คลังเก็บป้ายกำกับ: ASUS_VIVOBOOK

7 โน๊ตบุ๊ค Intel Evo น่าใช้ ได้ Office แท้ แบตฯ อึดสะใจ ตัวเบาพกสบาย อัพเดทปี 2023

โน๊ตบุ๊ค Intel Evo ยุคนี้น่าใช้มากๆ สเปคดีทรงพลัง แบตฯ อึดสุดๆ

7NotebookIntel

โน๊ตบุ๊ค Intel Evo เป็นมาตรฐานโน๊ตบุ๊คน้ำหนักเบาของทาง Intel ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ยุคซีพียู Intel 11th Gen เป็นต้นมา ซึ่งพัฒนาต่อจาก Project Athena ซึ่งปัจจุบันนี้มีผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คหลายแบรนด์ทำโน๊ตบุ๊คกลุ่มนี้ออกมาให้ผู้ใช้เลือกหลากหลายรุ่น มีสเปคหลากหลาย ซึ่งจุดเด่นและข้อกำหนดของ Intel Evo นอกจากน้ำหนักเบาเพียง 1 กิโลกรัมต้นๆ, มีพอร์ต USB-C รองรับ Thunderbolt หรือ Power Delivery ไว้ชาร์จแบตเตอรี่ให้โน๊ตบุ๊คได้โดยสะดวกและรวดเร็ว เพียง 30 นาทีก็ใช้งานได้ 4 ชั่วโมง และใช้งานบนจอความละเอียด Full HD ได้เกิน 9 ชั่วโมงแล้ว ยังเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 ได้เสถียรและรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วและเสถียรยิ่งขึ้นอีกด้วย

Advertisementavw

จุดเด่นที่ต้องกล่าวถึงเป็นพิเศษ คือ ตัวเครื่องสามารถเปิดใช้งานได้เร็วภายใน 1 วินาทีและมีฟีเจอร์ AI ไว้เสริมประสิทธิภาพการทำงาน ได้แก่ ไมโครโฟนรับเสียงระยะไกลพร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนและ Deep Learning Boost แล้ว ปัจจุบันนี้ยังมีโปรแกรมและแอพฯ Intel Unison สำหรับเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน iOS, Android เข้ากับโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ให้ใช้โทรออกรับสาย, โอนถ่ายไฟล์เข้าออกมือถือและดูการแจ้งเตือนต่างๆ บนหน้าจอโน๊ตบุ๊คได้ทันที ไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ไปมาให้เสียสมาธิอีกด้วย

ในปัจจุบันนี้ โน๊ตบุ๊ค Intel Evo มีราคาไม่สูงมากแล้ว เริ่มต้นตั้งแต่ราคาไม่เกิน 30,000 บาทขึ้นไป สเปคเริ่มต้นเป็น Intel 11th Gen รุ่น Core i5 หรือ Core i7 มีแรม 8GB ได้ M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ใช้ในตัวและหลายๆ รุ่นก็เพิ่มฟีเจอร์ยืนยันตัวแบบชีวมาตร (Biometric) มาเสริมความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาใช้โดยพลการอีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค Intel Evo

สรุปสเปค 7 โน๊ตบุ๊ค Intel Evo

สรุปสเปค
โน๊ตบุ๊ค Intel Evo
CPU

GPU

SSD

RAM

Software

Display

Weight

Connectivity ราคา
(บาท)
Acer Swift 3 SF314-512-56CB Intel Core
i5-1240P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB LPDDR4x
4267MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ QHD
(2560×1440)
IPS

1.25 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

29,990
Acer Swift 5 SF514-56T-56M4 Intel Core
i5-1240P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ QHD
(2560×1440)
IPS

1.2 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

37,990
ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9501WS Intel Core
i5-12500H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14.5″ 2.8K
(2880×1800)
OLED

100% DCI-P3

PANTONE
Validated

VESA DisplayHDR True Black 600

1.63 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

HDMI 2.1 x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.0

30,990
ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9701WS Intel Core
i7-12700H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14.5″ 2.8K
(2880×1800)
OLED

100% DCI-P3

PANTONE
Validated

VESA DisplayHDR True Black 600

1.63 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

HDMI 2.1 x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.0

36,990
ASUS ZenBook 14 OLED UX3402ZA-KM504WS Intel Core
i5-1240P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB LPDDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ 2.8K
(2880×1800)
OLED

Refresh Rate
90Hz

100% DCI-P3

PANTONE
Validated

VESA DisplayHDR True Black 600

1.35 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 1

HDMI 2.0b x 1

MicroSD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E 

Bluetooth 5.2

35,990
Fujitsu Ultralight UH-X Intel Core
i7-1255U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
1TB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

13.3″ Full HD
IPS

873 กรัม

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

LAN x 1

SD Card
Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

46,990
HUAWEI MateBook X Pro Intel Core
i7-1260P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
1TB

16GB LPDDR5
4267MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14.2″ 3.1K
(3210×2080)
IPS

Refresh Rate
90Hz

ขอบเขตสี P3

Delta-E <1

1.26 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-C 3.2
Full Function x 2

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

79,990

7 โน๊ตบุ๊ค Intel Evo น่าใช้ แบตฯ ทนทำงานดี พกพาสะดวกสุด

โน๊ตบุ๊ค Intel Evo ณ ตอนนี้มีให้เลือกหลากแบรนด์หลายรุ่น เริ่มตั้งแต่ราคาไม่เกิน 30,000 บาทขึ้นไปให้เลือกซื้อไปใช้งานได้ตามต้องการ สเปคจัดว่าตอบโจทย์คนทำงานทั้งนั่งทำงานในออฟฟิศหรือพกติดตัวไปไหนมาไหนเป็นประจำ หากใครกำลังหาโน๊ตบุ๊ค Intel Evo เครื่องใหม่มาแทนเครื่องเก่าที่ทำงานช้าไม่ทันใจแล้ว ผู้เขียนก็มีรุ่นแนะนำมาให้เลือกทั้งหมด 7 รุ่น ได้แก่

  1. Acer Swift 3 SF314-512-56CB (29,990 บาท)
  2. Acer Swift 5 SF514-56T-56M4 (37,990 บาท)
  3. ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9501WS (30,990 บาท)
  4. ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9701WS (36,990 บาท)
  5. ASUS ZenBook 14 OLED UX3402ZA-KM504WS (35,990 บาท)
  6. Fujitsu Ultralight UH-X (46,990 บาท)
  7. HUAWEI MateBook X Pro (79,990 บาท)
1. Acer Swift 3 SF314-512-56CB (29,990 บาท)

Acer Swift SF314 01

โน๊ตบุ๊ค Intel Evo เครื่องแรกเป็น Acer Swift 3 SF314-512-56CB ซึ่งได้รีวิวไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยข้อดีของมัน คือ ได้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ใช้งาน ได้จอ 14 นิ้ว ความละเอียด 2K QHD (2560×1440) พาเนล IPS น้ำหนักเพียง 1.25 กิโลกรัม พกพาง่าย ติดตั้งซีพียู Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz มาให้ ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้และแรมอีก 8GB LPDDR4x บัส 4267MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 ติดตั้งมาให้ เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax ได้ รองรับ Bluetooth 5.2 ในตัว นอกจากนี้ยังได้กล้องหน้า Acer TNR ลด Noise ในกล้อง Webcam และไมค์ Acer PurifiedVoice ให้เสียงคมชัดและตัดเสียงรบกวนได้ด้วย จัดเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ราคาเป็นมิตรสำหรับคนทำงานและนักเรียนนักศึกษาทุกคนอย่างแน่นอน

สเปคของ Acer Swift 3 SF314-512-56CB
CPU Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB LPDDR4x บัส 4267MHz
Display 14 นิ้ว ความละเอียด 2K QHD (2560×1440) พาเนล IPS
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.25 กิโลกรัม
Price 29,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
2. Acer Swift 5 SF514-56T-56M4 (37,990 บาท)

Acer Notebook Swift SF514 56T 56M4 01

Acer Swift 5 SF514-56T-56M4 นี้เป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ระดับพรีเมี่ยมจาก Acer บอดี้อลูมิเนียมที่ตัดด้วยเครื่อง CNC ให้ตัวเครื่องบางเพียง 14.95 มม. เท่านั้นและยังผสานชิ้นส่วนรักษ์โลกอย่างทัชแพดจากกระจก OceanGlass และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ใช้เช่นกัน ขนาดตัวเครื่องถือว่าใหญ่กำลังดีเพียง 14 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS และเบาเพียง 1.2 กิโลกรัมเท่านั้น ติดตั้งซีพียู Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้กับแรม 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ได้ในตัว ด้านฟีเจอร์เด่นก็มีฟีเจอร์ Acer TNR ลด Noise ในกล้อง Webcam กับระบบเสียง Acer PurifiedVoice ติดมาให้ใช้งานครบเครื่องแถมยังระบายความร้อนได้ดีด้วยพัดลมระบายความร้อนคู่ในเครื่องอีกด้วย ดังนั้นจะทำงานหนักๆ ก็ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

สเปคของ Acer Swift 5 SF514-56T-56M4
CPU Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
Display 14 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.2 กิโลกรัม
Price 37,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
3. ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9501WS (30,990 บาท)

Asus Notebook Vivobook S 14X OLED 01

ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9501WS เป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo พร้อมซีพียู H-Series ประสิทธิภาพสูงสำหรับรันโปรแกรมที่กินทรัพยากรเครื่องหนักๆ ได้เป็นอย่างดี มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ใช้พร้อมระบบระบายความร้อน ASUS IceCool มาให้ ตัวเครื่องมีขนาด 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED ขอบเขตสี 100% DCI-P3 ได้การันตีความเที่ยงตรงสีจาก PANTONE Validated และ VESA DisplayHDR True Black 600 ครบเครื่องและกางหน้าจอได้แบนราบ 180 องศา อีกด้วย ซีพียูเป็น Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics พร้อม M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 กับแรม 16GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0 ได้ในตัว น้ำหนัก 1.63 กิโลกรัมเท่านั้น เป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo พร้อมซีพียูประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ทำงานและรันโปรแกรมหนักๆ ได้เป็นอย่างดีและได้พาเนลจอ OLED อีกด้วย จัดเป็นโน๊ตบุ๊คที่น่าใช้มากอีกเครื่องหนึ่งเลย

สเปคของ ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9501WS
CPU Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED ขอบเขตสี 100% DCI-P3 ได้การันตีความเที่ยงตรงสีจาก PANTONE Validated และ VESA DisplayHDR True Black 600
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.63 กิโลกรัม
Price 30,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
4. ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9701WS (36,990 บาท)

Asus Vivobook S 14X OLED S5402ZA M9701WS Midnight Black 3

ด้าน ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9701WS รหัสนี้จะแชร์สเปคร่วมกับ Vivobook S 14X OLED ในข้อก่อนแทบทั้งหมด ยกเว้นซีพียูซึ่งถูกอัพเกรดมาเป็น Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5~4.7GHz แทน ให้มี P-Core เพิ่มขึ้นเอาไว้รันโปรแกรมต่างๆ ได้ดีกว่าเดิม เหมาะกับผู้ที่ใช้โปรแกรมกินทรัพยากรเครื่องหนักๆ อย่างเช่น Adobe Photoshop, Lightroom หรือเปิดไฟล์ Microsoft Excel ที่มีข้อมูลและสูตรที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก

สเปคของ ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA-M9701WS
CPU Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5~4.7GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED ขอบเขตสี 100% DCI-P3 ได้การันตีความเที่ยงตรงสีจาก PANTONE Validated และ VESA DisplayHDR True Black 600
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.63 กิโลกรัม
Price 36,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
5. ASUS ZenBook 14 OLED UX3402ZA-KM504WS (35,990 บาท)

Asus Notebook Zenbook 14 OLED 01

จุดเด่นของ ASUS ZenBook 14 OLED UX3402ZA-KM504WS ที่ต้องเลือกมาแนะนำในบทความโน๊ตบุ๊ค Intel Evo นี้ ทั้งตัวเครื่องบางพกสะดวกและเบาเพียง 1.35 กิโลกรัม มีแป้น ASUS NumberPad 2.0 กดสลับทัชแพดเป็น Numpad ไว้พิมพ์ตัวเลขได้ง่ายๆ ลำโพง Dolby Atmos พร้อมชิป DSP Smart Amp และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Power ได้จอขนาดกะทัดรัดพกง่าย 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง PANTONE Validated และ VESA DisplayHDR True Black 600 ค่า Refresh Rate 90Hz ซีพียูเป็น Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz ได้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft office Home & Student 2021 กับแรม 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz มาให้ มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 Gen 2 x 1, HDMI 2.0b x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ในตัว จัดเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo อีกรุ่นที่น่าใช้มาก หากใครต้องการอ่านรีวิวฉบับเต็มสามารถคลิ๊กอ่านได้ที่นี่

สเปคของ ASUS ZenBook 14 OLED UX3402ZA-KM504WS
CPU Intel Core i5-1240P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
Display 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง PANTONE Validated และ VESA DisplayHDR True Black 600 ค่า Refresh Rate 90Hz
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 Gen 2 x 1, HDMI 2.0b x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft office Home & Student 2021
Weight 1.35 กิโลกรัม
Price 35,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
6. Fujitsu Ultralight UH-X (46,990 บาท)

Fujitsu Notebook UH X 4ZR1J37871 White 01

แข็งแรงทนทานแต่เบาไม่ถึงกิโลกรัมแถมพอร์ตจัดเต็มล้นเครื่อง เป็นคำจำกัดความที่ดีสุดสำหรับ Fujitsu Ultralight UH-X โน๊ตบุ๊ค Intel Evo รุ่นนี้และยังมีเซนเซอร์สแกนใบหน้าเอาไว้ยืนยันตัวปลดล็อคเครื่องได้ด้วยและน้ำหนักเครื่องเพียง 873 กรัม ตัวเครื่องขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920×1080) พาเนล IPS ใช้ซีพียู Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5~4.7GHz การ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ใช้กับแรมอีก 16GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1 ได้ด้วย หากใครหาโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ที่เบาสุดๆ มีพอร์ตให้ใช้งานครบเครื่อด้วยล่ะก็ Fujitsu UH-X นี้ถือว่าน่าสนใจมาก

สเปคของ Fujitsu Ultralight UH-X
CPU Intel Core i7-1255U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็ว 3.5~4.7GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 1TB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920×1080) พาเนล IPS
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 873 กรัม
Price 46,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
7. HUAWEI MateBook X Pro (79,990 บาท)

Huawei Notebook MateBook X Pro 02

สุดท้ายเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ระดับพรีเมี่ยมอย่าง HUAWEI MateBook X Pro ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่หน้าจอ 14.2 นิ้ว ความละเอียด 3.1K (3210×2080) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 90Hz อัตราส่วน 3:2 นั้นเป็นจอ ขอบเขตสีกว้าง P3 ค่าความแม่นยำสี Delta-E <1 และน้ำหนักเบาเพียง 1.26 กิโลกรัม ใช้ซีพียู Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4~4.7GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 กับแรม 16 GB LPDDR5 บัส 4267MHz มาให้ใช้งาน มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-C 3.2 Full Function x 2, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ได้ มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ที่ปุ่ม Power และมีลำโพงติดตั้งมาให้ทั้งหมด 6 ตัว ให้เสียงมีมิติยิ่งขึ้นและถ้าใครใช้สมาร์ทโฟน HUAWEI ก็ใช้ฟีเจอร์ HUAWEI Share นำหน้าจอสมาร์ทโฟนมาใช้งานบน HUAWEI MateBook ได้อีกด้วย ต้องถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมที่น่าใช้อีกรุ่นหนึ่ง แต่แนะนำให้หา USB-C Multiport Adapter มาเผื่อเอาไว้ใช้ด้วยจะดีมาก

สเปคของ HUAWEI MateBook X Pro
CPU Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4~4.7GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 1TB
RAM 16 GB LPDDR5 บัส 4267MHz
Display 14.2 นิ้ว ความละเอียด 3.1K (3210×2080) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 90Hz อัตราส่วน 3:2 ขอบเขตสีกว้าง P3 ความแม่นยำสี Delta-E <1
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-C 3.2 Full Function x 2, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.26 กิโลกรัม
Price 79,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่

computer 2982270 1280

จะเห็นว่าโน๊ตบุ๊ค Intel Evo นั้นมีตั้งแต่รุ่นราคาเริ่มต้นไม่เกิน 30,000 บาท ไปจนรุ่นพรีเมี่ยมซึ่งใช้วัสดุกับพาร์ทคุณภาพดีขึ้น ไม่ว่าจะพาเนลจอ OLED ขอบเขตสีกว้าง, ชิป DSP และระบบเสียง Dolby Atmos และฟีเจอร์อื่นๆ อีกหลากหลายอย่างที่ทางผู้ผลิตใส่มาให้ใช้กัน โดยส่วนตัวผู้เขียนเองได้ใช้โน๊ตบุ๊ค Intel Evo มาระยะหนึ่งแล้วต้องถือว่าน่าลงทุนซื้อมาใช้อย่างแน่นอน เพราะนอกจากแบตเตอรี่จะทนทานและเบาพกง่ายเป็นทุนเดิมแล้ว ประสิทธิภาพของชิป Intel ก็ทำงานได้รวดเร็วทันใจและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากโน๊ตบุ๊คจะดีก็อยากแนะนำให้หาซื้ออุปกรณ์เสริมต่างๆ มาใช้คู่กับโน๊ตบุ๊ค Intel Evo สัก 1-2 ชิ้นด้วย อย่างแรกคือ USB-C Multiport adapter ไว้แปลงพอร์ต Thunderbolt 4 หรือ USB-C Full Function เป็นพอร์ตพื้นฐานอื่นๆ อย่างเช่น USB-A 3.0, HDMI, VGA ฯลฯ ให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นและเมาส์ Ergonomic สักตัว จะช่วยให้ทำงานได้มีความสุขยิ่งกว่าเดิมมาก


บทความที่เกี่ยวข้อง

ตัวรับWifi

7MouseBluetooth 1 1

8หูฟังไอโฟน

from:https://notebookspec.com/web/691472-7-recommend-intel-evo-laptop

Advertisement

7 โน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาท พร้อมโค้ดลดจาก BaNANA สเปคดีน่าใช้ได้ Office 2021 ด้วย!

โน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาทเพื่อชาวออฟฟิศและนักศึกษาทุกคน สเปคดีจบน่าจัด!

7 Notebook 20K Banana 1

โน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาท เชื่อว่าผู้ใช้หลายคนคงไม่ได้คาดหวังมากว่าโน๊ตบุ๊คเหล่านี้สเปคจะแรงทำงานดีอะไรมากนักอย่างแน่นอน แต่ ณ ปี 2023 นี้ เมื่อซีพียูรุ่นใหม่ๆ ของ AMD, Intel ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากได้ประสิทธิภาพดีขึ้นและประหยัดพลังงานกว่าเดิมแล้วราคาของเทคโนโลยีก็ถูกลงเรื่อยๆ ทำให้โน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาทสเปคดีทรงพลังพอควร ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มีงบประมาณค่อนข้างจำกัดอย่างนักเรียนนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่หรือเพิ่งได้งานใหม่มาก

Advertisementavw

สเปคของโน๊ตบุ๊คเหล่านี้มักยืนพื้นด้วยจอขนาด 14 หรือ 15.6 นิ้ว กับ M.2 NVMe SSD 256~512GB มี Windows 11 Home ติดตั้งมาให้จากโรงงาน บางเครื่องอาจได้ Microsoft Office Home & Student ไม่ว่าจะ 2019, 2021 ติดเครื่องมาด้วย ส่วนแรมจะมีตั้งแต่ 8~16GB ขึ้นอยู่กับทางผู้ผลิตจะจัดสเปคมาให้ แต่ส่วนตัวผู้เขียนก็ขอแนะนำให้อัพแรมไป 16GB เลย จะได้เปิดโปรแกรมขึ้นมาใช้ได้พร้อมๆ กันหลายโปรแกรมแล้วเครื่องไม่ค้างด้วยและยังใช้งานในระยะยาวได้สบายๆ ไม่ต้องกังวลว่แรมไม่พอเครื่องไม่แรง ใช้งานไม่ลื่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

โน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000

ซึ่งถ้าใครหาซื้อโน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาทอยู่ ณ ตอนนี้ร้าน BaNANA จัดโปรโมชั่นรวมรุ่นน่าใช้มาให้เลือกซื้อ มีโค้ดส่วนลดและยังผ่อนได้ 0% x 24 เดือน และยังนำไปเข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืนเพื่อลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย โดยในอีเว้นท์ครั้งนี้มีโน๊ตบุ๊คจากแบรนด์ชั้นนำหลากหลายรุ่น ถูกใจผู้ใช้ทุกคนอย่างแน่นอน

สรุปสเปค 7 โน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาท สำหรับคนทำงาน

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาท CPU

GPU

SSD

RAM

Software

Display

Weight

Connectivity ราคา
(บาท)
Acer Aspire 3 A315-59-31F5 Intel Core
i3-1215U

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

4GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.77 กก.

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

16,990
MSI Modern 14 B11M-004TH Intel Core
i5-1155G7

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.6 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

MicroSD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

16,990
Acer Aspire 5 A515-45-R503 AMD Ryzen 5 5500U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.8 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.1

16,990
Acer Aspire Vero AV15-51-518U Intel Core
i5-1155G7

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

1.8 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

19,990
ASUS Vivobook 15 X1500EA-BR599W Intel Core
i5-1135G7

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.8 กก.

USB 2.0 x 2

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 4.1

17,990
Xiaomi RedmiBook 15 Intel Core
i5-11300H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.8 กก.

USB-A 3.2 Gen 1 x 2

USB 2.0 x 1

HDMI 1.4 x 1

LAN x 1

SD Card Reader x 1

Audio Combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

18,990
Hp 15s-eq3001AU AMD Ryzen 5 5625U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

1.69 กก.

USB-A 3.1 x 2

USB-C 3.1 x 1

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

19,990

7 โน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาท สเปคคุ้มถูกใจได้ออฟฟิศแท้!!

หากใครมีโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าอยู่แล้วเริ่มทำงานไม่ดีไม่ลื่นไหลเหมือนก่อนแล้วอยากเปลี่ยนเครื่องเป็นรุ่นใหม่ที่ทำงานได้ไหลลื่นยิ่งขึ้น ในบทความนี้ผู้เขียนเลือกมาแนะนำทั้งหมด 7 รุ่นซึ่งสเปคน่าสนใจและมีส่วนลดเพิ่มเติมอีกด้วย โดยมีรุ่นดังนี้

  1. Acer Aspire 3 A315-59-31F5 (16,990 บาท)
  2. MSI Modern 14 B11M-004TH (16,990 บาท)
  3. Acer Aspire 5 A515-45-R503 (16,990 บาท)
  4. Acer Aspire Vero AV15-51-518U (19,990 บาท)
  5. ASUS Vivobook 15 X1500EA-BR599W (17,990 บาท)
  6. Xiaomi RedmiBook 15 (18,990 บาท)
  7. Hp 15s-eq3001AU (19,990 บาท)
1. Acer Aspire 3 A315-59-31F5 (16,990 บาท)

acer1

โน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาทเครื่องแรกเป็น Acer Aspire 3 A315-59-31F5 รุ่นล่าสุดเพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนี้ โดยทาง Acer ได้อัพเดทเป็น Intel 12th Gen ซึ่งประสิทธิภาพดีขึ้นและประหยัดพลังงานกว่าเดิมแถมยังอัพเกรดเพิ่มแรมได้สะดวกและยังได้เครื่องใหญ่หน้าจอ 15.6 นิ้วอีกด้วย อย่างไรก็ตามแนะนำให้อัพเกรดแรมเป็น 8~16GB จะได้ทำงานได้ไหลลื่นยิ่งขึ้น

ซีพียูของ Aspire 3 นี้เป็น Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้กับแรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 การเชื่อมต่อไร้สายรองรับ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 5.0 ได้ น้ำหนักเครื่อง 1.77 กิโลกรัม หากใครจะซื้อเครื่องนี้มาใช้งานก็อย่าลืมอัพเกรดแรมเท่านี้ก็ทำงานได้สบายๆ แล้ว

สเปคของ Acer Aspire 3 A315-59-31F5
CPU Intel Core i3-1215U แบบ 6 คอร์ 8 เธรด (2P+4E) ความเร็ว 3.3~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 4GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home
Weight 1.77 กิโลกรัม
Price 16,990 บาท ใช้โค้ด BNACBJ7 ลดได้ 700 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
2. MSI Modern 14 B11M-004TH (16,990 บาท)

MSI Notebook Modern 15 B11M 01

MSI Modern 14 B11M-004TH นี้เป็นโน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาท เครื่องใหญ่ 15.6 นิ้ว แต่เครื่องไม่หนักมากและบอดี้ทำจากอลูมิเนียม มี Numpad ติดตั้งมาให้ ไฟ LED Backlit พร้อมใช้ ทำงานในที่แสงน้อยได้สะดวก น้ำหนักเครื่องมากสุดเพียง 1.6 กิโลกรัมเท่านั้น จัดเป็นรุ่นที่น่าสนใจมาก

ซีพียูเป็น Intel Core i5-1155G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.5~4.5GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ แรมมี 8GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตเชื่อมต่อมี USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1 รองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 หากใครมองหาโน๊ตบุ๊คสายทำงานของ MSI ดีๆ ไว้ใช้สักเครื่องก็แนะนำให้ดูรุ่นนี้เลย

สเปคของ MSI Modern 14 B11M-004TH
CPU Intel Core i5-1155G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.5~4.5GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home
Weight 1.6 กิโลกรัม
Price 16,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
3. Acer Aspire 5 A515-45-R503 (16,990 บาท)

Acer Notebook Aspire A515 02 square medium

ด้านแฟนคลับ AMD ที่อยากได้โน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาท ไว้ใช้ล่ะก็ Acer Aspire 5 A515-45-R503 ตอบโจทย์ใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน ซึ่งจุดเด่นของมัน คืออัตราส่วนหน้าจอกับตัวเครื่อง (Screen-to-Body Ratio) ที่กว้างถึง 81.61% ทำให้มีพื้นที่แสดงผลบนหน้าจอกว้าง กรอบจอบางพร้อมฟีเจอร์ถนอมสายตาของผู้ใช้ติดตั้งมาให้และยังอัพเกรดแรมเพิ่มได้อีกด้วย

ซีพียูของ Aspire 5 นี้เป็น AMD Ryzen 5 5500U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.1~4.0GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon Graphics และจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับแรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz มาด้วย ส่วนพอร์ตมี USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.1 น้ำหนักเครื่อง 1.8 กิโลกรัม

สเปคของ Acer Aspire 5 A515-45-R503
CPU AMD Ryzen 5 5500U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.1~4.0GHz
GPU AMD Radeon Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home
Weight 1.8 กิโลกรัม
Price 16,990 บาท ใช้โค้ด BNACAMD10 ลดได้ 1,000 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
4. Acer Aspire Vero AV15-51-518U (19,990 บาท)

Acer Notebook Aspire Vero AV15 51 518U Gray 3 square medium

Acer Aspire Vero AV15-51-518U เมื่อก่อนหน้านี้มักมีราคาสูงเกิน 20,000 บาทไปพอสมควร แต่เมื่อวางขายมาระยะหนึ่งแล้ว ราคาก็ค่อยๆ ลดลงจนเข้าข่ายเป็นโน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาทไปโดยปริยาย ซึ่งจุดเด่นของตระกูล Vero ได้แก่ บอดี้เครื่อทำจากพลาสติกรีไซเคิลรักษ์โลกและในเครื่องยังติดตั้ง Microsoft Office มาให้ใช้ฟรีๆ แถมมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ด้วย

ซีพียูเป็น Intel Core i5-1155G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.5~4.5GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics และหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ใช้งาน แรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตมี USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 รองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0 น้ำหนักเครื่อง 1.8 กิโลกรัม นับว่า Aspire Vero นี้เป็นโน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาทที่ลูกเล่นครบเครื่องน่าใช้ โดยเฉพาะเมื่อมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาด้วยก็ช่วยรักษาความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวให้เจ้าของเครื่องยิ่งขึ้น

สเปคของ Acer Aspire Vero AV15-51-518U
CPU Intel Core i5-1155G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.5~4.5GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.8 กิโลกรัม
Price 19,990 บาท ใช้โค้ด BNACBJ7 ลดได้ 700 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
5. ASUS Vivobook 15 X1500EA-BR599W (17,990 บาท)

Asus Notebook Vivobook 15 X1500EA 02 square medium

ASUS Vivobook 15 X1500EA-BR599W เป็นโน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาทที่สเปคยังน่าใช้งานอยู่ โดยตัวเครื่องบางเบาพกง่ายน้ำหนักเพียง 1.8 กิโลกรัม ได้ซีพียู Intel 11th Gen ดีไซน์หน้าจอขอบบาง NanoEdge Display ให้มีพื้นที่การมองเห็นกว้างยิ่งขึ้นด้วย

ซีพียูเป็น Intel Core i5-1135G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4~4.2GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล TN มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home แรมออนบอร์ดความจุ 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB 2.0 x 2, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 4.1 ในตัว น้ำหนัก 1.8 กิโลกรัม นับเป็นโน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาทที่น่าสนใจอีกรุ่น

สเปคของ ASUS Vivobook 15 X1500EA-BR599W
CPU Intel Core i5-1135G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4~4.2GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB 2.0 x 2, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 4.1

Software Windows 11 Home
Weight 1.8 กิโลกรัม
Price 17,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
6. Xiaomi RedmiBook 15 (18,990 บาท)

Xiaomi Notebook Redmi Book15 i5 03 square medium

Xiaomi RedmiBook 15 เป็นโน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาท หน้าตาเรียบร้อยสเปคดีบางเบาพกสะดวกใช้ทำงานเอกสารหรือเรียนออนไลน์ได้ดี ได้ซีพียู Intel 11th Gen รุ่น H-Series หากผู้ใช้คนไหนสนใจสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่ 

ซีพียูของ RedmiBook 15 เป็น Intel Core i5-11300H แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 3.1~4.4GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics และจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มา แรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 Gen 1 x 2, USB 2.0 x 1, HDMI 1.4 x 1, LAN x 1, SD Card Reader x 1, Audio Combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 5.0 น้ำหนัก 1.8 กิโลกรัม หากใครหาเอาไว้ทำงานหรือเรียนออนไลน์ก็ดีทั้งคู่

สเปคของ Xiaomi RedmiBook 15
CPU Intel Core i5-11300H แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 3.1~4.4GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB-A 3.2 Gen 1 x 2, USB 2.0 x 1, HDMI 1.4 x 1, LAN x 1, SD Card Reader x 1, Audio Combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home
Weight 1.8 กิโลกรัม
Price 18,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
7. Hp 15s-eq3001AU (19,990 บาท)

HP Notebook 15s eq3001AU Natural Silver 1 square medium

โน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาทเครื่องสุดท้ายเป็น Hp 15s-eq3001AU ซึ่งสเปคของมันถือว่าครบจบจากโรงงานโดยได้แรม 16GB และซีพียู AMD Ryzen รหัสพิเศษและได้ Microsoft Office ติดเครื่องมาพร้อมใช้งานอีกด้วย เรียกว่าซื้อมาเปิดทำงานได้เลยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มก็ได้

ซีพียูเป็น AMD Ryzen 5 5625U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.3~4.3GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon Graphics หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ติดตั้ง M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 และแรมอีก 16GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-A 3.1 x 2, USB-C 3.1 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ได้ น้ำหนัก 1.69 กิโลกรัม จัดว่าเป็นรุ่นเด็ดสเปคดี น่าซื้อมาใช้งานมาก

สเปคของ Hp 15s-eq3001AU
CPU AMD Ryzen 5 5625U แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.3~4.3GHz
GPU AMD Radeon Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB-A 3.1 x 2, USB-C 3.1 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 1.69 กิโลกรัม
Price 19,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)

charlesdeluvio Lks7vei eAg unsplash 1

จะเห็นว่าโน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่เกิน 20000 บาท ณ ปี 2023 นี้ สเปคดีขึ้นมากระดับใช้ทำงานต่างๆ ได้สบายๆ และราคาก็ถือว่าสมเหตุสมผลกับสเปคที่ได้อีกด้วย เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าเป็นเครื่องใหม่มากๆ และยิ่งมีโค้ดส่วนลดจากทาง BaNANA เสริมเช่นนี้ ซื้อมาใช้คุ้มค่าทำงานได้สะดวกขึ้นแน่นอน


บทความที่เกี่ยวข้อง

รวม 7 โน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20000 1

7 Wireless Charging 1

รีวิว Lenova IdeaPad 1 1

from:https://notebookspec.com/web/685973-7-laptop-under-20000-banana-2023

9 โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ ลดเพิ่ม 4,000 ได้ของแถมเพียบ! ผ่อนนาน 24 เดือน ซื้อตอนนี้คุ้มสุดๆ !!

รวมโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรับเดือนมกราคม 2023 นี้เพื่อคนทำงานและเกมเมอร์แบบเต็มๆ !!

ร่วม 9 โน๊ตบุ๊ค BaNANA 1

โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อในเดือนมกราคม 2023 นี้ ทางร้านได้จัดโปรฯ น่าสนใจต้อนรับเดือนแรกของปีให้คนที่มีแผนเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าที่ตะลุยงานกับเจ้าของมาด้วยนานหลายปีจนตอนนี้มันเริ่มไม่เร็วทันใจอย่างที่ควรแล้ว ให้ได้ซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ซีพียู Intel รุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูงไปใช้งานกัน โดยในโปรโมชั่นครั้งนี้รวมโน๊ตบุ๊คทั้ง Intel 11th Gen ประสิทธิภาพดีทั้งทำงานและเล่นเกมและ Intel 12th Gen รุ่นใหม่สถาปัตยกรรมผสมคอร์ 2 ชุดที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมมากทั้งการทำงานและจัดการพลังงาน แถมยังเข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืน 2566 อีกด้วย

Advertisementavw

สำหรับโปรโมชั่นของร้าน BaNANA ครั้งนี้จะร่วมกับโน๊ตบุ๊คซีพียู Intel ที่มีขายในร้าน ใช้โค้ดส่วนลดกับรุ่นที่ร่วมรายการได้สูงสุด 1,000 / 2,000 / 4,000 บาท โดยทางร้านจะขึ้นโค้ดส่วนลดเป็นพิเศษเอาไว้คู่กับโน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ โดยเฉพาะ, เลือกผ่อนกับบัตรเครดิตได้นานสุด 0% 24 เดือนผ่านทาง SCB Easy App ได้และเมื่อสั่งซื้อแล้วยังรอรับสินค้าที่หน้าร้านได้ภายใน 1 ชั่วโมงอีกด้วย ได้ความรวดเร็วทันใจผู้ใช้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ไว้ทำงานมาก และบางรุ่นยังได้ของสมนาคุณเอาไว้ใช้งานเพิ่มเติมด้วย

โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ

9 โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ พร้อมโปรโมชั่นเด็ด ส่วนลดเพียบผ่อนได้ตามสะดวก!

