BMAX S13 เป็นโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพงจากกวางโจวที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ โดยจุดเด่นของมันคือติดตั้ง Windows 10 Pro ซึ่งมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเสริมเข้ามาให้ใช้งานเพิ่มขึ้นและได้หน้าจอทัชสกรีนความละเอียด Full HD ด้วย
ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Celeron N4020 แบบ 2 คอร์ 2 เธรด ความเร็ว 1.1-2.8GHz มาให้กับการ์ดจอ Intel UHD Graphics และหน้าจอทัชสกรีนขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มาให้ใช้งาน มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 10 Pro มาให้กับแรมออนบอร์ด 6GB LPDDR4 มีพอร์ต USB-A 3.0 x 2, MicroSD Card Reader x 1, Mini HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 และน้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 1.3 กิโลกรัม หากใครอยากได้โน๊ตบุ๊คจอทัชสกรีนเอาไว้ใช้งานก็ซื้อโน๊ตบุ๊คนี้เอาไว้ใช้งานได้เลย
Dell Latitude 3190 เครื่องนี้เป็นโน๊ตบุ๊ค Windows พร้อมปากกาสไตลัสที่พับหน้าจอกลับเป็นแท็บเล็ตเพื่อใช้งานได้และราคาไม่แพงมาก มีขนาดเล็กพกพาง่ายและแบตเตอรี่ทนทานใช้ได้นานหลายชั่วโมงด้วย หากใครสนใจสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่
สเปคของโน๊ตบุ๊คนี้ใช้ซีพียู Intel Celeron N4120 แบบ 4 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.1-2.6GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics 600 กับหน้าจอทัชสกรีน 11.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล VA มาให้ ใช้ปากกาสไตลัสหรือนิ้วแตะเขียนบนจอได้ มีฮาร์ดดิสก์แบบ e.MMC ความจุ 64GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้กับแรมออนบอร์ดความจุ 4GB DDR4 2400MHz มีพอร์ต USB-A 3.1 Gen 1 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 4.2 น้ำหนักเครื่องนี้อยู่ที่ 1.45 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งสเปคนี้อาจจะดูไม่สูงมากเหมือนโน๊ตบุ๊คระดับราคา 15000 บาทก้ตาม แต่เครื่องนี้จะเน้นความอเนกประสงค์และเน้นใช้งานออนไลน์ตอบเมล์เป็นหลักหรือใช้เรียนออนไลน์ก็ใช้ดีเช่นกัน
หากใครต้องการลองโน๊ตบุ๊คระบบปฏิบัติการ Chrome OS ล่ะก็ HP Chromebook 11MK G9 เป็นรุ่นน่าใช้ราคาไม่แพงและปรับเอาความคุ้นเคยของระบบปฏิบัติการ Android มาใช้กับโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้ทันที หากใครทำงานเน้นทางเว็บแอพฯ และระบบของ Google เป็นหลักก็น่าเลือกเครื่องนี้ไปใช้งานเช่นกัน
สเปคของเครื่องนี้ใช้ซีพียู MediaTek Kompanio 500 (MT8183) แบบ Octa-core กับจีพียูรุ่น ARM Mali-G72 MP3 Graphics และหน้าจอขนาด 11.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล TN หน่วยความจำเป็นแบบ e.MMC 5.0 ความจุ 32GB ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Chrome OS มาให้ มีแรมออนบอร์ดอยู่ 4GB LPDDR4x บัส 4266 MHz พอร์ตเชื่อมต่อมี USB-C 3.2 รองรับ Power Delivery และ DisplayPort 1.2 x 1, USB 2.0 x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ผ่านทาง Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac, Bluetooth 4.2 น้ำหนักเครื่องแค่ 1.34 กิโลกรัมเท่านั้น หากใครสนใจอยากลองระบบปฏิบัติการ Chrome OS แต่ไม่อยากจ่ายแพงมากล่ะก็ HP Chromebook นี้ก็น่าสนใจมาก และแม้สเปคจะดูไม่สูงอย่างโน๊ตบุ๊ค Windows หลายๆ รุ่นที่ได้แนะนำไปก็ตาม แต่เมื่อเปิดเบราเซอร์เข้าเน็ตก็สามารถตอบสนองได้ดีไม่มีปัญหาเลย
Microsoft Office ฟรีหามาใช้ยังไงได้บ้าง? แล้วโน๊ตบุ๊คพร้อมโปรแกรมนี้มีรุ่นไหนน่าใช้?
