คลังเก็บป้ายกำกับ: HPE_ARUBA

[NCSA THNCW 2023] To Prevent Last Line of Defense / Edge to Cloud Security โดย HPE

หลายปีที่ผ่านมาเราอาจจะเคยได้ยินหัวข้อที่พูดถึงเรื่องทำนองว่า Edge นั้นสำคัญกว่าที่เคย แต่นับวันประเด็นนี้เริ่มซับซ้อนมากขึ้นทุกที จากหลายความท้าทายที่ก่อตัวทับถมกันจนเกิดเป็นช่องว่างที่ยากจะแก้ไขหากไร้การวางแผนไว้ก่อน อย่างไรก็ดีนอกจากการป้องกันที่ระดับขอบเขตของเครือข่ายแล้ว สุดท้ายผู้ปฏิบัติงานในสายไอทีโดยเฉพาะผู้มีหน้าที่ด้านความมั่นคงปลอดภัยคงเข้าใจดีว่าไม่มีอะไรที่ 100% ดังนั้นคำถามคือแนวป้องกันสุดท้ายขององค์กรควรอยู่ที่ใด 

ในงานมหกรรมนิทรรศกาลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติที่ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา HPE จึงได้มาให้ความรู้กับผู้ฟังในความท้าทายของ Edge และแนวป้องกันสุดท้าย พร้อมกับไอเดียในการวางแผนรับมือ ทั้งนี้สำหรับใครที่อาจจะพลาดช่วงหัวข้อนี้ไปก็สามารถติดตามบทความสรุปจากทางทีมงาน TechTalkThai ที่ได้หยิบยกประเด็นสำคัญมาให้ได้อัปเดตกันอีกครั้ง

Edge to Cloud Security

สถานการณ์ของวิธีการทำงานและสภาพแวดล้อมต่างๆได้ยกระดับให้ความมั่นคงปลอดภัยที่ระดับ Edge กลายเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง ปัจจัยแรกคือหากเราพิจารณาถึงการไปคลาวด์ท่านอาจจะพบว่ามีการใช้งานคลาวด์ขององค์กรแฝงอยู่มากมาย ไม่ใช่แค่เซิร์ฟเวอร์ที่ย้ายไปบนนั้นแต่ยังรวมถึง SaaS เช่น Dropbox, Microsoft 365, Google Cloud และอื่นๆ 

ปัจจัยที่สองคือ IoT ซึ่งประเด็นหลักคืออุปกรณ์จำพวกนี้มีทรัพยากรต่ำ ไม่มีระบบปฏิบัติการที่รองรับการทำงานขั้นสูงโดยเฉพาะงานด้านความมั่นคงปลอกภัย สาเหตุมาจากวัตถุประสงค์ที่ต้องคล่องตัว ราคาถูก และใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ซึ่งอุปกรณ์ที่สังเกตได้ง่ายในองค์กรเช่น ปริ้นเตอร์ voIP กล้องวงจรปิด ยังไม่นับรวมเซนเซอร์จำนวนมหาศาลที่ท่านอาจมองข้ามไป

ปัจจัยสุดท้าย คือการทำงานจากที่ใดก็ได้ ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจนกลายเป็นวิถีปฏิบัติที่เกิดขึ้นเป็นปกติแล้ว ทั้งนี้ความท้าทายสำคัญคือจะทำอย่างไรให้องค์กรของท่านสามารถบังคับหรือควบคุมการทำงานเหล่านี้ให้เป็นไปอย่างมั่นใจ เฉกเช่นเดียวกับระบบการทำงานที่เคยอยู่เพียงแค่ในองค์กร ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะมองได้ถึงการติดตั้งการป้องกันระดับ Endpoint  แต่เชื่อได้แค่ไหนว่าทุกอุปกรณ์นั้นปลอดภัย โดยเฉพาะอุปกรณ์ส่วนตัวที่นำมาใช้ทำงาน ด้วยเหตุนี้เอง Edge ที่มีความเข้มแข็งด้านความมั่นคงปลอดภัยจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

Framework ของการทำ Zero Trust มีอยู่หลายขั้นตอน แต่หนึ่งในเสาหลักสำคัญก็คือสิ่งที่เรียกว่า Zero Trust Network Access (ZTNA) โดยจุดเริ่มแรกก็คือองค์กรจำเป็นที่จะต้อง ‘มองเห็น’ สิ่งที่มีอยู่ในองค์กรเสียก่อน การพิสูจน์ตัวตนจึงตามมา พร้อมกับกำหนดมาตรการเข้าถึงอย่างตรงบทบาทหน้าที่ ซึ่ง HPE Aruba มีโซลูชันที่ช่วยตอบโจทย์การทำ ZTNA ได้อย่างครบเครื่อง

ณ จุดแรกโซลูชันของ Aruba นั้นสามารถแยกแยะได้ว่าผู้ใช้ หรืออุปกรณ์ที่เข้ามานั้นเป็นอะไร โดยเฉพาะกลุ่มของ IoT ที่ต้องตอบคำถามสำคัญคืออุปกรณ์นั้นเป็นอุปกรณ์อะไร ยี่ห้อไหน จากนั้นก็จะอาศัยความสามารถในการพิสูจน์ตัวตนผ่าน Clearpath หรือ CloudAuth และจากประเด็นของ IoT ที่ไม่มีความสามารถเหมือนอุปกรณ์อื่น ทำให้ภาระสำคัญตกมาอยู่ที่ตัว Edge ที่ต้องมองเห็นและรับรู้ได้ว่าสิ่งที่เชื่อมต่อคือ IoT เพื่อการกำหนด Policy ได้อย่างเหมาะสมต่อไป ไม่เพียงเท่านั้นการทำ Policy ที่ดีต่อ User Experience คือไม่ว่าผู้ใช้จะอยู่สถานที่ใด ผ่านเครือข่าย LAN หรือ Wireless ก็ควรต้องได้รับ Policy เดียวกัน

ประสิทธิภาพของการทำงานเป็นหัวใจสำคัญที่พลาดไม่ได้ โดยเฉพาะรูปแบบที่ผู้คนวิ่งผ่านอินเทอร์เน็ตไปหาจุดหมายปลายทางไม่ว่า จะเป็นเซิร์ฟเวอร์บนคลาวด์ เซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร หรือสาขาที่ต้องไปออกไปหาศูนย์ใหม่ ทั้งหมดนี้สามารถตอบโจทย์ได้ผ่านโซลูชัน Aruba SD-WAN ที่รองรับการเข้ารหัสการเชื่อมต่อ การันตีคุณภาพของบริการ และรู้จักกับบริการ SaaS ต่างๆในท้องตลาด ตลอดจนความสามารถในการ Integrate ตัวเองเพื่อทำงานร่วมกับอุปกรณ์ค่ายอื่นตอบสนองการทำงานแบบอัตโนมัติ

