการบริหารจัดการพอร์ตด้วยตนเอง Kept Invest ก็มี สูตรลงทุนสำเร็จด้วยตนเอง (แผน DIY) ที่มาพร้อมเครื่องมือช่วยดูพอร์ตและคำแนะนำกองทุนเด็ด สามารถเลือกซื้อขายกองทุนรวมได้จากทุก บลจ. เริ่มต้นลงทุนได้ง่าย ตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป

·      บริหารเงินง่าย กับเมนูใหม่ “My wealth” เห็นภาพรวมทั้งเงินฝากและเงินลงทุน เช็กดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินออม ดูผลตอบแทนจากการลงทุนได้ทุกวัน ช่วยให้บริหารเงินออม และเงินลงทุนง่าย จบในที่เดียว

·      เปิดบัญชีกองทุน ได้ง่าย ไม่ต้องใช้เอกสาร ผู้สนใจลงทุนและเติบโตไปกับ Kept Invest powered by FINNOMENA สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงสี่ขั้นตอน  คือ

  1. ดาวน์โหลดแอป Kept by krungsri และเข้าสู่กระปุกลงทุน Kept Invest
  2. เข้าสู่หน้า Kept Invest เพื่อเริ่มเปิดบัญชีกองทุนรวม กรอกข้อมูลตามหน้าจอแนะนำ
  3. ยืนยันตัวตนและอนุมัติหักบัญชีธนาคารอัตโนมัติกับบัญชี Kept
  4. เมื่อบัญชีได้รับการอนุมัติ เปิดบัญชีกองทุนสำเร็จ เลือกกองทุนรวมที่ต้องการและเริ่มลงทุนได้เลย

คุณดาริกา ภคภาสน์วิวัฒน์ ผู้บริหารฝ่ายวิเคราะห์และบริหารกิจกรรม ความสัมพันธ์ลูกค้า

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และหัวหน้าทีมสร้างสรรค์ Kept by krungsri

“เราคาดหวังว่า Kept Invest จะช่วยเติมเต็มความต้องการของคนรุ่นใหม่ ที่มองหาแผนการลงทุนที่มีความหลากหลายเพื่อเป้าหมายทางการเงินในอนาคต โดยเรายังคงยึดมั่นในแนวคิดของ Kept by krungsri ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบให้ทุก ๆ ประสบการณ์ในการใช้แอปเป็นเรื่องง่าย และสนุก สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเรา” คุณดมิศา กล่าวปิดท้าย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.keptbykrungsri.com/kept-invest

หรือสอบถามข้อมูลติดต่อ Kept help center 02-296-6299


[1] หมายเหตุ: สูตรลงทุนคัดสรรโดย FINNOMENA (โดยรายละเอียดแผนการลงทุนต่างๆ ข้อมูลกองทุน และสิทธิประโยชน์จากการลงทุนที่นำเสนอผ่าน Kept Invest ทางบริษัท ฟินโนมีนา จำกัด เป็นผู้จัดทำ Kept by krungsri เป็นเพียงผู้นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนในฐานะนายหน้าที่ได้รับการแต่งตั้งโดยบริษัท ฟินโนมีนา จำกัด)

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/kept-invest-from-kept-by-krungsri/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=kept-invest-from-kept-by-krungsri

ROIDMI has released the upgraded EVA 2023 model sweeper to address two major

concerns raised by users. Despite the increasing power and efficiency of robotic sweepers, users have complained about two main issues. Firstly, they found that the mop, even with the self-cleaning function, would often contaminate clean areas with dirt when being washed. This resulted in an incomplete cleaning of the floor. Secondly, users faced difficulties in cleaning and maintaining the base station, as the cleaning tray was not detachable and couldn’t be rinsed, leaving stubborn stains in hard-to-reach corners.

ROIDMI

To tackle these pain points, the EVA 2023 model sweeper introduced two key upgrades. It features a mop lift function and a detachable tray design, effectively resolving the aforementioned problems. In addition to retaining the powerful features of the ROIDMI EVA sweeper, such as vacuuming, mopping, cleaning mop, and automatic dust collection, the EVA 2023 model incorporates comprehensive upgrades in the mopping module, base station tray, noise reduction, mop material, and anti-tangle mechanisms. These enhancements provide the machine with improved cleaning performance and a more comfortable user 未标题-2experience.

The EVA 2023 model sweeper addresses the following two major pain points:

Mop lift function to prevent secondary pollution and wet carpet issues:

The EVA 2023 sweeper, while inheriting the powerful cleaning performance and all-round base station features of the EVA sweeper, introduces a new mop lift function. When the mop needs to be washed, the sweeper automatically lifts it, preventing direct contact between the dirty mop and the floor, thus avoiding secondary pollution. Moreover, the sweeper detects carpets and lifts the mop in advance before cleaning, preventing the wet mop from dampening the carpet. This eliminates the need for users to disassemble the wet mop beforehand or perform secondary cleaning, providing a convenient one-time solution for floor and carpet cleaning.