BNN Cover intel Brand Fair 160123 310123 category banner medium 1

สำหรับโปรโมชั่นส่งเสริมการขายของร้าน BaNANA ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น จะมีโค้ดใช้งาน 3 รหัสตามภาพแบนเนอร์ข้างต้นนี้ และยังเอาไปใช้งานกับโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่ร่วมรายการได้อีกด้วย สำหรับผู้ใช้คนไหนที่มีแผนเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คอยู่แล้วมองหาโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรุ่นใหม่ในโปรโมชั่นนี้มาใช้งาน ผู้เขียนได้เลือกรุ่นน่าสนใจมาทั้งหมด 9 รุ่น ผสมกันทั้ง Intel 11th Gen และ 12th Gen โดยมีรายชื่อดังนี้

  1. Lenovo IdeaPad L3 15ITL6-82HL00GFTA (12,990 บาท)
  2. Acer Aspire Vero AV15-51R-52JY (23,990 บาท)
  3. Hp 15s-fq5083TU (26,990 บาท)
  4. ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA (30,990 บาท)
  5. MSI GF66 Katana 12UCO-637TH (31,990 บาท)
  6. Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IAH7 (32,990 บาท)
  7. Acer Nitro 5 AN515-58-50WD (35,990 บาท)
  8. Acer Predator Helios 300 PH315-54-90CL (49,990 บาท)
  9. ASUS ROG Strix SCAR 15 G543ZX-HF058W (99,990 บาท)
1. Lenovo IdeaPad L3 15ITL6-82HL00GFTA (12,990 บาท)

Lenovo Notebook IdeaPad L3 15ITL6 01

 

โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรุ่นแรกในโปรโมชั่นครั้งนี้ ผู้เขียนเลือก Lenovo IdeaPad L3 15ITL6-82HL00GFTA มาแนะนำ นั่นเพราะเป็นโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพงมากแต่สเปคน่าใช้และมีบานชัตเตอร์ปิดกล้อง Webcam เมื่อไม่ต้องการใช้งานได้ นอกจากนี้ยังมีชุด Numpad ติดตั้งมาให้ทำงานได้สะดวก หากอัพเกรดแรมไปเป็น 8~16GB ก็ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้นแน่นอน

สเปคเครื่องนี้ได้ซีพียู Intel Core i3-1115G4 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 3.0~4.1GHz กับการ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics มาใช้ทำงานและแสดงผลขึ้นหน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล IPS ได้เป็นอย่างดี มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมแรมออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 2933MHz ซึ่งถ้าอัพเกรดเพิ่มเติมก็ทำงานและเรียนได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน มีพอร์ต USB-C 3.2 x 1, USB-A 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 ได้ในตัว ส่วนน้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม เป็นโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรุ่นแรกที่ผู้เขียนแนะนำและยังแลกซื้อกระเป๋าเดินทางครอบครัว, ผ่อนชำระ 0% ได้ 24 เดือนและยังได้ของแถมที่ร่วมรายการอีกด้วย

สเปคของ Lenovo IdeaPad L3 15ITL6-82HL00GFTA
CPU Intel Core i3-1115G4 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 3.0~4.1GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 256GB
RAM ออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 2933MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล IPS
Connectivity USB-C 3.2 x 1, USB-A 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home
Weight 2.2 กิโลกรัม
Price 12,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
2. Acer Aspire Vero AV15-51R-52JY (23,990 บาท)

Aspire Vero AV15 51R 52JY 01

 

โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรุ่นถัดมาเป็นโน๊ตบุ๊คบอดี้รักษ์โลกอย่าง Acer Aspire Vero AV15-52JY ที่ได้ลวดลายพิเศษที่ร่วมกับนิตยสาร National Geographic เพื่อสื่อถึงการรักษ์โลกอีกด้วย บอดี้ตัวเครื่องนอกจากสวยแข็งแรงดูดีและทำจากพลาสติกรีไซเคิล PCR และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ยังใช้โค้ดส่วนลด BNINTBFJ40 ลดราคาได้อีก 4,000 บาทพร้อมรับของสมนาคุณเพิ่มด้วย

ซีพียูของ Aspire Vero ติดตั้ง Intel Core i5-1155G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.5~4.5GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics มาให้ ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ใช้พร้อมแรมออนบอร์ด 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB 2.0 x 1, USB-A 3.0 x 2, USB-C 3.0 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายได้ด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ในตัว น้ำหนักเพียง 1.8 กิโลกรัมเท่านั้น หากใครหาโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรุ่นพิเศษเอาไว้ใช้งาน แนะนำให้ดู Aspire Vero รุ่นนี้เอาไว้ได้เลย

สเปคของ Acer Aspire Vero AV15-51-76YC
CPU Intel Core i5-1155G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.5~4.5GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM ออนบอร์ด 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.0 x 2, USB-C 3.0 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

Weight 1.8 กิโลกรัม
Price 23,990 บาท ใช้โค้ดส่วนลดได้ 4,000 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
3. Hp 15s-fq5083TU (26,990 บาท)

HP Notebook 15s fq5083TU Silver 01

 

Hp 15s-fq5083TU เป็นโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อสำหรับคนหาโน๊ตบุ๊คทำงานโดยเฉพาะ โดยจุดเด่นของมันคือได้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, Numpad สำหรับพิมพ์ตัวเลข, สเปคจบจากโรงงานพร้อมใช้ไม่ต้องเสียเวลาอัพเกรด ด้านน้ำหนักยังเบาเพียง 1.69 กิโลกรัมเท่านั้น ด้านซีพียูได้ Intel 12th Gen ในตัวอีกด้วย เรียกว่าน่าสนใจเป็นอย่างมากอาจจะซื้อซอฟท์แวร์ทำงานอย่าง Microsoft Office เพิ่มหน่อยก็พอ ส่วนโปรโมชั่นเมื่อซื้อเครื่องแล้วยังแลกซื้อกระเป๋าเดินทางสำหรับครอบครัวและของแถมเพิ่มเติมและผ่อน 0% ได้นาน 24 เดือนอีกด้วย

ซีพียูของ HP 15s ติดตั้ง Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4~4.7GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรม 16GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-C 3.1 x 1, USB-A 3.1 x 2, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 ได้ ซึ่งถ้าดูโดยรวมต้องถือว่า HP เครื่องนี้เป็นโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อเพื่อสายทำงานและราคาก็ไม่เกิน 30,000 บาท จัดว่าไม่ถูกไม่แพงแต่แรงไว้ใจได้ด้วย หากใครใช้โน๊ตบุ๊คซีพียูรุ่นเก่าอย่าง Intel 8th Gen อยู่แนะนำให้ลงทุนอัพเกรดมารุ่นนี้รับรองว่าถูกใจทำงานดีขึ้นมากแน่นอน

สเปคของ Hp 15s-fq5083TU
CPU Intel Core i7-1260P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.4~4.7GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
Connectivity USB-C 3.1 x 1, USB-A 3.1 x 2, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home
Weight 1.69 กิโลกรัม
Price 26,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
4. ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA (30,990 บาท)

Screenshot 2023 01 16 145918 1

 

หากใครรันโปรแกรมใหญ่กินทรัพยากรเครื่องมากๆ ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA เครื่องนี้เป็นโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อที่ไม่ควรพลาดเลย เพราะมันได้รับการรับรอง Intel Evo ว่าเครื่องเบาพกพาง่ายเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้เสถียรรวดเร็ว, จอ OLED สีสันสวยสดขอบเขตสีกว้าง, กางหน้าจอได้ 180 องศา, ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 Full Function ต่อหน้าจอแยก DisplayPort และชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ได้ มี Microsoft Office แท้และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย นับว่าคุ้มครบเครื่องสุดๆ

ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Xe Graphics หน้าจอมีขนาด 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED HDR อัตราส่วน 16:10 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 120Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ มีแรมในเครื่อง 16GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, USB 2.0 x 1, HDMI 2.0 x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายได้ด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11 ax รองรับ Bluetooth 5.2 ได้ในตัว น้ำหนักเพียง 1.63 กิโลกรัม นับเป็นโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อรุ่นที่ผู้เขียนแนะนำเป็นส่วนตัวถ้ากำลังอยากเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่มาใช้งาน

สเปคของ ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA
CPU Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz
GPU Intel Iris Xe Graphics
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED HDR อัตราส่วน 16:10 ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 120Hz
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 2, USB 2.0 x 1, HDMI 2.0 x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11 ax รองรับ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

Weight 1.63 กิโลกรัม
Price 30,990 บาท ใช้โค้ดส่วนลดได้ 1,000 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
5. MSI GF66 Katana 12UCO-637TH (31,990 บาท)

MSI Notebook Katana GF66 12UCO 01

 

ด้านเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ สเปคดุดันไว้ใจได้ มี MSI GF66 Katana 12UCO-637TH ให้เลือก ซึ่ง MSI Katana รุ่นใหม่ๆ นี้ทางบริษัทได้ปรับแต่งระบบระบายความร้อนให้จัดการอุณหภูมิได้ดีขึ้นแถมยังให้ฟีเจอร์ด้านการเล่นเกม เช่น เปิดเป้าเล็งปืน Crosshair ขึ้นมาค้างบนหน้าจอและเร่งระบบระบายความร้อนให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นแถมยังอัพเกรดเพิ่มแรมและ SSD ได้ ด้านราคานับว่าไม่แพงเกินและยังมีโปรโมชั่นแลกซื้อกระเป๋าเดินทางและของแถมร่วมรายการจาก BaNANA เข้ามาเสริมด้วย หากใครสนใจอยากอ่านรีวิว MSI Katana จะมีรุ่นเทียบเคียงที่ได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ให้อ่านได้ที่นี่

ซีพียูใน MSI Katana เครื่องนี้เป็น Intel Core i7-12650H แบบ 10 คอร์ 16 เธรด (6P+4E) ความเร็ว 3.5~4.7GHz ใช้การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6 กับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home พร้อมแรม 8GB DDR5 บัส 4800MHz รองรับการอัพเกรดได้ถึง 64GB มีพอร์ต USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายได้ด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 น้ำหนักเครื่อง 2.25 กิโลกรัม หากใครหาเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ ราคาสามหมื่นบาทต้นๆ อยู่ล่ะก็ แนะนำให้ดู MSI Katana รุ่นนี้เอาไว้รับรองคุ้มแน่นอน

สเปคของ MSI GF66 Katana 12UCO-637TH
CPU Intel Core i7-12650H แบบ 10 คอร์ 16 เธรด (6P+4E) ความเร็ว 3.5~4.7GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR5 บัส 4800MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2

Software Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
Weight 2.25 กิโลกรัม
Price 31,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
6. Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IAH7 (32,990 บาท)

Lenovo IdeaPad Gaming 3i 01

 

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อต้องรวมถึง Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IAH7 เครื่องนี้ที่ได้บอดี้ของ Lenovo Legion มาใช้งานด้วย ซึ่งนอกจากระบายความร้อนได้ดีและบอดี้สวยดูแข็งแรงแล้ว ยังอัพเกรดเพิ่ม RAM, SSD เพิ่มได้ง่ายและมีไฟ LED Backlit ติดมาให้ มี Thunderbolt 4 แบบ Full Function ต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตเตอรี่ได้ จอมีขอบเขตสีหน้าจอยังกว้างพอใช้ทำงานอาร์ทได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว หากใครสนใจสามารถอ่านรีวิวได้ที่นี่ และเมื่อซื้อกับทางร้าน BaNANA ยังแลกซื้อกระเป๋าเดินทางและได้รับของสมนาคุณพร้อมกันอีกด้วย

ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6 และจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรมในเครื่อง 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 x 2, Thunderbolt 4 x 1, HDMI 2.0 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน  802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ได้ น้ำหนักตัวเครื่อง 2.31 กิโลกรัม นับเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อที่หน้าตาเรียบร้อยเหมือนโน๊ตบุ๊คทำงานธรรมดาแต่สเปคโดยรวมนับเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเต็มตัวได้เลย หากใครมองหาโน๊ตบุ๊คสไตล์นี้อยู่ก็น่าซื้อเครื่องนี้ไปใช้งานมาก

สเปคของ Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IAH7
CPU Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz
Connectivity USB-A 3.2 x 2, Thunderbolt 4 x 1, HDMI 2.0 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน  802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 2.31 กิโลกรัม
Price 32,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
7. Acer Nitro 5 AN515-58-50WD (35,990 บาท)

Acer Notebook Nitro AN515 58 01

 

Acer Nitro 5 AN515-58-50WD เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อบอดี้ใหม่ซึ่งทางผู้ผลิตติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 แบบ Full Function ต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตเตอรี่คืนให้เครื่องได้ หน้าจอมีขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ใช้แต่งภาพทำงานอาร์ทได้สบายๆ และติดตั้งซีพียู Intel 12th Gen รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้และยังอัพเกรดเพิ่ม SSD, RAM ได้ด้วย หากใครอยากได้ Nitro 5 เครื่องนี้สามารถใช้โค้ด BNINTBFJ10 เพื่อรับส่วนลด 1,000 บาทได้และยังได้รับของสมนาคุณเพิ่มเติมอีกด้วย หากใครสนใจสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

ซีพียูของ Nitro 5 เป็น Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6 หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz มาให้ รองรับการอัพเกรดเพิ่มเติม ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อมี Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายได้ด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม ต้องถือว่า Nitro 5 เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อและเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คไม่กี่รุ่นที่มีพอร์ต Thunderbolt 4 ติดตั้งมาให้ใช้จากโรงงาน

สเปคของ Acer Nitro 5 AN515-58-50WD
CPU Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3~4.5GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz
Connectivity Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home
Weight 2.5 กิโลกรัม
Price 35,990 บาท ใช้โค้ดส่วนลดได้ 1,000 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
8. Acer Predator Helios 300 PH315-54-90CL (49,990 บาท)

Acer Notebook Predator PH315 01

 

Acer Predator Helios 300 PH315-54-90CL แม้จะตกรุ่นไปบ้างแล้วแต่ก็ยังเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้ออยู่ดี เพราะนอกจากทางร้านจะลดราคาจากตอนเปิดตัวมา 10,000 บาทแล้ว สเปคยังแรงพอใช้เล่นเกมฟอร์มใหญ่ในปัจจุบันนี้ได้สบายๆ ได้ของสมนาคุณเมื่อสั่งซื้อและยังแลกซื้อกระเป๋าเดินทางได้ด้วย ด้านจุดเด่นนอกจากได้แป้นคีย์บอร์ด Full-size มีไฟ RGB ตั้งสีได้รายปุ่มแล้ว ระบบระบายความร้อนยังออกแบบมาดี มีปุ่ม Turbo สำหรับเร่งประสิทธิภาพให้เฟรมเรทตัวเครื่องสูงขึ้นด้วย

สเปคของเครื่องนี้เป็นซีพียู Intel Core i9-11900H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.5~4.9GHz ใช้การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6 หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมแรม 16GB DDR4 บัส 3200MHz ด้านพอร์ตมี Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 Gen 2 x 1, USB-A 3.2 x 3, Mini DisplayPort x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายได้ด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ต้องถือว่าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อที่แม้จะเปิดตัวมาสักพักและมีรุ่นใหม่แล้ว แต่ราคาจัดว่าคุ้มค่าและยังเล่นเกมฟอร์มยักษ์ ณ ปี 2023 นี้ได้สบายๆ หรือจะเเอามาทำงานครีเอเตอร์ก็ดีไม่แพ้กันเลย

สเปคของ Acer Predator Helios 300 PH315-54-90CL
CPU Intel Core i9-11900H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.5~4.9GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD 1TB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3
Connectivity Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 Gen 2 x 1, USB-A 3.2 x 3, Mini DisplayPort x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home
Weight 2.5 กิโลกรัม
Price 49,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)
9. ASUS ROG Strix SCAR 15 G543ZX-HF058W (99,990 บาท)

4711081612940 01

 

ปิดท้ายด้วยเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ สเปคแรงอลังการอย่าง ASUS ROG Strix SCAR 15 G543ZX-HF058W ซึ่งตอนนี้ลดราคาจากตอนเปิดตัวมา 20,000 บาท เหลือ 99,990 บาท ติดตั้งฟีเจอร์น่าใช้มาให้เต็มที่ไม่ว่าจะระบบระบายความร้อนชั้นสูงด้วยโลหะเหลว, หน้าจอค่า Refresh Rate 300Hz หรือแม้แต่ชิป ROG Keystone II ซึ่งมีลูกเล่นปรับโหมดการใช้งานเมื่อใส่เข้าหรือถอดออกก็ได้พร้อมลำโพง Dolby Atmos คุณภาพสูงและยังมีอีกหลายฟีเจอร์ที่ได้กล่าวไว้ในรีวิวรุ่นในซีรี่ส์นี้ด้วย หากใครไม่อยากประกอบเกมมิ่งพีซีให้ลำบากก็ซื้อเครื่องนี้ไปต่อหน้าจอแยกเพื่อทำงานหรือเล่นเกมได้เลย

ซีพียูใน ROG Strix SCAR 15 เป็น Intel Core i9-12900H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.8~5.0GHz ใช้การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080 Ti แรม 16GB GDDR6 หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 300Hz ตอบโจทย์เกมเมอร์มากๆ มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้กับแรมอีก 32GB DDR5 บัส 4800MHz เอาไว้ใช้งาน ด้านพอร์ตมี Thunderbolt 4 Full Function x 1, USB-C 3.2 รองรับ Power Delivery, DisplayPort, NVIDIA G-SYNC x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 น้ำหนักเครื่อง 2.3 กิโลกรัม

สเปคของ ASUS ROG Strix SCAR 15 G543ZX-HF058W
CPU Intel Core i9-12900H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.8~5.0GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3080 Ti แรม 16GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB
RAM 32GB DDR5 บัส 4800MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 300Hz
Connectivity Thunderbolt 4 Full Function x 1, USB-C 3.2 รองรับ Power Delivery, DisplayPort, NVIDIA G-SYNC x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 2.3 กิโลกรัม
Price 99,990 บาท (คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่)

สรุปสเปค 9 โน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ รวมทั้งสายเกมมิ่งและทำงานครบเครื่อง

รวมสเปคโน๊ตบุ๊คร้าน BaNANA น่าซื้อ CPU

GPU

SSD

RAM

Software

Display

Weight

Connectivity ราคา
(บาท)
Lenovo IdeaPad L3 15ITL6-82HL00GFTA Intel Core
i3-1115G4

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
2933MHz

Windows 11 Home

15.6″ HD IPS

2.2 กก.

USB-C 3.2 x 1

USB-A 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

12,990
 Acer Aspire Vero AV15-52JY Intel Core
i5-1155G7

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

1.8 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.0 x 2

USB-C 3.0 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

23,990

ลดได้ 4,000

Hp 15s-fq5083TU Intel Core
i7-1260P

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.69 กก.

USB-C 3.1 x 1

USB-A 3.1 x 2

HDMI x 1

SD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

26,990
ASUS Vivobook S 14X OLED S5402ZA Intel Core
i5-12500H

Intel Iris Xe Graphics

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14.5″ 2.8K
(2880×1800)
OLED HDR

100% DCI-P3

Refresh Rate
120Hz

1.63 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 2

USB 2.0 x 1

HDMI 2.0 x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

30,990 
ลดได้ 1,000
MSI GF66 Katana 12UCO-637TH Intel Core
i7-12650H

NVIDIA GeForce RTX 3050

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR5
4800MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate
144Hz

2.25 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

31,990
Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IAH7 Intel Core
i5-12500H

NVIDIA GeForce RTX 3050

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate
165Hz

2.31 กก.

USB-A 3.2 x 2

Thunderbolt 4 x 1

HDMI 2.0 x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

32,990
Acer Nitro 5 AN515-58-50WD Intel Core
i5-12500H

NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate
165Hz

2.5 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

35,990

ลดได้ 1,000

Acer Predator Helios 300 PH315-54-90CL Intel Core
i9-11900H

NVIDIA GeForce RTX 3060

M.2 NVMe
1TB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ QHD
(2560×1440)
IPS

Refresh Rate
165Hz

100% DCI-P3

2.5 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-C 3.2 Gen 2 x 1

USB-A 3.2 x 3

Mini DisplayPort x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

49,990
ASUS ROG Strix SCAR 15 G543ZX-HF058W Intel Core
i9-12900H

NVIDIA GeForce RTX 3080 Ti

M.2 NVMe
1TB

32GB DDR5
4800MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate
300Hz

2.3 กก.

Thunderbolt 4 Full Function x 1

USB-C 3.2 รองรับ Power Delivery, DisplayPort, NVIDIA G-SYNC x 1

USB-A 3.2 x 2

HDMI 2.1 x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

99,990

vinayak sharma AWSHg2mK Ho unsplash 1

ต้องถือว่าทาง BaNANA นั้นจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเพื่อผู้ใช้ที่อยากเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คได้อย่างน่าสนใจ มีทั้งโค้ดส่วนลดและแลกซื้อสินค้าต่างๆ เพิ่มได้อีกมาก ซึ่งถ้าใครมีแผนเปลี่ยนโน๊ตบุ๊ค ผู้เขียนก็อยากแนะนำให้ซื้อในงานอีเว้นท์ลดราคาครั้งนี้ได้เลย และนอกจาก 9 รุ่นในบทความนี้ก็ยังมีรุ่นน่าสนใจให้เลือกซื้ออีกหลากหลายรุ่นทีเดียว หากใครสนใจผู้เขียนก็แนะนำให้เปิดดูที่ลิ้งค์นี้แล้วสั่งซื้อรุ่นที่ต้องการได้เลย


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 3vero 1

Share image Edit Name 1katanagf66gen12

Share image Edit Name 2predatorhelios 1

from:https://notebookspec.com/web/682826-9-recommend-laptop-from-banana-it

7 โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท รวมรุ่นน่าใช้ปลายปีนี้ไปจนต้นปีหน้า มี Office แท้ด้วย เริ่ม 10,350 บาท

โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท รุ่นดีๆ น่าใช้มีให้เลือกเยอะอยู่นะ!

Share image Edit Name 215000laptop 1

เวลาจะซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่มาใช้งานก็อยากได้เครื่องสเปคแรงคุ้ม โปรแกรมครบซีพียูแรงมาใช้งานซึ่งในปัจจุบันนี้ โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทตอนนี้เข้าข่ายตามที่ว่ามาข้างต้นอย่างแน่นอน จะหาเอาไว้ทำงานเอกสาร, เรียนออนไลน์หรือหาเอาไว้เป็นเครื่องสำรองเผื่อใช้ทำงานเอกสารก็ใช้งานได้ดีไม่ต่างกับโน๊ตบุ๊คสายทำงานช่วงราคา 20,000 บาทขึ้นไปเลย และบางรุ่นยังแถม Microsoft Office ของแท้ติดเครื่องมาให้ใช้ด้วย เวลาซื้อไปแค่เปิดเครื่องแล้วล็อคอินให้เรียบร้อยก็พร้อมใช้งานในทันที

Advertisementavw

หากใครคิดว่าโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทนั้นจะได้ซีพียูไม่แรงก็ต้องเปลี่ยนความคิดได้เลย เพราะระดับราคานี้มีรุ่น Intel Pentium Gold, Intel Core i3 หรือ AMD Ryzen 3 ให้เลือกซื้อด้วย มีคอร์และเธรดเยอะพอใช้รันเบราเซอร์, แต่งภาพและทำงานเอกสารพื้นฐานต่างๆ ได้อย่างแน่นอน ซึ่งถ้าเพิ่มแรมเข้าไปเป็น 8~16GB เมื่อไหร่ ก็ใช้งานได้สบายๆ อีกหลายปีได้สบายๆ 

โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000

อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ซีพียู AMD และ Intel ในโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทมีหลากหลายรุ่นและบางรุ่นยังเป็นรหัสพิเศษซึ่งมีคอร์เธรดแตกต่างจากรหัสที่พบในท้องตลาดทั่วไป ซึ่งซีพียูในบทความจะมีรุ่นรหัสดังนี้

สเปคซีพียูในโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท คอร์, เธรด ความเร็ว ค่า TDP การ์ดจอ สถาปัตยกรรม
AMD Athlon Silver 3050U 2 คอร์ 2 เธรด 2.3~3.2GHz 15 วัตต์ AMD Radeon Graphics แบบ 2 คอร์ 14 นาโนเมตร
AMD Ryzen 3 5300U 4 คอร์ 8 เธรด 2.6~3.8GHz 15 วัตต์ AMD Radeon Graphics แบบ 6 คอร์ TSMC
7 นาโนเมตร

FinFET

Intel Pentium Silver N6000 4 คอร์ 4 เธรด 1.1~3.3GHz 6 วัตต์ Intel UHD Graphics 10 นาโนเมตร
Intel Pentium Gold 7505 2 คอร์ 4 เธรด 2.0~3.5GHz 15 วัตต์ Intel UHD Graphics 10 นาโนเมตร

SuperFin

Intel Core
i3-1005G1
2 คอร์ 4 เธรด 1.2~3.4GHz 13 วัตต์ Intel UHD Graphics 10 นาโนเมตร
Intel Core
i3-1115G4
2 คอร์ 4 เธรด 3.0~4.1GHz 12 วัตต์ Intel UHD Graphics 10 นาโนเมตร

SuperFin

จากตารางจะเห็นว่าโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทนั้นนอกจากมีซีพียูทั้ง AMD, Intel ให้เลือกแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นซีพียู 2 คอร์เป็นหลัก แต่สังเกตว่าจะมีซีพียู AMD Ryzen 3 5300U ซึ่งเป็น Ryzen 5000 Series รุ่นใหม่ซึ่งคอร์เธรดเยอะเป็นพิเศษมากกว่าซีพียูทุกรุ่นในตารางนี้ หากเทียบกับรุ่นก่อนที่ใกล้เคียงกันอย่าง AMD Ryzen 3300U ที่มีแค่ 4 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 2.1~3.5GHz แล้ว ต้องถือว่า Ryzen 3 5300U รุ่นนี้เหนือกว่าชัดเจน น่าใช้งานอย่างแน่นอน

ด้านซีพียู Intel ในโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทจะได้ Intel Core i3 ทั้ง Intel 10th Gen, 11th Gen และที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือ Intel Pentium Gold 7505 นั้น แม้จะเป็น Intel Pentium ก็ตาม แต่มีคอร์เธรดเทียบ Intel Core i3 และมีความเร็วสูงเกือบเทียบชั้น Intel Core i3-1115G4 ได้เลย ดังนั้นถึงจะเป็น Pentium Series แต่ก็มีประสิทธิภาพดี ใช้ทำงานเอกสาร, เปิดเบราเซอร์ทำงานกับเว็บแอพฯ ต่างๆ แม้แต่ดูหนังฟังเพลงก็ใช้ได้สบายๆ แน่นอน

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาททั้ง 7 รุ่น มี Office แท้ พร้อมทำงาน เลือกรุ่นไหนก็คุ้ม!

สเปคของโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 CPU

GPU

SSD

RAM

Software

หน้าจอ

น้ำหนัก

การเชื่อมต่อ ราคา
(บาท)
Acer Aspire 3 A315-35-P9YL Intel Pentium Silver N6000

Intel UHD Graphics

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
2933 MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.7 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

10,350
DELL Inspiron 3515-W56625257ATHW10 AMD Athlon Silver 3050U

AMD Radeon Graphics แบบ 2 คอร์

HDD 1TB

4GB DDR4
2400MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ HD TN

1.69 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

SD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

10,490
Lenovo IdeaPad L3 Intel Core
i3-1115G4

Intel UHD Graphics

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
2933 MHz

Windows 11 Home

15.6″ HD IPS

2.2 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

DVD-RW x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

11,890
Infinix INBook X2 Intel Core
i3-1005G1

Intel Iris Plus Graphics

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
3200 MHz

Windows 11 Home

14″ FHD IPS

1.24 กก.

USB-C 3.0 x 2

USB-A 3.1 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.1

12,990
ASUS Vivobook 15 X1500EA Intel Pentium Gold 7505

Intel UHD Graphics

M.2 NVMe
512GB

4GB DDR4
3200 MHz

Windows 11 Home

Microsoft 365 ฟรี 30 วัน

15.6″ FHD TN

1.8 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 4.1

12,490
Lenovo ThinkBook 14 G3 AMD Ryzen 3 5300U

AMD Radeon Graphics แบบ 6 คอร์

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
3200 MHz

DOS

14″ FHD IPS

1.4 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 2

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

12,990
Lenovo IdeaPad Slim 3i 14ITL6 Intel Core
i3-1115G4

Intel UHD Graphics

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
3200 MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

14″ FHD IPS

1.41 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

SD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

13,990

7 โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท มี Office แท้ ตอบโจทย์ทั้งเรียนออนไลน์หรือใช้ทำงานก็โอเค

โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ตอนนี้จัดว่าน่าสนใจมากและจากตารางข้อมูลซีพียูที่ผู้เขียนได้นำเสนอไปเบื้องต้น ซีพียูหลายๆ รุ่น ณ ตอนนี้มีขั้นต่ำ 2 คอร์และหลายๆ รุ่นจะมี Hyperthreading ทำให้มีคอร์ใช้งานมากขึ้นทำงานได้ดีกว่าเดิม โดยโน๊ตบุ๊คทั้ง 7 รุ่นที่ผู้เขียนแนะนำจะมีดังนี้

  1. Acer Aspire 3 A315-35-P9YL (10,350 บาท)
  2. DELL Inspiron 3515-W56625257ATHW10 (10,490 บาท)
  3. Lenovo IdeaPad L3 (11,890 บาท)
  4. Infinix INBook X2 (12,990 บาท)
  5. ASUS Vivobook 15 X1500EA (12,490 บาท)
  6. Lenovo ThinkBook 14 G3 (14,969บาท)
  7. Lenovo IdeaPad Slim 3i 14ITL6 (13,990 บาท)
1. Acer Aspire 3 A315-35-P9YL (10,350 บาท)

aspire 3

โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท รุ่นแรกที่ผู้เขียนแนะนำเป็น Acer Aspire 3 A315-35-P9YL ซึ่งเครื่องนี้มีขนาดจอ 15.6 นิ้ว แต่น้ำหนักเครื่องเพียง 1.7 กิโลกรัม จัดว่าเบาพกพาง่าย แค่อัพเกรดแรมในเครื่องเพิ่มเป็น 8~16GB DDR4 ก็ใช้ทำงานเอการได้ดีอย่างแน่นอน

ซีพียูในเครื่องติดตั้ง Intel Pentium Silver N6000 แบบ 4 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.1~3.3GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics สำหรับเรนเดอร์แสดงผลขึ้นจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรม 4GB DDR4 บัส 2933MHz มีพอร์ต USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 และน้ำหนักเพียง 1.7 กิโลกรัม หากอัพเกรดแรมเพิ่มเป็น 8GB ก็ทำงานได้ดีแล้วแต่ถ้าอัพเกรดไป 16GB ซึ่งสูงสุดเท่าที่โน๊ตบุ๊คนี้รับได้ก็ใช้ทำงานได้อีกหลายปีแน่นอน

สเปคของ Acer Aspire 3 A315-35-P9YL
  • CPU : Intel Pentium Silver N6000 แบบ 4 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.1~3.3GHz
  • GPU : Intel UHD Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 256GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 2933 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.7 กิโลกรัม
  • Price : 10,350 บาท (Advice)
2. DELL Inspiron 3515-W56625257ATHW10 (10,490 บาท)

3515 content

ด้านแบรนด์ขวัญใจคนทำงานอย่าง DELL ก็มี DELL Inspiron 3515-W56625257ATHW10 ให้เลือกซื้อ ซึ่งเครื่องนี้มีข้อดีที่ทางบริษัทติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ใช้ด้วย แต่ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้อัพเกรดเพิ่มแรมและอาจจะเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ธรรมดาเป็น M.2 NVMe SSD จะเปิดเครื่องโหลดไฟล์งานได้เร็วกว่าเดิมแน่นอน

ซีพียูเป็น AMD Athlon Silver 3050U แบบ 2 คอร์ 2 เธรด ความเร็ว 2.3~3.2GHz มีการ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon Graphics แบบ 2 คอร์ กับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล TN มีฮาร์ดดิสก์ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ใช้งาน มีแรม 4GB DDR4 บัส 2400MHz ติดตั้งมาให้ พอร์ตเชื่อมต่อมี USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 และตัวเครื่องหนัก 1.69 กิโลกรัม ซึ่งผู้เขียนถือว่า DELL Inspiron 3515 นี้ แม้จะไม่ได้จอ Full HD มาใช้ แต่ข้อดีคือได้ Microsoft Office แท้มาใช้งานและถ้าเพิ่มแรมและเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์เป็น SSD สักหน่อยจะทำงานได้ดีขึ้นมากแน่นอน

สเปคของ DELL Inspiron 3515-W56625257ATHW10
  • CPU : AMD Athlon Silver 3050U แบบ 2 คอร์ 2 เธรด ความเร็ว 2.3~3.2GHz
  • GPU : AMD Radeon Graphics แบบ 2 คอร์
  • SSD : ฮาร์ดดิสก์ความจุ 1TB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 2400MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล TN
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.69 กิโลกรัม
  • Price : 10,490 บาท (Advice)
3. Lenovo IdeaPad L3 (11,890 บาท)

ideal3

Lenovo IdeaPad L3 เป็นโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทที่ได้ซีพียู Intel 11th Gen ติดตั้งมาให้ มี Numpad และติดตั้ง SSD ความจุ 256GB มาให้ด้วย เหลือแค่อัพเกรดเพิ่มแรมในเครื่องเข้าไปเป็น 8GB ก็ใช้ทำงานและเรียนออนไลน์ได้ดีแน่นอน

ซีพียูเป็น Intel Core i3-1115G4 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 3.0~4.1GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics สำหรับเรนเดอร์แสดงผลภาพขึ้นจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล IPS ได้เป็นอย่างดี มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับแรมออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 2933MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1, DVD-RW x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 น้ำหนักตัวเครื่อง 2.2 กิโลกรัม สังเกตว่าโน๊ตบุ๊คนี้แม้น้ำหนักจะเยอะกว่าแต่ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ทำงานราชการหรือองค์กรที่เปิดไฟล์งานใน CD, DVD ได้เลยไม่ต้องซื้อ External DVD มาเพิ่มก็ได้ จัดว่ามีประโยชน์ดี แต่แลกกับน้ำหนักเครื่องที่เพิ่มขึ้นสักหน่อยเท่านั้น

สเปคของ Lenovo IdeaPad L3
  • CPU : Intel Core i3-1115G4 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 3.0~4.1GHz
  • GPU : Intel UHD Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 2933MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1, DVD-RW x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.2 กิโลกรัม
  • Price : 11,890 บาท (Advice)
4. Infinix INBook X2 (12,990 บาท)

Infinix INBook X2 เป็นโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทที่น่าสนใจมากและราคาไม่แพง ซีพียูมีประสิทธิภาพใช้ทำงานเอกสารและเปิดเว็บไซต์ต่างๆ ได้อย่างไหลลื่นแต่เสียดายเล็กน้อยที่แรมเป็นแบบออนบอร์ดอัพเกรดเพิ่มไม่ได้เท่านั้น ส่วนรายละเอียดของตัวเครื่องส่วนต่างๆ สามารถอ่านได้ในรีวิวนี้

รุ่นเริ่มต้นนี้ใช้ซีพียู Intel Core i3-1005G1 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.2~3.4GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel Iris Plus Graphics กับหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ติดตั้ง M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB พร้อม Windows 11 Home มาให้ มีแรมออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตเชื่อมต่อมี USB-C 3.0 x 2, USB-A 3.1 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.1 น้ำหนักเครื่อง 1.24 กิโลกรัม หากใครหาโน๊ตบุ๊คราคาไม่แรงน้ำหนักเบา สเปคพอใช้เรียนออนไลน์ได้ก็ซื้อรุ่นนี้ไปใช้ได้เลย

สเปคของ Infinix INBook X2
  • CPU : Intel Core i3-1005G1 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.2~3.4GHz
  • GPU : Intel Iris Plus Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-C 3.0 x 2, USB-A 3.1 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.24 กิโลกรัม
  • Price : 12,990 บาท (ราคากลาง)
5. ASUS Vivobook 15 X1500EA (12,490 บาท)

Screenshot 2022 11 28 104112 1

แบรนด์ ASUS ก็มีโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท รุ่น ASUS Vivobook 15 X1500EA ให้เลือกและสเปคจัดว่าน่าสนใจ เพราะซีพียูเป็น Pentium Gold ซึ่งเทียบชั้นกับ Intel Core i3 ได้เลย และยังมีพอร์ตพื้นฐานติดตั้งมาให้ครบเครื่องทีเดียว

ซีพียูเป็น Intel Pentium Gold 7505 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 2.0~3.5GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics กับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล TN มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้และใช้บริการ Microsoft 365 ได้ฟรี 30 วันนับตั้งแต่เริ่มเปิดเครื่องใช้งานด้วย มีแรมออนบอร์ดในเครื่อง 4GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตเชื่อมต่อมี USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 4.1 ได้ น้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 1.8 กิโลกรัม หากใครชอบแบรนด์ ASUS ไม่ว่าจะเรื่องดีไซน์, สเปคแต่อยากได้โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทเอาไว้ใช้ก็มีรุ่นนี้ให้เลือกซื้อ

สเปคของ ASUS Vivobook 15 X1500EA
  • CPU : Intel Pentium Gold 7505 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 2.0~3.5GHz
  • GPU : Intel UHD Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล TN
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 4.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft 365 ฟรี 30 วัน
  • Weight : 1.8 กิโลกรัม
  • Price : 12,490 บาท (Advice)
6. Lenovo ThinkBook 14 G3 (14,969 บาท)

think14

Lenovo ThinkBook 14 G3 เป็นโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทที่เป็นลูกผสมระหว่าง IdeaPad และ ThinkPad ซึ่งได้บอดี้สวยทันสมัยกับความแข็งแรงทนทานและยังอัพเกรดเพิ่มแรมอัพเกรดเครื่องได้ และยังเป็น AMD Ryzen 5000 Series ซึ่งมีคอร์เธรดเยอะขึ้นด้วย แต่จุดสังเกตคือเครื่องนี้ต้องหาระบบปฏิบัติการมาติดตั้งเพิ่มเอง ดังนั้นถ้าใครหาเครื่องมาลองลงระบบปฏิบัติการอื่นอย่าง Linux หรือ Chrome OS Flex มาใช้จะเป็นคำตอบที่ดีมาก

ซีพียูเป็น AMD Ryzen 3 5300U แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.6~3.8GHz มีการ์ดจออนบอร์ด AMD Radeon Graphics แบบ 6 คอร์ กับหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มาให้ มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB มีระบบปฏิบัติการ DOS ติดตั้งมาให้ มีแรมออนบอร์ดติดตั้งมา 4GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตเชื่อมต่อมี USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0 ส่วนน้ำหนักเครื่องเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น หากใครอยากได้โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทที่สเปคแรงพอแล้วเลือกระบบปฏิบัติการติดตั้งได้เองก็ซื้อ ThinkBook 14 G3 นี้ไปใช้ตอบโจทย์แน่นอน

สเปคของ Lenovo ThinkBook 14 G3
  • CPU : AMD Ryzen 3 5300U แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.6~3.8GHz
  • GPU : AMD Radeon Graphics แบบ 6 คอร์
  • SSD : แบบ M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB
  • RAM : ออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : DOS
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 14,969 บาท (cpu2day Shopee)
7. Lenovo IdeaPad Slim 3i 14ITL6 (13,990 บาท)

slim3i

โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทเครื่องสุดท้ายเป็น Lenovo IdeaPad Slim 3i 14ITL6 เครื่องนี้แม้ราคาตั้งต้นจะเกินงบประมาณไปบ้างแต่มักมีส่วนลดจากร้านค้าออนไลน์ให้ต่ำกว่า 15000 บาทอยู่บ่อยๆ และสเปคของมันก็แรงพอใช้ทำงานได้เลย ถ้าอัพเกรดเพิ่มก็ยิ่งใช้งานได้ดี

ซีพียูเป็น Intel Core i3-1115G4 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 3.0~4.1GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics กับหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้ใช้ มีแรมในเครื่อง 8GB DDR4 บัส 3200MHz รองรับการอัพเกรดเพิ่มได้ด้วย มีพอร์ต USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 น้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 1.41 กิโลกรัม ซึ่งถ้าใครเจอ Lenovo IdeaPad Slim 3i เครื่องนี้ราคาต่ำกว่า 15000 บาท ก็ซื้อเครื่องนี้ไปใช้งานได้เลย

สเปคของ Lenovo IdeaPad 3 14ITL6
  • CPU : Intel Core i3-1115G4 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 3.0~4.1GHz
  • GPU : Intel UHD Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB
  • RAM : 8GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.41 กิโลกรัม
  • Price : 13,990 บาท (CHI CHANG Shopee)

tyler franta iusJ25iYu1c unsplash

จะเห็นว่าโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทมีรุ่นน่าใช้ให้เลือกหลายรุ่นไม่พอ สเปคจัดว่าใช้ทำงานออฟฟิศหรือเรียนออนไลน์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หากใครหาเครื่องสำรองเอาไว้ทำงานแล้วไม่อยากจ่ายแพง ก็เลือกเครื่องไหนก็ได้ใน 7 รุ่นนี้ไปใช้งานได้เลย 


