คลังเก็บป้ายกำกับ: ASUS_ROG_ZEPHYRUS

8 โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel ตัวเด็ดกลางปี 2023 ทำงานหรือเล่นเกมก็เจ๋ง อัพเกรดสบายๆ เริ่มแค่ 25,990 บาท

โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel กลางปี 2023 นี้ มีของดีให้โดนเพียบ! เกมเมอร์และครีเอเตอร์ฟินถ้วนหน้าแน่นอน!

8IntelNotebook

โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel นอกจากความแรงแล้วก็ครองใจเกมเมอร์ทั่วโลกด้วยความเสถียรไว้ใจได้ ไม่ว่าจะเล่นเกมหรือทำงานกราฟิคหนักๆ ก็ไม่มีปัญหาหรือแม้แต่อาการรวนให้เห็น เป็นจุดแข็งที่ทางบริษัทสั่งสมมาอย่างยาวนานจนครองใจผู้ใช้ได้อย่างอยู่หมัด และปัจจุบันนี้โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel รุ่นใหม่ๆ ก็อัพเกรดชิปภายในเครื่องเป็น Intel 12th, 13th Gen จับคู่กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce 3000 Series, 4000 Series ให้เลือกได้ตามชอบแถมยังอัพเกรดเพิ่มเติมแรมและ SSD ได้อีกด้วย

นอกจากเรื่องประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel ก็ก้าวข้ามความเกมมิ่งสเปคแรงอย่างเดียวมาใส่ลูกเล่นอื่นๆ เพิ่มอีกมากมายทั้งกล้องสแกนหน้าปลดล็อคเครื่อง, โปรแกรม Microsoft Office Home & Student, หน้าจอขอบเขตสีกว้างให้เลือกซื้อได้ตามร้านคอมพิวเตอร์ที่ต่างๆ ได้ง่ายมาก มีสเปคและดีไซน์หลากหลายแบบให้หาซื้อได้ตามใจจากแบรนด์ชั้นนำขวัญใจเกมเมอร์ เช่น MSI, Lenovo, ASUS เป็นต้น ซึ่งถ้าห้องส่วนตัวของใครมีพื้นที่จำกัดไม่สะดวกประกอบคอมไปวางใช้งานตามปกติ ก็หาโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel ไปตั้งใช้งานได้เลย

Advertisementavw
โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel

8 โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel ตัวเด็ด สเปคแรง ฟีเจอร์แจ่ม อัพเดทกลางปี 2023

สรุปสเปคโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel CPU

GPU

SSD

RAM

Software

Display

Weight

Connectivity Price (บาท)
Lenovo IdeaPad
Gaming 3i 15IHU6
Intel Core
i5-11320H

NVIDIA GeForce RTX 3050

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 120Hz

2.25 กก.

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 x 1

HDMI 2.0 x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.0

25,990
Dell G15 G15
W566311000M2CTH
Intel Core
i5-12500H

NVIDIA GeForce RTX 3050

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 120Hz

2.67 กก.

USB-A 3.2 x 3

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

36,990
Gigabyte G5
KF-E3TH313SH
Intel Core
i5-12500H

NVIDIA GeForce RTX 4060

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

1.9 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 2

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

40,990
Acer Predator Helios
Neo 16 PHN16-71-71EE
Intel Core
i7-13700HX

NVIDIA GeForce RTX 4060

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR5
4800MHz

Windows 11 Home

16″ WQXGA
(2560×1600)
IPS

Refresh Rate 165Hz

100% sRGB

2.6 กก.

Thunderbolt 4 x 2

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

52,990
MSI Thin GF63
12VE-048TH
Intel Core
i5-12450H

NVIDIA GeForce RTX 4050

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

1.86 กก.

USB-C 3.2
DisplayPort x 1

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

34,990
MSI Pulse 15
B13VFK-262TH
Intel Core
i7-13700H

NVIDIA GeForce RTX 4060

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR5
5200MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 240Hz

100% sRGB

2.3 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

USB-C 3.2 DisplayPort x 1

HDMI 2.1 x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

57,990
ASUS ROG Strix G16
G614JI-N4089W
Intel Core
i9-13980HX

NVIDIA GeForce RTX 4070

M.2 NVMe
1TB

32GB DDR5
4800MHz

Windows 11 Home

16″ WQXGA
(2560×1600)
IPS

Refresh Rate 240Hz

100% DCI-P3

PANTONE Validated

NVIDIA G-SYNC

Dolby Vision HDR

2.5 กก.

Thunderbolt 4 DisplayPort x 1

USB-C 3.2
Full Function x 1

USB-A 3.2 x 2

HDMI 2.1 x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

79,990
ASUS ROG Zephyrus M16
GU604VI-N4036WS
Intel Core
i9-13900H

NVIDIA GeForce RTX 4070

M.2 NVMe
1TB

32GB DDR5
4800MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

16″ WQXGA
(2560×1600)
IPS

Refresh Rate 240Hz

100% DCI-P3

PANTONE Validated

G-SYNC

Dolby Vision HDR

VESA DisplayHDR 1000

2.3 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-C 3.2 Full Function x 1

USB-A 3.2 x 2

MicroSD
Card Reader x 1

HDMI 2.1 x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

89,990

8 โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel รุ่นเด่นถูกใจเกมเมอร์พร้อมโปรฯ สุดคุ้ม ผ่อนนานของแถมเพียบ!

โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel

เกมเมอร์คนไหนกำลังอยากเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งเครื่องเก่าเป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel รุ่นใหม่ตัวแรงอยู่ ในตอนนี้ทาง BaNANA จัดโปรฯ สุดคุ้มให้เกมเมอร์ได้เลือกซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่พร้อมผ่อน 0% ได้ มีของแถมและยังแลกซื้อเกมมิ่งเกียร์เพิ่มได้อีกด้วย เรียกว่าคุ้มสุดๆ และในบทความนี้ผู้เขียนเลือกรุ่นน่าซื้อมาให้เลือกทั้งหมด 8 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

  1. Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IHU6 (25,990 บาท)
  2. Dell G15 G15 W566311000M2CTH (36,990 บาท)
  3. Gigabyte G5 KF-E3TH313SH (40,990 บาท)
  4. Acer Predator Helios Neo 16 PHN16-71-71EE (52,990 บาท)
  5. MSI Thin GF63 12VE-048TH (34,990 บาท)
  6. MSI Pulse 15 B13VFK-262TH (57,990 บาท)
  7. ASUS ROG Strix G16 G614JI-N4089W (79,990 บาท)
  8. ASUS ROG Zephyrus M16 GU604VI-N4036WS (89,990 บาท)

1. Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IHU6 (25,990 บาท)

idea

เริ่มต้นกับโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งรุ่นเริ่มต้นราคาดีสบายกระเป๋าอย่าง Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IHU6 แม้จะเปิดตัวมาพักใหญ่แล้วก็ตาม แต่ก็ยังน่าใช้ทั้งไว้เล่นเกมและตัดต่อวิดีโอไปจนทำงานกราฟิคและยังอัพเกรดเพิ่มแรมและ SSD ได้อีกด้วย ซีพียูในเครื่องติดตั้ง Intel Core i5-11320H แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 3.2~4.5GHz จับคู่การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6 มาให้ จอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาพร้อมใช้งาน ได้แรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI 2.0 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.0 ได้ น้ำหนักเครื่อง 2.25 กิโลกรัม เป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel เพื่อเกมเมอร์ที่มีงบประมาณค่อนข้างจำกัดแต่อยากได้เครื่องแรงประสิทธิภาพดีเอาไว้ใช้งาน

สเปคของ Lenovo IdeaPad Gaming 3i 15IHU6

CPU Intel Core i5-11320H แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 3.2~4.5GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 8GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz
Connectivity USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI 2.0 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.0

Software Windows 11 Home
Weight 2.25 กิโลกรัม
Price 25,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อได้ที่นี่

2. Dell G15 W566311000M2CTH (36,990 บาท)

Screenshot 2023 06 05 094516

โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel รุ่นถัดมาเรียกว่าทำงานและเล่นเกมได้ดีเพราะฮาร์ดแวร์ถึง ซอฟท์แวร์ครบอย่าง Dell G15 W566311000M2CTH ซึ่งรุ่นใหม่นี้ทาง DELL อัพเกรดระบบระบายความร้อนมาใหม่ ใช้งานนานๆ แล้วไม่ร้อนมาก ติดตั้งโปรแกรม Microsoft Office Home & Student 2021 คู่กับ Windows 11 Home ตัวเครื่องมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz ได้ซีพียูตัวแรงอย่าง Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็วสูงสุด 4.5GHz จับคู่การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6 มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB และแรมอีก 16GB DDR5 บัส 4800MHz สเปคนี้เดิมๆ จากโรงงานก็พร้อมใช้งานแล้วไม่ต้องอัพเกรดก็ได้ มีพอร์ต USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ได้ น้ำหนัก 2.67 กิโลกรัม อาจจะหนักกว่าเครื่องอื่นเล็กน้อยแต่ก็พกไม่ยาก แถมคุ้มตรงที่ไม่ต้องซื้อซอฟท์แวร์เพิ่มให้เสียเงิน ถ้าใครอยากได้โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel ไว้ทำงานและเล่นเกมทั้งคู่ล่ะก็ DELL G15 ตัวนี้จัดว่าน่าสนใจมาก

สเปคของ Dell G15 W566311000M2CTH

CPU Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็วสูงสุด 4.5GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16GB DDR5 บัส 4800MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz
Connectivity USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 2.67 กิโลกรัม
Price 36,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่

3. Gigabyte G5 KF-E3TH313SH (40,990 บาท)

Screenshot 2023 06 05 094549

ถ้าเอาคุ้มเข้าว่า ได้การ์ดจอรุ่นใหม่แรงพอเล่นได้ทุกเกมในปัจจุบันนี้ Gigabyte G5 KF-E3TH313SH จัดเป็นตัวคุ้มและสเปคแรงพอซื้อเอาไว้แทนเกมมิ่งพีซีที่บ้านได้เลย โดยตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz ติดตั้งซีพียู Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็วสูงสุด 4.5GHz กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 4060 แรม 8GB GDDR6 มาให้ มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ แรมอีก 16GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ได้ด้วย น้ำหนักเบาเพียง 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น เป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel สเปคแรงเอาเรื่องแทนเกมมิ่งพีซีได้สบายๆ

สเปคของ Gigabyte G5 KF-E3TH313SH

CPU Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็วสูงสุด 4.5GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 4060 แรม 8GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 2, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 1.9 กิโลกรัม
Price 40,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่

4. Acer Predator Helios Neo 16 PHN16-71-71EE (52,990 บาท)

Screenshot 2023 06 05 094618

Acer Predator Helios Neo 16 PHN16-71-71EE รหัสนี้เป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel รุ่นราคาเข้าถึงง่ายขึ้น ได้หน้าจอคุณภาพสูงขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz ขอบเขตสี 100% sRGB ได้ซีพียูตัวแรง Intel Core i7-13700HX แบบ 16 คอร์ 24 เธรด (8P+8E) ความเร็วสูงสุด 5GHz จับคู่การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 4060 แรม 8GB GDDR6 ได้ M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับแรม 16GB DDR5 บัส 4800MHz มาพร้อมใช้ ติดพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1 ได้ น้ำหนัก 2.6 กิโลกรัม ด้านจุดเด่นของเจ้า Predator Helios Neo 16 ตัวนี้ยังคงได้ไฟ Pulsar Lightbar, ปุ่ม Turbo เร่งประสิทธิภาพเครื่องให้ดีขึ้น, ตั้งค่าโหมดตัวเครื่องได้ 4 แบบ ปรับตั้งค่าได้โดยเปิดโปรแกรม PredatorSense ขึ้นมาก็เซ็ตได้ทันที โดยเจ้าเครื่องนี้เป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel ที่ซีพียูแรงสะใจ เอาอยู่ทั้งใช้ทำงานและเล่นเกมเลย

สเปคของ Acer Predator Helios Neo 16 PHN16-71-71EE

CPU Intel Core i7-13700HX แบบ 16 คอร์ 24 เธรด (8P+8E) ความเร็วสูงสุด 5GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 4060 แรม 8GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16GB DDR5 บัส 4800MHz
Display 16 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz ขอบเขตสี 100% sRGB
Connectivity Thunderbolt 4 x 2, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1

Software Windows 11 Home
Weight 2.6 กิโลกรัม
Price 52,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่

5. MSI Thin GF63 12VE-048TH (34,990 บาท)

thin

สายน้ำหนักเบาพกง่าย หิ้วติดตัวไปทำงานแล้วกลับมาเล่นเกมที่บ้านได้สบายๆ MSI Thin GF63 12VE-048TH รุ่นนี้นอกจากราคาไม่แพงแล้วฟีเจอร์ยังน่าใช้เพราะต่อจอแยก Matrix Display ได้ 2 จอพร้อมกันและอัพเกรดระบบระบายความร้อน Cooler Boost ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ระบายความร้อนได้ดีขึ้น ติดตั้งซีพียู Intel Core i5-12450H แบบ 8 คอร์ 12 เธรด (4P+4E) ความเร็วสูงสุด 4.4GHz ติดตั้งการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 4050 แรม 6GB GDDR6 มาให้ ใช้หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับแรม 16GB DDR4 บัส 3200MHz มาด้วย มีพอร์ต USB-C 3.2 รองรับ DisplayPort x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ได้ น้ำหนัก 1.86 กิโลกรัม แล้วเจ้า MSI GF63 Thin รุ่นใหม่นี้เป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel ราคาไม่แพงสเปคใหม่ล่าสุดแถมยังอัพเกรดเพิ่ม SSD, RAM ได้สบายๆ เกมเมอร์คนไหนหาเครื่องใหม่อยู่ก็ซื้อมันเอาไว้ได้เลย

สเปคของ MSI Thin GF63 12VE-048TH

CPU Intel Core i5-12450H แบบ 8 คอร์ 12 เธรด (4P+4E) ความเร็วสูงสุด 4.4GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 4050 แรม 6GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16GB DDR4 บัส 3200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
Connectivity USB-C 3.2 รองรับ DisplayPort x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 1.86 กิโลกรัม
Price 34,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่

6. MSI Pulse 15 B13VFK-262TH (57,990 บาท)

pulse

ขยับความแรงขึ้นอีกนิดมี MSI Pulse 15 B13VFK-262TH ให้เลือก โดยฟีเจอร์เด่นเรียกว่าไม่แพ้กับ GF63 Thin ที่ต่อหน้าจอแยก Matrix Display 2 จอได้พร้อมกัน แต่เพิ่มคีย์บอร์ด 4-Zone RGB มาให้ อัพเกรดซีพียูเป็นรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i7-13700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด ความเร็วสูงสุด 5GHz จับคู่การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 4060 แรม 8GB GDDR6 มาให้ ได้จอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 240Hz ขอบเขตสี 100% sRGB นอกจากเล่นเกมแล้วยังตัดต่อแต่งภาพและวิดีโอได้เป็นอย่างดี มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home และแรม 16GB DDR5 บัส 5200MHz ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น มีพอร์ต USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 รองรับ DisplayPort x 1, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ได้ น้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม โดยเฉพาะหน้าจอของ Pulse 15 ตัวนี้เป็นจอขอบเขตสีกว้างค่า Refresh Rate สูงอย่างนี้ ใครตัดต่อคลิปหรือแต่งภาพบ่อยๆ น่าจะชอบ ราคาก็ถือว่าสมกับสเปคที่ให้มาอีกด้วย

สเปคของ MSI Pulse 15 B13VFK-262TH

CPU Intel Core i7-13700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด ความเร็วสูงสุด 5GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 4060 แรม 8GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
RAM 16GB DDR5 บัส 5200MHz
Display 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 240Hz
ขอบเขตสี 100% sRGB
Connectivity USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 รองรับ DisplayPort x 1, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 2.3 กิโลกรัม
Price 57,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่

7. ASUS ROG Strix G16 G614JI-N4089W (79,990 บาท)

rog

ถ้าอยากได้โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel ตัวแรงแซงจากแบรนด์ขวัญใจเกมเมอร์ต้องเป็น ASUS ROG Strix G16 G614JI-N4089W รุ่นใหม่ที่สเปคแรงแทนพีซีได้สบายๆ จะเล่นเกมหรือเอาไว้ทำงานครีเอเตอร์ก็ได้ ติดพัดลมระบายความร้อนในเครื่องมา 3 ตัว ได้จอ 16 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 240Hz ขอบเขตสี 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง PANTONE Validated, NVIDIA G-SYNC, Dolby Vision HDR ได้ซีพียูรุ่นแรงอย่าง Intel Core i9-13980HX แบบ 24 คอร์ 32 เธรด (8P+16E) ความเร็วสูงสุด 5.6GHz จับคู่การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 4070 แรม 8GB GDDR6 มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home กับแรมอีก 32GB DDR5 บัส 4800MHz มาให้ เดิมๆ เท่านี้ก็ทรงพลังมากแล้ว มีพอร์ต Thunderbolt 4 DisplayPort x 1, USB-C 3.2 Full Function x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ได้ น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม เรียกว่ายังคงมาตรฐานความแรงของตระกูล ROG Strix เอาไว้ได้อย่างสวยงาม ถ้าใครหาโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel ตัวแรงสุดปรอทอยู่แล้วและมีงบประมาณพอซื้อมาเป็นเจ้าของได้ก็ซื้อมาใช้ได้เลย

สเปคของ ASUS ROG Strix G16 G614JI-N4089W

CPU Intel Core i9-13980HX แบบ 24 คอร์ 32 เธรด (8P+16E) ความเร็วสูงสุด 5.6GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 4070 แรม 8GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB
RAM 32GB DDR5 บัส 4800MHz
Display 16 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 240Hz ขอบเขตสี 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง PANTONE Validated, NVIDIA G-SYNC, Dolby Vision HDR
Connectivity Thunderbolt 4 DisplayPort x 1, USB-C 3.2 Full Function x 1, USB-A 3.2 x 2, HDMI 2.1 x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 2.5 กิโลกรัม
Price 79,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่

8. ASUS ROG Zephyrus M16 GU604VI-N4036WS (89,990 บาท)

Screenshot 2023 06 05 094810

ถ้าหน้าตาโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel อย่าง ROG Strix ดูมากเกินไปอยากได้เรียบร้อยสักหน่อย ASUS ROG Zephyrus M16 GU604VI-N4036WS ตัวนี้เชื่อว่าโดนใจเกมเมอร์ที่อยากได้เครื่องหน้าตาเรียบร้อยแต่สเปคแรงติดพัดลมระบายความร้อนมาให้ 3 ตัวเช่นกัน ได้หน้าจอคุณภาพดีระดับครีเอเตอร์ไซซ์ 16 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 240Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3, PANTONE Validated, G-SYNC, Dolby Vision HDR, VESA DisplayHDR 1000 อีกด้วย ซีพียูเป็น Intel Core i9-13900H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็วสูงสุด 5.4GHz จับคู่การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 4070 แรม 8GB GDDR6 กับ M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home และ Microsoft Office Home & Student 2021 และแรมอีก 32GB DDR5 บัส 4800MHz มาให้ ได้พอร์ต Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 Full Function x 1, USB-A 3.2 x 2, MicroSD Card Reader x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 มาให้ น้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม ได้กล้องสแกนใบหน้า IR Camera ติดมาให้เพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้นและฝาหลัง AniMe Matrix โชว์เอฟเฟคไฟได้ตามชอบอีกด้วย ถือเป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel ที่ดีไซน์ไม่หวือหวาเกินไป พกไปประชุมงานกับลูกค้าก็ไม่สะดุดตาแต่ต่อจอแยกเล่นเกมเมื่อไหร่ก็เล่นเกมฟอร์มใหญ่ในปัจจุบันได้สบายๆ ทุกเกม

สเปคของ ASUS ROG Zephyrus M16 GU604VI-N4036WS

CPU Intel Core i9-13900H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็วสูงสุด 5.4GHz
GPU NVIDIA GeForce RTX 4070 แรม 8GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB
RAM 32GB DDR5 บัส 4800MHz
Display 16 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 240Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3, PANTONE Validated, G-SYNC, Dolby Vision HDR, VESA DisplayHDR 1000
Connectivity Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 Full Function x 1, USB-A 3.2 x 2, MicroSD Card Reader x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
Weight 2.3 กิโลกรัม
Price 89,990 บาท คลิ๊กสั่งซื้อที่นี่
Screenshot 2023 06 05 094942

โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel กลางปี 2023 นี้ จะเห็นว่ามีตั้งแต่รุ่นราคาประหยัดเพื่อนักเรียนนักศึกษาไปจนเกมเมอร์และครีเอเตอร์ที่ต้องการซื้อโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งสเปคแรงๆ เอาไว้ทำงานสักเครื่องก็น่าจะถูกใจ ถ้าใครเบื่อจะประกอบคอมพิวเตอร์สักเครื่องเหมือนในอดีตแล้วจะหันมาใช้โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Intel ต่อจอแยกแทนก็ดีมาก แถมรุ่นเรือธงก็มีประกันแบบ Onsite Service เวลาเครื่องมีปัญหาก็ติดต่อช่างให้เข้ามาดูแลเครื่องได้ทันที จัดว่าสะดวกไม่แพ้ใครแถมไม่กินพื้นที่อีกด้วย


บทความที่เกี่ยวข้อง

7Notebookเบา 1
MSIMOnitor
MsiNotebook

from:https://notebookspec.com/web/704135-8-intel-gaming-laptop-2023

5 สินค้าที่ใช้ CPU AMD ถ้าคุณรู้แล้วจะอึ้ง! อัพเดทปี 2023

สินค้าที่ใช้ CPU AMD อยู่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิด!!

5สินค้าaMD

“สินค้าที่ใช้ CPU AMD นั้นอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด” ไม่ได้เป็นคำที่กล่าวเกินไปอย่างแน่นอนในปี 2023 นี้ เพราะนอกจากเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คและเครื่องคอนโซลที่หลายๆ คนเห็นภาพและรู้จักกันดีแล้ว ทาง Advanced Micro Devices, Inc. ก็ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของตัวเองออกไปมากมาย แทรกอยู่ในข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเราซึ่งเชื่อว่าผู้ใช้หลายคนอาจคาดไม่ถึงหรือได้ยินชื่อผ่านหูอยู่บ้างแต่ไม่ได้ใช้งาน หรืออาจจะได้ใช้ทางอ้อมก็มีเช่นกันและสินค้าบางชิ้นเชื่อว่าผู้อ่านบางท่านอาจอุทานว่า “นี่ก็ AMD เหมือนกันเหรอ?” อย่างแน่นอน

Advertisementavw

หากสรุปภาพให้เห็นโดยง่าย นอกจากเครื่องเกมคอนโซลยอดนิยมอย่าง PlayStation 4 และ 5, ซีพียูในเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คกับพีซีรวมถึงชิปประมวลผลในรถยนต์แล้ว ทาง AMD ก็ผลิตชิปเซ็ตและให้บริการ Cloud service สำหรับโปรแกรมและโซเชียลเน็ตเวิร์คขวัญใจใครหลายๆ คน แถมยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับชิปเซ็ตในสมาร์ทโฟนอีกด้วย

สินค้าที่ใช้ CPU AMD

กลุ่มสินค้าที่ AMD เข้าไปมีส่วนร่วมในปัจจุบันนี้

สินค้าที่ใช้ CPU AMD แต่เป็นทางอ้อมในรูปแบบบริการคลาวด์ (Cloud as a Service – CAAS) ซึ่งผู้ใช้หลายคนเลือกใช้บริการก็เป็นพาร์ทเนอร์อยู่ โดยใช้ซีพียู AMD EPYC ซึ่งประสิทธิภาพดี, ราคาไม่แพงและปลอดภัย สามารถ Migrate ระบบมาใช้ได้สะดวก ซึ่งผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำ ได้แก่ Amazon EC2, Microsoft Azure, Google Cloud Platform, IBM Cloud ฯลฯ ก็เป็นพาร์ทเนอร์กับ AMD เช่นกัน

ข้อดีเด่นๆ ของคลาวด์ซีพียู AMD EPYC มีหลายข้อ แต่โดยหลักแล้วจะมี 3 ข้อหลักดังนี้

  1. ประสิทธิภาพดี – จุดเด่นของซีพียู AMD EPYC คือแบนด์วิธรับส่งข้อมูลและความเร็ว I/O สูง ทำให้รับ Workload ใหญ่และเยอะได้เป็นอย่างดี
  2. ราคาประหยัด – ระบบคลาวด์สถาปัตยกรรม x86 ของ AMD นอกจากราคาถูกแล้วยังประเมินราคาคลาวด์ล่วงหน้าก่อนเริ่มใช้บริการได้อีกด้วย 
  3. ระบบรักษาความปลอดภัยล้ำสมัย – คลาวด์ของ AMD มีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง AMD Infinity Guard เสริมเข้ามาให้รักษาความปลอดภัยจากภายนอกและภายในระบบและไม่กระทบกับประสิทธิภาพของคลาวด์อีกด้วย หากใครสนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

5 สินค้าที่ใช้ CPU AMD บอกเลยว่าอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด!!

สินค้าที่ใช้ CPU AMD นั้นมีหลากหลายกลุ่มมาก ครอบคลุมกว้างตั้งแต่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ใกล้ตัวเราไปจนถึงกลุ่มสินค้าที่รับรู้ว่าทาง AMD ผลิตให้ก็มีเช่นกัน ซึ่งถ้าจัดแล้วจะมี 5 กลุ่ม ได้แก่

  1. Supercomputer “Frontier” สุดทรงพลังในสหรัฐอเมริกา
  2. ชิปเซ็ตในรถยนต์เพื่อการขับขี่ที่ดีที่สุด!
  3. เครื่องเกมคอนโซลชั้นนำขวัญใจเกมเมอร์ก็ใช้! 
  4. ชิปสมาร์ทโฟนจะอดีตหรือปัจจุบัน AMD ก็เข้าไปร่วมวงนะ!
  5. เกมมิ่งพีซีและโน๊ตบุ๊คยุคนี้ เกมเมอร์ไว้ใจ AMD !!

1. Supercomputer “Frontier” สุดทรงพลังในสหรัฐอเมริกา

frontier

1045756 AMD Instinct 1260x709 1
1045756 instinct stack server

ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันของ AMD ภาคภูมิใจนั้นจะมี 2 เครื่องหลัก ได้แก่ Frontier ซึ่งมีพลังประมวลผลสูงสุดถึง 1.5 Exaflops ติดตั้งซีพียู AMD EPYC ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ HPC (High performance computing) และระบบ AI ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งติดตั้ง AMD Instinct MI250X หน่วยเร่งการประมวลผล (Accelerator) มาให้เป็นจำนวนมาก ซึ่งซุปเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องนี้เกิดจากการร่วมมือระหว่าง AMD, Cray Inc. และกระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกาและตั้งอยู่ในห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Oak Ridge, รัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งงานหลักของมันออกแบบมาเพื่อคำนวนและวิเคราะห์ข้อมูล (Data analysis) เกี่ยวกับข้อมูลชีวการแพทย์ (Biomedical Data), วิทยาศาสตร์ภูมิอากาศ, วิทยาศาสตร์วัสดุศาสตร์ (Materials Science)

ถัดมาคือ El Capitan ซึ่งมีความเร็วสูงขึ้นอีกเป็น 2 Exaflops โดยเครื่องนี้เกิดจากความร่วมมือของ HPE (Hewlett Packard Enterprise), AMD, ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Livermore และกระทรวงพลังงานสหรัฐร่วมมือกันพัฒนาขึ้นมาโดยใช้ซีพียู AMD EPYC สถาปัตยกรรม Genoa แบบ Zen 4 ให้รองรับกับหน่วยความจำรุ่นใหม่และเสริมประสิทธิภาพของ I/O sub system ให้รับ Workload และงาน AI ได้ดียิ่งขึ้น

frontier spec

ด้านสเปคของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ Frontier ฝั่งขวาสุด จะเห็นว่านอกจากประสิทธิภาพจะดีและทรงพลังแล้ว จะเห็นว่ามันทรงพลังครองตำแหน่งซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับ exascale อันดับหนึ่งของโลกในปี 2022 อีกด้วย

AMD Instinct MI250X นี้ เป็นหน่วยเร่งการประมวลผล (Accelerator) ออกแบบมาเพื่อประมวลผลงานทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้สถาปัตยกรรม AMD CDNA รุ่นที่ 2 จับคู่กับซีพียู AMD EPYC สถาปัตยกรรม AMD Infinity รุ่นที่ 3 เน้นประสานงานร่วมกับ HPC และ AI โดยเฉพาะ ออกแบบเป็น Multi-Chip ให้ประสิทธิภาพการทำงานและ Memory throughput สูงสุด มีหน่วยความจำ 128GB HBM2e แบนด์วิธีกว้างถึง 3.2TB/s มี Compute units มากถึง 220 ตัว และ Matrix Cores มากถึง 880 คอร์ในตัว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ HPC ได้มากขึ้น 4.9 เท่า และทำให้ AI ทำงานได้เร็วกว่าเดิม 1.2 เท่า

ซึ่งจุดประสงค์การสร้าง AMD Instict MI250X ขึ้นมา เพื่อรับมือกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change), การวิจัยด้านการแพทย์แบบใหม่, การวิจัยแหล่งพลังงานใหม่ ให้ประสิทธิภาพของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์สูงยิ่งขึ้นมาก แม้เป็นสินค้าที่ใช้ CPU AMD ที่ไกลตัวแต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์มากทีเดียว

2. ชิปเซ็ตในรถยนต์เพื่อการขับขี่ที่ดีที่สุด!

Homepage Model S Desktop RHD

รถยนต์ในปัจจุบันก็เป็นสินค้าที่ใช้ CPU AMD เช่นกัน โดยเฉพาะรถยนต์ EV ชื่อดังอย่าง Tesla ก็ใช้ AMD Ryzen แบบ Embedded เช่นกันและประสิทธิภาพก็ดีพอใช้เล่นเกมและดูหนังเพื่อความบันเทิงได้สบายๆ อีกด้วย แต่รู้หรือไม่ว่ารถยนต์ ICE (Internal Combustion Engine) หรือรถยนต์สันดาปภายในก็ใช้บริการ AMD เช่นกัน โดยมีชิปเซ็ตที่ทำงานกับระบบต่างๆ ภายในรถยนต์มากมาย ซึ่งทางบริษัทเรียกโดยรวมว่า AMD Xilinx โดยแยกย่อยเป็น AMD Spartan, Artix UltraSCALE+, Zynq และ Xilinx VERSAL เป็นต้น ซึ่งข้อดีนอกจากจะทำงานได้เร็วและมีค่าความหน่วงต่ำ (Low Latency) ด้วย

ด้านระบบด้านยานพาหนะที่เกี่ยวข้องกับชิป AMD Xilinx นี้ จะมีหลากหลายแบบ ได้แก่

  • ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) – ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะของรถยนต์ โดยประสานงานร่วมกับฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยตัวรถต่างๆ ได้แก่ ระบบกล้อง, เรดาห์ของตัวรถ, เลเซอร์ LiDAR (Light Detection and Ranging) เพื่อสแกนตรวจจับวัตถุและสะท้อนสิ่งของและสิ่งกีดขวางต่างๆ กลับมายังเซนเซอร์และประมวลผลต่อไปได้
  • Automated Driving – ระบบขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติประสิทธิภาพสูง มีระบบด้านความปลอดภัยที่ทำงานร่วมกับระบบขับขี่รถยนต์โดยอัตโนมัติให้พัฒนาเป็นรถยนต์ไร้คนขับต่อไปได้
  • In-Vehicle Experience – ระบบมอนิเตอร์แสดงผลภายในตัวรถในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะหน้าปัดบอกความเร็วและระบบหน้าจอต่างๆ ภายในตัวรถ รวมทั้งความบันเทิงต่างๆ และยังมีระบบเชื่อมต่อเสริมเข้ามาให้ทำงานระหว่างเดินทางได้อีกด้วย
  • Electrification and Vehicle Networking – ระบบที่ทำงานกับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถยนต์ โดยตัวชิปของ AMD สามารถปรับแต่งให้เข้ากับระบบภายในตัวรถได้หลากหลายแบบและช่วยอัพเดทระบบภายในรถให้ทันสมัยแบบ OTA (Over The Air) อีกด้วย

ถ้าให้ใกล้ตัวเข้ามาอีกนิด สินค้าที่ใช้ CPU AMD Xilinx เสริมระบบความปลอดภัยตัวรถก็เป็นรถยนต์ Subaru หลายๆ รุ่นที่มีระบบ EyeSight เวอร์ชั่นใหม่ที่เป็นระบบช่วยเหลือเวลาขับรถ โดยเซนเซอร์จะทำหน้าที่จับระยะห่างระหว่างตัวรถกับรถยนต์คันหน้าและผสานกับระบบ Pre-Collision Braking ช่วยเพิ่มน้ำหนักแรงเบรกให้หยุดรถได้ทันเวลาเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันและเกิดอุบัติเหตุ, ระบบประคองรถยนต์ให้อยู่ในเลน (Lane Keep Assist), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) และอีกหลากหลายเทคโนโลยีในตัวรถ ซึ่งเมื่อมีชิปเซ็ต AMD Xilinx ช่วยประมวลผลและทำงานอย่างรวดเร็วไม่หน่วงมาก ก็ทำให้ชีวิตผู้ใช้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ผู้สนใจสามารถอ่านต่อที่หน้าเว็บไซต์ AMD ได้โดยตรงที่นี่

3. เครื่องเกมคอนโซลชั้นนำขวัญใจเกมเมอร์ก็ใช้!

kerde severin NVD 32BBZFE unsplash

billy freeman DPOdCl4bGJU unsplash
petar vukobrat zmqes6OO7R4 unsplash

เครื่องเกมคอนโซลไม่ว่าจะ PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox Series X และ Series S รวมไปถึง Steam Deck ก็เป็นสินค้าที่ใช้ CPU AMD รุ่นพิเศษเช่นกัน โดยออกแบบมาให้เหมาะกับระบบของเครื่องนั้นๆ ให้เล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น โดยสเปคของชิปเซ็ต AMD รุ่นพิเศษในคอนโซลแต่ละเครื่องจะเป็นดังนี้

สเปคของ PlayStation 4, 4 Pro และ 5
รุ่นและสเปค PlayStation 4 PlayStation 4 Pro PlayStation 5
คอร์, สถาปัตยกรรม ซีพียู 8 คอร์
สถาปัตยกรรม x86-64
“Jaguar”
ซีพียู 8 คอร์
สถาปัตยกรรม x86-64
“Jaguar”
ซีพียู 8 คอร์ 16 เธรด สถาปัตยกรรม x86-64
AMD Ryzen “Zen 2”

ความเร็วสูงสุด 3.5GHz

กราฟิคการ์ด AMD Radeon

1.84 TFLOPS

AMD Radeon

4.2 TFLOPS

AMD Radeon RDNA 2

10.3 TFLOPS

รองรับ Ray Tracing

หน่วยความจำของกราฟิคการ์ด 8GB GDDR5 8GB GDDR5 16GB GDDR6
อ่านรีวิว PlayStation 5 ฉบับเต็มได้ที่นี่
สเปคของ Xbox Series X|S
รุ่นและสเปค Xbox Series X Xbox Series S
คอร์, สถาปัตยกรรม 8 คอร์ สถาปัตยกรรม Zen 2

ความเร็วสูงสุด 3.8GHz

8 คอร์ สถาปัตยกรรม Zen 2

ความเร็วสูงสุด 3.6GHz

กราฟิคการ์ด AMD Radeon RDNA 2

12 TFLOPS, 52 CUs

AMD Radeon RDNA 2

4 TFLOPS, 20 CUs

หน่วยความจำของกราฟิคการ์ด 16GB GDDR6 10GB GDDR6
สเปคของ Steam Deck
สเปคของตัวเครื่อง รายละเอียด
คอร์และสถาปัตยกรรมของซีพียู 4 คอร์ 8 เธรด สถาปัตยกรรม Zen 2

ความเร็ว 2.4~3.5GHz

กราฟิคการ์ด AMD RDNA 2

1.6 TFLOPS, 2 CUs

4. ชิปสมาร์ทโฟนจะอดีตหรือปัจจุบัน AMD ก็เข้าไปร่วมวงนะ!

Exynos 2200 main1F

โลกของสมาร์ทโฟนที่ผู้ใช้หลายๆ คนคาดไม่ถึงก็มีสินค้าที่ใช้ CPU AMD ร่วมวงอยู่ด้วยตั้งแต่อดีตและผลิตภัณฑ์ล่าสุดอันเลื่องชื่อ คือการประกาศร่วมมือพัฒนาจีพียูให้กับชิป Samsung Exynos 2200 ซึ่งตัวชิปอิงพื้นฐานจีพียูมาจาก Samsung Xclipse กับสถาปัตยกรรม AMD RDNA 2 และระบบ NPU เข้าไปในตัวชิปด้วย ให้ประสบการณ์การเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น

ฟีเจอร์ใน Samsung Xclipse พร้อมสถาปัตยกรรม AMD RDNA 2 ซึ่งถูกนำมาจากพีซีใส่ในสมาร์ทโฟนมีระบบ Ray Tracing (RT) ให้แสงเงาของภาพในเกมดูสวยงามสมจริง กับ Variable Rate Shading (VRS) ระบบ Optimize พลังและประสิทธิภาพการเรนเดอร์ภาพในเกม โดยเป็นฟีเจอร์ที่เปิดให้ผู้พัฒนาเกมสามารถลด Shading Rate ของภาพในส่วนที่ไม่สำคัญมากลงได้เพื่อเพิ่มเฟรมเรทให้สูงและลื่นไหลยิ่งขึ้นและภาพโดยรวมยังสวยงามใกล้เคียงเดิม นอกจากนี้ส่วนอื่นๆ ของ Samsung Exynos 2200 ก็มีประสิทธิภาพดีน่าใช้งานอีกด้วย เป็นสินค้าที่ใช้ CPU AMD ที่สร้างกระแสความสนใจในวงการสมาร์ทโฟนได้อย่างโดดเด่นทีเดียว

111621 snapdragonwebassets mobilebanner 50 50split

Qualcomm Adreno จีพียูชื่อดังของโลกสมาร์ทโฟนในชิป Qualcomm Snapdragon ก็เกี่ยวข้องกับทาง AMD Radeon มาอย่างลึกซึ้งตั้งแต่สมัยเป็นบริษัท ATI Technologies ก่อน AMD จะเข้าซื้อกิจการในปี 2010 แล้วผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เริ่มต้นเมื่อ ATI Technologies ได้พัฒนาและจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีคอร์จีพียู Adreno ขึ้นมาก่อนที่จะขายให้กับทาง Qualcomm เมื่อปี 2009 ซึ่งคำว่า Adreno เป็นการเรียงอักษร (anagram) หากสลับตำแหน่งตัว R ของ Adreno มาไว้ข้างหน้าสุด ก็จะกลายเป็นคำว่า (ATI / AMD) Radeon ไปโดยปริยายนั่นเอง ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่านี่เป็นสินค้าที่ใช้ CPU AMD ที่เกี่ยวข้องกันได้อย่างไม่น่าเชื่อชิ้นหนึ่งเลย

5. เกมมิ่งพีซีและโน๊ตบุ๊คยุคนี้ เกมเมอร์ไว้ใจ AMD !!

