ข้อมูลนี้แสดงราคา iPhone เครื่องเปล่ารุ่นที่ Apple วางข […] More
from:https://www.iphonemod.net/iphone-update-price-january-2023-promotion-th.html
ข้อมูลนี้แสดงราคา iPhone เครื่องเปล่ารุ่นที่ Apple วางข […] More
from:https://www.iphonemod.net/iphone-update-price-january-2023-promotion-th.html
ข้อมูลนี้แสดงราคา iPhone เครื่องเปล่ารุ่นที่ Apple วางข […] More
from:https://www.iphonemod.net/iphone-price-ipdate-apple-ais-truemove-h-dtac-thai.html
ในตอนนี้ iPhone ในดีไซน์แบบ Notch Display ได้เดินทางมาถึง iPhone 14 กันแล้ว ซึ่งก็ได้ผ่านการปรับดีไซน์แบบ Minor Change หลายต่อหลายครั้ง และในทุก ๆ ครั้งที่รุ่นใหม่เปิดตัว ก็มักจะมีฟีเจอร์เด่น ๆ ที่ใส่มาเพื่อขายเครื่องรุ่นนั้นโดยเฉพาะ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้ผู้ใช้หลาย ๆ คนสับสนว่า “รุ่นไหนเพิ่มอะไรมาบ้างนะ ?” วันนี้เราเลยได้รวบรวมข้อมูลเปรียบเทียบ iPhone ในดีไซน์แบบรอยบากทุกรุ่นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาว่าได้เพิ่ม ตัด หรือลดฟีเจอร์ไหนไปบ้าง เพื่อไขข้อสงสัยให้ทุกคนได้กระจ่างกัน
อยากดูรุ่นไหน กดกระโดดข้ามไปดูรุ่นนั้นได้เลย
iPhone X ถือเป็นการนับศักราชใหม่ด้วยการพลิกรูปโฉมแบบหมดจดนับตั้งแต่ปี 2007 มาพร้อมกับอะไรหลาย ๆ อย่างที่ถือเป็น “ครั้งแรก” บน iPhone อย่างเช่น
ถัดมา 1 ปี Apple ได้เปิดตัว iPhone X รุ่นใหม่ได้แก่ iPhone XS พร้อมแตกไลน์อัพใหม่ 2 รุ่น อาทิ รุ่นพรีเมียมจอใหญ่อย่าง XS Max และ XR รุ่นเริ่มต้นโดยทั้ง 3 รุ่นได้มีการอัปเกรด (และดาวน์เกรด) แบบ Minor Change ไม่ทิ้งลายจาก iPhone X รุ่นก่อนมากนัก โดยเฉพาะ iPhone XS / XS Max ที่เรียกได้ว่าเหมือนกับ iPhone X แทบจะ 80% เลยก็ว่าได้ ซึ่งถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแบบสเปคประปราย แต่สิ่งที่ 3 รุ่นได้อัปเกรดเหมือนกันก็คือ
สิ่งที่ถูกดาวน์เกรดลงไปส่วนใหญ่จะมีในเฉพาะรุ่น iPhone XR โดยมีการตัดฟีเจอร์ ลดสเปค และลดเกรดวัสดุ เพื่อดั้มป์ราคาให้เบากว่าเดิมเกือบ 1 เท่า โดยสิ่งที่ถูกลดลงไปมีดังนี้
สเปค / รุ่น | IPHONE X | IPHONE XR | IPHONE XS / XS MAX |
![]() |
![]() |
![]() |
|
หน้าจอแสดงผล | Super Retina HD OLED 60 Hz | Liquid Retina HD (IPS LCD) 60 Hz | Super Retina HD OLED 60 Hz |
ขนาดจอแสดงผล | 5.8″ | 6.1″ | XS – 5.8″ |
XS Max – 6.5″ | |||
ความละเอียด | 2436 x 1125 458ppi | 1792 x 828 326 ppi | XS – 2436 x 1125 458 ppi |
XS Max – 2688 x 1242 458 ppi | |||
CPU | A11 Bionic | A12 Bionic | A12 Bionic |
RAM | 3GB | 3GB | 4GB |
ความจุ | 64GB / 256GB | 64GB
128GB 256GB |
64GB
256GB 512GB |
กล้องหลัก | 12MP (Wide) f/1.8, 1.22µm, กันสั่น OIS | 12MP (Wide) f/1.8, 1.4µm, กันสั่น OIS | 12MP (Wide) f/1.8, 1.4µm, กันสั่น OIS |
กล้อง Ultra Wide | X | X | X |
กล้อง Telephoto | 12 MP f/2.4, 1.0µm, กันสั่น OIS | X | 12 MP f/2.4, 1.0µm, กันสั่น OIS |
Optical Zoom | x2 | X | x2 |
Digital Zoom | x10 | x5 | x10 |
กล้องหน้า | 7MP f/2.2 TrueDepth | 7MP f/2.2 TrueDepth | 7MP f/2.2 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS |
การถ่ายวิดีโอ | กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 1080p @ 30 fps |
กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 1080p @ 30 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 1080p @ 30 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 5
Blutooth 5.0 |
||
5G | X
(4G LTE) |
||
ระบบ Dual SIM | X | ✓
(ผ่าน eSIM) |
✓
(ผ่าน eSIM) |
ลำโพง | ลำโพง Stereo | ลำโพง Stereo | ลำโพง Stereo
รองรับ Spartial Audio และ Dolby Atmos |
มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น | IP67
(ทนน้ำลึกสูงสุด 1 เมตร 30 นาที) |
IP67
(ทนน้ำลึกสูงสุด 1 เมตร 30 นาที) |
IP68
(ทนน้ำลึกสูงสุด 2 เมตร 30 นาที) |
แบตเตอรี่ | 2716 mAh | 2942 mAh | Xs: 2658 mAh |
Xs Max: 3174 mAh | |||
ชาร์จไว | 15W | ||
ชาร์จไร้สาย | Qi Wireless Charge 7.5W |
