คลังเก็บป้ายกำกับ: IPHONE_SE

[ลือ] Apple กลับมาพัฒนา iPhone SE 4 อีกครั้ง – ใช้ดีไซน์ iPhone 14 – เลิกใช้ Touch ID

ข้อมูลนี้มาจาก Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ผู้รายงานข้อมูลสินค้าใหม่แอปเปิลขาประจำ ซึ่งเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เขาบอกเองว่าแอปเปิลยกเลิกแผนออก iPhone SE รุ่นใหม่ไปแล้ว แต่ล่าสุดเปลี่ยนมาบอกว่าแอปเปิลกลับมาเดินหน้าแผนออก iPhone SE ใหม่อีกครั้ง

Kuo บอกว่า iPhone SE ซึ่งรุ่นใหม่นี้จะเป็นรุ่นที่ 4 ใช้ดีไซน์เดียวกับ iPhone 14 หน้าจอ 6.1 นิ้ว OLED ซึ่งเป็นการอัพเกรดมาก เทียบกับ iPhone SE 3 ปัจจุบัน ที่หน้าจอ 4.7 นิ้ว จอ LDC ส่วนชิป 5G เปลี่ยมาใช้ตัวที่แอปเปิลพัฒนาออกแบบเอง จากที่ iPhone SE ปัจจุบันใช้ชิป 5G ของ Snapdragon X57

ส่วนกำหนดเปิดตัวและวางขาย Kuo บอกว่าเขายังไม่มีข้อมูล แต่ไม่น่าเร็วกว่ามีนาคม 2024 หรือปีหน้า และประเด็นสำคัญหาก iPhone SE เปลี่ยนมาใช้ดีไซน์ iPhone 14 จริง จะทำให้ไลน์สินค้า iPhone ไม่มีรุ่นไหนใช้ Touch ID ในการปลดล็อกหน้าจออีกต่อไป

ที่มา: MacRumors

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/132835

Advertisement

ลือ! iPhone SE 4 ดีไซน์เหมือน iPhone 14 ลุ้นเปิดตัวปี 2024

iPhone SE รุ่นใหม่กลับมามีข่าวลืออีกครั้งหลัง Kuo เผยว่ […] More

from:https://www.iphonemod.net/iphone-se-4-oled-6-1-inch-rumors.html

iPhone SE เตรียมคัมแบ็ก! อาจมาในร่าง iPhone 14 มีลุ้นเปิดตัวต้นปี 2024

iPhone SE ถือเป็นอีก 1 รุ่นที่หลาย ๆ คนสนใจเพราะมักเปิดตัวมาในราคาที่พอเอื้อมถึง แถมยังใช้ชิประดับตัวท็อปมาไว้ในเครื่อง แต่เมื่อช่วงเดือนมกราคมมีข่าวมาว่า Apple อาจจะตัด iPhone SE ออกจากซีรีส์ไปเลย ซึ่งล่าสุดนักวิเคราะห์วงในเจ้าเดิมอย่า Ming-Chi Kuo ได้ออกมาอัปเดตกันแล้วว่า Apple จะยังเก็บซีรีส์นี้ไว้อยู่ แถมมีลุ้นเปิดตัวรุ่นใหม่ในปี 2024 ด้วย!

Ming-Chi Kuo ได้ออกมาเผยว่า Apple เตรียมส่ง iPhone SE 4 กลับมาอีกครั้ง โดยคาดว่าจะใช้บอดี้ของ iPhone 14 รุ่นมาตรฐาน มาพร้อมขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว และคาดว่าจะเป็นรุ่นแรกของซีรีส์ที่มาพร้อมหน้าจอแสดงผล OLED ที่ผลิตโดย BOE เจ้าเก่า แทนที่จอ LCD ที่เคยใช้ในรุ่นก่อน ๆ

iPhone SE 4 as iPhone 14

iPhone 14

นอกจากนี้แล้ว iPhone SE 4 คาดว่าจะเป็นรุ่นทดลองใช้ชิปโมเด็ม 5G ที่ทาง Apple พัฒนาเองเป็นครั้งแรก โดยชิปที่ว่านี้อาจรองรับแค่คลื่น Sub6 ไม่รองรับ mmWave ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมชิปจะยังไม่ได้ใช้ใน iPhone 16 Series เพราะทางแบรนด์ยังติดปัญหาที่ยังไม่สามารถทำให้ชิปรองรับคลื่น mmWave และการเชื่อมต่อสื่อสารกับดาวเทียมได้ ทำให้ต้องใช้รุ่นที่ถูกที่สุดเป็นหนูทดลองก่อน

iPhone SE อาจมีลุ้นเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ถือเป็นปีที่ Apple เริ่มต้นแผนที่จะค่อย ๆ ลดการพึ่งพา Qualcomm ลงภายในระยะ 2 – 3 ปีข้างหน้า สำหรับใครที่รอซื้ออยู่อดใจรอกันอีก 1 ปีนะ