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 1acer20000 1

Share image Edit Name 2low 1

Share image Edit Name 2acer 1

from:https://notebookspec.com/web/677787-7-laptop-under-15000-baht-late-2022

ASUS ExpertBook B5 Flip บางเบา พับได้ 360 องศา หน้าจอทัชสกรีน Thunderbolt 4 แบตอึด

ASUS ExpertBook B5 Flip จอทัชสกรีน พับได้ 360 ซีพียู Intel i7+DDR5 แบตใช้นาน มี Thunderbolt 4

ASUS ExpertBook B5 Flip cov4

ASUS ExpertBook B5 Flip B540RFB โน๊ตบุ๊คสำหรับงานธุรกิจ ที่ให้ความบางเบา สะดวกต่อการใช้งาน ด้วยฟังก์ชั่นที่หลากหลาย เสริมความปลอดภัยมาเต็มพิกัด และเตรียมประสิทธิภาพ สำหรับงานธุรกิจ ในชีวิตประจำวันเอาไว้มากมาย ตั้งแต่งานในสำนักงาน องค์กร ไปจนถึงการเทรดหุ้น และเรียนออนไลน์ วัสดุที่ทนทาน น้ำหนักเบา พับได้ 360 องศา เพื่อการใช้ในโอากสที่ต่างกัน แบตอึด ประหยัดพลังงาน ขุมพลัง Intel Core Gen 12 และแรม DDR5 พร้อมปากกาสไตลัส ASUS Pen ช่วยการบันทึกได้รวดเร็ว นำเสนอจินตนาการของคุณผ่านการวาดภาพบนหน้าจอ เพิ่มความปลอดภัยด้วยสแกนใบหน้าด้วย IR Camera เพื่อเข้าสู่ระบบ และสแกนลายนิ้วมือ เพื่อยืนยันตัวตน รวมถึงระบบ TPM 2.0 พร้อมกับมี Webcam Shield มาให้ด้วย ได้พอร์ต Thunderbolt 4 พร้อมการรับประกัน 3 ปี และมี Perfect Warranty อีก 1 ปีแรกอีกด้วย

ASUS ExpertBook B5 Flip


จุดเด่น

Advertisementavw
  • ระบบความปลอดภัยครบครัน
  • น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
  • จอพับได้ 360 องศา เป็นโหมดแท็ปเล็ต
  • กล้อง IR camera สแกนใบหน้าได้
  • ได้ซีพียู Intel Core i7 gen 12 และ DDR5
  • อัพเกรดแรมเพิ่มได้
  • มีระบบ Ai Noise cancelling
  • มีพอร์ต Thunderbolt 4 ให้ 2 พอร์ต
  • ให้พอร์ต RJ-45 มาในตัว ไม่ต้องใช้ตัวแปลง
  • แบตอึดใช้ได้นานระดับ 10 ชั่วโมง
  • มีระบบสแกนลายนิ้วมือ

ข้อสังเกต

  • ปุ่มเพาเวอร์สัมผัสยาก เมื่ออยู่ในที่แสงน้อย
  • ปากกาเหมาะกับการใช้งานพื้นฐาน จดบันทึกทั่วไป

Specification

Description
CPU Intel Core i7-1260P 12 core/ 16 thread, Boost 4.70GHz
GPU Intel Iris Xe Graphic
RAM DDR5 4800 16GB (8GB on-board, 8GB slot)
Storage SSD M.2 NVMe PCIe 4.0 512GB, Upto 2TB
Display 14.0″ Full-HD IPS, Anti-Glare, Touch screen, 400-nits, 100% sRGB
Port I/O 2x Thunderbolt 4 Type-C (โอนถ่ายข้อมูล 40Gbps, ต่อจอ 4K และ PD charge 3.0)
1x USB 3.2 Gen 2 Type-A
1x USB 2.0 Type-A
1x HDMI 2.0
1x microSD card reader
1x 3.5mm Audio Combo jack
1x RJ-45
1x Kensington lock
Video Camera IR camera 720p HD Video, Webcam shield
Wireless Dual-band 2×2 WiFi 6E+ Bluetooth 5.2
Audio 2x Speaker
Weight 1.38Kg.
Dimension 32.34 x 22.31 x 1.79cm
Battery 63 Whr, 3-cell, Li-polymer
Security Fingerprint sensor
TPM 2.0
IR camera
Webcam shield
Kensington lock
Keyboard Full-size keyboard 1.5mm travel key, Backlit
Warranty 3 Year, Perfect Warranty 1 Year

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS ExpertBook B5 Flip


Unbox

ASUS ExpertBook

เริ่มจากการแกะกล่องกันเลยครับ ภายในกล่อง ประกอบด้วยตัวโน๊ตบุ๊ค ASUS ExpertBook B5 Flip ที่มาพร้อมกับ ASUS Pen ซึ่งอยู่ภายในตัวเครื่อง และอแดปเตอร์ 65W พร้อมสายต่อเป็นแบบ USB-C และเหมือนกับในหลายๆ รุ่น ASUS ให้เมาส์ไร้สายมาด้วย เพื่อความสะดวกของผู้ใช้

ASUS ExpertBook

อแดปเตอร์ไม่ใหญ่เทอะทะครับ เพราะขนาดประมาณฝ่ามือเท่านั้น เป็นแบบ 65W สายต่อค่อนข้างยาวทีเดียว พร้อมกับที่พันเก็บสายมาให้ในตัว พกพาสะดวกทีเดียว

ASUS ExpertBook

อแดปเตอร์เมื่อเทียบกับมิติของโน๊ตบุ๊ค ขนาดเล็กกระทัดรัดแบบนี้ ช่วยให้หลายคนมั่นใจที่จะพกไปใช้งานข้างนอกได้สบาย น้ำหนักเฉพาะอแดปเตอร์นี้ประมาณ 300 กรัมเท่านั้น

ASUS ExpertBook

เมาส์ไร้สายที่มาพร้อมกับโน๊ตบุ๊ค เป็นเมาส์ออพติคอล ใช้ได้เกือบทุกพื้นผิว ขนาดกำลังพอดี ใช้ได้ทั้งคนที่ถนัดมือซ้ายและขวา โดยมี USB Receiver ขนาดเล็กมาด้วย และใช้ร่วมกับถ่าน AA จำนวน 1 ก้อน ติดอยู่อย่างเดียวคือ ไม่มีปุ่มเปิด-ปิดเมาส์มาให้ อาจจะทำให้เปลืองแบตอยู่บ้าง

ASUS ExpertBook

ตัวโน๊ตบุ๊ค ASUS ExpertBook B5 Flip ที่มาในกล่อง มาในโทนสีที่ดูเขร่งขรึม และบอดี้ที่บาง กระทัดรัดดีทีเดียว แพ๊คมาในกล่องที่กันกระแทกป้องกันไว้อย่างดี


Hardware / Design

ASUS ExpertBook

โน๊ตบุ๊คมาในโทนสีที่เรียกว่า Star Black ซึ่งถ้าดูจากคอนเซปต์ของทาง ASUS จะเปรียบประมาณท้องฟ้าในยามค่ำคืน และมีดาวสว่างกระจายทั่วท้องฟ้า จะดูเป็นโทนสีออกน้ำเงินเข้ม ไปจนถึงดำ และมีประกายเม็ดสีเล็กๆ ทั่วทั้งบอดี้ เลยเป็นที่มาของสีบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ เรื่องของผิวสัมผัสจับถนัดมือดีครับ

ASUS ExpertBook

โดยวัสดุที่ใช้เป็นแม็กนิเซียมและอะลูมิเนียม น้ำหนักเบา และมีความทนทานพอสมควร ตรงฝาด้านบนนี้ มีโลโก้ ASUS สีเงินเงาอยู่ตรงกลาง และมุมด้านบนซ้าย จะเป็นโลโก้ ExpertBook ที่มีแสงไฟสถานะปรากฏขึ้น เมื่อใช้งานกล้องหรือกำลัง Video Conference อยู่

ฝาด้านนอกของโน๊ตบุ๊คจะมีแสงไฟ LED ขนาดเล็กที่จะสว่างขึ้นเป็นแสงสีส้ม ASUS ออกแบบมาเพื่อให้คนอื่นที่เห็นคุณใช้งานแล้วแสงนี้ปรากฏขึ้น จะหมายถึงว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงที่ประชุมหรือใช้งานสนทนาออนไลน์ ภาพทางด้านซ้ายเป็น ExpertBook B3 และด้านขวาเป็น B5 Flip ต่างกันตรงแสงไฟอยู่เล็กน้อย

ASUS ExpertBook

ขอบจอของโน๊ตบุ๊คทำออกมาได้ค่อนข้างบาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ ExpertBook ในเกือบทุกรุ่น โดยด้านบนจะหนาขึ้นเล็กน้อย เพราะเป็นจุดที่ติดตั้งกล้องเว็บแคม พร้อมไมโครโฟนมาในตัว

สังเกตได้ว่าจากขอบบานของจอมาในแบบ NanoEdge Design ค่อนข้างบางทีเดียว โดยขอบซ้ายและขวานี้ บางเพียง 4mm โดยประมาณ ซึ่งทำให้มีพื้นที่ในการใช้งานมากยิ่งขึ้น และเทียบสัดส่วนพื้นที่การแสดงผล มาถึง 80% เมื่อเทียบกับบอดี้ของโน๊ตบุ๊ค จัดอยู่ในเกณฑ์สัดส่วนที่กว้างมากทีเดียว หากเทียบกับโน๊ตบุ๊คในระดับ 14″ ในท้องตลาด

ASUS ExpertBook

มองดูจากด้านข้าง จะเห็นว่า ASUS จัดพอร์ตมาให้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Thunderbolt 4 x2 ช่อง สำหรับชาร์จไฟด้วย, RJ-45, HDMI, USB 3.2 Type-A และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง กรณีที่ใช้โหมดแท็ปเล็ต ดูสวนทางกับบอดี้ที่บางแบบนี้

ส่วนโครงสร้างภายใน ทำจุดยึดมาให้แน่นหนา กับชิ้นโลหะขนาดใหญ่ ที่ทำเป็นบานพับ และมีน็อตสกรูที่เพิ่มเข้ามา ในการยึดจับ เสริมความแข็งแรง เมื่อต้องพับจอในรูปแบบต่างๆ บอดี้ใช้เป็นอลูมิเนียมอัลลอย และเสริมโครงสร้างที่เป็น Internal keyboard bracket และเพิ่มชั้นที่กันน้ำ เพื่อป้องกันของเหลวที่จะไหลลงมาได้ในระดับหนึ่ง

ASUS ExpertBook

บริเวณด้านหน้า มีเป็นช่องเว้าลึกเข้าไปเล็กน้อย ใกล้กับทัชแพด เพื่อให้มีพื้นที่ให้จับฝาเปิดได้ง่ายขึ้น แต่ด้วยบานพับที่แน่น ทำให้คุณอาจจะต้องจับ 2 มือในการเปิดฝาพับครับ ตรงนี้ผมถือว่าเป็นข้อดี เพราะเวลาเปิดฝาโน๊ตบุ๊คขึ้นมา ตัวจอจะไม่โยกคลอนหรือสั่นได้ง่ายๆ นั่นเอง

ASUS ExpertBook B5 Flip 32

ASUS เสริมการใช้งานบนทัชแพด ให้ใช้งานแทน Numpad ที่เป็นแบบปุ่ม ด้วยการเปิดใช้งานบนทัชแพดให้แล้ว นอกเหนือจากการใช้ Multi-Gesture ด้วยการใช้คลิ๊กซ้าย-ขวา และปัด เลื่อนด้วยการใช้สองนิ้วหรือสามนิ้วในการคอนโทรล โดย ASUS NumberPad 2.0 จะเป็นแถบตัวเลข ที่สว่างขึ้นเมื่อเปิดใช้งาน ด้วยการแตะที่รูปคีย์บอร์ด มุมขวาบนของทัชแพด จากนั้นแตะที่ตัวเลขบนทัชแพดได้ทันที แต่บน ASUS ExpertBook B5 Flip นี้ จะต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่มีฟีเจอร์เดียวกันอยู่พอสมควร และใช้งานได้ง่ายกว่า เนื่องจากตัวเลขและพื้นที่กว้างมากขึ้น

ASUS ExpertBook

กล้องเว็บแคมเป็นแบบ IR Camera ซึ่งรองรับ Windows Hello สำหรับการล็อคอินเข้าสู่ระบบด้วยใบหน้าของผู้ใช้ ซึ่งตัวกล้องให้ความละเอียดระดับ HD 720p ซึ่งคุณภาพก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพียงแต่ถ้าคุณต้องการความละเอียดในการใช้งานมากกว่านี้ ก็อาจจะต้องหากล้องเว็บแคมสำหรับสตรีมเมอร์สักรุ่นหนึ่งมาใช้ แต่แน่นอนว่าคุณจะต้องเสีย USB Type-A ไปหนึ่งพอร์ตในการใช้งาน

Camera2

ตัวอย่างของคุณภาพกล้อง เมื่อคุณใช้งาน จัดว่าให้มิติและความคมชัดได้ในระดับมาตรฐาน มีการจัดการเรื่องแสงได้ดีพอสมควร สีสันสดใส เหมาะกับการใช้ในงานประชุม เรียนออนไลน์ และการสนทนากับสมาชิกในบ้าน แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีกล้องเสริมอย่างบน ExpertBook B3 ที่ช่วยเสริมการใช้งานบนโหมดแท็ปเล็ตได้สะดวกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ คุณยังใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ Motion tracker ของกล้องได้ สำหรับคนที่อาจจะใช้ในเรื่องของการประชุมหรือการเรียนการสอน เพราะตัวกล้องจะโฟกัสที่หน้าคุณเป็นหลัก เวลาที่คุณเคลื่อนไหวออก หรือเอียงไปจากมุมปกติของกล้อง หน้าคุณหรือของที่คุณโฟกัสเอาไว้ก็จะยังคงชัดเจน


Keyboard / Touchpad

ASUS ExpertBook

คีย์บอร์ดเป็นปุ่มสวิทช์สีดำ ตัดกับตัวอักษรภาษาไทย-อังกฤษได้คมชัดดี คนที่ใช้งานแบบต้องมองแป้นพิมพ์น่าจะชอบ เพราะมองเห็นชัด และยังเพิ่มความสะดวกมากขึ้น ด้วยแสงไฟ Backlit สว่างขึ้นทะลุตัวอักษร ทั้งไทย อังกฤษ และตัวเลขครบ เพื่อการใช้งานในที่มืดอีกด้วย ระยะการกดและตอบสนองประมาณ 1.4mm เท่านั้น ถือว่าค่อนข้างสั้น เหมาะสำหรับคนที่พิมพ์สัมผัส จะใช้งานได้ไวขึ้น

แต่ใครที่จะใช้ปุ่ม Page Up-Down ก็เหมือนเดิมครับ มาครึ่งปุ่ม ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ ให้ Priority ที่ปุ่มสำคัญอื่นที่ใช้บ่อยๆ มากกว่า

ASUS ExpertBook

โลโก้ ASUS ExpertBook B5 ที่ด้านล่างของขอบจอ จะต่างจากรุ่นอื่นๆ อย่าง B1 หรือ B3 เพราะดูเงางามมากกว่าการเป็นแบบเรียบๆ

ให้มาเต็มทุกปุ่ม ไม่มีกั๊กเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น เปิด-ปิดลำโพง, เพิ่ม-ลดเสียง, เพิ่ม-ลดแสงหน้าจอ, ปิดทัชแพด, ปรับแสงคีย์บอร์ด ทำได้ 2 ระดับ, ต่อสัญญาณภาพไปภายนอก, ล็อคหน้าจอ, เปิด-ปิดกล้อง, จับภาพหน้าจอ, เรียกใช้งานซอฟต์แวร์ MyASUS, เปิด-ปิดไมค์, เปิดใช้งานระบบ Noise Cancelling และ PrintScreen ที่เป็นคีย์ลัด

ASUS ExpertBook

นอกจากนี้คุณจะเห็นปุ่มตัวเลขด้านบน 1-4 ที่จะไม่เหมือนปุ่มอื่นๆ เพราะมีแสงไฟลอดจากด้านข้างปุ่มให้เห็นอีกด้วย โดยปุ่มทั้ง 4 นี้จะทำหน้าที่นอกเหนือจากการเป็นตัวตัวเลขทั่วไป เช่น

  • Fn+1 = Motion tracker กล้องจะตามโฟกัสคุณตลอดเวลาที่เคลื่อนไหว
  • Fn+2 = เหมือนโหมด Power Option
  • Fn+3 = Status light on-off เปิด-ปิด ไฟสถานะตรง Cover
  • Fn+4 = เปิด-ปิด WiFi
ASUS ExpertBook

แสงไฟ Backlit บนคีย์บอร์ด สามารถปรับความสว่างได้ถึง 2 ระดับ ด้วยการกดปุ่ม F7 ที่ฮอตคีย์ด้านบนสุด และเปิด-ปิดได้ตามความต้องการ เรื่องความสว่าง อยู่ในห้องมืด คุณก็ยังมองเห็นคีย์ได้อย่างชัดเจน นี่คือ ข้อดีอีกอย่างสำหรับโน๊ตบุ๊ค ASUS รุ่นนี้

ASUS ExpertBook
ASUS ExpertBook

ทัชแพดเน้นไปที่ความยาว ที่มีข้อดีตรงเหมาะกับการใช้งานในแบบ Multi-Gesture ร่วมกับ Windows ได้สะดวกทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นนิ้วเดียว เลื่อน แตะ เลือกหรือสองนิ้ว ซูม-ย่อ และสามนิ้วในการใช้งาน Task View หรือเลื่อนหน้าเดสก์ทอปอื่นๆ เป็นต้น

ASUS ExpertBook B5 Flip 34 1

นอกจากนี้แล้ว ASUS ยังดีไซน์ NumberPad มาให้กับผู้ใช้ โดยซ่อนเอาไว้บนทัชแพดนั่นเอง แค่คุณแตะเบาๆ ที่มุมขวาของทัชแพด ก็จะมีชุดตัวเลข ให้แตะใช้งานได้สะดวกเหมือนการมี NumberPad อยู่เลย ไม่ใช้ก็กดปิดได้ครับ

สติ๊กเกอร์ตรงพื้นที่วางมือ มีอยู่มากมายทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ซีพียู Intel Core i7, Intel Iris Xe Graphic, มาตรฐาน Energy Star และฟีเจอร์ Eye Care กับโหมดถนอมสายตาที่มีมาให้บนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้

ASUS ExpertBook

โดยรวมถือว่า ASUS ให้ฟังก์ชั่นของคีย์บอร์ดมาแบบเกินตัวสำหรับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ยิ่งคุณจำได้เยอะ ก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกมากขึ้น งานเร็วขึ้นครับ


Screen / Speaker

ASUS ExpertBook

ASUS ExpertBook B5 Flip มาพร้อมหน้าแสดงผล 14″ ให้ความละเอียด 1080p หรือ Full-HD พาแนลแบบ IPS ให้ความคมชัด โดยเป็นหน้าจอแบบ

ภาพจากมุมมองทั้ง 2 ด้านของจอภาพ จะเห็นได้ว่า มีความคมชัดสูง ทำให้มุมการมองกว้างมากขึ้น ส่วนจอภาพอาจจะดูเงาๆ อยู่บ้าง ด้วยความที่เป็นจอทัชสกรีน จึงมีการสะท้อนเล็กน้อย แต่ก็ยังจัดอยู่ในโหมดของ Anti-Glare ซึ่งช่วยลดแสงสะท้อนจากภายนอกได้ดีในระดับหนึ่ง

ASUS ExpertBook B5 Flip 37

นอกจากจะเป็นหน้าจอที่รองรับการทัชสกรีนแล้ว ก็ยังมาพร้อม ASUS Pen ในการบันทึกข้อมูลหรือเขียนบนหน้าจอได้เลย ด้วยการดึงออกมาจากช่องด้านข่างขวาของโน๊ตบุ๊ค และเสียบกลับเข้าไป เพื่อทำการชาร์จไฟ ซึ่งใช้เวลาชาร์จค่อนข้างสั้น แต่ใช้งานได้ยาวนานเลยทีเดียว

ASUS ExpertBook B5 Flip 6

ASUS Pen เป็นสไตลัสขนาดค่อนข้างเล็ก ผมว่าน่าจะเหมาะกับการจดบันทึกที่รวดเร็ว และการลากเส้นในเบื้องต้น ซึ่งมีจุดชาร์จที่จะชาร์จไฟ เมื่อเสียบเข้ากับช่องบนโน๊ตบุ๊ค ปุ่มกดบน-ล่าง ในการคอนโทรล ด้านท้ายจะเป็นจุดชาร์จ ที่ต่อเข้ากับในโน๊ตบุ๊ค และฝาปิดที่ดึงออกจากที่เก็บได้ง่ายขึ้น แต่การใช้งาน ด้วยความที่มีขนาดเล็ก มือผู้ใหญ่อาจจะต้องปรับตัวอยู่พอสมควร กว่าจะจับถือและเคลื่อนไหวลากเส้นได้อย่างคล่องตัว

ASUS ExpertBook

มิติของจอภาพที่ค่อนข้างบาง ก็ทำให้มิติโดยรวมของโน๊ตบุ๊คบางลงไปด้วย ซึ่งก็ถือเป็นผลดีต่อโน๊ตบุ๊ค Convertible แบบนี้ เมื่อพับเป็นโหมดแท็ปเล็ต

ASUS ExpertBook

รองรับการทำงานในโหมดต่างๆ หน้าจอสามารถพับได้หลากหลายโหมด ตั้งแต่เป็นโหมดโน๊ตบุ๊คปกติ, Tent mode, Stand และ Tablet ที่สะดวกต่อการใช้งาน และขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้ง่ายการจับถือและนำไปพรีเซนท์งานกับลูกค้านอกสถานที่ รวมถึงการจดบันทึก โหมดต่างๆ เหล่านี้ ออกแบบมาเพื่อการใช้งาน และความบันเทิงส่วนตัวได้ง่าย เช่น สำหรับชมภาพยนตร์ หรือจะใช้เพื่อการเล่นเกมเบาๆ ในช่วงเวลาพัก เพราะเป็นจอทัชสกรีนได้ ใช้นิ้วแตะเลื่อนได้ รวมถึงในทุกๆ โหมด ก็สามารถนำปากกา ASUS Pen มาใช้งานร่วมกันได้อีกด้วย

ASUS ExpertBook

ชุดลำโพง จุดติดตั้งลำโพงทั้ง 2 ด้านอยู่บริเวณด้านใต้ เอียงไปทางซ้าย-ขวา ของโน๊ตบุ๊ค ให้ทิศทางเสียงยิงลงพื้น และสะท้อนขึ้นมา ซึ่งการใช้ในห้องทั่วไป มีเสียงที่เด่นชัดออกมาได้ดี เป็นแบบเดียวกับ B5 รุ่นก่อน แต่จะไม่เหมือน ASUS ExpertBook B3 ที่อยู่บริเวณด้านหน้า ที่เสียงจะค่อนข้างดังมากกว่า อย่างไรก็ดีจากที่เราทดสอบ มิติของเสียงยังคงให้ความคมชัด เสียงสนทนาชัดเจน เสียงเพลงอาจจะเด่นที่ดนตรี แต่ไม่ได้เน้นที่ความเปรี้ยงปร้างของเบส หรือเสียงกลางหนักหน่วง เพราะยังเป็นอารมณ์ของโน๊ตบุ๊คทำงาน พอให้ได้การสตรีมมิ่งและการเล่นเกมได้สนุก ซึ่งถ้าคุณอยากจะจริงจัง และเน้นความบันเทิง ได้ความเป็นส่วนตัว แนะนำหูฟังเกมมิ่งหรือฟังเพลงดีๆ สักรุ่น ของทาง ASUS ก็มีน่าสนใจหลายโมเดลเลยทีเดียว


Connector / Thin And Weight

ASUS ExpertBook

ASUS ExpertBook B5 Flip ให้พอร์ตความเร็วสูงมาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Thunderbolt 4 มีให้ถึง 2 พอร์ตด้วยกัน รองรับการโอนถ่ายข้อมูลระดับ 40Gbps ต่อจอแสดงผลภายนอกในระดับ 4K และเป็น USB PD charge 3.0 อีกด้วย เช่นเดียวกับ USB Type-A ก็ให้มาถึง 2 พอร์ต ในแบบ USB 3.2 Gen2 และ USB 2.0 แยกไว้ด้านซ้ายและขวา รวมถึงพอร์ต HDMI ในการต่อจอขนาดใหญ่ รวมถึง RJ-45 ที่เป็นไซส์มาตรฐาน ที่มีให้มาในตัวแบบไม่ต้องใช้ตัวแปลง มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 1.38 กิโลกรัม ชาร์จไฟผ่าน USB-C ด้วยอแดปเตอร์ AC 65Wที่เบาเพียง 300 กรัมเท่านั้น

ASUS ExpertBook

ทางด้านขวามือ ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น ASUS Pen ที่ซ่อนอยู่ภายใน ดึงออกมาใช้งานได้ทันที พร้อมปุ่มเพาเวอร์ ซึ่งมีระบบสแกนลายนิ้วมือมาในตัว ช่องต่อ 3.5mm ที่ใช้งานร่วมกับหูฟังและไมโครโฟน พอร์ต USB 2.0 และสล็อต microSD card reader เรียกว่ามีมาให้แบบครบๆ เช่นนี้ หาได้ยากในท้องตลาด

ASUS ExpertBook

และจุดที่ชื่นชอบเป็นที่สุดโดยส่วนตัวก็คือ แม้จะมีบอดี้กระทัดรัดก็ตาม แต่ ASUS ก็เว้นระยะห่างของพอร์ตไว้ระดับหนึ่ง ทำให้เวลาที่ติดตั้งอุปกรณ์ หรือต่อสาย จะไม่เบียดกันจนเกินไป เรียกว่าฮาร์ดแวร์ เช่น RJ-45 หรือว่าสายชาร์จ USB-C รวมถึง USB Flash Drive ในปัจจุบัน ใช้งานและต่อเข้าในพอร์ตใกล้ๆ ได้อย่างสะดวก

ASUS ExpertBook

การที่มีพอร์ต USB Type-A ทั้ง 2 ข้าง ช่วยให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานของคนที่มีอุปกรณ์ USB มากกว่าชิ้นเดียว ทำให้การต่อพ่วงง่ายกว่าเดิม โดยเฉพาะเมาส์ หรือคีย์บอร์ดไร้สาย และการต่อเมาส์ทางขวา ก็สะดวกกว่าด้านซ้ายเยอะเลย

ASUS ExpertBook

น้ำหนักเฉพาะตัวโน๊ตบุ๊ค ASUS ExpertBook B5 Flip อยู่ที่ราว 1.39Kg. ซึ่งใกล้เคียงกับที่เคลมไว้ที่หน้าสเปคบนเว็บไซต์ ASUS

ASUS ExpertBook

และน้ำหนักเมื่อรวมกับอแดปเตอร์แล้ว อยู่ที่ราว 1.7Kg เท่านั้น ถือว่าค่อนข้างเบาทีเดียว สำหรับโน๊ตบุ๊คขนาด 14″ ที่เหมาะกับการพกพาไปใช้นอกสถานที่ได้สบายๆ


Performance / Software

ASUS ExpertBook

CPUz รายงานซีพียูที่ใช้เป็น Intel Core i7 1260p เป็นซีพียูระดับ 12 core/ 16 thread ซึ่งให้ความเร็วบูสท์สูงสุดที่ 4.70GHz

ASUS ExpertBook

โดยมีแรมมาให้ 16GB เป็นแบบ DDR5 แล้ว ทำให้การใช้งานด้านต่างๆ ได้รวดเร็วทันใจ รวมถึงยังมีสล็อตสำหรับการอัพเกรดเพิ่มได้อีกด้วย

ASUS ExpertBook

และในการทดสอบเบื้องต้นบน CPUz-Bench CPU ผลที่ได้เรียกว่า Single-thread แซงหน้า i7-10700 ที่เป็นซีพียูพีซีไปได้เล็กน้อย ส่วน Multi-thread ยังเป็นรองอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ก็ถือว่าความแรงอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ

ASUS ExpertBook

สำหรับกราฟิกชิป เป็นแบบ Integrate graphic ซึ่งมากับซีพียู Intel Iris Xe Graphic ซึ่งประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์การใช้งานทั่วไป สำหรับงานสำนักงาน หรือการใช้บนซอฟต์แวร์พื้นฐาน และในด้านความบันเทิง รวมถึงการเล่นเกมที่ไม่ได้เรียกว่าใช้ทรัพยากรมากมายนัก ซึ่งในครั้งนี้เราทดสอบร่วมกับเกมให้ได้ชมด้วยว่า สามารถเล่นได้ดีมากน้อยเพียงใด

ASUS ExpertBook

CrystalDiskMark เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ กับความรวดเร็วของ SSD ที่มาพร้อมกับโน๊ตบุ๊ค ASUS ExpertBook B5 Flip รุ่นนี้ เพราะความเร็ว Read/ Write ทะลุไปเกือบ 6,500MB/s และ 4,000MB/s ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลดีมาจากการใช้ SSD ในแบบ PCIe 4.0 ที่ทำให้การเปิดไฟล์ โปรแกรม เข้าสู่เกม และโอนถ่ายข้อมูลรวดเร็วมากกว่าการใช้ SSD PCIe 3.0 อยู่ถึงสองเท่า

ASUS ExpertBook

PCMark10 กับผลทดสอบที่ทำได้ดีทีเดียวสำหรับในส่วน Essential ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ด้วยการผสมสานของซีพียู Intel Core i7 ที่มีคอร์/เธรดจำนวนมาก รองรับงานมัลติทาส์กได้ดี ก็ยังมีแรม DDR5 และ SSD ความเร็วสูงมาด้วย จึงทำให้งานด้านเอกสาร และเปิดโปรแกรมต่างๆ ไหลลื่นมากขึ้น ส่วนในด้าน Digital Content ก็อยู่ในระดับที่น่าประทับใจ หากเทียบกับโน๊ตบุ๊คระดับธุรกิจในท้องตลาด ซึ่งโน๊ตบุ๊ค ASUS รุ่นนี้ ยังให้พลังในงานวีดีโอและมัลติมีเดียได้ดีพอสมควร

3DMark

ASUS ExpertBook

CINEBench ก็มาพร้อมผลที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น R15, R20 หรือ R23 ซึ่งถือว่าซีพียู Intel Core Gen 12 รุ่นใหม่นี้ ยังตอบโจทย์ในงานด้าน Render 3D ได้อย่างเต็มที่ โดยหากเทียบกับโน๊ตบุ๊ค Intel Core i5 Gen 11 ที่ใช้ DDR4 นั้น ASUS รุ่นนี้ ทำคะแนนแซงไปอย่างขาดลอย แม้ว่าจะไม่ได้เป็นงานหลักที่หลายๆ คนใช้ แต่ก็เป็นเครื่องการันตีในแง่ของผู้ใช้ที่เน้นการพรีวิว หรือตรวจงานวีดีโอ และกราฟิกได้ดีพอสมควร

Game

แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับงานธุรกิจ และไลฟ์สไตล์ แต่ความสามารถและประสิทธิภาพในการเล่นเกม ยังอยู่ในระดับที่เล่นได้ในบางเกม ด้วยกราฟิก Intel Iris Xe ที่ช่วยให้การเล่นเกมพื้นฐานอย่าง DOTA2 และ PUBG ได้ไหลลื่น แต่แนะนำว่าควรจะตั้งความละเอียดที่ Low เอาไว้ก่อน ที่เหลือค่อยๆ ปรับ เพื่อให้สอดคล้องกับการเล่น บนโหมด 1080p โดยการทดสอบ DOTA2 นั้น เราใช้โหมด High เกือบๆ จะเป็น Best Looking ผลที่ได้เฟรมเรตยังไปแตะ 60fps. ได้ไม่ยาก ส่วนถ้าปรับที่ Best Looking จะได้มากกว่า 100fps. เลยทีเดียว ส่วน PUBG อยู่ที่ Low ภาพที่ได้ก็ยังดูดี มองเห็นศัตรูได้ชัด เฟรมเรตเฉลี่ยไปแตะที่ 30fps. ได้ครับ

DisplayCAL

การทดสอบความแม่นยำของสีหน้าจอ ซึ่งให้ผลของ Gamut Volume ได้ที่ 96.3% ซึ่งก็ถือว่ามีความแม่นยำของสีที่ดีพอสมควร ใกล้เคียงกับที่ทาง ASUS เคลมไว้ที่ sRGB 100% โดยที่ Gamut volume จัดว่าอยู่ในระดับสีค่อนข้างสดใส เพราะไปได้เกือบ 85% จึงเหมาะกับการดูภาพ ทำงานเอกสาร และการพรีวิว ทำพรีเซนเทชั่น พอจะตอบโจทย์ด้านความบันเทิงได้พอสมควร ส่วนค่าความสว่างทำในการทดสอบได้เกือบ 400cd/m2 ครับ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้งานในสภาวะแสงน้อยหรือแสงมาก เพราะให้ความสว่างได้เกินกว่าที่เรามักจะเห็นกันบนโน๊ตบุ๊คทั่วๆ ไป


Battery / Heat / Noise

ASUS ExpertBook
Battmon ASUS

ในการทดสอบของเรา ใช้เป็นเงื่อนไขที่เราทำกับโน๊ตบุ๊คที่นำมาทดสอบทุกรุ่น นั่นคือ ชาร์จแบตจนเต็ม 100% แล้วทดสอบด้วย Video Playback หรือการสตรีมมิ่งบน Youtube กับวีดีโอระดับ 4K เปิดเสียงเอาไว้ที่ 25% และความสว่างระดับ 20% เพื่อเป็นการจำลองใช้งานจริง ที่เป็นรูปแบบของผู้ใช้ในชีวิตประจำวัน และผลทดสอบที่ได้จากโปรแกรม BattMon รายงานว่า ใช้งานได้ที่ระดับ 15 ชั่วโมง ในช่วงแรกครับ หลังจากที่รันไป 30 นาทีอยู่ที่ราวๆ 8 ชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่าใกล้เคียงกับที่ทาง ASUS เคลมเอาไว้ว่า 10 ชั่วโมงครับ

ASUS ExpertBook

ผลทดสอบอุณหภูมิ เท่าที่เราได้ทดสอบด้วยโปรแกรม Furmark โหลดการทำงานของซีพียู 100% บนโหมด Performance อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ราว 90 องศาเซลเซียสเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับการใช้งาน สังเกตได้ว่า วันที่ผมเอาไปใช้งานข้างนอก ไม่ได้อยู่ในห้องปรับอากาศ ก็ยังทำงานได้ดี และอย่างที่ได้ย้ำในทุกครั้งคือ โอกาสที่คุณจะเรียกใช้ซีพียูหนักๆ แบบนี้ ก็น้อยมากครับ รวมถึงชุดระบายความร้อนของโน๊ตบุ๊คก็ทำได้ดีทีเดียว ผมแนะนำว่า ถ้าคุณมีโหลดงานหนัก เลือกเป็น Performance mode ได้ครับ อาจจะมีเสียงเพิ่มขึ้นมาบ้าง ในบางจังหวะ แต่ก็ช่วยให้คุณได้ประสิทธิภาพ และการลดความร้อนที่รวดเร็วไปพร้อมๆ กัน


Inside / Upgrade

ASUS ExpertBook

การแกะอัพเกรดบน ASUS ExpertBook B5 Flip รุ่นนี้ ยังคงง่ายดาย ไม่ต่างจากในซีรีส์เดียวกัน เพราะไขน็อตสกรูประมาณ 11 ตัว ก็สามารถแกะฝาหลังออกมาได้แล้ว ไม่ได้ซับซ้อนมากมาย เช่นเดียวกับที่คุณเคยเจอบนโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง ที่บางครั้งทั้งแกะและงัด ก็ยังไม่ค่อยจะออก โดยเมื่อแกะออกมาได้แล้ว ก็จะเห็นบรรดาฮาร์ดแวร์ภายในต่างๆ เหล่านี้

ASUS ExpertBook

ชุดพัดลมและฮีตซิงก์ระบายความร้อน ให้กับซีพียู Intel Core i7-1260P ที่เป็นแบบ 12 core/ 16 thread มาในแบบที่เรียบง่าย แต่ก็ประหยัดพื้นที่ในการจัดวางอุปกรณ์อื่นๆ เข้ามาได้อีกมากมายเลยทีเดียว โครงสร้างยังคงใกล้เคียงกับ ExpertBook B5 ที่เป็น Intel Gen 11 อยู่พอสมควร

ASUS ExpertBook

ASUS ExpertBook B5 Flip มีแรม DDR5 ออนบอร์ดมาให้แล้ว 8GB และติดตั้งเพิ่มเติมมาบนสล็อตอีก 8GB รวมเป็น 16GB และยังสามารถเปลี่ยน เพื่ออัพเกรดได้เพิ่มมากขึ้น แต่ความจุระดับนี้กับการเป็น DDR5 งานหลายอย่างก็ลื่น รวมถึงการเปิดโปรแกรม และโอนถ่ายข้อมูลที่รวดเร็ว

โดยที่มีความพิเศษอย่าง SSD M.2 NVMe PCIe 4.0 มาให้ด้วย ซึ่งติดตั้งมาที่สล็อตแรก ซึ่งอยู่ใกล้กับพัดลม 1 สล็อตความจุ 512GB และยังมีสล็อตว่างอีก 1 สล็อต รองรับการอัพเกรดได้สล็อตละ 1TB รวมทั้ง 2 สล็อตก็เป็น 2TB หรือจะใช้งานเป็นแบบ RAID ก็ได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วหรือความปลอดภัยได้อีกด้วย ผลที่ได้จากการทดสอบ ความเร็วในการอ่านข้อมูลของ SSD รุ่นนี้ มากถึง 6,400MB/s และเขียนข้อมูลอยู่ที่ประมาณ 4,000MB/s เลยทีเดียว

