“NT มีลูกค้าภาครัฐจากโครงการขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูง เช่น ระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center And Cloud Services) หรือ “GDCC” ที่บริษัทร่วมงานกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดย สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประสิทธิภาพบริการดิจิทัลภาครัฐเพื่อประชาชน จึงเชื่อว่ามีศักยภาพดำเนินการขยายธุรกิจระบบคลาวด์ที่ประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว ขณะเดียวกันทุกหน่วยงานรัฐยังเร่งพัฒนาระบบไอทีสู่เป้าหมายรัฐบาลดิจิทัลซึ่งสะท้อนปริมาณความต้องการคลาวด์ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ NT ได้รับรางวัล AWS Partner of the Year 2021 พันธมิตรมาแรงแห่งปีของ AWS สาขา New Market Public Sector คู่ค้าตลาดใหม่ภาครัฐของ AWS ในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย”
ทั้งนี้ NT CLOUD มีจุดเด่นและความแตกต่างที่ทำให้ได้รับรางวัล AWS Partner of the Year 2021 เจ้าแรกในอาเซียน นั่นคือบริการ NT Data Center ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยระดับมาตรฐานสากลซึ่งเป็นหนึ่งในบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ และอีกจุดเด่นสำคัญคือการเฝ้าระวังความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย “NT cyfence” ผู้ให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ ที่ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงตามมาตรฐานสากล ผ่านศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity Operation Center) ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้าและช่วยตรวจสอบการโจมตีทางไซเบอร์ได้อย่างปลอดภัย พร้อมให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
ดร.ยุทธศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเก็บข้อมูลและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลจากระบบคลาวด์ จะกลายเป็นเรื่องสำคัญในอนาคตอันใกล้ โดยขณะนี้บริษัทฯ มีเทคโนโลยีสำคัญที่กำลังพัฒนาอยู่ เพื่อเป็นส่วนช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารวมถึงเพื่อการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Digital Hub แหล่งที่ 2 ของอาเซียน ทั้งนี้ มองว่าในอนาคตบริการ NT Data Center มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีผู้ให้บริการต่างชาติเพิ่มเข้ามา ซึ่งขณะนี้ทั้ง GOOGLE กับ AWS มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะจัดตั้ง Region ใหม่ในประเทศไทย โดย NT มีความพร้อมที่จะรองรับในประเด็นดังกล่าว โดยการร่วมมือกับกลุ่มพาร์ทเนอร์เพื่อขยายการให้บริการต่อไป
ช่วยให้องค์กรสามารถสร้าง Business Data Catalog ได้ พร้อมรองรับการค้นหาข้อมูลภายใน Datasets ต่างๆผ่านทาง Data Portal และผู้ใช้งานสามารถเลือกร้องขอการเข้าถึงข้อมูลนั้นๆได้
รองรับการทำ Collaboration ระหว่างทีมต่างๆในลักษณะ Data Projects โดยสามารถกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลหรือการใช้งานเครื่องมือต่างๆกับข้อมูลนั้นๆได้
มีระบบ API สำหรับเชื่อมต่อกับโซลูชันอื่น เช่น DataBricks, Snowflake และ Tableau
Credit: AWS