Removable tray for simplified base station cleaning and maintenance:

Daily maintenance of the base station often involves cleaning. However, the non-detachable cleaning tray makes thorough cleaning difficult, requiring manual wiping with wet cloths. Over time, stubborn stains accumulate in the corners. To address this, the ROIDMI EVA 2023 base station incorporates a removable cleaning tray design, allowing users to directly remove the tray and rinse it with water, simplifying and facilitating maintenance.

In addition to the mop lift and removable tray features, the EVA 2023 model sweeper optimizes bumper collision for improved noise reduction. The mop cloth material is upgraded to enhance mopping effectiveness, and the base station flash screen and drive wheel hair entanglement are optimized, further enhancing the user experience. The drive wheel now has eight tendons instead of four, providing more power and stability. The clear water tank and dirty water tank materials are also improved to enhance antibacterial capabilities.

The EVA 2023 model is a powerful all-round sweeper that combines various functions such as vacuuming, mopping, self-cleaning mop, automatic dust collection, and mop lifting. It also incorporates features like LDS 4.0 laser navigation, infrared obstacle avoidance, and intelligent zoning, significantly improving cleaning efficiency and offering a hands-free and comfortable user experience.

The ROIDMI EVA 2023 sweeper has been released globally, delivering enhanced cleaning performance and a greatly improved user experience, making it a worthwhile purchase.

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/roidmi-has-released-the-upgraded-eva-2023-model-sweeper-to-address-two-major/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=roidmi-has-released-the-upgraded-eva-2023-model-sweeper-to-address-two-major

นักวิ่งเตรียมเพิ่มความฟิตกับ HUAWEI GADGET พร้อมดีลส่วนลดสูงสุด 37% ที่งาน Lazada Run ในวันที่ 25 มิถุนายนนี้!!

หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ขนขบวนสินค้าปลุกพลังเพิ่มความฟิตให้กับนักวิ่งอันล็อกลิมิตไปด้วยกันที่งาน Lazada Run มหกรรมงานวิ่งระดับภูมิภาคครั้งแรกของลาซาด้า ในวันที่ 25 มิถุนายน 2566 

ภายในงานนักวิ่งจะได้สนุกไปกับเหล่าศิลปินสุดปังและกิจกรรมสุด Exclusive มากมาย และพบดีลส่วนลดจากหัวเว่ยสูงสุด 37% และคูปองส่วดลดอีก 500 บาท โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน ถึง 25 มิถุนายน 2566 ปักหมุดเตรียมช้อปพร้อมกันที่ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Lazada บอกเลยว่างานนี้ไม่ได้มีแค่การวิ่ง!

ห้ามพลาด Gadget Check พบกับสินค้าหัวเว่ยที่จะมาตอบโจทย์เหล่าสายวิ่งแบบต่างๆ อาทิ นักวิ่งสายแฟ จัดเต็มทุกลุคกับ HUAWEI FreeBuds 5 หูฟังแบบ Open Fit พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ANC 3.0 ดีไซน์สวย ชาร์จไว

สำหรับสายฟังก์ชันต้องนี้เลย HUAWEI WATCH GT 3 Series ยกระดับการวิ่งด้วยผู้ช่วยส่วนตัว AI Running Coach รองรับมากกว่า 100 โหมดออกกำลังกาย และ HUAWEI Band 8 สำหรับสายชอบความเบาสบายคล่องตัวแต่อัดแน่นครบทุกฟังก์ชันการตรวจวัดข้อมูลที่สำคัญของร่างกาย

HUAWEI Band 8

นอกจากนี้นักวิ่งจะได้พบกับ HUAWEI Band 8 สีใหม่ Vibrant Orange ครั้งแรกที่งาน Lazada Run พร้อมโปรโมชันพรีออเดอร์ในราคาเพียง 1,499 บาท จากราคาปกติ 2,199 บาท

และสำหรับ 100 คำสั่งซื้อแรกรับฟรีกระเป๋า storage bag มูลค่า 390 บาท  เมื่อสั่งซื้อตั้งแต่ 23 มิถุนายน 2566 ถึง 3 กรกฎาคม  2566 ที่ร้านค้า HUAWEI Retail Store บน Lazada 

งานนี้รับรองว่านอกจากจะได้สนุกกับการวิ่งแล้วยังได้ส่วนลดแบบจุกๆ แน่นอน! พบกันที่งาน Lazada Run วันที่ 25 มิถุนายนนี้ 2566 ณ สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์ฯ

ติดตามรายละเอียดโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่นี่ อัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEI Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/runners-prepare-to-increase-fitness-with-huawei-gadget/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=runners-prepare-to-increase-fitness-with-huawei-gadget

LINE ประเทศไทย ปักธงปีที่ 12 หนุนขับเคลื่อน Smart Country ด้วย LINE Economy ชูแพลตฟอร์มเพื่อคุณภาพชีวิตคนไทยผสานการเติบโตเศรษฐกิจดิจิทัลแบบยั่งยืน

