คลังเก็บป้ายกำกับ: Cloud

โซนี่เปิด Creators’ Cloud แอปพลิเคชั่นที่ผสานพลังการทำงานระหว่างกล้อง และ Cloud สนับสนุนผลงานสุดสร้างสรรค์ของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั่วโลก

บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดตัวแพลตฟอร์ม Creators’ Cloud ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดที่รวมกล้อง และระบบคลาวด์เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมปลุกพลังแห่งการสร้างสรรค์ผลงานผ่านแพลตฟอร์มเดียวทั่วโลก

โดยการเปิดตัวโฮสต์ของแอปพลิเคชั่นบนคลาวด์ และฟีเจอร์ใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของครีเอเตอร์ที่สนใจในการใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพและโอกาสที่จะนำเสนอผ่านคลาวด์ได้เป็นอย่างดี

Sony

ด้วยความตั้งใจของโซนี่ที่ต้องการให้แพลตฟอร์ม Creators’ Cloud เป็นส่วนหนึ่งในเครื่องมือพื้นฐานของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ รวมถึงเป็นพื้นที่ที่ผสานการทำงานระหว่างกล้อง และระบบคลาวด์ให้กับครีเอเตอร์ทั่วโลกเชื่อมต่อกันภายใต้แพลตฟอร์มเดียว ในขณะที่ครีเอเตอร์หลายคนพยายามที่จะค้นหาและแบ่งปันคอนเทนต์ของพวกเขาอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูง

รวมถึงการเปิดตัวแอปพลิเคชั่นที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับครีเอเตอร์โดยเฉพาะเพื่อรองรับการทำงานต่าง ๆ อาทิ การถ่ายโอนภาพและวิดีโอที่ถ่ายทำจากกล้องโซนี่ไปยัง Cloud เพื่อดูและแบ่งปันบนโลกออนไลน์ได้ทันที ทำให้สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วและทำงานร่วมกันกับเพื่อนร่วมงานจากอุปกรณ์หลากหลายเครื่องได้อย่างง่ายดาย

สำหรับแพลตฟอร์มCreators’ Cloud ที่ขับเคลื่อนโดย AI เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายน 2022 ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่น และบริการที่ขับเคลื่อนด้วยระบบคลาวด์สำหรับผู้ใช้งานมืออาชีพและองค์กร โดย Creators’ Cloud ประกอบไปด้วยพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่พร้อมใช้งานทุกที่ทุกเวลา รวมถึง CI Media Cloud สำหรับเวิร์กโฟลว์สื่อที่ทำงานร่วมกัน

นอกจากนี้ยังมี Discover ซึ่งเป็นชุมชนสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในการโพสต์คอนเทนต์ของตนเอง ทั้งนี้สามารถค้นพบและเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมงานผ่านแพลตฟอร์ม Creators’ Cloud อีกทั้งยังเป็นแอปพลิเคชั่นถ่ายโอนข้อมูลจากกล้องไปยังคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลพร้อมใช้งานทันทีบนหลากหลายอุปกรณ์

ในขณะที่ครีเอเตอร์สามารถดูและแชร์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด แพลตฟอร์ม Creators’ Cloud จะช่วยให้คุณสามารถถ่ายโอนรูปภาพและวิดีโอที่ถ่ายด้วยกล้องโซนี่ไปยังคลาวด์ เพื่อดูและแชร์ไปยังคอมมูนิตี้ของคุณได้ทันที

สำหรับ Creators’ Cloud เป็นแอปพลิเคชั่นที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Imaging Edge Mobile Plus โดยทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมของกล้อง เพื่ออัปโหลด ดู และจัดการเนื้อหา (วิดีโอและภาพถ่าย) ที่จัดเก็บไว้ในระบบคลาวด์ (Cloud) ซึ่งมีคุณสมบัติที่สำคัญ ได้แก่

• การถ่ายโอนไฟล์ไปยังมือถือและและระบบคลาวด์ พร้อมแสดงข้อมูลที่ถ่ายโอน

• การควบคุมกล้องจากระยะไกล, การอัปเดต และปรับการตั้งค่ากล้อง

• พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์: พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ฟรี 25GB สำหรับเจ้าของกล้องโซนี่เฉพาะรุ่นที่กำหนดไว้ และพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ 5GB สำหรับผู้ใช้ที่มีบัญชีโซนี่

