คลังเก็บป้ายกำกับ: MACBOOK_AIR

Apple เตรียมเปิดตัว ชิป M3 ใหม่ล่าสุด สำหรับ MacBook Air 13,15 นิ้ว อาจเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

Apple กำลังวางแผนสำหรับการเปิดตัวแล็ปท็อปและเดสก์ท็อปรุ่นต่อไป รวมถึง iMac รุ่นใหม่ ๆ โดยคราวนี้ จะเปิดตัว MacBook Air 13 และ 15 นิ้ว ที่ขับเคลื่อนโดยชิป M3 เช่นเดียวกับการออกแบบ Mac Pro รุ่นใหม่ล่าสุด ภายในงาน WWDC ประจำปี ถ้าอยากรู้รายละเอียดตามมาอ่านกันเลยค่ะ

Photo By : Nina Riggio/Bloomberg

เรามาเริ่มกันที่ iMac ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา หรือตรวจสอบทางวิศวกรรม EVT โดยจะมากับหน้าจอขนาด 24 นิ้วเหมือนกับรุ่นปัจจุบัน ที่เคยประกาศวางจำหน่ายไปในเดือน เมษายน 2021  ซึ่งประกอบไปด้วย  blue , silver ,  pink และ orange แต่สิ่งที่จะเพิ่มเข้าไปคือชิป M-series ใหม่เพื่อแทนที่ M1 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นในการทำงานต่าง ๆ จะเริ่มวางขายเร็วที่สุดครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ Gurman ยังบอกว่ามีการทดสอบ iMac อีกรุ่นหนึ่ง โดยจะเป็น Mac ตัวแรกที่ใช้ชิป M3 ให้เราได้ลุ้นกันต่อไปค่ะ

Photo By :  David Paul Morris/Bloomberg

สำหรับ MacBook Air รุ่นใหม่ล่าสุดจะมากับหน้าจอขนาด  13 และ 15  นิ้ว พร้อมชิป Apple M3 โดยแหล่งข่าวดังกล่าวได้ออกมาเปิดเผยว่าชิปเซ็ตจะมีขนาด 3 นาโนเมตร ตามรายงานก่อนหน้านี้ จะเปิดตัวประมาณ 3 รุ่น ในช่วงกลางปี ได้แก่ MacBook Air จอ 15 นิ้ว  , Mac Pro ชิป M2 Ultra มี CPU 24 คอร์ , GPU 76 คอร์ และ RAM สูงสุด 192GB และ MacBook Air จอ 13 นิ้วตัวใหม่  รวมไปถึง iPad Pro  ยังคงใช้ชิป M3 รุ่นใหม่และหน้าจอ OLED เหมือนเดิม  และถ้ามีข้่อมูลอะไรเพิ่มเติมภายในงาน World Wide Developer Conference เราจะมาอัปเดทให้ทราบกันแน่นอน

 

ที่มา : gsmarena, Bloomberg

from:https://droidsans.com/apple-launch-macbook-air-13-and-15-this-summer-with-m3-chips/

Advertisement

[ลือ] iMac รุ่นใหม่ อยู่ในขั้นตอนพัฒนา, MacBook Air 13 และ 15 นิ้ว จะมากลางปีนี้

Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข่าวลือแอปเปิลล่าสุดในจดหมายข่าว Power On โดยคราวนี้เน้นที่ไลน์สินค้า Mac

เริ่มที่ iMac โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบทางวิศวกรรม ขนาดหน้าจอ 24 นิ้ว เท่ากับรุ่นล่าสุด iMac M1 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2021 ส่วนสีเครื่องเบื้องต้นทดสอบในสีชุดเดียวกัน แม้ภายนอกอาจเหมือนเดิม แต่มีการปรับตำแหน่งชิ้นส่วนภายใน และอัพเกรดชิปจาก M1 คาดว่าวางขายได้เร็วที่สุดครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ Gurman ยังบอกว่ามีการทดสอบ iMac อีกรุ่นหนึ่ง โดยจะเป็น Mac ตัวแรกที่ใช้ชิป M3

ส่วน Mac รุ่นอื่น เขาให้ข้อมูลว่าจะเปิดตัวประมาณ 3 รุ่น ในช่วงกลางปี ได้แก่ MacBook Air จอ 15 นิ้ว โค้ดเนม J515, Mac Pro ชิป M2 Ultra โค้ดเนม J180 และ MacBook Air จอ 13 นิ้วตัวใหม่ โค้ดเนม J513

ที่มา: Bloomberg

No Description

from:https://www.blognone.com/node/132902

MacBook Pro รุ่นใหม่ปี 2025 อาจใช้จอ OLED แบบทัชสกรีน

2 นักวิเคราะห์ขาประจำ Ming Chi Kuo และ Mark Gurman ยืนยัน Macbook รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในปลายปี 2024 จะมาพร้อมกับจอ OLED ตามข่าวลือที่เคยหลุดออกมา ส่วนฟาก MacBook Pro ก็ได้เตรียมอัปเกรดครั้งยิ่งใหญ่ มีลุ้นใช้จอ OLED แบบทัชสกรีนเป็นครั้งแรกภายในปี 2025

MacBook Air รุ่นใหม่ใช้จอ OLED

นักวิเคราะห์อย่าง Ming-Chi-Kuo เผยว่า Apple ได้เตรียมหันไปใช้จอ OLED แทนที่จอ mini-LED ที่ใช้ใน MacBook รุ่นใหม่ในช่วงปลายปี 2024 ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ อาจเป็นเพราะจอ OLED สามารถมีขนาดพาเนลที่บางกว่า ทำความสว่างได้ดีกว่า และสามารถนำไปใช้ในหลากหลายรูปแบบ Form Factor ได้ ซึ่งรวมไปถึงจอพับนั่นเอง โดย MacBook ที่คาดว่าจะมาพร้อมจอ OLED รุ่นแรก อาจเป็น MacBook Air ขนาด 13 นิ้วที่คาดว่าจะจ้าง Samsung ผลิตให้ตามรายงานครั้งก่อน

MacBook Pro อัปเกรดไปใช้จอ OLED แบบทัชสกรีน

MacBook Pro 14

Mark Gurman นักวิเคราะห์ดังจากสำนักข่าว Bloomberg ได้ออกมายืนยันอีกเสียงว่า ในปี 2025 Apple เตรียมปรับทิศทางพร้อมพลิกโฉม MacBook Pro รุ่นใหม่ ด้วยการใส่จอ OLED ที่รองรับการสัมผัส แต่ยืนยันว่าจะไม่ทับไลน์ iPad แน่นอน เพราะในด้านดีไซน์ยังคงมาในรูปแบบเดิม และ Apple ยังมีแผนที่จะนำจอทัชที่ว่านี้ไปใช้ใน Mac รุ่นอื่น ๆ ด้วย

Lenovo ThinkBook Plus Twist

ThinkBook Plus Twist โน้ตบุ๊คจอสัมผัสรุ่นล่าสุดจาก Lenovo 

ณ ขณะนี้ Apple ถือเป็นแบรนด์เดียวในตลาด PC ที่ยังไม่เคยปล่อยโน้ตบุ๊คจอสัมผัสออกมาลองตลาดเลยสักครั้ง และเว้นที่ว่างปล่อยให้คู่แข่งอย่าง DELL, HP, Lenovo และ Acer ทำมาก่อน และครองตลาดถึงหลายสิบปี หากใครที่กำลังวาดฝันอยากใช้ MacBook แบบจอทัชสกรีน อาจจะต้องรอกันยาว ๆ อีก 2  ปีเลยทีเดียว 

 

ที่มา: GSMArena, Bloomberg

from:https://droidsans.com/macbook-pro-to-use-oled-touch-screen-2025/

iPad Pro และ MacBook Air ปี 2024 อาจได้ใช้จอ OLED รุ่นใหม่จาก Samsung

ยังไม่ทันจะข้ามปี 2023 ดี ล่าสุดลือกันไปถึงปี 2024 แล้วสำหรับ Apple โดยมีข่าวลือว่าทั้ง iPad Pro และ MacBook Air ที่จะเปิดตัวในปี 2024 จะมาพร้อมจอ OLED ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่เป็นครั้งแรก ซึ่งผู้ผลิตก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ Samsung นั่นเอง โดยล่าสุดทางโรงงานก็ได้เร่งพัฒนาจอ OLED รุ่นใหม่ที่ว่านี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สื่อวงในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่าง The Elec ได้รายงานว่า Samsung ได้เตรียมทุ่มทุน และทุ่มแรงหันไปโฟกัสกับการพัฒนาจอ OLED เทคโนโลยีใหม่แบบสองเลเยอร์ (Two-Stack Tandem OLED) ที่ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม หลังจาก Apple มีแผนจะสั่งซื้อจอที่ว่านี้มาใช้กับทั้ง iPad Pro และ MacBook Air รุ่น 13 นิ้วในอีก 2 ปีข้างหน้า และหลังจากนี้ Samsung จะค่อย ๆ ลดความสนใจในด้านการพัฒนาจอ Full-Cut OLED แบบเลเยอร์เดียวแล้ว

โดยจอ OLED แบบสองเลเยอร์ที่ Samsung กำลังพัฒนาอยู่นี้ จะสว่างกว่าจอ OLED แบบเดิมถึง 2 เท่า และสามารถยืดอายุการใช้งานทนกว่าจอ OLED แบบเดิมถึง 4 เท่า แต่ทั้งนี้ Apple ก็คาดว่าจะไม่ใจดียอมซื้อจอรุ่นใหม่จาก Samsung อยู่รายเดียว เพราะมีความเสี่ยงที่ Samsung จะคิดราคาขายต่อชิ้นในราคาที่แพงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรของ Apple โดยตรง จึงทำให้แบรนด์ผลไม้อาจจะไปซบฝั่ง LG Display ที่กำลังผลิตจอ OLED เทคโนโลยีใหม่ถึง 2 รุ่นมาใช้ใน iPad รุ่นที่จะเปิดตัวในอนาคตด้วย

