แอลจี เปิดแคมเปญ “LG MEGA SALE” โรดโชว์สู่ผู้บริโภคทั่วไทย จัดเต็มความคุ้มค่าแบบ 3 เด้ง ลุ้นรางวัลใหญ่มากมาย

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดแคมเปญ “LG MEGA SALE” ที่จะเดินสายโรดโชว์ไปมอบความสุขและความคุ้มค่าให้แก่ผู้บริโภคใน 33 ร้านค้าทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน ถึง 31 ตุลาคม 2566 

ซึ่งแต่ละร้านจะจัดโปรโมชั่นพิเศษ 7 วัน สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ที่มาพร้อมความคุ้มค่าแบบ 3 เด้ง ทั้งสินค้าราคาพิเศษ ของสมนาคุณ และร่วมลุ้นรางวัลใหญ่เมื่อซื้อสินค้าครบทุก 10,000 บาท โดยตารางการเดินสายโรดโชว์ไปยังจังหวัดต่างๆ ตรวจสอบได้ที่เฟซบุ๊ค LG Thailand

แคมเปญ “LG MEGA SALE” จัดเต็มความพิเศษแบบ 3 เด้ง สำหรับลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์แอลจีในช่วงโปรโมชั่น ดังนี้

• เด้งที่ 1 พบสินค้าราคาพิเศษ ในช่วงโปรโมชั่น 7 วัน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
• เด้งที่ 2 เมื่อซื้นสินค้าครบตามที่กำหนด รับของที่ระลึกมากมายจากบูธแอลจี ที่จะจัดขึ้นในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ในระหว่างโปรโมชั่น ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
• เด้งที่ 3 เมื่อซื้อสินค้าครบทุก 10,000 ต่อใบเสร็จ ในช่วงโปรโมชั่น 7 วัน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ รับสิทธ์ลุ้นรางวัลใหญ่ รถจักรยานยนตร์ Honda Click 125i มูลค่า 60,000 บาท จำนวน 1 รางวัล เครื่องฟอกอากาศ LG Aero Furniture มูลค่า 16,900 บาท จำนวน 2 รางวัล และสร้อยคอทองคำมูลค่า 8,575 บาท จำนวน 3 รางวัล (ประกาศผลผู้โชคดี วันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ทางเฟซบุ๊ค LG Thailand)

อย่าพลาด แคมเปญ LG MEGA SALE ใน 33 ร้านค้าทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน ถึง 31 ตุลาคม 2566 ตรวจสอบตารางการเดินสายไปยังจังหวัดต่างๆ ได้ที่เฟซบุ๊ค LG Thailand หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 02-057-5757

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/lg-mega-sale/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=lg-mega-sale

LG เปิดตัว StanbyME Go ทีวีพกพาในแบบกระเป๋าเดินทาง

LG เปิดตัว “StanbyME Go” ทีวีพกพาในรูปแบบกระเป๋าเดินทาง จากเดิมการป้องกันสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตต้องใช้อุปกรณ์เสริมด้วยกระจกกันรอยหรือเคสกันกระแทก สู่อีกระดับด้วยการใส่แท็บเล็ตทั้งเครื่องลงในกระเป๋าเดินทาง

ก่อนหน้านี้ LG เคยเปิดตัวทีวีจอทัชสกรีนสไตล์มินิมอลStandbyME เมื่อปี 2021 ซึ่งใช้งานได้เพียงการรับชมทั่วไปแถมยังพกพาไม่ได้ด้วย ครั้งนี้เป็นคิวของ StanbyME Go ทีวีขนาดแท็บเล็ตที่ออกแบบมาให้ถูกบรรจุอยู่ในกระเป๋าเดินทางทั้งเครื่อง เหมาะสำหรับคนที่อยากมีทีวีพกพาไว้ใช้ปิกนิก ตั้งแคมป์ หรือเวลาไปทริปต่าง ๆ

StanbyME Go มาพร้อมกับจอ LED Panel กว้าง 26 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 pixels) refresh rate ที่ความถี่ 60Hz รองรับ HDR10 และ Dolby Vision เสริมคุณภาพเสียงด้วยลำโพงคู่ 4 ช่องทางพร้อม Dolby Atmos สำหรับเสียงรูปแบบ immersive surround รันด้วยระบบ WebOS 22 สำหรับทีวีของ LG

ความสูงของตัวเครื่องขณะเปิดใช้งานอยู่ที่ 30 นิ้ว (729 x 670 mm) ขนาดของตัวกล่องขณะปิดใช้งานอยู่ที่ 26 x 17 x 4.5 นิ้ว (670 x 433 X 119 mm) น้ำหนัก 30 lbs (12.7 kg) สามารถใช้ขาตั้งที่ติดมากับเครื่องในกระเป๋าปรับเปลี่ยนหน้าจอได้ 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็น แนวนอนในโหมด Landscape แนวตั้งในโหมด Portrait หรือวางหน้าจอลงในกระเป๋าเพื่อใช้เล่นหมากรุกในโหมด Table และสามารถเปิดและปิดหน้าจอได้พร้อมกับตัวกระเป๋า โดยตัวหน้าจอจะยึดติดกับขาตั้งและกระเป๋า ไม่สามารถอดออกจากกล่องได้

