คลังเก็บหมวดหมู่: thectalkthai

Dell Technologies, Intel และ Microsoft ขอเชิญร่วมงาน “Work Anywhere Do Everything with Dell Introducing Dell Technologies New Commercial PC Portfolio ” [29 มิ.ย. 2566 — 13.00น.]

Dell Technologies, Intel และ Microsoft ขอเชิญร่วมงาน “Work Anywhere Do Everything with Dell Introducing Dell Technologies New Commercial PC Portfolio” โดย เดลล์ เทคโนโลยีส์ พร้อมแล้วกับการเผยโฉมพีซีอัจฉริยะที่ได้รับการอัปเดตด้วยการออกแบบแบบใหม่ รวมไปถึงมีการอัพเดตฟีเจอร์การทำงานร่วมกัน ให้คุณได้พบกับอีกระดับของการความสามารถแบบใหม่

โดยเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน ท่านสามารถเลือกเข้าร่วมงานได้ทั้งแบบออนไซต์ และ แบบออนไลน์ ซึ่งงานจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2566 เวลา 13.30 – 16.30 น.

ชื่องาน : Work Anywhere Do Everything with Dell Introducing Dell Technologies New Commercial PC Portfolio

วัน : พฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน 2566

เวลา : 13.30 – 16.10 น.

สถานที่ : ห้องสยามฮอลล์ ชั้น 6 โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท คลิกเพื่อดูแผนที่

หรือผ่านทางออนไลน์ Microsoft Teams

ลงทะเบียนคลิก : https://qr.page/g/3u2I826vjTX

เดลล์ เทคโนโลยีส์ พร้อมแล้วกับการเผยโฉมพีซีอัจฉริยะที่ได้รับการอัปเดตด้วยการออกแบบแบบใหม่ รวมไปถึงมีการอัพเดตฟีเจอร์การทำงานร่วมกัน ให้คุณได้พบกับอีกระดับของการความสามารถแบบใหม่ นอกเหนือจากนี้เดลล์ยังทำให้การควบคุมเครื่องพีซีทั้งหมดเป็นเรื่องง่ายและเพิ่มความฉลาดให้กับระบบนวัตกรรมของเครื่องพีซีทั้งหมด อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะให้การรักษาอย่างยั่งยืนต่อสภาพแวดล้อมความปลอดภัย ความสามารถในการจัดการ และเซอร์วิสที่จะช่วยให้ธุรกิจของท่านบรรลุต่อเป้าหมายได้ รวมไปถึงช่วยลดงานให้ฝ่ายไอทีด้วย

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับชุดผลิตภัณฑ์ทางธุรกิจใหม่ของเราที่มาพร้อมกับ Windows 11 และสร้างมาด้วยนวัตกรรมที่ร่วมมือกันกับ Intel® เพื่อให้ความสามารถในการทำงานร่วมกัน ประสิทธิภาพและผลิตภาพที่ดีกว่าเดิม

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบกันในงานสัมมนาครั้งนี้

เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน ท่านสามารถเลือกเข้าร่วมงานได้ทั้งแบบออนไซต์ และ แบบออนไลน์

from:https://www.techtalkthai.com/dell-technologies-x-intel-x-microsoft-new-commercial-pc-porfilio-seminar/

Fortinet เผยผลสำรวจ SASE ใน APAC ตอบโจทย์การทำงานยุค Hybrid Work แนะองค์กรมองหาโซลูชันที่สามารถทำงานร่วมกัน

การทำงานในยุค Hybrid Work ได้ท้าทายการป้องกันขององค์กรหลายด้าน ซึ่งทำให้องค์กรต้องคิดใหม่เกี่ยวกับการป้องกันแบบเดิมที่ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง ยืนยันได้จากภัยคุกคามที่เกิดขึ้นทั่วโลก ที่งานสัมมนา Fortinet Accelerate Asia 2023 นอกจากที่จะมีการรวมตัวของเหล่าพาร์ทเนอร์และลูกค้าแล้ว ทีมงาน Fortinet ยังได้แชร์ข้อมูลประสบการณ์ในปัจจุบันผ่านสื่อต่างๆ โดยทีมงาน TechTalkThai ขอรวบรวมประเด็นสำคัญมาให้ทุกท่านได้ติดตามกันครับ

คุณภัคธภา ฉัตรโกเมศ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฟอร์ติเน็ต

การที่องค์กรส่งเสริมแผนการเปลี่ยนระบบสู่ดิจิทัลถือเป็นแนวโน้มที่ดี ตัวอย่างในประเทศไทยก็คือการตอบรับ Thailand 4.0 อย่างไรก็ดีเรายังเผชิญกับความเสี่ยงที่ตามมาโดยคุณภัคธภา ฉัตรโกเมศ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฟอร์ติเน็ต เน้นย้ำให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของแรนซัมแวร์ว่ายังคงวางใจไม่ได้อ้างอิงถึงสถิติว่า “ประเทศไทยถือเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีจากแรนซัมแวร์โดยข้อมูลที่รวบรวมโดย Fortinet ที่ตรวจพบเกี่ยวกับแรนซัมแวร์มีมากถึง 152 ล้านเหตุการณ์ต่อวัน ซึ่งเทียบในภูมิภาค APAC แล้วไทยถือว่าอยู่อันดับต้นๆ” นอกจากนี้การขาดบุคคลากรผู้มีทักษะไอที และความซับซ้อนของการทำงานที่มีมากกว่าเดิมก็เป็นปัจจัยสำคัญ ตลอดจนความเร่งที่ในอนาคตมูลค่าของตลาดเทคโนโลยีดิจิทัลยังมีแนวโน้มที่พุ่งทะยานมากขึ้นเรื่อยๆ 

คุณราชิช แพนเดย์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร ภูมิภาคเอเชีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

