Loon ประกาศโอนสิทธิบัตรให้บริษัทลูกของ SoftBank, เปิดข้อมูลเส้นทางบอลลูนเป็นสาธารณะ

โครงการ Loon ที่ทดสอบการให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายจากบอลลูนของ Alphabet ซึ่งประกาศยุุติโครงการไปเมื่อต้นปี ได้รายงานแผนการบริหารข้อมูลและสิทธิบัตร ที่เกิดขึ้นในระหว่างการพัฒนาโครงการนี้ ซึ่งได้แก้ปัญหาหลายอย่างด้วย

Alphabet ระบุว่าแม้เป้าหมายหลักโครงการคือสร้างการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากบอลลูนที่ลอยอยู่ แต่ระหว่างทางก็มีสิ่งน่าสนใจอาทิ วิธีการทำให้บอลลูนลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ได้นานที่สุด การสร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบนฟ้า หรือการทำให้บอลลูนสามารถเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายได้เองโดยไม่ต้องใช้คนควบคุม

โครงการ Loon จึงตัดสินใจเปิดข้อมูลที่ได้จากโครงการเป็นสาธารณะในชุด The Loon Collection เช่น ข้อมูลการเดินทางของบอลลูน สภาพลม สภาพอากาศ ฯลฯ ส่วนเทคโนโลยีที่มีการจดสิทธิบัตร โครงการจะโอนสิทธิให้กับผู้ร่วมพัฒนาได้แก่ Raven บริษัทผู้สร้างบอลลูน และ HAPSMobile บริษัทลูกของ SoftBank ที่พัฒนาระบบอุปกรณ์สื่อสาร โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์

ที่มา: X และ TechCrunch

alt="Project Loon"

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/125031

อินเทลเปิดตัวชิปจำลองสมอง Loihi 2 จำลองสมอง 1 ล้านนิวรอน

อินเทลเปิดตัวชิปวิจัยวงจรจำลองสมอง Loihi 2 ตัวต่อจากชิป Loihi ที่เปิดตัวเมื่อปี 2017 แต่ละชิปสามารถจำลองนิวรอนได้ 1 ล้านนิวรอน พร้อมจุดเชื่อมต่อ (synapse) จำนวน 120 ล้านจุด

วงจรภายในของชิป Loihi เป็นคอร์นิวรอนที่เป็นการคำนวณแบบแมทริกซ์เพื่อคำนวณผลของสัญญาณกระตุ้น (spike) จากภายนอกคอร์ แต่ละคอร์เชื่อมต่อกันด้วยระบบเน็ตเวิร์คในชิป (network-on-chip – NoC) เชื่อม 128 คอร์เข้าด้วยกัน

เฟรมเวิร์ค Lava ที่เปิดตัวมาพร้อมกันเป็นเฟรมเวิร์คภาษา Python ที่สามารถใช้งานกับคอมพิวเตอร์ที่มีชิปกราฟิกแบบเดิมๆ ได้เพื่อพัมนาแอปพลิเคชั่นก่อนที่จะได้ลองใช้ชิปจำลองสมองจริงๆ อินเทลจะเปิดโค้ดออกมาภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยโค้ดสามารถนำไปรันบนชิป Loihi 1 และ 2 ได้ภายหลัง

No Description

ตอนนี้ชิป Loihi ยังเปิดให้ใช้งานในหมู่นักวิจัยเท่านั้น โดยกลุ่ม Intel Neuromorphic Research Community (INRC) ที่เป็นเครือข่ายของอินเทลมีสมาชิก 150 องค์กรแล้ว นอกจากนี้ Loihi 2 ยังเป็นชิปที่ใช้กระบวนการผลิต Intel 4 ก่อนชิปเชิงการค้าที่อินเทลคาดว่าจะเริ่มผลิตเพื่อขายปลายปี 2022

ที่มา – Intel

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/125030

6 ไมค์อัดเสียงติดกล้องน่าโดน ติดกล้องถ่าย Vlog เพลิน เริ่มแค่ 891 บาทเอง

ไมค์อัดเสียงติดกล้องสำหรับคนอยากถ่ายคลิปทำ Vlog ตอนนี้หาได้ง่ายไม่แพงมากนะ

mic cover

ไมค์อัดเสียงนอกจากแบบตั้งโต๊ะคอมเพื่ออัดทำ Podcast หรือเอาไว้ไลฟ์เกมแล้ว หลายๆ คนที่อยากอัด Vlog มีกล้องเอาไว้ถ่ายครบแล้วแต่สงสัยว่าจะหาไมค์ตัวไหนไปใช้งานดี? ณ ตอนนี้ต้องบอกว่ามีตัวเลือกให้เยอะและหาซื้อได้ง่ายกว่าในอดีตมาก และราคายังถูกลงเรื่อยๆ อีกด้วย ซึ่งตอนนี้ราคาแค่หลักร้อยก็หาซื้อมาใช้งานได้แล้ว เลือกได้ทั้งแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่เราคุ้นชื่อหรือจะเอาเป็นแบรนด์หน้าใหม่ราคาคุ้มค่ามาใช้งานก็มีให้เลือกทั้งนั้น

โดยไมค์สำหรับกล้องเหล่านี้เรียกว่าไมค์ช็อตกัน (Shotgun microphone) โดยไมค์เหล่านี้จะต่อเข้ากับตัวอแดปเตอร์เหนือกล้องที่เรียกว่า Hot shoe adapter ช่องเดียวกับที่เราต่อแฟลชกล้องเข้าไปได้เลยแล้วต่อเข้ากับกล้องด้วยแจ็คหูฟัง 3.5 มม. ก็พร้อมใช้งานทันที ซึ่งดีกว่าการใช้ไมค์หน้ากล้องอัดเสียงเป็นอย่างมาก