To Prevent Last Line of Defense

ประเด็นของแนวป้องกันระดับองค์กรคงไม่ได้อยู่ที่เพียง Edge หรืออุปกรณ์รอบนอกเพียงอย่างเดียว เนื่องจากสุดท้ายแล้วการที่ไม่มีอะไรปลอดภัย 100% กลายเป็นการบ้านที่ผู้ดูแลระบบในทุกองค์กรต้องมาตีโจทย์ว่าอะไรคือแนวป้องกันสุดท้ายที่ท่านควรจะมี ซึ่งคำตอบเหล่านี้ก็ย้อนกลับมาที่จุดเดียวนั่นก็คือ ‘ข้อมูล’

จุดสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเสียหายได้อย่างมากก็คือข้อมูลนั่นเอง โดยเฉพาะหากเรามองไปถึงปัญหาเรื่องแรนซัมแวร์ ที่คนร้ายไม่เพียงแค่เข้ารหัสข้อมูลที่ใช้อยู่เท่านั้น แต่ยังมองไปถึงข้อมูลสำรองด้วยเช่นกัน และที่น่ากังวลก็คือท่านสามารถบริหารจัดการข้อมูลเหล่านี้ได้ดีแค่ไหน เพราะหากพูดถึงความท้าทายมักมีนัยยะซ่อนอยู่ 2 เรื่องคือ ท่านจะทราบได้อย่างไรว่าภายใต้กองข้อมูลมหาศาลนั้นข้อมูลที่เก็บเอาไว้สำคัญจริงหรือไม่ ประกอบกับข้อมูลเหล่านี้กระจายกันอยู่ที่ใดบ้าง ซึ่งองค์กรมักมีการใช้โซลูชันประกอบกันหลายตัวเพื่อแก้ปัญหาแต่ก็อาจนำไปสู่ปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกันต่อไป

HPE Cohesity คือโซลูชันที่นำเสนอแนวทางการจัดการความท้าทายด้านข้อมูลอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปกป้องข้อมูล ความมั่นคงปลอดภัย การเคลื่อนย้ายข้อมูลไปยังสถานที่ต่างๆ พร้อมจำกัดการเข้าถึง และสุดท้ายคือการสกัดคุณค่าอันแท้จริงออกมาว่าข้อมูลมีความถูกต้องหรือมีคุณค่าอะไรแฝงอยู่ และนั่นคือการป้องกันด่านสุดท้ายที่ทุกองค์กรควรต้องมีการวางแผนรับมือครับ

from:https://www.techtalkthai.com/ncsa-thncw-2023-data-edge-cloud-security-by-hpe/

Advertisement

อัปเดตให้ไว! Aruba ออกแพตช์ช่องโหว่ร้ายแรง 6 รายการบน ArubaOS

มีการออกแพตช์ช่องโหว่สำคัญบน ArubaOS 6 รายการกระทบกับ Aruba Mobility Conductor, Aruba Mobility Controllers, Aruba-managed WLAN Gateways และ SD-WAN Gateways ซึ่งใครที่ใช้เวอร์ชันเก่าจำเป็นต้องหาวิธีบรรเทาปัญหาด้วย

Credit: Pavel Ignatov/ShutterStock

ช่องโหว่ถูกค้นพบโดยคุณ Erik de Jong ที่ส่งมาผ่านโครงการหาบั๊กของบริษัท โดยช่องโหว่เกิดขึ้นกับโปรโตคอล PAPI ใช้เพื่อการบริหารจัดการ ประกอบด้วยรายการดังนี้

  • ช่องโหว่ Command Injection ประกอบด้วย CVE-2023-22747, CVE-2023-22748, CVE-2023-22749 และ CVE-2023-22750 โดยคนร้ายภายนอกสามารถส่งแพ็กเกจที่ประดิษฐ์ขึ้นพิเศษเข้ามาที่ UDP 8211 (PAPI) เพื่อทำให้เกิดการรันโค้ดด้วยสิทธิ์ระดับสูงได้บน ArubaOS
  • ช่องโหว่ stack-based buffer overflow ประกอบด้วย CVE-2023-22751 และ CVE-2023-22752 โดยคนร้ายสามารถส่งแพ็กเกจที่ประดิษฐ์ขึ้นพิเศษเข้ามาที่ UDP 8211 (PAPI) เพื่อทำให้เกิดการรันโค้ดด้วยสิทธิ์ระดับสูงได้บน ArubaOS

สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบคือ ArubaOS 8.6.0.19 และที่เวอร์ชันต่ำกว่า, ArubaOS 8.10.0.4 และที่เวอร์ชันต่ำกว่า, ArubaOS 10.3.1.0  และที่เวอร์ชันต่ำกว่า และ SD-WAN เวอร์ชันที่ต่ำกว่าจนถึง 8.7.0.0-2.3.0.8

การแพตช์เกิดขึ้นในเวอร์ชัน

  • ArubaOS 8.10.0.5 และ สูงกว่า
  • ArubaOS 8.11.0.0 และ สูงกว่า
  • ArubaOS 10.3.1.1 และ สูงกว่า
  • SD-WAN 8.7.0.0-2.3.0.9 และ สูงกว่า

ส่วนใครที่ไม่สามารถแก้ไขได้หรืออุปกรณ์หมดเขตการดูแลไปแล้วเช่น ArubaOS 6.5.4.x, ArubaOS 8.7.x.x, ArubaOS 8.8.x.x, ArubaOS 8.9.x.x และ SD-WAN 8.6.0.4-2.2.x.x ท่านสามารถบรรเทาปัญหาได้ด้วยการเปิดโหมด ‘Enhanced PAPI Security’ โดยไม่ใช้คีย์ดั้งเดิม แต่แน่นอกว่าแพตช์ครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่รุนแรงสูงอีกถึง 15 ราย ซึ่งก็จะไม่ได้ถูกแก้ไข ติดตามได้ที่ Advisory 

ที่มา : https://www.bleepingcomputer.com/news/security/aruba-networks-fixes-six-critical-vulnerabilities-in-arubaos/

from:https://www.techtalkthai.com/aruba-patches-6-critical-vulnerabilities-in-os/

