คลังเก็บป้ายกำกับ: DATABASE

กูเกิลเปิดตัวฐานข้อมูล AlloyDB Omni เวอร์ชัน On-premise, เร็วกว่า PostgreSQL 2 เท่า

กูเกิลเปิดตัวฐานข้อมูล AlloyDB Omni เวอร์ชันรันแบบ on-premise ได้ด้วย เพิ่มจากของเดิมที่มีเฉพาะเวอร์ชันคลาวด์

ปีที่แล้ว กูเกิลเปิดตัวฐานข้อมูล AlloyDB เป็นการนำ PostgreSQL มาปรับแต่งสถาปัตยกรรมหลายอย่างให้ประสิทธิภาพดีขึ้น รันบนคลาวด์ โดยยังคงความเข้ากันได้กับ PostgreSQL ทั้งหมด 100% (ลักษณะเดียวกับ Amazon Aurora)

คราวนี้ กูเกิลเปิดตัว AlloyBD Omni ที่สามารถรันแบบ on-premise, edge หรือแม้แต่ในคอมพิวเตอร์ของนักพัฒนาได้ โดยชูว่ามีประสิทธิภาพดีกว่า PostgreSQL รุ่นมาตรฐานถึง 2 เท่าสำหรับงานอ่านเขียนฐานข้อมูลทั่วไป และเร็วกว่า 100 เท่าสำหรับงานวิเคราะห์ข้อมูล

ของดีแบบนี้แน่นอนว่าไม่ฟรี แม้ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยราคาเพราะยังเป็นช่วง Technology Preview อยู่ โดยนักพัฒนาสามารถลงชื่อขอเวอร์ชันทดสอบมาใช้งานได้ฟรี

No Description

ที่มา – Google Cloud

from:https://www.blognone.com/node/133232

Advertisement

Dentons UKIME ธุรกิจกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้ Pure Storage จัดเก็บข้อมูลเอกสารกฎหมาย รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

Dentons UKIME ธุรกิจกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีพนักงานมากกว่า 21,000 คนใน 200 สาขาจากมากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ได้ตัดสินใจใช้งาน Pure Storage เพื่อวางรากฐานด้านการจัดเก็บข้อมูลและเอกสารทางกฎหมายอย่างยั่งยืน มั่นคงปลอดภัย

ในการยกระดับการจัดเก็บข้อมูลครั้งนี้ Dentons UKIME ได้ตัดสินใจเลือกใช้ Pure Storage FlashArray ระบบ All Flash Storage ประสิทธิภาพสูงที่บริหารจัดการดูแลรักษาได้ง่าย ควบคู่กับ Evergreen//One บริการ Subscription เพื่อใช้งานระบบ All Flash Storage ในแบบ As-a-Service เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นต่อการลงทุนและการเพิ่มขยาย รวมถึงบริหารจัดการระบบทั้งหมดจากศูนย์กลางอย่างง่ายดายผ่านบริการ Pure1 ระบบบริหารจัดการ All Flash Storage ผ่าน Cloud เพื่อให้ได้รับประโยชน์ดังนี้
 
  1. ความยืดหยุ่นในการลงทุนและการเพิ่มขยายเสมือนการใช้ Cloud ด้วยการใช้ Pure Storage FlashArray ร่วมกับ Evergreen//One ที่ทำให้ Dentons UKIME สามารถใช้งาน Pure Storage FlashArray ในแบบ On-Premises โดยคิดค่าใช้จ่ายแบบ Subscription ได้
  2. การอัปเกรดได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องหยุดระบบและเสริมสร้างความยั่งยืน จากการใช้ Evergreen//One Subscription ที่ช่วยให้ Dentons UKIME สามารถใช้งานระบบ Storage เดิมที่อัปเกรดได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน 3-5 ปี อีกทั้งยังประหยัดพลังงานสูงสุดกว่า 50%
  3. เสริมความมั่นคงปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูล ด้วยการนำข้อมูลทั้งในส่วนของ Email, SQL Database และระบบ Disaster Recovery มาใช้งานบน Pure Storage FlashArray พร้อมการเข้ารหัสข้อมูล Data at Rest สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในระยะยาว
ผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ https://www.purestorage.com/docs.html?item=/type/pdf/subtype/doc/path/content/dam/pdf/en/case-studies/cs-dentons-ukime.pdf/context/company/newsroom/press-releases/law-firm-leverages-pure-for-global-expansion.html

from:https://www.techtalkthai.com/dentons-ukime-the-worlds-largest-law-firm-uses-pure-storage-to-store-legal-documents/

เชิญร่วมงานสัมมนา Synology for Manufacturing – ระบบการจัดการข้อมูลสำหรับภาคการผลิต

ขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าร่วมงาน Synology for Manufacturing – ระบบการจัดการข้อมูลสำหรับภาคการผลิต โดยงานนี้ เป็นการแนะนำโซลูชันการจัดการข้อมูล การปกป้องข้อมูล และการเฝ้าระวังของ Synology สำหรับธุรกิจภาคการผลิต สาธิตวิธีการใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคุณ โดยงานจะจัดขึ้นในวันพุธที่ 29 มีนาคม 2023 เวลา 8:30 – 12:30 น. ณ Hotel Nikko Amata City Chonburi (อมตะนคร ชลบุรี)

กำหนดการ

วัน : วันพุธที่ 29 มีนาคม 2023
เวลา : 08:30 – 12:30 น.
สถานที่จัดงาน : Hotel Nikko Amata City Chonburi (อมตะนคร ชลบุรี)
วิทยากร : ผู้บรรยายจาก Synology

สิ่งที่ท่านจะได้ทราบเกี่ยวกับงานสัมมนาครั้งนี้

– การจัดการข้อมูล การจัดเก็บ การรวบรวม การจัดระเบียบข้อมูลธุรกิจภาคการผลิต
– การซิงโครไนซ์ข้ามไซต์ การเข้าถึงจากหลายแพลตฟอร์ม
– ปกป้องข้อมูลสำคัญของคุณในอุปกรณ์ปลายทาง คลาวด์ VM
– ผสานกับการปรับใช้ที่มีอยู่ของคุณอย่างราบรื่นด้วยการซัพพอร์ตกล้องรุ่นต่างๆ
– เทคนิคการกู้คืนข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพตามความต้องการ

ท่านที่สนใจ สามารถลงทะเบียนได้ที่ Link ข้างล่างนี้
คลิกลงทะเบียนที่นี่

หมายเหตุ :
1. ทางทีมงานได้จัดเตรียมอาหารกลางวัน พร้อมของรางวัลต่างๆ มากมายให้กับทุกท่านภายในงาน
2. กรุณากรอกข้อมูลให้ครบถ้วนเพื่อสะดวกในการติดต่อกลับ
3. หลังจากส่งแบบฟอร์มลงทะเบียนแล้ว คุณจะได้รับอีเมลอัตโนมัติเกี่ยวกับการลงทะเบียนของคุณ Synology ขอสงวนสิทธิ์ในการประเมินการลงทะเบียนของคุณ เราจะติดตามผลด้วยการแจ้งเตือนเมื่อการลงทะเบียนของคุณได้รับการยืนยัน กรุณาลงทะเบียนโดยเร็วที่สุด หากคุณมีคำถามใดๆ เกี่ยวกับกิจกรรม โปรดติดต่อเราที่ thailand@synology.com

