YouTube ประกาศยอดรวมดูวิดีโอครบหนึ่งพันล้านวิวต่อวันแล้ว

YouTube ได้ประกาศลงบล็อกว่า ล่าสุดเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีผู้ใช้ที่ดูวิดีโอบน YouTube จากทั่วโลกรวมกันครบ 1 พันล้านวิวต่อวันแล้ว ซึ่งการได้เข้าถึงยอดพันล้านในครั้งนี้ ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่งของ YouTube เลยทีเดียว

นอกจากการฉลองยอดวิวแล้ว YouTube กล่าวว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน บริการจะเน้นสนใจระยะเวลาที่ผู้ใช้ดูวิดีโอมากกว่า เพื่อให้เข้าใจอย่างแท้จริงว่าผู้ใช้นั้นเพลิดเพลินกับอะไร ซึ่ง YouTube เชื่อว่าการโฟกัสในลักษณะนี้จะช่วยให้ตัวบริการเป็นพื้นที่ที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างสรรค์วิดีโอ และแฟน ๆ ผู้ติดตามวิดีโอให้มากขึ้น

ที่มา – YouTube

Topics: 

YouTube

from:https://www.blognone.com/node/90488

ลือ!! iPhone 8 จะเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C แทน Lightning

The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ รายงานว่า iPhone 8 มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อจาก Lightning มาใช้ USB-C และถ้าเป็นเรื่องจริง นี่จะเป็นการเปลี่ยนพอร์ตครั้งที่ 3 ของ iPhone หลังจากเคยเปลี่ยนมาใช้ Lightning แทน 30-pin เมื่อปี 2012 แหล่งข่าวยังอ้างว่า iPhone 8 จะมีจอแสดงผลขนาดใหญ่ ใช้จอโค้ง OLED และไม่มีปุ่มโฮม

ข่าวลือก่อนหน้านี้รายงานว่า iPhone 8 จะใช้จอแสดงผล OLED ขนาด 5.8 นิ้ว มากับ RAM 3GB เหมือนที่พบใน iPhone 7 Plus ความจุมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 64GB และ 256GB รองรับเทคโนโลยี Wireless Charging ราคาประมาณ 1,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 35,000 บาท

ที่มา – Gsmarena

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=175727

True ประกาศผลประกอบการ ลูกค้ามือถือเพิ่ม 5.4 ล้านราย ขึ้นเป็นอันดับ 2 ของตลาด

True Corporation ประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2559 เติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วย EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากการให้บริการที่เพิ่มขึ้นเกือบ 18% โดย ธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่เติบโตอย่างโดดเด่น เหนือภาพรวมอุตสาหกรรม มีรายได้จากการให้บริการโต 28% และ EBITDA เพิ่มขึ้น 54% เทียบกับปีก่อนหน้า เพิ่มจำนวนลูกค้า 5.4 ล้านราย ทำให้ก้าวเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออันดับ 2 ของประเทศ

True มีรายได้จากการให้บริการโดยรวมเพิ่มขึ้น 17.7% เป็นจำนวน 88.1 พันล้านบาท ในปี 2559 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตอย่างโดดเด่นของธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ทั้งในกลุ่มลูกค้าระบบเติมเงินและรายเดือน ในขณะที่ บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตสำหรับลูกค้าทั่วไป เติบโต 13.6% ส่งผลให้ EBITDA ของกลุ่มเติบโต 33.3% เป็น 25.1 พันล้านบาท ซึ่งไม่รวมกำไรจากการโอนเสาโทรคมนาคมใหม่เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) ในปี 2558 เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบผลการดำเนินงานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเร่งขยายโครงข่ายและการให้บริการให้ครอบคลุมประชากรทั่วประเทศเพื่อขยายฐานลูกค้า 4G และไฟเบอร์บรอดแบรนด์ทั่วประเทศ รวมถึงการรับรู้ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ และค่าใช้จ่ายด้านคอนเทนต์ ส่งผลให้ True รายงานผลขาดทุน จำนวน 2.8 พันล้านบาท ในปี 2559

ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะกรรมการบริหาร กล่าวว่า ปี 2559 รายได้จากการให้บริการของธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ทั้งอุตสาหกรรมเติบโต 5.4% นำโดยการเติบโตของ Truemove H ที่มีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 28% ในขณะที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ของอุตสาหกรรมอยู่ที่ 3.8% ต่อปี

ส่วนธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำ และมีผลประกอบการที่เติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น มีการนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพจากต่างประเทศและในประเทศ

สำหรับการขยายโครงข่าย 4.5G/4G, 3G และ 2G มีความครอบคลุมแล้วกว่า 98% ของประชากร ทั้งยังเร่งขยายโครงข่ายบรอดแบนด์ของ TrueOnline ให้ครอบคลุม 10 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ทั้งหมดเป็นไปตามกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ของ True