1100009 ryzen 6000 mobile female gamer facing 1260x709 1

สุดท้ายสินค้าที่ใช้ CPU AMD Ryzen ก็ไม่พ้นเกมมิ่งพีซีและเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแน่นอน โดยซีพียู Ryzen และการ์ดจอแยก Radeon เมื่อจับคู่กันแล้วไม่ว่าจะเป็นเดสก์ท็อปหรือโน๊ตบุ๊คจะมีฟีเจอร์ให้เล่นและสตรีมเกมได้ไหลลื่นยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้

AMD Smart Access Memory – ฟีเจอร์เพิ่มประสิทธิภาพตอนเล่นเกมให้ดีขึ้น 15% โดยซีพียูจะเชื่อมต่อเข้ากับหน่วยความจำของการ์ดจอแล้วสื่อสารรับส่งข้อมูลโดยตรงให้ได้เฟรมเรทสูงขึ้น

  • สเปคฝั่งเดสก์ท็อปที่ใช้ฟีเจอร์นี้ได้ – เมนบอร์ด AMD 500 Series ขึ้นไป ใช้ซีพียู AMD Ryzen 3000 Series แบบไม่มีการ์ดจอออนบอร์ด (ไม่ใช่รหัส G) และการ์ดจอ AMD Radeon RX 5000 Series ขึ้นไป อัพเดท AMD Radeon Software Driver และ BIOS ของเมนบอร์ดให้เป็น AMD AGESA 1.1.0.0 ขึ้นไป เมื่อครบเงื่อนไขก็เข้า BIOS ตั้งค่า Re-Size BAR Support เป็น Enable และเปิด Above 4G Decoding ก็ใช้งานได้เลย
  • สเปคฝั่งเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ใช้ฟีเจอร์นี้ได้ – ผ่านเงื่อนไขเป็นโน๊ตบุ๊ค AMD Advantage

AMD SmartShift – เป็นอีกฟีเจอร์ของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค AMD Advantage โดยเฉพาะ เพิ่มประสิทธิภาพเวลาใช้งานโปรแกรมตัดต่อแต่งภาพ, คลิป, เรนเดอร์โมเดล 3D รวมถึงเล่นเกมต่างๆ ได้ดีขึ้น 14% โดยใช้อัลกอริธึ่มใน Machine Learning เร่งและลดประสิทธิภาพของซีพียูและจีพียูตามความเหมาะสมว่าโปรแกรมนั้นๆ ใช้งานส่วนใดมากกว่า นอกจากนี้ยังมี AMD SmartShift Eco ช่วยจัดการแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คให้ใช้งานด้วยแบตเตอรี่ได้นานยิ่งขึ้นอีกด้วย

AMD FidelityFX Super Resolution (AMD FSR) – ฟีเจอร์เร่งเฟรมเรทของเกมให้สูงยิ่งขึ้นโดยภาพยังคงสวยงานไม่เสียความสวยคมชัด ทำงานแบบ Upscalling ภาพขึ้นมาและปัจจุบันนี้ Engine พัฒนาเกมชั้นนำอย่าง Unreal Engine 4 และ Unity Engine 2021.2. รองรับแล้วและทีมพัฒนาเกมชั้นนำหลายเจ้า ตัวอย่างเช่น 505 Games, Bethesda, CD Projekt Red, Playground Games ฯลฯ ก็สนับสนุนฟีเจอร์นี้เช่นกัน

ด้านหลักการทำงานของ AMD FSR นั้นเข้าใจได้ง่ายมาก โดยระบบนี้จะจัดการเรนเดอร์เกมบนความละเอียดที่ต่ำลงแล้วใช้ AI เข้ามา Upscalling ภาพให้คมชัดขึ้น โดยแยกความละเอียดภาพเป็น 4 ระดับ ได้แก่ Ultra Quality (1.3x), Quality (1.5x), Balanced (1.7x), Performance (2.0x) ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน

Screenshot 2023 03 30 170554

ข้อดีของเทคโนโลยี AMD FSR อีกส่วนหนึ่ง คือ ไม่จำกัดเอาไว้ว่าจะต้องเป็นฮาร์ดแวร์ของ AMD เท่านั้น แม้แต่กราฟิคการ์ดรุ่นเก่าของ NVIDIA ก็สามารถเปิดใช้งานเพื่อเพิ่มเฟรมเรทตอนเล่นเกมได้ จะเห็นว่าการ์ดจอแม้รุ่นจะเก่าไปพอสมควร ตัวอย่างเช่น AMD Radeon RX 480/470/460 หรือ NVIDIA GeForce 10 Series ก็เปิดใช้งานได้

ยิ่งไปกว่านั้นสินค้าที่ใช้ CPU AMD กับการ์ดจอ AMD Radeon รุ่นใหม่ๆ ก็รองรับการเข้ารหัสไฟล์วิดีโอแบบ AV1 ซึ่งได้ภาพคมชัดและไฟล์มีขนาดเล็ก สามารถไลฟ์สตรีมเกมได้อย่างไหลลื่นอีกด้วย

  •  

ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซีพียู Ryzen และการ์ดจอ Radeon และเข้าเงื่อนไขที่ทาง AMD ตั้งเอาไว้ จะนับเป็นโน๊ตบุ๊คกลุ่ม AMD Advantage ซึ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวจะมีเงื่อนไขดังนี้

  1. ซีพียู AMD Ryzen 5000 หรือ 6000 Series กับกราฟิคการ์ด AMD Radeon 6000M หรือ 6000S และใช้ไดรเวอร์ซอฟท์แวร์ของทาง AMD
  2. รองรับฟีเจอร์ Smart Access Memory (AMD S.A.M.) และ AMD SmartShift
  3. หน้าจอมีความสว่างเกิน 300 cd/m2 ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB รองรับ AMD FreeSync และ Refresh Rate เกิน 144Hz
  4. ติดตั้ง M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 3.0 มาให้อย่างน้อย 1 ตัว
  5. แบตเตอรี่ใช้เล่นวิดีโอต่อเนื่องได้อย่างน้อย 10 ชั่วโมงขึ้นไป
  6. เมื่อเล่นเกม อุณหภูมิบริเวณปุ่ม WASD ต้องต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียสเสมอ

ด้านเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค AMD Advantage สเปคน่าใช้ซึ่งผู้เขียนแนะนำเป็นส่วนตัวจะมี 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

ASUS TUF Gaming A16 Advantage Edition

A16 advantage

ASUS TUF Gaming A16 Advantage Edition นี้เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแบบ AMD Advantage รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน ซึ่งนอกจากดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยเรียบร้อยกว่าซีรี่ส์ TUF Gaming ที่ผ่านมาหลายๆ รุ่นแล้ว ยังใช้ฟีเจอร์ AMD SmartAccess Memory, SmartShift, SmartShift RSR ได้ ขอบเขตสีหน้าจอก็กว้าง 100% sRGB ขนาดจอ 16 นิ้ว ความละเอียด WUXGA (1920×1200) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz รองรับ AMD FreeSync Premium ในตัว ติดตั้งซีพียู AMD Ryzen 7 7735HS แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2~4.75GHz จับคู่การ์ดจอแยก AMD Radeon RX 7600S แรม 8GB GDDR6 มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมแรม 16GB DDR5 บัส 4800MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 รองรับ DisplayPort x 1, USB-C 3.2 x 1 รองรับ DisplayPort และ Power Delivery 100 วัตต์, HDMI 2.1 FRL x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax กับ Bluetooth 5.2 ในตัว น้ำหนักเครื่อง 2.2 กิโลกรัม จัดเป็นสินค้าที่ใช้ CPU AMD ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากและราคาก็คุ้มค่าอีกด้วย

สเปคของ ASUS TUF Gaming A16 Advantage Edition
CPU AMD Ryzen 7 7735HS แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2~4.75GHz
GPU AMD Radeon RX 7600S แรม 8GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD 512GB
RAM 16GB DDR5 บัส 4800MHz
Display 16 นิ้ว ความละเอียด WUXGA (1920×1200) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz รองรับ AMD FreeSync Premium ขอบเขตสี 100% sRGB
Connectivity USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 รองรับ DisplayPort x 1, USB-C 3.2 x 1 รองรับ DisplayPort และ Power Delivery 100 วัตต์, HDMI 2.1 FRL x 1, LAN x 1, Audio combo x 1

Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home
Weight 2.2 กิโลกรัม
Price 42,990 บาท ชมสเปคโดยละเอียดคลิ๊กที่นี่
ASUS ROG Zephyrus G14

g14

ASUS ROG Zephyrus G14 เป็นสินค้าที่ใช้ CPU AMD กลุ่มเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแบบ AMD Advantage ที่น่าใช้งานมาก ทั้งรูปลักษณ์ตัวเครื่งสวยเรียบร้อยดูมีระดับเหมือนโน๊ตบุ๊คทำงานเครื่องหนึ่งแต่ก็เล่นเกมได้ยอดเยี่ยมแถมยังติดตั้งกล้องอินฟาเรด IR Camera ไว้ยืนยันตัวปลดล็อคเครื่องอีกด้วย ซีพียูในเครื่องเป็น AMD Ryzen 9 6900HS แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.3-4.9GHz จับคู่การ์ดจอแยก AMD Radeon RX 6700S แรม 8GB GDDR6 และหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz, Response Time 3ms รองรับ Dolby Vision HDR, Adaptive-Sync, Pantone Validated มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ใช้งาน มีแรม 16GB DDR5 บัส 4800 MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 Gen 2 x 2, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ Power Delivery และ DisplayPort, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ DisplayPort, HDMI 2.0b x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio Combo x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ได้ น้ำหนักเบาเพียง 1.72 กิโลกรัม เท่านั้น ถือเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่น่าใช้มากรุ่นหนึ่ง หากใครสนใจสามารถอ่านรีวิวโดยละเอียดได้ที่นี่

สเปคของ ASUS ROG Zephyrus G14
CPU AMD Ryzen 9 6900HS แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.3-4.9GHz
GPU AMD Radeon RX 6700S แรม 8GB GDDR6
SSD M.2 NVMe SSD 1TB
RAM 16GB DDR5 บัส 4800 MHz
Display 14 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz, Response Time 3ms รองรับ Dolby Vision HDR, Adaptive-Sync, Pantone Validated
Connectivity USB-A 3.2 Gen 2 x 2, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ Power Delivery และ DisplayPort, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ DisplayPort, HDMI 2.0b x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio Combo x 1

Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2

Software Windows 11 Home, Microsoft Office Home&Student 2021
Weight 1.72 กิโลกรัม
Price 69,990 บาท ชมสเปคโดยละเอียดคลิ๊กที่นี่

advantage

จะเห็นว่าสินค้าที่ใช้ CPU AMD นั้นมีหลากหลายแบบมากรวมทั้งมีฟีเจอร์ต่างๆ ให้ใช้งานด้วย และเชื่อว่าผู้ใช้บางคนน่าจะเห็นว่าสินค้าที่ใช้ CPU AMD นั้นอยู่รายรอบตัวและมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตเราอีกด้วย หากยกสิ่งใกล้ตัวอย่างโน๊ตบุ๊คไม่ว่าจะทำงานหรือเกมมิ่ง เชื่อว่าต้องมีผู้ใช้หลายๆ คนเลือกใช้และแนะนำโน๊ตบุ๊คซีพียู AMD Ryzen หรือ AMD Advantage อยู่อย่างแน่นอน


บทความที่เกี่ยวข้อง

Acer Aspire 3 1

โน๊ตบุ๊ค AMD

from:https://notebookspec.com/web/694504-5-amd-product-around-you

10 เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ทั้ง AMD, Intel รวมตัวคุ้มไปจนตัวแรงจัดหนัก ถูกใจรุ่นไหนซื้อได้เลยโดนใจแน่นอน

รวมเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ตัวเด็ด คิดไม่ออกซื้อรุ่นไหน ดูงบในกระเป๋าแล้วซื้อตามได้เลย

Share image Edit Name 1commart 1

งานอีเว้นท์อย่าง COMMART เป็นงานที่ผู้ใช้หลายๆ คนมาเลือกซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ก็มีให้เลือกซื้อ และแม้ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเห็นว่ารอซื้อช่วงแฟลชเซลส์บนเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ชั้นนำเจ้าต่างๆ จะได้ราคาถูกจนไม่ต้องไปงานก็ได้ แต่เสน่ห์ของงาน COMMART ที่แพลตฟอร์มออนไลน์ไม่มีให้ คือ ผู้ใช้ได้จับโน๊ตบุ๊คเครื่องจริงว่ารูปลักษณ์ของเครื่องถูกใจหรือไม่ ถ้าถูกใจก็สั่งซื้อและฝากทางร้านอัพเกรดเพิ่มแรมหรือ SSD ได้ทันที และหากเปิดเช็คแล้วมีปัญหาก็ขอเปลี่ยนเครื่องได้ทันที ไม่ต้องรอเคลมผ่านระบบออนไลน์ให้วุ่นวายเลย ได้ความทันใจและอุ่นใจก่อนจะรับโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่กลับมาใช้งาน

Advertisementavw

นอกจากเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON แล้ว ก็ยังมีเกมมิ่งเกียร์อย่างเมาส์, หูฟัง, เกมมิ่งคีย์บอร์ด ฯลฯ ให้เลือกซื้อแบบครบเครื่อง นอกจากนี้เสน่ห์ของงานอีเว้นท์เช่นนี้ คือ มีสินค้าให้เลือกดูมากมาย บางทีอาจเจออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่คิดอยากได้แต่หลงลืมไปในงานอีเว้นท์นี้ก็ได้แล้วจะซื้อมาใช้งานหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เองได้เลย

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON

สรุปสเปคเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ทั้ง 10 รุ่น อยากเปลี่ยนเครื่องมาดูทางนี้!

 

สเปคเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON CPU

GPU

SSD

RAM

Software

หน้าจอ

น้ำหนัก

การเชื่อมต่อ ราคา
(บาท)
Acer Nitro 5 AN515-45-R2MT AMD Ryzen 5 5600H

NVIDIA GeForce RTX 3050

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200 MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

2.2 กก.

USB-A 3.2 x 3

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

26,900
MSI Bravo 15 B5ED AMD Ryzen 7 5800H

AMD Radeon RX 6500M

M.2 NVMe
512GB

8GB DDR4
3200 MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 144Hz

2.35 กก.

USB 2.0 x 1

USB-A 3.2 x 2

USB-C x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.1

29,990
Acer Nitro 5 AN515-58-5026 Intel Core
i5-12500H

NVIDIA GeForce RTX 3060

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR4
3200 MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 165Hz

2.5 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.1

42,290
DELL G15 Gaming-W566311600ATH AMD Ryzen 7 6800H

NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR5
4800 MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home & Student 2021

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 165Hz

2.52 กก.

USB-A 3.2 x 3

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6

Bluetooth 5.2

46,990
Lenovo Legion 5 15IAH7H Intel Core
i7-12700H

NVIDIA GeForce RTX 3060

M.2 NVMe
512GB

16GB DDR5
4800 MHz

Windows 11 Home

15.6″ FHD IPS

Refresh Rate 165Hz

2.4 กก.

Thunderbolt 4 x 1 รองรับ DisplayPort

USB-C 3.2 Gen 2 x 2 รองรับ DisplayPort ทั้งสองช่อง มี 1 ช่องรองรับ Power Delivery 135 วัตต์

USB-A 3.2 Gen 1 x 1

HDMI 2.1 x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.1

56,990
ASUS ROG Zephyrus G14 GA402RJ AMD Ryzen 7 6800HS

AMD Radeon RX 6700S

M.2 NVMe
1TB

16GB DDR5
4800 MHz

Windows 11 Home

Microsoft Office Home&Student 2021

14″ WQXGA
(2560×1600)
IPS

Refresh Rate 120Hz

Dolby Vision HDR

Adaptive-Sync

Pantone Validated

1.72 กก.

USB-A 3.2 Gen 2 x 2

USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ Power Delivery และ DisplayPort

USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ DisplayPort

HDMI 2.0b x 1

MicroSD Card Reader x 1

Audio Combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

69,990
Gigabyte Aorus 15 XE5 Intel Core
i7-12700H

NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti

M.2 NVMe
1TB

16GB DDR5
4800 MHz

Windows 11 Home

15.6″ QHD
(2560×1440)
IPS

Refresh Rate 165Hz

2.4 กก.

USB-A 3.2 x 1

USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt 4

HDMI x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

69,990
Acer Predator Helios 300 Intel Core
i7-12700H

NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti

M.2 NVMe
1TB

32GB DDR5
4800 MHz

Windows 11 Home

15.6″ QHD
(2560×1440)
IPS

Refresh Rate 165Hz

NVIDIA
G-SYNC

2.5 กก.

Thunderbolt 4 x 1

USB-A 3.2 x 3

HDMI x 1

MiniDP x 1

LAN x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

79,900
MSI GE67HX Raider 12UGS Intel Core
i7-12800HX

NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti

M.2 NVMe
1TB

16GB DDR5
4800 MHz

Windows 11 Home

15.6″ QHD
(2560×1440)
OLED

Refresh Rate 240Hz

VESA DisplayHDR True Black 600

2.38 กก.

USB-A 3.2 x 3

Thunderbolt 4 x 1

USB-C 3.2 x 1

HDMI x 1

LAN x 1

SD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

85,400
ASUS ROG Zephyrus M16 Intel Core
i9-12900H

NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti

M.2 NVMe
1TB

32GB DDR5
4800 MHz

Windows 11 Home

16″ WQXGA
(2560×1600)
IPS

Refresh Rate 165Hz

100%
DCI-P3

Dolby Vision

Pantone Validated

Adaptive-Sync

Thunderbolt 4 x 1

USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ DisplayPort, Power Delivery และ NVIDIA G-SYNC

USB-A 3.2 Gen 2 x 2

HDMI 2.0b x 1

LAN x 1

MicroSD Card Reader x 1

Audio combo x 1

Wi-Fi 6E

Bluetooth 5.2

97,990

10 เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON รวมตัวแรงน่าซื้อสเปคเวิร์คสุด ณ ตอนนี้ อ่านเสร็จเลือกได้เลย!

เกมเมอร์ที่คิดจะไปอีเว้นท์เพื่อหาซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ไว้เล่นเกมสักเครื่อง แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อรุ่นไหนดี ผู้เขียนก็ได้เลือกรุ่นน่าสนใจในระดับราคาต่างๆ ตั้งแต่ไม่เกิน 3 หมื่นบาท, ไม่เกิน 6 หมื่นบาทและไม่จำกัดงบประมาณแต่สเปคแรงเอาอยู่พร้อมเล่นเกมฟอร์มยักษ์ทุกเกมอย่างแน่นอน โดยทั้ง 10 รุ่นมีดังนี้

  1. Acer Nitro 5 AN515-45-R2MT (26,900 บาท)
  2. MSI Bravo 15 B5ED (29,990 บาท)
  3. Acer Nitro 5 AN515-58-5026 (42,290 บาท)
  4. DELL G15 Gaming-W566311600ATH (46,990 บาท)
  5. Lenovo Legion 5 15IAH7H (56,990 บาท)
  6. ASUS ROG Zephyrus G14 GA402RJ (69,990 บาท)
  7. Gigabyte Aorus 15 XE5 (69,990 บาท)
  8. Acer Predator Helios 300 (79,900 บาท)
  9. MSI GE67HX Raider 12UGS (85,400 บาท)
  10. ASUS ROG Zephyrus M16 (97,990 บาท)
1. Acer Nitro 5 AN515-45-R2MT (26,900 บาท)

1nitro5

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON เครื่องแรกอย่าง Acer Nitro 5 AN515-45-R2MT แม้จะมีรุ่นใหม่เปิดตัวมาแล้ว แต่ Nitro 5 รุ่นนี้นอกจากสเปคจะยังแรงพร้อมเล่นเกมต่างๆ ในตอนนี้ได้สบายๆ อัพเกรดเพิ่มแรมเป็น 16GB ก็ใช้งานได้ดีมากแล้ว Nitro 5 รุ่นนี้มักถูกจัดโปรโมชั่นลดราคาจนต่ำกว่า 25,000 บาทและอาจจะแถมแรมให้ลูกค้าอีกด้วย ซึ่งมันจะเหมาะกับเกมเมอร์ที่มีงบประมาณไม่เยอะแต่ยังอยากได้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ดีๆ ไว้ใช้สักเครื่อง

ซีพียูเป็น AMD Ryzen 5 5600H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 3.3-4.2GHz จับคู่การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6 กับหน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรมในเครื่อง 8GB DDR4 บัส 3200MHz พอร์ตที่ตัวเครื่องได้แก่ USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 น้ำหนักเครื่อง 2.2 กิโลกรัม ซึ่งถ้าใครเจอโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้จัดโปรฯ ลดราคาต่ำกว่า 25,000 ไม่ว่าจะแถมหรือไม่แถมแรมก็น่าซื้อ

สเปคของ Acer Nitro 5 AN515-45-R2MT
  • CPU : AMD Ryzen 5 5600H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 3.3-4.2GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 4GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 8GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.2 กิโลกรัม
  • Price : 26,900 บาท (Advice)
2. MSI Bravo 15 B5ED (29,990 บาท)

2msibravo15

เกมเมอร์ที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของ AMD ล่ะก็ MSI Bravo 15 B5ED น่าจะเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ที่ถูกใจอย่างแน่นอน เพราะโน๊ตบุ๊คนี้ใช้ซีพียู AMD Ryzen กับการ์ดจอ AMD Radeon จับคู่กัน จึงรีดประสิทธิภาพออกมาได้ดีเป็นพิเศษและราคายังไม่เกิน 30,000 บาทอีกด้วย ซึ่งผู้สนใจสามารถสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

รุ่นที่เลือกมาแนะนำสเปคสูงสุดซีพียู AMD Ryzen 7 5800H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2-4.4GHz ใช้การ์ดจอ AMD Radeon RX 6500M แรม 4GB GDDR6 หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรม 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ในตัว มีน้ำหนัก 2.35 กิโลกรัม หากใครสนใจเครื่องนี้นอกจากจะมองหาร้านที่มีส่วนลดหรือมีโปรโมชั่นแถมแรมเป็น 16GB ไปเลย รับรองว่ามันจะใช้งานได้ดีมากแน่นอน

สเปคของ MSI Bravo 15 B5ED
  • CPU : AMD Ryzen 7 5800H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2-4.4GHz
  • GPU : AMD Radeon RX 6500M แรม 4GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 8GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 x 2, USB-C x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.35 กิโลกรัม
  • Price : 29,900 บาท (ราคากลาง)
3. Acer Nitro 5 AN515-58-5026 (42,290 บาท)

3nitro5

หากผู้ใช้คนไหนตั้งใจจะซื้อ Acer Nitro 5 รุ่นใหม่ในงาน COMMART GAME ON ครั้งนี้ Acer Nitro 5 AN515-58-5026 รหัสนี้เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON รุ่นที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะมีพอร์ต Thunderbolt 4 Full Function, คีย์บอร์ด 4-Zone RGB และยังเพิ่ม SSD กับแรมได้ด้วย หากใครสนใจสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

สเปคแนะนำเป็นซีพียู Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.3-4.5GHz ใช้การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6 กับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz มาให้ มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับแรม 16GB DDR4 บัส 3200MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 และน้ำหนักเครื่อง 2.5 กิโลกรัม ซึ่งเครื่องนี้จะเหมาะกับคนที่เน้นเล่นเกมโดยเฉพาะทว่าถ้าใครอยากเอาไว้ใช้ทำงาน 3D CG ด้วย จะมีรุ่นที่ติดตั้ง Intel Core i7-12700H ราคา 46,090 บาทให้เลือกด้วย

สเปคของ Acer Nitro 5 AN515-58-5026
  • CPU : Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.3-4.5GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB DDR4 บัส 3200 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz
  • Ports : Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.5 กิโลกรัม
  • Price : 42,290 บาท (Advice)
4. DELL G15 Gaming-W566311600ATH (46,990 บาท)

4dellg15

DELL G15 Gaming-W566311600ATH เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ที่น่าสนใจไม่ใช่แค่สเปคที่ได้ AMD Ryzen 6000 Series และไฟ LED Backlit บนคีย์บอร์ด Full-size อย่างเดียว เพราะมันมี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาด้วย จึงไม่ต้องเสียเงินซื้อโปรแกรมเพิ่มเลยก็ได้

ซีพียูในเครื่องเป็น AMD Ryzen 7 6800H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2-4.7GHz มีการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6 ติดตั้งมาให้ หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาพร้อมแรม 16GB DDR5 บัส 4800MHz รองรับการอัพเกรดเพิ่มเป็น 32GB DDR5 มีพอร์ต USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 น้ำหนักเครื่อง 2.52 กิโลกรัม นับเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON เพื่อเกมเมอร์ที่ทำงานแล้วอย่างแน่นอน

สเปคของ DELL G15 Gaming-W566311600ATH
  • CPU : AMD Ryzen 7 6800H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2-4.7GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB DDR5 บัส 4800MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 2.52 กิโลกรัม
  • Price : 46,290 บาท (ราคากลาง)
5. Lenovo Legion 5 15IAH7H (56,990 บาท)

5legion5

ถ้าพูดถึงเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON สเปคดีระบายความร้อนได้ยอดเยี่ยมและมีไฟ RGB สวยงามและหน้าจอเป็น Dolby Vision HDR ล่ะก็ Lenovo Legion 5 15IAH7H เป็นรุ่นที่มีคุณสมบัติตามที่ว่ามาข้างต้นทั้งหมดและยังต่อหน้าจอแยกได้พร้อมกัน 3 จออีกด้วย ถ้าใครสนใจรุ่นนี้อยู่แล้วแต่อยากได้รายละเอียดเพิ่ม ก็สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

รุ่นที่เลือกมาแนะนำนี้ติดตั้งซีพียู Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz จับคู่การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6 กับหน้าจอคุณภาพสูงขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz รองรับ NVIDIA G-SYNC, Dolby Vision ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR 400 ด้วย มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ในตัว มีแรมจากโรงงาน 16GB DDR5 บัส 4800 MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 1 รองรับ DisplayPort, USB-C 3.2 Gen 2 x 2 รองรับ DisplayPort ทั้งสองช่อง มี 1 ช่องรองรับ Power Delivery 135 วัตต์, USB-A 3.2 Gen 1 x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1 ติดตั้งมาให้ รองรับ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1 ในตัว ส่วนน้ำหนักเครื่อง 2.4 กิโลกรัม ดูโดยรวมแล้วถือว่า Lenovo Legion 5 นี้เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON สำหรับเกมเมอร์และครีเอเตอร์ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่ทำงานครีเอเตอร์ได้ด้วย

สเปคของ Lenovo Legion 5 15IAH7H
  • CPU : Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : 16GB DDR5 บัส 4800 MHz
  • Monitor : 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz, Response Time 3ms ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB, VESA DisplayHDR 400, Dolby Vision รองรับ NVIDIA G-SYNC ความสว่าง 300Nits
  • Port : Thunderbolt 4 x 1 รองรับ DisplayPort, USB-C 3.2 Gen 2 x 2 รองรับ DisplayPort ทั้งสองช่อง มี 1 ช่องรองรับ Power Delivery 135 วัตต์, USB-A 3.2 Gen 1 x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.1
  • Camera : 720p HD Camera
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.4 กิโลกรัม
  • Price : 56,990 บาท (ราคากลาง)
6. ASUS ROG Zephyrus G14 GA402RJ (69,990 บาท)

6g14

ASUS ROG Zephyrus G14 GA402RJ นี้เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON รุ่นที่ผ่านมาตรฐานเป็น AMD Advantage ซึ่งหน้าจอมีขอบเขตสีกว้างความละเอียดสูง, แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 10 ชั่วโมง, มีกล้อง IR Camera ใช้สแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องได้และยังมี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้ด้วย ผู้สนใจสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

รุ่นที่ผู้เขียนแนะนำติดตั้งซีพียู AMD Ryzen 7 6800HS แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2-4.7GHz จับคู่การ์ดจอแยก AMD Radeon RX 6700S แรม 8GB GDDR6 กับหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz รองรับ Dolby Vision HDR, Adaptive-Sync ได้รับรอง Pantone Validated การันตีว่าขอบเขตสีหน้าจอกว้างและแม่นยำใช้ทำงานอาร์ทได้อย่างแน่นอน มี M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home&Student 2021 ติดตั้งมาให้ใช้งาน มีแรมในเครื่อง 16GB DDR5 บัส 4800 MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 Gen 2 x 2, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ Power Delivery และ DisplayPort, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ DisplayPort, HDMI 2.0b x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio Combo x 1 ติดตั้งมาให้ใช้งาน เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ด้วย และน้ำหนักยังเบามากเพียง 1.72 กิโลกรัมเท่านั้น เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งในงบประมาณ 70,000 บาทนี้ก็ได้โน๊ตบุ๊คแรงระดับ Desktop Replacement ไว้ใช้งาน และยังได้เซนเซอร์สแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องได้สะดวกมากอีกด้วย

สเปคของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA402RJ
  • CPU : AMD Ryzen 7 6800HS แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2-4.7GHz
  • GPU : AMD Radeon RX 6700S แรม 8GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB
  • RAM : 16GB DDR5 บัส 4800 MHz 
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz, Response Time 3ms รองรับ Dolby Vision HDR, Adaptive-Sync, Pantone Validated
  • Ports : USB-A 3.2 Gen 2 x 2, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ Power Delivery และ DisplayPort, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ DisplayPort, HDMI 2.0b x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio Combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD IR Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home&Student 2021
  • Weight : 1.72 กิโลกรัม
  • Price : 69,990 บาท (Advice)
7. Gigabyte Aorus 15 XE5 (69,990 บาท)

7aorus15

สำหรับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ในงบ 70,000 บาท อีกรุ่นที่ถือเป็นม้ามืดและยังหาซื้อในงานได้อย่าง Gigabyte Aorus 15 XE5 รุ่นนี้ก็น่าซื้อ เพราะกล้องเว็บแคมมี IR Camera ไว้สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้, หน้าจอความละเอียดสูงขอบเขตสีกว้าง, คีย์บอร์ดมีไฟ Per-Key RGB และพอร์ต Thunderbolt 4 ติดตั้งมาให้ หากใครสนใจสามารถอ่านรีวิวรุ่นใกล้เคียงได้ที่นี่

ซีพียูเป็น Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti แรม 8GB GDDR6 หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรม 16GB DDR5 บัส 4800MHz มีพอร์ต USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt 4, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 น้ำหนักเครื่อง 2.4 กิโลกรัม ซึ่งเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON เครื่องนี้เป็นตัวแรงระดับ Desktop Replacement ที่แม้จะไม่ค่อยคุ้นหูก็ตามแต่ก็เป็นแบรนด์เกมมิ่งชั้นนำที่เกมเมอร์รู้จักดี ดังนั้นจะซื้อมาเล่นเกมหรือเอาไว้ทำงานครีเอเตอร์ก็ดีอย่างแน่นอน

สเปคของ Gigabyte Aorus 15 XE5
  • CPU : Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti แรม 8GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB
  • RAM : 16GB DDR5 บัส 4800MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz
  • Ports : USB-A 3.2 x 1, USB-C 3.2 x 2 รองรับ Thunderbolt 4, HDMI x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD IR Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.4 กิโลกรัม
  • Price : 69,990 บาท (ราคากลาง)
8. Acer Predator Helios 300 (79,900 บาท)

8helios300

Acer Predator Helios 300 เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ซึ่งผู้เขียนเคยทำรีวิวไปก่อนหน้านี้ หากใครสนใจจุดเด่นและรายละเอียดฉบับเต็มสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่ แต่จุดเด่นหลักของโน๊ตบุ๊คนี้คือหน้าจอขอบเขตสีกว้างเหมาะกับครีเอเตอร์หรือเกมเมอร์มีปุ่ม Turbo ให้กดเพื่อเร่งพลังการประมวลผลให้สูงยิ่งขึ้นและระบบระบายความร้อนภายในเครื่องจัดว่าดีมาก

ซีพียูของ Predator Helios 300 เป็น Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti แรม 8GB GDDR6 และหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz รองรับ NVIDIA G-SYNC ในตัว ส่วน M.2 NVMe SSD ในเครื่องมีความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้ มีแรม 32GB DDR5 บัส 4800 MHz พอร์ตเครื่องนี้มี Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, MiniDP x 1, LAN x 1, Audio combo x 1 รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 และน้ำหนักเครื่องที่ 2.5 กิโลกรัม ถ้าครีเอเตอร์หรือเกมเมอร์คนไหนหาโน๊ตบุ๊คดีๆ มาแทนพีซีก็เหมาะกับเครื่องนี้มาก

สเปคของ Acer Predator Helios 300
  • CPU : Intel Core i7-12700H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.5-4.7GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti แรม 8GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB
  • RAM : 32GB DDR5 บัส 4800 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz รองรับ NVIDIA G-SYNC
  • Ports : Thunderbolt 4 x 1, USB-A 3.2 x 3, HDMI x 1, MiniDP x 1, LAN x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.5 กิโลกรัม
  • Price : 79,900 บาท (Advice)
9. MSI GE67HX Raider 12UGS (85,400 บาท)

9ge67

ในบรรดาเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำนั้น MSI GE67HX Raider 12UGS เป็นรุ่นที่โดดเด่น เพราะได้หน้าจอพาเนล OLED ค่า Refresh Rate สูงซึ่งเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นแรกที่ใช้พาเนลนี้และยังได้รับการรับรองคุณภาพมากมาย มีระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีระบบไฟ RGB “MSI Msytic Light” และมีพอร์ต Thunderbolt 4 จึงต่อหน้าจอแยกได้มากสุด 3 จอพร้อมกันด้วย

ซีพียูใน MSI Raider ติดตั้ง Intel Core i7-12800HX แบบ 16 คอร์ 24 เธรด (8P+8E) ความเร็ว 3.4-4.8GHz มีการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti แรม 8GB GDDR6 มาให้ใช้กับหน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล OLED ค่า Refresh Rate 240Hz ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 600 มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home มีแรม 16GB DDR5 บัส 4800MHz ติดตั้งมาให้ มีพอร์ต USB-A 3.2 x 3, Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ส่วนน้ำหนักเครื่อง 2.38 กิโลกรัม หากใครอยากเล่นเกมให้สีสันสวยเต็มอิ่มล่ะก็ จอ OLED ของ MSI Rader GE67HX เครื่องนี้คือคำตอบที่ดีมากและยังมีพอร์ตเชื่อมต่อติดตั้งมาครบเครื่อง เอื้อครีเอเตอร์และช่างกล้องทุกท่านเป็นที่สุด

สเปคของ MSI GE67HX Raider 12UGS
  • CPU : Intel Core i7-12800HX แบบ 16 คอร์ 24 เธรด (8P+8E) ความเร็ว 3.4-4.8GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti แรม 8GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB
  • RAM : 16GB DDR5 บัส 4800 MHz
  • Display : 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560×1440) พาเนล OLED ค่า Refresh Rate 240Hz ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 600
  • Ports : USB-A 3.2 x 3, Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1, LAN x 1, SD Card Reader x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 2.38 กิโลกรัม
  • Price : 85,400 บาท (Advice)
10. ASUS ROG Zephyrus M16 (97,990 บาท)

10m16

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON รุ่นสุดท้ายในบทความนี้ ผู้เขียนแนะนำเป็น ASUS ROG Zephyrus M16 ที่ได้กล้อง IR Camera สแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องได้, หน้าจอ ROG Nebula Display ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด WQXGA รองรับขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3, Dolby Vision, Pantone Validated, Adaptive-Sync และยังอัพเกรดเพิ่ม SSD, RAM ได้อีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่หรือชมคลิปรีวิวด้านล่างก็ได้

ซีพียูที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องเป็น Intel Core i9-12900H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.8-5.0GHz กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti แรม 8GB GDDR6 และหน้าจอ 16 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz มี M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home กับแรม 32GB DDR5 บัส 4800MHz มีพอร์ต Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ DisplayPort, Power Delivery และ NVIDIA G-SYNC, USB-A 3.2 Gen 2 x 2, HDMI 2.0b x 1, LAN x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 น้ำหนักเครื่อง 1.9 กิโลกรัม

สเปคของ ASUS ROG Zephyrus M16
  • CPU : Intel Core i9-12900H แบบ 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็ว 3.8-5.0GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti แรม 8GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB
  • RAM : 32GB DDR5 บัส 4800 MHz
  • Display : 16 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz รองรับขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3, Dolby Vision, Pantone Validated, Adaptive-Sync
  • Ports : Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ DisplayPort, Power Delivery และ NVIDIA G-SYNC, USB-A 3.2 Gen 2 x 2, HDMI 2.0b x 1, LAN x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD IR Camera 
  • Software : Windows 11 Home
  • Weight : 1.9 กิโลกรัม
  • Price : 97,900 บาท (Advice)

3 1

ซึ่งเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ทั้ง 10 รุ่นที่เลือกมาแนะนำในบทความนี้เป็นรุ่นเด่นในระดับราคาตั้งแต่ช่วงไม่เกิน 3 หมื่นบาทไปจนกระทั่งหลักเกือบแสนบาท โดยแต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นจุดขายแตกต่างกันไปไม่ว่าจะราคาถูกหาซื้อเป็นเจ้าของได้ง่ายหรือจะตัวแรงที่เหมาหน้าที่ทั้งเล่นเกมและทำงานสายครีเอเตอร์ได้แบบครบจบในตัวเดียวก็ได้ หากใครคิดไม่ออกว่าจะซื้อเครื่องไหนก็ดูรุ่นแนะนำจากบทความนี้แล้วไปเลือกซื้อในงานเลยก็ได้

แต่นอกจากได้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON มาเล่นเกมแล้ว อุปกรณ์เสริมและการอัพเกรดสเปคเครื่องให้แรงขึ้นก็สำคัญ ซึ่งถ้าใครซื้อโน๊ตบุ๊คมาแล้วก็อยากให้เตรียมเงินเผื่อไว้อัพเกรดเพิ่มแรม, ใส่ SSD เพิ่มหรือจะหาเกมมิ่งเกียร์ใหม่ๆ ซื้อพ่วงไปพร้อมกันทีเดียวเลย จะได้ครบเซ็ตพร้อมเล่นเกมในครั้งเดียว ไม่ต้องเสียเวลาซื้อแยกให้วุ่นวายในอนาคต

ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้เกมเมอร์ที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะไปซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON ในงานดีหรือจะรออีเว้นท์แฟลชเซลส์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ก็อยากเชียร์ให้ไปดูสินค้าจริงในงานมากกว่า จะได้ลองจับถือดูตัวจริงให้เรียบร้อย และถ้าเครื่องไหนมีปัญหาตอนทดลองเปิดเครื่องจะได้ขอเปลี่ยนเครื่องได้ทันท่วงทีไม่ต้องเสียเวลาทำเคลมตามระบบออนไลน์ให้เสียเวลา จะได้เอาเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค COMMART GAME ON เครื่องใหม่กลับบ้านมาเล่นเกมได้อย่างมีความสุข


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 2predatorhelios 1

Share image Edit Name 3acergameon 1

Share image Edit Name 2ssd 1

from:https://notebookspec.com/web/676372-10-gaming-laptop-commart-game-on

รีวิว ASUS ROG Zephyrus G14 2022 ของแดง AMD Advantage แบตอึด 10 ชม. แรงสะใจ!! ราคา 69,990 บาท

ASUS ROG Zephyrus G14 แรงและแบตอึด!! ดีจบทั้งเกมมิ่งและทำงาน!!

Share image Edit Name 3g142 1

 

Advertisementavw

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในภาพจำของใครหลายๆ คนคงจะเป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องใหญ่หนาหนักและดีไซน์ล้ำอนาคตไม่ใช่เครื่องมินิมอลแบบ ASUS ROG Zephyrus G14 รุ่นใหม่นี้ซึ่งได้ดีไซน์สวยเรียบหรูแต่ก็ยังได้สเปคแรงฟีเจอร์ล้นเหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้นถ้าใครเป็นแฟนคลับ AMD ก็น่าจะตกหลุมรักเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้ง่ายๆ นั่นเพราะ Zephyrus G14 รุ่นนี้เป็น AMD Advantage หรือที่เกมเมอร์เรียกกันว่า “แดงทั้งเครื่อง” นั่นเอง

จุดเด่นของ ASUS ROG Zephyrus G14 อย่างแรกคือฝาหลังแบบเจาะรูที่ ASUS เรียกว่า AniMe Matrix โดยใช้เครื่อง CNC กับเทคนิค Vapor deposition process ให้ได้ช่องไฟ LED ปรับเปลี่ยนเล่นเล่นลวดลายได้ 14,969 ลาย ตัดกับเครื่องสีเทา Eclipse Gray ได้อย่างสวยงาม ได้ตัวเครื่องบางและน้ำหนักเบาเพียง 1.72 กิโลกรัม ใช้ซีพียู AMD Ryzen 7 หรือ Ryzen 9 6000 Series กับการ์ดจอ AMD Radeon RX 6700S หรือ RX 6800S พร้อมชิป MUX Switch ไว้จัดการทำงานได้ว่าจะให้อยู่ในโหมดประหยัดพลังงานหรือเรียกใช้เต็มประสิทธิภาพก็ได้ ทำให้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 10 ชม. ทีเดียว

ระบบระบายความร้อนภายใน ASUS ROG Zephyrus G14 อย่าง ROG Intelligent Cooling ก็เทียบชั้นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับเรือธงหลายๆ รุ่น ด้วยชุด Vapor Chamber กับโลหะเหลว (Liquid Metal) จาก Thermal Grizzly ช่วยให้ระบายความร้อนจากซีพียูและการ์ดจอได้อย่างรวดเร็วจับคู่กับพัดลม Arc Flow Fans พร้อมดีไซน์ช่องระบายอากาศ Anti-Dust Tunnel 2.0 ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องกลัวปัญหาเรื่องความร้อนสูงจน Throttle Down แม้แต่น้อย ถ้าใช้ทำงานออฟฟิศทั่วไปก็ยอดเยี่ยมด้วยฟีเจอร์ 0dB สั่งหยุดพัดลมทำงานชั่วคราวในโหมด Silent ไม่ให้เสียงพัดลมรบกวนเพื่อนร่วมงานร่วมโต๊ะคนอื่น จะพกไปทำงานในที่สาธารณะที่ไหนก็ไม่มีปัญหา นอกจากนี้ ASUS ROG Zephyrus G14 ก็มี Microsoft Office Home&Student 2021 ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ตอบโจทย์ครบทุกมิติทั้งทำงานและเล่นเกม

ASUS ROG Zephyrus G14

หน้าจอ ROG Nebula Display ขนาด 14 นิ้ว ก็ยอดเยี่ยม ด้วยอัตราส่วน 16:10 ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz และ Response Time 3ms มีฟีเจอร์ป้องกันภาพฉีกขาด Adaptive-Sync รองรับการแสดงผลแบบ Dolby Vision HDR ด้วย แสดงผลขอบเขตสีได้กว้าง 100% DCI-P3 การันตีโดย PANTONE Validated เรียกว่าก้าวข้ามความเกมมิ่งมายังสายครีเอเตอร์ได้แบบย่อมๆ ส่วนลำโพงทั้ง 4 ดอก รองรับ Dolby Atmos มีไมโครโฟน 3D Mic Array พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน Two-Way AI Noise Cancellation และคีย์บอร์ดก็มีปุ่ม Hotkeys ให้ใช้งาน 4 ปุ่ม ตั้งค่าได้ มี N-Key Rollover ในตัว รัวปุ่มในนาทีสำคัญตัดสินแพ้ชนะได้โดยไม่ต้องกังวลว่าปุ่มจะทำงานไม่ทันอย่างแน่นอน

จุดเด่นของ ASUS ROG Zephyrus G14 ในฐานะที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค AMD Advantage ก็มีฟีเจอร์เด่นอยู่ในตัวหลายอย่างซึ่งผู้ใช้บางท่านอาจยังไม่ทราบ อย่างแรกคือ AMD SmartShift Max ฟีเจอร์ที่ซีพียูและจีพียูจะสื่อสารกันโดยตรงและใช้ Machine Learning เพื่อวิเคราะห์ว่างานหรือเกมนั้นพึ่งพากำลังของซีพียูหรือการ์ดจอมากกว่าแล้วถ่ายเทค่าวัตต์เพื่อเร่งประสิทธิภาพให้ทำงานดีขึ้น โดย AMD เคลมว่าฟีเจอร์นี้ทำให้โน๊ตบุ๊คทำงานดีขึ้นถึง 14%

ถัดมาคือ AMD Smart Access Memory หรือ AMD S.A.M. เป็นฟีเจอร์เฉพาะเมื่อพีซีหรือโน๊ตบุ๊คเครื่องนั้นใช้ซีพียู AMD Ryzen 5000 Series หรือ AMD Ryzen 3000 Series (บางรุ่น) แล้วจับคู่กับการ์ดจอแยก AMD Radeon RX 6000 Series ซีพียู AMD Ryzen จะสื่อสารกับแรมการ์ดจอโดยตรงเพื่อเร่งประสิทธิภาพตัวเครื่องให้สูงขึ้น ทำให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหลและได้เฟรมเรทตอนเล่นเกมสูงยิ่งขึ้น นับเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่อัดฟีเจอร์มาเยอะ ครบเครื่องที่สุดอีกเครื่องหนึ่งซึ่งเกมเมอร์ไม่ควรมองข้าม!