ที่มา: GSMArena, Ming-Chi Kuo (Twitter)

from:https://droidsans.com/iphone-se-4-to-launch-h1-2024/

ราคา iPhone ล่าสุดจาก Apple, AIS, TrueMove H, DTAC ประจำเดือน ก.พ. 66

ข้อมูลนี้แสดงราคา iPhone เครื่องเปล่ารุ่นที่ Apple วางข […] More

from:https://www.iphonemod.net/iphone-promotion-price-thaiand-update-feb-2023.html

ราคา iPhone ล่าสุดจาก Apple, AIS, TrueMove H, DTAC ประจำเดือน ม.ค. 66

ข้อมูลนี้แสดงราคา iPhone เครื่องเปล่ารุ่นที่ Apple วางข […] More

from:https://www.iphonemod.net/iphone-update-price-january-2023-promotion-th.html

Ming-Chi Kuo เผย Apple จะไม่ผลิต iPhone SE รุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว

โดยปกติแล้ว Apple จะเปิดตัว iPhone SE เจเนอเรชั่นใหม่ทุกๆ สองปี แม้ว่ารุ่นแรกกับรุ่นที่ 2 จะห่างกันถึง 4 ปี แต่ได้เปิดตัว iPhone SE 2022 เป็นรุ่นที่ 3 เมื่อปีที่แล้ว และมีข่าวลือว่าจะเปิดตัว iPhone SE รุ่นที่ 4 ในปี 2024 นี้

iPhone SE 4

อย่างไรก็ตาม Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ชื่อดัง เปิดเผยว่า Apple ได้ยกเลิกแผนการเปิดตัว iPhone SE 4 แล้ว โดยระบุว่า  Apple ได้แจ้งซัพพลายเออร์ในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ ว่า แผนการผลิตและการจัดส่งสำหรับ iPhone SE รุ่นปี 2024 ถูกยกเลิกแล้ว และไม่ใช่แค่การเลื่อนออกไปเท่านั้น

สำหรับการตัดสินใจยกเลิก iPhone SE ที่มีแผนเปิดตัวในปี 2024 กลายเป็นข่าวดีของ Qualcomm เนื่องจาก Apple มีแผนนำชิปเบสแบนด์ของบริษัทฯ มาใช้กับ iPhone SE รุ่นใหม่ โดยหวังให้เป็นการทดสอบครั้งใหญ่ ก่อนนำไปใช้กับ iPhone 16 Series ในปี 2024

ทั้งนี้ หลังจากที่ iPhone SE รุ่นใหม่ ถูกยกเลิก ทำให้ Apple อาจต้องพึ่งพาชิปเบสแบนด์ของ Qualcomm ที่ไม่ต้องพิสูจน์ประสิทธิภาพอีกต่อไปแล้ว และคาดว่า Qualcomm ยังได้รับคำสั่งซื้อจาก Apple ไปจนถึงปี 2025 เป็นอย่างน้อย

ที่มา : Gizmochina

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/ming-chi-kuo-says-apple-will-no-longer-make-a-new-iphone-se/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=ming-chi-kuo-says-apple-will-no-longer-make-a-new-iphone-se

ลือ Apple อาจไม่เปิดตัว iPhone SE 4 ในปีหน้า

ลือ Apple อาจไม่เปิดตัว iPhone SE 4 ในปีหน้า
Wat.C

Ming Chi-Kuo เผยว่า Apple ได้บอกกับทางซัปพลายเออร์เรื่องบริษัทหยุดแผนที่จะเปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่ในปีหน้า หรือปี 2024 โดยในปี 2023 จะยังไม่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่เช่นกัน

ไม่นานมานี้เอง Kuo บอกว่า Apple อาจจะเลื่อนการเปิดตัว iPhone SE 4 ออกไปก่อน หรืออาจจะยกเลิก ซึ่งล่าสุดตนค่อนข้างมีความมั่นใจว่าจะยกเลิกแน่ ๆ

