คลังเก็บป้ายกำกับ: INTEL_EVO

7 โน๊ตบุ๊ค Intel Evo น่าใช้ ได้ Office แท้ แบตฯ อึดสะใจ ตัวเบาพกสบาย อัพเดทปี 2023

โน๊ตบุ๊ค Intel Evo ยุคนี้น่าใช้มากๆ สเปคดีทรงพลัง แบตฯ อึดสุดๆ

7NotebookIntel

โน๊ตบุ๊ค Intel Evo เป็นมาตรฐานโน๊ตบุ๊คน้ำหนักเบาของทาง Intel ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ยุคซีพียู Intel 11th Gen เป็นต้นมา ซึ่งพัฒนาต่อจาก Project Athena ซึ่งปัจจุบันนี้มีผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คหลายแบรนด์ทำโน๊ตบุ๊คกลุ่มนี้ออกมาให้ผู้ใช้เลือกหลากหลายรุ่น มีสเปคหลากหลาย ซึ่งจุดเด่นและข้อกำหนดของ Intel Evo นอกจากน้ำหนักเบาเพียง 1 กิโลกรัมต้นๆ, มีพอร์ต USB-C รองรับ Thunderbolt หรือ Power Delivery ไว้ชาร์จแบตเตอรี่ให้โน๊ตบุ๊คได้โดยสะดวกและรวดเร็ว เพียง 30 นาทีก็ใช้งานได้ 4 ชั่วโมง และใช้งานบนจอความละเอียด Full HD ได้เกิน 9 ชั่วโมงแล้ว ยังเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 ได้เสถียรและรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วและเสถียรยิ่งขึ้นอีกด้วย

Advertisementavw

จุดเด่นที่ต้องกล่าวถึงเป็นพิเศษ คือ ตัวเครื่องสามารถเปิดใช้งานได้เร็วภายใน 1 วินาทีและมีฟีเจอร์ AI ไว้เสริมประสิทธิภาพการทำงาน ได้แก่ ไมโครโฟนรับเสียงระยะไกลพร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนและ Deep Learning Boost แล้ว ปัจจุบันนี้ยังมีโปรแกรมและแอพฯ Intel Unison สำหรับเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน iOS, Android เข้ากับโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ให้ใช้โทรออกรับสาย, โอนถ่ายไฟล์เข้าออกมือถือและดูการแจ้งเตือนต่างๆ บนหน้าจอโน๊ตบุ๊คได้ทันที ไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ไปมาให้เสียสมาธิอีกด้วย

ในปัจจุบันนี้ โน๊ตบุ๊ค Intel Evo มีราคาไม่สูงมากแล้ว เริ่มต้นตั้งแต่ราคาไม่เกิน 30,000 บาทขึ้นไป สเปคเริ่มต้นเป็น Intel 11th Gen รุ่น Core i5 หรือ Core i7 มีแรม 8GB ได้ M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ใช้ในตัวและหลายๆ รุ่นก็เพิ่มฟีเจอร์ยืนยันตัวแบบชีวมาตร (Biometric) มาเสริมความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาใช้โดยพลการอีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค Intel Evo

สรุปสเปค 7 โน๊ตบุ๊ค Intel Evo

สรุปสเปค
โน๊ตบุ๊ค Intel Evo
CPU

GPU

SSD

RAM

Software

Display

Weight

Connectivity ราคา
(บาท)
Acer Swift 3 SF314-512-56CB Intel Core
i5-1240P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB LPDDR4x
4267MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ QHD
(2560×1440)
IPS

1.25 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

29,990
Acer Swift 5 SF514-56T-56M4 Intel Core
i5-1240P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ QHD
(2560×1440)
IPS

1.2 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

37,990
ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9501WS Intel Core
i5-12500H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14.5″ 2.8K
(2880×1800)
OLED

100% DCI-P3

PANTONE
Validated

VESA DisplayHDR True Black 600

1.63 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

HDMI 2.1 x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.0

30,990
ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9701WS Intel Core
i7-12700H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14.5″ 2.8K
(2880×1800)
OLED

100% DCI-P3

PANTONE
Validated

VESA DisplayHDR True Black 600

1.63 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

HDMI 2.1 x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.0

36,990
ASUS ZenBook 14 OLED UX3402ZA-KM504WS Intel Core
i5-1240P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ 2.8K
(2880×1800)
OLED

Refresh Rate
90Hz

100% DCI-P3

PANTONE
Validated

VESA DisplayHDR True Black 600

1.35 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 1

HDMI 2.0b x 1

MicroSD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E 

Bluetooth 5.2

35,990
Fujitsu Ultralight UH-X Intel Core
i7-1255U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
1TB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

13.3″ Full HD
IPS

873 กรัม

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

LAN x 1

SD Card
Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

46,990
HUAWEI MateBook X Pro Intel Core
i7-1260P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
1TB

16GB LPDDR5
4267MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14.2″ 3.1K
(3210×2080)
IPS

Refresh Rate
90Hz

ขอบเขตสี P3

Delta-E <1

1.26 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-C 3.2
Full Function x 2

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

79,990

7 โน๊ตบุ๊ค Intel Evo น่าใช้ แบตฯ ทนทำงานดี พกพาสะดวกสุด

โน๊ตบุ๊ค Intel Evo ณ ตอนนี้มีให้เลือกหลากแบรนด์หลายรุ่น เริ่มตั้งแต่ราคาไม่เกิน 30,000 บาทขึ้นไปให้เลือกซื้อไปใช้งานได้ตามต้องการ สเปคจัดว่าตอบโจทย์คนทำงานทั้งนั่งทำงานในออฟฟิศหรือพกติดตัวไปไหนมาไหนเป็นประจำ หากใครกำลังหาโน๊ตบุ๊ค Intel Evo เครื่องใหม่มาแทนเครื่องเก่าที่ทำงานช้าไม่ทันใจแล้ว ผู้เขียนก็มีรุ่นแนะนำมาให้เลือกทั้งหมด 7 รุ่น ได้แก่

  1. Acer Swift 3 SF314-512-56CB (29,990 บาท)
  2. Acer Swift 5 SF514-56T-56M4 (37,990 บาท)
  3. ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9501WS (30,990 บาท)
  4. ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9701WS (36,990 บาท)
  5. ASUS ZenBook 14 OLED UX3402ZA-KM504WS (35,990 บาท)
  6. Fujitsu Ultralight UH-X (46,990 บาท)
  7. HUAWEI MateBook X Pro (79,990 บาท)
1. Acer Swift 3 SF314-512-56CB (29,990 บาท)

Acer Swift SF314 01

โน๊ตบุ๊ค Intel Evo เครื่องแรกเป็น Acer Swift 3 SF314-512-56CB ซึ่งได้รีวิวไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยข้อดีของมัน คือ ได้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ใช้งาน ได้จอ 14 นิ้ว ความละเอียด 2K QHD (2560×1440) พาเนล IPS น้ำหนักเพียง 1.25 กิโลกรัม พกพาง่าย ติดตั้งซีพียู Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz มาให้ ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้และแรมอีก 8GB LPDDR4x บัส 4267MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 ติดตั้งมาให้ เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax ได้ รองรับ Bluetooth 5.2 ในตัว นอกจากนี้ยังได้กล้องหน้า Acer TNR ลด Noise ในกล้อง Webcam และไมค์ Acer PurifiedVoice ให้เสียงคมชัดและตัดเสียงรบกวนได้ด้วย จัดเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ราคาเป็นมิตรสำหรับคนทำงานและนักเรียนนักศึกษาทุกคนอย่างแน่นอน

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-512-56CB
CPU Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB LPDDR4x บัส 4267MHz
Display 14 นิ้ว ความละเอียด 2K QHD (2560×1440) พาเนล IPS
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.25 กิโลกรัม
Price 29,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
2. Acer Swift 5 SF514-56T-56M4 (37,990 บาท)

Acer Notebook Swift SF514 56T 56M4 01

Acer Swift 5 SF514-56T-56M4 นี้เป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ระดับพรีเมี่ยมจาก Acer บอดี้อลูมิเนียมที่ตัดด้วยเครื่อง CNC ให้ตัวเครื่องบางเพียง 14.95 มม. เท่านั้นและยังผสานชิ้นส่วนรักษ์โลกอย่างทัชแพดจากกระจก OceanGlass และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ใช้เช่นกัน ขนาดตัวเครื่องถือว่าใหญ่กำลังดีเพียง 14 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS และเบาเพียง 1.2 กิโลกรัมเท่านั้น ติดตั้งซีพียู Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้กับแรม 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ได้ในตัว ด้านฟีเจอร์เด่นก็มีฟีเจอร์ Acer TNR ลด Noise ในกล้อง Webcam กับระบบเสียง Acer PurifiedVoice ติดมาให้ใช้งานครบเครื่องแถมยังระบายความร้อนได้ดีด้วยพัดลมระบายความร้อนคู่ในเครื่องอีกด้วย ดังนั้นจะทำงานหนักๆ ก็ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

สเปคของ Acer Swift 5 SF514-56T-56M4
CPU Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
Display 14 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.2 กิโลกรัม
Price 37,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
3. ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9501WS (30,990 บาท)

Asus Notebook Vivobook S 14X OLED 01

ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9501WS เป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo พร้อมซีพียู H-Series ประสิทธิภาพสูงสำหรับรันโปรแกรมที่กินทรัพยากรเครื่องหนักๆ ได้เป็นอย่างดี มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ใช้พร้อมระบบระบายความร้อน ASUS IceCool มาให้ ตัวเครื่องมีขนาด 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED ขอบเขตสี 100% DCI-P3 ได้การันตีความเที่ยงตรงสีจาก PANTONE Validated และ VESA DisplayHDR True Black 600 ครบเครื่องและกางหน้าจอได้แบนราบ 180 องศา อีกด้วย ซีพียูเป็น Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics พร้อม M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 กับแรม 16GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0 ได้ในตัว น้ำหนัก 1.63 กิโลกรัมเท่านั้น เป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo พร้อมซีพียูประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ทำงานและรันโปรแกรมหนักๆ ได้เป็นอย่างดีและได้พาเนลจอ OLED อีกด้วย จัดเป็นโน๊ตบุ๊คที่น่าใช้มากอีกเครื่องหนึ่งเลย

สเปคของ ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9501WS
CPU Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED ขอบเขตสี 100% DCI-P3 ได้การันตีความเที่ยงตรงสีจาก PANTONE Validated และ VESA DisplayHDR True Black 600
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.63 กิโลกรัม
Price 30,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
4. ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9701WS (36,990 บาท)

Asus Vivobook S 14X OLED S5402ZA M9701WS Midnight Black 3

ด้าน ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9701WS รหัสนี้จะแชร์สเปคร่วมกับ Vivobook S 14X OLED ในข้อก่อนแทบทั้งหมด ยกเว้นซีพียูซึ่งถูกอัพเกรดมาเป็น Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5~4.7GHz แทน ให้มี P-Core เพิ่มขึ้นเอาไว้รันโปรแกรมต่างๆ ได้ดีกว่าเดิม เหมาะกับผู้ที่ใช้โปรแกรมกินทรัพยากรเครื่องหนักๆ อย่างเช่น Adobe Photoshop, Lightroom หรือเปิดไฟล์ Microsoft Excel ที่มีข้อมูลและสูตรที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก

สเปคของ ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9701WS
CPU Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5~4.7GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED ขอบเขตสี 100% DCI-P3 ได้การันตีความเที่ยงตรงสีจาก PANTONE Validated และ VESA DisplayHDR True Black 600
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.63 กิโลกรัม
Price 36,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
5. ASUS ZenBook 14 OLED UX3402ZA-KM504WS (35,990 บาท)

Asus Notebook Zenbook 14 OLED 01

จุดเด่นของ ASUS ZenBook 14 OLED UX3402ZA-KM504WS ที่ต้องเลือกมาแนะนำในบทความโน๊ตบุ๊ค Intel Evo นี้ ทั้งตัวเครื่องบางพกสะดวกและเบาเพียง 1.35 กิโลกรัม มีแป้น ASUS NumberPad 2.0 กดสลับทัชแพดเป็น Numpad ไว้พิมพ์ตัวเลขได้ง่ายๆ ลำโพง Dolby Atmos พร้อมชิป DSP Smart Amp และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Power ได้จอขนาดกะทัดรัดพกง่าย 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง PANTONE Validated และ VESA DisplayHDR True Black 600 ค่า Refresh Rate 90Hz ซีพียูเป็น Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz ได้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft office Home & Student 2021 กับแรม 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz มาให้ มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 Gen 2 x 1, HDMI 2.0b x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ในตัว จัดเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo อีกรุ่นที่น่าใช้มาก หากใครต้องการอ่านรีวิวฉบับเต็มสามารถคลิ๊กอ่านได้ที่นี่

สเปคของ ASUS ZenBook 14 OLED UX3402ZA-KM504WS
CPU Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
Display 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง PANTONE Validated และ VESA DisplayHDR True Black 600 ค่า Refresh Rate 90Hz
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 Gen 2 x 1, HDMI 2.0b x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft office Home & Student 2021
Weight 1.35 กิโลกรัม
Price 35,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
6. Fujitsu Ultralight UH-X (46,990 บาท)

Fujitsu Notebook UH X 4ZR1J37871 White 01

แข็งแรงทนทานแต่เบาไม่ถึงกิโลกรัมแถมพอร์ตจัดเต็มล้นเครื่อง เป็นคำจำกัดความที่ดีสุดสำหรับ Fujitsu Ultralight UH-X โน๊ตบุ๊ค Intel Evo รุ่นนี้และยังมีเซนเซอร์สแกนใบหน้าเอาไว้ยืนยันตัวปลดล็อคเครื่องได้ด้วยและน้ำหนักเครื่องเพียง 873 กรัม ตัวเครื่องขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920×1080) พาเนล IPS ใช้ซีพียู Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5~4.7GHz การ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ใช้กับแรมอีก 16GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1 ได้ด้วย หากใครหาโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ที่เบาสุดๆ มีพอร์ตให้ใช้งานครบเครื่อด้วยล่ะก็ Fujitsu UH-X นี้ถือว่าน่าสนใจมาก

สเปคของ Fujitsu Ultralight UH-X
CPU Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5~4.7GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 1TB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920×1080) พาเนล IPS
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 873 กรัม
Price 46,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
7. HUAWEI MateBook X Pro (79,990 บาท)

Huawei Notebook MateBook X Pro 02

สุดท้ายเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ระดับพรีเมี่ยมอย่าง HUAWEI MateBook X Pro ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่หน้าจอ 14.2 นิ้ว ความละเอียด 3.1K (3210×2080) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 90Hz อัตราส่วน 3:2 นั้นเป็นจอ ขอบเขตสีกว้าง P3 ค่าความแม่นยำสี Delta-E <1 และน้ำหนักเบาเพียง 1.26 กิโลกรัม ใช้ซีพียู Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4~4.7GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 กับแรม 16 GB LPDDR5 บัส 4267MHz มาให้ใช้งาน มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-C 3.2 Full Function x 2, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ได้ มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ที่ปุ่ม Power และมีลำโพงติดตั้งมาให้ทั้งหมด 6 ตัว ให้เสียงมีมิติยิ่งขึ้นและถ้าใครใช้สมาร์ทโฟน HUAWEI ก็ใช้ฟีเจอร์ HUAWEI Share นำหน้าจอสมาร์ทโฟนมาใช้งานบน HUAWEI MateBook ได้อีกด้วย ต้องถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมที่น่าใช้อีกรุ่นหนึ่ง แต่แนะนำให้หา USB-C Multiport Adapter มาเผื่อเอาไว้ใช้ด้วยจะดีมาก

สเปคของ HUAWEI MateBook X Pro
CPU Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4~4.7GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 1TB
RAM 16 GB LPDDR5 บัส 4267MHz
Display 14.2 นิ้ว ความละเอียด 3.1K (3210×2080) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 90Hz อัตราส่วน 3:2 ขอบเขตสีกว้าง P3 ความแม่นยำสี Delta-E <1
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-C 3.2 Full Function x 2, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.26 กิโลกรัม
Price 79,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่

computer 2982270 1280

จะเห็นว่าโน๊ตบุ๊ค Intel Evo นั้นมีตั้งแต่รุ่นราคาเริ่มต้นไม่เกิน 30,000 บาท ไปจนรุ่นพรีเมี่ยมซึ่งใช้วัสดุกับพาร์ทคุณภาพดีขึ้น ไม่ว่าจะพาเนลจอ OLED ขอบเขตสีกว้าง, ชิป DSP และระบบเสียง Dolby Atmos และฟีเจอร์อื่นๆ อีกหลากหลายอย่างที่ทางผู้ผลิตใส่มาให้ใช้กัน โดยส่วนตัวผู้เขียนเองได้ใช้โน๊ตบุ๊ค Intel Evo มาระยะหนึ่งแล้วต้องถือว่าน่าลงทุนซื้อมาใช้อย่างแน่นอน เพราะนอกจากแบตเตอรี่จะทนทานและเบาพกง่ายเป็นทุนเดิมแล้ว ประสิทธิภาพของชิป Intel ก็ทำงานได้รวดเร็วทันใจและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากโน๊ตบุ๊คจะดีก็อยากแนะนำให้หาซื้ออุปกรณ์เสริมต่างๆ มาใช้คู่กับโน๊ตบุ๊ค Intel Evo สัก 1-2 ชิ้นด้วย อย่างแรกคือ USB-C Multiport adapter ไว้แปลงพอร์ต Thunderbolt 4 หรือ USB-C Full Function เป็นพอร์ตพื้นฐานอื่นๆ อย่างเช่น USB-A 3.0, HDMI, VGA ฯลฯ ให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นและเมาส์ Ergonomic สักตัว จะช่วยให้ทำงานได้มีความสุขยิ่งกว่าเดิมมาก


บทความที่เกี่ยวข้อง

ตัวรับWifi

7MouseBluetooth 1 1

8หูฟังไอโฟน

from:https://notebookspec.com/web/691472-7-recommend-intel-evo-laptop

Advertisement

อินเทลโชว์ขุมพลัง โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 พร้อม Intel® Xeon® เจนเนอเรชั่น 4 ตอบโจทย์ผู้ใช้และองค์กรธุรกิจในไทย [Guest Post]

เตรียมสัมผัสศักยภาพเหนือชั้นของโปรเซสเซอร์โมบายล์ที่เร็วแรงที่สุดในโลก
และโปรเซสเซอร์ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ผ่านการผลิตที่ยั่งยืนมากที่สุดของอินเทล ได้แล้ววันนี้!

กรุงเทพฯ 28 กุมภาพันธ์ 2566 — อินเทล ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์  Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้ผสานประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าเข้าไว้ด้วยกันในแพลตฟอร์มสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ พร้อมนำเสนอ Intel® Arc™ จีพียูแบบใช้งานแยก นอกจากนี้ ยังเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 (โค้ดเนม Sapphire Rapids) ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การทำงานของดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) คลาวด์ เครือข่ายและเอดจ์ และซูเปอร์คอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ  

โปรเซสเซอร์ตระกูล Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13

 

  • โปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ตอกย้ำความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในตระกูล: อินเทลได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ตระกูล Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ไปเมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเปิดตัวโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป K-ซีรีส์ ที่งาน Thailand Game Show ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปที่เร็วแรงที่สุดในโลกในตอนนี้[1] อย่าง Intel®Core™ i9-13900K เจนเนอเรชั่น 13 โดยโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปตัวใหม่นี้ใช้พลังงานระดับ 35 วัตต์ และ 65 วัตต์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้อุปกรณ์พีซีทั่วไปมีทางเลือกในการประหยัดพลังงานเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงส่งมอบประสิทธิภาพที่น่าทึ่งสำหรับการเล่นเกม การสร้างสรรค์เนื้อหา และการทำงานทั่วไปได้อย่างลงตัว
  • โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ H-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพเทคโนโลยีโมบายล์ชั้นนำในอุตสาหกรรม: อินเทลยังคงเดินหน้าก้าวข้ามขีดจำกัด พร้อมขยายขุมพลังประสิทธิภาพและศักยภาพแห่งการประมวลผลเพื่อเหล่าเกมเมอร์และนักสร้างสรรค์เนื้อหาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ H-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 รวมถึงโปรเซสเซอร์ตัวแรกที่มีจำนวนคอร์ถึง 24 คอร์สำหรับการใช้งานกับแล็ปท็อป ซึ่งถือเป็นโปรเซสเซอร์โมบายล์ที่เร็วแรงที่สุดในโลกในตอนนี้[2] เมื่อผสานเข้ากับฟีเจอร์ที่โดดเด่นอย่างเครื่องมือรองรับหน่วยความจำ DDR4 และ DDR5 ฟังก์ชันการเชื่อมต่อที่เหนือชั้นและรองรับการใช้งาน PCIe Gen 5 จึงทำให้โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ HX เจนเนอเรชั่น 13 กลายเป็นแพลตฟอร์มสำหรับโมบายล์เกมที่ดีที่สุดในโลกในตอนนี้[3] ด้วยขุมพลังประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ที่ให้ความเร็วแรงมากกว่าเจนเนอเรชั่น 12 ถึง 5 เท่า ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้แล็ปท็อปที่ใช้โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ HX กว่า 60 รุ่น ในการสตรีม สร้างสรรค์ผลงาน หรือเล่นเกมได้เป็นอย่างดีและราบรื่นตามกำลังสูงสุด
  • โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ P-ซีรีส์ และ U-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้แล็ปท็อปดีไซน์บาง-น้ำหนักเบา: อินเทลยังเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ P-ซีรีส์ และ U-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มองหาแล็ปท็อปที่มีประสิทธิภาพการใช้งานสูงพร้อมดีไซน์บางเฉียบให้สร้างสรรค์งานหรือเล่นเกมได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่แล็ปท็อปที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 จะมาพร้อมกับฟีเจอร์อย่างหน่วยประมวลผลวิสัยทัศน์ Intel® Movidius vision processing unit (VPU) ซึ่งเป็นผลจากการประสานงานด้านวิศวกรรมร่วมกับบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ในโหมด Window Studio Effects ใหม่ล่าสุด หน่วย VPU ใหม่นี้สามารถช่วยในการประมวลผลที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อการทำงานร่วมกันของระบบและการสตรีมระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ ทำให้หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit: CPU) และหน่วยประมวลผลภาพกราฟิก (Graphics Processing Unit: GPU) มีพื้นที่ว่างสำหรับเวิร์กโหลดอื่นๆ หรือการทำงานแบบมัลติทาสกิ้งอื่น ๆ

โปรเซสเซอร์โมบายล์  Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ใหม่ล่าสุดนี้ช่วยยกระดับประสิทธิภาพของแล็ปท็อปรุ่นใหม่ให้ทำงานได้ราบรื่นกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นแล็ปท็อปที่มีดีไซน์บางเฉียบและน้ำหนักเบาแต่ประสิทธิภาพสูง หรืออุปกรณ์ 2-in-1 แบบพับได้ และฟอร์มแฟคเตอร์อื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับ IoT edge นั้น โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 มีฟีเจอร์รูปแบบใหม่ ๆ ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์การใช้งานในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย รวมถึงระบบปฏิบัติการที่ควบคุมอุณหภูมิของอุปกรณ์ให้ทำงานได้ต่อเนื่องยาวนานมากขึ้น และ CPU ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมความสามารถด้านกราฟิกและประสิทธิภาพ AI ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมค้าปลีก การศึกษา การดูแลสุขภาพ การบินและอวกาศ อุตสาหกรรม และเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยโปรเซสเซอร์ตัวใหม่นี้จะเพิ่มประสิทธิภาพการผสานรวมเวิร์กโหลดที่ดีขึ้นด้วยคอร์และเธรดที่มากขึ้น ส่งผลให้แอปพลิเคชันสามารถทำงานบนอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในเครื่องเดียว     

แล็ปท็อปรุ่นใหม่ที่ผสานพลัง Intel Evo มาพร้อมแบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น และประสบการณ์การใช้งานที่เหนือชั้น

อินเทลยังคงเดินหน้าในการยกระดับมาตรฐานแล็ปท็อปและอุปกรณ์แบบพกพาอื่น ๆ ตามมาตรฐานสัญลักษณ์ Intel® Evo™ ภายใต้ข้อกำหนดใหม่นี้ แล็ปท็อปมาตรฐาน Intel Evo ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 จะมอบประสบการณ์การใช้งานที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่

  • ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือชั้นและราบรื่นไม่มีสะดุด: ได้รับการรับรองถึงประสิทธิภาพความรวดเร็วในการตอบสนองอย่างสม่ำเสมอแม้ในขณะที่ไม่ได้เสียบปลั๊ก อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น รวมไปถึงการเปิดเครื่องแล้วใช้งานได้ทันที และการชาร์จเร็ว
  • การทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด: ด้วยการยกระดับการประชุมทางวิดีโอ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เช่น Intel® Connectivity Performance Suite และ Intel® Bluetooth® LE Audio[4]
  • Intel® Unison™ ที่พร้อมใช้งานบนแล็ปท็อป: เต็มอิ่มไปกับอิสระแห่งการทำงานบนหลากหลายอุปกรณ์ได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ การคุยโทรศัพท์ การแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ และการถ่ายโอนไฟล์จากพีซีไปยังโทรศัพท์ที่เปิดใช้งานในระบบบนอุปกรณ์ Android หรือ iOS[5]
นายอยุช บาทรา (Ayush Batra) ผู้อำนวยการฝ่าย Technology Enablement ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ บริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่น
นางสาวฉันทนา สุวรรณวงษ์ ผู้อำนายการฝ่ายขายประจำประเทศไทย บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด

นางสาวฉันทนา สุวรรณวงษ์ ผู้อำนายการฝ่ายขายประจำประเทศไทย บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ประเทศไทยในครั้งนี้ โดยโปรเซสเซอร์โมบายล์ใหม่ล่าสุดของอินเทลออกแบบมาเพื่อให้เหล่าเกมเมอร์ นักสร้างสรรค์เนื้อหา และเหล่าสาวกผู้ใช้อินเทลได้สัมผัสสุดยอดขุมพลังประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างเหนือชั้นบนอุปกรณ์แล็ปท็อปทุกรุ่น ซึ่งนี่ถือเป็นการเปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์ครบทั้งตระกูลโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ในตลาดไทยด้วย”  

กราฟิก Intel® Arc™ ให้คุณสัมผัสประสบการณ์การเล่มเกมที่คุ้มค่ามากกว่าที่เคย

กราฟิก Intel® Arc™ แบบใช้งานแยก เป็นผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอินเทล ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สู่การแข่งขันในตลาดเกมมิ่ง และนำเสนอกราฟิกการ์ดประสิทธิภาพสูงที่มาพร้อมราคาคุ้มค่าให้กับผู้ใช้ โดยนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา อินเทลได้เปิดตัวไดรเวอร์ใหม่จำนวน 8 ตัวเพื่อตอบสนองประสบการณ์การใช้งานกับเกมใหม่ ๆ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเกมที่พึ่งอัปเดตใหม่ในวันเปิดตัวมากกว่า 21 เกม  ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วแรงไปอีกขั้น ทำให้การเล่นเกมมีความราบรื่นมากยิ่งขึ้น และเพิ่มความเสถียรระหว่างการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้นด้วย

กราฟิกการ์ด Intel® Arc™ ทุก ๆ รุ่น ประกอบด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังนี้

  • Xe High Performance Graphics Microarchitecture: ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่มีกราฟิก Intel® Arc™ A-ซีรีส์ สร้างขึ้นจากสถาปัตยกรรมไมโคร Xe High Performance Graphics ใหม่ของอินเทล ซึ่งได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมใหม่ตั้งแต่ต้นเพื่อเหล่าเกมเมอร์และนักสร้างสรรค์เนื้อหาโดยเฉพาะ นอกจากนี้เทคโนโลยี Xe HPG ยังช่วยให้กราฟิก Intel® Arc™ สามารถส่งมอบประสิทธิภาพที่ล้ำสมัย เปี่ยมด้วยศักยภาพที่เหนือกว่า และสามารถปรับขยายขนาดได้
  • AI-enhanced XeSS upscaling: เทคโนโลยีการอัปสเกลที่เสริมประสิทธิภาพด้วย AI ของอินเทลอย่าง XeSS ยังช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้มากขึ้นไปอีกขั้น ยกตัวอย่างเช่น ให้คุณสามารถเล่นเกมที่ความละเอียด 4K แต่ยังคงประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากับการเล่นเกมแบบเนทีฟที่ความละเอียด 1080p  
  • DirectX 12 Ultimate ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะช่วยยกระดับเกมสู่มิติใหม่แห่งความสมจริงด้วยเทคโนโลยีกราฟิกล่าสุดอย่าง Hardware Accelerated Ray Tracing, Variable Rate Shading, Mesh Shading และ Sampler Feedback

โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4

โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ใหม่ล่าสุด พร้อมส่งมอบประสิทธิภาพการทำงานชั้นนำด้วยชิปเร่งความเร็วที่ติดตั้งมาในตัวและให้ความเร็วสูงสุดเท่าที่ซีพียูเครื่องไหนในโลกเคยมีมา เพื่อช่วยลูกค้าแก้ปัญหาสำคัญ ๆ ด้านการประมวลผลที่ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็น AI, เครื่องมือวิเคราะห์, ระบบเครือข่าย, ความปลอดภัย, การจัดเก็บข้อมูล และระบบคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง (High Performance Computing: HPC)  นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4  ยังเป็นโปรเซสเซอร์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ผ่านการผลิตที่ยั่งยืนมากที่สุดของอินเทล โดดเด่นด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายเพื่อเสริมขุมพลังและประสิทธิภาพการทำงานขั้นสุดด้วยการใช้งานทรัพยากรของซีพียูอย่างคุ้มค่าเพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายเพื่อความยั่งยืน

โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 แตกต่างจากโปรเซสเซอร์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์อื่น ๆ  ในตลาดที่ลูกค้ากำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน โดยได้ขยายไปสู่แนวทางและกลยุทธ์เพื่อรองรับเวิร์กโหลดเป็นหลักและออกแบบมาโดยคำนึงถึงจุดประสงค์การใช้งานโดยเฉพาะ

เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 มีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นกว่า 2.9 เท่า[6] จากประสิทธิภาพการทำงานโดยเฉลี่ยต่อวัตต์สำหรับเวิร์กโหลดเฉพาะเมื่อใช้ชิปเร่งความเร็วที่ติดตั้งมาในอุปกรณ์ ประหยัดพลังงานมากถึง 70 วัตต์[7] สำหรับซีพียูหนึ่งเครื่องที่ใช้โหมดพลังงานสูงสุดและแทบไม่ลดทอนประสิทธิภาพการทำงานลงเลยสำหรับเวิร์กโหลดเฉพาะ พร้อมช่วยลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (total cost of ownership: TCO)[8] ลงถึง 52-66%

  • ตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน: ประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นจากชิปเร่งความเร็วที่ติดตั้งมาในโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ช่วยให้อินเทลสามารถประหยัดพลังงานในระดับแพลตฟอร์ม ลดความต้องการเร่งการประมวลผลเพิ่มเติม และช่วยให้ลูกค้าอินเทลบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน
  • เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI): โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 สามารถอนุมานข้อมูลแบบเรียลไทม์ของ PyTorch ได้สูงถึง 10 เท่า[9], [10] อีกทั้งยังส่งมอบศักยภาพการฝึกฝนการเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์ด้วยชิปเร่งความเร็วที่ติดตั้งมาอย่าง Intel® Advanced Matrix Extension (Intel® AMX) นอกจากนี้การส่งมอบชุดซอฟต์แวร์ AI ของอินเทลช่วยให้เหล่านักพัฒนาสามารถเลือกใช้เครื่องมือ AI ได้ตามความต้องการและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความเร็วเพื่อการพัฒนา AI ซึ่งชุดเครื่องมือ AI นี้สามารถพกพาและใช้งานแยกจากคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานหลัก การันตีประสิทธิภาพการใช้งานจากการทดสอบโมเดลการเรียนรู้เชิงลึกและการเรียนรู้จากคอมพิวเตอร์ของ AI กว่า 400 รูปแบบตามยูสเคสการใช้งาน AI ทั่วไปในทุกเซกเมนต์ของตลาด
  • เครือข่าย: โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 นำเสนอตระกูลโปรเซสเซอร์ที่ได้รับการปรับแต่งโดยเฉพาะสำหรับการรองรับเวิร์กโหลดหลายประเภทที่มีประสิทธิภาพสูงบนเครือข่ายและเอดจ์ที่มีความหน่วงต่ำ โดยโปรเซสเซอร์เหล่านี้ถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนอนาคตที่ีซอฟแวร์จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่โทรคมนาคมและการค้าปลีก ไปจนถึงอุตสาหกรรมการผลิตและเมืองอัจฉริยะ นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ยังมอบความจุของเครือข่ายการเข้าถึงวิทยุแบบจำลองเสมือน (virtualized radio access network: vRAN) ได้ถึงสองเท่าโดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารสามารถเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์เป็นสองเท่าเพื่อตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพการทำงานที่สำคัญ การปรับขนาด และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • แพลตฟอร์ม Xeon มาพร้อมฟีเจอร์สุดหลากหลายและความปลอดภัยขั้นสูงสุด: โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ใหม่นี้มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ล่าสุด อาทิ แบนด์วิธหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นด้วย DDR5, แบนด์วิธ I/O ที่เพิ่มขึ้นด้วย PCIe0 และการเชื่อมต่อระหว่าง Compute Express Link (CXL) 1.1 นอกจากนี้ อินเทลยังได้นำเสนอพอร์ตโฟลิโอการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เป็นความลับ ซึ่งครอบคลุมผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ซิลิคอนในอุตสาหกรรม  นอกจากนี้ อินเทลยังคงเป็นผู้นำด้านการให้บริการซิลิคอนเพียงรายเดียวที่นำเสนอการป้องกันความเป็นส่วนตัวผ่านการแยกแอปพลิเคชันในหน่วยความจำสำหรับการประมวลผลในดาต้าเซ็นเตอร์ด้วย Intel® Software Guard Extensions (Intel® SGX)  และที่สำคัญสถาปัตยกรรมโมดูลาร์ของโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ช่วยให้อินเทลสามารถนำเสนอโปรเซสเซอร์ที่เปี่ยมไปด้วยความหลากหลายด้านการใช้งานผ่านอุปกรณ์ตามเลข SKUs ราว 50 รายการ เพื่อยูสเคสการใช้งานหรือแอปพลิเคชันของลูกค้า

นอกจากนี้ อินเทลยังได้เปิดตัวโซลูชันของพันธมิตรในอุตสาหกรรมอย่าง Altos, Cisco, Dell, HPE และ Lenovo ที่นำโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ไปปรับใช้ด้วย  

นายอยุช บาทรา (Ayush Batra) ผู้อำนวยการฝ่าย Technology Enablement ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ บริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยให้เติบโตก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ตลอดจนช่วยตอบสนองความต้องการด้านการประมวลผลให้แก่องค์กรธุรกิจในไทยด้วยผลิตภัณฑ์ล่าสุดอย่างโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ที่ช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและศักยภาพการใช้งาน ไปจนถึงยกระดับความปลอดภัยและส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนให้แก่องค์กรธุรกิจ สอดคล้องกับที่ประเทศไทยกำลังเร่งพัฒนาการเปิดรับนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้เพื่อตอบรับปริมาณความต้องการบริการคลาวด์ที่เพิ่มมากขึ้นในตลาด”

การวางจำหน่าย

โปรเซสเซอร์โมบายล์และเดสก์ท็อป Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 และกราฟิก Intel® Arc™ A-ซีรีส์ วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วประเทศ

ส่วนโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ก็มีวางจำหน่ายแก่ลูกค้าองค์กรธุรกิจในไทยแล้วเช่นกัน โดยสามารถสอบถามตัวแทนผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีและคลาวด์ได้แล้ววันนี้


[1] อ้างอิงจาก Intel Core i9-13900K ซึ่งเป็นเดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์ที่เร็วที่สุดในโลกที่ความถี่ 5.8 GHz ณ วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2565

[2] Intel Core i9-13980HX เจนเนอเรชั่น 13 เป็นโปรเซสเซอร์โมบายล์ที่เร็วที่สุดที่ความเร็ว 5.6GHz จากข้อมูลเมื่อเดือนธันวาคม 2565

[3] เมื่อวัดจากคุณสมบัติเฉพาะด้านและประสิทธิภาพการทำงานในโหมดเปรียบเทียบสมรรถนะในขณะเล่นเกมระหว่าง Intel® Core™ i9-13950HX เจนเนอเรชั่น 13 ที่ใช้ร่วมกับ GPU ของ NVIDIA RTX 3080 Ti เทียบกับ Intel® Core™ i9-12900HX เจนเนอเรชั่น 12 ที่ใช้ GPU รุ่นเดียวกัน และเมื่อเทียบกับ AMD R9-6900HX ที่ใช้ GPU รุ่นเดียวกัน จากข้อมูลเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565

[4] Intel® Connectivity Performance Suite ใช้งานได้เฉพาะบน Windows เท่านั้น

[5] โซลูชัน Intel® Unison™ ใช้ได้เฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อป Intel® Evo™ ที่ใช้งานได้กับพีซี Windows ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 หรือใหม่กว่า และจับคู่กับโทรศัพท์ที่ใช้ Android หรือ iOS เท่านั้น อุปกรณ์ทั้งหมดต้องใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นที่รองรับเท่านั้น ดูรายละเอียดและข้อกำหนดในการตั้งค่า ได้ที่ intel.com/performance-evo ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไป

[6] ฟังก์ชัน Geoman ของเวิร์กโหลดต่อไปนี้: RocksDB (IAA vs ZTD), ClickHouse (IAA vs ZTD), SPDK สื่อขนาดใหญ่และพร็อกซีคำขอฐานข้อมูล (DSA vs out of box), การจัดประเภทของรูปภาพ ResNet-50 (AMX vs VNNI), Object Detection SSD- ResNet-34 (AMX เทียบกับ VNNI),QATzip(QAT vszlib)

[7] แพลตฟอร์ม Intel Reference Validation แบบ 1 โหนด, Intel® Xeon 8480+ (56C,2GHz, 350W TDP) เร็วขึ้น 2 เท่า, HT On, Turbo ON, มีหน่วยความจำทั้งหมด: 1TB (16 ช่อง/ 64GB/ 4800 MHz), 1x P4510 3.84TB NVMe PCIe Gen4 drive, BIOS: 0091.D05, (ucode:0x2b0000c0), CentOS Stream 8, 5.15.0-spr.bkc.pc.10.4.11.x86_64, Java Perf/Watt w/ openjdk-11+28_linux-x64_bin, 112 อินสแตนซ์, ขนาดฮีปเริ่มต้น/สูงสุด 1550MB ทดสอบโดยอินเทล เมื่อเดือนตุลาคม 2565

[8] การจัดประเภทของรูปภาพ ResNet50

การกำหนดค่าใหม่:  โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable 8490H เจนเนอเรชั่น 4 (60 คอร์) รุ่นก่อนผลิตจริง แบบ 1 โหนด เร็วขึ้น 2 เท่า พร้อม Intel® Advanced Matrix Extensions (Intel AMX), ในรุ่นก่อนผลิตจริง SuperMicroSYS-221H-TNR พร้อมหน่วยความจำถึง 1024GB DDR5 (16×64 GB), microcode  0x2b0000c0, HT On, Turbo On, SNC Off, CentOS Stream 8, 5.19.16-301.fc37.x86_64, 1×3.84TB P5510 NVMe, 10GbE x540-AT2, Intel TF 2.10, AI Model=Resnet 50 v1_5, คะแนนสูงสุดที่ได้รับ: BS1 AMX 1 คอร์/อินสแตนซ์ (สูงสุด 15ms SLA) โดยใช้ physical core ซึ่งได้ทดสอบโดยอินเทล เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ข้อมูลพื้นฐาน:  โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable 8380 เจนเนอเรชั่น 3 รุ่นผลิตจริง  (40 คอร์) แบบ 1 โหนด เร็วขึ้น 2 เท่า บน SuperMicroSYS-220U-TNR, หน่วยความจำ DDR4 รวม 1024GB (16×64 GB), microcode 0xd000375, HT On, Turbo On, SNC Off, CentOS Stream 8, 5.19.16-301.fc37.x86_64, 1×3.84TB P5510NVMe, 10GbE x540-AT2, Intel TF2.10, AI Model=Resnet 50 v1_5 คะแนนสูงสุดีที่ได้รับ: BS1 INT8 2 คอร์/อินสแตนซ์ (สูงสุด 15ms SLA) โดยใช้คอร์จริง ทดสอบโดยอินเทล เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565

สำหรับชุดเซิร์ฟเวอร์ 50 เครื่อง ของโปรเซสเซอร์ Intel Xeon 8380 (RN50 w/DLBoost) เจนเนอเรชั่น 3 ประมาณการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565:

ค่าใช้จ่ายด้านทุน (CapEx) อยู่ที่ 1.64 ล้านดอลลาร์

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OpEx) (4 ปี รวมค่าไฟและระบบทำความเย็น โครงสร้างพื้นฐานและค่าบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์) อยู่ที่ 7.399 แสนดอลลาร์

การใช้พลังงานเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) (4 ปีต่อเซิร์ฟเวอร์): 44627, PUE 1.6

สมมติฐานอื่นๆ: ค่าสาธารณูปโภคอยู่ที่ 0.1 ดอลลาร์/kWh, kWh ถึง kg CO2 จำนวน 0.42394

สำหรับชุดเซิร์ฟเวอร์ 17 เครื่องที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Xeon 8490H (RN50 w/AMX) เจนเนอเรชั่น 4 ประมาณการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565:

ค่าใช้จ่ายด้านทุน (CapEx) อยู่ที่ 7.994 แสนดอลลาร์

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OpEx) (4 ปี รวมค่าไฟและระบบทำความเย็น โครงสร้างพื้นฐานและค่าบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์) อยู่ที่ 2.753 แสนดอลลาร์

การใช้พลังงานเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) (4 ปีต่อเซิร์ฟเวอร์): 58581, PUE 1.6

AI — ต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) ลดลง 55% เมื่อใช้เซิร์ฟเวอร์ ขุมพลังโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® เจนเนอเรชั่น 4 ในจำนวนที่น้อยลง โดยยังสามารถตอบสนองความต้องการด้านสมรรถนะได้ในระดับเดิม ดู [E7] intel.com/processorclaims: โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไป

ฐานข้อมูล — TCO ลดลง 52% เมื่อใช้เซิร์ฟเวอร์ ขุมพลังโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® เจนเนอเรชั่น 4 ในจำนวนที่น้อยลง โดยยังสามารถตอบสนองความต้องการด้านสมรรถนะได้ในระดับเดิม ดู [E8] intel.com/processorclaims: โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไป

ระบบคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง (HPC) — TCO ลดลง 66% เมื่อใช้เซิร์ฟเวอร์ ขุมพลังโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® CPU Max ในจำนวนที่น้อยลง โดยยังสามารถตอบสนองความต้องการด้านสมรรถนะในระดับเดิม ดู [E9] intel.com/processorclaims: โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไ

[9] ประสิทธิภาพการอนุมานข้อมูลแบบเรียลไทม์ของ PyTorch สูงขึ้นถึง 10 เท่า เมื่อใช้ Intel® Advanced Matrix Extensions (Intel® AMX) (BF16) ในตัว เทียบกับรุ่นก่อนหน้า (FP32)ฟังก์ชัน Geomean ใน PyTorch ของ ResNet50, Bert-Large, MaskRCNN, SSD-ResNet34, RNN-T, Resnext101

[10] สมรรถนะในการฝึกฝนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ PyTorch สูงขึ้นถึง 10 เท่า เมื่อใช้ Intel® Advanced Matrix Extensions (Intel® AMX) (BF16) ในตัว เทียบกับรุ่นก่อนหน้า (FP32) ฟังก์ชัน Geomean ใน PyTorch ของ ResNet50, Bert-Large, DLRM, MaskRCNN, SSD-ResNet34, RNN-T

from:https://www.techtalkthai.com/intel-shows-power-13th-gen-intel-core-mobile-processors-and-4th-gen-intel-xeon-mobile-processors-meet-the-needs-of-thai-users-and-businesses/

7 โน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface พร้อมของแถมจาก BaNANA อยากเปลี่ยนคอมใหม่ต้องดูทางนี้!!

โน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface วันนี้ BaNANA มีของแถมแจ่มๆ ให้นะ!

7 โน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface 1

 

Advertisementavw

โน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface จากบริษัทผู้ผลิตระบบปฏิบัติการ Windows ที่ครองส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการทั่วโลกกว่า 75.44% ในปี 2022 จากการสำรวจตลาดของเว็บไซต์ Statcounter ซึ่งรูปลักษณ์ของคอมพิวเตอร์ตระกูลนี้ถูกออกแบบเป็นแท็บเล็ตและโน๊ตบุ๊คให้เลือกซื้อไปใช้กัน ถ้าใครอยากได้รุ่นพกพาสะดวกดีไซน์เครื่องเป็นแท็บเล็ตก็มีรุ่นเริ่มพกพาสะดวกอย่าง Surface Go ให้ผู้ใช้หยิบใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนก็ได้ ถัดมาเป็น Surface Pro ซึ่งมีขนาดและแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น ใช้ทำงานได้สบายๆ และรุ่นที่เป็นแท็บเล็ตสามารถกางขาตั้งตัวเครื่องเพื่อปรับมุมองศาการมองเห็นได้ด้วย ถ้าใครรูปลักษณ์โน๊ตบุ๊คตามปกติก็มี Surface Laptop ให้เลือกและใช้วัสดุประกอบตัวเครื่องเป็นแมซ็กนีเซียมอัลลอยด์กับผ้า Alcantara เสริมความหรูหรายิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยสเปคสูงสุดเพื่อครีเอเตอร์อย่าง Surface Laptop Studio ก็มีให้เลือกเช่นกัน

จุดเด่นร่วมของโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface นั้น หลักๆ ได้แก่ ระบบยืนยันตัวตนแบบไบโอเมทริค ทั้งแบบสแกนนิ้วหรือใบหน้าด้วยกล้องอินฟาเรดเพื่อยืนยันตัวตนปลดล็อคเครื่อง, หน้าจอทัชสกรีนอัตราส่วน 3:2 ขนาดตั้งแต่ 10.5~15 นิ้ว ซึ่งเป็นอัตราส่วนสำหรับการทำงานโดยเฉพาะและตัวเครื่องน้ำหนักเบา เริ่มต้นตั้งแต่ช่วง 500 กรัมจนถึง 1.25 กก. จึงพกไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้น และผู้เขียนเชื่อว่าถ้าใครได้ลองใช้โน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface ดูสักครั้ง เชื่อว่าจะถูกใจอย่างแน่นอน

โน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface 7 รุ่นน่าใช้ ซื้อเอาไว้ทำงานดีถูกใจแน่นอน

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface CPU

GPU

SSD

RAM

Software

Display

Weight

Camera

Connectivity ราคา
(บาท)
Microsoft Surface Go 3 Intel Core
i3-10100Y

Intel UHD Graphics

M.2 NVMe
128GB

8GB LPDDR3
1866MHz

Windows 11 Home

PixelSense
10.5″ FHD IPS

544 กรัม

กล้องหน้า
5 ล้านพิกเซล

กล้องหลัง
8 ล้านพิกเซล

USB-C x 1

microSDXC Card Reader x 1

Surface Connect x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.0

24,390
Microsoft Surface Pro 7+ Intel Core
i3-11135G4

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
128GB

8GB LPDDR4x
3733MHz

Windows 11 Home

PixelSense
12.3″ 
(2736×1824)
IPS

770 กรัม

กล้องหน้า
5 ล้านพิกเซล

กล้องหลัง
8 ล้านพิกเซล

USB-C x 1

USB-A x 1

Surface Connect x 1

microSDXC Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.0

29,900
Microsoft Sufrace Pro 8 Intel Core
i5-1135G7

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
128GB

8GB LPDDR4x
3200MHz

Windows 11 Home

PixelSense
13″ 
(2880×1920)
IPS

Refresh Rate 120Hz

Dolby Vision

891 กรัม

กล้องหน้า
5 ล้านพิกเซล

กล้องหลัง
10 ล้านพิกเซล

Thunderbolt 4 x 2

Surface Connect x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

36,900
Microsoft Surface Pro 9 Intel Core
i5-1235U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
256GB

8GB LPDDR5
5200MHz

Windows 11 Home

PixelSense
13″ 
(2880×1920)
IPS

Dolby Vision IQ

879 กรัม

กล้องหน้า
1080p

กล้องหลัง
10 ล้านพิกเซล

Thunderbolt 4 x 2

microSDXC Card Reader x 1

Surface Connect x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

42,900
Microsoft Surface Laptop Go 2 Intel Core
i5-1135G7

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
256GB

8GB LPDDR4x
4267MHz

Windows 11 Home

PixelSense
12.4″ 
(1536×1024)
IPS

1.1 กิโลกรัม

USB-C x 1

USB-A x 1

Surface Connect x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

29,900
Microsoft Surface Laptop 5 Intel Core
i5-1235U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
256GB

8GB LPDDR5
5200MHz

Windows 11 Home

PixelSense
13.5″ 
(2256×1504)
IPS

1.2 กิโลกรัม

Thunderbolt 4 x 1

USB-A 3.1 x 1

Surface Connect x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

40,900
Microsoft Surface Laptop Studio Intel Core
i5-11300H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR4x
3200MHz

Windows 11 Home

PixelSense
14.4″ 
(2400×1600)
IPS

Refresh Rate 120Hz

Dolby Vision

1.7 กิโลกรัม

Thunderbolt 4 x 2

Surface Connect x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

59,790

7 โน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface รวมรุ่นเด็ดน่าซื้อมาแนะนำพร้อมโปรฯ ดีๆ จาก BaNANA

Cover Microsoft Surface love deal 060223 130223 category banner medium 1

หากผู้ใช้คนไหนอยากเปลี่ยนคอมเครื่องเก่าเป็นโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface ล่ะก็ ทาง BaNANA ได้จัดแคมเปญ Surface Love Deal เมื่อซื้อ Microsoft Surface จะได้ของแถมตามรุ่นที่ร่วมรายการ ได้แก่ Microsoft TypeCover, กระเป๋าโน๊ตบุ๊ครวมถึง Microsoft 365 ไปใช้งานอีกด้วย โดยโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface ที่ผู้เขีนแนะนำจะมี 7 รุ่น ดังนี้

  1. Microsoft Surface Go 3 (24,390 บาท)
  2. Microsoft Surface Pro 7+ (29,900 บาท)
  3. Microsoft Sufrace Pro 8 (36,900 บาท)
  4. Microsoft Surface Pro 9 (42,900 บาท)
  5. Microsoft Surface Laptop Go 2 (29,900 บาท)
  6. Microsoft Surface Laptop 5 (40,900 บาท)
  7. Microsoft Surface Laptop Studio (59,790 บาท)
1. Microsoft Surface Go 3 (24,390 บาท)

1 2

โน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface รุ่นแรกนี้ ขอแนะนำเป็น Microsoft Surface Go 3 ราคาประหยัดแต่สเปคดี ใช้ทำงานหรือเรียนออนไลน์ได้สบายๆ เมื่อซื้อในแคมเปญนี้จะได้รับ TypeCover และปากกา Surface Pen ไว้ใช้ทำงานด้วย ส่วนฟีเจอร์เด่น ได้แก่ ฟีเจอร์สแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องด้วยกล้อง IR Camera รองรับการชาร์จเร็วและใช้งานได้นาน 11 ชั่วโมง ปิดด้วยกระจก Gorilla Glass 3 เพื่อความแข็งแรงทนทานยิ่งขึ้น

ซีพียูในเครื่องติดตั้ง Intel Core i3-10100Y แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.3~3.9GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics สำหรับทำงานและแสดงผลขึ้นจอทัชสกรีน PixelSense ขนาด 10.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ได้เป็นอย่างดี มี M.2 NVMe SSD ความจุ 128GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับแรมอีก 8GB LPPDDR3 บัส 1866MHz มาให้ มีพอร์ต USB-C x 1, microSDXC Card Reader x 1, Surface Connect สำหรับต่ออแดปเตอร์เฉพาะของเครื่อง x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0 น้ำหนักเพียง 544 กรัมเท่านั้น มีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้าน และกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลติดตั้งมาให้ใช้ด้วย หากใครอยากลองเริ่มใช้โน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface ราคาไม่แพงสักเครื่องก็เริ่มกับ Surface Go 3 ก่อนได้เลย

สเปคของ Microsoft Surface Go 3
CPU Intel Core i3-10100Y แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.3~3.9GHz
GPU Intel UHD Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 128GB
RAM 8GB LPDDR3 บัส 1866MHz
Display จอทัชสกรีน PixelSense ขนาด 10.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มีกล้อง IR Camera สแกนหน้าปลดล็อคเครื่อง
Connectivity USB-C x 1, microSDXC Card Reader x 1, Surface Connect x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0

กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้าน และกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล

Software Windows 11 Home
Weight 544 กรัม
Price 24,390 บาท แถม TypeCover และปากกา Surface Pen (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
2. Microsoft Surface Pro 7+ (29,900 บาท)

2 2

ถัดมาเป็นโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface Pro 7+ ซึ่งร่วมแคมเปญแถม TypeCover และปากกา Surface Pen อีกด้ามเอาไว้ใช้งานด้วย โดย Surface Pro 7+ เป็นรุ่นอัพเกรดมาใช้ Intel 11th Gen แล้ว และใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 15 ชั่วโมง หน้าจอใหญ่พร้อมกล้อง IR Camera สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้แถมน้ำหนักยังเบาพกพาง่ายอีกด้วย

สเปครุ่นที่เลือกมาแนะนำใช้ซีพียู Intel Core i3-11135G4 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 3.0~4.1GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics ได้หน้าจอทัชสกรีน PixelSense ขนาด 12.3 นิ้ว ความละเอียด 2736×1824 พิกเซล พาเนล IPS ติดตั้ง M.2 NVMe SSD ความจุ 128GB กับ Windows 11 Home และแรมออนบอร์ด 8GB LPDDR4x บัส 3733MHz มีพอร์ต USB-C x 1, USB-A x 1, Surface Connect x 1, microSDXC Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้ว Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0 มีกล้องหน้า 5 ล้าน และกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลติดตั้งมาให้ น้ำหนัก 770 กรัมเท่านั้น ถ้าใครต้องการโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface สเปคดีน้ำหนักไม่มาก พกพาสะดวกน่าใช้ก็ขยับงบประมาณสักนิดมาซื้อรุ่นนี้ได้เลย

สเปคของ Microsoft Surface Pro 7+
CPU Intel Core i3-11135G4 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 3.0~4.1GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 128GB
RAM 8GB LPDDR4x บัส 3733MHz
Display จอทัชสกรีน PixelSense ขนาด 12.3 นิ้ว ความละเอียด 2736×1824 พิกเซล พาเนล IPS
Connectivity USB-C x 1, USB-A x 1, Surface Connect x 1, microSDXC Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0

กล้องหน้า 5 ล้าน และกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

Software Windows 11 Home
Weight 770 กรัม
Price 29,990 บาท แถม TypeCover และปากกา Surface Pen (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
3. Microsoft Sufrace Pro 8 (36,900 บาท)

3 2

โน๊ตบุ๊ค Microsoft Sufrace Pro 8 นี้ต้องถือเป็นรุ่นอัพเกรดจาก Surface Pro 7+ ในข้อก่อนหน้าโดยคงข้อดีของรุ่นก่อนเอาไว้แล้วเสริมฟีเจอร์เด่นเข้ามาอีกหลายอย่าง ได้แก่ ได้รับการรับรอง Intel Evo แล้วและทางบริษัทก็การันตีว่าแบตเตอรี่ของมันทนทานใช้งานได้ทั้งวัน มีพอร์ต Thunderbolt 4 ติดตั้งมาให้และทาง BaNANA เองก็มีแคมเปญแถม TypeCover พร้อมปากกา Surface Pen รุ่นล่าสุดนี้เช่นกัน

ด้านสเปคของรุ่นนี้เป็น Intel Core i5-1135G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4~4.2GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics กับหน้าจอทัชสกรีน PixelSense ขนาด 13 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1920) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz แสดงผลแบบ Dolby Vision มี M.2 NVMe SSD ความจุ 128GB ติดตั้ง Windows 11 Home แรมออนบอร์ด 8GB LPDDR4x บัส 3200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, Surface Connect x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 มีกล้องหน้า 5 ล้าน และกล้องหลัง 10 ล้านพิกเซลติดตั้งมาให้ใช้งาน น้ำหนักเครื่อง 891 กรัม ถือเป็นโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface รุ่นอัพเกรดที่สเปคคุ้มราคาเครื่องหนึ่ง ถ้าจะซื้อไว้ใช้เป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องหลักล่ะก็ถือว่าคุ้มค่ามาก

สเปคของ Microsoft Sufrace Pro 8
CPU Intel Core i5-1135G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4~4.2GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 128GB
RAM 8GB LPDDR4x บัส 3200MHz
Display จอทัชสกรีน PixelSense ขนาด 13 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1920) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz แสดงผลแบบ Dolby Vision
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, Surface Connect x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1

กล้องหน้า 5 ล้าน และกล้องหลัง 10 ล้านพิกเซล

Software Windows 11 Home
Weight 891 กรัม
Price 36,900 บาท แถม TypeCover พร้อมปากกา Surface Pen (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
4. Microsoft Surface Pro 9 (42,900 บาท)

4 2

ส่วนโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface Pro 9 รุ่นล่าสุดจากทาง Microsoft โดยรุ่นล่าสุดนี้ยกข้อดีของ Surface 8 มาแล้วปรับเปลี่ยนซีพียูเป็น Intel 12th Gen รุ่นใหม่และปรับปรุง Surface Pen ให้ทำงานดีกว่าเดิมจนเหมือนเขียนบนหน้ากระดาษจริงๆ และได้รับการรับรอง Intel Evo เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนแคมเปญจากทาง BaNANA เมื่อซื้อ Surface Pro 9 ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะจะได้ทั้ง TypeCover, เคสใส่ Surface 9, Microsoft 365 Professional ไปใช้อีกด้วย

ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Core i5-1235U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz จับคู่การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics ใช้หน้าจอทัชสกรีน PixelSense ขนาด 13 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1920) พาเนล IPS รองรับ Dolby Vision IQ มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home แรม 8GB LPDDR5 บัส 5200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, microSDXC Card Reader x 1, Surface Connect x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ติดตั้งกล้องหน้า 1080p ใช้สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้และกล้องหลัง 10 ล้านพิกเซลมาด้วย น้ำหนักเครื่อง 879 กรัม จัดเป็นโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface ทรงแท็บเล็ตที่น่าใช้และราคาค่อนข้างสมเหตุผลคุ้มลงทุนอย่างแน่นอน

สเปคของ Microsoft Surface Pro 9
CPU Intel Core i5-1235U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 256GB
RAM 8GB LPDDR5 บัส 5200MHz
Display จอทัชสกรีน PixelSense ขนาด 13 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1920) พาเนล IPS รองรับ Dolby Vision IQ
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, microSDXC Card Reader x 1, Surface Connect x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1

กล้องหน้า 1080p ใช้สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้และกล้องหลัง 10 ล้านพิกเซล

Software Windows 11 Home
Weight 879 กรัม
Price 42,900 บาท แถม TypeCover, เคสใส่ Surface 9, Microsoft 365 Professional
(คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
5. Microsoft Surface Laptop Go 2 (29,900 บาท)

5 2

ถ้าใครต้องการโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface ดีไซน์ฝาพับราคาไม่แพงมาก Microsoft Surface Laptop Go 2 เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นเริ่มต้นราคาดี ตอบโจทย์คนที่อยากเริ่มใช้สินค้าของทาง Microsoft อย่างแน่นอน ด้านจุดเด่นนอกจากน้ำหนักเบาเพียง 1.1 กิโลกรัม แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุด 13.5 ชั่วโมง ยังติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาที่ปุ่ม Power ด้วย ถือว่าครบเครื่องน่าใช้มาก

ซีพียูใน Surface Go 2 เป็น Intel Core i5-1135G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4~4.2GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics กับจอทัชสกรีน PixelSense 12.4 นิ้ว ความละเอียด 1536×1024 พิกเซล พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรมออนบอร์ด 8GB LPDDR4x บัส 4267MHz มีพอร์ต USB-C x 1, USB-A x 1, Surface Connect x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 หากใครหาโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface ดีๆ ราคาไม่แพงมาลองเริ่มใช้งานดูสักครั้งว่าเป็นอย่างไร ก็เริ่มที่รุ่นนี้ได้เลย

สเปคของ Microsoft Surface Laptop Go 2
CPU Intel Core i5-1135G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4~4.2GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 256GB
RAM 8GB LPDDR4x บัส 4267MHz
Display จอทัชสกรีน PixelSense 12.4 นิ้ว ความละเอียด 1536×1024 พิกเซล พาเนล IPS
Connectivity USB-C x 1, USB-A x 1, Surface Connect x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home
Weight 1.1 กิโลกรัม
Price 29,900 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
6. Microsoft Surface Laptop 5 (40,900 บาท)

6 1

Microsoft Surface Laptop 5 เป็นโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface รุ่นล่าสุดจากทางบริษัทที่ผ่านมาตรฐาน Intel Evo การันตีว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้แบตเตอรี่ทนทานใช้งานได้หลายชั่วโมง มีหน้าจอ 13 และ 15 นิ้ว ให้เลือกและรองรับ Dolby Vision IQ ในตัว ลำโพงรองรับ Dolby Atmos มีพอร์ต Thunderbolt 4 ติดตั้งมาให้ใช้งาน ส่วนแบตเตอรี่ทางบริษัทเคลมว่าใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 17 ชั่วโมง และมีกล้องอินฟาเรด IR Camera ติดตั้งมาให้สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้ด้วย

ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Core i5-1235U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics กับหน้าจอทัชสกรีน PixelSense ขนาด 13.5 นิ้ว ความละเอียด 2.2K (2256×1504) พาเนล IPS ขอบเขตสีกว้าง มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ แรมออนบอร์ดความจุ 8GB LPDDR5 บัส 5200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.1 x 1, Surface Connect x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 น้ำหนักตัวเครื่อง 1.2 กิโลกรัม ส่วนแคมเปญจากทาง BaNANA เมื่อซื้อ Surface Laptop 5 จะได้รับ Microsoft Office Home & Student ฟรีด้วย ถือว่าคุ้มค่าครบเครื่องไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเปิดเครื่องมาทำงานได้ทันที 

สเปคของ Microsoft Surface Laptop 5
CPU Intel Core i5-1235U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 256GB
RAM 8GB LPDDR5 บัส 5200MHz
Display จอทัชสกรีน PixelSense ขนาด 13.5 นิ้ว ความละเอียด 2.2K (2256×1504) พาเนล IPS
Connectivity Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.1 x 1, Surface Connect x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home
Weight 1.2 กิโลกรัม
Price 40,900 บาท แถม Microsoft Office Home & Student ฟรี (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
7. Microsoft Surface Laptop Studio (59,790 บาท)

7

สุดท้ายโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface เพื่อครีเอเตอร์โดยเฉพาะอย่าง Microsoft Surface Laptop Studio ปัจจุบันนี้ก็มีให้เลือกซื้อจากทาง BaNANA ได้แล้ว โดยจุดเด่นของซีรี่ส์ Studio คือ ชุดบานพับหน้าจอ Dynamic Woven Hinge ออกแบบให้พับยื่นจอมาข้างหน้าเพื่อเน้นนำเสนองานได้หรือพับเป็นแท็บเล็ตแล้วใช้ Surface Slim Pen 2 เขียนวาดจดไอเดียต่างๆ ได้ตามต้องการ ถูกใจสายวาดหรือจดโน้ตเนื้อหาต่างๆ ลงในเอกสารเป็นอย่างมาก และยังมีรุ่นย่อยที่ติดตั้งการ์ดจอแยก NVIDIA เอาไว้ทำงานกราฟิคด้วย

สเปครุ่นที่เลือกมาแนะนำ เป็น Intel Core i5-11300H แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 3.1~4.4GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics หน้าจอทัชสกรีน PixelSense Flow ขนาด 14.4 นิ้ว ความละเอียด 2400×1600 พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz รองรับ Dolby Vision แสดงผลได้ดียิ่งขึ้น มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับแรมออนบอร์ด 16GB LPDDR4x บัส 3200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, Surface Connect x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ด้วย น้ำหนักเครื่อง 1.7 กิโลกรัม หากใครต้องการโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface รุ่นทรงพลัง ทำงานหนักสบายๆ สักเครื่องเอาไว้ใช้ก็เพิ่มเงินมาซื้อรุ่นนี้ได้เลย เชื่อว่าคุ้มค่าถูกใจสายทำงานทุกคนอย่างแน่นอน

สเปคของ Microsoft Surface Laptop Studio
CPU Intel Core i5-11300H แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 3.1~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB LPDDR4x บัส 3200MHz
Display จอทัชสกรีน PixelSense Flow ขนาด 14.4 นิ้ว ความละเอียด 2400×1600 พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz รองรับ Dolby Vision
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, Surface Connect x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home
Weight 1.7 กิโลกรัม
Price 59,790 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)

bram van oost 6WvZo5FOxww unsplash

Alan Kay นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวอเมริกันเคยกล่าวไว้ว่า “People who are really serious about software should make their own hardware.” (ใครที่ใส่ใจซอฟท์แวร์ของตน ควรสร้างฮาร์ดแวร์ของตนขึ้นมาด้วย) ซึ่งทาง Microsoft ก็สร้างโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface มาเพื่อผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊ค Windows ที่ดีสุดเท่าที่ทางบริษัทต้องการให้เป็น และแม้ราคาจะสูงอยู่บ้างก็ตามแต่คุ้มค่าจะลงทุนซื้อมาลองใช้งานสักครั้ง และถ้าถูกใจเชื่อว่าโน๊ตบุ๊ค Microsoft Surface จะกลายเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นโปรดในใจอย่างแน่นอน


บทความที่เกี่ยวข้อง

7 mechanical keyboard full size 1

Acer Aspire 3 1

7เมาท์ไร้สายเทพๆ

from:https://notebookspec.com/web/686818-7-recommend-microsoft-surface

6 โน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 ซีพียู AMD, Intel มี Office แท้! แรงคุ้มถูกใจสายทำงาน เริ่ม 29,990 บาท!