ASUS ExpertBook

ด้านล่างสุดเป็นชุดลำโพงที่ติดมาทั้ง 2 ข้างเอียงออกทางด้านข้าง ให้เสียงที่ค่อนข้างดีทีเดียว

ASUS ExpertBook

ส่วนที่เป็นจุดสำคัญของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ อยู่ที่บานพับ ซึ่งออกแบบมาอย่างแข็งแรง ด้วยแผ่นโลหะขนาดใหญ่ และจุดยึดน็อตขนาดใหญ่ ด้านละ 3 จุด ทำให้รองรับการพับหน้าจอ เพื่อใช้งานในโหมดต่างๆ ได้อย่างแข็งแรง


Conclusion / Award

ถ้ามองกันในแง่ของความคล่องตัว เชื่อได้เลยว่า ASUS ExpertBook B5 รุ่นนี้ น่าจะตอบโจทย์ในแง่ของงานธุรกิจได้อย่างไม่ต้องสงสัย และไม่ใช่แค่การทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้ในชีวิตประจำวันของใครหลายคนได้เป็นอย่างดี ด้วยการจับคู่กันของ ซีพียู Intel Core i7 Gen 12 ที่เป็นรหัส P ซึ่งให้ Performance ได้อย่างคุ้มค่า มาคู่กับแรม DDR5 ที่แบนด์วิทธิ์มากกว่า DDR4 อยู่ไม่น้อยเลย ก็ยิ่งทำให้การใช้งาน ทั้งงานเอกสาร ไปจนถึงงานวีดีโอ ก็ลื่นไหลได้ โดยเฉพาะในงานพรีวิว ที่เน้นการแสดงผล พรีเซนเทชั่น แม้จอจะแค่ 14″ แต่ก็ยังต่อกับจอขนาดใหญ่ได้ถึง 3 จอด้วยกัน ผ่านช่องทางของ HDMI และ Thunderbolt 4 ที่มีให้ถึง 2 พอร์ต จึงเหมาะกับคนที่ใช้งานธุรกิจจริงจัง หรือต้องทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เช่น ดูหุ้น เทรดคริปโต ดูวีดีโอสตรีมมิ่ง และหาข้อมูล ทำเอกสารไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ยังได้ในเรื่องของพอร์ตที่ให้มาครบสุดๆ เรียกว่าจัดเต็มชนิดที่หาเทียบได้ยากในโน๊ตบุ๊คระดับเดียวกัน ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้บอดี้ ที่อาจจะดูเรียบง่าย แต่ก็ดูสะดุดตา เข้าได้ในทุกสถานการณ์ ที่สำคัญยังจัดแบตที่ใช้งานได้นานมาให้อีกด้วย การพกพาไปใช้งานข้างนอก จึงเป็นเรื่องที่ง่าย และสบายกว่าที่คุณเคยสัมผัส และที่น่าสนใจ นั่นก็คือ หน้าจอยังพับได้ 360 องศา และยังมาในแบบทัชสกรีน ดูลงตัวกับงานในหลายๆ ด้าน เพราะมีหลายโหมดให้เลือกใช้อีกด้วย ทั้งหมดนี้ผมเชื่อว่า ASUS รุ่นนี้เป็นโน๊ตบุ๊คที่มาสุดทาง สำหรับสายงานธุรกิจอย่างแท้จริง

การรับประกัน ASUS Exclusive Care

  • 3 Year Onsite Service: บริการตรวจซ่อมฟรีถึงที่ 3 ปี
  • 3 Year Global Warranty: ครอบคลุมการรับประกัน 3 ปี (57 ประเทศ)
  • 1 Year Perfect Warranty: เพิ่มการรับประกันอุบัติเหตุให้ใน 1 ปีแรก
NBS award 7 Design

เรื่องของรางวัล Best Design เราไม่ได้มองแค่ในเรื่องของการออกแบบหรือสวยงามอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงฟังก์ชั่น ที่จะเป็นภาพลักษณ์ให้กับผู้ใช้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นบอดี้ที่มีความกระทัดรัด แม้จะอยู่ในไซส์ 14″ ขอบจอที่บางเฉียบ ให้พื้นที่การแสดงผลที่กว้าง และการกางออกได้ 360 องศา ทำให้พับ ปรับใช้ในโหมดต่างๆ ได้ และยังเป็นจอทัชสกรีนอีกด้วย เช่นเดียวกับคีย์บอร์ดที่มีแสงไฟ ลูกเล่นของ NumberPad บนทัชแพด ก็ดูล้ำสมัยมากขึ้น ยังไม่รวมฟีเจอร์ที่มีความสมาร์ทอีกหลายอย่าง ซึ่งรวมเข้ากันเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้

NBS award 4 Mobility

คล่องตัว กระทัดรัด พกพาสะดวก แบตอึด ใช้งานได้นาน น่าจะเป็นสัญลักษณ์ของความเป็น Mobility บนโน๊ตบุ๊ค ASUS ExpertBook B5 รุ่นนี้ ซึ่งตอบโจทย์ในงานและชีวิตประจำวันได้ดีทีเดียว น้ำหนักอาจจะไม่ได้เบาที่สุด แต่เชื่อว่ารวมอแดปเตอร์แล้ว ประมาณ 1.7Kg ก็ดีพอให้พกพา และใช้งานในที่ต่างๆ ได้ไม่ยาก ผู้ใช้สามารถเลือกกระเป๋าในสไตล์ที่ชอบ หรือซอฟท์เคสแบบที่ใช้ มาใช้กับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ได้ตามใจชอบเลยครับ

from:https://notebookspec.com/web/672520-asus-expertbook-b5-flip-2022

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค Intel, nVIDIA, AMD 2022 เล่นเกม ทำงาน ทำกราฟิก รุ่นไหนปัง!

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค 2022 เล่นเกม ทำงาน มีรุ่นไหนบ้าง Intel, nVIDIA หรือ AMD เลือกแบบไหน เช็คอย่างไร

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

การ์ดจอโน๊ตบุ๊คปัจจุบัน มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น รองรับการใช้งานได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่การทำงาน ไปจนถึงเล่นเกม และมีให้เลือกเกือบทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็น Intel, nVIDIA หรือ AMD ก็ตาม แต่ละค่ายก็มีเอกลักษณ์ที่ต่างกันออกแบบ ขึ้นอยู่กับโน๊ตบุ๊คที่เลือกใช้ด้วย เพราะบางรุ่นก็มาในแบบติดตั้งในซีพียู ที่เรียกว่า Integrate graphic หรือ iGPU และอีกแบบก็เป็นกราฟิกแยกหรือ Discrete Graphic ซึ่งจะมีในเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแบบจริงจัง เพียงแต่เพิ่มรุ่นที่เป็นกราฟิกสำหรับโน๊ตบุ๊คบางเบา หรือโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสิทธิภาพที่ดี แต่ประหยัดพลังงาน ไม่เพียงแค่นั้น การเลือกใช้งานการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ยังมีเรื่องของ สเปค รุ่น และฟีเจอร์ ที่จะช่วยให้งานของคุณไหลลื่นมากขึ้น เช่น MUX Switch, e-GPU, Ray tracing หรือ AMD FSR และ nVIDIA DLSS รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักไปพร้อมๆ กันครับ

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ Intel, nVIDIA, AMD


การ์ดจอโน๊ตบุ๊คมีกี่แบบ

สำหรับโน๊ตบุ๊ค ก็ไม่ได้ต่างไปจากพีซีตั้งโต๊ะหรือเดสก์ทอปพีซีมากมายนัก เพราะการ์ดจอจะมีทั้งบนซีพียู ที่เรียกว่า Integrate Graphic หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า การ์ดจอออนบอร์ด ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งบนตัวซีพียู และอีกแบบจะเรียกว่าการ์ดจอแยก หรือ Discrete Graphic และทั้ง 2 แบบนี้ ก็มีความแตกต่าง ทั้งในแง่ของการติดตั้งและการใช้งาน โดยการ์ดจอบนซีพียู จะเป็นการเริ่มต้นใช้งานของโน๊ตบุ๊คพื้นฐานทั่วไป ซึ่งมีอยู่บนโน๊ตบุ๊คทุกรุ่น เพราะติดกับซีพียูโมบายมาทุกรุ่น แต่การ์ดจอแยก จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้านนั้นๆ เช่น การเล่นเกมบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค หรือการทำงานบนโน๊ตบุ๊ค Workstation นั่นเอง

Advertisementavw
การ์ดจอบนซีพียู การ์ดจอแยก
ประสิทธิภาพ การทำงานทั่วไป เล่นเกมหรือทำงานเป็นหลัก
การใช้พลังงาน ใช้พลังงานน้อย ใช้พลังงานสูง
แชร์ทรัพยากร แชร์แรมระบบ มี VRAM แยก
การระบายความร้อน ใช้ชุดระบายความร้อนปกติ เพิ่มชุดระบายความร้อน
ค่าใช้จ่าย ขึ้นกับ Position ของโน๊ตบุ๊ค ขึ้นกับชิปกราฟิกที่เพิ่มเข้ามา

การ์ดจอออนบอร์ด: เป็นการ์ดจอในเบื้องต้น ที่ติดตั้งรวมเข้ามาในซีพียูแล้ว ใช้ในการแสดงผล และประมวลผลกราฟิกระดับพื้นฐาน รองรับการทำงาน ดูหนัง เปิดไฟล์เอกสาร และการเล่นเกมแบบง่ายๆ ได้อย่างครบครัน โดยจะใช้ทรัพยากร อย่างเช่น แรม ร่วมกับแรมของระบบ (Share memory) จึงเหมาะกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นประสิทธิภาพด้านกราฟิกหรือการเล่นเกมที่หนัก แต่ก็ใช้งานได้ดี ขึ้นอยู่กับความสามารถของกราฟิกบางรุ่น แต่ที่โดดเด่นคือ ใช้พลังงานน้อยลง ไม่ต้องดีไซน์ระบบระบายความร้อนมากนัก และยังพกพาสะดวก เราจึงเห็นกราฟิกรูปแบบนี้ ได้ตั้งแต่โน๊ตบุ๊คราคาประหยัด สำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้งาน ไปจนถึงโน๊ตบุ๊คบางเบา และใช้ในงานธุรกิจ และไลฟ์สไตล์ ที่ต้องการประหยัดพลังงาน ใช้ได้นาน ไม่ต้องชาร์จบ่อยอีกด้วย มีด้วยกันหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Intel หรือ AMD ก็ตาม

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

การ์ดจอแยก: จะเป็นการ์ดจอที่เสริมเข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้งาน โดยเฉพาะกับการเล่นเกม และโน๊ตบุ๊คทำงานเฉพาะทาง นอกเหนือจากการ์ดจอ Integrate ที่อยู่บนซีพียู ซึ่งจะเป็นชิปกราฟิก GPU ที่ติดตั้งเพิ่มเติมเข้ามาบนโน๊ตบุ๊ค รวมถึงการเพิ่ม VRAM แยกต่างหาก ไม่ต้องแชร์แรมระบบ ทำให้ได้พลังในการเล่นเกมหรือทำงานเฉพาะทางที่สูงมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้พลังงานที่มากกว่า และต้องการชุดระบายความร้อนที่ดี ซึ่งบางครั้งก็ส่งผลต่อมิติของโน๊ตบุ๊ค ที่ต้องมีความหนาและหนักมากขึ้นนั่นเอง รวมถึงราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย มีให้เลือกทั้ง AMD Radeon Graphic และ nVIDIA GeForce หรือ Quadro เป็นต้น


MUX Switch คือ?

เมื่อมีทั้งการ์ดจอออนบอร์ด บนซีพียู และมีการ์ดจอแยกอยู่ด้วย แล้วแบบนี้ระบบจะงงมั้ย เวลาที่ทำงานหรือเล่นเกม โดยในอดีตระบบจะสลับการทำงานให้อัตโนมัติ เมื่อเข้าสู่การเล่นเกมตามเงื่อนไข แต่ก็มีบางครั้งที่เราต้องเข้าไปกำหนดค่าใน Driver ของการ์ดจอ เพื่อให้ระบบสลับการทำงานของชิปกราฟิกให้รวดเร็ว และถูกต้อง ซึ่งก็ดูจะวุ่นวายอยู่เหมือนกัน แต่ในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีและการปรับปรุงฟีเจอร์เข้ามา เพื่อให้ระบบจัดการกราฟิกได้ง่ายขึ้น

ASUS MUX
source: ASUS

MUX หรือ Multiplexer ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการจัดการระบบการทำงานของกราฟิก iGPU หรือเป็นชิปที่ Integrate อยู่บนซีพียู เพื่อที่จะควบคุมการแสดงผล ให้ปิดการทำงานของ iGPU เมื่อการ์ดจอแยกทำงาน (Discrete Graphic) ทำให้การตอบสนองรวดเร็วขึ้น ลด Latency ที่จะเกิดขึ้นในการแสดงผล และปิดการทำงานของ iGPU ไป เพื่อให้การ์ดจอแยกทำงานได้เต็มที่ ส่งผลดีต่อการเล่นเกม แต่ก็ทำให้มีการใช้พลังงานมากขึ้น ในปัจจุบัน MUX Switch ติดตั้งอยู่บนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น เช่น ASUS ROG, Dell G16 และ MSI Titan GT77 เป็นต้น


การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ดูตรงไหน

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

การเช็ครุ่นการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค มีด้วยกันหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ฟังก์ชั่นบน Windows ไปจนถึงการติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม แต่แบบไหนจะดีกว่ากัน คงต้องบอกว่า ถ้าเป็นฟังก์ชั่นเดิมๆ บนโน๊ตบุ๊ค ก็จะดูได้เพียงระดับหนึ่ง การจะลงรายละเอียด เช่น ข้อมูลภายในของตัวการ์ดจอ หรือจะ Monitor hardware ก็ทำได้ยาก การใช้โปรแกรมมาเสริม ก็ทำให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น จะดูเรื่องของความร้อน รอบพัดลม แรงดันไฟ ไปจนถึงสัญญาณนาฬิกา หรือบางโปรแกรมก็เช็ตได้ด้วยว่า เฟรมเรตในการเล่นเกมดีแค่ไหน ใช้งานก็ง่าย ไม่ซับซ้อน

DirectX Diagnostic: เป็นวิธีที่ดูการ์ดจอได้ค่อนข้างง่าย มีขั้นตอนอยู่ 2-3 สเตป ทำตามนี้ได้เลยครับ เริ่มด้วยกดปุ่ม Win+R, จากนั้นพิมพ์ dxdiag ในช่องว่าง แล้วกด Enter จะมีหน้าต่าง DirectX Diagnostic Tool ขึ้นมา ให้ไปดูที่แท็ป Display ได้เลย

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

Advance Display: ให้เข้าไปที่ Settings แล้วเลือก System จากนั้นเลื่อนมาด้านล่าง เลือกที่ Advance Display จะมีชื่อของ Display Adaptor ปรากฏให้เห็น

Device Manager: เป็นวิธีที่ง่ายเลยทีเดียว หากเป็น Windows 11 ให้คลิ๊กขวาที่โลโก้ Windows จากนั้นเลือก Device Manager แล้วเลือกที่ Display Adaptor ก็จะบอกรุ่นของการ์ดจอให้เห็น

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

CPUz: เป็นโปรแกรมที่ต้องดาวน์โหลดมาเพิ่มจาก ที่นี่ เมื่อติดตั้งแล้ว ให้เข้าไปที่แท็ป Graphic จะบอกรายละเอียดของการ์ดจอให้ได้ทราบ ละเอียดกว่าบน Device Manager

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

GPUz: แต่ถ้าต้องการรายละเอียด ชนิดที่เห็นข้อมูลสำคัญ เช่น สัญญาณนาฬิกา, Shader, Memory speed หรือเฟิรมแวร์ ไบออส แนะนำโปรแกรมนี้ ดาวน์โหลดได้ ที่นี่ โดยเมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว เข้าไปในหน้าแรก Graphic Card ตรงนี้จะให้ข้อมูลต่างๆ ของการ์ดจอโน๊ตบุ๊คได้อย่างครบถ้วน และยังใช้งานร่วมกับการ์ดจอออนบอร์ด และการ์ดจอแยก ไม่ว่าจะเป็น Intel, nVIDIA หรือ AMD ก็ตาม มีการอัพเดตข้อมูลสดใหม่อยู่เสมอ


e-GPU การ์ดจอต่อภายนอก

โน๊ตบุ๊คก็ฝังบอร์ดมาเช่นกัน การอัพเกรดก็แทบจะทำไม่ได้ เช่นเดียวกับซีพียู แต่ปัจจุบันก็ยังพอมีทางออกอยู่บ้าง เช่น การใช้การ์ดจอต่อภายนอกหรือ e-GPU ที่เป็น Box ใส่การ์ดจอต่อภายนอก ซึ่งใช้การ์ดจอพีซีปกติได้เลย เพียงแต่ข้อจำกัดจะอยู่ที่ โน๊ตบุ๊คที่คุณใช้จะต้องมีพอร์ต Thunderbolt รวมถึงการซื้อ Box สำหรับ e-GPU ไม่ได้ถูกราคาใกล้หลักหมื่น ส่วนเลือกการ์ดจอแรงแค่ไหน ราคาก็จะสูงตามไปด้วย นั่นก็ทำให้สายเกม เลือกซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวแรงๆ ไปเลย จะได้จบในทีเดียว และค่าใช้จ่ายถูกกว่า

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ กราฟิก GPU บนโน๊ตบุ๊คนั้น จะมีให้ 2 แบบคือ รุ่นปกติ และรุ่นประหยัดพลังงาน เช่น nVIDIA GeForce ในซีรีส์ของ Max-Q ที่จะถูกปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานอยู่ด้วย โดยจะดรอปความเร็วและฟีเจอร์บางส่วนลงจากรุ่นปกติ เพื่อให้โน๊ตบุ๊คในกลุ่มบางเบาหรือกึ่งทำงาน ที่ต้องการการ์ดจอแยกได้สามารถพกพาและใช้งานได้ดียิ่งขึ้น


การ์ดจอ Intel

Graphic Max.frequency EU
Intel Core i3-1115G4 Intel UHD Graphic 1.25GHz 48
Intel Core i5-1145G7 Intel Iris Xe Graphic 1.30GHz 80
Intel Core i7-1195G7 Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 96
Intel Core i7-11600H Intel UHD Graphic 1.45GHz 32
Intel Core i9-11900H Intel UHD Graphic 1.45GHz 32
Intel Core i3-1210U Intel UHD Graphic 850MHz 64
Intel Core i5-1235U Intel Iris Xe Graphic 1.20GHz 80
Intel Core i5-1250P Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 80
Intel Core i5-1240P Intel Iris Xe Graphic 1.30GHz 80
Intel Core i7-1260P Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 96
Intel Core i7-12700H Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 96
Intel Core i9-12900H Intel Iris Xe Graphic 1.45GHz 96
Intel Core i9-12900HX Intel UHD Graphic 1.55GHz 96

Intel Graphic: การ์ดจอโน๊ตบุ๊คจากทาง Intel จะเป็นแบบ Integrate มากับซีพียูที่เป็นแบบเดสก์ทอปและโน๊ตบุ๊ค โดยจะมีให้ใช้งานอยู่ 2 เวอร์ชั่นด้วยกัน ประกอบด้วย Intel Iris Xe Graphic และ Intel UHD Graphic ไม่ว่าจะเป็นซีพียู Intel Gen 11 ที่เป็นแบบ G series เช่น Core i3-1115G4 หรือจะเป็น U series และ H series ไปจนถึง HX series ก็ต่างมีกราฟิกมาในตัวเช่นเดียวกัน โดยในรุ่น G1/G4 และ G7 ตามรหัสต่อท้ายของซีพียู Intel Gen 11 เช่น Intel Core i3-1115G4 หรือ Intel Core i5-1135G7 เป็นต้น โดยจะต่างกันทั้งในเรื่องความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงสุดและ Execution Units รวมถึงการเชื่อมต่อของ PCIe จากตัวอย่างในตารางด้านบนนี้ จะมีข้อมูลบางส่วน จะเห็นได้ชัดว่า แม้บางครั้ง จะเป็นซีพียูในระดับเดียวกัน แต่ก็มีกราฟิก 2 โมเดล ดังนั้นการเลือกใช้ก็คงต้องพิจารณาในส่วนนี้ด้วย หากเน้นไปที่การใช้โน๊ตบุ๊คแบบไม่มีการ์ดจอแยก และทั้งหมดจะเป็นการแชร์หน่วยความจำหลักของระบบมาใช้อัตโนมัติ

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

ถ้ามองกันที่โครงสร้างสถาปัตยกรรม Iris Xe Graphic จะมีความทันสมัย และความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงกว่า รวมถึง CUs จำนวนมากกว่ากราฟิกรุ่นที่ผ่านๆ มาของ Intel โดยเริ่มต้นเปิดตัว Iris Xe ครั้งแรกบนซีพียู Intel Gen 11 ประมาณปี 2020 ซึ่ง Iris Xe Graphic บนซีพียู Intel Gen 12 จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมทั้งใน EUs และสัญญาณนาฬิกา มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมฟีเจอร์นหลายส่วนเข้ามา เช่น การเล่นเกมบนความละเอียดสูง 1080p @60fps. และ Ai ใหม่ ใช้พลังงานต่ำ รองรับ Intel Quick Sync แปลงไฟล์วีดีโอได้เร็วยิ่งขึ้น รองรับ API ใหม่ๆ ได้ดี รวมถึง OpenCL ด้วย

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค
source: Laptopmedia

ส่วน Intel UHD Graphic เป็นการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ที่มาพร้อมกับซีพียู Intel เช่นเดียวกัน และได้รับการปรับปรุงมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว ล่าสุดกับซีพียู Intel Gen 12 จะมาพร้อม UHD Graphic 770 ที่มี CUs มากถึง 32 ชุดด้วยกัน ในส่วนของ UHD Graphic เอง แม้ว่าอาจจะดูมีอายุอานามมาพอสมควร แต่ก็ได้รับการปรับปรุงมาตลอด ทำให้มีฟีเจอร์ต่างๆ แทบไม่ต่างไปจาก Iris Xe Graphic อย่างไรก็ดี หากมองไปที่รายละเอียดในตาราง จะเห็นได้ว่า execution units และสัญญาณนาฬิกาของ Iris Xe Graphic นั้นสูงกว่า UHD Graphic ดังนั้นประสิทธิภาพที่ได้ ก็ดูจะน้อยกว่ากันพอสมควร


การ์ดจอ nVIDIA

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

สำหรับการ์ดจอโน๊ตบุ๊คของทาง nVIDIA จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ซีรีส์ หลักๆ คือ GeForce MX ซึ่งเป็นน้องเล็กสุดของการ์ดจอแยกบนโน๊ตบุ๊ค ซึ่งเน้นไปที่การทำงานเป็นหลัก โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพในงานด้านกราฟิกได้ดีกว่าการ์ดจอ iGPU ที่อยู่บนซีพียูพื้นฐาน ส่วนที่เป็น GeForce GTX จะเป็นการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค สำหรับเกมเมอร์ในระดับเริ่มต้น ซึ่งให้ประสิทธิภาพทั้งด้านการทำงาน และการเล่นเกมได้ดีพอสมควร ใอยู่ในโน๊ตบุ๊คราคาไม่สูงเกินไป และรุ่นพี่ใหญ่ท็อปสุด ก็จะเป็นการ์ดจอในตระกูล GeForce RTX ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มของฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ได้ และมีอยู่ด้วยกันหลายโมเดลในปัจจุบัน ประสิทธิภาพจะเหนือกว่า GeForce GTX และฟีเจอร์อีกหลายอย่างที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามา เช่น การสนับสนุน DLSS หรือ Ray tracing เป็นต้น ซึ่งจะทำให้การเล่นเกมไหลลื่น และมีความสวยงามมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาโน๊ตบุ๊ค ที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน จึงเหมาะกับเกมเมอร์ ที่เล่นเกมจริงจัง และยังพกพาไปเล่นข้างนอกได้อีกด้วย

Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
RTX 3050 2048 1.74GHz 4GB GDDR6 128-bit
RTX 3050 Ti 2560 1.69GHz 4GB GDDR6 128-bit
RTX 3060 3840 1.70GHz 6GB GDDR6 192-bit
RTX 3070 5120 1.62GHz 8GB GDDR6 256-bit
RTX 3070 Ti 5888 1.48GHz 8GB GDDR6 256-bit
RTX 3080 Ti 7424 1.59GHz 16GB GDDR6 256-bit

ที่มา: GeForce RTX

Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
GTX 1650 1024 1560 4GB GDDR6 128-bit
GTX 1650 Ti 1024 1485 4GB GDDR6 128-bit
GTX 1660 Ti 1536 1590 6GB GDDR6 192-bit

ที่มา: GeForce GTX

Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
MX330 384 1.59GHz 2GB GDDR5 64 bit
MX350 640 1.46GHz 2GB GDDR5 64 bit
MX450 896 930MHz 2GB GDDR6 64 bit

Max-Q คืออะไร

เป็นรหัสที่ต่อท้ายการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ให้ทราบการ์ดจอรุ่นนั้นๆ จะถูกลดทอนบางสิ่งลง เพื่อให้สามารถติดตั้งบนโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งรุ่นใหม่ ที่มีขนาดบางลงได้ โดยไม่ทำให้อุณหภูมิสูงจนเกินไป และลดการใช้พลังงานได้มากขึ้นและไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ จากการ์ดจอรุ่นปกติมากนัก โดยสเปคที่จะถูกลดลง เช่น สัญญาณนาฬิกาของ GPU และค่าการใช้พลังงาน TGP โดย ประสิทธิภาพของตัว Max-Q แทบไม่ต่างจากรุ่นปกติ และยังได้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น Ray Tracing ที่มีอยู่ในการ์ดจอปกติของเครื่องพีซี ก็ถูกนำมาไว้ในการ์ดจอของโน๊ตบุ๊ค

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่า nVIDIA จะไม่ได้ใส่คำว่า Max-Q ต่อท้ายผลิตภัณฑ์บนการ์ดจอโน๊ตบุ๊คที่เป็น GeForce 30 series แต่จะให้ทางผู้ผลิตโน๊ตบุ๊ค แจ้งข้อมูลในรูปแบบของค่าการใช้พลังงานกราฟิก TGP แทน โดยในส่วนของ Max-Q นั้น จะมีค่า TGP น้อยกว่าการ์ดจอในรุ่นปกติ รวมถึงค่า Base clock/ Boost clock ก็น้อยตามลงไปด้วย แต่ CUDA core และ VRAM ยังเท่ากัน


การ์ดจอ AMD

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

สำหรับการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค Radeon 600M series นั้น มาพร้อมกับซีพียู AMD Ryzen 6000 series อยู่บนซีพียูที่ใช้โค๊ตเนม Rembrandt หรือ Zen3+ รุ่นใหม่ เป็นกราฟิกแบบ Integrate ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2022 ที่ผ่านมา และถือว่าเป็นกราฟิกที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย เพราะให้ประสิทธิภาพแรงใกล้เคียงกับการ์ดจอแยก แม้ว่าจะเป็นการแชร์หน่วยความจำจากระบบก็ตาม ซึ่งมีด้วยกัน 2 รุ่นคือ Radeon 660M และ 680M โดยชูฟีเจอร์สำคัญอย่าง FidelityFX Super Resolution ที่ช่วยในการอัพสเกลภาพให้มีความละเอียดสูงขึ้น แบบไม่ส่งผลกระทบต่อเฟรมเรต เพราะฉะนั้นใครที่เล่นเกมที่รองรับ FSR นี้ ก็จะสามารถเล่นได้ลื่นบนภาพที่มีความละเอียดมากขึ้นนั่นเอง

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค
Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
Radeon 660M 384 1.90GHz Share system
Radeon 680M 640 1.46GHz Share system

สำหรับการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค AMD 6000 series นั้น เป็นการ์ดจอที่ถูกออกแบบมาเพื่อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คโดยเฉพาะ และเป็นการ์ดจอแยก ที่ให้ประสิทธิภาพสูง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกันคือ 6000M เป็นกราฟิกที่เน้นสำหรับการเล่นเกมแบบจริงจัง ด้วยขุมพลังที่อัดแน่นมาให้กับเกมเมอร์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น สัญญาณนาฬิกา VRAM หรือค่า TGP ก็ตาม ส่วน 6000S นั้น จะลดทอนบางอย่างลง เพื่อให้เหมาะกับโน๊ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพสูง แต่มีความบางเบา สำหรับเกมเมอร์แบบพกพา ประหยัดพลังงานมากขึ้น แต่ยังคงความแรงไว้ได้ใกล้เคียงกับ 6000M โดยทั้งคู่ใช้โครงสร้างจาก RDNA2 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สำคัญต่างๆ เช่น AMD Advantage, FidelityFX, Infinity Cache และ Ray tracing เป็นต้น เป็นการ์ดจอโน๊ตบุ๊คที่น่าจับตามอง สำหรับคอเกมในเวลานี้

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค
Graphic CUs Game clock Memory Memory type
Radeon 5300M 22 1.18GHz 3GB GDDR6
Radeon 5500M 22 1.48GHz 4GB GDDR6
Radeon 5600M 36 1.19GHz 6GB GDDR6
Radeon 5700M 36 1.62GHz 8GB GDDR6
Radeon 6600S 28 1.80GHz 4GB GDDR6
Radeon 6700S 28 1.90GHz 8GB GDDR6
Radeon 6800S 32 1.97GHz 8GB GDDR6
Radeon 6300M 12 1.58GHz 2GB GDDR6
Radeon 6500M 16 2.19GHz 4GB GDDR6
Radeon 6600M 28 2.17GHz 8GB GDDR6
Radeon 6700M 36 2.3GHz 10GB GDDR6
Radeon 6800M 40 2.3GHz 12GB GDDR6

ข้อมูลเพิ่มเติม: AMD Radeon RX


Conclusion

สุดท้ายนี้การเลือกใช้งานการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ก็คงต้องดูตามรูปแบบการใช้งานของแต่ละบุคคล และงบประมาณที่มี เพราะในกรณีที่คุณแค่ทำงาน และความบันเทิงเล็กน้อย หรือจะเล่นเกมเบาๆ ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก โน๊ตบุ๊คที่มีการ์ดจอออนบอร์ด หรือ iGPU หลายรุ่นก็ตอบโจทย์คุณได้ ในงบประมาณที่ไม่แพงมากนัก หมื่นต้นๆ ก็มีให้เห็น แต่ถ้าคุณเน้นที่การเล่นเกม คุณอาจจะเริ่มต้นด้วย GTX1650Ti หรือ RTX3050 ก็ดูจะเหมาะสม เพราะเริ่มที่ 2 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น หรืออาจจะสูงกว่านี้ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่นด้วย เช่น ซีพียู หรือว่าแรมที่ใช้ เพราะถ้าเป็นเซ็ตใหม่อย่าง Intel Gen 12 และใช้ DDR5 ราคาก็จะเพิ่มขึ้น รวมถึงความพรีเมียมของโน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ

NBS MSI

แต่ถ้าคุณชื่นชอบในการเล่นเกม และเป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ ที่ยังชีวิตด้วยเฟรมเรต กระตุกไม่ได้ แร๊คก็ไม่ควร การ์ดจอแยก RTX3070, RTX3080Ti หรือจะเป็น Radeon RX6700M หรือ RX6800M ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และพาคุณไปให้สุดกับเกม ที่ให้ความสวยงามของเกม ได้มากกว่าเฟรมเรตอีกด้วย แต่อาจจะเคาะราคาไปเกือบแสนบาท หรือมากกว่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าน่าสนใจ

from:https://notebookspec.com/web/670670-graphic-card-notebook-2022

รีวิว ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ครบเครื่องในราคา 31,990 บาท ได้ปากกา, จอทัชพาเนลเทพ, สแกนลายนิ้วมือ ลองใช้แล้วจะชอบ!

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ทำงานอย่างสะดวก อัพเกรดเพิ่มแรมสบายๆ น่าใช้ไปอีก!

Share image Edit Name 1vivobook 1

ในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้ใช้หลายๆ คน จะเห็นว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น รวมทั้ง ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นี้เริ่มเปลี่ยนผ่านพาเนลหน้าจอจาก IPS ที่ได้รับความนิยมมาหลายปีมาใช้พาเนล OLED มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจอ OLED ของ ASUS Vivobook รุ่นนี้นอกจากจะได้ความละเอียดสูง 2.8K (2880×1800) อัตราส่วน 16:10 แล้ว ยังปิดด้วยกระจก Corning Gorilla Glass NBT ที่มีความแข็งแรง แสดงผลแบบ HDR แสดงขอบเขตสีได้กว้าง 100% DCI-P3 มีค่าความเที่ยงตรง Delta-E <2 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 600 รวมทั้งปรับค่า Refresh Rate ได้ 2 ระดับ คือ 60Hz หรือ 90Hz ก็ได้ เป็นจุดเด่นแรกของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้

Advertisementavw

ถัดมา เมื่อ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นี้มีชื่อย่อย “Flip” แล้ว มันจึงพับหน้าจอกลับ 360 องศาเป็นแท็บเล็ตได้และมี ASUS Pen 2.0 เอาไว้เขียนวาดบนหน้าจอได้สะดวก พิมพ์งานได้ดีด้วยปุ่มคีย์บอร์ด Full-sized ดีไซน์ Dished key caps ซึ่งตรงกลางปุ่มจะโค้งลง 0.2 มิลลิเมตร ทำให้ทรงปุ่มคีย์บอร์ดช่วยนำร่องตอนพิมพ์งานไปในตัวพิมพ์ได้แม่นยำ และยังกดปุ่มตัวเลขได้ง่ายเพราะทัชแพดเป็น ASUS NumberPad 2.0 ด้วย เวลาต้องพิมพ์ตัวเลขในโปรแกรม Microsoft Office Home & Student 2021 ที่แถมมาในเครื่องได้ง่าย

นอกจากนี้ฟีเจอร์ดีๆ ที่ทาง ASUS ติดตั้งมาให้ใน ASUS Vivobook S 14 Flip OLED มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power, บานชัตเตอร์สไลด์ปิดกล้องเว็บแคม 3DNR ความละเอียด Full HD ช่วยป้องกันผู้อื่นแฮ็คเข้ามาใช้กล้องโดยไม่ได้อนุญาต, พอร์ต Thunderbolt 4 ไว้ต่อหน้าจอแยกแบบ DisplayPort และชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ในตัว, ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool ให้เครื่องเย็นตลอดเวลา, ลำโพงพร้อมชิป Smart amp ที่ได้เสียงดังกว่าปกติ 3.5 เท่า จูนเสียงโดย harman/kardon รองรับเสียงแบบ Dolby Atmos พร้อมซีพียู Intel 12th Gen ประสิทธิภาพสูง ก็ถือว่า ASUS Vivobook S 14 Flip OLED เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาประสิทธิภาพดีและน่าใช้มาก

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED

NBS Verdicts

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00163

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นี้เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่น่าใช้ ไม่ใช่แค่เพราะติดตั้งซีพียู Intel 12th Gen มาให้ แต่ต้องรวมถึงหน้าจอทัช 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K พาเนล OLED แสดงผลขอบเขตสีได้ 100% DCI-P3 ได้การันตี VESA DisplayHDR True Black 500 และพับเครื่องกลับเป็นแท็บเล็ตได้และยังมีปากกา ASUS Pen 2.0 แถมมาให้ในแพ็คเกจ ใช้วาดเขียนหรือจดบันทึกเข้าไปในเครื่องได้สะดวก จัดว่าใช้งานได้ดีและสะดวกมาก

ด้านความปลอดภัยก็ครบครัน เนื่องจากทางบริษัทติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมมาให้กับปุ่ม Power และมีบานสไลด์ปิดกล้องเว็บแคมด้วย ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของเจ้าของเครื่องได้ดียิ่งขึ้น ไม่ให้ใครขโมยใช้โดยพลการได้ หรือจะทำงานก็สะดวกด้วย ASUS NumberPad 2.0 ติดตั้งมาตรงทัชแพดให้กดตัวเลขได้สะดวกยิ่งขึ้น และทางบริษัทยังมี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้ควบคู่กับ Windows 11 Home ด้วย ผู้ใช้ก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อโปรแกรมเพิ่มเลย

ด้านการอัพเกรดก็จัดว่าครบเครื่องแต่ก็ยังน่าสังเกต คือ แม้ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED จะถูกออกแบบมาให้บางเบา แต่ก็ยังเพิ่มแรมจากที่ติดออนบอร์ดมา 8GB DDR4 บัส 3200MHz ไปได้มากสุด 16GB DDR4 ให้ผู้ใช้กลุ่มที่ต้องรันโปรแกรมใหญ่หรือเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกันได้ดีแน่นอน แต่ในเครื่องก็จะมีช่อง M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 เพียงช่องเดียว หาก SSD จากโรงงานเร็วไม่พอก็อาจจะถอดอัพเกรดเป็นรุ่นอื่นที่รวดเร็วกว่านี้ก็ได้

ส่วนพอร์ตของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED มีทั้งจุดที่ดีและน่าสังเกตควบคู่กัน ซึ่งทางบริษัทก็ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ใช้ จะต่อผ่าน USB-C Multiport Adapter ขยายเป็นพอร์ตอื่นๆ รวมถึงต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตเตอรี่ก็ได้ในพอร์ตเดียวและยังมีพอร์ตพื้นฐาน เช่น USB-A, HDMI, Audio combo ติดตั้งมาในตัว แต่จุดสังเกตเล็กน้อยคือ พอร์ต USB 2.0 นั้นหากเลือกได้ ก็อยากให้เปลี่ยนเป็น MicroSD Card Reader แทนจะยอดเยี่ยมที่สุด