ไมค์อัดเสียง

สำหรับไมค์อัดเสียงที่ต่อเสริมเข้าที่ตัวกล้องนั้น เรียกว่าเป็นไมค์อเนกประสงค์และใช้งานได้ยืดหยุ่นทีเดียว เพราะนอกจากเอาไปต่อกับกล้องได้แล้วยังต่อกับคอมพิวเตอร์เป็นไมค์ตั้งโต๊ะหรือสมาร์ทโฟนก็ได้ ดังนั้นถ้าใครกำลังคิดอยู่ว่าถ้าซื้อมาแล้วจะคุ้มเงินหรือเปล่า ในส่วนนี้ผู้เขียนพูดได้เลยว่าคุ้มแน่นอน ส่วนถ้าใครอยากได้ข้อมูลเรื่องวิธีอ่านสเปคของไมค์ก่อนจะมาดูไมค์รุ่นแนะนำในบทความนี้ สามารถอ่านข้อมูลใน “7 ไมค์คอมพิวเตอร์ตัวเด็ด เพื่อสตรีมเมอร์หรืออัด Podcast ก็แจ่มไม่แพ้กัน!” ที่ผู้เขียนเผยแพร่บทความไปก่อนหน้านี้ได้เลย

6 ไมค์อัดเสียงคุณภาพ น่าซื้อมาถ่าย Vlog

ผู้ใช้ที่กำลังหาไมค์ตัวใหม่มาใช้กับกล้องหรือจะต่อมือถือเพื่อถ่ายคลิป Vlog อยู่ ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มต้นหรือว่าเป็นมือฉมังที่มีผู้ติดตามเยอะระดับหนึ่งแล้วแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อไมค์ตัวไหนไปใช้ดี ก็สามารถมาเลือกดูรุ่นที่ผู้เขียนเอามาแนะนำเป็นแนวทางหรือจะซื้อตามเลยก็ดีเช่นกัน โดยรุ่นแนะนำได้แก่

  1. BOYA BY-MM1 (891 บาท)
  2. Saramonic Vmic Mini (2,150 บาท)
  3. BOYA BY-BM3030 (2,400 บาท)
  4. RODE VideoMic Go (2,720 บาท)
  5. Sony ECM-GZ1M (3,190 บาท)
  6. Sennheiser MKE 200 (3,745 บาท)
1. BOYA BY-MM1 (891 บาท)

1491816606642

เริ่มต้นด้วยไมค์ติดกล้องราคาเป็นมิตรแต่สเปคดี เหมาะกับผู้เริ่มต้นอย่าง Boya BY-MM1 ตัวนี้ที่เป็นไมค์ Shotgun รับเสียงแบบ Cardioid ตัดเสียงรบกวนได้ในตัวพร้อม Shock mount และ Wind shield ไว้ตัดเสียงรบกวนจากลมและการสั่นสะเทือนต่างๆ ได้ด้วย เชื่อมต่อด้วยแจ็ค 3.5 มม. แบบ TRS สำหรับกล้องหรือ TRRS เข้ากับสมาร์ทโฟนก็ได้ ค่า Frequency response อยู่ที่ 35-18KHz +/-3dB ดังนั้นถ้าใครอยากเริ่มเป็น YouTuber หาไมค์มาต่อกล้องสักตัว มาเริ่มต้นจากไมค์ Boya ตัวนี้ก่อนได้เลย

สเปคของ Boya BY-MM1
  • ไมค์ Shotgun รับเสียงแบบ Cardioid มี Shock mount และ Wind shield แถมมาให้
  • เชื่อมต่อด้วยแจ็ค 3.5 มม. แบบ TRS สำหรับกล้องหรือ TRRS เข้ากับสมาร์ทโฟน
  • Frequency response อยู่ที่ 35-18KHz +/-3dB
  • ราคา 891 บาท (Boya Thailand)
2. Saramonic Vmic Mini (2,150 บาท)

Saramonic Vmic Mini 11

ถัดมาเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ครีเอเตอร์หลายๆ คนน่าจะได้ยินชื่อผ่านหูอยู่เป็นระยะๆ อย่าง Saramonic โดยผู้เขียนแนะนำเป็น Saramonic Vmic Mini รุ่นใช้งานง่าย แค่ต่อเข้า Hot shoe ของกล้องแล้วก็ใช้งานได้เลย หรือถ้าต่อสมาร์ทโฟนหรือคอมก็เอาแจ็ค 3.5 มม. ในกล่องมาต่อคอมหรือสมาร์ทโฟนได้เลย สเปคเป็นไมค์แบบ Shotgun รับเสียงแบบ Cardioid (Uni-directional) มีฟองน้ำหุ้มป้องกันเสียงรบกวนติดมาให้ในแพ็คเกจ ส่วนค่า Frequency Range อยู่ที่ 75Hz – 20kHz ±3dB ซึ่งถ้าใครเป็นสายเน้นง่ายต่อกล้องเป็นหลักแล้วเน้นง่าย ก็แนะนำให้เอาไมค์ตัวนี้ไปต่อกล้องอัดเสียงตอนถ่าย Vlog ได้เลย

สเปคของ Saramonic Vmic Mini
  • ไมค์ Shotgun รับเสียงแบบ Cardioid มีฟองน้ำลดเสียงรบกวนแถมมาให้
  • ต่อเข้า Hot shoe ของกล้องหรือต่อแจ็ค 3.5 มม. เข้ากับสมาร์ทโฟนแล้วใช้งานได้เลย
  • Frequency response อยู่ที่ 75Hz – 20kHz ±3dB
  • ราคา 2,150 บาท (ZoomCamera)
3. BOYA BY-BM3030 (2,400 บาท)