LINE ประเทศไทย ปักธงครบรอบ 12 ปี ตั้งเป้าขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็น Smart Country ด้วย LINE Economy ระบบเศรษฐกิจบนแอปพลิเคชั่น LINE ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้กว่า 54 ล้านคน

มุ่งผลักดันการพัฒนาและทำงานร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างภาคเทคโนโลยีและภาคส่วนผู้ใช้งานต่าง ๆ บน 4 กลยุทธ์ ได้แก่ (1) ผสานจุดแกร่งระบบนิเวศเพิ่มขีดการแข่งขัน (2) ชูการเป็น Smart Platform ขับเคลื่อน Smart Country (3) สร้างคุณภาพชีวิต Life on LINE ที่ดีบนโลกดิจิทัล และ (4) ส่งเสริมการเติบโตยั่งยืนของเทคคอมพานี

LINE

ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “LINE ก้าวสู่ปีที่ 12 เราเติบโตจากแอปพลิเคชั่นสื่อสารมาเป็นแพลตฟอร์มสำหรับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันที่สำคัญของผู้ใช้งานกว่า 54 ล้านคนในปัจจุบัน (ณ มิถุนายน 2566) 

โดยมีประชากรผู้ใช้หลากหลายภาคส่วน ธุรกิจ พันธมิตร คอมมูนิตี้ ที่ทำงานร่วมกันกับบริการและโซลูชันส์ต่าง ๆ บนระบบนิเวศจนเกิดเป็นระบบเศรษฐกิจบนแอป LINE (LINE Economy) นำไปสู่โจทย์ทางธุรกิจข้อถัดไปของเราในการสร้างความยั่งยืนบนแพลตฟอร์มที่เติบโตนี้

โดยมีหมุดหมายสำคัญคือการผลักดันแพลตฟอร์ม LINE ด้วยบทบาทในระดับมหภาค บนความมุ่งมั่นของเราที่อยากจะเห็นแอปพลิเคชั่น LINE มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็น Smart Country กล่าวคือ การที่เทคโนโลยีของ LINE มีบทบาทสำคัญในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน สอดประสานเข้าด้วยกัน นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย”

กลยุทธ์สร้าง LINE Economy ระบบเศรษฐกิจบนแอป LINE ให้ยั่งยืน

1.     ผสานจุดแกร่งระบบนิเวศเพิ่มขีดการแข่งขัน

หลังเสริมทัพแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงและจัดกลุ่มธุรกิจใหม่เพื่อปฏิบัติการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มพัฒนาแพลตฟอร์ม, กลุ่มธุรกิจ Consumer Business, กลุ่มธุรกิจ LINE For Business, กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์และบริการใหม่ และกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ  บริษัทฯ เดินหน้าสร้างพันธมิตร ไปพร้อมกับการผสานจุดแกร่งระหว่างบริการ – โซลูชันส์บนระบบนิเวศ เพื่อนำเสนอโซลูชันส์ในรูปแบบใหม่ ๆ ไปสู่การเพิ่มขีดการแข่งขันให้แก่ลูกค้าธุรกิจในทุกระดับ เป็นการดึงข้อได้เปรียบจากการเป็นแพลตฟอร์มที่มีโซลูชันส์ครบครัน สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 

2.     ชูการเป็น Smart Platform ขับเคลื่อน Smart Country

หมุดหมายสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็น Smart Country คือการที่ทุกภาคส่วนในประเทศประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาเพื่อยกระดับการดำเนินการในส่วนต่าง ๆ นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน ซึ่ง LINE มุ่งหวังให้เทคโนโลยีบนแพลตฟอร์มเป็นส่วนช่วยผลักดันในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ภาครัฐ ที่นำเสนอบริการ e-Service ให้ประชาชนทั่วประเทศเข้าถึงและตรวจสอบการดำเนินการผ่านบัญชีทางการ LINE ได้ง่ายๆ ในไม่กี่ขั้นตอน ภาคเอกชน ที่นำโซลูชันส์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม LINE มาสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจที่ต้องการแข่งขัน อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า และภาคประชาชน ด้วยประสบการณ์การใช้งานแอป LINE ในชีวิตประจำวันผ่านบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่การสื่อสาร โซเชียลมีเดีย ช้อปปิ้ง คอนเทนต์ข่าวสาร สั่งอาหารฯลฯ มากไปกว่านั้น คือการส่งเสริมให้ผู้ใช้สามารถเป็นได้หลากหลายบทบาทในเวลาเดียวกัน ทั้งครีเอเตอร์ แอดมินของคอมมูนิตี้ ผู้ประกอบการ โดยมี LINE เป็นแพลตฟอร์มรองรับ