ข้อดีของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED
  1. งานประกอบตัวเครื่องแข็งแรง พับหน้าจอกลับได้ 360 องศา ใช้เป็นแท็บเล็ตได้ในตัว
  2. ขนาดตัวเครื่องเบาพกพาง่ายเพียง 1.5 กิโลกรัม เหมาะกับผู้ที่พกโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหน
  3. มีปากกา ASUS Pen 2.0 แถมมาให้ใช้วาดเขียนและจดได้ง่าย ชาร์จด้วยพอร์ต USB-C
  4. ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้
  5. ใช้ซีพียู Intel Core i5-12500H ซึ่งประสิทธิภาพสูง รันงานหนักได้เป็นอย่างดี
  6. มีแรมออนบอร์ด 8GB DDR4 และมีช่อง SO-DIMM ให้ใส่เสริมได้อีก 8GB อีกด้วย
  7. มีพอร์ต Thunderbolt 4 กับพอร์ตพื้นฐานอย่าง HDMI, USB-A ติดตั้งมาให้ครบถ้วน
  8. หน้าจอ 14 นิ้ว มีความละเอียดสูงและขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 ด้วย
  9. มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ ปลดล็อคเครื่องได้สะดวกรวดเร็ว
  10. มีบานสไลด์ปิดกล้องเว็บแคมเวลาไม่ใช้งาน ป้องกันการถูกเจาะระบบเข้ามาใช้งาน
  11. ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool ระบายความร้อนได้ดี ไม่เกิดอาการ Throttle ลดประสิทธิภาพระหว่างใช้งานแม้แต่น้อย
  12. แป้นทัชแพด ASUS NumberPad 2.0 พิมพ์ตัวเลขได้สะดวกเหมือน Numpad จริงๆ
  13. ปุ่มคีย์บอร์ด Dished Key Caps ทรงปุ่มโค้งและขนาด Full-size พิมพ์ได้สะดวกแม่นยำ
ข้อสังเกตของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED
  1. ถ้าเปลี่ยน USB 2.0 เป็น MicroSD Card Reader จะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้มากกว่า
  2. ไม่มีคีย์ลัดปรับค่า Refresh Rate ของหน้าจอติดมาให้ที่ Function Hotkey

รีวิว ASUS Vivobook S 14 Flip OLED

Specification

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED

ASUS Vivobook 14 Flip OLED เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานหน้าจอทัชที่พับเครื่องเป็นแท็บเล็ตได้, มีปากกาสไตลัสให้ใช้เขียนจดบนหน้าจอได้สะดวก และยังได้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ที่ปุ่ม Power อีกด้วย จัดเป็นโน๊ตบุ๊คน่าใช้อีกรุ่นหนึ่ง โดยมีรายละเอียดสเปคดังนี้

สเปคของ Asus Vivobook S 14 Flip OLED TP3402ZA-KN501WS
  • CPU : Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : ออนบอร์ด 8GB DDR4 บัส 3200 MHz เพิ่มแรม SO-DIMM ได้อีก 8GB
  • Display : จอทัช 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED HDR ค่า Refresh Rate 60~90Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 และได้รับการรับรองจาก PANTONE Validated
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 Gen 2 x 1, Thunderbolt 4 x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 1080p Full HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.5 กิโลกรัม
  • Price : 31,990 บาท (ราคากลาง)

Hardware & Design

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00158

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00189
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00191
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00182
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00192

ดีไซน์ของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED จะดูเรียบง่าย แต่มีรายละเอียดเก็บเอาไว้ตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะก้านบานพับหน้าจอและก้านพลาสติกรองบอดี้ตัวเครื่องติดไว้ 4 มุม ได้แก่ ขอบล่างของก้านบานพับหน้าจอและขอบล่างที่วางข้อมือ เวลาพับเป็นแท็บเล็ตแล้ววางบนพื้นโต๊ะ บอดี้จะไม่เกิดรอยขูดเสียหาย และขอบด้านล่างใต้ทัชแพดจะตัดบอดี้เฉียงไว้เล็กน้อยให้ผู้ใช้ใช้มือข้างเดียวกางจอเปิดเครื่องใช้ได้สะดวกขึ้น ซึ่งทางบริษัทบาลานซ์น้ำหนักได้ดี ไม่มีอาการตัวเครื่องกระดกตามหน้าจอขึ้นมาเลย

ถ้าสังเกตจะเห็นว่าระหว่างแป้นคีย์บอร์ดกับทัชแพด จะมีเส้นระยะเส้นเสียงแนวนอน (Sound Wave) พร้อมคำว่า “Ready To Explore” กับโลโก้ Sound by harman/kardon การันตีว่าลำโพงของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ได้รับการจูนเสียงลำโพงมาเรียบร้อยแล้ว เป็นรายละเอียดดีไซน์เล็กๆ น้อยๆ ให้ตัวเครื่องดูสวยแตกต่าง ไม่เรียบเกินไป

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00168

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00170
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00147

ตัวก้านบานพับหน้าจอของตระกูล Flip จะเป็นก้านดีไซน์แผ่นแบน เมื่อกางหน้าจอจะพลิกกลับให้พับจอกลับ 360 องศาเป็นแท็บเล็ตแล้ว ก็ใช้นิ้วหรือปากกา ASUS Pen 2.0 ทำงานกับโปรแกรมต่างๆ ของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้ทันที หากใครต้องเข้าประชุมหรือเลคเชอร์จดโน๊ตบันทึกข้อมูลอยู่บ่อยๆ ก็ซื้อ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED เอาไว้ใช้งานรับหมดทุกหน้าที่ได้เลย

เมื่อเปิดฝาจะเห็นฐานบานพับหน้าจอกับตัวก้านจอว่าทาง ASUS ใช้ก้านโลหะยึดระหว่างเครื่องและจอเอาไว้ และมีระยะห่างระหว่างชิ้นส่วนใหญ่สองชิ้นพอดีจึงกางได้มั่นคงแข็งแรงทีเดียว ต่อให้พับกลับไปมาระหว่างโหมดโน๊ตบุ๊คและแท็บเล็ตหลายๆ ครั้งก็ไม่มีปัญหา ซึ่งผู้เขียนเองก็ทดลองพับจอกลับเป็นแท็บเล็ตแล้วกลับเป็นโน๊ตบุ๊คหลายต่อหลายครั้ง ตัวบานพับก็ยังแข็งแรงทนทานไม่มีอาการหลวมให้รู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00155

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00156
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00154

ฝาหลังของตัวเครื่องจะใช้ดีไซน์เรียบๆ สีเดียวแต่ติดเพลตดีไซน์เฉพาะของ ASUS Vivobook ไว้ฝั่งขวามือ โดยแยกเป็นสองชิ้นทั้งลายแถบเอกลักษณ์ของซีรี่ส์นี้และเพลตบอกซีรี่ส์ ASUS Vivobook พร้อมคำขวัญอย่าง “Explore The Possibilities”, #GoFurther, #BeFearless ด้วย 

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00150

ด้านใต้เครื่องจะมีช่องสำหรับรับอากาศเย็นเข้าทั้งหมด 3 แถว ตีเส้นช่องแนวเฉียงและเว้นระยะระหว่างช่องส่วนกลางและฝั่งซ้าย, ขวาของตัวเครื่องเอาไว้เล็กน้อย ส่วนช่องระบายความร้อนอยู่ที่ด้านหลังและข้างเครื่องฝั่งซ้ายมือเมื่อวางเครื่องใช้งานตามปกติ ติดแถบยางรองใต้เครื่องไว้ 3 เส้น เป็นเส้นยาวขอบบนและเส้นสั้นอีกสองเส้นขอบล่างทั้งสองมุมถัดจากลำโพงเครื่องเข้ามา

Screen & Speaker

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00193

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00196
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00198
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00199
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00200

หน้าจอขนาด 14 นิ้วของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED จะดีไซน์ขอบหน้าจอบางที่ริมทั้งสองด้านและรีดขอบหน้าจอส่วนบนให้บางที่สุดแต่ยังติดตั้งกล้องเว็บแคมแบบ 3DNR ความละเอียด Full HD กับไมค์พร้อมระบบ AI-Noise Cancelling มาให้ เวลาไม่ต้องการใช้กล้องก็ใช้เล็บเลื่อนบานสไลด์ปิดกล้องเอาไว้ได้ ซึ่งถ้าบานสไลด์ปิดกล้องอยู่จะเห็นเป็นจุดสีส้มอยู่

display

จุดเด่นของหน้าจอนี้ นอกจากพาเนล OLED แล้ว ยังได้ความละเอียดสูง 2.8K (2880×1800) พิกเซล ปรับค่า Refresh Rate ได้ว่าต้องการใช้งานตามปกติก็คงเอาไว้ 60Hz หรือชอบภาพลื่นไหลก็เปลี่ยนไป 90Hz ก็ได้ ด้านขอบเขตสีทางบริษัทเคลมเอาไว้ 100% DCI-P3 ได้รับการรับรองจากทาง PANTONE Validated รวมทั้ง VESA DisplayHDR True Black 500 การันตีว่าจอนี้แสดงผลสีดำได้ดำสนิทแน่นอน

gamut
luminance

ด้านขอบเขตสีหน้าจอเมื่อทดสอบและตั้งค่าด้วยโปรแกรม DisplayCal 3 จะเห็นว่าหน้าจอก่อนตั้งค่าแสดงขอบเขตสีได้กว้าง 100% sRGB, 94.5% Adobe RGB และ 99.8% DCI-P3 ซึ่งขอบเขตสีเดิมจากโรงงานก็จัดว่าใกล้เคียงกับที่ ASUS เคลมเอาไว้แล้ว และพอคาลิเบรตเสร็จจะเห็นว่าขอบเขตสีของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ดีขึ้นมาก โดยเพิ่มขึ้นไปเป็น 170.9% sRGB, 117.7% Adobe RGB และ 121% DCI-P3 ได้ค่าความเที่ยงตรงสี Delta-E เฉลี่ย 0.09 เท่านั้น ถือว่าหน้าจอของ ASUS Vivobook นี้ใช้พรู้ฟสีงานอาร์ต, แต่งภาพถ่ายหรือนักวาดภาพจะซื้อเอาไว้วาดภาพประกอบก็ดีมาก ใช้งานสะดวกเหมือนวาดด้วยเมาส์ปากกาไม่มีผิด

หน้าจอความสว่างเอาไว้ 100% เมื่อวัดด้วย DisplayCal 3 จะได้ค่าความสว่าง 375.81 cd/m2 ซึ่งสว่างพอใช้งานได้เป็นอย่างดี สามารถเร่งความสว่างสู้แสงแดดที่ส่องสะท้อนจอตอนใช้งานนอกอาคารได้สบายๆ หรือถ้าแสงแดดลอดหน้าต่างมาสะท้อนจอก็ไม่มีปัญหาแน่นอน และถ้าใช้ในออฟฟิศ ผู้เขี่ยนแนะนำให้ปรับความสว่างไว้ 60% ให้ความสว่างอยู่ราว 200 cd/m2 ก็สว่างเพียงพอแล้ว

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00152
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00151
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00144
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00145

ลำโพงของตัวเครื่องทั้ง 2 ดอกที่ harman/kardon มาปรับจูนเสียงให้และมีชิป Smart Amp ไว้เร่งเสียงให้ดังกว่าเดิม 3.5 เท่านั้น เมื่อวัดด้วยเครื่องวัดเสียงแล้วจะได้ความดังราว 85dB ส่วนเนื้อเสียงจะแตกต่างจากลำโพงโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ซึ่งผู้เขียนเคยทดลองรีวิวมาก่อนหน้านี้ ซึ่งโทนเสียงจะเน้นไปทางเครื่องดนตรีกับนักร้องเป็นหลัก มีเสียงเบสของลำโพงคอยซัพพอร์ตเสียงให้มีมิติยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ดังจนกลบเสียงอื่นไปจนหมด ถือว่ามิติเสียงนั้นใช้ดูหนังฟังเพลงได้ดีทีเดียว

Keyboard & Touchpad

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00171

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00183
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00184
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00176
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00172
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00175
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00174

คีย์บอร์ดของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED เป็นคีย์บอร์ดแบบ Tenkeyless แต่ดีไซน์ปุ่มให้เป็น Full-size ทรงปุ่มเป็น Dished Key caps โดยตรงกลางปุ่มจะเว้าเข้าไปเป็นแอ่งเหมือนจาน (Dish) โค้ง 0.2 มม. ซึ่งเมื่อทดลองพิมพ์ต้องถือว่าตัวปุ่มจะไกด์ปลายนิ้วให้ผู้ใช้กดลงไปตรงกลางปุ่มพอดี กดง่ายและตอบสนองเร็วใช้ได้และมีไฟ LED Backlit ให้พิมพ์งานในที่แสงน้อยได้สะดวกขึ้นด้วย

Function Key ถูกเซ็ตอัพเอาไว้ตามปุ่มต่างๆ บนแป้นคึย์บอร์ด ได้แก่ Home, End, Page Up, Page Down ตรงปุ่มลูกศร บางปุ่มที่มีคำสั่งตรงกันข้ามก็ถูกรวบเอาไว้ด้วยกัน เช่น Delete กับ Insert เป็นต้น และถ้าใครอยากล็อค Function Hotkey ตรง F1~F12 สามารถกด Fn+Esc เพื่อเปลี่ยนโหมดได้ และสังเกตตรงปุ่ม Enter จะเห็นว่าขอบล่างปุ่มมีแถบสีขาวซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล ASUS Vivobook ติดอยู่ด้วย

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00179

คีย์ลัดของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ที่ปุ่ม F1~F12 นั้น ทางบริษัทก็จัดการ Mapping ปุ่มฟังก์ชั่นสำหรับโน๊ตบุ๊คสายทำงานติดตั้งมาครบถ้วน โดยมีปุ่มดังนี้

  • F1~F3 – ปิด, ลดหรือเพิ่มเสียงลำโพง
  • F4~F5 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
  • F6 – ปิด/เปิดทัชแพด
  • F7 – ปรับความสว่างไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ด
  • F8 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
  • F9 – ปิดหรือเปิดไมค์
  • F10 – ปิดหรือเปิดกล้องเว็บแคม
  • F11 – เรียกโปรแกรม Snipping Tool
  • F12 – เรียกโปรแกรม MyASUS

จะเห็นว่า Function Hotkey ที่ปุ่ม F1~F12 ของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED มีคำสั่งตั้งค่าตัวเครื่องติดมาให้ครบถ้วน แต่น่าเสียดายเล็กน้อยว่าถ้าทาง ASUS ย้ายคำสั่ง Snipping Tool ไปรวมกับปุ่ม Print Screen แทน แล้วเสริมคำสั่งปรับค่า Refresh Rate หน้าจอเข้ามาล่ะก็ น่าจะดีต่อผู้ใช้ที่ชอบหน้าจอที่แสดงผลภาพได้ไหลลื่นไหลด้วย

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00185

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00186
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00187
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00215
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00214

ทัชแพด ASUS NumberPad 2.0 จะมีปุ่มลัด F6 สำหรับปิดเปิดการทำงานอยู่ เมื่อกดแล้วตัวระบบจะแสดงภาพขึ้นมาบนหน้าจอด้วยว่าทัชแพดทำงานอยู่หรือไม่ ด้านการใช้งานจริงตัวแป้นสามารถตอบสนองการลากเคอร์เซอร์ได้รวดเร็วและใช้ Gesture Control ได้เป็นอย่างดีไม่มีปัญหา หากใครนั่งทำงานแล้วหยิบเมาส์ออกมาไม่ถนัดนักก็ใช้ทัชแพดได้เลย

ส่วนแป้น ASUS NumberPad 2.0 จะมีคำสั่งอยู่ 2 ไอคอน คือ มุมบนซ้ายหากแตะแล้วยกนิ้วออก จะลดความสว่างของไฟแป้น Numpad ถ้าแตะแล้วลากนิ้วออกจะเรียกเครื่องคิดเลขขึ้นมา ส่วนฝั่งขวามือเป็นปุ่มเปิดปิด Numpad จะทำงานต่อเมื่อแตะค้างเอาไว้ราว 1 วินาที แต่ตอนใช้งานจริงแม้จะเปิด Numpad ค้างเอาไว้ก็ยังลากเคอร์เซอร์เมาส์ไปมาได้ตามปกติและถ้าตรงไหนต้องกรอกตัวเลขก็แตะพิมพ์เลขได้เลย ถือว่าทางบริษัทเซ็ตฟังก์ชั่นการทำงานให้แป้นทัชแพดนี้ทำงานได้ดีมาก ไม่มีอาการรวนมารบกวนตอนใช้งานเลยแม้แต่น้อย

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00229

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00226
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00228
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00223
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00224

ปากกา ASUS Pen 2.0 ในกล่องจะเป็นปากกา USI Stylus แบบให้ฝังแบตเตอรี่เอาไว้ในตัว ตัวด้ามจะมีปุ่มควบคุมการทำงาน 2 ปุ่มและมีปุ่มท้ายด้าม เมื่อกดแล้วเครื่องจะเปิดโปรแกรม Microsoft Sketch Board ขึ้นมาให้วาดภาพจดไอเดียได้ ตอนแบตเตอรี่ปากกาใกล้หมดจะมีไฟสีส้มกระพริบเตือนผู้ใช้ ซึ่งมีพอร์ต USB-C ที่ตัวด้ามให้เสียบชาร์จแบตฯ ได้ด้วย ด้านการวาดและเขียนจดถือว่าตอบสนองได้ดีไม่แพ้กับเมาส์ปากกาแบรนด์ชั้นนำหลายๆ รุ่นเลย

อย่างไรก็ตาม จุดที่ขอกล่าวถึงเป็นส่วนตัว คือตัวปากกาหากใครคุ้นเคยกับ ASUS Pen บางรุ่นที่ต้องใส่แบตเตอรี่ AAA มาก่อนแล้วเปลี่ยนมาใช้ปากกาด้ามนี้เป็นครั้งแรกก็น่าจะเข้าใจผิดว่าต้องหมุนปลายด้ามปากกาเพื่อเปิดกระบอกใส่ถ่าน แต่เวอร์ชั่นใหม่นี้ต้องสไลด์ท้ายด้ามขึ้นเปิดพอร์ต USB-C แล้วเสียบสายชาร์จแทน ซึ่งผู้เขียนคิดว่าหากทาง ASUS จะเปลี่ยนดีไซน์ปากกาเช่นนี้ ควรติดสติ๊กเกอร์บอกผู้ใช้สักนิด อย่างมีคำว่า “Slide” พร้อมลูกศรสักนิด ไม่อย่างนั้นผู้ใช้ที่คุ้นกับปากกาด้ามนี้แต่เป็นเวอร์ชั่นใส่ถ่านต้องได้ส่งเคลมหรือซื้อด้ามใหม่อย่างแน่นอน

Connector / Thin & Weight

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00208
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00209

พอร์ตเชื่อมต่อของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นี้จะมีพอร์ตติดตั้งเอาไว้ทั้งสองฝั่งของตัวเครื่อง โดยฝั่งซ้ายจะมี USB 2.0 เพียงพอร์ตเดียว ส่วนฝั่งขวาไล่จากซ้ายมี Audio combo, Thunderbolt 4, USB-A 3.2 Gen 2, HDMI 2.1 และช่องต่ออแดปเตอร์ของโน๊ตบุ๊ค

ซึ่งพอร์ตของตัวเครื่องถือว่าทาง ASUS ให้มาครบเครื่อง แต่ผู้เขียนยังกังขาที่พอร์ต USB 2.0 ด้านซ้าย ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนอยากให้ทาง ASUS เปลี่ยนเป็น MicroSD Card Reader จะดีกว่า ผู้ใช้จะได้เอาการ์ดจากกล้องมาต่อแล้วโอนไฟล์เข้าออกเครื่องได้สะดวก ไม่ต้องผ่านตัวแปลงใดๆ ให้วุ่นวายและยังเอาไปใช้ประโยชน์ในส่วนต่างๆ ได้มากขึ้น

หากเป็นไปได้ผู้เขียนแนะนำให้ถอดช่องอแดปเตอร์ออกแล้วเปลี่ยนเป็น Thunderbolt 4 x 2 ช่องจะดีกว่า เพราะโน๊ตบุ๊คสายทำงานของ ASUS หลายๆ รุ่นก็ให้อแดปเตอร์หัว USB-C มาหลายรุ่นแล้ว ถ้า ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ทำตามนั้น นอกจากได้ใจผู้บริโภคยังได้พอร์ตอเนกประสงค์เพิ่มอีกช่องด้วย หรือไม่อย่างนั้นก็เปลี่ยนเป็น Kensington Lock แทนก็ได้ความปลอดภัยให้เจ้าของเครื่องอุ่นใจขึ้นอีก

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00136

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00138
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00137

น้ำหนักของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ที่เคลมเอาไว้หน้าเว็บไซต์อยู่ที่ 1.5 กิโลกรัม พอชั่งด้วยตาชั่งดิจิตอลแล้วได้น้ำหนักราว 1.58 กิโลกรัม เมื่อรวมกับอแดปเตอร์และ ASUS Pen 2.0 น้ำหนัก 320 กรัม จะหนักสุทธิ 1.91 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักร่วม 2 กิโลกรัมถือว่าไม่ได้หนักเกินไป และอแดปเตอร์เฉพาะของเครื่องก็ไม่จำเป็นต้องพกติดตัวไปด้วยเสมอๆ แค่หาปลั๊ก GaN กำลังชาร์จ 65 วัตต์กับสาย USB-C ติดกระเป๋าไป ส่วนอแดปเตอร์ทิ้งไว้ที่บ้านหรือออฟฟิศก็ได้ ช่วยลดน้ำหนักและจำนวนของใช้ในกระเป๋าให้น้อยลงด้วย

Inside & Upgrade

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00140

ถ้าจะอัพเกรด ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ก็ทำได้ง่ายๆ โดยใช้ไขควงหัวแฉก Philips Head ขันน็อต 10 ดอกออก แล้วเอาปิ๊กกีตาร์ไล่ตามขอบตัวเครื่องแล้วเปิดฝาเครื่องได้เลย โดยฝาเครื่องนี้ไม่มีตัวกิ๊บดึงฝาเข้ากับเครื่องหรือน็อตแบบมีตัวรองเลย ตอนเปิดเครื่องขอแค่ระวังตอนงัดตะขอขอบฝาเครื่องแตกก็พอ โดยรวมถือว่าฝาใต้เครื่องของ Vivobook S 14 Flip OLED ก็ยังถอดและใส่เข้าได้ง่ายไม่แพ้ Vivobook รุ่นอื่นในซีรี่ส์เลย

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00149

เมื่อเปิดฝาเครื่องจะเห็นว่าภายในจะมีแบตเตอรี่กับแผงเมนบอร์ดแบ่งพื้นที่กันอยู่ครึ่งหนึ่ง มีช่องต่อ M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 พร้อมกรอบโลหะป้องกัน SSD ด้วย ถัดมาเป็นช่อง RAM SO-DIMM ปิดด้วยกรอบอลูมิเนียม อัพเกรดเพิ่มความจุได้มากสุด 16GB DDR4 รองรับบัส 3200MHz ดังนั้นถ้าใครซื้อมาแล้วกลัวแรมออนบอร์ดไม่พอใช้ก็เปิดฝาอัพเกรดได้เลย

ส่วนตัวผู้เขียนค่อนข้างประทับใจที่ทาง ASUS ให้พอร์ต SO-DIMM สำหรับอัพเกรดแรมมา แล้วยังมีกรอบอลูมิเนียมมาปิดแผ่นแรมด้วย แต่ก็แลกกับอินเตอร์เฟส PCIe สำหรับ M.2 NVMe SSD เพียงช่องเดียว ซึ่งส่วนนี้หากดูบนเมนบอร์ดที่มีพื้นที่จำกัดก็ต้องเลือกใส่แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นถ้าใครรู้สึกว่า M.2 NVMe SSD จากโรงงานช้าเกินไปแนะนำให้โคลนย้ายข้อมูลไป SSD ตัวที่เร็วกว่าหรือเปลี่ยนไปซื้อ External SSD มาใช้งานแทนเลยก็ดี

Performance & Software

cpu

mb
ram

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED รุ่นนี้ติดตั้งซีพียู Intel 12th Gen สถาปัตยกรรม Alder Lake รหัส Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz มาให้ใช้งาน มีค่า TDP สูงสุด 45 วัตต์ รองรับชุดคำสั่งที่จำเป็นใช้งานครบถ้วน ใช้รันโปรแกรมที่กินทรัพยากรหนักได้เป็นอย่างดี

เมนบอร์ดของ Vivobook S 14 Flip OLED เป็นอินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 รองรับ SSD ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี มีแรมออนบอร์ดติดตั้งมา 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีช่องแรม SO-DIMM สามารถอัพเกรดเพิ่มได้มากสุด 16GB DDR4 ด้วย ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องเปิดเบราเซอร์หลายแท็บหรือเปิดโปรแกรมที่กินทรัพยากรเครื่องหนักๆ ได้เป็นอย่างดี

gpu

การ์ดจอออนบอร์ดใน Intel Core i5-12500H เป็น Intel Iris Xe Graphics รองรับ DirectX 12 และชุดคำสั่งสำหรับเรนเดอร์กราฟิคครบถ้วน ไม่ว่าจะ OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan ครบถ้วน สามารถใช้เรนเดอร์ภาพหรือตัดต่อคลิป Vlog ต่างๆ ได้อย่างแน่นอน 

device mgr

พาร์ตในเครื่องเมื่อเช็คด้วย Device Manager แล้ว จะเห็นว่า ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ FocalTech มาให้ ใช้การ์ด Wi-Fi ของ MediaTek MT7921 รองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax เป็นรุ่นเสาอากาศ Dual band 2×2 รองรับ Bluetooth 5.1 ในตัวและมีชิป TPM 2.0 ติดตั้งมาให้รักษาความปลอดภัยร่วมกับระบบปฏิบัติการ Windows 11 ด้วย

ssd

สำหรับ M.2 NVMe SSD จากโรงงานใน ASUS Vivobook S 14 Flip OLED เป็น Micron 2450 ความจุ 512GB โดยสเปคของไดรฟ์นี้ใช้อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 ขนาด M.2 2280 ซึ่งความจุนี้มีความเร็ว Sequential Read 3,500 MB/s และ Sequential Write 3,000 MB/s ค่าความทนทานตอนอ่านเขียนข้อมูล 300 TBW มีระบบเข้ารหัสข้อมูล AES-256 ในตัวอีกด้วย

เมื่อทดสอบด้วย CrystalDiskMark 8 แล้ว ผลที่ได้จะเห็นว่า SSD นี้ทำความเร็ว Sequential Read ได้ 2,940.12 MB/s และ Sequential Write 883.42 MB/s เมื่อเขียนไฟล์ลงไดรฟ์ราว 71% ซึ่งถ้าใครจะใช้ SSD เดิมจากโรงงานก็ถือว่าใช้งานได้ แต่ขอแนะนำให้บริหารพื้นที่ในไดรฟ์ให้ดี อย่าเก็บไฟล์เอาไว้ในเครื่องเกิน 50% เพื่อให้ตัว SSD มีพื้นที่จัดการบริหารไฟล์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

หากผู้ใช้คนไหนต้องการเปลี่ยน SSD ในเครื่องให้เป็นรุ่นที่ประสิทธิภาพดีขึ้น แนะนำให้ดู Transcend MTE220S, Samsung 980, WD Black SN 750SE ฯลฯ มาเปลี่ยนแล้วเอาไดรฟ์เดิมจากโรงงานไปทำ External SSD แทนก็ดีเช่นกัน นั่นเพราะ M.2 NVMe SSD ที่ซื้อแยกโดยเฉพาะจะมีซอฟท์แวร์สำหรับปรับแต่งและอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้ตัวไดรฟ์โดยเฉพาะและเร่งประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้นได้ด้วย 

r15
r20

ด้านการทดสอบเรนเดอร์โมเดล 3D CG แล้ว จะเห็นว่าตัว ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ใช้งานได้เป็นอย่างดี โดย CINEBENCH R15 ทำคะแนน OpenGL ได้ 57.09 fps และ CPU 1,124 cb และเมื่อรันโปรแกรม CINEBENCH R20 ที่เน้นทดสอบกำลังการประมวลผลของซีพียูเท่านั้น จะได้คะแนน 2,653 pts ทีเดียว ดังนั้นถ้าผู้ใช้คนไหนต้องทำงาน 3D Model และกราฟิคล่ะก็ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นี้ก็สามารถเรนเดอร์และนำเสนอโมเดลให้ลูกค้าได้ดี ไม่มีปัญหาเรื่องกระตุกค้างแน่นอน

3dmark

ด้านการทดสอบเล่นเกมด้วย 3DMark Time Spy จะเห็นว่าตัว ASUS Vivobook S 14 Flip OLED จะทำคะแนนรวมเฉลี่ยได้ 997 คะแนน แยกเป็น CPU score 4,533 คะแนน และ Graphics score 877 คะแนน ก็สรุปได้ว่า Vivobook รุ่นนี้ไม่เหมาะกับการเล่นเกมนักและก็ไม่ได้เป็นใจความหลักของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังพอเปิดเกม 8-bit เล่นฆ่าเวลาได้ระดับหนึ่ง

pcmark10

ส่วนของ PCMark 10 สำหรับทดสอบเวลานำโน๊ตบุ๊คนี้ไปทำงานจริง จะเห็นว่ามันสามารถทำงานได้ดีทีเดียว โดยได้คะแนนเฉลี่ย 5,020 คะแนน ไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คบางเบาสายทำงานหลายๆ รุ่น หากจำแนกผลคะแนนเป็นหมวดต่างๆ จะเห็นว่าการใช้งานทั่วไปอย่างเปิดโปรแกรม, ประชุมออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือเปิดเบราเซอร์นั้น Vivobook S 14 Flip OLED ทำงานได้ดีไม่มีปัญหา และจะใช้งานกับโปรแกรมออฟฟิศอย่าง Word, Excel หรือแม้แต่โปรแกรมแต่งภาพก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลย ต้องถือว่าตัวซีพียูและการ์ดจอออนบอร์ดใน Intel Core i5-12500H ทำหน้าที่ได้ดีไม่มีปัญหา

แต่หากมองในส่วนที่ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ไม่ถนัด ก็จะเป็นงานตัดต่อวิดีโอและเรนเดอร์จำลองโมเดลที่ทำคะแนนทดสอบออกมาได้ในระดับพอใช้งานได้ ทว่าถ้าใครเน้นงานปั้นโมเดล 3D หรือตัดต่อวิดีโอความละเอียดเกิน Full HD และใส่เอฟเฟคกับรายละเอียดเยอะๆ ล่ะก็ แนะนำให้หารุ่นมีการ์ดจอแยกติดตั้งมาด้วยจะทำงานได้ดีกว่า

Screenshot 2022 09 21 094202

Screenshot 2022 09 21 094221
Screenshot 2022 09 21 094235
Screenshot 2022 09 21 094304
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00219
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00221
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00220

ด้านการตั้งค่า ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ให้ทำงานได้ดีที่สุดจะมีโปรแกรม MyASUS ติดตั้งมาให้ใช้งาน ซึ่งใช้มอนิเตอร์ตัวเครื่องและตั้งค่าการแสดงผลหน้าจอรวมทั้งมีโหมดถนอมการแสดงผลของพาเนลหน้าจอ OLED รวมทั้งเมื่อใช้งานแล้วมีปัญหาก็สามารถแจ้งปัญหาเพื่อให้ทาง ASUS เข้ามาช่วยดูแลจัดการตัวเครื่องผ่านทางโปรแกรมนี้ได้อีกด้วย

หากให้ดี ผู้เขียนแนะนำว่าเมื่อซื้อ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED มาแล้ว ก็เปิด MyASUS มาเปิดการตั้งค่า OLED Care เอาไว้ให้หมด ซึ่งมันจะช่วยถนอมพาเนลนี้ให้ใช้งานได้โดยไม่เกิดอาการ Burn-in เมื่อใช้งานไปหลายปีด้วย

Battery & Heat & Noise

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00143

แบตเตอรี่ของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED เป็นแบบลิเธียม โพลีเมอร์ ความจุ 70Wh มีขนาดใหญ่จนขอบแบตเตอรี่ติดลำโพงทั้งสองฝั่ง มีความจุ Typical Capacity 6,072mAh และ Rated Capacity 5,895mAh จัดว่ามีความจุเยอะ และทาง ASUS เคลมว่าใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงอย่างแน่นอน

batt

ซึ่งระยะเวลาใช้งาน เมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์โดยลดความสว่างหน้าจอต่ำสุด, ปิดไฟ LED Backlit, ลดเสียงลำโพงให้ดังเพียง 10% แล้วตั้งค่าตัวเครื่องเป็นโหมดประหยัดพลังงาน แล้วใช้ Microsoft Edge ดูคลิป YouTube นาน 30 นาที จะเห็นว่า ASUS Vivobook S14 Flip OLED สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสุถด 8 ชั่วโมง 28 นาที ซึ่งในฐานะซีพียู Intel H-Series ซึ่งเป็นซีพียูคอร์ประสิทธิภาพสูงนั้น แม้จะใช้งานได้ไม่เกิน 10 ชั่วโมง แต่ใช้ได้ราวนี้ก็ถือว่านานทีเดียว

อย่างไรก็ตาม แม้โปรแกรม BatteryMon จะแจ้งเราว่าใช้งานได้ราว 8 ชั่วโมงครึ่งก็ตาม แต่จากที่นำเครื่องไปใช้งานจริงแบบ Cafe Hopper หยิบโน๊ตบุ๊คติดตัวไปนั่งทำงานร้านโน้นทีร้านนี้ที ก็ใช้งานต่อนเื่องได้ทั้งวันไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน อย่างมากอาจเตรียม Power Bank ความจุสูง กำลังชาร์จ 65 วัตต์ขึ้นไปเตรียมเอาไว้สักก้อนเผื่อใช้ชาร์จในกรณีจำเป็นก็เพียงพอแล้ว แต่อันที่จริง แบตเตอรี่ 70Wh ใน ASUS Vivobook S 14 Flip OLED กับระบบจัดการพลังงานถือว่าทำงานได้ดี ไม่ต้องห่วงว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างวันเลยก็ได้

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00141

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00148
ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00153

ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool ในเครื่องจะใช้ฮีตไปป์ 2 เส้น ขนาด 8 และ 6 มม. เดินแนวจากซีพียู Intel Core i5-12500H ตรงไปยังฮีตซิงค์ที่ติดอยู่ขอบตัวเครื่องหน้าพัดลมโบลวเวอร์ 2 ด้านเพื่อระบายความร้อนออกจากเครื่อง ด้านเสียงระบบระบายความร้อนต้องถือว่าเบามากจนแทบไม่ได้ยิน และแม้จะรันโปรแกรมใหญ่ๆ อยู่ก็ยังได้ยินเสียงหวีดเบาๆ เท่านั้น ไม่ได้รบกวนหูตอนใช้งานแม้แต่น้อย ถ้าพกเครื่องไปทำงานตาม Co-working space ก็ไม่มีรบกวนผู้อื่นที่ใช้สถานที่ร่วมกันอย่างแน่นอน

heat

เมื่อรันโปรแกรม Benchmark เพื่อเค้นเครื่องให้ทำงานเต็มที่แล้วเช็คอุณหภูมิด้วย CPUID HWMonitor จะเห็นว่าอุณหภูมิ Package ของ Intel Core i5-12500H ใน ASUS Vivobook S 14 Flip OLED จะอยู่ที่ 48~98 องศา เฉลี่ย 57 องศาเซลเซียส และเมื่อเอามือจับตามส่วนต่างๆ ของตัวเครื่องแล้ว ความร้อนจากชุดระบายความร้อนก็ไม่ได้แผ่ออกไปทั่วแค่ตัวเครื่องอุ่นขึ้นเล็กน้อยและจะร้อนจริงๆ ก็ตรงปลายเครื่องเหนือช่องระบายความร้อนเท่านั้น

แต่เมื่อใช้งานจริง Intel Core i5-12500H ใน ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ก็ไม่ได้รันเต็มที่ตลอดเวลาและตอนใช้งานจริงเครื่องก็เย็นตลอดเวลาอีกด้วย ดังนั้นถ้าใครอยากได้เครื่องนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอุณหภูมิที่โปรแกรมวัดได้เลยก็ได้ โดยเฉพาะคนที่เน้นใช้โปรแกรมออฟฟิศหรือวาดภาพเป็นหลัก ผู้เขียนได้ทดลองใช้งานดูแล้วก็ไม่เจอปัญหาเรื่องอุณหภูมิเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นสบายใจได้เลย

User Experience

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00164

จากที่ผู้เขียนนำ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ไปใช้เป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องหลักมาราวสัปดาห์ ก็พบจุดที่ชอบและกังขานิดหน่อย ซึ่งจุดที่เสียดายก็คงหนีไม่พ้นพอร์ต USB 2.0 ที่อยากให้ทางบริษัทเปลี่ยนเป็น MicroSD Card Reader แทน นั่นเพราะถ้ามีพอร์ตนี้เราก็สามารถถอดเมมโมรี่การ์ดจากกล้องหน้ารถหรือ Action Camera ที่ติดอยู่กับหมวกกันน็อคมาโหลดไฟล์ได้ทันที แม้บางคนอาจจะแย้งว่าใช้สมาร์ทโฟนโหลดเอาก็ได้ แต่ถ้าโหลดตรงเข้าคอมพิวเตอร์ก็นำไปใช้ได้ง่ายกว่าอย่างแน่นอน

แต่นอกจากเรื่อง MicroSD Card Reader นี้แล้ว ผู้เขียนกลับชอบ Vivobook รุ่นนี้มาก จุดแรกคือบอดี้ตัวเครื่องที่เป็นอลูมิเนียมแล้ว เรียกว่าแข็งแรงสวยงามไม่แพ้ตระกูล Zenbook เลย และยังมีปากกา ASUS Pen 2.0 แถมมาให้ จึงเซ็นเอกสารสำคัญบนหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วส่งให้ผู้รับได้ในทันที ไม่ต้องปริ้นท์กระดาษและใช้หมึกเซ็นให้เสียเวลาเลยแม้แต่นิดเดียว และถ้าจะวาดภาพก็พับกลับเป็นแท็บเล็ตแล้ววาดได้ทันทีทุกที่

