คลังเก็บป้ายกำกับ: AMAZON_WEB_SERVICES_/_AWS

Splunk และ AWS ขอเชิญรับประทานอาหารและเข้าร่วมงานสัมมนา How you can leverage AI/ML with Splunk & AWS to improve Customer Experience [27 มิ.ย. 2023 – 12.00น. ณ โรงแรม St.Regis]

Splunk และ AWS ขอเชิญ CTO, CIO, CISO, IT Manager, Cloud Manager, Software Development Manager, DevOps Manager, UX/UI Manager และผู้ที่สนใจทุกท่าน เข้าร่วมรับประทานอาหารกลางวันและร่วมงานสัมมนา How you can leverage AI/ML with Splunk & AWS to improve Customer Experience ในวันที่ 27 มิถุนายน 2023 เวลา 12.00น. – 15.00น. ณ โรงแรม The St. Regis Bangkok ห้อง Astor 1

ร่วมเรียนรู้แนวทางในการบริหารจัดการระบบ Cloud แบบใหม่ด้วย AI และ Machine Learning ที่จะตอบโจทย์ทั้งด้าน Cloud Operations, Application Observability, Cybersecurity และ User Experience ในหนึ่งเดียว ด้วยการผสานโซลูชันระหว่าง Splunk และ AWS จากเหล่าวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในทั้งสองบริษัทโดยตรง

ผู้ที่สนใจ สามารถตรวจสอบรายละเอียด กำหนดการ และวิธีการลงทะเบียนเข้าร่วมงานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ทันทีที่ https://go.techtalkthai.com/2023/05/splunk-and-aws-how-can-you-leverage-ai-ml-with-splunk-and-aws-seminar-invitation/

from:https://www.techtalkthai.com/splunk-x-aws-how-to-leverage-ai-to-improve-cx-seminar/

CrowdStrike ประกาศความร่วมมือ AWS พัฒนา Generative AI สำหรับ CyberSecurity

CrowdStrike ประกาศความร่วมมือ AWS พัฒนา Generative AI สำหรับ CyberSecurity พร้อมเปิดตัว Chatbot ใหม่

CrowdStrike ได้ออกมาประกาศความร่วมมือกับ Amazon Web Services (AWS) ในการพัฒนาเทคโนโลยี Generative AI ใหม่ โดยใช้ความสามารถของ Amazon Bedrock เป็นเครื่องมือในการพัฒนา Foundation Models (FM) ช่วยให้ลูกค้าสามารถนำความสามารถของ Falcon Platform ไปต่อยอดได้ เช่น Search, Reporting และ Automation โดยมีการเปิดตัวโครงการตัวอย่าง Charlotte AI ระบบ Chatbot ที่ใช้ Generative AI ทำหน้าที่เป็น AI Security Analyst ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถใช้ภาษาทั่วไปในการโต้ตอบกับบอทด้วยเนื้อหาทางด้าน CyberSecurity ที่นำข้อมูลมาจาก CrowdStrike Falcon Platform ได้ เช่น ทำ Advanced Threat Detection, Investigation, Hunting และ Response

นอกจากนี้ CrowdStrike ยังรองรับการตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยในกระบวนการพัฒนา AI Application บน Cloud ของ AWS อีกด้วย เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการพัฒนา AI รองรับการตรวจสอบตั้งแต่ Deep-learning Container, Amazon EC2 image, และ Amazon SageMake ที่ใช้ในขั้นตอนการพัฒนา ML Model

ที่มา: https://www.crowdstrike.com/press-releases/crowdstrike-and-aws-to-accelerate-ai-development-in-cybersecurity/

from:https://www.techtalkthai.com/crowdstrike-partners-with-aws-to-accelerate-generative-ai-development-for-cybersecurity/

AWS ประกาศลงทุนในอินเดียเพิ่มเติม ด้วยเม็ดเงินกว่า 4.3 แสนล้านบาท

AWS ประกาศลงทุนในอินเดียเพิ่มเติม ด้วยเม็ดเงินกว่า 4.3 แสนล้านบาท

Credit: AWS

Amazon Web Services (AWS) ประกาศแผนลงทุนทางด้าน Cloud Infrastucture ในอินเดีย มีการทุ่มเงินกว่า 4.3 แสนล้านบาท เพื่อเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าภายในประเทศ โดยเป็นแผนระยะยาวที่จะมีการลงทุนถึงปี 2030 ซึ่งจะช่วยสร้างงานในอินเดียได้มากกว่า 1.3 ล้านตำแหน่งงาน ตั้งแต่การก่อสร้าง ไปจนถึงวิศวกรทางด้านระบบ Cloud และจะช่วยส่งผลถึงการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ คาดว่าจะช่วยเพิ่ม GDP ของอินเดียได้ถึง 23.3 พันล้านเหรียญภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม AWS ยังไม่ได้เผยถึงรายละเอียดของการสร้าง Data Center Region ใหม่แต่อย่างใด

ปัจจุบัน AWS มี Data center 2 แห่งในอินเดีย ประกอบด้วย AWS Asia Pacific (Mumbai) Region เปิดตัวในปี 2016 และ AWS Asia Pacific (Hyderabad) ที่เปิดตัวในปี 2022 มีลูกค้าใช้งานระบบ AWS มากกว่า 1 แสนบริษัททั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

ที่มา: https://press.aboutamazon.in/news-releases/news-release-details/aws-invest-inr-105600-crores-us-127-billion-cloud-infrastructure

from:https://www.techtalkthai.com/aws-plans-to-invest-in-india-on-cloud-infrastucture/

AWS เปิดตัว Amazon Aurora I/O-Optimized ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

AWS เปิดตัว Amazon Aurora I/O-Optimized ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับงาน I/O Intensive

Credit: AWS

Amazon Web Services (AWS) ประกาศเปิดตัว Amazon Aurora I/O Optimized ระบบ Relational Database ตอบโจทย์งานระดับ High-scale I/O-intensive Application ที่ต้องการความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูล มีการคิดค่าใช้จ่ายที่แตกต่างออกไปจาก Standard Model โดยคิดค่าใช้จ่ายสำหรับ Compute Instance ที่ใช้งาน แต่จะไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายสำหรับ I/O Operation ช่วยให้ลูกค้าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้สูงสุดถึง 40% ในบางงาน และช่วยหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในกรณีที่มีการใช้งาน I/O สูงในระยะเวลาหนึ่งได้

Amazon Aurora เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2014 ปัจจุบันเป็น Relational Database ที่ Compatible ทั้ง MySQL และ PostgreSQL ช่วยให้ลูกค้าเริ่มต้นใช้งาน Cloud Database Service ได้อย่างรวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนโค้ดจำนวนมากได้