NBS Verdicts

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00090

ASUS ROG Zephyrus G14 นับเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คสุดทรงพลัง ฟีเจอร์ครบเครื่อง ซอฟท์แวร์ครบครันพร้อมใช้งานและจัดการพลังงานได้ดีเหลือเชื่อ จนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คบางรุ่นต้องถอยให้ เพียงอัพเดท AMD Chipset Driver (ขณะที่ทดสอบเป็นเวอร์ชั่น 3.10.08.506) และไดรเวอร์การ์ดจอเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด เท่านี้ Zephyrus G14 ก็ทรงพลังและจัดการพลังงานได้ยอดเยี่ยม จะซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไว้พกไปทำงานออฟฟิศก็ได้หรือจะต่อจอแยกแล้วเล่นเกมที่บ้านก็ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

นอกจากประสิทธิภาพแล้ว ฟีเจอร์และการออกแบบก็จัดว่ายอดเยี่ยม ไม่ว่าจะฝาหลังเครื่องพร้อมไฟ LED “AniMe Matrix” การกางหน้าจอแล้วยกแป้นคีย์บอร์ดขึ้นเล็กน้อยด้วย ErgoLift Hinge รวมไปถึงการปลดล็อคเครื่องด้วยกล้องสแกนใบหน้า IR Camera ทำให้ไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่านก็ใช้งานได้ทันทีเหมือนกับพี่ใหญ่ในซีรี่ส์อย่าง ASUS ROG Zephyrus M16 ด้วย และยังติดตั้งโปรแกรม Microsoft Office Home&Student 2021 มาพร้อมใช้งานเหมือนโน๊ตบุ๊คสายออฟฟิศเครื่องหนึ่งเลย ส่วนสายครีเอเตอร์จะซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เอาไว้ใช้ตัดต่อแต่งภาพก็ไม่มีปัญหา การันตีคุณภาพด้วย PANTONE Validated แล้ว ส่วนตัวผู้เขียนยกให้เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่แม้แต่ผู้เขียนเองก็ยังอยากได้เป็นเจ้าของเองเสียด้วยซ้ำ

ส่วนข้อสังเกต แม้ผู้เขียนจะได้ใช้ ASUS ROG Zephyrus G14 มาราวสัปดาห์หนึ่งก็หาข้อสังเกตได้เพียงจุดเดียว นั่นคือ M.2 NVMe SSD และแรม SO-DIMM ในเครื่องมีสล็อตสำหรับอัพเกรดอย่างละช่องเท่านั้น ดังนั้น Zephyrus G14 เครื่องนี้อาจจะไม่โดนใจเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ที่อยากเพิ่มแรมไป 32~64GB DDR5 หรือใส่ M.2 NVMe SSD เพิ่มเท่าไหร่ แต่ถ้าดูชิ้นส่วนบนเมนบอร์ดประกอบก็จะเห็นทันทีว่าชุด Vapor Chamber กินพื้นที่ไปจนแทบหมดแล้ว ซึ่งถ้าเป็นผู้เขียนเอง ก็อาจจะหาทางออกอื่นอย่างเสริมเกมมิ่งฮาร์ดดิสก์ต่อแยกภายนอกอย่าง Game Drive เพิ่มเข้าไปแทนก็พอชดเชยกันได้อยู่

ข้อดีของ ASUS ROG Zephyrus G14
  1. งานประกอบตัวเครื่องแข็งแรง ได้ความสวยเรียบหรูไม่เป็นเกมมิ่งเกินไป
  2. บานพับ ErgoLift Hinge ยกตัวเครื่องขึ้นเล็กน้อยให้พิมพ์งานได้สะดวกและกางไดด้ราบ 180 องศา
  3. มีไฟ AniMe Matrix เสริมความสวยโดดเด่นให้กับฝาหลังของตัวเครื่อง ตั้งเอฟเฟคได้
  4. สเปคเป็น AMD Advantage รีดประสิทธิภาพของ Ryzen 7 6800HS และ Radeon RX 6700S ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
  5. ติดตั้งระบบระบายความร้อน ROG Intelligent Cooling แบบ Vapor Chamber มาให้ ระบายความร้อนได้ดีมาก
  6. หน้าจอ ROG Nebula Display ได้ความละเอียดและ Refresh Rate สูง ขอบเขตสีกว้าง ได้รับการการันตี PANTONE Validated รองรับ Dolby Vision HDR ด้วย
  7. ติดตั้งกล้อง IR Camera มาสแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องได้โดยไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่าน
  8. ได้แรม 16GB DDR5 บัส 4800MHz อัพเกรดได้มากสุด 24GB DDR5
  9. มีพอร์ต USB-C 3.2 Gen 2 x 2 ช่อง รองรับการต่อหน้าจอแยก DisplayPort ทั้งคู่ มีช่องซ้ายรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery 65 วัตต์
  10. มีพอร์ตใช้งานครบเครื่องทั้ง MicroSD Card Reader, HDMI 2.0b, USB-A 3.2 Gen 2 อีก 2 ช่องด้วย
  11. รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6E และ Bluetooth 5.2 ในตัว
  12. ลำโพง Dolby Atmos จำนวน 4 ดอก รองรับเสียง Hi-Res ดูหนังฟังเพลงดีมีมิติมาก
  13. ระบบจัดการพลังงานทำได้ดีมาก ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 10 ชั่วโมง
  14. น้ำหนักเครื่องเบาพกพาสะดวก เพียงแค่ 1.72 กิโลกรัมเท่านั้น
  15. มีซอฟท์แวร์ Microsoft Office Home&Student 2021 ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน
ข้อสังเกตของ ASUS ROG Zephyrus G14
  1. อัพเกรดได้เล็กน้อย มี M.2 NVMe SSD และแรม SO-DIMM อย่างละช่องเท่านั้น
  2. ไม่มีพอร์ต LAN ติดตั้งมาให้ ถ้าต้องการใช้งานต้องต่อผ่าน USB-A to LAN แทน
  3. ควรอัพเดท AMD Chipset Driver เวอร์ชั่นล่าสุดเสมอ เพื่อให้รีดประสิทธิภาพได้เต็มที่

รีวิว ASUS ROG Zephyrus G14

Specification

g14 spec

ASUS ROG Zephyrus G14 เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คกลุ่ม Advantage Edition ซึ่งเป็นสเปค AMD ล้วนทั้งซีพียูและการ์ดจอ ซึ่งสเปคของจัดว่าทรงพลังและครบเครื่อง ตอบโจทย์ทั้งใช้ทำงานและเล่นเกมอย่างแน่นอน ซึ่งสเปคมีรายละเอียดดังนี้

สเปคของ ASUS ROG Zephyrus G14
  • CPU : AMD Ryzen 7 6800HS แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2-4.7GHz
  • GPU : AMD Radeon RX 6700S แรม 8GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 
  • RAM : 16GB DDR5 บัส 4800 MHz แยกเป็น Onboard กับ SO-DIMM อย่างละ 8GB DDR5 บัส 4800MHz อัพเกรดได้สูงสุด 24GB DDR5
    • รุ่น GA402RK -L8150WS ติดตั้งแรม 32GB DDR5 บัส 4800MHz
  • Display : 14 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz, Response Time 3ms รองรับ Dolby Vision HDR, Adaptive-Sync, Pantone Validated
  • Ports : USB-A 3.2 Gen 2 x 2, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ Power Delivery และ DisplayPort, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ DisplayPort, HDMI 2.0b x 1, MicroSD Card Reader x 1, Audio Combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
  • Webcam : 720p HD IR Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home&Student 2021
  • Weight : 1.72 กิโลกรัม
  • Price : 69,990 บาท (ราคากลาง)
รุ่นย่อยอื่นๆ ของ ASUS ROG Zephyrus G14

Hardware & Design

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00091

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00070
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00072
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00060
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00058

ดีไซน์ของ ASUS ROG Zephyrus G14 ยังเน้นความเรียบง่ายเหมือนกับ ROG Zephyrus รุ่นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะตัวเครื่องดีไซน์เรียบง่ายเหมือนโน๊ตบุ๊คทำงานสักเครื่องหนึ่งและตัวเครื่องสีเทา Eclipse Gray ดูเรียบร้อยเหมือนโน๊ตบุ๊คสายทำงานรุ่นประสิทธิภาพสูงสักเครื่องหนึ่ง ทั้งที่เครื่องนี้เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเต็มตัว

จุดที่เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า คือ ปุ่ม Power ทรงหกเหลี่ยมอสมมาตรและขอบบนของตัวเครื่องที่ติดโลโก้ Zephyrus เอาไว้ แต่เปลี่ยนจากเพลตสะท้อนแสงแล้วสกรีนตัวอักษรเอาไว้ข้างในเป็นตัวอักษรบนพื้นบอดี้พลาสติกระหว่างช่องระบายความร้อนสองช่อง ทาบอยู่บนไฟ LED แสดงสถานะทั้ง 3 ดวงที่ขอบบนของตัวเครื่องแทน และสังเกตจะเห็นว่าด้านข้างซ้ายและขวาขอบบนเครื่องจะมีลำโพงติดตั้งเอาไว้อีก 2 ดอก เพื่อให้ได้เสียง Dolby Atmos ด้วย

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00087

ขอบตัวเครื่องของ ASUS ROG Zephyrus G14 ทั้งส่วนของหน้าจอและตัวเครื่องจะตัดเฉียงเข้าหากันเหมือนเครื่องหมายมากกว่า (>) เมื่อพับจอแล้วจะดูดติดด้วยแม่เหล็ก กำลังดูดดีมากและใช้นิ้วชี้เพียงนิ้วเดียวก็กางหน้าจอได้ แต่ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้ใช้มืออีกข้างจับเครื่องจะกางได้ง่ายกว่า

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00057

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00056
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00054
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00017

ก้านบานพับหน้าจอแบบ ErgoLift Hinge เอกลักษณ์เฉพาะของโน๊ตบุ๊ค ASUS ก็ถูกนำมาใส่ให้ ASUS ROG Zephyrus G14 ด้วยเช่นกัน หากดูดีไซน์ภายในจะเห็นว่าก้านบานพับถูกออกแบบให้มีความโค้งและขาตั้งติดเข้ากับขอบล่างหน้าจอแบบแนวนอน พอกางหน้าจอก็จะดันตัวเครื่องให้เฉียงขึ้นเล็กน้อย เพิ่มพื้นที่ว่างใต้ตัวเครื่องให้ดึงลมเย็นเข้าไประบายความร้อนและช่วยให้ผู้ใช้วางมือพิมพ์งานได้สะดวกขึ้น และทางบริษัทก็ติดก้านพลาสติกมาซัพพอร์ตให้ขอบล่างของหน้าจอไม่สัมผัสกับพื้นโต๊ะโดยตรง ป้องกันรอยขูดเสียหายไปในตัวอีกด้วย

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00100

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00095
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00028
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00026
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00024

ฝาหลังของ ASUS ROG Zephyrus G14 ตัวนี้จะเป็นแบบทูโทน คือ ส่วนของฝาหลังแบบเรียบติดเพลต ROG เอาไว้มุมล่างซ้ายมือ ส่วนฝั่งขวาเป็นช่องไฟ LED เจาะรูด้วยเครื่อง CNC เทคนิค Vapor deposition process สามารถปรับเล่นลวดลายไฟบนฝาหลังได้กว่า 14,969 ลาย ซึ่งทาง ASUS เรียกว่า AniMe Matrix จัดเป็นเอกลักษณ์บนฝาหลังซึ่งไม่มีใครเหมือน ได้ความแตกต่างและสวยงามเป็นอย่างมาก ถ้าใครชอบความโดดเด่นก็เล่นเอฟเฟคไฟให้มีเอกลักษณ์ของตัวเองได้เลย

ด้านฝาหลังจะเห็นว่าเมื่อกางแล้ว จะไม่เห็นเพลตคำว่า Zephyrus และช่องระบายความร้อน แต่ถ้าพับหน้าจอเก็บเครื่องจะเห็นป้ายโลโก้อย่างชัดเจน ได้ความเรียบร้อยแต่ก็ซ่อนดีไซน์โฉบเฉี่ยวแบบเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเอาไว้ในตัว

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00021

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00120
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00122

ด้านใต้ของ ASUS ROG Zephyrus G14 จะใช้โครงหลักเป็นพลาสติกเนื้อแข็งและโซนตรงกลางเครื่องจะเป็นแผ่นอลูมิเนียมเจาะช่องลมเข้าเอาไว้ให้ดึงอากาศเย็นจากภายนอกเข้าไประบายความร้อนในเครื่อง ติดยางรองเครื่องไว้ 2 เส้นเป็นแนวยาวและยึดน็อตหัว Philips Head เอาไว้ทั้งหมด 11 ดอกด้วยกัน ซึ่ง 3 ดอก จะอยู่ตรงแผ่นอลูมิเนียมแล้วปิดด้วยจุกยางไว้

Screen & Speaker

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00045

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00048
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00046
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00049
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00051

จอ ROG Nebula Display ของ ASUS ROG Zephyrus G14 ขนาดอยู่ที่ 14 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560×1600) พาเนล IPS อัตราส่วนหน้าจออยู่ที่ 16:10 ค่า Refresh Rate 120Hz, Response Time 3ms มีฟีเจอร์ Adaptive-Sync ป้องกันภาพฉีกขาดเวลาเล่นเกมหรือคอนเทนต์ที่ภาพเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไม่ให้ภาพฉีกขาด พาเนลมีคุณภาพสูง รองรับการแสดงผลแบบ Dolby Vision HDR ได้รับการรับรอง Pantone Validated และทาง ASUS เคลมขอบเขตสีจากโรงงาน 100% DCI-P3 ใช้แต่งภาพได้สบายๆ

display 2

gamut 2
luminance 2

ความละเอียดหน้าจอระดับ QHD โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ 2560×1440 พิกเซล แต่ ASUS ROG Zephyrus G14 จะเพิ่มอัตราส่วนหน้าจอในแนวตั้งขึ้นอีกเล็กน้อยเป็น 16:10 ทำให้ความละเอียดจอเพิ่มเป็น 2560×1600 พิกเซล ปรับค่า Refresh Rate ได้ว่าจะใช้ 60Hz หรือ 120Hz ซึ่งถ้าใช้ทำงานแล้วไม่อยากเปลืองแบตเตอรี่ก็ปรับลงมา 60Hz ก่อน พอจะเล่นเกมก็ปรับขึ้น 120Hz ทีหลังก็ได้

ขอบเขตสีหน้าจอบนหน้าสเปคอยู่ที่ 100% DCI-P3 เมื่อคาลิเบรตหน้าจอด้วย DisplayCal 3 จะเห็นว่า Gamut coverage ซึ่งเป็นค่าจากโรงงานอยู่ที่ 99.7% sRGB, 84.9% Adobe RGB, 98.2% DCI-P3 ซึ่งถือว่ากว้างใกล้เคียงกับที่เคลมเอาไว้ แต่พอคาลิเบรตเสร็จแล้วขอบเขตสีหน้าจอในหัวข้อ Gamut volume เพิ่มขึ้นเป็น 146.3% sRGB, 100.8% Adobe RGB, 103.6% DCI-P3 และความเที่ยงตรงสีของหน้าจอหรือค่า Delta-E ได้เฉลี่ยเพียง 0.07~1.54 เท่านั้น จัดว่าสีสันบนหน้าจอทั้งเที่ยงตรงและขอบเขตสีกว้างมาก นอกจากเล่นเกมแล้วยังเอาไปทำงานเกี่ยวกับภาพและสีสันได้สบายๆ

ด้านความสว่าง ทางผู้ผลิตเคลมว่า ASUS ROG Zephyrus G14 มีความสว่างถึง 500 nits ซึ่งโปรแกรม DisplayCal 3 เองก็วัดได้สว่าง 499.85 cd/m2 ซึ่งใกล้เคียงกับที่เคลมเอาไว้ จะนั่งทำงานนอกอาคารอย่างร้านกาแฟหรือโดนแสงอาทิตย์ส่องสะท้อนบนหน้าจอก็ไม่มีปัญหา ถ้านั่งทำงานในออฟฟิศผู้เขียนแนะนำว่าเปิดความสว่างราว 60% ก็สว่างพอแล้ว

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00052
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00053
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00018
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00019
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00013
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00014

ลำโพงทั้ง 4 ดอกที่ติดตั้งมาให้จะอยู่ตรงบอดี้ส่วนบนเหนือคีย์บอร์ดและด้านใต้ตัวเครื่องโซนละ 2 ดอกด้วยกัน รองรับเสียง Dolby Atmos และได้เสียงคมชัดระดับ Hi-Res ซึ่งเสียงตอนผู้เขียนทดลองฟังเพลงก็ได้มิติ เหมาะกับความบันเทิงทุกแบบไม่ว่าจะดูหนังหรือฟังเพลงก็ไม่มีปัญหา

ด้านการฟังเพลง ลำโพงชุดนี้จัดว่ามีมิติสเตจเสียงกว้าง รายละเอียดของเครื่องดนตรีกับนักร้องไม่กลบกันส่วนเบสมีน้ำหนักและกำลังขับพอสมควรแต่ไม่ถึงกับปะทะเป็นลูกๆ เป็นแบบช่วยขับให้เสียงเพลงมีมิติดียิ่งขึ้น เสริมความเด่นของเครื่องดนตรีและนักร้องนำให้มีพลัง ถือว่าลำโพงของ ASUS ROG Zephyrus G14 นี้ได้เสียงน่าประทับใจ เสียงไม่แห้งไม่ต้องต่อลำโพงแยกก็ได้ ความดังของลำโพงเมื่อวัดด้วยอุปกรณ์วัดเสียงแล้วอยู่ราว 80~85dB

Keyboard & Touchpad

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00063

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00061
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00062
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00073
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00127
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00126

คีย์บอร์ดของ ASUS ROG Zephyrus G14 เป็นแบบ Tenkeyless ขนาดปุ่มเท่ากับแป้นคีย์บอร์ดมาตรฐานทั่วไป รองรับ N-Key Rollover ซึ่งเป็นฟีเจอร์ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกดปุ่มบนคีย์บอร์ดหลายๆ ปุ่มพร้อมกันได้แล้วคำสั่งจากปุ่มนั้นๆ ไม่ตกหล่น มีไฟ LED Backlit ปรับเอฟเฟคไฟ RGB ได้ตามต้องการในโปรแกรม Armoury Crate

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00066

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00077
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00075
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00074
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00123
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00125
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00124

ปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ บนคีย์บอร์ดของ ASUS ROG Zephyrus G14 ก็ติดตั้งมาครบถ้วนทั้งสายทำงานและเกมมิ่ง ได้แก่ปุ่ม Windows Lock ที่รวมเอาไว้กับปุ่ม Windows, คีย์ลัดที่ปุ่มลูกศรทั้ง 4 ปุ่ม ได้แก่ Home, End, Page Up, Page Down เหมือนกับโน๊ตบุ๊คสายทำงานรุ่นอื่นของ ASUS นอกจากนี้ยังมีปุ่ม Macro อีก 4 ปุ่ม แยกพิเศษให้เกมเมอร์สามารถเซ็ตมาโครได้ด้วย ค่าจากโรงงานจะเป็นฟังก์ชั่นลดหรือเพิ่มเสียง, ปิดหรือเปิดไมค์และคำสั่งเรียกโปรแกรม Armoury Crate ขึ้นมาใช้งาน

ข้อดีอย่างหนึ่งของโน๊ตบุ๊คจาก ASUS คือ เมื่อกดคีย์ลัดเพื่อตั้งค่าตัวเครื่องแล้ว บนหน้าจอจะมีกรอบแจ้งเตือนเป็นรูปภาพลอยขึ้นมาให้เห็นราว 1-2 วินาที เพื่อแจ้งผู้ใช้ว่าตัวเครื่องเปลี่ยนการตั้งค่าตามสั่งแล้ว เป็นฟังก์ชั่นแจ้งเตือนเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเข้าใจได้ง่ายและดูใส่ใจผู้ใช้ดีมาก

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00076

Function Hotkey ตรงบรรทัดบนสุดของคีย์บอร์ดจะถูกเซ็ตเป็นคำสั่ง F1-F12 มาให้เป็นมาตรฐานจากโรงงาน แต่ถ้าไม่ต้องการก็ตั้งค่าในโปรแกรม Armoury Crate ได้ โดยมีคีย์ลัดดังนี้

  • F1 – ปิดเสียงลำโพง
  • F2~F3 – ลดหรือเพิ่มแสงไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ด
  • F4 – คีย์ลัด AURA Sync เปลี่ยนเอฟเฟคไฟคีย์บอร์ด 
  • F5 – ปุ่มปรับโหมดของตัวเครื่อง เลือกได้ระหว่าง Silent, Performance, Turbo
  • F6 – เรียกคำสั่ง Snipping Tool
  • F7~F8 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
  • F9 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและจอเสริม
  • F10 – เปิดหรือปิดทัชแพด
  • F11 – Sleep Mode
  • F12 – Airplane Mode

สังเกตว่าถัดจากปุ่ม F1-F12 แล้วจะเป็นปุ่ม Delete อีกเพียงปุ่มเดียว ไม่มีปุ่ม Print Screen เหมือนโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าตัดออกไปไม่มีปัญหานักเพราะทาง ASUS เลือกใส่เป็นคีย์ลัดเรียก Snipping Tool แทนแล้ว จะตัดออกไปก็ไม่มีปัญหาต่อการใช้งานนัก

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00078
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00081
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00130
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00129

ทางบริษัทเคลมว่าทัชแพดของ ASUS ROG Zephyrus G14 ถูกอัพเกรดให้ขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนราว 50% ซึ่งมีขนาดใหญ่มากและสูงสุดขอบความสูงที่วางข้อมือและเยื้องมากินพื้นที่ Alt ฝั่งซ้ายเล็กน้อย พอวางมือแล้วสันมือส่วนแม่โป้งจะทาบลงบนแป้นคีย์บอร์ดไปส่วนหนึ่ง แต่ถ้าต่อเมาส์แยกอยู่ก็กดปิดทัชแพดทิ้งไปก็ได้ การตอบสนองของแป้นทัชแพดสามารถลากเคอร์เซอร์, คลิ๊กเมาส์และใช้ Gesture Control ของ Windows ได้ครบถ้วนไม่มีปัญหา

ทัชแพดนี้ จากที่ลองพกไปใช้ทำงานออฟฟิศทั่วไปถือว่ามีขนาดใหญ่ ใช้งานสะดวกและลากเมาส์บนหน้าจอจากขอบสู่ขอบได้สะดวกสบายมาก หากพกไปทำงานในร้านกาแฟแล้วต้องแชร์โต๊ะทำงานกับผู้อื่นแล้วไม่สะดวกหยิบเมาส์ออกมา ก็ใช้ทัชแพดอย่างเดียวก็สะดวกไม่แพ้กัน

Connector / Thin & Weight

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00082
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00083

พอร์ตการเชื่อมต่อของ ASUS ROG Zephyrus G14 ถูกติดตั้งไว้ด้านข้างเครื่องทั้ง 2 ฝั่งเท่านั้น ซึ่งพอร์ตและการเชื่อมต่อไร้สายจะมีดังนี้

  • ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – ช่องต่ออแดปเตอร์, HDMI 2.0b, USB-C 3.2 Gen 2 รองรับ Power Delivery และ DisplayPort, Audio combo
  • ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – MicroSD Card Reader, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับ DisplayPort, USB-A 3.2 Gen 2 x 2
  • การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2

จะเห็นว่าพอร์ตเชื่อมต่อของ ROG Zephyrus G14 มีให้ใช้งานครบเครื่อง ไม่ต้องพึ่ง USB-C Multiport Adapter ก็ได้และยังมี MicroSD Card Reader ติดมาให้โอนไฟล์ภาพและคลิปออกมาได้โดยตรงซึ่งสะดวกมากและเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้ไม่ได้ติดตั้งมาให้เสียด้วย นอกจากนี้สังเกตว่าพอร์ต USB-C ทั้ง 2 ช่องใช้ต่อหน้าจอแยกได้ หากนับรวมกับ HDMI 2.0b เท่ากับว่า ROG Zephyrus สามารถต่อหน้าจอแยกได้ถึง 3 จอพร้อมกันทีเดียว

ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายก็เป็น Wi-Fi 6E ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด สามารถรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วและเสถียรกว่า Wi-Fi 6 มาก แต่สังเกตว่าทาง ASUS ไม่ได้ให้พอร์ต LAN มาด้วย ถ้าต้องใช้งานก็หาซื้อ USB-A to LAN มาเผื่อเอาไว้สักอันก็ช่วยได้มากแล้ว

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC09995

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC09997
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC09996

น้ำหนักของ ASUS ROG Zephyrus G14 จากหน้าสเปคเคลมไว้ 1.72 กิโลกรัม แต่พอชั่งจริงด้วยตาชั่งดิจิตอลแล้วอยู่ที่ 1.69 กิโลกรัมเท่านั้น เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ 240 วัตต์ น้ำหนัก 706 กรัมจะหนักเพียง 2.4 กิโลกรัม ซึ่งถ้านับเฉพาะตัวเครื่องอย่างเดียวก็เบากว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ถ้ารวมอแดปเตอร์ก็หนักเท่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องเดียวเท่านั้น ถือว่าไม่หนักเกินไป ใส่กระเป๋าเป้ติดตัวไปไหนมาไหนได้สบายๆ

ทว่าตอนพก ROG Zephyrus G14 ไปทำงานนอกออฟฟิศก็ไม่ต้องเอาอแดปเตอร์ของเครื่องติดตัวไปก็ได้ เพราะพอร์ต USB-C ฝั่งซ้ายมือของเครื่องรองรับการชาร์จแบบ Power Delivery อยู่แล้ว แค่มีปลั๊ก GaN กำลังชาร์จ 65 วัตต์ขึ้นไปก็ชาร์จไฟให้เครื่องได้เลย ส่วนอแดปเตอร์ของเครื่องก็ไว้ที่บ้านหรือออฟฟิศไว้ใช้งานเวลาต้องรันงานหนักๆ แทน

Inside & Upgrade

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC09999

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00005
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00006
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00007
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00008
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00022
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00023

การเปิดฝาอัพเกรด ASUS ROG Zephyrus G14 สามารถขันเปิดฝาใต้ตัวเครื่องได้ง่ายๆ ด้วยน็อตหัวแฉก Philips Head หรือหัวแฉกบวกทั้งหมด 11 ดอกออกแล้วใช้การ์ดแข็งไล่ขอบเพื่อปลดฝาแล้วเริ่มอัพเกรดได้เลย จุดสังเกตคือ น็อตตรงกลางตัวเครื่อง 3 ดอกจะมีจุกยาง 3 เม็ดอุดเอาไว้เพื่อความสวยงาม อย่าลืมดึงจุกยางแล้วขันออกด้วย หากฝืนดึงจะทำให้ฝาหลังเสียหายได้ นอกจากนี้น็อตสองดอกตรงกลางและมุมล่างขวา รวม 3 ดอกจะมีจุกจับไม่ให้น็อตหลุดออกจากเบ้า เมื่อขันน็อตหลวมแล้ก็เอาการ์ดไล่ขอบเปิดฝาได้เลย

ภายในเครื่องจะเห็นว่าครึ่งบนจะเป็นชุด ROG Intelligent Cooling เป็นชุด Vapor Chamber กับพัดลมระบายความร้อนแบบเป่าออกด้านข้างและหลังของตัวเครื่อง ด้านล่างสุดเป็นแบตเตอรี่ขนาด 76Wh ส่วน M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 ติดตั้งอยู่ตรงกลางฝั่งซ้ายและแรม SO-DIMM DDR5 อยู่ฝั่งขวามือและมีแผ่นพลาสติกป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ปิดมาให้

สังเกตจะไม่เห็นการ์ด Wi-Fi PCIe นั่นเพราะทาง ASUS เอาไปซ้อนอยู่ใต้ M.2 NVMe สาเหตุเพราะพื้นที่เมนบอร์ดมีจำกัดและชิ้นส่วนต่างๆ อยู่ชิดกันหมด ไม่มีพื้นที่ติดตั้งหัวต่อ M.2 NVMe ตัวที่ 2 เลย ถ้าจะอัพเกรดก็ต้องถอดไดรฟ์เก่าออกอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนแรมเป็น Onboard กับ SO-DIMM อีก 1 ช่อง แยกเป็นตัวละ 8GB DDR5 รองรับความจุสูงสุด 24GB DDR5 นั่นคือถอดแรม 8GB DDR5 เดิมจากโรงงานออกแล้วใส่ตัวใหม่ความจุ 16GB เข้าไปแทน ให้เป็น 8+16GB ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าความจุ 16GB จากโรงงานก็เยอะพอใช้งานแล้ว แต่ถ้าทำงานใช้โปรแกรมกินแรมเยอะๆ ก็ยังพออัพเกรดเพิ่มได้

ในแง่การใช้งานและเล่นเกม ASUS ROG Zephyrus G14 เป็นโน๊ตบุ๊คที่ดีและจบในตัวอยู่แล้ว เหมาะกับเกมเมอร์หรือผู้ใช้ที่ซื้อมาใช้งานและไม่ค่อยมีแผนอัพเกรดมาก ส่วนผู้ใช้ที่มีแผนหรือชอบอัพเกรดเครื่องอาจจะอึดอัดอยู่บ้าง ซึ่งผู้เขียนมองว่าถ้าอยากลงเกมเอาไว้เล่นอยู่หลายเกม อาจจะซื้อฮาร์ดดิสก์แบบ Game Drive ต่อภายนอกมาต่อผ่านพอร์ต USB แทนก็เป็นทางออกที่ดี

Performance & Software

cpu 1

ซีพียูของ ASUS ROG Zephyrus G14 เป็น AMD Ryzen 7 6800HS แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.2-4.7GHz รองรับชุดคำสั่งพื้นฐานครบถ้วน เป็นสถาปัตยกรรมแบบ 6 นาโนเมตร ค่า TDP สูงสุด 35 วัตต์ จัดว่าประหยัดพลังงานดีแต่ก็ยังได้ประสิทธิภาพสูงอยู่

อนึ่ง ผู้ใช้หลายคนอาจคุ้นเคยกับรหัสท้ายตัวเลของ AMD ว่ามีรหัส U ซึ่งเป็นซีพียูเน้นประหยัดพลังงาน, รหัส H เป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง หรือ HX เป็นตัวบ่งบอกว่าเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูงสุดของ AMD แต่รหัส HS หรือ HS Design Standard เป็นซีพียูกลุ่ม Mobile แบบพิเศษซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ AMD Ryzen 4000 H-Series เป็นต้นมา โดยมีจุดเด่นดังนี้

  1. เป็นซีพียูสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบประสิทธิภาพสูง แต่ใช้พลังงานน้อยกว่ารุ่นรหัสเดียวกัน 20% ให้ใช้งานด้วยแบตเตอรี่นานยิ่งขึ้น
  2. ค่า TDP สูงสุดแค่ 35 วัตต์ แต่ใช้คอร์ประมวลผลประสิทธิภาพสูงเหมือนรหัส H ทั่วไป
  3. จัดการอุณหภูมิของตัวชิปเซ็ตได้ดี ไม่ร้อนและลดเสียงตอนโน๊ตบุ๊คทำงานเบาลงด้วย

ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าซีพียูที่มีรหัส HS ก็คือซีพียูรหัส H แบบพิเศษที่จัดการพลังงานได้ดีขึ้น เย็นและประสิทธิภาพดีเท่ากันนั่นเอง ดังนั้นถ้าโน๊ตบุ๊คเครื่องไหนติดตั้งซีพียู AMD Ryzen แบบ HS Design Standard อยู่ ก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงแน่นอน

mb
ram 2

ด้านอินเตอร์เฟสของ SSD ในเครื่องเป็น PCIe 4.0 x4 มีแรม 16GB DDR5 บัส 4800MHz ให้ใช้งานตั้งแต่เริ่ม โดยแยกเป็น Onboard กับ SO-DIMM อย่างละ 8GB รองรับการอัพเกรดได้มากสุด 24GB ซึ่งถ้าใครต้องการอัพเกรดอาจจะเปิดฝาอัพเกรดอีกเล็กน้อยก็ได้ แต่ถ้าใช้งานเดิมๆ ประสิทธิภาพก็ดีเพียงพอตอบโจทย์ทั้งทำงานและเล่นเกมอยู่แล้ว

discrete gpu

การ์ดจอแยกในเครื่องติดตั้ง AMD Radeon RX 6700S แรม 8GB GDDR6 มาให้ เป็นการ์ดจอแยกประสิทธิภาพดี มี 1,792 Unified Shader รองรับ DirectX 12 รองรับชุดคำสั่งต่างๆ ค่อนข้างครบถ้วน ได้แก่ OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan, Ray Tracing ซึ่งครบพร้อมใช้ ช่วยให้ทำงานและเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น

device mgr 1

พาร์ทภายในตัวเครื่องเมื่อเช็คผ่าน Device Manager จะเห็นว่า ASUS ROG Zephyrus G14 ติดตั้งชิ้นส่วนสำคัญมาครบเครื่อง ได้แก่ กล้อง IR Camera สำหรับสแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่อง ทำงานร่วมกับระบบ Windows Hello, ชิป TPM 2.0 และ AMD PSP 10.0

ชิป Wi-Fi PCIe ในเครื่องเป็น MediaTek Filogic 330 (MT7922) รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับความถี่คลื่น 2.4GHz, 5GHz, 6GHz ครบถ้วน แบนด์วิธคลื่น 160MHz และรองรับ Bluetooth 5.2 ด้วย และตัวการ์ดนี้มีฟีเจอร์สำคัญต่างๆ ครบเครื่อง ได้แก่ MU-MIMO, MU-OFDMA, QoS และ WPA3 อีกด้วย

ssd 2

M.2 NVMe SSD ของ ASUS ROG Zephyrus G14 ติดตั้ง Micron 2450 มาให้ใช้งาน โดย SSD รุ่นนี้เป็น M.2 2280 176-Layer NAND อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 โดยทางผู้ผลิตเน้นเรื่องการประหยัดพลังงานแต่ประสิทธิภาพก็ถือว่าดีใช้ได้ มีความเร็ว Sequential Read 3,500 MB/s และ Sequential Write 3,000 MB/s มีความทนทานต่อการเขียนข้อมูลทับลงในไดรฟ์ได้ 600 TBW

ความเร็วจากการทดสอบด้วย CrystalDiskMark 8 จะได้ Sequential Read 3,627.46 MB/s และ Sequential Write 3,474.24 MB/s จัดว่ารวดเร็วกว่าหน้าสเปคที่เคลมเอาไว้อย่างชัดเจน หากเน้นทำงานและเล่นเกมก็ไม่ต้องอัพเกรดก็ได้ แต่ถ้าอยากให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นและรับส่งข้อมูลได้เต็มความเร็วอินเตอร์เฟส PCIe 4.0 ก็น่าเปลี่ยนเป็น Kingston Fury Renegade, WD Black SN850, Samsun 980 PRO แทนก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน

r15 1
r20 1

ส่วนการทำงานกับโปรแกรม 3D เรนเดอร์โมเดลต่างๆ เมื่อทดสอบด้วย CINEBENCH R15 จะได้คะแนน OpenGL 191.46 fps และคะแนน CPU 1,930 cb ซึ่งผู้เขียนได้ลองรันการทดสอบนี้ซ้ำอีกหลายครั้งแล้ว พบว่าคะแนนซีพียูจะได้ใกล้เคียงกับการทดสอบครั้งนี้ แต่คะแนน OpenGL จะขึ้นลงอยู่ช่วง 191~199 fps กล่าวคือ ถ้าใครจะใช้ ASUS ROG Zephyrus G14 ทำงานหรือพรีวิว 3D Model ให้ลูกค้าดูก็ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

ด้าน CINEBENCH R20 ที่เน้นทดสอบพลังการประมวลผลของซีพียูเป็นหลักได้ CPU 4,854 pts จัดว่าทำได้ดีเพียงพอจะใช้ทำงานหนักๆ อย่างเรนเดอร์ภาพและงานกราฟฟิคต่างๆ ก็ทำได้สบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าถ้าซีพียูเป็น AMD แล้วจะทำงานได้ดีหรือไม่? 