ทั้งนี้ Truemove H มีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 5.4 ล้านราย ในปี 2559 คิดเป็นสัดส่วน 75% ของจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิในอุตสาหกรรม ซึ่งขยายฐานลูกค้าทรูมูฟ เอช เพิ่มขึ้นเป็น 24.53 ล้านราย ส่งผลให้ก้าวเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออันดับ 2 ของประเทศในปัจจุบัน ทั้งนี้ รายได้จากการให้บริการของ Truemove H ในไตรมาส 4 ปี 2559 เติบโต 4.7% จากไตรมาสก่อนหน้า

ทำให้ส่วนแบ่งตลาดรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 24.8% เทียบกับ 20.9% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยทั้งปี 2559 Truemove H มีรายได้จากการให้บริการที่เติบโต 28.4% ขณะที่รายได้จากการให้บริการของผู้ประกอบการใหญ่รายอื่นในอุตสาหกรรมมีจำนวนรวมกันลดลง 0.2% จากปีก่อนหน้า

TrueOnline ขยายโครงข่ายไฟเบอร์เข้าถึงครัวเรือนทั่วประเทศ ตอกย้ำจุดยืนที่เป็นผู้นำทั้ง 4G และบรอดแบนด์ ด้วยความเร็วอินเทอร์เน็ต เริ่มต้นตั้งแต่ 30 Mbps ถึง 1 Gbps ผลักดันให้รายได้จากการให้บริการบรอดแบนด์สำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปเติบโต 13.6% จากปีก่อนหน้า และมีลูกค้ารายใหม่สุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 381,000 ราย ในปี 2559 ส่งผลให้ฐานลูกค้าบรอดแบนด์ของกลุ่มเติบโตเป็น 2.8 ล้านราย

TrueVisons เน้นคอนเทนต์ที่หลากหลายและครบครัน การถ่ายทอดสดคอนเทนต์ชั้นนำ พร้อมทั้งนำเสนอช่องรายการคมชัดแบบ HD 55 ช่อง มีจำนวนสมาชิกรายใหม่สุทธิและสมาชิกในระบบค่าบริการสมาชิกเพิ่มสูงขึ้นในปี 2559 ซึ่งผลักดันให้ฐานลูกค้าทั้งหมดเติบโตเป็น 3.9 ล้านราย ณ สิ้นปี

ศุภชัย กล่าวว่า ปี 2560 True จะนำเสนอแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์ที่คุ้มค่าและแตกต่าง การพัฒนาโซลูชั่นในรูปแบบดิจิทัลและนวัตกรรมที่ทันสมัย การต่อยอดความเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญในด้าน IoT (Internet of Things) พร้อมวิเคราะห์และปรับตัวเพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีได้อย่างต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/true-announce-no2-mobile-operator-thailand/

ระวังจะวางไม่ลง!! เกมงู เวอร์ชั่นใหม่บน Nokia 3310 (2017) กราฟิกสวยขึ้น สนุกยิ่งขึ้น (มีคลิป!!)

Nokia 3310 (2017) เป็นโทรศัพท์มือถือที่นำต้นฉบับในปี 2000 มาพัฒนาให้ทันสมัยขึ้น และไม่ได้หวังเปลี่ยนใจผู้บริโภคมาใช้แทนสมาร์ทโฟน ด้วยคุณสมบัติที่รองรับการใช้งานพื้นฐานอย่างเครื่องคิดเลข, ไฟฉาย, กล้อง, เครื่องเล่นเพลง, ข้อความ, การโทร และเกม ซึ่งฟีเจอร์สุดท้ายนี้เองถือเป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้หลายคนอยากจะเป็นเจ้าของ Nokia 3310

เกมงูเวอร์ชั่นใหม่ของ Nokia 3310 (2017) ได้รับการพัฒนาโดยค่ายเกมชั้นนำ Gameloft รูปแบบการเล่นเหมือนกับของเดิม คือควบคุมงูให้เลื้อยไปกินผลไม้ เพื่อเพิ่มความยาว แต่ในเวอร์ชั่นใหม่จะไม่มีการตีกรอบบังคับให้อยู่ในขอบเขตจอแสดงผล เพราะงูจะสามารถเลื้อยทะลุขอบจอแล้ววนมาอีกฝั่งได้ การเลี้ยวของงูก็สมูทมากขึ้น ไม่ได้เป็นการเลี้ยวตั้งฉาก 90 องศาเหมือนแต่ก่อนแล้ว อีกทั้งยังมีโหมดที่สามารถเลื้อยไปด้านข้าง เพื่อปฏิบัติตามภารกิจ