ที่มา: https://siliconangle.com/2023/05/12/aws-launches-amazon-aurora-o-optimized-lower-users-database-costs/

from:https://www.techtalkthai.com/aws-launches-new-amazon-aurora-io-optimized/

พีทีที โกลบอล เคมิคอล เลือก AWS ในการปรับปรุงระบบข้อมูลให้ทันสมัย [Guest Post]

บริษัทปิโตรเคมีและโรงกลั่นแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยใช้ AWS เพื่อลดเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากหลายเดือนลงเหลือเพียงไม่กี่วัน ลดการใช้วัตถุดิบ และสร้างแอปรีไซเคิล

กรุงเทพฯ 12 พฤษภาคม 2566 – อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com ประกาศในวันนี้ว่า บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ซึ่งเป็นธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้เลือก AWS เป็นผู้ให้บริการระบบคลาวด์สำหรับระบบข้อมูลของบริษัท ทีมงานของ PTTGC ใช้แพลตฟอร์มนี้ในทํางานและแบ่งปันข้อมูลร่วมกันทั่วโลกอย่างปลอดภัย เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบใหม่ ๆ รวมถึงโซลูชันที่ใช้ในการคำนวณอายุการเก็บรักษาวัตถุดิบได้เร็วขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วันแทนที่จะใช้เวลาหลายเป็นเดือน

PTTGC ใช้บริการของ AWS เช่น Amazon SageMaker และ AWS Redshift เพื่อช่วยตรวจสอบโรงงานเคมีและเพิ่มประสิทธิภาพสายการผลิตในการลดการใช้วัตถุดิบ ด้วยความพยายามเหล่านี้ช่วยให้ PTTGC ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ของโลกในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ของ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) เป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน

ข้อมูลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท PTTGC เคยใช้วิธีการเก็บแยกไว้ในที่ต่าง ๆ กัน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการทำงานร่วมกันและการพัฒนานานวัตกรรมใหม่ๆ บริษัทจึงมองหาระบบข้อมูลที่ยืดหยุ่นสามารถขยายตัวได้สำหรับรวบรวมข้อมูล และรองรับการทดลองต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและสนับสนุนแนวคิดด้านความยั่งยืน PTTGC สร้าง Data Lake เป็นครั้งแรก โดยใช้ Amazon Simple Storage Service (Amazon S3) โดยสร้างพื้นที่เก็บข้อมูลส่วนกลางเพื่อจัดเก็บข้อมูล PTTGC ซึ่ง Data Lake ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ของ PTTGC สามารถแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาสารประกอบและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว อย่างเช่นโซลูชัน Bisphenol A (BPA) Catalyst Life Prediction โดยตัวเร่งปฏิกิริยา BPA นี้จะเพิ่มอัตราการเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ซึ่งช่วยปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพของเชื้อเพลิง โซลูชัน BPA Catalyst Life Prediction ยังสามารถวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อตัวเร่งปฏิกิริยา รวมถึงอุณหภูมิและความชื้น และกำหนดสภาวะที่เหมาะสมที่สุดเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา ในขณะเดียวกันยังช่วยประหยัดต้นทุนการผลิตปิโตรเคมีอีกด้วย

นอกจากนี้ PTTGC ยังใช้ Amazon Redshift ซึ่งเป็นบริการ​ data warehouse ที่รองรับข้อมูลระดับเพตะไบต์ และมีการบริหารจัดการให้เต็มรูปแบบในระบบคลาวด์ เพื่อสร้างแดชบอร์ดส่วนกลาง (การนำข้อมูลที่สำคัญมาสรุปให้เห็นภาพในหน้าเดียว) สำหรับแสดงข้อมูลการผลิตจาก Data Lake รวมถึงรอบเครื่องจักรและปริมาณวัตถุดิบที่มีอยู่ แดชบอร์ดนี้ช่วยให้มองเห็นกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ PTTGC สามารถลดของเสียจากโพลิเมอร์ได้ ด้วยการใช้ Amazon SageMaker ซึ่งเป็นบริการแมชชีนเลิร์นนิง ที่มีการจัดการให้เต็มรูปแบบ เพื่อใช้ในการสร้าง เทรน และนำโมเดลแมชชีนเลิร์นนิงไปใช้งาน ทำให้ PTTGC สามารถคาดการณ์ความผันผวนของราคาวัตถุดิบและคาดการณ์ระดับความต้องการสินค้าคงคลังเพื่อลดต้นทุนการจัดเก็บ นอกจากนี้ PTTGC ยังสร้างแอปรีไซเคิลที่ชื่อว่า YOUTURN บน AWS เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมารีไซเคิลผลิตภัณฑ์พลาสติก

“AWS ช่วยให้เราสามารถใช้ข้อมูลจากการปฏิบัติงานของเราเพื่อพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ ที่เป็นนวัตกรรมซึ่งช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว” คุณณัฐพล จงจรูญเกียรติ หัวหน้าฝ่ายการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของ PTT Global Chemical กล่าว “ด้วย AWS แพลตฟอร์มข้อมูลบนคลาวด์ของเรามีความคล่องตัวสูงและปรับขนาดได้ ช่วยให้เราประหยัดต้นทุนและลดการใช้พลังงาน พร้อมลดเวลาในการออกสู่ตลาดจากหลายเดือนเหลือเพียงไม่กี่วัน แมชชีนเลิร์นนิงช่วยให้เราสามารถลดของเสียจากวัตถุดิบได้อย่างง่ายดาย และทำให้การดำเนินงานของเรามีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น”

“ลูกค้าในภาคการผลิตขนาดใหญ่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้เทคโนโลยีคลาวด์มากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและมีการสร้างสรรค์ด้านนวัตกรรมให้มากขึ้น โดยพวกเขาคาดหวังว่าระบบคลาวด์จะมีบทบาทมากขึ้นในการช่วยให้พวกเขาสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร” วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ AWS กล่าว “ด้วยการนำแพลตฟอร์มข้อมูลไปอยู่บน AWS นั้น ทําให้ PTT Global Chemical สามารถปรับปรุงการทำงานร่วมกันทั่วทั้งบริษัทได้ โดยให้ทีมสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์กลางได้อย่างปลอดภัย และประมวลผลบนคลาวด์ได้”

from:https://www.techtalkthai.com/ptt-global-chemical-chooses-aws-to-modernize-information-systems/

AWS ประกาศเปิดตัว Amazon Bedrock และบริการด้าน Generative AI [Guest Post]

บริการจาก AWS ได้รวบรวมประสบการณ์แมชชีนเลิร์นนิงมากกว่าสิบปีของ Amazon เข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง

หากดูเหมือนว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีอยู่ทุกที่ในปัจจุบันแต่ AI ได้มีบทบาทในการขับเคลื่อนประสบการณ์ในชีวิตประจำวันของเรามานานแล้ว เมื่อคุณขอให้ Alexa เปิดเพลง เดินไปซื้อของในร้าน Amazon Just Walk Out หรือเลือกดูภาพยนตร์ที่แนะนำบน Amazon Prime คุณกำลังใช้ AI และกำลังโต้ตอบกับโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง (ML)

อย่างที่เห็นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมากับการให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับ Generative AI ซึ่ง Generative AI เป็นส่วนหนึ่งของ Machine Learning ที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลที่ใหญ่มาก เช่น โมเดล Large Language Models (LLMs) และโมเดล Multi-modal (เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเสียง) แอปพลิเคชันอย่าง ChatGPT และ Stable Diffusion ได้รับความสนใจอย่างมาก Generative AI จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจต่าง ๆ ตั้งแต่การดูแลสุขภาพ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ไปจนถึงอุตสาหกรรมสื่อและความบันเทิง การศึกษา บริการทางการเงิน และอื่น ๆ

ที่ Amazon เราเชื่อว่า AI และ ML เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้มากที่สุดในยุคปัจจุบัน  โดยสามารถจัดการกับปัญหาของมนุษย์ที่ท้าทายได้ ด้วยเหตุนี้ Amazon ได้ลงทุนอย่างมากในการพัฒนา AI และ ML ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา โดยที่เราได้นำเอาความสามารถเหล่านี้มาใช้ในทุกธุรกิจ

ในปัจจุบัน โมเดล ML ของเรากำลังทำงานเพื่อให้ประโยชน์แก่ลูกค้า Amazon หลายร้อยล้านรายทั่วโลก โดยช่วยลดความล่าช้าในการผลิตและจัดส่งสินค้า ปรับให้ประสบการณ์ดิจิทัลของลูกค้าให้เป็นเฉพาะบุคคล และทำให้สินค้าและบริการเข้าถึงได้มากขึ้นและราคาไม่แพง มีลูกค้ามากกว่า 100,000 รายใช้บริการ AWS AI และ ML หลายบริการในระบบคลาวด์

Amazon ยังมีอะไรอีกมากที่จะตามมาในเร็ว ๆ นี้ ต่อไปนี้คือสี่นวัตกรรมที่เพิ่งประกาศเพื่อรองรับการใช้ Generative AI:

Amazon Bedrock: สร้างแอปพลิเคชัน AI เชิงสร้างสรรค์ได้อย่างง่ายดาย

Amazon Bedrock เป็นบริการใหม่สำหรับการสร้างและปรับขนาดแอปพลิเคชัน Generative AI ที่สามารถสร้างข้อความ รูปภาพ เสียง และข้อมูลสังเคราะห์ตามคำสั่งได้ Amazon Bedrock ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงโมเดล AI ที่ใช้การเรียนรู้จากข้อมูลวงกว้างที่มีจำนวนมากและหลากหลาย หรือ Foundation Models (FM) ได้ง่าย โมเดล ML ขนาดใหญ่พิเศษที่ Generative AI มาจากผู้ให้บริการโมเดลสตาร์ทอัพด้าน AI ชั้นนำ ซึ่งรวมถึง AI21, Anthropic และ Stability AI และการเข้าถึงพิเศษถึง Titan ของ foundation models ที่พัฒนาโดย AWS เนื่องจากไม่มีโมเดลใดเพียงโมเดลเดียวที่ทำทุกอย่างได้ Amazon Bedrock จึงเปิดโอกาสให้ลูกค้า AWS เลือกใช้ Foundation Models จากผู้ให้บริการชั้นนำ เพื่อให้ได้ความยืดหยุ่นและสามารถเลือกใช้โมเดลที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าได้

ข้อดี: Amazon Bedrock เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างและปรับขนาดแอปพลิเคชัน AI ด้วย FMs

ความพร้อมใช้งานทั่วไปของอินสแตนซ์ Amazon EC2 Inf2 ที่ขับเคลื่อนโดยชิป AWS Inferentia2 ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเรียกใช้ปริมาณงาน Generative AI ได้

โมเดล ML ขนาดใหญ่พิเศษจำเป็นต้องใช้การประมวลผลจำนวนมาก ซึ่งชิป AWS Inferentia มอบประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงสุดและต้นทุนต่ำที่สุดสำหรับการเรียกใช้ปริมาณงาน Generative AI (เช่น การเรียกใช้โมเดลและการตอบสนองต่อคำถามในระดับ Production) ตามขนาดบน AWS

ข้อดี: ต้นทุนและการใช้พลังงานที่ลดลงทําให้ลูกค้าที่หลากหลายสามารถเข้าถึง Generative AI ได้มากขึ้น

อินสแตนซ์ Trn1n ใหม่ที่ขับเคลื่อนโดยชิป AWS Trainium ซึ่งเป็นซิลิคอนแบบกําหนดเองเพื่อให้ฝึกโมเดลได้รวดเร็วขึ้น

โมเดล Generative AI จําเป็นต้องได้รับการฝึกฝนเพื่อให้เสนอคําตอบ รูปภาพ ข้อมูลเชิงลึก หรือเรื่องอื่น ๆ ได้อย่างถูกต้อง อินสแตนซ์ Trn1n ใหม่ (เซิร์ฟเวอร์ที่การประมวลผลเกิดขึ้นและทำงานบนชิป Trainium ของ AWS) มีความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่ายขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการฝึกโมเดลเหล่านี้ให้รวดเร็วมากขึ้นและให้ความคุ้มค่าในด้านต้นทุน

ข้อดี: นักพัฒนาจะสามารถฝึกโมเดลได้รวดเร็วขึ้นและมีค่าใช้จ่ายน้อยลง ซึ่งจะนำไปสู่บริการที่ขับเคลื่อนโดย Generative AI ใหม่ ๆ มากขึ้น

นักพัฒนาสามารถเข้าถึง Amazon CodeWhisperer เครื่องมือที่ช่วยในการเขียนโค้ดด้วยการให้คำแนะนำในการเขียนโค้ดแบบเรียลไทม์ได้ฟรี

 ลองนึกภาพการเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีคู่หูในการเขียนโค้ดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทําให้การเขียนโค้ดของคุณเร็วขึ้นและง่ายขึ้น Amazon CodeWhisperer ทำเช่นนั้นโดยใช้ Generative AI ที่ให้คำแนะนำโค้ดขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของผู้ใช้และโค้ดก่อนหน้านั้น นักพัฒนาสามารถเข้าถึง Amazon CodeWhisperer ได้ฟรีโดยไม่มีข้อจำกัดการใช้งานใด ๆ (มีประเภทการชำระเงินสำหรับการใช้งานแบบมืออาชีพด้วยฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การรักษาความปลอดภัยขององค์กร และความสามารถในการดูแลระบบที่เพิ่มขึ้น)