ปี 2019 Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่โดยนับรุ่นเลขรุ่นต่อจาก iPhone X Series และข้ามรุ่นที่ 9 ไปแบบงง ๆ โดยเปิดตัวด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ iPhone 11 ซึ่งเป็นรุ่นมาตรฐานที่มีการอัปเกรดจาก iPhone XR อีกนิดหน่อย เช่น
iPhone 11 Pro และ Pro Max เป็นซีรีส์รุ่นท็อปออกมาให้มีความชัดเจนมากขึ้นภายใต้คำจำกัดความว่า “Pro” ซึ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ใช้งานระดับสูง ได้รับการอัปเกรดที่เหมือนกับ iPhone 11 แต่มากกว่า
เพราะ iPhone 11 Pro และ Pro Max มาพร้อมกับหน้าจอแบบใหม่ Super Retinal Display XDR ที่สว่างขึ้นกว่าเดิมเกือบ 2 เท่า มีกล้องหลัง 3 ตัวเป็นครั้งแรกของ iPhone อีกทั้งยังได้แบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น อึดขึ้นอีกด้วย
สเปค / รุ่น | iPhone 11 | iPhone XR | iPhone 11 / 11 Pro และ 11 Pro Max | iPhone XS / XS MAX |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
หน้าจอแสดงผล | Liquid Retina HD (IPS LCD) 60 Hz | Liquid Retina HD (IPS LCD) 60 Hz | Super Retina XDR OLED 60 Hz | Super Retina HD OLED 60 Hz |
ขนาดจอแสดงผล | 6.1″ | 6.1″ | 11 Pro – 5.8″ | XS – 5.8″ |
11 Pro Max – 6.5″ | XS Max – 6.5″ | |||
ความละเอียด | 1792 x 828 326 ppi | 1792 x 828 326 ppi | 11 Pro – 2436 x 1125 458 ppi | XS – 2436 x 1125 458 ppi |
11 Pro Max – 2688 x 1242 458 ppi | XS Max – 2688 x 1242 458 ppi | |||
CPU | A13 Bionic | A12 Bionic | A13 Bionic | A12 Bionic |
RAM | 4GB | 3GB | 4GB | 4GB |
ความจุ | 64GB
128GB 256GB |
64GB
128GB 256GB |
64GB
256GB 512GB |
64GB
256GB 512GB |
กล้องหลัก | 12MP (Wide) f/1.8, 1.4µm, กันสั่น OIS | |||
กล้อง Ultra Wide | 12 MP, f/2.4, มุมกว้าง 120˚ | X | 12 MP, f/2.4, มุมกว้าง 120˚ | X |
กล้อง Telephoto | X | X | 12 MP f/2.0, 1.0µm, กันสั่น OIS | 12 MP f/2.4, 1.0µm, กันสั่น OIS |
Optical Zoom | x2 | X | x2 | x2 |
Digital Zoom | x5 | x5 | x10 | x10 |
กล้องหน้า | 12MP f/2.2 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS | 7MP f/2.2 TrueDepth | 12MP f/2.2 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS | 7MP f/2.2 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS |
การถ่ายวิดีโอ | กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 4K @ 60 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 1080p @ 30 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 4K @ 60 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 1080p @ 30 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 6 Bluetooth 5.0 |
Wi-Fi 5 Bluetooth 5.0 |
Wi-Fi 6 Bluetooth 5.0 |
Wi-Fi 5 Bluetooth 5.0 |
5G | X (4G LTE) | |||
ระบบ Dual SIM | ✓ (ผ่าน eSIM) | |||
ลำโพง | ลำโพง Stereo
รองรับ Spartial Audio และ Dolby Atmos |
ลำโพง Stereo | ลำโพง Stereo
รองรับ Spartial Audio และ Dolby Atmos |
ลำโพง Stereo
รองรับ Spartial Audio และ Dolby Atmos |
มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น | IP68
(ทนน้ำลึกสูงสุด 2 เมตร 30 นาที) |
IP67
(ทนน้ำลึกสูงสุด 1 เมตร 30 นาที) |
IP68
(ทนน้ำลึกสูงสุด 2 เมตร 30 นาที) |
IP68
(ทนน้ำลึกสูงสุด 2 เมตร 30 นาที) |
แบตเตอรี่ | 3110 mAh | 2942 mAh | 11 Pro: 3046 mAh | Xs: 2658 mAh |
11 Pro Max: 3989 mAh | Xs Max: 3174 mAh | |||
ชาร์จไว | 18W | 15W | 11 Pro: 18W | 15W |
11 Pro Max: 20W | ||||
ชาร์จไร้สาย | Qi Wireless Charge 7.5W |
iPhone 12 Series เปิดตัวมาด้วยการใช้ดีไซน์แบบใหม่ที่จากเดิมเป็นขอบมน เปลี่ยนมาใช้ขอบตัวเครื่องแบบเหลี่ยมที่ทำให้นึกถึง iPhone 4 – 5s อีกทั้งยังเปิดตัวไลน์อัพใหม่อย่าง iPhone 12 mini ที่เป็นซีรีส์สำหรับ iPhone ขนาดเล็ก 5.4 นิ้ว ใช้งานมือเดียวสะดวก แต่ยังได้สเปคแบบเดียวกับเครื่องไซซ์ปกติ ส่วนสเปคหลัก ๆ ที่ได้รับการอัปเกรดมีดังนี้