ปัจจุบัน Amazon DataZone เปิดให้ลูกค้าที่สนใจสามารถทดสอบใช้งานแบบ Preview แล้ว โดยมีการจำกัด Region ดังนี้ US-East (N Virginia), US West (Oregon) และ Europe (Ireland)
5.) Data Insight/ Visibility ผู้ดูแลสามารถเห็นภาพของข้อมูลได้อย่างครบวงจรตั้งแต่ช่วงเวลาที่เกิดขึ้น สถานที่จัดเก็บ และจุดประสงค์ของการเก็บใช้งาน เมื่อเข้าใจภาพแล้วจึงสามารถจัดการข้อมูลได้อย่างแท้จริง
นี่คือคุณสมบัติทั้ง 5 ในโซลูชันใดๆที่เรียกตัวเองว่า Data Management โดยสินค้าของแต่ละเจ้าก็จะมีวิธีการทำงานในแบบของตัวเอง แต่น้อยรายที่จะมีความครบครันอย่าง Commvault ซึ่งไม่เพียงแค่มี Function ครบถ้วน อยู่ใน Single Data Management Platfrom แล้ว แต่การเริ่มต้นยังทำได้ง่าย ปราศจากแนวคิดแบบเสริมส่วนประกอบภายหลัง สำหรับผู้สนใจสามารถขอคำปรึกษาออกแบบได้จากทีมงาน Computer Union
2.) Zero Loss จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเครื่องมือที่ท่านมีสามารถบูรณาการภาพข้อมูลทุกแห่งหน สามารถมองเห็นความเคลื่อนไว้ได้ทุกที่ทุก platform ทั้ง Cloud, On-premise, VM และ Container
ในยุคที่ข้อมูลเติบโตอย่างไร้ที่สิ้นสุด องค์กรต้องเผชิญกับความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องของฮาร์ดแวร์จัดเก็บข้อมูลยี่ห้อใหม่ๆ ผู้ให้บริการคลาวด์ที่นำเสนอเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับงานแต่ละด้าน แน่นอนว่าเพื่อผลประโยชน์สูงสุดองค์กรได้เข้าสู่ยุคแห่ง Multi-cloud ลึกไปกว่านั้นเราไม่ได้มีแค่ On-premise, VM และ Cloud แต่ยังมีเลเยอร์ย่อย Kubernetes หรือ SaaS ที่เพิ่มขึ้นรายวัน นี่คือความท้าทายที่เกิดขึ้นแล้วในองค์กร ด้วยเหตุนี้การจัดการกับข้อมูลจึงไม่เหมือนที่แล้วมา ทำให้เราต้องการเครื่องมือเดียวที่ตอบโจทย์อย่างครอบคลุม และนั่นคือหัวใจสำคัญที่ Commvault กำลังบอกกับพวกเราทุกคนว่า “Simplify, Unify in One Intelligence data Management Platform”
แนวทางการให้บริการของ Commvault ในประเทศไทยผ่านทาง Computer Union
Commvault ได้วางแผนกลยุทธ์ร่วมกับทาง Computer Union ในการรุกตลาดในไทยให้มากขึ้นด้วยขีดความสามารถของ Data Management Platform โดย Commvault เองได้เล็งเห็นความแข็งแกร่งในการบริหารด้านไอทีอย่างครบวงจรของ Computer Union ซึ่งคุณศุภกิจได้กล่าวเสริมว่า “ ทาง CU เองเราเน้นโซลูชันที่ช่วยเหลือลูกค้าทั้งในด้าน Cost Optimization , Operation in New Normal และ Sustainable Business Process ด้วยการชู 4 โซลูชันหลัก คือ Hybrid Cloud, Business Analytics & AI &IOT, Security และ Application/ Data Modernization ซึ่งก็สอดคล้องกับโซลูชันของ Commvault ที่เป็น Data Management Platform ที่มีความแข็งแกร่งในตัวผลิตภัณฑ์ทั้งในเรื่องของความครบวงจร ครอบคลุมทุกสภาพแวดล้อมที่องค์กรเป็นอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งยังไม่ยึดติดกับฮาร์ดแวร์ ซึ่งทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์หรือคลาวด์ต่างๆได้ในเชิงลึก รวมถึงความง่ายในการใช้งาน ทำให้ Computer Union ตัดสินใจนำ Commvault เข้ามาทำตลาดในไทยก็ช่วยให้เรา design solution ได้ครบถ้วนให้กับลูกค้า และ CU เองก็ยังช่วยสนับสนุนด้าน POC, Technical Skill ต่าง ๆ และการ Implementation“