สาเหตุหลักคือเรื่องชิป 5G ซึ่งเดิมที Apple จะเปิดตัวชิป 5G ของตัวเองใน iPhone SE 4 แต่ไม่เป็นไปตามแผน ทำให้ Apple ไม่สามารถผลิตออกมาใช้งานได้ ส่งผลให้บริษัทยังคงใช้ชิป 5G จาก Qualcomm เหมือนเดิม และน่าจะใช้ยาวไปจนถึง iPhone 16 เลยด้วย

Kuo บอกว่า Apple วางแผนที่จะเปิดตัวชิปดังกล่าวกับ iPhone SE 4 ก่อนเพื่อดูประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมก่อนที่จะนำไปใช้กับ iPhone ระดับเรือธง แต่การทดสอบภายในพบว่าด้านประสิทธิภาพยังตาม Qualcomm อยู่พอสมควร เลยต้องยกเลิกไปก่อนครับ

ข่าว: ลือ Apple อาจไม่เปิดตัว iPhone SE 4 ในปีหน้า มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/apple-cancelled-iphone-se-4-in-2024/

iPhone SE 4 ไม่มีอีกแล้ว… คนวงในยืนยัน Apple พับโครงการ ยกเลิกการเปิดตัว

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ซัพพลายเชนสาย Apple ชื่อดัง รายงานว่า iPhone SE สมาร์ทโฟนรุ่นเล็กและราคาประหยัดที่สุดของ Apple ที่มีการออกรุ่นใหม่ทุก 2 ปีนั้น อาจไม่มีให้เห็นอีกต่อไป หมายความว่า iPhone SE 3 หรือ iPhone SE 2022 ที่พึ่งถูกอัปเกรดให้รองรับ 5G และวางจำหน่ายไปเมื่อช่วงปีกลายที่ผ่านมา อาจเป็นรุ่นสุดท้ายแล้วก็เป็นได้


ซ้าย : iPhone SE 3 – ขวา : iPhone SE 4 (คาดการณ์)

ข่าวลือเกี่ยวกับ iPhone SE 4 นั้นมีมาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว ว่ารอบนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางดีไซน์ครั้งใหญ่ โดยปรับมาใช้ตัวเครื่องแบบเดียวกับ iPhone XR รวมถึงอัปเกรดจากพาเนลหน้าจอจาก LCD มาเป็น OLED ทำให้เป็นรุ่นที่แฟน Apple จำนวนไม่น้อยตั้งตารอ

ในตอนแรก iPhone SE 4 ถูกวางตัวเอาไว้เป็น iPhone รุ่นแรกที่จะได้ประเดิมใช้โมเดม 5G ที่ Apple พัฒนาขึ้นเอง จากที่เคยต้องพึ่งพา Qualcomm มาโดยตลอด ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี โมเดมนี้จะถูกนำไปใช้งานต่อใน iPhone 16 ที่จะเปิดตัวถัดจากนั้นด้วย หรือกล่าวง่าย ๆ คือ iPhone SE 4 เปรียบเสมือนเป็นรุ่นหนูทดลอง (เพราะมีราคาถูกกว่า)

อย่างไรก็ดี Kuo บอกว่า “ล่าสุด Apple เปลี่ยนใจแล้ว” และเริ่มแจ้งให้ซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องทราบแล้วด้วย โดย iPhone SE 4 จะไม่ใช่แค่โดนดีเลย์ แต่จะถูกยกเลิกพับโครงการทิ้งไปเลย ไม่มีการเปิดตัวอีกแล้ว

Kuo อ้างจากแหล่งข่าววงในว่า สาเหตุเป็นเพราะ Apple ยังไม่มั่นใจว่าโมเดม 5G ที่พัฒนาขึ้นเองนั้นมีประสิทธิภาพดีพอในระดับเดียวกับโมเดมของ Qualcomm

เรื่องนี้อาจนับเป็นข่าวร้ายของคนที่กำลังรอการมาถึงของ iPhone SE 4 อยู่ แต่นับเป็นข่าวดีของ Qualcomm เพราะเท่ากับว่าจะได้เป็นซัพพลายเออร์ผลิตโมเดม 5G ให้ Apple ต่อไปอีกยาว ๆ อย่างน้อยก็จนถึงไตรมาส 2 ของปี 2024 เลยทีเดียว