iPhone 12 Series ยังเริ่มสร้างความแตกต่างระหว่างรุ่นมาตรฐาน และรุ่น Pro ให้มีความชัดเจนมากขึ้นด้วยการเก็บฟีเจอร์กล้องบางอย่างไว้ให้ในรุ่น Pro เท่านั้น ซึ่งสเปคพิเศษของใน iPhone 12 Pro Series มีดังนี้
สเปค / รุ่น | iPhone 12 / 12 mini | iPhone 11 | iPhone 12 Pro / 12 Pro Max | iPhone 11 / 11 Pro และ 11 Pro Max |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
หน้าจอแสดงผล | Super Retina XDR OLED 60 Hz | Liquid Retina HD (IPS LCD) 60 Hz | Super Retina XDR OLED 60 Hz | Super Retina XDR OLED 60 Hz |
ขนาดจอแสดงผล | 12 – 6.1″ | 6.1″ | 12 Pro – 6.1″ | 11 Pro – 5.8″ |
12 mini – 5.4″ | 12 Pro Max – 6.7″ | 11 Pro Max – 6.5″ | ||
ความละเอียด | 12 – 2532×1170 460 ppi | 1792 x 828 326 ppi | 12 Pro – 2532 x 1170 460 ppi | 11 Pro – 2436 x 1125 458 ppi |
12 Mini – 2340×1080 476 ppi | 12 Pro Max – 2778 x 1284 458 ppi | 11 Pro Max – 2688 x 1242 458 ppi | ||
CPU | A14 Bionic | A13 Bionic | A14 Bionic | A13 Bionic |
RAM | 4GB | 4GB | 6GB | 4GB |
ความจุ | 64GB
128GB 256GB |
64GB
128GB 256GB |
128GB
256GB 512GB |
64GB
256GB 512GB |
กล้องหลัก | 12MP (Wide) f/1.6, 1.4µm, กันสั่น OIS | 12MP (Wide) f/1.8, 1.4µm, กันสั่น OIS | iPhone 12 Pro 12MP (Wide) f/1.6, 1.4µm, กันสั่น OIS |
12MP (Wide) f/1.8, 1.4µm, กันสั่น OIS |
iPhone 12 Pro Max 12MP (Wide) f/1.6, 1.7µm, กันสั่น OIS แบบ Sensor Shift |
||||
กล้อง Ultra Wide | 12 MP, f/2.4, มุมกว้าง 120 | |||
กล้อง Telephoto | X | X | iPhone 12 Pro
12 MP f/2.0, 1.0µm, 52mm, กันสั่น OIS |
12 MP f/2.0, 1.0µm, 52mm, กันสั่น OIS |
iPhone 12 Pro Max
12 MP f/2.2, 1.0µm, 65mm, กันสั่น OIS |
||||
Optical Zoom | x2 | x2 | iPhone 12 Pro:
ซูมเข้า: x2 ซูมออก: x2 |
x2 |
iPhone 12 Pro Max:
ซูมเข้า: x2.5 ซูมออก: x2.5 |
||||
Digital Zoom | x5 | x5 | x12 | x10 |
กล้องหน้า | 12MP f/2.2 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS | |||
การถ่ายวิดีโอ | กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 4K @ 60 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
|||
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 6 Blutooth 5.0 |
|||
5G | ✓ | X
(4G LTE) |
✓ | X
(4G LTE) |
ระบบ Dual SIM | ✓ (ผ่าน eSIM) | |||
ลำโพง | ลำโพง Stereo รองรับ Spartial Audio และ Dolby Atmos | |||
มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น | IP68 (ทนน้ำลึกสูงสุด 2 เมตร 30 นาที) | |||
แบตเตอรี่ | 12 : 2815 mAh | 3110 mAh | 12 Pro: 2815 mAh | 11 Pro: 3046 mAh |
12 mini : 2227 mAh | 12 Pro Max: 3687 mAh | 11 Pro Max: 3989 mAh | ||
ชาร์จไว | 20W | 18W | 12 Pro: 20W | 11 Pro: 18W |
12 Pro Max: 22W | 11 Pro Max: 20W | |||
ชาร์จไร้สาย | Qi Wireless Charge 7.5W MagSafe fast wireless charging 15W |
Qi Wireless Charge 7.5W | Qi Wireless Charge 7.5W MagSafe fast wireless charging 15W |
Qi Wireless Charge 7.5W |
iPhone 13 Series มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องดีไซน์นิดหน่อย มีการลดขนาดของรอยบากให้เล็กลงจากในรุ่นก่อน 20% เปลี่ยน Layout กล้องจากแนวตั้งมาเป็นแนวทแยงเพื่อให้รับแสงได้มากกว่าเดิม 47% มาพร้อมจอแสดงผลที่สว่างกว่าเดิมเพียงเล็กน้อย
ในซีรีส์นี้ยังได้ใส่ชิปเซ็ตประมวลผล Apple A15 Bionic รุ่นใหม่ที่ช่วยให้คุณภาพภาพถ่าย และวิดีโอดีขึ้น และประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น พ่วงด้วย Neural Engine รุ่นใหม่ที่ประมวลผลข้อมูลรวดเร็วกว่าเดิม 44% และทำให้เราได้โหมดกล้องใหม่ ๆ อย่าง Cinematic mode ให้ได้ลองเล่นกันทุกรุ่น แถมยังถ่ายวิดีโอ HDR Dolby Vision ได้สูงสุด 60fps บนความละเอียด 4K ด้วย
ในรุ่น Pro รอบนี้ได้สร้างความแตกต่างด้วยการเลือกใช้พาเนลที่จอ OLED ตัวใหม่ที่มีรีเฟรชเรตแบบ ProMotion ลื่นไหลสูงสุดกว่า 120Hz และใช้ชิปประมวลผล Apple A15 Bionic ที่มีชิป GPU มากกว่าในรุ่นมาตรฐานจาก 4 คอร์ เป็น 5 คอร์ ด้วยประสิทธิภาพชิปประมวลผลที่ดีกว่าทำให้ iPhone 13 Pro Series สามารถถ่ายวิดีโอในคุณภาพระดับสูงอย่าง ProRes ที่ความละเอียด 4k@30fps ได้ อีกทั้งยังใส่กันสั่นแบบ Sensor Shift ให้กับกล้องหลักในรุ่น Pro ด้วย