รวมโน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 รุ่นเด่นทั้ง AMD, Intel มาให้เลือก ได้ Office แท้ทุกเครื่องแน่นอน!!

Share image Edit Name 1acerlightweight 1

ยุคนี้ที่เทคโนโลยีและเทคนิคการย่อขนาดชิ้นส่วนภายในอุปกรณ์ไอทีได้รับการพัฒนาให้ล้ำสมัยขึ้น จึงมีกลุ่มโน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 ออกมาวางขายมากขึ้น ซึ่งข้อดีนอกจากเรื่องน้ำหนักเบาตัวเครื่องก็บางพกพาสะดวก ใส่กระเป๋าสะพายข้างหรือกระเป๋าโน๊ตบุ๊คแบบสะพายข้างแฟชั่นสวยๆ ให้ภาพลักษณ์ดูทันสมัยยิ่งขึ้น และโน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 หลายรุ่นในปัจจุบันก็ติดตั้งพอร์ต USB-C ที่ใช้ชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ได้ จึงใช้ปลั๊ก GaN กำลังชาร์จ 65 วัตต์และสาย USB-C ดีๆ สักเส้นติดกระเป๋าไปก็ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ให้ใช้โน๊ตบุ๊คทำงานได้เมื่อจำเป็นอีกด้วย และยังไม่รวมฟังก์ชั่นเฉพาะของโน๊ตบุ๊คแต่ละรุ่นที่ทางบริษัทปรับแต่งมาให้เป็นพิเศษด้วย

Advertisementavw

นอกจากนี้ โน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 ก็มีซีพียู Intel ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานได้ดีรอบด้านไม่ว่าจะงานเอกสารหรือจะใช้เรนเดอร์กราฟิคหรือแต่งภาพก็ได้ ด้านของโน๊ตบุ๊คซีพียู AMD นอกจากได้ราคาน่าคบหาแล้ว Ryzen 6000 Series ณ ปัจจุบันนี้ก็มีกราฟิคการ์ดออนบอร์ดประสิทธิภาพสูงขึ้นจนใช้ทำงานกราฟิคหรือใช้เล่นเกมได้เสียด้วยซ้ำ โดยตั้งค่าตัวเกมด้วย AMD Software: Adrenalin Edition เล็กน้อยก็รันเกมได้ไหลลื่นอย่างไม่น่าเชื่อ ต้องถือว่าโน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 ในตอนนี้มีรุ่นน่าใช้ให้เลือกมากทีเดียว และประสิทธิภาพก็น่าประทับใจอย่างแน่นอน

โน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022

สรุปสเปค 6 โน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 สเปคดีมี Office แท้ให้ใช้ด้วย!

สเปคโน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 CPU

GPU

SSD

RAM

Software

หน้าจอ

น้ำหนัก

การเชื่อมต่อ ราคา
(บาท)
Acer Swift 3 SF314-512-51E2 Intel Core
i5-1240P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB LPDDR4x
4267MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ 2K
(2160×1440)
IPS

1.25 กก.

USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

29,990
Acer Swift 5 SF514-56M4 Intel Core
i5-1240P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

ทัชสกรีน
14″ WQXGA
(2560×1440)
IPS

1.2 กก.

USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

39,990
Acer Swift 3 SF314-71-50E8 Intel Core
i5-12500H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ 2.8K
(2800×1800)
OLED

อัตราส่วน 16:10

1.4 กก.

USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

31,990
Acer Swift 3 SF314-71-75VF Intel Core
i7-12700H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ 2.8K
(2800×1800)
OLED

อัตราส่วน 16:10

1.4 กก.

USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

35,990
Acer Swift Edge SFA16-41-R4B1 AMD Ryzen 5 6600U

AMD Radeon 660M

M.2 NVMe
1TB

16GB LPDDR5
6400MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

16″ WQUGA
(3840×2400)
OLED

อัตราส่วน 16:10

100% DCI-P3

VESA DisplayHDR True Black 500

USB-C 3.2 Gen 2 รองรับ DisplayPort alt-mode และ Power Delivery

USB-A 3.2 Gen 1 x 2

HDMI 2.1 x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

45,990
Acer Swift Edge SFA16-41-R76R AMD Ryzen 7 6800U

AMD Radeon 680M

M.2 NVMe
1TB

16GB LPDDR5
6400MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

16″ WQUGA
(3840×2400)
OLED

อัตราส่วน 16:10

100% DCI-P3

VESA DisplayHDR True Black 500

USB-C 3.2 Gen 2 รองรับ DisplayPort alt-mode และ Power Delivery

USB-A 3.2 Gen 1 x 2

HDMI 2.1 x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

49,990

acer laptop swift edge the design 1

6 โน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 พกง่ายทำงานดีแบตเตอรี่ทนทาน ทำงานเวิร์คแน่นอน

ผู้ใช้คนไหนกำลังมองหาโน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 เครื่องใหม่ประสิทธิภาพดีขึ้นมาใช้แทนเครื่องเก่าที่น้ำหนักมากพกพาลำบากอยู่ ณ ตอนนี้ก็มีรุ่นน่าใช้ให้เลือกถึง 6 รุ่น ทั้งซีพียู AMD, Intel รุ่นใหม่ล่าสุด โดยมีรุ่นดังนี้

  1. Acer Swift 3 SF314-512-51E2 (29,990 บาท)
  2. Acer Swift 5 SF514-56M4 (39,990 บาท)
  3. Acer Swift 3 SF314-71-50E8 (31,990 บาท)
  4. Acer Swift 3 SF314-71-75VF (35,990 บาท)
  5. Acer Swift Edge SFA16-41-R4B1 (45,990 บาท)
  6. Acer Swift Edge SFA16-41-R76R (49,990 บาท)
1. Acer Swift 3 SF314-512-51E2 (29,990 บาท)

acer1

โน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 รุ่นแรกเป็น Acer Swift 3 SF314-512-51E2 ซึ่งเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ซึ่งจัดการพลังงานได้เป็นอย่างดี เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้รวดเร็ว ได้ซีพียู Intel 12th Gen ได้จอความละเอียดสูง 2K กับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดมาให้กับปุ่ม Power อีกด้วย ช่วยเสริมความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้ผู้ใช้อีกด้วย

ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics เพื่อแสดงผลขึ้นจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 2K (2160×1440) พาเนล IPS ได้ดี มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ มีแรมออนบอร์ด 8GB LPDDR4x บัส 4267MHz มีพอร์ต USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 และน้ำหนักเบาเพียง 1.25 กิโลกรัมเท่านั้น จัดว่าเบาพกง่าย มีฟีเจอร์ติดมาให้ครบเครื่องพอใช้งาน เป็นโน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 ที่ราคาดีและฟีเจอร์ติดมาให้ใช้เยอะพอสมควรอีกด้วย

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-512-51E2
  • CPU : Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : ออนบอร์ด 8GB LPDDR4x บัส 4267MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2K (2160×1440) พาเนล IPS
  • Ports : USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.25 กิโลกรัม
  • Price : 29,990 บาท (Speed Computer Shopee)
2. Acer Swift 5 SF514-56M4 (39,990 บาท)

acer2

โน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 รุ่นถัดมาเป็น Acer Swift 5 SF514-56M4 ซึ่งวัสดุตัวเครื่องหรูหรายิ่งขึ้นและได้หน้าจอทัชสกรีนความละเอียด 2K มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดมาให้ที่ปุ่ม Power และบอดี้ดีไซน์ให้ยกฐานตัวเครื่องขึ้นเล็กน้อยเมื่อกางหน้าจอใช้งานและยังมีพอร์ต Thunderbolt ด้วย จัดว่าน่าใช้มาก

ซีพียูของ Swift 5 เป็น Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics ส่วนหน้าจอทัชสกรีนมีขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1440) พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 กับแรม 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz มาให้ใช้งาน มีพอร์ต USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 น้ำหนักเครื่องเพียง 1.2 กิโลกรัม ซึ่งโน๊ตบุ๊คนี้เมื่อเป็นจอทัชสกรีนแล้ว ก็ใช้นิ้วแตะเลือกโปรแกรมหรือแอพฯ ที่ต้องการบนหน้าจอได้เลย ไม่ต้องใช้เมาส์ก็ได้เช่นกัน

สเปคของ Acer Swift 5 SF514-56M4
  • CPU : Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : ออนบอร์ด 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
  • Display : ทัชสกรีน 14 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1440) พาเนล IPS
  • Ports : USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.2 กิโลกรัม
  • Price : 39,990 บาท (Chaikamol Group Shopee)
3. Acer Swift 3 SF314-71-50E8 (31,990 บาท)

acer3

หากผู้ใช้คนไหนทำงานสายอาร์ทตัดต่อแต่งภาพหรืออยากใช้หน้าจอ OLED ล่ะก็ Acer Swift 3 SF314-71-50E8 นับว่าน่าใช้มาก เพราะได้จอ OLED ความละเอียด 2.8K และยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power และพอร์ต Thunderbolt และ Microsoft Office อีกด้วย

ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics สำหรับเรนเดอร์ภาพและกราฟิคงานขึ้นจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2800×1800) พาเนล OLED อัตราส่วนจอ 16:10 ได้เป็นอย่างดี มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ แรมในเครื่องเป็นแบบออนบอร์ดความจุ 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz มีพอร์ต USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 และน้ำหนักเครื่องเพียง 1.4 กิโลกรัม หากมองหาโน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 จอสวยสักเครื่องก็แนะนำเป็นรุ่นจอ OLED ตัวนี้เอาไว้เลย

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-71-50E8
  • CPUIntel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2800×1800) พาเนล OLED อัตราส่วนจอ 16:10
  • Ports : USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 31,990 บาท (BaNANA)
4. Acer Swift 3 SF314-71-75VF (35,990 บาท)

acer4

แม้ Intel Core i5-12500H จะทำงานได้ดีแต่ผู้เขียนมั่นใจว่ามีผู้ใช้บางคนที่รันงานหนักจนต้องหารุ่นซีพียู Intel Core i7 มาใช้ถึงจะตอบโจทย์ แต่ก็อยากได้จอ OLED ด้วยก็เพิ่มเงินเล็กน้อยแล้วซื้อ Acer Swift 3 SF314-71-75VF รหัสนี้แทน เพราะได้ซีพียู Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz แทน ทำให้รันงานหนักได้ดีขึ้นและแชร์สเปคส่วนอื่นร่วมกับ Acer Swift 3 ในข้อก่อนแทบทั้งหมด หากใครมีเงื่อนไขตามที่ผู้เขียนกล่าวถึงไปข้างต้นก็ซื้อเครื่องนี้ไปใช้ได้เลย

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-71-75VF
  • CPUIntel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2800×1800) พาเนล OLED อัตราส่วนจอ 16:10
  • Ports : USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 35,990 บาท (ราคากลาง)
5. Acer Swift Edge SFA16-41-R4B1 (45,990 บาท)

acer5

Acer Swift Edge SFA16-41-R4B1 นี้เป็น Acer Swift ซีพียู AMD Ryzen 6000 Series รุ่นใหม่ล่าสุดประสิทธิภาพสูงพอใช้เล่นเกมฟอร์มยักษ์ได้และน้ำหนักเบาเพียง 1.17 กิโลกรัม, ได้หน้าจอ 16 นิ้ว ความละเอียด 4K OLED คุณภาพสูงไม่พอ ระบบรักษาความปลอดภัยนั้นได้ทั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือและชิป Microsoft Pluton เข้ามาช่วยซัพพอร์ตชิป TPM 2.0 อีกด้วย หากผู้ใช้คนไหนสนใจจะซื้อรุ่นนี้อยู่แล้วสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

Swift Edge รุ่นเริ่มต้นติดตั้งซีพียู AMD Ryzen 5 6600U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.9-4.5GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon 660M แบบ 6 คอร์ ความเร็ว 1,900MHz มาให้ มีหน้าจอขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด WQUGA (3840×2400) พาเนล OLED อัตราส่วนจอ 16:10 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 มาให้ มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 กับแรมออนบอร์ด 16GB LPDDR5 บัส 6400MHz มาให้ครบเครื่อง มีพอร์ต USB-C 3.2 Gen 2 รองรับ DisplayPort alt-mode และ Power Delivery, USB-A 3.2 Gen 1 x 2, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ส่วนน้ำหนักเครื่องเพียง 1.17 กิโลกรัม ซึ่งการ์ดจอออนบอร์ดของ Ryzen 6000 Series นั้นทรงพลังพอใช้เล่นเกมฟอร์มยักษ์ ณ ตอนนี้ได้ โดยใช้ซอฟท์แวร์ AMD Software: Adrenalin Edition ช่วยตั้งค่าเล็กน้อยก็เล่นเกมได้อย่างแน่นอน

สเปคของ Acer Swift Edge SFA16-41-R4B1
  • CPUAMD Ryzen 5 6600U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.9-4.5GHz
  • GPU :  AMD Radeon 660M แบบ 6 คอร์ ความเร็ว 1,900MHz
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4
  • RAM : ออนบอร์ด 16GB LPDDR5 บัส 6400MHz
  • Display : 16 นิ้ว ความละเอียด WQUGA (3840×2400) พาเนล OLED อัตราส่วนจอ 16:10 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, TUV Rheinland eyesafe Certified
  • Ports : USB-C 3.2 Gen 2 รองรับ DisplayPort alt-mode และ Power Delivery, USB-A 3.2 Gen 1 x 2, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax คลื่น 6GHz รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 1080p Full HD Camera, Acer TNR
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.17 กิโลกรัม
  • Price : 45,990 บาท (BaNANA)
6. Acer Swift Edge SFA16-41-R76R (49,990 บาท)

acer6

โน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 รุ่นสุดท้ายเป็น Acer Swift Edge SFA16-41-R76R ซึ่งแชร์สเปคกับ Swift Edge ในข้อก่อนหน้าแทบทั้งหมดแต่อัพเกรดซีพียูเป็น AMD Ryzen 7 6800U แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.7-4.7GHz รุ่นประสิทธิภาพสูงสุดและได้การ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon 680M แบบ 12 คอร์ ความเร็ว 2,200MHz แทน ซึ่งเมื่อมีคอร์การ์ดจอออนบอร์ดเยอะขึ้นก็ช่วยให้เรนเดอร์งานกราฟิคได้ดีและถ้าเล่นเกมก็ได้เฟรมเรทมากขึ้นอีกด้วย หากผู้ใช้คนไหนต้องการโน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 ซีพียู AMD ที่ดีสุด ณ ตอนนี้ ก็ต้องเป็น Acer Swift Edge รุ่นนี้เลย

สเปคของ Acer Swift Edge SFA16-41-R76R
  • CPUAMD Ryzen 7 6800U แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.7-4.7GHz
  • GPU :  AMD Radeon 680M แบบ 12 คอร์ ความเร็ว 2,200MHz
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4
  • RAM : ออนบอร์ด ความจุ 16GB LPDDR5
  • Display : 16 นิ้ว ความละเอียด WQUGA (3840×2400) พาเนล OLED อัตราส่วนจอ 16:10 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, TUV Rheinland eyesafe Certified
  • Ports : USB-C 3.2 Gen 2 รองรับ DisplayPort alt-mode และ Power Delivery, USB-A 3.2 Gen 1 x 2, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax คลื่น 6GHz รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 1080p Full HD Camera, Acer TNR
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.17 กิโลกรัม
  • Price : 49,990 บาท (CHI CHANG Shopee)

acer laptop swift edge the security

จะเห็นว่าโน๊ตบุ๊ค Acer น้ำหนักเบา 2022 ณ ช่วงปลายปีนี้มีรุ่นน่าใช้ให้เลือกหลายรุ่น ไม่ว่าจะรุ่นสเปคคุ้มราคาไม่เกิน 30,000 บาท, จอทัชสกรีนหรือได้ซีพียู AMD Ryzen 6000 Series ก็มีให้เลือก และทุกรุ่นก็มี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้จากโรงงานอีกด้วย เมื่อซื้อมาก็เปิดเครื่องใช้ได้ทันที ไม่ต้องเสียเงินซื้อซอฟท์แวร์เพิ่มเลย


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 1swift 1

Share image Edit Name 2acer 1

Share image Edit Name 1acer20000 1

from:https://notebookspec.com/web/678008-6-acer-light-weight-laptop-2022-to-2023

6 โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 เพื่อคนทำงาน อัพเกรดได้สเปคคุ้ม เริ่มแค่ 26,990 บาท อัพเดทปลายปี 2022

Acer Intel Gen 12 รุ่นใหม่ปลายปี มีรุ่นเด็ดสเปคถูกใจคนทำงานให้เลือกเพียบ!

Share image Edit Name 2acer 1

โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 ในช่วงปลายปีเช่นนี้จัดว่าคึกคักน่าสนใจมาก โดยทางบริษัทก็เปิดตัวโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ซึ่งนอกจากอัพเดทพาเนลหน้าจอเป็น OLED แล้ว ยังเปลี่ยนซีพียูเป็น Intel Gen 12 ซึ่งประสิทธิภาพและการจัดการพลังงานดีกว่า Intel Gen 11 อย่างชัดเจน สามารถรันโปรแกรมและงานหนักได้เป็นอย่างดีไม่พอ โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 รุ่นใหมๆ นี้ยังให้พอร์ต Thunderbolt และติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย จึงปลอดภัยใช้งานได้สบายใจแน่นอน

Advertisementavw

นอกจากนี้ ข้อดีของโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 ณ ตอนนี้ คือ มีซีพียูรุ่นประหยัดพลังงานและรุ่นประสิทธิภาพสูงให้เลือกใช้ได้ และมันยังเปิดฝาอัพเกรด RAM และ SSD ให้มีความจุเพิ่มมากขึ้นได้ด้วย ดังนั้นถ้าซื้อมาก็พร้อมใช้งานได้ยาวนานหลายปีแน่นอน ขอแค่เลือกรุ่นที่ตรงกับโจทย์การใช้งานของเราก็พอแล้ว

Acer Intel Gen 12

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 ตัวเด็ดทั้ง 6 รุ่นเพื่อสายทำงาน

สเปคโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 CPU

GPU

SSD

RAM

Software

หน้าจอ

น้ำหนัก

การเชื่อมต่อ ราคา
(บาท)
Acer Aspire Vero AV15-52-5876 Intel Core
i5-1235U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

1.76 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt 4

HDMI 2.1 x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

26,990
Acer Aspire 5 A515-57-52RN Intel Core
i5-1235U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

ออนบอร์ด 8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

1.76 กก.

USB-A 3.2 x 3

USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

24,990
Acer Aspire 5 A515-57-798Q Intel Core
i7-1255U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

ออนบอร์ด 8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

1.76 กก.

USB-A 3.2 x 3

USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

27,990
Acer Aspire 7 A715-51G-51HN Intel Core
i5-1240P

NVIDIA GeForce RTX 3050

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

2.15 กก.

USB-A 3.2 x 3

USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

31,990
Acer Swift 3 OLED SF314-71-50E8 Intel Core
i5-12500H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ 2.8K
(2880×1800)
OLED

1.4 กก.

USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

31,990
Acer Swift 3 OLED SF314-71-75VF Intel Core
i7-12700H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ 2.8K
(2880×1800)
OLED

1.4 กก.

USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

35,990

6 Acer Intel Gen 12 รุ่นใหม่อัพเดทปลายปี 2022 ซื้อมาใช้เวิร์คแน่นอน

ผู้ใช้คนไหนที่มีแผนจะซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่มาใช้งาน ไม่ว่าจะซื้อเลยหรือรออีเว้นท์ COMMART ก็ตาม ผู้เขียนก็ได้รวมโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 ทั้งหมด 6 รุ่น ซึ่งสเปคมันพร้อมใช้ทำงานเอกสารอย่างแน่นอน โดยมีรุ่นดังต่อไปนี้

  1. Acer Aspire Vero AV15-52-5876 (26,990 บาท)
  2. Acer Aspire 5 A515-57-52RN (24,990 บาท)
  3. Acer Aspire 5 A515-57-798Q (27,990 บาท)
  4. Acer Aspire 7 A715-51G-51HN (31,990 บาท)
  5. Acer Swift 3 OLED SF314-71-50E8 (31,990 บาท)
  6. Acer Swift 3 OLED SF314-71-75VF (35,990 บาท)
1. Acer Aspire Vero AV15-52-5876 (26,990 บาท)

vero

เครื่องแรกเป็น Acer Aspire Vero AV15-52-5876 โน๊ตบุ๊คดีไซน์รักษ์โลกสเปคดี อัพเกรดได้และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ที่มุมแป้นทัชแพดอีกด้วย ซึ่งรุ่นขนาด 15.6 นิ้วนี้มีแป้น Numpad และพอร์ต LAN ติดตั้งมาให้ใช้ ตอบโจทย์สายบัญชีและคนที่ต้องทำงานกับตัวเลขเป็นประจำอย่างแน่นอน หากต้องการอ่านรีวิวฉบับเต็มสามารถคลิกอ่านได้ที่นี่

รุ่นที่แนะนำติดตั้งซีพียู Intel Core i5-1235U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics กับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ แรมในเครื่องมี 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt 4, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 ติดตั้งมาให้ รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ตัวเครื่องหนักเพียง 1.76 กิโลกรัมเท่านั้น เป็นโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 รุ่นแรกที่สเปคต่อราคาคุ้มค่า โปรแกรมครบเครื่องพร้อมใช้งานรุ่นหนึ่ง

สเปคของAcer Aspire Vero AV15-52-5876
  • CPU : Intel Core i5-1235U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 8GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt 4, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.76 กิโลกรัม
  • Price : 26,990 บาท (ราคากลาง)
2. Acer Aspire 5 A515-57-52RN (24,990 บาท)

aspire 5 1

รุ่นถัดมาเป็น Acer Aspire 5 A515-57-52RN ซึ่งตัวเครื่องมีขนาดใหญ่, ติดเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือและชุด Numpad มาให้ ยิ่งไปกว่านั้น Aspire 5 นี้ยังอัพเกรดเพิ่มแรมและ SSD ได้ด้วย ซึ่งดีต่อนักเรียนนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่หรือเพิ่มจบใหม่แล้วได้งานทำเป็นอย่างมาก

สเปคของเครื่องนี้ยังใช้ Intel Core i5-1235U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics มีหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ใช้งาน มีแรมออนบอร์ด 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.76 กิโลกรัม ซึ่งถ้าใครเน้นความคุ้มค่า สเปคดีพร้อมทำงานก็ซื้อ Acer Intel Gen 12 เครื่องนี้ไปใช้ได้เลย

สเปคของ Acer Aspire 5 A515-57-52RN
  • CPU : Intel Core i5-1235U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : ออนบอร์ด 8GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.76 กิโลกรัม
  • Price : 24,990 บาท (ราคากลาง)
3. Acer Aspire 5 A515-57-798Q (27,990 บาท)

acer aspire 5 2

ส่วนของ Acer Aspire 5 A515-57-798Q นี้จะแชร์สเปคร่วมกับ Aspire 5 ในข้อก่อนทั้งหมด ยกเว้นเฉพาะซีพียูที่ทาง Acer อัพเกรดขึ้นมาเป็น Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz หากใครต้องการซีพียูที่ประสิทธิภาพสูงขึ้นสักหน่อยก็ขยับมา Acer Intel Gen 12 รุ่นนี้แทนได้

สเปคของ Acer Aspire 5 A515-57-798Q
  • CPU : Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : ออนบอร์ด 8GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.76 กิโลกรัม
  • Price : 24,990 บาท (ราคากลาง)
4. Acer Aspire 7 A715-51G-51HN (31,990 บาท)

aspire 7

Acer Aspire 7 A715-51G-51HN เป็น Acer Intel Gen 12 รุ่นใหญ่ ณ ตอนนี้สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คมีการ์ดจอแยกเอาไว้ทำงานกราฟิคและเล่นเกมได้และยังได้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดมาด้วย จัดว่าลงตัวน่าใช้งานทีเดียว

ซีพียูใน Aspire 7 เป็น Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz จับคู่การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6 หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตที่ตัวเครื่องมี USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 น้ำหนักเครื่อง 2.15 กิโลกรัม หากใครต้องทำงานอาร์ต แต่งภาพหรือตัดต่อวิดีโอเป็นระยะๆ ล่ะก็ Acer Aspire 7 นี้ก็เป็นโน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 ที่น่าใช้มาก

สเปคของ Acer Aspire 7 A715-51G-51HN
  • CPU : Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 8GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.15 กิโลกรัม
  • Price : 31,990 บาท (BaNANA)
5. Acer Swift 3 OLED SF314-71-50E8 (31,990 บาท)

oled1

โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 สำหรับคนทำงานรุ่นใหม่น่าใช้อย่าง Acer Swift 3 OLED SF314-71-50E8 เครื่องนี้ก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะหน้าจอ OLED นั้นได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500, TÜV RHEINLAND eyesafe Certified และแสดงขอบเขตสีหน้าจอได้กว้าง 100% DCI-P3 แถมความละเอียดยังอยู่ระดับ 2.8K อีกด้วย

เครื่องนี้ที่เลือกมาแนะนำติดตั้งซีพียู Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics สำหรับเรนเดอร์งานและแสดงผลภาพขึ้นจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2800×1800) พาเนล OLED อัตราส่วนจอ 16:10 ได้ไหลลื่น มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ แรมออนบอร์ดความจุ 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz มีพอร์ต USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ในตัว น้ำหนักเครื่องเพียง 1.4 กิโลกรัม หากใครเน้นหน้าจอสวยขอบเขตสีกว้างก็ควรซื้อรุ่นนี้

สเปคของ Acer Swift 3 OLED SF314-71-50E8
  • CPU : Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2800×1800) พาเนล OLED อัตราส่วนจอ 16:10
  • Ports : USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 31,990 บาท (BaNANA)
6. Acer Swift 3 OLED SF314-71-75VF (35,990 บาท)

oled2

โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 เครื่องสุดท้ายเป็น Acer Swift 3 OLED SF314-71-75VF ซึ่งแชร์สเปคกับ Swift 3 OLED ในข้อที่แล้วแทบทั้งหมด แต่อัพเกรดซีพียูเป็น Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz แทน ซึ่งถ้าต้องใช้ซีพียูประสิทธิภาพสูงมาประมวลผลทำงานต่างๆ ให้ดีขึ้น ก็ซื้อรุ่นนี้ไปใช้จะดีสุด

สเปคของ Acer Swift 3 OLED SF314-71-75VF
  • CPU : Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2800×1800) พาเนล OLED อัตราส่วนจอ 16:10
  • Ports : USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 31,990 บาท (BaNANA)

acer laptop aspire 5 the design ksp 6

หากใครเป็นแฟนคลับแบรนด์ Acer เพราะชอบความคุ้มค่า, ดูแลง่ายและได้สเปคคุ้มค่าแล้วอยากได้โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 เครื่องใหม่ไว้ทำงานสักเครื่อง ณ ช่วงปลายปี 2022 นี้ก็มีรุ่นน่าสนใจให้หาซื้อหลากหลายสเปค พร้อมใช้ทำงานต่างๆ ในปัจจุบันได้สบายๆ หากโน๊ตบุ๊คของใครเก่าแล้วเริ่มทำงานไม่ดี ก็แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้โน๊ตบุ๊ค Acer Intel Gen 12 รุ่นใหม่ไปเลยจะดีที่สุด งานจะได้ลื่นไหลไม่ติดขัดนั่นเอง


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 1acer20000 1

Share image Edit Name 1swift 1

Share image Edit Name 2predatorhelios 1

from:https://notebookspec.com/web/674927-6-recommend-acer-intel-gen-12-laptop

รีวิว Acer Aspire Vero Intel Gen 12 บอดี้รักษ์โลก สเปคดีคนทำงานรัก ผ่านมาตรฐาน Intel Evo ด้วย!