ในส่วนของความจุแบตเตอรี่ถือว่าไม่ได้ยาวนานเท่าไหร่ ตามรายงานของ Ars Technica ระบุว่า “StandbyME Go มีความจุของแบตเตอรี่อยู่ที่เพียง 3 ชั่วโมงขณะใช้โหมดประหยัดพลังงานและระดับเสียงที่ตั้งไว้ที่ 30”

LG StanbyME Go มีวางขายในหน้าผลิตภัณฑ์เว็บไซต์ของ LG เกาหลี ในราคา 1,170,000 วอน หรือประมาณ $900 USD

ที่มา: Techradar, LG Korea

Topics: 

LG

Tablet

from:https://www.blognone.com/node/134235

LG StanbyME Go สมาร์ททีวีกระเป๋าหิ้ว หน้าจอสัมผัส 27 นิ้ว พร้อมลำโพงในตัว ราคาราว 30,700 บาท

LG StanbyME Go เป็นอุปกรณ์ที่…ไม่รู้จะเรียกว่ามันคืออะไรดี เพราะมันคือจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 27 นิ้ว พร้อมลำโพง และใช้ระบบปฎิบัติการ WebOS ที่อยู่ในสมาร์ททีวีของ LG โดยมาในรูปแบบของกระเป๋าเดินทางสำหรับหิ้วพกพาไปไหนมาไหนได้ และแน่นอนว่ามีแบตเตอรี่ในตัวให้ใช้งานได้นาน 3 ชั่วโมง เปิดตัวมาในราคา 1.17 ล้านวอน หรือประมาณ 30,700 บาท

LG StanbyME Go เป็นจอสัมผัสขนาดใหญ่ 27 นิ้ว ความละเอียด 1080p รองรับ Dolby Vision มีลำโพง 20W รองรับระบบเสียง Dolby  Atmos และแบตเตอรี่ในตัวบรรจุอยู่ในกระเป๋าเดินทางใบเล็กคล้าย ๆ ให้เอาไว้พกพาไปได้ทุกที่

หน้าจอสามารถพับขึ้นมาได้ 90 องศา และยังหมุนจอซ้ายขวา (ตามเข็มนาฬิกา) ได้อีก 90 องศา ปรับเพิ่มความสูงได้ 18 ซม. และปรับใช้ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน หรือโหมดตั้งโต๊ะ และแบตเตอรี่ในตัวที่สามารถใช้งานต่อเนื่องนานถึง 3 ชั่วโมง

ระบบปฏิบัติการที่ใช้จะเป็น WebOS ของ LG เอง ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง iOS ผ่านแอป Airplay และเชื่อมกับ Android ด้วย Screen Mirroring ด้วย นอกจากนี้ยังมีพอร์ต HDMI สำหรับใช้งานคู่กับอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างเช่นโน้ตบุ๊ค พร้อมทั้งรองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง ทำให้ค้นหาหรือเปลี่ยนคอนเทนต์ได้สะดวก รวดเร็วขึ้น

โดยทาง LG เคลมว่าได้ผ่านการทดสอบความคงทนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าจอจะมีความทนทานต่อความกดอากาศต่ำ, อุณหภูมิสูง – ต่ำ, ฝุ่น หรือการกระแทก ซึ่งจอจะปิดการทำงานเมื่อผู้ใช้ปิดกระเป๋าด้วย ซึ่งจากในภาพคือจะเห็นว่าจอดังกล่าวดูน่าเอาไปใช้งานแนวแคมป์ปิ้ง, ปิกนิกกลางแจ้ง หรือสำหรับการเรียนรู้นอกห้องเรียนของเด็ก ๆ

LG StanbyME Go มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1.17 ล้านวอน หรือประมาณ 30,700 บาท เตรียมวางขายในเกาหลีวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม 2023 นี้ ใครที่เป็นสายมินิมอล สายแคมป์ สาย Outdoor ต้องมีซักเครื่องแล้วมั้ยเนี่ย

 

ที่มา : GSMARENA , The Korea Bizwire

from:https://droidsans.com/lg-launched-stanbyme-go-display-built-inside-a-travelling-case/

แอลจี เปิดตัวลำโพง XBOOM XL มอบพลังเสียงกระหึ่มเร้าใจ และแสงไฟปรับแต่งได้ตามจังหวะเพลง พร้อมสร้างสีสันให้ทุกกิจกรรมและปาร์ตี้

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวลำโพง XBOOM รุ่น XL7 และ XL5 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ปลดปล่อยความสนุกไปกับเสียงอันทรงพลัง” ให้พลังเสียงสุดกระหึ่ม เสียงเบสเต็มอิ่ม และโน้ตเสียงสูงที่ชัดเจน

ทั้ง 2 รุ่นโดดเด่นด้วยไฟวิ่งวงกลมรอบวูฟเฟอร์ที่ปรับได้ตามจังหวะเพลงด้วยแอปพลิเคชัน LG XBOOM ให้คุณจัดเต็มความสนุกได้ไม่จำกัดทั้งร้อง เต้น และฟังเพลง

มาพร้อมโปรโมชันพิเศษ ‘บัดดี้คู่ซี้ เปิดตี้สุดพลัง’ ซื้อลำโพง XBOOM XL ทุกรุ่น รับฟรีทันทีไมโครโฟนไร้สายมูลค่า 1,190 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 มิถุนายน 2566