จุดถัดมาที่ชอบ คือทาง ASUS ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาด้วย เวลาพกเครื่องไปไหนมาไหนก็พกแต่ปลั๊ก GaN กับสาย USB-C ก็ชาร์จแบตเตอรี่ให้เครื่องนี้ได้ทันที หรือถ้าจะต่อหน้าจอที่มีพอร์ต USB-C ที่รองรับ Thunderbolt ก็ต่อใช้งานได้สะดวกมาก และ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นี้ก็ไม่ได้จำกัดตัวเองว่าถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาก็ตัดประเด็นเรื่องอัพเกรดทิ้งไปได้เลย เพราะบนเมนบอร์ดก็มีช่อง SO-DIMM ให้อัพเกรดแรมเป็น 16GB DDR4 ติดมาให้ ดังนั้นถ้าซื้อมาใช้งานแล้วรู้สึกว่าแรมไม่พอก็เปิดฝาอัพเพิ่มได้ทันทีอีกด้วย

ส่วนที่ชอบเป็นพิเศษและเป็นเงื่อนไขหลักเวลาพิจารณาจะซื้อโน๊ตบุ๊คสักเครื่องของผู้เขียนเอง คือระบบยืนยันตนแบบชีวมาตร (Biometric) ซึ่ง Vivobook S 14 Flip OLED มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้โดยรวมไว้กับปุ่ม Power ก็ดึงดูดความสนใจของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี ยิ่งในปัจจุบันนี้ที่ยังไม่ควรถอดหน้ากากอนามัยตอนอยู่ในที่สาธารณะนั้น การปลดล็อคเครื่องด้วยเซนเซอร์สแกนใบหน้าก็ไม่ได้สะดวกอย่างที่คิด แต่ถ้าสแกนลายนิ้วมือเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมาทันที ซึ่งผู้เขียนชอบฟังก์ชั่นนี้มากเพราะตอนไปนั่งตามร้านกาแฟก็ไม่ต้องปลดหน้ากากแต่เอานิ้วนาบตรงปุ่ม Power ก็ปลดล็อคเครื่องใช้ทำงานได้ทันที ไม่ต้องปลดหน้ากากออกใส่เข้าใหม่อยู่อย่างนั้นให้เสียเวลา

Conclusion & Award

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00167

หากจะหาโน๊ตบุ๊คที่ครบเครื่องเอาไว้ทำงานสักรุ่น ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นับเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นแรกๆ ที่ผู้เขียนอยากแนะนำให้ผู้อ่านไปลองจับลองเล่นตัวจริงดูจะได้เห็นว่า ASUS Vivobook นั้นได้อัพเกรดจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปซีรี่ส์หนึ่งให้พรีเมี่ยมยิ่งขึ้น จะกล่าวว่างานประกอบแข็งแรงไล่เลี่ยกับ Zenbook ก็ไม่ผิด ได้เลยและยังมีฟีเจอร์ดีๆ ติดมาให้เยอะมากไม่ว่าจะจอทัชพาเนล OLED ขอบเขตสีกว้างและเที่ยงตรง, มีปากกา ASUS Pen 2.0 ให้ใช้และทัชแพดเป็น ASUS NumberPad 2.0 ให้กดสลับโหมดเป็น Numpad พิมพ์ตัวเลขได้รวดเร็ว แถมยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ด้วย นับเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับคนทำงานที่ดีและฟีเจอร์ครบเครื่องที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งถ้าผู้เขียนกำลังคิดจะซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่อยู่ ก็คงตัดสินใจซื้อเครื่องนี้ไปใช้โดยไม่คิดมาก

ส่วนตัวถ้าจะหาอุปกรณ์เสริมให้ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ล่ะก็ ผู้เขียนแนะนำให้อัพเกรดแรมไป 16GB ก่อนเป็นอย่างแรก ส่วนเรื่อง M.2 NVMe SSD ในเครื่อง ผู้เขียนแนะนำให้หา External SSD ที่ใช้พอร์ต USB-C จะใช้งานได้ดีและสะดวกกว่าแน่นอน และใครจะเพิ่ม USB-C Multiport Adapter มาเผื่อต่อพอร์ตอื่นๆ เช่น LAN หรือ SD/MicroSD Card Reader ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แต่ละคนเลย

award

NBS award 4 Mobility

best mobility

ตัวเครื่อง ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นั้นหนัก 1.5 กิโลกรัม จัดว่าไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้ แต่อเนกประสงค์กว่า เพราะมีพอร์ต Thunderbolt 4 ติดตั้งมาให้ เลยไม่ต้องติดอแดปเตอร์เฉพาะไปไหนมาไหนเสมอ 

award new Graphic

best graphic

หน้าจอทัชพาเนล OLED ขอบเขตสีกว้างและเที่ยงตรงของ Vivobook S 14 Flip OLED นี้ ตอบโจทย์ช่างกล้องที่หาโน๊ตบุ๊คหน้าจอดีๆ เอาไว้ทำงาน และมี ASUS Pen 2.0 เอาไว้เขียนบนหน้าจอได้โดยตรงด้วย ก็ไม่ต้องวุ่นวายหาเมาส์ปากกามาต่อแยกเพื่อเซ็นเอกสารหรือวาดภาพเลย

from:https://notebookspec.com/web/670281-review-asus-vivobook-s-14-flip-oled

ASUS Vivobook Pro 15 OLED สีตรง แต่งภาพ ตัดต่อ เล่นเกม สีสดใส 2.8K 120Hz จบในตัว

ASUS Vivobook Pro 15 OLED โน๊ตบุ๊ค 2.8K 120Hz จอสีสดใส การ์ดจอ RTX ราคาเบาๆ

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS Vivobook Pro 15 OLED โน๊ตบุ๊คทำงานกึ่งไลฟ์สไตล์ เข้ากันได้ในทุกช่วงชีวิตกับหน้าจอขนาดใหญ่ 15.6″ ให้ความละเอียดถึง 2.8K สีสันสดใสในแบบ OLED ขุมพลัง Intel Core i7-12760H ที่พร้อมตอบสนองการใช้งานในด้านต่างๆ เช่นเดียวกับแรม DDR5 และกราฟิกการ์ดแบบแยก GeForce RTX 3050Ti กับดีไซน์บนพื้นฐานของ ASUS Vivobook อย่างเต็มรูปแบบ คีย์บอร์ด Full-size กดง่าย ตอบสนองไว แสงไฟ Backlit บนคีย์บอร์ด ปรับระดับความสว่างได้ ฮอตคีย์มีมาให้ครบ และบานพับที่กางออกได้ถึง 180 องศา ให้การระบายความร้อน ASUS IceCool Plus ลดอุณหภูมิได้ดีขึ้น รวมถึงพอร์ตที่มีให้ครบครัน รวมถึง Thunderbolt 4 ที่ใช้งานได้อเนกประสงค์ น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.8Kg เท่านั้น พร้อม Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที และมี Perfect Warranty มาให้อุ่นใจในการใช้งาน สนนราคาเริ่มอยู่ที่ 43,990 บาท

ASUS Vivobook Pro 15 OLED


จุดเด่น

Advertisementavw
  • จอภาพ OLED สีสันสดใส ให้ความแม่นยำสีสูง
  • ความละเอียด 2.8K เหมาะกับการทำงานด้านภาพ
  • สเปค Intel Core i7-12760H+DDR5 ให้ประสิทธิภาพที่ดี
  • มาพร้อมพอร์ต Thunderbolt 4
  • คีย์บอร์ดแสงไฟ Backlit ปรับระดับได้
  • กล้องเว็บแคมคมชัด ไมโครโฟน Ai Noise Cancelling
  • กางหน้าจอได้ 180 องศา
  • ระบายความร้อนได้ดีพอสมควร
  • มี Certified DisplayHDR True Black 600

ข้อสังเกต

  • มี Thunderbolt 4 มาให้พอร์ตเดียว
  • ไม่รองรับสแกนลายนิ้วมือ
  • แรมออนบอร์ด อัพเกรดไม่ได้

Specification

Description
สี Quiet Blue
ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home – ASUS recommends Windows 11 Pro for business
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i7-12650H Processor 2.3 GHz (24M Cache, up to 4.7 GHz, 10 cores)
จอภาพ 15.6-inch, 2.8K (2880 x 1620) OLED 16:9 aspect ratio, 0.2ms response time, 120Hz refresh rate, 600nits peak brightness , 100% DCI-P3 color gamut , 1,000,000:1, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 600 , 1.07 billion colors, PANTONE Validated
หน่วยความจำ 16GB LPDDR5 on board
ตัวจัดเก็บข้อมูล 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD
การเชื่อมต่อและการต่อขยาย 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A
2 x USB 2.0 Type-A
1x Thunderbolt™ 4 supports display / power delivery
1 x HDMI 2.1
1x 3.5mm Combo Audio Jack
1x DC-in
Micro SD card reader
คีย์บอร์ดและทัชแพด Backlit Chiclet Keyboard with Num-key , 1.4mm Key-travel, -, Touchpad
กล้อง กล้อง 1080p FHD
With privacy shutter
เสียง Smart Amp Technology
Built-in speaker
Built-in array microphone
harman/kardon (Mainstream)
with Cortana and Alexa voice-recognition support
ระบบไร้สาย Wi-Fi 6E(802.11ax) (Dual band) 2*2 + Bluetooth 5
แบตเตอรี่ 70WHrs, 3S1P, 3-cell Li-ion
น้ำหนัก 1.80 kg
ขนาด (กว้าง x ลึก x สูง) 35.98 x 23.43 x 1.89 ~ 1.99 cm
ASUS Exclusive technology ASUS Antibacterial Guard
Military Grade US MIL-STD 810H military-grade standard
Price 43,990 Baht

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


Hardware / Design

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS Vivobook Pro 15 มาในธีมสีที่เรียกว่า Quiet Blue ซึ่งเป็นสีพื้นฐานที่ถูกใช้บน Vivobook มาหลายๆ รุ่น รวมถึง ExpertBook ด้วยเช่นกัน โดยเป็นแนวสีน้ำเงิน+เทาเข้มๆ ดูแล้วเข้าได้กับทุกสภาพการณ์ จะเอาไปใช้ที่ทำงาน เรียนออนไลน์ นั่งชิลร้านกาแฟ หรือประชุมลูกค้าก็ลงตัวดีครับ

ASUS Vivobook Pro 15

โครงสร้างมาในไซส์ของโน๊ตบุ๊คระดับ 15.6″ หลายๆ รุ่นของ ASUS วัสดุแข็งแรงดี ฝา Cover จับแล้วไม่ยวบยาบ โลโก้ ASUS Vivibook เป็นแบบแวววาวอยู่ด้านบน เส้นสายทำให้ดูทันสมัยดีทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

ขอบจออาจไม่ได้บางมาก เพราะต้องรับโครงสร้างของตัวจอขนาดใหญ่ กรอบจออยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั้ง 3 ด้าน บางพอๆ กับ Vivibook 16 ที่เราเคยได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ ให้พื้นที่ในการแสดงผลประมาณ 84% Screen to Display อยู่ในระดับที่กว้างดีทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

มุมมองจากด้านข้าง มิติของขอบบานหน้าจอมีความบาง และบอดี้เอง ก็มีการจัดวางเส้นสาย ให้ดูมีมิติและความบางมากขึ้น พร้อมพอร์ตต่อพ่วงและไฟแสดงสถานะ

ASUS Vivobook Pro 15

ฝั่งขวามือมาพร้อมพอร์ตให้ใช้งานอย่างครบครัน เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และหนึ่งในนั้นก็เป็น Thunderbolt 4 อีกด้วย ซึ่งเป็นพอร์ตสารพัดประโยชน์เลยทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

บานพับที่กาง 180 องศา เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแชร์หน้าจอ เพื่อแบ่งปัน พรีเซนเทชั่นหรือการแนะนำสินค้าให้คนที่อยู่โดยรอบได้เห็นภาพไปพร้อมๆ กัน

ASUS Vivobook Pro 15

ด้านหลัง มาพร้อมช่องดูดลมเย็นเข้าสู่ระบบ เป็นช่องขนาดเล็ก แต่มีความถี่จำนวนมาก ดีไซน์ให้เข้ากับเส้นสายของตัวเครื่อง ด้านล่างเป็นช่องลำโพงให้พลังเสียงได้อย่างเต็มอิ่มทีเดียวในการทดสอบของเรา ยิ่งเหล่าเกมเมอร์ กับเน้นชมภาพยนตร์เป็นหลัก ไม่ควรพลาด

ASUS Vivobook Pro 15

บรรดาสติ๊กเกอร์ที่บริเวณจุดวางมือ รายงานถึงคุณสมบัติสำคัญๆ เอาไว้อย่างครบครัน เช่น ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool Plus, มีพอร์ต Thunderbolt 4 และ Privacy Shutter เป็นต้น

ASUS Vivobook Pro 15

คีย์บอร์ดขนาดใหญ่ในแบบ Full Size ให้การพิมพ์ที่สนุกมือ โดดเด่นที่โลโก้แบบ Slate อยู่บริเวณปุ่ม Enter ระยะห่างของปุ่มกดง่าย ฮอตคีย์อยู่ด้านบน เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน

ASUS Vivobook Pro 15

และที่ขาดไม่ได้นั่นคือ จอภาพในแบบ OLED สีสันสดใส ซึ่งพอใช้ดูภาพยนตร์แบบ Fullscreen ด้วยแล้ว นอกจากสีสันจะจัดจ้าน แบบที่เราคาดไว้ ขอบจอบางๆ ยิ่งทำให้ได้อรรถรสในการรับชมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในโทนสีดำหรือฉากมืด คุณจะได้เห็นอะไรดีๆ บนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อีกมากเลยทีเดียว และที่สำคัญยังมาพร้อม DisplayHDR TrueBlack 600 ตัวท็อปสุดในสายนี้ ต้องมีอะไรดีๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ


Keyboard / Touchpad

ASUS Vivobook Pro 15

คีย์บอร์ดในแบบ Full-size มาในสไตล์เดียวกับ Vivobook 16 ที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในเรื่องของเลย์เอาท์ การวางปุ่มต่างๆ ไปในทางเดียวกัน เรื่องระยะห่างของปุ่ม และพื้นที่วางมือ แทบจะใกล้เคียงกันทั้งหมด เสน่ห์อยู่ที่ปุ่มขนาดใหญ่ ฟอนต์ตัวอักษรก็ดูง่าย ทำให้เหมาะกับคนทำงาน หรือคนที่ต้องพิมพ์เอกสารบ่อยๆ เพราะง่ายต่อการมอง หรือจะพิมพ์สัมผัสก็สนุก

ASUS Vivobook Pro 15

ปุ่มกดแน่นนุ่ม แต่เสียงเบา ลงน้ำหนักนิ้วได้อย่างสะใจ โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบแนวนี้ เพราะมีงานที่ต้องใช้คีย์บอร์ดในแต่ละวันเยอะ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น แต่สายเกมมิ่ง อาจจะรู้สึกไม่คุ้นชินตอนแรก ซึ่งถ้าเล่นเกมแอ็คชั่นทั่วไป ไม่เน้นคีย์เยอะ ก็เล่นได้สนุก แต่ถ้าจะให้สนุกแบบมีแรงต้าน จังหวะคลิ๊กแนะนำว่าต่อ Mechanical keyboard เอาไว้เล่นจะได้ความมันส์เพิ่มขึ้น

ASUS Vivobook Pro 15

โลโก้สะดุดตาที่ปุ่ม Enter ที่เป็นแบบ Slate ในงานวีดีโอ

ฮอตคีย์ด้านบน มีให้อย่างครบถ้วน ตรงนี้ผมถือว่า ASUS เป็นอีกหนึ่งค่าย ที่มีให้ใช้งานครบมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ปิดลำโพง, เพิ่ม-ลดเสียง, เพิ่ม-ลดแสงหน้าจอ, ทัชแพด, แสงไฟคีย์บอร์ด, ส่งสัญญาณไปยังจอภายนอก, ไมโครโฟน, ปิดกล้องเว็บแคม, Snipping tool, MyASUS, จับภาพหน้าจอ ที่เหลือก็จะเป็น Del, Insert และ ปุ่มเพาเวอร์อยู่ทางขวามือสุด

ASUS Vivobook Pro 15

ที่ทัชแพดขนาดใหญ่ 13.5cm x 7cm พร้อมปุ่มคลิ๊กซ้าย-ขวา แบบซ่อนเอาไว้ รองรับการใช้ Multi-Gesture เช่น 2 นิ้วย่อ-ขยาย, 3 นิ้ว เปิด Task View เลือกหน้าต่างโปรแกรม เป็นต้น ด้านหน้ามีเว้าตรงกลาง ให้นิ้วดันจอขึ้นมาได้ ข้อดีคือ ทำให้จอมีความแน่นหนา ไม่เขย่าหรือสั่นง่าย เวลาใช้งาน โดยเฉพาะคนที่ลงน้ำหนักที่นิ้วเวลาพิมพ์

คีย์บอร์ดมาพร้อมแสงไฟ Backlit สามารถใช้งานในที่แสงน้อยได้ และยังปรับการใช้งานได้ตามสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิด ได้ที่ปุ่ม F7 รวมถึงการปรับระดับความสว่างได้อีก 2 ระดับ เพื่อการใช้งานในรูปสภาวะแสงในบริเวณต่างๆ

บริเวณที่วางมือ มาพร้อมโลโก้ต่างๆ เช่น ซีพียู Intel Core i7, กราฟิก GeForce RTX รองรับฟีเจอร์ที่ใช้ไดรเวอร์ Studio ได้ Pantone Validated: รองรับมาตรฐานเฉดสีที่ใช้งานจอในการตกแต่งภาพ โดยเฉพาะงาน Production ออกมาแล้ว ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เรื่องนี้หลายฝ่ายค่อนข้างให้ความสำคัญมากทีเดียว

ASUS Perfect Warranty การรับประกันที่มั่นใจได้จาก ASUS การรับประกัน 2 ปี ปีแรกครอบคลุมถึงอุบัติเหตุต่างๆ เช่น ตกหล่น น้ำหกใส่ หรือไฟฟ้าลัดวงจรเป็นต้น นอกจากจะมาพร้อม Windows 11 Home แล้ว ยังมี Office Home & Student มาอีกด้วย

ด้านขวาจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่บอกถึงฟีเจอร์หลักๆ บน ASUS Vivobook Pro 15 รุ่นนี้ เช่น

  • ชุดระบายความร้อน ASUS IceCool Plus
  • พอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 4
  • ฝาปิดกล้องเว็บแคม เพื่อความเป็นส่วนตัว
  • Ai Noise Cancelling ลดเสียงรบกวน ให้เสียงสนทนาเคลียร์ชัด
  • กางหน้าจอได้ 180 องศา
  • ASUS WiFi Master Premium การเชื่อมต่อไร้สาย

Screen / Speaker

ASUS Vivobook Pro 15

ผมอยากจะให้มาเริ่มกับหน้าจอแสดงผล OLED ที่เป็นไฮไลต์ของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ให้ความละเอียดที่ 2880 x 1620 ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะสัดส่วนของหน้าจอเป็นแบบ 16:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรตมาถึง 120Hz ด้วยกัน ซึ่งจะให้ภาพที่มีความนุ่มนวลลื่นไหล มาพร้อมกับ Certified ต่างๆ มากมาย เช่น Pantone Validate จอที่ได้การปรับจูนให้เข้ากับระบบสีสากลที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ตามมาตรฐาน ซึ่งจำเป็นอย่างมากในงานด้านภาพและคอนเทนต์

ASUS Vivobook Pro 15

ขอบจอที่บางสุดๆ ทำให้ความรู้สึกในการชมภาพยนตร์ หรือการใช้พื้นที่หน้าจอในการทำงานได้เต็มตาเต็มอารมณ์มากขึ้น ยิ่งเป็นจอขนาด 15.6″ ด้วยแล้ว และใช้ความละเอียดระดับ 2.8K ก็ทำให้คุณได้พื้นที่ในการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม ในโหมดของ Full screen หรือ Frameless ก็ตาม

ขอบด้านข้างซ้าย-ขวา และบนมีความบาง แม้จะไม่ได้บางที่สุด เพราะด้วยโครงสร้างจอขนาดใหญ่ ซึ่งจะรับบทบาทในเรื่องน้ำหนัก และความแข็งแรงเอาไว้ด้วย การจับถือก็ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องการบิดตัวมากนัก

มุมมองจากทางด้านซ้ายและขวาของโน๊ตบุ๊ค ให้ความคมชัดด้วยกันทั้ง 2 ด้าน ด้วยความเป็นจอ OLED ที่ให้สีสันสม่ำเสมอ และภาพที่มีความสดใส จึงเหมาะกับการใช้งานในหลายๆ ประเภท รวมถึงการแชร์ภาพให้คนข้างๆ ได้ดูกันได้อย่างชัดเจน

บานพับหน้าจอสามารถกางได้หลายระดับ ตั้งแต่พับปิดทำได้แนบสนิท ไปจนถึงกางออกได้สุดถึง 180 องศา เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้าน ซึ่งก็รวมถึงการพรีเซนท์งานของเหล่า Content Creator ที่ให้คนด้านข้าง หรืออยู่ตรงข้ามได้ชมกันแบบทั่วถึง หลายคนน่าจะชื่นชอบกับการกางแบบนี้ เพราะสามารถเปลี่ยนอิริยาบทในการใช้งานได้มากขึ้น

ASUS Vivobook Pro 15

มุมมองใกล้ๆ ของบานพับที่เป็นส่วนหนึ่งในการยกมุมของคีย์บอร์ด และปรับมุมหน้าจออยู่บ้าง ในกรณีที่ปรับมุมแบบพื้นฐาน ส่วนการกาง 180 องศา ตัวยางที่อยู่ด้านใต้จะรับหน้าที่ป้องกันรอยขูดขีดจากพื้นโต๊ะได้เลย การปรับมุมนี้ จะคล้ายกับใน ASUS ExpertBook หลายๆ รุ่น

ASUS Vivobook Pro 15 OLED 78

และเมื่อเราดูจากการเคลมของ ASUS ที่ว่าสเปคมา หลายอย่าง เช่น ค่า DCI-P3 100% และ Delta-E น้อยกว่า 2 ซึ่งผลที่ได้ก็อยู่ที่ 100% DCI-P3 Coverage และ Delta-E ก็ถือว่าใกล้เคียง เพราะค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.14 เท่านั้น แต่สูงสุดก็มากกว่า 2 อยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าให้ขอบเขตสีที่กว้าง

DisplayHDR True Black 600 จัดว่าท็อปสุดในเวลานี้แล้ว ขยายความตรงนี้นิดนึงครับ สำหรับคนที่อาจสงสัย สำหรับ DisplayHDR True Black เป็น Certified เดียวกับ Display HDR แต่เพิ่มเติมเข้ามาสำหรับจอ OLED ที่มีเรื่องการเปล่งแสงสีดำน้อยที่สุด โดยเงื่อนไขสามารถดูได้จากตาราง Certified นี้ได้เลย

DisplayHDR table
ที่มา: HDRDisplay

การเป็น DisplayHDR True Black 600 นี้ เหนือกว่า Certified อื่นๆ ที่เป็น DisplayHDR ธรรมดาอยู่มากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น การเปล่งแสงสีดำที่น้อยสุดๆ ทำให้ฉากสีดำ ดำสนิด มองเห็นรายละเอียดได้ชัด สิ่งที่ผู้ใช้จะได้ก็คือ ความลึกของภาพที่มีมิติ และลดการใช้พลังงานลง เพราะพิกเซลเปล่งแสงแบบจุด ไม่ได้เป็นแบบโซนเหมือน LED ทั่วไป

ASUS Vivobook Pro 15 OLED 89

โดยการรองรับ HDR ก็ยิ่งทำให้การเกลี่ยสีมีความสดใส และยังได้ค่า Contrast ที่สูง จึงเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม และชมภาพยนตร์ได้มากกว่าเดิม อย่างเช่น ตัวอย่างที่เราได้นำเสนอนี้ ด้านซ้ายจะเป็นจอ OLED ส่วนทางด้านขวา จะเป็นจอ LED บนโน๊ตบุ๊ค ASUS จะเห็นความแตกต่างในด้านของสีอยู่ไม่น้อยเลย

ASUS Vivobook Pro 15

กล้องเว็บแคมที่มากับ ASUS Vivobook Pro 15 OLED ความละเอียด Full-HD 1080p มีความคมชัดสูง และยังมี Privacy Shutter ที่ปิดฝาด้านหน้ากล้อง เพื่อความเป็นส่วนตัว และเทคโนโลยี 3DNR ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพ ด้านข้างมาพร้อมไมโครโฟน พร้อมฟีเจอร์ที่เรียกว่า AI Noise Cancellation ในการตัดเสียงรบกวน ให้การสนทนาที่ชัดเจน โดยเฉพาะคนที่ต้องการความคมชัดในด้านของเสียง และใช้งานในที่ที่มีเสียงโดยรอบ ซึ่งจากการใช้งานในห้องทำงาน ที่มีพนักงานนั่งรวมกัน อาจจะมีเสียงแทรกมาบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังมีความเคลียร์ชัดได้ดี และคุณยังเข้าไปปรับแต่งเพิ่มเติมได้จากซอฟต์แวร์ MyASUS ในการตั้งค่าเสียงรบกวน จากด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงการปิดเสียงที่มาจากรอบด้านได้ ฟีเจอร์นี้่ค่อนข้างจะได้ประโยชน์ในการใช้งานในหลายๆ สภาวะได้ดี

Webcam 2

และเมื่อเราดูจากการเคลมของ ASUS ที่ว่าสเปคมา หลายอย่าง เช่น ค่า DCI-P3 100% และ Delta-E น้อยกว่า 2 ซึ่งผลที่ได้ก็อยู่ที่ 100% DCI-P3 Coverage และ Delta-E ก็ถือว่าใกล้เคียง เพราะค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.14 เท่านั้น แต่สูงสุดก็มากกว่า 2 อยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าให้ขอบเขตสีที่กว้าง

DisplayCAL test

ส่วนค่าความสว่างจากการทดสอบบน DisplayCAL ก็ทำได้ถึง 388cd/m2 ซึ่งใกล้เคียงกับที่ทาง ASUS เคลมเอาไว้อีกด้วย ถือว่าจอภาพที่ให้มาบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะกับการทำงานได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะงานที่ซีเรียสเรื่องสี เช่น การพรีเซนเทชั่นสินค้าให้ลูกค้า ตรวจงานอาร์ตเวิร์กหรือต้องส่งงานโปรดักส์ชั่น ก็พอรับไหว

ASUS Vivobook Pro 15

ชุดลำโพงที่อยู่ด้านล่างทั้งซ้ายและขวา ให้ทิศทางเสียงกดลงพื้นโต๊ะ และสะท้อนเสียง เพื่อการรับฟังได้ชัดเจนมากขึ้น


Connector / Thin And Weight

ASUS Vivobook Pro 15

ทางด้านซ้าย จะมีเพียงพอร์ต USB 2.0 Type-A มาให้ 2 พอร์ต และไฟแสดงสถานะ และไฟแบตเตอรี่

ASUS Vivobook Pro 15

พอร์ตทางด้านขวา ประกอบด้วย DC-In สำหรับชาร์จไฟ, USB 3.2 Type-A, HDMI 2.1, Thunderbolt 4 อย่างละ 1 พอร์ต พร้อมสล็อต microSD card reader และ 3.5mm Audio jack โดยที่ Thunderbolt 4 รองรับการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง, การชาร์จไว และการแสดงผลร่วมกับ DP ได้อีกด้วย

ASUS Vivobook Pro 15

ลองต่อสายแบบจัดเต็ม ระยะช่องไฟมีพอสมควร ให้หัวต่อต่างๆ สามารถติดตั้งกันอย่างใกล้ชิดได้ แต่ก็จะมีบางอุปกรณ์ที่มีหัวต่อขนาดใหญ่ อาจจะไม่สะดวกต่อการติดตั้ง เพราะจะไปเบียดกับสายต่อข้างๆ ได้ แต่ส่วนใหญ่ สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งหมด แต่ที่ติดอยู่เล็กน้อยก็คือ น่าจะมีพอร์ต RJ-45 สำหรับสาย LAN มาให้บ้าง เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 15.6″ และเป็นสาย Creator ด้วย โดยส่วนตัวมองว่ามีบทบาทต่อการใช้งานพอสมควร

ASUS Vivobook Pro 15

น้ำหนักที่ชั่งได้สุทธิก็คือ 1.79Kg ซึ่งเบากว่าที่เคลมไว้หน้าสเปคคือ 1.8Kg อยู่นิดหน่อย ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี อาจจะเหมาะวางโต๊ะ แทนพีซีก็ได้ หรือจะพกพาใส่กระเป๋าไปพบลูกค้าก็ยังพอไหว เพราะถ้าเทียบกับโน๊ตบุ๊คในระดับใกล้กันอย่างที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค ยังถือว่าเบากว่าพอสมควร

ASUS Vivobook Pro 15

จะไม่บอกน้ำหนักอแดปเตอร์ ก็กลัวว่าจะไม่ครบ ก็จะประมาณ 400 กรัม เมื่อรวมกับตัวเครื่องแล้ว ก็อยู่ราวๆ 2.2Kg ครับ เน้นงานสั้นๆ ข้างนอก ไม่ต้องพกก็ได้ หรือถ้าจะเดินทางพกไปใส่กระเป๋าเป้ ก็ยังไหว


Inside / Upgrade

ASUS Vivobook Pro 15

การแกะเปิดฝาหลัง เพื่อดูองค์ประกอบภายใน ทำได้ไม่ยากครับสำหรับโน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook Pro 15 รุ่นนี้ เพราะใช้น็อตประมาณ 10 ตัวเท่านั้น แต่ส่วนที่เป็นพอร์ตด้านข้าง กับบริเวณใกล้กับบานพับอาจจะแน่นไปบ้าง แต่ใช้เครื่องมือที่เป็นพลาสติกบางๆ แกะออกมาได้ และภายในจะเป็นแบบในภาพนี้เลย การจัดวางสิ่งต่างๆ ทำได้ลงตัวดี กับชุดระบายความร้อน ASUS IceCool Plus พัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัวและฮีตไปป์ที่วิ่งมาแบบเรียบง่าย

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS จัดวางชิ้นส่วนต่างๆ เรียกว่าเต็มพื้นที่ภายในมาเลยทีเดียว โดยเฉพาะพัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัว และฮีตไปป์ ที่ช่วยในการระบายความร้อนกับเทคโนโลยี ASUS IceCool Plus โดยมีฮีตไปป์ 2 เส้น วิ่งผ่านระหว่างซีพียู และกราฟิก ซึ่งอาจจะดูน้อยไปบ้าง ถ้าเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่เยอะกว่าโน๊ตบุ๊คพื้นฐานทั่วไป เพราะมีพัดลมให้ถึง 2 ตัวด้วยกัน

ASUS Vivobook Pro 15

ด้านบนเป็นแรมระบบ LPDDR5 4800 ความจุ 16GB ติดตั้งมาบนบอร์ดให้แล้ว แต่ไม่มีสล็อตเพิ่มเติมมาให้ อย่างไรก็ดีแรมระดับ 16GB นี้ ก็มากพอสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นแรม DDR5 ที่มีความเร็วและแบนด์วิทธิ์ที่กว้างกว่า DDR4 พอสมควร การใช้งานที่ต้องการทั้งความเร็ว และทำงานร่วมกับปริมาณข้อมูลเยอะๆ จะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้มากขึ้น

ASUS Vivobook Pro 15

ถัดลงมาจากพัดลม ก็จะมี Storage ที่เป็น SSD ในแบบ M.2 NVMe PCIe 3.0 มาให้ ความจุ 512GB และมีให้เพียงสล็อตเดียวเท่านั้น ซึ่งจากการทดสอบความเร็วอยู่ในระดับ 3,000MB/s (Read) ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ที่จัดการซอฟต์แวร์และงานต่างๆ ได้ในระดับที่ดี รวมถึงการเปิดเครื่อง และเข้าโปรแกรมอีกด้วย ส่วนการอัพเกรดต้องใช้การถอดเปลี่ยนตัวเดิมเท่านั้น

ASUS Vivobook Pro 15

โน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook Pro 15 ยังได้รับการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD 810H เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้ ว่ารองรับงานในสภาพแวดล้อมชีวิตประจำวันได้ดี ไม่ว่าจะเป็น การสั่นสะเทือน เช่น การวางในรถหรือใกล้เครื่องจักร ตกกระแทก ความร้อนสูง หรือมีความเย็นและเมื่อต้องเจอกับความชื้นก็ตาม


Performance / Software

CPUz1

CPUz รายงานว่าเป็นซีพียู Intel Core i7-12650H เป็นซีพียูในตระกูลของเกมมิ่ง ที่ให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่สูง ทำงานในแบบ 10 core/ 16 thread สำหรับการใช้งานแบบมัลติทาส์กกิ้ง ความเร็วในการบูสท์ได้สูงสุดถึง 4.7GHz เหมาะกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่มนี้ เพราะค่าการใช้พลังงานไม่สูงมาก และ Max. สูงสุดแค่ 115W เท่านั้น พอที่จะให้ทำงานแบบโหดๆ ในช่วงที่ไม่ได้เสียบชาร์จได้พอสมควร เพราะแบตให้มาถึง 70Whr

CPUz3 1

ASUS Vivobook Pro 15 ให้แรมระบบมา 16GB เป็นแบบ LPDDR5 ซึ่งถือว่าจัดจ้านในย่านราคากับกลุ่มโน๊ตบุ๊คเดียวกัน ซึ่งความจุระดับนี้ ก็ตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้านได้แล้ว โดยเฉพาะงานที่ต้องการทั้งแบนด์วิทธิ์ และความเร็ว เช่นการโอนถ่ายข้อมูลขนาดใหญ่ มีไฟล์จำนวนมาก และการเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ เช่น ภาพหรือวีดีโอ รวมถึงการเปิดโปรแกรม ก็จะไหลลื่นมากขึ้น อย่างไรก็ดีเท่าที่เราเข้าไปเช็ค ไม่มีสล็อตสำหรับการอัพเกรด แต่ระดับ 16GB เท่าที่ทดสอบ รองรับความต้องการในชีวิตประจำวันของคุณได้เลย

CPUz3 2
CPUz2 2

GPUz สำหรับกราฟิกนั้นมีให้ทั้ง 2 แบบคือ Intel Iris Xe ที่มีอยู่ในซีพียู ซึ่งรองรับการใช้งานพื้นฐาน และความบันเทิงทั่วไป นอกจากนี้สำหรับเหล่าเกมเมอร์ ASUS ก็ให้กราฟิกแยกมาด้วยในรุ่น GeForce RTX3050Ti ซึ่งมาพร้อม VRAM GDDR6 4GB และเป็นตัวท็อปสุดของสายนี้ เพราะยังมี RTX3050 รุ่นน้อง ซึ่งเป็นรุ่นรอง และมีอยู่ในโมเดลของ ASUS รุ่นนี้ด้วย ราคาประมาณ 38,990 บาท

ASUS Vivobook Pro 15

CrystalDiskMark ให้ผลการทดสอบอยู่ในะดับที่ดี กับการอ่านข้อมูล 3,000MB/s และเขียน 1,600MB/s โดยประมาณ ซึ่งผลที่ได้ถือว่าทำได้ดีกว่า Vivobook 16 ที่เคยทดสอบมาเล็กน้อย ส่วนหนึ่งก็มาจากการใช้ SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 x4 แต่ก็ตอบโจทย์ในงานต่างๆ ได้ดีไม่น้อยเลย การเปิดโปรแกรมและเกมก็ทำได้รวดเร็วดี แต่ถ้าใครจะอยากเพิ่มความเร็วมากขึ้น ลองเป็น SSD PCIe 4.0 ก็ช่วยได้มากเลยครับ

ASUS Vivobook Pro 15

การทดสอบโดยรวมของระบบบน PCMark10 ที่แสดงให้เห็นศักยภาพในการทำงานในชีวิตประจำวัน โดยตัวเลขส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะกับ Essential ที่เป็นการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์พื้นฐานในชีวิตประจำวัน และด้าน Productivity ที่ทำคะแนนไปได้ถึง 8,564 ส่วน Digital Content ที่เป็นงานในด้านมัลติมีเดีย การเรนเดอร์วีดีโอ ซีพียูและแรมมีส่วนสำคัญ ก็ทำไปได้ถึง 7,651 ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ผู้ที่ใช้งานในด้านนี้ได้มากทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

การทดสอบ ASUS Vivobook Pro 15 ด้วยโปรแกรม CINEBench ซึ่งเป็นตัวแทนของ CINEMA4D ซีพียูสามารถให้ประสิทธิภาพได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยการทำงานที่มี Core/Thread จำนวนมากแบบนี้ ก็ทำให้มีความลื่นไหลมากขึ้น เมื่อเทียบกับซีพียูในระดับใกล้เคียง ถือว่า Intel Core i7 นี้ มีความโดดเด่นไม่น้อยเลยในหลายการทดสอบ ในโหมดของการทำงาน อย่างเช่น เรนเดอร์ 3D และตัดต่อวีดีโอ ก็ยังไปได้สวย สำหรับสาย Content Creator ที่กำลังเริ่มต้นกับงานวีดีโอพื้นฐาน ทำคลิปง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน หรือทำพรีเซนเทชั่นเพื่อนำเสนอกับลูกค้า

Ray Bench scaled

การทดสอบ V-RAY ด้วยการเรนเดอร์กราฟิก 3 มิติทั้งในส่วนของซีพียูและ GPU ซึ่งผลที่ได้เป็นดังนี้ V-RAY CPU ได้ที่ 12730Ksample และ V-RAY GPU 201Mpaths