3.    สร้างคุณภาพชีวิต Life on LINE ที่ดีบนโลกดิจิทัล

นอกจากบริการต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ บริษัทฯ ได้ริเริ่มแนวคิด LINE Digital Well-being ที่ต้องการปักหมุดในระยะยาวเพื่อให้ความสำคัญในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่บนโลกดิจิทัล โดยที่ผ่านมาได้ทำแคมเปญรณรงค์ในประเด็นที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการบริหารเวลาเพื่อลดความเหนื่อยล้าบนโลกออนไลน์ ความเห็นอกเห็นใจและทัศนคติเชิงบวกบนโลกออนไลน์  การดูแลความสัมพันธ์รอบตัว ซึ่ง LINE ประเทศไทย ก็ได้หยิบยกแง่มุมใหม่ ๆ มานำเสนอเพื่อสร้างการตระหนักรู้ในประชากรผู้ใช้เพื่อสุขภาวะที่ดีบนโลกดิจิทัล

4.   ส่งเสริมการเติบโตยั่งยืนของเทคคอมพานี

การดูแล Well-being ของพนักงาน ไปพร้อม ๆ กับการสร้างคนรุ่นใหม่ให้กับอุตสาหกรรมดิจิทัลเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้แก่บริษัทฯ จึงเดินหน้าพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ผ่านโครงการ LINE ROOKIE เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เข้ามาฝึกงานในโลกของการทำงานจริง ซึ่งได้รับความสนใจจากนักศึกษาเป็นจำนวนมากกว่าพันรายในแต่ละปี เพื่อสร้าง New Talent ให้กับตลาดงานและแลกเปลี่ยนแนวคิดจากคนรุ่นใหม่เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีแผนความร่วมมือที่จะนำความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมาพัฒนาหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศเพื่อสร้างบุคลากรคุณภาพป้อนสู่ตลาดงานในประเทศภายในปี 2566 อีกด้วย

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/line-thailand-flag-12th-year/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=line-thailand-flag-12th-year

Nothing Phone (2) ผ่านการรับรองจากกสทช. ก่อนเปิดตัว 11 กรกฎาคมนี้

Nothing Phone มีกำหนดจะเปิดตัว Nothing Phone (2) อย่างเป็นทางการในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ เวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งตรงกับบ้านเราเวลา 22.00 น. ล่าสุดสมาร์ตโฟนดังกล่าวได้ผ่านการรับรองจากหน่วยงานกสทช. บ้านเราเป็นที่เรียบร้อย

Nothing Phone (2)

สำหรับข้อมูลของ Nothing Phone (2) ที่ปรากฎบนเว็บไซต์รับรองของกสทช. มาพร้อมหมายเลขรุ่น AO65 โดยยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสเปกอื่นๆ เผยออกมา ระบุเพียงว่ารองรับ 5G เท่านั้น แต่ก็เป็นการยืนยันว่าสมาร์ตโฟนดังกล่าววางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ในส่วนสเปกของ Nothing Phone (2) คาดว่าจะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว และมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 8+ Gen 1 จับคู่กับ RAM 12GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย Nothing OS 2.0

รองรับการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ Android ที่สำคัญ 3 ครั้งและการอัปเดตความปลอดภัยเป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับการสนับสนุนซอฟต์แวร์ในระยะยาว

และ Nothing Phone (2) จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,700mAh เพื่อให้มั่นใจว่ามีพลังงานเหลือเฟือสำหรับการใช้งานเป็นเวลานาน

ที่มา : Gizmochina

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/nothing-phone-2-clears-nbtc-thailand-certification/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=nothing-phone-2-clears-nbtc-thailand-certification

realme อินเดีย ปล่อยทีเซอร์ realme Narzo 60 Series อย่างเป็นทางการ คาดเปิดตัวสัปดาห์หน้า

ก่อนมีรายงานว่า realme กำลังทำงานกับ realme Narzo 60 Series ภาคต่อของ Narzo 50 Series ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว พร้อมกับมีผลทดสอบประสิทธิภาพของ realme Narzo 60 5G ปรากฎบนแอป GeekBench ออกมาให้เห็นกัน

ล่าสุด realme อินเดียได้ปล่อยทีเซอร์เตรียมเปิดตัว realme Narzo 60 Series อย่างเป็นทางการแล้ว

realme Narzo 60 Series

เว็บไซต์ realme อินเดียได้เปิดหน้า Landing Page ปล่อยทีเซอร์เตรียมเปิดตัว realme Narzo 60 Series อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ พร้อมข้อความ Storage Beyond Boundaries โดยจะหน่วยความจำภายในขนาดใหญ่

ซึ่งในอีกภาพทีเซอร์ระบุว่า จะมีความจุในการจัดเก็บภาพถ่ายมากกว่า 250,000 ภาพ ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์อาจมีหน่วยความจำภายใน 256GB

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของ realme Narzo 60 Series จะเปิดเผยในวันที่ 22 และ 26 มิถุนายนนี้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่า realme Narzo 60 series จะเปิดตัวในอินเดียช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคมนี้

อย่างไรก็ดี ในส่วนสเปกของ realme Narzo 60 5G ที่ปรากฎบนแอป GeekBench มีหมายเลขรุ่น RMX3750 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 6020 SoC จับคู่กับ RAM 8GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ส่วนสเปกอื่นๆ ยังไม่มีข้อมูลเผยออกมาในตอนนี้

