ทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะมาแนะนำในบทความนี้ เชื่อว่าผู้ใช […] More
from:https://www.iphonemod.net/how-to-select-many-images-drag-and-drop-to-other-app-iphone.html
ทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะมาแนะนำในบทความนี้ เชื่อว่าผู้ใช […] More
from:https://www.iphonemod.net/how-to-select-many-images-drag-and-drop-to-other-app-iphone.html
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข่าวลือแอปเปิลล่าสุดในจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On คราวนี้ว่าด้วยการไอเดียซอยรุ่น iPhone ที่อาจจะได้เห็นในอนาคต
เขาบอกว่าแอปเปิลมีการพูดคุยกันภายใน เป็นไอเดียที่จะสร้าง iPhone รุ่นย่อยใหม่ ที่มีราคาสูงกว่าเดิม และเพื่อให้สมเหตุสมผล แทนที่จะใช้ชื่อ Pro Max ที่เป็นราคาแพงสุดตอนนี้ อาจเลือกใช้ชื่อใหม่คือเติมคำว่า Ultra แทน ซึ่งตอนนี้แอปเปิลก็ใช้คำว่า Ultra อยู่แล้วกับสินค้าบนสุดแพงสุด ทั้งชิป M1 Ultra กับ Apple Watch Ultra โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นใน iPhone 16 ที่จะขายปี 2024
ประเด็นที่ตามมาคือ แล้วรุ่นแพงสุดจะมีอะไรรองรับความแพง? Gurman บอกว่าแอปเปิลจะทดสอบตลาดเรื่องนี้กับ iPhone 15 ที่จะออกมาปีนี้ โดยรุ่น Pro Max จะมีสเป็กที่แตกต่างไปจาก Pro อยู่มาก เช่น จอ วัสดุ แบตเตอรี่ เป็นต้น ตามรายงานก่อนหน้านี้
โมเดลตั้งรุ่นใหม่แพงที่สุด Ultra นั้น มีโอกาสที่แอปเปิลจะทำแบบ Galaxy S23 Ultra ของซัมซุง ซึ่งกรณีนี้ จุดขายที่ซัมซุงใช้คือ สเป็กกล้อง และการรองรับสไตลัส ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าแอปเปิลจะมาในรูปแบบไหนกันแน่
สำหรับข่าวลืออื่นที่ Gurman รายงาน เขาบอกว่า Mac Studio รุ่นใหม่ยังไม่มีกำหนดออกมา เพราะแอปเปิลต้องการเปิดตัว Mac Pro ชิปตระกูล Apple Silicon ก่อน ซึ่งอาจมีความทับซ้อนกันเรื่องสเป็ก
ที่มา: Bloomberg
Apple ID ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ใช้งานอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่จะต้องสมัครหรือลงทะเบียน Apple ID เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่างๆ รวมไปถึงใช้ในการเชื่อมต่อบัญชี, iCloud, แอปพลิเคชัน ฯลฯ ของทาง Apple อีกด้วย ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากจะมาแนะนำวิธีสมัคร Apple ID ใหม่ ที่สามารถสมัครได้ง่ายๆ ในเวลาไม่นาน ด้วยขั้นตอนไม่กี่ขั้นตอน ผู้ใช้งาน Android ก็สามารถสมัครได้
Apple ID คือบัญชีส่วนตัวที่ใช้สำหรับการเข้าถึงบริการต่างๆ ของทาง Apple ไม่ว่าจะเป็น App Store, Apple Music, Apple TV, iCloud, iMessage, FaceTime เป็นต้น และช่องทางต่างๆ ของอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์ของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, MacBook, iPod ฯลฯ แม้กระทั่งซอฟต์แวร์ต่างๆของ Apple รวมถึง การค้นหาตำแหน่งของอุปกรณ์อย่าง Find My ก็ล้วนต้องใช้ Apple ID แทบทั้งสิ้น สำหรับใครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple หลายๆ อุปกรณ์ เช่น iPhone, iPad, MacBook ก็สามารถใช้ Apple ID เดียวกันได้ เพื่อเชื่อมต่อและเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ผ่านบัญชีเดียวกัน นอกจากนี้ เรายังสามารถลงชื่อเข้าใช้งานแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ต่างๆ ที่เข้าร่วม ด้วย Apple ID ได้อีกด้วย