Game test 1

ผลที่ได้จากการทดสอบด้วยเกม 3 มิติ ASUS Vivobook Pro 15 ถือว่าไหลลื่นดีทีเดียว จากการทดสอบบน Settings Medium และ Balance บนความละเอียด Full-HD 1080p ส่วนของเกมที่ใช้สเปคหนักหน่อยอย่าง SCUM ก็ไปได้เกือบ 100fps. และเฉลี่ยที่ราว 82fps. ภาพออกมาสวยเนียนดีทีเดียว ซึ่งขยับมาเล่นที่ High พอได้ แต่อาจจะต้องเซ็ตค่า Detail บางอย่างลง เพื่อให้ได้อยู่ที่ 50fps ก็ดูสวย ส่วน Resident Evil Village เกมนี้ก็เล่นได้อย่างสบายตา เมื่ออยู่ในโหมดนี้ ลดความหลอนไปได้ระดับหนึ่ง กับการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว นิ่งๆ อยู่ที่ 140fps. สำหรับ Average เกมนี้คุณตั้ง High ก็ยังสนุกได้ เพราะจากที่ได้ลองก็มีระดับ 90fps++ ไหลลื่นสนุกได้เต็มที่

ทำงานด้านตัดต่อวีดีโอ: เรา Export Video ด้วยไฟล์ 4K 30fps. ได้ลื่นไหล พรีวิวได้ไม่สะดุด เมื่อใช้งานร่วมกับ Adobe Premier Pro เรื่องการแต่งภาพทำได้อยู่แล้ว หน้าจอ OLED สีตรง ให้ความมั่นใจได้ในงานด้านนี้

MyASUS1

เพิ่มเติมให้อีกนิดสำหรับคนที่ใช้โน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook Pro 15 รุ่นนี้ กับซอฟต์แวร์ MyASUS ตั้งแต่การเช็คฮาร์ดแวร์ มอนิเตอร์ระบบ ดูเรื่องการรับประกัน การขอคำแนะนำเมื่อเกิดปัญหา รวมไปถึงการเปิด-ปิดฟีเจอร์ และจูนอัพระบบมีมาให้ครบ ยังไม่รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ ที่คุณจะได้รับเป็นพิเศษ และข่าวสารจากทาง ASUS อีกด้วย แนะนำให้ใช้ครับ เพราะรวมฟังก์ชั่นต่างๆ ที่คุณใช้ในการปรับแต่งระบบไว้ในนี้แล้ว หน้าตาอินเทอร์เฟสก็ดูใช้งานง่าย สะดวกมากครับ


Battery / Heat / Noise

ASUS Vivobook Pro 15

พื้นที่ด้านล่างเป็นจุดที่ใช้ดูดลมเย็นตามมาตรฐาน โดยเป็นช่องลมขนาดเล็ก ดูดลมเย็นเข้ามาในระบบ โดยในแต่ละช่องจะมีทั้งช่วงที่เปิดและปิดเอาไว้ เข้าใจว่าออกแบบให้ตรงตามจุด ที่เป็นช่องทางระบายลมเข้าสู่พัดลม และช่วงที่เป็นฮีตไปป์ โดยปิดในช่องที่เป็นฮาร์ดแวร์สำคัญเอาไว้ เพื่อความปลอดภัย

ASUS Vivobook Pro 15

ช่องทางลมออก จะอยู่ทางด้านหลัง ส่วนใต้ของจอภาพ แต่จะถูกผลักออกทางด้านล่าง ตามช่องทางที่บังคับเอาไว้ ซึ่งจะอยู่ทางด้านหลังซ้ายและขวา โดยจะไม่ได้ดีไซน์ออกทางด้านข้าง อย่างเช่นบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS จัดเตรียมระบบระบายความร้อนที่เรียกว่า ASUS IceCool Plus มาบน ASUS Vivobook Pro 15 กับใบพัดขนาดเล็กจำนวนมาก พร้อมตัวครอบลดเสียง ซึ่งจากการทดสอบใช้งาน ในโหมด Full load เมื่อรันทั้งซีพียู และกราฟิกการ์ด ผ่านทาง Furmark เสียงรบกวนแม้จะมีความดังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถือว่ารบกวนแต่อย่างใด และระบบยังจัดการเรื่องความร้อนได้ดีอีกด้วย

BatteryMon

แบตเตอรี่ที่ติดมากับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้เป็นแบบ 3-cell 70Whr ซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างใหญ่ สำหรับโน๊ตบุ๊คในระดับเีดียวกัน และยังมากกว่าใน Vivobook 16 ที่เราได้รีวิวไป แต่ในส่วนหนึ่งก็เพราะการเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีกราฟิกแยก ที่เพิ่มเติมเข้ามาในรุ่นนี้ ทำให้มีระยะการทำงานได้นานขึ้น ซึ่งในการทดสอบของเรา ยังคงเป็นมาตรฐาน นั่นคือ การเปิดเสียงและระดับความสว่างที่ประมาณ 20% เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานจริง และจำลองด้วย Video Playback ด้วยการเล่นวีดีโอ 4K ต่อเนื่องและวัดผลด้วยโปรแกรม BatteryMon ซึ่งผลที่ได้ รายงานว่าอยู่ในระดับ 6 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว เพราะถ้าหากใช้และสลับการสแตนบายไป ก็น่าจะได้ถึง 7-8 ชั่วโมง

ASUS Vivobook Pro 15

ในแง่ความบันเทิง โดยเฉพาะในเรื่องของเสียง ASUS Vivobook Pro 15 OLED ก็จัดเตรียมมาเอาใจคอบันเทิงแบบเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น ระบบเสียง Dolby Atmos ที่เพิ่มมิติของเสียงได้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยากได้รายละเอียดของเนื้อหา อย่างเช่น การชมภาพยนตร์ ซึ่งจากที่เราได้ลองกับการชมภาพยนตร์ในหลายๆ เรื่อง ความโดดเด่นน่าจะอยู่ที่การเพิ่มรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ภายในฉาก เช่น แรงกระแทกจากรถชน และเสียงของกระจกที่แตกกระจาย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ยังให้ความชัดเจนได้ดี หรือจะเป็นลมหายใจของ Indominus rex กับเสียงที่แรพเตอร์สื่อสารกัน และฉากการเปลี่ยนร่างของเหล่าออโตบอท ที่ออกมาน่าติดตามมากขึ้น และอีกส่วนที่มีบทบาทไม่แพ้กันก็คือ ระบบเสียงสเตอริโอจาก Harman Kardon ที่ทำให้เอฟเฟกต์เสียงดุดันมากขึ้น คอเกมได้ประโยชน์ เวลาที่อยากได้ความตูมตาม และ Smart Amp ที่ติดมากับลำโพง ที่ยิงลงพื้นสะท้อนขึ้นมา การเพิ่มเลเวลเสียงได้หนักหน่วง แทบไม่มีอาการแตกพร่า เรียกว่าดูหนัง เล่นเกม หรือจะสนทนาออนไลน์ ได้แบบเต็มอิ่ม

Temp

ทดสอบการระบายความร้อนบน ASUS Vivobook Pro 15 OLED ด้วยการรัน CPU Burner บน Furmark ด้วยการให้ซีพียูทำงานแบบ 100% หรือ Full load อย่างเต็มที่ทุกคอร์ ในห้องอุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งผลที่ได้นั้นบางจังหวะ ที่ขึ้นไปถึงระดับ 90++ องศาเซลเซียส และลดลงมาเป็นระยะ สำหรับ Core P ที่ทำงานหนักสุด จะอยู่ที่ราวๆ 92-94 องศาเซลเซียส ที่เป็น Package อยู่ที่ 89-92 องศาเซลเซียส แต่อย่างที่ได้แจ้งไปในทุกครั้งคือ นี่เป็นการเร่งการทำงานของซีพียูระดับ 100% ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งโดยปกติที่เราใช้งานกันอยู่ในทุกวัน แทบจะไม่ได้เจอกับสภาพการทำงานเช่นนี้ เช่น ทำไฟล์เอกสารจะอยู่ที่ราว 20-30% และการเล่นเกม ก็ไปที่ประมาณ 40-60% เท่านั้น ซึ่งก็ทำให้อุณหภูมิไม่ได้สูงแต่อย่างใด

ASUS Vivobook Pro 15


Conclusion / Award

ในภาพรวม ASUS Vivobook Pro 15 OLED รุ่นนี้ ให้คะแนนเรื่องจอนำมาก่อนเลย และดูจะตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้านได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคมชัดกับ Resolution 2.8K บนจอ 15.6″ มีความลงตัวอย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่คุณจะได้ นอกเหนือจากภาพที่มีความละเอียดสวยงามแล้ว ยังให้พื้นที่แสดงผลที่มากขึ้น การจัดวาง Tools บนโปรแกรมทำงานด้านภาพและวีดีโอ คุณจะเลือกใช้เครื่องมือทำงานได้ง่ายกว่า Full-HD อยู่มากทีเดียว สีสันโดดเด่นมาแต่ไกล แบบที่ไม่ต้องไปใส่ใจเปิด HDR ในฟีเจอร์ของ Windows ด้วยซ้ำ จากที่ได้ลองใช้กับการสตรีมมิ่งวีดีโอระดับ 4K การให้สีที่เด่นชัด พื้นหลังดำ ก็ดำสนิท การเกลี่ยสีที่ดูสบายตา ทำให้ดูหนังได้แบบเพลินๆ หรือจะใช้ในงานวีดีโอและการตกแต่งภาพ ขอบเขตสีและความเที่ยงตรงของสีในระดับ DCI-P3 100% และ Delta-E น้อยกว่า 2 คือเติมสิ่งที่หลายคนได้ขาดไปกลับมาได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นกับการเป็น Content Creator มีงบไม่มาก อยากได้โน๊ตบุ๊คทำงาน สีตรง และพกพาได้ ตัดต่อสะดวก

นอกจากนี้ก็ยังได้ Windows 11 Home คู่มากับ Office Home and Student 2021 พร้อมกับ Perfect Warranty ที่ครอบคลุมถึงอุบัติเหตุมาด้วย สนนราคาของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED รุ่นที่เราได้มาทดสอบนี้ เป็นซีพียู Intel Core i7 และ RTX 3050 Ti ราคาอยู่ที่ 43,990 บาท และอีกรุ่นจะราคาน่าสนใจเช่นกัน 38,990 บาท ได้เป็น Intel Core i5 และ RTX 3050 องค์ประกอบอื่นไม่ต่างกัน ส่วนตัวแนะนำรุ่นท็อปที่เรารีวิวนี้ เพิ่มเงินประมาณ 5 พันบาท แต่ได้เพิ่มซีพียูกับกราฟิกที่แรงขึ้นอีกดูลงตัวมากกว่า

award new multi media

แม้ว่าทางของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED นี้ จะมาในแนวของ Content Creator หรือแนวกึ่งไลฟ์สไตล์ เพื่อการสร้างสรรค์ก็ตาม แต่ส่วนตัวมองว่าด้วยจอ OLED นี้ตอบโจทย์ในด้านมัลติมีเดียได้ดีไม่แพ้เรื่องของขุมพลังอย่าง Intel Core i7 ที่มีมาให้ รวมถึงยังมีกราฟิก GeForce RTX เพิ่มเติมเข้ามาด้วย ซึ่งการ์ดจอนี้ ช่วยในด้านความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในการเล่นเกม จอขนาดใหญ่ 15.6″ ความละเอียด 2.8K ก็ได้ภาพที่คมชัดมากขึ้น ได้ Certified Display HDR True Black 600 มีรายละเอียดที่น่าติดตาม และฟีเจอร์อย่างระบบเสียง Dolby รวมถึงลำโพง Harman Kardon ที่มาพร้อมแอมป์ในตัว เพิ่มพลังเสียงให้กับการชมภาพยนตร์และการเล่นเกมได้อย่างสนุก เมื่อรวม 3 สิ่งนี้เข้าด้วยกัน ก็ทำให้รางวัลนี้ ดูเหมาะสมอย่างยิ่งกับโน๊ตบุ๊คจาก ASUS รุ่นนี้

from:https://notebookspec.com/web/667714-asus-vivobook-pro-15-oled

ASUS Vivobook 16 รีวิวโน๊ตบุ๊คจอกว้าง กาง 180 ทำงานเช็คหุ้น ดูหนังก็ปัง! พลัง Ryzen 5

ASUS Vivobook 16 จอกว้าง พอร์ตเยอะ ทำงานหรือบันเทิงก็ลงตัว ฟีเจอร์ครบ Ryzen 5 แค่ 22,990.-

ASUS Vivobook D1603Q cov6

ASUS Vivobook 16 การที่มีเครื่องมือช่วยให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหา การเลือกโน๊ตบุ๊คสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายก็เช่นกัน ASUS Vivobook เป็นไลน์โน๊ตบุ๊คกลุ่มไลฟ์สไตล์ ซึ่งเวลานี้มีให้เลือกหลากหลายรุ่น เช่นเดียวกับ ASUS Vivobook 16 ที่เรานำมาให้ชมกันในวันนี้ ก็น่าสนใจไม่น้อย ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ ความละเอียด 1920×1200 ในแบบ 16:10 กางออกได้ 180 องศา เพื่อแชร์ไดเดียเด็ดๆ ของคุณให้คนอื่นๆ ได้ชม ยกขุมพลังซีพียู AMD Ryzen 5 5600H ที่ถือว่าเป็นซีรีส์ของเกมมิ่งมาให้ผู้ใช้ได้ทำงานต่างๆ ลื่นไหลมากขึ้น เพิ่มเทคโนโลยีการระบายความร้อนมาเป็นพิเศษ ลดเสียงรบกวน จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบและใช้วัสดุแข็งแรง น้ำหนักเบาแม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีจอใหญ่ก็ตาม และเคลือบสารป้องกันแบคทีเรียมาด้วย กล้องเว็บแคมที่ให้ความเป็นส่วนตัว ปิดการใช้งานได้ด้วยปลายนิ้ว และคีย์บอร์ด ErgoSense ให้มุมการกดที่เข้ากับสรีระ การกดที่นุ่มนวล และตอบสนองได้ดี เพิ่มความเร้าใจด้วยระบบเสียง ASUS SonicMaster เช่นเดียวกับพอร์ตต่อพ่วงที่มีให้อย่างครบครัน และการเชื่อมต่อไร้สายอีกมากมาย พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ในตัว และการรับประกัน 2 ปี กับราคาเริ่มต้นที่ 21,990 บาท


จุดเด่น

Advertisementavw
  • ให้พื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ 16″
  • กางหน้าจอได้ 180 องศา
  • ให้ซีพียูระดับเกมมิ่ง AMD Ryzen 5 5600H
  • มีสล็อตอัพเกรดแรมเพิ่ม
  • ขอบจอบางมาก มี Privacy shutter มาให้
  • มีพอร์ต USB Type-C มาให้
  • กราฟิกพอเล่นเกมพื้นฐานได้ในระดับ 30-40fps
  • แบตค่อนข้างอึด 50Whr ใช้ได้ราวๆ 8-9 ชั่วโมง

ข้อสังเกต

  • ถ้ามีพอร์ต LAN RJ-45 เพิ่มมาให้ก็น่าจะดี

ASUS Vivobook 16 D1603


Specification

ASUS Vivobook 16 รายละเอียดผลิตภัณฑ์
สี Quiet Blue
ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home – ASUS recommends Windows 11 Pro for business
โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ 5 5600H Mobile Processor (6-core/12-thread, 19MB cache, up to 4.2 GHz max boost)
กราฟิก AMD Radeon™ Vega 7 Graphics
จอภาพ 16.0-inch, WUXGA (1920 x 1200) 16:10, IPS-level Panel, 300nits, 45% NTSC color gamut for non-OLED, Anti-glare display, Screen-to-body ratio86 %
หน่วยความจำ 8GB DDR4 on board
ตัวจัดเก็บข้อมูล 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD
ช่องเสียบ 1x DDR4 SO-DIMM slot
การเชื่อมต่อ 1 x USB 2.0 Type-A
1x USB 3.2 Gen 1 Type-C
2 x USB 3.2 รุ่น 1 Type-A
1 x Micro HDMI 1.4
1x 3.5mm Combo Audio Jack
คีย์บอร์ดและทัชแพด Chiclet Keyboard with Num-key, 1.4mm Key-travel, Touchpad
กล้อง 720p HD camera
With privacy shutter
เสียง SonicMaster
with Cortana and Alexa voice-recognition support
การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6(802.11ax) (Dual band) 2*2 + Bluetooth 5
แบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน 50WHrs, 3S1P, 3 ก้อน
พาวเวอร์ซัพพลาย ø4.5, 90W AC Adapter, Output: 19V DC, 4.74A, 90W, Input: 100~240V AC 50/60Hz universal
น้ำหนัก 1.88 kg
ขนาด (กxยxส) 35.84 x 24.77 x 1.99 ~ 1.99 cm
แอปที่มาพร้อมเครื่อง MyASUS
คุณสมบัติ MyASUS System diagnosis
Battery health charging
Fan Profile
Splendid
Function key lock
WiFi SmartConnect
Link to MyASUS
TaskFirst
Live update
ASUS Intelligent Performance Technology
AI Noise Canceling
Microsoft Office รวม Office Home และ Student 2021
Military Grade US MIL-STD 810H military-grade standard
Regulatory Compliance
Energy star
ความปลอดภัย BIOS Booting User Password Protection
Trusted Platform Module (Firmware TPM)
BIOS setup user password
ภายในกล่อง Backpack
ราคา 22,990 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


Hardware / Design

ASUS Vivobook 16

ASUS Vivobook 16 D1603Q รุ่นนี้ มาในโทนสีที่เรียกว่า Quiet Blue ซึ่งเรียกว่าแทบจะเป็นสีประจำรุ่นก็ว่าได้ รวมไปถึงโน๊ตบุ๊คกลุ่มธุรกิจ อย่างเช่น ExpertBook ในหลายๆ รุ่น ซึ่งถือว่าค่อนข้างโดดเด่น และดูจะเข้ากันได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะใช้งานในออฟฟิศ ออกไปนั่งร้านกาแฟ หรือจะไปพบลูกค้านอกสถานที่ ส่วนตัวค่อนข้างชอบสีนี้ เพราะเห็นเป็นรอยนิ้วมือได้ยาก และดูสุขุมเลยทีเดียว เช่นเดียวกับบอดี้ ที่ยังคงความกระทัดรัดเอาไว้ แม้ว่าจะอยู่ในแนวของโน๊ตบุ๊ค 16″ ก็ตาม

ASUS Vivobook 16

โคงสร้างหลักแข็งแรง Cover ยังคงเป็นแบบ ABS แต่จะไม่ได้เป็นซอฟต์ทัชแบบเดียวกับใน Zephyrus แต่เรื่องของสีสัน จะดูเป็นแบบสีด้าน ไม่มันเงา ไม่ต้องกลัวเรื่องริ้วรอยมากนัก ส่วนบอดี้หลักจะมีทั้งเป็นโลหะในบางส่วน ทำให้สัมผัสแข็งแรง และให้ความยืดหยุ่นพอสมควร มีการลบเหลี่ยมมุม เพื่อให้บอดี้ดูมีความบางและเล็กลงอีกด้วย สังเกตได้จากขอบด้านข้างทั้ง 4 ด้าน รวมถึงด้านใต้ของพอร์ตทั้ง 2 ด้าน

ASUS Vivobook 16

กรอบบานของหน้าจอบางเป็นพิเศษ ในส่วนนี้ ASUS เคลมว่าให้สัดส่วนพื้นที่หน้าจอแสดงผลมากถึง 86% เมื่อเทียบกับบอดี้ทั้งหมด ซึ่งดูแล้วเป็นผลดีสำหรับผู้ใช้ทั้งในงานเอกสาร ท่องเว็บหรือจะเน้นความบันเทิง เพราะไม่มีเรื่องของขอบหนาๆ มาทำให้เสียอรรถรสและยังมีส่วนทำให้บอดี้โดยรวมเล็กลงอีกด้วย

ASUS Vivobook D1603Q 36

มาพร้อมกล้องเว็บแคมความละเอียด HD พร้อมไมโครโฟน แต่ไม่รองรับการล็อคอินด้วยใบหน้าผ่านทาง Windows Hello พร้อมที่ปิดกล้อง privacy shutter โดยมีไมโครโฟน และมีไมโครโฟน ASUS AI Noise-Canceling ปรับระดับการตัดเสียงรบกวนที่จะแทรกเข้ามาขณะใช้งานได้หลายรูปแบบ ร่วมกับเทคโนโลยี Ai

ASUS Vivobook 16

คีย์บอร์ด ASUS ErgoSense ในแบบ Full-size จัดเต็ม ถูกวางไว้จนเกือบเต็มพื้นที่กับปุ่มขนาดใหญ่ กดพิมพ์ได้ง่าย ดูสบายตากับฟอนต์ที่คมชัด และวางฟังก์ชั่นต่างๆ รวมถึงฮอตคีย์ให้ใช้งานอีกเพียบ ไม่ว่จะเป็นการเปิด-ปิดฟังก์ชั่น เพิ่มลดระดับเสียง แสงสว่าง รวมถึงมี Numberpad มาให้พร้อมใช้ จะขาดไปบ้างก็น่าจะเป็นเรื่องแสงไฟ Backlit แต่ก็ดูแล้วไม่ใช่เรื่องที่น่าซีเรียสมากนักกับการใช้งานในแต่ละวัน

ASUS Vivobook 16

ASUS Vivobook 16 มีพอร์ตต่อพ่วงให้มาตามมาตรฐาน และน่าจะเยอะมากพอต่อการใช้งานในแต่ละวัน โดยมี USB Type-A ให้ถึง 3 พอร์ตด้วยกัน และเพิ่ม USB-C มาด้วย แต่เน้นที่การถ่ายโอนข้อมูลเป็นหลัก รวมถึง HDMI นอกนี้ ยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สาย WiFi 6 ax และ Bluetooth ซึ่งเรียกว่าพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อในเกือบทุกรูปแบบ

ASUS Vivobook 16

บานพับหน้าจอแข็งแรงและโดดเด่นในเรื่องของการกางออกได้ถึง 180 องศา ด้วยการออกแบบที่เรียกว่า lay-flat hinge เพื่อการแชร์ข้อมูลให้กับคนอื่นรอบข้างได้ดูพร้อมๆ กัน ซึ่งตรงกับแนวคอนเซปต์ของทาง ASUS ในการใช้งานในสำนักงานหรือจะเป็นด้านความบันเทิงภายในบ้านก็ตาม นอกเหนือจากหน้าจอในแบบ IPS ให้มุมมองกว้างขึ้น และจอขนาดใหญ่ การกางได้แบบนี้เป็นผลดีต่อการใช้งานมากขึ้น

ASUS Vivobook 16

ปุ่ม Enter ที่ใส่โลโก้ในแบบดั้งเดิมที่ทาง ASUS ออกแบบไว้ ซึ่งในความหมายจะคล้ายๆ ว่า เมื่อคุณพร้อม ก็กด Enter เพื่อเข้าสู่การทำงานกันดีกว่า หรือคล้ายเป็นการยืนยันว่า มั่นใจก็กดปุ่ม Enter เพื่อจบงานของคุณกันเถอะ ประมาณนี้

ASUS Vivobook 16

ฝาปิดด้านใต้เป็นโครงโลหะซ่อนอยู่กับบอดี้ที่เป็น ABS เจาะช่องดูดอากาศเย็นด้านใต้เครื่อง และปิดบางจุดเอาไว้ เพื่อเป็นการบังคับทิศทางลม และป้องกันชิ้นส่วนด้านใน เป็นช่องลมที่เรียบง่าย ต่างจากใน TUF Gaming และมีแถบยางที่เป็น Feet ยกตัวโน๊ตบุ๊คให้สูงขึ้นเล็กน้อย

ASUS Vivobook 16

ภายในจัดมาแบบหลวมๆ ไม่ได้แน่นจนเกินไป มีลักษณะการวางองค์ประกอบบางอย่างให้ทำงานได้ดีมากขึ้น และมีสล็อตแรมสำหรับการอัพเกรดได้ โดยทาง ASUS ใช้ระบบระบายความร้อนที่เรียกว่า IceCool technology ที่มาพร้อมใบพัดขนาดเล็ก เสียงรบกวนต่ำ และมีช่องระบายลมร้อนออก บริเวณด้านข้างซ้ายของโน๊ตบุ๊คอีกด้วย

ASUS Vivobook 16

อแดปเตอร์ชาร์จไฟให้มาไซส์ใหญ่แบบเดียวกับบน ASUS Vivobook 15 แต่ขยับมาเป็น 90W 4.74A ถือว่าตอบโจทย์ในการใช้งานได้ดีทีเดียว และขนาดเล็กกระทัดรัดประมาณฝ่ามือเท่านั้น น้ำหนักแค่ 300g จัดว่าเบาและสะดวกต่อการพกพาไม่น้อย สายไฟเป็นแบบยางเคลือบ ทนการพับงอได้ดี ความยาวประมาณ 1.50m

ASUS Vivobook 16

บอดี้โดยรวมถือว่าค่อนข้างลงตัว มิติอยู่ที่ประมาณ 35.84 x 24.77 และน้ำหนักเฉพาะตัวเครื่องราวๆ 1.8Kg เท่านั้น


Keyboard / Touchpad

ASUS Vivobook 16

ชุดคีย์บอร์ดมาในแบบ Chiclet Island ที่แยกส่วนและมีระยะห่างกันกำลังดี เหมาะทั้งสายพิมพ์งานยาวๆ แบบสัมผัส หรือผู้ใช้ทั่วไป ให้แรงกดไม่ลึกมากนัก มีการสะท้อนพอเหมาะ ซึ่งจะคล้ายๆ กันเกือบทั้งหมดในสายทำงานอย่าง Vivobook แต่จะกดลึกกว่า Zephyrus เล็กน้อย ขณะที่มีการตอบสนอง ปุ่มมาในแบบ Full-size ซึ่งมี NumberPad มาในตัว แต่จะไม่มีแสงไฟ Backlit มาให้

ASUS Vivobook 16

ปุ่มคีย์บอร์ดมีความน่าใช้ ใครที่เป็นคนที่พิมพ์แล้วต้องมองแป้นพิมพ์น่าจะชื่นชอบไม่น้อย นั่นก็เพราะตัวฟอนต์ที่ทำออกมาใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจน วางเลย์เอาท์ได้ลงตัว ปุ่ม Tab และ Accent อาจจะเล็กไปนิด แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานได้ง่าย

ASUS Vivobook 16

ปุ่ม Spacebar ตรงกลาง ไม่ยาวนัก แต่ก็ใช้งานได้สะดวกเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้พิมพ์เป็นหลัก เพื่อให้การจัดวางปุ่ม Ctrl และ Alt ได้ใกล้มือยิ่งขึ้น

ASUS Vivobook 16

ส่วนทาง NumberPad ที่ประกอบไปด้วยปุ่มตัวเลขต่างๆ มี โดยยกแถบของ -, + เอาไว้ด้านบน และบรรดาเครื่องหมายพิเศษต่างๆ ส่วนตัวรู้สึกติดนิดหน่อยตรงปุ่ม Arrow ด้านล่าง ที่มีให้แบบครึ่งปุ่มเท่านั้น เล็กไปนิดนึง

จะเห็นว่าตรงปุ่ม Enter ค่อนข้างจะโดดเด่น เพราะมีการใส่ลายเส้นอารมณ์แบบป้าย Slate เวลาที่ถ่ายหนังเข้าไปด้วย ประมาณว่า กดสิ รออะไร เราจะได้เริ่มลุยงานกันเลย น่าจะประมาณนี้ โดยตัวปุ่มเกือบจะไปเชื่อมกับปุ่ม ฃ และ ฅ ทำให้มีพื้นที่ปุ่มมากขึ้นอีกนิด กดได้แม่นขึ้น

ASUS Vivobook 16

ASUS Vivobook 16 วางส่วนฮอตคีย์ที่อยู่ด้านบนก็เรียกว่ามีให้เกือบครบ หากต้องการใช้ปุ่ม F1-F12 แบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องกด Fn สามารถเปิด ไม่อยากกด Fn ค้าง สามารถกดเลือก Hotkey priority mode ได้ ด้วยการกด Fn+Esc สลับปุ่ม Function Hotkey กับ F1-F12 ตามปกติ ซึ่งเมื่อกดสลับแล้วบนหน้าจอจะมีหน้าต่างแสดงการสลับการทำงานระหว่างปุ่ม F1-F12 หรือ Function Hotkey แสดงขึ้นมาบนหน้าจอให้เราได้ทราบอีกด้วย ทีนี้ก็จะกดที่ฮอตคีย์ได้ทันที ไม่ต้องกดพร้อมปุ่ม Fn

ASUS Vivobook D1603Q 49 1

ส่วนปุ่มฮอตคีย์นั้น ประกอบด้วย เปิด-ปิดเสียง, เพิ่ม-ลดเสียง, เพิ่ม-ลดแสงสว่างหน้าจอ, เปิด-ปิดทัชแพด, ต่อสัญญาณจอภายนอก, ไมโครโฟน, กล้องเว็บแคม, เรียกใช้ MyASUS และ จับภาพหน้าจอ

ASUS Vivobook 16

ทัชแพดขนาดใหญ่ประมาณ 8.5 x 13cm ถือว่ากว้างขวางทีเดียว หากเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 13.3″ ที่ใช้อยู่ ต่างกันอยู่พอสมควร ซ่อนปุ่มกดซ้าย-ขวาเอาไว้ และใช้ Multi-Gesture ได้อีกด้วย เรียกว่าเอาใจสายท่องเน็ต ดูหนังและการเรียนออนไลน์ได้ดีทีเดียว

สติ๊กเกอร์มีอยู่เป็นปกติบนโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้ก็เช่นกัน นอกจากพื้นที่วางมือขนาดใหญ่แล้ว ก็ยังมีบรรดาสติ๊กเกอร์อย่าง AMD Ryzen 5, Perfect Warranty, และ Office Home and Student มาให้คุณได้ใช้ ไม่ต้องไปซื้อเพิ่ม รวมถึงอธิบายฟีเจอร์ที่มีอยู่มากมายบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ อาทิ กางได้ 180 องศา, มี Ai Noise cancelling หรือจะเป็น MyASUS, Physical webcam privacy เป็นต้น


Screen / Speaker

ASUS Vivobook 16

จอแสดงผลของ ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้ มาในไซส์ที่ใหญ่กว่าปกติ อยู่ที่ระดับ 16″ พื้นที่การทำงานมากขึ้นกว่าเดิม และเป็น Ratio หรือสัดส่วนแบบ 16:10 ให้พื้นที่แนวยาวที่มากขึ้น ด้วยความเป็นจอใหญ่ และขอบจอที่บางมาก จึงทำให้มีพื้นที่การแสดงผลที่มากขึ้น

ASUS Vivobook 16 ให้อารมณ์ในการดูหนัง หรือต้องเปิดไฟล์ภาพ และการพรีเซนเทชั่น จึงดูอิ่มเต็มตา คือเรื่องการให้ความสำคัญของ ASUS ในเรื่อง Screen-to-Body บอกได้เลยว่า ทำให้ ASUS ดูน่าสนใจมากขึ้นในหลายๆ รุ่น และหน้าจอแบบนี้ ทำให้การแบ่งหรือ Split Window รวมถึงการใช้ประชุมออนไลน์ มองเห็นสมาขิกได้จำนวนมากและชัดกว่าเดิม โดยเฉพาะคุณครู ที่ต้องดูลูกศิษย์ขณะที่สอนงาน บอกเลยว่าน่าจะชอบเป็นพิเศษ

ASUS Vivobook 16

ขอบด้านล่างยังถือว่าค่อนข้างบาง เพราะมีพื้นที่กรอบอยู่เล็กน้อย กว้างราว 1.5cm เท่านั้น ซึ่งทำให้ตัวจอมีมิติกว้างขึ้น และดูไม่เกะกะสายตา พร้อมโลโก้ ASUS Vivobook สีขาวบนพื้นสีดำ

ASUS Vivobook 16
Webcam1
Physical Webcam Shield

กล้องเว็บแคมนี้ให้ความละเอียด 720p HD ที่ให้ความคมชัดในระดับหนึ่ง มาพร้อมกับ Privacy shutter ในแบบที่คุณใช้เลื่อนเปิด-ปิดหน้ากล้องได้ด้วยตัวเอง ใช้ก็เปิด ไม่ใช้ก็ปิด เป็นการป้องกันตัวเอง ในแง่ของการมีโทรจันหรือไวรัสที่ใช้ช่องทางเข้าถึงกล้องของเราได้ไม่ง่าย รวมถึงคนที่มักจะเผลอลืมปิดกล้องหลังประชุม หรือออนไลน์ทำงานอยู่

Webcam 1

ส่วนคุณภาพของกล้องเว็บแคม ก็เป็นไปตามตัวอย่างนี้ ความคมชัดอยู่ในระดับมาตรฐาน เรื่องแสงสีพอใช้ได้ แต่ถ้าคุณเซ็ตห้องหรือวางไฟ ให้มีความสว่างที่หน้าบ้าง ก็จะทำให้ดูสวยเนียนขึ้นได้อีกเยอะ เหมาะกับการประชุมหรือการเรียน หรือคุณจะใช้ในการนำเสนองานก็พอใช้ได้เช่นกัน

สำหรับไฮไลต์อย่างหนึ่งของโน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้อยู่ที่ฟีเจอร์ 180° lay-flat hinge ที่สามารถกางหน้าจอออก 180 องศา มาพร้อมบานพับที่แข็งแรง โดยตัวจอที่กางออกนี้ เหมาะกับใช้ในโอกาสต่างๆ ได้มากมาย และถ้าจะให้ดี มีฟังก์ชั่นกลับภาพหน้าจอให้ได้เลย สำหรับแชร์ภาพให้คนตรงข้ามได้เห็น หรือแบ่งปันให้ดูกันได้หลายๆ คนก็คงจะดีไม่น้อย

ตัวอย่างภาพของเกม การสตรีมและการเล่นเกม เรารวมเอามาไว้ให้ได้ชมกัน ในส่วนของเกม ไม่มีติดขัด ยิ่งเป็นเกมสีสันสดใส เอฟเฟกต์อลังการอย่าง DOTA2, Overwatch, Apex หรือจะเป็นเกมอย่าง Diablo ก็ให้ภาพที่สวยงาม เพียงแต่ว่าในบางเกม ไม่สามารถอัพความละเอียด หรือเพิ่มความสวยงามเยอะๆ ได้ ตามสเปคของระบบ ส่วนการชมวีดีโอ ถือว่าทั้งรายละเอียดและความไหลเนียนของภาพ ทำได้ดี ดูได้เพลินตา และเมื่อเราลองปรับ HDR enable บน Windows ภาพที่ใด้ดูกลมกลืนมากขึ้น แม้จะไม่ได้ถูกวาง Certified ด้าน HDR มา แต่ Vivobook 16 นี้มีพื้นฐานของพาแนลมาดีพอสมควร เพราะให้ความต่างในการแสดงผลได้มากขึ้น แม้จะไม่ได้สดใสแบบ HDR OLED แต่ถ้ามาดูพื้นฐานของจอบนโน๊ตบุ๊คราคาประมาณ 22,990 บาทนี้แล้ว จัดว่าเกินคาด

ASUS Vivobook 16

บน Display Properties บอกข้อมูลของ Resolution เป็น 1920 x 1200 ในแบบ Native อาจจะทำให้ดูฟอนต์ใหญ่อยู่บ้าง แต่สามารถปรับ Scale ให้เหมาะกับความชอบของคุณได้เลย

Display CAL 1 2

ในแง่ของสีสันและความสดใส รวมถึงความแม่นยำของค่าสี ที่จะนำมาใช้งานนั้น แนะนำว่า ถ้าใช้งานในห้องปกติ ปรับความสว่าง 60-70% ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว หรือถ้าชอบแนวสว่างชัดๆ ไปเลย ก็เพิ่มอีกเล็กน้อยตามสะดวก โดยใช้ฮอตคีย์ F4, F5 ส่วนในแง่ของความแม่นยำ เราใช้โปรแกรม DisplayCAL กับอุปกรณ์ทดสอบหลักอย่าง ColorChecker มาทดสอบ ซึ่งผลที่ได้เป็นดังนี้ครับ ค่า Gamut อยู่ที่ราวๆ 60% อยู่ในเกณฑ์พื้นฐานของจอโน๊ตบุ๊คทำงาน ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติ หากเป็นในกลุ่ม Vivobook 15 ที่เป็น OLED หรือ Zephyrus ตัวเกมมิ่ง ก็จะทำได้ดีกว่า แต่อย่าลืมว่าราคาก็จะดีดเพิ่มขึ้นไป ส่วนถ้ามีความจำเป็นจะต้องทำงานเกี่ยวข้องกับด้านภาพและสีเพิ่ม ให้มองจอทำงาน ที่ต่อแยกเพิ่มดูจะเหมาะสมมากกว่า

แต่อีกค่าหนึ่งดูน่าสนใจเช่นกัน นั่นคือ ค่าความสว่าง ที่จอนี้ทำได้เมื่อเปิดสุด 100% ให้ผลทดสอบได้ถึง 361cd/m2 ซึ่งเหมาะสำหรับการทำงานในที่ที่แสงน้อย หรือมีแสงรอบข้างค่อนข้างมาก หรือคนที่ใช้งานนอกสถานที่บ่อย แต่กรณีที่ใช้ในสำนักงาน ปรับในระดับ 60-70% ที่มีแสงไฟรอบข้างเพียงพอ ก็มองเห็นได้ชัดแล้วครับ


Connector / Thin and Weight

ASUS Vivobook 16

ส่วนฝั่งทางด้านซ้ายของโน๊ตบุ๊คนั้น จะมีเพียง USB 2.0 Type-A มาเพียงพอร์ตเดียวเท่านั้น แต่ใช้พื้นที่ว่างอีกส่วนหนึ่ง มาเป็นช่องระบายความร้อน ถือว่าเป็นไอเดียที่ดี การแยกฝั่งการใช้งานแบบนี้ เป็นผลดีหลายอย่าง ตั้งแต่การจัดระเบียบการต่อพ่วงอุปกรณ์ได้แล้ว ยังง่ายต่อการใช้ ไม่ต้องเกะกะอีกด้วย