ที่มา : Gizmochina

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/realme-narzo-60-series-teasers-emerge/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=realme-narzo-60-series-teasers-emerge

เปิดตัว Infinix Note 30 Pro Limited Edition ผลงานคอลแลปส์ร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์ Tesla

Infinix ประกาศเปิดตัว Infinix Note 30 Pro Limited Edition รุ่นพิเศษ ผลงานคอลแลปส์ร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์ Tesla ที่ Wardenclyffe ซึ่งตั้งอยู่ในนิวยอร์ก โดย Infinix จะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่การพัฒนาและการริเริ่มของศูนย์วิทยาศาสตร์เทสลาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือ

ความร่วมมือครั้งนี้จะรวมถึงบทสนทนาและกิจกรรมต่างๆ ในมหาวิทยาลัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักอนาคตรุ่นเยาว์ให้เดินตามเส้นทางที่คล้ายคลึงกับ Nikola Tesla

Infinix Note 30 Pro Limited Edition

Lake Hu CMO ของ Infinix แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือนี้ว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้แสดงความเคารพต่อมรดกของ Nikola Tesla และผลงานที่ก้าวล้ำของเขา และรู้สึกตื่นเต้นที่จะผลักดันขอบเขตของนวัตกรรมต่อไปด้วยความร่วมมือนี้ เราหวังว่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ให้ไล่ตามความหลงใหลในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างไม่เกรงกลัว”

กล่องแพ็คเกจจิ้งของ Infinix Note 30 Pro มาในธีม Tesla ซึ่งมาในแพ็คเกจพิเศษประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือในสี Variable Gold, อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 68W, ที่ชาร์จไร้สาย Qi 15W, เคสซิลิโคนที่มีตราสินค้าของ Tesla และแผ่นพับสองสามแผ่น ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับราคาหรือการวางจำหน่ายของ Infinix Npte 30 Pro รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น

ในส่วนสเปกของ Infinix Note 30 Pro Limited Edition จะเหมือนกับรุ่นปกติ โดยมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2460 พิกเซล ขนาเ 6.78 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 20.5:9 และมีอัตรารีเฟรชเรื 120Hz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Helio G99 จับคู่กับ RAM 8GB, หน่วยความจำภายใน 128GB/256GB แบบ UFS 2.2 และรันบนระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว พร้อมไฟแฟลช LED 4 ดวง ประกอบด้วยกล้องหลังความละเอียด 108 ล้านพิกเซล, กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้องตัวที่ 3 เลนส์ AI ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่อง และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 68W, ชาร์จแบบไร้สาย 15W และชาร์จไร้สายแบบย้อนกลับ

ทื่มา : Gizmochina

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/infinix-note-30-pro-limited-edition-launched/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=infinix-note-30-pro-limited-edition-launched

realme พร้อมสร้างปรากฏการณ์กล้อง 200 ล้านพิกเซล พร้อมพลัง SuperZoom 4 เท่าครั้งแรกของโลก!ในงานเปิดตัว “realme 11 Pro Series 5G” ออกเดินทางพร้อมกัน 29 มิถุนายนนี้

บอกเลยว่ามาแต่ละครั้ง เรียกเสียงว้าว! จากแฟน ๆ ได้ทุกทีกับ realme Number Series สมศักดิ์ศรี realme แบรนด์สมาร์ตโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งพัฒนานวัตกรรมมือถือรุ่นท็อปอย่างต่อเนื่องจนถึงเจน 11 ซึ่งหลังเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่จีนเมื่อเดือนที่ผ่านมา ก็สร้างกระแสฮือฮาไปทั้งวงการ และวันนี้ “realme 11 Pro Series 5G” ประกาศวันเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ พร้อมเนรมิตหัวลำโพงเป็นรันเวย์สุดอลังการในคอนเซ็ปต์ Zoom To The Next Level

ซึ่งจะมาพร้อมกันถึง 2 รุ่นได้แก่ realme 11 Pro+ 5G และ realme 11 Pro 5G โดยเตรียมสร้างปรากฏการณ์เขย่าวงการอีกครั้งสำหรับรุ่น realme 11 Pro+ 5G ด้วยการจับมือร่วมกับ Samsung พัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพสู่ Samsung ISOCELL HP3 ชูนวัตกรรมกล้อง SuperZoom 200 ล้านพิกเซลรุ่นแรกของโลกที่มอบพลังการซูมสูงสุดในเซกเมนต์ที่ 4 เท่าโดยไม่สูญเสียรายละเอียด 

และเอาใจสายถ่ายภาพและนักเดินทางยิ่งขึ้น ด้วยการร่วมมือกับ Lonely Planet หนึ่งในนิตยสารท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เพื่อยกระดับการถ่ายภาพด้วยฟีเจอร์ใหม่ ทำให้การถ่ายภาพแนวสตรีทบนสมาร์ทโฟนสนุก สร้างสรรค์ และราบรื่นมากยิ่งขึ้น และโหมดการถ่ายภาพมากมายให้คุณสวมบทตากล้องมือโปรได้ง่ายๆ ด้วยสมาร์ตโฟนเพียงเครื่องเดียว