ข้อดี: ลองเขียนโค้ดได้ฟรีเลยวันนี้

ข้อเสนอเหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หนึ่งในหลักการสําคัญของ Amazon คือการมุ่งมั่นที่จะคิดในระยะยาว เราเชื่อว่านี่เป็นช่วงเริ่มต้นของการปฏิวัติทางเทคโนโลยีที่จะดำเนินต่อไปเป็นเวลาหลายสิบปี ดังนั้นเราจะยังคงกำหนดอนาคตของเทคโนโลยีนี้ต่อไป ซึ่งชี้นําด้วยความต้องการของลูกค้าไปสู่แอปพลิเคชัน AI ที่มีประโยชน์และมีความรับผิดชอบมากที่สุด

from:https://www.techtalkthai.com/aws-announces-amazon-bedrock-and-generative-ai-services/

AWS เปิดตัว ‘Bedrock’ Generative AI คู่แข่ง ChatGPT

AWS ลงทุนในพื้นที่นี้มาระยะหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้ ได้เคยร่วมมือกับบริษัทปัญญาประดิษฐ์ เช่น Hugging Face Inc. และ Stability AI ซึ่งสร้าง Image Generator Stable Diffusion แต่ไม่เคยเปิดเผยแผนการที่จะเปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ผลิตขึ้นเอง

‘Titan’ เป็นชื่อเรียกแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ของ AWS ซึ่งได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับข้อความจำนวนมหาศาลเพื่อสรุปเนื้อหา เขียนแบบร่างของบล็อกโพสต์ หรือมีส่วนร่วมในเซสชันคำถามและคำตอบแบบปลายเปิด โดยจะพร้อมใช้งานบนบริการของ AWS ที่เรียกว่า ‘Bedrock’ ที่ซึ่งนักพัฒนาสามารถใช้ประโยชน์จาก Generative AI รวมถึง AI21 Labs, Anthropic และ Stability AI เพื่อพัฒนาเครื่องมือ AI ที่สามารถสร้างข้อความหรือรูปภาพได้
 
ChatGPT และเครื่องมือสร้างภาพเช่น Dall-E เชื่อว่า Generative AI จะปฏิวัติประเภทของงานที่ทำโดยซอฟต์แวร์ได้
 
Generative AI เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถสร้างข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอตามคำแนะนำของผู้ใช้ ได้จับภาพจินตนาการของ Silicon Valley ทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้
 
หลังความเคลื่อนไหวนี้ หุ้นของ Amazon พุ่งขึ้นเกือบ 3% สู่ระดับ 100.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ
 
ลูกค้า AWS สามารถสมัครเพื่อใช้โมเดลที่เปิดให้บริการได้ และบริษัทยังไม่ได้กำหนดราคาเพื่อเข้าถึงเครื่องมือ โดยชิปที่สร้างขึ้นโดย AWS รวมถึง Inferentia2 และ Trainium สามารถช่วยให้ลูกค้ารักษาระดับต้นทุนอย่างประหยัดได้ในขณะที่กำลังทำงานด้านแมชชีนเลิร์นนิงของตนเอง
 
“ฉันไม่เชื่อว่าจะมีโมเดลเดียวที่จะครองโลกได้”
Swami Sivasubramanian รองประธานฝ่ายฐานข้อมูล การเรียนรู้ของเครื่องและการวิเคราะห์ของ AWS กล่าว
 

from:https://www.techtalkthai.com/aws-launches-bedrock-generative-ai-chatgpt-competitor/

AWS เปิดใช้งาน CodeWhisperer พร้อม Free Tier เริ่มใช้งานได้ทุกคน

การนำ AI เข้ามาใช้เพื่อช่วยในหมวดงานพัฒนาโปรแกรมกำลังเป็นกระแสมาแรง เช่นกัน AWS จึงได้ไม่รอช้าที่จะเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ทดลองมาตั้งแต่ปีก่อนหรือ CodeWhisperer 

credit : aws

จุดประสงค์ของฟีเจอร์ใหม่นี้ AWS เชื่อว่าจะช่วยให้นักพัฒนาทำงานได้เร็วกว่าเดิม อะไรที่ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเขียนเองก็ให้ AI เขียนให้พร้อมคอมเม้นต์ แถมงานอะไรที่ไม่คุ้นเคยเช่น API และ SDK ตัวอย่างเช่นการใช้ AWS API เพื่อเขียนอ่านไฟล์ หรือ Unit Test ก็เป็นส่วนหนึ่งในความสามารถนี้ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีความสามารถในการสแกนหาช่องโหว่ตาม OWASP ที่ซ่อนอยู่ได้ พร้อมให้คำแนะนำในการแก้ปัญหา

สำหรับความแตกต่างของฟรีที่ใช้ได้ทุกท่านกับงาน Professional ก็คือมีฟีเจอร์การควบคุมและอำนวยความสะดวกต่อการใช้งานเช่น SSO, IAM และควบคุมการใช้งานด้วย Policy ได้ ตลอดจนความสามารถในการสแกนความมั่นคงปลอดภัยที่เหนือกว่า 

ขณะนี้ CodeWhisperer พร้อมใช้งานแล้วกับหลายภาษาโปรแกรมอาทิ Python, Java, JavaScript, TypeScript, C#, Go, Rust, PHP, Ruby, Kotlin, C, C++, Shell scripting, SQL และ Scala ทั้งนี้ท่านสามารถใช้ IDE ที่ตนถนัดกับ CodeWhisperer ได้อย่างสะดวกเช่น Visual Studio Code, , IntelliJ IDEA, CLion, GoLand, WebStorm, Rider, PhpStorm, PyCharm, RubyMine และ DataGrip IDEs แน่นอนว่า Cloud9 ด้วย อย่างไรก็ดี CodeWhisperer ย่อมแม่นยำที่สุดกับ AWS API แม้จะรองรับแพลตฟอร์มอื่นๆได้มากมายเช่นกัน

ที่มา : https://aws.amazon.com/blogs/aws/amazon-codewhisperer-free-for-individual-use-is-now-generally-available/

from:https://www.techtalkthai.com/aws-officially-releases-codewhisperer/

Atos x SAP : Digital Intelligence Explosion 2023

รวบรวมอัปเดตเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารด้านนวัตกรรมและการบริการจากทาง SAP และ Atos รวมถึงสาระความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีคลาวด์โซลูชันและระบบจัดการข้อมูลระดับองค์กรจาก Amazon Web Services (Thailand) และ OpenText เพื่อมอบประสบการณ์ด้านการใช้งานบนดิจิทัลแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถตอบโจทย์ธุรกิจขนาดต่างๆ และรองรับการทำงานได้ทุกอุตสาหกรรม ในธุรกิจทุกระดับ อีกทั้งยังช่วยบริหารจัดการเวลาและต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้องค์กรก้าวกระโดดได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมรับการเติบโตของธุรกิจ และก้าวสู่การเป็นองค์กรอัจฉริยะได้แบบไร้รอยต่อ

