คลังเก็บป้ายกำกับ: PC-COMPONENT

รีวิว Aopen 27HC5R จอเกมมิ่ง 165Hz 27″ ราคา 5,xxx ปรับแต่งง่าย เล่นเกมได้เปรียบ

ครั้งที่แล้วได้นำเสนอ หน้าจอขนาด 27″ ในแบบ 240Hz ไป เอาใจฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ในราคาเบาๆ ครั้งนี้เราจัดมาอีกรุ่น ที่ราคาน่าลุ้นยิ่งกว่า 27″ FHD เช่นกัน แต่ Refresh rate 165Hz ราคา 5 พันปลายๆ เท่านั้น

Aopen 27HC5R Pbiipx เป็นจอเกมมิ่งอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจจากค่ายนี้ เพราะเป็นซีรีส์เรือธง ที่น่าจะออกมาตรงกลุ่มผู้ใช้ที่อยากจะขยับไปเล่นจอใหญ่ ที่มีรีเฟรชเรตสูงขึ้น เพราะทุกวันนี้ 24″ 144Hz ราคาก็ว่ากันที่ 5,xxx บาท แต่จอรุ่นนี้ขยับมาที่ 27″ 165Hz เปิดราคามาไล่เลี่ยกัน เป็นหน้าจอความละเอียด Fill-HD 1080p และพาแนล VA และมีพอร์ตแสดงผลมาให้ครบครัน กับบอดี้ที่คล้ายกับในรุ่นก่อนหน้านี้ ทั้งในเรื่องความบางของบอดี้ ฐานจอขนาดกระทัดรัด และขอบจอที่บางพิเศษ รวมถึงความโค้งระดับ 1500R จะต่างกันจากในรุ่น 240Hz อยู่บ้าง ตรงที่ฐานหน้าจะปรับมุมไม่ได้มากนัก

Specification: จอเกมมิ่ง Aopen 27HC5R Pbiipx

  • Colour: Black
  • Display Size: 27″
  • Active Display Area (mm): 597.88 x 336.31
  • Panel Type: VA
  • Max. Resolution and Refresh Rate: 1920×1080 @ 165Hz
  • Glare: N/A
  • Response Time: 5ms (G to G)
  • Contrast Ratio: 4000:1 (Native)
  • Brightness: 250 (typ)/225 (min) nits (cd/m²)
  • Viewing Angle: 178°(H), 178°(V)
  • Colours: 16.7M
  • Colour Gamut: 72% NTSC
  • Bits: 8Bit
  • Input Signal: DP x 1 + HDMI x 2 + Earphone x 1
  • VESA Wall Mounting: 75 x 75 mm
  • Speaker: N/A
  • Power Supply (100 – 240 V): External Adapter
  • Tilt / Height adjustment: -4°~ 18°
  • Power Consumption: TBD

การออกแบบและฟีเจอร์

มาแกะกล่องจอเกมมิ่ง Aopen 27HC5R Pbiipx กันเลยดีกว่า กล่องที่มาในซีรีส์นี้ ค่อนข้างเรียบง่าย มีเพียงบอกรุ่นและซีรีส์มา รวมถึงฟีเจอร์สำคัญที่ใส่มาที่ตัวกล่องอย่างเห็นได้ชัด

จอเกมมิ่ง

ตัวฐานแยกมา 2 ชิ้น คือขาตั้งและฐานวาง ซึ่งใช้วางลงไปเฉยๆ และกดลงตัวล็อค เรียกว่าสมลงไปตรงๆ เท่านั้น ด้านในมีสลักอยู่ 3 จุด แค่วางให้ตรงก็พอ

ชิ้นส่วนหลักๆ ก็จะมีขาตั้ง ฐาน และตัวจอ ที่จะนำมาประกอบกัน

ในการประกอบขาเข้ากับหลังจอ ใช้น็อตสกรูวตัวเดียว โดยสอดตัวล็อคเข้าไปในช่องนี้ แล้วไขน็อตยึดได้เลย

จอเกมมิ่ง

ใส่ตามภาพนี้ได้เลยครับ นับว่าเป็นจออีกรุ่นที่ติดตั้งไม่ค่อยซับซ้อน แต่จะต่างกับบางรุ่น ที่มีฟังก์ชั่นการหมุนซ้าย-ขวาหรือปรับมุมได้เยอะๆ จะมีกลไกมากกว่านี้

สายต่อที่มีมาให้ประกอบด้วยสาย HDMI และ DisplayPort ให้รองรับการใช้งานร่วมกับสัญญาณดิจิตอลรีเฟรชเรต 165Hz ได้อย่างเต็มที่

มีอแดปเตอร์ขนาดกะทัดรัดมาให้ สำหรับต่อสายไฟใช้งาน Input 1.2A และ Output 12V 3.5A

หน้าตาของจอภาพ Aopen 27HC5R P ขนาด 27″ เมื่อประกอบเสร็จเรียบร้อย ดูค่อนข้างเรียบง่าย ไม่หวือหวา ฐานสี่เหลี่ยมแบบหนา ก็ดูทำให้เข้ากับโต๊ะทำงานไปอีกแบบ

จอเกมมิ่ง

มาดูฟังก์ชั่นกันบ้างดีกว่า การปรับมุมก้มได้ประมาณ 4 องศา และเงยได้ 18 องศา ซึ่งก็เพียงพอต่อการใช้งาน เมื่อคุณวางบนโต๊ะทำงานความสูงปกติทั่วไป

ข้อต่อในการปรับมุมที่อยู่ทางด้านหลังของหน้าจอ เป็นกลไกที่เรียบง่าย เนื่องจากไม่ต้องหันซ้ายขวา หรือปรับหมุนมากมายนัก

ด้านหลังมาในโทนสีดำแบบเดียวกับด้านหน้า พร้อมโลโก้ Aopen ขนาดใหญ่ จะเห็นได้ว่ามี VESA wall mount และพอร์ตสำหรับการแสดงผล Input อยู่ตรงด้านหลังทั้งหมด

จอเกมมิ่ง

ในส่วนของพอร์ตสัญญาณ Input ประกอบไปด้วย HDMI จำนวน 2 ช่อง และ DisplayPort 1 ช่อง พร้อม Audio jack 3.5mm และ AC สำหรับต่อไฟจากอแดปเตอร์

ความหนาของหน้าจอรุ่นนี้ จะลาดเอียงมาจากด้านบน ลงสู่ด้านล่าง บางข้างบน แต่จุดที่ใกล้ฐานจะหนาขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมีการติดตั้งลำโพงมาให้ด้วย

โลโก้ Fire Legend จัดมาให้แบบสวยๆ อยู่ด้านล่างของหน้าจอ จะเห็นได้ว่า ขอบจอโดยรอบจะบาง แม้กระทั่งขอบล่าง ซึ่งก็ถือได้ว่าดีไซน์ออกมาได้ดีเลย

เมื่อดูองค์ประกอบต่างๆ กันไปแล้ว ก็มาเริ่มใช้งาน จอเกมมิ่ง จาก Aopen รุ่นนี้กัน เมื่อต่อเข้ากับคอม ผ่านทาง HDMI หรือ DisplayPort ก็พร้อมสำหรับการเล่นเกมได้แล้ว

ในส่วนของ OSD settings ยังคงใช้การควบคุมจากปุ่ม 4 ปุ่ม ที่อยู่ด้านใต้ของหน้าจอ โดยมีโหมดการใช้งานให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโหมดเกม Action, Racing, Sports, User หรือจะเลือก Custom ในแบบ Standard, Eco, Grapghic และ Movie ตรงนี้ถือว่าทำมาได้น่าสนใจ เหมาะกับผู้ใช้งานที่ไม่ชอบความวุ่นวาย ปรับแต่งได้ง่ายตามรูปแบบการใช้งาน

จอเกมมิ่ง

จะสังเกตได้ว่า ในโหมด G1, G2 และ G3 แสง สีและค่า Contrast ในแต่ละเกมต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบเล่นเกมแนวใด แต่ถ้าในแต่ละโหมดนั้น ยังไม่ถูกใจ ก็สามารถปรับแต่งเพิ่มเติม และบันทึกการปรับแต่งนั้นได้อีกด้วย

โดยในโหมด User นั้น จะให้คุณเลือกปรับค่าต่างๆ ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น Brightness, Contrast หรือ Gamma รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ เพื่อให้ได้ภาพที่ใกล้เคียงกับความต้องการของคุณมากที่สุด

และถ้าเปิดใช้งานโหมด Game หรือ FPS จะมี Aim Point มาให้ ซึ่งใช้เป็นศูนย์เล็ง ในการยิงได้แม่นยำกว่าเดิม แต่ก็ขึ้นอยู่กับเกมและความสะดวกในการใช้งาน เป็นตัวช่วยที่อาจให้คุณชื่นชอบมากขึ้น

มาดูการปรับค่าจอเกมมิ่งในการเล่นเกมกันบ้าง หากคุณไม่ชอบความมืดทึมของเกมที่มีมากไป การปรับ Brightness ก็มีส่วนช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ภายในเกมมากขึ้น แต่บางครั้งก็อาจทำให้สูญเสียรายละเอียดบางอย่างไป และอาจจะรบกวนสายตาได้เหมือนกัน

อีกฟังก์ชั่นหนึ่งคือ Black Boost ตรงนี้จะทำให้เรื่องของโทนสีดำ เทา ขาว มีความต่างกันมากขึ้น เรียกว่าให้เห็นรายละเอียดในที่มืดได้ดีขึ้นในบางฉาก จากภาพด้านบน ที่มีการปรับไว้ที่ 5 และ 10 ภาพที่ได้จะมีความต่างกันพอสมควร

นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ถนอมสายตา Blue light ตรงนี้ถ้าเล่นเกมให้ปรับต่ำๆ ไว้หน่อย เพราะสีที่ได้จะทำให้สีที่ได้ดูสดใสตามปกติ ไม่ผิดเพี้ยนไป แต่ถ้าคุณชอบท่องเน็ต พิมพ์งาน หรือใช้งานอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสีมากนัก ก็ปรับเยอะๆ ได้เลย

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นที่เป็น Gamma และ Color Temp ตรงนี้ เลือกปรับได้ตามต้องการ ชอบให้สีใดสด ลดสีใดลง จัดการได้จากจุดนี้ครับ

จอ Aopen รุ่นนี้ ยังคงมาพร้อมลำโพง 2 ชุด ซ้าย-ขวา ด้านล่างของหน้าจอ สามารถปรับเสียงจาก OSD นี้ได้เช่นกัน แต่แนะนำว่าปรับจากคีย์บอร์ด น่าจะสะดวกกว่า

ในโหมด Gaming ยังมีให้ปรับแต่ง เอาใจคอเกม ไม่ว่าจะเป็น Over Drive สำหรับเร่งภาพในการแสดงผลอย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณเล่นแนว FPS เป็นหลัก ก็แนะนำให้ปรับ Extreme ได้เลย อีกส่วนหนึ่งคือ FreeSync ถ้าเครื่องคุณแรง และอยากจะให้ภาพมีความนุ่มนวล ไม่ฉีกขาด หรือเกิดภาพไม่ต่อเนื่อง ก็สามารถ On ไว้ได้ ส่วนของ Aim Point จะเลือกใช้งานสัญลักษณ์ทั้ง 3 แบบที่มีให้ หรือจะไม่ใช้งานก็ได้ หากรู้สึกว่ามองไม่สะดวก