05 6

ไมค์อัดเสียงต่อกล้องรุ่นต่อมาเป็น Boya BY-BM3030 ที่เป็นรุ่นอัพเกรดจากตัวแรก โดยผู้ผลิต เคลมว่าคุณภาพเสียงที่ได้จากไมค์ตัวนี้อยู่ในระดับสตูดิโอเลยทีเดียว ส่วนวิธีใช้งานแค่ต่อเข้า Hot shoe ของกล้องหรือตัวอแดปเตอร์จับมือถือแล้วเสียบแจ็ค 3.5 มม. ใส่แบตเตอรี่ AA x 2 ก้อนก็ใช้งานได้เลย มีฟองน้ำ, Shock mount และ Wind Shield ใส่มาให้ครบถ้วน ตัวไมค์ Shotgun นี้รับเสียงแบบ Super-Cardioid ค่า Frequency Range อยู่ที่ 40-20,000 kHz ± 3dB ซึ่งถ้าใครอยากอัพเกรดคุณภาพเสียงตอนถ่ายคลิปให้ดีขึ้นแต่ไม่ต้องจ่ายแพงเกินไป ผู้เขียนแนะนำว่าขยับมาซื้อ Boya ตัวนี้ไปใช้งานก็ถือว่าเวิร์คเหมือนกัน

สเปคของ Boya BY-BM3030
  • ไมค์ Shotgun รับเสียงแบบ Super-Cardioid มีฟองน้ำ, Shock mount และ Wind Shield แถมมาให้
  • ต่อเข้า Hot shoe ของกล้องแล้วเสียบแจ็ค 3.5 มม. เข้ากับกล้องหรือสมาร์ทโฟนแล้วใส่แบตเตอรี่ AA x 2 ก้อน ก็ใช้งานได้เลย
  • Frequency response อยู่ที่ 40-20,000 kHz ± 3dB
  • ราคา 2,400 บาท (Boya Thailand)
4. RODE VideoMic Go (2,720 บาท)

2 1

ถ้าพูดถึงไมค์อัดเสียง ไม่ว่าจะต่อกับคอม, แท็บเล็ตหรือว่าแบบ Shotgun ต่อกล้องก็ต้องมีแบรนด์ RODE รวมอยู่อย่างแน่นอน โดยรุ่นแนะนำเป็น RODE VideoMic Go ที่ราคาไม่แพงเกินไปแต่สเปคดีเกินตัว ต่อกล้องหรือสมาร์ทโฟนผ่านแจ็คหูฟัง 3.5 มม. แล้วใช้งานได้ทันที ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่อีกด้วย โดยไมค์ Shotgun ตัวนี้จะรับเสียงแบบ Super-Cardioid มีฟองน้ำกันลมแถมมาให้พร้อมใช้งาน ติดเข้ากับกล้องด้วย Cold-shoe ในเซ็ตพร้อมตัวกันสั่นลดเสียงรบกวนจากการสั่นของบอดี้กล้องติดมาในแพ็คเกจด้วย ส่วน Frequency Range อยู่ที่ 100Hz – 16kHz ซึ่งถ้าใครเน้นว่าเอาแบรนด์คุณภาพระดับโลกล่ะก็ RODE ตัวนี้ก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก

สเปคของ RODE VideoMic Go
  • ไมค์ Shotgun รับเสียงแบบ Super-Cardioid มีฟองน้ำกันลมแถมมาให้พร้อมตัวกันสั่นลดเสียงจากบอดี้กล้อง
  • ต่อเข้า Cold-shoe ของกล้องแล้วเสียบแจ็ค 3.5 มม. เข้ากับกล้องหรือสมาร์ทโฟนแล้วใช้งานได้เลย
  • Frequency response อยู่ที่ 100Hz – 16kHz
  • ราคา 2,720 บาท (Digital2Home)
5. Sony ECM-GZ1M (3,190 บาท)

sony

ถ้าพูดถึงแบรนด์เรื่องความบันเทิงและเสียงล่ะก็ ต้องมี Sony ร่วมด้วยอย่างแน่นอน โดยไมค์ Shotgun รุ่นที่เลือกมาแนะนำเป็น Sony ECM-GZ1M รุ่นนี้ที่ครีเอเตอร์หลายๆ คนเลือกใช้งานกัน สามารถเลือกโหมดเสียงของไมค์ได้ 2 แบบ ทั้ง Zoom หรือ Gun ทำให้สลับโหมดตอนอัดเสียงได้ตามต้องการ แล้วต่อตัวไมค์ผ่านทาง Multi Interface shoe ของตัวกล้องแล้วใช้งานได้ทันที มีฟองน้ำซับเสียงแถมมาให้ในแพ็คเกจและรองรับ Frequency Response ที่ 150 Hz – 15 kHz เรียกว่าเป็นไมค์ที่เหมาะกับครีเอเตอร์ที่อยากเริ่มจริงจังและเพิ่มคุณภาพงานให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก

สเปคของ Sony ECM-GZ1M
  • ไมค์ Shotgun รับเสียงแบบ Gun หรือ Zoom มีฟองน้ำกันลมแถมมาให้
  • ต่อเข้า Multi Interface shoe ของกล้องแล้วใช้งานได้เลย
  • Frequency response อยู่ที่ 150 Hz – 15 kHz
  • ราคา 3,190 บาท (Sony Thailand)
6. Sennheiser MKE 200 (3,745 บาท)

