คลังเก็บป้ายกำกับ: NBS

คอมช้า คอมกระตุก จอฟ้า จบใน 7 ขั้นตอนฟรี! คอมลื่นเหมือนใหม่ 2023

คอมช้า คอมกระตุก 2023 รีสตาร์ท เปิดคอมใหม่ก็เป็น จบใน 7 ขั้นตอน มือใหม่ทำตามได้

solve pc slowly and crash 2023 cov

คอมช้า คอมกระตุกเกิดได้จากหลายสาเหตุ 7 วิธีนี้ช่วยลดปัญหาได้ ไม่ว่าจะเป็นคอมเก่าใช้มานาน หรือคอมใหม่เพิ่งซื้อ ก็อาจเกิดอาการช้า หรือจอฟ้า BSOD ได้เช่นกัน แต่ถ้าหาต้นเหตุของอาการได้ ก็แก้ไขได้ไม่ยาก แต่อาจจะต้องมีขั้นตอนวิธีในการเช็ค ว่าเกิดจากฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ โดยในบางกรณีอาจเกิดจากปัญหาเล็กๆ เช่น ไดรเวอร์ หรือการติดตั้งฮาร์ดแวร์ผิดปกติเท่านั้น เมื่อแก้ไขก็กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม อาการเหล่านั้นก็หายไป ดังนั้นมาลองดูกันครับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นและทำให้คอมคุณช้า กระตุกหรือทำงานไม่ได้ตามปกติ ต้องทำอย่างไร กับวิธีง่ายๆ เหล่านี้

คอมช้า คอมกระตุกจบปัญหาใน 8 ขั้นตอน


แก้ปัญหาคอมช้า

ปัญหาคอมช้า คอมอืด กระตุกหรือหนักขึ้น จนเกิดอาการจอฟ้า BSOD สิ่งเหล่านี้ อาจจะต้องเริ่มที่การแก้ไขในแบบที่เราคุ้นเคย หรือสามารถทำได้ก่อน เช่น การใช้ฟีเจอร์จากบน Windows มาช่วยในการปรับปรุงแก้ไข และค่อยๆ ใช้ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์เข้ามาลองปรับเปลี่ยนตามลำดับ อย่างไรก็ดีการปรับลดหรือเพิ่มในฟังก์ชั่นบางอย่าง ก็มีส่วนช่วยลดอาการได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วควรทำควบคู่กันไป ตามอาการที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้วิธีต่างๆ เหล่านี้

Advertisementavw

โซลูชั่นแก้ปัญหาคอมช้า คอมกระตุก แบบเร่งด่วน

เริ่มจากการเช็ค สแกน > อัพเดต > ตรวจสอบระบบฮาร์ดแวร์ > อัพเกรดหรือเปลี่ยน


1.ปิดโปรแกรมที่ไม่ใช้บ้าง

หลานท่านชอบใช้งานคอมหลายอย่างพร้อมกัน เช่น ดูหุ้น พร้อมกับทำงานเอกสาร และเปิดเพลงฟัง หรือบางคนก็อาจจะแต่งภาพ ไปพร้อมๆ กับการดูหนัง ฟังเพลง รวมถึงเปิดเว็บไซต์หาข้อมูล หรือใช้ในการโอนถ่ายไฟล์งานต่างๆ สิ่งเหล่านี้ หากเป็นคอมที่สเปคกลางๆ ขึ้นไป เช่น ซีพียูระดับ Intel Core หรือ AMD Ryzen มีแรม 8GB หรือมากกว่า การทำงานระดับนี้ ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก แต่ถ้าเป็นคอมที่สเปคไม่แรง หรือเป็นรุ่นเก่า ใช้งานมานาน ใช้งานระดับนี้ก็อาจกระตุกหรือค้างได้ในบางจังหวะ

คอมช้า

สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือ ลองเช็คดูว่าคุณใช้งานโปรแกรมเยอะเกินไปหรือไม่ รวมถึงเปิดใช้เว็บเบราว์เซอร์ ไม่ว่าจะเป็น Chrome หรือ Microsoft Edge มากเกินไปหรือเปล่า เพราะอย่าลืมว่า เมื่อเปิดแต่ละแท็ปหรือแต่ละหน้าต่าง ก็ใช้แรมเพิ่มมากขึ้น หากคุณมีแรมน้อย ก็ย่อมส่งผลทำให้คอมช้า คอมกระตุกได้เลย

วิธีการแก้ไข

คอมช้า
  1. ปิดโปรแกรม ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในขณะนั้น
  2. เข้าไปดูใน Startup program ด้วยการกด Ctrl+Shift+Del ปิดโปรแกรมที่ทำงานอยู่เบื้องหลังออก
  3. ปิดแท็ปหรือหน้าต่างหรือเว็บไซต์บนเว็บเบราว์เซอร์ เหลือไว้เท่าที่ใช้งาน
  4. รีสตาร์ทระบบ เพื่อเคลียร์สิ่งต่างๆ ให้เหลือพื้นที่แรมเพิ่มขึ้น

2.ฮาร์ดดิสก์หรือ SSD เต็มหรือเปล่า

เรียกว่าเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายคนก็ว่าได้ เก็บข้อมูลไฟล์ ลงเกม ติดตั้งโปรแกรมเพลิน จนลืมไปว่าแทบไม่เหลือพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์หรือ SSD แล้ว ยิ่งเป็นโน๊ตบุ๊คบางรุ่น มี SSD มาให้น้อยมาก ลงโปรแกรมที่จำเป็นกับเก็บข้อมูลส่วนตัวไว้อีกหน่อย ก็เกือบจะเต็มพื้นที่อยู่แล้ว เป็นแบบนี้ใช้งานไม่นาน คอมหรือโน๊ตบุ๊คก็ช้าลงได้ เพราะไม่มีพื้นที่ให้จัดการไฟล์ ระบบไม่สามารถทำงานได้ตามปกตินั่นเอง

คอมช้า

สิ่งที่ต้องแก้ไข ก็คงต้องเริ่มจากการปรับพฤติกรรมของผู้ใช้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดสรรพื้นที่เก็บไฟล์ การเคลียร์ไฟล์ที่ไม่จำเป็น ลดโปรแกรมที่ไม่ใช้ รวมไปถึงเกม และยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมาย ช่วยให้คุณได้พื้นที่เก็บข้อมูลกลับมา

วิธีการแก้ไข

  • เคลียร์ไฟล์ขยะและ Temporary file หรือไฟล์ตกค้างจากการทำงานของ Windows ที่ไม่ได้ลบทิ้ง
  • ให้เข้าไปที่ Disk Cleanup เลือกไดรฟ์ C: จากนั้นใส่เครื่องหมายหน้ารายการต่างๆ เลือก OK แล้ว Clean up ได้เลย จะลดไฟล์เหล่านั้นไปได้อีกหลาย GB เลยทีเดียว
  • ลบโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ออกไป ด้วยการเข้าไปที่ Program & Feature จากนั้น Uninstall or change a program แล้วเลือกโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งาน หมดอายุ หรือเป็นโปรแกรมเก่า ที่ไม่ได้ใช้มาเนิ่นนานออกไป ด้วยการ Remove จะได้พื้นที่กลับมาในระดับ GB หรือมากกว่า 10GB เลยทีเดียว
  • เกมที่ไม่ได้เล่น ไม่ว่าจะติดตั้งโดยตรงหรือลงผ่าน Game Platform ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Steam, Origins หรือ EPIC เป็นต้น ลบโดยตรงจากโปรแกรมได้เลย ตรงนี้ใครที่เล่นเกมใหญ่ๆ จะได้คืนมาระดับ 100GB เลยทีเดียว
  • ลบไฟล์ซ้ำๆ ออกบ้าง เพราะบางคนเก็บไฟล์เดียวกัน แต่เอาไว้หลายที่ เพราะไม่ได้วางแผนจัดเก็บที่ดี ทำให้กลายเป็นไฟล์ขยะ เปลืองพื้นที่บน Storage อย่างมากเลย วิธีลบถ้าทำแบบ Manual ไม่ได้ ก็เลือกใช้โปรแกรมที่ใช้ลบไฟล์ซ้ำ เช่น Duplicate file Cleaner, AllDup หรืออื่นๆ ตามที่พอหาได้
  • แต่ถ้าสุดท้ายอั้นไม่ไหว ไม่อยากลบ เพราะมีแต่ไฟล์ที่จำเป็น ก็ลองขยายพื้นที่จัดเก็บ เช่น การเปลี่ยน SSD, เพิ่มความจุฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ หรือจะใช้แบบจัดเก็บข้อมูลต่อภายนอก และสุดท้ายคือ ใช้บริการ Cloud Storage ก็ได้เช่นกัน
อุปกรณ์ ค่าใช้จ่าย
SSD 1TB เริ่ม 2,900 บาท
ฮาร์ดดิสก์ 2.5″ SATA 1TB เริ่ม 1,000 บาท
External HDD 1TB เริ่ม 1,400 บาท
External SSD 1TB เริ่ม 3,300 บาท
Cloud storage MEGA ฟรี 20GB
Google One ฟรี 15GB
iCloud ฟรี 5GB
Dropbox ฟรี 2GB
Google One 2TB, 350 บาท/ด
iCloud 2TB, 349 บาท/ด
Dropbox 2TB, 350 บาท/ด
MEGA 2TB, 391 บาท/ด

3.แรมหาย คอมก็ช้าได้

แรมหายจากการที่ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมเรียกใช้งาน อย่างเช่น บางโปรแกรมที่เปิดอยู่กำลังทำงาน อาจจะเรียกใช้อยู่ไม่กี่ MB แต่เมื่อรวมการใช้งานร่วมกับภาพไฟล์ข้อมูลเข้าไปด้วย ก็ยิ่งใช้แรมมากขึ้น หรือแม้กระทั่งเว็บเบราว์เซอร์เอง ก็มีการเรียกใช้แรม เพิ่มมากขึ้นตามจำนวนหน้าหรือแท็ปที่เปิดใช้งานอยู่เวลานั้น ยิ่งทำให้คอมช้าลง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของแรมหาย จากความเสียหายทางกายภาพอีกด้วย มาดูสาเหตุกัน

คอมช้า

แรมไม่พอ: เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย และสังเกตได้ อาการจะมีหลายแบบ เช่น เปิดโปรแกรมช้า เปิดไฟล์ไม่ได้ หรือบางครั้งก็จะแฮงก์ค้างไปดื้อๆ

วิธีการแก้ไข

  1. เริ่มจากปิดหน้าเว็บเบราว์เซอร์ที่ไม่จำเป็น หรือปิดไปทั้งหมด แล้วจึงเปิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ถ้าเป็น Chrome หรือ Edge สามารถกดปุ่ม Ctrl+Shift+ปุ่ม T พร้อมกัน ก็จะเรียกหน้าต่างที่เราปิดไป กลับคืนมาให้
  2. กดปุ่ม Ctrl+Shift+Esc แล้วเข้าไปใน Task manager เลือกปิดโปรแกรมที่ใช้ Memory มากผิดปกติ แล้วคลิ๊กที่ End Task
  3. Restart ระบบ แล้วกลับมาใช้งานอีกครั้ง เพื่อเป็นการ Clear พื้นที่การใช้งานแรม ให้เหลือมากขึ้น
คอมช้า

แรมเสีย: อาการนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ โดยที่ผู้ใช้ไม่ทันรู้ตัว จนกว่าจะมีอาการช้าจนผิดปกติ เพราะจากเดิมอาจมีแรม 8GB แบ่งเป็น 4GB จำนวน 2 ตัว ก็ยังทำงานได้ลื่น แต่พอแรมพังไป 1 ตัว เหลือแค่ 4GB เราทำงานแบบเดิม แต่ก็จะช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ สำหรับคนที่ไม่ทราบข้อมูล หรือไม่ได้มีความรู้ด้านฮาร์ดแวร์มากนัก แต่ก็มีวิธีสังเกตง่ายๆ คือ

คอมช้า
  • คุณอาจจะต้องหาข้อมูลที่แท้จริงว่า โน๊ตบุ๊คหรือพีซีที่คุณใช้อยู่นั้น มีแรมอยู่เท่าไร โดยดูจากโบรชัวร์ หรือสอบถามจากร้านหรือคนที่ซื้อมาให้คุณ
  • เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ให้เช็คจากในเครื่องคุณว่ามีแรมครบถูกต้องมั้ย ทำได้หลายวิธี เช่น ดูจาก Task manager, ฟังก์ชั่น System ของระบบ หรือจะใช้โปรแกรมเสริมก็ได้
  • ดูจาก Task Manager ไปที่แท็ป Performance แล้วดูที่ Memory จะบอกความจุแรมให้ชัดเจน
  • ดูจาก System สำหรับ Windows 11 ให้คลิ๊กขวาที่ปุ่ม Start จากนั้นเลือก System เข้าไปดูใน Device Specification ลงมาตรง Installed RAM ตรงนี้จะบอกความจุที่ระบบมองเห็น ครบหรือไม่ครบ ก็ทราบได้เลย
  • แต่ถ้ายังรู้สึกคลุมเครือ มีคนสามารถวางใจได้ หรือมีสกิลในการแกะอยู่บ้าง ก็แกะดูได้ เป็นพีซีจะมองได้ง่าย แต่โน๊ตบุ๊คอาจจะยากนิดหน่อย
  • หากเสีย ก็เช็คอีกทีว่าเสียจริงมั้ย หรือแค่สกปรก หรืออาจจะเสียจากสล็อตแรมก็เป็นได้ ถ้าเป็นแบบสุดท้าย ก็ต้องพึ่งพาช่างซ่อมแล้วครับ

4.อัพเดตไดรเวอร์หรือ Windows บ้าง

เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำและทำได้ง่ายมากที่สุด อาจจะไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา คอมช้า คอมกระตุกโดยตรง แต่ก็มีส่วนช่วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะระบบจะได้รับการปรับปรุง แก้ไข หรือเพิ่มประสิทธิภาพ ก็มาจากการ Update Windows หรือ Update Driver นั่นเอง วิธีการค่อนข้างง่าย

คอมช้า

Update Windows: ให้คลิ๊กขวาที่ปุ่ม Win จากนั้นเลือก System แล้วเลือก Windows Update ที่อยู่ทางซ้ายมือ คลิ๊กที่ Check for Updates จากนั้นเลือก Download & Install รอจนกว่าจะติดตั้งเสร็จ แล้วรีสตาร์ทระบบใหม่อีกครั้ง

คอมช้า

Update Driver: สามารถใช้วิธีการเดียวกับ Update Windows ได้ แต่ให้เลือกที่ Advance Options แล้วเลือกที่ Additional options ทางด้านขวา แล้วคลิ๊กที่ Optional Updates ใส่เครื่องหมายด้านหน้าอุปกรณ์ในช่อง แล้วเลือก Download & Install

วิธีที่ 2 ในการอัพเดตไดรเวอร์ ด้วยการดาวน์โหลดจากหน้าเว็บไซต์ผู้ผลิต เพียงแต่คุณต้องทราบว่าคุณใช้โน๊ตบุ๊คหรือฮาร์ดแวร์ ซีรีส์ใด รุ่นใด จากนั้นดาวน์โหลดไฟล์มาติดตั้งได้ทันที

วิธีที่ 3 เข้าไปใน Device Manager จากนั้นคลิ๊กขวาบนฮาร์ดแวร์ตัวที่คุณจะอัพเดต แล้วเลือก Update Driver ได้ทันที


5.ปิดการใช้แอนิเมชั่นบางอย่าง

เราเคยสังเกตหรือไม่ว่า ระบบสามารถแสดงผล มีหน้าตาที่สวย โปร่งแสงดูทันสมัย เพราะสิ่งเหล่านั้นได้มาจากฟังก์ชั่นของ Windows ที่เพิ่มความสวยงามในการใช้งาน แต่ก็มาพร้อมกับการใช้ทรัพยากรของระบบอยู่ด้วยเช่นกัน การปิดใช้งานสิ่งเหล่านี้ ก็มีส่วนช่วยลดปัญหาคอมช้าได้

คอมช้า

ผลที่ได้จากการปิดเอฟเฟกต์แอนิเมชั่นของระบบ ทำให้ลดภาระในการสร้างกราฟิกและเอฟเฟกต์ต่างๆ ลง โดยเฉพาะกับแรมและซีพียู แม้จะไม่มาก แต่ถ้าทำร่วมกับวิธีการอื่นๆ ก็ลดปัญหาคอมช้าได้เช่นกัน อย่างไรก็ดีการเปิดหน้าต่าง เลื่อน การแสดงผล เปลี่ยนหน้าอาจลื่นไหล แต่ก็ยังสบายตา รวมถึงเอฟเฟกต์โปร่งแสงจะหายไป แต่ได้ Process ที่ดีกลับมา ทำให้เครื่องลื่นขึ้น

วิธีการแก้ไข

ให้คลิ๊กขวาบนหน้าเดสก์ทอป > เลือก Personalize > เลือก Accessibility ทางด้านซ้าย > เลือก Visual ที่อยู่ด้านขวา > Transparency effects ให้เลือกเป็น Off และ Animation effectss ก็เป็น Off เช่นเดียวกัน

คอมช้า

นอกจากนี้คุณอาจจะเลือกการตั้งค่า Theme เป็นแบบสีพื้น ไม่ต้องมีการเปลี่ยนไปมาแบบ Slide พร้อมกันไปด้วย อาจดูเรียบง่ายธรรมดา แต่ก็ช่วยให้ไหลลื่นมากขึ้น


6.สแกนระบบอย่างสม่ำเสมอ

บางครั้งที่เราเจอกับปัญหาคอมช้า คอมกระตุก อาจจะไม่ได้เกิดจากฮาร์ดแวร์เสีย ทำงานบกพร่องหรือไดรฟ์เต็มเพียงเท่านั้น แต่บางครั้งอาจเกิดจากความบกพร่องของระบบหรือซอฟต์แวร์ ที่ทำงานผิดปกติ มีสิ่งที่รบกวนการทำงาน หลังจากที่คุณทำการอัพเดตไดรเวอร์หรือ Windows Updates ไปแล้ว ก็อยากให้เพิ่มในส่วนของ Windows Security, Internet Security หรือบรรดาป้องกันไวรัส มัลแวร์เอาไว้ด้วย และอย่าลืมสั่ง Scan ทั้งหมด

คอมช้า

Scan Virus: ไวรัส มัลแวร์ โทรจัน มีส่วนอย่างมากในการรบกวนระบบ ทำให้คอมช้า คอมกระตุกได้เช่นกัน ยิ่งบางครั้งแฝงตัวอยู่แอบทำงานเบื้องหลัง ไม่ให้เรารู้ กว่าจะไปไล่หาเจอว่าตัวไหน บางทีก็ช้าไป ใช้การสแกนหาง่ายกว่าเยอะ จะใช้ Windows Security หรือ Internet Security หรือ Anti Virus มาช่วยเสริมก็ดีไม่น้อย

เลือกใช้ Anti-Virus ที่เหมาะสมกับระบบของคุณ ซึ่งมีทั้งป้องกันไวรัส และแบบครอบคลุมถึงการเชื่อมต่อต่างๆ เช่น Internet Security สำหรับผู้ใช้ที่มีธุรกรรมและการทำงานออนไลน์เต็มรูปแบบ เลือกที่มีการอัพเดตได้บ่อย เพื่อเพิ่มความทันสมัยในการตรวจจับภัยคุกคาม และหมั่นสแกนไวรัสแบบละเอียด หรือตั้งค่าการ Scan ให้ไม่กระทบต่อการใช้งานในแต่ละวันของคุณ

คอมช้า

Error checking: เพื่อ Scan ระบบเช็คความผิดปกติ เป็นตัวช่วยที่ดี ในการแก้ปัญหาจะซอฟต์แวร์ หรือระบบ เมื่อเกิดขึ้นในขณะที่ใช้งาน ซึ่งส่งผลต่อระบบ ทำให้คอมช้า คอมกระตุกได้เช่นกัน โดยวิธีใช้ตามขั้นตอนนี้ เปิด File Explorer (กดปุ่ม Win+E) จากนั้นคลิ๊กขวาที่ไดรฟ์ C: แล้วเลือก Properties > เข้าไปที่แท็ป Tools > คลิ๊กที่ Error checking แล้วคลิ๊กที่ Check รอจนกว่าระบบจะทำงานเสร็จสิ้น

คอมช้า

Optimize: เป็นการเสริมระบบการทำงานได้เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกับการทำ Error checking เมื่อเข้าไปที่แท็ป Tools > ให้เลือกที่ Optimized and Defragment Drive แล้วคลิ๊กที่ปุ่ม Optimized

คอเกมที่อยากเล่นเกมลื่นๆ มาทางนี้เลยครับ ทิปเล่นเกมลื่น


7.เช็ค Error Code เมื่อเกิดจอฟ้า

ปัญหาจอฟ้า เป็นผลข้างเคียง เมื่อคอมช้า ซึ่งอาจเกิดจากไฟล์ระบบหรือฮาร์ดแวร์ทำงานไม่เข้ากัน หรือไฟล์ระบบบางตัวเสีย ซึ่งจะมีผลออกมาในแต่ละ Code ไม่เหมือนกัน เราสามารถสังเกตรหัสที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาได้ง่ายขึ้น

คอมช้า

แต่ก่อนที่จะไปเช็ค Code ของ BSOD ได้นั้น คุณต้องมองเห็น Code ได้ทัน แต่ส่วนใหญ่ ระบบมักจะรีสตาร์ท จนเรามองไม่ทัน ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือ ให้ระบบค้างหน้าจอ Stop Code ไม่ต้องรีสตาร์ท เมื่อเกิดปัญหากับระบบ ไม่ว่าจะเป็น Error หรือ BSOD ก็ตาม ให้ค้างหน้าจอเอาไว้นิ่งๆ วิธีการคือ

วิธีหยุดไม่ให้ระบบรีสตาร์ทอัตโนมัติ: เข้าไปที่ Control Panel จากนั้นเลือก System and Security จากนั้นเลือก System ไปที่ Advanced system settings คลิ๊กที่ Settings แล้วเลื่อนลงมาด้านล่าง ให้เอาเครื่องหมายหน้า Automatically restart แล้วคลิ๊ก Ok เพื่อบันทึกการตั้งค่า

วิธีการแก้ไข

สามารถหาข้อมูล Stop Code เพิ่มเติมมากกว่า 300 Code จากทาง Microsoft

สามารถเช็ค Stop Code ได้ตามข้อมูลในตารางนี้

Error Cause Solution
DATA_BUS_ERROR

Memory failure Check RAM stick function with MemTest, replace hardware if necessary
INACCESSIBLE_BOOT_DEVICE
 

 

Missing driver

Virus/Malware

Update or install driver

Antivirus scan, Switch from “IDE” to “AHCI” in BIOS under “SATA Mode Selection”