สเปค / รุ่น | iPhone 13 / 13 mini | iPhone 12 / 12 mini | iPhone 13 Pro / 13 Pro Max | iPhone 12 Pro / 12 Pro Max |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
หน้าจอแสดงผล | Super Retina XDR OLED 60Hz | Super Retina XDR OLED 60Hz | Super Retina XDR 120Hz | Super Retina XDR OLED 60Hz |
ขนาดจอแสดงผล | 13 – 6.1″ | 12 – 6.1″ | 13 Pro – 6.1″ | 12 Pro – 6.1″ |
13 mini – 5.4″ | 12 mini – 5.4″ | 13 Pro Max – 6.7″ | 12 Pro Max – 6.7″ | |
ความละเอียด | 13 – 2532 x 1170 460 ppi | 12 – 2532 x 1170 460 ppi | 13 Pro – 2532 x 1170 460 ppi | 12 Pro – 2532 x 1170 460 ppi |
13 mini – 2340 x 1080 476 ppi | 12 mini – 2340 x 1080 476 ppi | 13 Pro Max – 2778 x 1284 458 ppi | 12 Pro Max – 2778 x 1284 458 ppi | |
CPU | A15 Bionic (GPU 4 คอร์) |
A14 Bionic | A15 Bionic (GPU 5 คอร์) |
A14 Bionic |
RAM | 4GB | 4GB | 6GB | 6GB |
ความจุ | 128GB
256GB 512GB |
64GB
128GB 256GB |
128GB
256GB 512GB 1TB |
128GB
256GB 512GB |
กล้องหลัก | 12MP (Wide) f/1.6, 1.7µm, กันสั่น OIS แบบ Sensor Shift | 12MP (Wide) f/1.6, 1.4µm, กันสั่น OIS | 12MP (Wide) f/1.5, 1.9µm, กันสั่น OIS แบบ Sensor Shift | iPhone 12 Pro 12MP (Wide) f/1.6, 1.4µm, กันสั่น OIS |
iPhone 12 Pro Max 12MP (Wide) f/1.6, 1.7µm, กันสั่น OIS แบบ Sensor Shift |
||||
กล้อง Ultra Wide | 12 MP, f/2.4, มุมกว้าง 120˚ | 12 MP, f/2.4, มุมกว้าง 120˚ | 12 MP, f/1.8, มุมกว้าง 120˚ | 12 MP, f/2.4, มุมกว้าง 120˚ |
กล้อง Telephoto | X | X | 12 MP f/2.8, 77mm, กันสั่น OIS | iPhone 12 Pro 12 MP f/2.0, 1.0µm, 52mm, กันสั่น OIS |
iPhone 12 Pro Max 12 MP f/2.2, 1.0µm, 65mm, กันสั่น OIS |
||||
Optical Zoom | x2 | x2 | ซูมเข้า: x3 ซูมออก: x2 ช่วงซูม: x6 |
iPhone 12 Pro ซูมเข้า: x2 ซูมออก: x2 |
iPhone 12 Pro Max ซูมเข้า: x2.5 ซูมออก: x2.5 |
||||
Digital Zoom | x5 | x5 | x15 | x10 |
กล้องหน้า | 12MP f/2.2 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS | 12MP f/2.2 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS | 12MP f/2.2 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS | 12MP f/2.2 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS |
การถ่ายวิดีโอ | กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 4K @ 60 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 4K @ 60 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 4K @ 60 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 4K @ 60 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 6 Blutooth 5.0 | |||
5G | ✓ | |||
ระบบ Dual SIM | ✓ (ผ่าน eSIM) | |||
ลำโพง | ลำโพง Stereo รองรับ Spartial Audio และ Dolby Atmos | |||
มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น | IP68 (ทนน้ำลึกสูงสุด 2 เมตร 30 นาที) | |||
แบตเตอรี่ | 13: 3240 mAh | 12 : 2815 mAh | 13 Pro: 3095 mAh | 12 Pro: 2815 mAh |
13 mini : 2438 mAh | 12 mini : 2227 mAh | 13 Pro Max: 4352 mAh | 12 Pro Max: 3687 mAh | |
ชาร์จไว | 13: 23W | 20W | 13 Pro: 23W | 12 Pro: 20W |
13 mini : 18W | 13 Pro Max: 27W | 12 Pro Max: 22W | ||
ชาร์จไร้สาย | Qi Wireless Charge 7.5W MagSafe fast wireless charging 15W |
เดินทางมาถึง iPhone 14 Series รุ่นล่าสุดแล้ว ซึ่งรุ่นมาตรฐานในรอบนี้ มีสเปคที่คล้ายกันกับ iPhone 13 และ iPhone 13 mini แบบสุด ๆ ยกเว้นขนาดหน้าจอที่ iPhone 14 Series ได้ตัดรุ่นเล็กไซซ์มินิออกไป และเพิ่มซีรีส์จอใหญ่ที่ห่างหายไปนานอย่าง iPhone 14 Plus ขนาด 6.7 นิ้วเข้ามาแทน
ด้านชิปเซ็ตประมวลผลก็มีความต่างเพียงนิดเดียว เพราะแค่เปลี่ยนมาใช้ชิป A15 Bionic 5 คอร์ จากเดิมที่มีแค่ 4 คอร์ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์หลายหลายที่เพิ่มเข้ามาดังนี้