 

from:https://www.enterpriseitpro.net/synology-for-manufacturing-chonburi/

EDB Postgres ออกเวอร์ชันใหม่ 5.0 ยกระดับความมั่นคงการให้บริการ

EDB Postgres ได้ออกเวอร์ชันใหม่หรือ Postgres Distributed 5.0 (PGD 5.0) โดยพัฒนาความสามารถด้าน HA และประสิทธิภาพในการใช้งาน รวมถึงป้องกันการสูญเสียข้อมูล

credit : wikipedia

EDB Postgres เป็นฐานข้อมูล PostgreSQL สำหรับองค์กร (สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.techtalkthai.com/edb-postgres-review-the-enterprise-db-supports-by-ibm-professional/ ) ทั้งนี้ในเวอร์ชันใหม่ มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังนี้

  • HA – ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าระบบโดยให้แต่ละมาสเตอร์โหนด หรือ ดาต้าเบส หรือเซิร์ฟเวอร์ถูกปกป้องโดยโหนดสแตนบายด์ 1 ตัวหรือมากกว่า 
  • Multiple Group – PGD node จะต้องสังกัดอยู่ภายใต้อย่างต้องหนึ่งกลุ่มโหนด โดยพื้นฐานที่สุดคือต้องมีหน้าน้อย 1 กลุ่มโหนดใน PGD Cluster
  • Multiple Master– แต่ละโหนดในกลุ่ม PGD จะได้รับการเปลี่ยนแปลงจากสมาชิกและสามารถถูกเขียนได้โดยตรงจากผู้ใช้ โดยความแตกต่างระหว่างการสแตนบายด์แบบ Hot และ Warm คือจะมีเซิร์ฟเวอร์มาสเตอร์เพียงตัวเดียวที่ยอมรับการเขียน ส่วนโหนดอื่นจะสแตนบายด์ไว้พร้อมรับการ Replicate จากมาสเตอร์หรือโหนดสแตนบายด์อื่น 
  • Logical Replication – เป็นการ Replicate แถวของข้อมูลที่ไม่ได้เป็นการเขียนที่อยู่ของบล็อกจริงและการ Replicate แบบไบต์ต่อไบต์ ทั้งนี้ Index ไม่เปลี่ยนแปลงจึงไม่มีการเขียนที่หนักหน่วง โดยขั้นตอนคือจะเริ่มจากการทำสำเนา Snapshot ของข้อมูลจากโหนดต้นทางก่อน เมื่อมีการ Commit ก็จะส่งไปยังโหนดอื่นในระดับเรียลไทม์ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงก็จะถูก Replicate โดยไม่ต้อง Execute SQL มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ถูกเขียนมีความแม่นยำและรวดเร็ว
  • Asynchronous – โดยพื้นฐานแล้วการเปลี่ยนแปลงที่โหนด PGD จะไม่ถูก Replicate ไปยังโหนดอื่นจนกว่าจะมีการ Commit ที่จุดนั้นก่อน 
  • Mesh Topology – โหนดทุกตัวเชื่อมต่อกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้โดยตรง จะไม่มีการส่งต่อยกเว้นเสียแต่ว่าเกิดกรณีพิเศษเช่น มีการเพิ่มหรือลบโหนด

ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.enterprisedb.com/docs/pgd/latest/overview/

ที่มา : https://www.infoworld.com/article/3689161/edbs-postgres-distributed-50-boosts-availability-performance.html

from:https://www.techtalkthai.com/edb-postgres-5-0-released/

[Video Webinar] TechTalk Webinar: ย้ายข้อมูลไป MongoDB เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้สู่เส้นทาง NoSQL

สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าฟังการบรรยายเรื่อง “ย้ายข้อมูลไป MongoDB เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้สู่เส้นทาง NoSQL” เพื่อเรียนรู้กับประโยชน์ของการใช้ NoSQL ที่จะช่วยให้แอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่เพิ่งจัดไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หรือต้องการรับชมการบรรยายซ้ำอีกครั้ง สามารถเข้าชมวิดีโอบันทึกย้อนหลังได้ที่บทความนี้ค่ะ

หัวข้อ : ย้ายข้อมูลไป MongoDB เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้สู่เส้นทาง NoSQL

วิทยากร : คุณ ปิติ จำปีทอง ตำแหน่ง Senior Consulting Engineer, MongoDB

Relational Database หรือฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์นั้นถือกำเนิดขึ้นมาราว 1970 โดยสามารถเข้าถึงด้วยคำสั่งที่เรียกว่า SQL (Structured Query Language) โดยปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นคือความซ้ำซ้อนของข้อมูลที่ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นกว่าเวลาในการพัฒนา ซึ่งโครงสร้างแบบตารางเป็นสิ่งตายตัว ซับซ้อน เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ลำบาก และมีค่าใช้จ่ายสูงเมื่อต้องการทำ Vertical Scaling

ในช่วงปลายทศวรรษ 2000 มีฐานข้อมูลชนิดใหม่ขึ้นที่เรียกว่า NoSQL โดยเน้นการปรับขยาย สืบค้นข้อมูลได้รวดเร็ว รองรับการเปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชันได้บ่อยตามความต้องการและอำนวยความสะดวกต่อนักพัฒนา

ในงานสัมมนาครั้งนี้ท่านจะได้รับฟัง หัวข้อต่าง ๆ เหล่านี้

  • ความแตกต่างระหว่างฐานข้อมูล SQL และ NoSQL
  • ข้อดีของการใช้ฐานข้อมูล NoSQL ที่เหนือกว่าฐานข้อมูล SQL
  • วิธีเริ่มต้นใช้งานฐานข้อมูล NoSQL

from:https://www.techtalkthai.com/video-webinar-techtalk-webinar-move-to-mongodb-nosql/

Unlocking the Data Dividend ทำไมข้อมูลจึงควรมีความสำคัญสูงสุดในปี 2023

โดย…เวย์น ดูโซ

Vice President of Storage, Hybrid Edge, and Data Services Amazon Web Services

ในขณะที่ธุรกิจในอาเซียนยังคงเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ท่ามกลางอุปสรรคทางเศรษฐกิจ หลายคนกำลังมองหาระบบคลาวด์เพื่อมอบวิธีที่ง่าย ประหยัดต้นทุน และยั่งยืนในการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย และวางรากฐานสำหรับพวกเขาเพื่อใช้ประโยชน์จากพลังของการวิเคราะห์ขั้นสูง ซึ่งเป็นผลมาจากผลการวิจัยที่เพิ่งเปิดตัวจากรายงานการวิจัยที่จัดทำโดย Deloitte Access Economics และว่าจ้างโดย AWS เผยให้เห็นว่าองค์กรต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิกที่ควบคุมพลังของข้อมูลสามารถเพิ่มรายได้ทางธุรกิจต่อปีได้มากถึง 8.7%