UNEXPECTED_KERNEL_MODE_TRAP Hardware error

Temperature too high

Uninstall and reinstall device driver (primarily for recently added devices)

Check fan performance, clean PC or check environment if necessary

NTFS_FILE_SYSTEM

High CPU memory usage Search for costly processes in the Task Manager; uninstall/reinstall programs in question if necessary; check hard drive on which Windows is installed for errors in Windows processes (Right-click, then “Properties”, “Tools”, and “Check”)
IRQL_NOT_LESS_OR_EQUAL

Incompatible or outdated device driver Deactivate drivers for recently installed devices via the device manager (search and run “mmc devmgmt.msc” command in Start menu); then obtain the newest version of the driver from the device manufacturer and install
BAD_POOL_CALLER

Unwanted memory access Deactivate drivers for recently installed devices (see above); then obtain the newest version of the driver from the device manufacturer and install
FAT_FILE_SYSTEM

Corrupt file system Check hard drive function; search and run “chkdsk” in Start menu
OUT_OF_MEMORY

Memory failure Check RAM stick function with MemTest, replace hardware if necessary
PAGE_FAULT_IN_NON_PAGED_AREA

Memory failure Check RAM stick function with MemTest, replace hardware if necessary
UNABLE_TO_LOAD_DEVICE_DRIVER

Defective device driver Deactivate drivers for recently installed devices (see above); then obtain the newest version of the driver from the device manufacturer and install
KMODE_EXCEPTION_NOT_HANDLED

 

Defective software

With .sys file: System file error

Uninstall/reinstall recently used software (newest or system-compatible version)

For system file error: Run Windows Repair Tool (see below: “Check and repair system files”)

ที่มา: ionos.com

Conclusion

สรุปส่งท้ายสำหรับคนที่เจอปัญหาคอมช้า คอมกระตุก ก็อย่าเพิ่งตระหนกไปว่าเจอกับปัญหาใหญ่ บางครั้งแค่รีสตาร์ทเครื่องใหม่ ก็กลับมาไหลลื่นได้เหมือนเดิมแล้ว เพียงแต่ขั้นตอนต่างๆ ที่เราแนะนำมานี้ บางอย่างก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำในภายหลัง และยังช่วยให้การทำงานไหลลื่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปิดหรือลบโปรแกรมบางอย่าง ที่แอบทำงานเบื้องหลัง หรือการป้องกันไวรัส และบรรดามัลแวร์ ที่มักจะสร้างความรำคาญ และเข้ามาล้วงตับข้อมูลของคุณได้ การอัพเดตและการสแกนบ่อยๆ จะช่วยให้เครื่องของคุณปลอดภัย ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ สุดท้ายคือ การจัดเรียงไฟล์ ให้เป็นหมวดหมู่ จะช่วยให้คุณทราบว่า ไฟล์ไหนควรเก็บ ไฟล์ใดควรลบ จะได้ไม่รกพื้นที่ภายในเครื่อง และทำให้คอมช้าลงนั่นเองครับ

from:https://notebookspec.com/web/688897-7-tip-solve-problems-pc-slowdown

Advertisement

จอพับได้! โน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ราคาถูก 7 รุ่น เบา จอสัมผัส เริ่มแค่หมื่นกว่า ได้ทั้งโน๊ตบุ๊คและแท็ปเล็ต ปี 2023

จอพับได้ โน๊ตบุ๊ค Convertible 7 รุ่น สุดประหยัด 2023 เป็นโน๊ตบุ๊คและแท็ปเล็ตได้ในตัว สะดวกเวอร์

จอพับ

วันนี้เรารวบรวมโน๊ตบุ๊คในแบบ 2-in-1 หรือ Convertible Notebook ที่จอพับได้ ราคาประหยัดมาฝากกัน 7 รุ่น สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊ค ที่มีความหลากหลาย รองรับการใช้งานได้หลายอย่าง ด้วยความสามารถในการพับจอ 360 องศาหรือแบบถอดจอได้นี้ ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันได้ดี ไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คโหมดทำงานทั่วไป โหมดแท็ปเล็ต ด้วยการทัชสกรีน และรองรับ Digital Pen ก็เหมาะอย่างยิ่งกับแอพพลิเคชั่นในเวลานี้ และยังจับถือได้สะดวกขึ้น รวมถึงโหมดอื่นๆ เช่น Tent/ Stand mode ที่ใช้กับความบันเทิง ดูหนัง เล่นเกม และในปัจจุบันได้ดีทีเดียว ใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คจอพับ จอสัมผัสราคาเบาๆ ติดตามกันได้เลยครับ

จอพับ! โน๊ตบุ๊ค Convertible 7 รุ่น ราคาถูก 2023

  1. เลือกโน๊ตบุ๊ค Convertible อย่างไร?
  2. ASUS Vivobook Go 14 Flip
  3. Lenovo DUET 3 10
  4. Lenovo Flex5 14
  5. Microsoft Surface GO 3
  6. ASUS Vivobook S 14 Flip
  7. ASUS ExpertBook B3 Flip
  8. HP Pavilion X360 14

เลือกโน๊ตบุ๊ค Convertible อย่างไร?

พับจอหรือถอดจอได้?: เรื่องนี้อยู่ที่ผู้ใช้เองจะเลือกแบบใด ถอดจอได้ข้อดีคือ พกพาสะดวก ประหยัดพลังงาน และบอดี้ง่ายต่อการจับถือ ส่วนพับจอได้ ทำให้การจัดวางในแบบต่างๆ ง่ายขึ้น แบตเยอะขึ้น แต่ก็ทำให้การจับถือในโหมดแท็ปเล็ตดูเทอะทะพอสมควร ซึ่งถ้ามองที่การพกพาเป็นหลัก แยกจอได้อาจจะสะดวก แต่ถ้าทำงานด้วย วางบนโต๊ะเป็นส่วนใหญ่ จอพับได้น่าจะเป็นคำตอบ

Advertisementavw
ASUS ExpertBook B5 Flip 6

สเปค: ถ้าคุณให้ความสำคัญกับการทำงาน มากกว่าฟังก์ชั่นอื่นใด ทำงานบนโต๊ะ หรือเน้นการอยู่กับที่ มีสายชาร์จ จะเลือกแบบที่ซีพียูแรง แรมเยอะ ก็ได้ เพราะทำให้งานคุณเสร็จได้ไวขึ้น ตัวอย่างเช่น ซีพียู Intel Core i family รุ่นใหม่หรือเป็น AMD Ryzen ก็น่าสนใจ แต่ในทางกลับกัน คุณใช้แค่พรีวิวภาพ ตรวจเช็คงาน ท่องอินเทอร์เน็ต หรือเทรดหุ้น สเปคพื้นฐาน ไม่ได้เปิดงานเยอะ ซีพียูรุ่นประหยัด แรม 8GB และมี SSD 256GB ก็เพียงพอ อยากเก็บข้อมูลหรือทำงาน ก็ใช้ระบบ Cloud มาเสริม ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และประหยัดไฟมากขึ้นอีกด้วย

จอแสดงผล: จอที่เราเลือกมานั้น ส่วนใหญ่จะเป็น Full-HD แต่มีหน้าจอหลายขนาด เริ่มตั้งแต่ 10.5″ ไปจนถึง 14″ โดยความละเอียดเป็นแบบ Full-HD ซึ่งถือว่าเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี แต่อาจจะต้องคำนึงถึงการใช้งานจริง เพราะพื้นที่การมองเห็นต่างกัน จอเล็กก็สะดวกต่อการพกพา นำไปใช้งานในโอกาสต่างๆ ได้ง่าย แต่เรื่องพื้นที่ใช้งานอาจมีน้อยกว่า ส่วนจอ 14″ มองเห็นได้ชัด เพราะเป็นขนาดพื้นฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไป แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการจับถือที่ยาก อาจจะสะดวกต่อการวางบนโต๊ะเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งมีผลต่อการใช้แบตเตอรี่ที่มากขึ้นอีกด้วย

Expertbook B3 DSC00221

ความถนัดมือ: เป็นสิ่งสำคัญมากๆ หากคุณจะต้องใช้งานอยู่ด้วยทั้งวัน หากคุณจะต้องพกโน๊ตบุ๊คพับจอได้ขนาดใหญ่ เดินเข้าไปในไซต์งาน นอกสถานที่บ่อยๆ อาจไม่สะดวกเท่ากับการถือแค่จอไปเพียงอย่างเดียว เลือกใช้การทัชสกรีนที่คล่องตัวกว่า แต่ถ้างานที่คุณต้องทำ ยังอยู่กับการพิมพ์เป็นหลัก และอยู่กับในสำนักงาน อยู่ในบ้าน ปรับโหมดทำงานได้ง่าย และต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่หลากหลายตลอดเวลา การเป็นโน๊ตบุ๊คพับจอได้น่าจะถนัดมือมากที่สุด


1.ASUS Vivobook Go 14 Flip

จอพับ

เป็นโน๊ตบุ๊คจอพับได้ในแบบ 2-in-1 จาก ASUS ใช้สำหรับการเริ่มต้นการเรียนรู้ ในชีวิตประจำ เช่น การเทรดหุ้น ดูหนัง พิมพ์เอกสาร แม้กระทั่งการแต่งภาพแบบเบาๆ ดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย น้ำหนักแค่ 1.6Kg จอ 14″ Full-HD คมชัด พับจอได้ 360 องศา เป็นได้ทั้งโน๊ตบุ๊คและแท็ปเล็ต และเป็นจอสัมผัส รองรับ ASUS Pen ให้อารมณ์ในการทำงานได้มากกว่าการแตะพิมพ์ทั่วไป มีคีย์บอร์ดที่มีไฟ Backlit มาให้ และพอร์ตมาแบบจัดเต็ม เช่น USB-C 3.2 ต่อจอใหญ่ผ่าน HDMI ได้อีกด้วย ติดอยู่เล็กน้อย ตรงมี SSD 256GB และน่าจะเพิ่มแบตมาให้ใหญ่อีกหน่อย แต่ถ้าคุณใช้ Cloud storage และใช้งานแบบเปิดๆ ปิดๆ ที่ให้มานี้ ก็ใช้ได้เกินครึ่งวันแล้วครับ เคาะราคาที่ 13,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
พับจอได้หลายโหมด ค่อนข้างหนาเมื่อใชโหมดแท็บเล็ต
คีย์บอร์ดแสงไฟ Backlit

รายละเอียดเพิ่มเติม: ASUS


2.Lenovo DUET 3 10

จอพับ

เป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 จอพับได้ ที่มาได้แบบครบเครื่อง บางเบา พกพาสะดวก ใครที่ชอบความกระทัดรัดแนะนำเลย DUET 3 เพราะมาในแบบ Detachable หรือถอดจอแยกกับคีย์บอร์ดได้ และเป็นแบบจอสัมผัส รองรับ Digital Pen หรือปากกาใช้จด วาดได้ง่ายขึ้น บนหน้าจอขนาด 10.3″ เหมาะทั้งใช้เรียน และการออกไซต์งาน ปรับพับให้ใช้งานได้หลากหลาย ความละเอียด Full-HD พร้อมแรม 8GB รวมถึงมี Windows 10 มาในตัว ระบบเสียง DOLBY เพิ่มอรรถรสด้านความบันเทิงได้เต็มอิ่ม มี WiFi/ Bluetooth มาในตัว แต่เรื่องขุมพลัง อาจจะเหมาะกับใช้งานเบื้องต้น รีวิวภาพ เล่นวีดีโอ ซึ่งไม่เหมาะกับงานหนักมาก และพอร์ตที่ให้มาไม่เยอะมากนัก ด้วยข้อจำกัดของบอดี้ ราคาอยู่ที่ 20,490 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
เบาเบา กระทัดรัด พอร์ตมีให้ไม่เยอะมาก
ถอดจอออกได้

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


3.Lenovo Flex5 14

จอพับ

ใครที่อยากได้โน๊ตบุ๊ค Convertible พับจอได้ ฟิลลิ่งคล้ายๆ กับแท็ปเล็ต แต่ได้สเปคดี กดคีย์บอร์ดสนุก หน้าจอ 14″ Full-HD กว้างๆ Lenovo Flex5 อาจจะเป็นคำตอบ แม้จะไม่กระทัดรัดมาก เมื่อเทียบกับบางรุ่นในครั้งนี้ แต่ให้สเปคระดับ Core i3 Gen12 พร้อมแรม 8GB ความเร็วสูง และ SSD 512GB แบบคุ้มๆ หาตัวเทียบยากในราคาประมาณ 2 หมื่นบาทนี้ จอทัชสกรีน รองรับ Digital Pen ในการจดและวาดภาพ คีย์บอร์ดนุ่มๆ มีแสงไฟ Backlit สว่างชัด เว็บแคมชัดมาก 1080p พอร์ตเป็นตัวเด่น เพราะมี Thunderbolt4 มาด้วย ชาร์จเร็ว ต่อจอได้ โอนถ่ายข้อมูลไว รวมถึงให้แบตมาใช้เกินครึ่งวันข้างนอก เพิ่มความปลอดภัยด้วยสแกนลายนิ้วมือ ข้อสังเกตคือ เมื่อพับเป็นแท็ปเล็ตจะดูค่อนข้างหนา แต่ก็ทดแทนด้วยวัสดุที่ดี และน้ำหนักเบา ราคาประมาณ 22,900 บาท แต่หน้าร้านออนไลน์ ไม่ถึง 2 หมื่น

จุดเด่น ข้อสังเกต
ขอบจอบาง สเปคดี เมื่อพับแล้วค่อนข้างหนา
พอร์ตมีให้เยอะ

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


4.Microsoft Surface GO 3

จอพับ

เป็นโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากทาง Microsoft จอพับได้ เพราะถ้าในสายของความบางเบา กระทัดรัด ตอบสนองได้ดี Surface Go ก็จัดว่าน่าสนใจ ในราคาประมาณ 2 หมื่นต้นๆ กับการเป็น Detachable ที่ถอดคีย์บอร์ดได้ แต่ก่อนหน้านี้มักจะเห็นว่า มาแค่ตัวจอ ไม่มีคีย์บอร์ด แต่หลายร้านเวลานี้ บันเดิลคีย์บอร์ดให้พร้อมใช้ ดูน่าสนใจขึ้นมาอีกเยอะ กับขุมพลังอย่าง Core i3 ได้แรม 8GB จอไซส์แค่ 10.5″ แต่ได้แบบ Full-HD รองรับทัชสกรีน รวมถึง Surface Pen วาดเขียนได้แบบเนียนๆ ด้วยความที่แยกคีย์บอร์ด ก็ทำให้เหมือนใช้แท็ปเล็ตเลย จับถนัดมือ ไม่เหมือนแบบพับ 360 องศา ซึ่งสิ่งที่ได้มาคือ ความเบาน้อยกว่า 1Kg รวมถึงแบตที่ใช้ได้นานขึ้น มี Windows ในตัวพร้อมใช้กับราคาประมาณ 22,990 บาทเท่านั้น

จุดเด่น ข้อสังเกต
ถอดจอแยกคีย์บอร์ดได้ ราคาค่อนข้างสูง
ให้สัมผัสที่ดีเมื่อใช้กับ Surface Pen

รายละเอียดเพิ่มเติม: Microsoft


5.ASUS Vivobook S 14 Flip

จอพับ

ถ้าจะพูดถึงโน๊ตบุ๊ค Convertible สายบางเบา เชื่อว่า Vivobook เป็นอีกชื่อหนึ่งที่หลายคนใช้งานอยู่ และสำหรับ Flip นี้ จัดเป็นโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่มีฟังก์ชั่นแบบจัดเต็มให้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นจอ 14″ IPS Full-HD พื้นที่กว้าง รองรับทัชสกรีน และใช้ร่วมกับ ASUS Pen ได้ จะวาดเขียน จดก็ง่าย ความแรงไม่เป็นรองใคร ด้วยขุมพลัง AMD Ryzen 5 5600H ตัวแรง กับแรม 8GB ที่อัพเกรดเพิ่มได้อีกด้วย พอร์ตให้มาแน่นๆ โดยเฉพาะ USB 3.2 Type-C ชาร์จ โอนถ่ายรวดเร็ว ได้กล้อง Full-HD และระบบเสียงจัดจ้าน พับจอได้ 360 องศา คีย์บอร์ดปุ่มใหญ่ กดสะดวก มีไฟ Backlit ในตัว คู่มากับทัชสกรีนที่มีลูกเล่นในตัว ดูจะเป็นตัวจบครบเครื่องได้ ข้อสังเกตคือ เมื่อพับเป็นแท็ปเล็ตอาจไม่แนบดีนัก จากส่วนเว้าส่วนโค้ง รวมถึงพลังจากซีพียูที่แรง อาจจะมีผลต่อระยะการใช้งานแบตได้เช่นกัน เคาะราคาอยู่ที่ราว 25,990 บาท ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย

จุดเด่น ข้อสังเกต
จอภาพให้สีสันสดใส บานพับแข็งแรง
ซีพียูประสิทธิภาพสูง

รายละเอียดเพิ่มเติม: ASUS


6.ASUS ExpertBook B3 Flip

จอพับ

ในซีรีส์ของ ExpertBook จาก ASUS นั้น ต้องถือว่าแยกออกมาได้หลายรุ่น และ B3 Flip จะโดดเด่น นอกเหนือจากความเพรียวบาง และทนทาน แต่ให้การพับหน้าจอ 360 องศา และยังเป็นพาแนลแบบ OLED สีสันสดใส เอาใจคนทำงาน และสายบันเทิง รองรับการทัชสกรีน และใช้ร่วมกับ ASUS Pen ในการวาดเขียนหน้าจอ ที่มีให้ในตัว เป็นจอ 14″ ความละเอียด Full-HD แต่ที่โดดเด่นอยู่ที่พอร์ตมี Thunderbolt4 มาให้ และต่อ LAN RJ-45 ได้ในตัว แต่นั่นก็ทำให้บอดี้หนาขึ้นเล็กน้อย จุดแข็งมองว่าบานพับ ASUS ทำออกมาได้แน่นทีเดียว ชาร์จไฟได้ไว มีกล้อง 2 ตัว ทัชแพดยังใส่เป็น NumberPad มาอีกด้วย สเปคอาจจะเบาไปบ้าง ถ้าเทียบกับ Vivobook ในครั้งนี้ เพราะได้เป็น i3 แรม 4GB แต่ในราคาเดียวกันนี้ มีรุ่นที่เป็น AMD Ryzen 5 แรม 8GB ได้แบตใหญ่ขึ้น แต่ไม่มี Thunderbolt 4 ให้เลือกด้วยนะ แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละบุคคล ราคา 26,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
เน้นผู้ใช้ที่ชอบบางเบา แข็งแรง มีแรมให้ 4GB
มี Thunderbolt 4

รายละเอียดเพิ่มเติม: ASUS


7.HP Pavilion X360 14

จอพับ

มาถึงโน๊ตบุ๊ค Convertible จอพับได้จาก HP รุ่นโปรดของผู้ที่ชอบความพรีเมียมกันบ้าง แม้ว่าราคาจะเกินงบไปสักหน่อย แต่ถ้าดูจากดีไซน์เพรียวบาง สีเมทัลลิคมี Texture ที่เป็นเอกลักษณ์ และพับได้ 360 องศา หน้าจอ 14″ Full-HD ในแบบทัชสกรีน ที่คมชัดมุมมองกว้าง เพราะเป็นแบบ IPS ขอบจอบางสุดๆ รองรับ Digital Pen ให้คุณวาดเขียนได้ตามจินตนาการ ขุมพลัง Intel Gen12 รุ่นใหม่และได้แรม 16GB ความแรงที่ตอบโจทย์ได้ดี ไม่ว่าจะเป็น การดูหนัง แต่งภาพ ทำเอกสาร หรือการเทรดหุ้นไปพร้อมกัน มีระบบสแกนลายนิ้วมือมาให้ และพอร์ตที่มีให้ครบครัน แบตใช้ได้นาน 10 ชั่วโมง มี Windows 11 พร้อมใช้ อยากได้ตัวจบ งบไม่บาน ใช้งานง่าย HP รุ่นนี้ 28,000 บาทเท่านั้น

จุดเด่น ข้อสังเกต
วัสดุสวย สเปคดี
รองรับสแกนลายนิ้วมือ

รายละเอียดเพิ่มเติม: HP


Conclusion

Display Detachable/Flip CPU RAM Storage Graphic Weight Price
1.ASUS Vivobook Go 14 Flip 14″ FHD Flip Intel Pentium N6000 4GB 256GB Intel UHD 1.5Kg 13,900
2.Lenovo DUET 3 10.3″ FHD Detachable Intel Celeron N4020 8GB 128GB Intel UHD 0.6Kg 20,490
3.Lenovo Flex5 14 14″ FHD Flip Intel Core i3-1215U 8GB 512GB Intel Iris Xe 1.5Kg 22,900
4.Microsoft SURFACE GO 3 10.5″ 1280p Detachable Intel Core i3-10100Y 8GB 128GB Intel UHD 0.64Kg 22,990
5.ASUS Vivobook S 14 Flip 14″ FHD Flip AMD Ryzen 5 5600H 4GB 256GB Radeon Graphic 1.5Kg 25,990
6.ASUS ExpertBook B3 Flip 14″ FHD Flip Intel Core i3-1115G4 4GB 256GB Intel UHD 1.61Kg 26,990
7.HP Pavilion X360 14 14″ FHD Flip Intel Core i5-1235U 16GB 512GB Intel Iris Xe 1.51Kg 28,000

สุดท้ายนี้จะเห็นได้ว่าโน๊ตบุ๊คกลุ่มนี้มีให้เลือก 2 แบบคือ กลุ่มที่เป็นแบบแยกจอกับคีย์บอร์ด (Detachable) และพับจอได้ (Flip) ทั้งสองแบบมีความโดดเด่นต่างกันออกไป ซึ่งจุดหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ บอดี้และน้ำหนัก ถ้าเน้นคล่องตัวแบบที่ถอดจอออกได้สะดวกกว่า เบากว่า แต่แบบ Flip จะค่อนข้างหนาและหนักขึ้น เมื่อถือนานๆ อาจจะเมื่อยได้ รวมถึงอาจมีผลต่อการใช้พลังงาน และการจับถือ แต่ลูกเล่นของ Flip ก็มีพลัง ปรับได้หลากหลาย ใช้งานได้หลายประเภท โดยเฉพาะเมื่อตั้งอยู่บนโต๊ะ คุณให้ความสำคัญส่วนไหนมากสุด ก็เลือกตามสไตล์ที่ใช้งาน ส่วนเรื่องสเปคแรม 4GB อาจจะพอใช้ แต่ถ้าใช้งานหนักมาก เลือกที่ 8GB ขึ้นไป บางรุ่นอาจจะเพิ่มเติมในภายหลังไม่ได้ ต้องประเมินการทำงานเผื่อเอาไว้ด้วย และสุดท้ายราคาที่เหมาะสม ในแต่ละรุ่นสเปคต่างกัน แต่ก็เหมือนจะเป็นตัวกำหนดราคาไปด้วย เน้นความแรง ลูกเล่นดี ฟีเจอร์และพอร์ตเยอะ ราคาก็สูงขึ้นตามลำดับ ถ้างานที่ใช้อยู่ เน้นแค่การพรีวิวหรือท่องเน็ต ไม่ต้องแรงมาก ราคาสบายกระเป๋า ก็ตอบโจทย์ได้แล้วครับ

from:https://notebookspec.com/web/686619-convertible-20-in-1-notebook-2023

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 ลดคุ้ม 8 รุ่น ขายของออนไลน์ เล่นเน็ต ดูหนังปี 2023

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 สุดประหยัด 8 รุ่น งานเอกสาร แต่งภาพ ดูหนัง เล่นเกมออนไลน์ ปี 2023

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 งบประหยัดที่อาจจะดูยาก แต่ก็พอหาซื้อได้ สำหรับคนที่งบจำกัด เช่น 8 โน๊ตบุ๊คสุดราคาต่ำกว่าหมื่นที่เรานำมาเป็นตัวอย่าง ที่ต้องการได้โน๊ตบุ๊คมาทำงานเบาๆ เช่นการเรียน ขายของออนไลน์ ทำเอกสาร ท่องเน็ตหรือดูหนังเพลินๆ ได้ ปี 2023 นี้ก็มีให้เลือกเยอะ แต่ก็ต้องมีข้อพิจารณาหลายจุด เพราะโน๊ตบุ๊คราคานี้ ส่วนใหญ่จะเป็นโน๊ตบุ๊คมือสอง จะมีตั้งแต่สภาพกลางเก่า กลางใหม่ หรือถ้าโชคดีอาจจะได้โน๊ตบุ๊คที่ใช้งานน้อย สภาพสวยมาใช้ นอกจากนี้อาจจะมีมือใหม่ๆ หลุดมาบ้าง สเปคประหยัด แต่รองรับงานพื้นฐานต่างๆ ได้พอสมควร ซึ่งถ้าใครมองว่าไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องเหล่านี้ ก็ตามเรามาเลยครับ วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกันครับ

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 ปี 2023

  1. HP Chromebook 11MK G9
  2. Toshiba Dynabook R82
  3. Lenovo ThinkPad T530
  4. HP Elitebook 725 G3
  5. Dell latitude e7250
  6. Toshiba Satellite R35M
  7. Fujitsu Lifebook A574/K
  8. Acer TravelMate Spin B3

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 บาท สเปคอะไร? ใช้อะไรได้บ้าง?