นอกจากนี้สำหรับฟีเจอร์ที่มาพร้อมกันทั้งใน realme 11 Pro+ 5G และ realme 11 Pro 5G กับหน้าจอคุณภาพสูงเพื่อการแสดงผลที่สมบูรณ์แบบ Curved Vision Display มอบประสบการณ์การรับชมด้วยหน้าจอโค้ง 2160 Hz PWM ช่วยลดแสงความถี่ระดับสูงพิเศษพร้อมการป้องกันดวงตาระดับสูงสุด

และไฮไลต์สุดท้ายที่ทำเอาสายแฟชั่นจ้องตาไม่กระพริบคือการคอลแลบกับอดีตดีไซน์เนอร์ ผู้ออกแบบลายพิมพ์ให้แบรนด์ Gucci เพื่อนำเสนอดีไซน์ Fashion Smartphone สู่ดีไซน์ฝาหนังลายลิ้นจี่สุดหรูหราพรีเมียมพร้อมสะกดทุกตาอย่างแน่นอน

realme 11 Pro Series 5G

เปิดตัวดีไซน์สมาร์ตโฟนจากอดีตดีไซน์เนอร์จากแบรนด์ Gucci ทั้งที realme จึงดึงแฟชันนิสต้าตัวมัมอย่าง “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” แบรนด์แอมบาสเดอร์ มาถ่ายทอดเรื่องราวการเดินทาง และเปิดมุมมองใหม่ๆ จาก realme 11 Pro Series 5G 

โดยในซีรีส์นี้ถือเป็นสมาร์ตโฟนที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเดินทาง พร้อมผลักดันให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถที่ออกเดินทางหรือเปิดมุมมองใหม่ๆ ในแบบฉบับของตัวเองได้ผ่าน realme 11 Pro Series 5G ดังนั้นจึงนำไปสู่การเดินทางมายังแลนด์มาร์คสำคัญแห่งใหม่ใจกลางเมืองและเป็นสถานที่เหมาะสมกับการเดินทางอันแสนสนุกอย่าง “สถานีรถไฟหัวลำโพง” 

เรียกได้ว่างานนี้ เรียลมีพร้อมแล้วที่จะเปิดตัวสมาร์ตโฟนที่สมบูรณ์แบบในด้านการเดินทางผ่านแลนด์มาร์คที่บ่งบอกถึงการเดินทางอันแสนพิเศษได้อย่างลงตัว ทั้งนี้ ใหม่-ดาวิกายังพร้อมมอบแคมเปญสุดเซอร์ไพรส์และนำทุกคนออกเดินทางสู่ประสบการณ์ใหม่แห่งการถ่ายภาพด้วย realme 11 Pro Series 5G  อย่างยิ่งใหญ่ตระการตากันแบบสุด ๆ    

แฟน realme ห้ามพลาด! ชมการถ่ายทอดงานเปิดตัว realme 11 Pro Series 5G  พร้อมกัน ในวันที่ 29 มิถุนายน 2566 ผ่านช่องทาง Facebook Fanpage : realme TH (https://www.facebook.com/realmeTH) , Youtube : realme Thailand (https://www.youtube.com/@realmeThailandTH) ได้ตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/realme-is-ready-to-launch-realme-11-pro-series-5g/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=realme-is-ready-to-launch-realme-11-pro-series-5g

ไมเดีย เปิดตัวเทคโนโลยี Midea V8 ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการปฏิวัติ วงการ VRF

ไมเดีย (Midea) แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุดในนาม “Midea V8” ภายใต้ชื่องาน “Envision the Infinity” ที่ประเทศไทยรวมไปถึงทั่วโลก

ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าและนวัตกรรมต่างๆเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและพัฒนาอุตสาหกรรมระบบปรับอากาศให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่างระบบ VRF Midea V8 Series ณ งานประชุมใหญ่แห่งเอเชียครั้งที่2 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา

โดยภายในงานเปิดตัวมีนายลีโอ หวัง กรรมการผู้จัดการใหญ่ในเขตภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ พูดถึงการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปีค.ศ.1999 อย่างละเอียด ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไมเดียมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและปรับเปลี่ยนระบบเทคโนโลยีต่างๆอยู่เสมอ โดยมีไอบิวดิง (iBuilding) เป็นแนวคิดหลัก เพื่อให้บริการแบบสมาร์ทเทคที่ใช้มนุษย์ควบคุมและพัฒนาเป็นหลัก ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังมีหัวหน้าศูนย์เทคโนโลยีMDVนายโจ เจียงกล่าวถึงความความสำเร็จของ VRF ซีรีส์ V8 ว่ามีความก้าวหน้าในด้านคุณภาพ ดีไซน์ และการลดการปล่อยคาร์บอน