HPE เข้าซื้อกิจการ Athonet เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอ 5G

HPE จะใช้ประโยชน์จาก Athonet ผู้ผลิตเทคโนโลยีเซลลูลาร์ส่วนตัวจากอิตาลีเพื่อขยายธุรกิจ 5G ในระยะยาว

Athonet ก่อตั้งขึ้นในปี 2548 ด้วยเป้าหมายในการเพิ่มความเร็วและลดความซับซ้อนในการปรับใช้ 5G แบบส่วนตัว ประกอบไปด้วย Athonet Mobile Packet, Sim Cards, Radio และ Cellular Networks ต่อมาในปี 2565 บริษัทได้ก่อตั้งกลุ่ม 5G Consortium เพื่อรวบรวมผู้จำหน่ายสำหรับพัฒนาระบบนิเวศ 5G ประกอบด้วย Google Cloud, AWS, Airspan, Bearcom และ Digi
 
เทคโนโลยีของ Athonet จะเข้ามาขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ 5G ของ HPE ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ 5G ส่วนตัวที่ผสานรวมเข้ากับอุปกรณ์ Wi-Fi ของ Aruba เพื่อมอบทางเลือกในการใช้เทคโนโลยีที่ตรงกับความต้องการระดับองค์กรมากที่สุด นอกจากนี้ 5G ของ Athonet จะเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มบริการแบบ edge-to-cloud ของ Green Lake และรวม Wi-Fi, 5G ส่วนตัวไว้ในแผนการสมัครสมาชิกรายเดือนที่ลูกค้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
 
การซื้อกิจการ Athonet ช่วยให้ HPE ช่วยให้การนำเสนอ 5G (cloud-native software) ได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมุ่งเน้นที่การส่งมอบ 5G แบบส่วนตัวให้กับลูกค้าระดับองค์กร
 
ด้าน IDC Research ได้ออกมาวิเคราะห์ดีลนี้ว่าเป็นการลงทุนในอนาคตของ HPE
 
“ดีลการซื้อกิจการครั้งนี้ HPE ได้แรงหนุนในการใช้ประโยชน์จากธุรกิจโทรคมนาคมควบคู่กับธุรกิจของ Aruba เพื่อนำเสนอแบบครบวงจรแก่ลูกค้าที่จะใช้ทั้งเครือข่ายส่วนตัว 5G และเครือข่าย Wi-Fi ควบคู่กันไป แม้ว่าการเข้าซื้อกิจการจะเพิ่มแกนหลัก 5G ของ HPE ในทันที แต่ท้ายที่สุดแล้ว HPE จะได้ใช้ประโยชน์จาก Athonet ในแนวทางที่เป็นเอกภาพมากขึ้นกับธุรกิจของ Aruba” Patrick Filkins ผู้จัดการฝ่ายวิจัยของกลุ่ม IoT และโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายโทรคมนาคมของ IDC กล่าว
 
IDC มองว่า องค์กรต่างๆ ที่กำลังมองประโยชน์จาก 5G ยังมีความลังเลอยู่
  1. ประการแรก : องค์กรต่างๆ ยังต้องการอุปกรณ์และชิปเซ็ต 5G ขั้นสูง เช่น หุ่นยนต์ อุปกรณ์ทำเหมือง การดูแลสุขภาพ ฯลฯ ที่จะใช้ความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ เครือข่ายที่มีความเร็ว และอื่นๆ ซึ่งนั่นคืออนาคตการพัฒนาของเทคโนโลยี 5G
  2. ประการที่สอง : องค์กรต่างๆ ต้องการ 5G ส่วนตัวที่ผสานรวมเข้ากับระบบไอทีที่มีอยู่แล้วได้
การซื้อกิจการของ Athonet จะสนับสนุนความพยายามที่กว้างขึ้นในการผสานรวม 5G และ Wi-Fi สำหรับลูกค้าองค์กร และทำให้ใช้งานได้อย่างง่ายดายจากระบบคลาวด์
 

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-acquires-athonet-to-expand-5g-portfolio/

ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาในระบบเครือข่ายอย่างรวดเร็ว ด้วย Aruba AIOps

ทุกวันนี้ การนำ AIOps ประยุกต์ใช้ในฝ่าย IT เพื่อช่วยดูแลรักษาระบบ IT Infrastructure ได้กลายเป็นหนึ่งในแนวทางปฏิบัติมาตรฐานของธุรกิจองค์กรหลายแห่งแล้ว

เพื่อช่วยให้เหล่าผู้ดูแลระบบ Network และ Wi-Fi สามารถทำงานได้อย่างสะดวก ง่ายดาย และเป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเข้าใช้งานเครือข่ายที่ดีแก่ผู้ใช้งานทั่วทั้งองค์กร Aruba Networks จึงนำเสนอแนวทางของการนำ AIOps มาประยุกต์ใช้กับ Wi-Fi ด้วย Aruba UXI และ Aruba Central ด้วยโซลูชันที่พร้อมตอบโจทย์แล้วดังนี้

Aruba User Experience Insight (UXI): ระบบ AIOps ที่จำลองประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริงมาร่วมประมวลผลและตอบสนองโดยอัตโนมัติ

โดยทั่วไปนั้น AIOps มักเป็นระบบ AI ที่นำข้อมูลจากระบบ IT Infrastructure ต่างๆ มาประมวลผลและตอบสนองในแบบ Real-Time ดังนั้นความสามารถของ AIOps จึงขึ้นอยู่กับปริมาณและความหมายของข้อมูลที่ระบบได้รับมาเพื่อทำการประมวลผล

ด้วยเหตุนี้ การส่งมอบประสบการณ์แก่ผู้ใช้งานที่ดีหรือ User Experience ที่ดีนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีข้อมูลจากฝั่งของผู้ใช้งานมาร่วมใช้ในการประมวลผลด้วย ซึ่งสำหรับระบบเครือข่าย หากผู้ใช้งานประสบปัญหาในการเชื่อมต่อเครือข่ายจนไม่อาจเชื่อมต่อเครือข่ายได้สำเร็จ การส่งข้อมูลเหล่านี้จากอุปกรณ์ของผู้ใช้งานมายังระบบ AIOps จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ดังนั้น Aruba Networks จึงได้ทำการพัฒนาโซลูชัน Aruba UXI ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ ด้วยการนำอุปกรณ์ Sensor ที่ทำหน้าที่จำลองการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi และทดลองเชื่อมต่อไปยังระบบงานต่างๆ ภายในองค์กรเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลประสบการณ์การเชื่อมต่อเหล่านี้ ก่อนจะส่งข้อมูลประสบการณ์ที่ได้รับมาทาง Network ขององค์กรในกรณีที่เชื่อมต่อสำเร็จ หรือสัญญาณ 4G/5G ในกรณีที่เชื่อมต่อเครือข่ายขององค์กรไม่สำเร็จ เพื่อให้ระบบ AIOps บน Cloud ของ Aruba ได้ทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ ก่อนจะนำไปวิเคราะห์ ประมวลผล และตอบสนองหรือแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบได้อย่างทันท่วงที