บางส่วนก็ต้องทราบกันก่อนว่า โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 บาทนี้ อาจจะหาซื้อโน๊ตบุ๊คมือหนึ่งได้ยากมาก และส่วนใหญ่ก็จะเกินกว่า 5 พันบาท ไปแตะที่ 6-7 พันบาท ที่เป็นตัวเริ่มต้น ยกเว้นว่าจะมีโปรโมชั่นให้เลือกในบางโอกาส หรือบางเทศกาลพิเศษ ซึ่งหากใครที่ซื้อทัน ก็ถือว่าโชคดี เพราะมักจะมีจำกัด ดังนั้นโน๊ตบุ๊คที่เราได้เจอราคานี้ในท้องตลาด ก็จะมีของมือสอง ที่ตกรุ่น หรือเป็นรุ่นเก่า ใช้งานมาพอสมควรให้เลือกใช้ ซึ่งหากคุณคิดว่า ไม่พร้อมกับการซื้อโน๊ตบุ๊คมือสอง ที่อาจจะต้องลุ้นกันว่าจะใช้ได้ดีแค่ไหน ก็แนะนำว่าเก็บเงินเพิ่ม เพื่อซื้อของใหม่ ในปัจจุบันพอจะมีให้เลือกในงบ 9,900 บาท

Advertisementavw
โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

แต่ถ้าคุณไม่มีทางออก การเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คมือ 2 ก็ควรต้องพิจารณาในหลายๆ ส่วน เช่น

สภาพ: ควรจะเป็นเรื่องแรกๆ ที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นมือสองในราคาที่ประหยัดแบบนี้ หากได้โน๊ตบุ๊คสภาพดี มีการดูแล ใช้งานได้ตามปกติ ไม่สวยมาก แต่โดยรวมใช้ได้ ก็น่าสนใจ แต่ถ้าสภาพเกินจะรับไหว เช่น บานพับหัก บอดี้แตก ทัชแพดพัง ปุ่มหลุด พอร์ตเสีย จอสีเพี้ยนหรือเปิดเครื่องแล้วเสียงดังผิดปกติ แม้ราคาจะดี แต่เลี่ยงได้ ก็เลี่ยงครับ เพราะเราซื้อไปใช้ ไม่ได้ซื้อไปซ่อมต่อ เพราะฉะนั้นดูให้ละเอียดก่อนจะจ่ายเงินครับ

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

ประสิทธิภาพ: อาจจะเป็นเรื่องรองลงมา แต่ว่าก็ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน เพราะคุณจะต้องใช้ไปอีกนานกับเครื่องนี้ มันควรจะตอบสนองงานของคุณได้ดีมากพอ เพราะทำงานไปกระตุกไป เปิดไฟล์ช้ามาก ย้ายไฟล์เยอะๆ ก็แฮงก์อีก แบบนี้คงไม่ดี การเลือกโน๊ตบุ๊คให้มีประสิทธิภาพ เหมาะกับเงินที่จ่ายไป ไม่ใช่เรื่องยากนัก เช่น ดูราคาในรุ่นต่างๆ แล้วเอามาเปรียบเทียบกัน อาจไม่ต้องถูกสุด แต่อยู่ในงบที่คุณมี และให้สเปคที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ซีพียู แรม SSD การ์ดจอ เป็นต้น

ระยะเวลาการใช้งาน: อีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ใช้โน๊ตบุ๊คส่วนใหญ่เจอกันก็คือ แบตเตอรี่ ที่เสื่อมสภาพตามการใช้งานและการจัดเก็บ ซึ่งอาการที่เจอก็คือ ไม่เก็บประจุ ทำให้ใช้งานได้ไม่นาน หรือบางครั้งต้องเสียบชาร์จไปด้วยตลอดเวลาเมื่อใช้งาน เพราะชาร์จไฟไม่เข้าแล้ว ถ้าแบบนี้ผมไม่แนะนำครับ เพราะค่อนข้างลำบากในการนำไปใช้ข้างนอก อีกทางเลือกหนึ่งก็อาจใช้การเปลี่ยนแบตฯ ใหม่ ซึ่งราคาเริ่มที่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน แล้วแต่รูปแบบ ขนาดและรุ่นของโน๊ตบุ๊ค ซึ่งในปัจจุบันสามารถหาได้เกือบทุกรุ่นในตลาด

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

การรับประกัน: โน๊ตบุ๊คมือสอง ส่วนใหญ่จะใกล้หมดประกัน หรือหมดไปแล้ว ยิ่งเป็นเจนเนอเรชั่นเก่าๆ ก็มักจะไม่มี เลยเป็นแค่การรับประกันของร้าน อาจจะเป็นวันหรือเดือนเท่านั้น ตรงนี้อาจต้องเจรจากับทางร้านเป็นเอกสารชัดเจน เพื่อความสบายใจ แต่หลายร้านก็มีบริการที่ดี แม้จะหมดประกันไปแล้วก็ตาม

ถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คมือสอง โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 แบบนี้ จะได้สเปคอะไร เอามาใช้ทำอะไรได้บ้าง?

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

สเปคของโน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 บาทนี้ มีค่อนข้างหลากหลาย เพราะขึ้นอยู่กับร้านหรือผู้ขายที่จะตีราคาตามสภาพ ความสดใหม่ และสเปคที่มีความแรง ตามซีพียู การ์ดจอ แรมเป็นต้น แต่ที่เรามักจะพบกันบ่อยๆ เวลานี้ ก็จะเป็น Intel Core Gen3 หรือ Gen4 และ Intel Celeron เป็นบางครั้ง รวมถึง AMD A8 เป็นต้น โดยพื้นฐานจะเป็นซีพียู 2 core หรือ 4 core รวมถึงแรมเริ่มต้น 4GB ส่วนการจัดเก็บข้อมูลอาจเป็นฮาร์ดดิสก์หรือ SSD 240-256GB เป็นต้น บนหน้าจอระดับ 13.3″ ไปจนถึง 15.6″ โดยมีกราฟิก

ซึ่งหากเรามองกันที่สเปคเหล่านี้ ในแง่ของประสิทธิภาพ การทำงานพื้นฐาน เช่น งานด้านเอกสาร ท่องเว็บไซต์ ดูหนัง เรียกว่าใช้งานได้ แต่อาจจะเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ได้ช้า หรือว่าเปิดหน้าเว็บเยอะๆ พร้อมกันไม่สะดวกนัก เนื่องจากแรมมีค่อนข้างน้อย รวมถึงซีพียูที่ไม่ได้รองรับการทำงานแบบมัลติทาส์กกิ้ง หลายอย่างพร้อมๆ กันได้มากนักนั่นเอง

แต่ถ้าใครรับได้กับงบประมาณที่ไม่สูง แต่ได้โน๊ตบุ๊คมาทำงาน แล้วค่อยอัพเกรดในภายหลังก็ได้ อย่างน้อยๆ เพิ่มแรมกับ SSD ในปัจจุบันก็มีค่าใช้จ่ายไม่มากนัก

แต่ก่อนที่จะไปดูโน๊ตบุ๊คในงบประมาณ 5,000 บาท ทีมงานของแจ้งไว้ก่อนว่า โน๊ตบุ๊คที่นำมาให้ชมกันนี้ “เป็นเพียงแนวทาง และตัวอย่างของสเปค ราคา เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชี้นำ” การตัดสินใจเลือกซื้อ เป็นวิจารณญาณของแต่ละบุคคล หากสนใจก็สามารถนำไปเป็นไอเดียในการเลือกซื้อกันต่อไปครับ ส่วนถ้าอยากจะลองเข้าไปดูในรายละเอียด สามารถคลิ๊กได้จาก “ตัวเลขราคา” ของแต่ละรุ่นกันได้เลย


1.HP Chromebook 11MK G9

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

เป็นโน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 ที่เรียกว่าเป็น Chromebook ซึ่งใช้ซีพียูโมบาย และใช้ระบบปฏิบัติการ ที่เป็น Chrome OS แต่สามารถดาวน์โหลดแอพฯ มาใช้ รวมถึงได้หน้าจอขนาดกระทัดรัด 11.6″ HD (1366 x 768) พกพาสะดวก ซีพียู MediaTek MT8183 ความเร็ว 2GHz มาให้ พร้อมแรม LPDDR4x 8GB ออนบอร์ด ส่วนการจัดเก็บข้อมูลมีแค่ 32GB แต่ผู้ใช้สามารถเลือกเก็บข้อมูลผ่านระบบ Cloud storage ได้ หรือใช้ External Drive ในการจัดเก็บ กราฟิกจาก ARM Mali G72 MP3 ซึ่งเหมาะสำหรับการเล่นเกมออนไลน์บนโมบายได้ดี น้ำหนักประมาณ 1.34Kg เท่านั้น รองรับการเชื่อมต่อ WiFi และ Bluetooth ได้อีกด้วย พอร์ตมีทั้ง USB 2.0, USB-C ซึ่งใช้เป็น PD Charging และ DP ได้อีกด้วย ราคา 3,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ราคาประหยัด มี Storage มาเพียง 32GB
น้ำหนักเบา

2.Toshiba Dynabook R82

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

โน๊ตบุ๊คกึ่งแท็ปเล็ต ที่มีทีเด็ดน่าใช้ ถอดจอได้ ทัชสกรีน น้ำหนักเบา พอร์ตจัดมาให้เต็ม ขุมพลังจาก Intel Core M-5Y10C ทำงานแบบ 2 core/ 4 thread และความเร็วสูงสุด 2.0GHz ถือว่าให้การทำงานที่เหมาะกับงานใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงเป็นซีพียูที่ใช้ในแบรนด์อื่นๆ หลายรุ่นอีกด้วย หน้าจอขนาด 12.5″ แต่พิเศษคือ ความละเอียดสูงถึง 1920 x 1200 และเป็นแบบทัชสกรีน มีแรม DDR3 4GB และใส่ SSD M.2 128GB มาให้อีกด้วย ส่วนกราฟิกเป็น Intel Graphic HD 5300 พอร์ตก็ไม่น้อยเช่นกัน มีทั้ง USB 3.0, HDMI, VGA, MicroSD card reader และ RJ-45 โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 บาท อยู่ที่ 4,590 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
พับจอ ถอดจอได้ มีแรมให้ 4GB
ความละเอียดหน้าจอสูง

3.Lenovo ThinkPad T530

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

แต่ถ้าจะว่ากันที่โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 บาทบ้านเรา Lenovo ThinkPad ก็น่าจะอยู่ในใจใครหลายคน ด้วยบอดี้ที่เรียกว่า ยังมีมนต์เสน่ห์ ไม่ล้าและไม่ล้ำ แต่ฟังก์ชั่นมาแบบจัดเต็ม เช่นเดียวกับความอึดทน ที่มีให้บนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ พร้อมด้วยขุมพลังอย่าง Intel Core i5-3230M แม้ว่าจะค่อนข้างเก่าไปสักนิด เพราะรุ่นใกล้เคียงกันขยับไปที่ Gen3, Gen4 กันแล้ว แต่ในแง่ขององค์ประกอบถือว่าดี และราคาไม่ถึง 5 พันอีกด้วย ให้แรม DDR3 8GB พร้อมใช้ อัพเกรดเพิ่มได้ และฮาร์ดดิสก์ 500GB กับกราฟิก Intel HD Graphics 4600 หน้าจอใหญ่ 15.6″ HD (1366 x 768) กว้างขวาง ดูสบายตา ให้พอร์ตมาแบบครบๆ เช่น USB 3.0, Mini-DisplayPort, VGA, RJ-45 และ SD Card Reader น้ำหนักตัวประมาณ 2.1Kg ราคาอยู่ที่ 4,890 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้แรม 8GB และ HDD 500GB น้ำหนักค่อนข้างเยอะ
ความทนทานสูง

4.HP Elitebook 725 G3

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

โน๊ตบุ๊คในกลุ่มทำงาน และการใช้งานทั่วไป บอดี้กระทัดรัด หน้าจอ 12.5″ ความละเอียด HD (1366×768) มาพร้อมซีพียู AMD PRO A8-8600B ทำงานแบบ 4 core/ 4 thread ความเร็วสูงสุด 3.0GHz ใช้พลังงานต่ำ และมีกราฟิกในตัว AMD Radeon R6 ที่ให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีในระดับหนึ่ง เช่น การดูหนัง ฟังเพลง และงานเอกสาร แต่ที่น่าสนใจคือ ให้แรม DDR3 8GB และ SSD 128GB เช่นเดียวกับพอร์ตต่อพ่วง มีให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0, พอร์ต Type-C รวมถึงพอร์ตแสดงผล VGA และ RJ-45 สำหรับต่อ LAN เช่นเดียวกับ WiFi ก็มีมาในตัวอีกด้วย ซึ่งจากตัวอย่างเคาะราคาไว้ที่ 5,390 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้ความบาง กระทัดรัด ให้ SSD 128GB
ให้แรมมา 8GB

5.Toshiba Satellite R35M

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

สำหรับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจในราคาระดับนี้ แม้จะเกินไปบ้าง คืออยู่ที่ 5,590 บาท แต่ถ้าดูจากสเปคและฟังก์ชั่นที่มีให้ ก็น่าใช้งาน เพราะได้ซีพียู Intel Core i5-4210U เป็นตัวประหยัดไฟ ทำงานในแบบ 2 core/ 4 thread ความเร็วสูงสุด 2.7GHz แคชขนาด 3MB รองรับแรม DDR3L ได้ที่ 16GB นั่นหมายความว่า ถ้าบนโน๊ตบุ๊คมีสล็อตเพิ่ม ก็จะอัพเกรดได้ ซึ่งพื้นฐานในรุ่นนี้มีให้ 4GB แต่เพิ่มได้ในภายหลัง โดยชุดเก็บข้อมูลเป็นฮาร์ดดิสก์ 500GB และมีกราฟิก Intel HD มาในซีพียู ให้พอทำงาน ความบันเทิงได้ดีในระดับหนึ่ง พอร์ตพื้นฐานมีให้ เช่น USB 3.0, LAN, VGA หรือจะเป็นช่องต่อหูฟัง รองรับการใช้งาน WiFi กับหน้าจอขนาดใหญ่ 15.6″ ที่น่าจะเป็น HD และมี NumPad มาให้ในตัว ใครชอบจอใหญ่ๆ โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นนี้ตอบโจทย์ได้

จุดเด่น ข้อสังเกต
จอและคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ แรมพื้นฐาน 4GB
มีฮาร์ดดิสก์มา 500GB

6.Dell latitude e7250

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

เป็นโน๊ตบุ๊คในซีรีส์ทำงาน ที่ได้รับความนิยมไม่น้อยในบ้านเรา ด้วยความเรียบง่ายของการออกแบบ แต่ให้ความทนทาน และฟังก์ชั่นมาไม่น้อยเลยหน้าจอขนาด 12″ ความละเอียด HD พกพาสะดวก ภาพสีสันสดใส และยังให้ซีพียูตัวแรงอย่าง Intel Core i5-5300U มาอีกด้วย กับการทำงาน 2 core/ 4 thread ความเร็วบูสท์สูงสุด 2.9GHz รองรับแรม DDR3 ติดตั้งมาให้แล้ว 8GB ทำงานต่างๆ ได้ไหลลื่น และยังมีกราฟิกอย่าง Intel® HD 5500 ที่มาบนซีพียูให้ใช้งาน สามารถแชร์หน่วยความจำให้อัตโนมัติ พร้อมกับกล้องเว็บแคม และมี Windows 10 พร้อมใช้ โดยมีทั้งพอร์ต USB, RJ-45 และ HDMI มาให้ครบ ในราคา 5,500 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้แรมมา 8GB
ซีพียูค่อนข้างใหม่ Intel Gen 5

7.Fujitsu Lifebook 574/K

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

สำหรับโน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่เห็นในตลาดมือสองบ้านเราค่อนข้างเยอะ จัดเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงาน ที่มีความอึดทนอีกรุ่นหนึ่ง อย่างในรุ่น A574/K นี้ มาในดีไซน์ที่ค่อนข้างบึกบึน กับพื้นสีดำ ตัดเส้นสายสีแดง ปุ่มใหญ่ กดได้สนุกพร้อม NumberPad มาในตัว ทัชแพดขนาดใหญ่ มีระบบสแกนลายนิ้วมือ โดยให้ซีพียู Intel Core i3-4100M ทำงานแบบ 2 core/ 4 thread ความเร็ว 2.5GHz ตัวเลือกเป็นแรม DDR3 4GB อัพเกรดได้ ฮาร์ดดิสก์ 320GB กราฟิก Intel® HD Graphics 4600 รองรับงานและความบันเทิงได้ดีพอตัว แสดงผลบนจอขนาด 15.6″ HD พร้อมการเชื่อมต่อ WiFi โดยมีพอร์ตต่อพ่วงมาพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0, HDMI, ที่พิเศษก็คือ มีไดรฟ์ DVD มาด้วย เผื่อสำหรับใครจะใช้สื่อประเภทนี้อยู่ เคาะราคาที่ 5,790 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้ซีพียู Intel Gen 4 ขนาดบอดี้ค่อนข้างใหญ่

8.Acer TravelMate Spin B3

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

ขยับมาที่โน๊ตบุ๊คแบบทัชสกรีน เอาใจสายพกพา ขีดเขียน เน้นความคล่องตัวกันบ้าง กับโน๊ตบุ๊คจากทาง Acer TravelMate Spin พับจอในโหมดต่างๆ ได้ เช่น แท็ปเล็ต เตนท์ หรือสแตนก็ตาม จุดเด่นอยู่ที่ฟังก์ชั่น เพราะเป็นจอทัชสกรีนขนาดเล็ก 11.8″ แบบ Gorilla Glass จนเหมือนแท็ปเช็ตมากกว่า แต่ให้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 มาพร้อมซีพียู Intel Celeron N4020 ประหยัดไฟ ความเร็วบูสท์ 2.0GHz และมีแคชขนาดใหญ่ เพื่อความคล่องตัว แต่ที่น่าสนใจคือ ได้แรม DDR4 มาที่ 4GB และ SSD 64GB กราฟิก Intel UHD Graphics 600 ให้ความทนทานผ่าน MIL-STD 810H ทนละอองน้ำ แรงกระแทกในระดับหนึ่ง แบตอึดใช้ได้นาน พร้อมการเชื่อมต่อ WiFi น้ำหนักประมาณ 1.49Kg. พอร์ตมีทั้ง USB 3.2, Type-C และ HDMI ราคา 5,990 บาท ในนี้แจ้งว่าประกัน 2 ปีอีกด้วย

จุดเด่น ข้อสังเกต
ปรับพับหน้าจอในโหมดต่างๆ ได้ มี SSD 64GB
ให้เป็นแรม DDR4

Conclusion

ซีพียู แรม Storage กราฟิก จอภาพ ราคา
1.HP Chromebook
11MK G9
MediaTek
MT8183
LPDDR4x
8GB
SSD 32GB ARM Mali
G72 MP3
11.6″ HD 3,990
2.Toshiba Dynabook
R82
Intel Core M-5Y10C DDR3 4GB SSD 128GB Intel Graphic
HD 5300
12.5″ FHD 4,590
3.Lenovo ThinkPad
T530
Intel Core i5-3230M DDR3 8GB HDD
500GB
Intel HD Graphics
4600
15.6″ HD 4,890
4.HP Elitebook
725 G3
AMD PRO
A8-8600B
DDR3 8GB SSD 128GB Radeon R6 12.5″ HD 5,390
5.Toshiba Satellite
R35M
Intel Core i5-4210U DDR3L 4GB HDD 500GB Intel HD Graphic 15.6″ HD 5,590
6.Dell latitude
e7250
Intel Core i5-5300U DDR3 8GB SSD 128GB Intel HD Graphic
5500
12″ HD 5,500
7.Fujitsu Lifebook
574/K
Intel Core i3-4100M DDR3 4GB HDD 320GB Intel HD Graphics
4600
15.6″ HD 5,790
8.Acer TravelMate
Spin B3
Intel Celeron N4020 DDR4 4GB SSD 64GB Intel UHD Graphics
600
11.8″ 5,990