ถัดมาที่แบรนด์เจ้าแห่งหูฟังและเสียงเพลงอย่าง Sennheiser เองก็มีไมค์อัดเสียงสำหรับต่อกับกล้องให้เลือกซื้อด้วย เป็นรุ่น Sennheiser MKE 200 ตัวนี้ที่ดีไซน์ดูเท่มีสไตล์ เชื่อมต่อง่ายผ่านทางแจ็ค 3.5 มม. ก็ใช้งานได้ทันที มีสายแบบ TRS ของกล้องและ TRRS สำหรับสมาร์ทโฟนติดมาให้ครบทั้งสองเส้น โดยตัวไมค์ Shotgun นี้ จะรับเสียงแบบ Super-Cardioid ต่อเข้ากับ Hot shoe ของกล้องแล้วใช้งานได้เลย รองรับ Frequency Response ที่ 40 Hz – 20 kHz ซึ่งถ้าใครอยากได้ไมค์ Shotgun ตัวนี้เอาไว้ใช้อัพเกรดคุณภาพเสียงตอนทำงานหรืออัดคลิปล่ะก็ แนะนำให้ซื้อเอาไว้ใช้งานได้เลย ส่วนไมค์นี้จะไม่มีโฟมหุ้มภายนอกเนื่องจากทาง Sennheiser จัดการบุโฟมเอาไว้อย่างแน่นหนาภายในตัวไมค์แล้ว ดังนั้นใครที่อยากใช้ก็สามารถต่อกล้องแล้วใช้งานได้เลย

สเปคของ Sennheiser MKE 200
  • ไมค์ Shotgun รับเสียงแบบ Super-Cardioid 
  • รองรับการเชื่อมต่อผ่านแจ็ค 3.5 มม. แบบ TRS, TRRS ต่อเข้า Hot shoe ของกล้องแล้วใช้งานได้เลย
  • Frequency response อยู่ที่ 40 Hz – 20 kHz
  • ราคา 3,745 บาท (Fotofile Shopee Official)

สรุปสเปค 6 ไมค์อัดเสียงติดกล้องน่าโดนไว้ถ่าย Vlog

สำหรับสเปคโดยสรุปของไมค์อัดเสียงทั้ง 6 รุ่นที่เลือกมาแนะนำจะเป็นดังนี้

สเปคไมค์อัดเสียง รูปแบบเสียงและอุปกรณ์เสริม การเชื่อมต่อ Frequency Response ราคา
Boya BY-MM1 เสียงแบบ Cardioid

มี Shock mount กับ Wind shield แถมมาให้

ต่อ Hot shoe ของกล้อง

ต่อแจ็ค 3.5 มม. แบบ TRS, TRRS

35-18KHz +/-3dB 891 บาท
Saramonic Vmic Mini เสียงแบบ Cardioid

มีฟองน้ำลดเสียงรบกวนแถมมาให้

ต่อ Hot shoe ของกล้อง

ต่อแจ็ค 3.5 มม.

75Hz – 20kHz ±3dB 2,150 บาท
Boya BY-BM3030 เสียงแบบ Super-Cardioid

มีฟองน้ำ, Shock mount และ Wind Shield แถมมาให้

ต่อ Hot shoe ของกล้อง

ต่อแจ็ค 3.5 มม.

ใช้ถ่าน AA x 2 ก้อน

40-20,000 kHz ± 3dB 2,400 บาท
RODE VideoMic Go เสียงแบบ Super-Cardioid

มีฟองน้ำและ Shock mount แถมมาให้

ต่อ Cold-shoe ของกล้อง

ต่อแจ็ค 3.5 มม.

100Hz – 16kHz 2,720 บาท
Sony ECM-GZ1M ไมค์ Shotgun ปรับเสียงได้ว่าเป็น Gun หรือ Zoom

มีฟองน้ำกันลมแถมมาให้

ต่อ Multi Interface shoe แล้วใช้งาน 150 Hz – 15 kHz 3,190 บาท
Sennheiser MKE 200 เสียงแบบ Super-Cardioid ต่อ Hot shoe ของกล้อง

ต่อแจ็ค 3.5 มม. แบบ TRS, TRRS

40 Hz – 20 kHz 3,745 บาท

จะเห็นว่าไมค์อัดเสียงในตอนนี้ราคาไม่แพงมากและเริ่มเพียงแค่หลักร้อยเท่านั้นและรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่เป็นอุปกรณ์ประจำตัวใครหลายๆ คนได้อีกด้วย ซึ่งถ้าใครอยากเริ่มเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์สายถ่าย Vlog อาจจะเริ่มจากตัวที่ไม่แพงมากและเชื่อมต่อผ่านทางแจ็ค 3.5 มม. ได้ก่อนจะดีที่สุด เพราะใช้งานได้หลากหลายเครื่องและราคาไม่แพงมาก แต่คนที่ต่อกับสมาร์ทโฟนอาจจะต้องหาตัวแปลงจากพอร์ตของสมาร์ทโฟนมาเป็นแจ็ค 3.5 มม. สักหน่อยก็พร้อมทำคอนเทนต์ได้แล้ว


บทความที่เกี่ยวข้อง

mic cover

live cover

mousemat cover

from:https://notebookspec.com/web/616003-6-shotgun-mic-for-camera

PostgreSQL ออกเวอร์ชั่น 14 คิวรี JSON เหมือนจาวาสคริปต์แล้ว

PostgreSQL ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลโอเพนซอร์สออกเวอร์ชั่น 14 โดยมีความเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพภายในหลายอย่าง แต่สำหรับภาษา SQL ที่ใช้คิวรีในเวอร์ชั่นนี้เพิ่มเอาฟีเจอร์ subscripting เข้ามา ทำให้การเขียนคิวรี JSON นั้นเหมือนกับการเขียนจาวาสคริปต์มากขึ้น

PostgreSQL รองรับ JSONB มาตั้งแต่เวอร์ชั่น 9.2 แต่การคิวรีนั้นใช้เครื่องหมาย (operator) เฉพาะทาง ทำให้โปรแกรมเมอร์ค่อนข้างสับสน เช่นการดึงข้อมูลในออปเจกต์นั้นใช้เครื่องหมาย ->> เช่น '{"a":1,"b":2}'::json->>'b' การรองรับ subscripting ทำให้ SQL ที่คิวรีเขียนเหมือนกับโค้ดจาวาสคริปต์ที่นิยมใช้งานกัน