ในช่วงเปิดตัวการอัปโหลดไปยัง Creators’ Cloud จะพร้อมใช้งานสำหรับ α7IV และ ZV-1F เท่านั้น โดยผ่านแอปพลิเคชันมือถือ Creators’ App ซึ่งในอนาคตมีแผนที่พัฒนาให้สามารถอัปโหลดข้อมูลส่งตรงจากกล้องไปยังคลาวด์ ด้วยการเปิดตัว Creators’ App สำหรับบุคคลทั่วไป และ C3Portal App เป็นแอปพลิเคชั่นเกตเวย์ระบบคลาวด์ที่ให้บริการสำหรับองค์กรในปัจจุบัน ซึ่งจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Creators’ App สำหรับองค์กร”

อำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกัน

ในขณะเดียวกันบริการ CI Media Cloud ยังเป็นบริการความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์บนโลกออนไลน์ และการจัดการเนื้อหาที่เป็นที่ยอมรับของโซนี่ สามารถรองรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์มืออาชีพได้มากกว่า 150,000 คน ทั่วโลก โดย CI จะเปิดเครื่องมือสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์แต่ละคนและทีมขนาดเล็ก ด้วยการกำหนดราคาใหม่และแผนการรับสมัครข้อมูลที่สร้างขึ้นสำหรับวิธีการทำงานของคอนเทนต์ครีเอเตอร์แต่ละคนและสร้างสรรค์ด้วย CI Media Cloud จะช่วยลดความซับซ้อนของการทำงานร่วมกันในไฟล์มีเดียจากทุกที่บนอุปกรณ์ใดก็ได้ใน UI ที่เรียบง่าย และใช้งานง่าย ด้วยการทำงานของ Adobe Premiere Pro Panel Integration สำหรับแอปพลิเคชั่นมือถือ และแอปพลิเคชั่น Apple TV ที่พร้อมใช้งานแล้ว แต่ CI ยังคงพัฒนาคุณสมบัติและการผสานรวมเพื่อช่วยให้มืออาชีพด้านครีเอทีฟทำงานได้ง่ายขึ้นและชาญฉลาดขึ้นอีกด้วย

การสร้างคอมมูนิตี้ของครีเอเตอร์ทั่วโลก

ขณะที่ฟีเจอร์ Discover เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Creators’ Cloud โดยจะแสดงโปรไฟล์ และพอร์ตโฟลิโอของข้อมูลที่เลือก พร้อมให้แบ่งปันกับชุมชน และผู้เชี่ยวชาญในด้านอื่น ๆ อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการสร้างเครือข่าย และการทำงานร่วมกันทั่วโลกแบบทวีคูณ ในขณะเดียวกัน Discover รูปภาพ และวิดีโอจะมีข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของผู้ให้บริการกล้อง รุ่นของกล้องและเลนส์ การตั้งค่า ประเภท และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนกับผู้ใช้รายอื่น ๆ ทั้งนี้ คุณสามารถเข้าถึงได้ผ่าน Creators App และเว็บเบราว์เซอร์

ยิ่งไปกว่านั้น Discover ยังถูกออกแบบให้มีพื้นที่เฉพาะสำหรับแสดง ค้นหาแรงบันดาลใจ และโต้ตอบกับเนื้อหาของกันและกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโซนี่มีเป้าหมายที่จะสร้างชุมชนผู้ใช้กล้อง และเนื้อหาที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

ในช่วงเริ่มต้น ของการเปิดตัว การอัปโหลดไปยัง Cloud จะพร้อมใช้งานสำหรับกล้องโซนี่รุ่น α7 IV และ ZV-1F เท่านั้น ผ่านทางแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โดยสามารถสำรวจรุ่นของผลิตภัณฑ์ที่รองรับการทำงานเพิ่มเติมได้ดร็ว ๆ นี้ ผ่าน https://creatorscloud.sony.net/th-th/

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/sony-opens-creators-cloud/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=sony-opens-creators-cloud

Advertisement

Basecamp รายงานการเลิกใช้คลาวด์ เลิกใช้ Kubernetes: ลดความซับซ้อน, ดูแลง่ายพัฒนาง่าย

Farah Schüller จาก Basecamp เขียนรายงานถึงการย้ายแอปพลิเคชั่น 3 ตัวในบริษัทออกจากคลาวด์ ตามแนวทางที่ David Heinemeier Hansson (@dhh) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยนอกจากการเลิกใช้คลาวด์แล้ว Basecamp ยังเลิกใช้ Kubernetes ไปด้วยพร้อมกัน

Schüller ระบุว่าแม้โครงสร้างแอปพลิเคชั่นที่รันใน Kubernetes จะไม่ได้ซับซ้อนมากแต่ในความเป็นจริงแล้ว Kubernetes มีส่วนประกอบที่มาพร้อมกันหลายชิ้น เช่น DNS, Ingress, ระบบสตอเรจ, ระบบเน็ตเวิร์คของตัวเอง และอื่นๆ อีกจำนวนมาก ตอนแรกในการย้ายก็มีแผนที่จะติดตั้ง Kubernetes ในองค์กรเองแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจตัด Kubernetes ออกไปด้วยเลยพร้อมๆ กัน