สุดท้ายนี้ก็คงต้องฝากกันไว้ สำหรับใครที่ต้องการใช้โน๊ตบุ๊คราคาประหยัด และมีงบจำกัด โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 เหล่านี้ ก็พอจะตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ แต่ไม่แนะนำสำหรับคนที่เน้นเล่นเกมเป็นหลัก เพราะจากองค์ประกอบ และสเปคพื้นฐาน มุ่งเน้นไปที่การใช้งานทั่วไป สิ่งที่อยากจะแนะนำเพิ่มเติม ก็คือ เลือกและดูรายละเอียดให้ได้มากที่สุด ตรวจเช็คสิ่งต่างๆ ให้เรียบร้อย รวมถึงถ้ามีโอกาส อาจจะอัพเกรดบางอย่างเพิ่มเติม ให้ใช้งานได้ลื่นมากขึ้น ส่วนถ้าใครเน้นโน๊ตบุ๊คมือสองเล่นเกม ผมแนะนำว่ามือสองในงบหมื่นต้นๆ ก็พอมีให้เลือกเช่นกัน เอาไว้โอกาสหน้าจะมาแนะนำกันอีกครั้ง ขอบคุณที่ติดตามกันครับ

from:https://notebookspec.com/web/681810-8-notebook-value-5000-2023

ORICO BAY HDD ต่อได้ 2 ลูก แถมยังโคลนได้โดยไม่ต้องง้อคอม

แม้ปัจจุบันฮาร์ดดิสค์จะถูกลดบทบาทการใช้งานลงไปมาก แต่ก็ยังมีผู้ใช้ที่ยังจำเป็นต้องใช้งาน ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ใช้งานโน้ตบุ๊ค ที่ถ้าต้องใช้ฮาร์ดดิสค์ขึ้นมาก็ต้องหาอุปกรณ์อย่าง ORICO BAY HDD ที่ทีมงานจะมาแนะนำในวันนี้ ด้วยจุดเด่นที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งฮาร์ดดิสค์แบบ 2.5 และ 3.5 นิ้ว อีกทั้งยังเชื่อมต่อได้ 2 ลูกพร้อมกัน และโคลนได้โดยไม่ต้องใช้คอมอีกด้วย

ORICO BAY HDD

Advertisementavw

ORICO BAY HDD ที่ทีมงานได้มารีวิววันนี้จะมาพร้อมจุดเด่นที่เป็นแท่นเชื่อมต่อแยก รองรับทั้งฮาร์ดดิสค์ 3.5 ,2.5 นิ้ว รวมไปถึง SSD 2.5 นิ้ว เชื่อมต่อได้ 2 ไดร์ฟพร้อมกัน และยังสามารถคัดลอกหรือโคลนจากลูกหนึ่ง ไปยังอีกลูกหนึ่งได้ด้วย โดยจุดเด่นที่ทำให้แตกต่างจาก BAY HDD รุ่นอื่นๆ เลยก็คือ การเชื่อมต่อที่อัพเกรดมาเป็นพอร์ต USB 3.2 Gen 2 ทำให้สามารถโอนถ่ายข้อมูลได้สูงสุดถึง 10 Gbps (1,000 MB/s)

ซึ่งตรงนี้หลายคนน่าจะสงสัยว่า ก็ฮาร์ดดิสค์หรือ SSD แบบนี้เต็มที่เชื่อมต่อโอนถ่ายข้อมูลได้สูงสุดแค่ 500 MB/s แล้วจะมีประโยชน์อะไร แต่นั่นคือแค่ต่อลูก แต่ถ้าจำเป็นต้องเชื่อมต่อพร้อมกัน 2 ลูก ความเร็วการโอนถ่ายข้อมูลก็จะมากขึ้นเท่าตัว ทำให้ USB 3.2 มามีประโยชน์ตอนนี้ละครับ อีกส่วนคือเรื่องของการโคลนที่แม้จะไม่ต้องมีเครื่องพีซีเชื่อมต่ออยู่ แต่ด้วยมาตรฐานเชื่อมต่อที่แรงขึ้น ก็ช่วยให้สามารถโคลนได้ไวขึ้นด้วยครับ

ORICO BAY HDD 01 ORICO BAY HDD 02

หน้าตากล่องโล่งๆสไตล์ ORICO

ORICO BAY HDD 03

อุปกรณ์ภายในกล่องจะได้แต่ตัว BAY ,Adapter และสายเชื่อมต่อ

ORICO BAY HDD 04

โดยจุดเด่นของสายเชื่อมต่อจะเป็นสายแบบ USB-C to USB-C ที่มีหัวแปลงเป็น USB-A ได้ด้วย

ORICO BAY HDD 05

ORICO BAY HDD 08 ORICO BAY HDD 09

หน้าตาของ ORICO BAY ตัวนี้ไม่มีอะไรมาก วัสดุเป็นพลาสติก ด้านล่างมียางรองกันลื่น ลดแรงสั่นสะเทือน โดยด้านบนจะมีช่องสำหรับใส่ฮาร์ดดิสค์ จำนวน 2 ช่อง พร้อมไฟแสดงสถานะของฮาร์ดดิสค์ และไฟแสดงสถานะการโคลนฮาร์ดดิสค์

ORICO BAY HDD 06

ด้านหลังจะมีพอร์ต USB-C ,Adapter ,ปุ่มโคลน ,สวิตซ์สลับระหว่างโหมดโคลนหรือเชื่อมต่อพีซี และปุ่มเปิด/ปิด ที่ต้องกดค้างสักแป็บเพื่อสั่งงาน

ORICO BAY HDD 11

ภายในช่องเชื่อมต่อของฮาร์ดดิสค์ จะเป็นพอร์ตแบบ SATA III มาตรฐาน พร้อมพอร์ตจ่ายไฟในตัว เชื่อมต่อได้ทั้งแบบ 3.5 และ 2.5 นิ้ว

ORICO BAY HDD 13

ORICO BAY HDD 15 ORICO BAY HDD 16

การติดตั้งก็ไม่ยุ่งยาก แค่เสียบฮาร์ดดิสค์เข้าไปตรงๆ เลย ถ้าขนาด 3.5 นิ้วจะพอดี แต่ถ้า 2.5 นิ้ว อาจจะต้องเล็กให้ตรงพอร์ตหน่อย แต่ก็ไม่ยากครับ เน้นให้ชิดมุม ชิดขอบไว้ก็ใช้ได้

ORICO BAY HDD 22

ORICO BAY HDD 28 ORICO BAY HDD 27

เมื่อเชื่อมต่อกับพีซีแล้ว จะมีไฟแสดงสถานะขึ้นตรงที่ไดร์ฟเลย และเมื่อมีการใช้งานไฟก็จะกะพริบเพื่อแสดงสถานะ ปรกติถ้าฮาร์ดดิสค์มีการใช้งานสร้างพาร์ทิชั่นไว้แล้ว Windows ก็จะเห็นไดร์ฟขึ้นมาเลย แต่ถ้าเป็นลูกใหม่ก็จำเป็นต้องสร้างพาร์ทิชั่น ขึ้นมาก่อน

ขอแนะนำในส่วนของการโคลนไดร์ฟ วิธีการก็ไม่ยากครับ แค่ติดตั้งไดร์ฟต้นฉบับที่ช่อง Source ด้านใน จากนั้นใส่ฮาร์ดดิสค์ลูกที่ว่างลง Target สลับสวิต์ไปที่ Clone โหมด จากนั้นกดปุ่มโคลนค้างไว้สักแป็บ จนไฟแสดงสถานะการโคลนติดขึ้นเป็นไฟวิ่ง และมีเสี้ยงติ๊ด ก็เป็นอันใช้ได้ จากนั้นไฟแสดงสถานะจะติดตามเปอร์เซ็นที่โคลนเสร็จ จากที่ผมลองโคลน SSD 1 TB ไป HDD 1 TB ใช้เวลาอยู่ประมาณ 30 นาที เร็วกว่าเทคโนโลยีเก่า แต่ที่ช้ามาจากตัวฮาร์ดดิสค์ ที่อ่านเขียนได้แค่ราว 1xx MB/s เท่านั้น

CrystalDiskInfo 8.17.13 x64 12 8 2022 10 49 07 AM CrystalDiskMark 8.0.4 x64 Admin 12 8 2022 10 49 02 AM

เมื่อเชื่อมต่อแล้วจะเห็นไดร์ฟ พร้อมสเปคต่างๆชัดเจน

CrystalDiskMark 8.0.4 x64 Admin 12 8 2022 10 54 20 AM

ในส่วนของความเร็วการอ่านเขียน ทดสอบแค่ตัว SSD ความเร็วการอ่านเขียนก็เต็มสเปคของ SSD ลูกนี้ ส่วน ฮาร์ดดิสค์อีกลูกจะอยู่ที่ 1xx MB/s

ORICO BAY HDD 19

บทสรุปส่งท้ายกับ ORICO 6829C3-C ผมว่าน่าจะเหมาะกับเพื่อนๆที่ต้องการ อุปกรณ์สำหรับต่อฮาร์ดดิสค์แบบ 3.5 นิ้ว ไปจนถึง SSD 2.5 นิ้ว ที่ให้ความเร็วเต็มสปีด ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก รองรับการโคลนข้อมูลจากลูกหนึ่งไปอีกลูกหนึ่งได้ วึ่งฟังค์ชั่นนี้น่าจะเหมาะกับร้านอินเตอร์เน็ต ไปจนถึงร้านซ่อมคอม ที่ถือเป็นฟังค์ชั่นสะดวกเพราะไม่จำเป็นต้องมีพีซีก็ใช้ได้

ส่วเรื่องของสเปคความเร็วการอ่านเขียนที่รองรับมาตรฐาน USB 3.2 Gen 2 จะได้ใช่จริงๆก็ต้องเมื่อเชื่อมต่อ 2 ลูกพร้อมกันที่เป็นแบบ SSD เท่านั้น เพระาถ้าฮาร์ดดิสค์ทั่วไปคงไม่ได้อ่านเขียนได้เต็มมาตรฐานเท่าไรนัก

จุดเด่น

  • เชื่อมต่อได้ 2 ไดร์ฟพร้อมกัน
  • มีฟังค์ชั่นโคลน
  • มาตรฐาน USB 3.2 Gen 2

ข้อสังเกต

  • โคลนยังถือว่าใช้เวลานานอยู่

from:https://notebookspec.com/web/679164-orico-bay-hdd

รีวิว WD_Black SN850X อัพเกรดความแรง เพิ่มความจุถึง 4 TB

ก่อนหน้านี้ NBS เราเคยรีวิว SN850 ไปแล้ว แต่เหมือนยังแรงไม่สาแก่ใจของ WD_Black เลยขออัพเกรดใหม่เป็น WD_Black SN850X ที่แรงขึ้นอีกทั้งอ่านและเขียน และเพิ่มความจุสูงสุดถึง 4TB แต่จะแรงขึ้นขนาดไหน น่าสนใจอย่างไรตามไปชมกัน

WD_Black SN850X

Advertisementavw

WD_Black SN850X เป็นรุ่นต่อยอดความสำเร็จของ SN850 ที่พัฒนามาบนพอร์ตเชื่อมต่อ PCIe 4.0 แบบขนาด 2280 สำหรับเครื่องพีซี โดยจุดต่างแรกคือความจุที่เพิ่มขึ้นจาก 500GB – 2TB เป็น 1TB – 4TB ในรุ่นแพงสุด พร้อม และความเร็วการอ่านที่ SN850 เดิมอ่านได้สูงสุด 7000MB/s และเขียนได้ถึง 4100MB/s และอัพเกรดมาเปน SN850X อ่านได้สูงสุด 7300MB/s และเขียนได้ถึง 6600MB/s โดยค่า TBW ต่อความจุยังเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมมาอีกส่วนคือ Random Read/Write ที่จากเดิมความจุอย่าง 2TB จะอยู่ที่ 1,000K/710K IOPS แต่ใน SN850X จะเพิ่มมาป็น 1,/00K/1,100K IOPS ในราคาเปิดตัวที่ถูกกว่า SN850 ซึ่งคาดว่า WD_Black จะส่ง SN850X เข้ามาแทน SN850 เดิมทั้งหมด ไม่ได้ขายทั้งคู่แบบคนละราคา

WD_Black SN850X

  • Capacity : 1 TB ,2 TB ,4TB
  • Form Factor : M.2 2280
  • Interface : PCIe Gen4 x4
  • Read Performance : 7300MB/s
  • Write Performance : 6300 – 6600MB/s
  • Random Read : 800K – 1200K IOPS
  • Random Write : 1100K IOPS
  • Endurance (TBW) : 600 / 1200 / 2400
  • Compatibility
    – Computer with M.2 (M-key) port, capable of taking M.2 2280 form factor
    – Windows® 11, 10, 8.1- PlayStation® 5 (Heatsink model only)4
  • Dimensions (L x W x H) : 0.79″ x 0.87″ x 0.09″

WD Black SN850X 01 WD Black SN850X 02

กล่องของ WD BLACK SN850X สีดำสนิทพร้อมระบุข้อมูลสเปคต่างๆอย่างครบครัน โดยเฉพาะความเร็วและความจุ พร้อมเห็นตัว SSD ภายใน

WD Black SN850X 03

WD Black SN850X 04 WD Black SN850X 05

หน้าตาของตัว WD BLACK SN850X ยังคงคล้ายรุ่นก่อน มองผ่านๆ แทบไม่รู้ว่ารุ่นเก่าหรือใหม่ พอร์ตเชื่อมต่อเป็น M.2 มาตรฐาน PCIe Gen 4 เช่นเดิม โดยรุ่นที่ได้มาทดสอบจะเป็นความจุ 2 TB ซึ่งจะมีชิปวงจรแค่ฝั่งเดียว

WD Black SN850X 09

เมนบอร์ดที่ทีมงานทดสอบร่วมด้วยจะเป็น ASUS ROG Crosshair VIII HERO (Wi-Fi)

This PC 10 5 2022 7 42 01 PM

สเปคความจุ 2 TB มีพื้นที่ใช้งานได้จริงที่ราว 1.81 TB

CrystalDiskInfo 8.12.4 x64 10 5 2022 7 31 37 PM

WD BLACK SN850X โชว์สเปค PCIe 4.0 สเปคไม่ต่างจากรุ่นเดิมเท่าไรนัก แต่ที่ต่างจาก รีวิว SN850 เดิมเลยคืออุณหภูมิที่เย็นลงกว่าเดิม

CrystalDiskMark 8.0.4 x64 Admin 10 5 2022 8 44 39 PM

WD BLACK SN850X กับผลทดสอบที่อ่านได้ถึง 7,362 MB/s และเขียนได้ถึง 6,685 MB/s ตามสเปคที่ระบุไว้ เพิ่มเครื่องไว เปิดโปรแกรมเร็วแน่นอน

SSD Test 10 5 2022 7 54 40 PM Dashboard 3.7.2.5 10 5 2022 7 54 42 PM

Dashboard 3.7.2.5 10 5 2022 7 54 45 PM Dashboard 3.7.2.5 10 5 2022 7 54 50 PM 

โปรแกรมที่อยากแนะนำสำหรับผู้ใช้หน่วยความจำของ WD เลยก็คือตัว Dashboard ที่จะเป็นโปรแกรมเช็คสุขภาพตัว SSD ตั้งแต่อายุการใช้งาน ความเร็ว ไปจนถึงการอัพเดทเฟอร์มแวร์ หรือถ้ารุ่นไหนมีไฟ RGB ก็สามารถปรับแต่งได้จากโปรแกรมนี้เลย

WD Black SN850X 10

WD_Black SN850X เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ซื้อ SSD ลูกใหม่ ที่เน้นความเร็วแรง สำหรับการทำงานบนพีซี โน้ตบุ๊ค หรือกระทั้ง PS5 ที่รองรับ PCIe 4.0 ทำให้สามารถเปิดเครื่อง เปิดโปรแกรมได้ไวกว่าเดิม ในราคาที่คุ้มค่า ได้ทั้งความจุ ความเร็ว และไม่มีฮีทซิงค์ให้เกะกะ

แต่ถ้าเพื่อนๆมี SN850 ตัวเดิมอยู่แล้ว และคิดว่าจะเปลี่ยนอัพเกรดมาดีไหม ผมว่าอาจจะไม่ค่อยคุ้มเท่าไร เพราะความเร็วไม่ได้ต่างกันมากมายขนาดนั้น แต่ถ้าจะซื้อมาเพิ่มอีกลุกเพื่ออัพเกรดความจุ ผมว่าน่าจะคุ้มค่ากว่า

WD_Black SN850X มีให้เลือ 3 ความจุ

  • 1 TB ราคา $159.99 (ประมาณ 5,xxx บาท)
  • 2 TB ราคา $289.99 (ประมาณ 10,xxx บาท)
  • 4 TB ราคา $699.99 (ประมาณ 26,xxx บาท)

จุดเด่น

  • อ่านเขียนได้เร็วแรงกว่าเดิม
  • มีความจุให้เลือกเยอะถึง 4 TB
  • จัดการอุณหภูมิได้ดีขึ้น

ข้อสังเกต

  • ไม่ได้ต่างจากรุ่นเดิมเท่าไรนัก

from:https://notebookspec.com/web/669869-review-wd_black-sn850x

รีวิว Dell Inspiron 16 5625 สเปก Ryzen 7 ลื่นไหลพร้อมใช้งาน จอ 16″ FHD+ ใหญ่เต็มตา เบา 1.87 โล แบต 15 ชั่วโมง

Dell Inspiron 16 5625 จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ปี 2022 มาพร้อมหน้าจอ 16″ FHD+ รุ่นแรกของ Inspiron Series ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่สูง ใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 5000U ซึ่งมีทั้ง Ryzen 5 5625U และ Ryzen 7 5825U เป็นตัวเลือก มาพร้อมมาตรฐานใหม่ในเรื่องของขนาดตัวเครื่อง น้ำหนักและดีไซน์การออกแบบที่เล็กกว่าโน๊ตบุ๊คในหน้าจอขนาดใกล้เคียงกัน ตัวเครื่องทั้งหมดทำจากโลหะให้ความพรีเมียม ให้ความสวยและแข็งแรงไปพร้อมๆ กัน ส่วนงานประกอบก็ดีเยี่ยม โดดเด่นด้วยลำโพงที่เสียงดีเสียงดังเป็นพิเศษ ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสิทธิภาพทั่วๆ ไปในตลาด 

Dell Inspiron 16 5625

โดยทีมงานขอแจ้งข้อมูลในเบื้องต้นว่า โน๊ตบุ๊ค Dell Inspiron 16 5625 รุ่นที่เราได้รับมาทดสอบนี้ เป็นรุ่นที่ “รุ่นทดสอบส่งมาให้สื่อทำการทดสอบ” ดังนั้นข้อมูลบางอย่างกับโมเดลจริงที่วางจำหน่ายอาจคลาดเคลื่อนได้ แต่โดยพื้นฐาน โครงสร้าง ดีไซน์จะมาในรูปแบบนี้ ความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 1920 x 1200 พิกเซล ได้หน่วยความจำแรมที่เครื่องมาขนาด 8GB DDR4 Bus 3200 MHz ส่วนที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home แท้ใช้งานได้ทันที สนนราคาที่ 2x,xxx บาท ไปจนถึง 3x,xxx บาท ที่สำคัญด้วยบริการ Dell Premium Support ระยะเวลา 2 ปีเต็ม ซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก วันทำการ (On-site Service) ทำให้มั่นใจได้เลย บริการหลังการขายของ Dell นั้นยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน ซึ่งจัดว่าเป็นรุ่นแรกๆ ของ Dell Notebook ที่ใช้หน้าจอมาตรฐานเป็น 16″ แทนที่ 15.6″ แบบเดิมๆ ตลอดเวลาหลายปี

Advertisementavw

NBS Verdict

Dell Inspiron 16 5625 จุดเด่นหลักๆ จะเป็นเรื่องของราคา ที่จัดว่าเป็น Dell Notebook ราคาย่อมเยาว์ แต่ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม อีกได้ยังเรื่องของดีไซน์และงานประกอบตามสไตล์ Dell ที่หลายๆ คนชื่นชอบกัน โดยตัวเครื่องมีเงินโทนสว่างอย่าง Platinum Silver หรืออีกตัวเลือกจะเป็นเขียว Pebble Green จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000U Refresh ซึ่งให้ทั้งประสิทธิภาพที่เยี่ยมยอด ในราคาค่าตัวที่น่าสนใจสุดๆ ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คช่วงต้นปี 2022 ที่น่าสนใจรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ในช่วงราคานี้ก็ว่าได้ แล้วก็ยังเป็นรุ่นแรกๆ ที่ทาง Dell ทำตลาดด้วยหน้าจอ 16″ จากที่ผ่านมานั้นไม่เคยมีเลย กับซีรีส์ Inspiron ที่เน้นความคุ้มค่าต่อราคาเป็นหลัก ย้ำอีกครั้งว่า รุ่นที่เราได้รับมาทดสอบนี้ เป็นรุ่นที่ “ส่งทดสอบ” เท่านั้น

Dell Inspiron 16 5625

ชิปประมวลผล Ryzen 5000 รุ่น Refresh แม้จะไม่ใช่รุ่นใหม่จริงๆ อย่าง Ryzen 6000U แต่ก็มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเพียงพอ ซึ่งเหมาะกับการทำงานทั่วไป อาทิ งานเอกสาร ดูหนังฟังเพลง หรือหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ หรือถ้าจะเล่นเกมเบาๆ บ้างก็สามารถทำได้ดีในระดับหนึ่ง และจากการรูปลักษณ์และใช้งานจริงเป็นที่น่าพอใจ สมราคา 2x,xxx บาท สำหรับรุ่น Ryzen 5 5625U เหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานโน๊ตบุ๊คที่ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่ารุ่นเริ่มต้นทั่วไป หรือจะขยับเป็น Ryzen 7 5825U ในราคา 3x,xxx บาทก็ได้ ตามงบเลย แต่แนะนำว่าควรอัปเกรดเป็นแรมให้เป็นขนาด 16GB ด้วย ก็จะช่วยเรื่องของความลื่นไหลโดยรวมยิ่งขึ้นไปอีก 

Dell Inspiron 16 5625

อีกทั้ง Dell Inspiron 16 5625 เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเทียบเท่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 16″ ทำให้ในการใช้งานจริง มีความสบายตาเต็มตากว่าจอ 15.6″ แน่นอน แต่กลับมีน้ำหนักที่เบากว่าด้วย เพียง 1.87 กิโลกรัมและบางเพียง 17.95 มิลลิเมตรเท่านั้น ที่สำคัญรองรับการพกพาด้วยแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 15 ชั่วโมงทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นมาตรมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คหน้าจอใหญ่ในปี 2022 นี้จริงๆ แม้ว่าหน้าจอจะเป็น IPS เกรดกลางๆ เรื่องสีสันไม่ได้ขอบเขตระดับ sRGB 100% แต่ก็ถือว่ายอมรับได้ เมื่อเทียบกับราคาและความเป็น Dell ที่เราได้ 