3dmark

การทดสอบเล่นเกมโดยรัน 3DMark Time Spy จะได้คะแนนเฉลี่ยรวม 8,040 คะแนน แยกเป็น CPU score 8,788 คะแนน และ Graphics score 7,922 คะแนน ซึ่งคะแนนในระดับนี้หากจะเล่นเกมที่ความละเอียดจอ 1080p~2K ปรับกราฟฟิคเอาไว้ระดับ High ก็ได้ไม่มีปัญหาแน่นอน

Screenshot 2022 08 26 194608

ในแง่ใช้ทำงานทั่วไป ASUS ROG Zephyrus G14 ทำคะแนนใน PCMark 10 ได้สูงมากถึง 7,301 คะแนน เทียบชั้นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับเรือธงหลายๆ รุ่น จะใช้ทำงานทั่วไปอย่างเปิดเบราเซอร์หรือแอพฯ มาทำงาน ตัดต่อวิดีโอแต่งภาพหรือแม้แต่ทำงานเอกสารก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ดังนั้นในแง่การทำงานไม่ว่าจะงานออฟฟิศทั่วไปหรืองานสายครีเอเตอร์ก็ทำได้ดีแน่นอน

g14 1080p

ด้านการเล่นเกม จะเห็นว่า ASUS ROG Zephyrus G14 แม้จะเป็นซีพียู AMD Ryzen 7 6800HS กับการ์ดจอ AMD Radeon RX 6700S แต่เมื่ออัพ AMD Chipset Driver และไดรเวอร์การ์ดจอเวอร์ชั่นล่าสุดแล้ว ก็เล่นเกมฟอร์มยักษ์ระดับ AAA บนหน้าจอ 1080p ได้สบายๆ ได้เฟรมเรทเฉลี่ยสูงมากและยิ่งถ้าเกมไหนใช้เอนจิ้นเอื้อทาง AMD อย่าง Resident Evil Village ก็จะได้เฟรมเรทสูงเป็นพิเศษด้วย

ประสบการณ์การเล่นเกมด้วย ASUS ROG Zephyrus G14 บทความละเอียดจอ 1080p ใช้คำว่า “แรงเหลือเฟือ” ได้อย่างเต็มปาก ด้วยพลังของ Ryzen จับคู่กับ Radeon ทำให้ภาพของเกมลื่นไหลต่อเนื่องรวมทั้งโหลดฉากได้อย่างรวดเร็วจนแทบไม่เห็นการเรนเดอร์แผนที่ต่อหน้าเหมือนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คบางเครื่องเลย โดยเฉพาะ SCUM ถ้าเครื่องไม่แรงพอ เฟรมเรทเฉลี่ยก็จะไม่เกิน 60 Fps และบางครั้งก็จะมีอาการโหลดแผนที่สดๆ ให้เห็นด้วย แต่ Zephyrus G14 ไม่มีอาการนี้แม้แต่น้อย ด้านของ Apex Legends ก็สามารถเรนเดอร์ฉากตอนเล่นได้เร็วทันใจ กวาดเมาส์เร็วๆ เพื่อไล่ตามเป้าหมายก็ไม่มีอาการภาพฉีกหรือเกิดอาการเฟรมเรทตกเลย ดังนั้นสรุปได้ว่า ROG Zephyrus G14 สามารถเล่นเกมบนจอความละเอียด 1080p ได้สบายๆ

g14 native

หากขยับมาความละเอียด WQXGA ที่ 2560×1600 พิกเซลซึ่งเป็นความละเอียดดั้งเดิมของจอนี้ (Native Resolution) จะเห็นว่า Ryzen 7 6800HS และ Radeon RX 6700S ก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน ถึงจะเทียบกับ 1080p แล้วเฟรมเรทจะลดลงไปบ้างแต่ยังเล่นได้ดีและลื่นไหลอยู่ แต่สำหรับ Resident Evil Village ก็ยังเป็นข้อยกเว้นอยู่ดี เนื่องจากการตั้งกราฟฟิคในเกมยังใช้ประโยชน์จาก AMD FidelityFX เข้ามาเสริมให้เฟรมเรทตอนเล่นเกมยังสูงอยู่เช่นเดิม

ถ้าเป็นเกมอื่นที่ไม่ได้เอื้อทาง AMD เต็มที่อย่าง SCUM การได้เฟรมเรทเฉลี่ย 40 Fps แล้วมีบางช่วงบางตอนเฟรมเรทเพิ่มขึ้นไปแตะระดับใกล้เคียง 60 Fps และยังเสถียรไม่มีการ “เกมเด้ง” หรือภาพหน่วง, กระตุกระหว่างเล่นเกมเลย ด้านของ Apex Legends ก็ยังเล่นได้ไหลลื่นดีไม่มีปัญหา เฟรมเรทสูงและภาพลื่นต่อเนื่องไม่แพ้ตอนเล่นบนความละเอียด 1080p เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นสรุปได้เลยว่าสเปค Ryzen 7 6800HS และ Radeon RX 6700S สามารถเล่นเกมบนจอความละเอียด 2K ไม่ว่าจะ QHD หรือ WQXGA ก็เล่นได้สบายๆ

ในส่วนนี้ผู้เขียนขอเสริมให้เกมเมอร์เป็นพิเศษ ว่าถ้าจะต่อหน้าจอเกมมิ่งเข้ากับ ASUS ROG Zephyrus G14 นี้ แนะนำให้ต่อผ่าน HDMI 2.0b ด้านข้างตัวเครื่องก่อนเป็นจอแรก แล้วค่อยต่อจอ 2, 3 ผ่าน USB-C จะดีสุด เนื่องด้วยสเปคของ HDMI 2.0b จะรีดค่า Refresh Rate ได้ดีกว่านั่นเอง และหากผู้ใช้คนไหนอยากทราบว่าตอนนี้ AMD FidelityFX รองรับเกมไหนบ้าง? สามารถดูรายชื่อเกมได้ที่นี่

Screenshot 2022 08 25 002816

Screenshot 2022 08 25 003238
Screenshot 2022 08 25 003224
Screenshot 2022 08 25 003212
Screenshot 2022 08 25 003127
Screenshot 2022 08 25 003119
Screenshot 2022 08 25 003102
Screenshot 2022 08 25 003051
Screenshot 2022 08 25 002843

ด้านซอฟท์แวร์ปรับแต่งและมอนิเตอร์ประจำ ASUS ROG Zephyrus G14 ตัวหลักเป็น ASUS Armoury Crate ซึ่งซอฟท์แวร์นี้ใช้มอนิเตอร์การทำงาน, ปรับโหมดตัวเครื่อง, ตั้งค่าปุ่มมาโครหรือแม้แต่ตั้งเอฟเฟคไฟ AniMe Matrix บนฝาหลังตัวเครื่องได้ด้วย เป็นซอฟท์แวร์ที่ตั้งฟังก์ชั่นการทำงานให้เครื่องนี้ได้ครบเครื่องมาก

ด้านการตั้งค่าตัวเครื่องจะมีเคล็ดลับ 2 แบบ หากต้องการใช้งานทั่วไปแนะนำให้เลือกตรง GPU Mode ให้เป็น Optimized แล้วปล่อยให้เครื่องจัดการตัวเองได้เลย แต่ถ้าทำงานกราฟฟิคหรือเล่นเกมแล้วจะรีดประสิทธิภาพตัวเครื่องให้สูงสุด ให้เลือกเป็น Ultimate แล้วรีเซ็ตเครื่องหนึ่งครั้ง ก็จะได้เฟรมเรทตอนเล่นเกมสูงขึ้นอย่างแน่นอน

Screenshot 2022 08 25 003253

Screenshot 2022 08 25 003316
Screenshot 2022 08 25 003326
Screenshot 2022 08 25 003344

ด้าน MyASUS จะเป็นซอฟท์แวร์สำหรับตั้งค่าการใช้งานทั่วไปและอัพเดทเฟิร์มแวร์ทั่วไปในตัวเครื่อง ช่วย Optimize การทำงานต่างๆ, มอนิเตอร์ตัวเครื่องและใช้ติดต่อกับทาง ASUS ในกรณีต้องการให้ทีมช่างของ ASUS ช่วยดูแลตัวเครื่องเมื่อเกิดปัญหาได้อีกด้วย

Battery & Heat & Noise

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00010

แบตเตอรี่ของ ASUS ROG Zephyrus G14 เป็นลิเธียม โพลีเมอร์ ความจุ 76Wh ขนาดใหญ่โดยวางตัวยาว ขอบทั้งสองฝั่งของแบตเตอรี่ติดกับลำโพงของตัวเครื่อง มีความจุแบบ Typical Capacity 4,920mAh และ Rated Capacity ที่ 4,770mAh ซึ่งความจุนี้ถือว่าให้เยอะกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ใช้งานได้หลายชั่วโมงอย่างแน่นอน

battmon

เมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์ ปิดไฟ RGB, AniMe Matrix, ปรับลดความสว่างหน้าจอให้ลงมาต่ำสุด, เปิดเสียงลำโพง 10% และปรับโหมดตัวเครื่องให้เข้าโหม Silent แล้วใช้ Microsoft Edge ดูคลิป YouTube นาน 30 นาที จะเห็นว่าแบตเตอรี่ 76Wh ก็ใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 10 ชั่วโมง 19 นาทีทีเดียว โดยปกติแล้วเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันหากใช้งานด้วยแบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาในเครื่องจะใช้งานได้ราว 5~7 ชั่วโมง แต่ ASUS ROG Zephyrus G14 สามารถใช้งานได้นานกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ เครื่องมาก

อย่างไรก็ตามผู้เขียนมีจุดสังเกตหนึ่ง คือ ก่อนได้ผลทดสอบนี้ ผู้เขียนได้ทดสอบเครื่องตามปกติโดยใช้ชิปเซ็ตไดรเวอร์แบบยังไม่ได้อัพเดทเป็นเวอร์ชั่น 3.10.08.506 จะใช้งานด้วยแบตเตอรี่ได้ราว 5 ชั่วโมง 30 นาทีเท่านั้น แต่เมื่ออัพเดท AMD Chipset Driver แล้ว ก็ได้ระยะเวลาใช้งานนานขึ้นมาก ดังนั้นถ้าใครซื้อ ROG Zephyrus G14 มา ขอให้อัพเดท Chipset Driver ด้วย

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00002
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00001
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00004

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00012
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00011
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00085
ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00086

ระบบระบายความร้อน ROG Intelligent Cooling แบบ Vapor Chamber ผสานโลหะเหลวและระบายความร้อนออกจากเครื่องด้วยพัดลม Arc Flow Fans ด้านหลังและด้านข้างเครื่องฝั่งละ 2 ช่อง ซึ่งชุดระบายความร้อนนี้มีขนาดใหญ่และกินพื้นที่ภายในตัวเครื่องครึ่งหนึ่ง ซึ่งถ้าใช้งานทั่วไปอย่างทำงานเอกสารก็ไม่มีเสียงรบกวนด้วยฟีเจอร์ 0dB แต่ถ้าทำงานกราฟฟิคหรือเล่นเกมจะได้ยินเสียงพัดลมระบายความร้อนค่อนข้างชัดเจน แต่ข้อดีคือชุด Vapor Chamber นี้ทำงานได้ดีมาก ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนสูงเกินหรือ Throttle Down ลดประสิทธิภาพการทำงานลงเลยแม้แต่น้อย

temp 1

ส่วนอุณหภูมิที่ CPUID HWMonitor วัดได้ตอนทดสอบเล่นเกม จะเห็นว่าซีพียู AMD Ryzen 7 6800HS (ดูที่ AMD Radeon Graphics ซึ่งเป็นการ์ดจอออนบอร์ดแทน) ได้อุณหภูมิ 48~87 องศาเฉลี่ย 77 องศาเซลเซียส การ์ดจอ AMD Radeon RX 6700S อยู่ที่ 48~97 องศา เฉลี่ย 78 องศาเซลเซียส ไม่มีตัวเลขติดแดงโชว์ว่าอุณหภูมิร้อนเกินไปเลย และความร้อนที่ลงไปยัง M.2 NVMe SSD ซึ่งอยู่ถัดลงมาก็ไม่สูงมาก เฉลี่ยเพียง 58 องศาเซลเซียสเท่านั้น กล่าวคือ ROG Intelligent Cooling สามารถคุมความร้อนของซีพียูและการ์ดจอได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องกังวลว่าเล่นเกมแไปแล้วอุณหภูมิตัวเครื่องจะสูงเกินจนใช้งานได้ไม่ดีไม่เต็มประสิทธิภาพ

User Experience

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00106

ASUS ROG Zephyrus G14 ถือว่าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ลงตัวทั้งด้านเกมมิ่งก็เล่นเกมได้ดี ทรงพลังเล่นเกมหนักๆ ได้ไม่มีปัญหาและยังใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงและยังชาร์จแบตเตอรี่ผ่านทางพอร์ต USB-C 3.2 ด้านซ้ายของตัวเครื่องได้ ขอแค่มีปลั๊ก GaN กำลังชาร์จเกิน 65 วัตต์ กับสาย USB-C สักเส้นติดกระเป๋าเอาไว้ จะไปนั่งทำงานที่ไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างทำงานอย่างแน่นอน แต่ถ้าใช้ทำงานเอกสารหรือเปิดเบราเซอร์ใช้งานตามปกติก็ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 10 ชั่วโมง ไม่แพ้โน๊ตบุ๊คบางเบาหลายรุ่นเลย

ความปลอดภัยตอนใช้งานก็จัดว่าดีมาก เพราะ ROG Zephyrus G14 รุ่นก่อนหน้าไม่มีระบบปลดล็อคตัวเครื่องแบบ Biometric ติดมาให้ แต่รุ่นใหม่นี้ได้กล้อง IR Camera เอาไว้สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้ ทำงานร่วมกับฟังก์ชั่น Windows Hello เพียงแค่กางจอให้กล้องสแกนหน้าเพียงอึดใจก็ปลดล็อคพร้อมใช้งานได้ทันที เป็นฟังก์ชั่นช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นมากด้วย

ซึ่งผู้เขียนก็ได้เอาเครื่องนี้ติดไปนั่งทำงานตามร้านกาแฟ ก็ยอมรับว่าหน้าตาของมันเรียบร้อยขึ้นไม่ออกเกมมิ่งเกินไป แต่ประสิทธิภาพการทำงานจัดว่ารันโปรแกรมใหญ่กินทรัพยากรหนักๆ ได้ดีมากจนพลอยให้รู้สึกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่นทำงานช้าลงเสียอย่างนั้น และเรื่องการจัดการพลังงาน ผู้เขียนเลือกตั้งค่าเครื่องให้การ์ดจอทำงานแบบ Optimize แล้วปรับเข้าโหมด Silent เพื่อใช้ทำงานทั่วไป อย่างเปิดเว็บไซต์และทำงานเอกสารก็ใช้งานต่อเนื่องได้ทั้งวัน ไม่ต้องกลุ้มวิ่งหาปลั๊กมาต่อชาร์จเครื่องเลยก็ยังได้ ยิ่งถ้าใครเป็นสายทำงานแบบ Cafe Hopper ทำงานร้านนี้แล้วไปกินข้าวแล้วแวะอีกร้านต่อ มั่นใจว่าแบตเตอรี่ 76Wh ใน ASUS ROG Zephyrus G14 จะพร้อมใช้งานได้ทั้งวันอย่างแน่นอน

ด้านการเล่นเกมด้วย ASUS ROG Zephyrus G14 ถือว่าทรงพลังไม่แพ้สเปคอื่นอย่าง และเป็น AMD Advantage ขอเพียงแค่ลง AMD Chipset Driver และอัพเดทไดรเวอร์การ์ดจอให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ปัญหาจุกจิกไม่ว่าจะเรื่องเฟรมเรทเหวี่ยง, เกมเด้ง, ภาพกระตุกใดๆ ไม่มีให้เห็นตอนใช้งานเลยแม้แต่น้อย เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Desktop Replacement ซื้อเครื่องเดียวต่อจอแยกเล่นเกมหรือทำงานกราฟฟิคหนักๆ ได้เลย และราคา 69,990 บาท ก็ถือว่าไม่แพงไม่ถูกไปอีกด้วย ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนก็ประกอบเกมมิ่งพีซีสเปค AMD ล้วนใช้งานเป็นเครื่องหลักอยู่ ก็ขอยืนยันว่าปัจจุบันนี้สเปคซีพียู AMD Ryzen กับการ์ดจอ AMD Radeon นอกจากประสิทธิภาพดี ยังไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจเหมือนในอดีตแล้วด้วย

Conclusion & Award

ASUS Zephyrus G14 Advantage Edition DSC00104

หลังจากได้ใช้ ASUS ROG Zephyrus G14 มาราวหนึ่งสัปดาห์ก็ประทับใจเครื่องนี้ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเรื่องประสิทธิภาพ, การจัดการพลังงาน, พอร์ตเชื่อมต่อและยังได้กล้องสแกนใบหน้าด้วย เรียกว่าฝั่งฮาร์ดแวร์มีให้แบบครบถ้วน ส่วนซอฟท์แวร์ก็มี Microsoft Office Home&Student 2021 ติดตั้งมาให้แบบครบเครื่อง เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแค่ไม่กี่รุ่นที่ได้ซอฟท์แวร์ครบเครื่องระดับนี้ ถ้าซื้อมาแค่เปิดเครื่องอัพเดทไดรเวอร์ให้ครบก็พร้อมใช้งานทันที

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องลูกเล่นและดีไซน์ตัวเครื่องต้องยกให้ไฟ AniMe Matrix ที่เป็นเอกลักษณ์ของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้กับดีไซน์ ErgoLift Hinge ช่วยยกตัวเครื่องให้เฉียงขึ้นหรือจะกางหน้าจอจนราบไปเลยก็ยังได้ และน้ำหนักเครื่อง 1.69 กิโลกรัม นั้นจัดว่าเบามากเมื่อในหมู่เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คด้วยกัน ดีต่อคนทำงานหรือเกมเมอร์ที่อยากได้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คสักเครื่องหนึ่ง เป็นจุดตัดที่ลงตัวที่สุด ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนเองหากจะเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่สักเครื่อง ASUS ROG Zephyrus G14 เครื่องนี้จะเป็นตัวเลือกอันดับแรกอย่างแน่นอน 

award

NBS award 7 Design

best design

การออกแบบตัวเครื่องที่สวยเรียบร้อยเหมือนโน๊ตบุ๊คทำงานน้ำหนักเบา เอื้อต่อหลักสรีระศาสตร์ด้วยบานพับ ErgoLift Hinge และน้ำหนักเบาเพียง 1.69 กิโลกรัมนั้นเป็นการดีไซน์ที่ดีมาก และยังมีกล้อง IR Camera ให้สแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่อง เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ด้วย จัดเป็นการดีไซน์ที่ใส่ของดีมาให้ครบทุกด้าน

award new Gaming

best gaming

ประสิทธิภาพของ AMD Advantage เมื่อจับคู่ AMD Ryzen 7 6800HS กับ AMD Radeon RX 6700S แล้ว ทำให้ ROG Zephyrus G14 เครื่องนี้เล่นเกมฟอร์มยักษ์ ปรับกราฟฟิคสูงสุดก็ยังได้เฟรมเรทสูงและลื่นไหล จัดว่าน่าประทับใจมาก

award new Battery Life

best battery life

ASUS ROG Zephyrus G14 สามารถใช้งานได้นาน 10 ชั่วโมง อยู่ยาวกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นที่ได้ทดสอบมาก่อนหน้านี้มาก ไม่ต้องกลัวว่าทำงานยังไม่เสร็จแล้วแบตเตอรี่จะหมดก่อน และยังรองรับการชาร์จแบบ Power Delivery กำลังไฟ 65 วัตต์อีก จัดว่าครบเครื่องมาก

from:https://notebookspec.com/web/664268-review-asus-rog-zephyrus-g14

Review ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE GX551QS รุ่นเรือธงตัวท็อปกับค่าตัวแสนสอง แรงไม่ต้องสืบ!

ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE GX551QS ตัวแรงระดับเรือธง แรงจนเกมมิ่งพีซีบางเครื่องต้องยอม!

rog cover

ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE GX551QS ถ้านับแล้วถือว่าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวแรงรุ่นแรงสุดขีดจนเทียบชั้นเกมมิ่งพีซีสเปคแรงได้สบายๆ หรือบางคนอาจจะเรียกว่า Desktop replacement laptop ก็ไม่ผิดนัก ซึ่งรหัส GX551QS ตัวนี้เรียกว่าเป็นรุ่นใหม่ภาคต่อจาก ROG Zephyrus Duo 15 SE รุ่นหน้าจอ 4K 120 Hz ที่ทางเว็บไซต์เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นจะนับรุ่นนี้เป็นไมเนอร์เชนจ์ก็ไม่ผิด และก็ยังคงความแรงจัดเต็มเอาไว้เหมือนเดิมเพื่อให้เกมเมอร์ที่อยากเล่นเกมให้สนุก ปรับกราฟฟิคให้เต็มพิกัดก็ทำได้แล้วเล่นเกมได้อย่างมีความสุขได้เลย

ด้านดีไซน์ของตัวเครื่องที่เป็นหน้าจอคู่ได้แก่หน้าจอหลักกับหน้าจอทัช ROG ScreenPad Plus ที่ต่อยอดจาก ASUS ZenBook Pro Duo UX582 ทาง ASUS เองก็นำยังติดตั้งไว้ให้ใช้ในเครื่องนี้แบบครบถ้วน รวมทั้งระบายความร้อน AAS+ ที่ ASUS ประกอบมาให้ก็ช่วยระบายความร้อนระหว่างเล่นได้ดี เรียกว่าเกมเมอร์ที่มีงบประมาณมาลงกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแรงๆ สักตัว น่าจะชื่นชอบเครื่องนี้ไม่น้อยเลย

ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE

นอกจากนี้ ด้านสเปคที่อัพเดทซีพียูให้เป็นรุ่นใหม่สเปคแรงขึ้นอย่าง AMD Ryzen 5980HX แบบ 8 คอร์ 16 เธรด จับคู่กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080 แรม 16GB GDDR6 กับแรม 32GB (16+16GB) DDR4 บัส 3200 MHz แล้วอัพเกรดไปได้สูงสุด 48GB และ SSD แบบ M.2 NVMe 1TB และยังใส่ได้ 2 ช่องนั้น ต้องถือว่า ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE ตัวใหม่นี้แรงสุดขั้วเพื่อเกมเมอร์จริงๆ 

NBS Verdict

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07865

 

ในยุคนี้ที่การ์ดจอแยกสักตัวหายากและราคาแพงเท่ากับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวแรงๆ สักตัวแล้ว การเปลี่ยนจากการ์ดจอสักตัวอาจจะแพงกว่ามาซื้อ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE รุ่นใหม่ที่ราคาขาย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ที่ 199,990 บาท นั้น ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะได้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คสเปคแรงระดับ Desktop replacement สักตัวเอาไว้เล่นเกมโดยไม่ต้องประกอบคอมให้เหนื่อยแล้ว ยังมีประกันตัวเครื่องคอยดูแลถึงบ้าน แค่ต่อหน้าจอแยกความละเอียดสัก QHD ก็เล่นเกมได้อย่างมีความสุขแล้ว และคุณภาพงานประกอบเองก็ถือว่าอยู่ในระดับพรีเมี่ยม เรียกว่านอกจากสเปคจะแรงฟังก์ชั่นจะเลิศงานประกอบก็สมตัวอีกด้วย

ด้านของ ROG Intelligent Cooling ที่ดึงอากาศเย็นเข้าไประบายความร้อนในตัวเครื่องผ่านทางช่องว่างด้านใต้หน้าจอ ROG ScreenPad Plus เอง ก็ถือว่าเป็นการออกแบบที่ชาญฉลาด ที่ทำให้ชิ้นส่วนภายในไม่ร้อนเกินไป และเมื่อจับคู่กับระบบระบายความร้อน Liquid Metal จาก Thermal Grizzly ยิ่งทำให้เกมเมอร์สามารถเล่นเกมได้อย่างเต็มอิ่มต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงสบายๆ นอกจากนี้ลำโพง Dolby Atmos เองก็ช่วยให้ฟังเพลงได้อารมณ์ ฟังเพลงได้เพลิดเพลินสมราคาค่าตัวเป็นอย่างมาก เรียกว่าด้านความบันเทิงทั้งหมดนั้นไม่มีข้อกังขาเลย

แต่จุดที่ขอนับเป็นจุดสังเกตหลักๆ ของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เครื่องนี้ หลักๆ คือการอัพเกรดตัวเครื่องในรุ่นใหม่ล่าสุดถูกเปลี่ยนเป็นน็อต Torx หัวเล็ก ทำให้ผู้ใช้แกะตัวเครื่องเองได้ลำบากขึ้น ถ้าต้องการอัพเกรดเพิ่มแรมให้สุดที่ 48GB เท่าที่โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้รับไหวก็ควรยกไปหาช่างที่ศูนย์บริการเป็นผู้จัดการให้จะดีกว่า และอีกส่วนคือหน้าจอของตัวเครื่องปรับความละเอียดลงจาก 4K 120 Hz เหลือแค่ 1080p 300 Hz เรียกว่ายอมลดความละเอียดลงแต่เพิ่มค่า Refresh Rate ให้สูงขึ้นแทน ซึ่งในส่วนนี้ผู้เขียนเองคิดว่าก็ไม่มีปัญหาอะไรนัก อาจจะต่อหน้าจอแยกความละเอียดสูงขึ้นแล้วเล่นเกมก็ได้เหมือนกัน และกล้อง Webcam ยังต้องต่อแยกผ่านพอร์ต USB อยู่ เพราะขอบหน้าจอบางเท่ากันทั้ง 3 ด้าน และยังไม่มีระบบสแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ ดังนั้นเวลาจะเล่นเกมก็ต้องพิมพ์รหัสผ่านเช่นเดิม

จุดเด่นของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE GX551QS
  1. ติดตั้ง AMD Ryzen 9 5980HX แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ประสิทธิภาพสูง รองรับการทำงานและเล่นเกมได้เป็นอย่างดี
  2. การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 3080 แรม 16GB GDDR6 มาให้ ปรับกราฟฟิคตอนเล่นเกม AAA ในระดับสูงสุดได้สบายๆ
  3. หน้าจอความละเอียด Full HD ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB มี Pantone Validated
  4. หน้าจอแยก ROG ScreenPad Plus เป็นหน้าจอเสริมที่รองรับการทัชบนหน้าจอ ช่วยให้ใช้งานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น
  5. สเปคแรงแบบไม่ต้องอัพเกรดก็ได้ มีแรม 32GB และ SSD แบบ M.2 NVMe 1TB อีก 2 ช่อง ติดตั้ง Windows 10 Home มาให้พร้อมเล่นเกมทันที
  6. ทัชแพดออกแบบให้สลับโหมดเป็น Numpad ได้ จะทำงานหรือเล่นเกมก็สะดวก
  7. ระบบเสียงเป็น Dolby Atmos ติดตั้งลำโพงหลัก 4 วัตต์ 2 ตัว กับ Tweeter กำลังขับ 2 วัตต์อีก 2 ตัว ให้มิติเสียงที่น่าประทับใจ
  8. พอร์ต USB-C รองรับการต่อหน้าจอแยกแบบ DisplayPort และรองรับการชาร์จแบตเตอรี่มาตรฐาน USB Power Delivery แต่ต้องใช้อแดปเตอร์ 100 วัตต์ชาร์จ
  9. พอร์ตเป็น HDMI 2.0b อีก 1 ช่อง รวมแล้วต่อหน้าจอแยกเพื่อเล่นเกมได้สูงสุด 2 จอแยกและ 1 จอโน๊ตบุ๊ค
  10. ได้ประกัน On-site service 3 ปี ช่วยดูแลตัวเครื่องเมื่อมีปัญหา
ข้อสังเกตของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE GX551QS
  1. ถ้าต้องการอัพเกรดตัวเครื่องควรยกไปให้ศูนย์บริการอัพเกรดใหม่ เนื่องจากตัวเครื่องใช้หัวน็อต Torx แบบเล็กพิเศษ
  2. หน้าจอหลักลดความละเอียดจาก 4K 120 Hz ลงมาเหลือ 1080p 300 Hz 
  3. ถ้าต้องประชุมออนไลน์หรือไลฟ์สตรีมเกม ยังต้องต่อ Webcam แยกอยู่
  4. ยังไม่มีระบบสแกนใบหน้าหรือนิ้วมือเพื่อปลดล็อคเครื่อง

รีวิว ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE GX551QS

Specification

rog

สเปคของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เครื่องนี้ จัดว่าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คสเปคแรงสุดของทาง ASUS ซึ่งแรงระดับทดแทนเกมมิ่งพีซีได้สบายๆ พร้อมฟีเจอร์เด่นๆ ครบเครื่องทั้ง ROG ScreenPad Plus และลำโพง Dolby Atmos คุณภาพเสียงดีขึ้นและมีกล้อง Webcam ของ ASUS แถมมาให้ใช้งานอีกด้วย

สเปคเครื่องนี้จะอัพเดทจากรุ่นก่อนหน้านี้ โดยใช้ซีพียู AMD Ryzen 9 5980HX แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.3-4.8 GHz จับคู่กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080 มีแรม 16GB GDDR6 มี SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB x 2 ตัว ติดตั้ง Windows 10 Home มาให้พร้อมอัพเดทเป็น Windows 11 ได้ทันที มีแรมในเครื่อง 32GB DDR4 บัส 3200 MHz เป็นแรมออนบอร์ดและ SO-DIMM อย่างละ 1 ตัว อัพเกรดได้สูงสุด 48GB ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 300 Hz และหน้าจอทัช ROG ScreePad Plus ขนาด 14.1 นิ้ว ความละเอียด Full HD ทำมุม 13 องศา เมื่อกางหน้าจอเครื่องขึ้นมาใช้งาน ส่วนการเชื่อมต่อมีพอร์ต USB-A 3.2 Gen 2 x 3, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับการต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตเตอรี่ด้วยมาตรฐาน USB Power Delivery, RJ45 LAN x 1, MicroSD Card Reader x 1, HDMI 2.0b x 1 และช่องหูฟัง 3.5 มม. x 1 ส่วนการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตรองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1 เรียกว่าสเปคนั้นแรงหายห่วง พร้อมเล่นเกมและทำงานหนักๆ ได้อย่างแน่นอน

สเปคของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE
  • ซีพียู AMD Ryzen 9 5980HX แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.3-4.8 GHz
  • การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3080 มีแรม 16GB GDDR6
  • SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB x 2 ตัว
  • แรม 32GB DDR4 บัส 3200 MHz รองรับสูงสุด 48GB
  • หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 300 Hz
  • หน้าจอทัช ROG ScreePad Plus ขนาด 14.1 นิ้ว ความละเอียด Full HD
  • มีพอร์ต USB-A 3.2 Gen 2 x 3, USB-C 3.2 Gen 2 x 1 รองรับการต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตเตอรี่ด้วยมาตรฐาน USB Power Delivery, RJ45 LAN x 1, MicroSD Card Reader x 1, HDMI 2.0b x 1 และช่องหูฟัง 3.5 มม. x 1
  • การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตรองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.1
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home รองรับการอัพเดทเป็น Windows 11
  • ราคา 119,990 บาท (ASUS Thailand Official Shopee Mall)

Hardware & Design

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07870

สำหรับดีไซน์ของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เครื่องนี้ เรียกว่าเป็นบอดี้ดีไซน์เกมมิ่งแบบ 2 หน้าจอ ติดตั้งหน้าจอสัมผัส ROG ScreenPad Plus ที่ยกจากสาย ZenBook ของทางค่ายมาติดตั้งไว้เป็นหน้าจอที่สอง ทำให้เวลาทำงานแล้วเปิดโปรแกรมขึ้นมาใช้งานก็สามารถแยกฟังก์ชั่นที่ต้องการใช้หน้าจอสัมผัสควบคุม เช่น Timeline ของการตัดต่อวิดีโอหรือฟังก์ชั่นควบคุมของโปรแกรมแต่งเสียงหรือ DJ มาแตะสัมผัสตรงนี้ได้ หรือถ้าเป็นสตรีมเมอร์ก็สามารถเอาหน้าจอแชตและหน้าต่างมอนิเตอร์โปรแกรมสตรีมมิ่งที่ตรงนี้ได้ทันที

เมื่อมองหน้าตรง จะเห็นว่าตัวเครื่องระหว่างหน้าจอหลักและ ROG ScreePad Plus ที่ยกตัวขึ้น 13 องศาจะวางตัวต่อเนื่องกันโดยมีขอบหน้าจอด้านล่างเป็นแนวคั่นกลางเอาไว้ เมื่อดูหน้าตรงจะเห็นว่าตัวเครื่องดูใหญ่อลังการกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วหลายๆ รุ่นอย่างชัดเจน

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07872

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07937 1
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07930
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07877 1
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07957

เมื่อมีหน้าจอ ROG ScreePad Plus ติดตั้งเข้ามาด้วย แถบคีย์บอร์จึงต้องเลื่อนลงมาด้านล่างจนติดขอบล่างแล้วย้ายเอาตัวทัชแพดไปไว้ด้านข้างขวามือแทน ซึ่งหน้าจอเสริมตัวนี้จะยกตัวด้วยระบบกลไกง่ายๆ ซึ่ง ASUS ออกแบบเป็นเหมือนขาโต๊ะพับที่พอพับหน้าจอลง ขาโลหะจะนอนราบแล้วชักหน้าจอให้เรียบติดเป็นระนาบเดียวกับคีย์บอร์ดและดันตัวหน้าจอขึ้นเวลากางหน้าจอ เป็นการออกแบบง่ายๆ แต่แข็งแรงทีเดียว และทาง ASUS ก็ติดสติกเกอร์เตือนผู้ใช้ไม่ให้เอาอะไรไปขัดตรงช่องนี้ของตัวเครื่องเพื่อป้องกันความเสียหายด้วย

พอมองลอดเข้าไป จะเห็นว่าด้านใต้หน้าจอเสริมของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE จะมีลำโพงหลัก 2 ตัวติดตั้งเอาไว้ ส่วนลำโพง Tweeter อีกสองตัวจะอยู่ขอบตัวเครื่องด้านบนสุดที่ต่อขาฐานหน้าจอเข้ากับตัวเครื่องขนาบด้านข้างไฟแสดงสถานะทั้ง 3 ดวงไว้ ส่วนช่องว่างด้านใต้ ROG ScreePad Plus ตัวนี้จะเป็นช่องรับลมเข้าหลักคู่กับช่องด้านใต้ตัวเครื่องด้วย เพื่อช่วยให้อุณหภูมิในเครื่องไม่ร้อนเกินไป

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07881

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07886
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07931
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07882
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07885

ส่วนดีไซน์ด้านหลังเครื่องจะคงเอกลักษณ์สไตล์ ROG เอาไว้ โดยดีไซน์ให้ฝาหลังเครื่องเป็น 2 ลวดลาย คือลายจุดแบบเกมมิ่งตัดเฉียงด้วยพื้นเรียบพร้อมโลโก้ ROG ส่วนขอบด้านล่างสกรีนคำว่า Republic of Gamer เอาไว้เหนือช่องตัดเว้นระหว่างขาฐานจอทั้งสองฝั่ง โดยทาง ASUS ตัดเว้นเอาไว้เพื่อให้เสียบสายเข้าพอร์ตด้านหลังเครื่องได้สะดวกและไม่ติดกับขอบหน้าจอด้วย

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07959

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07859
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07860

ตอนพับหน้าจอตามปกติแล้ว ส่วนขอบบนสุดของตัวเครื่องที่ ROG ScreePad Plus บังเอาไว้ จะเป็นลายฉลุจุดเหมือนกับฝาหลังของตัวเครื่อง ติดไฟแสดงสถานะ 3 ดวงเอาไว้และมีลำโพง Tweeter ขนาบไว้ 2 ด้านด้วยกัน ซึ่งไฟทั้ง 3 ดวงมีไฟแสดงสถานการทำงานของตัวเครื่อง, ไฟแสดงการชาร์จแบตเตอรี่และไฟแสดงการทำงานของฮาร์ดดิสก์ในเครื่อง

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07887

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07888
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07893
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07889
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07890

จากด้านบนที่ดูอลังการแล้วด้านใต้ตัวเครื่องของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE ดีไซน์ให้ความรู้สึกเหมือนยานอวกาศยิ่งขึ้นด้วยแนวเส้นช่องลมเข้าที่เป็นเส้นยาวแนวเฉียงเหมือนเส้นความเร็วในภาพยนตร์ มีปุ่มยางรองใต้เครื่องติดเอาไว้ 6 จุด โดยตัวปุ่มยางด้านหลังใกล้กับช่องระบายความร้อนจะสูงกว่าด้านหน้า เพื่อยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นและโน้มมาหาผู้ใช้เล็กน้อยแล้วช่วยให้โซนกรอบสี่เหลี่ยมคางหมูที่มีพอร์ตหลังเครื่องติดตั้งอยู่ติดกับพื้น 

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07876

องศาการกางหน้าจอหลักของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เวลาดันไปจนสุดแล้วจะกางได้ราว 130 องศา และตัว ROG ScreenPad Plus จะยกตัวขึ้นราว 13 องศาด้วยกัน ซึ่งระยะการกางระดับนี้จะวางเล่นเกมบนโต๊ะทำงานตามปกติก็ได้ หรือถ้ามีแท่นวางโน๊ตบุ๊คมาเสริมแล้วต่อหน้าจอแยกเพื่อเล่นเกมด้วย ก็สามารถจัดหน้าจอให้ได้องศาที่เรามองเห็นได้ง่ายขึ้น

ในส่วนของดีไซน์รอบตัวเครื่องแล้ว จะเห็นว่าบอดี้และการออกแบบทั้งหมดของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE รุ่นใหม่นี้ยังใช้บอดี้เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า ที่ประสิทธิภาพการทำงานและระบายความร้อนยังทำได้ดีไม่มีปัญหา ดังนั้นจุดที่น่าสนใจจะเป็นเรื่องของสเปคเป็นหลัก

ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07960

ส่วนอุปกรณ์เสริมที่ทาง ASUS ให้มาในกล่องนอกจากตัวเครื่องกับอแดปเตอร์หลักที่กำลังจ่ายไฟสูงแล้ว จะมีอแดปเตอร์รองขนาดพกพาที่ชาร์จเข้าทางพอร์ต USB-C ได้, ROG Eye กล้องหน้าความละเอียด 1080p 60 fps และที่วางข้อมือยางเอาไว้ซัพพอร์ตข้อมือตอนวางมือลงคีย์บอร์ดแล้วเล่นเกม ทำให้ไม่ต้องเกร็งข้อมือมากเกินไป

Screen & Speaker

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07915

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07916
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07917
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07919
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07940

หน้าจอขนาด 15.6 นิ้วที่เป็นหน้าจอหลักของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เครื่องนี้มีมีความละเอียด Full HD พาเนล IPS และค่า Refresh Rate 300 Hz ซึ่งถือว่าลื่นมากทีเดียว และเป็นหน้าจอ Anti-glare ป้องกันแสงสะท้อนเข้าดวงตา ส่วนดีไซน์เป็น NanoEdge Display ที่ขอบหน้าจอบางทั้ง 3 ด้านและมีขอบล่างหนาอยู่ส่วนหนึ่งพร้อมเขียนชื่อรุ่นเอาไว้ว่า ROG Zephyrus แต่จุดสังเกตหลักของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตระกูล ROG หลายๆ รุ่นคือ มักไม่มีกล้อง Webcam ติดตั้งเอาไว้ตรงขอบหน้าจอส่วนบน แต่ให้กล้อง Webcam แยกมาอีกตัวแทน

ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07966

ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07964
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07962
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07967
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07968
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07969
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07973
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07970
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07971

กล้องหน้าที่แถมมาให้ในกล่องของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE จะเป็น ROG Eye ที่ความละเอียดกล้อง 1080p 60 fps เชื่อมต่อด้วยพอร์ต MicroUSB tp USB-A หนึ่งเส้น และมีอแดปเตอร์ทรงสามเหลี่ยมสำหรับต่อกับขาตั้งกล้องให้จัดมุมกล้องบนโต๊ะทำงานได้ ไม่ต้องเอาตัว ROG Eye ไปหนีบไว้กับขอบบนของหน้าจอตลอดก็ได้ ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นข้อดีและจุดสังเกตไปพร้อมๆ กัน คือถ้าเอาความสะดวกไม่ต้องการต่ออุปกรณ์เสริมหลายชิ้นก่อนประชุมออนไลน์ก็อาจจะอยากให้เป็น Webcam แบบฝังเอาไว้บนขอบบนหน้าจอเลย แต่ถ้าจะสตรีมเกมด้วยแล้วอยากจัดมุมวางกล้องให้ตัวเองได้ด้วย ROG Eye ก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานเช่นกัน

gamut 1

brightness 1
bright zone
accuracy
sum
Didplay 1
Didplay 2

ส่วนขอบเขตสีของหน้าจอที่ ASUS เคลมเอาไว้ว่าเป็นหน้าจอ Pantone Validated แล้ว มีขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB พอทดสอบด้วย Spyder5Elite แล้ว ผลจากการทดสอบขอบเขตสีบนหน้าจอจะได้ 92% sRGB, 71% AdobeRGB และ 72% DCI-P3 เทียบแล้วถือว่าขอบเขตสีบนหน้าจอนี้กว้างใกล้เคียงกับที่ทางผู้ผลิตเคลมเอาไว้ ดังนั้นถ้าเอาไปทำงานด้านสีสันต้องถือว่าทำผลงานได้ดีไล่เลี่ยกับที่เคลมเอาไว้

ความสว่างของหน้าจอนี้อาจจะน้อยไปบ้างที่ 192 nits ซึ่งถ้านั่งทำงานกลางแจ้งที่ร้านกาแฟอาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ แต่ถ้าเล่นเกมในห้องหรือทำงานตามปกติก็ถือว่าสว่างกำลังดีไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน แต่จุดสังเกตคือพอแบ่งพื้นที่เป็นตาราง 9 ช่องเพื่อวัดความสว่างแยกโซนกันจะเห็นว่าส่วนขอบบนของหน้าจอจะมีความสว่างน้อยลงที่ 10-15% ซึ่งถือว่าเป็นโซนที่ค่อนข้างมืด แต่ส่วนกลางไปจนถึงล่างของหน้าจอจะอยู่ที่ 0-9% ดังนั้นถ้าใครทำงานอาร์ตเวิร์คหรือแต่งภาพก็แนะนำว่าให้ดึงภาพมาอยู่โซนกลางหน้าจอลงไปจะดีกว่า เพื่อลดโอกาสปรับแสงสีผิดพลาดได้ ส่วนความแม่นยำสีที่ Spyder5Elite วัดได้ เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 1.39 นับว่าค่า Delta-E <2 ดังนั้นเรื่องความแม่นยำสีถือว่าไว้ใจได้เลย

สรุปคะแนนสีสันบนหน้าจอหลักของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เครื่องนี้ คะแนนรวมจะได้ 4 เต็ม 5 คะแนน และถ้าดูแยกเป็นส่วนๆ จะเห็นว่าหน้าจอนี้เด่นที่ Tone Response, Contrast เป็นหลัก ซึ่งได้สูงถึง 5 คะแนนเต็ม ถัดลงมาเป็น Gamut และ Color Accuracy ที่ได 4.5 คะแนน ดังนั้นถ้าใครเล่นเกมและหาโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงไว้ทำงานและเล่นเกมได้ทั้งคู่ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เครื่องนี้จัดว่าแรงหายห่วงอย่างแน่นอน

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07921

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07922
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07927
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07929
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07928

ถัดมาที่หน้าจอเสริม ROG ScreenPad Plus ที่อยู่เหนือคีย์บอร์ดถัดลงมาจากหน้าจอหลักมีขนาด 14.1 นิ้ว ความละเอียด 1920×550 พิกเซล เป็นหน้าจอทัชสกรีนพร้อมแถบฟังก์ชั่นฝั่งซ้ายของหน้าจอ โดยรวมฟังก์ชั่นการตั้งค่าหน้าจอหลักและหน้าจอเสริมเอาไว้โดยละเอียดและฟังก์ชั่นทางลัดต่างๆ เอาไว้ทั้งหมด และยังสั่งเปิดปิดการทำงานคีย์บอร์ดโดยการกดคำสั่งบนหน้าจอนี้ก็ได้ รวมทั้งตั้งคำสั่งทางลัดเรียกจากหน้าจอนี้ได้เหมือนกัน

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07925
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07924

 

