คลังเก็บป้ายกำกับ: THAILAND

รู้จัก OpenStreetMap เบื้องหลังแผนที่ในแอปเดลิเวอรี่ ระบบฟรีที่เปิดให้คนทั่วไปแก้ไขข้อมูลได้

จากประเด็นข่าวที่ผ่านมา เมื่อมีผู้ใช้งานงานแอปเดลิเวอรี่ ชื่อดัง ได้เข้าไปแก้ไขชื่อแผนที่บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ โดยมีการเปลี่ยนชื่อในสถานที่ต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยกบฏแห่งชาติธรรมศาสตร์, ลานประหารกบฏคอมมิวนิสต์ไทย เป็นต้น

ซึ่งเบื้องหลังคือ แอปเดลิเวอรี่ดังกล่าวดึงข้อมูลแผนที่มาจาก OpenStreetMap ซึ่งเป็นผู้ให้บริการฐานข้อมูลในรูปแบบของแผนที่ก่อตั้งโดย Steve Coast มีจุดประสงค์คือ แบ่งปันเพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงพื้นที่ฟรี โดยหน้าตาของ OpenStreetMap จะมีความคล้ายคลึงกับ Google Map ที่เราคุ้นเคยกัน แต่ต่างตรงที่ OpenStreetMap สามารถแก้ไขข้อมูลหรือเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการและไม่สามารถเข้าถึงการดูผ่านดาวเทียมได้ ส่วน Google Map สามารถดูได้ละเอียดกว่า

แน่นอนว่า OpenStreetMap มีบริการเปิด API สำหรับผู้ที่ต้องการเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นได้แบบฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

อย่างไรก็ตาม แนวทางในการสร้างข้อมูลแผนที่ของ OpenStreetMap โดยเฉพาะหมุดสถานที่ต่างๆ บนแผนที่ จะอาศัยการเปิดให้ชุมชนร่วมกันเข้ามาปักหมุดและระบุชื่อบนแผ่นที่ ซึ่งก็ให้ชุมชนเป็นคนช่วยตรวจสอบแก้ไขให้ถูกต้อง (แนวทางคล้ายๆ กับ Wikipedia ที่เปิดให้ชุมชนเข้ามากรอกข้อมูล และช่วยกันตรวจสอบ)

ด้วยช่องนี้นี่เองที่เปิดให้คนเข้าไปแก้ไขชื่อของหมุดในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บน OpenStreetMap ตามที่ปรากฎบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับผู้ให้บริการเดลิเวอรี่รายดังกล่าว ซึ่งล่าสุด ข้อมูลบน OpenStreetMap ก็ถูกแก้กลับให้ถูกต้องแล้ว

แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ OpenStreetMap ถูกนำไปใช้ได้หลากหลายวัตถุประสงค์ มีหลายแอปฯ และหลายเว็บไซต์ที่นำ OpenStreetMap ไปพัฒนาจนสามารถสร้างแอปฯ GPS แบบออฟไลน์อย่าง OsmAnd หรือ Maps.me ได้ รวมไปถึง Locus Map แอปฯ นำทางสำหรับนักเดินป่า นักปั่นจักรยาน และนักท่องเที่ยว เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ OpenStreetMap มีการเปิดให้สมัครสมาชิกระดับแพลตตินั่มได้ ซึ่งสมาชิกรายแรกเป็น TomTom บริษัทแผนที่จากเนเธอร์แลนด์ รวมไปถึง Microsoft และ Meta เป็นสมาชิกระดับโกลด์อีกด้วย โดยมีเหตุผลว่า OpenStreetMap ถือเป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลที่ทรงพลังสามารถสร้างประโยชน์และนำไปพัฒนาต่อยอดได้อีกมาก

Disclaimer – Blognone เป็นบริษัทในเครือของ LINE MAN Wongnai

ที่มา:
wiki
Mindpho

alt="OpenStreetMap"

from:https://www.blognone.com/node/133180

Advertisement

NTT ประกาศสร้างศูนย์ข้อมูลแห่งที่สามในไทย BKK3 ลงทุน 3 พันล้านบาท เปิดบริการปี 67