Apple มีแผนที่จะเปิดตัว iPad Pro 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้วที่ใช้จอ OLED เป็นครั้งแรกในปี 2024 รวมถึงยังมีสิทธิ์จะนำมาใช้ใน MacBook Air ขนาด 13 นิ้วที่จะเปิดตัวในปีเดียวกันด้วย หากใครที่กำลังดูเชิงว่าทั้งสองสินค้าที่ว่านี้จะเปลี่ยนไปใช้จอ OLED เมื่อไหร่ ก็อาจจะได้คำตอบแบบคร่าว ๆ แล้วว่าเราอาจต้องรอกันอีก 2 ปีเลยทีเดียว

 

ที่มา: MacRumors, @philipodegard (Medium.com)

 

from:https://droidsans.com/samsung-display-oled-ipad-pro-macbook-air-2024/

ลือ! MacBook Air หน้าจอ 15.5″ อาจเปิดตัวช่วงต้น – กลางปี 2023

Ross Young เผยข่าวลือว่า Apple กำลังพัฒนา MacBook Air ห […] More

from:https://www.iphonemod.net/macbook-air-15-5-inch-rumors-debut-spring-2023.html

Ross Young เผย MacBook Air 13″, iPad Pro 11″, 12.9″ จะอัปเกรดไปใช้จอ OLED ในปี 2024

สินค้า Apple กำลังเตรียมเข้าสู่ยุคหน้าจอ OLED เมื่อมีรา […] More

from:https://www.iphonemod.net/macbook-air-13-inch-may-switch-to-oled-display-2024-report.html

72 คีย์ลัด macOS กดถนัดมือประหยัดเวลาทำงานแน่นอน อัพเดทปี 2022

คีย์ลัด macOS มีวิธีกดเยอะมาก! ใช้เป็นบอกเลยว่าประหยัดเวลาสุดๆ

Share image Edit Name 2macos 1

นอกจากคีย์ลัด Windows ที่แนะนำไปเมื่อก่อนหน้านี้ ผู้อ่านหลายท่านที่ใช้ Apple MacBook เป็นพีซีประจำตัวก็คงอยากทราบวิธีกดคีย์ลัด macOS อย่างแน่นอน ซึ่งคีย์ลัดของฝั่ง macOS ก็จะใช้ปุ่ม Command, Option, Control, Shift ซึ่งไม่ต่างกับ Windows ที่ต้องการ Ctrl, Alt, Shift ซึ่งถ้าใครใช้ MacBook มานานก็น่าจะคุ้นเคยกับคีย์ลัดเหล่านี้แล้ว แต่ถ้าใครมีความคิดหรือเพิ่งเปลี่ยนมาใช้ macOS ใหม่ๆ ก็น่าจะสับสนพอดูว่าควรกดคีย์ลัดอะไรอย่างไรบ้าง ซึ่งอันที่จริง หากเราจับทางและเข้าใจว่าต้องเริ่มกดจากปุ่มไหนรวมกับปุ่มไหน มันก็จะง่ายขึ้นแน่นอน

Advertisementavw

Screenshot 2022 10 19 105436

ซึ่งปุ่มสำหรับใช้กดคีย์ลัดบนแป้นคีย์บอร์ด MacBook, iMac นอกจากจะมีตัวอักษรกำกับแล้วก็ยังมีไอคอนโลโก้ให้เห็นชัดเจน ข้อดีคือเมื่อใช้โปรแกรมใน macOS ทำงานแล้วเรามักเห็นโลโก้คีย์ลัดเหล่านี้มากกว่าชื่อเต็มเพราะประหยัดพื้นที่การแสดงผลและได้ความสวยงาม หน้าต่างรวมคำสั่งไม่ต้องยื่นออกมายาวจนบดบังสิ่งอื่นที่แสดงผลอยู่บนหน้าจอ ซึ่งถ้าผู้ใช้จำไอคอนเหล่านี้ได้และกดจนคล่องล่ะก็ มันจะช่วยประหยัดเวลาและใช้คำสั่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

คีย์ลัด macOS

72 คีย์ลัด macOS ใช้สะดวกทำงานสบาย ประหยัดเวลาไปเยอะ!

ผู้อ่านที่มีความคิดจะย้ายไปใช้ระบบปฏิบัติการ macOS หรือใช้มาระยะหนึ่งแล้วไม่แน่ใจว่าคีย์ลัด macOS มีอะไรให้ใช้งานบ้างล่ะก็ ผู้เขียนก็ขอจำแนกคีย์ลัดทั้ง 72 คีย์เป็น 4 หมวดหมู่ใหญ่ให้เลือกอ่านได้ตามความสนใจ ซึ่งมีหมวดหมู่ดังนี้

  1. คีย์ลัดพื้นฐาน ได้ใช้ประจำ
  2. คีย์ลัดคุมตัวเครื่อง
  3. คีย์ลัดใช้กับ Finder
  4. คีย์ลัดสำหรับงานเอกสาร

magic keyboard pewz4toce72a medium

1. คีย์ลัด macOS พื้นฐาน ได้ใช้ประจำ

ilya pavlov wbXdGS D17U unsplash

  1. Command+Z – ยกเลิกคำสั่งก่อนหน้านี้ หรือถ้ากด Shift+Command+Z จะเป็นทำซ้ำ
  2. Command+X – คำสั่ง Cut เลือกตัดสิ่งที่ต้องการไปเก็บใน Clipboard
  3. Command+C – คำสั่ง Copy คัดลอกสิ่งที่ต้องการเข้า Clipboard
  4. Command+V – คำสั่ง Paste วางสิ่งใน Clipboard ล่าสุดลงในแอพฯ หรือเอกสารได้
  5. Command+A – เลือกทุกสิ่งบนหน้าจอ ณ ตอนนั้น
  6. Command+F – หาสิ่งที่ต้องการในเอกสาร ถ้ากดหน้า Desktop จะเปิดหน้า Find
  7. Command+G – ค้นหาเพิ่มเติมโดยเน้นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ค้นหาไปก่อนหน้า
  8. Command+H – ซ่อนหน้าต่างแอพฯ ที่เปิดอยู่หน้าสุด ณ ปัจจุบัน แต่ถ้าดูเฉพาะแอพฯ ปัจจุบันอย่างเดียวแล้วซ่อนแอพฯ อื่นทิ้ง ให้กด Command+Option+H
  9. Command+M – ซ่อนหน้าต่างแอพฯ ที่เปิดอยู่เก็บลง Dock ไป ถ้าปิดหน้าต่างทั้งหมดของแอพฯ ที่เปิดอยู่อันหน้าสุด ให้กด Command+Option+M
  10. Command+O – เปิดใช้สิ่งที่เลือก หรือเปิด Dialog ขึ้นมาเพื่อเลือกไฟล์ที่ต้องการเปิด
  11. Command+P – สั่งปริ้นท์เอกสารที่เปิดอยู่ ณ ตอนนี้
  12. Command+S – สั่งเซฟเอกสารที่ใช้งานอยู่ ณ ตอนนี้
  13. Command+T – เปิดแท็บใหม่ขึ้นมาใช้งาน
  14. Command+W – ปิดหน้าต่างที่อยู่หน้าสุดทิ้งไป ถ้าปิดทุกหน้าต่างของแอพฯ นั้นให้กด Command+Option+W
  15. Option+Command+Esc – สั่งปิดแอพฯ ที่ใช้งานอยู่แบบ Force quit
  16. Command+Space bar – เปิด/ปิดคำสั่งค้นหา Spotlight search ซึ่งใช้ค้นทั้งเครื่อง
  17. Command+Control+Space bar – เปิดหน้าต่าง Character Viewer ดู Emoji หรือสัญลักษณ์ต่างๆ มาใช้งานได้
  18. Command+Control+F – เปิดใช้แอพฯ นั้นๆ แบบเต็มหน้าจอ (หากแอพฯ นั้นรองรับ)
  19. Command+Tab – สลับไปยังแอพฯ ที่เปิดอยู่แล้วผู้ใช้สลับมาใช้งานบ่อยที่สุด
  20. Command+Shift+5 – (macOS Mojave เป็นต้นไป) สั่งแคปภาพหน้าจอ เลือกเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอก็ได้ ถ้ากดเลข 3 จะสั่งบันทึกวิดีโอหน้าจอ ส่วนเลข 4 เป็นภาพนิ่ง
  21. Command+Shift+N – สร้างแฟ้ม (Folder) ใหม่ในหน้าต่าง Finder
  22. Command+Comma (,) – เปิดหน้าต่างตั้งค่าของแอพฯ ที่ใช้งานอยู่
2. คีย์ลัด macOS คุมตัวเครื่อง

giorgio trovato v bri4iVuiM unsplash

  1. กดปุ่ม Power – ถ้ากดแล้วปล่อยทันทีเป็น Wake/Sleep แบบ iPhone ถ้ากดค้าง 1.5 วินาที จะสั่งให้ MacBook เข้าโหมด Sleep ถ้ากดค้างจะสั่งปิดเครื่อง
  2. Command+Option+ปุ่ม Power – สั่งให้ MacBook ตัดเข้าโหมด Sleep
  3. Control+Shift+ปุ่ม Power – สั่งให้หน้าจอ MacBook เข้าสู่โหมด Sleep
  4. Control+ปุ่ม Power – เปิดหน้าต่างเลือกคำสั่ง Restart, Sleep, Shut Down เครื่อง
  5. Control+Command+ปุ่ม Power – บังคับ MacBook ให้ Restart เครื่องโดยไม่เซฟข้อมูลในเอกสารหรือตัวเอกสารที่เปิดอยู่
  6. Control+Command+Q – ล็อคหน้าจอ MacBook โดยทันที
  7. Shift+Command+Q – Log out จาก Account ที่ใช้ในเครื่อง MacBook นั้นๆ อยู่ ซึ่งระบบจะถามก่อนว่าผู้ใช้ยืนยันการ Log out นี้ไหม หากไม่ต้องการให้เครื่องถามเช่นนี้ ให้กด Command+Shift+Option+Q
3. คีย์ลัด macOS ใช้กับ Finder