Apple ID จะมีสิ่งที่จำเป็นต้องมี นั่นก็คือ Email และ Password ในการลงชื่อเข้าใช้งานทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดแอปพลิเตชันใหม่ๆ, เข้าเข้าถึงข้อมูลต่างๆ, การชำระเงิน รวมถึงความปลอดภัยในด้านการใช้งาน
ในการสมัครใช้งาน Apple ID นั้น โดยหลักๆ แล้ว เราสามารถสมัครได้ 3 ช่องทางด้วยกัน นั่นคือ
การสมัครหรือสร้าง Apple ID บนอุปกรณ์ต่างๆ นั้น สามารถทำได้ดังนี้
การสมัครบัญชี Apple ID บน iPhone, iPad หรือ iPod touch สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี คือ กรณีที่เราซื้อใครใหม่และยังไม่มีบัญชี Apple ID ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad หรือ iPod touch และอีกกรณีก็คือ การสมัครใช้งาน Apple ID ในหน้า Settings หรือ App Store ซึ่งในกรณีนี้ ถ้ามีบัญชีที่ล็อกอินค้างอยู่ เราต้องลงชื่อออกจากระบบก่อนทุกครั้ง
สร้าง Apple ID ในกรณีที่เปิดใช้งานเครื่องใหม่
สร้าง Apple ID ผ่านหน้า Settings หรือ App Store บน iPhone, iPad หรือ iPod touch
สำหรับการสร้าง Apple ID บนเครื่อง Mac นั้นจะสามารถทำได้ผ่าน App Store, Apple Music โดยมีวิธีการทำที่คล้ายกับทำบนอุปกรณ์พกพา ดังนี้
สำหรับการสร้าง Apple ID ผ่านเครื่องอุปกรณ์อื่นๆ นอกจากสองวิธีแรกอย่างเช่น Apple TV, อุปกรณ์ที่ใช้ Android จะมีขั้นตอนที่ทำได้เหมือนกันทั้งหมด เมื่อต้องการเข้าไปใช้งานบริการต่างๆ ของ Apple ไม่ว่าจะเป็น Apple Music และ Apple TV+ หรือการติดตั้งแอปฯ ต่างๆ ส่วนการสมัครบน Windows จะสามารถทำได้ด้วยการเข้าไปที่ iTunes แต่ถ้าไม่มีก็ยังสมัครบนเว็บ Apple ได้เลย มีวิธีทำดังนี้
ในกรณีที่สร้าง Apple ID ใหม่นั้นมักจะมีข้อความระบุว่าให้ลงชื่อเข้าใช้ iTunes หรือให้สู่ระบบเพื่อใช้งาน ถ้าใช้อุปกรณ์ของ Apple ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อะไรก็สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้เหมือนกัน โดยจะสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้ตามการใช้งานของตัวเองได้เลย ดังนี้
การสร้างรหัสเพื่อความปลอดภัยมักจะเกิดปัญหา ตรงที่ผู้ใช้งานนั้นใส่รหัสที่ยากเกินไป หรืออาจจะเข้าสู่ระบบไว้นานแล้ว และเมื่อต้องเข้ามาใช้งานใหม่ ก็ลืมรหัสที่ใช้งานไปแล้ว และทำให้ไม่สามารถใช้บริการของ Apple หรือซื้อโหลดแอปฯ ของ Apple ได้เลย ซึ่งความจริงแล้วรหัสที่ยากก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ที่ทำให้เรามั่นใจได้ในระดับนึงว่า จะไม่โดนแฮค หรือโดนเอาบัญชีไปใช้งาน แต่ทางที่ดีก็ควรสร้างรหัสที่เราจำได้ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหลายครั้ง ส่วนใครที่ลืมไปแล้ว ทาง Apple ก็ได้รองรับตรงส่วนนี้ไว้แล้ว ด้วยการยืนยันตัวตนในครั้งแรก เมื่อตอนสมัครใช้ Apple ID อย่าง Email เบอร์โทรศัพท์ เพื่อใช้ในการรีเซ็ตรหัสใหม่ได้เลย โดยการ