Microsoft Office ฟรีเป็นโปรแกรมที่หลายๆ คนคอยหาทางว่าจะใช้ฟรีได้อย่างไรบ้าง? ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนที่ผู้ใช้หลายๆ คนยังไม่ยี่หระเรื่องลิขสิทธิ์การใช้งานและผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คหลายเจ้ายังติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows มาให้เพียงไม่กี่รุ่นในไลน์อัพสินค้าของตัวเองก็ทำให้ผู้ใช้หลายคนหันไปใช้ Microsoft Office ละเมิดลิขสิทธิ์กันเยอะมาก แต่เมื่อมาถึงปี 2022 ที่โน๊ตบุ๊คแทบทุกเครื่องติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10~11 มาให้อย่างแพร่หลายแล้ว หลายๆ เครื่องก็ติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2019~2021 และ Microsoft 365 มาให้ใช้งานก็ช่วยให้ผู้ใช้ได้ใช้โปรแกรมถูกลิขสิทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
Advertisement
อย่างไรก็ตาม ถ้าใครใช้พีซีทั้งแบบประกอบเองหรือเครื่องแบรนด์หลายๆ เครื่องก็อาจจะซื้อหรือได้เครื่องที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 มาเท่านั้น ไม่ได้ Microsoft Office ฟรีติดมาด้วย ปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ของเถื่อนแบบนั้น เพราะปัจจุบันนี้ก็มีเครื่องมือสำหรับทำงานที่ทดแทนโปรแกรมนี้ได้เช่นกัน
หากยกยอดเรื่องที่ macOS ของ iMac, MacBook ทั้งหลายที่มีโปรแกรมตระกูล iWork ที่มี Pages, Numbers และ Keynote ที่ใช้ทดแทน Microsoft Word, Excel, PowerPoint ได้สมบูรณ์ (แต่ยังมีปัญหาเรื่อง Layout และอื่นๆ เมื่อเซฟเอกสารข้ามตระกูลกัน เนื่องจากไฟล์ถูกเซฟเป็นไฟล์ Zip ประเภทหนึ่งและมี Format แตกต่างกัน) ทำให้เจ้าของ MacBook บางคนก็ต้องย้ายมาใช้ Microsoft Office โดยจำเป็น
สำหรับ Microsoft Office ฟรีรวมทั้งเครื่องมือทางเลือกที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำในบทความนี้จะมีดังนี้
ใช้บริการ Microsoft Office ฟรี ออนไลน์ – หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าตอนนี้ Microsoft ได้เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้ Microsoft Office ได้ฟรีออนไลน์ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของ Microsoft เอง เพียงแค่ Sign in Microsoft ID (อีเมล์ Outlook ของเรา) เข้าไป จากนั้นก็ใช้งานได้ตามปกติเลย ผู้ที่สนใจอยากทดลองใช้งานคลิกที่นี่
ใช้แอพฯ Microsoft Office ฟรี – แอพฯ Microsoft Office ในตอนนี้มีให้โหลดทั้งฝั่ง Android และ iOS ครบถ้วนทั้งสองฝั่ง ซึ่งมี Word, Excel, PowerPoint ให้ใช้งานครบถ้วน แต่เวอร์ชั่นฟรีจะมีฟีเจอร์ใช้งานจำกัดพอควร ต้องใช้ Microsoft 365 อยู่ถึงจะได้ใช้ครบทุกฟีเจอร์รวมไปถึงฟีเจอร์แชร์และร่วมแก้ไขเอกสารได้แบบ Real-time ร่วมกับผู้ใช้คนอื่น และข้อดีของ Microsoft 365 คือได้โปรแกรมและฟีเจอร์อื่นๆ ที่เอื้อการทำงานแบบเป็นทีมเยอะขึ้นอีกด้วย