macos big sur finder icon

  1. Command+D – ทำสำเนาไฟล์ (Duplicate) ที่เลือก
  2. Command+E – ตัดการเชื่อมต่อกับไดรฟ์หรือดิสก์ที่ต่อกับ MacBook อยู่
  3. Command+F – ใช้ Spotlight search ในหน้าต่างโปรแกรม Finder
  4. Command+I – เปิดหน้าต่าง Get Info ของไฟล์นั้นๆ เพื่อดูข้อมูลและรายละเอียด
  5. Command+N – เปิดหน้าต่าง Finder อันใหม่
  6. Shift+Command+C – เปิดหน้าต่าง Computer ใหม่ขึ้นมาใช้งาน
  7. Shift+Command+D – เปิดแฟ้ม Desktop ขึ้นมาใช้งาน
  8. Shift+Command+F – เปิดหน้าต่าง Recents เพื่อดูว่าได้เปิดหรือแก้ไขไฟล์ใดไปบ้าง
  9. Shift+Command+G – เปิดหน้าต่างไปยังโฟลเดอร์ขึ้นมา
  10. Shift+Command+H – เปิดแฟ้ม Home ของบัญชีผู้ใช้นั้นๆ ที่ใช้งานเครื่องอยู่ 
  11. Shift+Command+I – เปิด iCloud Drive 
  12. Shift+Command+K – เปิดหน้าต่าง Network 
  13. Shift+Command+N – สร้างแฟ้มใหม่ขึ้นมา
  14. Shift+Command+O – เปิดแฟ้ม Documents
  15. Shift+Command+R – แสดงหรือซ่อนหน้าต่างแสดงตัวอย่าง (Preview pane) ในหน้าต่าง Finder
  16. Shift+Command+T – แสดงหรือซ่อน Tab bar ของ Finder
  17. Shift+Command+U – เปิดแฟ้ม Utilities ขึ้นมาใช้งาน
  18. Option+Command+L – เปิดโฟลเดอร์ Downloads
  19. Command+Y – ใช้คำสั่ง Quick Look เพื่อดูตัวอย่างไฟล์ที่ต้องการ
  20. Command+1 – ดูไฟล์ต่างๆ ในหน้าต่าง Finder แบบไอคอน
  21. Command+2 – ดูไฟล์ต่างๆ ในหน้าต่าง Finder แบบเรียง List
  22. Command+3 – ดูไฟล์ต่างๆ ในหน้าต่าง Finder แบบคอลลัมน์
  23. Command+4 – ดูไฟล์ต่างๆ ในหน้าต่าง Finder แบบแกลลอรี่ภาพ
4. คีย์ลัด macOSสำหรับงานเอกสาร

ryan snaadt fuYY1F3bCiQ unsplash

  1. Command+B – ทำตัวอักษรที่เลือกให้เป็นตัวหนาหรือเปิดคำสั่งพิมพ์ตัวหนา
  2. Command+Iทำตัวอักษรที่เลือกให้เป็นตัวเอียงหรือเปิดคำสั่งพิมพ์ตัวเอียง
  3. Command+K – เพิ่มลิ้งค์เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์
  4. Command+Uขีดเส้นใต้ตัวอักษรที่เลือกหรือเปิดคำสั่งพิมพ์แล้วมีขีดเส้นใต้
  5. Command+T – แสดงหรือซ่อนหน้าต่าง Fonts
  6. Command+D – เลือกโฟลเดอร์บน Desktop จากกล่องโต้ตอบ “เปิด” หรือ “บันทึก”
  7. Control+Command+D – แสดงหรือซ่อนคำแปลของคำที่เลือกเอาไว้
  8. Shift+Command+เครื่องหมายโคลอน (:) – แสดงหน้าต่างสะกดคำและแกรมม่า
  9. Command+เครื่องหมายเซมิโคลอน (;) – ค้นหาคำที่สะกดผิดในเอกสาร
  10. Option+Delete – ลบคำที่อยู่ทางซ้ายไอคอนแสดงจุดที่กำลังพิมพ์อยู่ ( | )
  11. Control+A – ย้ายกลับไปยังจุดเริ่มต้นของบรรทัดหรือย่อหน้านั้นๆ
  12. Control+E – ย้ายไปยังจุดสิ้นสุดบรรทัดหรือย่อหน้านั้นๆ
  13. Control+F – ย้ายหนึ่งตัวอักษรไปข้างหน้า
  14. Control+B – ย้ายหนึ่งตัวอักษรไปข้างหลัง
  15. Option+Command+F – ใช้คำสั่งค้นหาในโปรแกรมเอกสาร
  16. Option+Command+T – แสดงหรือซ่อนคำสั่ง Toolbar ในแอพฯ
  17. Option+Command+C – คัดลอกการตั้ง Format ของเอกสารนั้นไปไว้ใน Clipboard
  18. Option+Command+V – นำการตั้ง Format ของเอกสารที่เซฟเอาไว้ใน Clipboard มาใช้งานกับเอกสารอีกชุดหนึ่ง
  19. Option+Shift+Command+V – Paste แล้วปรับ Format เดิมของเอกสารให้เข้ากับ Format ใหม่ที่คัดลอกมาใช้งาน
  20. Option+Command+เครื่องหมายคำถาม (?) – เปิดหน้าต่าง Help ขึ้นมาใช้งาน

ab fhmRqhD dYg unsplash

จะเห็นว่าคีย์ลัด macOS นั้นจะมีให้ใช้งานเยอะและแยกไปตามหมวดการทำงานอีกด้วย ซึ่งถ้าผู้ใช้คนไหนคิดจะเปลี่ยนหรือเปลี่ยนมาใช้ MacBook สักระยะหนึ่งแล้วอยากรู้ว่าเราควรกดคีย์ลัดมันอย่างไรดีเพื่อให้ใช้งานได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น ก็ทดลองกดตามแล้วลองเลือกใช้งานคีย์ลัดตามความถนัดของแต่ละคนได้เลย ทีนี้ก็จะทำงานได้สะดวกรวดเร็วและประหยัดเวลาอีกด้วย


บทความที่เกี่ยวข้อง

USB C cover

Share image Edit Name 3icloud 1

Share image Edit Name 3macbook 1

from:https://notebookspec.com/web/671391-72-macos-shortcut-keys

3 สเต็ปเทพดึงรูปจาก iCloud ไม่เกี่ยง Windows, Android ฉบับง่ายทำได้ด้วยตัวเอง!! อัพเดทปี 2022

ดึงรูปจาก iCloud ไม่ยากอย่างที่คิด แค่ 3 ขั้นตอนนี้ก็เอาภาพมาใช้ได้แล้ว!

Share image Edit Name 3icloud 1

คนที่เคยใช้อุปกรณ์ Apple ไม่ว่าจะ iPhone, iPad แต่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ก็มีภาพหรือคลิปที่ถ่ายเก็บเอาไว้แต่ไม่รู้ว่าจะดึงรูปจาก iCloud ได้อย่างไร และมีวิธีไหนบ้างถึงจะโหลดกลับมาใช้งานได้สะดวกๆ ไม่ต้องซื้อเสียเงินซื้อสินค้าของ Apple กลับมาเพื่อดึงภาพ, คลิป หรือโน๊ตบางอย่างออกมาใช้งานให้เปลืองเงิน ก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยระบบปฏิบัติการอื่นไม่ว่าจะ Windows, Android ก็ใช้ได้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ซึ่งทาง Apple เองก็มีเว็บไซต์ iCloud ให้อดีตผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ล็อคอินเข้ามาใช้บริการได้ด้วย ด้านรูปแบบการใช้งาน ก็แทบไม่ต่างอะไรกับการใช้งานในแอพฯ ของทาง Apple เลย

Advertisementavw

หรือถ้าใครใช้ iPhone, iPad, MacBook ควบคู่กับระบบปฏิบัติการ Windows อยู่ ก็ไม่ยุ่งยากเหมือนในอดีตอีกแล้ว นั่นเพราะทาง Apple ก็พัฒนาโปรแกรมให้ดึงภาพจาก iCloud ได้โดยตรง เพียงแค่ตั้งค่าในไม่กี่คลิ๊ก ก็พร้อมใช้งานได้ทันทีและสะดวกพอสมควร จัดว่าไม่แพ้ MacBook เลยทีเดียวและยังมีให้โหลดมาใช้งานใน Microsoft Store โดยตรงอีกด้วย

ดึงรูปจาก iCloud

3 สเต็ปเทพดึงรูปจาก iCloud ง่ายๆ ไม่ต้องเป็นอุปกรณ์ Apple ก็โหลดได้!

สำหรับวิธีการดึงรูปจาก iCloud ในตอนนี้จัดว่าง่ายมาก เพียงไม่กี่ขั้นตอนก็ได้ภาพที่เคยเซฟเก็บเอาไว้กลับมาใช้งานได้แล้ว และยังอัพโหลดภาพกลับเข้าไปเก็บใน iCloud ที่เรามีอยู่ได้อีกด้วย โดยวิธีการดึงรูปนั้นจะมี 3 วิธีหลักๆ ดังนี้

  1. โหลดจากเว็บไซต์ iCloud โดยตรงได้เลย
  2. โหลดโดยใช้แอพฯ หรือโปรแกรมของ Apple
  3. โหลดภาพจาก Shared Album ที่เพื่อนแชร์ให้ก็ได้!