ระบบจะแจ้งข้อมูลไปเพื่อให้เซ็ตรหัสใหม่ผ่านทาง iCloud (หากใช้งาน) หรือหากไม่ได้ใช้ ก็สามารถเลือกเพื่อรีเซ็ตผ่านทาง Email และผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ได้เหมือนกัน ส่วนใครที่ไม่สามารถเข้าอะไรได้เลย สามารถเข้าไปที่แอปพลิเคชัน Apple Support เพื่อเซ็ตรหัสผ่านได้อีกทาง
และทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีการสมัคร Apple ID ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการสมัครผ่านอุปกรณ์ของ Apple หรือ บนอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งสมาร์ทโฟนและบนคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถทำได้ง่ายมากๆ ทำได้เอง โดยใช้เวลาไม่นาน และขั้นตอนเพียงไม่กี่ขั้นตอน ไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อนเลย อย่างไรก็ตาม การใส่ข้อมูลต่างๆ นั้น เราไม่ควรใส่ข้อมูลเท็จ หรือใส่ข้อมูลมั่ว เพราะจะส่งผลเสียกับในอนาคต ทั้งในเรื่องของการทำธุรกรรมต่างๆ, การกู้คืนข้อมูล, การยืนยันตัวตน รวมไปถึงการดำเนินการต่างๆ และข้อความช่วยเหลือจากทาง Apple ในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้นอีกด้วย
from:https://notebookspec.com/web/685628-easy-way-to-register-apple-id
วันนี้ทาง Apple ได้เปิดเผยตัวเลขรายได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตัวเลขในกลุ่มธุรกิจมือถือ iPhone ทำให้นักวิเคราะห์ผิดหวังจากรายได้ที่ลดลงไป และล่าสุด Tim Cook ซีอีโอคนดังก็ได้ออกมายืนยันกับนักวิเคราะห์แล้วว่า สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขรายได้รวมของแผนก iPhone ลดลงเป็นเพราะ iPhone 14 Pro ขาดตลาดหนัก ผลิตไม่ทันขาย
สิ่งที่ Tim Cook ออกมายืนยันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อช่วงปีที่แล้วมือถือซีรีส์ท็อปสุด และยอดนิยมที่สุดอย่าง iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max เกิดขาดตลาดอย่างหนักในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ชาวตะวันตกมักจะออกมาจับจ่ายซื้อของขวัญ จนส่งกระทบทำให้รายได้รวมของไตรมาส 1 ปี 2023 ลดลงไปกว่าหมื่นล้านเหรียญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว
จากตัวเลขที่กล่าวมาด้านบน นักวิเคราะห์คาดว่า iPhone 14 Pro แค่รุ่นเดียวส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมที่ลดลงกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้นักวิเคราะห์ยังได้ถาม Tim Cook ว่าปัญหาการขาดแคลน iPhone 14 Pro ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ, ไป iPhone ซื้อรุ่นอื่น หรือยกเลิกการซื้อด้วยหรือไม่ Tim Cook ก็ได้ตอบว่าเขายังไม่มีข้อมูลที่จะตอบคำถามเหล่านี้ พร้อมเสริมว่าถึงแม้ว่าจะมีปัญหาขาดแคลนตัวเครื่องเกิดขึ้น แต่ยอดขายทั่วโลกยังคงเติบโตเรื่อย ๆ