นอกจากฟีเจอร์ JSON แล้วเวอร์ชั่นนี้ยังรองรับข้อมูลประเภท multirange ทำให้เช็คช่วงของข้อมูลที่ซ้อนทับกับได้ เช่น ร้านที่เปิดในช่วงเวลาที่ต้องการ จากฐานข้อมูลเวลาเปิดปิด โดยข้อมูลประเภท range นั้นรองรับมาตั้งแต่ PostgreSQL 9.2 การรองรับ multirange ทำให้ระบุช่วงข้อมูลเป็นชุดได้ เช่น ร้านอาหารเปิดช่วงเช้า แล้วเปิดอีกทีช่วงบ่าย

ที่มา – PostgreSQL

No Description

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/125029

เผยโฉม BlueStacks X อีมูเลเตอร์แอนดรอยด์ตัวแรกที่รันบนคลาวด์ ปล่อยเวอร์ชันเบต้าวันนี้

ช่วงนี้วงการอีมูเลเตอร์แอนดรอยด์บน PC กำลังรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ขาใหญ่ของตลาดอย่าง BlueStacks ที่เพิ่งปล่อยเวอร์ชัน 5.3 ที่ใช้แอนดรอยด์ 7 (Nougat) เป็นพื้นฐาน และเวอร์ชัน 64 บิตที่ใช้แอนดรอยด์ 9 (Pie) วันนี้ออกมาประกาศเปิดตัว BlueStacks X อีมูเลเตอร์รุ่นใหม่ที่ยกแอนดรอยด์ขึ้นไปรันบนคลาวด์เป็นครั้งแรก

BlueStacks บอกว่า BlueStacks X ตั้งเป้าจะให้ทุกอุปกรณ์สามารถเข้าถึงการเล่นเกมแอนดรอยด์ผ่านคลาวด์ได้ในอนาคต โดยในขณะนี้ยังเปิดให้ใช้งานผ่านเว็บแอปฯ และแอปฯ บนวินโดวส์ 10/11 ในเวอร์ชันเบต้าไปก่อน ในช่วงแรกจะมีเกมให้เลือกเล่นประมาณ 200 กว่ารายการ และจะทยอยเพิ่มขึ้นในภายหลัง

ตัว BlueStacks X ตั้งเป้าว่าจะรองรับฟีเจอร์ให้เท่าเทียมกับบนสมาร์ทโฟน สามารถสลับอุปกรณ์ไปมาได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งเปิดตัวบอทดิสคอร์ดสำหรับให้เหล่าสหายสามารถเข้าร่วมเล่นเกมด้วยกันได้ในคลิกเดียว

ใครที่อยากใช้งานสามารถเข้าไปลองด้วยตัวเองได้ที่ BlueStack X ต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงจะเริ่มใช้งานได้ครับ

ที่มา – BlueStacks ผ่าน Windows Central

No Description

UI ของ BlueStacks X

from:https://www.blognone.com/node/125028

[Guest Post] AIS จับมือ ทาทา คอนซัลแตนซี่ เซอร์วิส (TCS) นำศักยภาพ 5G เชื่อมต่อเทคโนโลยี IoT สู่ขุมพลังโซลูชันส์ใหม่สุดล้ำเพื่อโรงงานอุตสาหกรรมไทย ตอกย้ำเป้าหมายยกระดับขีดความสามารถภาคการผลิตด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

การเสริมศักยภาพการทำงานของภาคอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีโครงข่ายอัจฉริยะด้วยเครือข่าย 5G ยังคงเป็นเป้าหมายการทำงานของ AIS อย่างต่อเนื่อง ที่ต้องการเพิ่มขีดความสามารถของโรงงานอุตสาหกรรมไทยให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมกับโรงงานชั้นนำของโลก ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและหลากหลายกลุ่ม เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูประเทศ ดึงดูดการลงทุนสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพใหญ่ โดยล่าสุดได้จับมือกับ “ทาทา คอนซัลแตนซี่ เซอร์วิส” (TCS) ที่ปรึกษาและให้บริการไอทีสำหรับภาคธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำ ร่วมกันพัฒนาโซลูชันส์ IoT ที่ทำงานบนโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ตอบโจทย์ภาคการผลิตและอุตสาหกรรมโรงงาน ทั้งโซลูชันส์ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมอัจฉริยะ, โซลูชันส์ digital twin, โซลูชันส์เพื่อการจัดการพลังงาน, โซลูชันส์สำหรับการเสริมความปลอดภัยสำหรับพนักงาน หรือแม้แต่โซลูชันส์บริหารจัดการโลจิสติกส์ เพื่อช่วยทำให้โรงงานและภาคอุตสาหกรรมมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความต่อเนื่องของการผลิต 

 

ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “เป้าหมายของ AIS ต่อการนำศักยภาพ 5G เข้าเชื่อมต่อเพื่อยกระดับขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของการพัฒนาโครงข่ายให้มีประสิทธิภาพสามารถเชื่อมต่อการทำงานในภาคส่วนต่างๆ ได้ทุกรูปแบบ และที่สำคัญในส่วนของการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อใช้ความสามารถร่วมกันในการพัฒนาและส่งต่อบริการดิจิทัล หรือโซลูชั่นส์ที่สอดคล้องกับความต้องการในโรงงานรวมทั้งสายการผลิตให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

โดยครั้งนี้ก็นับว่าเป็นอีกครั้งสำคัญที่เรามีโอกาสได้ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่าง ทาทา คอนซัลแตนซี่ เซอร์วิส (TCS) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาและ System integrator ร่วมกันสร้างโซลูชั่นส์ด้านเทคโนโลยี IoT เพื่อหนุนกระบวนการทำงานภาคการผลิตภายในโรงงานให้มีศักยภาพตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ที่มุ่งเอาเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยเสริมประสิทธิภาพในมิติต่างๆ ของการทำงานที่ครอบคลุมจนสร้างขีดความสามารถที่แข็งแกร่งยกระดับความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย ที่จะมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศต่อไปในอนาคต”