1. โหลดจากเว็บไซต์ iCloud โดยตรงได้เลย

 

icloud 1

วิธีแรกที่ง่ายสุดและใช้งานได้ทุกระบบปฏิบัติการ คือ ไปโหลดภาพมาจากเว็บไซต์ iCloud โดยตรง ซึ่งขั้นตอนนี้จะทำในโน๊ตบุ๊คหรือสมาร์ทโฟนก็ได้ โดยระบบจะให้ผู้ใช้ล็อคอิน Apple ID และยืนยันตัวด้วย Two-Factor Authentication ก่อนจะปลดล็อคให้ผู้ใช้เข้าไปดึงรูปหรือเปิดโน๊ตที่บันทึกเอาไว้ได้ตามต้องการ หากผู้ใช้คนไหนย้ายมาใช้ระบบปฏิบัติการ Android แล้ว Apple จะเปลี่ยนจากการส่งคำยืนยันเป็นหน้าต่างแจ้งเตือนใน iPhone เป็น SMS ให้ผู้ใช้กรอกเพื่อล็อคอินแทน

Screenshot 2022 08 29 155602 1

เมื่อล็อคอินแล้ว ที่หน้าแรกของเว็บไซต์ iCloud จะมีแอพฯ พื้นฐานของ macOS ที่ถูกแบ็คอัพขึ้น iCloud ให้กดเปิดใช้งานแบบออนไลน์ และยังใช้โปรแกรมทำงานเอกสารของ Apple อย่าง Pages, Numbers, Keynote ได้ด้วย ส่วนการดึงภาพจาก iCloud ให้คลิกไอคอนแอพฯ รูปภาพ (Photos) เพื่อเปิดดูภาพที่ถูกแบ็คอัพเอาไว้ออกมา

Screenshot 2022 08 29 130833 1 1

 

หน้า UI แอพฯ รูปภาพบนเว็บไซต์ iCloud จะเหมือนเวอร์ชั่นแอพฯ ใน macOS สามารถดาวน์โหลด, อัพโหลด, ลบภาพที่แบ็คอัพเอาไว้ได้ตามสะดวก โดยขั้นตอนใช้งานบนเว็บไซต์ นอกจากจะแตะเลือกเพียงภาพที่ต้องการภาพเดียว, กด Ctrl ค้างแล้วคลิกเลือกหลายๆ ภาพพร้อมกัน หรือแม้แต่กด Ctrl+A เพื่อเลือกทุกภาพที่แบ็คอัพเอาไว้ก็ได้

Screenshot 2022 08 29 161618

 

เมื่อได้ภาพที่ต้องการแล้ว จะมีไอคอนให้เลือกสิ่งที่ต้องการทำกับภาพใน iCloud ของเราได้ 7 อย่างด้วยกัน โดยไล่จากซ้ายได้แก่

  1. รูปเมฆพร้อมลูกศรชี้ขึ้น – อัพโหลดภาพจากในคอมพิวเตอร์ขึ้น iCloud
  2. กรอบสี่เหลี่ยมและเครื่องหมายบวก – เพิ่มภาพที่เลือกไปยังอัลบั้มที่ต้องการ
  3. รูปหัวใจ – เลือกเป็นภาพโปรด
  4. กรอบสี่เหลี่ยมมีลูกศรชี้ขึ้น – แชร์
  5. รูปเมฆพร้อมลูกศรชี้ลง – ดาวน์โหลดรูปจาก iCloud เข้ามาในคอมของเรา
  6. รูปถังขยะ – ลบภาพที่เลือกทิ้งไป
  7. วงกลมมี 3 จุดตรงกลาง – ตั้งค่าตัวเลือกการดาวน์โหลดภาพจาก iCloud โดยเลือกได้ 2 แบบ
    1. ดาวน์โหลดต้นฉบับ – โหลดไฟล์ภาพต้นฉบับ ความละเอียดสูงสุดจาก iCloud
    2. ใช้งานร่วมกันได้ดีที่สุด – โหลดภาพที่นำไปใช้งานได้ทุกระบบปฏิบัติการ จะเป็นไฟล์นามสกุล .jpg, .HEIF, H.264, .HEVC

Screenshot 2022 08 29 13 35 52 85 40deb401b9ffe8e1df2f1cc5ba480b12 1
Screenshot 2022 08 29 13 35 56 62 40deb401b9ffe8e1df2f1cc5ba480b12 1

ถ้าใช้ผ่านเบราเซอร์ในสมาร์ทโฟน เมื่อล็อคอินเว็บไซต์ iCloud และเปิดเจอภาพที่ต้องการแล้ว ให้กดไอคอนวงกลมมี 3 จุดตรงกลางก่อน แล้วแตะคำว่า “ดาวน์โหลด” แล้วเบราเซอร์ก็จะดึงรูปจาก iCloud มาเก็บไว้ในมือถือให้ใช้งานได้แล้ว

2. โหลดโดยใช้แอพฯ หรือโปรแกรมของ Apple

Screenshot 2022 08 29 141341 1

วิธีดึงภาพจาก iCloud ถ้าเป็นระบบของ Apple เองก็ทำได้ไม่ยาก ซึ่งทาง Apple ก็แนะนำวิธีทำเอาไว้บนหน้าเว็บไซต์ของตัวเองด้วย โดยแยกตามระบบปฏิบัติการไป ได้แก่ iOS, macOS และ Windows ซึ่งขั้นตอนใช้งานไม่ซับซ้อนเลย หากแยกตามระบบปฏิบัติการจะเป็นดังนี้

ระบบปฏิบัติการ iOS, iPadOS
  1. แตะคำสั่ง Settings เลือก Apple ID ของตัวเองด้านบน
  2. แตะคำสั่ง iCloud แล้วเลือก Photos
  3. เลือก Download and Keep Originals
ระบบปฏิบัติการ macOS
  1. เปิดแอพฯ Photos
  2. เลือกคำสั่ง Photos คลิกที่ตัวเลือก Preferences 
  3. คลิกคำว่า iCloud แล้วคลิกคำสั่ง Download Originals to this Mac

pc ios 15 iphone 12 pro icloud photos hero 1

ส่วนผู้ใช้ที่ใช้โน๊ตบุ๊คหรือพีซีระบบปฏิบัติการ Windows ควบคู่กับ iOS หรือเคยใช้ก็ดึงรูปจาก iCloud กลับมาใช้งานได้โดยโปรแกรม iCloud ที่ทาง Apple ทำมาเพื่อระบบปฏิบัติการ Windows โดยเฉพาะ สามารถโหลดผ่านทาง Microsoft Store ได้เลย หากผู้ใช้คนไหนสนใจสามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่

Screenshot 2022 08 29 150846 1

icloud2 1
icloud3 1
icloud4 1
icloud5 1

วิธีใช้งานโปรแกรม iCloud ของ Windows ก็จัดว่าใช้งานได้ง่ายมาก เมื่อติดตั้งแล้วโปรแกรมจะให้กรอก Apple ID ส่วนตัวตามปกติ แล้วกด Sign In และยืนยันตัวผ่านระบบ Two-Factor Authentication ให้เรียบร้อย จากนั้นระบบจะให้ผู้ใช้ตั้งค่าว่าต้องการ Sync ข้อมูลอะไรจาก iCloud เข้ามาในพีซีบ้าง ซึ่งเลือกได้ทั้ง iCloud Drive, Photos, Contacts and Calenders, Bookmarks และ Passwords ในส่วนนี้เราสามารถเลือกเชื่อมต่อข้อมูลได้ตามต้องการแล้วค่อยกด Apply ด้านล่าง

เมื่อปล่อยให้ iCloud จัดการเชื่อมต่อข้อมูลจนขึ้นหน้าต่าง “Setup is Complete” ในภาพล่างซ้ายแล้ว ให้กด Done จากนั้นผู้ใช้ก็สามารถดึงรูปจาก iCloud ได้ตามต้องการเหมือนเป็นไดรฟ์ในคอมพิวเตอร์ของเรา ซึ่งถ้าตั้ง Sync ทุกอย่างเอาไว้ในเครื่องจะแยกเป็น 2 ไดรฟ์ด้วยกัน ได้แก่

  1. iCloud Drive – เปิดดูข้อมูลใน iCloud ทั้งหมด ได้แก่ เอกสารจากโปรแกรม Pages, Numbers, Keynote และบางรูปภาพที่ Sync เอาไว้
  2. iCloud Photos – เปิดดูและดึงรูปทั้งหมดจาก iCloud ได้ทั้งหมดเหมือนไดรฟ์หนึ่งในโน๊ตบุ๊ค ถ้าต้องการใช้งานก็ใช้คำสั่ง Copy&Paste เข้ามาในเครื่องแล้วใช้งานได้เลย

 

Screenshot 2022 08 29 13 11 16 76 40deb401b9ffe8e1df2f1cc5ba480b12 1
Screenshot 2022 08 29 13 11 27 49 40deb401b9ffe8e1df2f1cc5ba480b12 1
Screenshot 2022 08 29 13 11 34 93 b783bf344239542886fee7b48fa4b892 1
Screenshot 2022 08 29 13 32 20 66 b783bf344239542886fee7b48fa4b892

ด้านผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android หากต้องการดึงรูปจาก iCloud ผ่านเบราเซอร์โดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ URL ใหม่ตั้งแต่ต้นก็สามารถเซฟหน้าเว็บให้เป็นไอคอนแอพฯ บนจอสมาร์ทโฟนได้ด้วย โดยมีวิธีการดังนี้