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 รุ่นใหม่ พกง่าย ใช้ดี แบตอึดสุดๆ แถมยังรักษ์โลก ครบเครื่อง!!

Share image Edit Name 3vero 1

แม้โน๊ตบุ๊คจะเป็นสินค้าที่ไม่ได้รักษ์โลกนัก เพราะขั้นตอนการผลิตและวัสดุที่เลือกมาประกอบเครื่องก็ก่อขยะในโลกนี้แล้ว แต่ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 นั้นตรงกันข้าม เพราะสินค้าตระกูล Vero จากทาง Acer จะเน้นใช้วัสดุและกรรมวิธีการผลิตที่รักษาสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น ได้แก่ การใช้พลาสติก PCR (Post-Consumer Recycled Plastic) เป็นส่วนประกอบของตัวเครื่อง ซึ่งผสมรวมกับบอดี้ตัวเครื่อง 30% และคีย์แคปอีก 50% รวมทั้งทัชแพด OceanGlass ที่ทำจากขยะพลาสติกในทะเล ทำให้กระบวนการผลิต Acer Aspire Vero Intel Gen 12 นั้นสร้างขยะน้อยลงยิ่งกว่าเดิม

Advertisementavw

ถัดมา Acer ยังไม่ทำสีตัวเครื่องเพื่อลดผลกระทบของ VOC (Volatile Organic Compound) หรือสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย ซึ่งถ้าใช้งานตอนอากาศร้อนมากๆ แล้วสีอาจระเหยออกจากตัวเครื่องแล้วส่งผลเสียต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ทางบริษัทยังใช้น็อตแบบมาตรฐานซึ่งผู้ใช้สามารถถอดเปิดฝาอัพเกรดเครื่องได้ง่าย นอกจากนี้กล่องบรรจุสินค้าก็ยังนำมารีไซเคิลได้มากกว่า 90% ไม่ว่าจะพับกล่องบรรจุเครื่องเป็นแท่นวางโน๊ตบุ๊ค, กระดาษห่ออแดปเตอร์ที่พับเป็นขาตั้งโน๊ตบุ๊คได้ รวมไปถึงซองใส่โน๊ตบุ๊คก็ผลิตจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100% ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์เสริมเยอะ ลดปริมาณขยะที่พ่วงมากับผลิตภัณฑ์ลงไปได้

ส่วนของสเปค Acer Aspire Vero Intel Gen 12 ทางบริษัทก็ตั้งใจให้ลูกค้ายังใช้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปอีกหลายๆ ปี ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ เพื่อสร้างขยะ ดังนั้นทางผู้ผลิตจึงใช้น็อตแบบมาตรฐาน ให้เจ้าของเครื่องเปิดฝาอัพเกรดได้ด้วยตัวเองแล้วใส่สเปคและฟีเจอร์จากโรงงานมาให้ตอบโจทย์คนทำงาน ทั้งได้รับการรับรอง Intel Evo, มีพอร์ต Thunderbolt 4, หน้าจอขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E คลื่น 6GHz ซึ่งรับส่งข้อมูลได้เร็วและเสถียร รวมทั้ง Acer VeroSense ซอฟท์แวร์ปรับโหมดการจัดการพลังงานให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้นและยังปลอดภัยเพราะมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้อีกด้วย

Acer Aspire Vero Intel Gen 12

NBS Verdicts

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00149

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานซึ่งดีไซน์เน้นความรักษ์โลกมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่วัสดุที่เลือกมาประกอบตัวเครื่องไปจนกล่องสินค้าซึ่งนำมารีไซเคิลได้มากถึง 90% ช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ และทางบริษัทยังนำพลาสติก PCR มาผสมกับตัวเครื่อง Aspire Vero เพื่อลดปริมาณการใช้พลาสติกใหม่และการสร้างคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย ซึ่งถ้าใครต้องการมีส่วนร่วมและช่วยลดขยะบนโลกใบนี้แล้วจะหันมาใช้ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน

ประสิทธิภาพการทำงานก็ดีแบบไม่ต้องกังวล เพราะ Aspire Vero รุ่นนี้ได้รับการรับรอง Intel Evo ช่วยการันตีประสิทธิภาพว่ามันใช้งานต่อเนื่องได้นาน, รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 กับพอร์ต Thunderbolt 4 รวมทั้งเปิดเครื่องสแตนบายใช้งานได้เร็วทันใจ ยิ่งไปกว่านั้นทาง Acer ยังติดตั้ง Windows 11 Home พร้อม Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้จากโรงงาน เปิดเครื่องมาใช้งานได้ทันทีและยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดมาตรงแป้นทัชแพดอีกด้วย ช่วยรักษาความปลอดภัยให้ผู้ใช้อุ่นใจยิ่งขึ้นไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาใช้เครื่องของเราโดยพลการอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จุดสังเกตของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 เครื่องที่ได้รับมารีวิวนั้นใช้แรมเป็นออนบอร์ด ความจุ 16GB DDR4 บัส 3200MHz แต่ไม่มีช่องแรมแบบ SO-DIMM ให้ผู้ใช้ใส่แรมเพิ่มได้ด้วยตัวเองและยังมีช่อง M.2 NVMe SSD เพียงช่องหลักช่องเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้าต้องการอัพเกรดหรือถอดเปลี่ยนไดรฟ์เก่าที่เสื่อมสภาพแล้ว ก็ต้องถอดเปลี่ยนกับอันเก่าเท่านั้น แต่ถ้ารุ่นจัดจำหน่ายในประเทศไทยมีช่องแรม SO-DIMM และ M.2 NVMe SSD เพิ่มมาอีกอย่างละช่อง ก็จะดีต่อผู้ใช้เพราะสามารถอัพเกรดให้ตัวเครื่องมีประสิทธิภาพดีขึ้น ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องบ่อยก็ได้

อีกอย่างที่น่ากังขา คือทาง Acer ยังติดตั้งช่องอแดปเตอร์หัวเข็มแบบเก่ามาบนตัวเครื่อง แต่ให้อแดปเตอร์แบบหัว USB-C มาในกล่อง ซึ่งดูขัดกันและคิดว่าทางบริษัทน่าตัดพอร์ตนี้ทิ้งไปหรือให้เป็น Thunderbolt 4 x 2 ช่องไปเลยจะดีกว่า หรือถ้ามองในมุมกลับกัน ทาง Acer อาจจะให้ไว้เพื่อเป็นพอร์ตเสริมเผื่อให้ต่ออแดปเตอร์รุ่นเก่าของทาง Acer ก็เป็นไปได้

ข้อดีของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12
  1. ดีไซน์และบอดี้ตัวเครื่องแข็งแรง ใช้วัสดุรีไซเคิลช่วยลดการสร้างขยะพลาสติก
  2. สันตัวเครื่องส่วนล่างของหน้าจอดีไซน์ให้ยกตัวเครื่องขึ้น ช่วยให้วางมือพิมพ์งานสะดวก
  3. บรรจุภัณฑ์เป็นวัสดุรีไซเคิล สามารถประยุกต์เป็นแท่นวางหรือซองใส่โน๊ตบุ๊คได้ทั้งหมด
  4. ติดตั้ง Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021 มาจากโรงงาน
  5. มีพอร์ต Thunderbolt 4 ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ใช้ต่อหน้าจอหรือชาร์จแบตเตอรี่ก็ได้
  6. ได้รับการรับรอง Intel Evo การันตีว่าทำงานได้ดีและใช้งานได้นานหลายชั่วโมงแน่นอน
  7. รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E คลื่น 6GHz รับส่งข้อมูลได้เร็วและเสถียร
  8. หน้าจอขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ใช้แต่งภาพหรือพรู้ฟสีงานอาร์ตได้อย่างแน่นอน
  9. ติดตั้งซีพียู Intel Core i7-1255U มาให้ ประสิทธิภาพการทำงานและจัดการพลังงานดี
  10. แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 12 ชั่วโมง ไม่ต้องกังวลเมื่อไปทำงานนอกสถานที่
  11. ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ใช้ปลดล็อคเครื่องได้ปลอดภัยและสะดวกขึ้น
  12. ตัวเครื่องขนาด 15.6 นิ้วแต่น้ำหนักราว 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น พกพาสะดวกไม่หนักมาก
ข้อสังเกตของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12
  1. แรมเป็นออนบอร์ดอัพเกรดได้เฉพาะ M.2 NVMe SSD ต้องรอดูโมเดลขายไทยอีกครั้ง
  2. มีช่องต่ออแดปเตอร์แบบหัวเข็มแถมมาทั้งที่อแดปเตอร์ในกล่องเป็น USB-C หากเป็นไปได้น่าเปลี่ยนช่องอแดปเตอร์แบบเก่าเป็น Thunderbolt 4

รีวิว Acer Aspire Vero Intel Gen 12

Specification

verospec

Acer Aspire Vero AV15-52-79Z9 เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ในตระกูล Aspire Vero ที่อัพเกรดซีพียูเป็น Intel Gen 12 แล้ว ทำให้ประสิทธิภาพตอนทำงานดีขึ้นแต่ก็ประหยัดพลังงานด้วย จึงสามารถใช้งานต่อเนื่องได้เกิน 10 ชั่วโมงทีเดียว โดยมีรายละเอียดดังนี้

สเปคของ ACER ASPIRE VERO AV15-52-79Z9
  • CPU : Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB อัพเกรดได้ถึง 1TB
  • RAM : 16GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt 4, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 1080p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.76 กิโลกรัม
  • Price : 30,990 บาท (ราคากลาง)
สำหรับเครื่องที่ได้รับมารีวิวจะมีรายละเอียดสเปคดังนี้
  • CPU : Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB อัพเกรดได้ถึง 1TB
  • RAM : 16GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ขอบเขตสี 100% sRGB
  • Ports : USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1 รองรับ Thunderbolt 4, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 1080p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.5 กิโลกรัม

Hardware & Design

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00145

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00130
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00129
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00132
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00114
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00131
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00128

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 รุ่นใหม่ที่นี้ เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ในซีรี่ส์ Vero ซึ่งถ้าใครคุ้นเคยกับ Aspire Vero รุ่นก่อนหน้านี้จะเห็นว่าทาง Acer ไม่ได้ปรับดีไซน์บอดี้มากนัก ยังยึดดีไซน์เป็นแบบมาตรฐาน Clamshell อยู่ แต่จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงินมาเรียน่า บลู เพื่อให้คำนึงถึงมหาสมุทรของโลก, สีเทา คอบเบิลสโตน เกรย์ สื่อถึงความยั่งยืนซึ่งเป็นจุดประสงค์ของโน๊ตบุ๊คตระกูล Aspire Vero เพื่อความยั่งยืนเมื่อเน้นการรีไซเคิลให้มากยิ่งขึ้น และสีดำ สตาร์รี่ แบล็ค เพื่อเตือนใจผู้ใช้ว่าถ้าเราปล่อยให้มลพิษปกคลุมชั้นบรรยากาศจนบดบังดวงดาวเอาไว้จะพลาดอะไรไปมากมายทีเดียว ซึ่งสีดำจะต้องรอทาง Acer ว่าจะนำเข้ามาจำหน่ายเมื่อไหร่ และลูกเล่นของบอดี้ Aspire Vero นั้นจะเป็นแบบเม็ดพลาสติกแทรกอยู่ตามบอดี้และฝาหลังเครื่อง แต่กรอบหน้าจอจะเป็นพลาสติกเนื้อด้านสีดำเพียงส่วนเดียวเท่านั้น

รายละเอียดดีไซน์บนตัวเครื่อง อย่างแรกจะเห็นได้ทันทีว่าทางบริษัทไม่ติดสติ๊กเกอร์บอกสเปคของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 มาเลย แต่ใช้วิธีการเซาะร่องสลักคุณสมบัติเอาไว้ตามส่วนต่างๆ ของตัวเครื่องแทน ได้แก่ โลโก้ Intel Evo ฝั่งซ้ายของที่วางข้อมือ ฝั่งขวามีโลโก้ PCR (Post-Consumer Recycled Plastic) เอาไว้ส่วนบนและริมของทัชแพดด้วย ถัดลงมาที่ขอบเครื่องเซาะร่องสลักเป็นซีรี่ส์ Aspire Vero อีกจุดหนึ่ง ซึ่งผู้เขียนชื่นชอบการทำบอดี้เช่นนี้มาก ไม่ต้องมีสติ๊กเกอร์ติดให้รกเกะกะแต่ก็บอกคุณสมบัติเด่นได้ครบถ้วนแล้ว

ส่วนขอบตัวเครื่องถัดลงมาจากทัชแพดจะถูกเซาะร่องเว้นไว้เล็กน้อยให้จับแล้วกางหน้าจอได้ง่ายยิ่งขึ้นและขอบตัวเครื่องมุมบนขวาใกล้ขาฐานหน้าจอจะมีช่องระบายความร้อนแบบเป่าลมออกขอบตัวเครื่องอยู่อีกหนึ่งช่อง

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00091

ด้านขอบล่างของตัวเครื่องจะเห็นว่า Aspire Vero ออกแบบให้ขอบล่างถัดลงมาจากหน้าจอยื่นออกมาพร้อมมีก้านพลาสติกสีฟ้า เมื่อกางหน้าจอแล้วสันเครื่องส่วนนี้จะยกบอดี้ขึ้นเล็กน้อยให้ผู้ใช้สามารถวางมือพิมพ์งานได้สะดวกและถูกหลักสรีระศาสตร์ และมีก้านพลาสติกเอาไว้กันไม่ให้บอดี้สัมผัสกับพื้นโต๊ะโดยตรง ไม่ให้ตัวเครื่องมีรอยขูดและรอยขนแมวติดมา

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00135

เมื่อกางหน้าจอแล้ว Acer Aspire Vero Intel Gen 12 จะกางได้กว้างราว 120 องศา สามารถกางให้เข้ากับมุมสายตาของเราได้สะดวก ไม่ว่าจะวางบนโต๊ะทำงานหรือไว้บนแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็สามารถปรับให้เข้ากับมุมสายตาของเราได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นในกล่องบรรจุภัณฑ์ก็มีกระดาษห่ออแดปเตอร์ซึ่งพับเป็นแท่นวางโน๊ตบุ๊คได้ด้วย ซึ่งเมื่อพับแล้วก็ยกตัวเครื่องขึ้นให้พิมพ์งานได้สะดวกยิ่งกว่าเดิม

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00095

ฝาหลังของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 จะไม่มีโลโก้หรือลวดลายอะไร ยกเว้นโลโก้ของ Acer ซึ่งสลักเป็นตัวพิมพ์เล็กไว้ตรงขอบบนของฝาหลังเครื่อง ดูแล้วทางบริษัทน่าจะเน้นสีสันฝาหลังตัวเครื่องและเม็ดสีพลาสติก PCR ที่แทรกอยู่ในฝาหลังเป็นหลักเพื่อความโดดเด่นแตกต่าง

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00076

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00079
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00077
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00088
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00084

ด้านใต้ตัวเครื่อง Acer Aspire Vero Intel Gen 12 จะมียางพลาสติกสีฟ้ารองตัวเครื่องเอาไว้ 4 มุมเพื่อป้องกันบอดี้ตัวเครื่องสัมผัสกับพื้นโต๊ะโดยตรงและยึดตัวฝาใต้เครื่องไว้ด้วยน็อตหัวแฉกแบบมาตรฐาน 11 ดอก มีช่องดึงลมเย็นเข้าไประบายความร้อนตรงกับพัดลมโบลวเวอร์ในเครื่อง และสังเกตจะเห็นว่าทาง Acer จะมีโลโก้บริษัทอยู่ตรงมุมขวาบนและขอบล่างตัวเครื่องเป็นลูกศรพร้อมลูกโลกรีไซเคิลด้วย เพื่อย้ำว่า Acer Aspire Vero นั้นเน้นการรีไซเคิลและรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นใจความสำคัญ

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00139

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00099
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00100
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00144
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00140
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00142
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00104

ส่วนกล่องบรรจุภัณฑ์ของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 จะนำไปรีไซเคิลใช้เป็นอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ได้ โดยทางบริษัทก็สกรีนวิธีการพับและใช้งานมาให้ที่ตัวกล่องด้วย โดยกล่องใส่เครื่องและอแดปเตอร์จะพับเป็นแท่นวางโน๊ตบุ๊คได้, กระดาษห่ออแดปเตอร์จะพับเป็นขาตั้งโน๊ตบุ๊ค หรือแม้แต่ซองใส่โน๊ตบุ๊คก็เป็นผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% จึงป้องกันตัวเครื่องได้ดีและไม่จำเป็นต้องรีบซื้อซองใส่โน๊ตบุ๊คใหม่ก็ได้

Screen & Speaker

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00105

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00107
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00106
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00108
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00109

หน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 จะเป็นกรอบหน้าจอสีดำและขอบข้างหน้าจอสองฝั่งดีไซน์ให้บางลงเพิ่มพื้นที่การแสดงผล ขอบบนหน้าจอมีกล้อง Webcam ความละเอียด Full HD พร้อม Ace TNR ลด Noise ของกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนพร้อมฟีเจอร์ Acer Purified Voice เป็นระบบ AI ลดเสียงรบกวนติดตั้งมาให้

display vero

gamut 1
luminance 1

ความละเอียดหน้าจอเมื่อเช็คในส่วนของ Advanced display จะเห็นว่าจอของ Acer Aspire Vero มีความละเอียด Full HD และปรับ Refresh Rate ได้ 2 ระดับ คือ 48Hz หรือ 60Hz ซึ่งการปรับได้สองระดับเช่นนี้จะช่วยประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น

ด้านขอบเขตสีเมื่อทดสอบด้วยโปรแกรม DisplayCal 3 แล้ว จะเห็นว่าขอบเขตสีหน้าจอของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 ในส่วนของ Gamut coverage ซึ่งเป็นการตั้งค่าขอบเขตสีจากโรงงานจะมีขอบเขตสีกว้าง 98.3% sRGB, 69.3% Adobe RGB, 72.4% DCI-P3 เมื่อคาลิเบรตจนเสร็จแล้วขอบเขตสีกว้างขึ้นเป็น 102.4% sRGB, 70.6% Adobe RGB, 72.6% DCI-P3 ส่วนค่า Delta-E เฉลี่ยเพียง 0.11~0.81 เท่านั้น เมื่อต่ำกว่า 2 ก็ถือว่าเที่ยงตรงพอใช้แต่งภาพถ่ายบนหน้าจอโน๊ตบุ๊คนี้ได้เลย

ความสว่างหน้าจอตัวโปรแกรม DisplayCal 3 วัดได้ 280.69 cd/m2 จัดว่าสว่างพอสู้แสงแดดได้อย่างแน่นอน หากใครพกเครื่องไปนั่งทำงานที่ร้านกาแฟหรือนั่งทำงานแล้วแสงแดดสะท้อนหน้าจอ ก็ปรับความสว่างสู้แสงแดดได้แต่ถ้านั่งทำงานในห้องอาคารแนะนำให้ปรับความสว่างลงเหลือ 60% ก็เพียงพอแล้ว

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00081
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00080
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00065
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00067

ลำโพงของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 จะวางตัวแปลกกว่ารุ่นอื่นเล็กน้อย โดยวางตัวเป็นแนวนอนอยู่ขอบด้านล่างของตัวเครื่องทั้งสองฝั่งแทน ส่วนเนื้อเสียงของลำโพงจะเน้นเสียงเครื่องดนตรีและนักร้องนำเป็นหลัก มีเสียงเบสซัพพอร์ตเล็กน้อยแต่ไม่โดดเด่นและไม่ค่อยมีแรงปะทะเท่าที่ควร หากเอาไว้ดูคลิป YouTube ทั่วไปจัดว่าไม่มีปัญหาแต่ถ้าฟังเพลงแนะนำให้ต่อลำโพงแยกเพื่อให้มีเสียงเบสหนักแน่นขึ้นจะดีกว่า และยิ่งถ้าใครฟังเพลงแนว R&B หรือฮิปฮอปเป็นหลักยิ่งควรต่อลำโพงแยกไปเลยจะดีกว่า

Keyboard & Touchpad

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00110

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00112
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00111
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00115
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00117
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00121
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00120

คีย์บอร์ดของ Acer Aspire Vero นั้นจะเป็นคีย์บอร์ดแบบ Tenkeyless พร้อมไฟ LED Backlit สีขาวแบบสว่างรอบปุ่มและลอดตัวอักษรให้พอมองเห็นชัดเจน ซึ่งตัวเครื่องเวอร์ชั่นขายไทยจะมีตัวอักษรไทยสกรีนมาอย่างแน่นอน ดีไซน์แป้นคีย์บอร์ดจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้วรวมเอาปุ่ม Power มาไว้มุมบนขวามือเหนือปุ่ม Backspace เพื่อความสวยงาม แต่การเซ็ตปุ่มเช่นนี้ในช่วงแรกอาจจะเผลอกดผิดได้เนื่องจากจุดนั้นปกติแล้วจะเป็นปุ่ม Delete หากใครเพิ่งเปลี่ยนมาใช้โน๊ตบุ๊คนี้อาจจะต้องปรับตัวสักหน่อย ไม่อย่างนั้นอาจจะกดผิดแล้วกลายเป็นดับเครื่องแทนได้

ปุ่มและคีย์ลัดต่างๆ ของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 จะเซ็ตรวมเอาไว้กับปุ่มต่างๆ ได้แก่ ปุ่มลูกศรที่มีคำสั่ง Home, End, Page Up, Page Down หรือแม้แต่ปุ่ม Delete รวมกับคำสั่ง Insert และ Print Screen ที่กดเรียกแอพฯ Snipping Tool มาใช้งานได้ โดยกดปุ่ม Fn ค้างเอาไว้ก่อนแล้วกดใช้คำสั่งเหล่านี้ได้เลย

หากสังเกตจะเห็นว่าทาง Acer สกรีนปุ่ม R, E แบบพลิกกลับด้านและทำเป็นตัวอักษรสีเหลือง เพื่อสื่อถึงคำว่า “Recycled” เพื่อให้ผู้ใช้ตระหนักถึงการนำขยะหรือสิ่งของต่างๆ กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง เพื่อลดการสร้างขยะโดยไม่จำเป็นนั่นเอง

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00124

คำสั่ง Function Hotkey ของ Acer Aspire Vero จะถูกเซ็ตรวมไว้กับปุ่ม F1~F11 แต่สังเกตว่าทางบริษัทปล่อยปุ่ม F12 ว่างเอาไว้ ซึ่งถ้าทาง Acer ปล่อยให้ผู้ใช้สามารถเซ็ตคีย์ลัดให้ปุ่มดังกล่าวได้ตามต้องการน่าจะดีกว่านี้ ส่วนคำสั่งที่ถูกเซ็ตค่ามาจากโรงงานได้แก่

  • F1~F3 – ปิด, ลดหรือเพิ่มเสียงลำโพง
  • F4 – ปิดหรือเปิดไมโครโฟน
  • F5~F6 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
  • F7 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
  • F8 – ปุ่ม Log out สั่งล็อคหน้าจอ
  • F9 – Airplane Mode
  • F10 – ปิดเปิดการทำงานทัชแพด
  • F11 – ปุ่มปรับความสว่างของไฟ LED Backlit บนคีย์บอร์ด

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00126
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00127

ทัชแพดของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 จะมีขนาดไล่เลี่ยกับทัชแพดของโน๊ตบุ๊คทำงานหลายๆ รุ่น ในปัจจุบันนี้ มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งไว้ตรงมุมบนซ้ายมือและมีโลโก้ PCR อยู่มุมล่างขวาของตัวแป้น ซึ่งการตอบสนองจัดว่าทำงานได้อย่างรวดเร็วและรองรับ Gesture Control ของ Windows 11 ครบถ้วนอีกด้วย แต่เวลาวางมือแล้วสันมือขวาจะพาดไปบนแป้นทัชแพดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ค่อยพบปัญหาทัชแพดลั่นนัก หรือถ้าไม่ต้องการให้แป้นรวนก็กด F10 เพื่อล็อคการทำงานทัชแพดแล้วเปลี่ยนไปใช้เมาส์แทนก็ได้

Connector / Thin & Weight

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00136
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00137

พอร์ตและการเชื่อมต่อของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 จะติดตั้งเอาไว้สองฝั่งของตัวเครื่อง โดยมีพอร์ตและการเชื่อมต่อไร้สายดังนี้

  • ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – ช่องต่ออแดปเตอร์, Thunderbolt 4, HDMI 2.1, USB-A 3.2, Audio combo
  • ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – USB-A 3.2 และ Kensington Lock
  • การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2

จะเห็นว่าพอร์ตของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 นั้นมีมาให้ครบถ้วน แต่ผู้เขียนก็ข้องใจว่าทำไมทางบริษัทยังให้ช่องต่ออแดปเตอร์แบบเก่ามาคู่กับพอร์ต Thunderbolt 4 ทั้งที่อแดปเตอร์ในกล่องเป็นหัวแบบ USB-C แล้ว หรือเพราะทางบริษัทเผื่อพอร์ตนี้เอาไว้ให้ต่ออแดปเตอร์ของโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นภายในค่ายก็เป็นไปได้ แต่อันที่จริง ผู้เขียนคิดว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ก็น่าจะเปลี่ยนช่องอแดปเตอร์แบบเข็มเป็นพอร์ต Thunderbolt 4 อีกช่องไปเลย จะได้เอาไว้ต่ออุปกรณ์เสริมอื่นๆ เพิ่มได้อีกช่องด้วย

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00047

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00049
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00048
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00159
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00094

น้ำหนักของตัวเครื่องจากหน้าสเปคของทาง Acer เคลมว่า Acer Aspire Vero Intel Gen 12 นี้มีน้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม แต่พอชั่งจริงแล้วหนักเพียง 1.36 กิโลกรัมเท่านั้น พอรวมอแดปเตอร์เข้าไปอีก 313 กรัม จะหนักเพียง 1.67 กิโลกรัมเท่านั้น จัดว่าไม่หนักอย่างที่คิดและยังพกพาได้ง่ายด้วย ซึ่งถ้าใครจะพกโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปไหนมาไหนก็พกได้ง่ายๆ ไม่ลำบากมาก

Inside & Upgrade

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00050

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00061
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00056
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00079

การเปิดฝาอัพเกรด Acer Aspire Vero นั้นทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ขันน็อตหัวแฉกมาตรฐานทั้ง 11 ดอกออก แล้วเอาการ์ดแข็งไล่ตามกรอบตัวเครื่องก็สามารถเปิดฝาเครื่องได้แล้ว และไม่ต้องห่วงเรื่องตะเข็บตัวเครื่องจะเกี่ยวเครื่องแน่นเกินไปจนถอดได้ยาก แต่จะมีน็อตที่อยู่ใต้สติ๊กเกอร์ประกันอีก 1 ตัวซ่อนอยู่ ดังนั้นถ้าต้องการอัพเกรดแนะนำให้ทางร้านผู้จัดจำหน่ายดูแลตั้งแต่ซื้อเครื่องมาเลยดีกว่า

อย่างไรก็ตาม ภายในของ Acer Aspire Vero นั้นไม่ค่อยเอื้อการอัพเกรดมากนัก เนื่องจากแรมเป็นออนบอร์ดมาแล้ว จะมีเฉพาะ M.2 NVMe SSD อีกช่องหนึ่งเท่านั้นที่ถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งรุ่นนี้จะเป็นโมเดลจากต่างประเทศ คาดว่าเมื่อจำหน่ายในประเทศไทยจะมีช่อง SO-DIMM ให้เพิ่มแรมได้อีก 1 ช่อง เหมือนรุ่นที่เป็น Intel 11th Gen 

Performance & Software

cpu 1

mb 1
ram 1

สเปคของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 จะติดตั้งซีพียู Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz มาให้ รองรับชุดคำสั่งพื้นฐานสำหรับใช้งานครบถ้วน และยังจัดการพลังงานได้เป็นอย่างดี ส่วนเมนบอร์ดรองรับ M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 ด้วย ดังนั้นถ้าใครอยากอัพเกรด SSD ให้มีความเร็วสูงขึ้นก็ถอดเปลี่ยนได้เลย

integrated gpu

การ์ดจอในเครื่องเป็นแบบออนบอร์ด รุ่น Intel Iris Xe Graphics ซึ่งติดมากับซีพียู รองรับชุดคำสั่งประมวลผลค่อนข้างครบถ้วน ได้แก่ OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan ซึ่งเพียงพอต่อการทำงานตัดต่อแต่งภาพอย่างแน่นอน

devicemgr

ด้านชิ้นส่วนในเครื่องเมื่อเช็คด้วย Device Manager แล้ว จะเห็นว่า Acer Aspire Vero Intel Gen 12 ตัวนี้ติดตั้งทั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ ELAN มาให้ มีชิป TPM 2.0 และการ์ด Wi-Fi PCIe รุ่น Intel AX211 รองรับ Wi-Fi 6E มีแบนด์วิธคลื่นกว้าง 160MHz อีกด้วย ดังนั้นมันจึงต่ออินเตอร์เน็ตทำงานได้เสถียรอย่างแน่นอน

ssd 1

M.2 NVMe SSD จากโรงงานเป็นรุ่นยอดนิยมของโน๊ตบุ๊คทำงานหลายรุ่นอย่าง Micron 2450 เป็นอินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 มีความเร็ว Sequential Read 3,500 MB/s และ Sequential Write 3,000 MB/s รองรับการอ่านเขียนไฟล์ได้มากสุด 300 TBW และมีระบบเข้ารหัส AES-256 ในตัวให้ข้อมูลมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น