ส่วนสุดท้ายก็คือ การปรับแต่งสิ่งต่างๆ ใน OSD โดยถ้าคุณอยากจะให้หน้าจอปรับแต่งอยู่นานขึ้น หรืออยากให้โปร่งแสง ก็เลือกในฟังก์ชั่น OSD Timeout หรือ Transparency นี้ได้เลยครับ

มาสู่การทดสอบ

แม้จอเกมมิ่งจาก Aopen รุ่นนี้จะเป็นพาแนล VA แต่มุมมองที่ได้กว้างและชัดเจน แทบไม่ผิดเพี้ยน เรียกว่าให้ความคมชัดสำหรับการเล่นเกมได้ดี สีจัดจ้าน แม้จะยังไม่ได้ปรับแต่ง ซึ่งน่าจะช่วยให้คนที่ชอบสไตล์ของจอใหญ่ สนุกกับเกมที่ชื่นชอบได้มากขึ้น

เมื่อจับมาเข้าคู่กับคอมแรงๆ ได้เกมมิ่งเมาส์กับคีย์บอร์ด RGB สวยๆ ก็ดูจะเข้าคู่กันอย่างลงตัว เรื่องของแสงสะท้อน อาจจะมีอยู่บ้าง แม้จะเป็นแบบ Anti-Glare ก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าคอเกมส่วนใหญ่ มักจะชอบพื้นที่ในการเล่น ที่ไม่ได้สว่างไสวเช่นนี้

ในแง่ของภาพที่ได้นั้น ก็เรียกว่าสวยงาม ความสดใสของภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งหากคุณไม่ได้สนใจเรื่องการปรับแต่งอื่นใด การใช้งานในโหมดต่างๆ ที่มีให้ใน OSD ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว

ในแต่ละเกม ก็จะมีให้ปรับแต่งเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเอง นอกเหนือจากการปรับแต่งจาก OSD บนตัวจอ อย่างไรก็ดี หากคุณไม่มั่นใจว่าปรับแล้วจะสอดคล้องกันกับเกมที่เล่นหรือไม่ ให้ลองดูจากโหมดเกมที่มาให้บนจอ แล้วมาปรับที่ตัวเกมอีกครั้งหนึ่ง น่าจะง่ายขึ้น

สำหรับเกมแนว MOBA ทั้งเอฟเฟกต์และสีสัน ก็ถือว่าจัดจ้านในระดับหนึ่ง แต่ที่แน่ๆ ด้วยขนาดจอ 27″ มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้เต็มตาเต็มอารมณ์มากขึ้น

ในด้านการใช้งานที่ต้องแบ่งหน้าจอ ด้วยการ Split จาก Windows เอง ก็ช่วยให้ใช้งานได้สนุก ไม่ว่าจะท่องเว็บ ดูหนัง แก้ไขเอกสารไปพร้อมๆ กัน พื้นที่มากพอต่อการใช้งานในแต่ละหน้าจอ

Conclusion

จัดว่า Aopen 27HC5R Pbiipx เป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์อีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งออกมาเอาใจคอเกมที่เน้นจอใหญ่ รีเฟรชเรตสูง ราคาสบายกระเป๋า เพราะแค่ 5,990 บาท แต่ได้จอ 27″ VA 165Hz พร้อมลูกเล่นในการปรับแต่งมากพอสมควร แทบจะไม่เป็นรองรุ่นพี่ที่รีวิวไปก่อนหน้านี้ ที่มีรีเฟรชเรต 240Hz ซึ่งรุ่นนี้ น่าจะตอบโจทย์การเล่นเกม ในกลุ่มที่มีคอมเกมมิ่งสเปคกลางๆ มากกว่า เรียกว่าถ้ารีดเฟรมเรตได้ระดับ 100fps++ ขึ้นไป ก็จะให้ภาพลื่นไหลสวยงามทีเดียว ซึ่งจากการทดสอบด้วยเกม GTAV, PUBG หรือ BFV ที่เน้นความเป็นเกม Action ก็ให้ภาพต่อเนื่องได้ดี เอฟเฟกต์ที่เกิดรอบตัวดูสนุกและตื่นเต้น เพราะเห็นได้ชัดมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่รถถังโดนถล่มในเกม BFV ปรับแค่ Medium หรืออยากได้สวยๆ ก็เลือก High ทำให้ดูแทบจะอินเข้าไปในเกมเลยทีเดียว ซึ่งจอใหญ่แบบนี้ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบเช่นกัน รวมถึงฟังก์ชั่น Aim Point ในโหมด Action G1 ที่ปรับบน OSD ก็ช่วยให้มือใหม่ ไร้ประสบการณ์ส่องเฮดช็อตได้แม่นขึ้นพอสมควรอีกด้วย

เพียงแต่ด้วยข้อจำกัดบางประการ เช่น ฐานและขาตั้งจอ ที่อาจจะปรับได้แค่การ Tilt มุมก้มกับเงยเล็กน้อย และปรับความสูงไม่ได้ จึงน่าจะเหมาะโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเกมมิ่งทั่วไป ที่ไม่ต้องปรับเปลี่ยนกันมากมายนัก หรือเน้นแค่คนเล่นเป็นหลัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนด้านข้างจะมองไม่เห็น เช่นการนำมาดูหนัง ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนข้างๆ เพราะมุมมองที่กว้าง ก็มากพอต่อการนั่งดูแบบ 2-3 คนได้ไม่ยาก ก็ต้องเรียกว่าเป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์ ที่ให้ฟังก์ชั่นการใช้งานได้คุ้มค่าไม่น้อยเลย

จุดเด่น

  • พื้นที่หน้าจอกว้าง แบ่งหน้าจอทำงานหลายหน้าต่างสะดวก
  • รีเฟรชเรตที่สูงถึง 165Hz พร้อม FreeSync ช่วยให้ได้ภาพที่ต่อเนื่อง
  • OSD ที่ปรับแต่งโหมดการทำงาน ในแต่ละเกม รวมถึงบันทึกโพรไฟล์แก้ไขได้
  • น้ำหนักเบา ขอบจอบาง ฐานไม่ใหญ่ ไม่เปลืองพื้นที่
  • ขอบจอบาง ช่วยให้ได้พื้นที่ทำงานมากขึ้น

ข้อสังเกต

  • ปุ่มปรับ OSD อยู่ด้านใต้จอ ต้องทำความคุ้นเคยพอสมควร
  • ขาตั้งปรับมุมได้ไม่มาก เหมาะกับโต๊ะทำงานทั่วไป

ราคา: ประมาณ 5,990 บาท

ข้อมูลจอเพิ่มเติม: Aopen 27HC5R Pbiipx

from:https://notebookspec.com/review-aopen-27hc5r-gaming-monitor-165gz/540772/

SK Hynix เปิดตัวแรม DDR5 5600 เร็วกว่า DDR4 1.8 เท่า ความจุ 256GB ปีหน้าได้ลุ้น

ถือว่าเป็นอีกค่ายยักษ์ใหญ่ในวงการโมดูลหน่วยความจำ สำหรับ SK Hynix ที่ล่าสุดเปิดตัวแรม DDR5 DRAM ตัวแรกของโลกกับความเร็ว 4,800-5,600Mbps ใช้พลังงานน้อยลง แต่ความจุมากขึ้น

แรม DDR5

ข้อมูลอ้างว่าแรม DDR5 ชุดใหม่นี้ จะเร็วกว่า DDR4 เดิมๆ ประมาณ 1.8 เท่า

แต่ไม่รวมแรมความเร็วสูงบางรุ่น ที่มีการโอเวอร์คล็อกมาใกล้เคียง เช่น Crucial Ballistix Max 5100 ที่แม้จะเป็น DDR4 แต่ก็ถือว่าเร็วใกล้เคียงกับสัญญาณความถี่ของ DDR5 เลยทีเดียว ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปในช่วงปี 2014 ที่ผ่านมาถึงวันนี้ก็เกือบ 10 ปีของ DDR4 แล้ว นับว่าเป็นเส้นทางอันยาวไกลเลยทีเดียว

แรม DDR5

โดยที่แรม DDR5 จากทาง SK Hynix จะเซ็ตความเร็วชุดแรกออกมาที่ 4,800MHz ไปจนถึง 5,600MHz และแผนต่อไปคือ ความเร็วระดับ 6,400MHz ขึ้นไป แต่สำหรับ DDR5 ไม่ได้มีแค่ความเร็วเท่านั้น แต่ความจุก็ได้รับการปรับปรุงมาเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าจะพัฒนาความจุไปได้ถึง 256GB ในโมดูลเดียวได้ ผ่านทางชิปซิลิกอนที่ซ้อนกัน Chip-stacking คล้ายกับ NAND บน SSD ด้วยเทคโนโลยี TSV

แรม DDR5

แต่จากข้อมูลล่าสุด DDR5 ชุดนี้จะยังไม่ได้ลงมาในตลาดเกมมิ่งพีซีหรือคอมทั่วไป แต่เป็นโมดูลที่เป็นแบบ Low voltage ที่เหมาะสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งมีข่าวว่าจะมีแพลตฟอร์มจากทั้ง 2 ค่ายใหญ่อย่าง Intel และ AMD ออกมาด้วย บนสถาปัตยกรรมเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้จะมาถึงอย่าง Intel’s Sapphire Rapids ในปี 2021 โดยมีการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่าง Intel และ SK Hynix ในการพัฒนา DDR5 รุ่นแรก ให้ผ่านมาตรฐาน JEDEC เพื่อให้พร้อมต่อการใช้งานในเร็ววัน

ส่วนการนำไปใช้ในเกมมิ่งพีซีนั้น แม้ว่า DDR5 จะเป็นสิ่งใหม่ที่น่าสนใจ ทั้งในแง่ความเร็วและความจุ แต่ด้วยปัจจุบัน DDR4 ความเร็วสูง เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีพออยู่แล้วบนสถาปัตยกรรมในปัจจุบัน ซึ่งทาง AMD และ Intel ก็พยายามผลักดัน ด้วยการเพิ่มความเร็วให้สูงขึ้น แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ การให้ความสำคัญของ Latency ในการเล่นเกม ที่อาจมีส่วนทำให้ถึงเวลาของ DDR5 เร็วกว่าเดิม ส่วนค่ายอื่นๆ เช่น Samsung จะเริ่มผลิต DDR5 มากขึ้นในปี 2021 และ Micron ก็เตรียม DDR5 เอาไว้แล้วในเวลานี้

ที่มา: DRAM DDR5 SK Hynix

from:https://notebookspec.com/sk-hynix-ddr5-5600-faster-ddr4-2021/540889/

Tips – แก้ Disk 100% เครื่องอืด ช้า ฉบับอัปเดตปี 2018 ทำไงได้บ้างโดยไม่ใช้ SSD

ปัญหา Disk 100% ถือเป็นปัญหาคลาสสิคที่มีมาตั้งแต่ในอดีตยาวมาจนถึง Windows 10 ปัจจุบัน จึงมีการหาทางแก้ disk 100 กันหลายรูปแบบ เพื่อลดปัญหาที่มักเจอกันหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะตัว Windows เมื่อยิ่งพัฒนาก็ยิ่งใช้ทรัพยากรมากขึ้น ดังนั้นถ้าเครื่องคนไหนที่ไม่ได้ใช้ SSD หรือ SSD m.2 มาแต่แรก ต้องเจอปัญหา Disk 100% อยู่รำไป โดยในบทความนี้เองทีมงาน NBS จะมาสอนวิธีบรรเทาอาการ Disk 100% ฉบับอัปเดตใหม่จะมีวิธีอะไรบ้างไปดูกันครับ