จากแนวโน้มข้างต้นก็สอดคล้องกับผลสำรวจจาก IDC ที่มีการเก็บข้อมูลจากผู้ปฏิบัติงานจริงในประเทศไทย โดยคุณราชิช แพนเดย์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร ภูมิภาคเอเชีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้นำผลสำรวจมาให้ข้อมูลเชิงลึก โดยกล่าวถึงความเสี่ยงจากการเพิ่มจำนวนของอุปกรณ์ที่ไร้การจัดการ (Unmanaged)อันมาจากการทำงานแบบรีโมต คลาวด์และ SaaS ซึ่งทำให้ความหลากหลายของอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องซับซ้อน “สมัยก่อนองค์กรอาจมีเพียงแค่สำนักงานหลักและสาขาย่อยจำนวนหนึ่ง แต่ปัจจุบันคุณต้องมองถึงว่าพนักงาน 1 คนเทียบได้กับ 1 สาขาที่ต้องการการจัดวางระบบความมั่นคงปลอดภัย” นอกจากนี้โซลูชันที่ดังมาจากการริเริ่มของ Hybrid Work อย่าง SASE ก็กำลังถูกคาดหวังถึงความสามารถที่ครอบคลุมทุกการใช้งานโดย Fortinet กล่าวถึงว่าเป็น Universal SASE โดยผมสำรวจเผยให้เห็นแนวโน้มว่าองค์กรต้องการลดจำนวนของ Vendor ตลอดจนมีแพลตฟอร์มน้อยลงแต่ครอบคลุมการป้องกันได้หลากหลาย

คุณ Peerapong Jongvibool รองประธานประจำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และฮ่องกง

ในช่วงท้ายคุณ Peerapong Jongvibool รองประธานประจำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และฮ่องกง ได้ทิ้งท้ายว่า “การที่ Fortinet กลายเป็นเจ้าตลาดนั้นมีความสำคัญต่อลูกค้าอย่างยิ่ง นั่นหมายถึงการที่เราสามารถมีข้อมูลจริงได้มากกว่า มองเห็นได้มากกว่า เข้าใจสถานการณ์ได้มากกว่า และสิ่งที่เรานำเสนอสู่มือของลูกค้านี้ก็ย่อมให้ Visibility ได้มากกว่า ที่ปัจจุบัน Network และ Security ไม่ควรต่างคนต่างพูดแต่ต้องไปควบคู่กัน ซึ่งภาพของ Security ที่องค์กรควรมองหาต่อจากนี้คือการที่หลายโซลูชันต่างทำงานประสานกันได้(Consolidation)

from:https://www.techtalkthai.com/fortinet-press-sase-apac-report-in-hybrid-work-org-need-consolidation-solutions/

Synology Surveillance Webinar : เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีที่ Synology ปรับปรุงโซลูชันการเฝ้าระวังทางธุรกิจ วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2023 | เวลา 14:00 – 16:00

เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานระบบเฝ้าระวังของคุณด้วยโซลูชันแบบครบวงจร
วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2023 | เวลา 14:00 – 16:00

กำหนดการ

  • การแนะนำระบบการเฝ้าระวังแบบครบวงจรของ Synology
  • นำเสนอแนวทางปฏิบัติ การสาธิต และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจ
  • ถาม – ตอบ และกิจกรรมลุ้นรับของรางวัล

เรียนรู้ว่าโซลูชันแบบครบวงจรของ Synology
เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน Surveillance
ในทุกขั้นตอนได้อย่างไร

  • ความยืดหยุ่นในการประเมิน : ความยืดหยุ่นของ Product Line ที่ครอบคลุมของ Synology ซึ่งสามารถรองรับโปรเจ็กต์ทุกขนาด ความเข้ากันได้กับกล้อง 8200 รุ่น รวมถึงความสามารถในการปรับขนาดเพื่อขยายไปยัง TB หรือแม้แต่ที่เก็บข้อมูลระดับ PB
  • ง่ายต่อการปรับใช้: อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายทำให้กระบวนการง่ายขึ้นตั้งแต่การตั้งค่าเริ่มต้นไปจนถึงการตั้งค่าสิทธิ์และการจัดการ
  • ความปลอดภัยของการทำงาน : การเข้ารหัสในทุก Endpoint ผู้ใช้สามารถกำหนดสิทธิ์ ใช้ลายน้ำ และดำเนินการขั้นตอนอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบโดยรวม
  • Centralized Management : CMS ในตัวช่วยให้ธุรกิจและองค์กรทุกขนาดใช้การจัดการแบบรวมศูนย์ เมื่อใช้เฟลโอเวอร์ N+M ผู้ใช้สามารถลดความเสี่ยงของการสูญหายของข้อมูลหรือความเสียหายอื่นๆ เมื่อเซิร์ฟเวอร์หยุดให้บริการ เพิ่มความพร้อมใช้งานของบริการให้สูงสุด

ลุ้นรับรางวัล

เข้าร่วม Webinar ทำแบบสอบถามหลังจบกิจกรรมเพื่อลุ้นรับ DiskStation DS220+ พร้อม Synology Device License Pack – 1 สิทธิ์การใช้งาน*2

from:https://www.techtalkthai.com/synology-surveillance-webinar-learn-how-synology-improves-business-surveillance-solutions-wednesday-june-28-2023/

Lenovo เปิดตัวเวิร์คสเตชันรุ่นล่าสุด ก้าวข้ามขีดจำกัดการสร้างสรรค์ผลงานในโลกการทำงานแบบไฮบริด [Guest Post]