เมื่อทดสอบด้วย CrystalDiskMark 8 จะได้ความเร็ว Sequential Read 3,619.15 MB/s และ Sequential Write 3,457.79 MB/s ซึ่งจัดว่าเร็วพอสำหรับใช้โหลดไฟล์งานและเปิดโปรแกรมในเครื่องอย่างแน่นอน ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปตัวที่มีความเร็วสูงกว่านี้ก็ได้ ซึ่งผู้เขียนแนะนำว่าเอาเงินที่จะอัพเกรด SSD ไปลงกับ RAM และซื้อ External HDD ไว้เซฟงานเพิ่มเติมแทนจะดีกว่า

r15 1
r20 1

เมื่อทดสอบการเรนเดอร์กราฟิคด้วยโปรแกรม CINEBENCH R15 แล้ว จะเห็นว่า Acer Aspire Vero Intel Gen 12 จะทำคะแนน OpenGL ได้ 80.37 fps และคะแนนซีพียูได้ 1,129 cb ส่วนของ CINEBENCH R20 ที่เน้นทดสอบซีพียูเป็นหลักจะได้คะแนน CPU 2,925 pts ซึ่งคะแนนและผลการทดสอบนี้ถือว่าสูงพอใช้เรนเดอร์โมเดล 3D ต่างๆ ได้สบายๆ และยังนำไป Preview ตัวอย่างงานกราฟิคให้ลูกค้าดูได้อย่างแน่นอน

3dmark 1

ด้านการเล่นเกม เมื่อทดสอบด้วย 3DMark Time Spy แล้ว จะได้คะแนนเฉลี่ย 1,807 คะแนน แยกเป็น CPU score 6,190 คะแนน และ Graphics score 1,607 คะแนน ช่วยยืนยันได้ว่าซีพียู Intel Core i7-1255U ในเครื่องมีประสิทธิภาพสูงแต่ด้วยกราฟิคการ์ดออนบอร์ดเช่นนี้ก็ไม่เหมาะจะใช้เล่นเกมฟอร์มยักษ์ในปัจจุบันอย่างแน่นอน ยกเว้นเกมอินดี้ที่ไม่กินทรัพยากรมากก็ยังเล่นได้ระดับหนึ่ง

pcmark10 1

แต่ในแง่การทำงาน เมื่อทดสอบด้วย PCMark 10 จะได้คะแนนเฉลี่ย 5,089 คะแนน ซึ่งจุดเด่นของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 จะเป็นการเปิดโปรแกรม, ประชุมออนไลน์และทำงานผ่านเบราเซอร์เป็นหลัก ถัดมาเป็นการใช้งานโปรแกรมออฟฟิศอย่าง Microsoft Word, Excel ส่วนการตัดต่อแต่งภาพนั้นถือว่าใช้งานได้แต่อาจจะไม่โดดเด่นเท่าโน๊ตบุ๊ครุ่นที่มีการ์ดจอแยกในตัวนั่นเอง แต่ถ้าใช้แต่งภาพทั่วไปไม่มีปัญหาแน่นอน

1

Screenshot 2022 10 17 164239
Screenshot 2022 10 17 164305
Screenshot 2022 10 17 164314

โปรแกรมภายในเครื่องนอกจากโปรแกรม Acer Care Center ซึ่งเป็นโปรแกรมพื้นฐานสำหรับอัพเดทและปรับแต่งตัวเครื่องแล้ว โน๊ตบุ๊ค Acer Aspire Vero จะมีโปรแกรมเฉพาะของตัวเองอย่าง VeroSense ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับตั้งค่าจัดการพลังงานของตัวเครื่องโดยเฉพาะติดตั้งมาให้ใช้งานด้วย โดยผู้ใช้สามารถปรับโหมดการทำงานได้ว่าจะเน้นประหยัดพลังงานสูงสุดในโหมด Eco+ หรือจะเร่งประสิทธิภาพให้ทำงานเต็มที่ใน Performance Mode ก็ได้และยังตั้งค่าการชาร์จแบตเตอรี่ให้เครื่องได้ด้วย

Battery & Heat & Noise

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00064

แบตเตอรี่ของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 เป็นแบบลิเธียมโพลีเมอร์ ความจุแบบ Typical Capacity อยู่ที่ 3,634mAh (55.9Wh) ส่วน Rated Capacity อยู่ที่ 3,545mAh (54.5Wh) ซึ่งเป็นความจุมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คสายทำงานหลายๆ รุ่น ในปัจจุบันนี้

batt 1

ระยะเวลาใช้งานเมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์โดยปิดไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ด, ปรับโหมดตัวเครื่องเป็นโหมดประหยัดพลังงาน, ลดความสว่างหน้าจอต่ำสุดและเปิดเสียงลำโพงดังเพียง 10% แล้วใช้ Microsoft Edge ดูคลิป YouTube นาน 30 นาที จะเห็นว่าระบบจัดการพลังงานของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 นั้นทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก เพราะใช้งานต่อเนื่องได้นานร่วม 12 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าใครจะพกโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปทำงานก็ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดกลางคันอย่างแน่นอน อย่างมากอาจจะเตรียมพาวเวอร์แบงค์ที่มีกำลังชาร์จ 65 วัตต์ติดกระเป๋าไว้สักอันก็เพียงพอแล้ว

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00052

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00058
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00059
Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00054

ระบบระบายความร้อนของ Acer Aspire Vero จะเป็นชุดซิ้งค์พาดซีพียูและเม็ดแรมบนเมนบอร์ดแล้วส่งถ่ายความร้อนผ่านทางฮีตไปป์สองเส้นตรงไปยังครีบระบายความร้อนหน้าพัดลมโบลวเวอร์แล้วระบายความร้อนตรงออกจากเครื่องไป ซึ่งเสียงตอนใช้งานตามปกติจะเบาจนแทบไม่ได้ยิน ส่วนตอนเปิดโปรแกรมตัดต่อภาพหรือวิดีโอจะเป็นเสียงหวีดดังขึ้นมานิดหน่อย แต่ไม่รบกวนเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน

heat 1

อุณหภูมิของตัวเครื่องเมื่อเปิดโปรแกรม Benchmark ให้รันงานเต็มที่แล้ววัดด้วยโปรแกรม CPUID HWMonitor แล้ว จะเห็นว่าอุณหภูมิทั้ง Package ของซีพียูนั้นไม่ได้สูงมาก เฉลี่ยที่ 42 องศา และอุณหภูมิอยู่ในช่วง 39~93 องศาเซลเซียส ซึ่งแม้จะสูงสักหน่อยก็ตามแต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ และตอนใช้งานจริงตัวเครื่องก็เย็นตลอดเวลา ไม่ร้อนมากจนรบกวนผู้ใ้ช

User Experience

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00151

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 แม้จะเน้นขายเรื่องดีไซน์ตัวเครื่องรีไซเคิลและรักษาธรรมชาติก็ตาม แต่ในแง่ประสิทธิภาพและการใช้งานก็ไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะได้รับการรับรองเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ที่ทำงานและเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดพลังงานไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างวัน และยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ช่วนรักษาความปลอดภัยและยังมีพอร์ต Thunderbolt 4 อีกด้วย นอกจากนี้ทาง Acer ยังติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 มาในเครื่อง ดังนั้นเมื่อเปิดเครื่องก็พร้อมทำงานทันที ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มแม้แต่น้อยก็ได้

ด้านการดีไซน์ตัวกล่องให้นำไปรีไซเคิลใช้งานอย่างอื่นได้ก็เป็นคอนเซปท์ที่ดีเช่นกัน เพราะผู้ใช้ไม่ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์เสริมให้เสียเงินเลย เพราะทางบริษัทออกแบบให้นำบรรจุภัณฑ์ในกล่องมาใช้งานได้สะดวก อย่างพับกล่องใส่เครื่องเป็นแท่นวางโน๊ตบุ๊ค, ซองห่ออแดปเตอร์ตัวเครื่องก็ใช้เป็นแท่นวางพกพา หรือแม้แต่ซองใส่โน๊ตบุ๊คจากโรงงานที่เป็นผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% ก็เอามาใส่เครื่องตอนพกไปไหนมาไหนได้อีกด้วย เรียกว่าลดปริมาณการก่อขยะลงไปได้มาก

ส่วนการพกพาเครื่องไปไหนมาไหน ผู้เขียนยอมรับว่า Acer Aspire Vero Intel Gen 12 นั้น นอกจากจะมีขนาดกำลังดี พกพาง่ายแล้ว งานประกอบยังแข็งแรงและโครงบอดี้พลาสติกทาง Acer ยังฉีดมาแข็งแรงจนไม่ต้องกังวลเลยว่ามันจะกระทบเสียหาย แม้แต่ริ้วรอยตัวเครื่องยังเกิดยากด้วยซ้ำ และน้ำหนักเครื่องที่ชั่งแล้วอยู่ราว 1.36 กิโลกรัมนั้น ถือว่าเบาไม่ลำบากไหล่อย่างแน่นอน ถ้าเทียบกับตระกูลยอดนิยมของ Acer อย่าง Swift 3 นั้น ถือว่าหนักกว่ากันเพียงไม่กี่กรัมเท่านั้น และเมื่อมีพอร์ต Thunderbolt 4 ด้วย ก็ไม่ต้องพกอแดปเตอร์ติดตัวไปเสมอๆ ก็ได้ ซึ่งผู้เขียนเลือกเอาอแดปเตอร์ GaN กำลังชาร์จ 65 วัตต์ชาร์จร่วมกับสมาร์ทโฟนไปเลย ก็สะดวกสุดๆ และลดน้ำหนักของข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ในกระเป๋าไปได้มาก

พลังการประมวลผลของ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 นั้น จัดว่าเหลือเฟือสำหรับโปรแกรมต่างๆ ในปัจจุบันนี้แล้ว ไม่ว่าจะเปิดโปรแกรมเอกสารหรือรันเบราเซอร์หลายๆ แท็บพร้อมกันก็ไม่มีปัญหา แรมที่มีให้ 16GB DDR4 ในเครื่องและรันด้วยซีพียู Intel Core i7-1255U มันก็ใช้ทำงานออฟฟิศทุกแบบได้สบายๆ หรือแม้แต่ตัดต่อแต่งภาพก็ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องระยะเวลาใช้งานด้วยแบตเตอรี่ก็ไม่ต้องกังวลเลย เพราะจากที่ผู้เขียนทดลองใช้งานมาแล้ว แบตเตอรี่ก็อยู่ได้ทั้งวันสบายๆ ยิ่งถ้าใครพกคอมพิวเตอร์ไปนั่งทำงานตามร้านกาแฟ, นั่งประชุมงานหรือนั่งเรียนทั้งวันก็ไม่มีปัญหา

Conclusion & Award

Acer Aspire Vero Intel Gen 12 DSC00155

ผู้ใช้หลายๆ คนรวมถึงผู้เขียนด้วย ก็จะได้ยินคำโฆษณาว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้มีฟีเจอร์เด่นอย่างนั้นอย่างนี้ ทำงานได้เร็วแสดงผลได้ไว แต่มีไม่กี่รุ่นที่ชูจุดเด่นว่า “ฉันใช้วัสดุรีไซเคิล ฉันรักษ์สิ่งแวดล้อม” เหมือนกับ Acer Aspire Vero Intel Gen 12 เครื่องนี้เลย และแม้จะเน้นว่ารักษาธรรมชาติอย่างไร แต่สเปคและฟีเจอร์ที่อัดเข้ามาในเครื่องแล้วการันตีว่าผ่านมาตรฐานเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo แล้ว ก็เชื่อมือได้เลยว่าผู้ใช้ที่ซื้อ Aspire Vero เครื่องนี้ไปจะใช้ทำงานได้อย่างไหลลื่นและปลอดภัยอย่างแน่นอน

หลังจากได้ใช้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ทำงานมาสัปดาห์กว่า ก็พูดได้อย่างเต็มปากว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ทั้งดีทั้งครบเครื่อง แล้วเมื่อรุ่นราคาสูงสุดตั้งราคามาเพียง 30,990 บาท ก็กล่าวได้ว่านี่คือโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ที่ครบเครื่องทั้งซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ ราคาไม่แพงเกินไปหาซื้อได้ง่ายด้วย ก็เป็นรุ่นที่ผู้เขียนอยากแนะนำให้หยิบมาพิจารณาเมื่อจะซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ด้วย จะได้โน๊ตบุ๊คที่คุณภาพดีและยังรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัว

award

award new Battery Life

best battery life

ระยะเวลาทำงานโดยใช้แบตเตอรี่อย่างเดียวของ Aspire Vero Intel Gen 12 นั้นนานร่วม 12 ชั่วโมง และอาจจะเกินไปถึง 13 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าใครเน้นระยะเวลาใช้งานเป็นประเด็นหลัก เชื่อว่า Aspire Vero เครื่องนี้น่าจะชนะใจผู้อ่านท่านนั้นได้ง่ายๆ 

NBS award 4 Mobility

best mobility

ขนาดตัวเครื่อง 14~15.6 นิ้ว และน้ำหนักตัวเครื่องก็อยู่ช่วง 1 กิโลกรัมต้นๆ และยังมีพอร์ต Thunderbolt 4 ติดตั้งมาให้อย่างนี้ ผู้เขียนเชื่อว่ามันเหมาะกับผู้ใช้ที่หาโน๊ตบุ๊คน้ำหนักเบาไว้พกติดตัวไปไหนมาไหนอย่างแน่นอน

from:https://notebookspec.com/web/671548-review-acer-aspire-vero-intel-gen-12

เปิดตัว Surface Laptop 5 อัปเกรดใหม่ซีพียู Intel 12th Gen มาตรฐาน EVO มีพอร์ต Thunderbolt 4 แล้ว

สำหรับอีเวนต์ใหญ่ Microsoft ประจำปีนี้ นอกจากจะเปิดตัว Surface Pro 9 เป็นสินค้าเมนหลักแล้ว ทางบริษัทฯ ยังมีเซอร์ไพรส์สินค้ารุ่นใหญ่อีกรุ่น เปิดตัว Surface Laptops 5 โน้ตบุ๊กเรือธงสุดหรู ดีไซน์งานประกอบระดับพรีเมียม ปีนี้มาพร้อมกับหน้าจอ 2 ขนาดให้เลือกเหมือนเดิมคือ 13.5 และ 15 นิ้ว แต่อัปเกรดซีพียูใหม่เป็น Intel 12th Gen พร้อมรองรับมาตรฐาน Intel EVO แล้ว

ในภาพรวมภายนอก Surface Laptop 5 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจาก Laptop 4 เท่าไหร่นัก ยังคงมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส PixelSense สัดส่วน 3:2 ความหนาแน่น 201 พิกเซลต่อนิ้ว มัลติทัชได้สูงสุด 10 จุด บนทั้ง 2 ขนาดจอ รองรับ Dolby Vision IQ และรองรับปากกา Surface Pen มีลำโพงสเตอรีโอ Omnisonic เสียงกระหึ่มในตัว รองรับ Dolby Atmos คุณภาพเสียงได้รับการยอมรับว่าจัดอยู่ในระดับท็อปของโน้ตบุ๊ก Windows มาโดยตลอด

ด้านพอร์ตเชื่อมต่อก็ยังให้มาครบครันเหมือนเดิมทั้ง USB-C x 1 ช่อง, USB-A 3.1 x 1 ช่อง, รูหูฟัง 3.5 มม. แต่ปีนี้มีการอัปเกรดตัวพอร์ต USB-C ขึ้นมาให้เป็นแบบ Thunderbolt 4 (USB4) แล้ว สามารถถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูงสุดได้ในระดับ 40 Gbps

กล้องหน้าใช้ตัวเดิมกับที่เคยอัปเกรดครั้งใหญ่ในปีก่อน มีความคมชัดระดับ HD ค่ารูรับแสง ƒ/2.0 ขนาดพิกเซล 1.4 μm รองรับ Windows Hello การันตีการใช้งานได้ดีแม้ในสภาวะแสงน้อย ตำแหน่งเดียวกันมีไมโครโฟนคู่ Studio Mics มาให้ รองรับการจับเสียงได้จากระยะไกล

แบตเตอรี่หลังผ่านมาตรฐาน EVO มาแล้ว เคลมว่าสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานขึ้น โดยรุ่น 15 นิ้ว ใช้ได้สูงสุด 17 ชั่วโมง และรุ่น 13.5 นิ้ว สูงสุด 18 ชั่วโมง สำหรับการใช้งานทั่วไป ซึ่งถือว่ายาวนานกว่า Surface Laptop 4 ที่เคยเคลมไว้สูงสุด 16.5 ชั่วโมง และ 17 ชั่วโมง ตามลำดับ

Surface Laptop 5 รุ่น 13.5 นิ้ว มีซีพียูให้เลือก 2 ออปชั่น คือ Core i5-1245U และ Core i7-1265U ส่วนรุ่น 15 นิ้ว มีออฟชั่นเดียวคือ Core i7-1265U ทุกรุ่นผสานการทำงานร่วมกับจีพียู Iris Xe Graphics เคลมประสิทธิภาพโดยรวมแรงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าสูงกว่า 50%

สำหรับหน่วยความจำก็มีการอัปเกรดเพิ่มขึ้นจาก LPDDR4X เป็นแบบ LPDDR5X มีให้เลือกตั้งแต่แรม 8GB, 16GB, และ 32GB บวกกับ SSD 256GB, 512GB และ 1TB (สามารถถอดเปลี่ยนได้) มีสีให้เลือกทั้งหมด 4 สี คือ เทา (Platinum), ดำ (Matte Black), ชมพู (Sandstone) และสีใหม่สีเขียว (Sage) วัสดุบริเวณคีย์บอร์ดจะเลือกได้ระหว่างโลหะและผ้าอัลคันทารา

 

สรุปสเปค Microsoft Surface Laptop 5

 

รุ่น 13.5 นิ้ว

  • Core i5-1245U (2P+8E/12T) หรือ Core i7-1265U (2P+8E/12T) EVO
  • Iris Xe Graphics (onboard)
  • แรม 8GB, 16GB และ 32GB LPDDR5X
  • SSD 256GB, 512GB และ 1TB (สามารถถอดเปลี่ยนได้)
  • จอสัมผัส 13.5 นิ้ว QHD+ 3:2 (2,256 x 1,504), 60 Hz, 201 PPI, รองรับ Dolby Vision IQ
  • Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1
  • แบตสูงสุด 18 ชม. ชาร์จไว 60W (50% ใน 30 นาที)
  • น้ำหนัก รุ่นผ้าอัลคันทารา 1.27 กก. รุ่นโลหะ 1.3 กก.
  • สัดส่วน 30.8 ซม. x 22.3 ซม. x 1.45 ซม.
  • Windows 11 Home / Pro

 

รุ่น 15 นิ้ว

  • Core i7-1265U (2P+8E/12T) EVO
  • Iris Xe Graphics (onboard)
  • แรม 8GB, 16GB และ 32GB LPDDR5X
  • SSD 256GB, 512GB และ 1TB (สามารถถอดเปลี่ยนได้)
  • จอสัมผัส 15 นิ้ว QHD+ 3:2 (2,496 x 1,664), 60 Hz, 201 PPI, รองรับ Dolby Vision IQ
  • Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1
  • แบตสูงสุด 17 ชม. ชาร์จไว 60W (50% ใน 30 นาที)
  • น้ำหนัก รุ่นโลหะ 1.56 กก.
  • Windows 11 Home / Pro

 

ราคา

Microsoft ยังไม่ประกาศราคาและวันวางจำหน่ายของ Surface Laptop 5 แต่คาดว่าจะเริ่มต้นเท่ารุ่นเดิมคือ 999 เหรียญ และ 1,299 เหรียญ ตามขนาดของหน้าจอ ดังนั้นก็รอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมกันเร็ว ๆ นี้ครับ

 

 

 

ที่มา : Microsoft (1)

from:https://droidsans.com/microsoft-surface-laptop-5-official/

Intel เปิดตัวแอป ‘Intel Unison’ ใช้ซิงค์ข้อมูลสมาร์ทโฟน iOS และ Android เข้ากับพีซี Windows แบบไร้สาย

แอปซิงค์ข้อมูลมือถือบนพีซีที่มีอยู่เยอะแยะตอนนี้มันยังดีไม่พอรึเปล่า เลยทำให้ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตซีพียูลงมาทำของตัวเองแข่งในตลาดซะเลย ล่าสุด Intel เปิดตัว Intel Unison แอปแพลตฟอร์มใหม่สำหรับใช้เชื่อมข้อมูลระหว่างพีซี Windows กับอุปกรณ์มือถือหรือแท็บเล็ต พัฒนาโดยทีม Screenovate ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัปสัญชาติอิสราเอลที่ Intel เข้าซื้อกิจการมาเมื่อปีที่แล้ว

ฟีเจอร์หลัก ๆ ของ Intel Unison คือรองรับการถ่ายโอนไฟล์ระหว่างมือถือกับพีซี, การแสดงแกลเลอรี่ภาพของมือถือขึ้นจอ, การโทรออกและรับสายผ่านพีซี, การรับการแจ้งเตือนจากมือถือ และการรับตอบข้อความของหลาย ๆ แอปที่รองรับผ่านตัวพีซีโดยตรง




 

เกือบทั้งหมดที่ว่ามาดูแล้วก็คล้ายกับสิ่งที่แอป Phone Link หรือแอปของหลายค่ายมือถือทำได้อยู่แล้วในปัจจุบัน จึงแอบชวนสงสัยว่า Intel จะมีกิมมิกอะไรเด็ด ๆ อื่นนอกจากนี้มาใช้เอาชนะคู่แข่งได้รึเปล่า เพราะตอนนี้ทุกแอปดูแล้วคล้ายกันหมดเลย จึงน่าจะเป็นเรื่องยากหากจะให้คนเปลี่ยนใจจากแอปเก่ามาใช้

อย่างไรก็ดี ทาง Intel ระบุว่าตัวแอปสามารถรองรับมือถือได้ทั้ง iOS และ Android สิ่งที่คนน่าจะสนใจอยากรู้คือมันจะทำงานร่วมกับ iOS ได้ดีขนาดไหน เพราะทุกตัวในตลาดตอนนี้ทำได้ดีกับเฉพาะฝั่ง Android อย่างเดียว หากครั้งนี้ทำทุกอย่างที่ว่ามาได้กับ iOS ด้วย ก็นับว่าจะขึ้นมาเป็น game changer ได้พอสมควร แต่ปัจจุบัน Intel ยังไม่บอกรายละเอียดไว้ คงต้องรอดูเพิ่มเติมกันก่อน

Intel ระบุว่าแอป Unison จะเปิดให้ใช้งานก่อนเฉพาะบนโน้ตบุ๊คซีพียู Intel Gen 12 ที่รองรับแพลตฟอร์ม EVO เบื้องต้นจะมีของ 3 แบรนด์แรกที่ได้ใช้ภายในปีนี้ ได้แก่ Acer, HP และ Lenovo แล้วหลังจากนั้นจะขยายไปใช้งานบนซีพียู Gen 13 และอุปกรณ์อื่น ๆ ช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป

 

 

 

ที่มา : Intel

 

from:https://droidsans.com/intel-introduces-intel-unison-sync-phone-to-pc/

รีวิว Acer Swift 3 Intel Gen 12 เบาพกง่ายเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือแรงและจอสวยคม! ราคา 28,990 บาท

Acer Swift 3 Intel Gen 12 รุ่นใหม่หัวใจ Intel Gen 12 น่าใช้ขึ้นเยอะ!

swift3 cover

เมื่อบริษัทแต่ละแห่งปรับนโยบายการทำงานเป็น WFH กันหลายคนแล้ว หลายคนก็หันมาหาโน๊ตบุ๊คบางเบา เช่น Acer Swift 3 Intel Gen 12 โน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นใหม่จากทาง Acer ซึ่งคงความพกพาสะดวก บอดี้บางน้ำหนักเบาดีไซน์สวยงามเอาไว้ครบเครื่อง รวมทั้งผ่านมาตรฐาน Intel Evo การันตีคุณภาพและมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ว่ามันสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว, มีพอร์ตใช้งานครบถ้วนรวมทั้งแบตเตอรี่ทนทานใช้งานได้หลายชั่วโมงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทาง Acer ยังติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ 2 ช่องไม่พอ ทาง Acer ยังอัพเกรดสเปคตัวเครื่องให้ดีกว่ารุ่นเดิมหลายอย่าง ไม่ว่าจะหน้าจอความละเอียด QHD รองรับขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB, เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E และยังอัพเกรดเพิ่ม M.2 NVMe SSD ได้มากสุด 2TB เอาไว้เซฟงานได้มากยิ่งขึ้นไม่พอ ทาง Acer ก็ติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ เรียกว่าครบคุ้มตามสไตล์ Acer Swift 3 ไม่มีผิด

Advertisementavw

Acer Swift 3 Intel Gen 12

NBS Verdicts

DSC09699

Acer Swift 3 Intel Gen 12 โน๊ตบุ๊คน้องใหม่ในตระกูล Swift 3 ซึ่งยังคงเอกลักษณ์เด่นไม่ว่าจะความบางเบาพกง่าย, ได้ซอฟท์แวร์ครบเครื่องทั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 ครบถ้วนกระบวนความ ไม่ต้องเสียเงินหาโปรแกรมเพิ่มเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อทาง Acer ติดตั้งซีพียู Intel 12th Gen มาให้อีก ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพทำให้รันโปรแกรม ทำงานต่างๆ เสร็จเร็วไหลลื่นยิ่งกว่าเดิม และเมื่อแสดงผลขึ้นหน้าจอ QHD ขนาด 14 นิ้ว ยิ่งมีพื้นที่ให้เห็นคอนเทนต์มากยิ่งขึ้นและชัดเจนกว่าเดิมมาก

ยิ่งถ้าใครชอบพกโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหนเป็นประจำ Acer Swift 3 Intel Gen 12 นี้ยิ่งตอบโจทย์เพราะน้ำหนักเครื่องเพียง 1.25 กิโลกรัมเท่านั้นและยังมีพอร์ต Thunderbolt 4 ถึง 2 ช่อง จึงทิ้งอแดปเตอร์เอาไว้ที่โต๊ะทำงานแล้วใช้อแดปเตอร์ GaN กำลังชาร์จเกิน 65 วัตต์ชาร์จเครื่องได้ทันทีอีกด้วย นอกจากนี้ทางบริษัทยังรับประกัน AWcer Swift 3 Intel Gen 12 ยาวนาน 2 ปี พร้อมประกัน International Travelers อีก 1 ปี โดยฟรีทั้งค่าแรงและค่าอะไหล่ทั้งหมด

กลับกัน จุดสังเกตซึ่งผู้เขียนหวังว่าทาง Acer จะอัพเกรดให้ Swift 3 รุ่นย่อยอื่นๆ เป็นอย่างแรก ก็หนีไม่พ้นการเพิ่มแรมเป็น 16GB DDR4 เพื่อให้มีพื้นที่ใช้งานมากยิ่งขึ้น แม้แรม 8GB DDR4 จะยังพอใช้งานทั่วไปได้อยู่ แต่ในระยะยาวก็คงเลี่ยงอาการหน่วง ช้า แรมหมดไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าเน้นทำงานออฟฟิศและดูหนังฟังเพลงโดยทั่วไป ก็ไม่มีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน

ข้อดีของ Acer Swift 3 Intel Gen 12
  1. ตัวเครื่องดีไซน์ใหม่สวยงามแข็งแรง ใช้บอดี้ทนทานยิ่งขึ้น เลือกสีที่ต้องการได้ 3 สี
  2. กางหน้าจอแล้วขอบล่างหน้าจอจะยกตัวเครื่องขึ้นเล็กน้อย ทำให้พิมพ์งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
  3. มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้รวมกับปุ่ม Power สแกนปลดล็อคเครื่องได้สะดวกมาก
  4. ซีพียู Intel Core i5-1240P มีประสิทธิภาพดี ทำงานออฟฟิศและจัดการพลังงานได้ดี
  5. ชุดระบายความร้อน Acer TwinAir จัดการอุณหภูมิในตัวเครื่องได้ดี ใช้งานนานๆ ไม่ร้อน
  6. ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ 2 ช่องพร้อมพอร์ตจำเป็นต่างๆ เชื่อมต่อใช้งานได้สะดวก
  7. รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E คลื่น 6GHz เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้เสถียรและรวดเร็ว
  8. ตัวเครื่องน้ำหนักเบา 1.25 กิโลกรัม พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก รองรับ Power Delivery
  9. หน้าจอขนาด 14 นิ้ว ได้ความละเอียด QHD และขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ใช้ทำงานได้ดี
  10. รองรับการอัพเกรด M.2 NVMe SSD ได้มากสุด 2TB เซฟไฟล์งานสำคัญไว้ในเครื่องได้มาก
  11. มี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้ พร้อมใช้งานทันทีไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ข้อสังเกตของ Acer Swift 3 Intel Gen 12
  1. อัพเกรดได้แค่ M.2 NVMe SSD ที่เป็นไดรฟ์หลักในเครื่องเท่านั้น
  2. มีแรมเพียง 8GB DDR4 ซึ่งน้อยเกินไปเมื่อใช้งานกับโปรแกรมต่างๆ ในปี 2022
  3. ปุ่ม F12 ไม่ได้เซ็ตคำสั่ง Function Hotkey มาให้ ควรมีคีย์ลัดให้ใช้งานด้วย

รีวิว Acer Swift 3 Intel Gen 12

Specification

Acer Swift 3 Intel Gen 12

Acer Swift 3 Intel Gen 12 รุ่นใหม่นี้ นอกจากอัพเกรดซีพียูเป็น Intel 12th Gen แล้ว ทางบริษัทยังปรับสเปคหลายๆ ส่วนให้ดียิ่งขึ้นอีกและได้ซอฟท์แวร์สำหรับทำงานครบเครื่องอีกด้วย ซึ่งรุ่นใหม่มีรายละเอียดสเปคดังนี้

สเปคของ Acer Swift 3 Intel Gen 12
  • CPU : Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB 
  • RAM : 8GB LPDDR4x บัส 4267MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2K QHD (2560×1440) พาเนล IPS
  • Ports : Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.25 กิโลกรัม
  • Price : 28,990 บาท (ราคากลาง)

Hardware & Design

DSC09695

DSC09652
DSC09654
DSC09650
DSC09712

ดีไซน์ของ Acer Swift 3 Intel Gen 12 ยังคงเส้นสายดีไซน์ตัวเครื่องเอาไว้คล้าย Swift 3 รุ่นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะกรอบหน้าจอสีดำและบอดี้ตัวเครื่องอลูมิเนียม โดยรุ่นใหม่นี้จะมีตัวเลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเงิน Pure Silver แบบเดียวกับเครื่องที่ได้รับมารีวิวและจะมีสีทอง Haze Gold กับสีน้ำเงิน Iris Blue ให้เลือกด้วย งานประกอบจัดว่าแข็งแรงทั้งตัวตั้งแต่บอดี้ตัวเครื่องซึ่งประกบกันสนิทไปจนขาบานพับตัวเครื่อง ซึ่งแน่นมากและมีร่องตัดเฉียงส่วนขอบล่างตัวเครื่องให้ใช้นิ้วสอดดึงเปิดหน้าจอได้เลย 

นอกจากสติกเกอร์บริเวณที่วางข้อมือ จะมีสติกเกอร์รูปลายนิ้วมือติดไว้ด้วยเพราะ Acer Swift 3 Intel Gen 12 จัดการรวมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วไว้กับปุ่ม Power เอาไว้ด้วยกัน ใช้สแกนเพื่อปลดล็อคเครื่องได้สะดวกขึ้น แต่จุดน่าสังเกตคือทาง Acer ไม่ได้ออกแบบซ่อนช่องระบายความร้อนเอาไว้เหมือนแบรนด์คู่แข่ง แต่เปิดช่องให้เห็นชัดเจนตรงขอบตัวเครื่องส่วนเหนือคีย์บอร์ดเลย แต่แม้จะมองเห็นแต่ก็ไม่ได้เด่นจนรกสายตาอย่างที่คิดนัก