แก้ disk 100

ปิด Services ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นทิ้งไป เพื่อแก้ disk 100

อธิบายก่อนว่า Services ต่างๆ พวกนี้ถ้าเราปิดไปแล้วจะมีฟังก์ชันบางอย่างที่ใช้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการใช้งานทั่วไป จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างไปดูกันเลย

1. กดปุ่ม Windows + R เพื่อเปิดโปรแกรม Run จากนั้นพิมพ์คำว่า services.msc แล้วกด OK

2. ปิด Services ที่ไม่ต้องการตามนี้

  • Background Intelligent Transfer Service
  • Superfetch
  • Windows Search
  • Windows Update
แก้ disk 100

วิธีการคือ คลิกขวาที่หัวข้อ > properties > กด Stop > ช่อง Startup Type เปลี่ยนเป็น Disabled > กด OK

**หากจะกลับมาอัปเดต Windows ใหม่อีกครั้ง ต้องกลับมาตั้งค่าใหม่ Windows Update เป็นค่าเดิม**

ลบสแกนไวรัสที่ไม่ใช่ของ Windows ทิ้ง

ทำไมต้องลบสแกนไวรัสออกด้วยล่ะ มีไว้ติดตัวเครื่องช่วยป้องกันไวรัส มัลแวร์ไม่ดีกว่าเหรอ ? หลายคนคงเชื่อกับความคิดแบบนี้มาตั้งไหนแต่ไร ซื้อคอมมาใหม่ๆ ต้องลงสแกนไวรัสเพิ่ม ขอบอกเลยว่าในปัจจุบันนี้สแกนไวรัสแทบไม่จำเป็นแล้ว ใช้สแกนไวรัสของตัวเครื่องอย่าง Windows Defender ก็พอ ซึ่งจะมีทุกเครื่องที่เป็น Windows ตั้งแต่ Windows 7, 8, 8.1 และ 10

แก้ disk 100

วิธีลบสแกนไวรัสไปที่ Control Panel > Programs and Features > เลือกชื่อโปรแกรมสแกนไวรัส > คลิกขวา Uninstall แล้วรีสตาร์ทเครื่องหนึ่งครั้ง

ล้างไฟล์ขยะ Disk Cleanup เครื่องบ้าง

ตั้งแต่ซื้อคอมมาลองดูเครื่องตัวเองว่าเคย Disk Cleanup หรือลบแคลชไฟล์ขยะบ้างไหม ? ถ้าใครที่ไม่เคยทำเลยคงจะพบกับไฟล์ขยะอันมหาศาล ไหนจะแคลชไฟล์จากการเล่นเว็บ แคลชจากตัว Windows บอกเลยว่าไฟล์ขยะหลาย GB แน่นอน วิธีการลบไฟล์พวกนี้ก็ทำได้ไม่ยาก มีวิธีการดังนี้คือ

1. คลิกขวาที่ไดร์ C > Disk Cleanup แล้วรอสักพักจนขึ้นหน้าใหม่

แก้ disk 100

2. จากนั้นกด Clean up system files > กดติ๊กด้านหน้าชื่อทั้งหมด (จะเห็นได้ว่ามีขนาดใหญ่ถึง 4.02 GB) > กด OK > Delete Files แล้วรอสักครู่ให้เครื่องจัดการ (อาจจะใช้เวลาค่อนข้างเยอะ ถ้ามันนานเกินไปก็กด Cancel แล้วมาทำใหม่ทีหลังก็ได้)

ปิด Defragment ของเครื่อง

1. ไปที่ Drive C ของเราจากนั้น คลิกขวาเลือก Properties > เลือกแทป Tools > Optimize

แก้ disk 100

2. ต่อมาเลือก Drive C > คลิก Change Settings > ติ๊กเครื่องหมายถูกออกจาก Run on a schedule > กด OK เป็นอันเสร็จ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีการแก้ไขปัญหา Disk 100% หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนชาว NBS กันนะครับ ซึ่งวิธีการทั้งหมดที่กล่าวมาอาจจะเป็นการบรรเทาไม่ใช่การแก้ไขที่ต้นเหตุจริงๆ ดังนั้นหากเพื่อนๆ คนไหนที่อยากจะแก้ไขให้หายเป็นปลิดทิ้งแนะนำว่าก็ต้องซื้อ SSD หรือ SSD m.2 มาใช้ลง Windows กันนะครับ รับรองว่าชีวิตจะดีขึ้นเยอะแน่นอน

from:https://notebookspec.com/tips-correct-disk-100-2018-fix-solution/453704/

ดูสเปค เล่นเกม Steam Survey 2020 การ์ดจอ GTX ยังนำ ซีพียู AMD มาแรง แรม 16GB good!

เช็คกันหน่อย คนเล่นเกม Steam Survey ในเดือน กันยายน 63 ที่ผ่านมานี้มีหลายสิ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว ผู้ใช้ซีพียู AMD มีเพิ่มขึ้น การ์ดจอ GTX 1060 ยังนำและเกมเมอร์ให้ความสำคัญกับแรม 16GB

เล่นเกม Steam

สเปคคอมเล่นเกม Steam Sep 2020

ในช่วงเดือน กันยายนที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงของผู้ใช้บนแพลตฟอร์มเล่นเกมระดับโลกอย่าง Steam นี้ ก็มีหลายสิ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะสเปคคอมเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซีพียู แรม และการ์ดจอ มาดูกันว่าเกมเมอร์ส่วนใหญ่ ที่มาเล่นเกมบนแพลตฟอร์ม Steam นี้ เค้าใช้สเปคแบบใดกันบ้าง

เล่นเกม Steam

มาดูในภาพรวมกันก่อน ในการสำรวจคนเล่นบน Steam การ์ดจอ nVIDIA ยังคงครองแชมป์ด้วยสัดส่วน 73.88% และตามมาด้วย AMD ส่วนของซีพียู AMD ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 25.59% และดูเหมือนว่ากำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนซีพียู 4 Core ยังเป็นที่้ใช้กันอยู่มากที่สุดบนแพลตฟอร์มนี้ แต่ที่น่าสนใจคือ พีซีที่ใช้แรม 16GB เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในช่วงที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ VRAM 8GB ที่อยู่บนการ์ดจอ ก็มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเช่นกัน

เล่นเกม Steam

ส่วนรายละเอียดของซีพียู ในส่วนของ Intel ความเร็วระดับ 3.3GHz-3.69GHz มีสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็น่าจะตรงกับซีพียูรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน ซึ่งน่าจะเน้นไปที่ซีพียูเดสก์ทอปเป็นส่วนใหญ่ ส่วนซีพียู Intel ระดับ 1.7GHz – 2.0GHz แม้ว่าจะมีอยู่บ้าง แต่ก็น้อยมาก ซึ่งดูแล้วอาจจะไม่ตอบโจทย์กับการเล่นเกมได้มากนัก ส่วนทาง AMD ความเร็ว 3.3GHz – 3.69GHz เริ่มตีตื้นคู่แข่งมาพอสมควร เรียกว่ากระโดดจากในช่วงเดือนที่ผ่านมาระดับ 0.52% เลยทีเดียว เช่นเดียวกับซีพียู 3.7GHz ขึ้นไป ก็ค่อนข้างตอบโจทย์ในการเล่นเกมมากขึ้น

เล่นเกม Steam

ส่วนในเรื่องของการจำนวน Core ของซีพียู 4 Core ยังคงเป็นตัวหลักในการขับเครื่อง Game Rig บนพีซีหลายๆ เครื่อง ที่ใช้ในการเล่น Steam นี้ แต่ที่ดูโดดเด่น ก็คือ ซีพียูระดับ 8 core ที่มีแนวโน้มการเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ในส่วนนี้ดูเฉพาะที่เป็น Physical นั่นก็หมายความว่า กลุ่มของ Intel Core i7 และ AMD Ryzen 7 มีเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังน้อยกว่า 6 core ที่มีสัดส่วนสูงขึ้น และเป็นรองในกลุ่ม 4 core ไม่มากแล้ว

เล่นเกม Steam

ตัวเลขที่น่าสนใจของผู้เล่น Steam จะใช้แรมระดับ 16GB กันเป็นหลักแล้ว ด้วยตัวเลขระดับ 42.08% ซึ่งขยับขึ้นมาจากเดิมที่เคยอยู่ที่ 8GB ซึ่งตอนนี้กลายเป็นว่าน้อยกว่า เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าเกมเมอร์เริ่มปรับเปลี่ยนและอัพเกรดให้เล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา 2-3 เดือนนี้ ราคาแรมก็ถูกลงมาเรื่อยๆ ใครที่ใช้ 8GB อัพเกรดมาเป็น 16GB ก็น่าสนใจไม่น้อย

ส่วนสุดท้ายที่สำคัญสำหรับการเล่นเกมก็คือ การ์ดจอ โดยที่ GTX 1060 ยังคงครองตำแหน่งนี้มายาวนาน แต่ก็มี GTX 1050 Ti อดีตแชมป์ตามมาติดๆ แต่ที่น่าลุ้นก็คือ การมาของ GTX 1650 และ GTX 1660 แม้จะยังอยู่กลางๆ ตาราง แต่ก็มีแนวโน้มผู้ใช้มากขึ้น ส่วน RTX 2060 ก็มีผู้ใช้ในแพลตฟอร์ม Steam มากขึ้นเช่นกัน สำหรับเวลานี้ ราคาของ RTX 2000 series ก็ยั่วยวนใจเหลือเกิน ใครที่อยากจะขยับมาใช้ในช่วงนี้ RTX 2060 SUPER และ RTX 2070 SUPER น่าจับจ่ายเป็นอย่างยิ่ง

ที่มา: Steam survey

from:https://notebookspec.com/steam-survey-2020-gtx-amd-ram-16gb/540684/

รีวิว – เคสเกมมิ่ง ASUS ROG Z11 mini-ITX ประกอบคอม วางแนวตั้งและนอนได้ ไฟ RGB ใส่การ์ดจอใหญ่ เพิ่มชุดน้ำ Cool

สำหรับใครที่เริ่มเบื่อกับการประกอบคอม ด้วยเคสสไตล์เก่าแบบเดิมๆ อยากเปลี่ยนไปใช้เคสใหม่ ที่ดูโดดเด่น ไม่ซ้ำแบบใคร ประกอบง่าย แต่ติดตั้งอุปกรณ์สะดวก และระบายอากาศได้ดี ลองมาดูเคส mini-ITX จากทาง ASUS รุ่นนี้กัน