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 20 มิถุนายน 2566 – เลอโนโวเปิดตัว ThinkStation และ ThinkPad รุ่นใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อมอบพลังและประสิทธิภาพขั้นสูงที่จำเป็นสำหรับการทำงานที่ซับซ้อน มาพร้อมกับใบรับรอง ISVผู้ใช้งานสามารถกำหนดค่าเวิร์คสเตชันที่ออกแบบเฉพาะและสร้างขึ้นจากส่วนประกอบที่ล้ำสมัย เช่นโปรเซสเซอร์ Intel® Core® เจนเนอเรชั่น 13 รุ่นใหม่ล่าสุด และ GPU NVIDIA® RTX™ ระดับมืออาชีพ พร้อมด้วยรองรับระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุด Windows 11 และ Linux2

ThinkStation P3 ถือเป็นรุ่นที่มีคุณสมบัติที่ผู้ใช้งานต่างต้องการ โดยมีทั้งประสิทธิภาพและความสามารถในการทำงานเต็มเปี่ยม ในรุ่น ThinkStation P3 Tower มีแชสซีที่กว้างขึ้น พร้อมรองรับพาวเวอร์ซัพพลายขนาดใหญ่ขึ้นถึง 1100W เพื่อรองรับการตั้งค่าที่หลากหลายได้มากขึ้น เพิ่มพื้นที่จัดเก็บขนาดสูงสุดถึง 26TB สำหรับแอปพลิเคชันที่มีข้อมูลจำนวนมาก ThinkStation P3 Ultra รุ่นที่อัดแน่นไปด้วยขุมพลังและประสิทธิภาพในแชสซีขนาดกะทัดรัด ซึ่งมีขนาดน้อยกว่า 4 ลิตร และยังเรียกได้ว่าเป็นเวิร์คสเตชันอัจฉริยะขนาดกะทัดรัดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานที่ต้องการ และปรับให้เข้ากับพื้นที่ทำงานแบบไฮบริดในยุคปัจจุบัน ThinkStation P3 Tiny ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้งานบนพื้นที่ที่จำกัด ด้วยพื้นที่ขนาด 1 ลิตรทำให้ P3 Tiny สามารถติดตั้งได้สะดวกในทุกพื้นที่

ThinkPad โดดเด่นด้วยคุณสมบัติในด้านขุมพลังและการออกแบบระดับพรีเมียม เพิ่มความทนทานและความปลอดภัยมากขึ้น ในรุ่น ThinkPad P14s i Gen 4 และ P16s i Gen 2 มาพร้อมคุณสมบัติครบครันเพื่อผู้ใช้งานระดับผู้เชี่ยวชาญ, ครูผู้สอน และนักเรียนที่ต้องการใช้งานและพกพาระหว่างวัน ครบครันไปทั้งประสิทธิภาพและขุมพลังความแรงในราคาสบายกระเป๋า รุ่น ThinkPad P16v i ออกแบบมาเพื่อลดช่องว่างระหว่างเวิร์คสเตชันระดับเริ่มต้นและระดับสูง ตัวเครื่องมาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ Intel Core H-Series กราฟิกขั้นสูง มอบฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่ล่าสุดเพื่อปกป้องข้อมูลขณะใช้งาน ThinkPad P16 Gen 2 และ ThinkPad P1 Gen 6 มอบประสิทธิภาพขั้นสูงสุดของเวิร์คสเตชันแบบพกพา ช่วยให้ผู้ใช้จัดการงานที่ซับซ้อนได้อย่างง่าย เช่น การเรนเดอร์งานความละเอียดสูงและ VR ระดับสูง ในรุ่น P16 Gen 2 ออกแบบมาให้มีการใช้งานขั้นพื้นฐานที่ใกล้เคียงกับเวิร์คสเตชันในบางรุ่น มาพร้อม NVIDIA RTX GPU ระดับมืออาชีพ เพิ่มความจุหน่วยความจำสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาถึง 192 GB ในรุ่นพกพา

นิยามใหม่ของประสิทธิภาพการทำงานของเวิร์คสเตชัน ในรุ่น Lenovo ThinkStation P3 Tower, P3 Ultra และ P3 Tiny

เวิร์คสเตชันรุ่นใหม่ล่าสุด ถือเป็นรุ่นระดับเริ่มต้นที่ทรงพลังที่สุดของเลอโนโว ที่ผู้ใช้งานทั้งในด้านสาขาวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม, การเงิน, การศึกษาขั้นสูง รวมถึงแอปพลิเคชันทางการแพทย์ ก็สามารถปรับแต่งและกำหนดค่า ThinkStation P3 ใหม่ได้ตามความต้องการของแต่สายอาชีพ โดยจุดเด่นของทั้ง 3 รุ่นนี้ได้แก่

  • ThinkStation P3 Tower: สัมผัสถึงพลังและประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นของเวิร์คสเตชันรุ่น P3 Tower ในราคาที่จับต้องได้ มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 13 รุ่นใหม่ล่าสุด รองรับกราฟิกระดับ NVIDIA RTX™ A5500 และยังสามารถรองรับหน่วยความจำ DDR5 ได้สูงสุดถึง 128GB จัดเก็บข้อมูลได้ถึง 6 ไดรฟ์ มอบช่องขยาย PCIe จำนวน 4 ช่องและกำลังไฟสูงสุด 1100W
  • ThinkStation P3 Ultra: P3 Ultra มาพร้อมกับแชสซีที่มีขนาดเล็กกว่า 4 ลิตร แต่อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพขั้นสูง การออกแบบมีความอัจฉริยะและกะทัดรัด ซึ่งประกอบด้วยกราฟิก NVIDIA RTX A5500 และอุปกรณ์เสริม BMC (baseboard management controller) ที่จะเปิดตัวในปลายปีนี้ จะมีความสามารถที่ช่วยให้ควบคุมและตรวจสอบและจัดการระบบได้จากระยะไกล
  • ThinkStation P3 Tiny: P3 Tiny รุ่นใหม่มีขนาดเพียง 1 ลิตร แม้จะมีขนาดเล็กแต่ทรงพลัง ได้รับการรับประกันการรับรอง ISV มาพร้อมกราฟิก NVIDIA T1000 รองรับจอแสดงผลสูงสุด 6 จอ มีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานให้กับสถาปนิกและวิศวกร, นักวิเคราะห์การเงิน, ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และการศึกษา STEM ได้จากทุกที่