ทาง Basecamp สร้างโครงการ mrsk สำหรับการ deploy เว็บแอปขึ้นไปยังเซิร์ฟเวอร์ ไม่ว่าจะเป็น bare metal หรือ virtual machine ระบบภายในจะ build จาก Dockerfile แล้ว push ไปยัง registry จากนั้นล็อกอินไปยังเครื่องที่กำหนดแล้วสร้างคอนเทนเนอร์ขึ้นมาพร้อมกับลบอิมเมจเก่าออกให้อัตโนมัติ โดยรวมมันทดแทน Kubernetes ได้บางส่วนแม้จะต่างกันมาก โดยหลักการสำคัญคือ mrsk จะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับการรันแอปนอกจากค่าเช่าเครื่องปกติ (ซึ่งมักไม่แพงมาก) ส่วนฐานข้อมูลนั้นก็ย้ายจาก RDS มาเป็น Percona MySQL 8 และวางระบบสำรองข้อมูลเอง

Schüller สรุปบทเรียนการย้ายออกจากคลาวด์และ Kubernetes ว่าช่วยลดความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานในองค์กรลงมาก กระบวนการพัฒนาง่ายขึ้น และช่วยให้ทีมงานได้คิดว่าที่จริงแล้วจำเป็นต้องใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ของคลาวด์และ Kubernetes จริงๆ ไหม

ที่มา – 37Signals

from:https://www.blognone.com/node/133143

SiS ประกาศความพร้อม เปิดตัวเป็นพันธมิตรกับไมโครซอฟท์อย่างเต็มตัว เดินหน้านำคลาวด์สร้างศักยภาพในกลุ่มธุรกิจทุกระดับ ทุกพื้นที่ทั่วไทย [Guest Post]

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ประกาศแต่งตั้งบริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SiS เป็นพันธมิตรรายล่าสุดอย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมกันให้บริการคลาวด์ ภายใต้เป้าหมายในการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของทั้งภาครัฐและเอกชนให้รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยภายใต้ความร่วมมือนี้ SiS จะสามารถยกระดับให้ธุรกิจทุกรูปแบบได้ก้าวเข้าสู่ยุค Digital Transformation ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการมากมายจากแพลตฟอร์มคลาวด์ระดับโลกของไมโครซอฟท์ อาทิ Microsoft Azure, Microsoft 365, Microsoft Dynamics เพื่อให้ทุกองค์กรสามารถเร่งเครื่องพัฒนาศักยภาพในการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว กระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน SiS ทำธุรกิจกับผู้ประกอบการด้านไอทีแล้วกว่า 9,000 รายทั่วประเทศ ผ่านทีมงานและเครือข่ายบริษัทตัวแทนที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจกระบวนการดำเนินงานขององค์กรไทยในทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี จึงพร้อมแนะนำโซลูชันที่เหมาะสมจากไมโครซอฟท์ให้ตอบสนองกับความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละราย

คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้ร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง SiS เพื่อช่วยกันสร้างศักยภาพให้กับลูกค้าทั่วประเทศ ด้วยทีมงานของ SiS ที่มีบุคลากรเพียบพร้อมและความเชี่ยวชาญในหลากหลายด้าน พร้อมที่จะรองรับโจทย์ใหม่ๆ ของลูกค้าทั่วประเทศ ท่ามกลางสภาพตลาดที่ผันผวนและไม่แน่นอน เรามองว่าคลาวด์เป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกธุรกิจ และความร่วมมือครั้งนี้ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากความมุ่งมั่นที่สอดคล้องกันในการสร้างความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นให้กับองค์กรทุกระดับ ในทุกอุตสาหกรรมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม SMB ไทย เพื่อให้เข้าถึงเทคโนโลยีคลาวด์ให้ได้มากที่สุด ผมและทีมงานไมโครซอฟท์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในความร่วมมือครั้งนี้ และเราตั้งใจจะสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจและองค์กรไทยให้ได้มากที่สุดครับ”

SiS จะนำนวัตกรรมคลาวด์ของไมโครซอฟท์มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในบริษัท โดยเริ่มจากการเปลี่ยนระบบอีเมลและระบบสื่อสารขององค์กรที่ใช้อยู่เดิม มาเป็น Microsoft 365 พร้อมด้วยการติดต่อประสานงานผ่าน Microsoft Teams และโซลูชันสนับสนุนด้านธุรกิจจาก Microsoft Dynamics 365 ขณะที่ธุรกิจคลาวด์ของทาง SiS เอง ก็จะนำ Microsoft Azure Arc มาเพิ่มบริการประเภท Platform as a Service (PaaS) อาทิ Azure Arc-enabled SQL Server ให้กับบริการคลาวด์จาก SiS Cloud Services โดยนอกเหนือจากการให้บริการคลาวด์แล้ว SiS ยังให้บริการผลิตภัณฑ์ Surface สำหรับองค์กรอีกด้วย

คุณสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า “SiS เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าคลาวด์สามารถทำให้องค์กรทุกขนาดทำงานได้รวดเร็วขึ้น ง่ายขึ้น หลากหลายขึ้น และการทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์ก็ถือเป็นก้าวสำคัญที่ SiS จะได้นำนวัตกรรมระดับโลกมานำเสนอให้กับกลุ่มพันธมิตรและลูกค้าองค์กร เรากำลังเดินหน้าสร้างทีมงานเพื่อขับเคลื่อนและรองรับการใช้งานโซลูชันของไมโครซอฟท์อย่างเต็มที่ ด้วยบุคลากรถึง 50 คนที่ผ่านการเรียนรู้ตามหลักสูตรของไมโครซอฟท์มาอย่างครบถ้วน ซึ่งจะทำให้เรามอบบริการคุณภาพแบบครบวงจรให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ขั้นตอนก่อนขายไปจนถึงการใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพ สอดประสานไปกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ SiS นำเสนอสำหรับองค์กร นับตั้งแต่ด้านโครงสร้างพื้นฐานและซอฟต์แวร์ ไปจนถึงระบบความปลอดภัยและระบบการสื่อสาร ความร่วมมือกับไมโครซอฟท์จะช่วยให้เราสามารถบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและตรงจุดยิ่งขึ้น ด้วยความแน่นแฟ้นในฐานะพันธมิตรอย่างเป็นทางการ ซึ่งทำให้บุคลากรผู้เชี่ยวชาญของเราสามารถเข้าถึงการฝึกอบรม แหล่งข้อมูล และติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดจากผู้เชี่ยวชาญของไมโครซอฟท์โดยตลอด และพร้อมที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมและเหมาะสมที่สุดสำหรับทุกความต้องการของลูกค้า”

สำหรับในระยะแรกของความร่วมมือนี้ SiS ได้เตรียมเปิดตัวบริการแพ็คเกจแรกอย่าง Microsoft 365 พร้อมการเชื่อมต่อเข้ากับกับระบบโทรศัพท์ที่เปิดให้ผู้ใช้สื่อสารและแชร์ข้อมูลกันได้สะดวกแม้ทำงานห่างกัน และระบบ Backup and Disaster Recovery บน Microsoft Azure ซึ่งเป็นโซลูชันสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในโลกยุคดิจิทัลได้ ด้วยระบบสำรองและกู้คืนข้อมูลในกรณีประสบปัญหาทางด้านระบบหรือถูกโจมตีโดยอาชญากรไซเบอร์ ซึ่งสามารถฟื้นฟูให้ระบบและข้อมูลกลับสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว ลดผลกระทบและความเสียหายในการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี ผู้สนใจสามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการคลาวด์ของ SiS ได้ที่ https://www.siscloudservices.com/

from:https://www.techtalkthai.com/sis-microsoft-cloud-service-guest-post/

ระบบการจัดการบน EnGenius Fit…เลือกแบบไหนดี [Guest Post]

EnGenius Fit โซลูชันที่มาพร้อมระบบการจัดการอุปกรณ์แบบใหม่

ลูกค้าสามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสมของงาน ซึ่งวันนี้ทางทีม NVK จะทำการเทียบระบบ พร้อมแนวทางในการออกแบบ สำหรับท่านที่ยังคงสงสัยว่าควรเลือกแบบไหน บทความนี้มีคำตอบแน่นอน

ภาพตัวอย่าง Dashboard และการตั้งค่าต่างๆ

FitXpress : ระบบจัดการผ่าน Cloud จาก EnGenius ให้บริการบน AWS (Cloud Computing Services ของ Amazon) ซึ่งมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่นิยมจากทั่วโลก รองรับจัดการผ่าน Web Service และ Mobile Application ใช้งานได้ฟรี พร้อม GUI ที่ใช้งานง่าย สามารถตั้งค่าได้ แม้ไม่มีความรู้ด้าน IT

FitController : Hardware Controller On-Premise สำหรับติดตั้งใน Local Site มาพร้อม GUI และการตั้งค่าในเชิงลึก เหมาะกับองค์กรที่มี เจ้าหน้าที่ IT ในการดูแลระบบ