ประกอบคอม

ASUS ROG Z11 จัดว่าเป็นเคสคอม ที่ออกแบบมาเอาใจนักประกอบคอม ที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ ในสไตล์ของ mini-ITX ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ สำหรับเคสรุ่นนี้ ดีกรีไม่ธรรมดา เพราะเพิ่งคว้ารางวัล Reddot Winner 2020 และ CES Innovation Award 2020 มา กับการดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยรูปทรงที่ค่อนข้างบาง แต่จะไม่มินิมอลเหมือน mini-ITX เหมือนค่ายอื่น แต่ใส่ความเป็นเกมมิ่งมาอย่างชัดเจน โดยที่มาของรุ่น Z11 นั้นมาจากนวัตกรรมการจัดวางเมนบอร์ด ในตัวเครื่องทำมุม 11 องศา ซึ่งทาง ASUS วิจัยมาว่า การวางในทิศทางนี้ จะได้การระบายอากาศภายในดีกว่าการวางแนวราบติดหลังเคสทั่วไป ซึ่งจะดีจริงหรือไม่ ก็คงต้องไปดูในการทดสอบกันอีกที นอกจากนี้แม้จะออกแบบมาได้ค่อนข้าง Sleek หรือแนวเคสที่บางกระชับกว่าเคสทั่วไป แต่ก็สามารถติดตั้งอุปกรณ์ภายในได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น การ์ดจอขนาดใหญ่แบบพัดลม 3 ตัว หรือจะชุดน้ำแบบ Custom Cooling รวมถึงฮีตซิงก์ระบายความร้อน แต่ที่สำคัญ ASUS ไม่ลืมที่จะใส่ความสวยงาม ด้วย Aura Sync ที่เป็นรูปแบบของแสงไฟ RGB ให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้เองตามชอบอีกด้วย มองผ่านกระจกเทมเปอร์ แล้วต้องบอกว่าสวยหรู ดูตัดกับตัวเคสอย่างเด่นชัด

ประกอบคอม

Specification – ประกอบคอม ASUS ROG Z11

  • Dimensions: 194 x 386 x 531 mm (WxDxH)
  • Form Factor: Mini ITX/Mini-DTX(up to 6.7”x 8”)
  • Drive Bays: Up to 2.5” SSD x 4 pcs or 2.5” SSD x 2 pcs / 3.5″ HDD x 1 pcs
  • System Fan Support: Pre-installed Fans
    • Top: 2 x 140 mm
    • Bottom: 1 x 140 mm
  • Expansion Slots: PCI-E x 2 (3 expansion slots space)
  • Weight: N.W. 8.73 kg
  • Color: Black
  • Front I/O Ports
    • 1 x USB 3.2 Gen 2 Type-C™
    • 2 x USB 3.2 Gen 1 TYPE A
    • 2 x USB 2.0 TYPE A
    • 1 x Headphone / Microphone
    • Power On Button
    • Reset Button
    • 1 x ARGB LED-illuminated Mode/Color Button
  • Power Supply: ATX or SFX PSU: 160mm
  • Material: Aluminum, Steel, Tempered Glass, ABS Plastic
  • Maximum GPU Length: 320 mm
  • Maximum CPU Cooler Height: 130 mm
  • Radiator Compatibility
    • Rear: 120, 240 mm (Thickness: 30mm)
    • Bottom: 120 mm (Thickness: 30mm)
  • Cooling Support
    • Rear: 2 x 120 mm
    • Top: 2 x 120mm / 2 x140 mm
    • Bottom: 1 x 120mm / 1 x 140 mm
  • Cable Routing: Max. 40mm
  • Extension Hub
    • Support Fan x 6, ARGB LED Strip x 3, USB 2.0 x 2

การออกแบบและฟีเจอร์

ประกอบคอม

มาดูที่หน้าตาของ ASUS ROG Z11 โดยรวมกันก่อน ด้านหน้าค่อนข้างจะแปลกตาไปจากเคสทั่วไปอยู่บ้าง มีเป็นโครงโลหะแบ่งครึ่งกับกระจกเทมเปอร์ แต่ก็ดูสวยงามดุดันดี กับโลโก้ ROG ที่มีทั้งด้านข้างและด้านบน

ประกอบคอม

ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นฝาปิดอะลูมิเนียมลายปัดเสี้ยน ในโทนสีดำ พร้อมกับลวดลายที่ดูทันสมัย มีช่องระบายความร้อนที่เป็นตะแกรงมาให้ ดูสะดุดตาทีเดียว ซึ่งถ้ามองตรงเข้าไป จะเห็นว่ามีฝาด้านบนสูงขึ้นมาเล็กน้อย ที่เป็นจุดระบายความร้อนด้วยเช่นกัน

มาถึงด้านข้าง หรือจะบอกว่าเป็นด้านหน้าดี เพราะมันเป็นด้านที่โชว์ทุกสิ่งอย่าง และใช้สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ด้วย ซึ่งกระจกเทมเปอร์ด้านนี้ จะสามารถถอดออกมาได้ ซึ่งดูแล้วสวยงามเลยทีเดียว

มาดูรายละเอียดของด้านบนกันบ้าง จะเห็นโลโก้ ROG สวยๆ แบบนี้ ไฮไลต์อยู่ที่จะมีแสงไฟ RGB สว่างขึ้นตรงจุดนี้ด้วย

ประกอบคอม

ส่วนของ Front panel นี้ จะมีบรรดาพอร์ตต่างๆ ที่เตรียมไว้ให้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Gen 1 และ Gen 2, Type-A และ Type-C รวมถึง Combo jack, ปุ่มเพาเวอร์ และรีเซ็ต

ประกอบคอม

ด้านหลังหรือด้านใต้ของเครื่อง จะเป็นส่วนปิด ซึ่งมีการออกแบบร่องระบายอากาศขนาดใหญ่ พร้อมกรองฝุ่นอยู่ด้านใน และยังเป็นจุดที่ใช้ติดตั้งเพาเวอร์ซัพพลายได้ รองรับการติดตั้งได้ทั้ง ATX ขนาดปกติ และ SFX ที่เป็นเพาเวอร์ขนาดเล็กพิเศษสำหรับ mini-ITX case

ในส่วนด้านข้าง จะเป็นตะแกรงกันฝุ่นสามารถถอดออกได้เช่นกัน ด้วยการปลดล็อคออก ซึ่งไม่ซับซ้อนมากนัก ในส่วนนี้จะเป็นตัวปิดพัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัวด้านใน

ประกอบคอม

การปลดล็อค เพื่อนำฝาปิดออกค่อนข้างง่าย ด้วยการกดตัวล็อคด้านข้าง ใช้นิ้วมือบีบเข้าหากัน จากนั้นก็ดึงออกมาได้เลย

เมื่อแกะออกมาแล้ว จะเห็นด้านในแบบในภาพ ซึ่งจะมีพัดลมให้ 2 ตัว และในส่วนนี้เอง สามารถถอดเปลี่ยนพัดลม และติดตั้ง Radiator หรือหม้อน้ำสำหรับชุดน้ำได้อีกด้วย

ประกอบคอม

สามารถติดตั้งพัดลมได้ทั้ง 120mm และ 140mm เหมือนกันทั้ง 2 ด้าน ซ้ายและขวา และยังติดตั้ง Radiator 120mm และ 140mm ความหนา 30mm ได้

ส่วนด้านหน้าที่มีกระจกเทมเปอร์นั้น เป็นจุดที่ใช้สำหรับเปิดออก เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ลงไป เช่นเดียวกับเคสทั่วไป โดยการถอดกระจก ใช้ไขควง 4 แฉก ในการไขน็อตสกรู 2 ตัว แล้วสไลด์ฝาเคสออกด้านข้าง จะมีสลักยึดแน่นๆ หน่อย แต่ก็ไม่ได้แกะยากมากนัก

เมื่อไขน็อตสกรู และดันตัวยึดออกแล้ว ก็สามารถถอดกระจกออกมาได้เลยทันที ไม่ได้ซับซ้อน เพียงแต่ต้องระมัดระวัง หาที่วางกระจกให้ปลอดภัย

ประกอบคอม

เมื่อเอากระจกปิดฝาเคสออกแล้ว จะเห็นพื้นที่ด้านใน ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์มาเป็นตัวอย่างแล้ว โดยประกอบคอม AMD Ryzen คู่กับเมนบอร์ด mini-ITX จาก ASUS มาด้วย ซึ่งเคสนี้ ติดตั้งมาครบทั้ง ซีพียู เมนบอร์ด แรม SSD กราฟิกการ์ดและเพาเวอร์ซัพพลาย เดี๋ยวเรามาแยกกันทีละจุด

ในเบื้องต้นมาดูส่วนของซีพียู พัดลม แรม และเมนบอร์ด ตามที่ได้กล่าวถึงไปว่า เคสรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อ เมนบอร์ดระดับ mini-ITX และ DTX form factor ในภาพนี้ ติดตั้งซีพียู AMD Ryzen 5 3600XT มาพร้อมกับเมนบอร์ด ASUS ROG STRIX B550-I Gaming แต่ใครที่จะใช้ฮีตซิงก์แยก อาจจะต้องเช็คว่าความสูงไม่ควรเกิน 13cm เพราะอาจจะไปชิดกับขอบกระจกได้

ประกอบคอม

และด้วยพื้นที่ค่อนข้างจำกัด และเลย์เอาท์ของเมนบอร์ด mini-ITX ทำให้การติดตั้งอุปกรณ์ในบางจุด เช่น แรม และ SSD SATA อาจดูคับแคบไปบ้าง แต่ถ้าจัดระเบียบในการติดตั้งดีๆ ก็พอไปได้ ส่วนสล็อตแรม ก็จะพอดีๆ แบบนี้ แต่ก็รองรับแรมแบบไซส์ใหญ่ มีแถบไฟ RGB ก็ติดตั้งได้เข่นกัน ซึ่งในภาพจะเป็น Thermaltake TOUGHRAM ก็ลงตัว

ส่วนการติดตั้งกราฟิกการ์ด อาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนกังวล แต่ถ้าหากดูพื้นที่ในการติดตั้งให้ดีแล้ว จะเห็นว่ากราฟิกการ์ดระดับ 3 พัดลมตัวใหญ่ RTX 3080 จากทาง ASUS ก็สามารถติดตั้งลงไปได้สบาย และข้อมูลจากสเปคก็ระบุว่า รองรับกราฟิกการ์ดที่ยาวถึง 32cm ได้ ดังนั้นการ์ดจอทั่วไป ติดตั้งได้เลย

ประกอบคอม

มาถึงด้านหลังที่ใช้สำหรับการจัดเก็บสายกันบ้าง ด้านนี้แกะฝาออกแบบเดียวกับด้านหน้าที่เป็นกระจกเทมเปอร์ ด้วยการปลดล็อคฝาปิด และใช้ไขควงไขน็อตสกรูออก แล้วสไลด์ออกมา ด้านในจะเห็นว่าเป็นพื้นที่ว่างๆ พร้อมสายไฟมากมายอยู่ตรงนี้

ไฮไลต์ที่เป็นจุดเด่นของเคส ROG Z11 อยู่ที่ตรงนี้ แม้มุมนี้จะมองไม่ชัดเจนมาก แต่ก็พอให้เห็นภาพได้ นั่นคือ มุมเอียง 11 องศา ของเมนบอร์ด และการ์ดจอ ที่เอียง เพื่อให้ทิศทางลมภายในไหลเวียนได้ดี ช่วยลดความร้อนให้กับระบบอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถดูจากภาพกราฟิกด้านล่างนี้ได้