ThinkPad P Series ช่วยให้นักออกแบบเพลิดเพลินกับทางเลือกและความอิสระแบบพกพา

ThinkPad P ซีรีส์ใหม่นำเสนอโซลูชันที่ได้รับการรับรอง ISV พร้อมราคาที่มีให้เลือกหลากหลาย และเพื่อตอกย้ำจุคประสงค์ที่เลอโนโวให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ในด้านการใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุพลาสติก (PCC) มากขึ้นในผลิตภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน ในการนำวัสดุหลังการใช้งานมารีไซเคิลและใช้กับผลิตภัณฑ์เลอโนโว 100% ภายในปี 2025

  • ThinkPad P16 Gen 2: แล็ปท็อปทรงพลัง หน้าจอขนาด 16 นิ้วของเลอโนโว มาพร้อมโปรเซสเซอร์ Intel Core HX-series เจนเนอเรชั่น 13 ใหม่ล่าสุด มอบกราฟิกประสิทธิภาพสูงอย่าง NVIDIA RTX 5000 Ada Generation GPU สำหรับเวิร์คสเตชันแบบพกพา เหนือชั้นทั้งในด้านความเร็ว สมรรถนะ และประสิทธิภาพ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล PCIe Gen 5 รองรับ I/O และ DDR5 สูงสุด 192GB จึงมั่นใจได้ว่าแม้ข้อมูลจะมีความซับซ้อน แต่เวิร์คสเตชันรุ่นนี้จะมอบประสิทธิภาพความลื่นไหลให้เต็มพิกัดอย่างแน่นอน

  • ThinkPad P1 Gen 6: เวิร์คสเตชันที่มาพร้อมคุณสมบัติที่ทรงพลัง คล่องตัว และดีไซน์โฉบเฉี่ยวบางเบาพิเศษด้วยน้ำหนักเพียง 1.78 กก. ผู้ใช้งานสามารถกำหนดค่าด้วยหน้าจอสัมผัส OLED ขนาด 16 นิ้ว พร้อมฟีเจอร์ลดแสงสีฟ้า ลดอาการปวดล้าต่อดวงตา การปรับสีจากโรงงานจะมอบภาพที่คมชัดมากขึ้น รวดเร็วมากขึ้นด้วย WiFi-6Eและอุปกรณ์เสริม 4G LTE เพื่อให้การเชื่อมต่อจากพื้นที่ห่างไหลให้มีความเสถียรมากขึ้น กล้องเว็บแคมความคมชัดถึง 5MP กราฟิกระดับสูงอย่าง NVIDIA RTX 5000 Ada Generation GPU ในรุ่นเวิร์คสเตชันแบบพกพา หรือ NVIDIA GeForce RTX™ 4090

  • ThinkPad P16v i Gen 1: P16v รุ่นใหม่ ออกแบบมาเพื่อลดช่องว่างระหว่างเวิร์คสเตชันระดับเริ่มต้นและระดับไฮเอนด์ โดยมีประสิทธิภาพในการจัดการงานที่ซับซ้อนจำนวนมากอย่างง่ายดาย บนการใช้งานโปรเซสเซอร์ระดับสูงอย่าง Intel Core H เจนเนอเรชั่น 13 และ NVIDIA RTX 2000 Ada Generation GPU สำหรับเวิร์คสเตชันแบบพกพา อุ่นใจเพิ่มอีกระดับเมื่อมีช่องระบายความร้อนคู่ ช่วยให้เครื่องเย็น เพิ่มความคล่องตัวให้แก่ผู้ใช้งาน

  • ThinkPad P14s Gen 4 and P16s i Gen 2: เวิร์คสเตชันที่มาพร้อมตัวเลือกหน้าจอในขนาด 14 และ 16 นิ้ว มอบอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ผู้ใช้อย่างยาวนาน เครื่องมาในสีดำและสีเทาสตอร์มเกรย์ให้เลือก พร้อมตัวเลือกหน้าจอ OLED และหน้าจอลดแสงสีฟ้า เอาใจผู้ใช้งานเว็บแคมด้วยกล้องความละเอียดขนาด 5MP และ NVIDIA RTX A500 GPU เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานให้แก่ผู้ใช้งาน

from:https://www.techtalkthai.com/lenovo-launches-the-lastest-work-stations-push-the-boundaries-of-productivity-guest-posst/

ความปลอดภัยเป็นตัวชี้วัดสูงสุด เมื่อจะเลือกคลาวด์เวนเดอร์ ตามด้วยความพร้อมใช้ และค่าใช้จ่าย [Guest Post]

  • การสำรวจทั่วเอเชีย แสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้คลาวด์ได้ประโยชน์จากประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น แต่ยังต้องการการอบรมพนักงานมากขึ้น
  • ธุรกิจเก้าในสิบแห่งกล่าวว่า คลาวด์เวนเดอร์มอบบริการที่น่าพึงพอใจเป็นไปตามที่คาดหวังไว้หรือจนถึงเกินความคาดหวังของลูกค้า

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ได้มอบหมายให้บริษัทวิจัยทำการสำรวจ และพบว่าธุรกิจในภูมิภาคเอเชียยกให้ความปลอดภัยไซเบอร์ เป็นปัจจัยสำคัญสูงสุดในการพิจารณาว่าจะเลือกใช้กลยุทธ์คลาวด์แบบใด และเลือกใช้ผู้ให้บริการคลาวด์ (คลาวด์เวนเดอร์) รายใด