Veritas Alta เป็นแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลบนคลาวด์แบบครบวงจรให้บริการข้อมูลระดับองค์กรที่ครอบคลุมที่สุดในอุตสาหกรรม และรวบรวมพอร์ตโฟลิโอระบบคลาวด์ทั้งหมดจาก Veritas เพื่อช่วยให้ลูกค้าเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่คลาวด์โดยไม่สูญเสียการควบคุมในเรื่อง data protection, application resiliency และ data compliance
Veritas Technologies ผู้นำด้านการจัดการข้อมูลแบบมัลติคลาวด์ ได้พัฒนากลยุทธ์การจัดการข้อมูลแบบอัตโนมัติด้วยการเปิดตัว Veritas Alta ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลบนระบบคลาวด์ ช่วยให้องค์กรเปลี่ยนปริมาณงานที่สำคัญต่อภารกิจไปยังระบบคลาวด์
Veritas Alta ใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์เพื่อลดต้นทุน เสริมสร้างความยืดหยุ่นของแรนซัมแวร์ และทำให้แน่ใจว่าข้อมูลได้รับการปกป้อง พร้อมใช้งาน และเป็นไปตามข้อกำหนด
Veritas Alta View ซึ่งเป็นคอนโซลการจัดการบนคลาวด์ที่ให้มุมมองแบบรวมศูนย์และการควบคุมของคลังข้อมูลทั้งหมด (across edge, data center และ cloud) จากหน้าต่างเดียว “single–pane-of-glass“
Veritas Alta: Ultimate Control in the Cloud มุ่งเน้นไปที่สามประเด็นสำคัญ:
Data protection – มีความสามารถที่ยืดหยุ่นในการปกป้องข้อมูลสารสนเทศในองค์การในทุกระดับจาก ransomware ด้วยการปกป้องและกู้คืนข้อมูลของ Veritas Alta ขับเคลื่อนโดย Cloud Scale Technology, cloud-native architecture ของ Veritas รวมถึงบริการแบบ automation, AI และสถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่นเพื่อมอบประสิทธิภาพการปกป้องข้อมูลบนคลาวด์ที่ปลอดภัยแบบอัตโนมัติ และคุ้มค่าที่สุด เมื่อผสานร่วมกับ Veritas Alta View ทำให้ลูกค้าสามารถปกป้องและควบคุมข้อมูลของตนได้ในทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะในหรือนอกองค์กรผ่านบนหน้าต่างเดียว “single–pane-of-glass“
Application resiliency – ความยืดหยุ่นในระดับแอปพลิเคชันที่มอบความพร้อมใช้งานระดับ Five nines หรือ Uptime 99.999% Veritas Alta ได้นำความพร้อมใช้งานระดับองค์กรมาสู่ระบบคลาวด์ ช่วยให้สามารถพกพาแอปพลิเคชันข้ามระบบคลาวด์และปรับการใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้เหมาะสมด้วยต้นทุนที่ลดลงสูงสุด 50% และได้รับประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 200% เมื่อเทียบกับโซลูชันที่เทียบเท่ากัน
Data compliance – Veritas Alta ให้บริการแบบ Compliance as a Service ช่วยให้องค์กรสามารถเก็บข้อมูลจากแพลตฟอร์มการสื่อสารทั้งหมดและจัดประเภทเนื้อหาโดยอัตโนมัติ ลดความซับซ้อนในการปฏิบัติงาน จัดเก็บข้อมูลได้ทุกที่ และค้นพบสิ่งที่เกิดขึ้นได้
Veritas Alta View : Control Data Anywhere