นอกจากจะมีผลไม้มาให้งูกินเพื่อเร่งการเติบโต ก็ยังมีกรรไกรเป็นไอเท็มพิเศษ ช่วยตัดหางให้สั้นลง และทำให้การเคลื่อนไหวของงูช้าลงด้วย และมันมีประโยชน์มากสำหรับการเล่นในโหมด Survival อีกทั้งยังมีแม่เหล็กช่วยดูดผลไม้ที่อยู่ใกล้เข้าปากโดยไม่ต้องเลื้อยไปหา และที่สำคัญคือระเบิด ที่จะโผล่ขึ้นมาดับชีวิตงู แต่จะมีสัญญาณแจ้งเตือนก่อนที่ระเบิดจะโผล่ออกมา

ที่มา – The Verge

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=175723

HyperX เผยโฉมคีย์บอร์ด ALLOY สุดแกร่งเพื่อคอเกมโดยเฉพาะ

• เฟรมโลหะแข็งแรง, ออกแบบในรูปแบบกระทัดรัด เหมาะสำหรับนักเล่นเกม FPS
• ปุ่มสวิทช์ Mechanical ในแบบ Cherry MX เพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ
• ปุ่มสีแดง HyperX Backlit พร้อมแสงไฟแบบไดนามิค

กรุงเทพ, ประเทศไทย – 27 กุมภาพันธ์ 2017 – HyperX, แผนกหนึ่งของคิงส์ตัน เทคโนโลยี ผู้นำอิสระในด้านการผลิตหน่วยความจำระดับโลก วันนี้ได้มีการเปิดตัวคีย์บอร์ดเล่นเกม HyperX ALLOY™ FPS ในรูปแบบของ Mechanical keyboard ที่พร้อมส่งมอบแล้วในประเทศไทย นับเป็นคีย์บอร์ด Mechanical ในแบบ Full-size ในขนาดกระทัดรัดประหยัดพื้นที่ให้มากพอสำหรับเมาส์ในการเล่นเกม FPS ได้เคลื่อนไหวสะดวก สำหรับคีย์บอร์ด HyperX ALLOY FPS มาพร้อมปุ่มสวิทช์ Mechanical ในแบบ Cherry® MX Blue ให้อัตราตอบสนองที่ดีและประสิทธิภาพที่รองรับการเล่นเกมแบบสุดขั้ว ซึ่งทำให้เกมเมอร์สามารถสร้างสรรค์เกมที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

โครงสร้างภายในเป็นเฟรมโลหะอัลลอยที่แข็งแกร่ง นอกจากคีย์บอร์ด HyperX ALLOY FPS จะมาพร้อมสวิทช์ Mechanical ในแบบ Cherry® MX Blue แล้ว ยังติดตั้งแสงไฟสีแดง HyperX red LED ที่สามารถตั้งค่าได้ถึง 6 รูปแบบ พร้อมโหมดที่เลือกได้เอง นอกจากนี้คีย์บอร์ดยังได้มอบ Game Mode มาให้สำหรับปิดการทำงานของปุ่ม Windows ได้ง่ายๆ เพื่อป้องกันการหยุดชะงักระหว่างที่กดปุ่มต่างๆ ในการเล่นเกม และป้องกันการหลอนหรือ Anti-ghost ได้ร้อยเปอร์เซนต์ รวมถึงฟังก์ชั่น N-Key rollover เต็มรูปแบบ สำหรับแง่ของความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพ HyperX ALLOY FPS ยังได้เติมคุณสมบัติที่เรียกว่าพอร์ต USB charging หรือชาร์จไฟผ่าน USB พอร์ต ซึ่งวางอยู่ด้านหลังของคีย์บอร์ด และสิ่งที่น่าสนใจก็คือ ให้ปุ่ม HyperX WASD/1234 สีแดงสด มาด้วย เช่นเดียวกับสายถักที่สามารถถออกได้ กระเป๋าตาข่ายที่ช่วยป้องกันและสำหรับพกพาในการเดินทาง

“จากการวิจัยและทดสอบการเล่นเกมเป็นเวลานับหลายร้อยชั่วโมง, HyperX ได้พัฒนาคีย์บอร์ด Mechanical นี้จากพื้นฐานบนเกมที่มีความหนักหน่วงและเป็นที่นิยม ด้วยคุณสมบัติพื้นฐานที่มีความสำคัญสำหรับเกมเมอร์แนว FPS พร้อมกับโครงสร้างโลหะอัลลอยและปุ่มสวิทช์ในแบบ Cherry MX Blue สิ่งนี้จึงเป็นคีย์บอร์ดที่ออกแบบมาให้ทนต่อการกดได้มากกว่า 50 ล้านครั้งต่อปุ่ม” HyperX กล่าว “เกมเมอร์ใดที่ชื่นชอบการเล่นเกม FPS สุดคลาสสิคอย่าง CS:GO หรือ Overwatch จะต้องชื่นชอบการออกแบบที่ทนทานและขนาดกระทัดรัด ซึ่งนั่นทำให้คีย์บอร์ด HyperX ALLOY FPS ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์ที่ต้องการพื้นที่สำหรับการติดตั้งแผ่นรองเมาส์บนโต๊ะ เพื่อการเล่นที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น”