iPhone 14 Pro Series ถือว่าได้สร้างความแตกต่างอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะได้อัปเกรดสเปคหลากหลายที่รุ่นมาตรฐานไม่มี เช่น
สเปค / รุ่น | iPhone 14 / 14 Plus | iPhone 13 / 13 mini | iPhone 14 Pro / 14 Pro Max | iPhone 13 Pro / 13 Pro Max |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
หน้าจอแสดงผล | Super Retina XDR 60Hz | Super Retina XDR 60Hz | LTPO Super Retina XDR 120Hz | Super Retina XDR 120Hz |
ขนาดจอแสดงผล | 14 – 6.1″ | 13 – 6.1″ | 14 Pro – 6.1″ | 13 Pro – 6.1″ |
14 Plus – 6.7″ | 13 mini – 5.4″ | 14 Pro Max – 6.7″ | 13 Pro Max – 6.7″ | |
ความละเอียด | 14 – 2532 x 1170 460 ppi | 13 – 2532 x 1170 460 ppi | 14 Pro – 2556 x 1179 460 ppi | 13 Pro – 2532 x 1170 460 ppi |
14 Plus – 2778 x 1284 458 ppi | 13 Mini – 2340 x 1080 476 ppi | 14 Pro Max – 2796 x 1290 460 ppi | 13 Pro Max – 2778 x 1284 458 ppi | |
CPU | A15 Bionic (GPU 5 คอร์) |
A15 Bionic (GPU 4 คอร์) |
A16 Bionic | A15 Bionic (GPU 5 คอร์) |
RAM | 6GB | 4GB | 6GB | 6GB |
ความจุ | 128GB
256GB 512GB |
128GB
256GB 512GB |
128GB
256GB 512GB 1TB |
128GB
256GB 512GB 1TB |
กล้องหลัก | 12MP (Wide) f/1.5, 1.9µm, กันสั่น OIS แบบ Sensor Shift | 12MP (Wide) f/1.6, 1.7µm, กันสั่น OIS แบบ Sensor Shift | 48MP (Wide) f/1.8, 1.22µm, กันสั่น OIS แบบ Sensor Shift, Quad Pixel | 12MP (Wide) f/1.5, 1.9µm, กันสั่น OIS แบบ Sensor Shift |
กล้อง Ultra Wide | 12 MP, f/2.4, มุมกว้าง 120˚ | 12 MP, f/2.4, มุมกว้าง 120˚ | 12 MP, f/2.2, มุมกว้าง 120˚ | 12 MP, f/1.8, มุมกว้าง 120˚ |
กล้อง Telephoto | X | X | 12 MP f/2.8, 77mm, กันสั่น OIS | 12 MP f/2.8, 77mm, กันสั่น OIS |
Optical Zoom | ซูมเข้า: x2 ซูมออก: x2 | x2 | ซูมเข้า: x3 ซูมออก: x2 ช่วงซูม: x6 |
ซูมเข้า: x3 ซูมออก: x2 ช่วงซูม: x6 |
Digital Zoom | x5 | x5 | x15 | x15 |
กล้องหน้า | 12MP f/1.9 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS | 12MP f/2.2 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS | 12MP f/1.9 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS + AutoFocus | 12MP f/2.2 TrueDepth + กันสั่น gyro-EIS |
การถ่ายวิดีโอ | กล้องหลัง: 4K @ 60 fps, กันสั่น Action mode
กล้องหน้า: 4K @ 60 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 4K @ 60 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
กล้องหลัง: 4K @ 60 fps, กันสั่น Action mode
กล้องหน้า: 4K @ 60 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
กล้องหลัง: 4K @ 60 fps
กล้องหน้า: 4K @ 60 fps อัดวิดีโอแบบเสียงสเตอริโอ |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 6 Blutooth 5.3 |
Wi-Fi 6 Blutooth 5.0 |
Wi-Fi 6 Blutooth 5.3 |
Wi-Fi 6 Blutooth 5.0 |
5G | ✓ | |||
ระบบ Dual SIM | ✓ (ผ่าน eSIM) |
|||
ลำโพง | ลำโพง Stereo รองรับ Spartial Audio และ Dolby Atmos |
|||
มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น | IP68 (ทนน้ำลึกสูงสุด 2 เมตร 30 นาที) |
|||
แบตเตอรี่ | 14: 3279 mAh | 13: 3240 mAh | 14 Pro: 3200 mAh | 13 Pro: 3095 mAh |
14 Plus: 4323 mAh | 13 mini : 2438 mAh | 14 Pro Max: 4323 mAh | 13 Pro Max: 4352 mAh | |
ชาร์จไว | ยังไม่มีรายละเอียด | 13: 23W | ยังไม่มีรายละเอียด | 13 Pro: 23W |
13 mini : 18W | 13 Pro Max: 27W | |||
ชาร์จไร้สาย | Qi Wireless Charge 7.5W MagSafe fast wireless charging 15W |
และนี่คือทั้งหมดของสเปค iPhone รุ่นรอยบากทุกรุ่นที่เราได้รวบรวมมาเปรียบเทียบให้ชมกัน นอกจากเราจะได้รู้เรื่องฟีเจอร์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นแล้ว เรายังได้เห็นพัฒนาการของ iPhone ในแต่ละปีที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ ด้วย