 

ที่มา : Ming-Chi Kuo, GsmArena

from:https://droidsans.com/apple-iphone-se-4-is-dead/

ข่าวลือ Apple วันนี้: เฮดเซต AR/VR เปิดตัวเร็วสุดมีนาคม, ยกเลิกการออก iPhone SE 4

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สินค้าใหม่แอปเปิลขาประจำ ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมของเฮดเซต AR/VR ที่มีข่าวมานานว่าแอปเปิลกำลังพัฒนาอยู่ โดยเขาบอกว่าแอปเปิลมีแผนเปิดตัวในเดือนมกราคม แต่ข้อมูลล่าสุดน่าจะเลื่อนไปเปิดตัวในงานอีเวนต์ช่วงเดือนมีนาคม หรือช้าที่สุดในงาน WWDC เดือนมิถุนายน

เขาบอกว่าสาเหตุที่เฮดเซตนี้เลื่อนเปิดตัวออกไป เนื่องจากปัญหาจากการทดสอบการหล่น (Drop Test) และความพร้อมของซอฟต์แวร์สำหรับนักพัฒนา ส่วนการผลิตจะเริ่มในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และเริ่มขายตั้งแต่ไตรมาสที่ 3

อีกข้อมูลจาก Kuo คือ iPhone SE รุ่นใหม่ ซึ่งเพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าแอปเปิล “อาจ” ยกเลิกรุ่นนี้ไปเลย เนื่องจากยอดขายไม่ดี มาเป็นการยืนยันแน่นอนว่าแอปเปิลยกเลิก iPhone SE ที่เตรียมออกในปี 2024 แล้ว และได้แจ้งซัพพลายเออร์ไปแล้วด้วย ซึ่งอีกข้อมูลสนับสนุนคือเดิมทีแอปเปิลมีแผนใช้ชิปเซต 5G ตัวใหม่ที่พัฒนาร่วมกับ Qualcom ใน iPhone SE ปี 2024 ก่อน จากนั้นจะใช้ชิปเซตดังกล่าวใน iPhone 16 (รุ่นปี 2024) แต่แอปเปิลก็ยกเลิกแผนนี้ไปแล้วเช่นกัน

iPhone SE รุ่นที่ขายอยู่ปัจจุบัน เปิดตัวมีนาคม 2022 เป็นรุ่นที่ 3 ของตระกูล iPhone SE

ที่มา: MacRumors [1], [2]

from:https://www.blognone.com/node/132158

แนะนำ 10 มือถือสเปคแรงระดับน้อง ๆ เรือธง ช่วงราคา 15,000 – 20,000 บาท ปลายปี 2022

ก่อนหน้านี้เราได้แนะนำมือถือทั้งราคาประหยัดไม่เกิน 5,000 บาท และมือถือระดับกลางราคาตั้งแต่ 10,000 – 15,000 ของปี 2022 กันไปแล้ว แต่ถ้าใครอยากได้มือถือที่มันเทพขึ้นมาอีก แต่ยังไม่อยากเสียเงินเยอะถึงระดับพรีเมี่ยม เราก็มีมือถือสเปคแรงระดับน้อง ๆ เรือธงที่มีราคาระหว่าง 15,000 – 20,000 บาท รวบรวมมาให้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจต่อเลย เพราะมือถือระดับนี้ก็เรียกว่ามีสเปคที่แรงพอจนสามารถใช้งานในปัจจุบันได้แทบทุกอย่าง แถมยังใช้ไปได้อีกยาว ๆ เลยด้วย

1. realme 10 Pro+ (15,999 บาท)

ทำไมน่าใช้ : จอ AMOLED 120Hz | กล้อง 108MP | ชาร์จ 67W | ลำโพงคู่

realme 10 Pro+ เป็นมือถือที่ราคาเกิน 15,000 บาท มาหน่อยนึง แต่สเปค + ฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้มาแบบจัดเต็มน่าใช้เลย ทั้งชิป Dimensity 920 (พอฟัดกับ Snapdragon 778G) และ RAM ถึง 12GB กับความจุแบบสะใจถึง 256GB มีหน้าจอ AMOLED ให้สีสวยสดใสแบบ 10-bit ขนาด 6.7 นิ้ว รีเฟรชเรทลื่น ๆ 120Hz กล้องหลังก็อัดมาให้ 108MP พร้อม Ultrawide 8MP และมาโคร 2MP, ถูกใจคนชอบดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมด้วยลำโพงคู่ และยังมีแบตเตอรี่อึด ๆ ถึง 5000 mAh รองรับชาร์จ 67W อีกต่างหาก