ใช้ Microsoft 365 ฟรีก่อน 1 เดือน แล้วต่อด้วย Office 365 ProPlus – เชื่อว่าหลายๆ คนเห็น Microsoft 365 ผ่านตากันมาเรื่อยๆ ทั้งแบบติดมากับโน๊ตบุ๊คหรือโหลดใช้งานฟรีก็ตาม ซึ่งวิธีนี้เริ่มต้นคือเมื่อ Sign Up เพื่อใช้งาน Microsoft 365 จะได้ใช้ฟรี 30 วัน พร้อม OneDrive ความจุ 1TB ฟรีด้วย จากนั้นเมื่อใช้ครบ 30 วันแล้ว ก็ยกเลิกอันเก่าแล้วสมัครใช้บริการ Microsoft Office 365 ProPlus Trial ต่อจะได้ใช้ Microsoft Office 2019 ฟรีอีก 30 วันด้วย
เสนอองค์กรซื้อ Microsoft 365 มาใช้ – หากออฟฟิศมีผู้ใช้หลายคนและต้องทำงานเอกสารร่วมกันบ่อยๆ ไม่อยากเสียเวลาเซฟงานส่งไฟล์ไปมาเรื่อยๆ ก็แนะนำให้ใช้บริการ Microsoft 365 Business Standard ดีกว่า เนื่องจากค่าบริการตกคนละ 10 ดอลลาร์ หรือราว 330 บาท/คน แต่สามารถ Sign in ได้พร้อมกันจาก Windows/macOS 5 เครื่อง, แท็บเล็ต 5 เครื่องและสมาร์ทโฟน 5 เครื่อง ช่วยให้ทำงานได้สะดวกไม่ใช่น้อย และได้ใช้งานฟรี 1 เดือนแรกอีกด้วย
ใช้ Google Docs แทนก็ดีนะ – ในเมื่อยุคนี้ทุกอย่างใช้งานบนออนไลน์ได้แล้ว ก็ใช้ของฟรีที่มีออนไลน์ไปเลยก็ดี อย่าง Google Drive ที่ปัจจุบันนี้ผู้ใช้หลายคนนิยมใช้งานเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อเปิด Google Drive ขึ้นมาแล้ว ก็มี Google Docs, Google Sheets, Google Slide, Google Form ให้ใช้งานครบถ้วน แต่ก็มีข้อจำกัดว่าทาง Google จัดการรวมบริการทั้งหมดของ 1 Gmail ให้มีพื้นที่ใช้บริการเพียง 15GB เท่านั้น จึงควรบริหารพื้นที่ใช้งานให้ดีด้วย และถ้าใครอยากทราบว่าจะจัดการพื้นที่ Google Drive อย่างไรบ้าง สามารถอ่านในบทความนี้ได้ที่นี่
จะเห็นว่าเมื่อมาถึงปี 2022 แล้ว เราก็อาจจะไม่ต้องยึดติดกับการหา Microsoft Office ฟรีมาใช้เสมอไปแล้ว เพราะแต่ละบริษัทก็มีบริการที่ใช้ทดแทนโปรแกรมนี้ได้รวมไปถึงโปรแกรม Word Processing จากบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ Microsoft ให้โหลดไปใช้งานได้ฟรีและหารายได้หล่อเลี้ยงบริษัทแบบรับ Donate ก็มีเช่นกัน ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้ก็ถือว่าใช้งานได้ดีไม่แพ้กันอีกด้วย
แนะนำโน๊ตบุ๊คพร้อม Microsoft Office ฟรี 6 รุ่นน่าใช้
ส่วนอีกวิธีนอกจากการซื้อโปรแกรม Microsoft Office Home & Business 2021 ราคา 10,999 บาทต่อแพ็คเกจมาใช้งานแล้วคิดว่าจะเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเป็นเครื่องใหม่อยู่แล้ว ก็ซื้อโน๊ตบุ๊คที่ติดตั้งโปรแกรม Microsoft Office มาด้วยกันเลยจะง่ายกว่ามาก ซึ่งรุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำในบทความนี้จะมีทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน ได้แก่
Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
Webcam : 720p HD Camera
Software : Windows 10 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2019
Weight : 1.2 กิโลกรัม
Price : 25,990 บาท (TopValue)
4. Lenovo IdeaPad 5 Pro 14ACN6 (27,390 บาท)