NTT บริษัทโทรคมนาคมของญี่ปุ่น เปิดตัวศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ในไทย Bangkok 3 Data Center (BKK3) ขนาดพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 3 พันล้านบาท จะเปิดบริการเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า 2567

ศูนย์ข้อมูล BKK3 ตั้งอยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ห่างจากกรุงเทพ 57 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นศูนย์ข้อมูลสร้างใหม่ก็จะใช้นวัตกรรมสีเขียวมาช่วยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ของทั้งกลุ่มบริษัทภายในปี 2573 ด้วย

เมื่อปี 2559 NTT เปิดศูนย์ข้อมูล BKK2 หรือ Nexcenter ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร มีพื้นที่ใช้งาน 5,000 ตารางเมตร และก่อนหน้านั้นมีศูนย์ข้อมูล BKK1 ในเขตพื้นที่กรุงเทพ

ภาพเรนเดอร์ของศูนย์ข้อมูล NTT BKK3

No Description

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/133134

คนร้ายในไทยเริ่มใช้เทคนิคแอบดู PIN แล้วขโมยไอโฟนเพื่อดูดเงิน

นายแพทย์ประวีณ จันจำปา โพสเตือนถึงกรณีน้องสาวถูกขโมยโทรศัพท์ไอโฟนจากนั้นโอนเงินออกจากบัญชีต่างๆ พร้อมกับเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตเพื่อเบิกเงินสด ความเสียหายมูลค่านับล้านบาท โดยคนร้ายจะยึดบัญชี Apple ID ทันทีหลังได้โทรศัพท์ไป

แนวทางนี้นับตรงกับคดีรูปแบบเดียวกันที่ระบาดในสหรัฐฯ และยุโรป โดยคนร้ายจะอาศัยการแอบดู PIN ของโทรศัพท์ที่เหยื่ออาจจะใส่ระหว่างปลดล็อกเครื่องในโอกาสต่างๆ เนื่องจากไอโฟนสามารถเปลี่ยนรหัส Apple ID ได้โดยต้องรู้ PIN ของโทรศัพท์และมีโทรศัพท์อยู่กับตัว

แนวทางลดความเสี่ยงการโจมตีรูปแบบนี้ทางโฆษกของแอปเปิลเคยระบุว่าสามารถใช้ Touch ID หรือ Face ID ลดความเสี่ยงคนร้ายแอบมองได้ หรืออีกทางหนึ่งคือใช้ฟีเจอร์ Screen Time ล็อกการเปลี่ยนรหัสผ่าน Apple ID อีกชั้น

ที่มา – Facebook: สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

from:https://www.blognone.com/node/133118

พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับที่ 8 เพิ่มข้อกำหนดการจ้างงานแบบทำงานที่บ้าน ไม่ตอบแชตนอกเวลางานได้

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับที่ 8 โดยเพิ่มข้อความมาตราเดียว คือมาตรา 23/1 ระบุถึงแนวทางการจ้างงานที่ลูกทำงานจากที่บ้านหรือทำงานจากสถานที่อื่นๆ โดยเพิ่มรูปแบบการจ้างที่ชัดเจนขึ้น ระบุชัดเจนว่าสามารถทำข้อตกลงจ้างงานเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ได้

นอกจากรูปแบบการจ้างแล้ว มาตรานี้ยังระบุให้ลูกจ้างมีสิทธิปฏิเสธการติดต่อสื่อสารจากนายจ้างไม่ว่าทางใดๆ เมื่ออยู่นอกเวลางาน ยกเว้นได้ทำความยินยอมเป็นหนังสือล่วงหน้าไว้ก่อน และมาตรานี้ยังยืนยันว่าลูกจ้างที่ทำงานจากที่บ้านมีสิทธิเท่ากับลูกจ้างที่ทำงานในสำนักงาน

กฏหมายใหม่นี้มีผลบังคับจริง 30 วันหลังประกาศ

ที่มา – ราชกิจจานุเบกษา

ภาพโดย tookapic

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/133095

สรุปแถลงการณ์จากผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีเรื่อง ‘ซีเซียม-137’ พร้อมเปิดผลกระทบและคำแนะนำในการป้องกัน

เหตุเกิดจากเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ได้รับแจ้งเหตุกรณีวัตถุกัมมันตรังสี ‘ซีเซียม-137’ (Cesium-137, Cs-137) ของโรงไฟฟ้าของบริษัท NOS 5a ในอ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี สูญหายไป โดยวัตถุมีลักษณะเป็นทรงกระบอก มีตะกั่วอยู่ชั้นในและหุ้มด้วยเหล็กชั้นนอก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว หนัก 25 กิโลกรัม

จนเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่นำโดยนายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ได้เข้าตรวจหารังสีในกองเศษเหล็กในโรงหลอมเหล็ก 2 แห่งในต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี และต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ตรวจสอบพบสารบางอย่างแต่ไม่ระบุชนิด (ไม่มีการเปิดเผยชื่อของโรงหลอมเหล็กทั้ง 2 แห่งต่อสาธารณะ) โดยแบ่งเป็นประเด็นดังนี้

No Description

ตรวจพบฝุ่นแดงที่ปนเปื้อนสารซีเซียม

วันนี้ (20 มีนาคม) เวลา 11.00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีและนายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติได้จัดงานแถลงข่าวว่า ซีเซียม-137 ได้ถูกหลอมแล้วและพบในฝุ่นแดงหรือฝุ่นเหล็กที่มาจากการหลอมเล็กในเตาปิดของโรงหลอมจริง แต่ไม่พบวัตถุซีเซียม-137 ดั้งเดิมที่เป็นทรงกระบอก

โดยปกติแล้วซีเซียมมีจุดเดือดต่ำ เมื่อหลอมเหล็กออกมาก็จะกลายเป็นฝุ่นแดงหรือฝุ่นเหล็ก จากนั้นโรงงานจะส่งต่อไปยังโรงงานรีไซเคิลเพราะฝุ่นพวกนี้มีราคา แต่เมื่อตรวจสอบฝุ่นแดงที่โรงงานหลอมเหล็กส่งไปยังโรงงานรีไซเคิลในจ.ระยองแล้วไม่พบซีเซียมแต่อย่างใด

ส่วนฝุ่นแดงในโรงหลอมเหล็กมีจำนวน 24 ตัน บรรจุในถุงปิด 24 ถุง โดยพบว่ามีฝุ่นแดง 1 ถุงที่ถูกนำไปถมไว้ที่ที่ดินหลังโรงงาน แต่ได้นำฝุ่นมาใส่ถุงบรรจุและเก็บไว้ในที่ปิดมิดชิดแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่าซีเซียม-137 ในฝุ่นแดงในโรงหลอมเหล็ก อ.กบินทร์บุรี มาจากแท่งซีเซียมทรงกระบอกที่หายไปจากโรงไฟฟ้าของ NOS 5a หรือไม่ นายเพิ่มสุขกล่าวว่าความเป็นไปได้ยังอยู่ที่ 50-50

ซีเซียมไม่สามารถเล็ดรอดจากโรงหลอมเหล็ก ยันไม่กระทบประชาชน

ขณะนี้ได้ส่งทีมสาธารณสุขเข้าตรวจสุขภาพพนักงานทุกคนซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับสารกัมมันตรังสีแล้วว่ามีสารตกค้างหรือไม่ ผลการตรวจสุขภาพพบว่า ยังไม่พบผู้ป่วยหรือผู้ที่มีสารตกค้างในร่างกาย

นายเพิ่มสุขยืนยันว่า ฝุ่นแดงที่เกิดจากการหลอมยังไม่ฟุ้งกระจายออกไปนอกพื้นที่และเป็นอันตรายต่อประชาชนโดนทั่วไปเพราะหลังจากหลอมแล้วถูกปิดในที่มิดชิดในพื้นที่โรงงาน

No Description

เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนสาเหตุที่ซีเซียม-137 สูญหายไป

พล.ต.ต.วินัย นุชชา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปราจีนบุรี ได้เผยว่า การตรวจสอบสาเหตุที่ซีเซียม-137 สูญหายอยู่ในกระบวนการของตำรวจ โดยขณะนี้กำลังไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งบางตัวใช้งานได้ บางตัวใช้งานไม่ได้ แต่คาดว่ามีคนตั้งใจเอาไปเนื่องจากการจะนำวัตถุที่มีน้ำหนัก 25 กิโลกรัมออกไปได้เป็นเรื่องยากมาก