DSC09635

DSC09638
DSC09627
DSC09623
DSC09713

ส่วนขาบานพับหน้าจอของ Acer Swift 3 Intel Gen 12 ถูกปรับดีไซน์การติดตั้งเอาไว้เป็นตัว L กางบานพับหน้าจอได้กว้างสุดราว 120 องศา และขอบล่างของหน้าจอจะดันกับพื้นโต๊ะแล้วยกแป้นคีย์บอร์ดให้เฉียงขึ้นเล็กน้อยราว 3 องศา ช่วยให้พิมพ์งานได้สะดวกถูกหลักสรีระศาสตร์ยิ่งขึ้นและมีก้านพลาสติกช่วยป้องกันไม่ให้บอดี้ตัวเครื่องโดนกับพื้นโต๊ะโดยตรง ช่วยให้บอดี้โน๊ตบุ๊คยังสวยงามไม่เสียสีไป

DSC09630

ฝาหลังตัวเครื่องจะเน้นความเรียบง่ายไม่มีลวดลายอะไรเลยยกเว้นแต่ย้ายโลโก้ Acer ซึ่งก่อนหน้านี้ติดอยู่ตรงกลางฝาหลังมาอยู่ขอบบนหน้าจอแทน ซึ่งโน๊ตบุ๊ค Acer รุ่นใหม่ๆ จะเป็นเช่นนี้กันหมดไม่ว่าจะเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหรือสายทำงานก็ตาม ได้ความเรียบง่ายและโชว์สีหรือลวดลายตัวเครื่องได้เต็มที่กว่าเดิม

DSC09592

DSC09597
DSC09620
DSC09596

ฝาประกบด้านใต้ตัวเครื่องจะมีช่องลมเข้าเป็นแถบยาวสองแถวอยู่ เพื่อดึงลมเข้าระบบระบายความร้อน Acer TwinAir และมีชิ้นยางพลาสติกติดอยู่ 4 มุมเพื่อรองตัวเครื่องไม่ให้ลื่นและป้องกันบอดี้โดนกับพื้นโต๊ะโดยตรง ล็อคไว้ด้วยน็อตหัวแฉก (Philips Head) อีก 10 ตัว โดย 4 ดอกขอบล่างตัวเครื่องจะเป็นน็อตสั้นและส่วนอื่นเป็นน็อตยาวทั้งหมด ทว่าเวลาต้องการเปิดฝาอัพเกรดจะมีน็อตตัวสุดท้ายซ่อนอยู่ใต้สติกเกอร์รับประกันของทาง Acer หากผู้ใช้คนไหนอยากเปลี่ยน SSD ให้มีความเร็วสูงขึ้นกว่าเดิมแนะนำให้ร้านค้าเป็นผู้เปิดฝาอัพเกรดให้จะดีกว่า

Screen & Speaker

DSC09640

DSC09642
DSC09641
DSC09643
DSC09645
DSC09689
monitor resolution

หน้าจอของ Acer Swift 3 Intel Gen 12 ยังมีขนาด 14 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอ 16:9 เท่าเดิม แต่อัพเกรดความละเอียดหน้าจอจาก Full HD ในรุ่นก่อนให้เป็น QHD (2560×1440) พาเนล IPS มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 86% และแสดงผลขอบเขตสีหน้าจอได้กว้าง 100% sRGB อีกด้วย เวลาทำงานก็มีพื้นที่บนหน้าจอเอาไว้เปิดงานหรือคอนเทนต์ต่างๆ ได้เยอะยิ่งขึ้น รวมทั้งมีองศาการมองเห็นกว้าง 178 องศา ทำให้มองเห็นได้จากหลายมุมและยังปรับค่า Refresh Rate ได้ระหว่าง 48 หรือ 60Hz เพื่อถนอมแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้นอีกด้วย

gamut
luminance

ด้านขอบเขตสีหน้าจอ เมื่อจัดการ Calibrate ด้วย Calibrite รวมทั้งเซ็ตโปรไฟล์สีด้วย DisplayCal 3 จะได้ค่า Gamut coverage ระดับ 92.8% sRGB, 64.8% Adobe RGB, 68.2% DCI-P3 ส่วน Gamut Volume ระดับ 96.8% sRGB, 66.7% Adobe RGB, 68.5% DCI-P3 เทียบค่าความเที่ยงตรงสีสันบนจอเป็น Delta-E แล้วอยู่เฉลี่ย 0.82 ซึ่งน้อยกว่า 2 ก็จัดได้ว่าเที่ยงตรงตามหน้าสเปคบนเว็บไซต์ไม่พอ ยังใช้พรู้ฟสีงานอาร์ต, แต่งภาพทำโปสเตอร์หรือแต่งภาพถ่ายก็ได้

ความสว่างหน้าจอของ Acer Swift 3 Intel Gen 12 วัดความสว่างได้ 328 cd/m2 ซึ่งสว่างไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊ค Intel Evo หลายๆ รุ่นในปัจจุบัน สามารถปรับความสว่างหน้าจอสู้แสงแดดได้สบายๆ ไม่มีปัญหาจอมืดสู้ความสว่างไม่ได้อย่างแน่นอน หากนั่งทำงานในออฟฟิศผู้เขียนแนะนำให้ปรับความสว่างไว้ราว 60% ก็สว่างเพียงพอมองเห็นเนื้อหาต่างๆ ได้อย่างแน่นอน

DSC09593
DSC09594
DSC09601
DSC09603

ลำโพง DTS Audio ทั้งสองดอกตรงขอบล่างตัวเครื่องเมื่อปรับลำโพง 100% แล้ววัดด้วยเครื่องวัดเสียงจะได้ความดังราว 80dB และโทนเสียงตอนฟังเพลงจะเด่นด้านเสียงนักร้องและเครื่องดนตรีเป็นหลัก ส่วนเสียงเบสเสริมมีซัพพอร์ตระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงกับหนักแน่นมีแรงปะทะเท่าที่ควร ดังนั้นถ้าใครฟังเพลงแนวแจ๊ส ป็อป หรือคลาสสิคเป็นหลักจะได้เสียงดีชัดเจนแต่ฝั่งเพลงร็อคหรือ EDM ถือว่าพอฟังได้แต่ไม่โดดเด่นน่าประทับใจนัก หากใครอยากได้แรงปะทะของเบสเพื่ออรรถรสตอนฟังเพลง แนะนำให้ต่อลำโพงแยกจะดีที่สุด

Keyboard & Touchpad

DSC09664

DSC09665
DSC09673
DSC09672
DSC09674

คีย์บอร์ดของ Acer Swift 3 Intel Gen 12 จะใช้เลย์เอ้าท์แบบ Tenkeyless เท่ากับ Swift 3 รุ่นก่อนหน้านี้ ติดตั้ง Function Key มาให้ครบถ้วน โดยแยกเอาไว้ตามปุ่มต่างๆ และยังมีคำสั่ง Fn+F เพื่อปรับโหมดการทำงานของตัวเครื่องได้ 3 โหมดเหมือนโน๊ตบุ๊ค Acer ทุกรุ่น และสังเกตว่าปุ่ม Grave Accent (~) จะยังคงเป็นปุ่มขนาดครึ่งเดียวเท่าเดิม เพราะจริงๆ แล้วปุ่มดังกล่าวไม่ได้เป็นปุ่มสำคัญและใช้งานบ่อยเท่ากับคนไทยซึ่งเซ็ตเป็นปุ่มเปลี่ยนภาษาของคีย์บอร์ด

อีกอย่าง จุดสังเกตหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ ทาง Acer ไม่มีคำสั่ง Fn Lock ติดมาให้เหมือนคีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊คสายทำงานหลายรุ่นในปัจจุบันนี้ ซึ่งปกติมักเซ็ตไว้ตรงปุ่ม Esc ดังนั้นเวลากด Function Hotkey จะต้องกด Fn ค้างเอาไว้ก่อนเรียกใช้งานเสมอ สลับเลเยอร์คำสั่งไม่ได้

DSC09680
DSC09683

ไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ดจะเป็นไฟสีขาว ปรับความสว่างของไฟได้ ช่วยให้ผู้ใช้ที่พิมพ์สัมผัสไม่คล่องสามารถพิมพ์งานในที่แสงน้อยได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งแสงไฟจะลอดทั้งตัวอักษรภาษาไทยและอังกฤษรวมทั้งมีไฟเรืองรอบกรอบปุ่มอีกด้วย

DSC09670

ด้านปุ่ม Function Key บางปุ่ม จะถูกเซ็ตเอาไว้รวมกัน ตัวอย่างเช่นคำสั่ง Print Screen รวมกับคีย์ลัดเรียก Snipping Tool และปุ่ม Delete ถ้ากด Fn ค้างไว้ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Insert ด้วย แต่สังเกตว่าปุ่ม F12 ถูกเว้นคีย์ลัดเอาไว้และเซ็ตคำสั่งอะไรเพิ่มเข้าไปไม่ได้อีกด้วย จัดว่าน่าเสียดายอยู่บ้างเพราะหากเซ็ตคีย์ลัดสำคัญ เช่น คีย์ลัดแทน Windows+Tab หรือคำสั่งปิด Webcam เอาไว้น่าจะใช้ประโยชน์ได้เยอะกว่านี้

DSC09669

คีย์ลัดของ Acer Swift 3 Intel Gen 12 ถูกเซ็ตรวมกับปุ่ม F1-F12 ซึ่งมีคำสั่งใช้งานหลักติดตั้งมาให้ครบถ้วนแต่เว้นปุ่ม F12 เอาไว้ โดยมีคำสั่งดังนี้

  • F1-F3 – ปิด, ลดหรือเพิ่มเสียงลำโพง
  • F4 – ปิดหรือเปิดไมโครโฟน ถ้าปิดอยู่จะมีไฟ LED สีขาวติดขึ้นมา
  • F5-F6 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
  • F7 – ปุ่ม Project ตั้งค่าการแสดงผลหน้าจอหลักและเสริม
  • F8 – ปุ่ม Log Out กลับมาหน้า Lock Screen เพื่อกรอกรหัสผ่าน
  • F9 – Airplane Mode
  • F10 – ปิดหรือเปิดการทำงานทัชแพด
  • F11 – ปรับความสว่าง LED Backlit ของคีย์บอร์ด

DSC09659
DSC09658

สำหรับทัชแพดของ Acer Swift 3 Intel Gen 12 จะมีขนาดใหญ่และเซ็ตเยื้องมาฝั่งขวามือ สังเกตว่าริมฝั่งขวามือทัชแพดจะพอดีกับริมปุ่ม Alt ฝั่งขวาและริมซ้ายร่นจากขอบของ Spacebar เข้ามาเล็กน้อย ออกแบบให้ซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวาและรองรับ Gesture Control ของ Windows ครบถ้วนพร้อมใช้งาน

ด้านการใช้งานต้องถือว่าตัวทัชแพดแม้จะหลบสันมือซ้ายแต่มือขวาจะพาดลงทัชแพดเต็มๆ ดังนั้นถ้าใครใช้เลคเชอร์ในห้องเรียนก็แนะนำให้ยกสันมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อไม่ให้วางมือบนทัชแพดแล้วเกิดปัญหาทัชแพดทำงานเอง หรือถ้าต่อเมาส์ได้ก็กดปิดทัชแพดทิ้งไปก็ได้ ช่วยให้ทำงานได้สะดวกยิ่งกว่าเดิมมาก

Connector / Thin & Weight

DSC09692
DSC09694

พอร์ตการเชื่อมต่อของ Acer Swift 3 Intel Gen 12 ยังติดตั้งเอาไว้ด้านข้างเครื่องทั้งสองฝั่งแต่ได้รับการอัพเดทให้ทันสมัยขึ้นและมีพอร์ตพื้นฐานต่างๆ ติดตั้งมาให้ครบเครื่อง ได้แก่

  • ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – Thunderbolt 4 x 2 ช่อง, HDMI x 1, USB-A 3.2 x 1
  • ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – Audio combo x 1, USB-A 3.2 x 1, Kensington Lock
  • การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2

ในแง่ของพอร์ตการเชื่อมต่อต้องถือว่าครบเครื่องพร้อมใช้งาน จะต่อชาร์จแบตเตอรี่ผ่าน Thunderbolt 4 หรือหน้าจอแยกผ่าน HDMI ก็ไม่ต้องพึ่ง USB-C Multiport Adapter เสมอไป จะต่อเมาส์คีย์บอร์ดและโอนไฟล์พร้อมๆ กันก็มี USB-A 3.2 รอให้ใช้งานอีก 2 ช่องด้วย แต่น่าเสียดายเล็กน้อยว่าทาง Acer ไม่มี MicroSD Card Reader ติดตั้งมาให้ จะได้โอนไฟล์ออกมาใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

DSC09587

DSC09590
DSC09589
DSC09588

น้ำหนักเมื่อชั่งด้วยตาชั่งดิจิตอลแล้ว จะเห็นว่าน้ำหนักตัวเครื่องอย่างเดียวอยู่ที่ 1.28 กิโลกรัม จัดว่าเบาไล่เลี่ยกับรุ่นก่อนมากและตรงกับที่เคลมเอาไว้ไม่มีผิด พอรวมกับอแดปเตอร์พอร์ต USB-C รุ่นใหม่กำลังชาร์จ 65 วัตต์ซึ่งเบาเพียง 0.17 กิโลกรัมแล้ว จะหนักเพียง 1.46 กิโลกรัมเท่านั้น

กล่าวได้ว่า Acer Swift 3 Intel Gen 12 ยังคงเอกลักษณ์เรื่องน้ำหนักเบาเอาไว้ได้เหมือนเดิมไม่พอ เมื่อตัดช่องอแดปเตอร์แบบเก่าทิ้งไปแล้วพึ่งการชาร์จผ่าน Thunderbolt 4 อย่างเดียว ทำให้ผู้ใช้ใช้ปลั๊ก GaN กำลังชาร์จ 65 วัตต์ขึ้นไปชาร์จทั้งสมาร์ทโฟนและ Acer Swift 3 ได้พร้อมกัน หรือจะพกอแดปเตอร์ของตัวเครื่องติดไปก็ไม่หนักมากและยังพกพาง่ายอีกด้วย

Inside & Upgrade

DSC09599

ด้านการอัพเกรดจะเห็นว่า Acer Swift 3 Intel Gen 12 ค่อนข้างมีจำกัด จะอัพเกรดได้ก็มีแต่ M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ประจำเครื่องเท่านั้น ซึ่งรองรับความจุมากสุด 2TB ด้านของแรมใต้แผ่นฝาโลหะก็เป็นออนบอร์ดอยู่แล้ว ซึ่งผู้เขียนคิดว่าไม่จำเป็นต้องอัพเกรดก็ได้ ใช้งานเดิมๆ แล้วแบ็คอัพงานเข้า External HDD/SSD แทนจะสะดวกกว่าและไม่มีปัญหากับประกันตัวเครื่องด้วย

Performance & Software

cpu
mb

 

Acer Swift 3 Intel Gen 12 จะติดตั้งซีพียู Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz สถาปัตยกรรม Alder Lake ค่า TDP 28 วัตต์มาให้ ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics และตัวซีพียูรองรับชุดคำสั่งพื้นฐานครบถ้วนและเมนบอร์ดรองรับอินเตอร์เฟส PCIe 4.0 ทำให้ผู้ใช้ใส่ M.2 NVMe SSD รุ่นใหม่ความเร็วสูงความจุสูงสุด 2TB ได้ เหมาะกับผู้ใช้คนไหนต้องเอางานไปนำเสนอกับลูกค้าบ่อยๆ ไม่อยากพก External HDD/SSD ให้หนักก็เปลี่ยน SSD แทนก็ดีเช่นกัน

ram

อย่างไรก็ตาม Acer Swift 3 Intel Gen 12 ยังใช้แรมออนบอร์ดความจุ 8GB LPDDR4x บัส 4267MHz เหมือนรุ่นก่อนหน้า ซึ่งในปี 2022 อาจจะดูน้อยไปแล้ว แต่ยังพอสำหรับใช้ทำงานเอกสาร, เปิดเว็บเบราเซอร์ทำงานหรือตัดต่อแต่งภาพได้ดีระดับหนึ่งอยู่ และจากการทดลองใช้งานดูสัปดาห์หนึ่งแล้ว ถ้าใช้ทำงานเอกสาร, เปิดเว็บเบราเซอร์หรือดูหนังฟังเพลง แรม 8GB ก็ยังทำงานได้ดีไม่มีอาการแรมเต็มจนช้าหรือหน่วงเหมือนโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ เลย

gpu

การ์ดจอออนบอร์ดของ Acer Swift 3 Intel Gen 12 เป็น Intel Iris Xe Graphics ซึ่งมันใช้เรนเดอร์ภาพขึ้นหน้าจอความละเอียด 2K QHD ได้ดีไม่มีปัญหา จะใช้แต่งภาพกับโปรแกรมตระกูล Photoshop ก็ได้ไม่เกิดอาการหน่วงช้าให้กวนใจ ซึ่งนักเรียนนักศึกษาสามารถใช้แต่งภาพประกอบรายงาน, พรีเซนต์งานแม้แต่ตัดต่อภาพกับวิดีโอ Vlog สั้นๆ การ์ดจอนี้ก็ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาและรองรับชุดคำสั่งพื้นฐานครบถ้วนไม่ว่าจะ OpenCL, DirectCompute, DirectML, Vulkan, OpenGL 4.6 

devicemgr

ภายในตัวเครื่องเมื่อเช็คด้วย Device Manager จะเห็นว่า Acer Swift 3 Intel Gen 12 ติดตั้งชิ้นส่วนสำคัญมาให้ครบพร้อมใช้งาน ไม่ว่าจะเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ ELAN WBF ซึ่งรวมเอาไว้กับปุ่ม Power มีชิป TPM 2.0 สำหรับรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในเครื่อง ยิ่งไปกว่านั้น Wi-Fi PCIe Card ยังอัพเกรดเป็น Intel Killer AX1675i รองรับ Wi-Fi 6E คลื่น 6GHz แบนด์วิธกว้างระดับ 160MHz ทำให้รับส่งสัญญาณ Wi-Fi ได้เสถียรและรวดเร็วต่อเนื่องไม่โดนรบกวนด้วยคลื่น Wi-Fi อื่นๆ อีกด้วย

ssd

M.2 NVMe SSD ในเครื่องจากการเช็คด้วย Device Manager แสดงรุ่นเป็น Micron 2450 อิงจากหน้าสเปคของผู้ผลิต คือ อินเตอร์เฟสเป็น PCIe 4.0 x4 ความเร็ว Sequential Read ระดับ 3,500 MB/s และ Sequential Write 3,000 MB/s มีค่าความทนทานอ่านเขียนไฟล์เข้าออกไดรฟ์ (TBW หรือ TerraByte Written) ระดับ 300 TBW เท่ากับ M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด ส่วนผลทดสอบหลังวัดด้วย CrystalDiskMark 8 ได้ความเร็ว Sequential Read 3,480 MB/s และ Sequential Write 3,350 MB/s หากใช้ทำงานทั่วไปถือว่าเร็วดีไม่มีปัญหา ใช้เปิดโปรแกรมและเรียกไฟล์งานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วแน่นอน

หากคนไหนอยากอัพเกรดเป็น M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 ซึ่งความเร็วสูงกว่านี้ แนะนำให้เปลี่ยนเป็น Kingston KC3000, PNY XLR8 CS3040 หรือ WD Black SN850 จะสามารถโหลดไฟล์และเปิดโปรแกรมได้อย่างรวดเร็วขึ้นมาก

r15
r20

ด้านการเรนเดอร์ 3D CG ด้วยการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics ก็ถือว่าทำงานได้ดีทีเดียว โดย CINEBENCH R15 สามารถทำคะแนน OpenGL ได้ 80.11 fps และคะแนนซีพียูได้ 1,238 cb ซึ่งประสิทธิภาพระดับนี้สามารถใช้ Preview โมเดล 3D ได้ดีระดับหนึ่ง นำไปพรีเซนต์งานกับลูกค้าได้เลย ส่วน CINEBENCH R20 ซึ่งเน้นทดสอบพลังการเรนเดอร์ของซีพียูอย่างเดียว ได้คะแนน 2,884 pts จัดว่า Intel Core i5-1240P นั้นมีประสิทธิภาพดีพอทำงานหนักได้ดีพอสมควร ไม่หน่วงเกินไปอย่างแน่นอน

3dmark

กลับกัน ด้านการเล่นเกมเมื่อทดสอบด้วย 3DMark Time Spy จะได้คะแนนเฉลี่ย 1,389 คะแนน แยกเป็นคะแนนซีพียู 5,536 คะแนน และ Graphics score 1,227 คะแนน กล่าวคือ Acer Swift 3 Intel Gen 12 ในส่วนพลังของซีพียูสามารถใช้เล่นเกมได้แต่ Intel Iris Xe Graphics ในซีพียูไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเล่นเกมเป็นหลัก ดังนั้นถ้าใครต้องการเล่นเกมฆ่าเวลาสักหน่อย จะเหมาะกับเกมแนว 8-bit หรือเกมอินดี้ไม่กินสเปคเยอะนัก

pcmark10

ด้านการทำงาน เมื่อทดสอบด้วยโปรแกรมจำลองการทำงานอย่าง PCMark 10 จะเห็นว่า Acer Swift 3 Intel Gen 12 ทำคะแนนเฉลี่ยได้ 4,580 คะแนน นับว่าได้คะแนนดีไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คทำงานหลายๆ เครื่องซึ่งได้ทดสอบก่อนหน้านี้ หากดูแยกเป็นหมวดหมู่จะเห็นว่า Swift 3 รุ่นนี้เด่นด้านการรันโปรแกรม ประชุมออนไลน์หรือเปิดเบราเซอร์ขึ้นมาใช้งานจะทำได้ดีไหลลื่น ด้านการทำงานกับไฟล์เอกสารและตัดต่อแต่งภาพก็สามารถทำงานได้ดีไม่แพ้กัน

คาดว่าเมื่อ Intel 12th Gen มีคอร์ซีพียูติดตั้งมาให้ 2 ชุดแล้ว Intel Thread Director จัดสรรให้ P-Core ประสานงานกับการ์ดจอออนบอร์ดเพื่อทำงานกราฟฟิคได้เต็มที่และฝากงานทั่วไปอย่างการเช็คเมล์หรือรันระบบหลังบ้านของ Windows และอื่นๆ ด้วย E-Core ไป ทำให้คะแนนตอนทดสอบได้เท่ากัน ดังนั้น Acer Swift 3 Intel Gen 12 จึงตอบโจทย์ผู้ใช้หลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะพนักงานบริษัทซึ่งทำงานแบบ WFH หรือเซลส์และ AE ที่ต้องออกไปพบลูกค้า รวมไปถึงนักเรียนนักศึกษาก็นำไปทำงาน, รายงานและยังเอาไปพรีเซนต์งานต่างๆ ได้สะดวกมาก

main

settings
data pc
checkup
tune up
update
support
recovery

อีกซอฟท์แวร์สำคัญประจำโน๊ตบุ๊คสายทำงานอย่าง Acer Care Center เองก็ถูกติดตั้งมาให้ใช้งานด้วย โดยซอฟท์แวร์นี้จะคอยล้างไฟล์ขยะ, เช็คไดรฟ์ SSD ในเครื่องรวมทั้งเอาไว้อัพเดทเฟิร์มแวร์ของตัวเครื่องให้ทันสมัยอยู่เสมอ ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้เปิดโปรแกรมนี้มาอัพเดทและเช็คสภาพตัวเครื่องเดือนละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้ Acer Swift 3 Intel Gen 12 ใช้ทำงานได้ดีตลอดอายุการใช้งานอย่างแน่นอน

Battery & Heat & Noise

DSC09600

แบตเตอรี่ใน Acer Swift 3 Intel Gen 12 จากที่หน้าเว็บไซต์ได้เคลมเอาไว้ จะสามารถใช้งานได้นานสุดราว 10 ชั่วโมง 30 นาทีด้วยกัน โดยแบตเตอรี่ผลิตโดย SMP แบบลิเธียมโพลีเมอร์ ความจุ Typical Capacity 3,634mAh ได้ 55.9Wh และ Rated Capacity อยู่ที่ 3,545mAh หรือ 54.5Wh จัดว่าเยอะไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้

batterymon

เมื่อทดสอบด้วยโปรแกรม BatteryMon ตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์ โดยลดความสว่างหน้าจอต่ำสุด, เปิดลำโพง 10%, ปิดไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ด, ปรับโหมดตัวเครื่องให้ประหยัดพลังงานโดยกด Fn+F และเปิด Battery Saver ของ Windows ใช้ Microsoft Edge ดูคลิปใน YouTube นาน 30 นาที จะเห็นว่า Acer Swift 3 Intel Gen 12 สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 7 ชั่วโมงกับ 10 นาที

สำหรับระยะเวลาใช้งานถือว่ายาวนานระดับหนึ่งแต่ยังไม่ถึงกับที่เคลมเอาไว้ก็ตาม แต่ก็นานพอใช้ประชุมงาน, เข้าห้องเรียนและพกไปไหนมาไหนได้สบายๆ ถ้าให้ใช้งานได้นานจริงๆ ก็พกปลั๊ก GaN หรืออแดปเตอร์ติดกระเป๋าเอาไว้เสมอจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้

DSC09608

DSC09607
DSC09604
DSC09614

ระบบระบายความร้อน Acer TwinAir แบบ 118 ครีบติดตั้งเอาไว้ขอบบนของตัวเครื่องเป็นพัดลมโบลวเวอร์คู่ ซึ่งทางบริษัทเคลมเอาไว้ว่ามันสามารถระบายความร้อนให้ Acer Swift 3 Intel Gen 12 ได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 35% และมีฮีตไปป์ 2 เส้น พาดจาก Intel Core i5-1240P มาฮีตซิ้งค์เพื่อนำความร้อนออกจากเครื่อง

high temp

ความร้อนเมื่อวัดตอนรันโปรแกรม Benchmark เพื่อดูว่าตัวเครื่องจะมีอุณหภูมิสูงสุดกี่องศา จะเห็นว่าอุณหภูมิในตัวเครื่องอยู่ที่ 48~93 องศา เฉลี่ย 54 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิที่ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นบ่อยๆ หากไม่ได้รันโปรแกรมใหญ่ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ดังนั้นถ้าใครซื้อ Acer Swift 3 Intel Gen 12 ไปใช้งานทั่วไป ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนของตัวเครื่องจะพุ่งสูงอย่างในผลการทดสอบนี้

User Experience

DSC09696

ประสบการณ์การพก Acer Swift 3 รุ่นใหม่ไปทำงานตามสถานที่ต่างๆ จะเขียนคอนเทนต์, ตอบอีเมล์งานหรือแม้แต่ส่งไฟล์งานไปมาก็ทำได้ดีไม่มีปัญหา เพราะตัวเครื่องเบาเพียง 1.2 กิโลกรัม ทำให้ไม่หนักไหล่เกินไปเวลาพกเครื่องใส่กระเป๋าไปไหนมาไหน และระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ 7 ชม. จากที่ทดสอบได้ เวลาใช้งานจริงก็ไม่ได้เป็นปัญหามาก เพราะปกติแล้วผู้ใช้บางกลุ่มเช่นผู้เขียนอาจจะเปิดโน๊ตบุ๊คแล้วทำงานราว 30 นาทีหรือ 1 ชม. แล้วพับเครื่องเข้าโหมด Sleep แล้วไปธุระต่ออยู่บ่อยๆ ถ้าใช้งานแล้วเครื่องโชว์ว่าแบตเตอรี่เหลือน้อย ก็ต่อปลั๊กชาร์จไฟได้เลย

สำหรับพอร์ตการเชื่อมต่อก็ได้มาครบเครื่องพร้อมทำงานไม่ว่าจะ Thunderbolt 4 x 2 ช่องและยังมีพอร์ตพื้นฐานอย่าง HDMI, USB-A 3.2, Audio combo ติดมาให้ครบ เลยไม่จำเป็นต้องพก USB-C Multiport Adapter ไปไหนมาไหนบ่อยๆ ยกเว้นกรณีจะต่อพอร์ตบางประเภท เช่น LAN หรือจะต้องโอนไฟล์จาก SD Card ในส่วนนั้นก็ต่ออแดปเตอร์แบบพิเศษแยกเฉพาะเลยก็ได้ ดังนั้นในแง่ของพอร์ตเมื่อพกเครื่องไปใช้งานจริงก็สะดวกมาก จะต่อ HDMI พรีเซนต์งานหรือโอนไฟล์เข้าออกเครื่องก็ง่ายไปหมด

สำหรับเรื่องแรม 8GB LPDDR4x ซึ่งยังเป็นความจุขั้นต่ำอยู่และทาง Acer ยังไม่เพิ่มให้เป็น 16GB เหมือนโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่นในปัจจุบันก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่นัก นั่นเพราะถ้าใช้งานจริงแล้ว ตัวแรม 8GB ยังใช้เปิดเบราเซอร์ทำงานราว 10 แท็บได้อยู่พร้อมเปิดงานเอกสารไปด้วยได้และเครื่องยังไม่ได้ทำงานช้านัก ขอแค่บริหารโปรแกรมและแท็บซึ่งเปิดค้างอยู่ให้ดีเท่านี้ก็ใช้งานได้ ไม่ต้องกังวลว่าแรมจะไม่พอใช้งาน

Conclusion & Award

DSC09698

Acer Swift 3 Intel Gen 12 สานต่อจุดเด่นของตระกูล Swift 3 ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะคงน้ำหนักตัวเครื่องให้เบาพกง่ายเท่าเดิมที่ 1.2 กิโลกรัม ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้โดยรวมเอาไว้กับปุ่ม Power ทำให้กระชับพื้นที่ กดใช้งานได้ง่าย และยังอัพเกรดตัวเครื่องเพิ่มอีกหลายส่วน ไม่ว่าจะความละเอียดหน้าจอขึ้นเป็นระดับ 2K QHD, เพิ่มพอร์ต Thunderbolt 4 มาถึง 2 ช่อง หรือจะให้ Wi-Fi PCIe Card แบบรองรับ Wi-Fi 6E มาด้วย ทำให้มันเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่เหมาะกับคนทำงานและนักเรียนนักศึกษาเป็นอย่างมาก