หลัก ๆ แล้วใครที่ยังถือ iPhone 12 Series อยู่ อาจจะยังไม่คุ้มค่าที่อัปเกรดสักเท่าไหร่ เพราะชิป A14 ก็ยังแรงใกล้ ๆ ชิปรุ่นท็อปในยุคนี้อยู่ แถมฟีเจอร์กล้องที่ได้มา เมื่อเทียบกับ iPhone 14 Series ก็ถือว่ายังไม่ขาดสักเท่าไหร่
แต่หากใครที่กำลังถือ iPhone X Series ลงไปแล้วล่ะก็ อาจจะถึงคราวที่ต้องอัปเกรดกันแล้ว เพราะไม่มีทั้งกล้อง Ultrawide, โหมดถ่ายภาพกลางคืน อีกทั้งชิป A11 และ A12 Bionic ที่ตกรุ่นไปหลายปีแล้ว และในอนาคตเราจะได้เห็น Apple เข็นฟีเจอร์ และสเปคอะไรใหม่มาเพื่อผู้ใช้งานกันอีก ต้องคอยติดตามกันครับ
อ้างอิง: Apple, GSMArena
from:https://droidsans.com/from-iphone-x-to-i-phone-14-compare/
มือถือเครื่องใหม่ไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นล่าสุดก็ได้ บางรุ่นยังใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาอะไร โดยเฉพาะมือถือ iPhone รุ่นย้อนกลับไปสองสามปี ที่ยังมีฟีเจอร์และสเปคไม่ต่างกันมาก แถมยังคงรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์อยู่ได้ยาว ๆ คราวนี้เราเลยไปรวบรวมราคามือถือไอโฟนตั้งแต่ iPhone 11 ขึ้นมาจนถึง iPhone 14 ว่านอกจากราคาแล้วแต่ละรุ่นมีความน่าใช้เท่าไรบ้างครับ
64 GB | 128GB | 256GB | 512GB | 1TB | |
iPhone 14 Pro Max | – | 44,900 | 48,900 | 57,900 | 66,900 |
iPhone 14 Pro | – | 41,900 | 45,900 | 54,900 | 63,900 |
iPhone 14 Plus | – | 37,900 | 41,900 | 50,900 | – |
iPhone 14 | – | 32,900 | 36,900 | 45,900 | – |
iPhone 13 Pro Max | – | 39,900 | 43,400 | 50,900 | 58,400 |
iPhone 13 Pro | – | 35,900 | 39,400 | 46,900 | 54,400 |
iPhone 13 | – | 29,900 | 33,900 | 42,900 | – |
iPhone 13 mini | – | 24,900 | 28,900 | 37,900 | – |
iPhone 12 Pro Max | – | – | 43,900 | – | – |
iPhone 12 Pro | – | 36,900 | 40,900 | 48,900 | – |
iPhone 12 | 24,900 | 26,900 | 30,900 | – | – |
iPhone 12 mini | – | – | 25,900 | – | – |
iPhone 11 | 17,200 | 19,200 | – | – | – |
iPhone SE 3 (2022) | 17,900 | 19,900 | 23,900 | – | – |
*หมายเหตุ* ราคาดังกล่าวมาจากร้านค้าหลายแหล่ง ระบุร้านไว้แล้วตามสีช่อง อย่าง Apple, studio7, PowerBuy, istudiobyuficon ส่วนช่องที่ขีดเอาไว้ คือไม่มีรุ่นความจุนั้น หรือไม่มีวางขายในร้านค้าทางการใด ๆ แล้วครับ
จะเห็นได้ว่าไอโฟนราคาถูกที่สุดตอนนี้ คือรุ่น iPhone 11 ความจุเริ่มต้น 64GB
ปีนี้มีรุ่นธรรมดาเป็น iPhone 14 และรุ่นจอกว้าง iPhone 14 Plus ที่เป็นที่กล่าวขานว่าเป็นรุ่นที่ไม่น่าซื้อ เพราะข้างในเครื่องยังใช้ระบบ และชิป A15 Bionic ตัวเดิมกับรุ่น iPhone 13 มีเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตรงเซนเซอร์กล้องให้ดีขึ้น กล้องหน้ามี Autofocus และเพิ่ม core GPU เป็น 5 แกน นอกจากนี้แล้วยังมีราคาเปิดตัวแพงขึ้น จากค่าเงินไทยที่อ่อนตัวลงในช่วงนี้
แต่ iPhone 14 Pro และรุ่นจอใหญ่ iPhone 14 Pro Max ปีนี้ยังมีเรื่องให้ฮือฮาเป็นการนำเสนอฟีเจอร์ Dynamic Island มาแทนรอยบาก Notch ด้านบนของจอ พร้อมชิปตัวใหม่ล่าสุด A16 Bionic ที่มีผลทดสอบว่าแรงขึ้นชิป A15 นิดหน่อยเท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังมีการอัปเกรดระบบกล้องให้ดีขึ้น กล้องหลัก 48MP มีระบบตรวจจับการชนกัน Crash Detection ที่ใส่เข้ามาในรุ่นนี้ครับ ดูเทียบสเปค iPhone 14 Series
และเนื่องจาก iPhone 14 Series เป็นรุ่นใหม่ของปีนี้ จึงยังมีราคาที่แพงที่สุด และมีวางขายอยู่ทั่วไป ทั้งทาง Apple Store และตัวแทนจำหน่ายอื่น ๆ มากมาย
iPhone 13 และรุ่นจอเล็ก iPhone 13 mini อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนอยากได้ไอโฟนรุ่นใหม่ ที่ไม่ต้องเป็นรุ่นล่าสุด แพงที่สุด โดยรุ่นนี้มีสเปคต่าง ๆ คล้ายกับรุ่น iPhone 14 ตัวธรรมดาอย่างมาก ด้วยจอ 60Hz ชิป A15 Bionic ต่างกันด้วยรูรับแสงที่ iPhone 13 ขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย และกล้องหน้าไม่มี Auto Focus แต่นอกจากนี้ก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ รุ่นนี้ยังมีการใส่กันสั่น OIS มาในกล้องหลักด้วย