ลำโพง XBOOM XL7 มอบพลังเสียง 250 วัตต์ และวูฟเฟอร์ขนาดใหญ่ 8 นิ้ว พร้อมลำโพงทวีตเตอร์ 2 ตัว มาพร้อมล้อลากและมือจับจึงเคลื่อนย้ายไปทุกที่ได้อย่างสะดวก เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในอาคารและกลางแจ้งด้วยคุณสมบัติกันน้ำระดับ IPX4 และแบตเตอรี่ในตัวที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 18 ชั่วโมง เพิ่มความพิเศษด้วยแผงไฟ LED ที่ปรับแต่งตัวอักษรและแอนิเมชันได้

นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อกับไมโครโฟนและกีต้าร์ไฟฟ้า ได้ทั้งบลูทูธ ช่องเสียบ และ USB จึงตอบโจทย์กิจกรรมได้หลากหลาย ทั้งคาราโอเกะ มินิคอนเสิร์ต ปาร์ตี้ และงานอีเวนท์ ที่สำคัญยังสามารถควบคุมแผงไฟ LED การเล่นเพลง เอฟเฟกต์แสง และอีควอไลเซอร์ได้อย่างสะดวก ด้วยแอปพลิเคชัน LG XBOOM บนแอนดรอยด์ และ iOS

ส่วนลำโพง XBOOM XL5 ให้เสียงที่ทรงพลังในขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบากว่า มอบพลังเสียง 200 วัตต์ และวูฟเฟอร์ขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมลำโพงทวีตเตอร์ 2 ตัว ออกแบบมาพร้อมช่องจับจึงยกเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวก และมีแบตเตอรี่ในตัวที่ใช้งานได้ยาวนาน 12 ชั่วโมง พร้อมคงเอกลักษณ์ความสนุกด้วยไฟวิ่งรอบวูฟเฟอร์ที่ปรับแต่งได้ และไฟแฟลชคู่โฉบเฉี่ยวสำหรับทุกงานปาร์ตี้

เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสพลังเสียงสุดกระหึ่ม เร้าใจ ที่สร้างสีสันความสนุกได้อย่างทั่วถึงของลำโพง XBOOM XL รุ่นใหม่ล่าสุด แอลจีจึงได้จัดอีเวนท์พิเศษ “LG XBOOM Party Out Loud” ที่นำขบวนทรูปยกทัพมาเสิร์ฟปาร์ตี้สุดสนุก เอาใจสายเต้น พร้อมกิจกรรมเซอร์ไพรส์ และของรางวัล สุดพิเศษจากแอลจี ให้ร่วมลุ้นมากมายที่บูธกิจกรรม ในวันที่ 10 มิถุนายน 2566 เวลา 11.00-18.00 น. ที่สยามสแควร์ ซอย 3

ลำโพง XBOOM XL7 พร้อมจำหน่ายแล้วในราคาพิเศษ* 17,990 บาท จากราคาปกติ 19,990 บาท และ XBOOM XL5 ในราคาพิเศษ* 12,990 บาท จากราคาปกติ 14,990 บาท ตั้งแต่ 1 มิถุนายน – 30 มิถุนายน 2566 ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของแอลจีและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 0-2057-5757 หรือที่ www.lg.com/th/promotions/New_Party_Duo_Promotion พร้อมติดตามกิจกรรมต่างๆ จากแอลจีได้ทาง

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/lg-launches-xboom-xl-speaker/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=lg-launches-xboom-xl-speaker

แอลจี’ เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเอไอเอส ในโครงการ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ ตั้งจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ร้านค้าแอลจี 12 แห่งทั่วกรุงเทพฯ

แอลจี ประเทศไทย เดินหน้าแคมเปญ ‘LG Global Volunteer Day’ เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก
มุ่งลดมลพิษพลาสติกตามเป้าหมาย UNEP

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม (ซ้าย) รักษาการหัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS และนายซองฮัน จอง (ขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ศูนย์บริการและร้านค้าตัวแทนจำหน่ายแอลจี 12 แห่งทั่วกรุงเทพฯ

Advertisement

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ เอไอเอส (AIS) สานโครงการ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ เปิดจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ศูนย์บริการและร้านค้าตัวแทนจำหน่ายแอลจี 12 แห่งทั่วกรุงเทพฯ เพื่อรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ หูฟัง สายชาร์จ สาย USB แบตเตอรี่มือถือ โทรศัพท์ แท็บเล็ต รีโมท เมาส์ คีย์บอร์ด และอุปกรณ์ MP3 เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีและยั่งยืน  โดยโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันความมุ่งมั่นด้านการลดมลพิษพลาสติก (Beat Plastic Pollution) ของโครงการสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ (UNEP) ที่ตั้งเป้าลดมลพิษพลาสติกทั่วโลกถึง 80% ให้ประสบความสำเร็จภายในปี 2040 โดยอาศัยความร่วมมือจากประเทศและบริษัทต่างๆ ในการส่งเสริมการใช้ซ้ำและรีไซเคิลขยะพลาสติกอย่างถูกวิธี