ด้านของแรม 8GB ในตัวเครื่อง ในส่วนนี้ต้องถือว่าเป็นความจุมาตรฐานซึ่งโน๊ตบุ๊คทำงานหลายๆ เครื่องมีให้ผู้ใช้เอาไว้ทำงาน ซึ่งจริงๆ แล้วหลายคนอาจจะคิดว่าแรมในปี 2022 ควรจะมี 16GB ขึ้นไป แต่จริงๆ แล้วสำหรับ Acer Swift 3 Intel Gen 12 เอง มี 8GB ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่นั่นเพราะซีพียูเองก็สามารถจัดการงานให้เสร็จได้รวดเร็ว และบัสแรมก็เร็วพอรับส่งงานต่างๆ ได้ไวอยู่ เหลือแค่ผู้ใช้ที่เป็นเจ้าของเครื่องต้องคอยบริหารการใช้งานโปรแกรมในเครื่อง ไล่ปิดโปรแกรมหรือหน้าแท็บเบราเซอร์ต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งานออกไปบ้างไม่ต้องเปิดค้างเอาไว้เหมือนเมื่อก่อน เท่านี้มันก็ใช้งานได้ดีแล้ว

award

NBS award 4 Mobility

best mobility

Acer Swift 3 รุ่นใหม่ยังคงน้ำหนักตัวเครื่องเบาเพียง 1.2 กิโลกรัม พกพาสะดวกและยังมีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2 ช่องกับพอร์ตพื้นฐานต่างๆ ติดตั้งมาครบเครื่อง จะพกเครื่องไปเรียนกหรือพรีเซนต์งานกับลูกค้าก็ง่ายมาก คู่ควรกับรางวัล Best Mobility อย่างไม่ต้องสงสัย

award new Design

best design

การออกแบบ Acer Swift 3 รุ่นใหม่นี้นอกจากความสวยงามเรียบง่าย เลือกได้ 3 สีและให้ฟีเจอร์จำเป็นอย่างเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาครบถ้วนแล้ว ยังดีไซน์ให้เวลากางหน้าจอทำงานแล้วขอบหน้าจอส่วนล่างจะยกตัวเครื่องขึ้นเล็กน้อย ทำให้พิมพ์งานสะดวกขึ้นด้วย ก็สมควรได้รางวัล Best Design เช่นกัน

from:https://notebookspec.com/web/656516-review-acer-swift-3-intel-gen-12

MSI Prestige 14 EVO บางเบา ทรงพลัง Core i7 แบตอึด สแกนลายนิ้วมือ กางได้ 180 องศา

MSI Prestige 14 EVO ขุมพลัง Intel Core i7 เปิดเครื่องเร็ว ชาร์จไว แบตอึดใช้ได้นาน กางจอได้ 180 องศา Thunderbolt 4

MSI Prestige 14

MSI Prestige 14 EVO ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มบางเบา พกพาง่าย พลังเหมาะกับทั้งงานสำนักงาน ความบันเทิงในบ้าน เรียนออนไลน์ และออกไปนำเสนองาน ออกนอกสถานที่ได้สะดวก ด้วยดีไซน์ที่ดูสวยสะดุดตา ไม่ได้เป็นแบบที่หวือหวา แต่เข้าได้กับในทุกสถานที่ บางแบบใส่ซองเอกสารได้สบาย บอดี้และโครงสร้างแข็งแกร่ง แต่เบาเพียง 1.3 กิโลกรัม วัสดุเป็นแบบอะลูมิเนียม ให้สัมผัสเรียบลื่น แต่อาจจะมีรอยนิ้วมือได้นิดหน่อย หน้าจอระดับ 14″ Full-HD สีสันสดใส มาพร้อมกล้องเว็บแคมด้านบน อัตราส่วน 16:9

ขุมพลังการประมวลผลจาก Intel Core i7 Gen 12 ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ลงตัว และที่สำคัญยังมาในแพลตฟอร์ม Intel EVO ซึ่งยกระดับการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น เช่นเดียวกับระบบจัดการความร้อนภายใน Cooler Boost ที่ช่วยให้เย็นเร็ว เสียงรบกวนน้อย คีย์บอร์ดมีแสงไฟ LED ให้ทำงานได้ในทุกที่ แม้แสงน้อย เช่นเดียวกับทัชแพดขนาดใหญ่ เคลือบผิวสัมผัสลื่นไหล และมีระบบสแกนลายนิ้วมือ เข้าสู่ระบบได้ปลอดภัย รวมถึงการชาร์จไฟก็ยังทำได้รวดเร็วอีกด้วย จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบา ซึ่งเหมาะกับคนทำงาน นักเรียนนักศึกษา และผู้บริหาร ที่ต้องการความสะดวก คล่องตัวและต้องการความปลอดภัยในด้านข้อมูล และความเป็นส่วนตัวอีกด้วย

Advertisementavw

MSI Prestige 14 EVO

  • Intel Core i7-1280P, Intel Iris Xe Graphic, LPDDR4 16GB, 512GB NVMe PCIe Gen4 x4, Windows 11 Home, 39,990 Baht

MSI Prestige 14 EVO บางเบา ทรงพลัง


NBS Verdict

MSI Prestige 14

MSI Prestige 14 EVO เป็นโน๊ตบุ๊คที่เข้ากันได้ในงานต่างๆ ที่คุณสามารถพกพาไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง หน้าจอขนาด 14″ ที่ทำให้องค์ประกอบต่างๆ มีความกระทัดรัด แต่ให้พื้นที่ใช้สอยได้พอเหมาะ กางจอได้ 180 องศา คุณภาพของจอแสดงผลและขอบเขตสีค่อนข้างกว้าง ให้ใช้ร่วมกับการด้านโปรดักส์ชั่้นและการทำวีดีโอได้ดีพอสมควร สอดคล้องกับซีพียู Intel Core i7-1280P ที่ติดตั้งมาภายใน ซึ่งช่วยให้การประมวลผลร่วมกับงานไหลลื่น และยังรองรับ PCIe 4.0 ซึ่งมี SSD M.2 NVMe ความเร็วสูงกว่า 6,000MB/s (Read) มาให้ เช่นเดียวกับแรม DDR4 ที่มีให้ 16GB และสะดวกต่อการใช้งาน แค่เปิดเครื่องก็พร้อมใช้ได้ทันที เพราะมี Windows 11 Home มาด้วย

จุดเด่นที่น่าสนใจก็คือ ระบบความปลอดภัย ที่มีให้เต็มพิกัด สำหรับผู้ที่ต้องการความส่วนตัวเพื่อเข้าใช้งาน ว่ากันตั้งแต่ระบบสแกนลายนิ้วมือ และกล้อง IR camera ที่รองรับการล็อคอินผ่าน Windows Hello และ Tobii Aware ที่มีอยู่ในรุ่น EVO เท่านั้น ซึ่งนอกจากจะไม่ให้ผู้อื่นได้เข้าถึงข้อมูลสำคัญของคุณได้ง่ายๆ แล้ว ยังลดปัญหาคนที่มาแอบมองด้านหลัง เวลาใช้งานข้างนอก

MSI Prest 14 77

แม้พอร์ตต่อพ่วงจะน้อยไปบ้าง ตามขนาดของบอดี้ แต่ผู้ใช้สามารถขยายการเชื่อมต่อด้วยพอร์ต Thunderbolt 4 ที่มีความหลากหลาย ซึ่งรองรับทั้งการแสดงผล DisplayPort 1.4a และรองรับการชาร์จเร็วในแบบ PD ได้อีกด้วย คล่องตัวมากขึ้น เพราะทาง MSI เคลมว่าสามารถชาร์จได้ไวระดับ 70% ในเวลา 60 นาทีหรือชั่วโมงเดียวเท่านั้น และยังมีพอร์ตอื่นๆ อย่าง USB 3.2 Gen2 Type-A ความเร็วสูง รวมถึง microSD Card Reader และ Combo jack ระบบเสียงได้ความเร้าใจ สายบันเทิงดูหนัง ฟังเพลง ก็เต็มอรรถรส ด้วยลำโพงคู่ด้านใต้ รองรับ Hi-Res Audio และ DTS Sound Effect อีกด้วย

โดยส่วนตัว MSI Prestige 14 EVO รุ่นนี้ จับฟังก์ชั่นหลายสิ่งมาใส่ได้อย่างลงตัว ในงบประมาณที่สบายกระเป๋ามากขึ้น จึงเหมาะกับคนที่ชอบความคล่องตัวในการพกพาโน๊ตบุ๊คไปทำงานยังที่ต่างๆ เพราะน้ำหนักเบาแค่ 1.3 กิโลกรัม รวมกับสัมภาระที่คุณจะต้องใช้ในชีวิตประจำวันในกระเป๋า ก็ยังสบาย แบตเตอรี่เท่าที่ทดสอบก็ใช้ได้นาน ยิ่งการสแตนบายไปใช้ข้างนอก มีการเชื่อมต่อ WiFi เป็นระยะ ก็อยู่ได้หลายชั่วโมง กรณีที่วีดีโอสตรีมมิ่งด้วย เรื่องเสียงก็ดังพอสมควร ในการนำเสนอเป็นงานวีดีโอก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เช่นเดียวกับพอร์ตต่อพ่วง ที่เรียกว่าน้อยแต่มาก เพราะ Thunderbolt4 ก็แทนพอร์ตอื่นได้ ทั้งแสดงผลและชาร์จไฟได้ แต่ที่น่าสนใจก็คือ ทัชแพดที่กว้างขวาง ลื่นไหล เหมาะกับทดแทนการใช้งานเมาส์ได้ดีอีกด้วย

dota2 bestlook

แต่ถ้าถามว่าเรื่องไหนที่ดูว่าอาจจะต้องมีไว้หน่อย ก็คงเป็นเรื่องการ์ดจอแยก ที่ไหนๆ ก็จัดซีพียูแรงๆ แบบนี้มาให้แล้ว ถ้าใครที่ชอบเล่นเกม แต่ก็ไม่ได้เน้นเกมที่โหดหิน Intel Xe Graphic ก็ตอบโจทย์ได้ บางทีก็อาจอยากได้แรงขึ้นอีกนิด และต้องไม่ฝืนแรงเครื่องเกินไป Discrete graphic บางรุ่นก็น่าสนใจ แต่ตรงนี้ก็พอเข้าใจ เพราะเรื่องของการใช้พลังงานและความสอดคล้องกับกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นไลฟ์สไตล์แบบนี้ การ์ดจอแยก อาจทำให้การใช้งานต่อเนื่องยาวๆ ลดลงได้เช่นกัน แต่ถ้าใครอยากได้ ก็ยังมีตัวเลือกของ MSI Prestige 15 ไปลองดูกันได้ครับ


จุดเด่น MSI Prestige 14 EVO

  • พลังการประมวลผลที่สูงบน Intel Core i7-1280P
  • หน้าจอ IPS ให้ความคมชัดสูง
  • กางจอได้ 180 องศา และฟีเจอร์ Flip and Share
  • ติดตั้ง SSD M.2 NVMe PCIe 4.0 ความเร็วสูงมาให้
  • น้ำหนักค่อนข้างเบา 1.29 กิโลกรัม พกพาสะดวก
  • มีพอร์ต Thunderbolt 4 ให้ถึง 2 พอร์ต
  • มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 และ Office 365 Pre-Install
  • ซอฟต์แวร์เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัย
  • แบตเตอรี่ใช้ได้นานกว่า 10 ชั่วโมงในการทดสอบ
  • ล็อคอินได้หลายรูปแบบ สแกนใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือ
  • ปุ่มคีย์บอร์ดมีขนาดใหญ่

ข้อสังเกต MSI Prestige 14 EVO

  • แรมเป็นแบบฝังบอร์ด อัพเกรดเพิ่มไม่ได้
  • กราฟิกบนซีพียู Intel Iris Xe Graphic
  • ฟีเจอร์บางอย่าง อาจต้องตั้งค่าที่ละเอียดมากขึ้น

Specification

MSI Prestige 14 EVO
Color Carbon Gray
Keyboard Single backlight
Display 14″ FHD (1080p) sRGB 100% 300nits
CPU Intel Core i7-1280P
Graphic Intel Iris Xe Graphic
Memory LPDDR4-4267 16GB
Storage 512GB NVMe PCIe Gen4 x4
WLAN Intel Killer WiFi 6E AX1675
OS Windows 11 Home
Microsoft 365 Personal
Warranty 2 Year (Global 1 Year + Thailand 1 Year)
Price 46,990 และ 49,990 Baht

Intel EVO

Intel EVO เป็นแพลตฟอร์ม จากทาง Intel เทคโนโลยีที่ยกระดับของโน๊ตบุ๊คสายบางเบา ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในเรื่องของพลังในการประมวลผลที่เทียบเท่าโน๊ตบุ๊คเครื่องใหญ่ ตอบสนองการใช้งานที่สร้างสรรค์สาย Content Creator แบบมืออาชีพ โดยแพลตฟอร์มนี้ มาพร้อมเงื่อนไขที่ให้แบตเตอรี่ต้องใช้งานได้ยาวนาน อีกทั้งรองรับการชาร์จไฟกลับที่รวดเร็วผ่านทาง USB-C (USB Power Delivery) เพื่อรองรับด้านความบันเทิงได้นานขึ้น โดยไม่ต้องเสียบปลั๊กไฟตลอดเวลา ซึ่งทำให้โน๊ตบุ๊คสามารถตอบโจทย์การสร้างสรรค์งานหรือความบันเทิงได้อย่างลงตัว

MSI Prestige 14

มาตรฐานของโน๊ตบุ๊คที่จะได้แพลตฟอร์ม Intel EVO จะประกอบไปด้วย

  • ประสิทธิภาพสูง ใช้ชิปประมวลผล Core i5/i7 ขึ้นไป, แรม 8GB ขึ้นไป, หน่วยความจำเป็น SSD NVMe 256GB ขึ้นไป
  • ประสิทธิภาพดีพอแม้ทำงานด้วยแบตเตอรี่ ใช้งานที่จอ Full HD ได้นานกว่า 9 ชั่วโมง
  • ชาร์จเร็ว ใช้เวลาชาร์จ 30 นาทีใช้งานได้นาน 4 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็วผ่าน USB-C (USB Power Delivery)
  • เปิดเครื่องต่ำกว่า 1 วินาที แล้วต้องพร้อมทำงานแทบจะทันที (Connected Standby และ Lucid Sleep)
  • มีฟีเจอร์ด้าน AI เช่น มีไมโครโฟนรับเสียงจากระยะไกล, ฟีเจอร์เร่งความเร็ว Deep Learning Boost
  • รองรับพอร์ต Thunderbolt 4, เชื่อมต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi 6 (AX) Gig+ และมีตัวเลือกใช้เครือข่าย Gigabit LTE
  • Ultrabook / 2-in-1 Notebook ดีไซน์บางเบา และใช้ Precision Touchpad / รองรับปากกา

Hardware / Design

สิ่งแรกที่สะดุดตาบน MSI Prestige 14 EVO รุ่นนี้ เป็นเรื่องของสีสันที่ดูลึกล้ำ แม้จะเป็นโมเดลเดียวกัน ชนิดที่แทบจะไม่ต่างกับในรุ่นปีก่อน แต่เรื่องของวัสดุและความปราณีต ยังเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ ความหรูหราส่วนตัวผู้รีวิวถือว่า MSI ทำคะแนนได้ดี และที่เห็นชัดเจน คือ การเก็บรายละเอียดของบอดี้ ซึ่งทำให้ดูเหมาะกับการใช้งาน เหมาะกับการจัดวางในสถานที่ต่างๆ เช่น ห้องประชุม ร้านกาแฟ หรือจะในห้องเรียน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวัสดุที่เป็นอะลูมิเนียม เงางาม และแข็งแรง แต่น้ำหนักเบา จึงทำให้การออกแบบโครงสร้างมีสไตล์และจุดเด่นอยู่ที่การกางจอออก 180 องศาได้ เพื่อการนำเสนองานให้คนที่นั่งด้วยกัน พร้อมฟังก์ชั่น Flip and Share คือ กลับหัวให้คนตรงข้ามดูงานที่เราทำได้อีกด้วย ตรงนี้จะมาพูดกันในหัวข้อ Display กันอีกที

MSI Prestige 14

แต่สิ่งที่สำคัญที่ทาง MSI เตรียมมาให้ผู้ใช้ ในแง่ของบอดี้ที่บางกระทัดรัดแบบนี้ คือการเพิ่มความแข็งแรง ตามมาตรฐาน MIL-STD ที่ช่วยให้การพกพาไปใช้งานข้างนอกของคุณมั่นใจยิ่งขึ้น เพราะอย่าลืมว่า อุบัติเหตุบางครั้งมาไม่ทันที่เราได้ตั้งตัว อย่างน้อยๆ โครงสร้างดี การผ่านการทดสอบจนได้รับมาตรฐานนี้ ก็เป็นเครื่องยืนยันความมั่นใจได้

MSI Prestige 14
MSI Prestige 14

ฝาหลังหรือ Cover ด้านบน มาในโทนสี Carbon Gray พร้อมโลโก้ MSI ที่อยู่ตรงกลาง ไม่มีแสงไฟ หรือเอฟเฟกต์ใดๆ เช่นเดียวกับในหลายๆ ซีรีส์ของ MSI นี้ ที่เป็นแบบ Lifestyle และ Business

MSI Prestige 14

เลื่อนลงมาทางด้านล่าง จากมุมมองด้านนอก จะเห็นขอบล่างของจอที่มีพลาสติกชิ้นเล็กๆ 2 ชิ้นซ้าย-ขวา ที่รับหน้าที่เป็นตัวสัมผัสกับพื้นโต๊ะหรือวัสดุที่รองโน๊ตบุ๊ค กับการออกแบบให้ยกตัวฐานขึ้นในแบบ ErgoLift Hinge ที่ยกแล้วก็จะช่วยให้มุมมองหน้าจอทำมุมกับสายตาได้ดีขึ้น และคีย์บอร์ดก็เอียงรับมุมกับข้อมือ ปรับระดับได้ อีกทั้งช่วยระบายความร้อน ด้วยการดูดลมเย็นเข้าไปในเครื่องสะดวกขึ้น และที่สำคัญคือ สะดวก เพราะใช้นิ้วเดียว ก็เปิดฝาโน๊ตบุ๊คขึ้นมาได้แล้วครับ

MSI Prestige 14

บานพับด้านหลัง ที่ใช้รองรับกลไก Ergo Hinge นี้ มีความแข็งแรงพอสมควร ด้วยจุดยึดที่เป็นแกนหมุน 2 ที่ ทำให้การพับไม่โยกคลอนง่าย รวมถึงสามารถปรับเข้ากับสายตา และการนั่งของคุณได้เกือบอิสระ ตัวคีย์บอร์ดเอง ก็ให้คุณใช้งานได้ในระดับต่างๆ จนถึงการกางออกแบบ 180 องศา เพื่อที่จะให้คนตรงข้ามได้ดูหน้าจอได้

Flip n Share 7

ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวนี้ ออกแบบมาเป็นแบบ Flip and Share คือ เมื่อกางหน้าจอออกมาเป็น 180 องศาแล้ว ภาพก็จะ Flip หรือกลับหัวไปให้ฝั่งตรงข้ามดูได้ทันที ไม่ต้องหันทั้งเครื่องไปให้ดู และคุณยังสามารถคอนโทรลตัวเครื่องได้เองอีกด้วย สะดวกทั้งการนำเสนองานเป็นการส่วนตัว หรือใช้ในการแนะนำผลิตภัณฑ์ก็ได้เช่นกัน เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจทีเดียว

MSI Prestige 14

มุมมองต่างๆ จากที่คุณจะได้เห็นบน MSI Prestige 14 รุ่นนี้ ซึ่งให้ความคมชัดที่ดี รวมถึงการเป็นจอแบบ Anti-Glare ช่วยลดแสงสะท้อนไปได้มากทีเดียว เมื่อใช้งานในสภาวะที่มีแสงมาก เช่น ในห้องประชุม หรือตามไซต์งานเป็นต้น

MSI Prestige 14

มิติที่บางของโน๊ตบุ๊คทำให้พกพาและจับถือได้สะดวกทีเดียว ยิ่งเป็นคนที่ต้องประสานงานหรือต้องออกนอกสถานที่ ไปนำเสนองาน หรือแม้จะเป็นการเดินไปยังพื้นที่ต่างๆ ภายในบ้าน ก็ต้องจับถือได้สะดวก จากในภาพจะเห็นว่าจุดที่หนาสุด ประมาณ 1.5cm เท่านั้น และกรอบจอทางด้านซ้าย-ขวา ก็บางเพียง 4-5mm ทำให้พื้นที่แสดงผลกว้างขวางมากขึ้น ทำให้มิติของเครื่องดูเล็กลง

MSI Prestige 14

มาที่หน้าจอแสดงผลของ MSI Prestige 14 EVO นี้ ออกแบบมาในรูปลักษณ์ที่เรียกว่ากรอบจอบางพิเศษ หรือแบบ Thin Bezel ที่บางเพียง 0.4cm เท่านั้น โดยบางลงทั้ง 2 ด้าน ซ้าย-ขวา ส่วนด้านบนจะยังหนาอยู่เล็กน้อย นั่นก็เพราะเป็นพื้นที่ในการติดตั้งกล้องเว็บแคม พร้อมอินฟราเรด IR Camera สำหรับการตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคล เพื่อเข้าใช้งานระบบ ผ่านทาง Windows Hello รวมถึงการ Sign-In เข้าใช้งานของ Windows โดยที่คุณเพียง ทำการเซ็ตรหัสผ่านและ Recognize ด้วยการสแกนบันทึกการจดจำใบหน้าเท่านั้นเอง

MSI Prestige 14

กล้องเว็บแคมคุณภาพอยู่ที่ 720p ที่ 30fps ตามมาตรฐาน ให้ภาพที่มีคุณภาพดีในระดับหนึ่ง เหมาะทั้งการประชุมออนไลน์ คุยแบบเห็นหน้ากับครอบครัว รวมถึงการเรียนออนไลน์ได้ แต่กล้องนี้จะยังรับหน้าที่ในการสแกนใบหน้า เพื่อเข้าสู่ระบบ อีกทั้งใช้ร่วมกับ TOBii Aware ในการป้องกันไม่ให้คนภายนอกมาแอบมองหน้าจอของคุณได้อีกด้วย

MSI Prestige 14

โดยกล้องที่เป็นเว็บแคมแบบ IR Camera นี้ สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่การประชุม เรียนออนไลน์ รวมถึงการถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอ ในเบื้องต้น เพื่อใช้ในงานพื้นฐาน แต่ที่สำคัญคือ ไมโครโฟนที่ติดตั้งมานี้ มีระบบตัดเสียงรบกวนหรือ Noise จากซอฟต์แวร์ MSI Center Pro เพื่อลดเสียงที่ไม่พึงประสงค์จากรอบข้างได้อีกด้วย ที่น่าสนใจคือ เราลองทั้งลดเสียงรบกวนทั้งลำโพง และไมโครโฟน เสียงที่ได้ค่อนข้างเคลียร์ทีเดียว ซึ่งรู้สึกดูเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น และไม่รำคาญกับเสียงที่เล็ดลอดอยู่ แต่ก็ไม่ถึงขนาดกับเงียบเลย หากเสียงเหล่านั้นอยู่ใกล้ตัวคุณมากเกินไป

MSI Prestige 14
Weight MSI Prestige 14 4

มิติของตัวเครื่อง MSI Prestige 14 EVO นี้อยู่ที่ 319mm x 219mm x 15.9mm น้ำหนักอยู่ที่ 1.29 กิโลกรัม ถือว่าค่อนข้างเบามากๆ หากเทียบกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม 14″ เช่นเดียวกัน โดยน้ำหนักเฉพาะตัวเครื่องบนเครื่องชั่งอยู่ที่ 1.21 กิโลกรัม เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ขนาดกระทัดรัดที่หนัก 250 กรัมด้วย รวมอยู่ที่ 1.46 กิโลกรัมเท่านั้น


Keyboard / Touchpad

คีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 14 EVO วางผังของปุ่มเอาไว้ตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊ค 14″ ในหลายๆ รุ่นของทาง MSI อย่างเช่น Modern 14 มาอย่างชัดเจน จุดเด่นอยู่ที่ปุ่มขนาดใหญ่ ทำให้กดได้แม่นยำ ตัวปุ่มออกโทนสีเทาเข้ม ตัดกับตัวฟอนต์สีขาวอย่างชัดเจน และที่ชอบคือ เป็นฟอนต์ที่ดูง่าย สบายตา แต่ที่จะทำให้ผู้ใช้ทำงานง่ายขึ้น ก็คือ มีแสงไฟที่เป็น Backlit ปรับได้ 2 ระดับ และเปิด-ปิดได้ ด้วยการกดที่ปุ่ม fn8 ส่วนในเรื่องความสว่าง ก็พอให้เห็นในที่มืดได้อย่างชัดเจน เหมาะกับการใช้งานในสภาวะต่างๆ ได้ดี

MSI Prestige 14

โดยตัวปุ่มจะเป็นขนาดเต็มทั้งหมด มีเพียงปุ่ม Ctrl ทางด้านขวา ที่เหลือเป็นแบบครึ่งปุ่ม แต่ก็ถือว่าเป็นปุ่มที่หลายคนแทบไม่ได้ใช้ เพราะใช้ Ctrl ทางซ้ายมือมากกว่า และน่ายินดีก็คือ ปุ่มลูกศรต่างๆ ก็เป็นปุ่มใหญ่ทั้งหมด กดได้คล่องมือกว่าในโน๊ตบุ๊ค 14″ หลายๆ รุ่นที่เราได้สัมผัส

MSI Prestige 14

เนื่องจากเป็นคีย์บอร์ดบนโน๊ตบุ๊คขนาดเล็ก จึงไม่ได้แยกส่วนของมัลติมีเดียคีย์มาให้ แต่ก็เตรียมปุ่ม fn มาให้เกือบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิด, เพิ่ม-ลดเสียง หรือจะใช้ไมโครโฟน และกล้องเว็บแคม ปรับระดับแสงและส่งสัญญาณไปยังหน้าจออื่นๆ และ Print screen สุดท้ายทางขวามือ กลายเป็นปุ่มเพาเวอร์ มีแสงไฟเล็กๆ บอกสถานะการทำงาน

MSI Prestige 14

ทัชแพดมาในไซส์ใหญ่ ดีไซน์สวย ปรับมุมโค้งมน และ เอาใจคนที่มีความหลากหลายในการใช้งาน นอกเหนือจากการแตะ เลื่อนหรือกดเท่านั้น เพราะรองรับการใช้งานบน Windows ได้สะดวกรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้นิ้วเดียวในการกดเลือก หรือจะเป็นสองนิ้ว เลื่อนขึ้น-ลง รวมถึงการย่อ-ขยาย เพื่อดูรายละเอียดด้วยสองนิ้ว และการใช้สามนิ้วเพื่อการดูภาพรวมของโปรแกรมทั้งหมดที่เปิดใช้งานอยู่นั่นเอง โดยส่วนตัวแล้ว ถือว่ามีพื้นที่กว้าง ทำให้เลื่อนนิ้วไปมาได้ง่ายมากขึ้น แต่ก็ทำให้คนที่เน้นกดเป็นหลัก อาจจะรู้สึกว่าระยะปุ่มซ้าย-ขวาที่ซ่อนอยู่มีระยะห่างขึ้นอีก

MSI Prestige 14

แต่จุดเด่นที่ MSI ทำออกมาไม่ค่อยเหมือนใครก็คือ การใส่ระบบสแกนลายนิ้วมือ เพื่อยืนยันตัวตน ที่เป็นอีกทางหนึ่งในการล็อกอินเข้าสู่ระบบได้ง่าย โดยวางไว้ในทัชแพดด้วยเลย ซึ่งการใช้งานก็ถือว่าง่าย เพียงแต่ผู้ใช้อาจจะเลือกใช้การสแกนใบหน้าผ่าน Windows Hello แทนได้ หากไม่สะดวกใช้งานในส่วนนี้ หรือจะตั้งเอาไว้ใช้เป็นระบบที่สอง ในกรณีที่ต้องใส่หน้ากากเมื่อไปนอกสถานที่ อาจทำให้สแกนหน้าไม่สะดวก เท่ากับการสแกนลายนิ้วมือนั่นเอง แต่แนะนำเลยครับว่า ให้ตั้งเอาไว้ทั้งสองระบบ เพราะวิธีการยืนยันตัวตนทำได้ง่ายมาก ทำครั้งเดียวก็ใช้ได้ยาวๆ และยังปลอดภัยอีกด้วย สะดวกชนิดที่ว่า ไม่ต้องจำรหัส เพื่อพิมพ์เข้าให้เสียเวลา ยิ่งโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้มีฟีเจอร์ที่เป็น Modern Standby คุณสามารถเปิดฝาพับโน๊ตบุ๊คและเริ่มใช้งานได้ในไม่กี่วินาที รวมสแกนลายนิ้วมือด้วย ก็ยิ่งให้คุณพร้อมกับการทำงานได้ไวมากขึ้น


Screen / Speaker

MSI Prestige 14

มาที่จอแสดงผลกันบ้าง สำหรับรายละเอียดของจอภาพที่อยู่บน MSI รุ่นนี้ เป็นพาแนล IPS-level ที่มีความคมชัดและให้มุมมองที่กว้าง สังเกตได้ว่า เมื่อมองจากด้านข้างๆ ทั้งสีและแสงที่เกิดขึ้น ยังคงเหมือนคุณนั่งอยู่ด้านหน้า ไม่ผิดเพี้ยน เป็นจอภาพ 14″ ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล และข้อมูลทางเทคนิคของ MSI ให้ค่าขอบเขตสี sRGB 100% เลยทีเดียว แต่ที่ชอบมากที่สุดโดยส่วนตัวก็คือ ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย คนที่ใช้โน๊ตบุ๊คในการทำงาน พรีเซนเทชั่นหรือต้องให้คนอื่นๆ ดูข้อมูลบนจอร่วมด้วย น่าจะเข้าใจในจุดนี้ดี ซึ่งทาง MSI ยังคงคุณภาพแบบนี้บนจอโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น

MSI Prestige 14

เมื่อพูดมาถึงเรื่องจอแสดงผลแล้ว ก็จะอยากจะคุยเรื่องของ TOBii Aware ที่เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสักเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปดูเต็มรูปแบบในหัวข้อ Software โดยที่ MSI จัดวางเข้ามาในโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่นี้ โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้ในซอฟต์แวร์ MSI Center Pro โดยเข้าไปที่ Security and Privacy และเปิดฟังก์ชั่น Privacy screen ไปที่ On จากนั้นเลือก เลือกที่ Normal หน้าจอจะเบลอ เวลาที่คุณไม่อยู่หน้าโน๊ตบุ๊ค หรือเลือก High ในกรณีที่คุณหันหน้าไปทำอย่างอื่น ไม่ได้มองหน้าจอโดยตรง

MSI Prestige 14

TOBii Aware หน้าตาหลังจากที่เราตั้งค่า Normal หรือ High ไปแล้ว ระบบจะทำการ Blur หน้าจอให้ทันที เมื่อเราไม่ได้อยู่ที่หน้าโน๊ตบุ๊ค รวมถึงกรณีที่ตั้งค่าไม่ให้คนอื่น มาจ้องหน้าคอมของคุณจากด้านหลัง เพื่อความปลอดภัยในข้อมูลของคุณ จัดว่าเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องปรับการใช้งานให้เหมาะสม ในกรณีที่คุณต้องไปใช้งานข้างนอก หรือในการประชุมที่ต้องมานั่งดูด้วยกันหลายคน