ประกอบคอม

หากดูจากภาพกราฟิกที่อธิบายพื้นที่ด้านใน จะเห็นได้ชัดว่า ASUS พยายามที่จะนำเสนอนวัตกรรมให้กับคนที่ชอบประกอบคอม หรืออยากได้เคสแนว ITX แต่มีพื้นที่จัดการสิ่งต่างๆ รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์ได้มากพอ ที่สำคัญยังต้องมีพื้นที่ระบายความร้อน พร้อมพื้นที่จัดเก็บสายได้อีกด้วย ซึ่งการเอียง 11 องศานี้ ก็มีส่วนทำให้เหลือพื้นที่ในการจัดการเก็บสายต่างๆ ได้มากขึ้น

ตรงด้านหลังนี้ จะสามารถจัดเก็บสายได้ดีทีเดียว ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ชอบแต่งคอม อยากได้สายถักสวยๆ มาต่อ ก็น่าสนใจ ส่วนจะเก็บได้เนี๊ยบแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณแล้ว

ในภาพรวมสำหรับการเก็บสายแบบคร่าวๆ จะเห็นว่าสายต่อจาก Front panel ค่อนข้างจะเยอะพอสมควร แต่สิ่งหนึ่งที่น่าจะช่วยให้ดูเรียบร้อยได้ก็คือ การใช้เพาเวอร์แบบ Full modular หรือแบบถอดสายได้ทั้งหมด เลือกใช้แต่บางเส้นเท่านั้น

ประกอบคอม

มุมนี้จะพอให้เห็นความลาดเอียงในการติดตั้งเมนบอร์ดที่อยู่ภายในเครื่อง แต่จุดที่น่าสังเกตคือ หากคุณต้องใช้พอร์ต USB ต่อพ่วงเยอะ อาจจะต้องลอดสาย USB มาต่อภายในเครื่องแทน แล้วใช้พอร์ต USB ที่หน้า Front panel ในการต่อพ่วงอุปกรณ์ภายนอก

จากตัวอย่างด้านใต้หรือหลังเคส จะมีช่องสำหรับลอดสายไฟและสายสัญญาณของ เมาส์ คีย์บอร์ด ให้เข้าไปต่อกับเมนบอร์ดได้โดยตรง

อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้น เคสนี้สามารถวางได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ขึ้นอยู่กับความต้องการ เพราะมีฐานและยางรองตัวเครื่องเอาไว้ให้แล้ว

ประกอบคอมเสร็จแล้วต่อไฟ เปิดเครื่อง ก็ดูสวยงามไม่เบา แสงไฟจากโลโก้ ROG ช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับเคสได้ไม่น้อย และที่สำคัญยังรองรับ ASUS Aura Sync ให้คุณสามารถปรับแต่งแสงไฟผ่านทางซอฟต์แวร์ได้อีกด้วย

หรูหราสง่างาม แสงสีที่ตัดกับแสงไฟ ทำให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ตัวเคสยังมาพร้อมฟีเจอร์ในการปรับเปลี่ยนโลโก้ให้กับคุณอีกด้วย

ทดสอบประสิทธิภาพและการระบายความร้อน

สเปคที่ประกอบคอมขึ้นมาในครั้งนี้ มีหัวใจหลักเป็น ซีพียู AMD Ryzen 5 3600XT ทำงานในแบบ 6 core/ 12 thread และความเร็วบูสท์สูงสุดที่ xxxGHz ทำงานบนเมนบอร์ด ASUS ROG STRIX B550-I Gaming

ส่วนกราฟิกการ์ดที่นำมาใช้เป็น GeForce RTX 3080 จากทาง ASUS เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการ์ดแบบ Custom 3 พัดลม

ในการทดสอบ เล่นเกม PUBG ในโหมด Ultra ก็เรียกว่าใช้พลังของซีพียู และกราฟิการ์ดยังไม่โหดหินนัก ด้วยสเปคที่แรงเช่นนี้ ในการระบายความร้อนก็เป็นไปแบบชิลๆ คอเกมที่จะเล่นเกมโหดกว่านี้ เช่น BattlefieldV, GTAV หรือจะเป็น Red Dead และ NFS เคสรุ่นนี้ก็ยังเอาอยู่

ในการเล่นเกมต่อเนื่อง ก็คงไม่ได้ทำให้เกิดความร้อนได้มากมาย เท่ากับการทดสอบแบบ Full-load โดยเราใช้ OCCT ในการทดสอบซีพียูอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง กับความเร็วที่วิ่งไประดับ 4.2GHz ความร้อนกลับไปแตะอยู่ที่ประมาณ 65-75 องศาเซลเซียสโดยประมาณเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างดี สำหรับฮีตซิงก์เดิมจากโรงงาน แม้จะเป็นตัวท็อปก็ตาม

Conclusion

หากมองในภาพรวมของเคสคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ จากทาง ASUS ROG Z11 รุ่นนี้ ก็ถือว่าน่าจะตอบโจทย์กลุ่มที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร และมีเอกลักษณ์ในตัว โดยเฉพาะคนที่ประกอบคอม และชื่นชอบแบรนด์นี้เป็นทุนเดิม ซึ่งทาง ASUS เอง แม้ว่าจะมีพีซีเกมมิ่งออกมาในตลาดให้เห็นบ้าง แต่ในด้านของเคสเราแทบไม่ได้เจอแนวนี้กันเลย การออก ROG Z11 มาในครั้งนี้ ก็ถือว่าเอาใจคอเกมได้ดีทีเดียว ติดอยู่เล็กน้อยในเรื่องของน้ำหนักตัวที่อยู่เกือบ 9Kg จึงต้องหาโต๊ะที่แข็งแรงพอสมควรมาวาง

นอกจากในเรื่องความสวย ทันสมัยแล้ว นวัตกรรมที่การันตีด้วย Reddot กับ CES Innovation 2020 ด้วยการจัดวางและเอียงเมนบอร์ด 11 องศา แม้ว่าจะดูเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ได้แปลกมากมาย แต่ในการทดสอบและใช้งาน ก็ยังพอตรวจเช็คได้ว่า ความร้อนถูกควบคุมได้ดีในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะ Full load ก็ตาม ส่วนหนึ่งมาจากพัดลมขนาดใหญ่ ที่ติดมาให้ 2 ตัว พร้อมกับช่องระบายอากาศที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้โดยรอบ แต่ถ้าหากเพิ่มพัดลหรือชุดน้ำเข้าไปเพิ่ม ก็น่าจะทำให้ภายในเย็นมากขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดีไซน์ของผู้ใช้เอง

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ข้อจำกัดที่สำคัญของเคส Z11 รุ่นนี้อยู่ที่รองรับเมนบอร์ด mini-ITX กับ DTX form factor เท่านั้น ไม่สามารถใส่ที่ใหญ่กว่านี้ได้ การติดตั้งอุปกรณ์เสริม ก็อาจจะถูกจำกัดไปด้วย เช่น PCIe slot หรือ M.2 เป็นต้น แต่ถ้าอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่คุณใช้ เน้นไปที่ USB เป็นหลัก ก็ถือว่าเคสรุ่นนี้ทำได้ไม่ยาก มีให้เหลือเฟือ แต่บางส่วนก็ต้องลอดสายผ่านเข้าเครื่อง แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด ส่วนเรื่องการอัพเกรดในภายหลัง ต้องดูกันเป็นจุดๆ ไป เพราะบางช่วงก็พื้นที่คับแคบ จะแทรกมือเข้าไปได้ยาก เช่น SATA แนะนำว่าต่อสายรอไว้ก่อนจะนำเมนบอร์ดลงเคส จะช่วยให้การอัพเกรดในภายหลังง่ายขึ้น เช่นเดียวกับ SSD M.2 ส่วนแรมส่วนใหญ่มี 2 สล็อต ก็ใส่ให้เต็มไว้ก่อนเลยดีกว่า

จุดเด่น

  • การระบายความร้อนมีประสิทธิภาพ ให้ทิศทางลมเข้าออกได้ดี
  • ติดตั้งการ์ดจอแบบยาว 3 พัดลมได้
  • กระจกเทมเปอร์ โชว์พื้นที่ภายใน
  • รองรับการปรับแต่งไฟ ASUS AURA Sync
  • วางได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน

ข้อสังเกต

  • ติดตั้งได้เฉพาะเมนบอร์ด mini-ITX เท่านั้น
  • การใช้พอร์ตบนเมนบอร์ด อาจจะต้องแกะเครื่องก่อนติดตั้ง

ราคา: ยังไม่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

ติดต่อหรือข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS ROG Z11

from:https://notebookspec.com/review-gaming-case-asus-rog-z11-mini-itx/539968/

Lenovo ThinkVision T27hv-20 หน้าจอที่เกิดมาสำหรับผู้ทำงานอย่างแท้จริง

Lenovo ThinkVision T27hv-20 มอนิเตอร์สำหรับการทำงานรุ่นใหม่ของทาง Lenovo เปิดตัวอย่างเป็นทางการ มาพร้อมฟีเจอร์เด็ดๆ สำหรับการใช้งานทางด้านธุรกิจที่ตอบโจทย์เป็นอย่างดีสำหรับการทำงานในยุค New normal โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ 1080p IR webcam ที่จะช่วยให้การประชุมทางไกลเป้นเรื่องกล้วยๆ ฟีเจอร์อื่นจะน่าสนใจมากแค่ไหนไปติดตามกัน

Lenovo ThinkVision T27hv-20

Lenovo ThinkVision T27hv-20

สำหรับ Lenovo ThinkVision T27hv-20 หรือ ThinkVision T27hv-20 นั้นเป้นมอนิเตอร์ที่เรียกได้ว่าเปิดตัวออกมาเหมาะสมกับช่วงเวลาของยุค COVID-19 หรือการทำงานที่ต้องคำนึงถึงรูปแบบการใช้ชีวิต New Normal เป็นอย่างยิ่ง โดยตัวมอนิเตอร์นั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 27 นิ้ว รองรับความละเอียดที่ระดับ 2K ดีไซน์ของหน้าจอนั้นจะมาพร้อมกับดีไซน์แบบขอบบาง 3 ด้าน(บน, ซ้ายและขวา)

ดีไซน์ฐานตั้งนั้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานทางด้านธุรกิจโดยเฉพาะ โดยตัวฐานนั้นจะมาพร้อมกับสีดำแต่มีการตัดสีแดงที่ฐานทำให้มองแล้วนั้นดูโฉบเฉี่ยวไม่เป็นโทรดำไปทั้งหมดไม่เหมือนกับมอนิเตอร์สำหรับการทำงานในอดีตที่ส่วนใหญ่แล้วนั้นจะมาพร้อมกับสีของตัวเครื่องเป็นสีดำเป็นหลัก ทาง Lenovo ได้ให้ลำโพงมากับตัวหน้าจอด้วยโดยจะอยู่ทางด้านล่างของหน้าจอโดยลำโพงนั้นจะเป็นแบบลำโพงคู่ที่แต่ละด้านนั้นจะมีกำลังอยู่ที่ 3W ทำให้ในการใช้งานด้านการฟังเสียงโดยเฉพาะการประชุมต่างๆ นั้นเป็นไปได้ด้วยความสะดวกสบาย