เวย์น ดูโซ ได้ช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลที่ทันสมัยและยอมรับความสามารถของระบบคลาวด์ ด้วยประสบการณ์กว่าทศวรรษที่ AWS ขับเคลื่อนการเติบโตของข้อมูล พื้นที่จัดเก็บ และบริการเอดจ์แบบไฮบริด Wayne ได้เห็นความก้าวหน้าของนวัตกรรมข้อมูลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมีเป้าหมายที่แน่วแน่เกี่ยวกับสิ่งที่องค์กรต้องการเพื่อเอาชนะความท้าทายด้านข้อมูล
 
เหตุใดปี 2023 จึงเป็นปีสำหรับองค์กรต่างๆ ใน APAC ในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพค่าใช้จ่าย ค้นหาแหล่งรายได้ใหม่ และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า คลื่นลูกต่อไปของการประดิษฐ์คิดค้นจะถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล จากรายงาน IDC ประจำปี 2022 เกี่ยวกับมูลค่าธุรกิจของ AWS สรุปให้เข้าใจได้ดังนี้
  • 50% lower five-year cost of operations – AWS ให้โครงสร้างพื้นฐานที่คล่องตัว ปรับขยายได้ และยืดหยุ่นกว่าที่สถาปัตยกรรมในองค์กรสามารถส่งมอบได้อย่างมีนัยสำคัญ ความเร็วที่ดีขึ้นอย่างมากในการส่งมอบทรัพยากรการประมวลผลและการจัดเก็บให้กับทีมพัฒนา ธุรกิจ และทีมปฏิบัติการ โดยการปรับปรุงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นในสถิติที่เกี่ยวข้องกับการส่งมอบฟังก์ชันการทำงานของซอฟต์แวร์ให้กับการดำเนินธุรกิจ
  • 25% lower costs of infrastructure – เพิ่มศักยภาพให้กับทีมไอที ทีมไอทีต้องต่อสู้กับความคาดหวังขององค์กรที่เพิ่มขึ้นในด้านคุณภาพ ความทันเวลา และนวัตกรรมการให้บริการด้านไอที สามารถได้รับประสิทธิภาพที่สำคัญโดยการลดหรือกำจัดทรัพยากรที่จัดการและบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในองค์กร วิธีนี้ช่วยให้เจ้าหน้าที่ไอทีมีเวลามุ่งเน้นมากขึ้นในการตอบสนองความต้องการที่ก่อนหน้านี้อาจถูกละเลย ซึ่งองค์กรที่เข้าร่วมในการศึกษาระบุว่าไดนามิกนี้มาจากฟีเจอร์ของ AWS และฟังก์ชันการทำงานพร้อมกับการสนับสนุนโดยตรงจาก AWS โดยมีขั้นตอนและการบำรุงรักษาน้อยลง “ด้วย AWS ตอนนี้ทีมไอทีของเราสามารถมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ที่เราสามารถเพิ่มมูลค่าได้ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่เราใช้เวลาทั้งหมดไปกับการปรับปรุงและบำรุงรักษาสิ่งต่างๆ”
  • 47% more efficient IT infrastructure teams – การเพิ่มประสิทธิภาพที่เปิดใช้งานโดย AWS สำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที/ทีมดูแลระบบส่งผลกระทบอย่างมากต่อความต้องการในแต่ละวันสำหรับกิจกรรมของพนักงานเหล่านี้ ผลการวิเคราะห์ของ IDC แสดงให้เห็นว่าองค์กรที่สัมภาษณ์ต้องการ FTE น้อยกว่า 71 รายการเพื่อเรียกใช้และจัดการปริมาณงานที่เทียบเท่ากับ AWS ซึ่งมีประสิทธิภาพเฉลี่ย 47% ผู้ให้สัมภาษณ์ยังสังเกตเห็นประโยชน์ที่ได้รับจากประสิทธิภาพเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงระดับพนักงานที่คล่องตัวขึ้น ใช้เวลาในการจัดการเหตุการณ์น้อยลง และลำดับเวลาการปรับใช้แอปพลิเคชันเร็วขึ้น
  • 2.3x new features delivered per year – ผลกระทบเชิงบวกของ AWS ในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับผู้เข้าร่วมการศึกษา นอกเหนือจากปริมาณแอปพลิเคชันและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นแล้ว ผู้เข้าร่วมการศึกษารายงานว่ามีการเผยแพร่มากขึ้นอย่างชัดเจน (เพิ่มขึ้น 85%) ซึ่งสะท้อนถึงความถี่ที่เพิ่มขึ้นในการมอบฟังก์ชันการทำงานที่ได้รับการปรับปรุงให้กับลูกค้าและพนักงาน พวกเขายังอ้างถึงคุณภาพของการเปิดตัวที่เพิ่มขึ้น โดยมีข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องในการเผยแพร่น้อยลง 27% และต้องการเวลาของพนักงานน้อยลงหนึ่งในสาม (33%) เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานที่เปิดใช้งานโดย AWS ยังสะท้อนให้เห็นในเวลาที่จำเป็นในการเปลี่ยนแปลงและอัปเดตแอปพลิเคชัน ซึ่งปรับปรุงโดยเฉลี่ย 37% ด้วย AWS
ประโยชน์และอุปสรรคในการเพิ่มขีดความสามารถด้านข้อมูลขององค์กรใน APAC ด้วยข้อมูลเชิงลึกในท้องถิ่นจากรายงานข้อมูล Demystifying Data ใหม่ของ AWS และ Deloitte Access Economics ช่วยสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีกว่าด้วยข้อมูล ตัดสินใจได้ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น, ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน, เพิ่มยอดขายและรายรับ และปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า
 
“ด้วยการใช้ประโยชน์จากความกว้างและความลึกของ AWS และเทคโนโลยีคลาวด์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เราสามารถนำแฟนๆ เข้าใกล้การตัดสินใจในเสี้ยววินาทีในสนามแข่งมากขึ้น ออกแบบรถ F1 ในอนาคตของเราใหม่ ช่วยให้เราเข้าใจความมั่งคั่งของข้อมูล F1 ได้ดียิ่งขึ้น และเรียกใช้การวิเคราะห์และแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าว และอื่นๆ อีกมากมาย เราตื่นเต้นกับสิ่งที่เราทำสำเร็จ และตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าเราสามารถทำอะไรร่วมกันได้มากขึ้น” Ross Brawn กรรมการผู้จัดการของ Motor Sports, F1 กล่าว
 
“เราเพิ่งเปิดตัวคุณลักษณะใหม่ที่เป็นนวัตกรรมใหม่เกี่ยวกับงานนำเสนอและวิดีโอ ซึ่งนำไปสู่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับพลังการประมวลผลและพื้นที่เก็บข้อมูล เราจะไม่มีทางปรับขนาดโซลูชันนี้ได้เลยหากไม่มี AWS”  Jim Tyrell หัวหน้าฝ่ายโครงสร้างพื้นฐาน Canva
 