HyperX เป็นผู้สนับสนุน eSport และกลุ่มของเกมมิ่งต่างๆ ด้วยการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความพิเศษสำหรับเกมเมอร์ FPS เช่นเดียวกับหูฟัง HyperX Cloud Revolver นี้ที่ให้ Sound stage เช่นเดียวกับหูฟังเกรด-สตูดิโอ เพื่อให้เกมเมอร์ได้ทราบทิศทางของเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ จึงให้ความสบายชั้นยอดและเปี่ยมด้วยคุณภาพ สำหรับคีย์บอร์ดแมคคานิคอลใหม่ HyperX ALLOY FPS จะเป็นคีย์บอร์ดอย่างเป็นทางการใน Intel Extreme Masters และถูกใช้ใน 11 กิจกรรมเกมที่ทาง Intel จัดขึ้นตลอดทั้งปีอีกด้วย นอกจากนี้, AlloyALLOY FPS ยังเป็นคีย์บอร์ดที่ได้รับการแนะนำจากองค์กรด้านเกมชั้นนำมากมาย อาทิเช่น NaVi Gaming, Echo Fox and Hell Raisers

HyperX เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงของ Kingston Technology ซึ่งประกอบไปด้วย หน่วยความจำแบบ DDR4 และ DDR3 ความเร็วสูง, SSDs, แฟลชไดรฟ์แบบ USB และอุปกรณ์สำหรับการเล่นเกมส์ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายคือ เกมเมอร์, นักโอเวอร์คล็อกและผู้ที่ชื่นชอบทั้งหลาย HyperX เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในฐานะของผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่ง HyperX ได้ร่วมกับ eSports โดยเป็นผู้สนับสนุน ทีมแข่งขันเกมมากกว่า 30 ทีมทั่วโลก และเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับ Intel Extreme Masters คุณจะพบ HyperX ได้ในงานต่างๆ มากมาย อาทิเช่น China Joy, PAX, DreamHack, and ESL One
สำหรับข้อมูลอื่นเพิ่มเติม กรุณาเข้าไปที่ เว็บไซต์ HyperX

สามารถพบกับ HyperX ได้ที่:
YouTube: http://www.youtube.com/hyperx
Facebook: https://www.facebook.com/KingstonBlogFansClub.en

เกี่ยวกับ HyperX
HyperX® เป็นส่วนหนึ่งของ Kingston Technology Company, Inc. ผู้นำด้านการผลิตสินค้าหน่วยความจำที่ใหญ่ที่สุดของโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 HyperX มีสำนักใหญ่อยู่ที่ฟาวเท่น แวลเลย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับข้อมูลอื่นเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่ http://www.hyperxgaming.com

Kingston และโลโก้ Kingston เป็นเครื่องหมายการค้าของ Kingston Technology Corporation สงวนลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้าใดๆ ที่ปรากฏในนี้ เป็นกรรมสิทธิ์ของสินค้ายี่ห้อนั้นๆ

from:http://feedproxy.google.com/~r/zolkorn/~3/TPbdGfB-7Z0/

รีวิว Nokia 3310 (2017) พร้อมเปรียบเทียบกับรุ่นต้นแบบจากปี 2000

HMD Global เปิดตัวสมาร์ทโฟนพร้อมกัน 3 รุ่น ในงาน Mobile World Congress 2017 ได้แก่ Nokia 3, Nokia 5 และ Nokia 6 แต่ไฮไลท์ที่แฟนๆ ทั่วโลกจับตามองกลับเป็นโทรศัพท์มือถือที่เรียบง่ายนั่นคือ Nokia 3310 รุ่นใหม่ ที่ถูกดีไซน์ออกมาโดยใช้พื้นฐานจาก Nokia 3310 รุ่นแรกที่เคยทำตลาดเมื่อ 17 ปีที่แล้ว

Nokia 3310 รุ่นปี 2000 ประสบความสำเร็จไปทั่วโลก มียอดจำหน่ายมากกว่า 120 ล้านเครื่อง ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม HMD Global จึงตัดสินใจปลุกชีพ Nokia 3310 ขึ้นมาอีกครั้ง

Nokia 3310 รุ่นปี 2017 ยังคงเอกลักษณ์จากของเดิม โดยเฉพาะดีไซน์ส่วนขอบจอแสดงผล และรูปทรงปุ่มกด แต่ได้รับการพัฒนาให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น

Nokia 3310 รุ่นใหม่ ใช้จอสี ความละเอียด 240 x 320 พิกเซล ขนาด 2.4 นิ้ว ส่วนรุ่นเก่าเป็นจอขาว-ดำ 84 x 48 พิกเซล

Nokia 3310 รุ่นแรกไม่มีกล้อง แต่รุ่นใหม่ถ่ายรูปได้แล้ว โดยมากับความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED

Nokia 3310 รุ่น 2017 มากับแบตเตอรี่ 1,200mAh รอรับสายนานสูงสุด 31 วัน สนทนานานสูงสุด 22 ชั่วโมง เล่น MP3 นานสูงสุด 51 ชั่วโมง และฟังวิทยุ FM นานสูงสุด 39 ชั่วโมง ส่วนรุ่นแรกมีความจุ 1,000mAh รอรับสายนานสูงสุด 11 วัน และสนทนานานสูงสุด 2.5 ชั่วโมง เรียกได้ว่ารุ่นใหม่แบตอึดว่าชัดเจน และสามารถชาร์จด้วยพอร์ต microUSB

เมื่อจับทั้งคู่มาเปรียบเทียบด้านข้าง จะเห็นว่า Nokia 3310 รุ่นใหม่บางกว่าชัดเจน โดยมีสัดส่วน 115.6 x 51 x 12.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 79.6 กรัม ขณะที่รุ่นเก่ามีขนาด 113 x 48 x 22 มิลลิเมตร น้ำหนัก 137 กรัม

Nokia 3310 (2017) รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 3.0 มีช่องเสียบแจ๊คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร สนับสนุนการ์ด microSD สูงสุด 32GB สำหรับเก็บเพลงและภาพถ่าย ทำงานบนแพลตฟอร์ม Nokia Series 30+ แต่น่าเสียดายที่รองรับเฉพาะเครือข่าย GSM 900/1800 MHz ซึ่งเราหวังว่า HMD Global จะมีการออกรุ่นอัพเกรดที่สามารถรองรับ 3G และ Wi-Fi ตามออกมาในอนาคต

ทั้งนี้ Nokia 3310 (2017) จะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 2 (เมษายน – มิถุนายน 2017) สนนราคา 50 ยูโร หรือราว 1,840 บาท

ที่มา – TechRadar

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=175708

เตรียมโลกพีซีของคุณให้พร้อมรบไปกับ ไดร์ฟ SSD สไตล์ถึกทน ARMOR AS681 SATA III

Apacer ภูมิใจเสนอที่จะเปิดตัว ไดร์ฟ SSD เน้นความน่าเชื่อถือสูง AS681 ARMOR ที่จะทำให้เครื่องพีซีของคุณทำงานได้อย่างเต็มความเร็ว เต็มประสิทธิภาพ Apacer วันนี้ ต้องการโปรโมตเรื่องความนิยมในการใช้งานไดร์ฟที่มีความเร็วในการโอนถ่ายไฟล์สูงสุด โดยการใช้อินเตอร์เฟซ SATA III ที่ทำให้ได้ความเร็วในการ อ่าน/เขียน สูงสุดถึง 545/520 MB/s (รุ่น 960GB) ทำให้ ARMOR เหมาะสำหรับการนำไปประกอบใช้งานกับเครื่องเดสก์ท็อปเกมมิ่ง และเครื่องแล็ปท็อป

เทคโลยีทุกวันนี้ พัฒนารุดหนร้าไปอย่างรวดเร็ว ความจุไฟล์ และแอปพลิเคชันนั้นมีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และผู้ใช้ก็ต่างต้องการความเร็วในการใช้งานทั้งการเรียกสตาร์ทระบบที่รวดเร็ว APacer นั้นมีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำในแวดวง SSD มานาน ทำให้สามารถพัฒนาและผลิตไดร์ฟ SSD ที่มีสามารถทำราคาได้อย่างเหมาะสมและมีสมรรถนะที่ดี ทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับความเร็วระดับ 545 MB/s ได้อย่างไม่ไกลเกินเอื้อม

อัพเกรดสู่ความเร็ว 545MB/s ได้ง่ายๆ
AS681 ARMOR เป็นไดร์ฟ SSD รุ่นล่าสุดจาก APacer ที่ตอกย้ำความนิยมของไดร์ฟ SSD ในปัจจุบัน เลือกใช้อินเตอร์ฌฟซแบบ SATAIII ให้ความเร็วกว่า 6Gbps ตลอดจนดีไซน์ซิงโครนัส 8 ชาแนลสำหรับการรับส่งข้อมูลทำให้ได้ความเร็วสูงสุดถึง 545/520 MB/s นอกจากนี้ยังราคาเป็นมิตรกับเกมเมอร์ทุกหย่อมหญ้าอีกด้วย

ประโยชน์หลากหลาย เหมาะสำหรับการอัพเกรดเครื่องพีซีและแล็ปท็อป
Apacer แนะนำการใช้งานสำหรับผู้ใช้เครื่องเดสก์ท็อปว่า ควรเลือกใช้ ARMOR เป็นไดร์ฟสำหรับติดตั้งระบบปฏิบัติการ และไดร์ฟเดิมที่ติดมากับเครื่องอยู่แล้ว ควรเลือกให้เป็นไดร์ฟสำหรับจัดเก็บข้อมูล ทำให้เครื่องโดยภาพรวมมีความจุในการจัดเก็บข้อมูลที่มากพอและยังคงความเร็วในการบู้ตและเรียกใช้งานแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้ออย่างรวดเร็ว ARMOR มาพร้อมกับความจุ 120/240/480/960GB เพื่อตอบสนองความต้องการต่อผู้ใช้ที่หลากหลาย ในชณะเดียวกัน Apacer ก็ได้เปิดตัวซอฟท์แวร์พิเศษที่ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสถานภาพของไดร์ฟ SSD ของเขาได้ และอัพเกรดเฟิร์มแวร์ได้อย่างง่ายดาย