  1. เปิดหน้าเว็บไซต์ iCloud (หรือเว็บไซต์ที่ต้องการก็ได้เช่นกัน)
  2. แตะเครื่องหมาย 3 จุดแนวตั้งมุมบนขวามือ เลือก “Add to Home screen”
  3. ระบบจะขึ้นหน้า Add to Home screenโชว์ไอคอนขนาด 1×1 ขึ้นมา ให้กด ADD ได้เลย
  4. เมื่อกด ADD แล้วกลับมาหน้า Home screen จะเห็นไอคอนเว็บไซต์ที่สั่งเซฟเอาไว้ เช่น iCloud อยู่บนหน้าจอและมีไอคอนรูปเบราเซอร์ Google Chrome ห้อยอยู่มุมล่างขวามือ เมื่อแตะแล้วจะโหลดเข้าหน้าเว็บไซต์ iCloud ทันที

ซึ่งขั้นตอนการเซฟหน้าเบราเซอร์ที่ต้องการให้เป็นไอคอนบน Home screen นั้นจัดว่าสะดวกรวดเร็วมาก เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องเข้าหน้าเว็บไซต์ใดเป็นประจำก็เอาวิธีนี้ไปใช้งานได้เลย ไม่ต้องพิมพ์ให้เสียเวลา

3. โหลดภาพจาก Shared Album ที่เพื่อนแชร์ให้ก็ได้!

mikayla mallek 3iT3dnmblGE unsplash 1

ส่วนวิธีดึงรูปจาก iCloud ที่เป็น Shared Albums ซึ่งเราไม่ได้เป็นเจ้าของแต่คนรู้จักแชร์มาให้กดดูได้ด้วยกัน ซึ่งวิธีดึงภาพมาใช้งานทำได้ทั้ง iOS, iPadOS, macOS รวมถึง Windows ด้วย โดยมีวิธีการแยกตามระบบปฏิบัติการดังนี้

ระบบปฏิบัติการ iOS, iPadOS
  1. เปิดแอพฯ Photos ในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต เลือกแท็บ Albums
  2. เลื่อนหน้าจอลงมาที่แถบ Shared Albums แล้วเลือกอัลบั้มที่ต้องการ
  3. เลือกภาพหรือคลิปที่ต้องการ จากนั้นกดปุ่ม Share (รูปกล่องสี่เหลี่ยมมีลูกศรชี้ขึ้น)
  4. แตะตัวเลือก Save Image หรือ Save Video เพื่อเซฟไว้ในเครื่อง
ระบบปฏิบัติการ macOS
  1. เปิดแอพฯ Photos เลือกคำสั่ง Shared Album ตรงแถบคำสั่งฝั่งซ้ายมือของหน้าต่างโปรแกรม
  2. เลือกภาพหรือวิดีโอที่ต้องการ แล้วเลือกคำสั่ง Import เพื่อเซฟเอาไว้ใน MacBook ได้เลย
ระบบปฏิบัติการ Windows
สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows 10 หรือ 11
  1. คลิก Start Menu > iCloud Shared Albums
  2. ดับเบิ้ลคลิก Shared Album ที่ต้องการเพื่อเปิดอัลบั้มนั้นๆ
  3. ดับเบิ้ลคลิกภาพหรือคลิปที่ต้องการ จากนั้น Copy ไฟล์ดังกล่าวแล้ว Paste ไว้ในโฟลเดอร์อื่นในเครื่องของเราได้เลย
สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows 7
  1. เปิดหน้าต่าง Windows Explorer แล้วสังเกตตัวเลือก iCloud Photos ที่แถบฝั่งซ้ายมือ
  2. ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ Shared folder จากนั้นดับเบิ้ลคลิ๊กอัลบั้มที่มีภาพหรือวิดีโอที่ต้องการ
  3. ดับเบิ้ลคลิกภาพหรือคลิปที่ต้องการ จากนั้น Copy ไฟล์ดังกล่าวแล้ว Paste ไว้ในโฟลเดอร์อื่นในเครื่องของเราได้เลย

andrew neel cckf4TsHAuw unsplash

จะเห็นว่าวิธีการดึงรูปจาก iCloud หรือแม้แต่ไฟล์เอกสารที่เคยเซฟเอาไว้ก็สามารถดึงกลับมาใช้งานได้โดยไม่ต้องมี iPhone, iPad หรือแม้แต่ MacBook สักชิ้นเดียวเลยก็ได้ ขอแค่รู้ว่าต้องเข้าทางไหน ทำอย่างไรก็เพียงพอแล้ว ซึ่งวิธีดึงรูปที่แนะนำไปในบทความนี้แล้ว ถ้า iCloud ของใครกำลังจะเต็มเพราะมีไฟล์ภาพเยอะเกินไปแล้วไม่อยากเสียเวลานั่งไล่ลบเองทีละภาพ ก็เปิดคอมพิวเตอร์แล้วไล่ลบภาพทิ้งไปก็ได้และสะดวกกว่ามาก

อย่างไรก็ตา ในมุมของผู้เขียนมองว่าในยุคนี้ผู้ใช้แต่ละคนสามารถเปิดใช้อินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลาและยังรับส่งไฟล์ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ผู้เขียนเห็นว่าการจ่ายซื้อพื้นที่ Cloud ส่วนตัวเอาไว้เซฟงานเก็บเอกสารต่างๆ เป็นการลงทุนที่คุ้มอย่างแน่นอน โดยเฉพาะคนที่มีไฟล์งานสำคัญอยู่ก็แนะนำให้ลงทุนซื้อเพิ่มแค่ตัวเริ่มต้นก็ได้ แล้วใช้วิธีแชร์ไฟล์ใน Cloud Drive แทน จะสะดวกกว่าใช้แฟลชไดรฟ์อย่างแน่นอน


บทความที่เกี่ยวข้อง

macbook gaming cover

Share image Edit Name 3macbook 1

USB C cover

from:https://notebookspec.com/web/663779-3-step-download-photo-from-icloud

6 แอพฯ แคปหน้าจอ Mac ใช้ได้ฟรีไม่เสียสักบาท ฟังก์ชั่นเยอะ อัพเดทปี 2022

แคปหน้าจอ Mac ทำได้ง่ายๆ จะภาพนิ่งหรือคลิปก็ได้หมด!

Share image Edit Name 3macbook 1

การแคปหน้าจอ Mac เพื่อเอาภาพไปใช้งานเป็นอีกเรื่องสำคัญซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักใช้งานกัน ไม่ว่าจะแคปหน้าจอส่งข้อมูลให้เพื่อนที่รู้จักได้รับรู้ด้วยกันหรือจะใช้เพื่อเหตุผลทางกฏหมายก็ตาม ฟังก์ชั่นนี้ก็กลายเป็นสิ่งจำเป็นของใครหลายๆ คนโดยปริยาย ซึ่งบางคนก็อาจจะกดคีย์ลัดเหล่านี้ของ MacBook จนคล่องไปแล้วก็ได้

Advertisementavw

อย่างไรก็ตาม คนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows มาก่อนแล้วย้ายมาใช้ macOS อาจจะไม่ทราบหรือหลงกดปุ่มผิดโดยเอาความเข้าใจเดิมมาปรับใช้อาจจะเกิดเป็นเรื่องปกติ แต่ระบบปฏิบัติการ macOS มีคำสั่งลัดแยกเฉพาะของตัวเอง ซึ่งกดแตกต่างจากฝั่ง Windows ไปคนละแบบ แต่ก็ใช้งานได้ไม่ยากนั่นเพราะถ้าเริ่มกดคีย์ลัด ก็จะเริ่มจากปุ่มหลักอย่างปุ่ม Command เหมือนกับปุ่ม Windows บนคีย์บอร์ดนั่นเอง

แคปหน้าจอ Mac

แคปหน้าจอ Mac แบบภาพนิ่งด้วยคีย์ลัดของ macOS

macos big sur safari screenshot window 1

คีย์ลัดสำหรับผู้ที่เปลี่ยนมาใช้ macOS หรือยังใช้งานไม่ถนัดแล้วต้องการแคปหน้าจอเอาไว้ใช้งานก็กดได้ไม่ยาก โดยหลักๆ จะต้องกด Shift+Command และตัวเลข 3~6 บนแป้นคีย์บอร์ดเพื่อเลือกรูปแบบการแคปหน้าจอที่ต้องการใช้ ซึ่งรูปแบบการทำงานจะมีดังนี้

คีย์ลัดที่กด การทำงาน
Shift+Command+เลข 3 แคปภาพทั้งหน้าจอ เหมือนกด Print Screen หรือ Windows+Print Screen
Shift+Command+เลข 4 แคปภาพเพียงบางส่วนของหน้าจอ เมื่อกดแล้วเคอร์เซอร์ของเมาส์จะกลายเป็นเครื่องหมายบวกให้ลากคลุมพื้นที่ที่ต้องการบันทึกภาพหน้าจอ
Shift+Command+เลข 4+Spacebar เลือกแคปภาพเพียงหน้าต่างหนึ่งบนหน้าจอ เมื่อกดแล้วระบบจะให้เลื่อนเคอร์เซอร์เมาส์ไปเลือกหน้าต่างที่ต้องการแคปหน้าจอ เมื่อคลิกแล้วจะแคปภาพหน้าจอนั้นเอาไว้ 
Shift+Command+เลข 4+ลากเมาส์ แคปภาพหน้าจอเฉพาะกรอบเมนูที่ต้องการ เมื่อกดแล้วให้เลื่อนเคอร์เซอร์เมาส์ไปกรอบเมนูที่ต้องการแล้วคลิกซ้าย
Shift+Command+เลข 5 เปิดคำสั่ง Screenshot แคปหน้าจอ
Shift+Command+เลข 6 แคปภาพบริเวณ Touch Bar ของ MacBook
(เฉพาะเครื่องที่มี Touch Bar)