Data Maturity เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีที่องค์กรดำเนินการผ่าน strategy, people, technology, process, data และ machine learning 8.7% ของศักยภาพในการเติบโตของรายได้ต่อปีสำหรับแต่ละขั้นของ Data Maturity
 
นวัตกรรมล่าสุดของ AWS รวมถึงข้อมูลใหม่ ไฮบริดเอดจ์ และบริการพื้นที่เก็บข้อมูล ซึ่งจะทำให้ลูกค้าใน APAC ส่งมอบข้อมูลเชิงลึกและขับเคลื่อนประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กรได้ง่ายยิ่งขึ้น ความท้าทายด้านข้อมูลอันดับต้น ๆ สำหรับองค์กรในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่
  • การขาดเงินทุน – 43% ขององค์กรต่างๆ กล่าวว่า การขาดเงินทุนเป็นอุปสรรคต่อการใช้การวิเคราะห์ข้อมูล
  • ข้อมูลคุณภาพต่ำ – 40% ขององค์กรต่างๆ เชื่อว่าข้อมูลที่มีคุณภาพต่ำจะขัดขวางความสามารถในการใช้การวิเคราะห์
  • ทักษะการใช้ข้อมูล – 38% ขององค์กรรายงานว่าการเข้าถึงทรัพยากรที่มีทักษะนั้นเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล
วิธีที่องค์กรต่างๆ สามารถปกป้องและรักษาความปลอดภัยข้อมูลของตนในระบบคลาวด์ “Unlocking the data dividend requires a modern data strategy”
 
Modernize – ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของข้อมูลให้ทันสมัยจากโซลูชันเดิมไปสู่ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ที่ปรับขนาดได้ เชื่อถือได้ และปลอดภัย
  • ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้วยฐานข้อมูลบนคลาวด์ที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์
  • ปรับปรุงเครื่องมือวิเคราะห์ให้ทันสมัยเพื่อจัดการกับข้อมูลที่มีโครงสร้าง ไม่มีโครงสร้าง และสตรีมมิงตามขนาด
  • สร้างมาตรฐานบนโครงสร้างพื้นฐาน ML ที่ทันสมัยเพื่อใช้ประโยชน์จาก ML ในวงกว้าง
Unify – BREAK DOWN SILOS เพื่อให้ข้อมูลสามารถทำงานข้ามฐานข้อมูล DATA LAKES, ANALYTICS และ ML SERVICES
  • รวมข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียวและทำให้ข้อมูลสามารถเข้าถึงได้และแบ่งปันด้วยวิธีที่ปลอดภัย
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดายในทุกที่ที่ต้องการ ด้วยการควบคุมที่เหมาะสม
  • เปิดใช้การวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกผ่านการวิเคราะห์ การแสดงข้อมูล และเครื่องมือ ML
Innovate – คิดค้นประสบการณ์ใหม่และปรับเปลี่ยนกระบวนการตามวัตถุประสงค์ – สร้างฐานข้อมูล การวิเคราะห์ขั้นสูง และ ML
  • เนื่องจากประเภทของข้อมูลและปริมาณงานเปลี่ยนแปลงไป ฐานข้อมูล เครื่องมือวิเคราะห์ และบริการ ML จึงจำเป็นต้องพัฒนาตามไปด้วย
  • ML กำลังขับเคลื่อนนวัตกรรมในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
  • สร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้นด้วยข้อมูลเชิงลึกและการคาดการณ์ที่เปิดใช้งานโดย ML

วิสัยทัศน์ของ AWS สำหรับอนาคตของระบบคลาวด์

“เรามาพร้อมกับไอเดีย มาพร้อมกับวิธีแก้ปัญหา”

“AWS Data Lab นำเสนอการมีส่วนร่วมทางวิศวกรรมร่วมกันอย่างรวดเร็วระหว่างลูกค้าและทรัพยากรทางเทคนิคของ AWS เพื่อสร้างการส่งมอบที่จับต้องได้ซึ่งเร่งความเร็วข้อมูล การวิเคราะห์ ปัญญาประดิษฐ์/การเรียนรู้ของเครื่อง (AI/ML) แบบไร้เซิร์ฟเวอร์ และการริเริ่มปรับปรุงคอนเทนเนอร์ให้ทันสมัย”
 
AWS Data Lab ในสิงคโปร์เข้าร่วมกับเครือข่ายทั่วโลกของ AWS Data Lab ในออสเตรเลีย อินเดีย เกาหลี นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และบราซิล
 

เกี่ยวกับ เวย์น ดูโซ

เวย์นเป็นผู้ประกอบการที่มีความกระตือรือล้นและหลงใหลในการสร้างทีมนวัตกรรมและธุรกิจที่มอบคุณค่าและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เวย์นชอบมีส่วนร่วมกับผู้ที่สร้างและนำเสนอโซลูชันด้วยความมุ่งมุ่นให้แก่ลูกค้า และลูกค้าเองก็ตระหนักถึงคุณค่าจากโซลูชันเหล่านั้นเช่นกัน
 
เวย์น เป็นรองประธานของ Amazon Web Services (AWS) ซึ่งเขาเป็นผู้นำธุรกิจที่ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ เมื่อปี 2565 เวย์นได้ก่อตั้งและเป็นผู้นำศูนย์การพัฒนาระดับภูมิภาคของ AWS ประจำกรุงบอสตัน
 
ก่อนเข้าดำรงตำแหน่งปัจจุบัน เวย์นเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำระดับสูงมาหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดการผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งครอบคลุมการจัดเก็บข้อมูลที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ ระบบจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กรและระดับกลาง การจัดการทรัพยากรเครือข่าย มัลติมีเดียและเครือข่ายข้อมูล โดยเวย์นยังทำหน้าที่ในฐานะคณะกรรมการที่ปรึกษาของคณบดีวิทยาลัยวิทยาการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ที่มหาวิทยาลัยนอร์ธอีสเทิร์นและมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ รัฐแอมเฮิร์สต์ อีกทั้งยังเป็นสมาชิกคณะกรรมการ และที่ปรึกษาผู้บริหารของ Advancing Woman in Product (AWIP) และเป็นผู้บริหารในส่วนที่พักของมหาวิทยาลัย วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์เพนซิลเวเนียอีกด้วย
 
เวย์น สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีวิชาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์  ที่แอมเฮิร์สต์ อีกทั้งยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมระบบคอมพิวเตอร จากมหาวิทยาลัยบอสตัน และเคยเข้าร่วมโปรแกรมการศึกษาสำหรับผู้บริหารที่ MIT และ Babson College ทำให้เวย์น ได้ถือสิทธิบัตรมากกว่า 40 ฉบับ เกี่ยวกับระบบการประมวลผลแบบกระจายที่พร้อมใช้งาน  การประมวลผลวิดีโอดิจิทัล และระบบไฟล์

from:https://www.techtalkthai.com/unlocking-the-data-dividend-why-data-should-be-a-top-priority-in-2023/

ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “A New Journey: Migrate and Modernize SQL Server with Azure”

Metro Systems Corporation ร่วมกับ Microsoft ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “A New Journey: Migrate and Modernize SQL Server with Azure” เพื่อเรียนรู้แนวทางการย้าย SQL Server สู่ Azure เพิ่มประสิทธิภาพที่ดีกว่าและขยายเวลาการดูแล โดยงานจัดขึ้นในวันพุธที่ 8 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 – 12.00น. ผ่านทาง Microsoft Teams ลงทะเบียนเข้าฟังได้ฟรีที่ https://forms.office.com/r/fatCUgKsr9

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ : A New Journey: Migrate and Modernize SQL Server with Azure

วันที่ : วันพุธที่ 8 มีนาคม 2566

เวลา : 10.00 – 12.00น.