ภารกิจการก้าวข้ามขีดจำกัดของไมเดีย V8 Series

ในด้านของคุณภาพของผลิตภัณฑ์ VRF ซีรีส์V8 ไมเดียได้มีการเปิดตัวเทคโนโลยีชีลด์บ็อกซ์ (ShieldBox) ซึ่งเป็นตู้ควบคุมไฟฟ้าแบบปิด ตัวแรกของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศเพื่อป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนได้รับความเสียหายจากสภาพแวดล้อมภายนอก ในด้านของการติดตั้ง

ไมเดียได้คิดค้นและออกแบบไฮเปอร์ลิงก์(HyperLink)ชิปสื่อสารที่ช่วยสร้างโทโพโลยี  ซึ่งสามารถลดต้นทุนในการติดตั้งอีกด้วยและในส่วนของการทำงานของระบบ VRF ซีรีส์ V8 มาพร้อมเซ็นเซอร์ซูเปอร์เซ็นส์ 19 ตัว (SuperSense) ซึ่งครบครันมากที่สุดในอุตสาหกรรม ทำให้สามารถวิเคราะห์ปริมาณสารทำความเย็นที่มีอยู่ในระบบได้อย่างรวดเร็วทันที

ในด้านของการออกแบบระบบ VRF ซีรีส์V 8 ก็ได้มีการนำเสนอรุ่นที่เป่าลมด้านข้างเพื่อลดพื้นที่การใช้งานและทำให้ขนส่งได้ง่ายขึ้น และในด้านของการประหยัดพลังงานระบบ VRF ซีรีส์V8 ยังเป็นผู้นำด้านการรองรับไฟฟ้ากระแสตรงได้ทั้งคอยล์เย็นและคอยล์ร้อน รวมถึงมีการแบ่งสัดส่วนเพื่อจัดการพลังงานเป็นส่วนๆซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเทคโนโลยีที่ Midea ได้คิดค้นเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมได้อย่างดีเยี่ยม

ซึ่งได้รับการรับรองจาก Tick-Mark และผ่านการรับรองการทดสอบคุณภาพ AHRI อีกทั้งยังได้รับรางวัลเหรียญทอง “ไอเดียดีไซน์สิ่งก่อสร้างแบบแก้ไขปัญหาการประหยัดพลังงานเวอร์ชั่นพิเศษสากล” ณ เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ (International Exhibitions Geneva-Gold Medal for Energy Solutions for Smart Buildings Special Edition)

ไมเดีย มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ที่จะวางรากฐานผลติภัณฑ์อย่างมั่นคงในตลาดประเทศไทย ตลาดในประเทศไทยเป็นตลาดที่ไมเดียให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งในปีนี้ไมเดียกรุ๊ป (Midea Group) มุ่งเน้นแนวคิดผลิตภัณฑ์เป็นเลิศ-พร้อมขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ

โดยในประเทศไทย ไมเดียได้ก่อตั้งโรงงานอัจฉริยะที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศที่แรกในต่างประเทศภายใต้ความมุ่งหวังหลักของเราคือการสร้างผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงและการจัดส่งที่สะดวกยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าชาวไทย

ในครั้งนี้ Midea Building Technology (MBT) ได้รับภารกิจสำคัญในการพลิกโฉมธุรกิจ B to B ของไมเดียประเทศไทย จากการพัฒนาเทคโนโลยีเบื้องต้นสู่นวัตกรรมอิสระและการส่งออกเทคโนโลยี ไม่หยุดคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดในประเทศไทย โดยการพัฒนาเครื่องปรับอากาศ V8 multi-split แสดงถึงความแข็งแกร่งของไมเดียในการก้าวข้ามขอบเขตไปอีกขั้น

นอกเหนือจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดอย่างได้ผลในปี 2566 Midea Building Technology (MBT) มุ่งเน้นการพัฒนาทีมงานและขยายฐานลูกค้าผ่านทางร้านค้าตัวแทนจำหน่าย พร้อมกับการผลักดันด้วยทีมงานที่เชี่ยวชาญเพื่อขับเคลื่อนแบรนด์ให้เป็นผู้นำในตลาดอย่างมีเสถียรภาพและสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/midea-launches-midea-v8-technology/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=midea-launches-midea-v8-technology

ทรู คอร์ป ชวนมา “ทิ้งถูกที่ ดีต่อใจ” เปิดจุดรับ e-Waste ที่ทรูช็อป ทรูสเฟียร์ และศูนย์บริการดีแทค 154 สาขาทั่วประเทศ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าไปด้วยกัน

ทรู คอร์ปอเรชั่น กำหนดเป้าหมายเป็นองค์กรจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero e-Waste to Landfill) ภายในปี พ.ศ. 2573 เปิดตัวโครงการ “e-Waste ทิ้งถูกที่ ดีต่อใจ” อำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถนำสมาร์ทโฟนเก่า โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์เสริม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กที่เลิกใช้งาน มาทิ้งได้ที่กล่องจุดรับขยะ e-Waste ทั้งที่ ทรูช้อป ทรูสเฟียร์ และศูนย์บริการดีแทค รวม 154 สาขาทั่วประเทศ