ส่วน iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มือถือรุ่นใหญ่ของซีรี่ส์ที่แม้จะแพงกว่า แต่ก็ยังมาพร้อมชิปตัวเดียวกันกันรุ่น 13 ธรรมดา แต่มีการใส่หน้าจอ ProMotion รีเฟรชเรท 120Hz เข้ามาเป็นครั้งแรกของฝั่ง iOS ส่วนกล้องสามารถใช้โหมดกลางคืนได้เท่าเทียมกันได้ทั้ง 3 ตัว ใครชอบกล้อง ชอบจอ ให้เค้าจัดเต็ม โดยไม่แคร์ Dynamic Island จัดรุ่น 13 Pro ไปคงไม่ผิดหวัง ดูเทียบสเปค iPhone 13 Series
iPhone 13 Series เป็นมือถือรุ่นเปิดตัวมาปีที่แล้ว ทำให้ตอนนี้ยังมีสินค้าอยู่ครบถ้วนแทบทุกรุ่น แต่ราคาก็ไม่ค่อยตกลงจากตอนเปิดตัวเท่าไหร่ เพราะรุ่นใหม่มันแพงอยู่ไปแล้ว ราคาเลยค่อนข้างคงที่ โดยรุ่น iPhone 13 และ 13 mini ยังมีขายอยู่ในเว็บ Apple แต่รุ่น iPhone 13 Pro และ 13 Pro Max เอาออกจากร้านทางการแล้ว เหลือแต่ในร้านตัวแทน
iPhone 12 เปิดตัวมาพร้อมมือถือตัวเล็ก iPhone 12 mini ทั้งคู่ใช้ชิป A14 Bionic บนฐาน 5nm รองรับเครือข่าย 5G เป็นครั้งแรกของไอโฟน มาพร้อมการกลับมาของดีไซน์ขอบเหลี่ยม จอเป็นแบบ OLED รองรับการแสดงผล HDR รองรับแถบแม่เหล็ก Magsafe ด้านหลังเครื่อง ที่ไว้ชาร์จแบบไร้สาย และแปะอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ด้วย (แม้จะไม่ค่อยเป็นมีใครใช้เท่าไรก็ตาม)
ส่วน iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max มากับกล้องเทพ 3 ตัวด้านหลัง มีกันสั่น OIS ที่กล้องหลักและกล้องอัลตราไวด์ มีเซ็นเซอร์จับความลึก LIDAR ช่วยถ่ายวัตถุได้แม่นยำ ถ่าย Portrait สวย
iPhone 12 Series ออกมาตั้งแต่ปี 2020 ทำให้เริ่มหาซื้อได้ไม่ครบทุกรุ่น อย่างรุ่น iPhone 12 Pro Max สามารถหาซื้อความจุเดียวคือ 256GB ได้จากร้าน istudiobyuficon บน Shopee หรือ Lazada เท่านั้น เช่นเดียวกันกับ iPhone 12 mini ที่หาซื้อยากมาก ส่วนรุ่นที่ยังมีวางขายเยอะอยู่คือ iPhone 12 Pro และ iPhone 12 ธรรมดา ที่แม้มีวางขายครบแทบทุกหน่วยความจุบนเว็บ PowerBuy แต่ก็ไม่ได้มีราคาถูกลงมาก
iPhone 11 ออกมา 3 ปีได้แล้ว รุ่นนี้มีจุดเด่นเป็นการนำระบบประมวลภาพถ่ายแบบใหม่ ทำให้เราได้เห็นภาพออกมาสีเข้ม ๆ สว่าง ๆ เป็นยุคที่ใช้ชิป A13 Bionic โดยแต่ละรุ่นก็จะมีความต่างกันอยู่พอสมควร แต่ขณะนี้สามารถหาซื้อได้แต่รุ่น iPhone 11 ธรรมดาเท่านั้น ส่วนรุ่น iPhone 11 Pro และ 11 Pro Max นั้นไม่สามารถหาซื้อมือ 1 ได้แล้ว
iPhone 11 ยังคงใช้จอแบบ LCD สีสันและความสว่งอาจไม่สู้รุ่นใหม่ ๆ ได้เท่าไร ตัวกล้องมีมาให้ 2 ตัว กล้องหลัก 12MP กับอัลตราไวด์ 12MP มุมกว้าง 120 องศา ชาร์จแบตไว 18W ไม่มีชาร์จไร้สาย
ตอนนั้นเปิดตัวไอโฟน 11 มา ราคาเริ่มต้นที่ 24,900 บาท ตอนนี้ก็นับว่าราคาลดลงไปเยอะอยู่เหมือนกัน ก็พอเหมาะกับคนที่ต้องการใช้ไอโฟนที่ไม่ได้สเปคเร็วแรงที่สุด แต่ยังถ่ายภาพสวยสไตล์ไอโฟน และใช้ระบบ iOS
อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนต้องการซื้อไอโฟน คือ iPhone SE 3 มือถือร่างเล็กจอขนาด 4.7 นิ้วที่ออกมาในปี 2022 แต่แม้จะเครื่องจิ๋วแต่ความแรงยังแจ๋ว ด้วยการใช้ชิป A15 Bionic ตัวเดียวกับใน iPhone 13 Series และ iPhone 14 และ 14 Plus ทั้งแรงและรองรับ 5G แถมยังสามารถประมวลผลกล้องได้ ออกมาภาพเหมือนไอโฟนรุ่นใหม่ ๆ ส่วนจอ Retina ก็ชัดระดับ HD พอไปวัดไปวา กันน้ำทนฝุ่น IP67 มีแสกนนิ้ว Touch ID แต่ว่าจะมีกล้องหลังตัวเดียว 12MP ส่วนกล้องหน้า 7MP
โชคร้ายหน่อยที่ Apple เพิ่งขึ้นราคาไอโฟน SE 3 ไปหลังเปิดตัว iPhone 14 ปีนี้ ทำให้ราคาแพงขึ้นมาซะอย่างงั้น แต่ยังหาซื้อได้อยู่ทั่วไปครับ
from:https://droidsans.com/latest-price-iphone-14-13-12-11-se-2022/
ข้อมูลนี้แสดงราคา iPhone เครื่องเปล่ารุ่นที่ Apple วางข […] More
from:https://www.iphonemod.net/iphone-price-update-oct-2022.html
ข้อมูลนี้แสดงราคา iPhone เครื่องเปล่ารุ่นที่ Apple วางข […] More
from:https://www.iphonemod.net/iphone-price-update-thai-price-and-promotion-sep-2022.html
Xiaomi เปิดตัว Xiaomi Magnetic Wireless Power Bank แท่นชาร์จไร้สายแบบมัลติฟังก์ชันสำหรับ iPhone จุดเด่นคือ ตัวมันเองสามารถถอดจากแท่นออกมาใช้งานเป็นเพาเวอร์แบงก์ได้ รองรับการจ่ายไฟทั้งแบบมีสายผ่าน USB-C สู่ Lightning และไร้สายผ่าน MagSafe สนนราคา 200 หยวน หรือประมาณ 1,000 บาท เบื้องต้นยังมีวางจำหน่ายเฉพาะในจีน