เมื่อวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2565 – บริษัท อาโทส ไอทีโซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบ พัฒนาและติดตั้งระบบ ไอทีแบบครบวงจร รวมทั้งเป็นผู้ที่ให้บริการดูแลระบบ SAP Application Management Services รายใหญ่ในประเทศไทย ได้จัดงานสัมมนา Atos x SAP Digital Intelligence Explosion 2023 ณ ห้อง Yulania IV – VI ชั้น 9 โรงแรม Waldorf Astoria Bangkok

ภายในงานครั้งนี้ Atos ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย เพื่ออัปเกรดข้อมูลขีดความสามารถที่จะขับเคลื่อนให้ธุรกิจของลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเติบโตไปอย่างรวดเร็วและมั่นคง ซึ่งประกอบด้วย 3 พันธมิตรระดับชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก นำโดย SAP บริษัทซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปและใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก AWS เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ครอบคลุมและนำมาใช้มากที่สุดในโลก โดยนำเสนอบริการอันโดดเด่นเต็มรูปแบบกว่า 200 บริการจากศูนย์ข้อมูลต่างๆ ทั่วโลก และ Opentext

โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท SAP และ Atos ประเทศไทย ที่ รวมถึงวิทยากรจากทาง Amazon Web Services (Thailand) และ OpenText ที่มาร่วมแบ่งปันความรู้และอัปเดทเทคโนโลยีล่าสุด อาทิ SAP S/4HANA on Cloud, SAP Analytics Cloud, SAP Business Technology Platform (SAP BTP), SAP Integrated Business Planning (SAP IBP), SAP SuccessFactors HXM Suite และ RISE with SAP on AWS, OpenText™ Solution ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง โดยมีผู้บริหาร ผู้จัดการแผนกต่างๆ ของบริษัทและองค์กรธุรกิจชั้นนำกว่า 90 คน จาก 40 บริษัท ให้ความสนใจและเข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้

โดย คุณวรรณี ไชยปัญญา Managing Director, Atos Thailand ได้กล่าวเปิดงานพร้อมกับบรรยายในหัวข้อ “Journey to Intelligence Enterprise” เพื่อนำเสนอการปฏิวัติรูปแบบธุรกิจสู่การเป็นองค์กรอัจฉริยะในทุกมิติ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในอนาคต ช่วยปลดล็อกธุรกิจให้ทรานส์ฟอร์มองค์กรเข้าสู่ระบบ Cloud ด้วยโซลูชันจาก SAP และการบริการจาก Atos

Atos และ SAP

เริ่มต้นการบรรยายโดยทีม SAP ประเทศไทย ในหัวข้อ  “Become a Leader Now with SAP Innovation” พร้อมชูจุดเด่นของ “RISE with SAP สำหรับ Finance” เพื่อการให้บริการและเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจแก่องค์กรการเงินเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ช่วยให้บริษัทต่างๆ ใช้นวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องดำเนินการติดตั้งซ้ำหรืออัปเกรดใหม่ให้เสียเวลา นอกจากนี้ RISE ยังรวมถึงระบบอัจฉริยะทางธุรกิจ ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ AI ผสานการทำงานร่วมกับเครื่องมือและบริการแบบฝังตัว เพื่อให้บริษัทต่างๆ ใช้เวลาน้อยลงในการปรับใช้และบำรุงรักษาระบบ และมีเวลามากขึ้นในการขยายธุรกิจ

โดยคุณอาจรีย์ ทัศนเมธิน Senior Solution Advisor, SAP Indochina ได้ยกตัวอย่างการปรับใช้งานจริงที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์และข้อได้เปรียบทางธุรกิจในการจัดการข้อมูลด้านการเงิน (Finance) บนระบบคลาวด์ด้วย RISE with SAP ซึ่งเป็นโซลูชันอัจฉริยะที่เป็นที่นิยมในระดับโลก มีความยืดหยุ่นสูง และความน่าเชื่อถือด้านปลอดภัย เพื่อความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นแบบไร้รอยต่อ

ต่อด้วยคุณนพดล เจริญทอง Head of Mid-Market, SAP Indochina กล่าวสรุปเกี่ยวกับ Atos ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรระดับโลกของ SAP รายแรกที่เริ่มใช้งานจริงบน SAP S/4HANA® Cloud ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของ RISE with SAP การใช้งานที่ประสบความสำเร็จนี้ครอบคลุมทั่วทั้งธุรกิจของ Atos ไปจนถึงพนักงานทั้งหมด 105,000 คนใน 71 ประเทศ ช่วยพลิกโฉมธุรกิจของลูกค้าให้เป็นองค์กรอัจฉริยะ ในขณะเดียวกันยังมอบประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานและการเงินเพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้

เป็นระยะเวลากว่า 35 ปีแล้วที่ Atos และ SAP ได้มอบคุณค่าทางธุรกิจผ่านการแปลงเป็นดิจิทัลของธุรกิจและภูมิทัศน์ด้านไอทีทั้งหมด เป็นความร่วมมืออันยาวนานเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงองค์กรอัจฉริยะให้กับลูกค้าระดับองค์กร ความเชี่ยวชาญเชิงลึกในอุตสาหกรรมต่างๆ การมุ่งเน้นที่นวัตกรรม ความสามารถด้านคลาวด์ในวงกว้าง และขีดความสามารถในการรวบรวมระบบต่างๆ เข้าด้วยกัน นั่นหมายความว่าเราสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยแบบครบวงจรให้กับลูกค้าในทุกระดับได้อย่างยั่งยืน

Atos ร่วมมือกับ SAP เพื่อสนับสนุน RISE with SAP ซึ่งเป็นข้อเสนอใหม่ล่าสุดของ SAP ที่ช่วยให้ลูกค้านำองค์ประกอบที่สำคัญต่อธุรกิจของตนไปไว้บนคลาวด์ เร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและตระหนักถึงคุณค่าของการลงทุนในเส้นทางสู่องค์กรอัจฉริยะ

การแปลงทางดิจิทัลเร่งตัวมากยิ่งขึ้น บริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านมา คือบริษัทที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ตระหนักถึงรูปแบบธุรกิจใหม่ และดำเนินการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นหลัก ความคล่องตัว และความยั่งยืนได้กลายเป็นสิ่งสำคัญ Atos และ SAP ร่วมมือกันเพื่อเร่งความเร็วลูกค้าให้ปลอดภัยและเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจที่ลดการปล่อยคาร์บอน โดยตระหนักถึงผลลัพธ์ที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ยืดหยุ่น และยั่งยืนมากขึ้น ระบบคลาวด์เป็นกลไกสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เนื่องจากสามารถส่งมอบความเร็ว ความยืดหยุ่น และนวัตกรรมที่ล้ำสมัยสู่การแปลงทางดิจิทัลอย่างยั่งยืนผ่าน Rise with SAP

แล้ว RISE with SAP คืออะไร?