การสำรวจ“The Next-Generation Cloud Strategy in Asia” ได้รวบรวมคำตอบจากองค์กร 1,000 แห่งในตลาดแปดแห่งในเอเชียที่ใช้คลาวด์อยู่ในปัจจุบัน ผู้ตอบแบบสำรวจระบุให้ความปลอดภัยเป็นเหตุผลหลักในการเลือกกลยุทธ์การใช้คลาวด์ในปัจจุบัน (ไพรเวทคลาวด์: 74%; ไฮบริดคลาวด์: 70% และพับลิคคลาวด์: 58%)

สำหรับเรื่องของการเลือกคลาวด์เวนเดอร์ ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าสองในสาม (69%) ระบุว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณามากกว่าปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความพร้อมใช้ (58%) และค่าใช้จ่าย (55%)

การให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยบนคลาวด์เมื่อจะเลือกคลาวด์เวนเดอร์นั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกันในทุกตลาด โดยเฉพาะในฟิลิปปินส์ (85%) อินโดนีเซีย (82%) และไทย (78%) และสอดคล้องกันในทุกอุตสาหกรรม เช่น ภาคการผลิต สื่อและโทรคมนาคม รวมถึงบริการทางการเงิน นอกจากนี้ การสำรวจก่อนหน้านี้ที่เผยแพร่ในปี 2564 ยังพบว่าผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ (58%) ระบุว่า “security credentials” หรือการพิจารณาคุณสมบัติหรือความสำเร็จด้านความปลอดภัยของคลาวด์เวนเดอร์ เป็นเหตุผลหลักในการเลือกว่าจะใช้คลาวด์เวนเดอร์รายใด

Jiangwei Jiang นักวิจัยอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปด้านผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐานของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “อาลีบาบา คลาวด์ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับความปลอดภัยในการใช้คลาวด์ เราเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจจากเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะใหญ่หรือเล็กก็ตาม เราจึงนำเสนอโซลูชันด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมในวงกว้าง ซึ่งสามารถปรับให้เป็นโซลูชันที่เจาะจงตอบความต้องการเฉพาะทางของธุรกิจต่าง ๆ ทั่วเอเชีย ช่วยให้ธุรกิจเหล่านั้นปกป้องข้อมูล แอปพลิเคชัน และโครงสร้างพื้นฐานไอทีได้อย่างรัดกุม เราได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบมากกว่า 130 รายการจากทั่วโลก และภารกิจของเราคือเสริมความสามารถให้กับธุรกิจต่าง ๆ ด้วยการมอบเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อให้ธุรกิจเหล่านั้นใช้คลาวด์ได้อย่างมั่นใจ และเชื่อมั่นว่าทรัพย์สินของพวกเขาได้รับการปกป้องจากโซลูชันด้านความปลอดภัยที่มีสมรรถนะระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรม”

ผลสำรวจยังระบุว่า นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังมีอุปสรรคอื่นที่ธุรกิจต่าง ๆ พบเจอเมื่อนำกลยุทธ์คลาวด์ที่มีประสิทธิภาพมาใช้ เช่น การอบรมพนักงานที่ไม่เพียงพอ (ไพรเวทคลาวด์: 42%; พับลิคคลาวด์: 37%) และการขาดงบประมาณ (ไพรเวทคลาวด์: 36%; พับลิคคลาวด์: 36%)

อาลีบาบา คลาวด์ มอบหมายให้ NielsenIQ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดระดับโลกดำเนินการสำรวจนี้ ด้วยจุดประสงค์เพื่อให้เข้าใจสถานะของการใช้กลยุทธ์คลาวด์ในเอเชียในปัจจุบันได้ดีขึ้น

ปลดล็อกศักยภาพการดำเนินงานด้วยการใช้คลาวด์

ผู้ตอบแบบสำรวจ โดยไม่คำนึงถึงประเภทของกลยุทธ์ที่ใช้ กล่าวว่า “การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน” เป็นประโยชน์ใหญ่ที่สุดที่ได้จากการใช้คลาวด์ (ไฮบริดคลาวด์: 71%; พับลิคคลาวด์: 62% และ ไพรเวทคลาวด์: 60%)
ผู้ใช้พับลิคคลาวด์ยังได้รับประโยชน์อื่น ๆ ที่สำคัญจากการใช้คลาวด์ เช่น มีความต่อเนื่องทางธุรกิจมากขึ้น (47%) รองรับการทำงานจากระยะไกลได้ดีขึ้น (45%) รวมถึงมีความปลอดภัยมากขึ้นและบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น (44%)

Jiang กล่าวเสริมว่า “ธุรกิจต่าง ๆ ในเอเชียมองหาโซลูชันคลาวด์ที่ปลอดภัยและเสถียรมากขึ้นเรื่อย ๆ และต้องการการซัปพอร์ตในท้องถิ่น ซึ่ง อาลีบาบา คลาวด์ สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยความเชี่ยวชาญในท้องถิ่นที่แข็งแกร่งของเรา เราจึงสามารถสนับสนุนลูกค้า และเสริมศักยภาพให้กับทรัพยากรของลูกค้าได้ นอกจากนี้ เรายังมีพันธะสัญญาที่จะพัฒนาความสามารถพิเศษ มอบการอบรมและทรัพยากรที่จำเป็นให้กับธุรกิจต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจเหล่านั้นได้รับประโยชน์จากโซลูชันคลาวด์ของเราได้มากที่สุด ธุรกิจต่าง ๆ ยังสามารถได้ประโยชน์จากความเข้าใจตลาดท้องถิ่นและกฎระเบียบต่าง ๆ อย่างถ่องแท้ของเรา จากเวลาในการตอบกลับที่รวดเร็วขึ้น และจากประสบการณ์ที่กว้างขวางของเราในอุตสาหกรรมหลากหลายตั้งแต่ ค้าปลีก ไปจนถึง การเงิน หรือ โลจิสติกส์ ไปจนถึงอุตสาหกรรมด้านความบันเทิง”