อาสาสมัครแอลจีเข้าร่วมโครงการ ‘คนไทยไร้ E-Waste’

แคมเปญ ‘LG Global Volunteer Day’ มุ่งสนับสนุนให้อาสาสมัครแอลจีทั่วโลกลงมือทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์หรือร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้แก่สิ่งแวดล้อมในประเทศ  ซึ่งในปีนี้แอลจี ประเทศไทย มุ่งเน้นด้านการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับเอไอเอส ในโครงการ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ เพื่อรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่การกำจัดอย่างถูกวิธีและยั่งยืน เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีและลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ตกค้างในไทย

นายซองฮัน จอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แอลจีให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน โดยเรามุ่งสร้างชีวิตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน (Better Life for All) ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ๆ ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของแอลจีระดับโลกที่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการผลิตสินค้าลง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2017 และเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลกซึ่งตรงกับวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญที่แอลจีทั่วโลกจะเดินหน้าโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมภายใต้แคมเปญหลัก ‘LG Global Volunteer Day’  โดยในปีนี้ เราได้ผนึกกำลังกับเอไอเอส ซึ่งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เราจึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการเติมเต็มอีโคซิสเต็มการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่สังคมไร้ขยะ E-Waste ได้เร็วยิ่งขึ้น”

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม รักษาการหัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า  “ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาเครือข่ายสื่อสารอัจฉริยะให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีหลักของประเทศแล้ว เรายังวางนโยบายในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันของคน เศรษฐกิจ และโดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อม ที่วันนี้ AIS เดินหน้า Ecosystem ในการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้โครงการคนไทยไร้ E-waste ตั้งแต่การสร้างองค์ความรู้ให้คนไทยตระหนักถึงปัญหา สร้างกระบวนการจัดเก็บเพื่อให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลแบบ Zero Landfill ตามมาตรฐานสากล ผ่านการสร้างการมีส่วนร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลาย โดยครั้งนี้เราได้แอลจีเข้ามาเป็นหนึ่งในเครือข่ายด้าน Green Partnerships โดยมีเป้าหมายเดียวกันที่ต้องการแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน ให้ลูกค้าสามารถนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทิ้งได้ ณ ศูนย์บริการ และร้านแอลจีทั้ง 12 แห่ง ในกรุงเทพฯ สำหรับความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นการขยายผล ร่วมกันปลูกจิตสำนึกให้กับลูกค้าและคนไทย อันจะนำมาซึ่งการส่งต่อความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการกำจัดขยะ E-Waste อย่างถูกต้องต่อไป”

กล่องรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ตั้งอยู่ที่ศูนย์บริการ และร้านแอลจีทั้ง 12 แห่ง ในกรุงเทพฯ

ทั้งนี้ แอลจีเริ่มเปิดรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2566 ที่จุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วกรุงเทพฯ ทั้งหมด 12 แห่ง ได้แก่

• ศูนย์บริการแอลจี (สำนักงานใหญ่) อาคารริชมอนด์ ชั้น 1 ซอยสุขุมวิท 26
• ร้านค้าแอลจี แผนก Power Mall ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม ชั้น 3
• ร้านค้าแอลจี แผนก Power Mall ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น 4
• ร้านค้าแอลจี แผนก Power Mall ศูนย์การค้าเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ชั้น 4
• ร้านค้าแอลจี แผนก Power Buy ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 4
• ร้านค้าแอลจี แผนก Power Buy ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9 ชั้น 4
• ร้านค้าแอลจี แผนก Power Buy ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น G
• ร้านค้าแอลจี แผนก Power Buy ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 5
• ร้านค้าแอลจี แผนก Power Buy ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ ชั้น 2
• ร้านค้าแอลจี โฮมโปร สาขาเมกา บางนา
• ร้านค้าแอลจี โฮมโปร สาขาฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต
• ร้านค้าแอลจี โฮมโปร สาขาเอกมัย-รามอินทรา

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลแอลจี 02-057-5757 และเข้าชมข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดตามกิจกรรมต่างๆ จากแอลจี ได้ทาง

# # #

ภาพเพิ่มเติม

รายละเอียดประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาทิ้งได้ที่จุดรับทิ้งของแอลจี

from:https://notebookspec.com/web/703788-e-wastelg-global-volunteer-day

MacBook ยอดขายตกต่ำ ขอหยุดพักพิจารณาการใช้จอ OLED ใหม่

Apple ได้เลื่อนการผลิตจอ OLED Gen 8 ที่จะใช้กับ MacBook ออกไป เป็นปี 2027 สื่อเกาหลีรายงานในขณะที่วิเคราะห์ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการที่การสั่งซื้อ MacBook น้อยลง และตัวเลือกกลุ่มโน๊ตบุ๊ก Hi-End ก็มีมากขึ้นอีกด้วย

สินค้ากลุ่ม iPad Pro ที่จะเปิดตัวในปีหน้ายังจะใช้หน้าจอ OLED Gen 6 อย่างในปัจจุบัน โดยผู้ผลิตจากทาง Samsung และ LG และชะลอการลงทุนในการผลิต Gen 8 ลงก่อน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าทางยอดการจัดส่ง MacBook ลดลงเกือบ 50% ในช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมาอีกด้วย