ตัวอย่างการใช้งานจริงของ Aruba UXI และ Aruba Central

มาถึงตรงนี้ผู้ดูแลระบบหลายท่านอาจเกิดข้อสงสัยว่าแล้วในการใช้งานจริง Aruba UXI และ Aruba Central จะทำงานอย่างไร? มีข้อมูลอะไรบ้างที่ผู้ดูแลระบบจะได้รับทราบ? ซึ่งทาง Aruba Networks ก็ได้จำลองสถานการณ์การใช้งานจริงมาให้เราได้เห็นภาพกันมากขึ้นดังนี้

ในตัวอย่างนี้ Aruba Networks ได้จำลองสถานการณ์กรณีที่ผู้ดูแลระบบเครือข่ายได้ทำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าของระบบให้รองรับการทำ Zero-Touch Shopping สำหรับห้างสรรพสินค้า และได้รับคำร้องเรียนจากพนักงานและลูกค้าว่าระบบ Mobile Point-of-Sale (POS) มีปัญหาบ่อยครั้งที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อ Wi-Fi

ทั้งนี้เมื่อผู้ดูแลระบบเครือข่ายเข้าไปตรวจสอบข้อมูลจาก Aruba UXI ในหน้า Dashboard ผู้ดูแลระบบก็พบว่าสัญญาณ Wi-Fi หลายจุดมีค่า Channel Utilization และ Retry Rate ที่สูง ในขณะที่มี Bitrate ที่ต่ำ ทำให้เห็นได้ชัดว่ามีปัญหาที่เกิดขึ้นจากการตั้งค่ากำลังส่งสัญญาณของ Access Point (AP)

ส่วนทางด้าน AI Insights บน Aruba Central เองก็ได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพของเครือข่าย และพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจาก

  • การมี Radar Channel ที่น้อยเกินไป
  • การตั้งค่า Lower Beacon Rate บนหลาย SSID
  • การตั้งค่า Transmit Power ที่ไม่เหมาะสม

ดังนั้นการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นในกรณีนี้ จึงได้แก่การเปิดใช้ Radar Channel ให้มากขึ้น, การสั่งปิด Lower Beacon Rate และเปลี่ยนไปตั้งค่า Basic Rate เป็น 12Mbps แทน และการตั้งค่า Transmit Power ของ AP แต่ละชุดตามคำแนะนำของระบบ ซึ่งใน AI Insights เองก็ได้ระบุ AP ที่ควรแก้ไขการตั้งค่าเหล่านี้มาให้อย่างครบถ้วน ทำให้การดำเนินการเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

นอกจากนี้ ภายใน Aruba Central ก็ยังมี AI Search ให้ใช้ เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถเรียนรู้ถึงปัญหาต่างๆ และวิธีการตั้งค่าด้วยตนเองเพิ่มเติมได้ ทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อผู้ดูแลระบบทำการปรับแต่งการตั้งค่าให้เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาแล้ว Aruba UXI ก็จะทำการตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งานต่อเนื่องทันที ซึ่งใน Aruba UXI Dashboard นั้นก็จะแสดงให้เห็นว่าผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าเป็นดังนี้

  • การมี Channel Utilization ที่ดีขึ้น 50%
  • การมี RX Bitrate ที่สูงขึ้น 24%
  • การมี Frame Retries ที่ดีขึ้น 88%

ด้วยข้อมูลสถิติเหล่านี้ทำให้ผู้ดูแลระบบ IT และ Network สามารถติดตามคุณภาพที่ดีขึ้นหลังการแก้ไขปัญหาได้อย่างชัดเจน และทำให้เมื่อเกิดกรณีปัญหาใดๆ ใหม่เพิ่มเติมขึ้นมา ก็สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด รวมถึงรับทราบ Feedback ของการแก้ไขปัญหาแต่ละครั้งได้ในเชิงสถิติตัวเลขที่แม่นยำ ทำให้การทำงานโดยรวมของผู้ดูแลระบบมีความรวดเร็ว แม่นยำ และชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ด้วยอุปกรณ์ Sensor ที่นำไปติดตั้งตามพื้นที่หรือสาขาต่างๆ ของธุรกิจ ก็ทำให้ผู้ดูแลระบบมีข้อมูลประสบการณ์จากผู้ใช้งานที่ครบถ้วนในทุกพื้นที่ให้บริการ Wi-Fi และสามารถทำการตรวจสอบแก้ไขปัญหาแบบ Remote ได้อย่างสะดวก ไม่จำเป็นต้องเดินทางลงพื้นที่เพื่อทดสอบสัญญาณ Wi-Fi ด้วยตนเองอีกต่อไป

สนใจโซลูชัน Aruba AIOps หรือ Aruba UXI ติดต่อทีมงาน IT Green ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชัน Aruba AIOps หรือ Aruba UXI สามารถติดต่อทีมงาน IT Green ได้ทันทีที่ Email : itghpe@itgreen.co.th หรือ Line ID : @itgreen

from:https://www.techtalkthai.com/network-troubleshooting-with-aruba-aiops-by-itgreen/

เปิดตัว Aruba EdgeConnect Enterprise Subscription ใหม่ และ Aruba EdgeConnect Enterprise EC-10104 สำหรับ SD-WAN Branch Gateway

ทุกวันนี้ SD-WAN ได้กลายเป็นโซลูชันหลักที่จำเป็นสำหรับธุรกิจองค์กรหลายแห่งไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเสริมประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และความมั่นคงปลอดภัยให้กับการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสาขา หรือการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ IoT, Cloud และระบบเครือข่ายขององค์กรเข้าด้วยกันก็ตาม