Dell Inspiron 16 5625 Review 22

จุดเด่น Dell Inspiron 16 5625

  • เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 16″ แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 15.6″
  • วัสดุเป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูง งานประกอบดีเยี่ยม ดีไซน์พรีเมียมพรูหรา
  • น้ำหนักเบาเพียง 1.87 กิโลกรัม ตัวเครื่องบางพิเศษ 17.95 มิลลิเมตร
  • หน้าจอ 16″ สัดส่วน 16:10 ความละเอียด Full HD+ ได้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ และพื้นที่มากกว่า
  • ขอบจอบางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพิ่มความโดดเด่น เล็กกระชับพกพาสะดวก
  • ประสิทธิภาพดีด้วยชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000U Refresh
  • มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home และซอฟต์แวร์ใช้งานได้จริง
  • มีสแกนลายนิ้ว ใช้งาน Windows Hello ได้ดีเยี่ยม
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 15 ชั่วโมงทีเดียว
  • ประกันถึง 2 ปี มาพร้อม On-site Service มาตรฐาน Dell
  • เทียบกับการเป็น Dell Notebook รุ่นใหม่กับราคา ถือว่ามีความน่าซื้อ

ข้อสังเกต Dell Inspiron 16 5625

  • หน้าจอสีสันอยู่ในระดับ sRGB จัดว่าเป็นเกณฑ์กลางๆ แต่ก็ใช้งานได้ดี 
  • เพื่อการใช้งานท่ีดีกว่า แนะนำให้อัปเกรดเป็นแรมขนาด 16GB ด้วย

Specification

สเปกภายในของตัว Dell Inspiron 16 5625 “ในรุ่นที่ได้รับมาทดสอบ” มีอยู่ 2 สเปก คือ AMD Ryzen 5 5625U ราคาคาดการณ์โดยประมาณ 2x,xxx บาท และ AMD Ryzen 7 5825U ราคา 3x,xxx บาท ที่เป็นชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม Zen 2 โค้ดเนม Renoir มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ที่แรงขึ้นและร้อนน้อยกว่า พร้อมเพิ่มเติมด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน การ์ดจอเป็นออนชิป Radeon 7 / 8 ที่เหมาะกับงานพื้นฐาน งาน 2 มิติ หรือ 3 มิติเบาๆ ได้แรม 8GB DDR4 Bus 3200MHz แบบปกติ (รองรับการอัปเกรดอีก 1 แถว) และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB (รองรับการอัพเกรดอีก 1 ตัว)

หน้าจอขนาด 16″ เป็นพาเนล WVA พร้อม ComfortView ความละเอียด Full HD+ แบบจอด้านลดแสงสะท้อน พร้อมได้มุมมองที่กว้างและสีสันสดใส มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว รองรับการใช้งาน VDO Call พร้อมปุ่ม Power ที่เป็น Fingerprint ในตัวใช้งานร่วมกับ Windows Hello ไว้สแกนนิ้วเพื่อเข้าใช้งาน ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home มาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E และ Bluetooth 5.2 ด้วย พร้อมการรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell ที่เราทุกคนในเรื่องของการบริการที่ประทับใจ

Dell Inspiron 16 5625 xxxx ราคา 2x,xxx บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
  • CPU : AMD Ryzen 5 5625U (6C/12T, 2.3 – 4.3GHz)
  • GPU : AMD Radeon 7 (1800 MHz)
  • RAM : 8GB DDR4 3200 MHz
  • DISPLAY: 16″ Full HD+ WVA
  • STORAGE : 256 GB SSD PCIe M.2
  • OS : Windows 11 Home 
  • Warranty : 2 Years Premium Support
Dell Inspiron 16 5625 ราคา 3x,xxx บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
  • CPU : AMD Ryzen 7 5825U (8C/16T, 2.0 – 4.5GHz)
  • GPU : AMD Radeon 8 (2000 MHz)
  • RAM : 8 GB DDR4 3200 MHz
  • DISPLAY : 16″ Full HD+ WVA
  • STORAGE : 512 GB SSD PCIe M.2
  • OS : Windows 11 Home
  • Warranty : 2 Years Premium Support

Hardware / Design

ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell Inspiron 16 5625 เป็นรุ่นหน้าจอ 16″ ซึ่งจะดูเล็กพอๆๆ กับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ทีเดียว เนื่องด้วยมีการใช้ตัวเครื่องขนาดเล็กกระชับ กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา จากขอบหน้าจอที่บางเฉียบลงทั้ง 4 ด้าน แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก แต่ก็ยังใส่จอขนาด 16″ สัดส่วน 16:10 มาได้ ทำให้ดีไซน์ออกมาได้ใช้พื้นที่หน้าจออย่างคุ้มค่าที่สุด ส่วนของตัวเครื่องจะใช้เป็นโลหะอลูมิเนียมที่ดูสวยงามและทนทาน โดยเป็นส่วนประกอบหลักตลอดทั้งตัวเครื่อง  ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา ที่สำคัญส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหรามากๆ ให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ

Dell Inspiron 16 5625 Review 6

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell Inspiron 16 5625 จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คทรงประสิทธิภาพที่เน้นการพกพา เพราะมีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ เมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอ 16″ นับว่ามีความน่าสนใจในการใช้งานจริงๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.87 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางอยู่ที่ 17.95 มิลลิเมตรโดยประมาณ ซึ่งแม้จะบางขนาดนี้ยังได้รับการออกแบบเป็นอย่างดี เพราะสามารถถอดฝาหลังได้ ส่งผลให้ง่ายในการอัปเกรดตัวเครื่องเองของผู้ใช้ด้วยตนเอง ทั้งแรมที่ใส่สูงสุดสองแถวและะแบบ SSD M.2 ก็สามารถอัพเกรดเพิ่มได้อีก 1 แถว 

Dell Inspiron 16 5625 Review 36

ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่ายตามสไตล์ของ Dell ตั้งแต่โลโก้ Dell ตรงกลาง โดยที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ที่ขอบอลูมิเนียมรอบของตัวเครื่อง ส่วนอลูมิเนียมอัลลอยด์จะถูกนำเอามาใช้ด้านในและด้านนอกของตัวเครื่องเป็นหลัก ส่งให้เวลาที่เราเอามือมาวางหรือจับถือจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป รวมไปถึงมีการติดตั้งลำโพงไว้ที่ข้างๆ ของคีย์บอร์ดกูลงตัว สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงของทาง Dell ที่เป็น Inspiron 5000 Series 

Dell Inspiron 16 5625 Review 44

ส่วนการออกแบบใต้ตัวเครื่อง Dell Inspiron 16 5625 มีการออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องดูดลมเย็นใต้ตัวเครื่องและโลโก้ Inspiron อยู่ อีกทั้งเมื่อเราเปิดฝาขึ้นมาขอบตัวเครื่องด้านหลังก็จะช่วยยกตัวเครื่องให้สูงยิ่งขึ้นด้วย รวมถึงมีการออกแบบภายในโดยใช้พัดลมระบายความร้อนข้างในเครื่องจำนวน 2 ตัว ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ อีกทั้งที่ขอบตัวเครื่องด้านหลังยังมีการทำยางรองพิเศษช่วยยกตัวเครื่องให้เอียงสูงขึ้นรับกับมือของเราด้วย 

Keyboard / Touchpad

ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีเงินสกรีนตัวอักษรสีเทา มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Dell กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size โดยมี Numpad หรือแป้นตัวเลขมาให้พร้อมใช้งาน อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดี ทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว 

Dell Inspiron 16 5625 Review 13

ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งมาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือในปุ่มเดียวกันอีกด้วย ช่วยเรื่องความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยกว่ารุ่นอื่นๆ อีกทั้งมีทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่มากๆ เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ให้ความแม่นยำ ซึ่งเราสามารถใช้งานแทนเมาส์ได้แบบสบายๆ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยใช้งานร่วมกับ Windows 11 Home แบบ Multi Gesture ได้เป็นอย่างดี

Screen / Speaker

หน้าจอของ Dell Inspiron 16 5625 นอกเหนือจากเรื่องความบางเฉียบทั้ง 4 ด้านด้วย InfinityEdge Display แล้ว พาเนล WVA ความละเอียด Full HD+ พร้อมด้วยฟีเจอร์ ComfortView และการรับรอง TÜV Rheinland certified  ทำให้ลดแสงสีฟ้า ลดกระพริบจอ ทำให้สบายตาเวลาที่เราทำงานต่อเนื่อง เรียกได้ว่ารองรับทุกการทำงานหรือความบันเทิงแบบเต็มประสบการณ์อย่างสุดๆ จุดที่น่าชื่นชมของเครื่องนี้ ก็คือมีการใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ส่วนกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนแบบคู่ยังติดตั้งปกติที่ขอบบนได้อย่างสวยงามลงตัว เพื่อใช้งาน VDO Call ประชุมออนไลน์

Dell Inspiron 16 5625 Review 47

การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Dell Inspiron 16 5625 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล WVA ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder X Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่นเล็กน้อย เรียกได้ว่าในการคาลิเบรทนั้นช่วยเรื่องของหน้าจอให้ดีขึ้นในทุกๆ มิติ

โดยเมื่อทำการทดสอบกันต่อในส่วนของ Spyder Analysis ผลออกมาว่าให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐานขอบเขตสี sRGB ที่ 64% และ AdobeRGB ที่ 48% ส่วน DCI-P3 อยู่ที่ 47 เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันธรรมดาในเกณฑ์ทั่วไป ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 250 nit ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดีเลยทีเดียวสำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ แต่ทำอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลักมากนัก อาทิ การโปรเซสไฟล์ภาพ RAW หรือตัดต่อวีดีโอกับทีมงาน เพราะถือว่าค่าขอบเขตทีสันนั้นอยู่กลางๆ 

s4

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอด้านขอบมุมขวาบนที่ลดลงไปที่ระดับ 10% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ พร้อมค่า Delta-E คลาดเคลื่อนค่อนข้างสูงอยู่ที่ 3.96 ทีเดียว (ถ้าคลาดน้อยต้องต่ำกว่า 2) ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแล้วเมื่อเทียบกับหน้าจอมาตราฐานทั่วไปในยุคก่อนๆ เหมาะสำหรับคนเอามาดูหนังฟังเพลง เล่นเกม พอได้อยู่ 

ด้านของลำโพง Dell Inspiron 16 5625 เป็นสเตอรีโอ 2W x 2 มีเทคโนโลยี Wave Maxxaudio (ซอฟต์แวร์ปรับแต่งได้) นั้นอยู่บริเวณด้านล่างซ้ายขวาของชุดคีย์บอร์ด ที่ให้ดีไซน์ที่แตกต่างจาก Dell Notebook รุ่นอื่นๆ ในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ซึ่งว่ากันตามจริงแล้วให้เสียงที่ดัวกว่ารุ่นอื่นๆ ชัดเจน ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้น จัดว่ามีความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างเมื่อเทียบกับซีรีส์ ซึ่งถ้าหากว่าเราเป็นผู้ใช้งานทั่วไป ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก

Connector / Thin And Weight

Dell Inspiron 16 5625 มีมาตรฐานพอร์ตต่างๆ ของกลุ่มโน๊ตบุ๊คบางเบามาให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.2 Type-A จำนวน 2 พอร์ตที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูล รวมไปถึงชาร์จสมาร์ทโฟน และ USB 3.2 Type-C ถ่ายโอนไฟล์ได้ไว พร้อมต่อจอแยกเพิ่มได้ด้วยมาตรฐาน Display Port พร้อมรองรับการชาร์จไฟเข้าเครื่อง Power Delivery ด้วย นอกจากนี้ยังมีพอร์ตมาตรฐาน HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และที่ชอบมากๆ คือมี SD Card Reader มาให้ด้วย แน่นอนว่ายังมีช่องเชื่อมต่อไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แต่ในส่วนของ LAN RJ45 ได้ถูกตัดออกไป

Dell Inspiron 16 5625 Review 32

เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ใกล้เคียงกัน แต่ได้จอ 16″ ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.87 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ที่ชาร์จเข้าไปด้วย กับขนาดที่เล็กกระทัดรัดจ่ายไฟที่  ก็จะมีหนักราวๆ 2.1 กิโลกรัมเท่านั้นเอง ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 15.6″ มาตรฐาน จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 2 กิโลกรัมขึ้นไป แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเอาไปทำงานตามร้านกาแฟ หรือเล่นเกมที่บ้านเพื่อน สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นประสิทธิภาพในยุคปัจจุบันปี 2022 ทีเดียว 

Inside / Upgrade

ถ้าใครต้องการจะแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ Dell Inspiron 16 5625 เพื่ออัปเกรดหรือทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมด หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ  ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี ระบบระบายความร้อนเป็นพัดลม 1 ตัว ฮีตไปป์ 2 เส้น พร้อมช่องระบายความร้อน 1 ช่อง ซึ่งดูแล้วอาจจะธรรมดา แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพราะชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000U เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตรที่ร้อนน้อยแต่แรงลื่นอยู่แล้ว และในส่วนของตัวลำโพงติดตั้งไว้ที่ด้านซ้ายและขวาจะเห็นว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว 

Dell Inspiron 16 5625 Review 48

เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นการติดตั้งแรมรูปแบบ SO-DIM มาแล้วขนาด 8GB ปกติ มาตรฐาน DDR4 Bus 3200MHz รองรับการอัปเกรดได้อีก 1 แถวทันที ซึ่งแนะนำให้อัปเกรดเป็น 16GB รวมไปถึงเราเห็น SSD แบบ M.2 2230 NVMe PCIe ความจุ 512GB กรณีที่ต้องการความจุเพิ่มเพื่อเก็บข้อมูลในอนาคต หรือความเร็วที่มากกว่า ก็สามารถอัปเกรดเป็น M.2 2280 NVMe PCIe ได้ สเปกทั้งหมดนี้ให้การใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหลไร้คอขวด ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่มีความจุประมาณ 4000mAh แน่นอนว่าเป็นส่วนให้ Dell Inspiron 16 5625 ใช้แบตเตอรี่ได้ต่อเนื่องยาวนานด้วย

Performance / Software

Dell Inspiron 16 5625 รุ่นที่นำมารีวิวนี้ เป็นรุ่นที่ทาง Dell “ส่งให้สื่อทดสอบ” ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 5800U ที่แรงกว่า AMD Ryzen 4000U และ H รุ่นก่อนหน้าแบบก้าวกระโดด ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 2.0 –  4.5 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 16MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 25W

ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมได้ขนาด16GB แบบออนบอร์ด เป็นมาตรฐาน DDR4 Bus 3200MHz ตามเทคโนโลยีของ AMD Ryzen 5000U ที่เหนือชั้นกว่า พร้อมให้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home แบบไร้กังวล

c1.   c2

กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง AMD Radeon 8 มีความเร็วในการทำงานที่ 2000MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ ซึ่งถ้าใครจะคาดหวังเรื่องเกมบอกได้เลยว่าไม่เหมาะสม ยังไงสามารถดูกราฟทดสอบด้านล่างได้อีกที

g1.   g2

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5825U คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000U / Intel Core i Gen 10U ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพพอใช้ได้ เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอออนชิปที่เน้นการทำงาน 2 มิติเป็นหลัก

c15
cine20

  

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2546 MB/s และเขียนที่ 1208 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ

ssd 1

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5365 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ  จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5825U ที่แม้ไม่มีการ์ดจอแยก แต่ด้วยชิปประมวลผลเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรเองก็ยังแรงมากๆ ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันกับ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นเลยทีเดียว

pc10

สำหรับคะแนนจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 785 เท่านั้น เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน ซึ่งต้องบอกเลยว่า AMD Notebook รุ่นนี้ไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกม หรือทำงาน 3 มิติเท่าไรนัก

3d

ทดสอบเกมสำหรับ Dell Inspiron 16 5625 สเปก Ryzen 7 5825U ได้คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 2 เกมออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผลที่ทำงานร่วมกับการ์ดจอออนชิปอย่าง AMD Radeon 8 ได้ดี ประกอบกับใช้แรม 8GB รวมไปถึง SSD ก็ส่งผลช่วยด้วย

game test

สำหรับเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน  ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 24 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 18 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) และในส่วนของเกม PUBG ที่ปรับ Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 21 ซึ่งต่ำสุดอยู่ที่ 13 เท่านั้น อย่างไรก็ตามด้วยตัวเครื่องที่บางเบา และควบคุมความร้อนทำให้เป็นข้อจำกัด

support

อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Dell Inspiron 16 5625 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง Dell SupportAssistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง

Battery / Heat / Noise

แบตเตอรี่ของ Dell Inspiron 16 5625 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 4,000 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราว 15 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ดูแล้วอาจให้ระยะเวลาการทำงานที่ค่อนข้างสั้นกว่าเครื่องอื่นเล็กน้อย ส่วนช่องระบายความร้อนจะอยู่ด้านบนบริเวณข้อพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับฝาหลังของจอ แต่ก็เห็นช่องระบายความร้อนได้ง่ายๆ อยู่

batt

อุณหภูมิปกติของเครื่อง ชิปประมวลผลจะอยู่ที่ 40 – 50 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องในส่วนของ CPU จะร้อนที่สุดที่ 92.5 องศาเซลเซียส ด้วยการที่ระบบระบายความร้อนของ Dell Inspiron 16 5625 ได้ถูกออกแบบมาให้ทำงานทั่วไปเป็นหลักมากว่า จากการที่มีพัดลมเพียงตัวเดียว และชุดระบายความร้อนไม่ได้จัดเต็มเหมือนพวก Gaming Notebook ที่มี 2 พัดลม อย่างไรก็ตามก็ถือว่าความร้อนไม่ได้มีปัญหาต่อการใช้งานใดๆ แม้จะเอาไปเล่นเกมหรือตัดต่อวีดีโอ 

temp2

Conclusion / Award

เรียกได้ว่าแม้จะเป็นรุ่นที่ส่งมาให้สื่อ “สำหรับการทดสอบ” ก็ตาม แต่ก็มีความน่าสนใจ สำหรับโน๊ตบุ๊คทรงประสิทธิภาพที่บางเบารุ่นล่าสุดสุดพรีเมียมจากทาง Dell Inspiron 16 5625 ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป เริ่มต้นที่ 2x,xxx บาทเท่านั้น ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล Inspiron 5000 Series ได้เป็นอย่างดี กับการที่เป็นรุ่น Refresh เพราะมาพร้อมความสมบูรณ์แบบและความสดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน เหมาะกับการใช้ทั่วไปเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็พอใช้งานหนักๆ ได้ ด้วยชิปประมวลผลตัวแรงอย่าง AMD Ryzen 5000U ทั้ง Ryzen 5 5625U / Ryzen 7 5825U

Dell Inspiron 16 5625 Review 40

Dell Inspiron 16 5625 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 16″ ความละเอียด Full HD+ ดีไซน์บางเบาที่จัดได้ว่ามีความครบครันในการใช้งานหลายๆ ด้าน ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานทั้งในกลุ่มที่เป็นผู้ใช้งานทั่วๆ ไปหรือผู้ที่รักความบันเทิงทั้งในส่วนของเมัลติมีเดีย อาทิ นักเรียนนักศึกษา คนทำงาน ด้วยสเปคภายในที่ครบครัน แม้ว่าตัวเครื่องจะบางเบาแล้ว แต่ด้วยชิปประมวผล AMD Ryzen 5000U ตัวแรงลื่นแห่งปี 2022 อีกทั้งมีแรม 8GB ที่เราสามารถเลือกอัปเกรดได้ รวมถึง SSD M.2 NVMe 512GB มาให้พร้อมใช้งาน ซึ่งความเร็วและความจุนั้นก็เพียงพอกับการใช้งานทันที

Dell Inspiron 16 5625 Review 23

เอาเป็นว่าเพื่อนๆ คนไหนกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับจากจอที่ใหญ่กว่า ลำโพงที่ดีกว่าดังกว่า ซึ่งครบครันทั้งประสิทธิภาพสูงระดับคอมพิวเตอร์พีซีสำหรับงานพื้นฐานหรือความบันเทิง ในขนาดตัวเครื่องที่เล็กกระทัดรัด ในราคาที่ไม่แพงเลย ที่สำคัญคือได้ความเป็น Dell ทั้งเรื่องงานประกอบ งานดีไซน์ และบริการหลังการขาย Dell Inspiron 16 5625 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียว ที่โดดเด่นคือ มีการรับประกันถึง 2 ปีแบบ On-site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย นอกจากนี้ยังมี Call Center ช่วยบริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย

Dell Inspiron 16 5625 Review 43

แม้จะเป็นรุ่นที่ส่งมาเฉพาะการทดสอบ ยังไม่ได้เป็นการวางจำหน่ายจริง และอาจมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดบางส่วน รวมถึงราคาคาดการณ์ อย่างไรก็ดี หากมองในแง่ของมิติ รูปลักษณ์และการใช้งาน รวมถึงประสิทธิภาพ ต้องถือว่าทาง Dell ยังคงใส่รายละเอียดรอบด้าน เพื่อเอาใจคนที่มองหาโน๊ตบุ๊คในมิติที่บางเบา แต่มีจอภาพขนาดใหญ่ รวมถึงประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี ก็ต้องมาลุ้นกันว่า ในรุ่นที่วางจำหน่ายจริงนั้น จะมีความแตกต่างไปมากน้อยเพียงใด เชื่อว่าถ้าทำราคามาในระดับนี้ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่คุ้มค่าน่าสนใจไม่น้อยเลย

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 16″ ด้วยกัน ซึ่ง Dell Inspiron 16 5625 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Design

เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ Dell ตระกูล Inspiron 5000 Series มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Dell Inspiron 16 5625 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ เหมาะมากๆ กับสาวๆ หรือหนุ่มๆ นักเรียนนักศึกษา คนทำงานที่อยากได้จอ 16″ แถมยังบางเบาสุดๆ ด้วย โดยติดตั้งสเปกที่สดใหม่และทรงพลัง ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว

NBS award 7 Design

Best Mobility

ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 17.95 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.87 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วเพียง 2 กิโลกรัมนิดๆ เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ อีกทั้งแบตใช้งานได้ยาวนานกว่า 15 ชั่วโมงอีกด้วย

