เจ้าของ Mac ที่ไม่ได้เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการ macOS High Sierra มาใช้งานได้แล้ว แต่เป็นเวอร์ชั่น Public Beta ซึ่งยังไม่มีความเสถียร สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโปรแกรม Beta จะสามารถอัพเดทซอฟต์แวร์ได้จากกลไกของ Mac App Store
ก่อนอัพเดทมาใช้ macOS High Sierra เวอร์ชั่น Beta ควรทำการสำรองข้อมูลให้เรียบร้อย และควรจำไว้ด้วยว่าเวอร์ชั่น Beta ยังไม่มีความเสถียร ผู้ใช้งานจะพบกับข้อผิดพลาดและปัญหามากมาย ถ้าเป็นไปได้ ควรทดลองใช้กับอุปกรณ์ที่เป็นเครื่องสำรอง
macOS High Sierra มาพร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น Apple File System (APFS) เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ความปลอดภัย และความเสถียรของข้อมูลที่ดียิ่งขึ้น, มาตรฐาน HEVC (H.265) ยกระดับคุณภาพการสตรีมและเล่นไฟล์วิดีโอ 4K ให้เหนือชั้น และยังทำให้ไฟล์มีขนาดเล็กลง, Metal 2 มาพร้อม API ที่ดียิ่งขึ้นและประสิทธิภาพการทำงานที่สูงกว่าเดิม และรองรับการสร้างคอนเทนต์ VR เป็นครั้งแรก (อ่านคุณสมบัติเพิ่มเติมได้ที่นี่)
ทั้งนี้ macOS High Sierra เวอร์ชั่นสมบูรณ์จะปล่อยออกมาให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้อัพเดทในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ (เดือนกันยายน – พฤศจิกายน)
Windows Defender ATP เป็นบริการความปลอดภัยของไมโครซอฟท์ที่รันอยู่บนคลาวด์ (เป็นบริการแบบคิดเงินสำหรับลูกค้าองค์กร) ที่ประกอบด้วยบริการย่อยหลายตัว เดิมที Windows Defender ATP แยกจาก Windows 10 อย่างชัดเจน แต่ไมโครซอฟท์จะเริ่มผนวกมันเข้ามาใน Fall Creators Update
ฟีเจอร์ทั้งหมดจะมีคำว่า Windows Defender นำหน้าในฐานะแบรนด์ด้านความปลอดภัยของไมโครซอฟท์ นั่นแปลว่า Windows Defender ไม่ได้หมายถึงแอนตี้ไวรัสเพียงอย่างเดียวอีกแล้ว
Windows Defender Exploit Guard
เดิมทีไมโครซอฟท์มีเครื่องมือบรรเทาการโจมตีผ่านช่องโหว่ของ Windows ชื่อว่า Enhanced Mitigation Experience Toolkit (EMET) ที่ใช้กันมาหลายยุคสมัย
EMET กำลังจะถูกยกเลิกไป และมันจะกลายมาเป็นฟีเจอร์หนึ่งของ Windows 10 ในชื่อว่า Windows Defender Exploit Guard
หน้าที่ของมันจะช่วยให้ช่องโหว่ที่ยังไม่ถูกแพตช์ มีความยากในการโจมตีมากขึ้น และไมโครซอฟท์ยังนำข้อมูลจาก Microsoft Intelligent Security Graph (ISG) ช่วยให้ตัว Exploit Guard ป้องกันการบุกรุกผ่านช่องโหว่แบบ zero day ได้ดีขึ้นด้วย
เร้ดแฮทเชื่อว่าระบบอัตโนมัติเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ ที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยและก้าวสู่ระบบดิจิทัล และการจะทำเช่นนั้นได้บนสภาพแวดล้อมที่ไม่หยุดนิ่ง จำเป็นต้องใช้โซลูชั่นในการบริหารจัดการแบบใหม่ที่มีความเร็วมากขึ้น สเกลได้ตามต้องการ และทำงานอย่างเสถียรได้ทั่วทั้งสภาพแวดล้อมไอทีขององค์กร องค์กรทั่วโลกต่างใช้ Ansible เป็นมาตรฐานการทำงานแบบอัตโนมัติเพิ่มมากขึ้น เร้ดแฮทนำเสนอเทคโนโลยีอัตโนมัติเชิงกลยุทธ์แก่องค์กรต่างๆ ผ่านการนำระบบอัตโนมัติ Ansible ไปใช้กับผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นอื่นๆ ของเร้ดแฮท เช่น Red Hat Enterprise Linux, Red Hat OpenStack Platform, Red Hat OpenShift, Red Hat Storage และระบบบริหารจัดการต่างๆ ของ Ansible