ลิงก์ลงทะเบียน : https://forms.office.com/r/fatCUgKsr9

ทำอย่างไร? เมื่อ SQL Server กำลังสิ้นสุดการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์!!!

ปัจจุบันการโจมตีทางไซเบอร์มีความซับซ้อนและบ่อยครั้งมากขึ้น การเรียกใช้แอปและข้อมูลในเวอร์ชั่นที่ไม่สนับสนุนสามารถสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัยให้กับองค์กรของคุณได้

มาดูกันว่า…. จะต้องทำอย่างไรเมื่อ SQL End of Support และนี่! อาจจะเป็นโอกาสที่ดีในการปรับเปลี่ยนและการย้ายข้อมูลและระบบมาไว้บนคลาวด์หรืออไม่ รวมถึงประโยชน์และโอกาสในการพัฒนา ต่อยอดและปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กร เพื่อตอบโจทย์การทำงานในยุคดิจิทัล

#Microsoft #MicrosoftSecurity #Security #Cybercrimes #ภัยคุกคาม #ภัยคุกคามทางไซเบอร์ #Webinar

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

☎ 02-089-4431

📧 thachpan@metrosystems.co.th

from:https://www.techtalkthai.com/ms-x-msc-webinar-08032023-sql-server/

TechTalk Webinar: ย้ายข้อมูลไป MongoDB เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้สู่เส้นทาง NoSQL

TechTalkThai ขอเชิญผู้ปฏิบัติงานในสายไอทีทุกท่านเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “ย้ายข้อมูลไป MongoDB เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้สู่เส้นทาง NoSQL” ซึ่งท่านจะได้เรียนรู้กับประโยชน์ของการใช้ NoSQL ที่จะช่วยให้แอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยงานจะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.00-15.30น. โดยมีกำหนดการลงทะเบียนดังนี้

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ : ย้ายข้อมูลไป MongoDB เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้สู่เส้นทาง NoSQL

วันเวลา : วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.00-15.30น.

วิทยากร : คุณ ปิติ จำปีทอง ตำแหน่ง Senior Consulting Engineer, MongoDB

ลิงก์ลงทะเบียน : https://us06web.zoom.us/webinar/register/WN_Er7foRDYTtGfFb_K0XMI3g

Relational Database หรือฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์นั้นถือกำเนิดขึ้นมาราว 1970 โดยสามารถเข้าถึงด้วยคำสั่งที่เรียกว่า SQL (Structured Query Language) โดยปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นคือความซ้ำซ้อนของข้อมูลที่ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นกว่าเวลาในการพัฒนา ซึ่งโครงสร้างแบบตารางเป็นสิ่งตายตัว ซับซ้อน เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ลำบาก และมีค่าใช้จ่ายสูงเมื่อต้องการทำ Vertical Scaling

ในช่วงปลายทศวรรษ 2000 มีฐานข้อมูลชนิดใหม่ขึ้นที่เรียกว่า NoSQL โดยเน้นการปรับขยาย สืนค้นข้อมูลได้รวดเร็ว รองรับการเปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชันได้บ่อยตามความต้องการและอำนวยความสะดวกต่อนักพัฒนา

ในงานสัมมนาครั้งนี้ท่านจะได้รับฟัง หัวข้อต่างๆเหล่านี้

  • ความแตกต่างระหว่างฐานข้อมูล SQL และ NoSQL
  • ข้อดีของการใช้ฐานข้อมูล NoSQL ที่เหนือกว่าฐานข้อมูล SQL
  • วิธีเริ่มต้นใช้งานฐานข้อมูล NoSQL

ลงทะเบียนตอนนี้ เพื่อเริ่มต้นสู่เส้นทาง NoSQL โดยวิทยากร คุณ ปิติ จำปีทองที่พร้อมจะตอบทุกคำถามของคุณเมื่อสิ้นสุดการนำเสนอ ห้ามพลาดโอกาสนี้ที่จะได้เรียนรู้และเก็บข้อมูลเพิ่มเติม!

from:https://www.techtalkthai.com/techtalk-webinar-move-to-mongodb-nosql/

SQLite ปล่อยเวอร์ชั่น HC-Tree รองรับการเขียนพร้อมกันหลายโปรเซส ยังอยู่ในขั้นทดลอง

SQLite นับเป็นระบบฐานข้อมูล SQL ที่ได้รับความนิยมสูงสุดตัวหนึ่งโดยความได้เปรียบคือขนาดเล็ก แต่ข้อจำกัดคือการเขียนข้อมูลลง SQLite นั้นไม่รองรับการเขียนแบบขนาน ทำให้มันไม่เหมาะกับโหลดที่ต้องการเขียนข้อมูลเยอะมากๆ ตอนนี้ทาง SQLite ก็ปล่อยเวอร์ชั่นทดสอบ HC-Tree ที่ประสิทธิภาพดีขึ้นเมื่อมีโปรเซสเข้ามาเขียนข้อมูลพร้อมกันหลายตัว

เดิมนั้น SQLite ล็อกฐานข้อมูลขนาดเขียนที่ระดับไฟล์ทำให้การเขียนแบบขนานทำได้แย่มากๆ แต่ตอนนี้ก็มีส่วนขยาย bcw2 (begin-concurrent and wal2) ที่ล็อกข้อมูลที่ระดับ  page ทำให้รองรับการเขียนแบบขนานได้ดีขึ้น แต่ HC-Tree นั้นจะล็อกข้อมูลที่ระดับ row ทำให้รองรับการเขียนข้อมูลแบบขนานได้เต็มรูปแบบเหมือนฐานข้อมูลตัวอื่นๆ รองรับการเขียนระดับล้าน transaction ต่อวินาทีได้โดยจำกัดที่ซีพียูและแบนวิดท์หน่วยความจำ

ตอนนี้เวอร์ชั่น HC-Tree ยังอยู่ในระดับทดลองเท่านั้นเท่านั้นและยังอิมพลีเมนต์ฟีเจอร์ไม่ครบถ้วน แต่ก็เริ่มทดสอบได้บ้างแล้ว

ที่มา – SQLite

alt="Screenshot-2566-01-23-at-08-55-31.png"

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/132348

จ่ายให้แพงทำไม? วันนี้ Microsoft มีทางเลือกมากมายที่ให้คุณทำธุรกิจได้พุ่งทะยานในแบบที่ประหยัดมากกว่า