NBS award 4 Mobility

from:https://notebookspec.com/web/645655-review-dell-inspiron-16-5625-ryzen7

รีวิว HUAWEI MateBook 14s จอทัชสวยคม 2.5K 90Hz สเปก i5, i7 ติดตั้งแอปมือถือได้

HUAWEI MateBook 14s ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14.2″ ฟีเจอร์ล้ำรุ่นล่าสุดปี 2022 ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการนำเสนอ MateBook มาหลากหลายรุ่นแล้ว ที่เป็นพร้อมท้าชนกับรรดาเจ้าตลาดแบรนด์ต่างๆ แน่นอนว่าสำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็จะมีตัวเลือกที่มากขึ้น กับการที่ได้สเปกลื่นไหลในการใช้งาน โดดเด่นด้วยการใช้งานร่วมกับอุปรกณ์อื่นๆ ของ HUAWEI ได้ลื่นไหลไร้รอยต่อ ด้วยประสิทธิภาพชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 H35 ตัวแรงมี AI ช่วยทำงาน อย่าง Core i5-11300H หรือ i7-11370H ที่ได้แพลตฟอร์ม Intel EVO พร้อมการ์ดจอออนชิปที่ดีที่สุดอย่าง Iris Xe Graphics

HUAWEI MateBook 14s

Advertisementavw

จัดเต็มแรมมาขนาด 8GB – 16GB พร้อมด้วยที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB – 1TB แน่นอนว่ารองรับการทำงานได้เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คที่เป็นรุ่นใกล้เคียงกัน โดย HUAWEI MateBook 14s มีความโดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบที่ดูสวยงามพรีเมียม หน้าจอขนาด 14″ รองรับความละเอียดที่ระดับ 2520 x 1680 พิกเซล ที่มีอัตราส่วน 3:2 เหนือชั้นกว่าที่ได้หน้าจอเป็นทัชสกรีนได้ น้ำหนักเบาที่ 1.43 กิโลกรัม มีความบางเพียง 16.7 มิลลิเมตร ที่สำคัญยังรองรับการติดตั้งแอปต่างๆ ที่มีอยู่ในมือถือหรือแท็บเล็ต HUAWEI อีกด้วย เรียกได้ว่าล้ำกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในตลาดทีเดียว

NBS Verdict

HUAWEI MateBook 14s อีกหนึ่ง Intel Notebook ปี 2022 จากแบรนด์ HUAWEI ประสิทธิภาพทรงพลังด้วยชิปประมวลผล Core i Gen 11 สถาปัตยกรรม Tiger Lake H35 ซึ่งทรงพลังกว่ารุ่นทั่วไปในดีไซน์ที่บางเบา ได้เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร SuperFin ที่มี AI ช่วยทำงานในบางโปรแกรมอย่างที่ไม่มีในรุ่นก่อนๆ ได้การ์ดจอออนชิปที่ดีที่สุด Iris Xe Graphics รองรับทั้งงาน 2 มิติ 3 มิติ  โดยบางเพียง 16.7 มิลลิเมตร และเบาที่ 1.43 กิโลกรัม จัดว่ารุ่นที่แตกต่างไม่เหมือนใครทั้งตัวสเปกและฟีเจอร์ต่างๆ จากหลายปีที่ผ่านมาเราจะเห็นแต่การนำเสนอผลิตภัณฑ์สายมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ 

HUAWEI MateBook 14s NBS 24

เรียกได้ว่า HUAWEI MateBook 14s  เป็นการต่อยอดมาจาก MateBook รุ่นก่อนๆ ที่แตกต่างไม่เหมือนใครทั้งตัวสเปกและฟีเจอร์ต่างๆ จากหลายปีที่ผ่านมาเราจะเห็นแต่การนำเสนอผลิตภัณฑ์สายมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ หน้าจอขอบบางเฉียบ FullView Display 14″ พาเนล IPS เกรดสูง สัดส่วน 3:2 ความละเอียด 2520 x 1680 พิกเซล ที่ลื่น 90Hz ทัชสกรีนได้ เหมาะสำหรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานพื้นฐาน เช่นเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง รวมไปถึงสายงาน Content Creator ต่างๆ น่าจะชื่นชอบกัน

HUAWEI MateBook 14s NBS 12

ในส่วนของรายละเอียดอื่นๆ อย่างสเปกฮาร์ดแวร์ภายในก็ได้เป็นหน่วยความจำแรมขนาด 8GB – 16GB DDR4 Bus 3200MHz และ SSD M.2 ความจุ 512GB – 1TB ซึ่งถ้าเป็นสเปก i7 จะได้แพลตฟอร์ม Intel EVO ก็จัดได้ว่าทรงประสิทธิภาพต่อใช้งานพื้นฐานหรือหนักๆ ได้ลื่นไหลแน่นอนกว่ารุ่นโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ ที่ช่วงราคาใกล้เคียงกันแน่นอน รวมไปถึงมีฟีเจอร์พิเศษอย่างที่ Intel Notebook อื่นๆ เค้ามีกัน อย่างแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน (ความร้อนอาจจะสูงหน่อย แต่อยู่ในเกณฑ์รับได้) 

HUAWEI MateBook 14s NBS 36

เชื่อว่าแฟนๆ HUAWEI น่าจะสนใจกันอยู่ไม่น้อย เหมาะกับคนที่ใช้งานมือถือ HUAWEI อยู่แล้ว เพื่อใช้งานทั่วไปร่วมกันผ่านทาง HUAWEI Super Device หรืออุปกรณ์อื่นๆ ของ HUAWEI ได้ง่ายมากๆ ช่วยเรื่องของแชร์ไฟล์และแชร์หน้าจอได้อย่างเต็มรูปแบบ ในส่วนของรายละเอียดอื่นๆ ก็มีจุดเด่นที่น่าใช้งานมากๆ อย่างไรก็ตามน่าเสียดายในส่วนของพอร์ต USB-C ที่ติดตั้งให้มานั้นยังไม่ได้เป็นมาตรฐาน Thunderbolt 4 ที่ควรจะเป็น และแรมออนบอร์ดไม่สามารถเพิ่มได้แล้ว

HUAWEI MateBook 14s NBS 52

ซึ่งนอกจาก HUAWEI Mobile App Engine ทำให้ใช้งานมือถือผ่านโน็ตบุ๊คได้แล้ว HUAWEI MateBook 14s ยังได้พอร์ตชาร์จไฟและอแดปเตอร์ 65W SuperCharge ก็ให้มาเป็น USB-C ที่สะดวกสบาย ตัวเครื่องพรีเมียมวัสดุดีเยี่ยม งานประกอบแน่นๆ มีระบบสแกนลายนิ้วมือ และกล้องเว็บแคมแบบซ่อน รวมไปถึงมีรุ่นอื่นๆ อย่าง HUAWEI MateBook D14 / D15 ให้ลือกซื้อด้วย อันนี้เพื่อนๆ ก็ต้องลองเลือกตามลักษณะความต้องการหรือการใช้งานจริงๆ ของแต่ละคนกันไป 

ข้อดี HUAWEI MateBook 14s

  • ตัวเครื่องออกแบบสวยงามและหรูหรา พื้นผิวเป็นรอยนิ้วมือยาก ผ่านการชุบอโนไดซ์
  • แข็งแรงทนทานสวยงาม ด้วยงานประกอบอลูมิเนียมแบบ Unibody ผ่านกระบวนการ CNC
  • ขอบจอบางเฉียบ ตัวเครื่องบางเบา เพียง 1.43 กิโลกรัม บาง 15.9 มิลลิเมตร
  • ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i Gen 11 H35 ประสิทธิภาพทรงพลัง มี AI ในตัว
  • ได้แรมขนาด 8 – 16GB LPDDR4x ที่ใช้งานได้ทันที เพียงพอต่อทุกๆ การใช้งาน
  • มาพร้อมที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB – 1TB ที่แรงลื่นพอตัว
  • หน้าจอมีความละเอียดสูงที่ 2520 x 1680 พิกเซล @90Hz พาเนล IPS เกรดสูง ทัชสกรีนได้
  • ลำโพงคุณภาพดี 4 ตัว ให้เสียงที่ประทับใจ พร้อมด้วยไมโครโฟน 4 ตัว ช่วยรับเสียงตัดเสียง
  • มีพอร์ต USB 3.2 Type-C ที่รองรับการชาร์จไฟเข้าตัวเครื่อง ทำให้ใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบ 13 ชั่วโมง รองรับการชาร์จไฟด้วย USB-PD
  • อแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C มีขนาดเล็ก นำไปใช้กับมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้หมด
  • ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ที่ช่วยในเรื่องของความสะดวกและปลอดภัย
  • ด้วยฟีเจอร์ HUAWEI Mobile App Engine ทำให้ใช้งานมือถือผ่านโน็ตบุ๊คได้
  • ฟีเจอร์ HUAWEI Super Device ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ HUAWEI ได้ง่าย
  • ซอฟต์แวร์ PC Manager / Huawei Share ใช้งานได้ดีเยียมมากๆ ทั้งแชร์ไฟล์และหน้าจอ

ข้อสังเกต HUAWEI MateBook 14s

  • ไม่สามารถอัปเกรดแรมได้ เพราะของเดิมเป็นแบบฝังบอร์ดมา
  • ส่วนเชื่อมต่อกับมือถือรองรับเฉพาะแบรนด์ Huawei เท่านั้น
  • แม้ชิปประมวลผลจะแรงมากๆ แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับเล่นเกมหนักๆ เพราะไม่มีการ์ดจอแยก
  • เป็นรุ่นที่ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 ในปี 2022
  • USB-C ที่ติดตั้งให้มาให้เป็นมาตรฐาน Thunderbolt 4 ในสเปก i7-11370H

Specification

สเปกภายในของตัว Huawei MateBook 14s ปี 2022 รุ่นที่จำหน่ายในไทยจะมี 3 สเปก ซึ่งรุ่นที่เรารับมารีวิวเป็นเครื่องเดโม ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-11300H เทียบเท่ารุ่นราคา 40,990 บาท ที่เป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 สถาปัตยกรรม Tiger Lake มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 11 nm SuperFin ที่แรงขึ้นมากพร้อมด้วย AI ช่วยทำงานบางอย่างในตัว เพิ่มเติมด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน การ์ดจอเป็นออนชิปรุ่นใหม่ที่ดีขึ้นมากอย่าง Intel Iris Xe Graphics 

ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 Bus 3777MHz แบบออนบอร์ด ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานพื้นฐานหรืองานหนักๆ แน่นอน สำหรับที่เก็บข้อมูลเป็นความเร็วสูงแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB  มาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ ขอบหน้าจอบางเฉียบทั้ง 4 ด้านแบบ FullView Display ความละเอียด 2520 x 1680 พิกเซล (213 PPI) พาเนลคุณภาพสูง IPS ให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้าง ขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100%

HUAWEI MateBook 14s NBS 5

ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX (2×2) และ Bluetooth 5.1 รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ที่สำคัญมีการติดตั้งช่วยให้เราเปิดเครื่องและล็อกอินเข้าใช้งานได้ทันที ทั้งปลอดภัย รวดเร็ว และใช้งานง่าย มาพร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ Huawei โดย HUAWEI MateBook 14s ราคาอยู่ที่ 40,990 / 49,990 / 55,990 บาท ตามแต่รุ่นและสเปก

พร้อมจัดโปรโมชั่นลดทันที 4,000 บาท รับฟรีของแถมสุดพิเศษกับกระเป๋าเป้ HUAWEI มูลค่ารวมกว่า 1,090 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมจนถึง 30 มิถนุายน ที่ Huawei Experience Store และ Huawei Online Store ที่ https://shop.huawei.com/th และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ 

HUAWEI MateBook 14s ราคา 40,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : Intel Core i5-11300H (4C/8T : 3.1 – 4.4GHz)
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • RAM : 8GB LPDDR4x Bus 3777 MHz
  • DISPLAY: 14.2″ IPS 2.5K 2520 x 1680 พิกเซล @90Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
  • OS : Windows 10 Home 
  • Warranty : 2 Years

HUAWEI MateBook 14s ราคา 49,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : Intel Core i7-11370H (4C/8T : 3.3 – 4.8GHz)
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • RAM : 16GB LPDDR4x Bus 3777 MHz
  • DISPLAY: 14.2″ IPS 2K 2520 x 1680 พิกเซล @90Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
  • OS : Windows 10 Home
  • Warranty : 2 Years

HUAWEI MateBook 14s ราคา 55,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : Intel Core i7-11370H (4C/8T : 3.3 – 4.8GHz)
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • RAM : 16GB LPDDR4x Bus 3777 MHz
  • DISPLAY: 14.2″ IPS 2.5K 2520 x 1680 พิกเซล @90Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
  • OS : Windows 10 Home 
  • Warranty : 2 Years

Hardware / Design

การออกแบบดีไซน์ของ HUAWEI MateBook 14s โดดเด่นด้วยหน้าจอมีขอบบางสุดๆ ทั้ง 4 ด้าน จากเทคโนโลยี  FullView Display คิดเป็นพื้นที่ 90% ของสัดส่วนหน้าจอทั้งหมด ที่เป็นขนาดหน้าจอขนาด 14″ สัดส่วนแบบ 3:2 ที่ความละเอียด 2160 x 1440 พิกเซล (2K) ส่วนการใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือที่ปุ่ม Power มุมขวาบนเลยตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้พกพาสะดวก มีความบางเพียง 16.7 มิลลิเมตรเท่านั้น น้ำหนักก็เบามากๆ เพียง 1.43 กิโลกรัม พร้อมพื้นผิวเป็นแบบลื่นไหลเรียบสุดๆ ด้วยวิธีการอโนไดซ์หลายขั้นตอน ทำให้ได้สัมผัสความเนียนอย่างที่สุด และเป็นรอยนิ้วมือได้ยากกว่าปกติ

HUAWEI MateBook 14s NBS 9

แน่นอนว่าวัสดุตัวเครื่อง HUAWEI MateBook 14s เลือกใช้เป็นอลูมิเมียมอัลลอยด์ ซึ่งมีงานประกอบที่ยอดเยี่ยม ทนทานแน่นหนา ที่สำคัญยังเป็นแบบ Unibody นั่นก็คือแทบจะไร้รอยต่อ ประกอบด้วยกันเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น ก็คือ ฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และฝาล่างเท่านั้น ทั้งจากที่ดูด้วยตาเปล่าและการสัมผัส จากขั้นตอนขั้นรูปด้วยเครื่องจักร CNC ผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยการใช้เพชรเจียระไนในแต่ละมุมเพื่อส่งมอบงานออกแบบระดับพรีเมียมที่ล้ำสมัย ให้ความลงตัวแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คสายบางเบาในตลาดทั้งหมดเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ 

HUAWEI MateBook 14s NBS 20

พร้อมกันนั้นยังแตกแต่งด้วยการเลือกที่จะติตตั้งไมโครโฟน 4 ตัวด้วยกันบริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้า ตัวเครื่องโดดเด่นด้วยสีสัน Space Grey (สเปซเกรย์) ​หรือสีเทาด้าน หรือสี Spruce Green (สีเขียว) ยิ่งเพิ่มความหรูหราเข้าไปอีก อีกทั้งฝาหลังเองก็มีแต่โลโก้ Huawei เท่านั้น คาดว่าคนที่ชอบความน้อยแต่มากต้องถูกใจกันแน่นอนส่วนภายในใต้หน้าจอด้านก็จะพบกับโลโก้ Huawei ที่เป็นตัวอักษรเท่านั้นเอง เรียกได้ว่ามีความเรียบหรูตามสไตล์ของ Huawei ไม่ต่างจากมือถือเรือธงระดับ โดยสามารถกางหน้าจอได้กว้างสุดที่ประมาณ 145 องศาสำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ

HUAWEI MateBook 14s NBS 29

มิติโดยรวมของตัวเครื่องมีความเล็กกระทัดรัดพอๆ กับโน๊ตบุ๊คที่มีหน้าจอ 14″ รุ่นอื่นๆ เรียกได้ว่าตอบสนองในการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ มีความโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คเจ้าตลาดหลายๆ รุ่น โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 2 ตัว Shark Fin 2.0 ที่ออกแบบมาใหม่ ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลให้เย็นลงได้อย่างรวดเร็วและเงียบกว่าที่เคย ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์และฟีเจอร์โดยรวมถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คปี 2022 ที่น่าใช้งานรุ่นหนึงทีเดียว

HUAWEI MateBook 14s NBS 19
HUAWEI MateBook 14s NBS 18
HUAWEI MateBook 14s NBS 35
HUAWEI MateBook 14s NBS 7
HUAWEI MateBook 14s NBS
HUAWEI MateBook 14s NBS 50

Keyboard / Touchpad

คีย์บอร์ดของ HUAWEI MateBook 14s ที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบ Chiclet Keyboard สีดำตัดกับตัวเครื่อง ซึ่งมาพร้อมไฟ Backlit สีขาวให้ความรู้สึกหรูหรา ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างดี พิมพ์ได้ดีมากๆ ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว ที่สำคัญคือมาพร้อมแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่มุมขวาบน พร้อมปุ่มสแกนลายนิ้วมือในตัวเดียว ส่งผลให้ทั้งง่ายและรวดเร็วพร้อมดีไซน์เป็นหนึ่งเดียวกัน

HUAWEI MateBook 14s NBS 33

ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด ผิวมีลักษณะเป็นกระจก ส่วนปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็อาจจะมีความแข็งพอดีๆ การใช้งานโดยจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี ให้สัมผัสที่ลื่นไหล ตอบสนองการทำงานได้ทันใจ อีกทั้งในการเชื่อมต่อกับมือถือ HUAWEI ด้วย NFC ก็สามารถแต่ตรงทัชแพดได้ด้วย ใช้งานแบบมัลติทัชร่วมกับ Windows 10 Home ได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องมีเมาส์มาต่อเพิ่มเลยก็ว่าได้

HUAWEI MateBook 14s NBS 2
HUAWEI MateBook 14s NBS 4
HUAWEI MateBook 14s NBS 6

Screen / Speaker

Huawei MateBook 14s ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 14″ มีขอบที่บางที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด ด้วย FullView Display กว่า 90% เป็นพื้นที่แสดงผล ได้ความละเอียด 2160 x 1440 พิกเซล  พร้อมรองรับการทัชกรีนได้ด้วยนิ้ว 10 นิ้วพร้อมๆ กัน โดยให้ความเรียบเนียนตากว่าความละเอียด Full HD อย่างเห็นได้ชัด สัดส่วนแปลกตาที่ 3:2 แต่ได้พื้นที่การใช้งานที่มากกว่า ซึ่งน้อยโน๊ตบุ๊คนักที่จะใส่สัดส่วนหน้าจอแบบนี้และด้วยพาเนลระดับ IPS เกรดสูงให้มุมมองกว้างถึง 178 องศาทั้งแนวตั้งและแนวนอน สีสันสวยงาม รวมไปถึงด้วยการเปลี่ยนอัตราการรีเฟรชหน้าจอ (ปุ่มลัด: Fn + R) จาก 60Hz > 90Hz ได้

HUAWEI MateBook 14s NBS 30

โดยเป็นแบบกระจกที่มีความสดใสกว่าจอแบบด้าน แต่มีข้อสังเกตก็คือแสงสะท้อนเล็กน้อย ต้องปรับดีๆ ให้เรื่องของมุมมองและองศาของจอเวลานำไปใช้งานนอกสถานที่ที่มีแสงเยอะๆซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 14″ ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งเรื่องของสัดสวนและความละเอียด ให้สีที่สวยที่สุด สมจริงที่สุด พร้อมความเรียบเนียนตาแบบหาได้ยาก ส่วนเว็บแคมนั้นก็ยังติดตังมาให้ที่ขอบหน้าจอด้านบนเป็นปกติที่ความละเอียดแบบ HD พร้อมไมโครโฟนถึง 4 ตัวด้วยกัน เรียกได้ว่าช่วยรับเสียงและตัดเสียงรบกวนได้ดีมากๆ 

HUAWEI MateBook 14s NBS 8
HUAWEI MateBook 14s NBS 32
HUAWEI MateBook 14s NBS 49

ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 96%, AdobeRGB ที่ 74%, DCI-P3 ที่ 74% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับพอใช้ทั่วไป เช่นเอาไปทำงานเอกสารหรือดูหนังฟังเพลง ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 400 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐาน แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกระดับมืออาชีพหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงแล้วอันนี้ก็ถือใช้งานได้สบายๆ หายห่วงเลย 

s4

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องขวากลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องแถวล่างสองช่องจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ระดับ 8% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ และมีค่าคลาดสี Delta-E ที่ 0.93 เท่านั้น ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ SpyderXElite

s1
s2
s3

ในส่วนของลำโพงติดตั้งมาเป็นแบบ 2 ตัว พร้อมระบบเสียง Surround-sound effect โดยลำโพง42 ตัวติดตั้งไว้ทางด้านล่างฝั่งผู้ใช้มุมซ้ายและขวาของตัวเครื่องอัดลงพื้นให้สะท้อนขึ้น จากการทดสอบลำโพงพบว่าเสียงที่ออกมาค่อนข้างดีน่าประทับใจ แยกรายละเอียดได้ในระดับหนึ่ง ถือได้ว่ามีเสียงที่ดังชัดเจน โดยเน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมความสามารถจำลองมิติทิศทางของเสียงดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้

HUAWEI MateBook 14s NBS 26
HUAWEI MateBook 14s NBS 27
HUAWEI MateBook 14s NBS 28

Connector / Thin And Weight

พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง HUAWEI MateBook 14s จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับตามมาตรฐาน เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 2 พอร์ต และช่องต่อหูฟังกับไมค์ขนาดแบบคอมโบขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร รวมไปถึงมี USB 3.2 Type-C อีก 1 พอร์ต ที่รองรับการชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์ในตัวเดียว 

HUAWEI MateBook 14s NBS 17

นอกจากนี้ยังมีส่วนของพอร์ต HDMI ไว้เชื่อมต่อหน้าจอภายนอกอย่างมอนิเตอร์หรือว่าสมาร์ททีวี ซึ่งสำหรับการใช้งานพื้นฐานเพียงพอแน่นอน  ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จที่เป็น USB-C ที่จ่ายไฟสูงสุด 65Watt เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 14″ นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ขนาดมิติโดยรวมอยู่ที่ 307.5 x 223.8 x 15.9 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.49 กิโลกรัม

HUAWEI MateBook 14s NBS 16
HUAWEI MateBook 14s NBS 22
HUAWEI MateBook 14s NBS 40

 และเมื่อรวมกับตัวอะแดปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีน้ำหนักราวๆ 1.7 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักเบามาก ซึ่งแน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงโดดเด่นด้วยสายชาร์จเป็น USB-C to USB-C ทำให้เรานำไปชาร์จมือถือหรือ Gadget ที่เป็น USB-C ทั้งหมดในอะแดปเตอร์เดียว ตรงนี้ต้องยอมรับว่าเหนือชั่นกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ในตลาดช่วงราคาที่ใกล้ๆ กัน