สำหรับความร่วมมือของ AIS และ TCS ในครั้งนี้เป็นการนำเอาสองจุดแข็งของแต่ละองค์กรมาหลอมรวมกันเพื่อให้เกิดการบริการที่ตรงกับความต้องการของโรงงานต่างๆ ในประเทศไทย โดยจะใช้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในด้านความเป็นผู้นำเทคโนโลยี IoT ของ AIS และ ความเป็นผู้นำด้านที่ปรึกษาและการให้บริการไอทีองค์กรที่หลากหลายของ ทาทา คอนซัลแตนซี่ เซอร์วิส (TCS) เพื่อเสนอบริการโซลูชั่นส์ด้าน IoT ที่ช่วยตอบโจทย์ในการเสริมประสิทธิภาพด้านการผลิต ทำให้ผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงควบคุมต้นทุนในการผลิตที่ครอบคลุมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น

  • กลุ่ม Smart manufacturing: โซลูชันส์อัจฉริยะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานต่างๆ ภายในโรงงาน โดยการเชื่อมต่อข้อมูลจากอุปกรณ์ เครื่องจักรด้วย IoT ไปยังดิจิทัลแพลตฟอร์ม อาทิ condition based maintenance, predictive maintenance, remote monitoring, remote diagnostics, digital twin เป็นต้น
  • กลุ่ม Energy management: โซลูชันส์การจัดการพลังงาน สำหรับอาคาร สำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รักษาสิ่งแวดล้อมและ ลดต้นทุนของระบบการทำงานต่างๆ รวมถึงสายการผลิตได้เป็นอย่างดี
  • กลุ่ม Connected workforce: โซลูชันส์เพื่อสนับสนุนให้พนักงานสามารถทำงานได้จากนอกสถานที่ โดยใช้เทคโนโลยี เช่น AR/VR เพื่อควบคุมการทำงาน, เทรนนิ่งพนักงาน ให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับการทำงาน หรือแม้แต่การ ควบคุมป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงาน เช่น การใช้ IoT ควบคุมระยะห่างระหว่างบุคคล การสวมชุดทำงานที่ถูกต้อง การปฏิบัติตนที่ถูกต้องในพื้นที่การทำงาน เป็นต้น
  • กลุ่ม Logistic optimizer: โซลูชันส์เพื่อบริหารจัดการการขนส่ง การจัดการด้านคลังสินค้าให้มีความชาญฉลาดตอบโจทย์การใช้งานรูปแบบต่างๆ ภายในโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ทางด้าน วิจายา ปันตยา ผู้จัดการสาขา ทาทา คอนซัลแตนซี่ เซอร์วิส (TCS) ประจำประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ที่ผ่านมา ทาทา คอนซัลแตนซี่ เซอร์วิส (TCS) มีความเชี่ยวชาญในการทำงานกับโรงงานอุตสาหกรรมของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ทำให้เราเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะช่วยทำให้ศักยภาพการทำงานของภาคอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งเรื่องของการบริหารจัดการ การควบคุมต้นทุน หรือแม้แต่การสร้าง Productivity ให้กับการทำงาน ซึ่งการได้ร่วมงานกับ AIS ในครั้งนี้ จะเป็นการทำให้เรื่องดังกล่าวเป็นรูปธรรมและเกิดการใช้งานได้จริงมากยิ่งขึ้น

โดยเราเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมตื่นตัวและเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลต่อการทำงานในขั้นตอนต่างๆ ที่จะช่วยทำให้เกิดผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง เป้าหมายที่เราและ AIS มองร่วมกันจึงไม่ใช่แค่การสร้างการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่เรายังมองถึงภาพใหญ่ที่ความร่วมมือนี้จะมีส่วนช่วยสำคัญในการสร้างจุดเด่นให้กับภาคอุตสาหกรรมของประเทศ ซึ่งในท้ายที่สุดก็จะทำให้ฟันเฟืองในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น”

สำหรับภาคการผลิต หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการให้บริการได้ที่ https://business.ais.co.th/solution/iotmanufacturing.html

 

 

from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-ais-tcs-5g-iot-thailand-industry/

[ลือ] Valve กำลังสร้างแว่น VR ไร้สายตัวใหม่ โค้ดเนม Deckard

ยูทูบเบอร์ Brad Lynch ค้นพบข้อมูลของแว่น VR ไร้สายตัวใหม่ของ Valve ที่ใช้โค้ดเนม “Deckard” ในซอร์สโค้ดของ SteamVR และเอกสารสิทธิบัตรของ Valve ด้วย

ปัจจุบัน Valve มีแว่น VR ของตัวเองคือ Valve Index ที่เปิดตัวในปี 2019 โดยเป็นแว่นแบบมีสายที่ต้องเชื่อมต่อกับพีซี

เว็บไซต์ Ars Technica อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิด Valve ว่าบริษัทกำลังพัฒนาแว่น VR ไร้สายอยู่ 2 ตัว โดยตัวแรกยังต้องเชื่อมต่อกับพีซี และมีลักษณะคล้ายแว่น Index แต่แว่นอีกตัวสามารถทำงานได้ครบจบในตัว (standalone ที่ใช้ inside tracking) เหมือนกับแว่น Oculus Quest อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลว่าแว่นทั้ง 2 ตัวนี้จะได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ออกมาขายจริงๆ หรือไม่

ที่มา – Ars Technica

ภาพแว่น Valve Index

from:https://www.blognone.com/node/125026

Facebook Messenger และ Instagram สามารถตั้ง Group chat ข้ามแอปกันได้แล้ว

Facebook ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ของแชทใน Facebook Messenger และ Instagram หลังจากที่สามารถแชทข้ามแพลตฟอร์มกันได้ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยสามารถตั้งห้องคุยกลุ่ม (group chat) แบบข้ามแอปกันได้ นอกจากนี้ Instagram ยังสามารถใช้งานโพลในแชท แบบเดียวกับที่มีใน Messenger ก่อนหน้านี้อีกด้วย