เพื่อให้ SD-WAN กลายเป็นเทคโนโลยีที่ธุรกิจองค์กรสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น Aruba Networks ในฐานะของผู้นำด้านเทคโนโลยี SD-WAN ในระดับโลก จึงได้ทำการเปิดตัว Subscription License ใหม่ และ Hardware Appliance รุ่นใหม่อย่าง Aruba EdgeConnect Enterprise EC-10104 ออกมาสู่ตลาด ซึ่งในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกันว่า ในการเปิดตัวใหม่ครั้งนี้ Aruba ได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่อะไรที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจองค์กรกันบ้างครับ

Aruba EdgeConnect Enterprise Subscription License ใหม่ เลือกใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นยิ่งขึ้น

ในแง่มุมของ Aruba นั้น ธุรกิจที่เลือกใช้โซลูชัน SD-WAN มักจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มที่ชัดเจน ได้แก่

  • ธุรกิจองค์กรทั่วไปที่ต้องการใช้ SD-WAN เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ WAN, บริหารจัดการ WAN ได้จากศูนย์กลาง และเสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับระบบเครือข่ายโดยรวม
  • ธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบริษัทย่อยดำเนินการภายใต้อยู่เป็นจำนวนมาก และมีระบบเครือข่ายที่ซับซ้อน จึงต้องการนำ SD-WAN ที่มีความสามารถชั้นสูงเพื่อช่วยบริหารจัดการระบบเครือข่ายที่ซับซ้อนเป็นพิเศษเหล่านี้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยเหตุนี้ Aruba จึงได้ทำการปรับ Subscription License ใหม่ให้สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของธุรกิจองค์กรทั่วโลก ด้วยการแบ่ง License ออกเป็น 2 ระดับ ดังนี้

  1. Foundation License มีความสามารถพื้นฐานของ SD-WAN อย่างครบถ้วน ทั้งในส่วนของประสิทธิภาพ, การบริหารจัดการ และความมั่นคงปลอดภัย โดยมี NGFW, Fine-Grained Segmentation, Layer 7 Firewall, DDoS Protection และ Anti-Spoofing ให้พร้อมใช้งาน โดยสามารถทำ VRF ได้เล็กน้อยเพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างเหมาะสม และสามารถเชื่อมต่อกับโซลูชันอื่นๆ เพื่อทำ SASE ได้อย่างเต็มตัว
  2. Advanced License มีความสามารถของ Foundation License ทั้งหมด โดยเสริมเรื่องของการทำ Network Segment/VRF ได้มากถึง 64 วงของเครือข่าย, การทำ QoS ชั้นสูง และการทำ Data Retention ได้อย่างเต็มตัว

จะเห็นได้ว่าการใช้งาน Foundation License นี้ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งาน SD-WAN ของธุรกิจองค์กรทั่วไปจำนวนมากได้แล้ว ในขณะที่ Advanced License นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับหลายธุรกิจภายใต้เครือเดียวกันร่วมกันได้ในระบบเดียว ทำให้เหมาะกับธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ที่มีธุรกิจในเครือหลายแห่ง หรือกรณีที่เกิดการควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ และต้องผสานรวมระบบเครือข่ายให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

นอกจากนี้ Aruba ยังได้เพิ่ม License สำหรับ Aruba WAN Orchestrator ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการ SD-WAN จากศูนย์กลางภายใต้ชื่อ Advanced On-Prem License เพื่อให้ธุรกิจองค์กรที่มีความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลอย่างเช่นหน่วยงานภาครัฐ สามารถนำ Aruba WAN Orchestrator ไปติดตั้งใช้งานภายใน Data Center หรือ Private Cloud ขององค์กรได้อีกด้วย

Aruba EdgeConnect Enterprise EC-10104: SD-WAN Edge Gateway ที่คุ้มค่ายิ่งกว่าเดิม

Aruba EdgeConnect Enterprise EC-10104 ที่เพิ่งเปิดตัวมาใหม่นี้ถูกออกแบบมาสำหรับสาขาหรือ Edge ขนาดเล็กของธุรกิจ ที่ต้องการ WAN Bandwidth ขนาดไม่เกินกว่า 500Mbps และต้องการทำ WAN Optimization ด้วยประสิทธิภาพไม่เกินกว่า 200Mbps โดยมาพร้อมกับ 10/100/1000 RJ-45 Interface จำนวน 4 ช่อง (2 WAN, 2 LAN) และมีช่อง USB ให้พร้อมใช้งาน

ในแง่ของความสามารถ Aruba EdgeConnect Enterprise EC-10104 นี้ก็มีความสามารถของโซลูชัน SD-WAN จาก Aruba อย่างครบถว้น ไม่ว่าจะเป็นการเสริมความมั่นคงปลอดภัยด้วย Branch Firewall, การบริหารจัดการ WAN ที่ง่ายดาย ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับระบบภายนอกก้าวสู่สถาปัตยกรรม SASE ได้อย่างเต็มตัว ซึ่งธุรกิจองค์กรสามารถเลือกใช้งานความสามารถเหล่านี้ได้ตาม Subscription License ที่ต้องการ

กรณีการใช้งานที่เหมาะกับ Aruba EdgeConnect Enterprise EC-10104 นี้ก็คือการใช้งานตามสาขาของธุรกิจที่จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีกที่มีหน้าร้านกระจายอยู่ทั่วประเทศ หรือสาขาของธนาคารที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งอาจมีพนักงานจำนวนไม่มากนัก มีการใช้ Bandwidth ที่ไม่สูง แต่ก็ยังคงต้องการการเชื่อมต่อเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ, มีความมั่นคงปลอดภัย และสามารถบริหารจัดการจากศูนย์กลางได้อย่างเป็นระบบ ในการลงทุนที่คุ้มค่า

สนใจใช้งาน Aruba EdgeConnect Enterprise สามารถติดต่อ SiS ได้ทันที

สำหรับธุรกิจองค์กรที่สนใจใช้งาน Aruba EdgeConnect Enterprise หรือโซลูชันอื่นๆ จาก HPE Aruba สามารถติดต่อทีมงาน SiS ได้ทันทีที่ อีเมล : HPEAruba@sisthai.com หรือ LineID : @sisaruba

from:https://www.techtalkthai.com/new-aruba-edgeconnect-enterprise-subscription-and-edgeconnect-ec-10104-for-sd-wan-branch-gateway-by-sis/

Aruba แจงโปรปีใหม่รับโชค 2 ต่อกับ Aruba Instant On !!