RISE with SAP โซลูชันที่จะกลายเป็นองค์กรอัจฉริยะที่ยั่งยืนในระบบคลาวด์ นำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมพร้อม ERP บนระบบคลาวด์สำหรับทุกความต้องการด้วย SAP S/4HANA Cloud แนวปฏิบัติในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตด้วย โซลูชันคลาวด์ การวิเคราะห์และกระบวนการทางธุรกิจอัจฉริยะ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ถูกนำเสนอผ่าน Guided journey และบริการที่ขับเคลื่อนด้วยผลลัพธ์จาก SAP และพันธมิตรต่างๆ

  • Business Transformation

Atos Business Platform for RISE with SAP พลิกโฉมธุรกิจ รวมถึงระบบนิเวศทั้งหมด ให้ความยืดหยุ่น ปรับขยายได้ และเกิดความล้มเหลวน้อยลงตลอดซัพพลายเชน Atos นำเสนอโซลูชันธุรกิจที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้าที่พร้อมใช้งานสำหรับการผลิต, CPG, สาธารณูปโภค, ภาครัฐ และอื่นๆ โซลูชันทางธุรกิจเหล่านี้ช่วยเร่งเวลาของคุณให้มีค่าได้อย่างมาก

  • Cloud Transformation

Atos Business Platform for RISE with SAP มอบความสามารถในการปรับขนาดธุรกิจแบบไดนามิกผ่านระบบคลาวด์ รากฐาน Atos OneCloud ให้การโยกย้ายอย่างปลอดภัยไปยัง RISE Atos รับรองสถาปัตยกรรมสถานะแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจ ตามผลลัพธ์ แก่ลูกค้า สามารถประหยัดต้นทุนได้ถึง 40%

  • Service Transformation

Atos Business Platform for RISE with SAP ช่วยให้การโยกย้ายและการจัดการง่ายขึ้น ลด TCO และลดความซับซ้อนของโครงสร้างเชิงพาณิชย์ โซลูชันจาก AppDynamics และ ServiceNow ถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุดและการจัดการการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินงาน โซลูชันอื่นๆ ได้แก่ Orchestrated Hybrid Cloud สำหรับ SAP, BlueBox, NowMigrate, Digital Performance Management สำหรับ SAP

  • Sustainable Business Operations

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ Atos Business Platform for RISE with SAP ได้รวมเอาความยั่งยืนผ่านโซลูชัน Sustainability Life Cycle Management (SLCM) for SAP ให้ผลลัพธ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดซื้อ การผลิต ไปจนถึงการจัดการของเสียและการกำกับดูแล โดยบังคับใช้การปฏิบัติตามข้อกำหนดในทุกขั้นตอน และได้รับการจัดการ การตรวจสอบ และการวัดผล

Atos และ OpenText

ความร่วมมือระดับโลกนี้เป็นการรวมเอาความเชี่ยวชาญของ ATOS เข้ากับโซลูชันอันล้ำสมัยของ OpenText เพื่อมอบมูลค่าเพิ่มที่สำคัญแก่ลูกค้าสำหรับความคิดริเริ่มด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

Atos ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี OpenText เพื่อแก้ปัญหาความท้าทายในการจัดการข้อมูลขององค์กรสำหรับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ผ่านโซลูชัน Enterprise Information Management (EIM) ที่ล้ำสมัย เพื่อนำเสนอการค้นพบและการประเมิน การออกแบบ การนำไปใช้ การรวมระบบ การจัดการแอปพลิเคชัน และบริการที่มีการจัดการด้วยการใช้แพลตฟอร์ม OpenText Content Management โดยมุ่งเน้นที่จะสนับสนุนและปรับปรุงประสิทธิภาพรวมถึงการเข้าถึงเนื้อหาและให้มุมมองเนื้อหาแบบ 360 องศา

โดยคุณ Felix Reichardt – Lead Solutions Consultant, OpenText South East Asia (SEA) ได้กล่าวถึงระบบการทำงานประสานร่วมกับ SAP และ Atos ในการจัดการข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโซลูชันจาก OpenText ในหัวข้อ “Modernize Work with Smarter Information Management” Atos และ OpenText ร่วมกันนำเสนอโซลูชัน Enterprise Information Management (EIM) ที่ล้ำสมัย การดำเนินการเสนอตลาดร่วมกันเพื่อปรับต้นทุนของโครงสร้างพื้นฐานและ TCO การเก็บรักษาข้อมูลให้เหมาะสม รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงสุดด้วยการให้ข้อมูลในบริบท นอกจากนี้ยังให้บริการคำปรึกษา การรวมระบบ การจัดการแอปพลิเคชัน และบริการดำเนินการที่มีการจัดการ

OpenText ช่วยให้ :

  • Atos และลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมสำหรับคนที่เหมาะสม
  • Atos ช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนทางธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนใน digital economy ในปัจจุบัน
  • Atos นำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การใช้งานโซลูชันชุดผลิตภัณฑ์ของ OpenText ในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อปรับใช้โซลูชันการจัดการข้อมูลทั่วทั้งองค์กรของลูกค้า
  • Atos นำเสนอประสบการณ์ในโซลูชัน OpenText ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถพัฒนาได้ในเวลาที่รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และที่สำคัญที่สุดคือติดตั้งบนแพลตฟอร์มแบบ low-code หรือ no-code ซึ่งสร้าง ปรับใช้ อัปเกรด และโยกย้ายได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

Atos เป็นพันธมิตรในระดับ Global Platinum Partner ของ OpenText นำเสนอโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ จัดการข้อมูลทั่วทั้งองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับธุรกิจดิจิทัลให้มีความชาญฉลาด ปลอดภัย และเชื่อมโยงกันมากขึ้น

Atos และ AWS

Atos และ AWS เป็นพันธมิตรร่วมกันตั้งแต่ปี 2013 โดยรวบรวมเทคโนโลยีชั้นนำของตลาด ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม และความเชี่ยวชาญในการย้ายข้อมูลที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าลูกค้าต้องการเพื่อเริ่มดำเนินการย้ายข้อมูลที่ซับซ้อนในระดับทั่วโลกได้อย่างมั่นใจ ปลดปล่อยพลังของระบบคลาวด์เพื่อปรับปรุงแอปพลิเคชันและปริมาณงานให้ทันสมัย ปลดล็อกข้อมูลเชิงลึก และเปลี่ยนสภาพแวดล้อมดั้งเดิมที่มีความสำคัญต่อภารกิจให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลังสำหรับนวัตกรรมและการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต

โดย ดร.ปภณ ยงพิศาลภพ Senior Solution Architect จาก Amazon Web Services (Thailand) ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านคลาวด์แพลตฟอร์มระดับโลก ได้กล่าวถึงความพร้อมในการให้บริการร่วมกับ Atos ทั้งในด้านความปลอดภัย การเปลี่ยนผ่านระบบต่างๆ ในประเทศไทย โดยสามารถทำงานร่วมกับโซลูชันจาก SAP ได้เต็มรูปแบบ กับหัวข้อ The Platform of Choice and Innovation for SAP Customers

4 แนวคิดที่องค์กรต่างๆ จะนำ SAP ขึ้นไปทำงานบนระบบคลาวด์ AWS :

  1. แนวคิดเรื่องการลดค่าใช้จ่ายจากการลงทุนระบบ Infrastructures ซึ่งส่วนประกอบของอุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์และเซฟเวอร์จำนวนมากที่จะต้องจัดหารวมถึงวางแผนบริหารจัดการบำรุงรักษาให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
  2. แนวคิดเรื่องความมั่นคงปลอดภัย Cybersecurity เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในยุคดิจิทัล จะดีกว่าไหมถ้ามีคนคอยดูแลด้านระบบการรักษาปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับองค์กรของเรา ซึ่งบน AWS มีระบบเหล่านี้รองรับเพื่อให้บริการสำหรับองค์กรทุกระดับให้มีความน่าเชื่อถือและมั่งคงปลอดภัยจากภัยรอบด้าน
  3. แนวคิดเรื่องความพร้อมใช้งานด้วยการยกระดับการทำ HA ได้บน AWS Cloud ช่วยให้องค์กรต่างๆ ไม่ต้องลงทุนสร้างระบบ HA ของตนเอง และยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับข้อมูลให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา เพื่อความต่อเนื่องของการดำเนินธุรกิจ
  4. แนวคิดเรื่องนวัตกรรมให้กับข้อมูลให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การทำงาน Data Analytic Machine Leaning AI เป็นต้น

เหตุใดลูกค้า AWS ที่ใช้งานอยู่มากกว่า 5,000 รายจึงใช้งาน SAP บน AWS และเหตุใดองค์กรต่างๆ จึงควรเลือก AWS สำหรับ RISE with SAP สิ่งแรกสามารถช่วยลดต้นทุนที่จะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ Downtime ได้ โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับบริษัทระดับ Fortune 1000 ประมาณ 100,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อชั่วโมง หรือถ้าเป็นบริษัทระดับยักษ์ใหญ่อาจจะสูงถึง 1,000,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่ง AWS สามารถเข้ามาช่วยยกระดับในส่วนนี้ได้ ด้วยพื้นที่การให้บริการครอบคลุม 99 Availability Zone ภายใน 31 ภูมิภาคทั่วโลก พร้อมประกาศแผนสำหรับ Availability Zone เพิ่มอีก 15 โซน และอีก 5 ภูมิภาคในแคนาดา อิสราเอล มาเลเซีย นิวซีแลนด์ และไทย ในการลงทุนของ AWS เช่นนี้ ทำให้ตัวเลขสถิติเหตุการณ์ Downtime ของ AWS มีจำนวนการเกิดขึ้นน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการระบบคลาวด์ทั่วโลกถึง 5 เท่าตัวในรอบ 1 ปี”

ทำไมต้องเลือก AWS ถ้าต้องใช้งาน RISE with SAP

“ใน RISE with SAP จะมีสิ่งที่เรียกว่า BTP Service หรือ Business Technology Platform ซึ่งมีฟีเจอร์ที่หลากหลายมากขึ้นและการเชื่อมต่อระบบที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อสนับสนุนองค์กรให้เติบได้ด้วยการใช้ดาต้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดย Business Technology Platform เป็นแพลตฟอร์มที่มอบบริการและเครื่องมือต่างๆ แบบบูรณาการ ให้นักพัฒนาระบบและผู้ใช้งานในองค์กร  สามารถสร้าง data excellence การทำ process integration และ extensions ได้

การใช้งานแอปพลิเคชันใน AWS Cloud จะช่วยให้องค์กรมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดไปได้รวดเร็วมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากการปรับขนาดและประสิทธิภาพในการทำงานของระบบคลาวด์ ด้วยชุดผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมซึ่งช่วยให้องค์กรต่างๆ สร้างคุณค่าที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุน SAP ของตนได้อย่างความคล่องตัว มีความปลอดภัยที่มากขึ้น และลดต้นทุนได้จริง” ดร.ปภณ กล่าว

Atos และ AWS นำเทคโนโลยีชั้นนำของตลาดมารวมกัน ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม และประสบการณ์ที่พิสูจน์แล้วเพื่อลดความเสี่ยงในการย้ายข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ Atos ให้บริการตั้งแต่การให้คำปรึกษาเบื้องต้นไปจนถึงการออกแบบ การโยกย้าย และบริการที่มีการจัดการอย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญและกระบวนการที่จัดตั้งขึ้นจะช่วยแนะนำสู่การเปลี่ยนแปลง โดยตระหนักว่าองค์กรแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ด้วยความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์ของ Atos OneCloud พร้อมบริการแบบ end-to-end ให้การสนับสนุนที่ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในทุกขั้นตอนของการเดินทางร่วมกัน เพื่อลดความเสี่ยงในการโยกย้าย รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมที่คล่องตัว พร้อมขับเคลื่อนด้วยระบบ AI ที่มีประสิทธิภาพ และพลิกโฉมองค์กรต่างๆ ให้เป็นขุมพลังแห่งนวัตกรรมระดับโลก

ในฐานะพันธมิตรที่ปรึกษาระดับสูงของ AWS, Atos สามารถช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากการลงทุนใน AWS Cloud ผ่านความเชี่ยวชาญในการดำเนินการด้วยเครือข่ายทั่วโลกที่มีผู้เชี่ยวชาญจาก AWS กว่า 1,000 คน รวมถึงการการันตีจาก AWS certifications มากกว่า 1,200 รายการ และ AWS accreditations มากกว่า 3,400 รายการ ความรู้ความเชี่ยวชาญที่กว้างขวางนี้สนับสนุนความสามารถในการโยกย้ายแบบ end-to-end ของ Atos ทำให้การดำเนินการทั้งหมดบนคลาวด์สามารถจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานได้ทันทีและสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างรวดเร็ว สามารถจัดการข้อมูลในระดับที่ใหญ่ได้ และปลดล็อกพลังของแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้า