สเปค REALME 10 PRO+ 5G

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2412) รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Dimensity 920
  • RAM : 12GB
  • ความจุ : 256GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลักความละเอียด 108MP (f/1.75)
    – กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8MP (f/2.2)
    – กล้อง Macro ความละเอียด 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.45)
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่สเตอริโอ รองรับระบบเสียง Hi-Res Audio
  • การเชื่อมต่อ : 5G Dual SIM Card / 802.11 a/b/g/n/ac/ax (Wi-Fi 6) / Bluetooth 5.2 / NFC
  • เซ็นเซอร์ : Fingerprint (ใต้จอ)/ Geomagnetic sensor/ light sensor/ distance sensor/ gyroscope/ acceleration sensor
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 67W
  • ระบบ Android 13 ครอบด้วย realme UI 4.0

 

2. HONOR 70 (16,990 บาท)

ทำไมน่าใช้ : จอ OLED 120Hz | เล่นเกมลื่น | กล้อง Ultrawide 50MP

เด่นด้วยหน้าจอ OLED รีเฟรชเรท 120Hz รองรับการแสดงผลแบบ 10-bit และมากับสเปคแรงเล่นเกมลื่น ๆ ทุกเกมด้วยชิป Snapdragon 778G+ พร้อม RAM 8GB และความจุ 256GB, แบตเตอรี่ 4800 mAh รองรับชาร์จไว 66W ส่วนกล้องหลังใจถึงกว่าใคร เพราะนอกจากจะให้กล้องหลัก 54MP แล้ว ยังมีกล้อง Ultrawide ความละเอียดสูงถึง 50MP ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K 30fps แถมมีกันสั่น EIS ให้มาอีกด้วยนะ

สเปค HONOR 70

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Snapdragon 778G+ 5G
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 256GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – Main Camera : 54MP (f/1.9)
    – Ultra-Wide : 50MP (f/2.2)
    – Depth : 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า : 32MP (f/2.4)
  • การเชื่อมต่อ : 5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.2
  • แบตเตอรี่ 4800 mAh รองรับชาร์จไว 66W
  • ระบบ Android 12 ครอบด้วย Magic UI 6.1

 

3. Xiaomi 12T (17,990 บาท)

ทำไมน่าใช้ : จอ AMOLED 120Hz | สเปคแรง | ชาร์จ 120W | กล้อง 108MP กันสั่น OIS | ลำโพงคู่

อีกหนึ่งมือถือสเปคคุ้มจัดจ้านที่อัดมาให้แบบไม่หวงเครื่อง ทั้งสเปคแรงจัดด้วยชิป Dimensity 8100, หน่วยความจำ 8/256GB, หน้าจอ AMOLED รีเฟรชเรท 120Hz รองรับ HDR10+, กล้องหลัง 108MP มีกันสั่น OIS, ลำโพงคู่ระบบเสียง Dolby Atmos พร้อมแบตเตอรี่ 5000 mAh และระบบชาร์จไวโหดสุดในกลุ่ม เอาไปเลย 120W

สเปค XIAOMI 12T

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Dimensity 8100 Ultra
  • RAM (LPDDR5) : 8GB
  • ROM (UFS 3.1) : 256GB
  • กล้องหลัง :
    – กล้องหลัก 108MP, รูรับแสง f/1.7, กันสั่น OIS
    – กล้องอัลตราไวด์ 8MP, รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
    – กล้องมาโคร 2MP, รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้า : 20MP, รูรับแสง f/2.2
  • การเชื่อมต่อ : 5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e, Bluetooth 5.3
  • สแกนนิ้วมือ : ใต้หน้าจอ (under display)
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่สเตอริโอ Dolby Atmos
  • แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 120W
  • ระบบ Android 12 ครอบด้วย MIUI 13
  • ขนาด : 163.1 x 75.9 x 8.6 มม.