เร้ดแฮทวางแผนที่จะนำ Ansible ไปใช้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นอื่นๆ ของเร้ดแฮทอีกมาก เพื่อช่วยให้ไอทีขององค์กรเป็นระบบอัตโนมัติและใช้งานง่ายในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ นอกจากนี้จะมีการอบรม Red Hat Training for Ansible รวมถึง Red Hat Certificate of Expertise in Ansible Automation ให้แก่ลูกค้าทั่วโลก และมีผู้สนใจในเรื่องเหล่านี้มากขึ้นแล้ว ปัจจุบันมีผู้ได้รับ Red Hat Certified Professionals in Ansible Automaion ในกว่า 40 ประเทศ ทั้งนี้ Red Hat Consulting กำลังทำงานกับลูกค้าเพื่อช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในการนำระบบอัตโนมัติ Ansible เพื่อสร้างระบบการทำงานแบบอัตโนมัติที่รวมศูนย์ให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับการทำธุรกิจ และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและราบรื่นให้กับการทำงานร่วมกันระหว่างทีมพัฒนาและทีมผู้ดูแลระบบ (DevOps)
Microsoft ประกาศ เตรียมเสริมฟีเจอร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยบน Windows Defender โดยใช้ AI และ Machine Learning เข้ามาช่วยใน Windows 10 Creators Update (หรือที่รู้จักในนาม RedStone 3) ที่กำลังจะเปิดให้อัปเดตในช่วงเดือนประมาณเดือนกันยายนหรือเดือนตุลาคมนี้
รองรับการต่อยอดในอนาคตได้ด้วยการเชื่อมต่อกับ Microsoft Office 365 และ Microsoft Dynamics 365
ถือเป็นอีกจุดแข็งของ Microsoft Azure เลยก็ว่าได้ที่สามารถทำการเชื่อมต่อกับบริการของ Microsoft Office 365 ในฐานะของ User Interface ที่คนทั่วโลกต่างก็คุ้นชินกันอยู่แล้ว และ Microsoft Dynamics 365 ระบบ ERP ที่รองรับองค์กรได้ทุกขนาด ทำให้บริการต่างๆ ที่อยู่บน Microsoft Azure สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Business Application ที่มีผู้ใช้งานหลายสิบล้านคนทั่วโลกนี้ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจจริงได้ด้วยความเป็นไปได้ที่กว้างขวางกว่าใคร
ติดต่อกับทีมงาน Microsoft ในประเทศไทย เพื่อเรียนรู้รายละเอียดเพิ่มเติมได้ทันที
สำหรับองค์กรที่สนใจจะเริ่มต้นย้าย Application สำคัญของธุรกิจขึ้นไปยังบน Cloud ทางทีมงาน Microsoft พร้อมจะช่วยเหลือ, ให้คำปรึกษา, ช่วยทำการทดสอบ และร่วมออกแบบระบบเพื่อให้ Application ของคุณได้ใช้งานเครื่องมือต่างๆ บน Microsoft Azure ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และทำให้ทีม Developer สามารถเริ่มต้นเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องลองผิดลองถูกเอง โดยสามารถติดต่อและพูดคุยกับทีมงาน Microsoft ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/azurethailand/ ทันทีครับ
ทั้งนี้ทาง Microsoft ในประเทศไทยเองก็มีจัด Azure Developer Camp อัปเดตความรู้ให้กับลูกค้าและพาร์ทเนอร์อยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญช่วยสนับสนุนการใช้งาน เปิดรับ ISV ที่ต้องการช่วยลูกค้าทำ Digital Transformation ได้ในไทย อีกทั้ง Microsoft เองก็ยังมีโครงการ Microsoft BizSpark ช่วยผลักดันธุรกิจ Startup ให้เติบโตได้ด้วยความช่วยเหลือและทรัพยากรต่างๆ จาก Microsoft ดังนั้นหากใครสนใจที่จะทำธุรกิจร่วมกับ Microsoft และเติบโตไปพร้อมๆ กัน ก็สามารถติดต่อทีมงาน Microsoft ไปได้เลยครับ