หากใครไม่ถนัดใช้คีย์ลัดดั้งเดิมเหล่านี้เพื่อแคปภาพหน้าจอล่ะก็ ทาง Apple เองก็เปิดฟังก์ชั่นให้ผู้ใช้ตั้งค่าคีย์ลัดใหม่ให้กดได้ถนัดมือยิ่งขึ้น โดยกดไอคอน 2f77cc85238452e25cb517130188bf99 มุมบนซ้ายของหน้าจอ > System Preferenes > Keyboard > Shortcuts แล้วกดตั้งค่าคีย์ลัดได้ตามถนัดเลย ส่วนภาพแคปหน้าจอจะถูกเซฟเก็บเอาไว้บนหน้า Desktop เป็นไฟล์ .png และปัจจุบันนี้ macOS ยังแคปหน้าจอเป็นคลิปในคำสั่ง Screen Recording ได้ โดยไฟล์จะถูกเซฟเป็น .mov

อย่างไรก็ตาม ทาง Apple จะไม่ให้แคปภาพหน้าจอของแอพฯ บางประเภท เช่น ภาพจาก DVD Player คาดว่าป้องกันปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์นั่นเอง

แคปหน้าจอ Mac เป็นคลิปด้วย 6 แอพฯ น่าใช้ โหลดติดเครื่องไว้สะดวกแน่นอน

ผู้ใช้คนไหนอยากได้แอพฯ แคปจอเป็นวิดีโอเอาไว้เสริมใช้งานนอกเหนือจากฟังก์ชั่นของตัว macOS ณ ตอนนี้ก็มีแอพฯ ฟรีให้เลือกใช้งานได้ทั้งหมด 6 แอพฯ ด้วยกัน เป็นแอพฯ แบบติดตั้งไว้ในเครื่องหรือจะใช้งานออนไลน์ก็ได้เช่นกัน โดยมีแอพฯ ดังนี้

  1. QuickTime Player
  2. Open Broadcaster Software
  3. VLC Media Player
  4. Apowersoft Online Screen Recorder
  5. Digiarty Screen Recorder
  6. TechSmith Capture

1. QuickTime Player

09f1e8b942a0453fbe7c3b6b2371c6c5

QuickTime Player เป็นโปรแกรมแคปหน้าจอ Mac เป็นคลิปวิดีโอซึ่งอยู่กับระบบปฏิบัติการ macOS มาอย่างยาวนานและมีติดตั้งมาให้ในเครื่องตั้งแต่เริ่มต้นใช้งานเลย ส่วนวิธีบันทึกหน้าจอเป็นคลิปก็ใช้งานได้ง่ายมาก เมื่อเปิดแอพฯ แล้วก็เลือกที่ File > New Screen Recording ก็จะมีหน้าต่างบันทึกหน้าจอให้เลือกอัดหน้าจอได้ ว่าต้องการอัดคลิปเฉพาะพื้นที่ที่กำหนดหรืออัดทั้งหน้าจอก็ได้ ยิ่งถ้าใครใช้ iPhone, iPad ร่วมกับ MacBook ด้วย ก็ใช้กล้องของอุปกรณ์นั้นบันทึกคลิปแล้วเอามาเซฟไว้ใน MacBook ต่อเลยก็ได้ แล้วใช้ QuickTime Player ตัดต่อคลิปต่อจนเสร็จก็ได้เช่นกัน

2. Open Broadcaster Software

OBSDemoApp2610

Open Broadcaster Software หรือ OBS ที่สตรีมเมอร์รู้จักกันดีและนิยมโหลดมาใช้งานก็รองรับระบบปฏิบัติการ macOS เช่นกัน ซึ่งข้อดีของโปรแกรมนี้ คือเป็นโปรแกรมฟรีไม่กินทรัพยากรเครื่องมากเกินไป มีฟังก์ชั่นปรับแต่งการทำงานได้หลากหลายทั้งเลือกพื้นที่แคปหน้าจอหรือแคปทั้งหน้าจอก็ได้ เมื่อได้หน้าจอที่ต้องการก็กด Start Recording ได้ทันที ตั้งค่า Output ได้ว่าต้องการให้เซฟวิดีโอเป็นไฟล์เป็นนามสกุลใด และยังนำไปใช้สตรีมมิ่งได้ด้วย ขอแค่ MacBook เครื่องนั้นๆ ติดตั้ง macOS 10.13 ขึ้นไปก็โหลดมาใช้งานได้เลย หากใครจะใช้ MacBook มาไลฟ์สตรีมด้วยก็น่าโหลดโปรแกรมนี้มาใช้มาก

3. VLC Media Player

playback medium

VLC Media Player เป็นโปรแกรมฟรีสำหรับแคปหน้าจอ Mac ได้ง่ายๆ และข้อดีคือโปรแกรมนี้ใช้งานได้ฟรีไม่ต้องเสียเงินและโปรแกรมก็ไม่กินทรัพยากรเครื่องมาก เปิดโปรแกรมขึ้นมาใช้งานได้สบายๆ รองรับ codec ยอดนิยมของวิดีโอต่างๆ ได้ ใช้งานได้หลากหลายระบบปฏิบัติการ ทั้ง Windows, macOS, Linux, iOS, Android ก็ใช้งานได้หมด รวมทั้งมีฟีเจอร์เสริมต่างๆ ทั้งปรับ EQ หรือจะเปิด Subtitle ตอนดูหนังก็ได้เช่นกัน ส่วนวิธีการอัดคลิปจอ MacBook ก็ทำได้ง่ายๆ โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. เปิดหน้าโปรแกรม กดที่คำสั่ง View > Advanced Controls
  2. กด Ctrl+C หรือเลือกที่ Media แล้วเลือก Open Capture Device
  3. ตั้งค่า Capture Device เป็น Desktop
  4. เลือก Convert / Save แล้วกด Save เมื่อกด Start จะเริ่มอัดหน้าจอทันที

จัดเป็นโปรแกรมน่าใช้ที่เอาไว้ดูคลิปก็ได้หรือจะอัดหน้าจอก็ดีเช่นกัน ถ้าใครต้องการโหลดมาใช้งานก็คลิกที่นี่แล้วโหลดมาใช้งานได้เลย

4. Apowersoft Online Screen Recorder

online

หากไม่อยากโหลดโปรแกรมแคปหน้าจอ Mac มาติดตั้งไว้ในเครื่อง ก็มีโปรแกรม Apowersoft Online Screen Recorder ให้ใช้งานได้เช่นกัน ซึ่งใช้ได้ง่ายมากและอัดได้แบบไม่จำกัดอีกด้วย แค่กดปุ่ม Start Recording หน้าเว็บไซต์ จากนั้นเลือกหน้าจอที่ต้องการบันทึกเป็นคลิปแล้วกด Share ตัว Apowersoft จะเริ่มบันทึกหน้าจอทันที เมื่อพอใจแล้วก็สั่ง Save คลิปดังกล่าวเก็บเอาไว้ใน MacBook หรือจะเลือกอัพโหลดขึ้น Cloud ก็ได้ จัดว่าใช้งานได้ง่ายมาก หรือจะโหลดแอพฯ มาติดตั้งเอาไว้ใน MacBook ของเราก็ได้เช่นกัน ถ้าใครต้องการทดลองใช้งานสามารถคลิกใช้งานได้ที่นี่

5. Digiarty Screen Recorder

m2 pic 1

Digiarty Screen Recorder นี้ก็เป็นโปรแกรมแคปหน้าจอ Mac ที่น่าใช้ และทางผู้ผลิตก็พัฒนาให้ใช้งานกับ MacBook ชิป Apple M1 ได้แล้วด้วย โดยแอพฯ นี้ นอกจากแคปหน้าจอ Mac ได้แล้ว ยังดึงภาพจากกล้อง Webcam มาคู่กันได้, มีฟังก์ชั่น PiP และเลือกพื้นที่ที่ต้องการแคปได้ง่ายๆ รองรับทั้ง macOS, iOS ครบถ้วน รวมทั้งมีฟีเจอร์พิเศษเสริมสำหรับผู้ที่สอนออนไลน์ โดยเปิด Paint Tool ขึ้นมาเพื่อวาดและจดสิ่งที่ต้องการเน้นได้แบบง่ายๆ และเซฟไฟล์ออกมาเป็น MP4 ให้เอาไปใช้งานต่อได้อีกด้วย ซึ่งถ้าใครต้องการทดลองใช้งานก็กดดาวน์โหลดได้ที่นี่

6. TechSmith Capture

Screenshot 2022 08 19 093244

TechSmith Capture เป็นแอพฯ ที่เปลี่ยนชื่อจากแอพฯ ชื่อ Jing ซึ่งผู้ใช้บางคนอาจเคยโหลดมาใช้งานกันก่อนหน้านี้แล้ว โดยโปรแกรมนี้โหลดมาใช้งานได้ฟรีและเซฟเป็นไฟล์ .MP4 ให้เอาไปใช้งานต่อได้ง่ายๆ สามารถตั้งค่าแคปได้ว่าจะบันทึกทั้งหน้าจอหรือจะเลือกเป็นพื้นที่บางส่วนบนหน้าจอก็ได้ โดยแอพฯ นี้เป็นทีมพัฒนาเดียวกับโปรแกรม Snagit และ Camtasia ซึ่งต้องจ่ายเงินเพื่อใช้งานนั่นเอง ถ้าใครต้องการทดลองใช้โปรแกรมนี้ก็คลิกดาวน์โหลดที่นี่ได้เลย

mohammadreza alidoost NkofDppdCQw unsplash 1

จะเห็นว่าวิธีแคปภาพหน้าจอ Mac นั้นง่ายดายมาก จะใช้แอพฯ หรือฟังก์ชั่นติด macOS หรือจะโหลดโปรแกรมเสริมมาติดตั้งเพื่อใช้งานก็ได้ ซึ่งแอพฯ ที่เลือกมาจะเน้นให้เป็นโปรแกรมฟรีเป็นหลัก ซึ่งถ้ารวมโปรแกรมที่ต้องจ่ายเงินซื้อก็จะมีเยอะกว่านี้และมีฟีเจอร์เสริมอื่นๆ อีกหลายอย่างด้วย ทว่าส่วนตัวผู้เขียนเองก็คิดว่าโปรแกรมฟรีที่ยกตัวอย่างมาก็มีฟีเจอร์ค่อนข้างครบเครื่องแล้ว โดยเฉพาะใครที่เน้นแคปหน้าจอเป็นคลิปสอนการใช้งานคอมพิวเตอร์ต่างๆ เท่านี้ก็เพียงพออย่างแน่นอน


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 2laptop7 1

macbook reset cover

macbook gaming cover

from:https://notebookspec.com/web/662042-6-capture-mac-screen-pic-and-clip

7 โน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี ใครอยากได้โน๊ตบุ๊คใหม่ต้องดู! ตอบโจทย์คนทำงานและเกมเมอร์ชัวร์!