พร้อมผนึกพันธมิตรชั้นนำจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ทั้ง ออลล์ นาว โลจิสติกส์, โทเทิล เอนไวโรเมนทอล โซลูชั่นส์ในการขนส่งและรีไซเคิล รวมถึงทรูคอฟฟี่, PAUL, เต่าบิน, Sukishi Korean Charcoal Grill, NARS, Ultima II และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าเลือก “Drop for Rewards” เพื่อร่วมกันสร้างโลกที่ยั่งยืนเพื่อชีวิตที่ดีกว่าไปด้วยกันได้แล้ววันนี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/TinkTookTee-DTorJai

true dtac

นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “หนึ่งในพันธกิจเร่งสร้าง ทรู คอร์ป สู่การเป็น Telecom-Tech Company อย่างเต็มรูปแบบ คือการบริหารจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ทั้งแบรนด์ทรูและดีแทคต่างเป็นช่องทางจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและดีไวซ์รวมมากกว่าล้านเครื่องต่อปี

บริษัทฯ จึงตระหนักในหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธีแบบครบวงจรและเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อร่วมลดปริมาณขยะฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2573 ทั้งนี้ โครงการ e-Waste ทิ้งถูกที่ ดีต่อใจ เป็นผลจากการนำจุดแข็งของเราสององค์กรมาสานต่อและยกระดับให้เกิดการจัดการ e-Waste ที่ขยายจุดรับทิ้งขยะให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มีการจัดการขนส่งขยะไปสู่ระบบการรีไซเคิลที่ถูกวิธีอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

รวมทั้ง การมอบสิทธิพิเศษที่หลากหลายจากองค์กรพันธมิตรของทั้งทรูและดีแทค นี่คือ พันธกิจสำคัญของเรา ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะองค์กรที่ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก Dow Jones Sustainability Indices ในตลาดเกิดใหม่กลุ่มสื่อสารโทรคมนาคมต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน”

ดร.ปิยาภรณ์ ภาสกานนท์ หัวหน้าสายงานด้านการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่นกล่าวว่า “โครงการ “e-Waste ทิ้งถูกที่ ดีต่อใจ” ที่เริ่มดำเนินการในเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นเดือนแห่งวันสิ่งแวดล้อมโลกนี้ สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของทรู คอร์ปอเรชั่น ที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) และการเป็นองค์กรที่จัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero e-Waste to Landfill) ภายในปี 2573 

รวมถึงเป้าหมายที่ 12 ของการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ หรือ SDGs ในการสร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ซึ่งโครงการดังกล่าวต้องการปลูกจิตสำนึกและสร้างการมีส่วนร่วมของคนในสังคม รวมทั้งเพิ่มความมั่นใจแก่ลูกค้าว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ต้องการใช้แล้วทุกชิ้น จะถูกนำไปคัดแยกและรีไซเคิลอย่างถูกวิธีแน่นอน

และครั้งนี้ เป็นที่น่ายินดีที่ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร ทั้ง TES ผู้นำด้านรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานสากล ออลล์ นาว โลจิสติกส์ ที่ให้การสนับสนุนการขนส่ง e-Waste จากจุดรับทั่วประเทศ รวมถึงอีกหลากหลายแบรนด์ชั้นนำที่จะมามอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้แก่ลูกค้าที่ร่วมโครงการอีกด้วย”

สำหรับลูกค้าทรู-ดีแทค ที่ทิ้ง e-Waste ถูกที่ ดีต่อใจ สามารถเลือก “Drop for Rewards” กับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้แก่ ทรูคอฟฟี่ – อัปไซส์เครื่องดื่มที่ร่วมรายการ PAUL – รับส่วนลด 50% เมนูที่ร่วมรายการ เต่าบิน – รับฟรีเมนูโอริโอ้ปั่น มูลค่า 55 บาท 

Sukishi Korean Charcoal Grill –  รับฟรีคอร์นด็อกซอสชีส มูลค่า 100 บาท เมื่อรับประทานบุฟเฟ่ต์ Sukishi Overload ขั้นต่ำ Gold tier Gold 699+ บาท หรือ A la carte ขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป NARS – รับฟรีบริการ Touch Up มูลค่า 800 บาท 

Ultima II –  รับฟรี ULTIMA II Delicate Translucent Powder With Moisturizer 5g NETRAL TT มูลค่า 199 บาท และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ –  ฟรีค่าสมัครสมาชิก M Gen มูลค่า 100 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/TinkTookTee-DTorJai

#ทิ้งถูกที่ดีต่อใจ

#truesustainability

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/true-corp-invites-you-to-participate-in-tinktooktee-dtorjai-project/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=true-corp-invites-you-to-participate-in-tinktooktee-dtorjai-project