ทั้งนี้ตัวเลขรายได้โดยรวมไตรมาสแรกปี 2023 ของ Apple อยู่ที่ $117.15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ตกลงกว่า 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมีผลกำไรอยู่ที่ $29.99 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยลงกว่า 13% ในตอนนี้สถานการณ์ขาดแคลน iPhone 14 Pro ได้กลับมาปกติเป็นที่เรียบร้อย คาดว่าในไตรมาสหน้าอาจจะได้เห็นตัวเลขที่ดีขึ้นบ้าง
ที่มา: 9to5mac
from:https://droidsans.com/apple-q1-2023-iphone-revenue-decline/
Find My เป็นเแอพพลิเคชันสำหรับช่วยในการติดตามอุปกรณ์ หรือผลิตภัณฑ์ของ Apple หรืออะไรก็ตามที่ได้รับการติด Air Tag ไว้ ซึ่งการใช้งานนั้นก็สามารถทำได้ไม่ยากเลย หากใช้เป็นก็จะมีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ iPhone ของเราสูญหาย ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากจะมาแนะนำวิธีการใช้งาน Find my iPhone ผ่านแอพ Find My และบนเว็บไซต์ สำหรับติดตาม iPhone หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่สูญหายกัน
Find My นั้น เป็นฟีเจอร์สำหรับค้นหาอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์ของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, MacBook หรืออุปกรณ์ สิ่งของ อะไรอื่นๆ ที่ได้รับการติด Air Tag ก็จะสามารถใช้ Find My ในการติดตาม ค้นหาตำแหน่งได้ นอกจากนี้ยังสามารถเปิดเสียงเพื่อค้นหาอุปกรณ์ที่อยู๋ใกล้ๆ ในกรณีที่หาไม่เจอ หรือติดตาม ลบข้อมูล เพื่อปกป้องข้อมูลของเราในกรณีที่ทำเครื่องหายอีกด้วย
นอกจากการค้นหาอุปกรณ์แล้ว Find My ยังมีข้อดีมากๆ นั่นก็คือ
ถ้าเราต้องการค้นหาอุปกรณ์ผ่านแอพ Find My นั้น เราต้องเข้าไปตั้งค่าเปิดการทำงานของฟีเจอร์นี้ก่อน สำหรับการเปิดใช้งานฟีเจอร์การค้นหา iPhone ของฉัน หรือ Find My นั้น ในแต่ละอุปกรณ์ เราสามารถเข้าไปตั้งค่าเปิดการทำงานได้ดังนี้
วิธีการใช้งานฟีเจอร์ Find My ในการค้นหาอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, iPad touch, MacBook หรืออุปกรณ์อื่นๆ สามารถทำได้ง่ายๆ ทั้งการค้นหาอุปกรณ์ของตัวเอง และการค้นหาอุปกรณ์เครื่องอื่นๆ
วิธีการค้นหาอุปกรณ์ของเราผ่าน Find My ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, MacBook, iPod touch หรืออุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple ที่เราได้ทำการเชื่อมต่อไว้ เช่น AirPods, AirTag เป็นต้น สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เราใช้ Apple ID เดียวกัน หรือใครที่แชร์กับครอบครัว หรือ Family Sharing ก็เข้าไปดูตำแหน่งหรือค้นหาอุปกรณ์ได้ดังนี้
นอกจากที่เราจะใช้ค้นหาอุปกรณ์ Apple ที่ลงชื่อเข้าใช้งาน Apple ID เดียวกับเรา หรือมีการเชื่อมต่อกับเครื่องของเราแล้ว เราก็สามารถที่จะช่วยเพื่อนหรือค้นหาอุปกรณ์ของเพื่อนได้ด้วย สำหรับในกรณีที่เพื่อนของเราทำอุปกรณ์หาย
นอกจากการค้นหาอุปกรณ์หรือดูตำแหน่งผ่านแอพพลิเคชัน Find My เราก็สามารถเข้าไปใช้งานได้ผ่านทางเว็บไซต์ iCloud
และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการใช้งาน Find My ฟีเจอร์สำคัญในการติดตามตำแหน่ง ค้นหาอุปกรณ์ของ Apple ที่ต้องบอกเลยว่ามีประโยชน์กับผู้ใช้งานมากๆ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการค้นหาอุปกรณ์เวลาที่หาไม่เจอ การติดตามตำแหน่งในกรณีที่อุปกรณ์สูญหาย อีกทั้งยังช่วยให้เราสามารถลบข้อมูลเพื่อปกป้องข้อมูลต่างๆ ของเราไว้ ในกรณีที่ทำหายแล้วหาเครื่องไม่เจอ เพื่อไม่ให้คนที่เก็บไปสามารถนำข้อมูลต่างๆ ของเราไปใช้งานต่อหรือนำไปใช้ในทางที่ไม่ดีได้นั่นเอง
from:https://notebookspec.com/web/672357-easy-way-to-use-find-my-iphone
ท่ามกลางกระแสข่าวลือของ iOS 17 ที่เริ่มมีรายงานมาให้เห็ […] More
from:https://www.iphonemod.net/7-features-ios-16-coming-this-year-2023.html
ฟีเจอร์ตรวจจับการชน (Cash Detection) บน iPhone 14 ได้รั […] More
from:https://www.iphonemod.net/cash-detection-iphone-14-save-truck-accident.html
สำหรับใครที่ชอบติดตามวันสำคัญหรือวันครบรอบต่าง ๆ ทีมงาน […] More
from:https://www.iphonemod.net/countdown-with-emoji-app-suggestion-for-iphone-apple-watch.html
Apple เปิดให้ใช้งาน Apple Music Replay 2023 หรือที่เราคุ้นกันดีคือการฟังเพลงได้แบบเจาะลึก ฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับเพลงที่บ่งบอกเรื่องราวในแต่ละปีของเรา เพื่อติดตาม “เพลงยอดนิยมแห่งปี” หรือติดตาม อัลบั้ม ศิลปินคนโปรดที่เราชื่นชอบได้ตั้งแต่ต้นปี ผ่านแอป Music บน iPhone แค่นี้ทุกคนก็เข้าถึงเพลงที่ตัวเองชอบได้ง่าย ๆ
Apple Music Replay จะแตกต่างจาก Spotify Wrapped อยู่อย่างนึงค่ะ เพราะการใช้งาน Apple Music Replay สามารถติดตามเพลงยอดนิยมของเราได้ตลอดทั้งปี แต่ในทางกลับกัน Spotify Wrapped จะเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนธันวาคมเท่านั้น ก็คือท้ายปีถึงใช้งานได้
การทำงานหลัก ๆ ฟื้นช่วงเวลาเกี่ยวกับเพลงที่บ่งบอกถึงเรื่องราวในปีของเรา ทั้งรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเพลงที่ฟังตลอดทั้งปี และรับเพลย์ลิสต์เพลงอันดับสูงสุดของในปีนี้ รวมถึงเพลย์ลิสต์สำหรับทุกปีที่เราสมัครเป็นสมาชิก Apple Music ไว้ทั้งศิลปินยอดนิยม อัลบั้มยอดนิยม และระยะเวลาการฟังทั้งหมดของเรา อีกทั้งยังฟังย้อนหลังไปถึงปี 2015 ได้อีกด้วย ถ้าเป็นสมาชิก OG ของ Apple Music
Apple Music Replay คำนวณเพลง อัลบั้ม ศิลปิน เพลย์ลิสต์ ประเภท และสถานียอดนิยมของคุณโดยใช้ข้อมูลต่อไปนี้
การเปิดให้ใช้งานจะเริ่มทยอยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ เพื่อน ๆ สามารถแชรเพลงที่เราชอบผ่านโซเชียล ให้ทุกคนเห็นได้ง่ายขึ้น หรือจะลิสเพลงโปรดไว้ฟังซ้ำ ๆ ก็ยังได้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มี Your Listening Personality แบบ Spotify เพราะสามารถดูได้ว่าตลอดทั้งปี เราฟังเพลงแบบไหนบ้าง โดยบ่งบอกถึงตัวตนและรสนิยมของเราผ่านเพลงที่ชอบนั่นเอง
ที่มา : 9to5mac
บัญชี Apple ID และข้อมูลใน iCloud ถือเป็นข้อมูลสำคัญของ […] More
from:https://www.iphonemod.net/how-to-secure-apple-id-icloud.html