คลาวด์เวนเดอร์ในเอเชียให้บริการที่เกินความคาดหวังของผู้ใช้

การสำรวจแสดงให้เห็นว่า ธุรกิจส่วนใหญ่ (38%) ใช้ผู้ให้บริการที่อยู่ในภูมิภาค/เอเชีย ผลสำรวจนี้แสดงพัฒนาการของธุรกิจส่วนใหญ่ (91%) รายงานประสบการณ์การใช้บริการคลาวด์ของพวกเขาเป็นไปตามที่คาดหวังหรือเกินความคาดหวัง ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีบริการคลาวด์คุณภาพสูงอยู่ในเอเชีย

สำหรับประเทศไทย ผลสำรวจแสดงให้เห็นชัดว่าธุรกิจจำนวนมาก (64%) เลือกใช้ผู้ให้บริการที่อยู่ในภูมิภาค/เอเชีย ในขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจในเกาหลีใต้ใช้ผู้ให้บริการในท้องถิ่นมากที่สุด (56%) ในมุมของภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจในภาคการผลิต (42%) มีแนวโน้มใช้ผู้ให้บริการในภูมิภาค/เอเชีย ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามที่อยู่ในภาคธุรกิจค้าปลีก (45%) และภาครัฐ (45%) ให้ความสำคัญกับผู้ให้บริการในท้องถิ่นมากกว่า

เกี่ยวกับการสำรวจ

การสำรวจนี้ดำเนินการเมื่อปลายเดือนกันยายน ถึงต้นเดือนตุลาคม 2565 รวบรวมคำตอบผ่านแบบสอบถามออนไลน์จากผู้มีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์คลาวด์ 1,000 คน ในองค์กรขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันใช้บริการคลาวด์ ทำการสำรวจในตลาดแปดแห่งในเอเชีย ประกอบด้วย ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ผู้ตอบแบบสำรวจเป็นตัวแทนจากอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น บริการทางการเงิน เกม อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี ภาคการผลิต สื่อและโทรคมนาคม ภาครัฐและค้าปลีก

เกี่ยวกับอาลีบาบา คลาวด์
อาลีบาบา คลาวด์ (www.alibabacloud.com) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 เป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ครบวงจรให้กับลูกค้าทั่วโลก ซึ่งรวมถึง การประมวลผลแบบยืดหยุ่น ดาต้าเบส สตอเรจ บริการเน็ตเวิร์กเวอร์ชวลไลเซชัน การประมวลผลขนาดใหญ่ ระบบความปลอดภัย บริการด้านการบริหารจัดการและแอปพลิเคชัน การวิเคราะห์บิ๊กดาต้า แพลตฟอร์มแมชชีนเลิร์นนิ่ง และบริการ IoT ข้อมูลจาก IDC ระบุว่า อาลีบาบารักษาตำแหน่งผู้ให้บริการพับบลิคคลาวด์ด้าน IaaS เป็นลำดับสามจากผู้ให้บริการด้านนี้ทั่วโลกต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 นอกจากนี้การ์ทเนอร์ยังจัด

from:https://www.techtalkthai.com/safety-is-the-highest-measure-when-to-choose-a-cloud-vendor-guest-post/

ขอเชิญร่วมงานสัมมนาในหัวข้อ “ปรับองค์กรสู่ Digital Transformation สร้างระบบ ERP และ Barcode Solution ด้วยระบบ SAP Business One” [29 มิ.ย. 2023]

บริษัท ฟอร์เวิร์ด แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด ขอเรียนเชิญผู้สนใจทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาในหัวข้อ “ปรับองค์กรสู่ Digital Transformation สร้างระบบ ERP และ Barcode Solution ด้วยระบบ SAP Business One” โดยงานจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น. ณ อาคาร The Parq , WeWork Office คลองตัน

สนใจลงทะเบียนได้ที่http://fmsconsult.com/en/news-event/seminar/upcoming-event/fms-digital-transformation.html

หากใครที่อยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิต Trading และอีคอมเมิร์ซ เชื่อแน่ว่าหลายปีที่ผ่านมาท่านคงจะได้รับฟังเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับการทำ Digital Transformation ที่เมื่อทุกอย่างกลายเป็นระบบดิจิทัลแล้ว ธุรกิจจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาใช้ตัดสินใจและวางกลยุทธ์

อย่างไรก็ดีในการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิต อีคอมเมิร์ซ และ Trading ต้องมีการบริหารจัดการสินค้า ลูกค้า พาร์ทเนอร์ การขาย การเงิน และอื่นๆ ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบ ERP ที่เชื่อมต่อให้การทำการเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบ พร้อมสำหรับการรวมศูนย์ข้อมูลและสกัดออกเป็นมุมมองที่สร้างคุณค่าทางธุรกิจ อนึ่งระบบ Barcode เองก็ช่วยให้กระบวนทำงานและจัดการสินค้าง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก ลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความรวดเร็วในการติดตาม ด้วยเหตุนี้เองการที่ธุรกิจจะเริ่มต้นกับทั้งสองระบบนี้ถือเป็นเรื่องจำเป็น ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง

ในงานสัมมนาครั้งนี้ บริษัท ฟอร์เวิร์ด แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด ชวนผู้ประกอบการทุกท่านที่สนใจเข้าร่วมเพื่อเรียนรู้แนวทางในการเริ่มต้นระบบ ERP และ Barcode Solution ผ่านโซลูชันระดับโลกจาก SAP Business One ซึ่งเชื่อแน่ว่าเมื่อจบงานในครั้งนี้ท่านจะได้ไอเดียเพื่อนำกลับไปใช้ในแผน Digital Transformation นอกจากนี้ทีมงานยังมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้คำปรึกษาและตอบทุกข้อสงสัย พบกันได้ที่ อาคาร The Parq , WeWork Office คลองตัน ในวันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น.