Gamut

ในแง่ของการวัดค่าขอบเขตสี ด้วยการใช้ Spyder5 Elite บนหน้าจอของ MSI Prestige 14 EVO รุ่นใหม่นี้ ค่าที่ได้ sRGB อยู่ที่ 93% เรียกว่าเท่ากับค่าเดิมที่ได้จากเวอร์ชั่นก่อน แต่มีค่า DCI-P3 เพิ่มเป็น 72% และ Adobe RGB 72% ซึ่งอาจจะไม่สูงมากแบบที่เทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊ค Workstation หรือกลุ่มสตูดิโอ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เป็นจอที่ให้คุณภาพงานสีได้ดีในระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับราคา เพราะคุณสามารถนำไปใช้ในการพรีวิวงานตัดต่อ ตกแต่งภาพแบบพื้นฐาน และงานพรีเซนเทชั่นได้ดีพอสมควร

Bright

ส่วนในด้านความสว่างของหน้าจอ ค่า Brightness 100% อยู่ที่ระดับ 204.9 nits ตอบโจทย์กลุ่มที่ใช้งานนอกสถานที่หรือใช้งานในบริเวณแสงมากๆ ได้ไม่ยาก และที่ความสว่างระดับ 75% ก็ช่วยให้ผู้ใช้นำไปใช้งานในบ้าน หรือจุดมุมใดในสำนักงานได้สะดวกมากแล้ว เพราะให้ความสว่างถึง 161.3 nits และค่าความสว่างโดยเฉลี่ยของทั้งจอภาพ ก็ยังอยู่ที่ 0-5% เช่นเดียวกัน จึงมั่นใจได้ว่าคุณจะสามารถสร้างสรรค์งานในกลุ่ม Content แบบต่างๆ ได้ไม่ยาก

Monitor Rate

และสุดท้ายกับผลคะแนนที่ได้จากการทดสอบนี้ ตัวเลขคะแนนโดยรวมอยู่ที่ 4.5 ซึ่งคะแนนสูงสุดอยู่ที่ 5.0 ในการทดสอบ Contrast ที่เป็นจุดเด่นของจอบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ และส่วนอื่นๆ อยู่ที่ 4.5 เป็นส่วนใหญ่

MSI Prestige 14

มาดูด้านใต้ของตัวเครื่องกันบ้าง MSI Prestige 14 EVO ก็ยังคงรูปแบบเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โดยยังเป็นอะลูมิเนียมขึ้นรูปแบบชิ้นเดียว มีความแข็งแรง แต่ก็รองรับการบิดงอได้ในระดับหนึ่ง เจาะรูระบายอากาศ มาในรูปแบบคล้ายกับ Equalizer หรือ Wave ของเสียง เน้นไปจุดที่เป็นพัดลม ด้วยรูที่เล็กแบบนี้ แต่มีจำนวนมาก ก็น่าจะช่วยให้การระบายความร้อนได้ดี ซึ่งเราจะมาดูผลทดสอบกันในหัวข้อ Heat & Noise

ตัวช่วยอีกอย่างหนึ่งนั้นคือ บรรดา Feet ที่เป็นแถบยาง ที่อยู่บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่อง ความยาวเกือบตลอดบอดี้ ทำให้ยกพื้นขึ้นมาอีกเล็กน้อย แต่ที่สำคัญคือทำหน้าที่ในการเกาะยึดกับพื้นโต๊ะไม่ให้เลื่อนไปมาได้ง่ายนั่นเอง เวลาที่คุณเปิดเครื่องกางหน้าจอออกมา

การแกะด้านใต้ของโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ ทำได้ไม่ยาก เพราะใช้ไขควง 4 แฉกขนาดเล็กแบบมาตรฐาน ไขน็อต 7 ตัว แล้วเซาะตามร่องเล็กๆ โดยรอบ จากนั้นเปิดฝาออกมา เพื่ออัพเกรดได้เลย


Connector / Thin And Weight

MSI Prestige 14

ความหนาสุดที่วัดจากด้านข้างอยู่ที่ประมาณ 1.5cm เรียกว่าบางตั้งแต่บอดี้ และกรอบจอที่เล็ก รวมถึงน้ำหนักที่เบาเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น

MSI Prestige 14

ทางด้านซ้ายมือ ประกอบด้วยพอร์ต Thunderbolt 4 จำนวน 2 พอร์ต และไฟแสดงสถานะมาให้ 2 จุด สำหรับแบตเตอรี่ และไฟ Power On

MSI Prestige 14

ทางด้านขวามือ ประกอบด้วยพอร์ต USB 3.2 Type-A, MicroSD card reader และ Audio Combo Jack

สำหรับ Thunderbolt 4 นี้ เป็นพอร์ตที่ใช้สำหรับการโอนถ่ายข้อมูล ได้รวดเร็วถึง 40Gbps และทำหน้าที่เป็นพอร์ตชาร์จไฟให้กับโน๊ตบุ๊คไปในตัว ซึ่งทาง MSI จัดเตรียมอแดปเตอร์ 65W มาให้ รวมถึงทำหน้าที่เป็นพอร์ตแสดงผล ในรูปแบบของ DisplayPort 1.4a ได้อีกด้วย แต่ที่น่าสนใจก็คือ การเป็นพอร์ตแบบชาร์จไว ให้กับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น มือถือ แท็ปเล็ต USB-C PD รองรับ Fast Charging ได้ในตัว

นอกจากนี้ MSI Prestige 14 EVO ยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สาย ไม่ว่าจะเป็น WiFi6E (802.11ax) และ Bluetooth 5.2 ซึ่งโดยส่วนตัว ชอบความเรียบง่ายในการเชื่อมต่อแบบนี้ และเชื่อว่าหลายๆ คนก็ให้ความสนใจในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่น้อยชิ้นและไร้สาย เพราะทำให้เราแทบไม่ต้องรำคาญกับการเชื่อมต่อที่วุ่นวาย จะมีแค่เพียงคนที่ใช้ฮาร์ดดิสก์และเมาส์ คีย์บอร์ดไร้สาย ที่อาจจะต้องหาทางขยับขยาย เปลี่ยนไปใช้รูปแบบของ USB-C มากขึ้น เนื่องจากมีพอร์ต Type-A ให้เพียงช่องเดียว แต่หลายคนก็น่าจะเปลี่ยนบรรดา External Drive ไปใช้แบบ USB-C กันมากขึ้นแล้ว ยกเว้นแฟลชไดรฟ์เท่านั้น


Inside / Upgrade

MSI Prestige 14

อยากให้ได้ดูภายในตัวเครื่องกันบ้าง สำหรับโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 14 EVO นี้ แกะได้ไม่ยาก เพราะมีน็อตสกรูอยู่เพียง 7 จุดเท่านั้น เป็นแบบไขควง 4 แฉกขนาดเล็ก

MSI Prest 14 Inside 1

ให้เซาะร่องตรงขอบด้านข้างให้เบามือเล็กน้อยครับ เพราะค่อนข้างที่จะบาง แต่งานประกอบค่อนข้างแน่นมาก แต่หากใช้การ์ดหรืออุปกรณ์ในการแกะที่บางๆ ก็จะแกะออกมาได้ไม่ยาก

MSI Prest 14 Inside 4

ภายในของโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 14 EVO นี้ แทบจะไม่ต่างจากรุ่นเดิมมากนัก ทั้งในเรื่องของการวางผังชิ้นส่วน โดยเป็นแผงเมนบอร์ดสีดำ และพัดลมขนาดใหญ่โดดเด่นอยู่ในฝั่งซ้ายมือ โดยมีตำแหน่งการวางเม็ดแรม ซึ่งเป็นแบบฝังบอร์ดมาให้ ความจุ 16GB อยู่บริเวณตรงกลางด้านขวาของเมนบอร์ด และไม่มีสล็อตแรมเพิ่มเติมมาให้แต่อย่างใด มีพัดลมมาให้ และฮีตไปป์จำนวน 2 เส้น เป็นแบบทองแดงที่เคลือบดำมาให้ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการทำงาน บนซอฟต์แวร์ MSI Center Pro เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้

MSI Prest 14 Inside 9

มุมขวาล่างนี้ เป็นจุดติดตั้ง SSD ในแบบ M.2 NVMe PCIe 4.0 x4 ซึ่งจากที่เราเช็คมาได้นี้ เป็นชิปจาก Micron ความจุ 512GB ซึ่งให้ความเร็วในการทำงานที่สูงทีเดียว แต่มีมาเพียงสล็อตเดียวเท่านั้น เท่ากับว่าการอัพเกรดคือ ต้องถอดตัวเก่าและเปลี่ยนใหม่เข้าไปเท่านั้น ใกล้กันชุดลำโพงที่ติดตั้งมาให้ทั้ง 2 ด้านซ้าย-ขวา เสียงพุ่งออกทางด้านข้าง ซึ่งเสียงที่ได้จัดว่าไม่ธรรมดาเลย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือชมภาพยนตร์ก็ตาม


Performance / Software

MSI Prestige 14

PCMark10 ผลรวมของคะแนนอยู่ที่ 5,733 เรียกว่าดีกว่าในเวอร์ชั่นก่อนพอสมควร ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลดีจากซีพียู Intel Gen 12 รุ่นใหม่ และ SSD ในแบบ PCIe 4.0 ที่มีความเร็วสูง ส่งผลให้ตัวเลขในหลายส่วน ทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะ Essential ที่เกี่ยวข้องกับในงานสำนักงานและชีวิตประจำวัน รวมถึงในส่วนของ Digital Content Creation ที่เป็นงานด้านวีดีโอ ตกแต่งภาพและการเรนเดอร์ ซึ่งใช้ทั้งพลังประมวลผลและการโอนถ่ายข้อมูลที่รวดเร็ว ผู้ใช้งานในด้านต่างๆ เหล่านี้ มั่นใจได้ว่า ความลื่นไหลในงานแบบมัลติทาส์กกิ้ง หรืองานประมวลผลแบบแกนเดียวอย่างหนักหน่วง เช่น การแปลงไฟล์ ปรับแต่งภาพ รวมถึงการตัดต่อคลิปเสียง ก็จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการใส่แรมมาให้ถึง 16GB ก็ทำให้งานหลายส่วน ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ไหลลื่นดี

MSI Prestige 14

มาที่ CPUz รายงานซีพียูเป็น Intel Core i7-1280P โค๊ตเนม Alder Lake แกนหลักในการทำงาน 6P + 8E และมีเธรดระดับ 20 Thread ความเร็วสูงสุด 4.80GHz พร้อมกับแคชระดับ 3 ขนาดใหญ่ถึง 24 MB Intel® Smart Cache ตอบสนองการใช้งานในด้านต่างๆ ได้ดี และที่สำคัญคือ รองรับ PCIe 4.0 ด้วย จึงช่วยให้การติดต่อข้อมูลทำได้รวดเร็วมากขึ้น

MSI Prestige 14

แรมที่ติดตั้งมาให้มาในระบบ LPDDR4-4267 ให้มาถึง 16GB ด้วยกัน ทำงานในแบบ Dual-channel เป็นแบบฝังบอร์ด แต่ความเร็วอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว เพียงแต่อัพเกรดเพิ่มเติมไม่ได้เท่านั้น

MSI Prestige 14

ในการทดสอบเบื้องต้นเทียบกับซีพียูเดสก์ทอป Intel Core i7-10700 ที่ทำงานในแบบ 8 core/ 16 thread เห็นได้ชัดว่า ซีพียู Core i Gen 12 รุ่นนี้ สามารถทำคะแนนแซงไปได้ แม้ว่าจะเป็นซีพียูโมบายก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าสนใจ สำหรับคนที่กำลังคิดว่าโน๊ตบุ๊คจะตอบโจทย์การทำงานของคุณไม่เพียงพอ ในส่วนนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่คุณจะได้จากการประมวลผลในภาพรวม

CINEBench R20/ CINEBench R23 ในการทดสอบทั้ง 2 ส่วนนี้ จะเน้นไปที่การประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก และ Intel Core i7-1280P ที่ติดตั้งมาให้นี้ ก็ยังคงแสดงศักยภาพได้ดี ในงานด้าน CINEMA 4D ที่เป็นการเรนเดอร์กราฟิกสามมิติ ซึ่งจะต้องอาศัยการประมวลผลที่รวดเร็ว รวมถึงแคชขนาดใหญ่ ที่จจะทำให้การทำงานไหลลื่นมากขึ้น ถ้าหากมองที่ตัวเลขบน CINEBench R20 คะแนน Overall มากกว่าซีพียูในเจนเนอเรชั่นก่อน บน MSI Prestige ก่อนหน้านี้ ที่เป็น Intel Core i7 Gen 11 อยู่ไม่น้อยเลย จึงเหมาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่มีงานเกี่ยวข้องกับด้านนี้บ้างในชีวิตประจำวัน แต่ก็เป็นระดับเบื้องต้น ส่วนงานสตูดิโอ ไฟล์ขนาดใหญ่หรือเรนเดอร์กับโปรแกรมเหล่านี้โดยตรง ก็คงต้องเปลี่ยนไปใช้พีซีเดสก์ทอปจะเหมาะสมกว่า

CrystalDisk info

สำหรับ SSD ที่ติดตั้งมาบนตัวเครื่อง MSI รุ่นนี้ เป็นรุ่น Micron 3400 series ซึ่งเป็นสเปคที่ค่อนข้างดีทีเดียว ในแง่ของการใช้งานในปัจจุบัน โดยมาใน Interface PCIe 4.0 x4 ที่จัดจ้านมากพอเพื่อการทำงาน เล่นเกมและความบันเทิง รวมถึงการจัดเก็บและเข้าถึงไฟล์ โดยให้มา 512GB และติดตั้งบนสล็อตเดียว ที่มีมาบนเมนบอร์ด

CrystalDisk SSD

CrystalDiskMark ส่วนการทดสอบความเร็วและประสิทธิภาพจาก SSD ที่ติดตั้งมาด้วยนี้ ก็น่าจะเป็นเครื่องการันตีในการทำงานให้กับใครหลายคนได้ดี เพราะการอ่านข้อมูบแบบสุ่มไปได้กว่า 6,600MB/s และการเขียนข้อมูลที่ไปใกล้ๆ 3,900MB/s เลยทีเดียวซึ่งสูงกว่าที่เป็น NVMe PCIe 3.0 x4 อยู่เกือบเท่าตัว ตรงจุดนี้จะทำให้การใช้งานได้ด้านต่างๆ สะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโปรแกรม เข้าสู่ระบบ หรือการโอนถ่ายไฟล์ รวดเร็วกว่าเดิม

3Dmark1

มาดูที่ความสามารถของ Intel Iris Xe Graphic ที่มาพร้อมกับซีพียู Intel Core i7-1280P ในด้านการเล่นเกมกันบ้าง Time Spy ที่อาจจะโหดหินสำหรับแพลตฟอร์มของโน๊ตบุ๊คเช่นนี้ แต่ก็ยังทำคะแนนได้แบบเบาๆ 2,127 คะแนน พอให้ผู้ใช้อุ่นใจได้ เพราะเป็นตัวที่รีดศักยภาพของระบบกราฟิกแบบสุดๆ ซึ่ง Graphic score ก็ไปแตะเกือบๆ 2 พันคะแนนเลยด้วย

3Dmark2

ขยับมาที่ Night Raid กันบ้าง ซึ่งการทดสอบนี้หลายคนก็น่าจะพอเห็นในเรื่องของความอลังการของฉาก และการเรียกใช้ทรัพยากรได้หนักหน่วงดีทีเดียว โดยคะแนนภาพรวมก็สูงถึง 19,668 คะแนน และให้เฟรมเรตบน Graphic score ได้น่าสนใจ เพราะมากกว่า 100fps ขึ้นไปอีกด้วย

3Dmark3

Fire Strike ที่มีความโหดหิน และมักจะทำให้คะแนนการ์ดจอแยกบนพีซีร่วงได้ง่ายๆ แต่สำหรับ Iris Xe Graphic ก็ยังพอไปได้ด้วย Graphic score 6,085 แต่การทดสอบ ยังแตะๆ อยู่ที่ 25-27fps.

3Dmark4

ในส่วนของ Sky Driver ที่เหมาะกับการทดสอบบนซีพียูโมบาย และโน๊ตบุ๊คแบบนี้ สามารถทำคะแนน Overall ไปถึง 17,016 คะแนน และตัวเลขเฟรมเรตบนการทดสอบยังอยู่ที่ระดับ 75fps. โดยเฉลี่ย ก็นับว่าทำได้น่าสนใจบนความละเอียด Full-HD เช่นนี้

Game Test

ในการทดสอบความสามารถด้านเกมสามมิติ แม้ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มทำงาน และเน้นประสิทธิภาพในด้านของงานและไลฟ์สไตล์ แต่กราฟิก Intel Iris Xe Graphic ที่ให้มานี้ ก็พอให้ผู้ใช้เล่นสนุกกับเกมที่ชื่นชอบได้แบบไม่อึดอัดเกินไปนัก เพราะในเกมที่เหมาะกับสเปคที่จัดมาให้นี้ ก็สามารถเล่นได้มากกว่า 30fps. ขึ้นไปในโหมด High จะมีเพียง RE3 ที่อาจจะมีกราฟแกว่งๆ อยู่บ้าง ในการปรับตั้งค่าเป็น Medium แต่ก็ยังพอไปได้ แต่ถ้าจะให้แนะนำ PUBG ปรับ Low และเลือก View Distance ให้เยอะขึ้น ส่วน RE3 ให้ปรับตามที่ระบบแนะนำ จะทำให้ภาพที่ลื่นไหลมากขึ้น


MSI Center Pro

MSI Center Pro 2

สำหรับซอฟต์แวร์ MSI Center Pro นี้ ถูกบันเดิลมาให้ในโน๊ตบุ๊ค และสามารถใช้งานได้ทันที โดยจะช่วยให้ผู้ใช้จัดการและตรวจสอบสถานะต่างๆ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น โหมดการใช้งาน User Scenario นี้ มีให้เลือกทั้งแบบ High Performance ในกรณีที่จะเล่นเกม หรือทำงานซอฟต์แวร์จริงจัง ที่มีโหลดการทำงานหนักๆ แต่ถ้าเน้นประสิทธิภาพกับแบตไปคู่กัน มีแบบ Balance ให้เลือกหรือจะให้ประหยัดแบต กรณีที่ใช้งานข้างนอก แบตเหลือน้อย ก็เลือก Super Battery mode ได้เช่นกัน

MSI Center Pro 4

ระบบ Noise Cancellation ช่วยตัดเสียงหรือสัญญาณรบกวน ซึ่งผู้ใช้เลือกได้ทั้งลำโพงและไมโครโฟน

MSI Center Pro 5
MSI Center Pro 3

ระบบจัดการพลังงาน ซึ่งปกติเราจะเข้าไปใช้ใน Power Options ของ Windows แต่ก็สามารถใช้งานในซอฟต์แวร์นี้ได้ โดยส่วนตัวมองว่าสะดวกกว่า ไม่ต้องเข้าไปในฟังก์ชั่นที่ซับซ้อน แต่ให้ตัวเลือกการใช้งานที่ง่ายขึ้น

MSI Center Pro 8

One-Click Optimize เป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ใช้จัดการเคลียร์ระบบให้รองรับการใช้งานได้ดีขึ้น เหมือนกับการลบไฟล์ขยะและเคลียร์แรม ให้พร้อมสำหรับการเล่นเกมหรือทำงาน รวมถึงให้ระบบกลับมาทำงานได้ไหลลื่น ด้วยการกดเพียงคลิ๊กเดียว

MSI Center Pro 10

มีฟังก์ชั่นการแก้ไขปัญหาให้ด้วย MSI Recovery กรณีที่เกิดปัญหาในการใช้งาน เช่น ไดรเวอร์ผิดปกติ หรือติดตั้งซอฟต์แวร์และเกิดปัญหา ก็สามารถใช้วิธีการ Recovery ระบบเดิมกลับมาได้

MSI Center Pro 11

Hardware Diagnostics มีเป็นแบบ one-Click scan ในการตรวจเช็คหรือค้นหาสัญญาณให้พร้อมสำหรับการใช้งาน

MSI Center Pro 12

Battery / Heat / Noise

Battmon 1

มาสู่การทดสอบความอึดทนของแบตบนโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 14 EVO รุ่นนี้กันบ้าง ในการทดสอบเราใช้การปรับระดับความสว่างที่ 25% เพื่อให้มองเห็นและจำลองการใช้งานจริง กรณีที่ต้องนำไปใช้งานข้างนอก และเน้นการประหยัดพลังงาน แต่ต้องอยู่ในระดับที่ใช้งานได้จริงๆ เช่นเดียวกับระดับเสียงที่ 30% สำหรับการใช้งาน หรือการชมภาพยนตร์ในห้อง ซึ่งผลที่ได้นั้น ตัวเลขเฉลี่ยทำได้ถึง 11-12 ชั่วโมง ในกรณีที่ใช้งานพื้นฐาน และคุณจะไม่ลากความเร็วของซีพียูให้หนักหน่วงเกินไป จนทำให้พัดลมต้องทำรอบสูงขึ้น ถ้าเป็นการใช้งานวีดีโอสตรีมมิ่ง ผ่านทางยูทูป ตรวจเอกสาร หรือการท่องเว็บแบบนี้ ให้คุณใช้งานได้เกือบครึ่งวัน โดยที่ไม่ต้องชาร์จไฟแต่อย่างใด เพียงแต่ถ้าใครกังวล ก็แค่เตรียมอแดปเตอร์ไปบ้าง เพื่อความสบายใจ เพราะขนาดเล็กกว่าฝ่ามือเท่านั้น

idle

ในการทดสอบเรื่องอุณหภูมิที่เกิดขึ้นในขณะที่ทำงานกันบ้าง โดยอุณหภูมิพื้นฐาน ในการใช้งานทั่วไปในโหมดของ Windows แค่เปิดไฟล์ หรือท่องอินเทอร์เน็ตเล็กน้อย อุณหภูมิห้องราวๆ 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิของซีพียูในโน๊ตบุ๊คที่กำลังทำงานอยู่ประมาณ 2-5% เช่นนี้ ไปแตะๆ อยู่ที่ราวๆ 40 องศาเซลเซียสเท่านั้น จากการตรวจวัดด้วย CPUID HWMonitor ซึ่งถือว่าเป็นระดับปกติดีทีเดียว ย้ำว่าเป็นการตั้งค่าปกติ ไม่ได้เข้าไปปรับแต่งจากซอฟต์แวร์ MSI Center Pro หรืออื่นใด

Full load

และเมื่อเข้าสู่การทดสอบในแบบ Full load ด้วยการทดสอบผ่าน Furmark ในหัวข้อ CPU Burner ที่ดันให้ซีพียูทำงานแบบ 100% หรือมากที่สุด เป็นการจำลองการใช้งานแบบสุดโหด เช่น การเรนเดอร์ไฟล์กราฟิก งานวีดีโอ และการประมวลผลร่วมกับซอฟต์แวร์คำนวณบางอย่าง และอุณหภูมิที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ที่ราวๆ 70-71 องศาเซลเซียส เป็นค่าเฉลี่ย มีดรอปลงบ้างในบางจังหวะ ซึ่งเกิดจากซีพียูปรับรูปแบบการประมวลผลให้สอดคล้องกับความร้อนและการใช้พลังงาน โดยตัวเลขสูงสุดในบางครั้ง ไปอยู่ที่ 88-89 องศาเซลเซียส แต่ชั่วระยะสั้นๆ ไม่กี่วินาที แล้วกลับมาสู่ค่าเดิม ซึ่งย้ำว่าการทดสอบนี้ เราใช้การตั้งค่า Default เดิมๆ ของตัวเครื่อง ไม่ได้เข้าไปปรับแต่งที่ซอฟต์แวร์ ซึ่งจะให้ได้ค่าที่ชัดเจนที่สุด และช่วยให้เราสามารถเข้าไปเซ็ตค่า เพื่อเลือกโหมดที่จะช่วยลดเรื่องของความร้อนลงไปได้อีกเล็กน้อย ในโปรแกรม MSI Center Pro

แต่ในภาพรวมก็ต้องถือว่า MSI ดีไซน์เรื่องการระบายความร้อนได้ดีทีเดียว แม้จะใช้พัดลมตัวเดียวตามมาตรฐานก็ตาม ส่วนถ้าใครอยากจะลดความร้อนลงไปอีก แนะนำให้มีตัวยกด้านท้ายของโน๊ตบุ๊คให้สูงขึ้น จะเป็นการวางของหนุนเอาไว้ หรือใช้ Cooling Pad ก็ช่วยลดได้อย่างน้อย 5-8 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว


Conclusion & Award

MSI Prestige 14 2022 cov

ง่าย สะดวก คล่องตัวและความมั่นใจ น่าจะเป็นคำจำกัดความของ MSI Prestige 14 EVO รุ่นนี้ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะด้านความคล่องตัว ที่ว่ากันตั้งแต่ มิติที่กระทัดรัด และน้ำหนักที่เบา พกพาสะดวก เพื่อให้ผู้ใช้นำไปใช้งานนอกสถานที่ เคลื่อนย้ายได้ง่าย เพราะใส่ซอฟต์เคส ก็นำไปใช้ยังที่ต่างๆ ได้ อีกทั้งการกางหน้าจอ 180 องศา พร้อมฟีเจอร์ Flip and Share ที่ให้ผู้ใช้คนอื่นได้ดูข้อมูลร่วมกันได้ง่ายขึ้น อีกทั้งซอฟต์แวร์ MSI Center Pro มาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการจัดการและดูแลในเรื่องต่างๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้พอร์ต thunderbolt 4 ก็ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่ง ที่เสริมความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ ที่รองรับความหลากหลายในการโอนถ่ายข้อมูล แสดงผลและการชาร์จไว้ในพอร์ตแบบเดียว ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มที่เน้นความคล่องตัว ไม่ต้องพกพาอุปกรณ์ไปเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นคนทำงาน นักศึกษาหรือจะผู้บริหารก็ตาม

Flip n Share 8

ความปลอดภัยก็เป็นอีกสิ่งที่เติมเต็มเข้ามาให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น TOBii Aware ที่ลดปัญหาเวลาที่ผู้ใช้ไม่อยู่หน้าคอมหรือโดนแอบมองจากข้างหลัง หน้าจะก็จะเบลอหรือล็อควินโดว์ให้ทันที และการเข้าใช้ก็แค่สปกนใบหน้าหรือลายนิ้วมือก็สะดวก เพราะไม่ต้องพิมพ์พาสเวิร์ดให้เสียเวลา รวมถึงความปลอดภัยกับความแข็งแรงระดับ MIL-STD ที่ทนฝุ่น ละอองน้ำและมลภาวะ เมื่อต้องไปใช้งานข้างนอกอีกด้วย ซึ่งฟีเจอร์ต่างๆ เหล่านี้ MSI เตรียมมาให้พร้อมใช้งานอยู่แล้ว

MSI Prest 14 Inside 3

และหัวใจสำคัญอย่างซีพียู Intel Core i7-1280P ที่ติดตั้งมา กับแรม DDR4 16GB รวมถึง SSD ที่เป็น M.2 NVMe PCIe 4.0 x4 รุ่นใหม่ ล้วนแต่ให้ความเร็วในการทำงานที่ดี รองรับแอพพลิเคชั่นที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้รวดเร็ว และประหยัดพลังงาน ก็มั่นใจได้เลยว่า จะตอบสนองงานในด้านต่างๆ ที่ต้องการได้ ส่วนคนที่เป็นคอเกม อยากสนุกกับเกมเบาๆ ก็ยังไหว อย่างเช่นในการทดสอบ Intel Iris Xe Graphic ยังคงมีเรี่ยวแรงมากพอ ในการเรียกเฟรมเรตกับเกมยอดนิยมได้มากกว่า 50fps. ขึ้นไปได้อีกด้วย จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของหลายๆ คนในปัจจุบันได้ และพลังเสียงก็จัดจ้านพอตัว แม้จะใช้ลำโพงบนโน๊ตบุ๊ค แต่ก็สนุกได้เต็มอิ่มเช่นกัน แต่ถ้าต้องการสื่อสาร เล่นเกมและชมภาพยนตร์ให้ได้พลังเสียงที่เร้าใจมากขึ้น มีหูฟังสักรุ่นก็ดูจะเหมาะสมไม่น้อย

MSI Prest 14 54

สุดท้ายนี้หลังจากที่มีโอกาสได้ใช้งานมาสักช่วงระยะหนึ่ง ก็ถือว่า MSI Prestige 14 EVO ที่มาพร้อมกับ Intel EVO Platform ใหม่ ทำให้การใช้งานคล่องตัวไม่น้อยเลย ทั้งในเรื่องของพลังในการทำงาน ทั้งในงานมัลติมีเดีย การตัดต่อวีดีโอในเบื้องต้น และการตกแต่งภาพ เครื่องเดียวจบครบได้เลย เมื่อเทียบกับความกระทัดรัด และน้ำหนักที่เบา โน๊ตบุ๊คนี้มีอะไรที่เซอร์ไพรซ์ได้ตลอด การเปิด-ปิดเครื่องก็ไว หรือจะเน้นสแตนบายเอาไว้ เผื่อเปิด-ปิดเพื่อใช้งาน ก็ทำได้ง่ายทีเดียว จะติดอยู่แค่เรื่องการอัพเกรดเท่านั้น ที่แรมมีเตรียมมาให้ 16GB แบบออนบอร์ด ส่วนจะปรับเพิ่มได้ ก็มีเพียง SSD ที่เปลี่ยนจากตัวเก่าให้ความจุเพิ่มมากขึ้นบนสล็อต M.2 ใครที่ชื่นชอบโน๊ตบุ๊คสไตล์พกพา Mobility ฟีเจอร์เยอะ เน้นความเร็ว MSI รุ่นนี้ก็จะเป็นอีกรุ่นที่คุณจะประทับใจ

Award

NBS award 4 Mobility

ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความคล่องตัวได้ดี ด้วยน้ำหนักแค่ 1.29 กิโลกรัม และขนาดจอ 14″ ที่ใส่ซอฟต์เคสไปใช้งานนอกสถานที่ได้ แม้มิติจะเล็ก แต่มีให้ทั้งพอร์ต Thunderbolt 4 และกางหน้าจอได้ 180 องศา คีย์บอร์ดปุ่มใหญ่ใช้งานสะดวก การเชื่อมต่อมีให้ครบ รองรับ WiFi6E และ BT 5.2 ซีพียูตัวแรง Intel Core i7 Gen 12 ภายในให้พลังการทำงานในด้านต่างๆ ได้อย่างครบครัน บอดี้อะลูมิเนียม และยังแข็งแรงด้วยมาตรฐาน MIL-STD อีกด้วย

award new value

ราคาระดับ 40,990 บาท แต่ให้ฟังก์ชั่นที่เพียบพร้อมในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ครบครัน โดยอยู่บนแพลตฟอร์ม Intel EVO อีกด้วย พร้อมซีพียู Intel Core i7 และแรม 16GB ใส่ SSD M.2 PCIe 4.0 มาให้ บอดี้ที่แข็งแรง น้ำหนักเบา รวมถึงฟีเจอร์ที่มีให้ และซอฟต์แวร์ช่วยในการจัดการ มี Windows 11 มาให้พร้อมกับ Office 365 Pre-Install ใช้งานได้ทันที จัดมาให้เต็มแบบนี้ ถือว่าคุ้มค่า รางวัล Best Value ก็ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง

from:https://notebookspec.com/web/650005-msi-prestige-14-evo-2022