ส่วนผู้ใช้คอมพิวเตอร์แลปท็อปที่เลือกอัพเกรดไดร์ฟ ARMOR สามารถสัมผัสความเร็วที่เพิ่มขึ้นได้ในทันที ทั้งเวลาที่ใช้ในการบู้ต และความเร็วในการเรียกใช้แอปพลิเคชั่น นอกจากนี้ ARMOR ยังมีความสามารถในการทนแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 20G และทนต่อการกระแทกได้ถึง 1500 G ไม่ต้องกังวลเรื่องไดร์ฟ หรือโน๊ตบุ๊คตกหล่นแล้วฮาร์ดดิสก์เสียหายอีกต่อไป

ARMOR มาพร้อมกับเทคโลยีลดความสึกหรอของเซล SSD (Advance Wear Leveling) และ ECC (Error Correction Code) ที่สนับสนุนการทำงานรวมกับTRIM Command ใน Windows 7 ไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการใช้งานอย่างยาวนาน AS681 ARMOR มาพร้อมกับการรับประกัน 3 ปีแบบ Global อุ่นใจได้กับการดูแลตลอดช่วงการรับประกัน ทั่วโลก

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ แฟนเพจ Apacer ประเทศไทย
https://www.facebook.com/Apacer-Asia-Pacific-Thailand-1188321274530209/

เกี่ยวกับ Apacer
Apacer Technology Inc. นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิต SSD สินค้าอุปโภคบริโภคดิจิตอล และโมดูลหน่วยความจำ ร่วมไปถึง R & D การออกแบบ การผลิต การตลาดและจุดแข็งเหล่านี้ทำให้เราได้กลายเป็นผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมระดับโลก นับตั้งแต่ก่อตั้ง Apacer มาจวบจนปัจจุบัน เราได้ยึดมั่นในคำสัญญาที่ว่า“Access the best” สำหรับการผลิตที่เชื่อถือได้ นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และการบริการ Apacer ส่งมอบโมดูลหน่วยความจำและหน่วยความจำแฟลชที่มีความคุ้มค่าและประสิทธิภาพสูงและเชื่อถือได้ผ่านทางเครือข่ายการตลาดที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมไปทั่วโลก Apacer ยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ล้ำสมัยสำหรับผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลดิจิตอล ซึ่งตอบโจทย์ในการจัดเก็บบันทึกและแบ่งปันข้อมูลดิจิตอลที่สำคัญในการทำงานและเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวันของผู้ใช้ได้อย่างลงตัว

from:http://feedproxy.google.com/~r/zolkorn/~3/dOfweaDfsQs/

พัฒนาไปอีกขั้นเพื่อการบริการที่ดี เว็บไซต์ Ascenti Resources สามารถเช็คประกันและการเคลมสินค้าได้แล้ว

บริษัท เอสเซนตี้ รีซอร์สเซส จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ยี่ห้อชั้นนำระดับโลก พัฒนาไปอีกขั้นเพื่อการบริการที่ดี เว็บไซต์ Ascenti Resources สินค้าสามารถเช็คประกันและการเคลมได้แล้ว

เอสเซนตี้ รีซอร์สเซส เปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ไฉไลกว่าเดิม ที่สามารถให้ลูกค้าได้รับข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากทางบริษัทได้อย่างรวดเร็วไม่ตกเทรนด์ ไม่ว่าจะสินค้าใหม่หรือเก่า ราคาสินค้า ข้อมูลสินค้า โปรโมชั่นพิเศษต่างๆ กิจกรรมและงานอีเว้นท์ต่างๆ ทำให้ลูกค้าไม่พลาดเรื่องดีๆ อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ทางบริษัทเอสเซนตี้ รีซอร์สเซส ยังได้พัฒนาระบบที่สามารถเช็คประกันของตัวสินค้าได้ และ สามารถเช็คสถานะการเคลมได้ด้วย เพื่อการบริการที่ดีมากยิ่งขึ้นตอบแทนลูกค้าที่ไว้ใจเลือกใช้สินค้าประกันของเรา

สำหรับลูกค้าท่านใดที่สนใจเช็คประกัน และ สถานะการเคลม สามารถเช็คได้ที่ >>> http://www.ascenti.co.th/
หรือหากลูกค้ามีข้อสงสัยหรืออยากติดตามเรา สามารถเข้ามาคุยกันได้ที่ >> https://www.facebook.com/Ascenti.Resources/

from:http://feedproxy.google.com/~r/zolkorn/~3/EL_-Cqouarc/

กลุ่มทรู รายงานรายได้ของธุรกิจโมบายล์เติบโตร้อยละ 28 จากปีก่อน ก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ 2 ของประเทศ

บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2559 เติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วย EBITDA ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 33 จากปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มสูงขึ้นเกือบร้อยละ 18 จากปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นอัตราเติบโตที่สูงสุดในรอบ 10 ปี เป็นไปตามแผนที่จะสร้างผลกำไรได้ในปี 2560 ทั้งนี้ ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นและเหนือภาพรวมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการให้บริการ และ EBITDA ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 และร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามลำดับ อีกทั้งยังเพิ่มจำนวนลูกค้า 5.4 ล้านรายในปี ทำให้ก้าวเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ 2 ของประเทศ

กลุ่มทรู มีรายได้จากการให้บริการโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 จากปีก่อนหน้า เป็นจำนวน 88.1 พันล้านบาท ในปี 2559 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตอย่างโดดเด่นของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งในกลุ่มลูกค้าระบบเติมเงินและรายเดือน ในขณะที่ บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต สำหรับลูกค้าทั่วไป ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอัตราเลขสองหลักที่ร้อยละ 13.6 จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้ EBITDA ของกลุ่มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 33.3 จากปีก่อนหน้า เป็น 25.1 พันล้านบาท ซึ่งไม่รวมกำไรจากการโอนเสาโทรคมนาคมใหม่เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) ในปี 2558 เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบผลการดำเนินงานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเร่งขยายโครงข่ายและการให้บริการให้ครอบคลุมประชากรทั่วประเทศเพื่อขยายฐานลูกค้า 4G และไฟเบอร์บรอดแบรนด์ทั่วประเทศ รวมถึงการรับรู้ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ และค่าใช้จ่ายด้านคอนเทนต์ ส่งผลให้ กลุ่มทรู รายงานผลขาดทุน จำนวน 2.8 พันล้านบาท ในปี 2559

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะกรรมการบริหาร กล่าวว่า “ปี 2559 นับเป็นอีกก้าวสำคัญและเป็นปีที่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยและกลุ่มทรูเติบโตได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค 4G และดิจิทัล (Digitalization) อย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ ผลักดันให้รายได้จากการให้บริการของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทั้งอุตสาหกรรมเติบโตถึงร้อยละ 5.4 ในปี 2559 ซึ่งนำโดยการเติบโตของทรูมูฟ เอช ที่มีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 28 จากปีก่อนหน้า ในขณะที่ อัตราการเติบโตเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ของอุตสาหกรรมอยู่เพียงร้อยละ 3.8 ต่อปี ในขณะเดียวกัน ธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตของกลุ่มทรู ยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำ และมีผลประกอบการที่เติบโตเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ การนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพสูงจากทั้งต่างประเทศและในประเทศที่ครบครันของทรูวิชั่นส์ ช่วยส่งเสริมกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรูได้เป็นอย่างดี ซึ่งผลักดันการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสร้างความผูกพันของลูกค้าต่อสินค้าและบริการในกลุ่มทรูได้มากยิ่งขึ้น

ตลอดทั้งปี 2559 ที่ผ่านมา กลุ่มทรูเดินหน้าสร้างโครงข่ายโทรคมนาคมที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง โดยโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทรูมูฟ เอช ทั้ง 4.5G/4G 3G และ 2G มีความครอบคลุมแล้วกว่าร้อยละ 98 ของประชากรไทย อีกทั้งยังเร่งขยายโครงข่ายบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ ให้ครอบคลุม 10 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ทั้งนี้ ความโดดเด่นด้านเครือข่ายประสิทธิภาพสูงสุดและยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ ยังคงเป็นกลยุทธ์หลักของกลุ่ม ซึ่งเมื่อควบคู่กับความมุ่งมั่นในการมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ทำให้กลุ่มทรูได้รับการยอมรับและเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าในปัจจุบัน โดยช่วยผลักดันให้รายได้ EBITDA และฐานลูกค้า ของกลุ่มให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ”