ภาพตัวอย่าง การลงทะเบียนอุปกรณ์

FitXpress : ลงทะเบียนอุปกรณ์ง่าย ผ่าน Mobile Application ด้วยการ Scan QR Code หรือผ่าน Web โดยใช้หมายเลข Serial Number

FitController : ค้นหาอุปกรณ์ภายใน Network อัตโนมัติเมื่อมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ หรือใช้หมายเลข Serial Number ในการลงทะเบียนอุปกรณ์

ภาพตัวอย่าง การกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้งาน

FitXpress : รองรับการจัดการแบบข้ามเครื่อข่าย เหมาะกับธุรกิจที่มีหลายสาขา และสามารถกำหนดสิทธิ์ในการใช้งานได้ 2 แบบคือ admin (full access) และ Viewer (read only)

FitController : สามารถเลือกการจัดการโดยแบ่งกลุ่มของการตั้งค่าผ่าน Network สามารถกำหนดสิทธิ์ในการใช้งานได้ 2 แบบคือ admin (full access) และ Viewer (read only) 

สรุปกลุ่มเป้าหมาย (Target User)

FitXpress : ธุรกิจขนาดเล็ก (SMBs) เจ้าของกิจการ ที่มีหลายสาขา ไม่มีความรู้ด้าน IT หรือเจ้าหน้าประจำบริษัท สามารถใช้งานได้ง่าย ด้วยการแสดงผลแบบกราฟฟิกข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญและครบถ้วน พร้อมเครื่องมือในการตรวจวิเคราะห์ปัญหาต่างๆได้อย่างง่าย

FitController : กลุ่มธุรกิจที่ออกแบบและวางแผนการเพิ่มอุปกรณ์ในอนาคต มีเจ้าหน้าที่ IT ในการดูแลระบบ กราฟฟิกแสดงผลข้อมูลในเชิงลึก ไม่ต้องการ Server ในการดูแลเพิ่มเติม และง่ายในการติดตั้ง

รายละเอียดอื่นๆ และความแตกต่างของระบบแบบตาราง

การเลือกใช้งานและการออกแบบ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายประเภท ลูกค้าสามารถนำข้อมูลนำไปใช้เป็นไอเดียในการออกแบบ และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอคำปรึกษาในออกแบบโซลูชั่นได้ที่ sale@nvk.co.th, 0 2940 2070 # 1

from:https://www.techtalkthai.com/management-system-on-engenius-fit-which-one-to-choose/

SAP เปิดตัว Datasphere บริการ Cloud Data Warehouse

SAP เปิดตัว Datasphere บริการ Cloud Data Warehouse ใหม่ ต่อยอดมาจาก SAP Data Warehouse Cloud

SAP Datasphere ต่อยอดมาจาก SAP Data Warehouse Cloud ถูกออกแบบให้เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนและใช้งานข้อมูลระหว่างระบบ SAP และแอพพลิเคชันอื่นๆในองค์กร ทำงานบน SAP Business Technology Platform ซึ่งมีความสามารถหลากหลาย เช่น Database Security, Encryption และ Governance บริการนี้ถูกพัฒนาให้ใช้งานได้ง่าย มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ เช่น ระบบ Data Catalog ที่รองรับการทำ Automatic Discover ได้, รองรับการทำ Data Replication แบบ Real-time และปรับปรุง Data Modeling ใหม่เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังรองรับพาร์ทเนอร์ทางด้าน Data Analytics หลายราย เช่น Collibra NV, Confluent Inc., Databrick Inc. และ DataRobot Inc.

ปัจจุบัน SAP Datasphere พร้อมให้บริการแล้วสำหรับลูกค้าใหม่ ส่วนลูกค้าที่ใช้งาน SAP Data Warehouse Cloud อยู่แล้วจะได้รับการอัปเกรดโดยอัตโนมัติแบบไม่มีค่าใช้จ่าย

ที่มา: https://siliconangle.com/2023/03/08/sap-debuts-sap-datasphere-next-generation-cloud-data-warehouse/

from:https://www.techtalkthai.com/sap-launches-datasphere-cloud-data-warehouse-services/

HPE ยกระดับระบบความปลอดภัยเครือข่ายด้วยการซื้อ Axis Security

HPE ออกมาประกาศเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาว่า ตนเองได้ซื้อกิจการของผู้ให้บริการความปลอดภัยผ่านคลาวด์ Axis Security ด้วยดีลที่เชื่อว่าสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 17,000 ล้านบาท) ซึ่งคาดว่าน่าจะปิดดีลได้ภายในไตรมาสที่ 2 นี้

ทาง HPE กล่าวว่า การซื้อครั้งนี้จะช่วยขยายความสามารถที่ครอบคลุมจาก Edge ขึ้นไปสู่คลาวด์ได้ ผ่านโซลูชั่น Secure Access Service Edge (SASE) แบบยูนิฟายด์ เพื่อตอบความต้องการที่ผสานกันทั้งด้านเน็ตเวิร์กและความปลอดภัยที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง

Axis ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลนนี้ ให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์นาทีฟแบบ SASE ในชื่อ Atmos สำหรับยืนยันตัวตนผู้ใช้ที่เข้าถึงแอพพลิเคชั่นส่วนบุคคลที่ส่วนปลายของเครือข่าย” รวมทั้งเว็บเกตเวย์ และ Cloud Access Security Broker (CASB)

HPE จะเอาเทคโนโลยีของ Axis มาอยู่ในบริการความปลอดภัยเครือข่ายของ Aruba เพื่อให้การควบคุมความปลอดภัยทั้งบน WAN และบนคลาวด์ ไปจนถึงเครือข่าย Edge ของแอพพลิเคชั่น แทนที่จะเสียเวลาเราต์ข้อมูลเข้ามาที่ดาต้าเซ็นเตอร์

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – ITPro

from:https://www.enterpriseitpro.net/hpe-accelerates-network-security-drive-with-axis-security-acquisition/

Cisco ซื้อ Valtix เสริมทัพระบบความปลอดภัยแบบมัลติคลาวด์

ยักษ์ใหญ่ด้านเน็ตเวิร์กอย่าง Cisco ได้ประกาศแผนที่เตรียมจะเข้าซื้อสตาร์ทอัพด้านความปลอดภัยเครือข่ายแบบคลาวด์นาทีฟชื่อ Valtix ที่จะสามารถยกระดับกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยของทางซิสโก้เองได้

คาดว่าน่าจะปิดดีลได้ภายในสิ้นไตรมาสที่ 3 ซึ่งทีม Valtix จะเข้ามาร่วมในกลุ่มธุรกิจความปลอดภัยของซิสโก้ ผสานแพลตฟอร์มมัลติคลาวด์นี้เข้ากับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Security Cloud ของซิสโก้ในที่สุด โดยยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดตัวเลข

รองประธานอาวุโส และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของซิสโก้ Raj Chopra ได้ย้ำถึงความท้าทายด้านความสามารถในการมองเห็นระบบคลาวด์องค์กรในยุคปัจจุบันไว้ว่า “เมื่อนึกถึงระบบตอนนี้ มักประกอบด้วยหลายองค์ประกอบ”

“ตั้งแต่พับลิกคลาวด์หลายๆ เจ้า (เช่นเจ้าใหญ่อย่าง AWS, Microsoft Azure, Google Cloud, และ Oracle Cloud Infrastructure) รวมถึงกลุ่มไพรเวทคลาวด์ต่างๆ ซึ่งระบบคลาวด์ปลอดภัยในแต่ละคลาวด์ต่างทำงานแยกจากกันหมด”

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – ITPro

from:https://www.enterpriseitpro.net/cisco-to-bolster-multi-cloud-security-with-valtix-acquisition/

ไมโครซอฟท์ชี้แจงเหตุศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ล่มเพราะแอร์ดับหนึ่งยี่ห้อ บางบริการคอนฟิกข้ามโซนก็ยังมีปัญหา

ไมโครซอฟท์ออกรายงานฉบับเต็มถึงเหตุการณ์ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ล่ม จนทำให้บริการจำนวนหนึ่งใช้งานไม่ได้เป็นเวลานานประมาณหนึ่งวันเต็ม โดยต้นตอของปัญหาเกิดจากเหตุไฟตก (power dip) จนทำให้ระบบทำความเย็นทำงานไม่เต็มที่ สร้างปัญญาต่อๆ มาอย่างต่อเนื่อง

รายงานระบุว่ามีระบบทำความเย็นทั้งหมด 8 ชุดจากยี่ห้อ A 5 ชุดและ B 3 ชุด โดยมีชุดหนึ่งของยี่ห้อ A ปิดซ่อมบำรุงตามรอบอยู่ เมื่อเกิดเหตุไฟตกระบบทำความเย็นทั้งหมดปิดตัวลง แต่ทีมงานเปิดระบบของยี่ห้อ B กลับขึ้นมาไม่ได้แม้จะสั่งเปิดเครื่องแบบแมนนวลแล้วก็ตาม ศูนย์ข้อมูลร้อนขึ้นเรื่อยๆ เพราะระบบหล่อเย็น 4 ชุดนั้นไม่เพียงพอ หลังจากตามช่างของผู้ผลิตเข้ามาพบว่าบอร์ดควบคุมคอมเพรสเซอร์ต้องปิดทิ้งไว้ 5 นาทีจึงเปิดกลับขึ้นมาได้เพื่อให้ประจุไฟคายออกให้หมดก่อน แต่คู่มือการทำงานกลับไม่ได้เขียนขั้นตอนนี้ไว้