 

4. Samsung Galaxy A73 5G (17,999 บาท)

ทำไมน่าใช้ : จอ sAMOLED 120Hz | กล้อง 108MP มีกันสั่น OIS | เล่นเกมลื่น | กันน้ำ IP67

มือถือตัวท้อปของซีรีส์ Galaxy A ที่มากับหน้าจอแบบ sAMOLED สีสันสดสวย แน่นอนว่ารีเฟรชเรทก็ต้องลื่นปรื๊ด ๆ ถึง 120Hz สเปคแรงพอที่จะใช้เล่นเกมกราฟิก 3D โหด ๆ หรือใช้งานได้ทุกแบบในปัจจุบันด้วยชิป Snapdragon 778G ส่วนความจุในตัวแม้จะให้มาแค่ 128GB แต่ก็รองรับ microSD สูงสุดถึง 1TB กันไปเลย ส่วนเรื่องกล้องก็ไม่ใช่เล่น ๆ เพราะให้กล้องหลักมา 108MP + กล้อง Ultrawide 12MP พร้อมกันสั่นแบบ OIS ด้วย และที่แฟน ๆ Samsung น่าจะรู้ดีก็คือเรื่องของ One UI ที่มีความเสถียรมาก ๆ นั่นเอง

สเปค SAMSUNG GALAXY A73 5G

  • หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Snapdragon 778G
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB รองรับ microSD card สูงสุด 1TB
  • กล้องหลัง :
    – กล้องหลัก 108MP, รูรับแสง f/1.8, ระบบกันสั่น OIS
    – กล้องอัลตราไวด์ 12MP, รูรับแสง f/2.2
    – กล้องมาโคร 5MP, รูรับแสง f/2.4
    – กล้องจับความลึก 5MP, รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้า : 32MP, รูรับแสง f/2.2
  • การเชื่อมต่อ : 5G, Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/ax, Bluetooh 5
  • เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ)
  • ลำโพงสเตอรีโอ
  • มาตรฐาน IP67
  • แบตเตอรี่ : 5000mAh รองรับชาร์จไว 25W
  • ระบบ Android 12 ครอบด้วย One UI 4.1
  • ขนาด : 76.1 x 163.7 x 7.6 มม.

 

5. Nothing Phone (1) (18,900 บาท)

ทำไมน่าใช้ : ไฟ LED หลังเครื่องสวยล้ำ | จอ OLED 120Hz | กล้อง Ultrawide 50MP

เป็นสมาร์ทโฟนที่มากับดีไซน์เกร๋ไม่เหมือนใครสุด ๆ แล้วสำหรับ Nothing Phone (1) ด้วยเอกลักษณ์ Glyph Interface ที่เป็นไฟ LED สีขาวหลังเครื่อง สามารถกะพริบเป็นจังหวะเวลามีสายเข้าหรือมี Notification ต่าง ๆ ได้ และไม่ได้มีดีแค่นั้นนะ เพราะสเปคโดยรวมก็แรงพอจะใช้งานได้ทุกอย่างไปอีกยาว ๆ เลย ทั้งชิป Snapdragon 778G+, หน้าจอ OLED ขนาด 6.55 นิ้ว 120Hz, ลำโพงสเตอรีโอ, กล้องหลังคู่ 50MP + กล้อง Ultrawide 50MP, กันน

สเปค NOTHING PHONE (1)

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080) รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Snapdragon 778G+
  • RAM (LPDDR5) : 8GB
  • ความจุ (UFS 3.1) : 256GB ไม่รองรับ microSD card
  • กล้องหลัง 2 ตัว
    – กล้องหลักเซนเซอร์ IMX766 ความละเอียด 50MP, กันสั่น OIS / EIS
    – กล้อง Ultrawide ความละเอียด 50MP
  • กล้องหน้า : IMX471 ความละเอียด 16MP
  • การเชื่อมต่อ :  5G, 4G LTE, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC
  • สแกนนิ้วมือใต้จอ
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP53
  • แบตเตอรี่ : 4500 mAh รองรับชาร์จไวมีสาย 33W ไร้สาย 15W (ไม่มีหัวชาร์จแถมในกล่อง)
  • ขนาด / น้ำหนัก : 159.2 x 75.8 x 8.3 มม. / 193.5 กรัม
  • ระบบ Android 12 ครอบด้วย Nothing OS

 

6. realme GT NEO 3 (18,999 บาท)