การใช้งานหน้าจอเสริมตัวนี้ก็ถือว่าง่ายมาก โดย ASUS จะตั้งค่าให้ ROG ScreenPad Plus ตัวนี้เป็นหน้าจอล่างที่อยู่ถัดลงมา สามารถใช้งานได้สะดวกและลากเอาหน้าต่างโปรแกรมที่ใช้งานควบคู่กันมาไว้ที่หน้าจอเสริมแล้วใช้นิ้วแตะเลือกและคุมโปรแกรมต่างๆ ได้สะดวกเหมือนใช้โน๊ตบุ๊คจอทัชสกรีนปกติได้เลย โดยถ้าโปรแกรมไหนมีฟังก์ชั่นแถบควบคุมที่ใช้นิ้วแตะเลือกได้สะดวกกว่าอย่างโปรแกรม DJ หรือโปรแกรมตัดต่อวิดีโอก็เอามาวางที่หน้าจอเสริมนี้ก็จะใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07877

ลำโพงของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE จะติดตั้งมาให้ทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน แยกเป็นลำโพงหลัก 4 วัตต์ 2 ตัว ติดตั้งไว้ใต้หน้าจอ ROG ScreenPad Plus และ Tweeter กำลังขับ 2 วัตต์ อีก 2 ตัว ติดตั้งไว้ที่ขอบตัวเครื่องด้านบนขนาบกับไฟแสดงสถานะตัวเครื่อง โดยเสียงลำโพง Dolby Atmos ถือว่าเป็นลำโพงของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่คุณภาพเสียงน่าประทับใจ ในแง่การฟังเพลงนั้นใช้ฟังได้ทุกแนวไม่ว่าจะป็อบ ร็อค แจ๊ส และอื่นๆ โดยเฉพาะเสียงเพลงแนว EDM ต้องถือว่าทำได้ดี เสียงเบสเล่นออกมาชัดเจนและมีแรงปะทะกำลังพอดีไม่เยอะจนล้น สามารถดูหนังฟังเพลงด้วยลำโพงติดโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้สบายๆ ไม่ต้องพึ่งลำโพงแยกเลยก็ได้

ด้านการเล่นเกมก็ต้องถือว่าลำโพงตัวนี้สามารถแบ่งแยกทิศทางเสียงในเกมได้ดีทีเดียว จากการเล่นเกมผ่านทางลำโพงต้องถือว่าตัวลำโพงจำลองทิศทางเสียงได้ดี โดยเฉพาะเกมแนวเอาตัวรอดหรือ FPS สามารถแบ่งทิศทางเสียงปืนหรือระเบิดได้อย่างดีทีเดียว ดังนั้นถ้าใครอยากเล่นเกมแบบสบายๆ ไม่ต่อหูฟังก็เล่นเกมแล้วใช้ลำโพงตัวเครื่องเลยก็ได้

Keyboard & Touchpad

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07898

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07894
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07895
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07897

คีย์บอร์ดของ ASUS ROG Zephyrus  Duo 15 SE เมื่อมองเผินๆ จะเป็นดีไซน์แบบ Tenkeyless แต่ก็ยังมีทัชแพดติดตั้งเอาไว้ให้ใช้ สามารถสลับระหว่างทัชแพดหรือ Numpad บนตัวทัชแพดเอง จากภาพจะเห็นว่าเนื้อที่ส่วนบนของตัวเครื่องที่ควรติดตั้งคีย์บอร์ดกลายเป็น ROG ScreenPad Plus ไปแล้ว ตัวคีย์บอร์ดก็เลยเลื่อนพื้นที่ลงมาจนติดขอบตัวเครื่องด้านล่างสุดแทน ส่วนไฟ RGB บนคีย์บอร์ดเป็น Aura Sync Lighting ซึ่งปรับแสงสีหรือเปิดปิดได้ด้วยปุ่มบนคีย์บอร์ดหรือจะจัดการผ่านโปรแกรม Armoury Crate ในตัวเครื่องก็ได้ แล้วเลือกเอฟเฟคไฟได้หลากหลายแบบอีกด้วย

ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07974

 

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07953
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07950
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07977

ซึ่งการดีไซน์ให้ตัวคีย์บอร์ดเลื่อนลงมาจนอยู่ขอบล่างสุดแล้ว เวลาวางมือลงบนคีย์บอร์ดเพื่อเล่นเกม ส้นมือจะนาบกับพื้นโต๊ะแล้วตอนเล่นกมก็ต้องโก่งนิ้วขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้กดปุ่ม W, A, S, D บนนคีย์บอร์ดได้สะดวกขึ้น แต่ส่วนนี้ทาง ASUS แก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการแถมที่รองข้อมือมาให้ในกล่องด้วย เวลาเล่นเกมแล้วก็ไม่ต้องโก่งนิ้วและไม่เกร็งนานเกินไปด้วย ส่วนขอบตัวเครื่องจะยกขอบขึ้นมาเล็กน้อย เวลาพับหน้าจอแล้วบานหน้าจอจะไม่ติดกับปุ่มบนคีย์บอร์ดโดยตรงด้วย

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07903
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07904
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07926
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07908

คีย์บอร์ดของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE จะเป็นปุ่มระยะกดสั้น ทำให้ตอนเล่นเกม FPS หรือเกมที่ต้องออกคำสั่งเร็วๆ สามารถกดแล้วรัวปุ่มได้ มี N-key rollover กับ anti-ghosting ที่เป็นฟีเจอร์สำคัญของคีย์บอร์ดเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในปัจจุบัน ซึ่งจากการลองเล่นเกม FPS แล้ว ต้องถือว่าการตอบสนองของปุ่มบนคีย์บอร์ดทำงานได้เร็วทันใจมาก

ส่วนเรื่องของรายละเอียดดีไซน์ต่างๆ บนคีย์บอร์ด ก็นับว่า ASUS ยังเก็บรายละเอียดส่วนต่างๆ เอื้อกับสไตล์การใช้งานของเกมเมอร์เหมือนเดิม ทั้งปุ่ม Spacebar อสมมาตรที่ฝั่งซ้ายจะหนากว่าเพื่อให้แม่โป้งยังอยู่ในระยะกดของปุ่ม, มีตุ่ม Marking เอาไว้ที่ปุ่ม W ซึ่งเป็นปุ่มแรกที่เกมเมอร์วางนิ้ว และการสกรีนตัวปุ่มจะใช้ฟ้อนท์เดียวกันกับซีรี่ส์เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คภายในค่าย ด้านไฟ RGB จะลอดตัวอักษรขึ้นมาและเรืองที่ขอบข้างปุ่มด้วย

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07907
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07906

ด้านปุ่ม Function ที่เกี่ยวกับการเล่นเกม ถ้ากด Fn+Windows key จะเป็นการล็อคปุ่ม Windows ไม่ให้ทำงานเวลามือเผลอไปโดนตอนเล่นเกม, ย้ายปุ่ม Print Screen มาไว้ระหว่าง Alt กับ Ctrl ขวามือ และปุ่มลูกศรที่อยู่ข้างๆ กันถ้ากด Fn ค้างเอาไว้จะคุมไฟ RGB บนคีย์บอร์ดทั้งหมด โดยขึ้นลงใช้เพิ่มลดแสงและซ้ายขวาเอาไว้ปรับแพตเทิร์นของไฟว่าจะให้เป็นสีหรือเอฟเฟคแบบไหน ซึ่งส่วนนี้ปรับแต่งโดยละเอียดได้ในซอฟท์แวร์ Armoury Crate ได้ด้วย

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07905

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07947
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07945
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07946

แต่ปุ่มที่ ASUS จัดการ Mapping มาเป็นพิเศษให้กับ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE จะมีทั้งหมด 3 ปุ่ม เรียงอยู่เหนือทัชแพด ซึ่งจากซ้ายมือที่เป็นโลโก้ ROG จะใช้เรียกซอฟท์แวร์ Armoury Crate ออกมาใช้งาน ถัดมาเป็นปุ่มคุมหน้าจอ ROG ScreenPad Plus โดยตั้งได้ทั้งเปิด, ปิด, ซ่อนหน้าจอนี้ก็ได้

สุดท้ายก่อนปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง เป็นปุ่มสลับโหมดของปุ่มลูกศรจากขึ้นลงซ้ายขวาตามปกติ ให้ปุ่มขึ้นลงเป็น Page Up, Page Down ส่วนซ้ายเป็น Home และขวาเป็น End ซึ่งการ Mapping ปุ่มแล้วสลับโหมดไปมาได้ด้วย ก็ทำให้ผู้ใช้เลือกโหมดการใช้งานได้สะดวก ไม่ติดอยู่กับรูปแบบการใช้งานเดิมๆ รวมทั้งประหยัดพื้นที่บนคีย์บอร์ดไปได้มากทีเดียว

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07909
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07911

ปุ่ม F1-F12 เองก็จะรวมกับ Function Hotkey ซึ่งถ้ากดตามปกติจะเป็น F1-F12 ถ้ากด Fn ค้างเอาไว้ก่อนจะเป็น Function Hotkey อย่างที่ ASUS ตั้งค่าเอาไว้ โดยแต่ละปุ่มจะทำงานดังนี้

  • F1-F3 – ปิด, ลดและเพิ่มเสียง
  • F4 – ปิดหรือเปิดไมโครโฟน
  • F5 – ปุ่มปรับโหมดของตัวเครื่อง สลับระหว่าง Silent, Performance และ Turbo
  • F6 – ปุ่มเรียกโปรแกรม Snipping Tool
  • F7-F8 – ปุ่มลดและเพิ่มความสว่างบนหน้าจอ
  • F9 – ปุ่ม Project สำหรับตั้งค่าการเชื่อมต่อหน้าจอหลักและเสริม
  • F10 – ปุ่มเปิดหรือปิดการทำงานทัชแพด
  • F11 – ปุ่ม Sleep mode
  • F12 – ปุ่ม Airplane mode

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07899
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07900
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07912

ส่วนทัชแพดของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE ฝั่งขวามือของคีย์บอร์ดจะเป็นดีไซน์แบบแป้นแข็งและแยกปุ่มคลิกซ้ายขวาเอาไว้ด้านล่างและตัวปุ่มจะนุ่มกดง่ายเหมือนปุ่มสวิตช์ของอุปกรณ์ไฮเทคหรือเครื่องบินรบสักรุ่นหนึ่ง รองรับ Windows 10 Gesture Control ตามปกติ

ฟังก์ชั่นพิเศษที่ต้องพูดถึง คือถ้าแตะค้างที่มุมบนซ้ายที่เป็นไอคอนรูปทัชแพดกับ Numpad ค้างเอาไว้ จะสลับจากทัชแพดธรรมดาเป็น Numpad ได้ด้วย ซึ่งความเร็วการตอบสนองเรียกว่าเหมือนกดเครื่องคิดเลขในแอพฯ บนสมาร์ทโฟนเลย ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนเห็นว่า Numpad เช่นนี้มีประโยชน์และน่านำมาใส่ในโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันทั้งหน้าจอ 14 และ 15.6 นิ้ว เพราะทำให้คนที่ต้องทำงานกับตัวเลขบ่อยๆ แล้วต่อเมาส์แยกอยู่แล้ว สามารถกดพิมพ์ตัวเลขได้ง่ายขึ้นด้วย จัดเป็นการออกแบบแป้นทัชแพดให้ทำงานได้อเนกประสงค์ขึ้นมาก

Connector / Thin & Weight

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07932
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07935
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07936

พอร์ตของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE จะแบ่งอยู่ 2 ฝั่งของตัวเครื่องข้างๆ ตัวคีย์บอร์ด ให้ตัวเครื่องด้านใต้ ROG ScreenPad Plus เป็นช่องระบายอากาศ โดยพอร์ตทั้งสามฝั่งจะมีดังนี้

  • ด้านซ้ายจากซ้ายมือ – MicroSD Card reader, ช่องเสียบปลั๊ก, ช่องหูฟัง 3.5 มม.
  • ด้านขวาจากซ้ายมือ – USB-A 3.2 Gen 2 x 2 ช่อง, USB-C 3.2 Gen 2 รองรับการชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเครื่องด้วยมาตรฐาน USB Power Delivery แต่ต้องใช้ปลั๊ก 100 วัตต์ถึงจะชาร์จได้ และต่อหน้าจอแยกแบบ DisplayPort ได้ด้วย
  • ด้านหลังตัวเครื่องจากซ้ายมือ – พอร์ต LAN RJ45, USB-A 3.2 Gen 2, HDMI 2.0b

สำหรับพอร์ตรอบตัวเครื่อง ต้องถือว่าทาง ASUS ยังให้มาครบเครื่องและเอาพอร์ตที่ไม่ได้ถอดเข้าออกบ่อยๆ ไปติดตั้งไว้ด้านหลังเครื่องเลย ทำให้จัดสายไฟได้สะดวกมาก แต่ก็ยังน่าเสียดายว่า ASUS ยังไม่ได้ขยายพอร์ต MicroSD Card reader ให้เป็น SD Card reader ไซซ์มาตรฐาน แต่ก็ถือว่ายังมีพอร์ตหลักๆ ที่ต้องการใช้งานติดต้งมาให้ครบถ้วนอยู่ และถ้าพอร์ตเชื่อมต่อหน้าจอน้อยไปไม่พอใช้ก็ต่อจาก USB-C ออกมาก็ได้ด้วย

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07856

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07857
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07858
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07961
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE DSC07963

ด้านน้ำหนักของตัวเครื่องและอแดปเตอร์ เมื่อชั่งด้วยตาชั่งดิจิตอบแล้ว จะเห็นว่าเฉพาะ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE จะหนัก 2.5 กิโลกรัม ส่วนอแดปเตอร์ที่กำลังชาร์จสูงที่ควรต่อตอนเล่นเกมจะหนัก 962 กรัมหรือเกือบหนึ่งกิโลกรัมทีเดียว ส่วนอแดปเตอร์เสริมตัวเล็กที่ต่อผ่านพอร์ต USB-C จะหนัก 371 กรัมเท่านั้น

ด้านของปลั๊กทั้งสองตัวที่ติดมากับ ASUS Zephyrus Duo 15 SE ตัวนี้ ถ้าดูแล้วจะเห็นว่าทาง ASUS เตรียมเอาไว้ให้ใช้แยกงานกันอย่างชัดเจน ถ้าวางเครื่องไว้ที่บ้านเพื่อเล่นเกมเป็นหลักก็เอาอแดปเตอร์ตัวกำลังชาร์จสูงต่อเครื่องได้เลย แต่ถ้าจะทิ้งปลั๊กไว้ออฟฟิศสักตัวหรือออกนอกสถานที่ในยามจำเป็นก็ใช้เป็นอแดปเตอร์ตัวเล็กแทน ทำให้กระเป๋าเราไม่หนักและใช้งานได้ทั้งวันโดยไม่ต้องกลุ้มเรื่องแบตเตอรี่ไม่พอใช้งานได้เลย

ถ้าใครใช้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นเครื่องหลักแทนเกมมิ่งพีซีที่บ้านและเอาไปออฟฟิศเพื่อทำงานด้วย ก็เอาอแดปเตอร์ทั้งสองตัวนี้กระจายไว้ที่ออฟฟิศกับที่บ้านได้เลย และถ้าต้องไปติดต่องานและทำธุระ ก็เอาอแดปเตอร์ตัวรองติดกระเป๋าไปได้เลย

Performance & Software

CPU Z
Ram

สเปคของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เครื่องนี้เรียกว่าเป็นตัวแรงสุดจากทาง ASUS ซึ่งถึงบอดี้ภายนอกจะคล้ายกับรุ่นก่อนหน้านี้แต่สเปคภายในจัดว่าดีขึ้น เช่นซีพียูจาก AMD Ryzen 9 5900HX จะอัพเกรดมาเป็น AMD Ryzen 9 5980HX สถาปัตยกรรม AMD Zen 3 แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.3-4.8 GHz ซึ่งประสิทธิภาพตอนใช้เล่นเกมหรือทำงานกับโปรแกรมที่กินทรัพยากรเครื่องหนักๆ ก็จัดการได้ดีไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน และตัวซีพียูก็รองรับชุดคำสั่งหลักๆ อย่างครบถ้วนอีกด้วย

ด้านแรมในตัวเครื่องเป็นแบบ Dual-channel ขนาด 32GB DDR4 บัส 3200 MHz แบ่งเป็นออนบอร์ด 16GB กับแบบแรมแผ่น SO-DIMM อีก 16GB รวมเป็น 32GB รองรับการอัพเกรดได้สูงสุด 48GB ซึ่งถ้าใครเอาไปตัดต่อคลิปวิดีโอหรือทำงานกราฟฟิคหนักๆ ผู้เขียนแนะนำว่าอัพเกรดให้เต็มที่ไปเลยจะดีที่สุด ส่วนคนที่เล่นเกมอย่างเดียวแล้วใช้งานโปรแกรมทั่วๆ ไปก็ไม่ต้องอัพเกรดก็เล่นเกมใช้งานได้สบายๆ

GPU Z 1

การ์ดจอในเครื่องยังเป็นรุ่นตัวท็อปจาก NVIDIA รุ่น NVIDIA GeForce RTX 3080 แรม 16GB GDDR6 ความเร็ว 1,645 MHz รองรับ OpenCL, CUDA, DirectCompute, DirectML, Ray Tracing, PhysX, OpenGL 4.6 ครบถ้วน ซึ่งนอกจากจะเล่นเกมบนหน้าจอตัวเครื่องได้ไหลลื่นและได้ภาพสวยงามแล้ว ถ้าต่อพอร์ต HDMI 2.0b ออกไปหน้าจอแยกความละเอียด QHD แล้วเล่นเกม ก็คาดหวังความสวยงามจากภาพได้เลย

ด้านประเภทของการ์ดจอจากการค้นหาข้อมูลแล้ว ซีรี่ย์ NVIDIA GeForce RTX 3000 นั้นจะไม่มีการแบ่งฝั่งว่ารุ่นไหนเป็น Max-Q, Max-P อย่างชัดเจน แต่จากหน้าสเปคของทาง ASUS เอง จะระบุการบูสต์ประสิทธิภาพของการ์ดจอเอาไว้ว่าถ้าใช้งานในโหมดปกติ จะทำงานที่ 115 วัตต์ แต่ถ้าเปลี่ยนโหมดเป็นเกมมิ่งด้วยการกด Fn+F5 เป็น Performance แล้ว ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE จะทำ Dynamic Boost ให้การ์ดจอใช้พลังงาน 130 วัตต์ เร่งประสิทธิภาพตอนทำงานหรือเล่นเกมให้ดีขึ้น

device mgr 1

เมื่อเช็คภายในเครื่องด้วย Device Manager แล้ว จะเห็นว่าทาง ASUS เองก็ให้สเปคตัวเครื่องมาแบบจัดเต็มมาก ทั้ง SSD แบบ M.2 NVMe รุ่น Samsung MZVL21T0HCLR-00B00 หรือ Samsung PM9A1 เป็น M.2 NVMe ความจุ 1TB อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 จำนวน 2 ตัว เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax ของ MediaTek MT7921 รองรับ Bluetooth 5.1 ด้วย และมีชิป TPM 2.0 ติดตั้งมาในตัว ดังนั้นถ้าใครอยากอัพเดท Windows 10 Home ในเครื่องให้เป็น Windows 11 ก็สามารถโหลดตัวอัพเดทมาอัพเดทตัวเครื่องได้เลย

CINEBENCH R15
CINEBENCH R20

พอทดสอบการเรนเดอร์ 3D CG ด้วย CINEBENCH R15 และ CINEBENCH R20 แล้ว ถ้าดูจากคะแนนโดยรวมต้องถือว่า ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ประสิทธิภาพสูงมาก ซึ่งคะแนนที่ได้จาก CINEBENCH R15 ในส่วน OpenGL จะทำได้ 150.93 fps และ CPU 2401 cb ซึ่งจัดว่าสูงระดับหายห่วง ถ้าเอาไปทำงานกราฟฟิคต่างๆ เรียกว่าแรงหายห่วงแน่นอน

ด้าน CINEBENCH R20 ที่เน้นทดสอบประสิทธิภาพของตัวซีพียูอย่างเดียว ได้ CPU 5602 pts ในแง่ประสิทธิภาพแล้ว จัดว่าพลังประมวลผลของ AMD Ryzen 9 5980HX ตัวนี้มีให้ใช้งานเหลือเฟือ ซึ่งถ้าใครเอาไปทำ 3D CG เรียกว่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

CrytalDiskMark

ด้านประสิทธิภาพของ M.2 NVMe ของ Samsung PM9A1 นั้น ตามหน้าสเปคแล้วจะรับส่งข้อมูลผ่านอินเตอร์เฟส PCIe 4.0 แต่เนื่องจากตัว AMD ยังรับส่งข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เฟส PCIe 3.0 x4 อยู่ ดังนั้นความเร็วที่ได้ก็จะอยู่สูงสุดตามที่อินเตอร์เฟสนี้รองรับ พอวัดด้วย CrystalDiskMark แล้ว ความเร็ว Sequential Read จะอยู่ที่ 3,496 MB/s และ Sequential Write อยู่ที่ 3,514 MB/s ซึ่งถือว่าควาามเร็วเขียนอ่านข้อมูลนั้นเร็วเต็มที่เท่าที่ PCIe 3.0 x4 สามารถทำได้แล้ว ดังนั้น M.2 NVMe ในเครื่องนี้เรียกว่าไม่ต้องอัพเกรดก็ได้ เพราะว่าประสิทธิภาพตอนทำงานนั้นเหลือเฟือแล้ว

3DMark Time Spy smol

ด้าน 3D Mark Time Spy ที่ทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตอนเล่นเกมที่เป็นงานหลักของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE ที่ผู้เขียนปรับเป็นโหมด Performance แล้ว ต้องนับว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เล่นเกม AAA ในปัจจุบันนี้ได้ทุกเกมได้สบายๆ อย่างแน่นอน ด้วยผลคะแนนรวม 11,196 คะแนน และถ้าแยกส่วนกัน CPU score จะทำได้ 10,100 คะแนนและ Graphics score 11,415 คะแนน ถ้าให้เทียบแล้ว ก็สามารถใช้เล่นเกมต่อไปได้อีก 3-4 ปีอย่างแน่นอน

PCMark 10

ด้านโปรแกรม Benchmark สำหรับสายทำงานอย่าง PCMark 10 ทำคะแนนเฉลี่ยรวมไปได้ 7,121 คะแนน จัดว่าแรงหายห่วงไม่มีปัญหาใดๆ เลย โดยเฉพาะคะแนนส่วน Essential ที่เป็นการเปิดโปรแกรมและประชุมงานออนไลน์ที่กวาดคะแนนไป 10,477 คะแนน ถัดลงมาที่ Digital Content Creation ที่เกี่ยวกับการตัดต่อแต่งภาพก็จัดไปถึง 9,814 คะแนน ปิดด้วย Productivity ที่ 9,531 คะแนน เรียกว่าเป็นเครื่องการันตีได้ดีว่าถ้าเอาไปทำงานไม่ว่าจะตัดต่อคลิปหรือแต่งภาพก็ทำได้ไหลลื่นสุดๆ ไม่มีปัญหาเลย

affinity 1

อีกการทดสอบจาก Affinity Photo ที่เป็นโปรแกรมแต่งภาพประเภทเดียวกับ Adobe Photoshop เมื่อรัน Benchmark แล้ว จะเห็นว่าคะแนนของกราฟฟิคการ์ดในส่วนของ Raster (Single GPU) และ (Multi GPU) นั้นจะทำคะแนนได้สูงมากระดับ 4,000 คะแนน รวมทั้งการทดสอบ Combined (Single) และ (Multi GPU) ก็ทำคะแนนได้ยอดเยี่ยมมากในช่วงเกือบ 4,000 คะแนน เช่นกัน

จากการทดสอบตัวเครื่องในแง่การทำงานมาทั้งหมดแล้ว ถือว่าในแง่การทำงานอาร์ตเวิร์คต่างๆ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เครื่องนี้สามารถทำงานได้ไหลลื่นไม่มีปัญหาหน่วงหรือช้ามารบกวนแน่นอน เนื่องจากซีพียูและการ์ดจอนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ดีที่สุดในโน๊ตบุ๊ครุ่นปัจจุบันนี้เลย ซึ่งถ้าสตรีมเมอร์คนไหนต้องการเอาไป Live stream เล่นเกมแล้วตัดต่อคลิปไฮไลต์อัพโหลดขึ้น YouTube ก็ไม่ต้องห่วงเลย นอกจากนี้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ต่างๆ ก็สามารถเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปใช้ทำงานได้เลยเช่นกัน

rog duo 15 se

ในฐานะที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวท็อปของทางค่ายแล้ว ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เอง ก็ทำผลงานการเล่นเกมบนหน้าจอตัวเครื่องระดับ Full HD ค่า Refresh Rate 300 Hz ได้น่าประทับใจมาก โดยการทดสอบนี้ผู้เขียนปรับเป็นโหมด Performance และปรับกราฟฟิคในเกมระดับสูงสุดทั้งหมดเท่าที่เกมนั้นเปิดให้ตั้งค่าได้ด้วย

ผลที่ได้จะเห็นว่าเฟรมเรทเฉลี่ยในกราฟแท่งสีเหลืองนั้น ทำเฟรมเรทเฉลี่ยไปได้เกิน 60 เฟรมต่อวินาทีทั้งหมด รวมถึง SCUM ที่ถึงจะอยู่ในช่วงกำลังพัฒนาตัวเกมก็ยังรีดเฟรมเรทเฉลี่ยไปได้ 74 เฟรมต่อวินาที นอกจากนี้เกมสาย FPS หรือ Third-person shooting อย่าง PUBG ก็สามารถรีดเฟรมเรทได้สูงเกินร้อยเฟรมทั้งหมด โดยเฉพาะ Resident Evil Village ที่ผู้เขียนปรับกราฟฟิคไประดับสูงสุดก็รีดเฟรมเรทได้สูงมากเช่นกัน แต่จุดสังเกตคือเกม DotA 2 ที่ผู้เขียนปรับกราฟฟิคในเกมระดับสูงสุดทุกอย่างแล้ว เฟรมเรทยังติดล็อคอยู่ที่ช่วง 121 เฟรมต่อวินาทีเท่านั้น แต่ถ้านับที่พลังการทำงานของ NVIDIA GeForce RTX 3080 แล้ว เฟรมเรทของ DotA 2 นั้นสามารถรีดไปได้สูงกว่านี้อย่างแน่นอน

เมื่อเฟรมเรทและประสิทธิภาพของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE นั้นสูงระดับนี้แล้ว ส่วนตัวผู้เขียนก็แนะนำว่าถ้าอยากเล่นเกมให้ได้อรรถรสยิ่งขึ้น ก็แนะนำให้ต่อหน้าจอแยกความละเอียด QHD ค่า Refresh Rate สูงระดับ 144 Hz เข้าไปสักตัว จะได้เล่นเกมให้มีอรรถรสยิ่งขึ้นและยังได้เฟรมเรทตอนเล่นเกมในระดับสูงช่วงร้อยเฟรมอย่างแน่นอน เรียกว่าซื้อเครื่องเดียวทำหน้าที่แทนเกมมิ่งพีซีที่บ้านได้อย่างแน่นอน

Battery & Heat & Noise

battmon 1

สำหรับแบตเตอรี่ขนาด 89 Wh ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE ต้องถือว่าให้มาเยอะ แต่เมื่อซีพียูกับการ์ดจอเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูงทั้งคู่ก็อาจจะใช้งานได้นานระดับหนึ่งแต่ไม่เท่ากับรุ่นที่เน้นเรื่องระยะเวลาใช้งานเป็นหลัก แต่เมื่อทดสอบตามมาตรฐานเว็บไซต์โดยปิดหน้าจอ ROG ScreenPad Plus สลับโหมดเป็น Silent และเปิดโปหมดประหยัดพลังงาน ลดความสว่างหน้าจอต่ำสุดและเสียงเหลือ 10% แล้วดูคลิป YouTube ความยาว 30 นาทีด้วย Microsoft Edge แล้ว BatteryMon แจ้งว่าแบตเตอรี่ 89 Wh สามารถใช้งานได้นานสุดที่ 3 ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้น

ในฐานะที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแล้ว ระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ระดับร่วม 4 ชั่วโมงเช่นนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่พบเห็นได้เป็นปกติ แต่อาจจะน้อยกว่ารุ่นที่ใช้การ์ดจอระดับ RTX 3050, RTX 3060 เล็กน้อย แต่ก็แลกกับประสิทธิภาพที่เหนือกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นถ้าใครใช้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นเครื่องหลักทั้งทำงานและเล่นเกมก็ควรพกอแดปเตอร์ติดกระเป๋าเอาไว้ใช้งานเสมอ จะได้ทำงานและเล่นเกมได้ต่อเนื่องไม่ขาดตอน

 

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07937

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07892
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07891
ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07880

ด้านระบบระบายความร้อน Liquid Metal จาก Thermal Grizzly จับคู่กับ AAS Plus ที่ช่วยเสริมระบบประสิทธิภาพการะระบายความร้อนให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยดึงลมเข้าทางช่องด้านใต ROG ScreenPad Plus และด้านใต้เครื่องเข้าพัดลมโบลวเวอร์ 2 ตัวเพื่อระบายความร้อนออกช่องระบายอากาศ 4 ตัวรอบเครื่อง เวลาใช้งานตามปกติอย่างการดูหนังฟังเพลงเรียกว่าไม่มีเสียงพัดลมระบายอากาศดังขึ้นมารบกวนเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าเปลี่ยนเข้าโหมด Performance หรือ Turbo แล้วเล่นเกมจะได้ยินเสียงพัดลมระบายความร้อนทำงานอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ถึงกับรบกวนหรือเสียอรรถรสเวลาเล่นเกมอย่างแน่นอน

heat

ส่วนอุณหภูมิด้านในตัวเครื่องตอนทดลองเล่นเกมแล้ววัดด้วย CPUID HWMonitor จะเห็นว่าอุณหภูมิของซีพียูเฉลี่ยและต่ำสุดที่ 88 องศาเซลเซียส และสูงสุด 91 องศา ส่วนชิ้นส่วนอื่นอย่าง SSD อยู่ที่ช่วง 57-62 องศา ส่วนการ์ดจออยู่ช่วง 61-71 องศาเซลเซียสเท่านั้น ต้องถือว่าระบบระบายความร้อนและ Liquid Metal ในตัวเครื่องก็สามารถจัดการระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี

จากการใช้งานจริงถือว่าเรื่องความร้อนในเครื่องอาจจะดูสูงนิดหน่อย แต่ตอนเล่นเกมกลับไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนแผ่ขึ้นมาที่มือตอนเล่นเกมเลยแม้แต่น้อย ไม่มีอาการตัวเครื่องลดประสิทธิภาพการทำงานลงเพราะอุณหภูมิสูงเกินแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นเรื่องอุณหภูมิระหว่างใช้งานนั้นถือว่าไม่ต้องเป็นห่วงและไว้ใจประสิทธิภาพของ Liquid Metal และ AAS Plus ของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เครื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

User Experience

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07864

จากการทดลองใช้งานและเล่นเกมด้วย ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE แล้ว จัดว่าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ตตัวแรงระดับ Desktop replacement จริงจังเครื่องหนึ่ง ระดับที่ถ้าไม่อยากรอการ์ดจอแยกราคาตกแล้ว ก็ขายแยกชิ้นส่วนเอาทุนมาร่วมซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปต่อหน้าจอแยกแล้วเล่นเกมเลยก็ได้ เพราะพลังของซีพียู, การ์ดจอและ SSD แบบ M.2 NVMe ในเครื่องที่ทาง ASUS ประกอบมาให้ใช้งานนั้นจัดว่าอยู่ในระดับดีที่สุดในท้องตลาดตอนนี้แล้ว ระดับที่ไม่ต้องอัพเกรดก็แรงเหลือเฟืออีกด้วย

ถ้าเทียบกัน ต้องถือว่าประสิทธิภาพด้านเล่นเกมของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้โดดเด่นนำสเปคด้านอื่นมาก ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนเองเป็นคนเล่นเกมเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อทดลองเล่นเกมด้วย ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เครื่องนี้ดูแล้ว ต้องนับว่าประสิทธิภาพของมันดีไม่มีที่ติและเปิดกราฟฟิคในเกมได้อย่างสวยงามจัดเต็มเท่ากับการประกอบเกมมิ่งพีซีแรงๆ สักเครื่องมาเล่นเกมเลย หากมีงบประมาณสำหรับประกอบเกมมิ่งพีซีในยุคนี้อยู่ก้อนหนึ่งแล้ว แต่ราคาของการ์ดจออย่างเดียวแพงเกินรับไหวและพอรวมกับชิ้นส่วนอื่นในเครื่องแล้วราคาดีดตัวสูงมาจนไล่เลี่ยหรือเท่ากับโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ล่ะก็ ส่วนตัวจะแนะนำให้เอาเงินมาลงกับโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้แล้วต่อหน้าจอเสริมดีๆ สักตัวไปเลยก็เล่นเกมได้สบายๆ ใช้งานง่ายและมีบริการหลังการขายครบเครื่องในตัวแบบไม่ต้องไล่เช็คหรือถอดชิ้นส่วนเคลมแยกทีละชิ้นก็ได้

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07958

ด้านความอเนกประสงค์ของตัวเครื่องก็ถือว่าน่าประทับใจ เพราะหน้าจอ ROG ScreenPad Plus ที่ติดตั้งมาให้และเป็นหน้าจอทัชสกรีนด้วย ทำให้เราเอาโปรแกรมเสริมตอนเล่นเกมอย่าง Discord หรือเอาหน้าพาเนลของโปรแกรมตัดต่อและอื่นๆ ที่ใช้นิ้วแตะสั่งงานได้สะดวกกว่ามาไว้ที่หน้าจอเสริมนี้จะทำงานได้สะดวกขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นนอกจากเกมเมอร์แล้ว คอนเทนต์ครีเอเตอร์ก็เหมาะจะเอาเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ เป็นอย่างมาก

Conclusion & Award

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07875

สรุปแล้ว ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เครื่องนี้ต้องถือว่าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวแรงสุดระดับเรือธงที่ทำมาเอาใจเกมเมอร์หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่หาโน๊ตบุ๊คที่แรงที่สุดมาเล่นเกมและทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าลงทุนเพื่อเครื่องนี้ไปครั้งเดียวก็เอาไปเล่นเกม AAA ปรับกราฟฟิคระดับสูงสุดได้ยาวหลายปีแน่นอน และถ้าให้ดี ผู้เขียนก็แนะนำให้ต่อหน้าจอแยกความละเอียด QHD เข้าไปอีกตัวเพื่อเล่นเกมบนหน้าจอความละเอียดสูงให้ภาพคมชัดขึ้นแต่ก็ยังได้เฟรมเรทเฉลี่ยในระดับสูงเช่นเดิมอย่างแน่นอน

ถ้าสเปคแรงแล้ว ระบบระบายความร้อน Liquid Metal จาก Thermal Grizzly เองก็ทำออกมาได้ดี ต่อให้เล่นเกมและ Live stream ต่อเหนื่องหลายชั่วโมงก็ได้สบายๆ ยิ่งถ้าใครเป็นสายฟาร์มเกมต่อเนื่องหลายชั่วโมงไม่มีพักก็ไม่มีปัญหาและไม่มีความร้อนแผ่ขึ้นมืออย่างแน่นอน โดยเฉพาะคนที่เน้น Live stream ก็มีกล้อง Webcam “ROG Eye” พร้อมอแดปเตอร์เอาไว้ต่อกับขาตั้งกล้องเพื่อปรับมุมภาพให้เข้ากับที่เราต้องการแถมมาให้ในแพ็คเกจ เรียกว่าพร้อมใช้งานทุกอย่างและสเปคก็แรงแบบไม่ต้องอัพเกรดแล้วก็ได้

ASUS ROG Zephyrus DUO DSC07874

แต่จุดสังเกตหลักๆ อย่างความละเอียดหน้าจอที่ลดลงมาเหลือ Full HD แต่ Refresh Rate สูงระดับ 300 Hz แทนที่จะเป็น 4K 120 Hz เหมือนในรุ่นก่อนหน้านี้ที่ได้รีวิวไป ต้องเรียกว่าเป็นจุดครึ่งทางที่บางคนอาจจะชอบหรือรู้สึกติดใจก็ได้ ซึ่งถ้าใครเน้นที่อยากได้ภาพในเกมไหลลื่นมากๆ โดยเฉพาะเกมแนว FPS ที่ภาพเปลี่ยนต่อเนื่องรวดเร็วและ Input Lag น้อย น่าจะชอบรุ่นจอ Full HD Refresh Rate 300 Hz มากกว่า แต่ถ้าใครเน้นภาพสวยงามเป็นใจความและภาพลื่นระดับหนึ่งก็โอเคแล้ว น่าจะสนใจจอ 4K 120 Hz มากกว่าอย่างแน่นอน แต่รุ่นนี้ก็มีทางแก้อย่างการต่อหน้าจอแยกผ่าน HDMI 2.0b ที่รองรับความละเอียด 4K 60 Hz แทน ก็ได้ภาพสวยคมชัดเหมือนกัน

ส่วนระบบสแกนลายนิ้วมือก็เป็นฟีเจอร์ที่อยากให้ ASUS ติดตั้งมาให้โน๊ตบุ๊คทุกรุ่นเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยไม่ต้องแยกว่าเป็นซีรี่ส์ไหน เพราะช่วยให้ล็อคอินตัวเข้า Windows มาใช้งานได้สะดวกกว่าพิมพ์รหัสผ่านมาก ดังนั้นถ้าใครเห็นว่าจุดสังเกตทั้ง 2 จุดนี้ ดูจะน่าติดใจอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่า ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE เครื่องนี้เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่แรงสุดโต่งระดับที่แทนเกมมิ่งพีซีหลายๆ รุ่นได้สบายๆ ดังนั้นถ้าใครดีดลูกคิดรางแก้วแล้วคิดว่าราคาประกอบเกมมิ่งพีซีสักเครื่องดูจะไม่คุ้มค่าหรือเพิ่มอีกนิดหน่อยไปเอาเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแรงๆ สักตัวแล้วพกไปทำงานหรือเล่นเกมที่ไหนก็ได้ล่ะก็ นี่คือรุ่นที่ดีและใหม่ที่สุดที่ ASUS มีให้คุณเลือกซื้อ ณ ตอนนี้ และได้ฟีเจอร์ในเครื่องดีสมค่าตัวอย่างแน่นอน

Award

award new multi media

Best multimedia

Best Multimedia ของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 SE ยกให้กับลำโพง Dolby Atmos ที่ให้เสียงมีมิติคมชัด แยกทิศทางได้ดีเหมือนลำโพงคุณภาพดีชุดหนึ่งที่เอามาต่อกับคอมพิวเตอร์แล้วดูหนังหรือเล่นเกมก็ดีคุ้มค่าตัว เรียกว่าได้อรรถรสตอนดูหนังและเล่นเกมอย่างเต็มที่แน่นอน ซึ่งถ้าใครชอบเล่นเกมเปิดลำโพงเป็นประจำก็น่าจะชื่นชอบลำโพงของเครื่องนี้แน่นอน

award new Gaming

Best Gaming

ในฐานะเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับเรือธงของ ASUS ที่ใส่ทั้ง AMD Ryzen 9 5980HX กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080, SSD แบบ M.2 NVMe 1TB x 2 ตัวและแรม 32GB ต้องถือว่าเป็นสเปคที่แรงแบบไร้ข้อกังขา ไม่ต้องอัพเกรดไม่ต้องทำอะไร แค่เปิดเครื่องแล้วลงเกมที่อยากเล่นแล้วสนุกที่หน้าจอหลักหรือจอ QHD จากนั้นปรับกราฟฟิคให้สุดก็เล่นเกมได้มันส์เต็มอิ่มอย่างแน่นอน

from:https://notebookspec.com/web/618237-review-asus-rog-zephyrus-duo-15-se

รีวิว ASUS ROG Zephyrus M16 สเปก i9-11900H + RTX 3060 จอ 16″ 2K 165Hz sRGB 100% เบา 2 โล ดีไซน์สุดพรีเมียม

ASUS ROG Zephyrus M16 (GU603) ใช้สเปก Intel Core i Gen 11 Tiger Lake H45 และ NVIDIA GeForce RTX 30 Series รุ่นใหม่ล่าสุด กับการที่เป็น Gaming Notebook ปี 2021 เน้นความพรีเมียม หน้าจอ 16″ เบา 2 กิโลกรัม ดีไซน์บางเบา หน้าจอ 16″ จอ 2K WQHD 165Hz สุดล้ำประสิทธิภาพสูงสุด ติดตั้งลำโพง 6 ตัวสุดกระหึ่ม Dolby Atmos วัสดุฝาหลังเป็นโลหะผ่านกระบวนการขึ้นรูปเจาะ CNC ที่เรียบเนียนสวยงาม พร้อมสีสันใหม่อย่าง Off Black ที่ให้ความแตกต่างอย่างโดดเด่น

เป็นชิปประมวลผลจาก Intel Core i9-11900H ที่ดีที่สุดเน้นทั้งแรงและร้อนน้อยกว่า ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร SuperFin ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) เทคโนโลยี 8 นาโนเมตรที่ใหม่ที่สุด สถาปัตยกรรม RTX Gen 2 สเปกอื่นๆ ก็โดดเด่นไม่เป็นรองกัน โดยติดตั้งแรมมาขนาด 32GB DDR4 Bus 3200MHz อีกทั้งได้ที่เก็บข้อมูลมาเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ที่ความเร็ว 5,000 – 7,000 MB/s