ตัวหน้าจอนั้นยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ในการช่วยลดภาระการใช้สายตาต่างๆ อย่าง “Natural Low Blue Light-Technology” ซึ่งผ่านการรับรองจากทาง Eyesafe และ TÜV Rheinland Eye Comfort ซึ่งนั่นทำให้การใช้งานนั้นจะมีความล้าของสายตาที่เกิดจากแสงสีฟ้าน้อยลงเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่าบนตัวหน้าจอเองจะมีลำโพงมาให้แล้วด้วยก็ตามแต่ด้วยลักษณะของการทำงานในสำนักงานที่เปลี่ยนไปจากเดิมทำให้ทาง Lenovo ยังคบไม่ลืมที่จะเพิ่มดีไซน์ในส่วนของฐานสำหรับวางชุดหูฟังมาให้ทางด้านข้างซ้ายของตัวเครื่อง นอกไปจากนั้นแล้วที่ด้านซ้ายล่างยังมีพอร์ต 3.5 audio combo jack มาให้ใช้งานอยู่ด้วย ซึ่งถือว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมากเพราะเวลาที่จะใช้งานนั้นผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องคลำมื้อไปทางด้านหลังของตัวเครื่องเพื่อหาพอร์ต 3.5 audio jack เสียบให้ยุ่งยากอีกต่อไป

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคงหนีไม่พ้น Webcam ที่มีความละเอียดมากถึง 1080p โดยตัวเลนส์นั่นยังใช้เซ็นเซอร์แบบ IR/RGB Camera ทำให้เพิ่มความสามารถในการถ่ายทอดภาพได้ดีแม้ว่าจะอยู่ในมุมที่มีแสงน้อยก็ตาม ที่ติดตั้ง Webcam นั้นก็สามารถที่จะทำการปรับระดับได้อย่างง่ายดายทำให้ไม่ต้องกังวลว่าตัวกล้องจะอยู่ในมุมที่ไม่เหมาะสมกับการประชุม นอกไปจากนั้นแล้วมันยังมาพร้อมกับไมค์ที่ตัดเสียงรบกวนได้ในตัว งานนี้เรียกได้ว่าการประชุมงานทางไกลนั้นก็เป็นเรื่องง่ายไปแบบชิวๆ เลยทีเดียว

จุดที่อาจจะมีข้อติบ้างนั้นก็คือส่วนของดีไซน์ขอตั้งที่ค่อนข้างจะใหญ่พอสมควรหากดูจากมุมด้านข้างของตัวหน้าจอ ทว่าในการใช้งานนั้นก็คงไม่มีใครไปนั่งอยู่ทางด้านข้างของตัวหน้าจออยู่แล้ว

อีกข้อติหนึ่งนั้นก็คือพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ ของตัวหน้าจอที่อยู่ทางด้านหลังของตัวเครื่องนั้นจะวางตัวทำมุมลงไปทางด้านล่างของตัวเครื่องซึ่งเวลาที่จะทำการเชื่อมต่อสายสัญญาณต่างๆ นั้นอาจจะทำได้ลำบาก แต่ตรงนี้นั้นทาง Lenovo ก็แก้มาให้ด้วยการพิมพ์บอกตำแหน่งของพอร์ตต่างๆ เอาไว้มาให้ด้วยซึ่งทำให้ในการเช่อมต่อพอร์ตต่างๆ นั้นก็จะสามารถทำได้ง่ายมากขึ้น

สำหรับพอร์ตการเชื่อมต่อของตัวหน้าจอนั้นจะมาแบบครบครันไม่ว่าจะเป็น RJ-45 jack, DisplayPorts, HDMI, USB Type-A และ Type-C โดย USB Type-C นั้นจะเป็นพอร์ตมาตรฐาน 3.2 Gen 1 รองรับกำลังไฟมากถึง 90W ทั้งนี้ Lenovo ThinkVision T27hv-20 จะพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2021 นี้ สนนราคาจะอยู่ที่ €419 หรือประมาณ 15,570 บาท

ที่มา : notebookcheck

from:https://notebookspec.com/lenovo-thinkvision-t27hv-20-monitor-shows-remote-collaboration-potential-with-usb-type-c-and-a-1080p-ir-webcam/539726/

รีวิว Aopen 27HC5R จอเกมมิ่ง 240Hz ไซส์ Big จอโค้ง ขอบบาง ปรับได้ทุกองศา ในราคาเบาๆ

ปลายเดือนแบบนี้ เอาใจคอเกมกันด้วยจอเกมมิ่งขนาด 27″ จากทาง Aopen by Acer กันก่อน สำหรับคนที่กำลังมองหาจอเกมมิ่งที่เป็น จอโค้ง ไซส์ใหญ่ ภาพสวย เล่นลื่น ด้วยรีเฟรชเรต 240Hz พาแนล VA ในราคาสบายกระเป๋า ไม่ต้องเมาท์กันเยอะ ไปดูกันเลยดีกว่า

จอเกมมิ่ง

แนะนำสเปคเล็กน้อย สำหรับใครที่ติดตามแบรนด์นี้กันมา จะเห็นได้ว่ามักจะนำมอนิเตอร์สเปคเด็ดๆ มาให้เกมเมอร์ในตลาดได้ตื่นเต้นกัน อย่างเช่น จอเกมมิ่ง Aopen ก่อนหน้านี้ ที่ทาง NBS รีวิวไป 27″ 165Hz เปิดที่ 7,xxx บาท เท่านั้น ส่วนในครั้งนี้มาในซีรีส์ 27H เช่นเดียวกัน แต่สเปคใหม่กว่า เพราะเป็นพาแนล VA สีสันสดใส และตอบสนองได้ดี ให้อัตรารีเฟรชเรต 240Hz ความโค้งระดับ 1500R และอัตราตอบสนอง 1ms กับการออกแบบ ZeroFrame Design ทำให้ขอบจอบางเฉียบ จึงได้พื้นที่ใช้งานแบบเต็มๆ แต่ที่น่าสนใจคือ ทั้งหน้าจอและฐาน ปรับได้สะดวก ไม่ว่าจะมุม Tilt, Pan และ Adjust จะทำไม่ได้ก็เพียงการหมุนหรือ Pivot หน้าจอเท่านั้น นอกจากนี้ยังมี OSD ที่สามารถโหมดโพรไฟล์การใช้งานในแต่ละรูปแบบได้อีกด้วย

สเปค จอเกมมิ่ง Aopen 27HC5R Z

  • Type: 27HC5R Z
  • Color: Black
  • Display Size: 27″
  • Active Display Area(mm): 597.88 x 336.31
  • Panel type: VA
  • Max. Resolution and Refresh Rate: HDMI:1920×1080 @240Hz
  • DP:1920×1080 @240Hz
  • Response Time: 1ms TVR
  • Contrast Ratio: 4000:1 (Native)
  • Brightness: 250 nits (cd/m2)
  • Viewing Angle: 178° (H), 178° (V)
  • Colors: 16.7 M
  • Color gamut: 72% NTSC
  • Bits: 8Bit
  • Input Signal: 1. 2 x HDMI (1.4) + DP + SPK + Audio Out
  • VESA Wall Mounting: 75x75mm
  • Speaker: 2Wx2 (Optional)
  • Power Supply (100 – 240 V): External Adapter
  • Tilt: -5° ~ 25°
  • Swivel: +30°/-
  • Height Adjustment: 120mm

ฟีเจอร์และการออกแบบ

จอเกมมิ่ง

แพ็คเกจเรียกว่ามาในแบบง่ายๆ แต่ก็ใส่รายละเอียดของจอรุ่นนี้มาให้พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นชื่อรุ่น 27HC5R ความละเอียด Full-HD และรีเฟรชเรต 240Hz รองรับ Adaptive-Sync พร้อมกับBlueLightShield ถนอมสายตาจากแสงสีฟ้า

เมื่อแกะกล่องออกมา จะเห็นตัวจอที่อยู่ภายในกล่อง หุ้มกันรอยมาเป็นอย่างดี และชิ้นส่วนอื่นๆ อยู่ภายใน แต่จะบอกว่าใจเย็นกันสักนิดนึงกับการแกะ เพราะ Aopen แพ็คมาแบบแน่นมาก ทั้งกล่องทั้งโฟม ต้องค่อยๆ ดึงออกมา

ส่วนนี้จะเป็นตัวฐาน ซึ่งมาแบบเรียบง่าย ต่างจากในรุ่นก่อนหน้านี้ ที่เป็นฐานแบบ 3 ขา ดูหวือหวากว่า อย่างไรก็ดี น่าจะถูกใจคนที่อยากได้ฐานประหยัดพื้นที่ ไม่กางขาออกไปให้ดูเกะกะ แต่บอกเลยว่าเรียบๆ แบบนี้ แต่หนักเอาเรื่อง

จอเกมมิ่ง

ส่วนนี้เป็นขาตั้งจอ ใช่แล้วครับ บอกไม่ผิดแน่ๆ บอกไว้ก่อนว่าแม้จะออกแบบเรียบๆ แต่ลูกเล่นไม่เบาเลยนะ เมื่อประกอบเสร็จจะมาเฉลยกันอีกที

สายที่มีให้มี 2 ส่วนด้วยกันคือ สาย HDMI และ อแดปเตอร์แปลงไฟ 12V 4A ที่ 48W ขนาดกระทัดรัด เล็กกว่าอแดปเตอร์ของเกมมิ่งโน้ตบุ๊กอีกนะ

จอเกมมิ่ง

พอร์ตต่อพ่วงด้านหลังจอ ประกอบด้วย AC Adaptor และ 2 x HDMI (1.4) รวมถึง DisplayPort ตัวเต็มและ Audio Out

ด้านหลังเป็น VESA Wall mount ขนาด 75x75mm สำหรับการติดตั้งเข้ากับขาตั้งจอและอุปกรณ์ Wall mount บนผนัง

การติดตั้งไม่ซับซ้อน วางขาตั้งจอบน VESA mount แล้วไขสกรูแบบ 4 แฉก 4 ตัวลงไป ยึดให้แน่นทีละมุม

จากนั้นวางลงบนฐาน แล้วหมุนน็อตยึดที่มีให้ทั้ง 2 ตัว หมุนให้แน่น แล้วลองขยับดูอีกที

จอเกมมิ่ง

เท่านี้เป็นอันเสร็จสิ้น การประกอบที่ง่าย ไม่ซับซ้อน น่าจะได้คะแนนจากคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายได้ดีทีเดียว แต่อย่าลืมเอาพลาสติกกันรอยที่แปะตามขอบออกไปด้วย ส่วนถ้าใครชอบก็ไม่ต้องดึงครับ ไม่มีผลต่อการใช้ แต่อาจจะรบกวนสายตาอยู่บ้าง

มาดูเรื่องของความพิเศษของฐานจอที่ดูเรียบง่ายนี้กัน ตามที่ได้ติดไว้ในตอนต้น เรื่องแรกเลยคือ สามารถปรับขึ้นลงได้ราว 15cm เรียกว่าลงมาจนขอบจอล่าง แทบแตะฐานกันเลยทีเดียว ส่วนเมื่อดันขึ้นสุด ก็จะสูงขึ้นอย่างที่เห็นนี้เลย

นอกจากนี้โดยพื้นฐานของด้านหลังจอจะไม่สามารถ Pan ซ้าย-ขวาได้ แต่ด้วยฐานจอ ที่เป็นวงกลมเล็กๆ ทำให้หมุนซ้าย-ขวา หรือที่เรียกว่า Swivel ได้ในระดับ 30 องศา ใช้สำหรับพรีเซนเทชั่นได้สบาย