นอกจากนี้ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ป.ส.) ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าของโรงไฟฟ้าแล้ว เนื่องจากเป็นผู้ครอบครองวัตถุที่หายไปและไม่แจ้งโดยพลัน ตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2562 มาตรา 100 โทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี เนื่องจากวัตถุหายไปตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคมแต่เข้าแจ้งในวันที่ 10 มีนาคม

No Description

ผลกระทบและคำแนะนำในการป้องกัน

นายแพทย์สมรส พงศ์ละไม ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของซีเซียม-137 ว่า สามารถปนเปื้อนและสะสมได้ในทั้งดิน น้ำ และอาหารและมีผลร้ายแรงมากต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์เพราะอนุภาคบีต้าและรังสีแกมมาทำให้เกิดมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดข่าวและไทรอยด์

นายแพทย์สมรสยังเสนอให้มีการเฝ้าระวังเร่งด่วนสำหรับคนที่เสี่ยงต่อการสัมผัสซีเซียม โดยสังเกตอาการเช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ผิวไหม้ พร้อมเสนอให้รัฐบาลควรเก็บข้อมูลอย่างโปร่งใสโดยเฉพาะจากคนที่อยู่ในระยะ 5-10 เมตร

ที่มา – สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี

from:https://www.blognone.com/node/133083

สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย แถลงคัดค้าน K PLUS บังคับปิด Accessibility Mode

สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์คัดค้านการบังคับปิด Accessibility Mode ระหว่างการใช้งาน K-Mobile Banking PLUS ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

ในแถลงการณ์ระบุว่าการปิด Accessibility Mode ของระบบปฏิบัติการ Android ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นคนตาบอด เพราะไม่สามารถทำธุรกรรมของธนาคารผ่านสมาร์ทโฟนได้เลย จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากผู้มีสายตาปกติ ซึ่งเกิดความเสี่ยงกับบัญชีของคนตาบอด จึงขอให้ธนาคารแก้ไขให้คนตาบอดสามารถใช้งาน K PLUS ได้โดยเร็วที่สุด และจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างธนาคารกับสมาคมฯ

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง แบงค์ชาติระบุธนาคารป้องกันสิทธิ์ Accessiblity ในแอนดรอยด์ไม่ควรกระทบผู้ใช้ทั่วไป

ที่มา – สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย

No Description

แถลงการณ์ฉบับเต็ม

แถลงการณ์สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย คัดค้านการบังคับปิด Accessibility Mode ระหว่างการใช้งาน K-Mobile Banking PLUS ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

สืบเนื่องจากธนาคารกสิกรไทยได้มีการปรับปรุง K-Mobile Banking PLUS เพื่อป้องกันปัญหาการโจรกรรมข้อมูลทางการเงินหรือเข้าทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าธนาคารกสิกรไทย ซึ่งการปรับปรุง แอปพลิเคชัน K PLUS ในครั้งนี้มีการเพิ่มการตรวจสอบ Accessibility mode ว่าเปิดใช้งานอยู่หรือไม่ หากมีการเปิดใช้งานไว้ ผู้ใช้งานต้องทำการปิดโหมดการเข้าถึงพิเศษ Accessibility mode ทุกรายการ จึงจะสามารถใช้งานแอปพลิเคชันธนาคารได้