ลิงก์ลงทะเบียนhttp://fmsconsult.com/en/news-event/seminar/upcoming-event/fms-digital-transformation.html

ท่านใดมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่คุณวุฒิพร (เล็ก) 0-2274-4070 , 08-1923-9112 หรือ Line ID: @fmsconsult

from:https://www.techtalkthai.com/fms-dx-seminar-with-sap-b1-for-your-erp-and-barcode-solution/

Progress Software ออกอัปเดตอุดช่องโหว่ใหม่บน MOVEit Transfer

Progress Software ออกอัปเดตอุดช่องโหว่ SQL Injection ใหม่บน MOVEit Transfer

Credit: Pavel Ignatov/ShutterStock

Progress Software ได้ประกาศออกอัปเดตอุดช่องโหว่ SQL Injection (CVE-2023-35708) เป็นตัวที่ 3 แล้วบนผลิตภัณฑ์ MOVEit Transfer ซึ่งก่อนหน้านี้มีอัปเดตอุดช่องโหว่ CVE-2023-34362 และ CVE-2023-35036 ที่ถูกใช้เป็นช่องทางในการโจมตีจากกลุ่ม Cl0p cyber

ช่องโหว่ตัวใหม่ CVE-2023-35708 ทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิและเข้าถึงข้อมูลได้ด้วยการสร้าง Payload ปลอมและโจมตีไปยัง MOVEit Transfer Application Endpoint ส่งผลให้สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลภายในฐานข้อมูลได้ ปัจจุบันช่องโหว่นี้ได้รับการแก้ไขแล้วใน MOVEit Transfer เวอร์ชัน 2021.0.8 (13.0.8), 2021.1.6 (13.1.6), 2022.0.6 (14.0.6), 2022.1.7 (14.1.7), และ 2023.0.3 (15.0.3) ปัจจุบัน Progress Software ยังไม่ได้รับรายงานการโจมตีผ่านช่องโหว่นี้แต่อย่างใด

ที่มา: https://www.helpnetsecurity.com/2023/06/19/cve-2023-35708/

from:https://www.techtalkthai.com/progress-software-patch-new-vulnerability-on-moveit-transfer/

HPE เปิดตัว HPE GreenLake for Large Language Models สำหรับพัฒนา AI บน HPE Supercomputing Cloud Service

HPE เปิดตัว HPE GreenLake for Large Language Models (LLMs) ตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการพัฒนาระบบ AI บน HPE Supercomputing Cloud Service

Credit: HPE

Hewlett Packard Enterprise (HPE) ได้ประกาศเปิดตัว HPE GreenLake for Large Language Models (LLMs) บริการที่ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาระบบ AI ผ่านทาง Supercomputing Platform ของ HPE ได้ โดยมีพาร์ทเนอร์ทางด้าน AI บางรายเข้ามาร่วมให้บริการแล้ว เช่น Aleph Alpha บริษัทสตาร์ทอัพจากเยอรมนี ที่พัฒนาระบบ LLM ทางด้านการประมวลผลข้อความและรูปภาพ มี Luminous ซึ่งเป็นโมเดลทางด้าน LLM พร้อมใช้งานที่รองรับการประมวลผลหลายภาษา ในอนาคตจะมีการเปิดตัวโมเดล AI สำหรับงานด้านต่างๆเข้ามาเพิ่มเติม เช่น Climate Modeling, Healthcare, Life science, Financial Service, Manufacturing และ Transportation

จุดเด่นของ HPE GreenLake for LLMs คือ สามารถใช้งานได้แบบ On-demand ระบบทำงานอยู่บน HPE Cray XD supercomputers ใช้งาน AI-native Architecture ที่ออกแบบมาสำหรับงาน AI Training หรือ Simulation Workload ขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ทั้งงาน AI และ HPC ซึ่งแตกต่างจากการใช้ General-purpose Cloud ที่อาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังรองรับเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาหลายตัว เช่น HPE Cray Programming Environment, HPE Machine Learning Development Environment และ HPE Machine Learning Data Management Software ตอบโจทย์การพัฒนา AI แบบครบวงจร

HPE GreenLake for LLMs มีแผนจะเปิดให้บริการภายในสิ้นปีนี้ โดยเริ่มจากภูมิภาคอเมริกาเหนือ หลังจากนั้นจะทยอยเปิดบริการในยุโรปในปีถัดไป

ที่มา: https://www.hpe.com/us/en/newsroom/press-release/2023/06/hewlett-packard-enterprise-unveils-ai-cloud-for-large-language-models.html

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-launches-hpe-greenlake-for-large-language-models-services/

เปลี่ยนองค์กรให้ Productive เพิ่มยอดขายให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วย Data & Automation คุณเองก็ทำได้เช่นกัน!

ขอเชิญรับชมวิดีโอที่จะช่วยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Data & Automation for Sustainability ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ของเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมและเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในโลกแห่งธุรกิจยุคใหม่ ซึ่งจะช่วยยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญที่มากด้วยประสบการณ์ด้านการทำ Data & Automation อาทิ

  • ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบัน IMC
  • คุณจิรยุทธ์ กาญจนมยูร จาก The Mall Group
  • คุณสิงหเดช ชำนาญนาค จาก Bridgestone Sales Thailand
  • ดร.จิรวัฒน์ ตั้งปณิธานนท์ QTFT
  • คุณอาภาพร สกุลกิตติยุต จาก Microsoft Thailand
  • คุณอำไพกาญจน์ หุ่นธานี จาก UiPath

ที่มาร่วมถ่ายทอดความรู้ นวัตกรรมที่น่าสนใจในการใช้ข้อมูลและระบบอัตโนมัติเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

คลิกเพื่อรับชมวิดีโอได้ฟรีที่นี่! https://fujitsuthondemand.com/

from:https://www.techtalkthai.com/fujitsu-data-and-automation-for-sustainability-on-demand-videos/