ห้องคุยแบบกลุ่มยังเพิ่มคุณสมบัติเหมือนกับที่มีในหลายแอปแชท คือข้อความแสดงสถานะว่าใครในกลุ่มกำลังพิมพ์ข้อความอยู่

นอกจากนี้ยังมีของใหม่อื่นสำหรับผู้ใช้ Facebook Messenger ดังนี้

  • ธีมห้องแชท Cottagecore และ J Balvin
  • เซตห้องแชท Astrology art มีทั้งธีม สติกเกอร์ และลูกเล่นวิดีโอ AR

ส่วน Instagram เพิ่มคอนเทนต์ใหม่ใน Watch Together ของ Steve Aoki, Travis Barker และ Cardi B ฟีเจอร์ทั้งหมดเริ่มทยอยเปิดใช้งานกับผู้ใช้ทั่วโลกตั้งแต่วันนี้

ที่มา: Facebook

alt="Facebook Messenger x Instagram"

from:https://www.blognone.com/node/125025

ทรู 5G คว้ารางวัลในหมวด 5G Availability ยืนยันการใช้งานจากเวทีระดับโลก จาก Opensignal ตอกย้ำภาพผู้นำในตลาด 5G

การเข้าสู่ยุคของ New Normal และ Next normal ส่งผลให้ชีวิตทำงานและการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่รวดเร็วทำให้การใช้ชีวิตในยุคออนไลน์ของคนส่วนใหญ่ คาดหวังในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เร็วและแรง และเพื่อวัดความสามารถของโอเปอร์เรเตอร์ไทย ก็มีแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลอิสระหลายรายต่างก็ใช้เครื่องมือเข้ามาวัดขีดความสามารถและความพยายามของการทำงานของเครือข่ายเหล่านี้

รายงานล่าสุดจาก Opensignal ผู้ดำเนินการวิเคราะห์ระบบมือถือ และกำหนดมาตรฐานระดับโลก เผยรายงานการวัดประสบการณ์การใช้งาน 5G ระดับโลก โดยทรู 5G ได้รับรางวัลผู้นำ 5G ในหมวด 5G Availability ที่เป็นการวัดจากประสบการณ์การใช้งานจริงบนเครือข่าย 5G โดยวัดจากระยะเวลาที่ผู้ใช้งานอยู่บนเครือข่าย 5G  

ทั้งนี้ คะแนนดังกล่าวถูกวัดจากระยะเวลาที่ผู้ใช้งานอยู่บนเครือข่าย 5G ยิ่งเปอร์เซ็นต์สูง ยิ่งหมายความว่าผู้ใช้งานใช้งานบนเครือข่าย 5G นานกว่า ซึ่งทรู 5G ได้คะแนน อยู่ที่ 22.1% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 11.2% ทำให้ทรู 5G เป็นรายเดียวในไทยที่ยืนหนึ่งเป็น Top 20 จากการวัดผลจากทั่วโลก ตอกย้ำความพร้อมให้บริการของทรู 5G เครือข่ายอัจฉริยะ สมกับเป็นผู้นำด้าน 5G อย่างแท้จริง

โดยทรู 5G ครองตำแหน่งสูงสุดด้านความครอบคลุมทั่วถึงมากที่สุดในไทย (5G Global Leaders in 5G Availability) ลูกค้าจึงสามารถใช้งานทรู 5G ผ่านสมาร์ทโฟน 5G ได้อย่างทั่วถึง เพราะมีเครือข่ายที่ครอบคลุมมากกว่าใครในกรุงเทพและปริมณฑล มีผู้ใช้งานแล้วกว่า 98%

นายจิระชัย คุณากร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการโครงข่าย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า  “รายงานล่าสุดจาก Opensignal ระดับโลกครั้งนี้ ยืนยันอีกครั้งถึงสิ่งที่กลุ่มทรู มุ่งมั่นยกระดับเครือข่าย 5G ของไทยให้เทียบชั้นมาตรฐานโลก ทั้งเรื่องของความเร็วกว่า แรงกว่า ครอบคลุมที่สุดทั่วไทย ซึ่งสอดคล้องกับอีกหลายรางวัลการันตีจากเวทีอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ทรู 5G ยังเป็นรายเดียวในไทยที่มีย่านความถี่มากที่สุด ครบสุดถึง 7 ย่านความถี่ ครอบคลุมประชากรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 98% และครอบคลุมสูงสุดทั่วประเทศ เนื่องจากมีการลงทุนเครือข่าย 5G มาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ทรูยังเป็นรายเดียวในไทย ที่มีครบ 7 ย่านความถี่ซึ่งมากสุดในไทย ครอบคลุมประชากรในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากกว่า 98% และครอบคลุมสูงสุดทั่วประเทศ ตอกย้ำกลยุทธ์ที่ผสานทุกย่านความถี่ ทั้งคลื่นย่านความถี่ต่ำที่โดดเด่น โดยมีเป้าหมายต้องการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงให้คนไทยใช้งาน 5G ได้ทั่วประเทศ สร้างระบบนิเวศน์ 5G ที่ใหญ่ที่สุดเพื่อคนไทย

การก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาด 5G ของทรูถือว่าเป็นมูฟเม้นท์ที่สำคัญ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลตัวจริง

#True5G #BESTwithTRUE5G #OpenSignal

 

Opensignal Awards – 5G Global Mobile Network Experience Awards 2021 based on independent analysis of mobile measurements recorded during the period January 1 – June 29, 2021. 
© 2021 Opensignal Inc. 

from:https://www.thumbsup.in.th/truemove-h-x-opensignal-good-network-thailand?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=truemove-h-x-opensignal-good-network-thailand