เนื่องจาก Accessibility mode ทั้งฟีเจอร์ Talk Back ของ Google และ Voice Assistant ของ Samsung ในระบบปฏิบัติการ Android เป็นเครื่องช่วยสำคัญสำหรับคนตาบอดในการเข้าถึงและใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมธนาคารได้ด้วยตนเอง ดังนั้นการปรับปรุงดังกล่าวจึงส่งผลกระทบต่อคนตาบอดที่ใช้งานแอปพลิเคชัน K PLUS บนระบบปฏิบัติการ Android เป็นวงกว้าง ก่อให้เกิดความเดือดร้อนเป็นอย่างมากและอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับคนตาบอดที่เป็นลูกค้าของธนาคารกสิกรได้โดยตรง เพราะคนตาบอดไม่สามารถทำธุรกรรมผ่าน แอปพลิเคชัน K PLUS ได้ด้วยตนเอง ทำให้ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ที่สายตาปกติในการทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงกับบัญชีธุรกรรมของคนตาบอดซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ในสังคมอารยะหรือสังคมที่เชื่อในเรื่องความเท่าเทียมและเป็นธรรมถ้วนหน้า (Inclusive Equality) นั้น เป็นที่เข้าใจได้ว่า digital accessibility ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยทางดิจิทัล (Digital/Cybersecurity) จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจนำมาปะปนกันได้โดยสิ้นเชิง รวมถึงการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ไม่อาจเป็นเหตุให้ต้องปิดกั้นการเข้าถึงดิจิทัลโดยอาศัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น screen reader หรือโปรแกรมอ่านจอภาพแต่ประการใด การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างร้ายแรงต่อคนตาบอดในการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ไม่ว่าจะกระทำโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม

ด้วยเหตุนี้สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยในฐานะองค์กรของคนพิการระดับชาติ ซึ่งมีพันธกิจในการดูแลและปกป้องสิทธิประโยชน์ของคนตาบอดในประเทศไทย จึงขอให้ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว ดังนี้

1. ดำเนินการให้คนตาบอดสามารถใช้ฟีเจอร์ Talk Back ของ Google หรือ Voice Assistant ของ Samsung เพื่อให้เข้าถึงและใช้งานแอปพลิเคชัน K PLUS ในระบบปฏิบัติการ Android ได้โดยเร่งด่วนที่สุด
2. จัดให้มีการประชุมหารือระหว่างธนาคารกสิกรไทย และสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในการพัฒนาแอปพลิเคชันของธนาคาร เพื่อให้คนตาบอดสามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สมาคมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จะตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว ไม่เพิกเฉย และดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้คนตาบอดสามารถเข้าถึงและใช้งานแอปพลิเคชัน K PLUS ได้ด้วยตนเองเช่นเดิม อย่างเท่าเทียมกับคนสายตาปกติ โดยสมาคมฯ พร้อมให้ความร่วมมือกับทางธนาคารกสิกรไทย ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไป

และหากยังไม่มีการดำเนินการแก้ไข สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยพร้อมที่จะใช้ทุกวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพขั้นพื้นฐานของคนตาบอด ซึ่งรวมถึงการขจัดการเลือกปฏิบัติและการสร้างหลักประกันความเสมอภาคในการเข้าถึงเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก (Assistive Technology : AT) สำหรับคนตาบอดต่อไป

from:https://www.blognone.com/node/133066

พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบาย Blockchain Hub แห่งอาเซียน, กระเป๋าเงินดิจิทัลด้วยบล็อคเชน

พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบาย “ประเทศไทยเป็น Blockchain Hub แห่งอาเซียน” เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยระดมทุนจากทั่วโลกโดยไม่ต้องผ่านระบบธนาคารแบบเดิม ส่งเสริมให้ศิลปินไทยขายงานเป็น NFT ไปยังตลาดโลกได้

นโยบายเรื่องบล็อคเชนของพรรคเพื่อไทย เป็น 1 ใน 8 นโยบายใหม่ที่เปิดตัววันนี้ โดยขยายความต่อจากประกาศเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่จะสร้าง Blockchain ของประเทศไทยเอง เพื่อใช้ซื้อขายสินค้าเกษตร และทำ NFT ซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า

นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังมีนโยบายอีกข้อคือ ให้คนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปได้ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” (Digital Wallet) ที่สร้างด้วยบล็อคเชน ใช้เงินดิจิทัล (ที่เป็นเหรียญ) ที่ได้รับจากภาครัฐ (ยังไม่ระบุตัวเลข) เพื่อจับจ่ายกับร้านค้าชุมชนในรัศมี 4 กิโลเมตรรอบที่อยู่อาศัยตามบัตรประชาชน หากใช้ไม่หมดภายใน 6 เดือนจะหมดอายุจนไม่สามารถใช้งานได้