Advertisement

ความกังวลต่อมาคือการที่เทคโนโลยีการแสดงผลใหม่จะไม่ฟื้นยอดขาย MacBook เนื่องจากความภักดีต่อแบรนด์ดูเหมือนน้อยลงเรื่อยๆ สวนทางกับยอดขาย iPhone ในขั้นต้น Apple วางแผนที่จะเปิดตัว OLED iPad Pro รุ่นแรกในปี 2024 ตามด้วย OLED MacBook ในปี 2025 หรือ 2026 อาจเปลี่ยนมาใช้แผง OLED แบบ dual-stack ของ LG ที่กำลังพัฒนาและกำลังจัดหาให้กับ Mercedes อีกด้วย เนื่องจากจอแบบ dual-stack จะให้ความสว่างที่มากกว่าและอายุการใช้งานที่นานกว่ามาก นอกจากนี้ Apple ยังไม่รู้สึกประทับใจกับ “รอยย่น” ที่แผง OLED แบบยืดหยุ่นของ Samsung สำหรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่เปิดตัวและบังคับให้เป็นจอแบบไฮบริด

การเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าในแผนงานครั้งนี้ Apple น่าจะมีการเปลี่ยนมือผู้ผลิตจอเพื่อเปิดตัวจอที่ดีและเหมาะสมที่สุดใน MacBook

ที่มา: NotebookCheck

from:https://notebookspec.com/web/701551-apple-macbook-to-reconsider-the-oled

แอลจีส่ง “LG gram” ประเดิมตลาดแล็ปท็อปพรีเมียมในประเทศไทย โดดเด่นด้วยดีไซน์สวย บางเบา และเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวไลน์อัพผลิตภัณฑ์แล็ปท็อประดับเรือธง “LG gram” รุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ในดีไซน์เรียบหรู และบางเบา ด้วยน้ำหนักเพียง 1.19 กิโลกรัม

พร้อมขุมพลังชิปประมวลผลเจเนอเรชั่นล่าสุด จอภาพ IPS 2.5K และฟีเจอร์ความบันเทิงระดับไฮเอนด์ และวางใจได้ด้วยคุณภาพและวัสดุที่ผ่านมาตรฐานความทนทานระดับโลกเพื่อปกป้องข้อมูลภายใน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ไม่หยุดนิ่ง และให้ความสำคัญกับชีวิตและการทำงานอย่างสมดุล

นางจีรภา คงสว่างวงศา รองประธานบริหารฝ่ายธุรกิจกลุ่มลูกค้าองค์กรและไอที ภาคพื้นอินโดไชน่า บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แอลจีภูมิใจที่ได้นำเสนอนวัตกรรมแล็ปท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดให้กับผู้บริโภคชาวไทยเป็นครั้งแรก เนื่องจากเราเล็งเห็นเทรนด์ในด้านไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัย มีความคิดสร้างสรรค์และเป็นตัวของตัวเอง ตลอดจนให้ความสำคัญกับคุณภาพและประสิทธิภาพการใช้งาน

ซึ่ง LG gram สามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ด้วยดีไซน์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย อีกทั้งเรายังมีกลยุทธ์การตลาดที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ด้วยการใช้ NewJeans ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปจากเกาหลีใต้ที่กำลังมาแรงในกลุ่มชาว Gen Z มาเป็นตัวแทนในการนำเสนอแล็ปท็อปรุ่นนี้

เราเชื่อมั่นว่า LG gram ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย โดยคาดหวังว่าการเปิดตัวแล็ปท็อปรุ่นใหม่นี้จะสร้างการเติบโตให้กลุ่มสินค้า PC ถึง 70% รวมถึงมีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นยอดขายรวมของสินค้าในกลุ่มไอทีของแอลจีให้เพิ่มขึ้นถึง 10% ในปี 2566”

LG gram เป็นแล็ปท็อประดับพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุดจากแอลจี ขับเคลื่อนด้วยชิพประมวลผล Intel® Core เจเนอเรชัน 13 มาพร้อมตัวเลือกหน่วยความจำ 16GB และ 32GB และระบบโปรเซสเซอร์แบบ Core i7 Processor หรือ Core i5 Processor ให้เลือกตามความต้องการใช้งาน

พร้อมจอภาพ IPS ในอัตราส่วนจอ 16:10 มอบคอนทราสต์ที่ยอดเยี่ยม ความละเอียดสูง 2560×1600 (WQXGA) รองรับขอบเขตสี DCI-P3 ถึง 99% พร้อมเทคโนโลยีเคลือบจอกันการสะท้อน IPS ช่วยให้เห็นภาพและสีชัดเจนไม่ผิดเพี้ยนจากมุมกว้าง อัพเกรดประสิทธิภาพการใช้งานอันทรงพลังด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานสูงสุด 20.5 ชั่วโมง^[1] เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

นอกจากตอบโจทย์ด้านการใช้งานที่อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพแล้ว LG gram ยังมีดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและบางเบาเหมาะสำหรับการพกพา ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 1.19 กิโลกรัม สำหรับรุ่น 16 นิ้ว และ 1.35 กิโลกรัม สำหรับรุ่น 17 นิ้ว ภายใต้จุดเด่นเรื่องความบางเบาของบอดี้ 