ในสภาพเศรษฐกิจที่ต้องบอกว่ายังเอาแน่เอานอนไม่ได้ การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยการนำเทคโนโลยีมาช่วยขับเคลื่อนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและต้องพิจารณาในรายละเอียดให้ครอบคลุม วิธีที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนก็คือพยายามลดค่าใช้จ่ายลงให้ได้มากที่สุด เราจะทำอย่างไรให้การลงทุนทุกบาททุกสตางค์ของเราคุ้มค่า เราเชื่อว่าทุกวันนี้ใครก็อยากจ่ายน้อยแต่ได้มากกันทั้งนั้น สำหรับผู้ใช้งาน Microsoft วันนี้เราขอนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายจาก Microsoft ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถประหยัดต้นทุนการทำงานได้มากขึ้น ประกอบด้วย Microsoft 365 Business Premium และแผน Bring Your Own License (BYOL) ของ Microsoft SQL Server และ VMware รวมถึงความคุ้มค่าจาก Power Platform จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้นมาติดตามกันได้เลยครับ

ความปลอดภัยที่ครบ จบในตัว

องค์กรคงคุ้นเคยกับการซื้อ License ของ Microsoft 365 กันมาเป็นอย่างดีแล้ว โดยมีการแบ่งแผนการใช้งานออกเป็นหลายระดับทั้งระดับส่วนบุคคล(Personal) สิทธิพิเศษสำหรับนักเรียน หรือการใช้งานในครอบครัว แต่ในระดับธุรกิจ Microsoft 365 จะมีการแบ่งตามขนาดธุรกิจเป็น 2 ระดับใหญ่คือ Business Plan สำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง(SME) และขนาดใหญ่(Enterprise) ซึ่งอย่างหลังนี้แอปจะเป็นมีความสามารถขั้นสูงระดับองค์กรอย่างแท้จริง ตอบโจทย์ความซับซ้อนของธุรกิจทั้งเรื่องฟังก์ชันและจำนวนพนักงาน

credit : Microsoft

ในบทความนี้เราจะโฟกัสเฉพาะแผน Business ซึ่งรองรับผู้ใช้งานได้สูงสุด 300 ท่าน ก่อนอื่นเลยมาวิเคราะห์กันก่อนว่าในเมื่อ Business มีหลายทางเลือกแล้วเหตุใดจึงต้องขยับไปใช้แผนสูงสุด จากภาพประกอบด้านบนจะเห็นได้ว่า Business Basic อาจจะยังไม่โดนใจสำหรับผู้ใช้งานที่คุ้นกับการใช้โปรแกรมที่ติดตั้งในเครื่องมากกว่า ดังนั้นทางเลือกต่อมาก็คือแผน Standard จึงน่าเป็นจุดตั้งต้นที่น่าดึงดูดให้หลายองค์กร แต่รู้หรือไม่ว่าความต่างด้านราคาเพียงไม่กี่เหรียญฯระหว่าง Premium นี้กลับช่วยลดต้นทุนได้มหาศาล เนื่องจากรวบรวมเครื่องมือด้านความมั่นคงปลอดภัยมาให้อย่างครบครันทำให้ไม่ต้องหาซื้อโซลูชันอื่นเข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็น Antivirus หรือซอฟต์แวร์ในการบริหารจัดการอุปกรณ์ให้ซ้ำซ้อน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเท่านั้น เพราะยังช่วยให้แผนกไอทีของคุณทำงานได้ง่ายขึ้น สามารถบริหารจัดการเรื่องต่างๆ โดยใช้แพลตฟอร์มเดียว แถมยังไม่ต้องปวดหัวกับการต่อ Subscription จากหลายผู้ให้บริการอีกด้วย โดยฟีเจอร์ด้าน Security ที่ท่านจะได้รับมีดังนี้

1.) Microsoft Intune

โซลูชัน Microsoft Intune ถือเป็นหัวใจของ Business Premium เลยก็ว่าได้ โดยให้ความสามารถในเรื่องของ Mobile Device Management(MDM) และ Mobile Application Management (MAM) ซึ่งโซลูชันให้บริการในลักษณะของ Cloud-based นั่นหมายความว่าไม่จำเป็นต้องจัดตั้งเซิร์ฟเวอร์ควบคุมขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ที่จะได้รับอีกมากมายเช่น

  • ทีมงานไอทีของธุรกิจสามารถสร้าง Policy เพื่อควบคุมเครื่องเดสก์ท็อป สมาร์ตโฟน หรือแทปเล็ต ที่ต้องการเข้ามาใช้งานในองค์กรได้ ครอบคลุมเครื่องทั้งที่เป็นเจ้าของโดยธุรกิจ หรือเครื่องของพนักงานที่นำเข้ามาเองด้วยการทำ Policy ที่แตกต่างออกไป โดย Policy ครอบคลุมทั้งเรื่องแอปพลิเคชัน การตั้งค่าอุปกรณ์ เงื่อนไขในการเข้าถึง Multi-factors Authentication(MFA) ซึ่งสามารถ Deploy ใช้งานได้อย่างอัตโนมัติอีกด้วย
  • สามารถสร้าง Default Image ของอุปกรณ์และ Deploy ได้ผ่านระบบคลาวด์แบบรีโมต 
  • ผนวกความสามารถในการควบคุมสิทธิ์และพิสูจน์ตัวตนได้กับ Azure AD แต่ในกรณีของการมี AD อยู่ที่ On-premise ก็รองรับการทำ Azure Sync เพื่อสร้างระบบแบบ Hybrid ได้
  • รองรับอุปกรณ์ได้หลายแพล็ตฟอร์มประกอบด้วย Android, Android Open Source Project (AOSP), iOS/iPadOS, macOS และ Windows 
  • กำหนดการใช้งานแอปพลิเคชันตามแต่องค์กรจะอนุมัติด้วยความสามารถของ App Store ที่ใช้ภายในองค์กรเท่านั้น
  • ลดงานของไอทีเนื่องจากผู้ใช้งานสามารถจัดการการใช้งานด้วยตัวเองได้ผ่าน Company Portal เช่น การรีเซ็ตรหัสผ่าน ติดตั้งแอป เข้าร่วมกลุ่ม และอื่นๆ ทั้งนี้ผู้ดูแลระบบสามารถปรับแต่ง Company Portal ได้ตามต้องการ
  • แอดมินสามารถควบคุมและติดตามรายได้จากศูนย์กลางผ่านคลาวด์ ทั้งเรื่องแอปพลิเคชัน ข้อมูล และสิทธิการเข้าถึง 

2.) Microsoft Defender for Office 365 

Microsoft Defender for Office 365 หรือชื่อเดิมคือ Microsoft Office 365 ATP ได้มอบความสามารถที่ช่วยขจัดพื้นผิวการโจมตีมักที่เกิดขึ้นได้บ่อยเช่น อีเมลและไฟล์เอกสารที่ซ่อนมัลแวร์เข้ามาภายในองค์กร ซึ่งถือเป็นแนวหน้าของการรับมือกับภัยคุกคามเลยก็ว่าได้ หากเจาะลึกภายในของโซลูชันมีฟีเจอร์โดดเด่นดังนี้