No Description

No Description

No Description

No Description

คลิปเต็ม ช่วงที่พูดถึง Blockchain Hub อยู่ราวชั่วโมงที่ 1:21 และช่วงที่พูดถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล อยู่ราวชั่วโมงที่ 1:38

from:https://www.blognone.com/node/133062

แฮกเกอร์โพสต์ขายข้อมูลส่วนตัวประชาชนหลุดจากภาครัฐ 55 ล้านรายการ

แฮกเกอร์ที่ใช้นามแฝงบนเว็บบอร์ด Bleach ว่า 9Near โพสต์ขายข้อมูลส่วนตัวคนไทยจำนวน 55 ล้านรายการ ประกอบไปด้วยเลขบัตรประชาชน ชื่อ ที่อยู่ วันเกิดและเบอร์โทรศัพท์ โดยเจ้าตัวบอกว่า ได้ข้อมูลนี้จากหน่วยงานภาครัฐ แต่ไม่ระบุหน่วยงาน

ที่มา – Bleach Forums

No Descriptionตัวอย่างข้อมูลหลุด

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/133040

ครม. อนุมัติโครงการเครือข่ายมือถือความถี่ 700MHz ของ NT มูลค่า 6.2 หมื่นล้านบาท

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ 14 มีนาคม 2566 ได้เห็นชอบโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G/5G บนคลื่น 700 MHz ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT มูลค่าเกือบ 6.2 หมื่นล้านบาท

โครงการนี้จะใช้คลื่นย่าน 700MHz ที่ CAT Telecom (ชื่อก่อนควบรวมเป็น NT) ประมูลได้ในปี 2563 จำนวน 2 ใบอนุญาต ซึ่งจะนำมาใช้แทนคลื่นย่าน 850MHz, 2100MHz และ 2300MHz ที่ได้ใบอนุญาตมาในปี 2553 และจะหมดอายุในวันที่ 3 สิงหาคม 2568 (ใบอนุญาตอายุ 15 ปี)

บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 700MHz ของ NT มีบริการหลัก 2 รูปแบบ ดังนี้

  1. บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายย่อย (Retail) ภายใต้แบรนด์ my และ NT Mobile (TOT Mobile เดิม) ตั้งเป้ามีลูกค้าจำนวน 3.6 ล้านราย เพิ่มจากฐานลูกค้าเดิมของ NT ที่ตอนนี้มี 2 ล้านราย
  2. บริการดิจิทัล (Digital) โดยเน้นกลุ่มลูกค้าภาครัฐและองค์กรที่ต้องการใช้งานเซนเซอร์ (Smart Meter เช่น การประปา การไฟฟ้า) หรือระบบติดตามยานพาหนะ (Smart Tracking) รวมถึงบริการสาธารณะที่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการบริหารจัดการบริการสาธารณะและเมือง (เช่น ป้าย Traffic Board ของตำรวจจราจร และกลุ่ม Smart Traffic Light สี่แยกไฟแดง)

นอกจากนี้ยังมีประเด็นว่า NT ต้องการใช้คลื่น 700MHz ให้บริการกับกลุ่มลูกค้าทดแทนโทรศัพท์พื้นฐาน (Fixed Line Replacement) จำนวน 900,000 หมายเลข ซึ่งคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) ไปหารือกับ กสทช. ว่าเข้าข่ายบริการโทรคมนาคมขึ้นพื้นฐานหรือไม่ หากเข้าข่ายอาจจะพิจารณารูปแบบการสนับสนุนเงินลงทุนและค่าบำรุงรักษาโครงข่าย (บางส่วน) ให้แก่ผู้ให้บริการจัดให้มีบริการดังกล่าวโดยใช้จ่ายจากเงินค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่

No Description

NT ระบุว่าการให้บริการคลื่น 700MHz จะมีสถานีฐานไม่น้อยกว่า 13,500 สถานีฐานตลอดอายุโครงการ แผนการของ NT ในปี 2566 จัดสร้างสถานีฐาน (ติดตั้งอุปกรณ์บนโครงสร้างพื้นฐานของพันธมิตร) จำนวน 5,500 สถานี และเริ่มให้บริการภายในปี 2566 เช่นกัน ส่วนปี 2567 จัดสร้างสถานีฐานเพิ่มเติม จำนวน 8,000 สถานี

โครงการนี้มีกรอบวงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 61,628 ล้านบาท ประกอบด้วย