ด้าน Lenovo IdeaPad 5 Pro 14ACN6 เครื่องนี้ก็เป็นโน๊ตบุ๊คพร้อม Microsoft Office ฟรีที่คุ้มค่าตัวมากและสเปคแรงอีกด้วย จุดเด่นคือเครื่องนี้ติดตั้งกล้อง IR สำหรับสแกนหน้าปลดล็อคเครื่องมาให้และตัวเบาเพียง 1.41 กิโลกรัมและหน้าจอความละเอียดสูงเป็นพิเศษอีกด้วย
ซีพียูในเครื่องที่ติดตั้งมาให้เป็น AMD Ryzen 7 5800U แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 1.9-4.4GHz ใช้การ์ดจอ AMD Radeon Graphics 8 คอร์ กับหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 2.2K (2240×1400) พาเนล IPS ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB มี SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 10 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2019 มีแรมออนบอร์ดติดตั้งมา 16GB DDR4 บัส 3200MHz ส่วนพอร์ตมี USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 2 มีช่องหนึ่งรองรับ Power Delivery, HDMI x 1, Audio Combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ด้วย ซึ่งจุดเด่นของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เด่นเรื่องหน้าจอความละเอียดสูงเป็นพิเศษและที่สแกนใบหน้าด้วย
เริ่มต้นด้วยโน๊ตบุ๊ครักษ์โลกรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Acer รุ่น Acer Aspire Vero AV15 รุ่นที่บอดี้ทำจากพลาสติกรีไซเคิล ให้สีสันสวยแปลกตาและสเปคแรงไว้ใจได้, ติดตั้งที่สแกนลายนิ้วมือมาให้รักษาความเป็นส่วนตัวและได้ใช้ Windows 11 Home ตั้งแต่เปิดเครื่องเลย และถ้าใครอยากอ่านรีวิวโดยละเอียดสามารถคลิกอ่านได้ที่นี่
สเปคใช้ซีพียู Intel Core i7-1195G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.9-5.0 GHz การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics ติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe 512GB มี Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2019 ติดตั้งมาให้ มีแรม 16GB DDR4 บัส 3200 MHz ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มีพอร์ต USB 2.0, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, RJ45 LAN x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0 ได้ ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.8 กิโลกรัมเท่านั้น จัดเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานรุ่นแรกที่ผู้เขียนแนะนำสำหรับคนหาโน๊ตบุ๊คทำงานเป็นอย่างมาก
ด้านของประสิทธิภาพตอนเล่นเกม ต้องถือว่าการ์ดจอทั้งสองรุ่นนี้เป็นรุ่นสเปคดีที่ราคากำลังปรับตัวถูกลงเรื่อยๆ แต่ประสิทธิภาพยังดี เล่นเกมบนความละเอียดระดับ Full HD ยังลื่นแล้วเฟรมเรทที่ได้ก็อยู่ในช่วง 60 fps ได้เลย
จากคลิปการทดสอบเล่นเกมจะเห็นว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 ยังปรับกราฟฟิคระดับ Medium-High ความละเอียดจอ Full HD แล้วเฟรมเรทยังเกาะอยู่ช่วง 60 fps ได้สบายๆ