  • Safe Attachment และ Safe Links คือไอเดียของการทำ Sandbox ให้มัลแวร์รเผยพฤติกรรม เพื่อคัดกรองไฟล์แนบในอีเมลหรือลิงก์อันตรายที่หวังลวงผู้ใช้งานในองค์กร (Phishing) ทั้งนี้ยังครอบคลุมไปถึงไฟล์ที่หมุนเวียนใน OneDrive, SharePoint และ Teams ด้วย
  • ผู้ดูแลระบบสามารถเรียกดูรายงานและปัญหาด้านความมั่นคงปลอดภัยได้แบบเรียลไทม์ หรือภัยคุกคามที่เกิดขึ้น
  • กำหนด policy การใช้งานขององค์กรได้อย่างง่ายตามคำแนะนำ รวมถึงบังคับใช้งานได้อย่างอัตโนมัติ

3.) Microsoft Defender for Business

Microsoft Defender for Business คือโซลูชันด้านความมั่นคงปลอดภัยสำหรับ Endpoint ที่ถูกออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางโดยเฉพาะ ดังนั้นการตั้งค่าของแอดมินถูกออกแบบมาให้ใช้ง่ายผ่าน Wizard อย่างเป็นขั้นเป็นตอนพร้อมกับ Policy ตั้งต้นที่ถูกออกแบบไว้พร้อมแล้ว รวมถึงมีคำแนะนำในการปฏิบัติการต่างๆด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อมูล Insight ของ Endpoint ภายใต้การดูแลเพื่อเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์สถานการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัย อย่างไรก็ดี Defender for Business ยังรองรับแพลตฟอร์มได้หลากหลายทั้ง Windows, macOS, iOS และ Android 

4.) Microsoft Defender for Cloud

Microsoft Defender for Cloud คือการผนึกกำลังกันระหว่างโซลูชัน Cloud Security Posture Management(CSPM) และ Cloud Workload Protection Platform(CWPP) ซึ่งส่วนแรกมองถึงการตั้งค่าของคลาวด์ว่าทำได้อย่างรัดกุมหรือไม่ โดยจะมีระบบการให้คะแนนที่เทียบกับธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เมื่อทราบความเสี่ยงแล้วท่านสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น ในส่วนของ CWPP มองถึงการป้องกัน Workload ซึ่งอาศัยพลังของ Threat Intelligence เพื่อรับมือกับภัยต่างๆที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพยากรของท่าน อย่างไรก็ดี Defender for Cloud ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ Azure เท่านั้นแต่ยังรองรับข้ามคลาวด์ค่ายอื่นได้เช่น AWS และ GCP หากผู้ใช้งานทำการเชื่อมต่อบัญชีของ AWS มายัง Azure Subscription ความสามารถของ Defender for Cloud ก็จะสามารถข้ามไปตรวจสอบการทำงานเหล่านั้นได้ 

5.) Azure AD Premium

เราทราบกันดีถึงความสามารถของ Active Directory ที่ใช้กันมานาน แต่เมื่อการทำงานเข้าสู่ยุคของคลาวด์ Azure AD จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อรองรับการทำงานสมัยใหม่ ทั้งนี้เมื่อประกอบความสามารถเข้ากับ Intune องค์กรจะสามารถรองรับการ Join Domain เพื่อบริหารจัดการอุปกรณ์ Mobile ได้ นอกจากนี้ Azure AD ยังรองรับระบบอื่นที่นอกเหนือจาก Windows ด้วย อย่างไรก็ดีสิ่งที่ลูกค้า Microsoft 365 Business Premium จะได้รับคือ Azure AD Premium ที่มีความสามารถเหนือกว่าเดิมเช่น การทำงานแบบ Hybrid ทรัพยากรทั้งคลาวด์และ On-premise หรือเครื่องมือบริหารจัดการขั้นสูงของแอดมินอย่าง Dynamic Group, Self-service Group Management, Microsoft Identity Manager และ Cloud Write-back เป็นต้น นอกจากนี้ยังสร้างความเป็น Conditional Access อย่างแท้จริงด้วยการรองรับทางเลือกของ MFA อย่าง SMS, Microsoft Authenticator, Software Token, Windows Hello for Business, Hardware Token, FIDO2 พร้อมความสามารถในด้านการจัดการ Policy ที่เข้มข้น

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มาพร้อมกับ Microsoft 365 Business Premium ที่ท่านจะได้รับอย่างเข้มข้น ครบเครื่องไม่ว่าจะเป็นมุมของ Email, Office, Mobile Management, Cloud และโซลูชันด้าน Identity อย่าง Azure AD Premium แต่ท่านยังได้รับความสามารถของ Data loss Prevention และ Azure Information Protection ที่จะควบคุมการใช้งานข้อมูลอีกด้วย มาถึงตรงนี้คงเห็นแล้วใช่ไหมครับว่าความต่างของราคาราว 10 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือนคุ้มค่าขนาดไหน เทียบกับความยากในการซื้อโซลูชันอื่นเข้ามาให้ได้เท่ากัน เพราะเรื่องความปลอดภัยนั้นประเมินค่าไม่ได้…

หากคุณมี License SQL Server หรือ VMWare อยู่แล้ว ย้ายขึ้นคลาวด์ประหยัดได้ทันที

Bring Your Own Microsoft SQL Server to Azure Cloud

Microsoft เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ SQL Server ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเกิดปัญหาขึ้นผู้ที่จะช่วยเหลือองค์กรได้ดีที่สุดก็คือ Microsoft เอง โดยเฉพาะหากนำ SQL Server ขึ้นสู่ระบบคลาวด์องค์กรจะได้ประโยชนอีกหลายเด้งเลยทีเดียว ประการแรก คือได้ความยืดหยุ่นของคลาวด์ที่จ่ายได้ตามจริง ทำให้ปรับเพิ่มลดทรัพยากรได้ตามต้องการ ประการที่สอง คือมีเครื่องมือด้านความมั่นคงปลอดภัยพร้อมตอบโจทย์ด้านความมั่นคงปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบ ประการที่สาม บริหารจัดการได้ง่าย ยิ่งในรูปแบบของ PaaS ลูกค้ามีหน้าที่เพียงแค่ใช้งานและจัดการงานของตนเท่านั้น อีกทั้งหากต้องการฟีเจอร์ด้านข้อมูลขั้นสูงเช่น Data Mesh, Analytics หรือ Machine Learning ก็สามารถเชื่อมต่อข้อมูลจาก SQL Database พร้อมใช้งานได้ทันที

ด้วยข้อมูลที่กล่าวมาจึงดึงดูดให้หลายองค์กรสนใจที่จะย้าย SQL Server (เริ่มต้นที่เวอร์ชัน 2012 หรือสูงกว่า) ของตนสู่ Microsoft Azure แต่ที่ผ่านมาอาจจะยังลังเลเพราะมีข้อจำกัดว่าต้องใช้ VM หรือ PaaS ที่มาพร้อมค่าใช้จ่ายของ License แต่เรื่องนี้เป็นอดีตไปแล้วเพราะล่าสุดด้วยข้อเสนอใหม่ผู้ใช้งานเดิมที่มี License ของ SQL Server จะสามารถย้ายมาใช้งานบน Azure ได้แบบไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็น VM ที่ติดตั้ง SQL Server หรือ PaaS ซึ่งท่านจะได้รับข้อดีข้างต้นทั้ง 3 ประการที่กล่าวมา แต่ถ้าลูกค้าที่มี SQL Server License พร้อมกับ SA Software Assurance ท่านจะสามารถนำ License มาใช้บน Azure ได้พร้อมกับ VM ในดาต้าเซ็นเตอร์ของท่านเองสูงสุดถึง 180 วัน!