สำหรับปีใหม่ 2023 HPE Aruba จัดโปรแบบหนักๆ ให้ลูกค้าได้รับโชคถึง 2 ต่อกับ Aruba Instant On ตามรายละเอียดมีดังนี้

โชคต่อที่ 1 : ซื้อผลิตภัณฑ์ Aruba Instant On ในราคาโปรโมชั่น !!

  • 1930 24G 4SFP+ Switch  เหลือ 11,000 บาท จากราคา 12,500 บาท
  • 1930 48G 4SFP+ Switch  เหลือ 19,000 บาท จากราคา 21,800 บาท
  • AP11 (RW) Access Point  เหลือ   3,900 บาท จากราคา   4,850 บาท
  • AP11 Bundle Adapter      เหลือ   4,370 บาท จากราคา   4,650 บาท
  • AP22 (RW) Access Point   เหลือ   6,900 บาท จากราคา   9,100 บาท
  • AP22 Bundle Adapter      เหลือ   7,260 บาท จากราคา   7,500 บาท

พร้อม Instant On Switch 2 รุ่นยอดฮิต ในราคาพิเศษสุดๆ !

  • 1830 24G 2SFP Switch  เพียง   9,990 บาท
  • 1830 48G 4SFP Switch  เพียง 24,250 บาท

**ราคาโปรโมชั่นทั้งหมด เป็นราคารวม VAT แล้ว

โชคต่อที่ 2 : รับทันที Lotus’s Gift Voucher

  • Lotus’s Voucher มูลค่า 200 บาท เมื่อซื้อ Aruba Instant On AP
  • Lotus’s Voucher มูลค่า 500 บาท เมื่อซื้อ Aruba Instant On AP

**เฉพาะรุ่นที่ระบุตามโชคต่อที่ 1 เท่านั้น

ผู้สนใจสามารถกรอกข้อมูลเพื่อสั่งซื้อสินค้าได้ที่ https://forms.gle/o6yKbz5X3WqZWxh86

หมายเหตุ

  • ระยะเวลาโปรโมชั่น ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2566
  • สินค้ามีจำนวนจำกัด
  • โปรโมชั่นเฉพาะสินค้าที่ร่วมงานการเท่านั้น
  • ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ เงื่อนไขต่างๆเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
  • บัตรกำนัลจะถูกจัดส่งให้ในรูปแบบ e-voucher ทางอีเมล์ เมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขถูกต้องครบถ้วน
    ภายใน 45 วันหลังจากการซื้อผลิตภัณฑ์

from:https://www.techtalkthai.com/aruba-2023-new-year-special-promotion-with-instant-on/

HPE Aruba ครองแชมป์ Gartner Magic Quadrant 2022 ด้าน Enterprise Wired and WLAN Infrastructure

Gartner Magic Quadrant 2022 ได้ยกตำแหน่งผู้นำกลุ่มด้าน Enterprise Wired and WLAN Infrastructure ให้แก่ HPE Aruba ซึ่งถือเป็นการอยู่ในกลุ่ม Leader เป็นปีที่ 17 แล้วของ Aruba

Credit: HPE Aruba

Aruba อยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าผู้เล่นรายอื่นทั้งสองมุมคือ Execute และ Vision โดย Vendor เชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้ตนได้ครองความเป็นหนึ่งนี้ก็คือการผสานพลังของ Aruba Central, แพลตฟอร์ม Wifi 6/6E และสวิตช์สำหรับดาต้าเซนเตอร์ แคมปัส สาขา และการทำงานแบบรีโมต, SASE และ AIOps ดาวน์โหลดเอกสารได้ที่ https://www.arubanetworks.com/analyst-reports/gartner-magic-quadrant-for-wired-and-wireless-lan-infrastructure/

Gartner ให้คะแนน Aruba สูงสุดจาก 3 Vendor ในกรณีการใช้งาน 5 เรื่องคือ 1.) Unified Wired and Wireless Access, Hand-off NetOps, Remote Branch Office, Wired-Only Refresh/New Build และ WLAN-Only Refresh/New Build 

ที่มา : https://news.arubanetworks.com/news-release-details/2023/HPE-Aruba-Positioned-as-a-Leader-for-17-Years-Running-in-2022-Gartner-Magic-Quadrant-for-Enterprise-Wired-and-WLAN-Infrastructure-Report/default.aspx

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-aruba-is-the-leader-in-gartner-mq-2022-wired-and-wlan-infra/

Aruba Networks ออกแพทช์ 13 ช่องโหว่สำหรับ EdgeConnect

เวอร์ชันแพทช์ของซอฟต์แวร์ประกอบด้วย ECOS 9.2.2.0, 9.1.4.0, 9.0.8.0 และ ECOS 8.3.8.0 ขึ้นไป

Aruba Networks ได้ออกประกาศคำแนะนำตัวกันชนสำหรับผลิตภัณฑ์ EdgeConnect Enterprise ซึ่งรวมถึงช่องโหว่ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้สำหรับ Remote Code Execution (RCE) และอื่นๆ
 
ใน 13 ช่องโหว่ มีอยู่ 8 รายการได้รับการจัดอันดับความรุนแรงระดับ “สูง”
  • CVE-2022-37919 – เป็นช่องโหว่ที่ผ่านการใช้งาน API
  • จำนวน 7 รายการ : CVE-2022-37920, CVE-2022-37921, CVE-2022-37922, CVE-2022-37923, CVE-2022-37924, CVE-2022-43541 และ CVE-2022-43542 – เป็นช่องโหว่ Command-Line Interface เปิดโอกาสให้คนร้ายที่ล็อกอินเข้ามาแล้วสามารถรันคำสั่งใดๆ ได้ผ่าน Command Line ซึ่งนำไปสู่การแฮ็กหรือแทรกแซงระบบต่อไป
ความรุนแรงระดับ “ปานกลาง” อีก 4 รายการ
  • CVE-2022-44533, CVE-2022-37925 และ CVE-2022-37926 เป็นช่องโหว่ภายใน web-based management interface ของ Aruba EdgeConnect Enterprise ที่อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถเลี่ยงการตรวจสอบสิทธิ์และล็อกอินเข้าใช้งาน web management ได้
  • CVE-2022-43518 เป็นช่องโหว่ Path traversal
ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบโดย Bill Marquette, Daniel Jensen และ Erik De Jong ซึ่งรายงานผ่าน Bug Bounty Program ของ Aruba Networks
 

from:https://www.techtalkthai.com/aruba-networks-releases-13-patches-for-edgeconnect-vulnerabilities/