LG gram ยังมากับความทนทาน ด้วยตัวเครื่องผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ที่ใช้เป็นชิ้นส่วนในการผลิตเครื่องบิน และยังผ่านการรับรองมาตรฐานความทนทานและความน่าเชื่อถือตามมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD-810H ระบบเสียงอัพเกรดขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าด้วยการส่งพลังเสียงจากลำโพง 5 วัตต์ พร้อมรองรับเนื้อหาคอนเทนต์คุณภาพสูงผ่านระบบ Dolby Atmos

LG gram ยังเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีที่ตอบสนองการทำงานยุคใหม่อย่าง Full HD IR Webcam & AI Noise Cancelling ที่ใช้ AI ช่วยลดสัญญาณรบกวน ทำให้มองเห็นใบหน้าและได้ยินเสียงผู้เข้าร่วมประชุมออนไลน์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการเริ่มต้นใช้งานอย่าง Face Login ช่วยให้เปิดใช้งานแล็ปท็อปได้ทันทีโดยไม่ต้องจดจำรหัสผ่าน เพียงแค่มองที่หน้าจอ หรือเลือกใช้ปุ่มเปิดใช้งานด้วยลายนิ้วมือ

การเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน LG Security Guard ช่วยล็อกการใช้งานแล็ปท็อปและช่วยแจ้งเตือนผู้ใช้งานทันทีที่ตรวจพบการใช้งานอันไม่พึงประสงค์ ฟีเจอร์ LG Glance By Mirametrix® ยังใช้ AI เข้ามาช่วยตรวจจับใบหน้าและสายตา ช่วยเบลอข้อมูลบนหน้าจอเมื่อผู้ใช้งานไม่อยู่หน้าแล็ปท็อปหรือเมื่อมีคนอื่นจ้องมองที่หน้าจอ

เพื่อความสะดวกในการใช้งาน LG gram ยังรองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iPhone ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมมือถือได้ผ่านแล็ปท็อป แชร์รูปภาพหรือวิดีโอระหว่างมือถือและแล็ปท็อปได้ง่ายๆ เพียงแค่ลากและวาง รวมถึงรับการแจ้งเตือนต่างๆ ของมือถือได้ผ่านแล็ปท็อป ด้วย Intel® Unison 

นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถถ่ายโอนข้อมูลหรือการตั้งค่าจากแล็ปท็อปอีกเครื่องมาสู่ LG gram ได้อย่างง่ายดายด้วยซอฟต์แวร์ PCmover Professional แล็ปท็อป LG gram มาพร้อมตัวเลือกการเชื่อมต่อที่หลากหลายด้วยช่องต่อ HDMI 1 ช่อง และ USB 3.1 จำนวน 1 ช่อง พอร์ต Thunderbolt 4 ที่มอบ Docking Station ติดตั้งมาให้ 2 ช่อง และช่องเสียบ Micro SD และ H/P

LG gram รุ่นใหม่ล่าสุดนี้มาในสีดำ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นตามขนาดหน้าจอทั้ง 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว พร้อมตัวเลือกหน่วยความจำที่หลากหลายตามความต้องการใช้งาน ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 49,500 – 67,700 บาท พร้อมให้ผู้บริโภคชาวไทยได้จับจองแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย JIB และ Banana IT หรือช่องทางออนไลน์ทั้ง Lazada และ Shopee 

พิเศษเมื่อซื้อแล็ปท็อป LG gram ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน – 15 พฤษภาคม 2566 พร้อมลงทะเบียนผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ www.lg.com ภายในวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 รับฟรีเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCare 360 Hit มูลค่า 9,900 บาท พร้อมซองใส่แล็ปท็อป และโปรแกรม MicroSoft 365 1 ปี รวมถึงบริการ Onsite Service 2 ปี

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lg.com/th/laptops หรือสอบถามข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 0-2057-5757 

---

^[1] อายุการใช้งานแบตเตอรี่จริงจะแตกต่างกันไปตามข้อกำหนด ขึ้นอยู่กับรุ่น การกำหนดค่าการตั้งค่า แอปพลิเคชันที่ใช้ คุณลักษณะที่ใช้ และการตั้งค่าการจัดการพลังงาน

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

The post แอลจีส่ง “LG gram” ประเดิมตลาดแล็ปท็อปพรีเมียมในประเทศไทย โดดเด่นด้วยดีไซน์สวย บางเบา และเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์ appeared first on MobileOcta.

from:https://www.mobileocta.com/lg-sends-lg-gram-to-start-the-premium-laptop-market-in-thailand/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=lg-sends-lg-gram-to-start-the-premium-laptop-market-in-thailand

LG ส่ง LG Gram บุกตลาดโน้ตบุ๊กในไทยครั้งแรก อัดงบ 50 ล้าน ขอส่วนแบ่งตลาดพรีเมียม 2%

LG ลงสนามตลาดโน้ตบุ๊กในประเทศไทยครั้งแรก ส่งตระกูล LG Gram ลงสนาม พร้อมอัดงบการตลาด 30-50 ล้านบาท ตั้งเป้ากินแชร์ตลาดโน้ตบุ๊กระดับพรีเมียมมูลค่า 200 ล้านบาท ราว 2% ชูน้ำหนักเบา-สเปกสูง ราคาขาย 49,500 – 67,700 บาท