ASUS Vivobook 16

โดยส่วนตัวการมี USB-C มาให้ก็จะเป็นการดีอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าได้เพิ่มฟังก์ชั่้น ที่นอกเหนือจากการถ่ายโอนข้อมูล ก็จะเป็นผลดีต่อผู้ใช้มากกว่าเดิม แม้ว่าการเติม Thunderbolt 4 เข้ามา อาจจะเป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะอาจจะทำให้ราคาขึ้นไปเกินกว่า 25K ดังนั้นการเพิ่มบทบาทของ USB-C ก็ดูจะน่าสนใจไม่น้อย อย่างไรก็ดีหากผู้ใช้ไม่ได้ซีเรียส ก็อย่าลืมว่ายังมี HDMI ที่แสดงผลไปยังจอภายนอกได้อีกด้วย ก็พอจะตอบโจทย์ในด้านนี้ได้

ASUS Vivobook 16

ส่วนในเรื่องมิติและความบาง ASUS เคลมเอาไว้ว่า 1.99cm ก็เป็นเรื่องปกตินะของโน๊ตบุ๊คในระดับ 15.6″ หรือ 16″ แบบนี้ โดยเฉพาะการวัดในจุดที่หนาสุด เพราะอย่าลืมว่าโน๊ตบุ๊คจะต้องมีโครงสร้างส่วนหนึ่ง ในการรับภาระโดยรวมเช่นกัน ดังนั้นก็ต้องเพิ่มความแข็งแรง และส่วนตัวก็มองว่าไม่ได้เป็นปัญหา หากจะใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้หรือใช้สะพายข้าง เพราะยังมีพื้นที่มากพอในการจัดวางสิ่งต่างๆ ได้ ไม่อึดอัดจนเกินไป

Weight 1
Weight 3

และน้ำหนักที่ได้ อยู่ที่ประมาณ 1.87Kg ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับที่เคลมเอาไว้ในเว็บไซต์ของ ASUS อยู่ที่ 1.88Kg เมื่อรวมกับแอดปเตอร์ขนาดเล็กๆ น้ำหนักประมาณ 300 กรัม ก็ทำให้โน๊ตบุ๊คจอใหญ่ๆ แบบนี้ หนักประมาณ 2.1Kg เท่านั้น ยังอยู่ในเกณฑ์ของการพกพาได้ และอยู่ในระดับเดียวกับโน๊ตบุ๊ค 15.6″ อีกด้วย จะใส่กระเป๋าเป้เดินทาง ก็ยังพอไหว จะเป็นชายร่างใหญ่หรือสุภาพสตรีที่ยกบ้าง วางบ้าง แวะหาลูกค้าทำงาน และวางในรถยนต์ก็ไม่เกะกะ


Inside / Upgrade

ASUS Vivobook 16

มาดูที่ด้านหลังหรือด้านใต้ของโน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook 16 นี้กันก่อนจะไปแกะ เพื่อดูด้านในและการอัพเกรด สำหรับคนที่อยากจะลองทำด้วยตัวเอง สามารถใช้ไขควง 4 แฉกในการแกะได้ มีน็อตประมาณ 13 ตัวด้วยกัน ไขง่ายมาก ส่วนการแกะฝาปิดนั้น อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังเล็กน้อย

ASUS Vivobook 16

เมื่อเปิดฝาออกมา จะเห็นด้านในเป็นเช่นนี้ โดยจะเป็นโครงที่มีชิ้นส่วนปกป้องอุปกรณ์ด้านในอยู่พอสมควร เช่น ขาล็อคน็อต, SSD module รวมถึงตะแกรงกรองฝุ่นในจุดที่เป็นพัดลม

ASUS Vivobook 16

ภายในของ ASUS Vivobook 16 เมื่อเปิดฝาออกมาทั้งหมดแล้ว ภายในเราจะได้เห็นเมนบอร์ดในไซส์ขนาดมาตรฐาน ซึ่งใช้พื้นที่ประมาณ 1/3 ของพื้นที่ทั้งหมดภายใน สำหรับการจัดวางชุดระบายความร้อน แม้จะเป็นแบบพัดลมเดียว และใช้ฮีตไปป์ทองแดงจำนวน 2 เส้น วิ่งคู่กันจากฮีตซิงก์ของซีพียู ผ่านมายังช่องพัดลม และไปยังครีบระบายความร้อน และให้พัดลมที่ดูดลมเย็นเข้ามา เป่าออกไปทางด้านข้างซ้าย และทาง ASUS ใช้เทคโนโลยี IceCool Thermal ช่วยในการระบายความร้อน

ASUS Vivobook 16

ใบพัดลมเป็นแบบ 87 ใบขนาดเล็กมากๆ และยังเป็น Liquid-crystal polymer ซึ่งถือว่าเป็นผลดี เพราะทำให้มีความแข็งแรง และเสียงรบกวนน้อย ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานทั้งในด้านของการเล่นเกม ดูหนังต่อเนื่องหรือในช่วงที่โหลดซีพียูหนักๆ ได้ดีพอสมควร

ASUS Vivobook 16

ช่องที่เป็นทิศทางลมออกอีกช่องหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลัง หรือใต้หน้าจอ เบี่ยงไปทางด้านซ้ายเล็กน้อย ช่วยให้การระบายอากาศทำได้คล่องตัวขึ้น

ASUS Vivobook 16

มาว่ากันที่การอัพเกรดกันบ้าง โดยพื้นฐาน ASUS Vivobook จะมาพร้อมกับแรมออนบอร์ด เช่นเดียวกัน รุ่นนี้มีมาให้ 8GB DDR4 แล้ว และยังมีสล็อตแรมเพิ่มให้อีก 1 สล็อต DDR4 SO-DIMM สำหรับการอัพเกรดอีกด้วย โดยเพิ่มได้อีกอย่างน้อย 24GB เมื่อรวมกับของเดิม

ASUS Vivobook 16

และอีกช่องหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือ เดิมทาง ASUS ติดตั้ง SSD ในแบบ M.2 NVMe PCIe 3.0 x4 มาแล้ว 1 ตัว ความจุ 512GB ก็สามารถเพิ่มความจุ ด้วยการเปลี่ยนเป็น SSD ในรูปแบบเดียวกัน จะเพิ่มความจุหรือความเร็ว ก็ดูได้ตามความเหมาะสม ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัว ถ้าคุณเป็นคนที่มีข้อมูลเยอะมาก ใช้โปรแกรมค่อนข้างหลากหลาย การเพิ่มเป็น SSD 1TB ก็ดูน่าสนใจ เพราะราคาเวลานี้ก็ถูกลงมาก 1TB ราคาเริ่มต้นประมาณ 3 พันบาทเท่านั้น

ASUS Vivobook 16

แบตเตอรี่ที่ให้มาเป็นแบบ 3-cell 50Whr ซึ่งอยู่ในเกณฑ์กลางๆ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คในขนาด 15.6″ หรือ 16″ ที่มีอยู่ในท้องตลาด เรื่องของระยะเวลาในการทำงาน สามารถเข้าไปดูในส่วนของการทดสอบ Battery / Heat / Noise กันได้เลยครับ

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ บริเวณที่เป็นบานพับทาง ASUS ออกแบบมาเป็นแนวยาวตลอดทั้งบอดี้ และมีจุดยึดที่แข็งแรงพอสมควร ทำให้พอมั่นใจได้ว่า จะใช้ไปได้แบบยาวๆ เมื่อต้องเปิด-ปิดๆ อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งคนที่ต้องเดินทางบ่อย น่าจะให้ความสำคัญในจุดนี้ด้วยเช่นกัน


Performance / Software

ASUS Vivobook 16

มาสู่โหมดการทดสอบ เริ่มที่ CPUz กับการรายงานข้อมูลฮาร์ดแวร์ โดยแจ้งเป็นซีพียู AMD Ryzen 5 5600H ได้อย่างถูกต้อง ทำงานในแบบ 6 core/ 12 thread มีแคช L3 มากถึง 16MB ส่วนอินเทอร์เฟสการเชื่อมต่อเป็น PCI-Express 4.0 x16 แล้วนะ

ASUS Vivobook 16

แรมที่ติดตั้งมาเป็นแบบ DDR4 3200 ความจุ 8GB สามารถอัพเกรดเพิ่มเติมจากสล็อตที่มีมาให้บนเมนบอร์ดได้ แนะนำว่าถ้าคุณไม่ได้ติดเรื่องค่าใช้จ่ายมากนัก หรือต้องการประสิทธิภาพในงานที่มีการใช้ทรัพยากรเยอะ เช่น โปรแกรมแต่งภาพ เปิดไฟล์ขนาดใหญ่ หรือตัดต่อวีดีโอเบื้องต้น เพิ่มอีกสัก 16GB ก็จะเห็นศักยภาพที่ทำได้ดีมากขึ้น รวมถึงการเล่นเกมก็มีส่วนอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

CPUz4

และกราฟิกที่มีมาพร้อมซีพียู AMD Ryzen 5 รุ่นนี้ เป็นรุ่น Radeon Vega Graphic ที่ถือว่าเป็นอีกเลเวลหนึ่งที่ช่วยให้การเล่นเกมหรือทำงานด้านวีดีโอได้ดียิ่งขึ้น โดยระบบจะจัดการเรื่อง Cache หรือ VRAM ให้อัตโนมัติ ผลที่ได้ในการเล่นเกมเป็นอย่างไร ดูได้จากการทดสอบครับ

CPUz5

เราลองทดสอบระดับประสิทธิภาพ ASUS Vivobook 16 เมื่อเทียบกับซีพียูที่เป็นอดีตตัวแรงของเหล่าเกมเมอร์อย่าง AMD Ryzen 7 2700X เรื่องของ Single-Thread นั้น Ryzen 5 5600H สามารถกระชากลูกเลี้ยงหลบไปยิงได้ไม่ยาก ส่วน Multi-Thread ก็ทำได้สูสีเลยทีเดียว เป็นรองอยู่เล็กน้อย แต่ย้ำว่า Ryzen 7 2700X นั้นเป็นซีพียู PC ที่มีค่า TDP สูงกว่าและมี Core/ Thread ที่มากกว่านะ

ASUS Vivobook 16

ระบบ Storage เป็น SSD จากทาง Micron 2210 เท่าที่เช็คฮาร์ดแวร์จะเป็นแบบ 3D NAND QLC เป็น SSD สำหรับกลุ่มเอนด์ยูสเซอร์ เริ่มต้นกับการใช้งานที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์การใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีพอสมควร ร่วมกับอินเทอร์เฟส PCIe 3.0 x4 ซึ่งความเร็วในการอ่านอยู่ที่ประมาณ 2,200MB/s และเขียนที่ 1,100MB/s

ASUS Vivobook 16

ในการทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark10 ทำคะแนนโดยรวมอยู่ที่ 5,642 คะแนน โดยมีคะแนนในส่วนของ Essentials และ Productivity ทำได้ค่อนข้างดี เกือบถึง 10,000 คะแนน

ASUS Vivobook 16

ส่วนการทดสอบ 3DMark กับกราฟิก Radeon Vega ที่ติดตั้งมาบนซีพียู ซึ่งยังคงทำคะแนนได้ดีพอสมควรในหลายการทดสอบ ซึ่งเชื่อว่าถ้าติดตั้งแรมเพิ่มเติมเข้าไป น่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น

ASUS Vivobook 16

ผลการทดสอบกับ CINEBench ในเวอร์ชั่นต่างๆ ด้วยซีพียูในระดับ 6 core/ 12 thread ก็จัดว่าตอบสนองการใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับซีพียูในระดับเดียวกัน

ASUS Vivobook 16

การทดสอบด้วยเกม 3 มิติ เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพในการเล่นเกม ด้วยกราฟิก AMD Radeon Vega นี้ ก็ถือว่าให้คุณเล่นเกมในแนวต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ทรัพยากรมากจนเกินไป หรือแทบจะไม่ต้องพึ่งพึงความสามารถของการ์ดจอแยก โดยเกมอย่าง DOTA2 ในโหมด Fastest ให้เฟรมเรตได้สูงถึง 80fps และเฉลี่ยอยู่ที่ราว 60fps ได้นิ่งๆ แม้ภาพจะไม่สวยงามหรูหรา แต่คุณยังคงได้เห็นเอฟเฟกต์และความลื่นไหลได้

ASUS Vivobook 16

โดยที่ในเกม Overwatch ก็ถือว่าทำตัวเลขเฟรมเรตออกมาได้ดีเช่นกัน โดยการตั้งค่าจะอยู่ที่ Low สามารถเล่นได้ในเฟรมเรตเฉลี่ยที่ 70fps ลื่นไหลสบายตา และสุดท้ายกับเกมที่โหดขึ้นมาอีกนิด อย่าง PUBG ที่ตั้งเอาไว้ในแบบ Very Low เล่นได้บนเฟรมเรตเฉลี่ยประมาณ 30-35fps. ก็จัดว่าพอเล่นได้ แต่ถ้าลด View Distance ลงอีกหน่อย ก็จะได้ถึง 40fps เลยทีเดียว


Battery / Heat / Noise

ASUS Vivobook 16

แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้บน ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้เป็นแบบ 3-cell, 50Whr ในการทดสอบ ด้วยการใช้โปรแกรม BatteryMon และตั้งค่าการทดสอบด้วยเงื่อนไข ที่อยู่ในสมมติฐานด้วยการจำลองใช้งานแบบประหยัดแบต ในการทดสอบ Video Playback กับระดับเสียง 20% และความสว่างประมาณ 25% สตรีมมิ่ง Youtube ต่อเนื่อง และค่า Power Options ในโหมด Balanced ให้ระยะการทำงานได้เกือบ 9 ชั่งโมงเลยทีเดียว นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจพอสมควร ต้องถือว่าช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำโน๊ตบุ๊คไปใช้งานข้างนอกได้เกือบๆ ครึ่งวัน เมื่อชาร์จแบตจนเต็ม และเราเพิ่มการทดสอบการชาร์จ โน๊ตบุ๊คสามารถชาร์จไฟที่ระดับ 30% ในเวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี

Battmon

มาทดสอบในด้านของอุณหภูมิขณะทำงานกันบ้าง จากที่ใช้โปรแกรม Furmark ในโหมด CPU Burner เพื่อให้ซีพียูทำงานในแบบ 100% Full-load ในห้องควบคุมอุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียส เพื่อจำลองการทำงาน เมื่ออยู่ในสภาวะที่ทำให้ซีพียูทำงานเต็มกำลัง บนความเร็วสัญญาณนาฬิกาประมาณ 4.0GHz ผลที่ได้คือ อุณหภูมิขึ้นไปสูงสุดประมาณ 94 องศาเซลเซียส และลงมาอยู่ที่ 84 องศาเซลเซียสแบบนิ่งๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มาจากความสามารถของระบบระบายความร้อน ASUS IceCool พัดลมตัวเดียวก็เอาอยู่

Temp 1

หากมองในความเป็นจริงแล้ว มีการทำงานไม่มากนัก ที่จะรีดพลังของซีพียูไปในระดับนั้น เพราะโปรแกรมส่วนใหญ่จะเรียกใช้ประมาณ 30-40% เท่านั้น ดังนั้นความร้อนที่จะเกิดขึ้นจริง ก็อยู่ที่ราวๆ 50-70 องศาเซลเซียสเท่านั้น


Conclusion / Award

ในภาพรวมของ ASUS Vivobook 16 รุ่นนี้ ผมมองเห็นความโดดเด่นในการถ่ายทอดเรื่องราวของโน๊ตบุ๊คที่มีจอขนาดใหญ่ ซึ่งดูเข้ากับชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ได้มากกว่า ถ้าไม่นับเรื่องของของการพกพาสำหรับบางคน ด้วยจอขนาด 16″ 1920×1200 นี้ ช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ในงานและความบันเทิงได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น วิศวกรที่ต้องการพรีวิวงานให้กับลูกค้า หรือจะเป็นคุณครูที่ใช้พื้นที่ในการนำเสนอแก่นักเรียน หรือการเรียนออนไลน์ รวมถึงผู้ใช้ตามบ้าน ที่มีพี่น้องลูกหลาน ให้มาใช้งานร่วมกันได้ แบ่งปันความบันเทิงให้กับคนในครอบครัว หรือจะนั่งดูหนัง สตรีมมิ่งกับเพื่อนๆ ไปจนถึงเหล่ายูทูปเบอร์ที่พอจะใช้ในการตัดต่อวีดีโอเบาๆ กับการพรีวิวภาพได้กว้างกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้คือจุดเด่นที่น่าสนใจ

ในแง่ของประสิทธิภาพ ถือได้ว่า AMD Ryzen 5 5600H นี้ ตอบสนองกับแอพพลิเคชั่นในด้านต่างๆ ได้ดี รวมถึงผลทดสอบต่างๆ ที่ออกมา ก็น่าพึงพอใจ เรียกว่างานบ้าน ไปจนถึงงานสำนักงาน สอบผ่านในทุกจุด และยังเติมความสนุกในการเล่นเกมได้ดีพอสมควร แม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลักก็ตาม ด้วยกราฟิกที่มากับซีพียู AMD รุ่นนี้ ก็เรียกว่าเน้นงานทั่วไป มากกว่า อย่างไรก็ดีเรายังได้เห็นเฟรมเรตสวยๆ จากเกมต่างๆ มาให้สัมผัส และเป็นการเล่นเกมในโหมด Full-HD อีกด้วย เช่นเดียวกับในเรื่องของเสียงก็ยังให้ความสนุกสนาน และเต็มอิ่มไปกับการชมภาพยนตร์ได้อีกด้วย

เช่นเดียวกับพอร์ตต่อพ่วงมีมาให้เยอะพอสมควร โดยเฉพาะพอร์ตสำคัญๆ เช่น USB Type-C หรือ HDMI จะขาดก็เพียงเล็กๆ น้อยๆ ถ้ามองในแง่การใช้งานพอร์ต USB Type-A ก็จัดมาให้อีก 3 พอร์ต ก็เรียกว่าใช้งานได้เยอะแล้ว แต่น่าเสียดายที่ทาง ASUS ไม่ได้ติดตั้งแสงไฟ Backlit มาบนคีย์บอร์ด ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์ของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ โดยเฉพาะปุ่มคีย์ใช้งานง่าย กดสะดวก และยังมีฮอตคีย์มาให้อีกเพียบ แต่โดยปกติ ถ้าคุณเป็นคนที่วางมือ หยุดพักไม่ได้สนใจกับการใช้งานในที่มืดๆ หรือจะต้องทำงานในช่วงเวลาแสงน้อย ก็แทบจะไม่ได้จำเป็นเลย

ด้านการอัพเกรดอย่างน้อยๆ คุณเติมแรมเพิ่มได้ รวมถึงเปลี่ยน SSD ในแบบ M.2 ได้ ก็จัดว่าคุ้มค่าแล้ว ยังไม่รวมการมี Windows 11 Home และ Office Student 2021 มาด้วย รวมถึงการรับประกัน 2 ปี ในราคาแค่ 21,990 บาท เท่านั้น

Award

award new value

ด้วยความเป็นโน๊ตบุ๊คในราคาแค่ 2 หมื่นต้นๆ เท่านั้น แต่ ASUS จัดเตรียมองค์ประกอบมาให้ใช้งานครบครัน ว่ากันตั้งแต่ซีพียูที่ขยับมาเป็นแบบเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค มีพื้นฐานของระบบที่รองรับการอัพเกรด และหน้าจอขนาดใหญ่ รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่มอบให้กับผู้ใช้ หน้าจอใหญ่ อัพเกรดได้ พร้อม Windows 11 Home และ Office มาด้วย ราคานี้ถือว่าทำได้คุ้มค่าน่าใช้เลยทีเดียว ตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้าน ได้อย่างลงตัว

from:https://notebookspec.com/web/665992-asus-vivobook-16-ryzen5-5600h

7 โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท อัพเกรดนิดทำงานดีแน่นอน เริ่ม 9,450 บาทเอง!

โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ขอแค่อัพเกรดหน่อยก็ใช้ทำงานออฟฟิศและเรียนออนไลน์ได้สบายๆ แน่นอน

15000baht cover

โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ถือเป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องแรกราคาไม่แพงเกินไป เหมาะจะซื้อเอาไว้เป็นเครื่องสำรองหรือให้ลูกหลานใช้เรียนออนไลน์ได้ กรณีโรงเรียนยังไม่เปิดให้กลับไปเรียนในชั้นเรียนตามปกติ ตอนนี้ก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่นจากแบรนด์ชั้นนำขวัญใจใครหลายคนหรือจะแบรนด์น้องใหม่สเปคดีสร้างสีสันให้ตลาดก็มีมาให้เลือกด้วย

Advertisementavw

พูดถึงการอัพเกรดตัวเครื่อง โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทเหล่านี้ก็มีซีพียูให้เลือกทั้ง AMD, Intel และบางรุ่นก็อัพเกรดได้ไม่แพ้กับรุ่นราคาแพงกว่าไม่ว่าจะเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์หรือเพิ่มแรมก็ได้ แต่จะมีข้อจำกัดอยู่ เช่น อัพเกรดแรมได้ 8GB หรือบางรุ่นก็ต้องหาระบบปฏิบัติการมาติดตั้งเพิ่มเองเนื่องจากผู้ผลิตไม่ได้ติดตั้งมาให้จากโรงงาน เป็นต้น ดังนั้นนี่คือส่วนที่ต้องทำใจและเตรียมตัวด้วย 

โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000

7 โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ราคาเป็นมิตร สเปคดีใช้งานได้เลย

ผู้ใช้ที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท เอาไว้ใช้งานสักเครื่องแต่ยังไม่แน่ใจว่ารุ่นไหนคุ้มและน่าใช้บ้าง ในบทความนี้ผู้เขียนเองได้เลือกมาแนะนำทั้งหมด 7 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

  1. Acer TravelMate Spin B3 TMB311R (9,450 บาท)
  2. Lenovo V14 G2 ALC-82KC0074TA (11,150 บาท)
  3. Acer Aspire 3 A315-23-R144 (12,450 บาท)
  4. DELL Inspiron 3515 (12,890 บาท)
  5. Infinix INBook X2 (12,990 บาท)
  6. ASUS BR1100FKA-BP0548R (13,990 บาท)
  7. ASUS VivoBook 14 D413DA-EB003T (14,990 บาท)
1. Acer TravelMate Spin B3 TMB311R (9,450 บาท)

20210913 022852 c e1649731691358

จุดเด่นของ Acer TravelMate Spin B3 TMB311R นอกจากเรื่องความพกพาง่ายและตัวเครื่องเล็กเพียง 11.6 นิ้ว เท่านั้น แต่สามารถพับจอกลับ 360 องศาเป็นแท็บเล็ตได้ด้วย เวลาลูกหลานเรียนออนไลน์แล้วไม่ได้ใช้คีย์บอร์ดก็พับใช้เป็นแท็บเล็ต เอาพื้นที่บนโต๊ะมาวางเครื่องเขียนหรือหนังสือเรียนได้สะดวกและประยุกต์ใช้งานตามความเหมาะสมได้อีก นับเป็นโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท รุ่นน่าสนใจเครื่องแรกของบทความนี้

สเปคของเครื่องนี้แม้จะดูพื้นๆ แต่ก็ใช้ทำงานได้ดี ซีพียูเป็น Intel Celeron N4020 แบบ 2 คอร์ 2 เธรด ความเร็ว 1.1-2.8GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics 600 แสดงผลขึ้นจอ 11.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล TN ได้สบายๆ มีฮาร์ดดิสก์ e.MMC 64GB ติดตั้ง Windows 10 Pro มาพร้อมกับแรมออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 รองรับ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ax กับ Bluetooth 5.0 น้ำหนักเครื่อง 1.7 กิโลกรัม

สเปคของ Acer TravelMate Spin B3 TMB311R
  • CPU : Intel Celeron N4020 แบบ 2 คอร์ 2 เธรด ความเร็ว 1.1-2.8GHz
  • GPU : Intel UHD Graphics 600
  • SSD : e.MMC 64GB
  • RAM : ออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 11.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล TN
  • Ports : USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 10 Pro
  • Weight : 1.7 กิโลกรัม
  • Price : 9,450 บาท (Advice) 
2. Lenovo V14 G2 ALC-82KC0074TA (11,150 บาท)

20220209 131749 c e1649731710187

ส่วนโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท รุ่นสเปคดีระดับพร้อมทำงานออฟฟิศทั่วไปได้สบายๆ อย่าง Lenovo V14 G2 ALC-82KC0074TA เครื่องนี้ก็น่าสนใจ แต่ติดตรงเครื่องนี้ไม่มีระบบปฏิบัติการในเครื่องเลย ดังนั้นเจ้าของเครื่องอาจจะหา Windows มาใช้ตามปกติ หรือโปรแกรมเมอร์จะลง Linux ไว้ใช้ก็ได้

สเปคถือว่าให้มาดีเกินตัว โดยซีพียูเป็น AMD Ryzen 3 5300U แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.6-3.8GHz กับการ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon Graphics แบบ 6 คอร์ และหน้าจอมีขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล TN มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB กับแรมออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB 2.0, USB-A 3.2, USB-C 3.2, HDMI, LAN, Audio combo อย่างละ 1 ช่อง รองรับ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac กับ Bluetooth 5.0 ด้วย ส่วนตัวเครื่องหนัก 1.6 กิโลกรัม ซึ่งผู้เขียนแนะนำเครื่องนี้ถ้าซื้อไปใช้แล้วทีม IT ของทางบริษัทมี Serial Code ของ Windows ให้ใช้งาน หรือใครอยากลองของลง Linux ไว้ฝึกฝีมือก็ดี

สเปคของ Lenovo V14 G2 ALC-82KC0074TA
  • CPU : AMD Ryzen 3 5300U แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.6-3.8GHz
  • GPU : AMD Radeon Graphics แบบ 6 คอร์
  • SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB
  • RAM : ออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล TN
  • Ports : USB 2.0, USB-A 3.2, USB-C 3.2, HDMI, LAN, Audio combo อย่างละ 1 ช่อง
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 0.3 MP Camera 
  • Software : DOS
  • Weight : 1.6 กิโลกรัม
  • Price : 11,150 บาท (Advice) 

lenovo discount

3. Acer Aspire 3 A315-23-R144 (12,450 บาท)

20200319 133435 c e1649731723284

Acer Aspire 3 A315-23-R144 รุ่นนี้เป็นโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ตัวเครื่องใหญ่พร้อม Numpad ครบเครื่อง ช่วยให้นักบัญชีทำงานได้สะดวกกดตัวเลขได้ง่ายขึ้น ถ้าเพิ่มแรมเป็น 8GB ก็ทำงานได้สะดวก เปิดไฟล์ Excel ใหญ่ๆ ได้สบายๆ อย่างแน่นอน

ซีพียูในเครื่องเป็น AMD Athlon Silver 3050U แบบ 2 คอร์ 2 เธรด ความเร็ว 2.3-3.2GHz กับการ์ดจอ AMD Radeon Graphics แบบ 2 คอร์ แสดงผลขึ้นหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ได้อย่างแน่นอน มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรม 4GB DDR4 บัส 2400MHz ในตัว ส่วนพอร์ตมี USB 2.0 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac กับ Bluetooth 4.2 ได้ด้วย ส่วนน้ำหนักเครื่อง 1.9 กิโลกรัม ซึ่งสเปคนี้ถือว่าทำงานเอกสารและเปิดเว็บแอพฯ ทำงานได้แน่นอน แค่อัพเกรดเพิ่มเล็กน้อยตามที่แนะนำก็เพียงพอ

สเปคของ Acer Aspire 3 A315-23-R144
  • CPU : AMD Athlon Silver 3050U แบบ 2 คอร์ 2 เธรด ความเร็ว 2.3-3.2GHz
  • GPU : AMD Radeon Graphics แบบ 2 คอร์
  • SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 2400MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB 2.0 x 2, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 4.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.9 กิโลกรัม
  • Price : 12,450 บาท (Advice) 
4. DELL Inspiron 3515 (12,890 บาท)

20211222 040048 c e1649731740669

ขึ้นชื่อว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ก็มี DELL Inspiron 3515 ให้คนทำงานที่มั่นใจชื่อชั้นและบริการของแบรนด์นี้ให้เลือกซื้ออย่างแน่นอน ซึ่งตัวเครื่องนอกจาก Numpad แล้ว ยังมี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานด้วย

ซีพียูในเครื่องเป็น AMD Athlon Silver 3050U แบบ 2 คอร์ 2 เธรด ความเร็ว 2.3-3.2GHz กับการ์ดจอ AMD Radeon Graphics แบบ 2 คอร์ เหมือนกับข้อที่แล้ว แต่หน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล TN ถือว่าอยู่ระดับใช้ทำงานทั่วไปได้ มีฮาร์ดดิสก์จานหมุน 1TB 5400RPM ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ มีแรม 4GB DDR4 บัส 2400MHz เชื่อมต่อด้วย USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio Combo x 1 รองรับ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac กับ Bluetooth 5.0 และเครื่องเบาเพียง 1.69 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้อัพเกรดแรมเป็น 8GB แล้วโคลนเอา Windows 11 Home มาใส่ใน M.2 NVMe SSD แล้วใส่เป็นไดรฟ์หลักเลยจะทำงานได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

สเปคของ DELL Inspiron 3515
  • CPU : AMD Athlon Silver 3050U แบบ 2 คอร์ 2 เธรด ความเร็ว 2.3-3.2GHz
  • GPU : AMD Radeon Graphics แบบ 2 คอร์
  • HDD : 1TB 5400RPM
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 2400MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล TN
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI x 1, Audio Combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.69 กิโลกรัม
  • Price : 12,890 บาท (Advice) 
5. Infinix INBook X2 (12,990 บาท)

20220127 161825 c e1649731753726

Infinix INBook X2 โน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท จากแบรนด์น้องใหม่ฝั่งโน๊ตบุ๊คแต่มีชื่อเสียงจากฝั่งสมาร์ทโฟนก็เป็นเครื่องที่น่าสนใจหากหาซื้อเอาไว้เรียนออนไลน์หรือใช้งานทั่วไปเป็นหลัก และถ้าใครสนใจเครื่องนี้เป็นทุนเดิมสามารถอ่านรีวิวประกอบการตัดสินใจได้ที่นี่

สเปคที่เลือกมาแนะนำเป็นรุ่นเริ่มต้น ใช้ Intel Core i3-1005G1 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.2-3.4GHz ใช้การ์ดจอ Intel UHD Graphics แสดงผลขึ้นหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ได้สบายๆ มี M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ในตัว มีแรม 4GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-C 3.0 x 2, USB-A 3.1 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1 รองรับ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac กับ Bluetooth 5.1 และเบาเพียง 1.24 กิโลกรัมเท่านั้น เป็นโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทที่น่าสนใจไม่แพ้แบรนด์หลักที่คุ้นเคยแน่นอน

สเปคของ Infinix INBook X2
  • CPU : Intel Core i3-1005G1 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.2-3.4GHz
  • GPU : Intel UHD Graphics
  • SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 256GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 3200MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB-C 3.0 x 2, USB-A 3.1 x 2, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.24 กิโลกรัม
  • Price : 12,990 บาท (ราคากลาง) 
6. ASUS BR1100FKA-BP0548R (13,990 บาท)

20210601 145800 c e1649731768958

ASUS BR1100FKA-BP0548R ที่ราคา 13,990 บาทและยังหาซื้อได้ตามเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ต่างๆ ก็เป็นโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท ที่ยังน่าซื้ออยู่ เพราะนอกจากมีปากกาให้ใช้ ตัวเครื่องยังแข็งแรงไม่เสียหายง่ายเพราะออกแบบมาให้เด็กนักเรียนใช้เรียนในห้องเรียนและออนไลน์ได้ด้วย

ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Pentium Silver N6000 แบบ 4 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.1-3.3GHz ใช้การ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics แสดงผลขึ้นหน้าจอทัช 11.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล IPS ได้ รองรับการเขียนด้วยสไตลัสที่ให้มาในแพ็คเกจด้วย ติดตั้ง Windows 10 Pro มาในฮาร์ดดิสก์ e.MMC 128GB มีแรม 4GB DDR4 บัส 2933MHz ส่วนพอร์ตมี USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 รองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0 ได้ด้วย ส่วนตัวเครื่องหนัก 1.4 กิโลกรัม ถือว่าน้ำหนักเครื่องอยู่ในระดับที่กำลังดี และข้อดีคือตัวเครื่องยังเสริมบอดี้ยางเอาไว้รอบตัว ทำให้เด็กเล็กที่ใช้เครื่องนี้ต่อให้ทำตกก็ไม่พังง่ายๆ แน่นอน ใครสนใจสามารถอ่านรีวิวได้ที่นี่

สเปคของ ASUS BR1100FKA-BP0548R
  • CPU : Intel Pentium Silver N6000 แบบ 4 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 1.1-3.3GHz
  • GPU : Intel UHD Graphics
  • SSD : e.MMC 128GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 2933MHz
  • Display : หน้าจอทัช 11.6 นิ้ว ความละเอียด HD (1366×768) พาเนล IPS
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 10 Pro
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 13,990 บาท (BaNANA) 
7. ASUS VivoBook 14 D413DA-EB003T (14,990 บาท)

20200612 113513 c e1649731782809

ASUS VivoBook 14 D413DA-EB003T เป็นโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทรุ่นสุดท้ายที่เลือกมาแนะนำ ถึงจะเริ่มเก่าและมีตระกูล VivoBook รุ่นใหม่เปิดตัวมาหลายรุ่นแล้ว แต่เครื่องนี้ก็ยังเป็นรุ่นราคาไม่แพงและได้ซอฟท์แวร์ใช้งานทั้ง Windows และ Microsoft Office ติดตั้งมาเสร็จสรรพ เปิดมาทำงานได้เลย

ซีพียูในเครื่องเป็น AMD Ryzen 3 3250U แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 2.6-3.5GHz ใช้การ์ดจอ AMD Radeon Graphics แบบ 3 คอร์ แสดงผลขึ้นหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ได้อย่างไหลลื่น มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 10 Home พร้อม Microsoft Office Home & Student 2019 มาให้พร้อมแรมออนบอร์ด 4GB DDR4 บัส 2400MHz ส่วนพอร์ตมี USB 2.0 x 2, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1 รองรับ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 4.2 ด้วย และเบาเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งถ้าใครอยากได้โน๊ตบุ๊คที่ซอฟท์แวร์ครบเปิดมาพร้อมทำงานได้เลยในงบประมาณไม่เกิน 15000 บาท ASUS VivoBook รุ่นนี้ก็น่าสนใจมาก

สเปคของ ASUS VivoBook 14 D413DA-EB003T
  • CPU : AMD Ryzen 3 3250U แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 2.6-3.5GHz
  • GPU : AMD Radeon Graphics แบบ 3 คอร์
  • SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
  • RAM : 4GB DDR4 บัส 2400MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
  • Ports : USB 2.0 x 2, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 4.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 10 Home, Microsoft Office Home & Student 2019
  • Weight : 1.4 กิโลกรัม
  • Price : 14,990 บาท (BaNANA, Advice) 

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาททั้ง 7 รุ่นเด็ด

ใครที่กำลังอยากซื้อโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท เอาไว้ทำงานหรือให้ลูกหลานเรียนออนไลน์สักเครื่อง เมื่ออ่านข้อดีและรีวิวของบางรุ่นไปแล้วสนใจ สามารถดูสเปคโดยสรุปได้ที่นี่

สเปคโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาท CPU, GPU RAM, SSD, Software หน้าจอ, น้ำหนัก การเชื่อมต่อ ราคา (บาท)
Acer TravelMate Spin B3 TMB311R Intel Celeron N4020

Intel UHD Graphics 600

e.MMC 64GB

4GB DDR4
3200MHz

Windows 10 Pro

11.6″ HD TN

1.7 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

9,450
Lenovo V14 G2 ALC-82KC0074TA AMD Ryzen 3 5300U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
512GB

4GB DDR4
3200MHz

DOS

14″ HD TN

1.6 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

11,150
Acer Aspire 3 A315-23-R144 AMD Athlon Silver 3050U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
512GB

4GB DDR4
2400MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

1.9 กก.

USB 2.0 x 2

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 4.2

12,450
DELL Inspiron 3515 AMD Athlon Silver 3050U

AMD Radeon Graphics

HDD 1TB
5400RPM

4GB DDR4
2400MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ HD TN

1.69 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

HDMI x 1

Audio Combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.0

12,890
Infinix INBook X2 Intel Core
i3-1005G1

Intel UHD Graphics

M.2 NVMe
256GB

4GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

14″ FHD IPS

1.24 กก.

USB-C 3.0 x 2

USB-A 3.1 x 2

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.1

12,990
ASUS BR1100FKA-BP0548R Intel Pentium
Silver N6000

Intel UHD Graphics

e.MMC 128GB

4GB DDR4
2933MHz

Windows 10 Pro

11.6″ HD IPS

1.4 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 2

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 5.1

13,990
ASUS VivoBook 14 D413DA-EB003T AMD Ryzen 3 3250U

AMD Radeon Graphics

M.2 NVMe
512GB

4GB DDR4
2400MHz

Windows 10 Home

Microsoft Office Home & Student 2019

14″ FHD IPS

1.4 กก.

USB 2.0 x 2

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 5

Bluetooth 4.2

14,990

จะเห็นว่าโน๊ตบุ๊ค 2022 ราคาไม่เกิน 15000 บาทหลายๆ รุ่นจะได้แรมเพียง 4GB และบางรุ่นก็เป็นฮาร์ดดิสก์จานหมุนธรรมดาด้วยซ้ำ ถ้าใครอยากได้ก็อาจจะต้องอัพเกรดเพิ่มเติมสักหน่อย แต่ค่าแรมและ M.2 NVMe SSD ในปัจจุบันนี้ราคาก็ไม่แพงเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าลงทุนสักนิดก็ได้โน๊ตบุ๊คดีๆ เอาไว้ทำงานออฟฟิศได้สบายๆ อย่างแน่นอน


บทความที่เกี่ยวข้อง

aio cover

swift cover

office freecover

from:https://notebookspec.com/web/647086-7-budget-laptop-under-15000-baht