[Interview] วิสัยทัศน์ของระบบเครือข่ายแห่งอนาคต กับการเป็น Open Architecture ของ Aruba Networks โดยคุณ Carlos Gomez, CTO, APJ แห่ง HPE Aruba

ภายในงาน Aruba Atmosphere 2022 SEATH & INDIA ที่ผ่านมา ทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้สัมภาษณ์กับคุณ Carlos Gómez Gallego ผู้ดำรงตำแหน่ง CTO, APJ แห่ง HPE Aruba ถึงทิศทางของการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ด้าน Network และ Security จาก Aruba Networks ว่าจะมุ่งไปในทิศทางใด และธุรกิจองค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรวมถึงไทยนี้มีแนวโน้มที่น่าสนใจอย่างไรกันบ้าง จึงขอนำสรุปให้ทุกท่านได้อ่านกันดังนี้ครับ

คุณ Carlos Gómez Gallego, CTO, APJ แห่ง HPE Aruba

เทรนด์ปัจจุบัน: ภูมิภาค APAC มีการใช้ Cloud สำหรับ Network และ Security มากขึ้น SD-WAN และ Zero Trust เริ่มกลายเป็นมาตรฐานหลัก

ถึงแม้ว่าภูมิภาค APAC จะเป็นภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่ และมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างมาก แต่แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากซึ่งคุณ Carlos สังเกตได้นั้นก็คือการปรับไปใช้ Cloud ภายในระบบ Network และ Security ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Cloud Management ในการบริหารจัดการ Infrastructure หรือการหันไปใช้ระบบ Security ที่อยู่บน Cloud ก็ตาม รวมถึงการใช้งาน SD-WAN ที่มีองค์ประกอบจำนวนมากอยู่บน Cloud นั้นก็ถูกใช้เพื่อตอบโจทย์การทำงานที่เปลี่ยนไป เรียกได้ว่าระบบ Network ในทุกวันนี้จะขาด Cloud ไปไม่ได้อีกแล้ว

นอกจากนี้ ในการวางระบบเครือข่ายใหม่ๆ Zero Trust Networking ก็มักจะกลายเป็นแนวทางหลักที่ธุรกิจองค์กรทุกแห่งเริ่มใช้งานกันมากขึ้น เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมได้มีการรับรู้และศึกษาถึงแนวคิดดังกล่าวมาแล้วเป็นระยะหนึ่ง และในช่วงที่ผ่านมานี้ ฝั่งผู้พัฒนาเทคโนโลยีก็ได้ผสานแนวคิด Zero Trust เข้าไปในผลิตภัณฑ์หรือโซลูชันให้พร้อมใช้งานกันมากขึ้นแล้ว ทำให้แนวทางดังกล่าวถูกปรับนำไปใช้งานจริงกันได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

ส่วน SD-WAN เองก็เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจ ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการ Traffic ที่ออกสู่ Internet หรือเชื่อมต่อไปยัง Cloud ตอบรับต่อแนวโน้มของภาคธุรกิจที่มีการใช้งาน Cloud กันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง HPE Aruba เองที่ได้เข้าซื้อกิจการของ Silver Peak มา ก็สามารถสร้างความแตกต่างให้กับโซลูชัน SD-WAN ของตนเองออกจากคู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาดได้ดังนี้

  1. มีความยืดหยุ่นสูง ด้วยการเปิดให้ธุรกิจองค์กรสามารถเลือกใช้โซลูชัน SASE ได้ตามต้องการ ทำให้ในธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความต้องการด้าน Security ที่เฉพาะตัว สามารถเลือกใช้ HPE Aruba เป็น SD-WAN หลัก ให้ทำงานควบคู่ไปกับ SASE ที่ต้องการได้ หรือสามารถเลือก SSE จากผู้ผลิตหลายรายมาใช้งานร่วมกันในระบบเครือข่ายเดียวกันได้ ซึ่งก็สามารถตอบโจทย์ธุกริจองค์กรขนาดใหญ่ได้ดี
  2. การผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับระบบเครือข่าย ด้วยการรองรับการบริหารจัดการผ่าน Aruba Central ได้ทันที ทำให้ภาพของ Cloud Networking จาก Aruba นั้นครอบคลุมได้ทั้ง LAN, WLAN และ SD-WAN
  3. โซลูชัน SD-Branch ที่ช่วยลดความซับซ้อนในการวางระบบเครือข่ายที่สาขาของงอค์กรลงได้เป็นอย่างดี ด้วยอุปกรณ์ SD-WAN เพียงชุดเดียว ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งการให้บริการ LAN, WLAN, SD-WAN และ Security อย่างครบถ้วน
  4. โซลูชัน Microbranch สำหรับการเชื่อมต่อ SD-WAN ไปถึงบ้านของพนักงานหรือผู้บริหาร เพื่อแบ่งส่วนของระบบเครือข่ายภายในที่พักอาศัยให้กลายเป็นระบบเครือข่ายสำหรับการทำงานที่มั่นคงปลอดภัยได้
  5. มั่นคงปลอดภัย ในฐานะของโซลูชัน SD-WAN แรกที่ได้รับ ICSA Secure SD-WAN Certification ที่รับรองถึงความสามารถในการทำ Next-Generation Firewall และ Cybersecurity อื่นๆ สามารถทำงานได้อย่างมีมาตรฐาน

AI & ML: เทรนด์ใหญ่ของอนาคตสำหรับ Network และ Security ที่ยังมีการสร้างสรรค์ Use Case ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

เมื่อพูดถึงแนวโน้มในอนาคต คุณ Carlos ก็ได้เล่าถึงภาพของการนำ AI และ ML มาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับ Network และ Security ซึ่งที่ผ่านมาอุตสาหกรรมด้านนี้ก็ได้ผ่านขั้นตอนของการเปลี่ยนระบบเครือข่ายให้กลายเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนี้ก็จะเป็นการแข่งขันของการสร้างคุณค่าจากข้อมูลที่ผู้พัฒนาเทคโนโลยีแต่ละรายจะสามารถต่อยอดได้จากข้อมูลปริมาณมหาศาลที่มีอยู่ในมือ