ไม่ต้องสงสัยว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี บทความนี้คัดมาให้แล้ว!

Share image Edit Name 2laptop7 1

เชื่อว่าผู้ใช้หลายคนก็อยากรู้ว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดีมาใช้งาน ยิ่งถ้าใครไม่ได้ติดตามเรื่องของโน๊ตบุ๊คอย่างต่อเนื่องแล้วเดินเข้าร้านขายคอมพิวเตอร์แล้วเจอโน๊ตบุ๊คหลากรุ่นหลายแบรนด์ก็ต้องมีตาลายเลือกไม่ถูกกันบ้างแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะตัวแทนขายของแต่ละแบรนด์ก็จะเอารุ่นเด่นสเปคดีที่ตัวเองอยากขายมาตั้งโชว์กันอย่างเต็มที่ แต่จะตอบโจทย์การใช้งานของเราหรือไม่ ก็ต้องแยกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

Advertisementavw

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านบางคนอาจจะไม่สะดวกนั่งอ่านนั่งหาข้อมูลโน๊ตบุ๊คแต่ละรุ่น หรือหาแล้วอาจจะยิ่งสงสัยเพราะแต่ละแบรนด์ก็มีรุ่นย่อยเยอะไปหมดจนเลือกซื้อไม่ถูกก็เป็นได้ ดังนั้นผู้เขียนจึงเลือกโน๊ตบุ๊ครุ่นน่าซื้อในช่วงปลายปี 2022 มาแนะนำเป็นแนวทางเลือกซื้อ จะได้หารุ่นที่ถูกใจมาใช้งานได้ในราคาที่คุ้มที่สุด

โน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี

สเปคโดยสรุปของโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดีทั้ง 7 รุ่น 

สเปคของโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี CPU, GPU SSD, RAM, Software หน้าจอ,
น้ำหนัก
การเชื่อมต่อ ราคา
(บาท)
Acer Aspire 3 A315-59-31F5 Intel Core
i3-1215U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

4GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.77 กก.

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

17,900
Macbook Air M1 Apple M1

CPU 8 คอร์

GPU 7 คอร์

M.2 NVMe
256GB

Unified Memory 8GB

macOS Monterey

13.3″ QHD
(2560×1440)
IPS

1.29 กก.

Thunderbolt 4 x 2

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.0

32,900
ASUS ZenBook 14 OLED UM3402YA AMD Ryzen 5 5625U

AMD Radeon Graphics แบบ 7 คอร์

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR4x
4266MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ 2.8K HDR OLED

Refresh Rate 90Hz

1.39 กก.

USB-C 3.2 Gen 2 x 2

USB-A 3.2 Gen 2 x 1

HDMI 2.0b x 1

MicroSD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

34,990
Fujitsu Ultralight CH-X Intel Core
i5-1135G7

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR4x
4266MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

13.3″ FHD IPS

749 กรัม

USB-A 3.1 x 2

USB-C 3.1 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.0

35,990
Colorful X15 Intel Core
i5-12500H

NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

1.9 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 2

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

29,980
MSI Alpha 15 B5EEK-094TH AMD Ryzen 7 5800H

AMD Radeon RX 6600M

M.2 NVMe
1TB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

2.35 กก.

 USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

33,990
Gigabyte Aorus 15 XE5 Intel Core
i7-12700H

NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti 

M.2 NVMe
1TB

16GB DDR5
4800MHz

Windows 11 Home

15.6″ QHD IPS

Refresh Rate 165Hz

2.4 กก.

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 2

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

69,990

ซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี? เลือก 7 รุ่นนี้สิ ดีแน่นอน

สำหรับผู้ที่สงสัยว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี? ในบทความนี้ผู้เขียนได้เลือกโน๊ตบุ๊ครุ่นน่าสนใจมาแนะนำทั้งหมด 7 รุ่น ซึ่งคละกันทั้งรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานหรือเปิดตัวมาระยะหนึ่งแล้วแต่ก็ยังน่าใช้อยู่ ซื้อไปก็ใช้ก็คุ้มค่าอย่างแน่นอน โดยมีโน๊ตบุ๊ครุ่นแนะนำดังนี้

  1. Acer Aspire 3 A315-59-31F5 – ราคาเป็นมิตรอัพเกรดสะดวก (17,900 บาท)
  2. Macbook Air M1 – ดีรอบด้านและยังน่าใช้ (32,900 บาท)
  3. ASUS ZenBook 14 OLED UM3402YA – ฟีเจอร์ครบเครื่องและคุ้มค่า (34,990 บาท)
  4. Fujitsu Ultralight CH-X – เบาที่สุดในโลกและสเปคยังไม่ตกยุค (35,990 บาท)
  5. Colorful X15 – เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ถูกที่สุด (29,980 บาท)
  6. MSI Alpha 15 B5EEK-094TH – แรงเหลือๆ เอาใจสาย AMD (33,990 บาท)
  7. Gigabyte Aorus 15 XE5 – เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแรงไม่ง้อพีซี ราคาเป็นมิตร (69,990 บาท)
1. Acer Aspire 3 A315-59-31F5 – ราคาเป็นมิตรอัพเกรดสะดวก (17,900 บาท) 

aspire3

ถ้าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดีแล้วอยากได้ความคุ้มค่าล่ะก็ Acer Aspire 3 A315-59-31F5 นี้ถือว่าตอบโจทย์เพราะนอกจากจะอัพเกรดเพิ่ม RAM, SSD ได้แล้ว ยังราคาไม่แพงมาก ไม่เกิน 20,000 บาทเท่านั้น หากผู้ใช้คนไหนสนใจรายละเอียดเกี่ยวกับโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ก็สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

สำหรับ Acer Aspire 3 รุ่นใหม่จะมีรุ่นติดตั้งซีพียู Intel Core i5 ขึ้นไปและมีการ์ดจอแยกให้เลือกด้วย แต่ถ้าใครทำงานเอกสารและเปิดเบราเซอร์เป็นส่วนใหญ่ก็ซื้อสเปคเริ่มต้นเครื่องนี้ได้ โดยรุ่นนี้ติดตั้ง Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz กับการ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics มาให้ หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาพร้อมแรม 4GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 ได้และหนักเพียง 1.77 กิโลกรัมเท่านั้น จัดว่าราคาไม่แพงมากและตอบโจทย์ทั้งพนักงานออฟฟิศและนักเรียนนักศึกษาอย่างแน่นอน

สเปคของ Acer Aspire 3 A315-59-31F5
  • CPU : Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.77 กิโลกรัม
  • Price : 17,900 บาท (Advice)
2. Macbook Air M1 – ดีรอบด้านและยังน่าใช้ (32,900 บาท)

airm1

แม้ Apple จะเปิดตัว MacBook Air รุ่นใหม่ชิป Apple M2 ออกมาแล้วก็ตาม แต่ถ้าถามว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี Macbook Air M1 รุ่นเริ่มต้นก็ยังน่าใช้ เพราะของชิป Apple M1 ก็ยังทำงานได้ไหลลื่นดีมาก โดยเฉพาะผู้ใช้ที่เน้นใช้งานเอกสาร, เปิดเว็บเบราเซอร์ไปจนโปรแกรมอย่าง Photoshop และ Lightroom ก็ยังรับไหวอยู่

สเปคของรุ่นเริ่มต้นเป็นชิป Apple M1 แบบซีพียู 8 คอร์ และจีพียูอีก 7 คอร์ มีหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1600) พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง macOS Monterey มาให้พร้อมแรมแบบ Unified Memory อีก 8GB ด้วยกัน ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อมี Thunderbolt 4 x 2, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0 ได้และเบาเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น เรียกว่าแม้จะเก่าตกรุ่นไปบ้างแต่ก็ยังน่าใช้อยู่หากถามว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี

สเปคของ Macbook Air M1
  • CPU : Apple M1 แบบ 8 คอร์
  • GPU : จีพียู Apple M1 แบบ 7 คอร์ 
  • SSD : M.2 NVMe ความจุ 256GB
  • RAM : Unified Memory 8GB
  • Display : 13.3 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1600) พาเนล IPS
  • Ports : Thunderbolt 4 x 2, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : FaceTime Camera 720p HD
  • Software : macOS Monterey
  • Weight : 1.29 กิโลกรัม
  • Price : 32,900 บาท (ราคากลาง)
3. ASUS ZenBook 14 OLED UM3402YA – ฟีเจอร์ครบเครื่องและคุ้มค่า (34,990 บาท)

zenbook

ในโจทย์โน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดีก็มีโน๊ตบุ๊คซีพียู AMD Ryzen น่าใช้อย่าง ASUS ZenBook 14 OLED UM3402YA เป็นตัวเลือกที่ดีและน่าใช้มาก โดยทาง ASUS เองก็ใส่ฟีเจอร์ดีๆ มาแบบจัดเต็มไม่ว่าจะทัชแพดแบบพิเศษ ASUS NumberPad, ดีไซน์ปุ่มคีย์บอร์ดแบบ Dished Keycaps และยังติดตั้งหน้าจอ OLED คุณภาพสูงมาให้อีกด้วย ซึ่งผู้สนใจสามารถอ่านรีวิวรุ่นใกล้เคียงที่เป็นสเปค Intel ได้ที่นี่