จุดแข็งของทรูมูฟ เอช ด้านเครือข่ายประสิทธิภาพสูงและความครอบคลุมทั่วประเทศในทุกมิติ ผ่านการผสมผสานคลื่นย่านความถี่ต่ำและสูงได้อย่างลงตัว แคมเปญดีไวซ์ร่วมกับค่าบริการที่คุ้มค่าหลากหลาย และช่องทางในการขายที่มีอยู่ทั่วประเทศของกลุ่มทรูและพันธมิตร ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตอย่างสูงของรายได้และฐานลูกค้าทั้งในระบบเติมเงินและรายเดือน โดย ทรูมูฟ เอช มีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 5.4 ล้านราย ในปี 2559 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 75 ของจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิในอุตสาหกรรม ซึ่งขยายฐานลูกค้าทรูมูฟ เอช เพิ่มขึ้นเป็น 24.53 ล้านราย ส่งผลให้ทรูมูฟ เอช ก้าวเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ 2 ของประเทศในปัจจุบัน ทั้งนี้ รายได้จากการให้บริการของทรูมูฟ เอช ในไตรมาส 4 ปี 2559 เติบโตร้อยละ 4.7 จากไตรมาส
ก่อนหน้า และร้อยละ 27.1 จากไตรมาส 4 ปี 2558 ผลักดันส่วนแบ่งตลาดรายได้ของทรูมูฟ เอช ให้เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 24.8 เมื่อเทียบกับร้อยละ 20.9 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยทั้งปี 2559 ทรูมูฟ เอช มีรายได้จากการให้บริการที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 28.4 ในขณะที่ รายได้จากการให้บริการของผู้ประกอบการใหญ่รายอื่นในอุตสาหกรรมมีจำนวนรวมกันลดลงร้อยละ 0.2 จากปีก่อนหน้า

ทรูออนไลน์ มุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า และสนับสนุนให้ประชากรไทยสามารถเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้เพิ่มขึ้น ผ่านการขยายโครงข่ายไฟเบอร์เข้าถึงครัวเรือนทั่วประเทศ ตอกย้ำจุดยืนของกลุ่มทรูที่เป็นผู้นำทั้ง 4G และบรอดแบนด์ นอกจากนี้ ทรูออนไลน์ ยังเพิ่มความคุ้มค่าให้กับบริการบรอดแบนด์แบบไฟเบอร์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ต เริ่มต้นตั้งแต่ 30 Mbps ถึง 1 Gbps รวมถึงการนำเสนอแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์ที่คุ้มค่าภายใต้กลุ่มทรู และการให้บริการที่เป็นเลิศ ซึ่งพัฒนาการเหล่านี้ ผลักดันให้รายได้จากการให้บริการบรอดแบนด์สำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปเติบโตร้อยละ 13.6 จากปีก่อนหน้า และมีลูกค้ารายใหม่สุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 381,000 ราย ในปี 2559 ส่งผลให้ฐานลูกค้าบรอดแบนด์ของกลุ่มเติบโตเป็น 2.8 ล้านราย

ทรูวิชั่นส์ ยังคงสร้างความแตกต่างและเสริมความแข็งแกร่งบนแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มประสบการณ์การรับชมโทรทัศน์ที่ดีที่สุดของสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเลือกสรรคอนเทนต์คุณภาพที่หลากหลายและครบครันสูงสุด โดยเฉพาะการถ่ายทอดสดคอนเทนต์ชั้นนำ พร้อมทั้งนำเสนอช่องรายการคุณภาพคมชัดแบบเอชดีกว่า 55 ช่อง ทั้งนี้ ทรูวิชั่นส์ยังเดินหน้าสรรหาและผลิตคอนเทนต์คุณภาพเพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการรับชมของผู้บริโภคชาวไทยในยุคปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้ ร่วมกับความแข็งแกร่งในตลาดระดับแมสของทรูวิชั่นส์ ผ่านแพ็กเกจที่ผสมผสานกับบริการอื่นๆ ภายในกลุ่มทรู ส่งผลให้ทรูวิชั่นส์ มีจำนวนสมาชิกรายใหม่สุทธิและสมาชิกในระบบค่าบริการสมาชิกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2559 ซึ่งผลักดันให้ฐานลูกค้าทั้งหมดของทรูวิชั่นส์เติบโตเป็น 3.9 ล้านราย ณ สิ้นปี

from:http://mobileocta.com/trues-mobile-business-reported-revenue-growth-of-28-percent-over-the-previous-year/

AIS จับมือ Netflix ประกาศพันธมิตร ในงาน Mobile World Congress 2017 ร่วมทำการตลาดแบบเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าเอไอเอส

Netflix ผู้นำด้านบริการดูหนังออนไลน์ชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ เอไอเอส ผู้นำด้านเครือข่ายและบริการดิจิทัล อันดับ 1 ของประเทศไทย อย่างเป็นทางการ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความบันเทิงระดับโลกถึงมือคนไทย พร้อมร่วมทำการตลาดแบบเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าเอไอเอส ในเร็วๆ นี้ อันเป็นการประกาศศักยภาพความแข็งแกร่งด้านดิจิทัลคอนเทนต์ของเอไอเอสไปอีกขั้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ทั้งด้านเครือข่าย 4G และ 4.5G ที่ใหญ่ และครอบคลุมที่สุดในประเทศ และผู้นำคลังคอนเทนต์ดิจิทัลจากพาร์ทเนอร์ระดับโลกที่ทันสมัย และใหญ่ที่สุด

from:http://mobileocta.com/ais-joins-netflix-partnership-announced-at-mobile-world-congress-2017/