ASUS ROG Zephyrus M16

สำหรับหน้าจอ ASUS ROG Zephyrus M16 เป็นพาเนล IPS เกรดสูง sRGB 100% รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz อีกทั้งมีปุ่ม Power ทำหน้าที่ Fingerprint ด้วย จัดเต็มเลยการเล่นเกมหรือทำงาน ที่สำคัญคือได้มาตรฐานการเชื่อมต่อมาตรฐาน Thunderbolt 4 ที่รองรับทุกๆ การเชื่อมต่อที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะโอนถ่ายข้อมูล ต่อจอแยก 4K/8K และชาร์จไฟ PD แน่นอนว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ใช้ได้ทันที ด้ประกันก็เป็น 3 ปี On-site Service และประกันอุบัติเหตุในปีแรกด้วย

VDO Review

Coming Soon

NBS Verdict

นับว่าเป็น Gaming Notebook ที่ทำงานระดับมืออาชีพ ดีไซน์บางเบา เน้นการทำงาน ให้ปสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอด ผ่านขนาดหน้าจอ 16″ ที่ทรงพลังจริงๆ และแรงล้ำไม่ซ้ำใคร สำหรับการมาของ ASUS ROG Zephyrus M16 เชื่อได้เลยว่าตลาด Gaming Notebook สนุกสนานแน่นอน ไม่ใช่แค่เป็นรุ่นหน้าจอ 2K WQHD ที่คมชัดกว่า Full HD เท่านั้น แต่ด้วยการมาของสเปกชิปประมวลผลให้ล่าสุดจาก Intel Core i9 Gen 11 H45 ก็แรงลื่นกว่า i9 Gen 11 H45 ไปอีกขั้น

ประกอบกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 30 Series อย่าง RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) มีค่า TGP ที่ 95W โดยผ่านการ OC จากทาง ASUS ที่ดูแล้วจากผลทดสอบจริงๆ แล้ว มีความเหนือกว่า Gaming Notebook ปีก่อนแบบชัดเจนในการเล่นเกมที่ควรละเอียดที่มากกว่า ซึ่งให้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอดทั้งภาพที่สวยงามและเสียงที่จัดเต็มด้วยลำโพง 6 ตัว ระบบ Dolby Atmos อย่างที่หาไม่ได้ใน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ณ ขณะที่เรากำลังรีวิวอยู่ 

ASUS ROG Zephyrus M16

ดีไซน์การออกแบบทั้งหมดเอง ก็เป็นการต่อยอดมาจากรุ่นปีก่อนหน้าจอ 15.6″ อย่าง ASUS Zephyrus หลายๆ รุ่น ในทุกๆ มิติ โดยฝาหลังเองมีการรังสรรค์เจาะรูกว่า 8279 รูพร้อมสีสันภายในเพิ่มความมันวาวไม่เหมือนใคร พร้อมการเสริมรังผึ้งใต้ที่พักฝ่ามือเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยวัสดุที่น้อยที่สุดเพื่อให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาและแข็งแรง การออกแบบทนต่อการโค้งงอภายใต้แรงกดเพื่อความรู้สึกกระชับในขณะที่เราใช้งาน พร้อมมี ErgoLift Hinge ช่วยตัวเครื่องให้เอียงเข้ากับการพิมพ์ และกางได้สุดที่ 180 องศา อย่างที่โน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ไม่มี 

จุดเด่นที่ต้องพูดถึงนอกจากดีไซน์สวยเฉียบคือความบางที่ 19.9 มิลลิเมตร ขอบจอบางเฉียบ พกพาสะดวกด้วยความเบาของเครื่องเพียง 2 กิโลกรัม แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 6:40 ชั่วโมง การเชื่อมต่อก็ครบครันทั้งไร้สายและพอร์ต Thundebolt 4 รองรับการโอนถ่ายข้อมูล / ต่อจอแยก / ชาร์จ PD ที่สำคัญก็คือได้หน้าจอคุณภาพสูง ที่ได้ Refresh Rate ที่ 165Hz นับได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 16″ สัดส่วน 16:10 ที่ความละเอียด 2K ที่คมชัดกว่า Full HD แบบเดิมๆ ซึ่งเป็นมาตรใหม่ที่ดีที่สุดรุ่นนึง ทั้งจากตัวเครื่อง ฟีเจอร์ และประสบการณ์ใช้งานจริง

ASUS ROG Zephyrus M16

สำหรับสเปกชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H ที่เน้นทั้งแรงและร้อนน้อยกว่า จากเทคโนโลยีROG Intelligent Cooling ที่จัด Heatpipe มาให้ถึง 6 เส้น, พัดลมดีไซน์ใหม่ที่ช่วยลดเสียงรบกวนพร้อมทำความสะอาดตัวเองได้ และใช้ Liquid metal การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 ที่ TGP 95W แรมการ์ดจอ 6GB GDDR6 ที่ติดตั้งแรมตัวเครื่องมา 32GB พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนักๆ หรือเล่นเกม 3 มิติก็จะมีความลื่นไหลแน่นอน เทียบกับรุ่นรุ่นก่อนๆ ก็เหนือชั้นกว่าด้วย อย่างไรก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ASUS ROG Zephyrus M16 ก็จะมีข้อสังเกตในส่วนของ การที่ไม่มี SD Card Reader มีแต่ก็ยังมี micro SD Card Reader มาให้ (แต่สายทำงานน่าจะใช้ SD Card มากกว่า) แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยกว่าที่เคลมไว้ที่ 10 ชั่วโมง ทดสอบจริงได้ 6:40 ชั่วโมง และถ้ามีสเปก i7-11800H + RTX 3070 น่าจะเหมาะสมกับการเล่นเกมที่ 2K กว่านี้ ด้วยราคา 64,990 บาท ได้ประกัน ASUS Exclusive Care 3 ปี On-site Service และประกันอุบัติเหตใน 1 ปีแรก จัดเป็น Gaming Notebook ระดับบนของปี 2021 ที่สมราคาจริงๆ

ASUS ROG Zephyrus M16

จุดเด่น ASUS ROG Zephyrus M16

  • ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจตามสไตล์ ROG Zephyrus งานประกอบแน่นวัสดุดีเยี่ยม
  • ขอบหน้าจอบางพิเศษมิติเทียบเท่ารุ่น 15.6″ ตัวเครื่องเบา 2 กิโลกรัม บางสุดที่ 19.9 มิลลิเมตร
  • ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Intel Core i9-11900H แรงลื่น ร้อนน้อยกว่า
  • การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3060 พร้อม OC มาจาก ASUS เพิ่มความแรงไปอีก
  • แรมขนาด 32GB Bus 3200 MHz แบบ Dual (Onboard มา 16GB แบบ SO-DIM 16GB)
  • ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ที่ความเร็ว 5,000 – 7,000 MB/s
  • หน้าจอ 16″ พาเนล IPS คุณภาพสูง sRGB 100% ความละเอียด 2K @ Refresh Rate 165Hz
  • ติดตั้ง 6 ลำโพง ระบบ Dolby Asmos รองรับ Hi-Res เพื่อให้ได้รับประสบการณ์เสียงชั้นยอด
  • ติดตั้งกล้องเว็บแคม พร้อมไมโครโฟนแบบพิเศษ 3 มิติ ที่ AI ช่วยตัดเสียงรบกวนได้
  • อุณหภูมิในการใช้งานถือว่าจัดการได้ดี ด้วย ROG Intelligent Cooling ทำงานได้ไม่มีสะดุด
  • พอร์ตการเชื่อมต่อครบครันและมี Thunderbolt 4 รองรับ 40Gbps / DisplayPort / USB PD
  • ปุ่ม Power ทำหน้าที่ Fingerprint เพื่อใช้งาน Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน Login ด้วย
  • มาพร้อมกับระบบชาร์จเร็วสูงสุด 50% ใน 30 นาที และมีช่องชาร์จแบบ Type-C 
  • มีซอฟต์แวร์ Armory Crate และ MyASUS มาช่วยปรับแต่งการใช้งาน
  • มาพร้อม Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที มีความสเถียร์ของไดร์เวอร์
  • ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม ประทับใจมาก เมื่อเทียบกับราคา
  • ASUS Exclusive Care ประกัน 3 ปีแบบทั่วโลก พร้อมบริการ On-site Service และมีประกันอุบัติเหตุ 1 ปี

ข้อสังเกต ASUS ROG Zephyrus M16

  • ไม่มี SD Card Reader มีแต่ micro SD Card Reader
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยกว่าที่เคลมไว้ที่ 10 ชั่วโมง ทดสอบจริงได้ 6:40 ชั่วโมง
  • ถ้ามีสเปก i7-11800H + RTX 3070 น่าจะเหมาะสมกับการเล่นเกมที่ 2K กว่านี้ 

Specification

ASUS ROG Zephyrus M16 จะมีจำหน่ายอยู่เพียงสเปกเดียวเท่านั้น ซึ่งเน้นความคุ้มค่าแต่ว่าแรงลื่น ได้ชิปประมวลผลตัวแรงเป็น Intel Core i Gen 11 Tiger Lake H45 ในรุ่น Core i9-11900H ทำงานที่ความเร็ว 2.50 – 4.90 GHz แบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ซึ่งให้ความแรงและ Core การทำงานที่มากกว่า i7-11800H พร้อมกันนั้นยังมี AI ช่วยในการทำงานบางโปรแกรมได้ลื่นไหลยิ่งกว่า โดยมีการ์ดจอออนชิปรุ่นใหม่อย่าง Intel UHD Graphics Xe 750 32EUs

พร้อมการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) พร้อมที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ไว้ด้วย มีความลื่นไหลขั้นสูง อีกทั้งยังรองรับการติดตั้งอัพเกรดเพิ่ม SSD M.2 มาให้อีก 1 ช่อง ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ Dual Channel มาตรฐาน DDR4 Bus 3200 MHz (16GB x 2 โดยออนบอร์ดมาแล้ว 1 แถว) โดยสามารถอัพเกรดได้สูงสุด 48GB 

ASUS ROG Zephyrus M16

โดดเด่นกว่ารุ่นก่อนหน้าคือได้หน้าจอขนาด 16″ ความละเอียด WQHD ที่ 2560 x 1600 พิกเซล ที่สะดส่วน 16:10 ให้พื้นที่มากกว่าหน้าจอทั่วไป พาเนล IPS เกรดสูง ระดับขอบเขตสี sRGB 100% รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz พร้อมมาตรฐาน DolbyVision ให้ความเรียบเนียนในการใช้งานสุด พร้อมความลื่นไหลและค่าสีที่เที่ยงตรงในจอเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงเป็น 6 ตัวจัดเต็ม ได้กล้องเว็บแคม 720p และ AI mic noise-canceling ภายในตัว

พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง 2 x USB 3.2 Gen 2 Type-A และ 1 x USB 3.2 Gen2 Type-C โดดเด่นด้วย Thunderbolt 4 ที่รองรับโอนถ่ายข้อมูล 40Gbps / DisplayPort 1.4 ออก 4K, 8K ได้ / ชาร์จไฟผ่านทาง USB PD (power delivery ) ระบบการเชื่อมต่อไร้สายเป็นมาตรฐานใหม่อย่าง Intel Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) และ Bluetooth 5.2 พร้อมระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 Home และซอฟต์แวร์ Utility อย่าง Armory Crate / MyASUS มาให้ในตัว

ASUS Exclusive Care ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 ปี Local Onsite Service เครื่องมีปัญหา ไปซ่อมถึงที่ 3 ปี International Warranty เครื่องมีปัญหาแต่อยู่ต่างประเทศ ก็ยัง สามารถใช้บริการการรับประกันระหว่างประเทศได้ 1 ปี Perfect Warranty อุบัติเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะทำน้ำหกใส่ ไฟฟ้าลัดวงจร หรือเครื่องตกหล่น โดยทั้งหมดนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เมื่อซื้อสินค้าที่มีสัญลักษณ์ ASUS Exclusive Care

ASUS ROG Zephyrus M16 GU603HM-K8024T ราคา 64,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : Intel Core i9-11900H (8C/16T & 2.5 – 4.9GHz)
  • GPU : Intel UHD + NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6)
  • RAM : 32GB DDR4 Bus 3200 MHz (Onboard 16GB)
  • DISPLAY: 16″ IPS 2K QHD 165Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen4 1TB
  • OS : Windows 10 Home
  • Warranty : 3 Years On-site Service + 1 Year Perfect Warranty 

Hardware / Design

ASUS ROG Zephyrus M16 อยู่บนพื้นฐานการออกแบบของตระกูล ROG Zephyrus ที่เน้นสายเกมเมอร์สายพกพาบางเบาที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งจากฟีเจอร์ ดีไซน์และสเปกแรงล้ำกว่าที่เคยมีมาทั้งหมด มีสีสัน Off Black พร้อม ตัวเครื่องมีผิวสัมผัส Soft-touch ในบริเวณที่รองข้อมือ ที่ยังช่วยลดโอกาสเกิดรอยนิ้วมือที่ไม่น่าดู ด้วยเคลือบผิวที่บาง ทำให้ยังคงได้ผิวสัมผัสที่ดี แต่ยังคงสไตล์ความบางกะทัดรัดไว้ กับน้ำหนักเพียง 2 กิโลกรัมและบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร 

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 73

รวมไปถึงหน้าจอมีขนาด 16″ แบบขอบจอบางเฉียบ Nano Edge Display ตามสไตล์ของ ASUS โดยตัวเครื่องเทียบเท่า 15.6″ เท่านั้น ทำให้ใช้งานได้เต็มตามากขึ้น ส่วนช่องระบายความร้อนมีทั้งหมด 4 ช่อง เทคโนโลยี ROG Intelligent Cooling เป่าออกใต้หน้าจอ 2 ช่อง และด้านขวาซ้ายอีกอย่างละ 1 ช่อง พัดลม 2 ตัว แบบ 84 ใบ พร้อมฮีทไปป์ 6 เส้นขนาดใหญ่พร้อมทำความสะอาดตัวเองได้  และ Liquid Metal Thermal Grizzly Conductonaut ดึงความร้อนออกจาก CPU / GPU ได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่นำพาความร้อนออกได้เป็นอย่างดี 

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 75

มีความโดดเด่นโดยฝาหลังโลหะวัสดุแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่เราเห็นเป็นจุดๆ ซึ่งกระจายไปทั่วนั้น ผ่านกระบวนการ CNC ด้วยเครื่องจักรมาเป็นอย่าง กว่า 8,297 รูด้วยกัน พร้อมแซมด้วยสีปริซึม อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 3 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 180 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ช่วยเรื่ององศาการพิมพ์ที่สบายขึ้น การรดูดลมเย็นที่ดีขึ้น และลำโพงสะท้อนเสียงได้มากยิ่งขึ้นด้วย

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 65

ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงงานประกอบเรียบร้อย พร้อมอากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นอีก 4 ช่องด้านล่างใต้เครื่อง อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัวจากนั้นค่อยๆ ดึงขึ้น รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 54

สรุปสั้นๆ สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่อง ASUS ROG Zephyrus M16  ต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook บางเบาหน้าจอ 16″ ได้อย่างลงตัว ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก จากแต่ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ที่ความแรงระดับนี้ จะอยู่บนตัวเครื่องที่บางและเบาแบบนี้ แต่ตอนนี้ทาง ASUS ทำออกมาได้แล้ว ในประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่ล้ำหน้ากว่า 

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 20
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 24
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 25
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 28
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 31
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 33
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 23
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 64
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 58

Keyboard / Touchpad

ASUS ROG Zephyrus M16 เป็นคีย์บอร์ด Gaming แบบ Stealth Type พิมพ์ได้เงียบ ที่มีไฟ LED แบบ RGB All Zone แต่ละปุ่มมีมุมโค้งเข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.7 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง รวมถึงสามารถมีฟังก์ชั่นเพิ่มลดเสียง เปิดปิดไมค์ และปุ่มเรียกโปรแกรม Armoury Crate ซึ่งตัวปุ่มต่างๆ ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์อย่างแท้จริง

โดยปุ่ม Power ที่ติดตั้งอยู่เหนือชุดคีย์บอร์ดยังทำหน้าที่ Fingerprint ในหนึ่งเดียวกัน เพื่อใช้งาน Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน Login ด้วย เรียกได้ว่าได้ทั้งความรวดเร็วและปลอดภัย ในส่วนของทัชแพดเองขนาดใหญ่มากๆ ใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ ถึง 20% ดีไซน์แบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก 

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 41

ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี ฟีเจอร์ Multi-touch หรือ Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ Windows 10 Home ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นทัชแพดที่ใช้งานได้ดีที่สุดรุ่นนึงสำหรับ Gaming Notebook ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดอย่าง F5 ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนโหมดการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Turbo / Performance / Silent / Windows ตามความเหมาะสมในการใช้งานต่างๆ เช่นการเล่นเกมจะเป็น Turbo ส่วนถ้าใช้งานทั่วไปคือ Windows 

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 44
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 43
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 45
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 42
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 49
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 32

Screen / Speaker

ASUS ROG Zephyrus M16 มีหน้าจอขอบจอบางเฉียบ Nano Edge Display ทั้งขอบด้านข้างและด้านบนทำให้ไม่มีกล้องเว็บแคม ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง (แต่ยังมีไมโครโฟนแบบคู่อยู่) ด้วยขนาด 16″ ความละเอียด WQHD (2560 x 1600 พิกเซล) สัดส่วนหน้าจอ 16:10 ที่ดีกว่า 16:9 ในการทำงานต่างๆ โดยได้พาเนลเป็น IPS คุณภาพดีเยี่ยม มุมมองกว้าง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare รวมๆ ติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนแบบ 2 ตัว มีระบบตัดเสียงรบกวน เทคโนโลยี ASUS AI Noise-Canceling Audio เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการประชุมแบบวิดีโอเหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 35

รวมไปถึงยังเป็นหน้าจอเป็น Refresh Rate ที่ 165Hz / 3ms ทำให้ใช้งานเล่นเกม FPS ฉากเคลื่อนไหวเร็วๆ ได้อย่างลื่นไหลกว่าหน้าจอทั่วไปที่แค่ 60Hz รวมๆ แล้ว พร้อม ลดอาการเบลอ ค้าง จากการเคลื่อนไหว เพื่อการ Ray Tracing ที่แม่นยำยิ่งขึ้น และด้วยฟีเจอร์ Adaptive-Sync ยังช่วยให้การเล่นเกมมีความเรียบลื่น ช่วยลดอาการภาพฉีกขาด และลดการกระตุก เพื่อความบันเทิงขั้นสูงสุด เรียกได้มาเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่ดีกว่ารุ่นปีก่อนๆ ไปอีกขั้น

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 37
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 38
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 39

ทดสอบหน้าจอด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสัน Gamut เทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 1000% / AdobeRGB 88% / DCI-P3 91%เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับสูงมากๆ แน่นอนว่าเทียบกับ Gaming Notebook ทั่วไปนั้นดีกว่ามาก ถือว่าเป็นระดับที่ดีเยี่ยมจริง ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 400 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไปพอสมควร สู้แสงกลางแจ้งได้สบายๆ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพแบบมืออาชีพได้สบายๆ 

s4 1

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าหลายๆ ช่องที่เป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 400 cd/m2 แต่สำหรับช่องมุมซ้ายล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 15% ที่ถือว่ารับได้ อีกทั้งค่าคลาดสี Delta-E เฉลี่ยแล้วอย่ที่ 1.04 เท่านั้นเอง ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว สรุปคือเล่นเกมได้ดีมากๆ ส่วนสีสันก็จัดว่ายอดเยี่ยมอย่างที่หาได้อยากในตลาดโน๊ตบุ๊ค สมกับการที่มาพร้อมกับ Pantone Validated

s1 1
s2 1
s3 1

ตัวเครื่อง ASUS ROG Zephyrus M16 ติดตั้งระบบเสียงแบบ 6 ลำโพง แบ่งออกเป็น 2x 2W tweeterโดยมีช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องบริเวณขอบที่วางมือซ้ายและขวาซ้ายขวา คุณภาพสูง ที่เน้นให้เสียงกลางและแหลม พร้อมลำโพงซัฟวูฟเฟอร์อีก 4 ตัวด้านใต้ตัวเครื่อง ทำให้ได้เสียงทุ่มหนักหน่วงกว่า แบบ Dual force-canceling ให้เสียงที่สมดุลและ ยอดเยี่ยม อีกทั้งมี Smart Amp เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัดที่ชัดขึ้นถึง 1.5 เท่า เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น ให้ขอบเขตเสียงที่กว้าง เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาพอตัว

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 48

จากการที่มีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์แยกออกมาต่างหาก มีไดนามิกมากขึ้นสำหรับเสียงความถี่ต่ำ ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง ซึ่งหากว่าเพื่อนๆ เป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้ รวมไปถึงมีเทคโนโลยี Dolby Atmos ช่วยจำลองเสียง 3 มิติได้อีกด้วย เรียกได้ว่าสุดยอดทั้งด้านภาพและเสียงจริงๆ สำหรับ Gaming Notebook เครื่องนี้ เรียกได้ว่าเต็มอารมณ์ทั้งการใช้งานทั่วไป ดูหนัง ดู Youtube / Netflix / Disney+ Hotstar อย่างที่รุ่นอื่นๆ ทำไม่ได้

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 47
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 62
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 63

Connector / Thin And Weight

ด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่องจัดว่าครบเครื่องมากๆ จากการที่เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 16″ ระดับสูง โดยตัวพอร์ตจะอยู่ด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง มีทั้ง USB 3.2 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.2 Type-C จำนวน 1 พอร์ต และ Thunderbolt 4 ที่รองรับการโอนไฟล์สูงสุดที่ความเร็ว 40Gbps / DisplayPort 1.4 ผ่านจอแยก 4K, 8K / ชาร์จไฟกลับเข้าเครื่อง USB Power Delivery พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง และ HDMI 2.0 แน่นอนว่ามีต่ออแดปเตอร์ปกติ 1 ช่องด้วย ส่วน Kensington จะอยู่ที่ด้านขวา นอกจากนี้ยังได้ในส่วนของ LAN RJ45 ด้วย

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 57

ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น ส่วนขนาดของตัวเครื่อง 355 x 243 x 19.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2 กิโลกรัม ถือว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 240 W เข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น พอแบกพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่ไม่หนักมาก ถือมือเดียวก็สบายๆ หยิบจับไปไหนก็สะดวกทีเดียวสำหรับหนุ่มๆ หรือสาวๆ ที่เป็นสาย Gamer

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 55
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 53
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 61

Inside / Upgrade

การแกะเครื่อง ASUS ROG Zephyrus M16 เพื่อทำการอัพเกรดนั้นทำง่ายมาก โดยมุมนึงจะมีสกรูแบบพิเศษหนึ่งตัวที่จะช่วยให้การเข้าถึงการอัพเกรดเป็นเรื่องง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เพียงไขน็อตทุกตัว จะมีอยู่ 1 ตัวที่มุมตัวเครื่อง ที่เราสามารถใช้มือค่อยๆ แกะออกมาได้เลย จากการที่มันจะเปิดแง้มขึ้นมาอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามต้องระวังนิดนึงก็คือ จะมีน้อต 3 ตัวที่มียางสีติดติดเอาที่กลางตัวเครื่อง อย่าว่าต้องัดออกมาแล้วไขน็อตออกด้วย 

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 80

เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ถูกออกแบบจัดระเบียบได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว มีพัดลมขนาดใหญ่เทคโนโลยี ROG Intelligent Cooling พร้อมระบายความร้อนที่มี Anti-Dust Tunnels ที่อยู่ในชุดฟินสีดำ หมดกังวลเรื่องฝุ่นที่ติดตรงครีบระบายความร้อนจุดสังเกตที่เปลี่ยนไปคือตัวเครื่องเลือกใช้ฮีทไปป์ 6 เส้น พร้อมกันนั้นยังมีการติดตั้ง Liquid Metal นำพาความร้อนแบบพิเศษจาก CPU / GPU เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว 

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 81
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 83
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 90

ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่สามารถทำการอัพเกรดคือมีช่องใส่ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ที่ใส่มาแล้ว 1TB ได้ความเร็วแรงมากๆ ถ้าจะอัพเกรดเพิ่ม SSD M.2 อีก 1 ตัวก็สามารถเพิ่มได้เลย เพราะมีสล็อตว่างอยู่แล้ว ส่วนหน่วยความจำแรมขนาด 16GB แถวแรกเป็นแบบฝังบอร์ด และรองรับการใส่ 1 แถว (SO-DIM) ซึ่งใส่มาแล้ว 16GB อีกหนึ่งแถว รวมเป็น 32GB ซึ่งก็ใส่มาเต็มแล้วในส่วนของเครื่องทดสอบ ซึ่งรองรับการอัพเกรดสูงสุดที่ 48GB

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 84
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 85
ASUS ROG Zephyrus M16 Review 86

Performance / Software

ASUS ROG Zephyrus M16 มาพร้อมกับชิปประมวลผลเน้นประสิทธิภาพสูงสุดรุ่นใหม่ของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 11 สถาปัตยกรรม Tiger Lake H45 เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร SuperFin อย่าง Core i9-11900H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่น Core i7-11800H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง

โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.50 GHz ซึ่งสามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.90 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads ได้ 24 MB L3 Cache มาพร้อมแรมภายในขนาด 32GB DDR4 Bus 3200 MHz แบบ 16GB x 1 แถว และออนบอร์ดมาแล้วที่ 16GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ 

c1 1.    c2 1

การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics Xe 750 32EUs  ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง ด้วยความเร็ว 350 – 1450 (Boost) MHz อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้น แต่ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ QuickSync ทำให้รองรับการแสดงผลระดับ 4K ได้อย่างลื่นไหล

g2 1.    g1 1

โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 (6GB GDDR6) ซึ่งตรวจสอบแล้วเป็น Max-P ไม่ใช่ Max-Q เน้นความแรงลื่นมากกว่า สถาปัตยกรรม Ampere เทคโนโลยีการผลิต 8 นาโนเมตร โดยเป็น RTX เจนที่ 2 ที่ต้องบอกว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เทียบเคียงอย่าง GeForce RTX 2070 ได้ดีกว่า ซึ่งไม่ใช่แค่แรงแต่ยังร้อนน้อยกว่าด้วย 

เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook ทุกประเภท รองรับ Ray Tracing ช่วยเพิ่มคุณภาพการแสดงแสงเงาให้แม้แต่เกมระดับ AAA ก็ยังสามารถปรับกราฟิกได้ถึง Ultra ให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น สมจริงกว่าที่เคยมีมา เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว พร้อมกันนั้นยังมีการเพิ่มค่า TGP สูงสุดเป็น 95W อีกด้วย

cine15 2.   cine20 1

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / CINEBENCH 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงมากๆ อย่างน่าประทับใจสมกับเป็นรุ่นระดับบน เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryze / Intel Core รุ่นก่อนๆ ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยก RTX 3060 Max-P เองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนสุด ที่เน้นการทำงาน 3D เป็นหลัก

ssd 1

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว รองรับการใช้งานได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 4 ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 7089 MB/s และเขียนที่ 5133 MB/s ที่เร็วมากๆ จัดเป็น SSD ระดับสูงเลยทีเดียว  ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD M.2 SATA 3 หรือ SSD มาตรฐาน M.2 NVMe PCIe Gen 3 แบบเดิมๆ แล้วละก็ จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ตั้งแต่เปิดเครื่อง โหลดไฟล์ต่างๆ รวมไปถึงการโหลดเกม 

pc10 1

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 8,542 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeFoce RTX 3060 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนมากพอตัว

3d 3

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 8,542 เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 8 / GTA V / Battlefield V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / SCUM / APEX ที่ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล โดยเป็น Native ของหน้าจอ  โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว

game test 1

ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / DOTA 2 / APEX ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด ส่วนเกม SCUM นั้นต้องยอมรับว่าเป็นเกมที่กินสเปกจริงๆ แนะนำว่าเล่นจริงๆ ปรับความละเอียดเป็น 1920 x 1200 พิกเซล ที่กราฟิกกลาง ๆ จะลื่นไหลกว่า ซึ่งเกมอื่นๆ ถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ ให้วิ่งได้ที่ 165Hz ตาม Refreash Rate หน้าจอ

arm 1

นอกเหนือจากนี้ ASUS ROG Zephyrus M16 ยังมี Armory Crate ซอฟต์แวร์ Utility ที่ยกมาจาก ROG รุ่นอื่นๆ ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆ ของระบบ อาทิ ผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆ ตามความชอบเป็นรูปแบบได้หลายโปรไฟล์ 

ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ จะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้ Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการอัพเดทในอนาคต ปิดท้ายด้วยซอฟต์แวร์ Utility อีกตัวอย่าง MyASUS ที่ไว้คอยตรวจระยะเวลากรับประกันและอัพเดทไดร์เวอร์ได้ครบๆ

myasus 1

Battery / Heat / Noise

แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติขนาดความจุสูง ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวประมาณ 6:40 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 16″ สเปกแรงลื่นแบบนี้ แต่ก็ยังน้อยกว่าที่ทาง ASUS เคลมไว้ที่ 10 ชั่วโมง 

ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขนาดนี้ สมกับเป็น ROG Zephyrus Series จริงๆ อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไฟกลับแบบรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี Fast Charging ที่ใช้เวลาเพียง 30 นาที ก็สามารถชาร์จไฟแบตเตอรี่จาก 0% กลับมาที่ 50% ได้ นอกนจากนี้ยังรองรับอแดปเตอร์ที่เป็น USB-C มาตรฐาน PD ซึ่งจะมีขนาดเล็ก เพื่อชาร์จไฟได้อีกด้วย เพื่อความสะดวกสบายในการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ยิ่งขึ้นไปอีก

batt3

สำหรับอุณหภูมิทดสอบด้วยโปรแกรม Hardware Monitor สามารถตรวจสอบได้ครบถ้วนทั้ง CPU / GPU จากการที่เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด จากการทดสอบเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 26 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ด้วยการเปิดโหมด Turbo ที่เร่งประสิทธิภาพในทุกๆ ด้าน

temp2 1

ประสิทธิภาพโดยรวมยังลื่นไหลอยู่  ซึ่งชิปประมวลผลร้อนสุดๆ ที่ 94 องศาเซลเซียส นับว่าควบคุมความร้อนได้ดี โดยไม่สูงเกินไปกว่านี้แน่นอน เพราะระบบยังคงจัดการได้ดีอยู่ พร้อมกันนั้นไม่กระทบต่อการใช้งานด้วย เพราะประสิทธิภาพไม่ตกเลย ในส่วนของการ์ดจอจะร้อนสุดอยู่ที่ 80 องศาเซลเซียสเท่านั้น ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่มีซอฟต์แวร์ Armory Crate ถ้าใช้งานทั่วไป เราสามารถเลือกปรับโหมดต่างๆ เช่น Windows ทำให้พัดลมแทบไม่หมุนและไม่มีเสียงเลย

Conclusion / Award

สมการรอคอยของการมาของ Gaming Notebook ดีไซน์บางเบาหน้าจอ 16″ ในปี 2021 ที่เป็นการพัฒนามาจาก DNA ของ ASUS ROG Zephyrus Series ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า Gaming Notebook ปีก่อนมากๆ สำหรับ ASUS ROG Zephyrus M16 มีฟีเจอร์ Gaming และฟีเจอร์ขั้นสูงมากมาย โดยมีราคา 64,990 บาท และตอนนี้มีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น จัดได้ว่าเน้นความพรีเมียมและเรื่องความบางเบาพกพา พร้อมประสิทธิภาพความแรงขั้นสูง ให้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอดกว่าทั้งระบบภาพและเสียง เป็นหลักตามซีรีส์ของ ROG Zephyrus อย่างที่เราทราบกัน

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 1

ซึ่ง ASUS ROG Zephyrus M16 เครื่องที่ได้รับมารีวิวนี้ยังเป็นสเปกเครื่องขายจริงที่พร้อมจำหน่ายในไทยแล้ว ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H ที่เน้นความแรงที่มากกว่า Core i7-11800H ที่หลายๆ รุ่นใช้งาน เทคโนโลยี 10 นาโนเมตร SuperFin สถาปัตยกรรม Tiger Lake H45 ผสานกาทำงานร่วมกับการ์ดจอแยกตัวแรงแต่ร้อนน้อยอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) ซึ่งยังมีฟีเจอร์ ROG Boost เพิ่มความแรงเป็น 1525MHz at 80W (95W with Dynamic Boost)

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 18

รวมไปถึงในส่วนของแรมยังได้เป็นมาตรฐานใหม่ด้วยขนาด 32GB DDR4 Bus 3200 MHz แน่นอนว่าที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ซึ่งต้องบอกว่าประทับใจมากๆ ที่ระดับความเร็ว 7,000 – 5,000 MB/s กับความแรงในมิติดีไซน์ที่เล็กกระทัดรัดสุดๆ ในตัวเครื่อง 15.6″ เท่านั้น เรียกได้ว่าเทียบกับ ASUS TUF Gaminf F15 ที่มีขนาดตัวเครื่องเล็กกว่าด้วย พร้อมความเบากว่าเล็กน้อย แน่นอนว่ามีการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) และพอร์ต Thunderbolt 4 ล้ำๆ ด้วย

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 78

จากการทดสอบใช้งานจริงเล่นเกมจริงๆ เห็นได้ชัดถึงความทรงพลังของชิปประมวลผลและการ์ดจอรุ่นใหม่ ซึ่งแรงกว่าจากเดิมๆ แล้ว อีกทั้งมี ROG Intelligent Cooling ที่จัด Heatpipe มาให้ถึง 6 เส้น, พัดลมดีไซน์ใหม่ที่ช่วยลดเสียงรบกวนพร้อมทำความสะอาดตัวเองได้ และใช้ Liquid metal Thermal Grizzly Conductonaut ที่ช่วยลดอุณหภูมิได้มากกว่า ที่สำคัญหน้าจอเป็นพาเนล IPS เกรดสูงที่ให้ค่า sRGB 100% พร้อม Refresh Rate ที่ 165Hz พร้อมความละเอียด WQHD ที่มากกว่า รวมไปถึงยังได้ลำโพงจัดเต็มถึง 6 ตัวระบบเสียง Dolby Atmos ที่เป็นที่สุดของความบันเทิงจริงๆ

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 16

ในตอนนี้ถ้าใครต้องการ Gaming Notebook ตัวแรง และได้สเปกใหม่และแรงสุดๆ ในค่าตัวเพียง 64,990 บาทเท่านั้น ASUS ROG Zephyrus M16 สเปก Core i9-11900H + GeForce RTX 3060 Max-P ก็ตอบโจทย์อยู่ ได้การรับประกัน 3 ปีแบบทั่วโลก พร้อมบริการ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็มกว่ารุ่นก่อนๆ ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาดจริงๆ ทั้งตัวเครื่องและบริการหลังการชายด้วย เอาว่าใครงบถึง ก็แนะนำว่าจัดกันได้เลย

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 22

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 16 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG Zephyrus M16 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Design

หนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ROG โน๊ตบุ๊คสายบางเบาพรีเมียม ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ROG Zephyrus รุ่นนี้ ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ทำงานก็ได้เล่นเกมก็ดี ที่สำคัญวัสดุคุณภาพดีงานประกอบก็เยี่ยมทั้งอลูมิเนียมอัลลอยด์ เอาไปทำงานหรือเล่นเกมได้หมดรอบด้าน ฝาหลังเป็นโลหะผ่านกระบวนการขึ้นรูปเจาะ CNC ที่เรียบเนียนสวยงาม จำนวน 8,279 รู พร้อมแซมด้วยเส้นแสงปริซึม มีสีสัน Off Black โดดเด่น ตัวเครื่องมีผิวสัมผัส Soft-touch ในบริเวณที่รองข้อมือ ที่ยังช่วยลดโอกาสเกิดรอยนิ้วมือที่ไม่น่าดู ด้วยเคลือบผิวที่บาง ทำให้ยังคงได้ผิวสัมผัสที่ดี

NBS award 7 Design  

Best Performance

ASUS ROG เครื่องที่เรานำมาทดสอบสเปคเป็นชิปประมวลผล  การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P ได้แรม 32GB และ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ซึ่งทดสอบการใช้งานเล่นเกมจริงแล้วแรงจริงๆ  รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดีมากๆ ส่วนการใช้งานทั่วไปหรืองานแบบมือาชีพนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ หรือเล่นเกมก็ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญได้ความพรีเมียม บางเบา เรียกได้ว่าทรงพลังจริงๆ สำหรับ Gaming Notebook หน้าจอ 16″ ที่เบาเพียง 2 กิโลกรัม บาง 19.9. มิลลิเมตรแบบนี้

award new performance

Best Gaming

รวมไปถึงลำโพงก็จัดเต็มถึง 6 ตัว ระบบ Dolby Atmos ที่ให้เสียงกระหึมพร้อมรายละเอียดเสียงที่จัดเต็ม และที่สำคัญคือระบบระบายความร้อนที่ดีมากๆ จากทาง ROG Intelligent Cooling เป่าออกใต้หน้าจอ 2 ช่อง และด้านขวาซ้ายอีกอย่างละ 1 ช่อง พัดลม 2 ตัว แบบ 84 ใบ พร้อมฮีทไปป์ 6 เส้นขนาดใหญ่พร้อมทำความสะอาดตัวเองได้  และ Liquid Metal Thermal Grizzly Conductonaut ดึงความร้อนออกจาก CPU / GPU ได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  ที่สเปกแรงลื่นขนาดนี้ แต่ใช้งานจริงได้ไม่ร้อนเลย 

award new Gaming

Best Graphic

จากการที่เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 16″ ที่ให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือชั้นกว่ารุ่นทั่วๆ ไป ทั้งจากหน้าจอความละเอียดสูงกว่าที่ 2K WQHD 2560 x 1600 พิกเซล ซึ่งพาเนลเป็น IPS เกรดสูงมากระดับ sRGB 100% อีกทั้งได้ Refresh Rate ที่ 165Hz ส่งผลให้เล่นเกมได้สนุกสนานกว่าที่เคยมีมา หากต้องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม ตัวเครื่องก็ยังมีพอร์ตที่ครบครันสำหรับการใช้งานทั่วไปด้วยเช่นกัน ที่สำคัญจากการที่มีพอร์ต Thunderbolt 4 เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด ต่อจอแยก 4K / 8K ได้ทันที  

award new Graphic

 

from:https://notebookspec.com/web/604029-review-asus-rog-zephyrus-m16-i9-rtx3060

รีวิว ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 สเปก Ryzen 7 5800HS + RTX 3050 จอ 14″ IPS 144Hz ราคา 36,990 บาท ฟรี Office ประกัน 3 ปี On-site

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 เป็น Gaming Notebook ปี 2021 หน้าจอ 14″ IPS คุณภาพสูง ที่ทรงพลังที่สุดรุ่นหนึ่ง ได้สเปกล่าสุดเป็น AMD Ryzen 5000HS Series ซึ่งเป็นชิปประมวลผลรุ่นใหม่สุดแรงสุด สถาปัตยกรรม Zen 3 ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร พร้อมการ์ดจอประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 30 Series สถาปัตยกรรม Ampere เทคโนโลยีการผลิต 8 นาโนเมตร พร้อม OC จากทาง ASUS ที่แรงลื่นร้อนน้อยกว่าเดิม 

จัดเต็มเลยการเล่นเกมหรือทำงาน มารวมตัวกันใน ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 ที่เป็น Gaming Notebook ที่อยู่ในซีรีส์พรีเมียมของ ASUS ที่เน้นความพรีเมียม บางเบา แบตยาวนาน ทำงานก็ดีเล่นเกมก็ได้ โดยมีน้ำหนักเบาแค่ 1.6 กิโลกรัม แต่ได้พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน เน้นพกพาสะดวกตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดกว่า 15.6″ พอสมควร ซึ่งได้หน้าจอเป็น Full HD 144Hz หรือ Quad HD 120Hz อีกทั้งมีปุ่ม Power ทำหน้าที่ Fingerprint ด้วย

ASUS ROG Zephyrus G14 GA401

โดยรุ่นที่นำมารีวิวครั้งนี้สนนราคาที่ 36,990 บาท ใช้วัสดุฝาหลังเป็นโลหะผ่านกระบวนการขึ้นรูปเจาะ CNC ที่เรียบเนียนสวยงาม ส่วนสเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยสามารถติดตั้งแรมมาขนาด 16GB Bus 3200 MHz อีกทั้งได้ที่เก็บข้อมูลมาเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB แน่นอนว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ใช้ได้ทันที ฟรี Microsoft Office Home & Student 2019 ด้วย และได้ประกันก็เป็น 3 ปี On-site Service และประกันอุบัติเหตุในปีแรกด้วย 

VDO Review

coming soon

NBS Verdict

นับว่าเป็น Gaming Notebook ที่ทำงานระดับมืออาชีพ ดีไซน์บางเบา เน้นการทำงาน ขนาดหน้าจอ 14″ ที่ทรงพลังจริงๆ และแรงล้ำไม่ซ้ำใคร สำหรับการมาของ ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 รุ่นล่าสุด ที่ไม่ใช่เพียงดีไซน์ภายนอกที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยในส่วนของสีไทเทเนียมตามช่องฝาหลัง Dot Matrix พร้อมได้หน้าจอ IPS เกรดสูง sRGB 94% ที่ 144Hz แต่ด้วยการมาของสเปกชิปประมวลผลให้ล่าสุดจาก AMD Ryzen 5000HS ก็แรงลื่นกว่า 4000HS ไปอีกขั้น จากเทคโนโลยีใหม่แบบไม่มีกั๊ก 