ปิดท้ายการสัมมนาครั้งนี้ โดยคุณปริญญา วัชระกิติพงศ์ Head of Pre-Sales, Atos Thailand กล่าวถึงระบบการให้บริการจาก Atos ที่มีมาตรฐานระดับสูงและได้รับการไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ด้านการออกแบบ พัฒนาและติดตั้งระบบ แบบครบวงจร กับหัวข้อ “Operational Excellence and Services Delivery by Atos”

Atos Thailand เป็นผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบพัฒนาและติดตั้งระบบไอทีแบบครบวงจร รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการดูแลระบบ SMEs Application Management Services รายใหญ่ในประเทศไทย ด้วยผู้ใช้งานในระบบมากที่สุดกว่า 28,600 คน โดยมีการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อ สัปดาห์ (24 x 7) 

Atos นำระบบนิเวศของพันธมิตรที่สร้างขึ้นเพื่อมอบคุณค่าทางธุรกิจที่เหนือกว่าโดยอิงจากเทคโนโลยีที่ดีที่สุด โดยทำงานร่วมกับองค์กรระดับโลกที่ได้รับการคัดเลือกในด้านแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ โครงสร้างพื้นฐาน และการให้คำปรึกษา เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอด้านการให้คำปรึกษา โซลูชัน และบริการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ Atos ยังได้ใช้ประโยชน์จากความสามารถของเหล่าพันธมิตรซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ ช่วยเพิ่มศักยภาพสู่การเติบโตให้กับธุรกิจของลูกค้า ด้วยการผสานรวมจุดเด่นที่ครอบคลุมและชาญฉลาดของโซลูชันและบริการในผลิตภัณฑ์ของพันธมิตร

นอกจากนี้ Atos ยังนำเสนอโซลูชันแพลตฟอร์มธุรกิจที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่สามารถปรับขนาดได้และมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดในยุคดิจิทัล เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันให้กับพนักงานระดับองค์กรและพันธมิตร โดย Atos จะอยู่เคียงข้างลูกค้าไปตลอดเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

สำหรับองค์กรหรือบริษัทใดที่สนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ จาก Atos และ SAP สามารถติดต่อได้ที่

คุณรตนพร สุริย์ อีเมล ratanaporn.suri@atos.net หรือ ส่งข้อมูลความสนใจผลิตภัณฑ์มาที่  https://forms.gle/WCiXH3ZdFJUf1gFx6

from:https://www.techtalkthai.com/atos-x-sap-digital-intelligence-explosion-2023-1/

พลาดไม่ได้! AWS Meetup – DevTalk พบกับ Werner Vorgels CTO แห่ง Amazon.com พร้อม Session เจาะลึกการ Dev บน AWS [19 เม.ย. 2023 เวลา 13.00-19.30น.]

AWS User Group Thailand, TechTalkThai และ Eventpop ขอเรียนเชิญ Software Developer ทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาฟรีที่พลาดไม่ได้ “AWS Meetup – DevTalk” ที่ได้รับเกียรติจาก Dr. Werner Vogels ผู้ดำรงตำแหน่ง CTO แห่ง Amazon.com ที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบ Service สำคัญอย่าง EC2, RDS, S3 มาร่วมบรรยาย พร้อม Session อื่นๆ อีก 6 Session จาก AWS User Group Thailand, Bitkub, SCB Tech X, เหล่า AWS Community Builder และทีมงาน AWS ในวันพุธที่ 19 เมษายน นี้ เวลา 13:00 – 19:30น. ณ C Asean Rama IV โดยมีรายละเอียด กำหนดการ และวิธีการลงทะเบียนเข้าร่วมงานสัมมนาฟรีดังนี้

AWS Meetup – DevTalk

สถานที่: C asean Rama IV (https://goo.gl/maps/vNrxnXFauq89StZcA)
การเดินทาง: MRT Queen Sirikit National Convention Centre
วันที่และเวลา: Wednesday 19th April 2023 13:00 – 19:30
ภาษา: Thai and English
ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน (ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย): https://www.eventpop.me/e/14964

ฟัง Talk เจาะลึกการ Dev บน AWS พร้อมพบกับ Dr. Werner Vogels, CTO, Amazon.com ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบ Service สำคัญอย่าง EC2, RDS, S3 ในวันพุธที่ 19 เมษายน นี้ เวลา 13:00 – 19:30น. ณ C Asean Rama IV

ฟังหัวข้อเจาะลึก Dev อย่างไรบน AWS ให้ปลอดภัย และ Session Chalk Talk พร้อมตอบคำถามทุกข้อด้าน Serverless ร่วมฟังประสบการณ์ตรงจากผู้นำทีมพัฒนาแพลตฟอร์ม Bitkub กระดานซื้อขายคริปโตอันดับหนึ่งของประเทศ และประสบการณ์ตรงจากผู้นำแนวความคิดเรื่อง Developer Platform จาก SCB TechX ผู้นำทางด้านเทคโนโลยีในกลุ่มธนาคารแบบครบวงจร นอกจากนี้ยังมีหัวข้อจาก AWS Community Builder แบบ Deep Dive ทั้ง Container และ Serverless

พร้อมรับของที่ระลึกหน้างาน 250 ท่านแรกเท่านั้น !!!

กำหนดการ

13.00 – 14.00 : Registration
14.00 – 15.30 : Security for DevOps and Developer โดย Vit Niennattrakul (AWS Community Hero)
15.30 – 16.00 : Chalk Talk – Serverless โดย Vit Niennattrakul (AWS Community Hero)
16.00 – 16.30 : —– Break —–
16.30 – 16.50 : How AWS Facilitate Bitkub Engineer on Deployment and Day-2 Operations โดย Sakul Montha (Software Development Director, Bitkub Online)
16.50 – 17.10 : Increase Productivity by Developer’s Platform โดย Jassada Gonkratoke (Platform Service Manager, SCB TechX)
17.10 – 17.30 : Distributed System Tracing with AWS X-Ray โดย Ankit Mehta (DevOps Consultant & AWS Community Builder)
17.30 – 17.50 : How to Get Rid of Hardcoded Credentials and Reduce Data Leakage Risks with aws-vault โดย Vladimir Samoylov (Cloud Engineer & AWS Community Builder)
18.00 – 18.40 : Panel Discussion with Dr. Werner Vogels โดย Dr. Werner Vogels (CTO & VP Amazon.com) และ Donnie Prakoso (Principle Developer Advocate, Amazon Web Service)
18.40 – 18.50 : Closing + Quiz + Prize โดย Donnie Prakoso (Principle Developer Advocate, Amazon Web Service)
18.50 – 19.30 : —– Networking with Beer and Snacks —–

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ทันที โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ทันทีที่ https://www.eventpop.me/e/14964

from:https://www.techtalkthai.com/aws-meetup-devtalk-with-werner-vorgels-cto-amazon-seminar/