ด้านสเปคติดตั้งซีพียู AMD Ryzen 5 5625U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.3-4.3GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon Graphics แบบ 7 คอร์มาให้ ส่วนหน้าจอมีขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K HDR พาเนล OLED ค่า Refresh Rate 90Hz กับ M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาพร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องซื้อซอฟท์แวร์เพิ่มและแรมอีก 16GB LPDDR4x บัส 4266MHz ส่วนพอร์ตมี USB-C 3.2 Gen 2 x 2 รองรับการต่อหน้าจอแยก DisplayPort และชาร์จแบตเตอรี่ Power Delivery, USB-A 3.2 Gen 2 x 1, HDMI 2.0b x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1 และเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 และน้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 1.39 กิโลกรัมเท่านั้น นับเป็นโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดีที่ติดตั้งซีพียู AMD ประสิทธิภาพดีและประหยัดพลังงานมาให้ใช้และได้ฟีเจอร์มาครบเครื่องมาก

สเปคของ ASUS ZenBook 14 OLED UM3402YA
  • CPU : AMD Ryzen 5 5625U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.3-4.3GHz
  • GPU : AMD Radeon Graphics แบบ 7 คอร์
  • SSD : M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB LPDDR4x บัส 4266MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K HDR พาเนล OLED ค่า Refresh Rate 90Hz
  • Ports : USB-C 3.2 Gen 2 x 2 รองรับ DisplayPort/PD, USB-A 3.2 Gen 2 x 1, HDMI 2.0b x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.39 กิโลกรัม
  • Price : 34,990 บาท (Advice)
4. Fujitsu Ultralight CH-X – เบาที่สุดในโลกและสเปคยังไม่ตกยุค (35,990 บาท) 

fujitsu

รุ่นถัดมาในโจทย์ว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี ผู้เขียนแนะนำเป็น Fujitsu Ultralight CH-X ที่แม้จะวางขายมาระยะหนึ่งแล้ว แต่สเปคโดยรวมก็ยังทำงานได้เป็นอย่างดีและติดตั้งซอฟท์แวร์มาให้ครบเครื่องพร้อมใช้งานไม่พอ ตัวเครื่องยังเบาพกง่ายหนักไม่เกินกิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งถ้าใครสนใจสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

สเปคของ Fujitsu Ultralight รุ่นที่เลือกมาแนะนำติดตั้งซีพียู Intel 11th Gen อย่าง Intel Core i5-1135G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4-4.2GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics หน้าจอมีขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้พร้อมใช้งาน มีแรม 16GB LPDDR4x บัส 4266MHz ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อมี USB-A 3.1 x 2, USB-C 3.1 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0 และตัวเครื่องเบาเพียง 749 กรัมเท่านั้น หากใครชื่นชอบโน๊ตบุ๊คน้ำหนักเบาพกสบายก็ควรซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เลย 

สเปคของ Fujitsu Ultralight CH-X
  • CPU : Intel Core i5-1135G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4-4.2GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB LPDDR4x บัส 4266MHz
  • Display : 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.1 x 2, USB-C 3.1 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 749 กิโลกรัม
  • Price : 35,990 บาท (ราคากลาง)
5. Colorful X15 – เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ถูกที่สุด (29,980 บาท) 

colorful

ด้านเกมเมอร์ที่คิดอยู่ว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี นาทีนี้ Colorful X15 ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้จัดว่าน่าสนใจมาก เพราะได้สเปคแรงคุ้มค่าด้วยซีพียู Intel 12th Gen จับคู่การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX แล้วราคายังไม่เกิน 30,000 บาทเสียด้วยซ้ำ

สเปคของ Colorful X15 รุ่นแนะนำติดตั้งซีพียู Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.3-4.5GHz จับคู่การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6 มาให้ ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับแรมอีก 16GB DDR4 บัส 3200MHz เรียกว่าครบเครื่องพร้อมเล่นเกมและทำงานได้อย่างแน่นอน ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อมี USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ส่วนน้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 1.9 กิโลกรัม ถ้าใครคิดว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี ก็แนะนำให้ดู Colorful X15 เครื่องนี้เอาไว้เผื่อใช้ได้เลย

สเปคของ Colorful X15
  • CPU : Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.3-4.5GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6
  • SSD : M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.9 กิโลกรัม
  • Price : 29,980 บาท (ราคากลาง)
6. MSI Alpha 15 B5EEK-094TH – แรงเหลือๆ เอาใจสาย AMD (33,990 บาท)

msialpha

MSI Alpha 15 B5EEK-094TH เครื่องนี้ก็เป็นรุ่นน่าสนใจในโจทย์โน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดีเช่นกันและราคาไม่แพงเกินไปแต่สเปคคุ้มค่า เป็นโน๊ตบุ๊คแบบ AMD Advantage ใช้ซีพียูและการ์ดจอแยก AMD ทั้งหมด และทางผู้ผลิตก็จัดสเปคมาดีไม่แพ้เกมมิ่งเครื่องอื่นอย่างแน่นอน

ซีพียูในเครื่องติดตั้ง AMD Ryzen 7 5800H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2-4.4GHz กับการ์ดจอแยก AMD Radeon RX 6600M แรม 8GB GDDR6 มาให้ ซึ่งประสิทธิภาพจัดว่าสูสีกับ NVIDIA GeForce RTX 3060 ทีเดียว ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home มาพร้อมใช้งานกับแรมอีก 16GB DDR4 บัส 3200MHz ติดตั้งพอร์ต USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ได้ มีน้ำหนัก 2.35 กิโลกรัม ดังนั้นถ้าใครคิดว่าจะหาเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดีสักรุ่นล่ะก็ รุ่นนี้ก็จัดว่าน่าสนใจทีเดียว

สเปคของ MSI Alpha 15 B5EEK-094TH
  • CPU : AMD Ryzen 7 5800H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2-4.4GHz
  • GPU : AMD Radeon RX 6600M แรม 8GB GDDR6
  • SSD : M.2 NVMe ความจุ 1TB
  • RAM : 16GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.35 กิโลกรัม
  • Price : 33,990 บาท (ราคากลาง)
7. Gigabyte Aorus 15 XE5 – เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแรงไม่ง้อพีซี ราคาเป็นมิตร (69,990 บาท) 

aorus

โน๊ตบุ๊ครุ่นสุดท้ายในโจทย์ว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี ยกให้ Gigabyte Aorus 15 XE5 เป็นรุ่นดีแนะนำให้ซื้อด้วยสเปคที่แรงระดับ Desktop Replacement แรงจนแทนที่เกมมิ่งพีซีได้ มีกล้อง IR Camera สแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องให้ใช้งานได้ทันทีอีกด้วย จัดว่าน่าใช้มาก

ซีพียูใน Gigabyte Aorus 15 XE5 ติดตั้ง Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz มากับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti แรม 8GB GDDR6 หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz ติดตั้ง M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB กับ Windows 11 Home มาให้ มีแรม 16GB DDR5 บัส 4800MHz พอร์ตเชื่อมต่อมี USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ส่วนตัวเครื่องหนัก 2.4 กิโลกรัม ซึ่งตัวเครื่องถือว่าหนักระดับหนึ่งแต่ก็แรงจัดจ้านไม่ต้องประกอบเกมมิ่งพีซีก็ได้ ซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เครื่องเดียวก็โอเคแล้ว

สเปคของ Gigabyte Aorus 15 XE5
  • CPU : Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti แรม 8GB GDDR6
  • SSD : M.2 NVMe ความจุ 1TB
  • RAM : 16GB DDR5 บัส 4800MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz
  • Ports : USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p IR HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.4 กิโลกรัม
  • Price : 69,990 บาท (ราคากลาง)

student g82c6e52f3 1280

จะเห็นว่าในช่วงปี 2022 นี้ถ้าถามหาว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี ก็จะมีทั้งรุ่นเก่าน่าใช้คละกับรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาแล้วสเปคคุ้มค่าน่าซื้อผสมกัน ซึ่งทั้ง 7 รุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำก็เป็นส่วนหนึ่งของรุ่นน่าซื้อในตอนนี้ และผู้ใช้บางคนอาจจะมีตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจนอกเหนือจากที่แนะนำก็เป็นไปได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม วิธีการที่ดีสุดเมื่อสงสัยว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 รุ่นไหนดี ให้เริ่มดูจากโจทย์การใช้งานของแต่ละคนก่อนว่าอยากได้โน๊ตบุ๊คแบบไหน อยากได้โน๊ตบุ๊คทำงานหรือเล่นเกมแล้วค่อยดูว่างบประมาณที่พร้อมจ่ายซื้อเครื่องมีอยู่เท่าไหร่ ถ้าตอบโจทย์สองข้อนี้ได้ก็สามารถเลือกโน๊ตบุ๊คได้ระดับหนึ่งแล้ว และจะไปลงรายละเอียดว่าอยากได้ซีพียูรุ่นไหน ชอบแบรนด์ใดทีหลังก็ค่อยว่ากัน


บทความที่เกี่ยวข้อง

rogstrixscar17se cover

Share image Edit Name 1helios300 1

swift3 cover

from:https://notebookspec.com/web/660085-7-recommended-laptop-in-2022