เพิ่มประสิทธิภาพแอปพลิเคชัน ด้วยการจัดการทรัพยากรคลาวด์แบบอัตโนมัติ ด้วย IBM Instana และ Turbonomic [Guest Post]

ในยุคที่องค์กรต้องการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว การจัดการทรัพยากรคลาวด์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และให้บริการที่ยืดหยุ่นแก่ผู้ใช้งาน ด้วยความซับซ้อนของระบบ Cloud ที่กำลังเพิ่มขึ้น การจัดการทรัพยากรแบบดั้งเดิมอาจไม่เพียงพอต่อการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง และการเข้าถึงทรัพยากรที่ต้องการในเวลาที่แน่นอน เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพสูง และลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็นออกไป

และในขณะเดียวกัน ยุคที่ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว การดูแลและตรวจสอบความสามารถของแอปพลิเคชันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ด้วยปริมาณและความซับซ้อนของระบบที่เพิ่มมากขึ้น การตรวจสอบและการจัดการแบบดั้งเดิมอาจไม่เพียงพอเพื่อการรองรับธุรกิจในปัจจุบัน

ดังนั้นการตรวจสอบการทำงานในมุมของ Application หรือ Infrastructure เพียงด้านเดียวอาจะยังไม่เพียงพอที่จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว วันนี้เราอยากนำเสนอ Solution ที่จะเข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้ คือ Instana และ Turbonomic

Instana และ Turbonomic เป็นสองแพลตฟอร์มที่มีความสามารถที่แตกต่างกัน แต่สามารถทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างการจัดการและปรับปรุงระบบ IT ของธุรกิจได้ดังนี้:

รูปภาพประกอบ Instana

แพลตฟอร์มสังเกตการณ์ (Observability) สามารถตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Performance ของ Application ตรวจจับปัญหาของ Application ครอบคลุมทั้งระบบ  สามารถตรวจจับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อัตโนมัติ ติดตามการใช้งานและประสิทธิภาพของระบบ และให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาและข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในระบบของคุณ

รูปภาพประกอบ Turbonomic

ทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรบนพื้นฐานความต้องการของ Application นั่นแปลว่าเราสามารถรักษาเสถียรภาพของ Application ได้อย่างต่อเนื่องและลดค่าใช้จ่ายได้ ไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ไหนหรือสถาปัตยกรรมถูกออกแบบมาอย่างไร โดย Turbonomic ใช้ AI เพื่อรับรองประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันอย่างต่อเนื่องและอัตโนมัติ

การร่วมงานระหว่าง Instana และ Turbonomic อาจมีลักษณะการแบ่งแยกงานหรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการจัดการแอปพลิเคชันและระบบคลาวด์ ตัวอย่างเช่น:

  1. การแสดงข้อมูลอย่างรวดเร็ว: Instana ใช้ข้อมูลที่ได้รับจาก Turbonomic เพื่อเสริมสร้างการแสดงผลและรายงานประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน นั่นจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเห็นภาพรวมและรายละเอียดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว
  2. การปรับแต่งและจัดการทรัพยากร: Turbonomic อาจใช้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพแอปพลิเคชันที่ได้รับจาก Instana เพื่อดำเนินการปรับแต่งทรัพยากรและการจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสม เช่น เพิ่มหรือลดการทำงานของContainer หรือสเกลแอปพลิเคชันให้ตอบสนองต่อความต้องการด้านประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน
  3. การตอบสนองและปรับปรุงอัตโนมัติ: Instana และ Turbonomic สามารถทำงานร่วมกันเพื่อตรวจจับปัญหาและความผิดปกติที่เกิดขึ้นในระบบ และระบุการปรับปรุงที่เหมาะสมเพื่อเรียนรู้และปรับปรุงอัตโนมัติ

สรุป

ทั้ง Instana และ Turbonomic เป็นสองแพลตฟอร์มที่มีความสำคัญในการเสริมสร้างความปลอดภัยและความเสถียรของระบบ โดยมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันดังนี้:

  • Instana: มีความสามารถติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพและปัญหาที่เกิดขึ้นในแอปพลิเคชันและระบบ IT ของธุรกิจ ด้วยการตรวจจับและติดตามการทำงานของแอปพลิเคชัน ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถรับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นทันทีและดำเนินการแก้ไขเพื่อรักษาความปลอดภัยและความเสถียรของระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Turbonomic: ช่วยให้สามารถติดตามและจัดการทรัพยากรคลาวด์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งส่งผลในการลดความเสี่ยงทางด้านการเกิดปัญหาในการใช้งานทรัพยากร รวมถึงการใช้ทรัพยากรในระบบที่ปลอดภัยและเสถียร

ด้วย Instana และ Turbonomic  เป็นแพลตฟอร์มที่มีความสามารถในการจัดการระบบ IT ของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น การใช้งานร่วมกันของสองแพลตฟอร์มนี้มีประโยชน์อย่างมาก ด้วยการวางแผนและจัดสรรทรัพยากรคลาวด์อย่างมีประสิทธิภาพด้วย Turbonomic และการตรวจสอบประสิทธิภาพและปัญหาที่เกิดขึ้นในแอปพลิเคชันและระบบ IT ด้วย Instana ทั้งสองแพลตฟอร์มช่วยให้เราสามารถตรวจจับและแก้ไขปัญหาอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์และรายงานที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของระบบได้อย่างแม่นยำ และทั้งสองแพลตฟอร์มยังมุ่งเน้นความปลอดภัยและความเสถียรของระบบ IT เพื่อให้ธุรกิจมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจสามารติดต่อ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด

โทร 02 311 6881 #7156 หรือ email : cu_mkt@cu.co.th

เขียนบทความโดย  คุณตรีทศ ลาภธนไพบูลย์

Presales Software Specialist

บริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-instana-x-turbonomic-by-cu-062023/