Veritas Alta View มีคอนโซลการจัดการบนระบบคลาวด์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการระบบปกป้องข้อมูลทั้งหมดของตนเอง ทั้งในองค์กรและในระบบคลาวด์ ได้จากหน้าต่างเดียว “single–pane-of-glass” นอกจากนี้ Veritas Alta View ได้ผสานรวมเครื่องมือด้านการวิเคราะห์ของ Veritas เพื่อให้ลูกค้าได้รับรายงานที่สมบูรณ์ ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และมุมมองที่สมบูรณ์ (Full view) ของระบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในคลังข้อมูลทั้งหมด โดยใช้ประโยชน์จาก AI และแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการและจัดการข้อมูลแบบอัตโนมัติด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ของ Veritas องค์กรจะมีผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมให้กับทีมไอที สามารถช่วยลดต้นทุนการจัดการด้านไอทีลง 90% และลดการใช้ทรัพยากรไอทีในระบบคลาวด์ลงถึง 28%
เพิ่มแนวทางการจัดเก็บข้อมูลชนิด First Party Data นอกจากการพึ่งพา Second Data Party Data และ Third Party Data แล้ว องค์กรควรวางแผนการจัดเก็บข้อมูลด้วยตนเองที่เรียกว่า First Party Data โดยวางแผนประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User Experience) ให้สามารถผลิตข้อมูล และจัดเก็บข้อมูลได้ โดยควรจัดเก็บจากทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากระบบ CRM โซเชียลมีเดีย POS เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือ Offline Store เป็นต้น ซึ่งกลยุทธ์ First Party Data นี้จะทำให้องค์กรได้ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ มั่นใจได้ว่ามีการขออนุญาตจากเจ้าของข้อมูลอย่างถูกต้องตามหลัก PDPA แล้ว มีแหล่งที่มาชัดเจน มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรง มีคุณภาพครบถ้วน โดยไม่ต้องกังวลถึงกฎระเบียบที่อาจเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนไปในอนาคต ส่งผลให้องค์กรสามารถวิเคราะห์ต่อยอดได้อย่างแม่นยำ และนำมาซึ่งข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ
ทั้งนี้ Blendata ได้ร่วมมือกับ Partners ผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายด้าน ตั้งแต่ด้านเทคโนโลยี ธุรกิจ ที่ปรึกษา การวิจัยและการศึกษา รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้าน PDPA โดยมีบริการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ด้าน Big Data ที่สอดคล้องกับ PDPA ในส่วนของการวางสถาปัตยกรรมข้อมูล วางโครงสร้างการบริหารจัดการข้อมูลที่ถูกต้อง รวมทั้งบริการ Big Data แพลตฟอร์มที่ทำได้ตั้งแต่การทำ Data Discovery เพื่อค้นหาว่าข้อมูลที่สำคัญอยู่ที่ใด จนถึงการทำ Blueprint และการสร้าง Big Data แพลตฟอร์ม เพื่อการใช้ข้อมูลในอนาคต ซึ่งสามารถควบคุมธรรมาภิบาลได้ในที่ ๆ เดียว ตอบโจทย์การทำ Big Data Analytics ในยุค PDPA ที่ปลอดภัยและคุ้มค่ากับการลงทุน
Cloudera ประกาศเปิดตัว Cloudera Data Platform (CDP) One บริการ All-in-one Data Lakehouse Software as a Service (SaaS) รองรับการทำ Data Analytics ด้วย Machine Learning
CDP One เป็นบริการแบบ Cloud Service ช่วยให้องค์กรสามารถลดขั้นตอนในการติดตั้งและบริหารจัดการระบบ Data Lakehouse เองลงไปได้ โดยเป็นระบบ Cloud ที่มีความปลอดภัยสูงและมีเครื่องมือสำหรับจัดการข้อมูลมาให้อย่างครบครัน โดยจุดเด่นของ CDP One มีดังนี้
Data Lakehouse รองรับข้อมูลชนิด Structured และ Unstructured รองรับการทำ Analytic Function หลายรูปแบบ เช่น Data Warehouse, Machine Learning Workload และ All-in-one Turnkey Service
มีระบบ Zero Ops ช่วยให้เริ่มต้นใช้งานได้อย่างรวดเร็วและมี Self-service Analytics กับข้อมูลทุกรูปแบบ