Xiaomi Magnetic Wireless Power Bank จ่ายไฟได้สูงสุด 12W กรณีใช้งานผ่านสาย หรือ 7.5W กรณีใช้งานแบบไร้สาย ในขณะที่อินพุตสำหรับชาร์จไฟเข้ารองรับสูงสุด 20W ส่วนความจุที่ให้มาจะอยู่ที่ 5,000mAh ซึ่ง Xiaomi เคลมว่า สามารถชาร์จ iPhone 13 ที่มีแบตเตอรี่ 3240mAh ได้ 1 รอบ
ฟีเจอร์เพิ่มเติมคือ Xiaomi Magnetic Wireless Power Bank จะทำงานอัตโนมัติในโหมด MagSafe โดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มเปิดการทำงานก่อน แค่ประกบเข้าที่ด้านหลัง iPhone ก็พร้อมชาร์จทันที
น่าแปลกที่ Xiaomi ระบุว่า Xiaomi Magnetic Wireless Power Bank รองรับการใช้งานร่วมกับ iPhone 12 และ iPhone 13 แต่กลับไม่เอ่ยถึง iPhone 14 ที่เป็นรุ่นใหม่กว่าและมีเทคโนโลยี MagSafe แบบเดียวกัน ซึ่งตามหลักแล้วควรจะใช้งานร่วมกันได้
ที่มา : Xiaomi
from:https://droidsans.com/xiaomi-magnetic-wireless-power-bank-iphone/
ภายหลังการเปิดตัว iPhone 14 เมื่อคืนนี้ Apple ได้เริ่มปรับราคา iPhone รุ่นเก่า รวมถึงเลิกจำหน่ายในบางส่วน ซึ่งถ้าเป็นปกติคงไม่มีอะไรให้แปลกใจ เพราะเป็นไปตามวงจรของสินค้าและธรรมเนียมของ Apple ในทุกปีอยู่แล้ว แต่…ปีนี้มีเซอร์ไพรส์เล็กน้อย จากการที่ iPhone SE 3 ได้ปรับราคาขึ้น 2,000 บาทในทุกความจุ ทั้งที่เปิดตัวมาราวครึ่งปีเท่านั้น
iPhone SE 3 ที่วางขายผ่านร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของ Apple ปรับราคาขึ้นและมีผลทันที ดังนี้
สำหรับ iPhone รุ่นอื่น ๆ ที่ปรับราคาลง ได้แก่ iPhone 12 และ iPhone 13 ดังนี้
ส่วนรุ่นที่เลิกขายในรอบนี้ มีด้วยกัน 3 รุ่น คือ
เป็นที่สังเกตว่า การปรับราคาขึ้นของ iPhone SE 3 อาจเป็นผลมาจากภาวะเงินเฟ้อและเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เช่นเดียวกับ iPhone 14 ที่ราคาเปิดตัวแพงกว่าปีก่อนรุ่นละประมาณ 3 ถึง 4 พันบาท แต่กับการซื้อกับร้านค้าทั่ว ๆ ไป คงยังสามารถหาซื้อได้ในราคาเดิมไปอีกสักพักใหญ่ (ปกติถูกกว่าที่ Apple ขายเองราว 1 ถึง 2 พันบาทอยู่แล้ว)
ดูข้อมูลเพิ่มเติม : Apple
ภายหลังการเปิดตัว iPhone 14 เมื่อคืนนี้ Apple ได้เริ่มปรับราคา iPhone รุ่นเก่า รวมถึงเลิกจำหน่ายในบางส่วน ซึ่งถ้าเป็นปกติคงไม่มีอะไรให้แปลกใจ เพราะเป็นไปตามวงจรของสินค้าและธรรมเนียมของ Apple ในทุกปีอยู่แล้ว แต่…ปีนี้มีเซอร์ไพรส์เล็กน้อย จากการที่ iPhone SE 3 ได้ปรับราคาขึ้น 2,000 บาทในทุกความจุ ทั้งที่เปิดตัวมาราวครึ่งปีเท่านั้น
iPhone SE 3 ที่วางขายผ่านร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของ Apple ปรับราคาขึ้นและมีผลทันที ดังนี้
สำหรับ iPhone รุ่นอื่น ๆ ที่ปรับราคาลง ได้แก่ iPhone 12 และ iPhone 13 ดังนี้
ส่วนรุ่นที่เลิกขายในรอบนี้ มีด้วยกัน 3 รุ่น คือ
เป็นที่สังเกตว่า การปรับราคาขึ้นของ iPhone SE 3 อาจเป็นผลมาจากภาวะเงินเฟ้อและเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เช่นเดียวกับ iPhone 14 ที่ราคาเปิดตัวแพงกว่าปีก่อนรุ่นละประมาณ 3 ถึง 4 พันบาท แต่กับการซื้อกับร้านค้าทั่ว ๆ ไป คงยังสามารถหาซื้อได้ในราคาเดิมไปอีกสักพักใหญ่ (ปกติถูกกว่าที่ Apple ขายเองราว 1 ถึง 2 พันบาทอยู่แล้ว)
ดูข้อมูลเพิ่มเติม : Apple
แอปเปิลปรับไลน์สินค้า iPhone หลังเปิดตัว iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max โดยยกเลิกการขายบางรุ่น และปรับราคาในรุ่นเก่าที่ยังขายอยู่
iPhone รุ่นที่แอปเปิลเลิกขายผ่านช่องทางออนไลน์แล้วคือ iPhone 11 และ iPhone 12 mini แต่ยังอาจหาซื้อได้ผ่านตัวแทนจำหน่าย ที่น่าสนใจคือแม้ iPhone 14 จะเลิกขายรุ่น mini ที่หน้าจอขนาดเล็กแล้ว แต่แอปเปิลยังคงมี iPhone 13 mini ขายต่อไปเป็นทางเลือก
ราคาขายที่ปรับใหม่ของ iPhone รุ่นเก่าและรุ่นใหม่เป็นดังนี้
มีข้อสังเกตว่าราคา iPhone รุ่นเก่าปรับลงไม่มาก หรือกรณีของ iPhone SE นั้น ปรับเพิ่มขึ้นเสียอีก (เท่าที่ตรวจสอบ ราคาผ่านตัวแทนจำหน่ายอาจต่างออกไป) ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับราคาไทย iPhone 14 ที่แพงขึ้น
ที่มา: MacRumors