  1. ค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) จำนวน 30,608 ล้านบาท ได้แก่ ค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 700 MHz จำนวน 20,584 ล้านบาท5 ค่าใช้จ่ายการจัดหาโครงข่ายร่วมกับพันธมิตร จำนวน 9,300 ล้านบาท และค่าอุปกรณ์โครงข่าย (Network Equipment) จำนวน 718 ล้านบาท
  2. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) จำนวน 31,026 ล้านบาท ได้แก่ ค่าดำเนินการโครงข่าย Network Cost จำนวน 29,236 ล้านบาท ค่าบุคลากร จำนวน 1,615 ล้านบาท และค่าดำเนินการอื่น ๆ จำนวน 175 ล้านบาท

ที่มา – มติคณะรัฐมนตรี

from:https://www.blognone.com/node/133022

Mercedes-Benz เตรียมขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 3 รุ่นในประเทศไทย ดันยอดขายเติบโต 2 ดิจิต

Mercedes-Benz ประเทศไทย เตรียมทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 3 รุ่น เริ่มต้นด้วยรุ่น EQB ราคา 3.02 ล้านบาท เผยปี 2022 มียอดส่งมอบ 13,182 คัน เติบโต 34% ย้ำตลาดรถยนต์หรูในไทยยังไปได้

Mercedes-Benz

Mercedes-Benz รุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เล่าให้ฟังว่า ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในประเทศไทยมีมากขึ้น ทำให้ Mercedes-Benz ต้องการเข้าไปตอบโจทย์ลูกค้า และในปี 2023 ทางบริษัทจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าล้วนทั้งหมด 3 รุ่น

เริ่มต้นด้วย EQB 250 AMG Line รถยนต์ไฟฟ้าล้วนกลุ่ม Compact SUV ความจุแบตเตอรี่ 66.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร วิ่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 8.9 วินาที และวิ่งได้ไกลสูงสุดหลังจากชาร์ตเต็ม 460 กม. ราคา 3.02 ล้านบาท ส่งมอบได้ภายในครึ่งแรกของปี 2023

ทั้งนี้ EQB รุ่นดังกล่าวจะนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งคัน (CBU) ยังไม่มีแผนประกอบในประเทศไทย และจะจำหน่าย รวมถึงซ่อมบำรุงได้ในทุกดีลเลอร์ของ Mercedes-Benz ประเทศไทย จากก่อนหน้านี้มีดีลเลอร์เพียง 4 รายที่จำหน่ายได้เท่านั้น หากไม่นับ EQB รถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่จำหน่ายแล้วของบริษัทคือ EQS ราคาเริ่มต้น 8.57 ล้านบาท

5 ปี รถยนต์ไฟฟ้าแบบต่าง ๆ กินส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง

จากการเร่งทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-Benz ประเทศไทย ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบต่าง ๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้าล้วน และรถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid จะกินสัดส่วนเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขายภายใน 5 ปี จากปัจจุบันบริษัททำตลาดรถยนต์รวมทั้งหมดราว 25 รุ่น

“ปัจจุบันปัญหาเรื่องชิปขาดแคลนเริ่มคลี่คลาย และปีนี้คาดว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องซัพพลายสินค้าขาดแคลนจนกระทบต่อการส่งมอบรถยนต์แล้ว ดังนั้นการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบบต่าง ๆ จะเข้มข้นขึ้น และเราจะลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เช่น ปีนี้จะมีการเปิดตัวรถยนต์แบบต่าง ๆ 8 รุ่น เป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 3 รุ่น”

สำหรับภาพรวมยอดขายปี 2022 ในตลาดโลก Mercedes-Benz จำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกได้กว่า 2 ล้านคัน และมีกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเติบโต 124% ผ่านความนิยมของรุ่น EQA และ EQB ส่วนในประเทศไทยมียอดส่งมอบรวม 13,182 คัน เพิ่มขึ้น 34% และปี 2023 ตั้งเป้าเติบโตเป็นอัตราเลขสองหลักเช่นเดิม

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Mercedes-Benz เตรียมขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 3 รุ่นในประเทศไทย ดันยอดขายเติบโต 2 ดิจิต first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/mercedes-benz-thailand-2023/