Credit : Microsoft

Bring Your Own VMware License to Azure Cloud

Microsoft Azure มีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้ออำนวยให้ธุรกิจสามารถเติบโตไปได้อย่างมั่นคง มีความสเถียรสูงและวางแผนค่าใช้จ่ายได้ทุกระยะ ประกอบกับมีบริการขั้นสูงที่สร้างประโยชน์ต่อยอดให้ธุรกิจได้มากมายทั้ง AI/ML, Analytics, Data Governance โดยเฉพาะเครื่องมือด้าน Security ที่มีให้ครบครันไม่ต้องลงทุนเพิ่ม อย่างไรก็ดี VMware เป็นผู้เล่นชั้นนำในตลาด Virtualize ซึ่งมีลูกค้าอยู่มากมาย ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่จะผลักดันให้องค์กรเปลี่ยนพฤติกรรมและทักษะความคุ้นเคยที่สั่งสมมานานเพื่อหันมาใช้เครื่องมือใหม่คงทำได้ยาก ซึ่ง Microsoft ตระหนักเรื่องนี้ดีจึงได้ร่วมมือกับ VMware สร้างบริการ Azure VMware Solution เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเหล่านี้

ไอเดียของ Azure VMware Solution ก็คือโครงสร้างพื้นฐานของ Microsoft เพียงแต่ว่าใช้ซอฟต์แวร์สแต็กจาก VMware เช่น vSphere, NSX-T Data Center, vSAN และ HCX ซึ่งได้รับการการันตีโดย VMware เรียบร้อยแล้ว จึงให้ความมั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะสามารถใช้โซลูชันเดียวกันของ VMware แต่อาศัยโครงสร้างพื้นฐานของ Azure เพื่อเสริมศักยภาพในการให้บริการธุรกิจได้ โดยในมุมของไอทีผู้ดูแลก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เครื่องมือใหม่นั่นเอง

*ล่าสุด Microsoft ได้เปิดให้ผู้สนใจทุกท่านที่มี License ของ VMware vRealize สามารถนำมาใช้งานบริการ Azure VMware Solution ต่อได้ ซึ่งท่านสามารถขอรับคำปรึกษาและความช่วยเหลือในการเปลี่ยนผ่านและดูแล จากทีมงาน Microsoft และพาร์ทเนอร์ที่ดูแล Azure ได้ที่นี่ครับ

Credit : Microsoft

เพิ่มศักยภาพให้ทุกคนในองค์กรด้วย Microsoft Power Platform

จากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและการแข่งขันที่สูงมากในโลกปัจจุบัน ธุรกิจองค์กรขนาดกลางและขนาดย่อมกว่า 70% ได้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อพัฒนาศักยภาพและคุณภาพในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ด้วยต้นทุนที่น้อยที่สุด พึ่งพากำลังคนให้น้อยลง ด้วยเหตุนี้เทคโนโลยี No/Low Code จึงถือกำเนิดขึ้น ซึ่ง Microsoft เองมีโซลูชันที่ชื่อว่า ‘Power Platform’ ที่จะช่วยตอบโจทย์การทำงานข้างต้น ให้องค์กรได้ Transform ธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลได้ทันเวลา

Credit : Microsoft

เหตุผล 5 ข้อว่าทำไมองค์กรต้องใช้ Microsoft Power Platform 

  1. ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย – หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการจ้าง developer เพื่อเขียนแอปขนาดใหญ่ พัฒนาโปรแกรมต่างๆ และ Server จำนวนมาก อีกทั้งยังปรับลดเพิ่มตามความเติบโตของธุรกิจอีกด้วย
  2. ประหยัดเวลา – ด้วยการทำงานที่เชื่อมต่อกันของ Power App และ Power Automate ใน Platform Microsoft องค์กรสามารถเปลี่ยนงาน manual จากเดิมที่ใช้เวลาเขียนแอปนานนับเดือนให้เป็น workflow ที่อัตโนมัติเพื่อประหยัดเวลาเหลือเพียงไม่กี่วัน ตอบโจทย์การเข้าสู่ตลาดได้ทันต่อความต้องการ
  3. ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีทักษะ Coding – ด้วยเทคโนโลยี Low Code No Code อย่าง Power Apps พนักงานไม่จำเป็นต้องพึ่งทีม IT ในการพัฒนาแอป โดยสามารถสร้างแอปด้วยการ drag & drop ฟีเจอร์และใช้ application template เพื่อการสร้างแอปได้ง่ายๆด้วยตัวเอง
  4. ยืดหยุ่นและคล่องตัว – สามารถพัฒนาแอปต่างๆที่ตอบโจยท์ความต้องการของแต่และองค์กรและเปลี่ยนแปลงการบันทึกข้อมูลแบบ traditional บนกระดาษให้อยู่ในรูปแบบของข้อมูลบน application ที่ง่ายต่อการตรวจสอบ การใช้งาน การเข้าถึง และการนำข้อมูลไปใช้ต่อในการทำงานร่วมกันในองค์กร
  5. มีประสิทธิภาพด้วยการเชื่อมโยงของ Platform และ มั่นใจได้ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก – Microsoft Power Platform มีความปลอดภัยที่เป็นพื้นฐานและเป็นส่วนหนึ่งของ Microsoft Cloud โดยเพื่อความสะดวกในการใช้งาน ผู้ใช้งานสามารถใช้ connector เพื่อเชื่อมต่อกับแอปต่างๆได้มากกว่า 400 รายการ นำข้อมูลและ workflow เข้าไป integrate กับระบบขององค์กรคุณได้อย่างลงตัว

และเพื่อให้การลดค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น วันนี้ Microsoft มีโปรแกรมมากมายที่จะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นเรื่องง่าย อย่างเช่นเรื่องของการนำ Microsoft SQL Server และ VMware License มาสู่ Azure Cloud นั้น Microsoft มีโปรแกรมพิเศษที่จะช่วยท่าน migrate และมี credit ให้ทดลองใช้งานฟรี รวมถึงการช่วย optimize ให้แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายในกรณีที่ท่านใช้ Microsoft Azure อยู่แล้วตามเงื่อนไขที่กำหนด

ท่านสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ aka.ms/AZTHContact หรือแชท Facebook ผ่าน Aka.ms/ContactMSFTTH หรือโทรมาหาเรา 1800-012-821 ได้ตั้งแต่วันนี้

from:https://www.techtalkthai.com/microsoft-do-more-with-less-4-ways-save-your-cost/