ทำไมน่าใช้ : สเปคแรง | จอ AMOLED 120Hz | กล้อง 50MP กันสั่น OIS | ชาร์จไว 80W

อีกหนึ่งมือถือสเปคสุดแรงที่ใครจะเน้นเอามาเล่นเกมก็บอกเลยว่าหายห่วง เพราะชิป Dimesnity 8100 แรงจนเล่นเกม 3D ปรับกราฟิกสูงได้สบาย ส่วนสเปคด้านอื่น ๆ ก็มาครบครันทั้งจอ AMOLED 120Hz, ลำโพงสเตอรีโอ, กล้อง 50MP มีกันสั่น OIS และแบตเตอรี่อึด ๆ พร้อมชาร์จไวถึง 80W

สเปค REALME GT NEO 3

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Dimensity 8100
  • RAM : 8GB รองรับ RAM Expansion สูงสุด 5GB
  • ความจุ : 256GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก IMX766 ความละเอียด 50MP, กันสั่น OIS
    – กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8MP
    – กล้อง Macro ความละเอียด 2MP
  • กล้องหน้า : 16MP
  • การเชื่อมต่อ : 5G, dual 4G LTE, Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.2, NFC
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ, Dolby Atmos
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 80W
  • ระบบ Android 12 ครอบด้วย realme UI

7. OPPO Reno8 (19,990 บาท)

ทำไมน่าใช้ : กล้องเซลฟี่ IMX709 32MP | จอ AMOLED 90Hz | ชาร์จไว 80W

มือถือกล้องสวยที่เด่นทั้งกล้องหลังเซนเซอร์ IMX766 50MP และกล้องหน้า IMX709 32MP มากับหน้าจอ AMOLED 90Hz และสเปคที่ใช้งานในปัจจุบันได้ลื่น ๆ แถมยังชาร์จไวจัด ๆ ด้วย 80W SUPERVOOC อีกต่างหาก นอกจากนี้ ColorOS ยังเป็นหนึ่งในระบบมือถือที่มีความเสถียรที่สุดแถมยังมีฟีเจอร์เจ๋ง ๆ เยอะอีกต่างหาก

สเปค OPPO RENO8 5G

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด FHD รีเฟรชเรท 90Hz
  • CPU : Dimensity 1300
  • RAM(LPDDR4x) : 8GB
  • ความจุ(UFS3.1) : 128GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก เซนเซอร์ Sony IMX766 ความละเอียด 50MP
    – กล้องเลนส์ Wide-angle 8MP
    – กล้อง Macro 2MP
  • กล้องหน้า : เซนเซอร์ Sony IMX709 32MP
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ: ใต้หน้าจอ
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6 Bluetooth 5.3
  • แบตเตอรี่ : 4500 mAh รองรับชาร์จไว 80W SUPERVOOC
  • ระบบ Android 12 ครอบด้วย ColorOS 12.1
  • น้ำหนัก:  179 กรัม

 

8. Xiaomi 12 (19,990 บาท)

ทำไมน่าใช้ : มือถือซีรีส์เรือธงปรับราคาลงไม่ถึง 20,000 บาท

สำหรับรุ่นนี้เรียกว่าอยู่ในระดับเรือธงเลยล่ะ แต่ว่ามาอยู่ในลิสท์นี้ได้เพราะมีการปรับราคาลงมาเหลือไม่ถึง 20,000 บาท แล้ว แต่สเปคต่าง ๆ เรียกว่ากินขาดรุ่นอื่นหมด ทั้งชิปตัวแรง Snapdragon 8 Gen 1, จอ OLED 120Hz ทนทานด้วย Gorilla Glass Victus, กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์หลัก 50MP กันสั่น OIS มีกล้อง Telemacro 5MP และกล้องเซลฟี่ 32MP, ลำโพงสเตอรีโอ Harman Kardon และชาร์จไว 67W เรียกว่าครบเครื่องสุด ๆ ไปเลยสำหรับมือถือราคานี้

สเปค XIAOMI 12

  • จอภาพ : OLED ขนาด 6.28 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
  • CPU : Snapdragon 8 Gen 1
  • RAM (LPDDR5) : 8GB
  • ความจุ (UFS 3.1) : 256GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลักเซนเซอร์ IMX766 ความละเอียด 50MP (f/1.88), ระบบกันสั่น OIS
    – กล้อง Ultrawide ความละเอียด 13MP (f/2.4), มุมกว้าง 123 องศา
    – กล้อง Telemacro (f/2.4) ความละเอียด 5MP
  • กล้องหน้า : 32MP
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ ปรับแต่งโดย Harman Kardon, ระบบเสียง Dolby Atmos, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • การเชื่อมต่อ : 5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Wi-Fi 6 (market dependent), dual-band, Wi-Fi Direct, BT 5.1
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ใต้หน้าจอ), accelerometer, proximity, gyro, compass
  • แบตเตอรี่ : 4500 mAh รองรับชาร์จไว 67W
  • ระบบ Android 12 ครอบด้วย MIUI 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 152.7 × 69.9 × 8.16 มม. / 176 กรัม