ระยะเวลาที่นานทำให้น้ำหล่อเย็นร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเกิน 28 องศา ซึ่งทำให้ไม่สามารถเปิดระบบหล่อเย็นได้แม้จะซ่อมอุปกรณ์เสร็จแล้วเพราะจะทำให้ระบบเสียหาย ทีมงานตัดสินใจปิดระบบทั้งหมดเพื่อให้อุณหภูมิลดลง จากนั้นก็เปิดระบบหล่อเย็นกลับขึ้นมาทั้งหมดได้สำเร็จแล้วค่อยเปิดโครงสร้างทั้งหมดกลับขึ้นมา เริ่มจากระบบสตอเรจและระบบประมวลผล (compute)

ผลกระทบต่อเนื่องจากการปิดศูนย์ข้อมูลไปหนึ่งโซน คือ บริการบางตัวที่ผู้ใช้เปิดระบบทำงานข้ามโซนเอาไว้กลับทำงานไม่ถูกต้องระหว่างเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย เนื่องจาก ARM control plane ที่เป็นตัวจัดการบริการต่างๆ นั้นคอนฟิกไว้ในภูมิภาค Southeast Asia ผิด ทำให้ CosmosDB อ่านข้อมูลบางส่วนไม่ได้เมื่อโซนหนึ่งถูกปิดไป บริการที่ได้รับผลกระทบได้แก่ Azure Site Recovery (ASR) ลูกค้าบางส่วนย้ายไซต์ไม่สำเร็จ, Azure Backup เกิดความล่าช้าระหว่างการกู้คืนข้อมูล, Azure Storage ที่เปิดการทำงานข้ามภูมิภาคบางรายไม่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ เพราะระบบตรวจสอบความถูกต้องข้อมูลบล็อคการทำ failover เอาไว้, Azure SQL มีปัญหากู้ระบบได้ช้าประมาณ 90 นาที และลูกค้าบางส่วนที่รอศูนย์ข้อมูลเปิดกลับมาก็กลับไม่สามารถใช้ Azure SQL ได้เพราะเซิร์ฟเวอร์มีปัญหาจากบั๊กใน BIOS จนต้องใช้เวลาแก้ไขต่ออีกวัน

ที่มา – Azure Status

from:https://www.blognone.com/node/132766

Nutanix เปิดตัว Starter Kit Bundle เสริมแกร่งการขายให้กับพันธมิตร [Guest Post]

นูทานิคซ์เปิดตัว Starter Kit Bundle สำหรับพันธมิตรช่องทางการขายผลิตภัณฑ์และบริการของนูทานิคซ์ในประเทศไทย

Starter kit นี้ ช่วยให้ลูกค้าที่เริ่มใช้และยังใหม่กับโซลูชันของนูทานิคซ์ สามารถเริ่มต้นใช้ Nutanix Cloud Platform ได้ง่ายและเร็วที่สุด โดยในชุดประกอบด้วยแพลตฟอร์มไฮบริดมัลติคลาวด์คุณภาพระดับแนวหน้าของนูทานิคซ์ เวอร์ชวลไลเซชันแบบบูรณาการ และระบบการบริหารจัดการแบบคลิกเดียว มาพร้อมด้วยบริการด้านการใช้งานและการโยกย้ายการทำงาน เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์จากการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ (time to value) ได้เร็วขึ้น และให้การรับรองความรู้ต่าง ๆ (education vouchers) เพื่อเสริมทักษะด้านไอทีที่จำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่ไอที และลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุน

นายฮัน ชอน กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซียนของนูทานิคซ์ กล่าวว่า starter kit นี้สามารถนำไปใช้กับฮาร์ดแวร์ใดก็ได้ที่อยู่ในลิสต์รายการฮาร์ดแวร์ที่ใช้กับนูทานิคซ์ได้ หรือใช้บนพับลิคคลาวด์ หรือผู้ให้บริการคลาวด์ต่าง ๆ ที่รองรับการทำงานกับนูทานิคซ์

“Starter kit ที่รวมคุณประโยชน์ต่าง ๆ ไว้ด้วยกันนี้ สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และเริ่มต้นใช้งานนูทานิคซ์ได้อย่างเรียบง่าย เป็นเหมือนเส้นทางลัดที่รวดเร็วที่ช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มความคล่องตัวให้กับการเริ่มต้นวงจรด้านการขาย และเปิดโอกาสสู่การตกลงทางธุรกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต” 