True 5G ดียังไง!? ทำไมถึงคว้ารางวัลระดับโลกมาได้

มีข่าวอัพเดทในแวดวงมือถือของประเทศไทยมาฝากกันครับ ที่ล่าสุดทาง OpenSignal ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ได้ประกาศรางวัล Opensignal 5G Global Awards 2021 โดยเป็นรางวัลประสบการณ์การใช้งานเครือข่าย 5G ระดับโลก จากการสำรวจข้อมูลการใช้งาน 5G ทั่วโลก รวบรวมตั้งแต่ 1 มกราคม – 29 มิถุนายน 25642564 โดยที่น่ายินดีคือ ผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ของไทย อย่าง TrueMove H ติดอันดับผู้นำ 5G ระดับโลกด้วย

อ่านรายงานฉบับเต็มจาก Opensignal >> คลิก

รางวัลที่ TrueMove H ได้มานั้น คือรางวัล TOP 20 ผู้นำ 5G ระดับโลก (5G Global Leaders) – ด้านการใช้งาน 5G (5G Global Leaders in 5G Availability) ด้วยเปอร์เซ็นต์เวลาการเชื่อมต่อ 5G ที่ 22.1% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ให้บริการทั่วโลก เกือบ 2 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 11.2% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทรู 5G ยกระดับมาตรฐานการเข้าถึง 5G ของคนไทย ได้อย่างโดดเด่น ให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้จริง ลูกค้าทรู 5G ใช้สัญญาณเชื่อมต่อกับ 5G ได้มากกว่า

ซึ่งก่อนหน้านี้เวลาพูดถึง 5G เรามักจะคิดถึงหรือดูกันที่ในแง่ของความเร็วมาเป็นอันดับแรก แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว แค่ในเรื่องความเร็วของเครือข่าย 5G นั้น เป็นเพียงแค่ปัจจัยเดียว ที่จะเร็วไม่ต่างกันนัก ขึ้นอยู่กับใช้งานที่ไหนเวลาใด  แต่ยังมีมุมอื่นๆ ให้พิจารณากันอีกเยอะ อาทิเช่น ความสเถียรในการใช้งาน การตอบสนองในการรับส่งข้อมูล และพื้นที่การให้บริการที่ครอบคลุม ซึ่งจะมีผลต่อประสบการณ์จริงในการใช้งาน จากผลสำรวจ ยิ่งเปอร์เซนต์ availability สูง ยิ่งหมายความว่า ผู้ใช้งานบนเข้าถึงเครือข่าย 5G ได้ดีกว่าทำให้ช่วงเวลาในการใช้งานนานกว่า

True 5G ได้ยกระดับมาตรฐานการเข้าถึง 5G ของคนไทยได้อย่างโดดเด่น ให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้จริง นอกจากนี้ ทรูยังเป็นรายเดียวในไทยที่มีย่านความถี่มากที่สุด ครบสุดถึง 7 ย่านความถี่ ครอบคลุมประชากรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 98% และครอบคลุมสูงสุดทั่วประเทศ มีการลงทุนเครือข่าย 5G มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความเป็นอัจฉริยะของทรู 5G ในทุกด้าน

อีกทั้ง Opensignal ยังเปิดเผยว่า เหล่าเกมเมอร์ที่ใช้งานบนเครือข่ายทรู 5G ได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับการใช้ผ่าน 4G ด้วยคะแนนที่เพิ่มขึ้นถึง 37.1% จนได้รับรางวัลผู้นำด้านประสบการณ์การเล่นเกมผ่านเครือข่าย 5G หรือ 5G Global Leaders in 5G Games Experience ส่งผลให้ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยในหมวด Games Experience นี้ วัดจากการวิเคราะห์ประสบการณ์ของผู้เล่นเกมแบบเรียบไทม์ทั้งคุณภาพของเครือข่าย ค่าความหน่วง (Latency ) ซึ่งต้องถือว่าสอดรับกับกระแสที่มาแรงของประเทศไทยในยุคที่มีเกมเมอร์ชาวไทยมากกว่า 27 ล้านคน โดยทางทรูนั้นก็มีบริการ Cloud Gamimg หรือการเล่นเกมผ่านระบบคลาวด์ที่กำลังเป็นเทรนด์ความบันเทิงในรูปแบบใหม่ ให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกม PC หรือ CONSOLE บนสมาร์ทโฟน กับเกมชื่อดังระดับ AAA บนเครือข่ายทรู 5G ได้อีกด้วย

ผลรางวัลครั้งนี้ น่าภูมิใจสำหรับคนไทย ที่มีเครือข่ายไทยที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานโลก ซึ่งเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ 5G ของกลุ่มทรู ที่แตกต่าง ที่เน้นความเป็นเทคโนโลยีเครือข่ายอัจฉริยะที่ผสานคลื่นทุกย่านความถี่ ทั้งคลื่นย่านความถี่ต่ำที่โดดเด่นด้านความครอบคลุมและทะลุทะลวง ย่านความถี่กลางกับคุณสมบัติด้านความจุ รองรับปริมาณการใช้งานหนาแน่น รวมถึงคลื่นย่านความถี่สูงที่จะตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะพื้นที่ โดยต้องการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงให้คนไทยใช้งาน 5G ได้ทั่วประเทศ เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ 5G ที่ใหญ่ที่สุดเพื่อผู้บริโภคชาวไทย และมอบความคุ้มค่าในการใช้งานได้มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนไทย เปลี่ยนมาใช้ 5G เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลล่าสุดปัจจุบันฐานลูกค้าทรู 5G เพิ่มเป็นกว่า 1 ล้านราย (ณ ไตรมาส 2 ปี 2564) และยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าให้ใช้งาน 5G ได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับเต็มจาก Opensignal >> คลิก

from:https://www.9tana.com/node/true-5g-opensignal-5g-availability/