คุณ Carlos เล่าว่าที่ HPE Aruba มีการรวบรวมข้อมูลด้านระบบเครือข่ายจากลูกค้าทั่วโลกเพื่อนำมาวิเคราะห์และสร้างสรรค์โซลูชันใหม่ๆ ด้วย AI และ ML อยู่ตลอด ทำให้โซลูชันของ Aruba นั้นมีความสามารถใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาอยู่เสมอจากการเรียนรู้ข้อมูลเหล่านี้ ในขณะที่ทีมงานเองก็มีการสร้างโมเดลใหม่ๆ สำหรับการทำ Network Planning, Simulation, Performance Tuning, Behavior Analytics และ Cybersecurity ในแง่มุมใหม่ๆ โดยแนวทางหนึ่งที่สามารถสร้างคุณค่าให้กับองค์กรได้มากนั้นก็คือโมเดลสำหรับตรวจสอบอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่ออยู่ภายในเครือข่าย เพื่อให้สามารถปกป้องอุปกรณ์เหล่านั้นจากการโจมตีที่หลากหลายได้โดยอัตโนมัติ ลดความเสี่ยงในองค์กรลงได้เป็นอย่างดี

Open Architecture: แนวทางของ Aruba Networks เพื่อเปิดรับการจับมือพัฒนานวัตกรรมใหม่ในอนาคต

นอกเหนือจากการคิดค้นสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยตนเองแล้ว คุณ Carlos ก็เล่าว่าอีกแนวทางหลักหนึ่งของ Aruba นั้นก็คือการเปลี่ยนระบบเครือข่ายให้กลายเป็น Platform เปิดในแบบ Open Architecture เพื่อให้สามารถเปิดรับต่อการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาเสริมความสามารถให้กับระบบ Network และ Security ของ Aruba ได้

แนวทางดังกล่าวนี้ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดนั้นก็คือ SD-WAN ของ Aruba ที่เปิดให้สามารถเชื่อมต่อทำงานกับ SASE และ SSE จากผู้ผลิตหลายรายได้ ทำให้โซลูชันของ Aruba สามารถตอบโจทย์ได้สำหรับธุรกิจในทุกขนาดและทุกอุตสาหกรรม

อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ Aruba CX 10000 Series Switch with Pensando ที่ทาง Aruba ได้เปิดรับต่อการนำ Hardware และ Software จาก Pensando เข้ามาผสานเป็นส่วนหนึ่งของ Data Center Switch เพื่อก้าวไปสู่การวางรากฐานด้าน Distributed Services Architecture ตอบโจทย์ของการออกแบบ Data Center Networking แห่งอนาคต ที่จะไม่มีคอขวดจาก Network Service และ Security Service อย่างในอดีตอีกต่อไป เพราะด้วยชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูงนั้น การจัดการด้าน Network และ Security สำหรับการเชื่อมต่อความเร็วระดับ 100/200/400/800GbE ก็สามารถเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพบน Switch เหล่านี้โดยตรง

แน่นอนว่าในอนาคต หากมีผู้พัฒนาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ก็มีความเป็นไปได้ที่ Aruba จะได้ร่วมมือกับผู้พัฒนาเทคโนโลยีเหล่านั้น ซึ่ง Aruba CX 10000 Series Switch with Pensando นี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสานนวัตกรรมในระดับของ Hardware เพื่อนำเสนอสิ่งใหม่สู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว

from:https://www.techtalkthai.com/future-of-enterprise-networking-interview-with-carlos-gomez-cto-apj-hpe-aruba/

Gartner ออกรายงาน Magic Quadrant ด้าน SD-WAN ปี 2022 – Fortinet, VMware และ Cisco เป็นผู้นำ

Gartner บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชื่อดังจากสหรัฐฯ ออกรายงาน Magic Quadrant ด้าน SD-WAN ฉบับล่าสุดปี 2022 ผลปรากฏว่ามี Vendor ครองตำแหน่ง Leader มากถึง 6 ราย นำโดย Fortinet, VMware และ Cisco ตามมาด้วย Palo Alto Networks, Versa Networks และ HPE Aruba

ปี 2022 นี้ Gartner ได้เปลี่ยนชื่อ Magic Quadrant ด้าน WAN Edge Infrastructure มาเป็น SD-WAN แทน โดยให้คำนิยามว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาทดแทน Router ดั้งเดิมที่ใช้งานตามสำนักงานสาขา มีฟังก์ชันการใช้งานครอบคลุมทั้ง Dynamic Path Selection (ตามนโยบายทางธุรกิจหรือแอปพลิเคชัน) สามารบริหารจัดการและจัดการ Policy ได้จากศูนย์กลาง รองรับ VPN และ Zero Touch Configuration ผลิตภัณฑ์ SD-WAN เป็น WAN Transport-/Carrier-agnostic และสามารถสร้างเส้นทางผ่านการเชื่อมต่อ WAN ได้อย่างมั่นคงปลอดภัย อาจเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ก็ได้ จะบริหารจัดการโดยตรงภายในองค์กรเอง หรือจะใช้บริการผ่าน Managed Service Provider ก็ได้เช่นกัน

Gartner คาดการณ์ว่า ภายในปี 2025 ครึ่งหนึ่งของการซื้อ SD-WAN ใหม่จะอยู่ในส่วนของบริการ SASE และ 40% ของการวางระบบ SD-WAN ในองค์กรจะมีการใช้ AI เพื่อจัดการ Day 2 Operation ซึ่งเพิ่มจากปี 2022 ที่มีเพียงแค่ 10% เท่านั้น

สำหรับผลการจัดอันดับ Magic Quadrant ทางด้าน SD-WAN ในปีนี้ พบว่า Vendor 6 รายที่ครองตำแหน่ง Leader ในปี 2021 ได้แก่ Fortinet, VMware, Cisco, Palo Alto Networks, Versa Networks และ HPE Aruba ยังคงครองตำแหน่ง Leader ต่อไปในปีนี้ โดยผู้ที่ครองอันดับหนึ่งด้าน Ability of Execute คือ Fortinet, VMware และ Cisco ตามลำดับ ในขณะที่ผู้ที่ครองอันดับหนึ่งด้าน Completeness of Vision คือ Palo Alto Networks และ VMware ที่ตามมาติดๆ

ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดรายงาน Gartner ฉบับเต็มได้ผ่านช่องทางของ Cisco ได้ที่ https://www.cisco.com/c/en/us/solutions/enterprise-networks/sd-wan/gartner-2022-magic-quadrant.html

from:https://www.techtalkthai.com/gartner-magic-quadrant-for-sd-wan-2022/