9. vivo V25 Pro (19,999 บาท)

ทำไมน่าใช้ : จอ AMOLED 120Hz | กล้อง 64MP มีกันสั่น OIS | ชาร์จไว 66W

จุดเด่นที่หน้าจอ AMOLED 120Hz, ชิป Dimensity 1300 + RAM ถึง 12GB และความจุสะใจ 256GB มากับกล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 64MP มีกันสั่น OIS และกล้องเซลฟี่ 32MP ที่มีโหมดให้ปรับเล่นเพียบบบบ ส่วนระบบชาร์จไวก็ปรู๊ดปร๊าดทันใจที่ 66W

สเปค VIVO V25 PRO 5G 

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz Touch Sampling Rate 300Hz
  • CPU : Dimensity 1300
  • RAM : 12GB (Extended RAM เพิ่มได้อีก 8GB)
  • ความจุ : 256GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลักความละเอียด 64MP มีระบบกันสั่น OIS
    – กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8MP
    – กล้อง Macro ความละเอียด 2MP
  • กล้องหน้า : 32MP
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, BT 5.2
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ใต้จอ), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • แบตเตอรี่ : 4830 mAh รองรับชาร์จไว 66W
  • ระบบ Android 12 ครอบด้วย Funtouch OS 12

 

10. iPhone SE 3 (เริ่ม 15,900 บาท)

ทำไมน่าใช้ : ชิป A15 Bionic | กล้องหลังกันสั่น OIS | กันน้ำ IP67

เป็นสมาร์ทโฟนตัวเล็กที่น่าจะถูกใจคนมือเล็กด้วยขนาดจอ 4.7 นิ้ว ใช้แค่มือเดียวก็จิ้มได้ทั่วถึง แม้การแสดงผลต่าง ๆ ทั้งเรื่องสี ความละเอียด และรีเฟรชเรทอาจสู้มือถือรุ่นอื่นไม่ได้ แต่เรื่องความแรงต้องยกให้เพราะได้ชิป A15 Bionic ตัวแรงที่ไม่ต้องห่วงเรื่องการใช้งานต่าง ๆ เลย จะเอามาเล่นเกมกราฟิกโหด ๆ ก็สบายแฮ ส่วนกล้องหลังถึงจะให้มาตัวเดียวความละเอียด 12MP แต่ยังได้ระบบกันสั่นแบบ OIS เข้ามาช่วยให้ถ่ายภาพได้คมขึ้น และถ่ายวิดีโอได้นิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67 มาให้อุ่นใจอีกด้วย

สเปค IPHONE SE 3

  • หน้าจอ Retina HD (IPS LCD) ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750
  • CPU : Apple A15 Bionic
  • RAM : 4GB
  • ความจุ : 64GB/128GB/256GB
  • กล้องหลัง : 12MP (f/1.8), กันสั่น OIS
  • กล้องหน้า : 7MP (f/2.2)
  • การเชื่อมต่อ : 5G (Sub-6 GHz 2×2 MIMO), WiFi 6, BT 5.0
  • เซนเซอร์ : Touch ID, Accelerometer, Barometer, Gyro, Ambient Light, Proximity, NFC
  • ระบบระบุตำแหน่ง : GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDou
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67
  • แบตเตอรี่ : เล่นวิดีโอนานสูงสุด 15 ชม., รองรับชาร์จไว 20W, รองรับชาร์จไร้สาย
  • ระบบ iOS 15
  • ขนาด / น้ำหนัก : 138.4 x 67.3 x 7.3 มม. / 144 กรัม

และทั้งหมดนี้ก็คือมือถืองบ 15,000 – 20,000 บาท ที่น่าสนใจช่วงปลายปี 2022 โดยราคาบางรุ่นอาจมีการปรับลงมามากกว่าที่บอกไว้ด้วยนะครับ (แต่ไม่เกินงบ 20,000 บาทแน่นอน)

from:https://droidsans.com/sub-flagship-phone-under-20k-thb-2022/