ฟีเจอร์สำคัญของ Nutanix Starter Kit Bundle มีดังนี้ 

  • Nutanix Cloud Platform: ชุด starter kit นี้มี Nutanix Cloud Infrastructure Pro และ Nutanix Cloud Manager Starter รวมอยู่ด้วย โซลูชันทั้งสองนี้มอบบริการด้านการจัดเก็บข้อมูลที่ครบเครื่อง มอบความยืดหยุ่น และฟีเจอร์ด้านการบริหารจัดการด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ AIOps การติดตามตรวจสอบ การวางแผน การปรับขนาดให้เหมาะสมกับการใช้งาน และระบบจัดการอัตโนมัติที่ใช้โค้ดน้อยที่สุด
  • บริการด้านการติดตั้งและการโยกย้าย: ให้บริการติดตั้งจำนวนหนึ่งคลัสเตอร์​ภายในไซต์เดียวกันและได้มากถึงแปดโหนดบนฮาร์ดแวร์ที่รองรับการใช้งานกับนูทานิคซ์ที่ลูกค้าเลือก ทั้งยังมีฟาสต์แทร็กต่าง ๆ ที่พร้อมใช้งานผ่านการทำงานร่วมกันของ Nutanix Prism (โซลูชันด้านการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ชาญฉลาด) และ Nutanix Move (โซลูชันเพื่อการโยกย้ายเวอร์ชวลแมชชีน)
  • การให้ความรู้และให้การรับรอง: ให้การรับรองการสอบ Nutanix Certified Professional (NCP) กับผู้เรียนสามรายและอีกสามรายที่นั่งเพื่อเข้าชั้นเรียน NCP – Multicloud Infrastructure ซึ่งมีผู้สอนให้การฝึกอบรมแบบเวอร์ชวล

นายไมเคิล มากุระ รองประธานฝ่ายช่องทางการขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของนูทานิคซ์ กล่าวว่า “การรวมโซลูชันต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นไว้ใน starter kit นี้เป็นไปตามข้อมูลที่เราได้รับจากพันธมิตรว่า ลูกค้ากำลังมองหาแนวทางลดความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในวงการผู้ขายเทคโนโลยี (เวนเดอร์) ดังนั้นลูกค้าจึงต้องการสร้างกลยุทธ์ในการใช้เวนเดอร์คู่สำหรับเวิร์กโหลดที่เฉพาะเจาะจงหรือการโยกย้ายจากเวนเดอร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น starter kit นี้ จึงออกแบบมาเพื่อช่วยสร้างสะพานเชื่อมการโยกย้ายนั้นๆ ให้ลูกค้ามีความสะดวกและมั่นใจในการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ”

“เราเชื่อมั่นว่าไม่นานหลังจากที่ลูกค้าได้ใช้โซลูชันของนูทานิคซ์แล้ว ลูกค้าเหล่านั้นจะใช้โซลูชันของนูทานิคซ์ผ่านมาทางพันธมิตรของเราเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”

from:https://www.techtalkthai.com/nutanix-launches-starter-kit-bundle/

Akamai เปิดตัวคลาวด์เต็มรูปแบบ หลังซื้อ Linode ครบปี

Akamai เปิดตัว Akamai Connected Cloud บริการคลาวด์เต็มรูปแบบที่ได้มาจากการซื้อ Linode เมื่อปีที่แล้ว โดยฝั่ง Akamai ที่มีลูกค้าองค์กรเยอะกว่าก็หันไปเปิดศูนย์ข้อมูลใหม่ที่ให้บริการระดับองค์กรมากขึ้น และศูนย์ข้อมูลก็ได้รับการรับรองมาตรฐานสำคัญ ทั้ง ISO, SOC II, และ HIPAA

สำหรับลูกค้า Linode เดิม ทาง Linode ประกาศว่าจะเริ่มเห็นสินค้าเปลี่ยนแบรนด์กลายเป็น Akamai ไปเรื่อยๆ และการใช้งานบริการ Akamai จะง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่ทาง Linode ยังคงคงช่องทางการสื่อสารกับชุมชนผู้ใช้ไว้เหมือนเดิม และยังไม่มีการปรับราคาคา่บริการสินค้าเดิม

ผู้ให้บริการ CDN เริ่มไม่สามารถให้บริการเฉพาะ CDN ได้ในช่วงหลังเพราะผู้ให้บริการคลาวด์เองก็ล้วนให้บริการ CDN ไปพร้อมกัน ทำให้สองธุรกิจเริ่มเข้าใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลัง Cloudflare เองก็ให้บริการคลาวด์แข่งกับผู้ให้บริการคลาวด์เต็มรูปแบบทั้งบริการ serverless, สตอเรจ, และฐานข้อมูล หรือ Fastly ก็หันมาให้บริการ serverless เช่นกัน

ที่มา – Akamai, Linode

from:https://www.blognone.com/node/132645