LG เดินหน้าทำตลาดโน้ตบุ๊กพรีเมียม

จีรภา คงสว่างวงศา รองประธานบริหารฝ่ายธุรกิจกลุ่มลูกค้าองค์กร และไอที ภาคพื้นอินโดไชน่า บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า LG ได้เริ่มทดลองทำตลาดโน้ตบุ๊กในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2022 ในช่องทางต่าง ๆ และมีผลตอบรับออกมาค่อนข้างดี จึงตัดสินใจเริ่มทำตลาดสินค้านี้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2023

“ถือเป็นการทำตลาดโน้ตบุ๊กในประเทศไทยเป็นครั้งแรกของบริษัท จากก่อนหน้านี้เน้นจำหน่ายในเกาหลี, ญี่ปุ่น และไต้หวัน โดยการเข้ามาในประเทศไทย LG เลือกนำตระกูล LG Gram ทำตลาด พร้อมวางตัวเป็นโน้ตบุ๊กระดับพรีเมียม เน้นประสิทธิภาพสูง น้ำหนักเบา กับราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับสเปกที่ให้”

LG Gram จะทำตลาดด้วยโน้ตบุ๊กรุ่นหน้าจอ 16 และ 17 นิ้ว มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel เจเนอเรชัน 13 และมีน้ำหนัก 1.19 และ 1.35 กก. ตามลำดับ เน้นเรื่องการทำงานทั่วไป แตกต่างกับโน้ตบุ๊กหน้าจอใหญ่ในตลาดที่เน้นการเล่นเกม และมีน้ำหนักเยอะ โดยจะจำหน่ายในราคา 49,500 – 67,700 บาท

ตั้งเป้ากินแชร์ 2% ของตลาดพรีเมียม

สำหรับภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊กพรีเมียมในปี 2023 คาดว่ากินสัดส่วนในตลาดโน้ตบุ๊กทั้งหมดราว 17% หรือคิดเป็นมูลค่า 200 ล้านบาท โดยตลาดนี้มีการเติบโตสวนทางกับตลาดโน้ตบุ๊กโดยรวมที่มีการหดตัวเล็กน้อย โดย LG ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งในตลาดดังกล่าวที่ 2% ในปี 2023

“เราต้องการสร้างความแตกต่างในตลาด และจากที่ทดลองมาพบว่ากลุ่มหน้าจอขนาดใหญ่ที่มีดีไซน์เรียบหรูเน้นการทำงานยังเป็นบลูโอเชียน ยิ่งตลาดพรีเมียมยังมีแนวโน้มเติบโต และแข่งขันที่ฟีเจอร์ กับฟังก์ชัน ไม่ใช่ราคา LG จึงมั่นใจว่า LG Gram สามารถแข่งขันกับผู้เล่นในตลาดได้”

การเข้ามาของโน้ตบุ๊กตระกูล LG Gram จะทำให้ LG ประเทศไทย มียอดขายกลุ่มสินค้าไอทีเติบโตราว 10% และยอดขายจากกลุ่มสินค้าดังกล่าวจะมาจากธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลถึง 70% โดยปัจจุบันกลุ่มสินค้าไอทีของ LG ประเทศไทย มีสินค้าจอมอนิเตอร์ประสิทธิภาพสูงเป็นสินค้าหลัก

อัดงบการตลาด 30-50 ล้านบาท ดันยอด

เพื่อไปถึงเป้าหมายดังกล่าว LG ประเทศไทย เตรียมใช้งบประมาณราว 30-50 ล้านบาท เพื่อสื่อสารการตลาดแบบ 360 องศา ประกอบด้วยการใช้สื่อนอกบ้าน, สื่อออนไลน์ และโปรโมชันต่าง ๆ ในช่องทางจำหน่ายทั้งร้านค้าปลีกไอที และช่องทางออนไลน์

“ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ LG ประเทศไทย เพราะโน้ตบุ๊กเป็นสินค้าใหม่ของบริษัทที่เพิ่งเข้ามาทำตลาด และเรามั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างการรับรู้ และได้ผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เพื่อเดินหน้าไปสู่ผู้นำในตลาดโน้ตบุ๊กพรีเมียมของไทย”

การ์ทเนอร์ บริษัทสำรวจ และวิจัยชั้นนำ คาดการณ์มูลค่าการใช้จ่ายเกี่ยวกับสินค้าไอทีในประเทศไทยปี 2023 ที่ 9.34 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากปี 2022 โดยในกลุ่มอุปกรณ์ไอที เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล จะลดลงจากปีก่อน 4.7% ส่วนที่มีการเติบโตมากที่สุดคือซอฟต์แวร์ที่ 14.9% รองลงมาเป็นไอทีเซอร์วิส 10.4%

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post LG ส่ง LG Gram บุกตลาดโน้ตบุ๊กในไทยครั้งแรก อัดงบ 50 ล้าน ขอส่วนแบ่งตลาดพรีเมียม 2% first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/lg-gram-thailand/