จอเกมมิ่ง

นอกจากนี้ในมุม Tilt หรือ ก้มเงย สูงสุดจะอยู่ที่ราว 25 องศา ให้พอปรับได้ตามมาตรฐาน แต่บอกไว้ก่อนว่า ไม่สามารถ Pivot ได้นะ

เมื่อเงยหน้าจอขึ้นมาแล้ว ก็จะดูเชิดๆ หน่อย ซึ่งตรงกลางจอจะระบุซีรีส์มาให้ Fire Legend กับความบางของขอบจอด้านล่าง ที่ดูมีเสน่ห์ไม่เบา

มาดูจากมุมด้านบนกันบ้าง หนาอยู่ที่ราว 1.5-1.7cm เท่านั้น แม้ว่าจะไม่ได้บางที่สุดในตลาด แต่อยู่ในระดับที่บาง และดูสวยงามเลยทีเดียว

ขอบจอบางในแบบ ZeroFrame Design ก็ทำให้รู้สึกดี มีพื้นที่ใช้งานอย่างเต็มที่มากขึ้น จะต่อจอเพิ่ม ก็น่าสนใจ

เมื่อประกอบทุกสิ่งเสร็จแล้ว ก็พร้อมสำหรับการใช้งาน ไซส์จอเมื่อเทียบกับเคสระดับ Medium Tower ก็ถือว่าใหญ่พอควร

จอเกมมิ่ง

การใช้งาน

OSD settings ก่อนที่จะไปเข้าสู่การใช้งานจริง และการเล่นเกม ลองเข้ามาดูในหน้าการตั้งค่าของ OSD เพื่อปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ โดยการจะเข้าไปปรับตั้งค่านั้น ต้องใช้ปุ่มควบคุมที่อยู่ด้านใต้หน้าจอ

โหมดหลักในการใช้งาน จะเป็นโพรไฟล์สำหรับการเล่นในโหมดต่างๆ เช่น Action, Racing, Sport, User รวมไปถึงโหมดการใช้งาน Standard, Eco, Graphic และ Movie

และเมื่อเข้ามาสู่โหมด Gaming: ในส่วนนี้จะมีส่วนต่อการเล่นเกมในภาพรวม เพราะประกอบด้วย Over Drive ปรับเพิ่มแสง เปิดใช้งาน Adaptive Sync และการตั้งค่า Refresh rate และ Aim Point ที่ใช้ในการเล็งเป้าหมาย สำหรับการยิงที่แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งมักจะมีในจอเกมมิ่งรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน

จอเกมมิ่ง

ในส่วนของ System จะเป็นการจัดการระบบ และการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็น Input สัญญาณ, ตรวจเช็คสัญญาณอัตโนมัติ รวมถึงการตั้งค่าอื่นๆ ของ HDMI และ DisplayPort

OSD จะเป็นการตั้งค่าภาษา, ระยะเวลาในการแสดงผล, รวมถึงการความโปร่งแสงของเมนู เป็นต้น ถ้าหากคุณรู้สึกยังไม่ชินกับการปรับที่ต้องใช้เวลานาน แล้ว OSD ก็ดับไปไว ให้ตั้ง OSD Timeout นานหน่อย ก็โอเคแล้ว

Color การปรับค่าสีและ Gamma ในส่วนนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับโพรไฟล์ที่กำหนด หรือจะตั้งแล้วบันทึกเป็นโพรไฟล์ไว้ใช้ในโหมด User ได้เช่นกัน

ในหัวข้อ Picture จะใช้ในการปรับค่าทั่วไป ซึ่งเป็นพื้นฐานในการใช้งาน ซึ่งจะสอดคล้องกับการเลือกในโหมดต่างๆ ด้วย ส่วนที่น่าสนใจในการเล่นเกม คือส่วนของ Black Boost ที่ช่วยเพิ่มและลดความเข้มของสีดำ ที่จะช่วยให้มองเห็นศัตรูได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

จอเกมมิ่ง

ถ้าเลือกในโหมด Gaming ก็จะมี Aim Point มาให้ ในส่วนตัวก็ถือว่าเป็นอีกสิ่งอำนวยความสะดวกได้ แต่จะใช้หรือไม่ใช้ ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละบุคคล ซึ่งการมีก็ช่วยให้เล็งง่ายขึ้นจริง แต่ก็เป็นสิ่งที่รบกวนสายตาได้ในบางจังหวะ แต่ถ้าเลือกรูปแบบที่เหมาะสม (มีให้เลือก 3 แบบ) ก็น่าจะช่วยให้การเล่นสนุกมากขึ้น

เมื่อตั้งค่าต่างๆ พร้อม ก็เล่นเกมกันเลย

ในการทดสอบเราเน้น Action กันแบบเดือดๆ กับเกมแรก Battlefield V ที่โหมด High กับเฟรมเรตระดับ 130-150fps. กับการตั้ง Adaptive Sync – On ไว้ในโหมด Game1 ที่เป็นโพรไฟล์ ก็ทำให้ดูไหลลื่นได้ดีทีเดียว

ส่วนในเกม PUBG ก็เป็นเกมที่เราได้ลองในฟีเจอร์ของ Black Boost ซึ่งจะเห็นกันได้ในจอเกมมิ่ง แต่อาจจะเรียกชื่อต่างกันออกไป สำหรับการทำงานคร่าวๆ ก็คือ การเน้นความเข้มให้แตกต่างกันระหว่างดำและขาวในภาพออกอย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลดีต่อการเล่นในเกมบางฉาก เพราะจะเน้นออปเจกท์ให้เด่นชัดขึ้น คล้ายกับการปรับ Color Balance แต่จะต่างกันแค่ไม่ใช่เน้นสี แต่เน้นความมืดสว่างของฉาก ซึ่งภาพในเกมนี้ก็พอจะบอกให้เห็นถึงความชัดเจนในส่วนต่างๆ ได้ดี

จอเกมมิ่ง

มาถึงเกมที่เอฟเฟกต์ที่เน้นความอลังการสีสันสดใสอย่าง DOTA2 กันบ้าง ใครที่เป็นแฟนบอยเกมแนวนี้ ได้จอใหญ่ๆ บอกเลยว่าสนุก Hero ตัวเบ้อเริ่ม ซูมเข้าไปใกล้หน่อย เห็นชุดและรายละเอียด ยิ่งเร้าใจตอนร่ายเวทย์ใหญ่ แนะนำว่าปรับ Gamma เพิ่ม และเติม Contrast เข้าไปอีกนิด เซฟไว้เป็นโพรไฟล์เล่นแนว MOBA ได้เลยครับ

ส่วนเกม GTAV จะสะใจก็ตอนที่เห็นรายละเอียดตัวละครมากขึ้น รวมถึงการเคลื่อนไหวที่มีความต่อเนื่องภาพไม่ฉีก และได้เห็น Map ที่ใหญ่ขึ้น ไม่ต้องเล็งมาก เหมือนกับการใช้จอ 22″-24″ แถมมุมมองและสีดูสดใสสบายตา ปรับความละเอียด High ถ้าคอมที่ใช้อยู่ไหว จะให้ความสะใจได้ไม่น้อย

ในการใช้งานซอฟต์แวร์อื่นๆ เช่นการแต่งภาพหรือ ตัดต่อวีดีโอ สำหรับมือใหม่ ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ คุณจะสามารถพรีวิวได้แบบเต็มที่ แม้จะความละเอียด Full-HD ไม่ได้เป็น 2K หรือ 4K ก็ตาม

แต่ที่น่าจะได้ประโยชน์มากขึ้นก็คือ กลุ่มที่ใช้งานแบบมัลติทาส์ก เปิดเว็บ ดูหนัง ฟังเพลง ดูหุ้น แก้ไขงานเอกสาร พื้นที่กว้างระดับนี้ ให้คุณใช้ประโยชน์ได้แบบเต็มๆ การแบ่งจอก็ใช้ความสามารถของ Windows ในการ Snap Windows ไปยังมุมต่างๆ ของจอ จะแบ่ง 2-4 หรือ 8 ก็แล้วแต่ความสะดวกเลย

จอเกมมิ่ง

ส่วนใครที่เป็นเลิฟการชมวีดีโอ แบบไม่อยากจะต้องเดินออกจากห้อง ไปเปิดดูทีวี Aopen 27HC5R รุ่นนี้ก็ตอบสนองได้ดีทีเดียว เพราะมีโหมด Movie ที่ให้ภาพได้สวยคมชัด ภาพไหลลื่น อาจจะปรับ Brightness ลงอีกนิด ในห้องที่ปรับแสงลง ก็จะทำให้ความเพลิดเพลินในการชมได้มากทีเดียว

แต่สิ่งหนึ่งที่คาใจเล็กน้อยก็คือ การใส่ปุ่มตั้งค่า OSD มาด้านใต้แบบ ลึกลับมาก ซึ่งเข้าใจว่าเพื่อความสวยงาม ดูไม่เกะกะ แต่กว่าจะใช้งานได้คล่อง ก็ต้องปรับตัวกันพอสมควร วิธีการที่ง่ายที่สุดคือ ให้สังเกตสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนหน้าจอ ว่าจะเลื่อนซ้าย-ขวา เข้า-ออกจากโหมด หรือตกลง ต่างจากในรุ่นก่อนๆ ที่เป็นจอยสติ๊ก นิ้วเดียวเลื่อนหมุนไปมา แล้วกดปุ่มเพื่อตกลง ซึ่งง่ายกว่าเยอะ

Conclusion

ถือว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับจอเกมมิ่งจาก Aopen by Acer รุ่นนี้ เพราะถ้ามองไปที่คอมรุ่นใหม่ๆ สเปคกลางๆ ในระดับ 20,000-40,000 บาท ก็สามารถเร่งเฟรมเรตเกมในระดับ AAA หลายเกมได้ระดับ 100fps++ อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าตั้งความละเอียดแบบใด และยิ่งเป็นการ์ดจอใหม่ๆ อย่าง RTX 3000 series ที่ว่าเล่นเกมระดับ 4K 60fps ได้ ก็น่าจะทำให้คนที่อยากเล่นเกมบนจอ 1080p ที่ Hz สูงๆ ได้แบบลื่นขึ้น เช่นเดียวกับจอเกมมิ่งรุ่นนี้ เท่าที่ลองกับในหลายๆ เกม เฟรมเรตระดับ 70-80fps ขึ้นไป ภาพดูต่อเนื่องและลื่นไหลดีทีเดียว ยิ่งแนวเกมแอ็คชั่น เช่น BFV, PUBG และ GTAV แต่ละเกม ถ้าไม่ได้ความต่อเนื่องของภาพ แน่นอนว่าคงจะเล่นไม่สนุก เพราะอาการภาพขาดและสะดุด ภาพที่ได้สีสันสดใส ในการตั้งค่า Game Mode ที่เป็นโพรไฟล์มาตรฐานมาให้ แค่การปรับค่าเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยให้การเล่นสนุกมากขึ้น ส่วน Aim Point ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ ถ้าไม่ชอบที่มีศูนย์เล็งเป้ามาให้ก็สามารถ Off หรือปิดได้เช่นกัน แต่ถ้าใช้แล้วถูกใจก็เปิดไปเถอะครับ