ASUS ROG Zephyrus G14 GA401

ประกอบกับการ์ดจอแยก Gaming รุ่นล่าสุด NVIDIA GeForce RTX 30 Series อย่าง RTX 3050 (4GB GDDR6) ซึ่งมีการ Overclock ด้วย ROG Boots ที่ดูแล้วจากผลทดสอบจริงๆ แล้ว มีความเหนือกว่า Gaming Notebook ปีก่อนแบบชัดเจนในการเล่นเกมที่ควรละเอียดที่มากกว่า ซึ่งให้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอดทั้งภาพที่สวยงามและเสียงที่จัดเต็มด้วยลำโพง 4 ตัว ที่เสียงดังเสียงดีกว่า อย่างที่หาไม่ได้ใน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ พร้อมระบบ Dolby Atmos ที่จำลองเสียง 3 มิติได้

ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 59

สำหรับสเปกรุ่นนี้เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบารูปแบบใหม่ ด้วยขนาดหน้าจอ 14″ ที่ปกติเราไม่ค่อยได้เห็นกัน ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000 Series รหัส HS ที่ทั้งประสิทธิภาพสูงและปลดปล่อยความร้อนน้อยกว่าอย่างรุ่นสเปกที่รีวิวเป็น Ryzen 7 5800HS แรมได้ขนาด 16GB แบบออนบอร์ด และอัพเกรดได้อีก พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนักๆ หรือเล่นเกม 3 มิติก็จะมีความลื่นไหลแน่นอน เทียบกับรุ่นรุ่นก่อนๆ ก็เหนือชั้นกว่าด้วย กับราคาคุ้มค่า 36,990 บาท ได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 อีกด้วย

ASUS ROG Zephyrus G14 GA401

จุดเด่นที่ต้องพูดถึงนอกจากดีไซน์สวยเฉียบของ ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 ก็คือความบางที่ 17.9 มิลลิเมตร ขอบจอบางเฉียบ พกพาสะดวกด้วยความเบาของเครื่องเพียง 1.6 กิโลกรัม แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 11 ชั่วโมง การเชื่อมต่อก็ครบครันทั้งไร้สายและมีสาย รองรับการชาร์จผ่านทาง USB PD อย่างไรก็ตามก็ยังมีในส่วนของข้อสังเกตเดิมๆ ที่ไม่มีการติดตั้งกล้องเว็บแคมมาให้ รวมถึงรุ่นพี่กว่าตัวราคา 59,990 บาท ไม่ใช่ดีกว่าที่ชิปประมวลผลและการ์ดจอแยก แต่ได้ฟีเจอร์ Anime Martix มาด้วย 

จุดเด่น ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401

  • ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจตามสไตล์ ROG Zephyrus งานประกอบแน่นวัสดุดี
  • ขอบหน้าจอบางพิเศษ มิติเทียบเท่ารุ่น 13.3″ ตัวเครื่องเบา 1.6 กิโลกรัม และบางสุดที่ 17.9 มิลลิเมตร
  • ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง AMD Ryzen 7 5800HS แรงลื่นกว่า ร้อนน้อยกว่า
  • การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 พร้อม OC มาจาก ROG Boots เพิ่มความแรงไปอีก
  • แรมขนาด 16GB Bus 3200 MHz รองรับการอัพเกรดอีก 1 แถว เพื่อ Dual Channel ทันที
  • ได้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง sRGB 94% พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz
  • อุณหภูมิในการใช้งานถือว่าจัดการได้ดี ไม่ร้อนจนเกินไป มีระบบไล่ฝุ่นอัตโนมัติ
  • พอร์ตครบครัน ด้วย 2 x USB 3.2 Type-A / 2 x USB 3.2 Type-C / HDMI / LAN
  • ปุ่ม Power ทำหน้าที่ Fingerprint เพื่อใช้งาน Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน Login ด้วย
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 11 ชั่วโมง พร้อมด้วย USB 3.2 Type-C รองรับชาร์จไฟ USB PD
  • ระบบระบายความร้อนดีขึ้นด้วยโลหะเหลว (Liquid Metal)
  • มีซอฟต์แวร์ Armory Crate มาช่วยปรับแต่งการใช้งาน
  • มาพร้อม Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที มีความสเถียร์ของไดร์เวอร์
  • ได้โปรแกรม Microsoft Office Home & Student 2019 ติดตั้งมาในเครื่องทันที 
  • ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม ประทับใจมาก เมื่อเทียบกับราคา
  • ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน และมีประกันอุบัติเหตุ 1 ปี

ข้อสังเกต ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401

  • ไม่มี SD Card Reader
  • ไม่มีกล้องเว็บแคม ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง
  • แรมให้มาเป็น 16GB ออนบอร์ด รองรับการอัพเกรดแรมได้อีก 1 แถวทันที 

Specification

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 มาพร้อมกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800HS สถาปัตยกรรม Zen 2 มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม 7 nm ความเร็ว 2.90 – 4.20 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ผสานกับ APU การ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น Radeon 8  ส่วนการ์ดจอแยกจะเป็น NVIDIA GeForce RTX 3050 รุ่นใหม่ ฟีเจอร์อื่นๆ ออกไปเน้นความแรงเป็นหลัก โดยเน้นให้มีความร้อนที่น้อยกว่าและประหยัดพลังงานเข้ากับตัวเครื่องที่บางเบา

ในส่วนของแรมได้มาขนาด 16GB Bus 3200 MHz แบบ Dual Channel (8GB x 2 โดยออนบอร์ดมาแล้ว 1 แถว) มาพร้อมกับที่เก็บข้อมูลแบบ Intel SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่มีความลื่นไหล อีกทั้งยังรองรับการติดตั้งอัพเกรดเพิ่ม SSD M.2 NVMe มาให้อีก 1 ช่อง

Asus ROG Zephyrus G14 GA401QC HZ045TS

โดดเด่นกว่ารุ่นอื่นๆ คือได้หน้าจอขนาด 14″ ความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล พาเนล IPS เกรดสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz ให้ความลื่นไหลอย่างที่สุดด้วย นอกจากนี้ก็จะมีระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงเป็น 2.2 Channel พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง 2 x USB 3.2 Type-A และ 2 x USB 3.2Type-C โดยทำงานเป็น DisplayPort 1.4 และชาร์จไฟผ่านทาง USB PD ได้ ระบบการเชื่อมต่อไร้สายเป็นมาตรฐานใหม่อย่าง Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) และ Bluetooth 5.1

Asus ROG Zephyrus G14 GA401QM K2196TS

พร้อมติดตั้งระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 Home  และซอฟต์แวร์ Utility อย่าง Armory Crate / MyASUS เวอร์ชั่นล่าสุดมาให้ในตัว โดยมีข้อสังเกตที่น่าสนใจคือไม่ได้ติดตั้งกล้องเว็บแคมมา ถ้าใครจะใช้ต้องหามาติดตั้งเอง การรับประกัน On-site Service ระยะ 3 ปี และ Global Warranty ที่สำคัญได้ประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty 1 ปีแรก เมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ จัดได้ว่าเป็นมาตรฐานการรับประกันของทาง ASUS ปกติ

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401

ASUS ROG Zephyrus G14 GA401QC-HZ045TS ราคา 36,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : AMD Ryzen 7 5800HS (8C/16T – 2.80 – 4.40 GHz)
  • GPU : AMD Radeon 8 + NVIDIA GeForce RTX 3050 (4GB GDDR6)
  • RAM : 16GB DDR4 Bus 3200 MHz (Onboard 16GB)
  • DISPLAY: 14″ IPS Full HD 144Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
  • OS : Windows 10 Home
  • Software : Microsoft office Home & Student 2019
  • Warranty : 3 Years On-site Service + 1 Year Perfect Warranty 

ASUS ROG Zephyrus G14 GA401QM-K2196TS ราคา 59,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : AMD Ryzen 9 5900HS (8C/16T – 3.00 – 4.60 GHz)
  • GPU : AMD Radeon 8 + NVIDIA GeForce RTX 3060 (6GB GDDR6)
  • RAM : 16GB DDR4 Bus 3200 MHz (Onboard 16GB)
  • DISPLAY: 14″ IPS Quad HD 120Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
  • OS : Windows 10 Home
  • Software : Microsoft office Home & Student 2019
  • Warranty : 3 Years On-site Service + 1 Year Perfect Warranty 

Hardware / Design

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 เป็นซีรีส์ ROG ที่เน้นความบาง ที่ 17.9 – 19.9 มิลลิเมตร  มาพร้อมน้ำหนักเบาที่ 1.6 กิโลกรัม รวมไปถึงแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า Gaming Notebook ทั่วไปกับขนาดหน้าจอขอบบางเฉียบที่ 6.9 มิลลิเมตร ขนาด 14″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับที่ 144Hz ดีไซน์โดยรวมเน้นความดุดัน แข็งแกร่งสไตล์ ROG ด้วยวัสดุฝาหลังเป็นโลหะแม็กนีเซียมอัลลอยด์ให้ดีไซน์ที่ไม่เคยมีมาก่อนใน ROG ที่เน้นความเรียบง่ายสุดๆ ดูแล้วมีความสดใหม่ เรียกได้ว่าดูแล้วมีความเฉียบแต่เรียบง่ายสไตล์สายทำงานที่เน้นการพกพายิ่งขึ้นไปอีกกว่าพวก TUF Gaming Series ที่เน้นคุ้มค่า

เหมาะทั้งคนเอาไปทำงานหรือเล่นเกมที่ดูแล้วทันสมัยสุดๆ ตัวเครื่องมีสีสันดำเทา (Eclipse Grey) เลือกใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะส่วนของชิ้นฝาหลัง โดยมุมซ้ายล่างจะเป็นแผ่นสีเงิน ROG ส่วนด้านในเป็นพลาสติกคุณภาพสูง มีความแข็งแรงทนทานประมาณนึง โดยยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่สวยงามทันสมัยพรีเมียม ทั้งนี้ทั้งนั้นฝาหลังเป็นโลหะผ่านกระบวนการขึ้นรูปเจาะ CNC ที่เรียบเนียนแม่นยำ พร้อมแผ่นโลหะสีเงินมันวาวที่มุมซ้ายล่างบ่งบอกความเป็น ROG สุดๆ สมกับเป็นการออกแบบและวิศวกรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพของ Zephyrus Series ที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401

ASUS ROG Zephyrus รุ่นนี้อยู่บนพื้นฐานการออกแบบของตระกูล ROG ที่เน้นสายเกมเมอร์สายพกพาบางเบาที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งจากฟีเจอร์ ดีไซน์และสเปกแรงล้ำกว่าที่เคยมีมาทั้งหมด รวมไปถึงหน้าจอมีขนาด 14″ แบบขอบจอบาง ส่วนช่องระบายความร้อนมีทั้งหมด 4 ช่อง เป่าออกใต้หน้าจอ 2 ช่อง และด้านขวาซ้ายอีกอย่างละ 1 ช่อง พัดลม 2 ตัว แบบ 84 ใบ ที่ทรงพลังนำพาความร้อนออกได้เป็นอย่างดี

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 3 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 145 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ช่วยเรื่ององศาการพิมพ์ที่สบายขึ้น การรดูดลมเย็นที่ดีขึ้น และลำโพงสะท้อนเสียงได้มากยิ่งขึ้นด้วย

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401

ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงงานประกอบเรียบร้อย พร้อมอากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นอีก 4 ช่องด้านล่างใต้เครื่อง อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัวจากนั้นค่อยๆ ดึงขึ้น รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย สรุปสั้นๆ สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่อง

ต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook บางเบาหน้าจอ 14″ ได้อย่างลงตัว ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก จากแต่ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ที่ความแรงระดับนี้ จะอยู่บนตัวเครื่องที่บางและเบาแบบนี้ แต่ตอนนี้ทาง ASUS ทำออกมาได้แล้ว ในประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่ล้ำหน้ากว่า ในราคาที่จัดว่าคุ้มค่ามากๆ

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401

อย่างไรก็ตามจริงๆ แล้ว ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 จะมีรุ่นที่มีฟีเจอร์ AniMe Matrix โดยฝาหลังโลหะวัสดุแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่เราเห็นเป็นจุดๆ ซึ่งกระจายไปทั่วนั้น จะมีการติดตั้งเป็นไฟ mini-LED จำนวนกว่า 1,215 ดวง ซึ่งมีรู Dot Matrix กว่า 6,536 จุดเพื่อความสวยงาม โดยเราเลือกปรับแต่งเปลี่ยนแปลงได้ผ่านทางซอฟต์แวร์ที่จะเปิดหรือปิด รวมไปถึงใส่ลูกเล่นต่างๆ ทั้งไฟเปิดค้าง หรือไฟกระพริบได้อีกด้วย แต่รุ่นที่เรานำมารีวิวครั้งนี้จะไม่มี ฟีเจอร์ AniMe Matrix นะครับ 

ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 32
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 36
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 26
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 21
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 20
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 10
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 27
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 31
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 52

Keyboard / Touchpad

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 เป็นคีย์บอร์ดมีไฟ LED ให้ความสะดวกด้วยปุ่ม Spacebar ด้านมุมล่างซ้ายก็ทำพื้นที่ยื่นออกมาเล็กน้อยเพื่อให้ใช้นิ้วโป้งซ้ายกดง่ายขึ้น แต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง รวมถึงสามารถมีฟังก์ชั่นเพิ่มลดเสียง เปิดปิดไมค์ และปุ่มเรียกโปรแกรม Armoury Crate ซึ่งตัวปุ่มต่างๆ ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์อย่างแท้จริง

ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 12

โดยปุ่ม Power ยังทำหน้าที่ Fingerprint เพื่อใช้งาน Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน Login ด้วย ทัชแพดเองขนาดใหญ่แบบซ่อนปุ่ม ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี ฟีเจอร์ Multi-touch หรือ Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ Windows 10 Home ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดอย่าง F5 ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนโหมดการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Turbo / Performance / Silent / Windows ตามความเหมาะสมในการใช้งานต่างๆ

ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 13
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 9
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 15
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 14
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 19
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 11

Screen / Speaker

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 มีหน้าจอขอบจอตามสไตล์ NanoEdge บางเฉียบเพียง 6.9 มิลลิเมตรทั้งขอบด้านข้างและด้านบนทำให้ไม่มีกล้องเว็บแคม ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง แต่ยังมีไมโครโฟนแบบคู่อยู่ พร้อมมีเทคโนโลยี ASUS 2 Way Noise-Canceling Audio เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการประชุมแบบวิดีโอ (Video Conference) เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ด้วยขนาด 14″ ความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) เหมาะสมตามการใช้งาน โดยได้พาเนลเป็น IPS คุณภาพดีเยี่ยม มุมมองกว้าง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare รวมๆ

ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 4

ทั้งสีสันความคมชัดแล้วจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม เหมาะกับการใช้งานทั่วๆ ไปหรือการเล่นเกมก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ รวมไปถึงยังเป็นหน้าจอเป็น Refresh Rate ที่ 144Hz ทำให้ใช้งานเล่นเกม FPS ฉากเคลื่อนไหวเร็วๆ ได้อย่างลื่นไหลกว่าหน้าจอทั่วไปที่แค่ 60Hz พร้อม ลดอาการเบลอ ค้าง จากการเปลี่ยนหน้าจอไปมา อีกทั้งการใช้งานทั่วไปก็ให้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นด้วย รวมๆ แล้ว ถือว่าได้มาตรฐานของ Gaming Notebook ปี 2021 ที่ลงตัวจริงๆ ซึ่งนับว่าดีกว่ารุ่นก่อนที่เป็น Refresh Rate 120Hz 

ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 7
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 8
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 5

ทดสอบหน้าจอด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสัน Gamut เทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 94% / AdobeRGB 70% / DCI-P3 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับสูงมากๆ ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพทั่วไป พร้อมรองรับการทำงานจริงจังระดับมืออาชีพด้วยขอบเขตสีที่กว้างและแม่นยำ 

s4 2

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 300 cd/m2 แต่สำหรับช่องมุมซ้ายบนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 14% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว สรุปคือเล่นเกมได้ดีด้วย 144Hz ส่วนสีสันก็จัดว่ายอดเยี่ยมเช่นกัน

s1 2
s2 2
s3 2

ตัวเครื่องติดตั้งระบบเสียงแบบ 4 ลำโพง (Quad Speakers) โดยมีช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องบริเวณขอบที่วางมือซ้ายและขวาซ้ายขวา คุณภาพสูงกำลังขับข้างละ 0.7W พร้อมลำโพงซัฟวูฟเฟอร์อีก 2 ตัวด้านใต้ตัวเครื่อง กำลังขับข้างละ 2.5W ทำให้กลายเป็นลำโพงมาตรฐาน 2.2 อีกทั้งมี Smart Amp เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัด เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น

ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 17

ให้ขอบเขตเสียงที่กว้าง จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาพอตัว จากการที่มีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์แยกออกมาต่างหาก ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง ซึ่งหากว่าเพื่อนๆ เป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้ รวมไปถึงมีเทคโนโลยี Dolby Atmos ช่วยจำลองเสียง 5.1.2-channel surround sound อีกด้วย

ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 18
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 53
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 54

Connector / Thin And Weight

ด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่องจัดว่าครบเครื่องระดับหนึ่งจากการที่เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 14″ ซึ่งพื้นที่น้อยกว่ารุ่นจอ 15.6″ แน่นอน โดยตัวพอร์ตจะอยู่ด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง มีทั้ง USB 3.2 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.2 Type-C จำนวน 2 พอร์ต (1 พอร์ตด้านซ้ายรองรับ DisplayPort 1.4  / USB Power Delivery) พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง และ HDMI 2.0 แน่นอนว่ามีต่ออแดปเตอร์ปกติ 1 ช่องด้วย ส่วน Kensington จะอยู่ที่ด้านขวา ซึ่งที่หายไปก็จะเป็น LAN RJ45 นั่นเอง

ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 47

ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.0 และ Intel Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น ส่วนขนาดของตัวเครื่อง 324 x 242 x 17.9 – 19.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.6 กิโลกรัม ถือว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 180 W เข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น พอแบกพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่ไม่หนักมาก ถือมือเดียวก็สบายๆ หยิบจับไปไหนก็สะดวกทีเดียว

Inside / Upgrade

การแกะเครื่องเพื่อทำการอัพเกรดหรือทำความสะอาดนั้นทำง่ายมาก โดยมุมนึงจะมีสกรูแบบพิเศษหนึ่งตัวที่จะช่วยให้การเข้าถึงการอัพเกรดเป็นเรื่องง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เพียงไขน็อตทุกตัว จะมีอยู่ 1 ตัวที่มุมตัวเครื่อง ที่เราสามารถใช้มือค่อยๆ แกะออกมาได้เลย จากการที่มันจะเปิดแง้มขึ้นมาอัตโนมัติ  เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนที่ลงตัวพรีเมียมไม่เป็นรองภายนอด 

เรียกได้ว่าถูกออกแบบจัดระเบียบได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว มีพัดลมขนาดใหญ่เทคโนโลยี ROG Intelligent Cooling พร้อมระบายความร้อนที่มี Anti-Dust Tunnels ที่อยู่ในชุดฟินสีดำ หมดกังวลเรื่องฝุ่นที่ติดตรงครีบระบายความร้อนจุดสังเกตที่เปลี่ยนไปคือตัวเครื่องเลือกใช้ฮีทไปป์ 4 เส้น เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว อีกทั้งยังมีระบบระบายความร้อนดีขึ้นด้วยโลหะเหลว (Liquid Metal) ด้วย

ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 62

ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่สามารถทำการอัพเกรดคือมีช่องใส่ SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 ที่ใส่มาแล้ว 1TB ส่วนหน่วยความจำแรมขนาด 16GB เป็นแบบฝังบอร์ด และรองรับการใส่ 1 แถวทันที ซึ่งใส่ได้สูงสุด 32GB ถ้าต้องการอัพเกรดเพิ่มก็จะเป็น 16GB + 16GB โดดเด่นด้วยมาตรฐาน DDR4 Bus 3200 MHz และจากที่เป็น Gaming Notebook บางเบา ทำให้ไม่รองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ตามรูปแบบของโน๊ตบุ๊คที่เน้นความบางเบานั่นเอง

ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 63
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 65
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 69
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 66
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 67
ASUS ROG Zephyrus G14 R7 5800 RTX 3050 68

Performance / Software

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 รุ่นปี 2021 ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800HS ที่แรงกว่า AMD Ryzen 7 4800HS รุ่นก่อนหน้านั้น โดยเป็นรหัส HS ที่เน้นทั้งแรงและปลดปล่อยความร้อนที่น้อยกว่า (แต่ก็ยังมี AMD Ryzen 9 5900H ที่แรงกว่า อยู่ใน TUF Gaming 15 FA506) ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 โค้ดเนม Cezanne มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 2.80 – 4.40 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread 

ได้ L3 Cache ที่ 16MB ซึ่งจัดเต็มมากกว่ารุ่นก่อนๆ มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด TDP ที่ 35W ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น AMD Ryzen 4000H หรือ Intel Core i Gen 10H เลยทีเดียว ที่สามารถดูได้จากผลการทดสอบเล่นเกมที่ลื่นไหลกว่า Gaming Notebook สเปกเดิมๆ มาก แต่ในความเร็วตามสเปกของรุ่นนี้จะมีความเร็วอยู่ที่ 3.00 – 4.30 GHz

c1 2.   c2 2

สำหรับ AMD Ryzen 7 5800HS แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่าชิปประมวลผลที่เป็น AMD Ryzen 4000H Series พอตัว ส่วนแรมได้ขนาด 16GB แบบออนบอร์ด และรองรับการเพิ่มอีก 1 แถวได้ มาตรฐาน Bus 3200 MHz สนับสนุนการอัพเกรดได้สูงสุดที่ 32GB จากการที่เราเพิ่ม 16GB ไปอีกตัวนั่นเอง พร้อมให้ SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 ความจุ 1TB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ

g2 2.   g1 2

กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง AMD Radeon 8 มีความเร็วในการทำงานที่ 2000MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ ทำให้แบตเตอรี่อยู่ได้ยาวนานกว่า 11 ชั่วโมงทีเดียว แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้ชิปประมวลผลตัวแรงก็ตามที

อีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3050 ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า GeForce GTX 1660 Ti รุ่นก่อนหน้า จากที่สเปกภายในได้รับการอัพเกรดขึ้น ได้แรมการ์ดจอจะเป็น 4GB GDDR6 เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook บางเบา ร้อนน้อยกว่าแต่ก็แรงไม่แพ้กัน เพราะทาง ASUS เค้า Overclock มาให้จากโรงงานแล้ว จากเทคโนโลยี ROG Boost ให้ GPU Clock แรงเหนือชั้นยิ่งกว่า จากค่า TGP เดิมๆ 60W เป็น 75W เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว

cine15 2.   cine20 2

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800HS คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800HS หรือ Ryzen 7 4800H ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก

ssd 2

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยใชเป็นแบรนด์ SK Hynix ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าประทับใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe 3.0 ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันแน่นอน เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3562 MB/s และเขียนที่ 3117 MB/s ที่ต้องบอกว่าในส่วน SSD นี้ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ชัดเจน

pc10

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6,072 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800HS มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง RTX 3050 ที่ OC แล้ว ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว

3d 1

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 5,442 เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน ซึ่งนับว่าคะแนนอยู่ในเกณฑ์ที่ดีของการเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 14″ จริงๆ

game test 1

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 8 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 120 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 8 Village / Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย

ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 8 / RE 3 / BF V / GTA V / FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็สามารถทำได้ แม้ความสวยจะลดน้อยลงแต่แลกมาด้วยความลื่นไหลนั่นเอง

game test G14

โดยในส่วนของ RE 8 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าประทับใจอยู่ ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน  

ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด (ปิด V-Sync) แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย  ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 7 เกมที่เราได้ทำการทดสอบไป เรียกได้ว่าเทียบกับ ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 จะเห็นว่ามีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นในระดับที่น่าประทับใจต่อราคาถือว่าคุ้มค่า ยิ่งทำงานร่วมกับหน้าจอ 144Hz จะได้ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ในการเล่นเกม 

arm

นอกเหนือจากนี้ ยังมี Armory Crate ซอฟต์แวร์ Utility ที่ยกมาจาก ROG รุ่นอื่นๆ ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆ ของระบบร อาทิ ผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆตามความชอบเป็นรูปแบบได้หลายโปรไฟล์ ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ จะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้

อีกทั้ง Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการอัพเดทในอนาคต ปิดท้ายด้วยซอฟต์แวร์ Utility อีกตัวอย่าง MyASUS ที่ไว้คอยตรวจระยะเวลากรับประกันและอัพเดทไดร์เวอร์ได้ครบๆ พร้อมรองรับการตั้งค่าอื่นๆ เพิ่มเติมอีก อย่างที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊คทั่วไปแน่นอน

my

Battery / Heat / Noise

แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ในครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติขนาดความจุสูงที่ 4800mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 11 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 14″ สเปกแรงลื่นแบบนี้ ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขนาดนี้ สมกับเป็น ROG Zephyrus Series จริงๆ

batt3

ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งาน เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60 องศาเซลเซียส ส่วนการ์ดจอจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียสไม่แตกต่างกันมาก ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุด ด้วยการเปิดโหมด Turbo โดยในส่วนของความชิปประมวลผลอุณหภูมิสูงที่สุดอยู่ที่ไม่เกิน 90 – 95 องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง

temp 3

ส่วน GPU การ์ดจอแยกจะอยู่ที่ไม่เกิน 82 – 89 องศาเซลเซียส โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดีมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้กลับมา แน่นอนว่ามากกว่า Gaming Notebook ในสเปกเดียวกัน สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าดังประมาณนึงแต่ไม่ถึงขั้นดังรบกวน จากการที่เราสามารถเพิ่มรอบสูงสุดได้ด้วยซอฟต์แวร์จากปกติที่จะเป็นแบบ Windows เพื่อใช้งานทั่วไปก็สามารถทำได้ค่อนข้างเงียบทีเดียว โดยรวมแล้วสำหรับการระบายความร้อนจัดการความร้อนที่เกิดขึ้นนับว่าทำได้น่าประทับใจจริงๆ

Conclusion / Award

ตอกย้ำความสำเร็จกับการที่เป็น Gaming Notebook ดีไซน์บางเบาหน้าจอ 14″ ที่ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000H Series รุ่นใหม่ล่าสุดอีกรุ่น ที่ต้องบอกว่าแรงกว่ารุ่นก่อนมากๆ สำหรับ ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 ซึ่งตอนนั้นจะได้เป็นรุ่นที่มีฟีเจอร์ AniMe Matrix ด้วย แต่ตอนนี้เป็นรุ่นขายจริงแล้ว ราคา 36,990 บาท จัดได้ว่าเน้นความพรีเมียมและเรื่องความบางเบาพกพา แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน เป็นหลักตามซีรีส์ของ ROG Zephyrus อย่างที่เราทราบกัน 

รุ่นที่ได้รับมารีวิวนี้มาพร้อมสเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800HS เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม Zen 3 ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอตัวแรงแต่ร้อนน้อยอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3050 ที่ผ่านการ Overclock รวมไปถึงในส่วนของแรมยังได้ขนาดที่ใช้งานได้ทันทีที่ 16GB มาตรฐาน DDR4 Bus 3200 MHz แน่นอนว่าที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 ความจุ 1TB ความเร็วสูงด้วย ซึ่งต้องบอกว่าประทับใจมากๆ กับความแรงในมิติดีไซน์ที่เล็กกระทัดรัดสุดๆ

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401

นอกจากนี้แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 11 ชั่วโมง แถมยังมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax)  และ USB PD ล้ำๆ ด้วย จากการทดสอบใช้งานจริงเล่นเกมจริงๆ เห็นได้ชัดถึงความทรงพลังของสเกปฮาร์ดแวร์ภายในใหม่ล่าสุด ที่สำคัญหน้าจอเป็นพาเนล IPS เกรดสูงที่ให้ค่า sRGB 94% พร้อม Refresh Rate ที่ 144Hz นับได้ว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แทบทั้งหมดเลยก็ว่าได้ รองรับทั้งการทำงานมืออาชีพ งานเอกสารก็ตอบโจทย์ เพราะได้ Word / Excel / Power Point ใช้งานได้ทันที หรือการเล่นเกมแบบจริงจังก็ทำได้แบบเยี่ยมยอด อย่างที่หาได้ยากใน Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ 

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401

สำหรับ ASUS ROG ซีรีส์นี้ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในขนาดหน้าจอ 14″ ได้เลย เพราะจริงๆ ยังมีสเปกที่แรงล้ำกว่าด้วยชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HS การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 3060 ได้จอ Quad HD 120Hz อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ AniMe Matrix กับราคา 59,990 บาท เหมาะกับคนที่ต้องการสุดยอด Gaming Notebook หน้าจอ 14″ ที่แรงสุด ล้ำสุด และไม่เหมือนใครสุดๆ แต่ในตอนนี้ถ้าใครต้องการ Gaming Notebook ตัวแรง และได้สเปกใหม่สุดๆ ในราคาจับต้องได้ง่าย ก็ดูเป็นรุ่นที่รีวิวได้

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 สเปก Ryzen 7 5800HS + GeForce RTX 3050 ก็ตอบโจทย์อยู่ ได้การรับประกัน 3 ปี On-site Service และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็มอย่างไรก็ตามในส่วนของข้อสังเกตุก็คือ ความคุ้มค่าต่อราคาต่อประสิทธิภาพ เป็นรอง ASUS TUF Gaming A15 FA506 แน่นอน เพราะใช้ Ryzen 7 4800H ที่ค่า TDP 45W แต่ถ้าเทียบกับราคาและฟีเจอร์ล้ำๆ อื่นๆ แล้วถือว่ารับได้สบายมากๆ อันนี้ก็ต้องตัดสินใจกันเองอีกที

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้ 

Best Design 

เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ROG โน๊ตบุ๊คสายคุ้มค่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 กับรุ่นใหม่ล่าสุด เพิ่มสีสันไทเทเนียมในบางจุด ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม ที่สำคัญคือขอบจอบาง ทำให้มิติตัวเครื่องใกล้เคียงพวกจอ 13.3″ แถมน้ำหนักเบาแค่ 1.6 กิโลกรัมเท่านั้น วัสดุคุณภาพดีงานประกอบก็เยี่ยมทั้งอลูมิเนียมอัลลอยด์และพลาสติกเกรดดี เอาไปทำงานหรือเล่นเกมได้หมดรอบด้าน

JCVSeJpA

Best Performance 

ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 สเปคเป็น AMD Ryzen 7 5800HS + NVIDIA GeForce RTX 3050 + จอ IPS 144Hz ขอบหน้าจอบาง + Ram 16GB + SSD M.2 1TB  ซึ่งทดสอบการใช้งานเล่นเกมจริงแล้วแรงกว่า Gaming Notebook รุ่นก่อนๆ ทั้ง AMD / Intel มากๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ หรือเล่นเกมก็ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญได้ความเป็น ROG Zephyrus G ที่พรีเมียม บางเบา เรียกได้ว่าคุ้มค่าจนหาตัวจับได้อยากทีเดียว สำหรับ Gaming Notebook หน้าจอ 14″ แบบนี้

award new performance

Best Mobility 

ปัจจัยสำคัญของด้านการพกพาบางเบาก็คือขนาดที่กะทัดรัด แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่า 11 ชั่วโมง และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่ง ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 ตอบโจทย์ทั้งสามด้านได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่รองรับทั้ง Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax)รวมถึง Bluetooth 5.1 หรือหากต้องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม ตัวเครื่องก็ยังมีพอร์ตที่ครบครันสำหรับการใช้งานทั่วไปด้วยเช่นกัน ที่สำคัญจากการที่มีพอร์ต USB 3.2 Type-C เทคโนโลยี USB PD (USB Power Delivery) ทำให้ชาร์จไฟได้สะดวกด้วย

NBS award 4 Mobility

from:https://notebookspec.com/web/600361-review-asus-rog-zephyrus-g14-ga401-3050

Asus ROG Zephyrus S17 รุ่นใหม่มาแล้ว ติด Intel i9 Tiger Lake, RTX 3080 แต่ยังไม่ทราบราคาและวันจำหน่าย

Asus ROG Zephyrus S17 ตัวใหม่จอ ScreenPad หาย แต่ใส่ฟีเจอร์เด็ดมาเพียบ

Asus ROG Zephyrus S17 เป็นซีรี่ส์เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ดีไซน์โดดเด่นในสายตาเกมเมอร์หลาย ๆ คนด้วยการใส่หน้าจอเสริม ScreenPad Plus เอาไว้เหนือคีย์บอร์ด ซึ่งหลาย ๆ คนก็ได้ใช้งานฟีเจอร์นี้พอควรทีเดียว แต่จุดที่น่าสังเกตคือ ROG Zephyrus GX701 ที่ทาง Notebookspec ได้รีวิวไปเมื่อก่อนหน้านี้ตัดกล้อง Webcam ออกไปแล้วใช้วิธีแถมกล้อง Webcam ของทางบริษัทมาให้แทน (แต่ในประเทศไทยไม่แถม) แล้วเลื่อนแป้นคีย์บอร์ดลงมาจนผู้ใช้บางคนใช้คีย์บอร์ดทำงานไม่สะดวกนัก

ROG Zephyrus S17 รหัส GX703 รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวสด ๆ ร้อน ๆ นี้ ทาง ASUS ได้ปรับดีไซน์ตัวเครื่องจากรุ่นเดิม โดยตัดจอ ScreenPad ออกไปแล้วเลื่อนคีย์บอร์ดขึ้นไป แล้วใส่กลไกให้เปิดหน้าจอแล้วแป้นคีย์บอร์ดจะยกตัวขึ้น 5 องศา เพื่อให้พิมพ์งานได้สะดวกและระบายอากาศได้ดี ส่วนสวิตช์บนตัวคีย์บอร์ดใช้ Optical-Mechanical Switch ซึ่งทาง ASUS เคลมว่าอายุของสวิตช์บนแป้นคีย์บอร์ดจะทนทานใช้งานได้นานยิ่งขึ้นและค่าความหน่วง (Latency) ก็จะลดลง ขยายขนาดแป้นทัชแพดให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 125% 

Asus ROG Zephyrus S17

นอกจากนี้ GX703 รุ่นใหม่นี้ ทาง ASUS ก็ติดตั้งกล้อง Webcam ความละเอียด 720p เข้ามาให้ใช้งาน มีเทคโนโลยี 2DNR, 3DNR มีไมโครโฟน 3D แบบจับทิศทางเสียง (Cardioid) และปรับเป็นโหมดหลายทิศทาง (Omnidirectional) ได้ มีระบบตัดเสียงด้วย AI แบบ 2 ทิศทาง (two-way AI noise cancellation) ซึ่งระบบ Webcam นี้จะใช้ Live Stream และประชุมงานออนไลน์ได้ดีมากขึ้นด้วย

สเปคของ Asus ROG Zephyrus S17

csm S17 001 Light 7 f4adbf134a

ตัว ROG Zephyrus S17 GX703 รุ่นใหม่นี้ยังคงใช้ซีพียูของ Intel เป็นหน่วยประมวลผลหลักเหมือนเดิม แต่อัพเดทมาเป็น Intel รุ่นที่ 11 Tiger Lake มีตัวเลือกเป็น Intel Core i7-11800H หรือ i9-11900H ได้ตามรุ่นที่เลือก ส่วนสเปคโดยละเอียดจะเป็นดังนี้

รุ่นและสเปค ASUS ROG Zephyrus S17 GX703

GX703HS-KF004R

ASUS ROG Zephyrus S17 GX703

GX703HR-KF051R

ASUS ROG Zephyrus S17 GX703

GX703HM-KF001R

ซีพียู Intel Core i9-11900H

แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว
2.5-4.9GHz

Intel Core i9-11900H

แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว
2.5-4.9GHz

Intel Core i7-11800H

แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว
2.3-4.6GHz

การ์ดจอ NVIDIA GEFORCE RTX 3080
แรม 16GB GDDR6

มีฟีเจอร์ ROG Boost เร่งความเร็วเป็น 1645MHz

Dynamic Boost เร่งค่าวัตต์จาก 125W เป็น 140W ได้

NVIDIA GEFORCE RTX 3070
แรม 8GB GDDR6

มีฟีเจอร์ ROG Boost เร่งความเร็วเป็น 1660MHz

Dynamic Boost เร่งค่าวัตต์จาก 125W เป็น 140W ได้

NVIDIA GEFORCE RTX 3060
แรม 6GB GDDR6

มีฟีเจอร์ ROG Boost เร่งความเร็วเป็น 1802MHz

Dynamic Boost เร่งค่าวัตต์จาก 115W เป็น 130W ได้

หน้าจอ 17.3 นิ้ว 4K UHD พาเนล IPS กันแสงสะท้อน anti-glare ค่า Refresh Rate 120Hz, Response Time 3ms

ความแม่นยำสี 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง Pantone Validated

แรม 16GB DDR4 ติดตั้งออนบอร์ด อัพเกรดได้สูงสุด 48GB
ฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe PCIe 4.0 RAID0 ความจุ 1TB+1TB+1TB
การเชื่อมต่อ
3.5mm Combo Audio Jack x 1 ช่อง

HDMI 2.0b x 1 ช่อง

USB 3.2 Gen 2 Type-A x 2 ช่อง

USB 3.2 Gen 2 Type-A x 1 ช่อง

USB 3.2 Gen 2 Type-C รองรับการต่อหน้าจอเสริมแบบ DisplayPort และชาร์จแบตเตอรี่ให้โน๊ตบุ๊คได้ด้วย (Power Delivery) x 1 ช่อง

RJ45 LAN port x 1 ช่อง

Thunderbolt™ 4 รองรับการต่อหน้าจอเสริมแบบ DisplayPort และชาร์จแบตเตอรี่ให้โน๊ตบุ๊คได้ด้วย (Power Delivery) x 1 ช่อง

card reader (SD) (UHS-II, 312MB/s) x 1 ช่อง

การเชื่อมต่อไร้สายรองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 แบบ 2*2 มี RangeBoost

ระบบเสียง Smart Amp Technology

Dolby Atmos

AI microphone noise-canceling

ลำโพงทวีตเตอร์ 1W x 2 ตัว พร้อม Smart Amp Technology

ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro (64-bit)
น้ำหนัก 2.6 กิโลกรัม

csm S17 011 Light 7 d0a3776635

Asus ROG Zephyrus S17
ROG Zephyrus S17 old

 

สำหรับราคาและวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ASUS ROG Zephyrus S17 GX703 รุ่นใหม่นี้ยังไม่มีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่หากอิงจากราคาเก่าและการประกาศปรับราคาโน๊ตบุ๊คเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา คาดว่าราคาคยงจะเพิ่มจาก 79,900 บาท ในรุ่นที่แล้วไปบ้าง ซึ่งถ้าให้ผู้เขียนเดาแล้วอาจจะขยับไปราว 81,900 บาท หรือมากกว่านั้นก็เป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวแรงระดับนี้ ได้ซีพียูและการ์ดจอตัวท็อปมาติดตั้งแล้ว ในระดับราคา 8 หมื่นบาทก็ถือว่ายังพอรับได้ เพราะเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คสเปคเดียวกันจากแบรนด์อื่น ๆ นั้นปรับราคาไปแตะ 9 หมื่นบาทขึ้นไปหมดแล้วด้วย

ที่มา : หน้าเว็บไซต์ ROG Zephyrus S17 GX703, Notebookcheck

from:https://notebookspec.com/web/594328-asus-rog-zephyrus-s17-launched

รีวิว ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 สเปก Ryzen 5000H + GeForce RTX 3080 จอ 2K 165Hz sRGB 100% ได้ลำโพง 6 ตัว เบา 1.9 โล แบต 9:30 ชั่วโมง

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 ใช้สเปก AMD Ryzen 5000H และ NVIDIA GeForce RTX 30 Series รุ่นใหม่ล่าสุด กับการที่เป็น Gaming Notebook ปี 2021 ดีไซน์บางเบา หน้าจอ 15.6″ จอ 2K WQHD สุดล้ำประสิทธิภาพสูงสุด ติดตั้งลำโพง 6 ตัวสุดกระหึ่ม วัสดุฝาหลังเป็นโลหะผ่านกระบวนการขึ้นรูปเจาะ CNC ที่เรียบเนียนสวยงาม

โดยสเปกขายจริงจะเป็น Ryzen 7 5800HS เป็นชิปประมวลผล AMD Notebook ที่ดีที่สุดเน้นทั้งแรงและร้อนน้อยกว่า (รองจาก Ryzen 9 5900HS) ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม Zen 3 ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจออย่าง NVIDIA GeForce RTX 3080 (8GB GDDR6) เทคโนโลยี 8 นาโนเมตรที่ใหม่ที่สุด

ASUS ROG Zephyrus G15

สเปกอื่นๆ ก็โดดเด่นไม่เป็นรองกัน โดยติดตั้งแรมมาขนาด 16GB DDR4 Bus 3200 MHz อีกทั้งได้ที่เก็บข้อมูลมาเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB สำหรับหน้าจอพาเนล IPS เกรดสูง sRGB ใกล้เคียง 100% รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz ที่สำคัญคือได้ลำโพงระบบเสียง 6 ตัว Dolby Atmos ที่ให้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอด

แน่นอนว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ใช้ได้ทันที อีกทั้งมีปุ่ม Power ทำหน้าที่ Fingerprint ด้วย จัดเต็มเลยการเล่นเกมหรือทำงาน เน้นความพรีเมียม บางเบา แบตยาวนาน ทำงานก็ดีเล่นเกมก็ได้ โดยมีน้ำหนักเบาแค่ 1.9 กิโลกรัม ได้ประกันก็เป็น 3 ปี On-site Service และประกันอุบัติเหตุในปีแรกด้วย สรุปง่ายๆ “ถ้างบไม่ใช่ปัญหาก็จัด ASUS ROG Zephyrus G15 รุ่นนี้ได้เลย “

VDO Review 

NBS Verdict

นับว่าเป็น Gaming Notebook ที่ทำงานระดับมืออาชีพ ดีไซน์บางเบา เน้นการทำงาน ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่ทรงพลังจริงๆ และแรงล้ำไม่ซ้ำใคร สำหรับการมาของ ASUS ROG Zephyrus G15 เชื่อได้เลยว่าตลาด Gaming Notebook สนุกสนานแน่นอน ไม่ใช่แค่เป็นรุ่นหน้าจอ 2K WQHD ที่คมชัดกว่า Full HD เท่านั้น แต่ด้วยการมาของสเปกชิปประมวลผลให้ล่าสุดจาก AMD Ryzen 5000H ก็แรงลื่นกว่า 4000H ไปอีกขั้น

ประกอบกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 30 Series อย่าง RTX 3080 (8GB GDDR6) ที่ดูแล้วจากผลทดสอบจริงๆ แล้ว มีความเหนือกว่า Gaming Notebook ปีก่อนแบบชัดเจนในการเล่นเกมที่ควรละเอียดที่มากกว่า ซึ่งให้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอดทั้งภาพที่สวยงามและเสียงที่จัดเต็มด้วยลำโพง 6 ตัว ระบบ Dolby Atmos อย่างที่หาไม่ได้ใน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ณ ขณะที่เรากำลังรีวิวอยู่ 

ASUS ROG Zephyrus G15

ดีไซน์การออกแบบทั้งหมดเอง ก็เป็นการต่อยอดมาจากรุ่นปีก่อนหน้าจอ 14″ อย่าง ASUS Zephyrus G14 GA401 ในทุกๆ มิติ โดยฝาหลังเองมีการรังสรรค์เจาะรูกว่า 8279 รูพร้อมสีสันภายในเพิ่มความมันวาวไม่เหมือนใคร พร้อมการเสริมรังผึ้งใต้ที่พักฝ่ามือเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยวัสดุที่น้อยที่สุดเพื่อให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาและแข็งแรง การออกแบบทนต่อการโค้งงอภายใต้แรงกดเพื่อความรู้สึกกระชับในขณะที่เราใช้งาน

จุดเด่นที่ต้องพูดถึงนอกจากดีไซน์สวยเฉียบของ ASUS ROG Zephyrus G15 ก็คือความบางที่ 19.9 มิลลิเมตร ขอบจอบางเฉียบ พกพาสะดวกด้วยความเบาของเครื่องเพียง 1.9 กิโลกรัม แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบ 10 ชั่วโมง การเชื่อมต่อก็ครบครันทั้งไร้สายและมีสาย รองรับการชาร์จผ่านทาง USB PD ที่สำคัญก็คือได้หน้าจอคุณภาพสูง ที่ได้ Refresh Rate ที่ 165Hz นับได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ที่ดีที่สุดรุ่นนึง ทั้งจากตัวเครื่อง ฟีเจอร์ และประสบการณ์ใช้งานจริง

ASUS ROG Zephyrus G15

สำหรับสเปกที่ได้รับมาทดสอบรีวิวเป็นรุ่นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000 Series รหัส HS ​รุ่นพิเศษ ที่เน้นทั้งแรงและร้อนน้อยกว่า อย่าง Ryzen 9 5900HS เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080 รุ่นแรมการ์ดจอ 8GB GDDR6 ที่ติดตั้งแรมตัวเครื่องมา 32GB พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนักๆ หรือเล่นเกม 3 มิติก็จะมีความลื่นไหลแน่นอน เทียบกับรุ่นรุ่นก่อนๆ ก็เหนือชั้นกว่าด้วย อย่างไรก็ตาม

ASUS ROG Zephyrus G15

อย่างไรก็ตาม ASUS ROG Zephyrus G15 สเปกขายจริงในตอนนี้จะมีความต่างโดยชิปประมวลผลจะเป็น Ryzen 7 5800H และแรมจะได้ขนาด 16GB ส่วนสเปกอื่นๆ อย่างการ์ดจอหรือที่เก็บข้อมูล รวมไปถึงฟรชีเจอร์อื่นๆ เหมือนกันทั้งหมด ด้วยราคา 69,990 บาท ได้ประกัน 3 ปี On-site Service และประกันอุบัติเหตใน 1 ปีแรก ซึ่งนับว่าค่อนข้างสูง แต่ก็คุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ ส่วนข้อสังเกตคงเป็นการที่ไม่มีกล้องเว็บแคม ทำให้เราต้องหาซื้อเพิ่มเอง

ที่สำคัญคือรุ่นขายจริงจะเป็นสีเทา Eclipse Gray เอง ไม่ใช่ขาว Moonlight White เหมือนในภาพประกอบรีวิวแต่อย่างใด แต่ก็คาดว่าทั้งสเปก Ryzen 9 5900HS และสีขาว ในอนาคตไม่นานหลังจากนี้จะเข้ามาจำหน่ายอีกที พร้อมทั้งมีอุปกรณ์บันเดิลที่ครบถ้วนกว่า ไม่ว่าจะเป็นกล้องเว็บแคม ASUS ROG EYE และอแดปเตอร์ที่สอง ที่เป็น USB-C ขนาด 100W เน้นใช้งานพกพานอกสถานที่มาด้วย ไว้รอติดตามกันอีกที 

ASUS ROG Zephyrus G15

จุดเด่น ASUS ROG Zephyrus G15

  • ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจตามสไตล์ ROG Zephyrus งานประกอบแน่นวัสดุดีเยี่ยม
  • ขอบหน้าจอบางพิเศษ มิติเทียบเท่ารุ่น 14″ ตัวเครื่องเบา 1.9 กิโลกรัม และบางสุดที่ 19.9 มิลลิเมตร
  • ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผลรุ่นใหม่ AMD Ryzen 5000 HS Series แรงลื่น ร้อนน้อยกว่า
  • การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080 พร้อม OC มาจาก ASUS เพิ่มความแรงไปอีก
  • แรมขนาด 32GB Bus 3200 MHz แบบ Dual Channel (Onboard มา 16GB แบบ SO-DIM 16GB)
  • ได้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง sRGB 100% ความละเอียด 2K WQHD รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz
  • อุณหภูมิในการใช้งานถือว่าจัดการได้ดี ไม่ร้อนจนเกินไป ทำงานได้ไม่มีสะดุด
  • พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน โดดเด่นด้วย 2 x USB 3.2 Type-C รองรับ DisplayPort / USB PD
  • ปุ่ม Power ทำหน้าที่ Fingerprint เพื่อใช้งาน Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน Login ด้วย
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบ 10 ชั่วโมง
  • มีซอฟต์แวร์ Armory Crate มาช่วยปรับแต่งการใช้งาน
  • มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที มีความสเถียร์ของไดร์เวอร์
  • ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม ประทับใจมาก เมื่อเทียบกับราคา
  • ประกัน 3 ปีแบบทั่วโลก พร้อมบริการ On-site Service และมีประกันอุบัติเหตุ 1 ปี

ข้อสังเกต ASUS ROG Zephyrus G15

  • ไม่มี SD Card Reader
  • ไม่มีกล้องเว็บแคม ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง
  • การ์ดจอเป็น RTX 3080 (8GB GDDR6) ไม่ใช้ตัวท็อปอย่าง 16GB GDDR6

Specification

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 รุ่นที่ได้รับมาทดสอบครั้งนี้เป็นรุ่นที่ยังไม่มีการจำหน่ายในไทยในตอนนี้  มาพร้อมกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HS สถาปัตยกรรม Zen 3 มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม 7 nm ความเร็ว 3.00 – 4.60 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ผสานกับ APU การ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น Radeon 8

ส่วนการ์ดจอแยกจะเป็น NVIDIA GeForce RTX 3080 (8GB GDDR6) ซึ่งแรงลื่นและเย็นกว่า GTX 20 Series ในทุกๆ มิติ พร้อมฟีเจอร์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น DLSS / Ray Tracing มาแบบจัดเต็ม รองรับกราฟิกที่สวยงามมากกว่า แต่ก็ได้ความแรงที่มากกว่า RTX 2080 รุ่นก่อน โดยเน้นให้มีความร้อนที่น้อยกว่าและประหยัดพลังงานเข้ากับตัวเครื่องที่บางเบา

ในส่วนของแรมได้มาขนาด 32GB Bus 3200 MHz แบบ Dual Channel (16GB x 2 โดยออนบอร์ดมาแล้ว 1 แถว) มาพร้อมกับที่เก็บข้อมูลแบบ Intel SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ที่มีความลื่นไหล อีกทั้งยังรองรับการติดตั้งอัพเกรดเพิ่ม SSD M.2 NVMe มาให้อีก 1 ช่อง

โดดเด่นกว่ารุ่นก่อนหน้าคือได้หน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียด WQHD ที่ 2560 x 1440 พิกเซล พาเนล IPS เกรดสูง ระดับค่อขอบเขตสี sRGB 100% รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz ให้ความเรียบเนียนในการใช้งานสุด พร้อมความลื่นไหลและค่าสีที่เที่ยงตรงในจอเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงเป็น 6 ตัวจัดเต็ม

พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง 2 x USB 3.2 Gen 2 Type-A และ 2 x USB 3.2 Gen2 Type-C โดยทำงานเป็น DisplayPort 1.4 และชาร์จไฟผ่านทาง USB PD ได้ ระบบการเชื่อมต่อไร้สายเป็นมาตรฐานใหม่อย่าง Intel Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) และ Bluetooth 5.0 พร้อมระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 แท้ และซอฟต์แวร์ Utility อย่าง Armory Crate มาให้ในตัว

โดยมีข้อสังเกตที่น่าสนใจคือไม่ได้ติดตั้งกล้องเว็บแคมมา ถ้าใครจะใช้ต้องหามาติดตั้งเอง การรับประกัน On-site Service ระยะ 3 ปี และ Global Warranty ที่สำคัญได้ประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty 1 ปีแรก เมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ จัดได้ว่าเป็นมาตรฐานการรับประกันของทาง ASUS ปกติ

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503QS-HQ012T ราคา 69,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : AMD Ryzen 9 5900HS (8C/16T – 3.0 – 4.6GHz)
  • GPU : AMD Radeon 8 + NVIDIA GeForce RTX 3080 (8GB GDDR6)
  • RAM : 32GB DDR4 Bus 3200 MHz (Onboard 16GB)
  • DISPLAY: 15.6″ IPS 2K WQHD 165Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
  • OS : Windows 10
  • Warranty : 3 Years On-site Service + 1 Year Perfect Warranty 

Hardware / Design

ASUS ROG Zephyrus G15 อยู่บนพื้นฐานการออกแบบของตระกูล ROG Zephyrus ที่เน้นสายเกมเมอร์สายพกพาบางเบาที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งจากฟีเจอร์ ดีไซน์และสเปกแรงล้ำกว่าที่เคยมีมาทั้งหมด มีสีสันทั้งสีเทา Eclipse Gray และขาว Moonlight White แต่ในตอนนี้จะมีจำหน่ายเพียงสีเทา Eclipse Gray เท่านั้น กับน้ำหนักเพียง 1.9 กิโลกรัมและบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร 

รวมไปถึงหน้าจอมีขนาด 15.6″ แบบขอบจอบางเฉียบ Nano Edge Display ตามสไตล์ของ ASUS โดยตัวเครื่องเทียบเท่า 14″ เท่านั้น ทำให้ใช้งานได้เต็มตามากขึ้น ส่วนช่องระบายความร้อนมีทั้งหมด 4 ช่อง เป่าออกใต้หน้าจอ 2 ช่อง และด้านขวาซ้ายอีกอย่างละ 1 ช่อง พัดลม 2 ตัว แบบ 84 ใบ พร้อมฮีทไปป์ 6 เส้นขนาดใหญ่ และ Liquid Metal ดึงความร้อนออกจาก CPU / GPU ได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่นำพาความร้อนออกได้เป็นอย่างดี

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 53

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 3 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 180 องศา

จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ช่วยเรื่ององศาการพิมพ์ที่สบายขึ้น การรดูดลมเย็นที่ดีขึ้น และลำโพงสะท้อนเสียงได้มากยิ่งขึ้นด้วย

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 71

ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงงานประกอบเรียบร้อย พร้อมอากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นอีก 4 ช่องด้านล่างใต้เครื่อง อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก

ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัวจากนั้นค่อยๆ ดึงขึ้น รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 67

สรุปสั้นๆ สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook บางเบาหน้าจอ 15.6″ ได้อย่างลงตัว

ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก จากแต่ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ที่ความแรงระดับนี้ จะอยู่บนตัวเครื่องที่บางและเบาแบบนี้ แต่ตอนนี้ทาง ASUS ทำออกมาได้แล้ว ในประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่ล้ำหน้ากว่า ในราคาที่จัดว่ามีความโดดเด่นโดยฝาหลังโลหะวัสดุแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่เราเห็นเป็นจุดๆ ซึ่งกระจายไปทั่วนั้น ผ่านกระบวนการ CNC ด้วยเครื่องจักรมาเป็นอย่าง กว่า 8,297 รูด้วยกัน 

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 62
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 46
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 47
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 54
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 61
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 63

Keyboard / Touchpad

ASUS ROG Zephyrus G15 เป็นคีย์บอร์ด Gaming ที่มีไฟ LED สีสีขาวสีเดียว แต่ละปุ่มมีมุมโค้งเข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.7 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง รวมถึงสามารถมีฟังก์ชั่นเพิ่มลดเสียง เปิดปิดไมค์ และปุ่มเรียกโปรแกรม Armoury Crate ซึ่งตัวปุ่มต่างๆ ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์อย่างแท้จริง

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 26

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 24
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 22
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 25

โดยปุ่ม Power ที่ติดตั้งอยู่เหนือชุดคีย์บอร์ดยังทำหน้าที่ Fingerprint ในหนึ่งเดียวกัน เพื่อใช้งาน Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน Login ด้วย เรียกได้ว่าได้ทั้งความรวดเร็วและปลอดภัย ในส่วนของทัชแพดเองขนาดใหญ่มากๆ ดีไซน์แบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก 

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 23

ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี ฟีเจอร์ Multi-touch หรือ Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ Windows 10 ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดอย่าง F5 ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนโหมดการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Turbo / Performance / Silent / Windows ตามความเหมาะสมในการใช้งานต่างๆ เช่นการเล่นเกมจะเป็น Turbo ส่วนถ้าใช้งานทั่วไปคือ Windows

Screen / Speaker

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 มีหน้าจอขอบจอบางเฉียบ ทั้งขอบด้านข้างและด้านบนทำให้ไม่มีกล้องเว็บแคม ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง (แต่ยังมีไมโครโฟนแบบคู่อยู่) ด้วยขนาด 15.6″ ความละเอียด WQHD (2560 x 1440 พิกเซล) เหมาะสมตามการใช้งาน โดยได้พาเนลเป็น IPS คุณภาพดีเยี่ยม มุมมองกว้าง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare รวมๆ ทั้งสีสันความคมชัดแล้วจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เหมาะกับการใช้งานทั่วๆ ไปหรือการเล่นเกมก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ 

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 14

รวมไปถึงยังเป็นหน้าจอเป็น Refresh Rate ที่ 165Hz / 3ms ทำให้ใช้งานเล่นเกม FPS ฉากเคลื่อนไหวเร็วๆ ได้อย่างลื่นไหลกว่าหน้าจอทั่วไปที่แค่ 60Hz รวมๆ แล้ว พร้อม ลดอาการเบลอ ค้าง จากการเคลื่อนไหว เพื่อการ Ray Tracing ที่แม่นยำยิ่งขึ้น และด้วยฟีเจอร์ Adaptive-Sync ยังช่วยให้การเล่นเกมมีความเรียบลื่น ช่วยลดอาการภาพฉีกขาด และลดการกระตุก เพื่อความบันเทิงขั้นสูงสุด เรียกได้มาเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่ดีกว่ารุ่นปีก่อนๆ ไปอีกขั้น

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 19
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 15
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 16

ทดสอบหน้าจอด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสัน Gamut เทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 1000% และ AdobeRGB 88% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับสูงมากๆ แน่นอนว่าเทียบกับ Gaming Notebook ทั่วไปนั้นดีกว่ามาก ถือว่าเป็นระดับที่ดีเยี่ยมจริง

ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 400 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไปพอสมควร สู้แสงกลางแจ้งได้สบายๆ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพทั่วไป พร้อมรองรับการทำงานจริงจังระดับมืออาชีพด้วยขอบเขตสีที่กว้างและแม่นยำ 

s1
s2
s3

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 400 cd/m2 แต่สำหรับช่องมุมซ้ายบนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 11% ที่ถือว่ารับได้

ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว สรุปคือเล่นเกมได้ดีมากๆ ส่วนสีสันก็จัดว่ายอดเยี่ยมอย่างที่หาได้อยากในตลาดโน๊ตบุ๊ค สมกับการที่มาพร้อมกับ Pantone Validated

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 13

ตัวเครื่องติดตั้งระบบเสียงแบบ 6 ลำโพง โดยมีช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องบริเวณขอบที่วางมือซ้ายและขวาซ้ายขวา คุณภาพสูง ที่เน้นให้เสียงกลางและแหลม พร้อมลำโพงซัฟวูฟเฟอร์อีก 4 ตัวด้านใต้ตัวเครื่อง ทำให้ได้เสียงทุ่มหนักหน่วงกว่า อีกทั้งมี Smart Amp เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัดที่ชัดขึ้นถึง 1.5 เท่า เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น ให้ขอบเขตเสียงที่กว้าง เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาพอตัว

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 28
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 27
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 55

จากการที่มีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์แยกออกมาต่างหาก มีไดนามิกมากขึ้นสำหรับเสียงความถี่ต่ำ ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง ซึ่งหากว่าเพื่อนๆ เป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้ รวมไปถึงมีเทคโนโลยี Dolby Atmos ช่วยจำลองเสียง 3 มิติได้อีกด้วย เรียกได้ว่าสุดยอดทั้งด้านภาพและเสียงจริงๆ สำหรับ Gaming Notebook เครื่องนี้

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 58
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 57
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 8

Connector / Thin And Weight

ด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่องจัดว่าครบเครื่องมากๆ จากการที่เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ระดับสูง โดยตัวพอร์ตจะอยู่ด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง มีทั้ง USB 3.2 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.2 Type-C จำนวน 2 พอร์ต (รองรับ DisplayPort 1.4  / USB Power Delivery) พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง และ HDMI 2.0 แน่นอนว่ามีต่ออแดปเตอร์ปกติ 1 ช่องด้วย ส่วน Kensington จะอยู่ที่ด้านขวา นอกจากนี้ยังได้ในส่วนของ LAN RJ45 ด้วย

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 40

ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น ส่วนขนาดของตัวเครื่อง 355 x 243 x 19.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.9 กิโลกรัม ถือว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 200 W เข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น พอแบกพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่ไม่หนักมาก ถือมือเดียวก็สบายๆ หยิบจับไปไหนก็สะดวกทีเดียว

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 37
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 42
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 72

Inside / Upgrade

การแกะเครื่อง ASUS ROG Zephyrus G15 เพื่อทำการอัพเกรดนั้นทำง่ายมาก โดยมุมนึงจะมีสกรูแบบพิเศษหนึ่งตัวที่จะช่วยให้การเข้าถึงการอัพเกรดเป็นเรื่องง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เพียงไขน็อตทุกตัว จะมีอยู่ 1 ตัวที่มุมตัวเครื่อง ที่เราสามารถใช้มือค่อยๆ แกะออกมาได้เลย จากการที่มันจะเปิดแง้มขึ้นมาอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามต้องระวังนิดนึงก็คือ จะมีน้อต 3 ตัวที่มียางสีติดติดเอาที่กลางตัวเครื่อง อย่าว่าต้องัดออกมาแล้วไขน็อตออกด้วย 

เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ถูกออกแบบจัดระเบียบได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว มีพัดลมขนาดใหญ่เทคโนโลยี ROG Intelligent Cooling พร้อมระบายความร้อนที่มี Anti-Dust Tunnels ที่อยู่ในชุดฟินสีดำ หมดกังวลเรื่องฝุ่นที่ติดตรงครีบระบายความร้อนจุดสังเกตที่เปลี่ยนไปคือตัวเครื่องเลือกใช้ฮีทไปป์ 6 เส้น พร้อมกันนั้นยังมีการติดตั้ง Liquid Metal นำพาความร้อนแบบพิเศษจาก CPU / GPU เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว 

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 1

ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่สามารถทำการอัพเกรดคือมีช่องใส่ SSD M.2 NVMe PCIe ที่ใส่มาแล้ว 1TB ถ้าจะอัพเกรดเป็น 2TB ในอนาคตก็ต้องถอดออกก่อน ส่วนหน่วยความจำแรมขนาด 16GB แถวแรกเป็นแบบฝังบอร์ด และรองรับการใส่ 1 แถว (SO-DIM) ซึ่งใส่มาแล้ว 16GB อีกหนึ่งแถว รวมเป็น 32GB ซึ่งก็ใส่มาเต็มแล้วในส่วนของเครื่องทดสอบ ซึ่งสเปกขายจริงเรายังสามารถอัพเกรดได้อีก 16GB นั่นเอง 

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 2

ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 3
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 5
ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 Review 7

Performance / Software

ASUS ROG Zephyrus G15 ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HS ที่แรงกว่า AMD Ryzen 9 4900HS รุ่นก่อนหน้านั้น โดยเป็นรหัส HS ที่เน้นทั้งแรงและปลดปล่อยความร้อนที่น้อยกว่า (แต่ก็ยังมี AMD Ryzen 9 5900H ที่แรงกว่า อยู่ใน TUF Gaming 15 FA506) ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 โค้ดเนม Cezanne มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 3.00 – 4.60 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread 

ได้ L3 Cache ที่ 16MB ซึ่งจัดเต็มมากกว่ารุ่นก่อนๆ มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด TDP ที่ 35W ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น AMD Ryzen 4000H หรือ Intel Core i Gen 10H เลยทีเดียว ที่สามารถดูได้จากผลการทดสอบเล่นเกมที่ลื่นไหลกว่า Gaming Notebook สเปกเดิมๆ มาก

c1.   c2

สำหรับ AMD Ryzen 9 5900HS แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่าชิปประมวลผลที่เป็น AMD Ryzen 3000 H Series เป็นหลายเท่าตัว ส่วนแรมได้ขนาด 16GB จำนวน 1 แถวแบบออนบอร์ด และ 16GB แบบใส่เป็นช่องสล๊อต SO-DIM RAM อีก 1 แถว

รวมเป็น 32GB เป็นมาตรฐาน Bus 3200 MHz รองรับการอัพเกรดได้โดยการถอดแรม 8GB แถวเดิมออกไป พร้อมให้ SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB ซึ่งมีช่องว่างใส่ SSD M.2 NVMe อีก 1 ตัวไว้อัพเกรดภายหลังได้ ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ

g1.   g2

กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง AMD Radeon 8 รุ่นใหม่มีความเร็วในการทำงานที่ 2100MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ ทำให้แบตเตอรี่อยู่ได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมงทีเดียว แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้ชิปประมวลผลตัวแรงก็ตามที

อีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงที่สุดใน Gaming Notebook สเปก Ryzen 5000H / 5000 HS ทั้งหมด อย่าง NVIDIA GeForce RTX 3080 มาพร้อมแรมการ์ดภายในขนาด 8GB มาตรฐาน GDDR6 (ยังมีรุ่นบนกว่าคือ 16GB GDDR6) แน่นอนว่าได้เทคโนโลยี RTX Series ต่างๆ ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า GeForce RTX 20 Super ได้อีก ซึ่งมีการเน้นใช้งานกับ Gaming Notebook บางเบา ร้อนน้อยกว่าแต่ก็แรงไม่แพ้กัน จากการที่ทาง ASUS เค้า Overclock มาให้จากโรงงานแล้ว จากเทคโนโลยี ROG Boost ให้ GPU Clock แรงเหนือชั้นยิ่งกว่า เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว

cine15.   cine20

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HS คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen / Intel Core i รุ่นก่อนหน้า ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก

ssd

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยใช้เป็นแบรนด์ Hynix ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3597 MB/s และเขียนที่ 2970 MB/s สมกับเป็นรุ่นบนๆ ของตลาดจริงๆ

pc10

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6939 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นไม่ติดอะไรแน่นอน แรงแบบ Desktop ตัวท็อปไปแล้วด้วยซ้ำ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HS มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง RTX 3080 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว

game f test

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch

ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 3 / BF V / GTA V / FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ทั่วไป และ WQHD ที่ 2560 x 1440 พิกเซล โดยเป็น Native ของหน้าจอ  

โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 3 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าประทับใจอยู่

game q test

ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน  ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย 

ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 7 เกมที่เราได้ทำการทดสอบไป ยิ่งถ้าเทียบกับ Gaming Notebook สเปกก่อนหน้าทั้งส่วนของ AMD Ryzen หรือ Intel Core i จะเห็นว่าแรงกว่าเดิมมากๆ แน่นอนว่าในส่วนของการเล่นเกมที่ความละเอียด WQHD ที่ 2560 x 1440 พิกเซล ที่เป็น Native ของหน้าจอ ก็เล่นได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าอยากลื่นกว่านั้นก็ปรับเป็น Full HD 1920 x 1080 ก็ได้แล้วแต่สะดวก 

asus

นอกเหนือจากนี้ ASUS ROG Zephyrus G15 ยังมี Armory Crate ซอฟต์แวร์ Utility ที่ยกมาจาก ROG รุ่นอื่นๆ ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆ ของระบบ อาทิ ผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆ ตามความชอบเป็นรูปแบบได้หลายโปรไฟล์ 

ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ จะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้ Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการอัพเดทในอนาคต ปิดท้ายด้วยซอฟต์แวร์ Utility อีกตัวอย่าง MyASUS ที่ไว้คอยตรวจระยะเวลากรับประกันและอัพเดทไดร์เวอร์ได้ครบๆ

my

Battery / Heat / Noise

แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติขนาดความจุสูง ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวเกือบๆ 10 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 15.6″ สเปกแรงลื่นแบบนี้

ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขนาดนี้ สมกับเป็น ROG Zephyrus Series จริงๆ อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไฟกลับแบบรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี Fast Charging ที่ใช้เวลาเพียง 30 นาที ก็สามารถชาร์จไฟแบตเตอรี่จาก 0% กลับมาที่ 50% ได้ นอกนจากนี้ยังรองรับอแดปเตอร์ที่เป็น USB-C มาตรฐาน PD ซึ่งจะมีขนาดเล็ก เพื่อชาร์จไฟได้อีกด้วย เพื่อความสะดวกสบายในการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ยิ่งขึ้นไปอีก

batt

สำหรับอุณหภูมิทดสอบด้วยโปรแกรม Hardware Monitor สามารถตรวจสอบได้ครบถ้วนทั้ง CPU / GPU จากการที่เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด จากการทดสอบเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 26 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ด้วยการเปิดโหมด Turbo ที่เร่งประสิทธิภาพในทุกๆ ด้าน

temp2

ประสิทธิภาพโดยรวมยังลื่นไหลอยู่  ซึ่งชิปประมวลผลร้อนสุดๆ ที่ 96 องศาเซลเซียส นับว่าควบคุมความร้อนได้ดี โดยไม่สูงเกินไปกว่านี้แน่นอน เพราะระบบยังคงจัดการได้ดีอยู่ พร้อมกันนั้นไม่กระทบต่อการใช้งานด้วย เพราะประสิทธิภาพไม่ตกเลย ในส่วนของการ์ดจอจะร้อนสุดอยู่ที่ 65 องศาเซลเซียสเท่านั้น ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่มีซอฟต์แวร์ Armory Crate ถ้าใช้งานทั่วไป เราสามารถเลือกปรับโหมดต่างๆ เช่น Windows ทำให้พัดลมแทบไม่หมุนและไม่มีเสียงเลย

Conclusion / Award

สมการรอคอยของการมาของ Gaming Notebook ดีไซน์บางเบาหน้าจอ 15.6″ ที่เป็นการพัฒนามาจาก DNA ของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA401 ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า Gaming Notebook ปีก่อนมากๆ สำหรับ ASUS ROG Zephyrus G15 ซึ่งตอนนี้ก็ได้เป็นรุ่นที่มีฟีเจอร์ Gaming มากมาย โดยรุ่นขายจริง มีราคา 69,990 บาท จัดได้ว่าเน้นความพรีเมียมและเรื่องความบางเบาพกพา แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน เป็นหลักตามซีรีส์ของ ROG Zephyrus อย่างที่เราทราบกัน

ASUS ROG Zephyrus G15

แต่ ASUS ROG Zephyrus G15 เครื่องที่ได้รับมารีวิวนี้ยังเป็นสเปกและสีสันที่ยังไม่พร้อมจำหน่าย ได้สเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HS ที่เน้นร้อนน้อยกว่าซี่รีส์ H เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม Zen 3 ผสานกาทำงานร่วมกับการ์ดจอแยกตัวแรงแต่ร้อนน้อยอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3080 (8GB GDDR6) ซึ่งเป็นรุ่นรองท็อป ของรุ่น RTX 3080 (16GB GDDR6) 

รวมไปถึงในส่วนของแรมยังได้เป็นมาตรฐานใหม่ด้วยขนาด 32GB DDR4 Bus 3200 MHz แน่นอนว่าที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ซึ่งต้องบอกว่าประทับใจมากๆ กับความแรงในมิติดีไซน์ที่เล็กกระทัดรัดสุดๆ นอกจากนี้แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง แถมยังมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax)  และ USB PD ล้ำๆ ด้วย

ASUS ROG Zephyrus G15

จากการทดสอบใช้งานจริงเล่นเกมจริงๆ เห็นได้ชัดถึงความทรงพลังของชิปประมวลผลและการ์ดจอรุ่นใหม่ ที่ให้ทั้งความแรงที่สุดของ AMD Gaming Notebook และร้อนน้อยมากๆ  ซึ่งแรงกว่าจากเดิมๆ แล้ว ASUS ยัง OC เพิ่มความแรงเข้าไปอีก ที่สำคัญหน้าจอเป็นพาเนล IPS เกรดสูงที่ให้ค่า sRGB 100% พร้อม Refresh Rate ที่ 165Hz พร้อมความละเอียด WQHD ที่มากกว่า นับได้ว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ แทบทั้งหมดเลยก็ว่าได้ รวมไปถึงยังได้ลำโพงจัดเต็มถึง 6 ตัวระบบเสียง Dolby Atmos ที่เป็นที่สุดของความบันเทิงจริงๆ

ASUS ROG Zephyrus G15

ในตอนนี้ถ้าใครต้องการ Gaming Notebook ตัวแรง และได้สเปกใหม่และแรงสุดๆ ในค่าตัวเพียง 69,990 บาทเท่านั้น ASUS ROG Zephyrus G15 สเปก Ryzen 7 4800HS + GeForce RTX 3080 ก็ตอบโจทย์อยู่ ได้การรับประกัน 3 ปีแบบทั่วโลก พร้อมบริการ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็มกว่ารุ่นก่อนๆ ที่ผ่านมา 

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG Zephyrus G15 GA503 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Design

เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ROG โน๊ตบุ๊คสายบางเบาพรีเมียม ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ROG Zephyrus รุ่นนี้ ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ทำงานก็ได้เล่นเกมก็ดี ที่สำคัญวัสดุคุณภาพดีงานประกอบก็เยี่ยมทั้งอลูมิเนียมอัลลอยด์ เอาไปทำงานหรือเล่นเกมได้หมดรอบด้าน พร้อมฝาหลังเป็นโลหะผ่านกระบวนการขึ้นรูปเจาะ CNC ที่เรียบเนียนสวยงาม จำนวน 8,279 พร้อมมีไฟ LED เป็นพันๆ ดวงปรับแต่งได้ผ่านซอฟต์แวร์

NBS award 7 Design

Best Performance

ASUS ROG เครื่องที่เรานำมาทดสอบสเปคเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HS การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080 ได้ Ram 32GB และ SSD M.2 NVMe PCIe 1TB ซึ่งทดสอบการใช้งานเล่นเกมจริงแล้วแรงจริงๆ  รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปหรืองานแบบมือาชีพนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ หรือเล่นเกมก็ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญได้ความพรีเมียม บางเบา เรียกได้ว่าทรงพลังจริงๆ สำหรับ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่เบาเพียง 1.90 กิโลกรัมแบบนี้

award new performance

Best Gaming

จากการที่เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่ให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือชั้นกว่ารุ่นทั่วๆ ไป ทั้งจากหน้าจอความละเอียดสูงกว่าที่ WQHD 2560 x 1440 พิกเซล ซึ่งพาเนลเป็น IPS เกรดสูงมากระดับ sRGB 100% อีกทั้งได้ Refresh Rate ที่ 165Hz ส่งผลให้เล่นเกมได้สนุกสนานกว่าที่เคยมีมา รวมไปถึงลำโพงก็จัดเต็มถึง 6 ตัว ระบบ Dolby Atmos ที่ให้เสียงกระหึมพร้อมรายละเอียดเสียงที่จัดเต็ม และที่สำคัญคือระบบระบายความร้อนที่ดีมากๆ จากทาง ASUS ROG ที่สเปกแรงลื่นขนาดนี้ แต่ใช้งานจริงได้ไม่ร้อนเลย 

award new Gaming

Best Mobility

ปัจจัยสำคัญของด้านการพกพาบางเบาก็คือขนาดที่กะทัดรัด คือเบา 1.9 กิโลกรัม บาง 19.9. มิลลิเมตร แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานเกือบ 10 ชั่วโมง และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่งตอบโจทย์ทั้งสามด้านได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่รองรับทั้ง Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) หากต้องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม ตัวเครื่องก็ยังมีพอร์ตที่ครบครันสำหรับการใช้งานทั่วไปด้วยเช่นกัน ที่สำคัญจากการที่มีพอร์ต USB 3.2 Type-C เทคโนโลยี USB PD (USB Power Delivery) ทำให้ชาร์จไฟได้สะดวกด้วย

NBS award 4 Mobility

 

from:https://notebookspec.com/web/580441-review-asus-rog-zephyrus-g15-r9-rtx3080

[CES 2021] ASUS Zephyrus Duo 15 SE ใหม่ใช้ Ryzen 9 กับ 3080

ASUS Zephyrus เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวแรงที่เกมเมอร์ให้ความสนใจอยู่เสมอ และในงาน CES 2021 นี้ ASUS Zephyrus Duo 15 SE รุ่นใหม่ถือโอกาสย้ายฝั่งจาก Intel มาใช้ AMD Ryzen 5000 รุ่นใหม่ จับคู่กับกราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce RTX 3000 พร้อมกับ ScreenPad Plus หน้าจอทัชสกรีนขนาด 14.1 นิ้วที่ติดตั้งอยู่เหนือคีย์บอร์ดพร้อมยกตัวขึ้นเมื่อเปิดหน้าจอมาใช้งาน ช่วยเสริมการทำงานและเล่นเกมให้ดีขึ้น

หน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว พาเนล IPS Anti-Glare ค่า Response Time 3ms ได้รับการรับรองความแม่นยำสี Pantone Validated มีค่า sRGB 100% ความละเอียดที่ Full HD (1920×1080 พิกเซล) ค่ารีเฟรชเรท 300 Hz ส่วนรุ่นสูงสุดจะมีความละเอียด 4K (3840×2160 พิกเซล) ผ่านการรับรองความแม่นยำสี Pantone Validated, Adobe 100%, sRGB 132.7% ทำให้เหมาะกับงานกราฟิกและกลุ่มคนทำงานออกแบบเป็นอย่างมาก 

ASUS Zephyrus Duo 15 SE

สเปคของ ASUS Zephyrus Duo 15 SE

สเปคของ Zephyrus Duo 15 SE แบ่งออกเป็นรุ่นย่อย 3 รุ่นย่อย แตกต่างกันที่ซีพียู, กราฟิกการ์ด, หน้าจอ, ฮาร์ดดิสก์ เท่านั้น ส่วนสเปคอื่น ๆ จะแชร์ร่วมกันทั้งหมด ส่วนคีย์บอร์ด AURA SYNC เป็นปุ่ม RGB แยกปุ่มกับระยะกด 1.4 มิลลิเมตรเท่านั้น

ฟีเจอร์เด่นร่วมกัน คือ ใช้ระบบระบายความร้อนมี AAS Plus Cooling และระบายความร้อนซีพียูด้วยโลหะเหลว (Liquid Metal) ช่วยให้ประสิทธิภาพดีตลอดเวลาที่ใช้งาน ติดตั้งระบบเสียง Dolby ATMOS Hi-Res Audio 5.1.2 Channel พร้อมลำโพง 4 ตัว รายละเอียดของสเปคมีดังนี้

screenpadplus

ASUS Zephyrus Duo 15 SE GX551QS-XS99 GX551QR-XS98 GX551QM-ES76
ซีพียู AMD Ryzen 9 5900 HX มีความเร็วสุงสุด 4.5 GHz AMD Ryzen 9 5900 HX มีความเร็วสุงสุด 4.5 GHz AMD Ryzen 7 5800 H มีความเร็วสุงสุด 4.3 GHz
กราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce RTX 3080
16GB GDDR6
NVIDIA GeForce
RTX 3070
8GB GDDR6
NVIDIA GeForce
RTX 3060
6GB GDDR6
หน้าจอ 15.6 นิ้ว พาเนล IPS ความละเอียด 4K (3840×2160 พิกเซล)
sRGB 132.7%
Adobe 100%
Pantone Validated
Refresh Rate 120Hz
15.6 นิ้ว พาเนล IPS ความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล)
sRGB 100%
Adobe 75.35%
Pantone Validated
Refresh Rate 300Hz
15.6 นิ้ว พาเนล IPS ความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล)
sRGB 100%
Adobe 75.35%
Pantone Validated
Refresh Rate 300Hz
ScreenPad Plus จอทัชสกรีน 14.1 นิ้ว พาเนล IPS ความละเอียด 3840×1100 พิกเซล จอทัชสกรีน 14.1 นิ้ว พาเนล IPS ความละเอียด 1920×550 พิกเซล จอทัชสกรีน 14.1 นิ้ว พาเนล IPS ความละเอียด 1920×550 พิกเซล
แรม ออนบอร์ด 16GB DDR4 บัส 3200MHz

ติดตั้งที่ช่องแรม ความจุ 16GB DDR4 บัส 3200MHz

รองรับสูงสุด 48GB

ออนบอร์ด 16GB DDR4 บัส 3200MHz

ติดตั้งที่ช่องแรม ความจุ 16GB DDR4 บัส 3200MHz

รองรับสูงสุด 48GB

ออนบอร์ด 8GB DDR4 บัส 3200MHz

ติดตั้งที่ช่องแรม ความจุ 8GB DDR4 บัส 3200MHz

รองรับสูงสุด 24GB

ฮาร์ดดิสก์ M.2 NVMe PCIe 3.0 ความจุ 1TB+1TB ทำงานแบบ RAID0 M.2 NVMe PCIe 3.0 ความจุ 1TB M.2 NVMe PCIe 3.0 ความจุ 1TB
พอร์ตเชื่อมต่อ – USB 3.2 Gen 2 Type-A x 3 ช่อง
– USB 3.2 Gen 2 Type-C x 1 ช่อง รองรับการชาร์จแบบ Power Delivery และ เชื่อมต่อ Display Port
– พอร์ต LAN RJ45 x 1 ช่อง
– microSD Card Reader x 1 ช่อง
– HDMI 2.0b x 1 ช่อง
– ช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร x 1 ช่อง
เชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax
– Bluetooth 5.1 2×2 Dual band (อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามการอัพเกรด OS) รองรับฟีเจอร์ RangeBoost
ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro Windows 10 Pro Windows 10 Home
น้ำหนัก 2.48 กิโลกรัม

zephyrus 3

สำหรับราคาของ ASUS Zephyrus Duo 15 SE เริ่มต้นจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาที่ 2,899 ดอลลาร์ หรือราว 87,000 บาท โดยเริ่มต้นจำหน่ายแบบ Pre-order ก่อน ส่วนของประเทศไทยอาจจะต้องรอทาง ASUS ประกาศเปิดตัวในภายหลัง

อย่างไรก็ตามแม้ราคาจะดูสูง แต่ก็เป็นสเปคที่เหมาะกับทั้งเกมเมอร์และผู้ทำงานกราฟิกเป็นอย่างมาก เนื่องจากหน้าจอที่ได้รับการรับรองจาก Pantone Validated, Adobe 100% และ sRGB 132.7% นั้นนับเป็นหน้าจอคุณภาพสูง รวมทั้งติดตั้ง Windows 10 Pro มาให้อีกด้วย จึงนับว่าเป็นราคาที่สมเหตุผลอยู่พอควร

ที่มา : Notebookcheck, CNET, ASUS ROG

from:https://notebookspec.com/web/569582-ces-2021-asus-zephyrus-duo-15-se-ryzen