LG gram 2023 โน้ตบุ๊คดีไซน์บางเฉียบ หน้าจอ 16-17 นิ้ว หนักแค่กิโลนิด ๆ วางขายในไทยแล้ว เริ่มต้น 49,500 บาท

LG gram โน้ตบุ๊คหน้าจอใหญ่ที่มีขนาดให้เลือกทั้ง 16 และ 17 นิ้ว แต่มากับดีไซน์ตัวเครื่องที่บางและเบาสุด ๆ แค่หนึ่งกิโลกรัมหน่อย ๆ เท่านั้นเอง แถมยังมากับพอร์ตเชื่อมต่อต่าง ๆ ครบครันด้วย และคราวนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ทาง LG เอาโน้ตบุ๊คซีรีส์ดังกล่าวเข้ามาทำตลาดในบ้านเราอีกต่างหาก โดยสามารถหามาเป็นเจ้าของกันได้แล้ววันนี้ มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 49,500 บาท

LG gram 2023 มีน้ำหนักเบาเพียง 1.19 กิโลกรัม สำหรับรุ่น 16 นิ้ว และ 1.35 กิโลกรัม สำหรับรุ่น 17 นิ้ว แต่เห็นเบา ๆ แบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเปราะบางไปด้วยนะ เพราะตัวเครื่องผลิตจากวัสดุเกรดเดียวกับที่ใช้ในเครื่องบิน จนได้มาตรฐานความทนทานทางทหารระดับ MIL-STD 810H

เบาหวิว แค่กิโลหน่อย ๆ

ใช้หน้าจอพาเนลแบบ IPS LCD ความละเอียด 2560 x 1600 อัตราส่วน 16:10, รองรับ DCI-P3 99% มีแผงป้องกันแสงสะท้อน ปรับความสว่างได้อัตโนมัติ มีลำโพง 5W คู่ รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos มีเว็บแคมความละเอียด FHD และมีฟีเจอร์ LG Glance By Mirametrix ที่จะใช้ระบบ AI ตรวจจับใบหน้าและสายตาเราว่าใช้งานอยู่ที่หน้าจอหรือเปล่า ถ้าหากว่าเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น หน้าจอจะเบลออัตโนมัติเพื่อป้องกันคนมาแอบดูข้อมูล

มากับชิป Intel Gen 13 EVO ใช้ RAM แบบ DDR5 ความจุแบบ NVMe SSD ขนาดเริ่มต้นที่ 512GB – 1TB และ RAM LPDDR5 เริ่มต้น 16GB – 32GB ให้แบตเตอรี่มาที่ 80 Wh ใช้ได้สูงสุด 19.5 ชั่วโมง ติดตั้งมาพร้อมกับ Windows 11 Home Edition

พอร์ตเชื่อมต่อมาแบบครบ ๆ ทั้ง Thunderbolt 4 จำนวน 2 ช่อง, USB-A จำนวน 2 ช่อง, HDMI, Micro SD Card และ รูหุฟัง + ไมค์ 3.5 มม.

LG gram มีราคาอยู่ที่ระหว่าง 49,500 – 67,700 บาท ยังมีโปรพิเศษ ซื้อเครื่องภายในวันที่ 15 พฤษภาคม (JIB, BaNANA, Lazada, Shopee) และลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ภายในวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 เอาไปเลยเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCare 360 Hit มูลค่า 9,900 บาท, ซองใส่เครื่อง, Microsoft 365 1 ปี และบริการ Onsite Service 2 ปี

from:https://droidsans.com/lg-gram-2023-thailand-launched/

วินโดวส์มีอยู่ทุกที่ ไมโครซอฟท์รองรับ Windows 365 บนสมาร์ททีวี LG, มือถือ ThinkPhone

ไมโครซอฟท์มีบริการ Windows 365 ที่รันเดสก์ท็อปจากคลาวด์ไมโครซอฟท์ (Cloud PC) แล้วสตรีมหน้าจอมายังอุปกรณ์ปลายทาง ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์หรือแอพ Windows 365 บนพีซี บริการนี้เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 2021

ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศขยายการใช้งาน Windows 365 ให้รันบนสมาร์ททีวีได้ด้วย เบื้องต้นยังรองรับเฉพาะสมาร์ททีวี LG รุ่นปี 2023 ขึ้นไป โดยจะมีแอพ Windows 365 ให้ดาวน์โหลด จากนั้นต่อเมาส์และคีย์บอร์ดผ่านบลูทูธ ก็ใช้งานเดสก์ท็อป Windows 11 จากหน้าจอทีวีได้เลย

อุปกรณ์อีกประเภทที่จะได้ Windows 365 คือ สมาร์ทโฟน ThinkPhone ของ Motorola ระบุว่าจะมีโหมดรัน Cloud PC ได้ด้วย โดยจำเป็นต้องต่อจอนอกเพื่อใช้งาน

ไมโครซอฟท์ยังเปิดตัวแพ็กเกจ Windows 365 Frontline สำหรับพนักงานแบบเข้ากะ ที่ซื้อไลเซนส์เดียวใช้กับพนักงานได้ 3 คนด้วย

ที่มา – Microsoft

Topics: 

Windows 365

Remote Desktop

Microsoft

LG

Smart TV

Lenovo

Motorola

from:https://www.blognone.com/node/133349