ในส่วนของความกว้างของหน้าจอ นับว่าตอบโจทย์การใช้งานที่ดี ไม่ใช่แค่เพียงความลื่นไหลกับการเล่นเกม แต่ยังตอบสนองกับการดูหนัง ท่องเน็ตและทำงานเอกสารได้ ใครที่ชอบทำงานหลายอย่างพร้อมกัน สามารถจัดเต็มบนจอรุ่นนี้ได้เลย อาจใช้วิธี Snap Window แบบ 4 จอพร้อมกัน หรือจะแบ่งครึ่งหน้าจอ ใช้งานเอกสารก็ได้ แต่อย่างที่ได้รีวิวไป แม้ว่าจอรุ่นนี้ จะสามารถหันซ้าย-ขวา Tilt, Pan และ Swivel ได้ แต่ไม่สามารถ Pivot ได้ แต่ก็น่าจะพอต่อการใช้งาน กับสนนราคาประมาณ 7,990 บาท ก็ถือว่าทำได้คุ้มราคา เมื่อเทียบกับจอในระดับเดียวกัน

จุดเด่น

  • พื้นที่จอขนาดใหญ่ ใช้งานสะดวก แบ่งหน้าจอได้
  • ขอบจอบาง ใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่
  • สีสันของภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดีสดใส
  • ด้วยรีเฟรชเรตเหลือใช้ 240Hz ตอบโจทย์ในการเล่นเกมได้
  • มี Game Mode ในการปรับแต่ง และสามารถบันทึกการตั้งค่าของตัวเองได้ด้วย
  • หน้าจอปรับได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น Tilt, Pan, Swivel ยกเว้น Pivot

ข้อสังเกต

  • การปรับแต่ง OSD ต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยพอสมควร
  • ต้องปรับใช้ให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละแบบ

ราคา: ประมาณ 7,990 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม: Aopen 27HC5R zbmiiprx

from:https://notebookspec.com/review-aopen-27hc5r-gaming-monitor-165hz/539242/

Xiaomi เตรียมจอเล่นเกมใหม่ 240Hz และ 360Hz Full-HD IPS เริ่ม 5 พันบาท Good!

จากข้อมูลล่าสุดในเว็บไซต์ Xiaomi เตรียมส่งจอเล่นเกมที่มีรีเฟรชเรตสูง มาลุยตลาด ในช่วงพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

โดยจอเล่นเกมใหม่นี้ เน้นไปที่ตลาดเมนสตรีม ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ กับข้อมูลในเบื้องต้น อาจมีด้วยกัน 2 โมเดลคือ 240Hz และ 360Hz กับไซส์จอเริ่มต้น 24.5″

จอเล่นเกม

ด้วยตัวเลข 145USD หรือประมาณ 5,xxx บาท อาจเป็นราคาที่ทาง Xiaomi นำมาใช้ในการกรุยทางสู่ตลาดในกลุ่มนี้ ก่อนจะขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ในรุ่นที่สูงขึ้น คาดว่าตัวเริ่มต้นจะอยู่ที่ 24.5″ และเป็นแบบ 1080p ทั้งหมด ส่วนอัตรารีเฟรชเรตก็อาจจะมีทั้ง 240Hz และ 360Hz หรืออาจจะมีจำหน่ายทั้ง 2 โมเดล แต่ยังไม่มีข้อมูลของพาแนลออกมาชัดเจน เพราะจะต้องเลือกใช้พาแนลที่มีคุณภาพ แต่ก็ต้องควบคุมต้นทุนให้เหมาะสม ซึ่งก็อจเป็นไปได้ทั้ง IPS แต่บางทรรศนะก็ให้ความเห็นว่าควรเป็น TN สำหรับการเล่นเกม

แม้ว่างบประมาณ 145USD นี้ จะเป็นจุดที่เกมเมอร์เอื้อมถึงซื้อได้ง่าย ลงตัวกับผู้ใช้ แต่หลายคนก็อาจจะทราบดีกว่า การเล่น 360Hz บน Full-HD ไม่ได้เป็นเรื่องง่าย ที่เราจะรีดเฟรมเรตกันไปได้ระดับนั้น หรือแม้แต่ 240Hz ก็ตาม เพราะถ้าพีซีทั่วไป ประสิทธิภาพก็ดูจะเป็นข้อจำกัด อย่างไรก็ดีนั่นก็คงเป็นเรื่องของอนาคต

ในครั้งนี้น่าจะเป็นการปรับโมเดล มาลองตลาดกลุ่มใหญ่มากขึ้น จากก่อนหน้านี้ Xiaomi ส่งจอขนาด 27 นิ้วรองรับความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 2K(2560×1440 pixels) โดยมี refresh rate อยู่ที่ 165 Hz และ response time 1 ms ตัวหน้าจอนั้นรองรับการเล่นเกมอย่างเต็มรูปแบบโดยจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Adaptive-Sync พร้อมด้วยความสว่างสูงสุดมากถึง 400 nits และรองรับช่วงกว้างของสี DCI-P3 ถึง 95% และประสบความสำเร็จ กับตลาดมิดเอนด์ กับราคาประมาณ 9,xxx บาท

ที่มา: Xiaomi

from:https://notebookspec.com/xiaomi-gaming-240hz-360hz-full-hd-ips/538528/

คลอดแล้ว! Samsung 980 PRO PCIe 4.0 ไฮเอนด์เกมเมอร์และมือโปร Fast เร็วกว่าเดิม 10 เท่า

คลอดแล้วอย่างเป็นทางการกับ SSD สายโหด Samsung 980 PRO กับฟีเจอร์ PCIe 4.0 ใหม่ล่าสุด เข้าได้ทั้งแพลตฟอร์ม Intel และ AMD ความเร็วระดับ 7,000MB/s และความจุให้เลือกถึง 1TB เอาใจเกมเมอร์ที่ต้องการความเร็วและพื้นที่ในการติดตั้งเกมใหม่ๆ รวมถึงผู้ใช้ระดับมืออาชีพ บนเครื่องพีซีไฮเอนด์และ Workstation

Samsung 980 PRO

Samsung เปิดตัว SSD รุ่นใหม่ระดับฮาร์ดคอร์เกมเมอร์และมืออาชีพ 980 PRO ในซีรีส์สายโหด ที่ให้ความเร็วในการทำงานสูง กลุ่มผู้ใช้ที่เน้นความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลที่รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานด้านกราฟิก ร่วมกับความละเอียดระดับ 4K หรือ 8K เล่นเกมที่หนักหน่วง ด้วยการใช้ V-NAND ที่สุดจัดในสายนี้ MLC คุณภาพสูง ร่วมกับคอนโทรลเลอร์ของ Samsung เอง และช่องทางการเชื่อมต่อ PCIe 4.0 ซึ่งทำให้ SSD รุ่นนี้ มีความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลสูงสุดที่ 7,000MB/s และ 5,000MB/s ตามลำดับ ซึ่งความเร็วของ Random Read/ Write นั้นไปแตะที่ 1,000K IOPS นั่นหมายถึงเร็วกว่า SSD PCIe 3.0 กว่าเท่าตัว และมากกว่า SSD SATA III สิบเท่า

Samsung 980 PRO

นอกจากนี้ Samsung ยังได้ออกแบบการจัดการความร้อนที่ดีขึ้น ด้วยการใช้นิกเกิลเคลือบไปบนคอนโทรลเลอร์และแผ่นลาเบล ที่ทำหน้าที่เป็น Heat spreader ในการกระจายความร้อนที่ด้านหลังของ SSD อีกด้วย ที่นับว่าเป็นการพัฒนารูปแบบการระบายความร้อนใหม่ในรูปแบบของ M.2 ที่ทำให้บางเบาลงได้ และเทคโนโลยี Samsung’s Dynamic Thermal Guard ในการควบคุมความร้อนของไดรฟ์ได้อีกด้วย

Samsung 980 PRO

Samsung 980 Pro SSD มีความจุให้เลือกตั้งแต่ 250GB, 500GB และ 1TB จะเริ่มวางขายใน กันยายนนี้ ส่วนในรุ่น 2TB คาดว่าจะขายในช่วงสิ้นปี ราคาเริ่มต้นที่ 89.99USD หรือประมาณ 3,000 บาท สำหรับ 250GB

ที่มา: SSD 980 PRO

from:https://notebookspec.com/samsung-980-pro-ssd-hiend-gamer/538488/

XPG Gammix S70 สุดยอด M.2 SSD จาก ADATA ความเร็วสูง

XPG Gammix S70 แหล่งเก็บข้อมูลมาตรฐาน PCIe Gen4x4 จากทาง ADATA เปิดตัวอย่างเป็นทางการ มาพร้อมกับความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลที่สูงกว่า SSD ของเครื่อง PlayStation 5 แถมขนาดความจุก็ยังสูงกว่า จะน่าสนใจมากแค่ไหนนั้นไปติดตามกัน

XPG Gammix S70

XPG Gammix S70

ADATA หนึ่งในผู้ผลิตแหล่งเก็บข้อมูลชื่อดังได้ทำการเปิดตัวแหล่งเก็บข้อมูลแบบ M.2 2280 SSD มาตรฐาน PCIe Gen4x4 รุ่นใหม่อย่าง XPG Gammix S70 ออกมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งสเปคของ XPG Gammix S70 นั้นเรียกได้ว่าน่าสนใจเอามากๆ โดยมันมาพร้อมกับความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมุลดังต่อไปนี้

  • ความเร็วในการอ่านข้อมุลแบบลำดับสูงสุดที่ 7,400 MB/s
  • ความเร็วในการเขียนข้อมูลแบบลำดับสูงสุดที่ 6,400 MB/s
  • MTBF(mean time between failures) อยู่ที่ 2,000,000 ชั่วโมง
  • รองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ PCIe 4.0 และ  PCIe 3.0
  • มาพร้อมกับฮีทซิงค์สำหรับระบายความร้อนที่สามารถช่วยในการระบายความร้อนได้มากกว่าเดิม 30%
  • มาพร้อมกับขนาดความจุ 1 TB และ 2 TB
  • ระยะเวลารับประกันอยู่ที่ 5 ปี

ทั้งนี้การที่จะใช้ XPG Gammix S70 ได้ที่ความเร็วสูงสุดตามโฆษณานั้นมีข้อกำหนดอยู่หนึ่งอย่างก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านต้องรองรับมาตรฐาน PCIe 4.0 ซึ่งในปัจจุบั้นนั้นจะมีเฉพาะผู้ที่ใช้หน่วยประมวลผล AMD Ryzen 3000 ซีรีส์เท่านั้นถึงจะสามารถสัมผัสความแรงดังกล่าวนี้ได้ น่าเสียดายที่ทาง ADATA นั้นยังคงไม่มีการเผยราคาและวันวางจำหน่ายของ XPG Gammix S70 ออกมาอย่างเป็นทางการ(แต่เชื่อว่าในไทยเรานั้นน่าจะสามารถหาซื้อได้ด้วยเช่นเดียวกันแทว่าคงต้องหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสักพัก)

ที่มา : notebookcheck

from:https://notebookspec.com/xpg-gammix-s70-pcie-gen4x4-m-2-ssd-from-adata-will-woo-gamers-and-future-playstation-5-owners-alike/538473/