Performance / Software

เมื่อตรวจสอบข้อมูลเครื่องเดโม HUAWEI MateBook 14s ใช้ชิปประมวลผลด้วยโปรแกรม CPU-Z ก็พบว่าข้อมูลขึ้นมาครบถ้วนเลยครับ โดยเลือกใช้ชิป Intel Core i5-11300H ที่มี 4 คอร์ 8 เธรดสำหรับการประมวลผล ความเร็วที่ 3.1 – 4.4GHz มีค่า TDP 35W ซึ่งจัดว่าต่ำมากสำหรับชิป Core i5 ในโน๊ตบุ๊ค ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมไม่ร้อนจนเกินไป ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ระดับ 10 นาโนเมตร อย่าง Tiger Lake เทคโนโลยีสุดล้ำ SuperFin

ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมได้ขนาด 8GB เป็นมาตรฐาน DDR4 Bus 3733 MHz ตามเทคโนโลยีของ Intel Core i Gen 11 H35 ที่ผ่านการปรับแต่งให้เหนือชั้น  พร้อมให้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home แบบลื่นไหลอย่างที่สุด ในทุกๆ การทำงาน

c1.   c2

การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Iris Xe Graphics ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับที่ก้าวกระโดดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3  มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นหรือระดับสูง รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K ได้แบบไม่มีปัญหา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มพลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ มองหาความบันเทิง หรือการเล่นเกมเปี่ยมอรรถรส  ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกเลยทีเดียว ซึ่งสามารถเล่นเกม 3 มิติ พอได้บ้าง เดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที

g1.   g2

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นทั่วไปแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอออนชิปที่อัปเกรดใหม่ที่เน้นการทำงาน 3 มิติที่ดียิ่งขึ้น

ci15.   ci20

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ความเร็วสูงจาก Samsung ก็ทำผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ระดับสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3356 MB/s และเขียนที่ 2576 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจมากๆ

ssd 2

การทดสอบประสิทธิภาพต่างๆ เริ่มด้วย PCMark 10 ด้วยการปรับ Performance Mode (ปุ่มลัด: Fn + P) ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,221 คะแนน (ใกล้เคียง Gaming Notebook ยิ่งขึ้นไปอีก) ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ส่วนถ้าเอาไปใช้งานหนักๆ เช่นงานประมวลผล ตัดต่อวีดีโอ โปรเซสไฟล์ภาพความละเอียดสูง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติ ซึ่งก็พอได้ แต่คงตอบสนองได้ไม่เท่าพวก Gaming Notebook หรือโน๊ตบุ๊คแรงๆ ที่ใช้ Core i ตระกูล H และการ์ดจอแยก RTX แน่ๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ารุ่นบางเบาๆ หลายรุ่นแล้วจริงๆ

pc10

สำหรับคะแนนจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 1548 นับว่าดีกว่าการ์ดจอออนบอร์ดทั่วไปมาก เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน ซึ่งต้องบอกเลยว่า AMD Notebook รุ่นนี้ไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกม หรือทำงาน 3 มิติเท่าไรนัก

3d copy

ทดสอบเกมได้คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / PUBG บนความละเอียด Full HD (เพราะเป็นความละเอียด Native ไม่ไหวแน่ๆ) เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 H35 ที่มีการ์ดจอออนชิป Intel Iris Xe Graphics ที่ดีที่สุดในตลาดนั่นเอง 

game test

สำหรับเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน  ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 79 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 59 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) และเกมกินสเปกอย่าง PUBG เฟรมเรทก็ทำออกมาได้ลื่นไหลประมาญนึง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าต้องปรับกราฟิกเป็น Low เพื่อให้พอเล่นได้บ้าง เฉลี่ยที่ 33 และต่ำที่สุด 25 ฉะนั้นแล้วว่ากันตามตรงก็คือ HUAWEI MateBook 14s ไม่ได้ตอบโจทย์การเล่นเกมแพลตฟอร์ม PC โดยตรง

HUAWEI Super Device 

อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ MateBook ทุกๆ รุ่นก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง PC Manager โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัปเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับมือถือเพื่อนโอนไฟล์ไปมาก็อยู่ในส่วนนี้ด้วย แต่ก็รองรับเฉพาะมือถือ HUAWEI เท่านั้น (ในตอนนี้)

h1

การแชร์ไฟล์แบบอัจฉริยะด้วย HUAWEI Super Device ที่ประกอบไปด้วย HUAWEI Share / Multi-Screen Collaboration ส่งวิดีโอและรูปภาพจากสมาร์ทโฟนเข้า PC รวมไปถึง Screen Mirror โดยเชื่อมต่อผ่าน NFC / Wi-Fi Direct ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าง่ายมากๆ มาพร้อมความสามารถในกาอัพโหลดรูปภาพ 500 รูป ใน 1 นาที และวิดีโอขนาด 1 GB ใน 35 วินาที ถ้ารูปของเรามีข้อความ MateBook จะแยกข้อความออกมาจากรูปเพื่อให้คุณแก้ไขได้ง่ายๆ ส่วนการ Screen Mirror ก็ช่วยให้เราไม่ต้องจับมือถือไปมา แต่สามารถสั่งการผ่านทางโน๊ตบุ๊คได้เลย เช่นตอบ Line หรือเปิดแอปพลิเคชั่นในมือถือเป็นต้น

h3

ซึ่งคุณสมบัติ HUAWEI Super Device นี้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟน HUAWEI ที่มีคุณสมบัติ NFC ร่วมกับระบบปฏิบัติการ EMUI เวอร์ชั่นใหม่ รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ของ HUAWEI ทั้ง MatePad, MateView และอื่นๆ ในการีวิวครั้งนี้เราใช้ HUAWEI P50 Pro ทำงานร่วมกับ HUAWEI MateBook 14s ถือได้ว่าน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าคนที่ใช้มือถือ HUAWEI อยู่แล้ว รวมไปถึงฟีเจอร์ HUAWEI Mobile App Engine ที่ทำให้เราใช้งานแอปมือถือได้เลย อย่างที่โน๊ตบุ๊คทั่วไปยังทำไม่ได้ ส่วนการใช้งานก็ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างนี้สามารถชมวีดีโอตัวอย่างการใช้งานต่างๆ ได้เลย

Battery / Heat / Noise

แบตเตอรี่เป็นแบบฝังไว้ในเครื่อง HUAWEI MateBook 14s เหมือนกับโน๊ตบุ๊คปีปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาดประมาณ 4600 mAh หรือ 60 Wh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้เกือบๆ 13 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) ด้วยการทดสอบปรับเป็น Power Saver Mode แล้วดู Youtube ยาวๆ ซึ่งคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome นั่นเอง

batt

อุณหภูมิภายในของชิปประมวลผลมีความร้อนสูงสุดคือ 96 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมและประมวลผลงานต่อเนื่อง ซึ่งถ้าใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียสโดยประมาณ ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของเครื่องนี้มีอุณหภูมิที่ไม่ถึงกับเย็นมาก เพราะจากการที่ตัวเครื่องเน้นความบาง อย่างไรก็ตามไม่ได้ส่งผลให้ตัวเครื่องเสียหายหรือมีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น MateBook รุ่นใหม่ที่จัดการความร้อนได้น่าพอใจเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้

temp

โดยการใช้งานปกติทั่วไปสามารถจัดการระบบระบายความร้อนออกมาอย่างน่าประทับใจ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนและการจัดการจาก Huawei ที่ดีกับมาตรฐานตัวเครื่องที่บางเบาทำให้การใช้งานจริงๆ ยาวนานต่อเนื่องอย่าง เล่นเน็ต พิมพ์งาน ดูหนังฟังเพลง โดยตัวเครื่องมีความรู้สึกว่าร้อนอยู่บ้างเวลาใช้งานหนักๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องกังวลมากนัก เพราะเวลาใช้งานจริงๆ เราคงไม่ได้เอาไปเล่นเกมหรือประมวลผลงานหนักๆ ต่อเนื่องยาวนานอยู่แล้ว จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คพกพาบางเบา ไม่ใช่ Gaming Notebook 

Conclusion / Award

HUAWEI MateBook 14s เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ สเปก Intel Core i Gen 11 H35 ที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพความแรงมากๆ อีกทั้งยังได้ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาพร้อมฟีเจอร์ ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 ที่เป็นรุ่นแรงกว่าพวก 28W ส่วนสเปกอื่นๆ อย่างแรมและที่เก็บข้อมูลก็จัดเต็ม หน้าจอก็ถือว่ายอดเยี่ยมยิ่งกว่า พร้อมด้วยฟีเจอร์มากมายแบบที่หาได้ยากในรุ่นอื่นๆ อาทิ ที่ จอ 2.5K ที่ทัชได้ 90Hzหรือฟีเจอร์ HUAWEI Mobile App Engine ทำให้ใช้งานมือถือผ่านโน็ตบุ๊คได้ จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย รวมถึงเมื่อรวมกับส่วนลด 4,000 บาท ของแถมมูลค่ากว่า 1,090 บาท ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจไปอีก

HUAWEI MateBook 14s NBS 43

โดยมีช่องเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 3.2 Type-A, USB 3.2 Type-C (ถ้าเป็น i7 จะได้ Thunderbolt 4), ช่องต่อหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต HDMI ซึ่ง USB-C ที่ชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์มาให้ด้วย  แน่นอนว่ารองรับการชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ อย่างมือถือ Huawei เองได้ด้วย ที่สำคัญยังได้ การใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือ Fingerprint ซึ่งเป็นปุ่ม Power ในปุ่มเดียว ที่เปิดปุ๊มสแกนปั๊บในครั้งเดียว โดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นทีเดียว ตรงนี้ก็ยอมรับว่าทำได้ดีประทับใจมากๆ ยิ่งถ้าใครใช้มือถือ HUAWEI อยู่แล้ว น่าจะถูกใจกับฟีเจอร์ HUAWEI Super Device อย่างที่สุดอีกด้วย 

HUAWEI MateBook 14s NBS 23

โดยให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอใช้งานทั่วๆ ไป หรือจะใช้งานหนักๆ อย่างประมวลผลไฟล์ รวมถึงตัดต่อวีดีโอจริงๆ ก็ทำได้เยี่ยม กับความบางและน้ำหนักที่เหมาะแก่การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่มากๆ รวมไปถึงยังประหยัดพลังงาน ส่งผลให้ปล่อยความร้อนออกมาน้อยมาก แบตเตอรี่ก็ยาวนานที่ประมาณ 13 ชั่วโมงกว่า เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการมองหาโน๊ตบุ๊คไว้ใช้งานนอกบ้าน กับราคา 40,990 บาท แม้ต้องยอมรับว่า HUAWEI ไม่ใช่แบรนด์โน๊ตบุ๊คที่มีส่วนแบ่งในไทยเยอะ แต่มาในทิศทางนี้สำหรับคนที่ไม่ติดแบรนด์เดิมๆ ก็น่าซื้อมาใช้งานกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็น Core i Gen 11 อยู่

HUAWEI MateBook 14s NBS 38

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน้ต บุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ด้วยกัน ซึ่ง HUAWEI MateBook 14s ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Design

ในกลุ่มโน๊ตบุ๊คที่รองรับการทำงานรอบด้านและมาพร้อมหน้าจอ 14″ ที่ให้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ พร้อมกับบวนการ CNC และอโนไดซ์หลายขั้นตอน อีกทั้งมีดีไซน์ที่ทันสมัยสุดๆ แน่นอนว่าทำได้น่าประทับใจเสมอมาสำหรับ HUAWEI MateBook 14s รุ่นนี้ทำมาจากวัสดุโลหะตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมพื้นผิวแบบเรียบเนียน งานประกอบก็มีความเรียบร้อยแบบสุดๆ แถมยังบางเบาพกพาง่ายกว่าเดิมมาก ด้วยน้ำหนักเพียง 1.43 กิโลกรัม และด้วยความบางของตัวเครื่องเพียงที่ 16.7 ม.ม. จากแบตเตอรี่ที่นำไปไว้ในตัวเครื่อง

NBS award 7 Design

Best Performance

ประสิทธิภาพโดยรวมของ HUAWEI MateBook 14s รุ่นนี้ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานและความบันเทิงกับราคาเริ่มต้นที่ 40,990 บาท ที่มาพร้อมสเปกใหม่อย่าง Intel Core i Gen 11 H35 การ์ดจอออนชิปอย่าง Intel Iris Xe Graphics ซึ่งแรงกว่ารุ่นก่อนที่มีการ์ดจอแยกเสียอีก รวมถึงมีแรม 8GB – 16GB และที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB – 1TB มีสแกนลายนิ้วมือ โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 13 ชั่วโมงก็ถือว่าใช้งานได้มากแล้ว ชาร์จผ่านอะแดปเตอร์ USB PD ที่จ่ายไฟ 65W ที่ชาร์จไฟได้หลายอุปกรณ์

award new performance

 

from:https://notebookspec.com/web/650617-review-huawei-matebook-14s-2022

รีวิว MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition สเปก i7-12700H + RTX 3070 จอ QHD165Hz

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition นับว่าเป็น Gaming Notebook ปี 2022 ดีไซน์ใหม่ที่สุด Limited Edition หน้าจอขนาด 15.6″ IPS QHD@165Hz ที่แรงลื่นน่าใช้งาน จากสเปกล่าสุดเป็น Intel Core i Gen 12H สถาปัตยกรรม Alder Lake และ NVIDIA GeForce RTX 30 Series ตัวแรง พร้อมด้วยวัสดุโลหะและลวดลายพื้นผิวที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ซึ่งเป็นการร่วมมือกับทีม Ubisoft ผู้สร้างเกม Rainbow Six Extraction Edition ขึ้นมา  รวมถึงขนาดตัวเครื่องและน้ำหนักที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสม ด้วยน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม มีความบางที่ 23.95 มิลลิเมตร ทำให้พกพาได้สะดวกนำไปเล่นเกมได้ทุกที่ทุกเวลา 

MSI Crosshair 15

Advertisementavw

สเปกเต็มๆ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ได้ชิปประมวลผลทรงพลังตัวยอดนิยมเป็น Intel Core i7-12700H ผสานการทำงานกับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3070 (TGP 140W) ตัวแรงที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่เหนือชั้น ในการแสดงผลภาพที่สวยสมจริงและลื่นไหล ติดตั้งแรมมาให้ขนาด 32GB และ SSD M.2 NVMe จัดเต็มที่ความจุ 1TB รวมไปถึงได้ Windows 11 Home เปิดใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ MSI Center เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด สนนราคา 82,490 บาท ประกัน 2 มาตรฐาน MSI พร้อมด้วยของบันเดิลสุดพิเศษ เรียกได้ว่าตอบสนองการเล่นเกมได้เต็มที่ แรงลื่นเล่นเกมสะใจแน่นอน 

VDO Review

Coming Soon

NBS Verdict

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition โน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุดปี 2022 ที่นอกจากสเปกภายในที่สดใหม่แล้ว ยังเป็นการที่ร่วมมือกับทางค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Ubisoft ในการพัฒนาสร้าง Gaming Notebook ที่เป็นดีไซน์ล้ำๆ ขึ้นมา โดยเดม Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction เป็นเกมเชิงยิงยุทธวิธี นับได้ว่าภาคแยกของ Rainbow Six Siege (2015) Extraction เป็นเกมสำหรับผู้เล่นหลายคนที่จะต้องร่วมมือกัน ซึ่งผู้เล่นจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้และเอาชนะเอเลี่ยนที่มีลักษณะคล้ายปรสิตที่เรียกว่า Archaeans โดยตัวเครื่องเองนั้นเราจะเห็นถึง องค์ประกอบอันมีความพิเศษเฉพาะขององค์กร REACT ซึ่งแสดงถึงให้เห็นสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณและสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร

MSI Crosshair 15

ดีไซน์ฝาหลังของ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Editio แรงบันดาลใจในประตูห้องทดลองขององค์กร REACT ใน Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction รวมทั้งพื้นผิวด้านข้างที่มีการใช้งานวัสดุโลหะ มาพร้อมคุณลักษณะพื้นผิวแบบการพ่นทับด้วยเม็ดทรายละเอียด รวมถึงตกแต่งลวดลายด้วยการแกะสลักจากเทคโนโลยีเลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงหลายชั้น ออกมาเป็นเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งของตัวเครื่อง เมื่อเปิดเครื่องโลโก้ที่ฝาหลัง Extraction Crest ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์กร REACT จะสว่างขึ้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์ REACT ที่แสดงถึงความพร้อมในการป้องกันการรุกรานจากฝั่งตรงข้าม ในส่วนของ Spectrum Backlight Keyboard ให้ความรู้สึกล้ำแบบ Sci-fi 

MSI Crosshair 15

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ตอบโจทย์เกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook ที่ได้ฟีเจอร์ Gaming จัดเต็มอย่างที่สุด ใพร้อมทั้งได้สเปคแรงกว่าเดิมด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-12700H ให้ประสิทธิภาพที่แรงลื่นล้ำกว่าที่เคยมีมา พร้อมจับคู่กับการ์ดจอแยกตัวแรงรองท็อปอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3070 พร้อมด้วยสเปกอื่นๆ อย่างแรมขนาด 32GB DDR4 และที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB รองรับการอัพเกรด SSD M.2 ได้ทันที พร้อมกันนั้นหน้าจอก็มีค่าขอบเขตสีที่ดีกว่าและละเอียดกว่ารุ่นรองอย่าง MSI Katana ด้วย จากการที่มีในส่วนของระบบ Cooler Boost 5 ช่วยให้สามารถระบายอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

MSI Crosshair 15

ใหม่หมด โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่ลงตัวตามสไตล์ของเกม Rainbow Six Extraction ให้ความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในทุกมิติ อีกทั้งยังได้ฟีเจอร์ Gaming จัดเต็มไม่เป็นรองใคร พร้อมมีซอฟต์แวร์ MSI Center ช่วยปรับแต่งที่ดีที่ง่ายใช้งานสะดวก  ซึ่งก็จะมีรุ่นปกติของ Crosshair 15 ที่เป็นสเปก i9-12900H + RTX 3060 เป็นตัวเลือกด้วยในราคาที่ถูกกว่า ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาของ Gaming Notebook จากทาง MSI กันเอง ก็มีความสมเหตุสมผล รองรับการทำงานแบบมืออาชีพก็สามารถใช้งานได้ยอดเยี่ยมไม่เป็นรองเล่นเกมเลยล่ะ เพราะจอภาพระดับ QHD sRGB 100% และแบตใช้งานได้นานกว่า 8 ชั่วโมง พร้อมกับตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

MSI Crosshair 15

แม้ว่าอาจจะไม่ใช้ Series ระดับท็อปสุดๆ ที่จัดเต็มเป็น Gaming ในทุกด้านเหมือนกัน GE หรือ GS แต่เรื่องระบบระบายความร้อนก็หายห่วง แม้ดูจากซอฟต์แวร์อาจจะดูสูงซักหน่อย ส่วนข้อที่เราควรต้องรู้ก่อนเล็กๆ น้อยๆ คงเป็นเรื่องการที่ไฟคีย์บอร์ดนั้นไม่ได้เป็น RGB ทำให้เราไม่สามารถเปลี่ยนสีไฟเองได้ อีกทั้งแรมยังเป็น DDR4 อยู่ และพอร์ต USB Type-A หนึ่งช่องยังเป็น 2.0 รวมไปถึงพอร์ตการเชื่อมต่อกับการที่เป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้น่าจะได้เป็นพอร์ต Thunderbolt 4 แล้ว แต่ถ้าเทียบกับประสิทธิภาพต่อราคาต่อความพิเศษเรื่องของดีไซน์ และของบันเดิลที่หาไม่ได้ทั่วไปแล้ว ก็ถือว่ายังคงน่าสนใจทีเดียว แต่ก็ก็ว่ากันตามตรงว่าเป็น Gaming Notebook ที่ราคาค่อนข้างสูงทีเดียว 

MSI Crosshair 15

ข้อดี MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition

  • ดีไซน์การออกแบบใหม่สวยงามเอาใจเกมเมอร์ตัวจริง งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
  • เป็นรุ่นพิเศษตามธีมของเกม Rainbow Six Extraction พร้อมของบันเดิลที่หาซื้อไม่ได้ทั่วไป 
  • หน้าจอ 15.6″ โดยมีน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม จัดว่ามีน้ำหนักตามมาตรฐาน 
  • สเปคแรงลื่นทั้งชิปประมวลผล Core i7-12700H และการ์ดจอแยก GeForce RTX 3070
  • ได้หน่วยความจำแรมขนาด 32GB DDR4 และ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ที่ 1TB
  • หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ QHD พาเนล IPS เกรดสูง ที่ Refresh Rate 165Hz
  • ประสิทธิภาพในการเล่นเกมจริงๆ ได้เฟรมเรทที่ลื่นไหล ที่ระดับ QHD คมชัดกว่า FHD
  • รองรับการอัปเกรด SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ได้ทันที และทำ Raid ได้
  • ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม เครื่องทำงานได้ต่อเนื่อง
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดที่ 8 ชั่วโมง จากการที่ให้ความจุแบตมาเยอะ 
  • มีระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องอัปเกรดเอง ใช้งานสเถียร
  • ได้ซอฟต์แวร์ MSI Center เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
  • ได้ประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งานที่แตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ

ข้อสังเกต MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition

  • ความร้อนของชิปประมวลผลสูงสุดที่ 100 องศาเซลเซียส แต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน
  • ยังมีการติดตั้งพอร์ต USB 2.0 Type-A อยู่ ทั้งที่ควรเป็น 3.2 แล้ว สำหรับสเปกและราคานี้
  • ในส่วนของพอร์ตการเชื่อมต่อที่เป็น USB-C น่าจะให้มาเป็น Thunderbolt 4 ได้แล้ว
  • หน่วยความจำแรมยังเป็นมาตรฐาน DDR4 ซึ่งกับราคานี้น่าจะเป็น DDR5 แล้ว 

Specification

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition รุ่นพิเศษรุ่นที่ได้รับมารีวิวในบทความนี้เป็นเครื่องขายจริง โดยมีอยู่สเปกเดียว ณ ตอนนี้ ใช้ชิปประมวลผลตัวแรงรองท็อปอย่าง Core i7-12700H รูปแบบการทำงานใหม่ด้วยไฮบริด ความเร็ว Efficient-core Max Turbo ที่ 3.50 และ Performance-core Max Turbo ที่ 4.70 ทำงานแบบ 14 คอร์ 20 เธร์ด ประสิทธิภาพสูงไว้ใจได้แน่นอน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม Alder Lake (Intel 7) เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร พร้อมการ์ดจอออนชิปอย่าง Intel Iris Xe Graphics ที่บรรจุไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายล้ำหน้า ในการทำงานขั้นสูงแบบมืออาชีพ

MSI Crosshair 15

หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ความละเอียด Quad HD (2560 x 1440) พาเนล IPS คุณภาพสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz ที่ขอบเขตสี sRGB 100% / DCI-P3 99% และตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนลบนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ส่วนของแรมมีขนาด 32GB DDR4 Bus 3200MHz แบบ 16GB x 2 (Dual Channel) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB พร้อมรองรับการอัปเกรดด้วย SSD M.2 ที่สามารถเพิ่มความแรงด้วยการต่อ Raid ได้อีกด้วย

ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวนสองช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, USB 2.0 Type-A อีกหนึ่งช่อง, HDMI, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45  การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 AX ที่ดีกว่าเดิม  แน่นอนว่ามีในส่วนของ Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที การรับประกันเป็น 2 ปี ตามตรฐาน MSI ที่ทุกคนมั่นใจ นอกจากนี้ยังได้ Rainbow Six Extraction COLOR BOX พร้อมตัวเกม Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction รวมถึง MOUSE PAD และ GAMING MOUSE ด้วย

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition B12UGZ-282TH ราคา 82,490 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : Intel Core i7-12700H (14C/20T & 1.7 – 3.5GHz + 2.3 – 4.7 GHz)
  • GPU : Intel Iris Xe + NVIDIA GeForce RTX 3070 (8GB GDDR6)
  • RAM : 32GB DDR4 Bus 3200 MHz
  • DISPLAY: 15.6″ IPS Quad HD 2560 x 1440 @ 165Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
  • OS : Windows 11 Home
  • Warranty : 2 Years  (1 Year Global)

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 19

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 10
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 23
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 15

Hardware / Design

หน้าตาการออกแบบเอง MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ต้องบอกว่ามีความโดดเด่นทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำได้ดีเช่นเดิม ด้วยความโดดเด่นที่สวยดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอใหญ่สะใจ แต่ก็ยังได้เรื่องของน้ำหนักที่เบาเหมาะสม ทำให้พกพาสะดวก ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน โดย MSI รุ่นใหม่ปี 2021 ใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องแต่มีการทำสีสันและลวดลายเป็นธีมของเกม Rainbow Six Extraction อย่างจริงจังในทุกๆ ส่วน สำหรับงานประกอบก็ดีเยี่ยมตามมาตรฐาน DNA ของ MSI GL Series ที่ให้ความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป จากการที่ใส่ความเป็น Gaming ระดับกลางค่อนไปทางบน

MSI Crosshair 15

ดีไซน์และแนวทางการออกแบบแตกต่างจาก MSI Crosshair 15 รุ่นปกติที่เป็นสเปก Intel Core i Gen 12H เหมือนกันในบางรายละเอียด อย่างสีสัน Multi-color Gradient โดยเป็นสเปก i9-12900H + RTX 3060 ซึ่ง MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition เป็น Gaming Notebook ที่เน้นความ Gaming และให้สีสันที่ฉูดฉาดน่าใช้งานสำหรับ Gamer พร้อมได้รูปทรงกระทัดรัด โดยมีน้ำหนักตามสเปกอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม และมีความบางที่ 23.95 มิลลิเมตร ทำให้เป็น Gaming Notebook ประสิทธิภาพสูง หน้าจอขนาด 15.6″ ที่คล่องแคล่ว รุ่นหนึ่ง พร้อมได้พาเนล IPS คุณภาพสูงระดับมือาชีพ ความละเอียด Quad HD พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz ในราคาที่จัดว่าต้องชอบจริงๆ

MSI Crosshair 15

ซึ่งมีมิติตัวเครื่องเทียบเท่ารุ่น 15.6″ ซึ่งขอบจอบางใช้งานเต็มตาสุดๆ แกนฝาพับแข็งแรงพัฒนาขึ้นกว่าเดิมจากรุ่นก่อนซึ่งเป็นแบบ 2 แกนขนาดใหญ่ซึ่งีการยึดกับโครงสร้างหลักของตัวเครื่อง ให้ความคล้ายกับ MSI Katana GF Series ที่เป็นรุ่นรองลงมา ในส่วนของมิติตัวเครื่องหรือเหลี่ยมทรงต่างๆ ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานมี Numpad ไว้ใชงานแป้นตัวเลขตามปกติ แต่จะมีสีสันพิเศษอย่าง Spectrum Backlight ให้ความรู้สึกล้ำแบบ Sci-fi และมีการออกแบบที่พักฝ่ามือที่ได้รับแรงบันดาลใจจากองค์ประกอบหลักของ REACT ใน Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction เติมเต็มประสบการณ์ที่อยากจะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์การเล่นเกมที่เข้มข้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

MSI Crosshair 15

วัสดุตลอดทั้งตัวเครื่องส่วนของฝาหลังเป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงโดยฝาหลังก็สื่อความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมได้เต็มเปี่ยมถูกใจคอเกมอย่างสุดๆ ด้วยโลโก้ Extraction Crest ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์กร REACT จะสว่างและเปล่งประกายขึ้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์ REACT ที่แสดงถึงความพร้อมในการป้องกันการรุกรานจากฝั่งตรงข้าม อีกทั้งมีการทำลวดลายแบบ Cutting Edge ให้ความเฉียบคมคล้ายชุดเกราะ พร้อมกันนั้นในส่วนของขอบตัวเครื่องคีย์บอร์ดด้านในทั้งด้านซ้ายขวาและด้านหน้าจะมีการทำเส้นสายคล้ายกับชุดเกราะอีกด้วย ซึ่งขอบด้านหน้าเป็นพลาสติกมีการเว้นพื้นที่เว้าเอาไว้ให้เปิดฝาหน้าจอได้ง่าย และที่พักมือและเนื้องานรอบแป้นพิมม์ใช้วัสดุเป็นพลาสติกสัมผัสดีกว่าทั่วไป จะว่าไปก็ค่อนข้างคล้ายกับฝาหลังที่เป็นโลหะทีเดียว 

MSI Crosshair 15

รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่อง ในส่วนของด้านหลังยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่อีก 3 ช่อง แบบหลัง 2 และด้านซ้ายอีก 1 ช่อง ช่วยให้สามารถระบายอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งใช้ระบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 6 เส้นรูปแบบใหม่ ด้านฐานล่างใช้วัสดุพลาสติก ABS ดีไซน์แบบรังฝึ้งที่ทั้งสวยงามและแข็งแรง มียางรอง 4 มุมที่เป็นสีสันพิเศษเหมือนกันสีเมาส์ พร้อมช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น  ซึ่งฝาล่างเองก็สามารถถอดอัปเกรดได้ไม่ยาก รวมถึงซ่อมบำรุงรักษาทำความสะอาดเครื่องในระยะยาวได้สะดวก สมเป็น Gaming Notebook ตัวแรง

MSI Crosshair 15

ซึ่งโดยรวมแล้ว MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition สำหรับดีไซน์ภายนอกทั้งหมดนับว่าเป็นการร่วมมือกันครั้งใหญ่ในการนำเสนอโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับธีมเกม Rainbow Six Extraction อย่างจริงจัง เปลี่ยนจากภาพลักษณะเดิมๆ ที่เป็น Gaming Notebook ยุคก่อนๆ ให้เป็นดีไซน์แบบอนาคต ตามโจทย์ Gamer ที่เป็นแฟนๆ เกมนี้โดยเฉพาะ แน่นอนไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ใน MSI โน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายประสิทธิภาพ ช่วงงบประมาณ 80,000 บาทต้นๆ ก็ว่าได้เลย ราคาค่าตัวจัดว่าค่อนข้างสูง ซึ่งนอกจากความแรงของสเปกแล้ว ก็ยังอัดทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ได้

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 85
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 65
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 66
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 56
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 57
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 46

Keyboard / Touchpad

ตัวเครื่อง MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6″ ซึ่งมีการติดตั้งคีย์บอร์ด Full Size โดยมีการติดตั้ง Numpad แป้นตัวเลขด้วย ที่แม้ไม่ใช่ของ SteelSeries ที่รุ่นบนๆ ใช้กัน แต่ก็ยังสามารถให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ทั้งฟิลลิ่งแรงกด อัตราการตอบสนองของแป้นพิมพ์ และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมกัน ซึ่งทำได้แม่นยำไม่แพ้เกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบแยกมาตรฐานทั่วไป มาพร้อมไฟ LED แบบ Spectrum ให้ความรู้สึกที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนในเกมสุดๆ ที่จะเป็นการไล่สีสันจากเหลือง > น้ำเงิน > เขียว โดย WASD จะเป็นสีเหลืองโดดเด่น บนเทคโนโลยี Silver Lining Print ที่สวยงามเสริมความพรีเมียมน่าใช้มากยิ่งขึ้น

MSI Crosshair 15

โดยรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับ Gamers Hotkey อย่างปุ่มเร่งพัดลมให้ทำงานเต็มที่ Cooler Boots เพื่อช่วยระบายความร้อน และปุ่มเรียกใช้ Crosshair ไว้สำหรับช่วยเล็กเป้าในเกมต่างๆ ที่เป็น FPS ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของปุ่มทิศทาง พร้อมมีปุ่ม Fn + F7 ใช้ปรับโหมดการใช้งานต่างๆ และอีกมากมายในส่วนของแถวบนสุดคีย์บอร์ด ในส่วนของทัชแพดให้ดีไซน์โดดเด่นตามองค์กร REACT ใน Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction ปุ่มแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวาทำให้ดูเป็นเนื้อเดียวกัน โดยปุ่มกดไม่แข็งไม่นิ่มเกินไป ผิวสัมผัสของทัชแพดเป็นแบบด้านๆ การใช้งานอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไป อย่างไรก็ตามสำหรับไฟคีย์บอร์ดนั้นน่าเสียดายที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นไฟ RGB อื่นๆ ได้

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 55
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 49
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 50
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 51
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 52
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 53

Screen / Speaker

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition มีหน้าจอขนาด 15.6″ ขอบจอบางทั้ง 2 ด้าน ซึ่งขอบจอด้านล่างจะมีโลโก้ MSI แบบใหม่อยู่ 1 จุด พร้อมสีพิเศษ กางหน้าจอได้สูงสุดเกือบ 180 องศา มาพร้อมความละเอียด Quad HD ที่ 2560 × 1440 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูงกว่า Gaming Notebook ทั่วไปของ MSI โดยความละเอียดที่มากกว่า Full HD และมีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้างกว่า พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare มาตรฐาน แสงสว่างเพียงกับการใช้งานในบริเวณที่มีแสงจ้า พร้อมรองรับการสนับสนุน Refresh Rate ที่ 165Hz เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ด้วยกว่าลื่นไหลที่มากกว่าหน้าจอ 60Hz ทั่วไป หรือรุ่นอื่นที่เป็น 144Hz

MSI Crosshair 15

ซึ่งขอบหน้าจอด้านบนก็มีการติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนแบบคู่ตามมาตรฐาน พร้อมด้วยยางรองขอบหน้าจอสีฟ้าเคลือบด้านที่บริเวณของหน้าจอ เพื่อช่วยเพิ่มอรรถรสตามธีมเกม ซึ่งการทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง SpyderXElite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากโทนเย็นฟ้าๆ กลายเป็นโทนอุ่นติดเหลืองนิดหน่อย

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 40
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 45
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 42

โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ระดับ 100%, AdobeRGB ที่ 88% และ DCI-P3 ที่ 99% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีระดับสูงมาก ตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ระดับไฮเอนด์ หรือ Creator Notebook ระดับมืออาชีพ ที่ใช้งานด้านสีสันเฉพาะทางได้ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 350 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างที่ดีเยี่ยมของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมระดับนี้ พร้อมรองรับการงานทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพ รวมไปถึงจริงจังเรื่องสีสันแม่นยำ ในสายงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำกราฟิก ไฟล์ภาพ หรือตัดต่อวีดีโอ

s4 2

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางแถวบนเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องซ้ายแถวล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 14% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ โดยมีค่า Delta E การคลาดสีเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 1.47 อย่างไรก็ตามด้วยคะแนน 4.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว สรุปง่ายๆ ก็คือ หน้าจอของ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition เป็นจอที่ดีมากๆ รุ่นหนึ่งในตลาดทีเดียว

s1 2
s2 2
s3 2

ลำโพงของ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้าในส่วนใต้เครื่องตามมาตรฐน แบบขนาด 2W x 2 คุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ขนาดมีเสียงเบสเท่ากับรุ่นพี่ แต่ด้วยการใช้ระบบเสียง Hi-Res Audio และ Nahimic 3 เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อประสบการณ์ใช้งานที่ดี แนะนำให้ต่อหูฟังหรือลำโพงแยกจะดีกว่า

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 58
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 59
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 60

Connector / Thin And Weight

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ให้การเชื่อมต่อมาอย่างครบถ้วน รองรับทุกการใช้งานในยุคปัจจุบันโดยพอร์ตต่าง ๆ ถูกติดตั้งไว้ทั้งทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 2 ช่อง ที่ให้มาอย่างจัดเต็มรองรับการเชื่อมต่อที่เพียงพอ นอกเหนือจากนั้นยังมี RJ45, HDMI, USB 3.2 Type-C, และ Audio 3.5mm Mic&Headphone แบบ Combo อย่างไรก็ตามยังมีในส่วนของ USB 2.0 Type-A อีก 1 ช่อง แน่นอนว่ามีช่องต่อไฟอแดปเตอร์ พร้อมยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 AX ที่เป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดที่ดีที่สุด

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 69

มิติของตัวเครื่องโดยรวมเน้นการออกแบบให้มีความบางเบากว่า Gaming Notebook ยุคก่อนๆ โดยยังคงประสิทธิภาพตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมเป็นหลักโดยมีขนาดความมิติต่าง ๆ ที่ 359mm (W) x 259mm (D) x 26.9mm (H) เพื่อดูพยายามให้เล็กกระชับที่สุด น้ำหนักที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งรวมอแดปเตอร์ขนาด 240 Watt แล้วจะหนักประมาณ 3 กิโลกรัม สามารถพกพาได้อย่างสะดวก ซึ่งกระเป๋าเองก็ใช้ตามาตรฐานของหน้าจอ 15.6″ ได้เลย อย่างไรก็ตามถ้าหนุ่มแบกไปทำงานตามออฟฟิศหรือไปมหาวิทยาลัยก็พอได้อยู่ เพราะอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ไดเหนักจนเกินไป (ยังไม่รวมของอื่นๆ นะ)

Inside / Upgrade

การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ  ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดของ ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI สามารถทำได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ รวมไปถึงการใส่กลับด้วย ยังไงต้องใช้ความระมัดระวังมากๆ

MSI Crosshair 15

เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 32GB Bus 3200 MHz โดยเป็นการใส่มาแบบ 16GB จำนวน 2 แถว รองรับการใช้งาน Dual Channel ทันที ที่รองรับการใช้งานได้แบบสบายชัวร์ๆ ส่วน SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 เดิมๆ ก็มีให้มาแล้วความจุ 1TB จำนวน 1 ตัว ซึ่งในการใช้งานทั่วไปก็น่าจะเพียงพอแล้ว รวมไปถึงการติดตั้งเกมต่างๆ แต่ถ้าคิดว่ายังไม่พอสำหรับเรา ก็ยังสามารถอัปเกรด SSD M.2 ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปที่อยากได้ความจุเพิ่ม หรือเป็นคนเล่นเกมเยอะๆ ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย รวมไปถึงรองรับการทำ Raid อีกด้วย รวมไปถึงตรงนี้เราจะเห็นถึงแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า MSI Crosshair 15 รุ่นปกติ

ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 ตามมาตรฐานของ MSI Gaming Notebook ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นกว่าปกติทั่วไป โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 3 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างซ้ายอีก 1 ช่อง มีครีบระบายความร้อนเป็นสีเงินซึ่งโดดเด่นไปกับตัวเครื่องภายนอก ในส่วนของ Heat Pipe ทองแดงแบบใหม่ผนังท่อที่บางกว่าเดิมถึง 33%”  ก็ให้มา 4 เส้น แบ่งเป็น CPU 2 + 1 เส้น และ GPU อีก 1+ 1 เส้น แยกออกจากกันแต่ก็ช่วยกัน ที่เพียงพอต่อการระบายร้อนได้ในระดับที่น่าพอใจ ทำให้ตัวเครื่องใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน โดยที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด 

Performance / Software

สำหรับ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ได้ฮาร์ดแวร์ภายในมาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 12H (Alder Lake) เน้นนำไปใช้งานหนักๆ อัปเกรดมาใช้สถาปัตยกรรมไฮบริด คอร์ใหญ่ผสมกับคอร์เล็ก เพื่อรองรับโหลดงานที่หลากหลาย โดยแบ่งเป็น Performance Core (P-core) เน้นงานเธรดเดี่ยว ที่ต้องการประสิทธิภาพในงานประมวลผลขั้นสูงอย่างทำงานที่ซับซ้อนหรือเล่นเกม และ Efficient Core (E-core) ที่ใช้กับงานทั่วไป รวมไปถึงงานที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งในการจัดการก็ชาญฉลาดแบ่งตามความเหมาะสมแบบเวลาจริงด้วยเทคโนโลยี Intel Thread Director

ซึ่งติดตั้งมาเป็นรุ่นล่าสุดอย่าง Core i7-12700H ที่เป็นรุ่นรองท็อป โดยมีความเร็วในการประมวลผล E-Core อยู่ที่ 1.7 – 3.5 GHz ส่วน P-Core อยู่ที่ 2.3 – 4.7 GHz เป็นซีพียูแบบ 14 Core (P6 + E8) / 20 Threads ซึ่งถ้าดูจากคะแนนผลการทดสอบด้านต่างๆ คือเหนือชั้นกว่า Core i7-11800H ขึ้นไปอีก การ์ดจอออนชิปเป็น Intel Iris Xe Graphics คล้ายกับรุ่น Core i Gen 11H ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีแบบพื้นฐาน รองรับการทำงานได้ในระดับทั่วไปเป็นหลัก มาพร้อมแรมภายในขนาด 32GB DDR4 Bus 3200MHz แบบ 16GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ที่มีมาให้ในเครื่องขายจริงนี้แบบสบายๆ 

c1 2.   c2 2

การ์ดจออนชิปเป็น Intel Iris Xe Graphics ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับที่ก้าวกระโดดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3  มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นหรือระดับสูง รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3070 (8GB GDDR6) กับค่า TGP 140W (115W + 25W) ความแรงสูงสุด 1610MHz ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า RTX 3070 ปกติ ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน

แน่นอนว่ามี Ray-Tracing รุ่นใหม่ ซึ่งก็คือเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลการให้แสงสำหรับเกมแบบ real-time จากที่ก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาเกมจะต้องใช้วิธีการสร้าง Geometries แบบสับซ้อนซึ่งทำให้การประมวลผลแสงในเกมให้เหมือนจริงที่ใช้กำลังของ GPU ค่อนข้างหนัก Ray-Tracing นั้นจะเข้ามาช่วยทำให้ GPU นั้นทำงานน้อยลงและสามารถที่จะประมวลผลในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม ทว่าการที่จะทำได้นั้นตัวเกมเองก็ต้องใช้เอนจิ้นที่รองรับเทคโนโลยี Ray-Tracing นี้ด้วย โดยส่งผลให้ภาพมีความสวยสมจริงขึ้น แต่เฟรมเรทก็ยังสามารถทำได้ลื่นไหล

g1 2.   g2 2

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / CINEBENCH 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core i7-12700H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงมากๆ อย่างน่าประทับใจสมกับเป็นรุ่นระดับบน เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryze / Intel Core รุ่นก่อนๆ ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยก RTX 3070  เองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนสุด ที่เน้นการทำงาน 3D เป็นหลัก

cine15 1.   cine20 2

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 4 ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบ SSD SATA3 แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3609 MB/s และเขียนที่ 3449 MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเพิ่มความจุของที่เก็บข้อมูลก็สามารถอัพเกรดใส่ SSD M.2 ได้อีกตัวด้วย

ssd 5

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 7221 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล Intel Core i7-12700H  มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming ตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3070 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัวระดับเทียบเท่า Desktop ไปแล้ว ฉะนั้นการใช้งานพื้นฐานหรือทำงานหนักๆ สอบผ่านได้สบายๆ

pc10 2

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 11,154 (แต่ทดสอบหลายครั้งแล้วก็ยังไม่สามารถสำเร็จแบบ 100% ได้) เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน

3d 2

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 100 ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Elden Ring / Resident Evil 8 / GTA V / Far Cry 6 ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / SCUM บนความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (ตาม Native ของหน้าจอ) โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด พร้อมกับปรับโหมดการใช้งานเป็น Extreme Performance เพื่อให้การทำงานสูงสุดแก่ชิปประมวลผลและการ์ดจอแยกที่สามารถเร่งกำลังไฟไปได้ถึง 140W 

game test 2

โดยในการใช้งานจริงเราเองก็สามารถดูได้ง่ายๆ ว่าตอนนี้ตัวเครื่องใช้งานการ์ดจอแยกอยู่หรือยัง จากการที่ปุ่ม Power ที่ปกติแล้วเป็นไฟสีขาว ที่เป็นสถานะการใช้งานการ์ดจอออนชิป ถ้าเปลี่ยนมาเป็นไฟสีส้ม ก็จะหมายถึงการใช้งานการ์ดจอแยกแบบเต็มประสิทธิภาพ เพื่อการเล่นเกมและการทำงาน 3 มิติหนักๆ ที่ต้องบอกว่าในการเล่นเกมนั้นได้เฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสบายตา กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์แบบแล้ว แต่ถ้าอยากได้ลื่นกว่านี้จะปรับกราฟิกลงมากลางๆ หรือปรับความละเอียดเป็น 1920 x 1080 พิกเซลก็ได้ สำหรับบางเกมที่ต้องการความลื่นไหลมากๆ

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 82

และด้วยพาเนล IPS เกรดสูงที่ให้สีสันสดใสสมจริงมากๆ รวมไปถึงได้ Refresh Rate ระดับ 165Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 165Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมากลาง ๆ หน่อย ก็สามารถทำได้แล้ว ซึ่งโดยรวมต้องบอกตามตรงว่าเป็นหน้าจอ Gaming Notebook รุ่นหนึ่งใช้งานจริงแล้วประทับใจมากๆ

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 39

MSI CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ Utility จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

m2

m1

m3

Battery / Heat / Noise

แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องนี้เป็นแบบฝังตามที่ควรจะเป็นสำหรับ Gaming Notebook ยุคนี้ แต่ความจุแบตที่มากกว่า MSI Crosshair 15 รุ่นมาตรฐาน ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวประมาณ 8 ชั่วโมง ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ไม่นานมากนักหากเทียบกับโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน

batt 3

นอกจากนี้ทางด้านอุณหภูมิ เครื่องนี้ใช้เทคโนโลยี Cooler Boost 5 ตามที่ Gaming Notebook ของ MSI ใช้กันเป็นส่วนมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีกรณีที่ใช้งานทั่วไป โดยเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ  40 – 60 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ  ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้ ด้วยการทดสอบโปรแกรม Benchmark และเล่นเกม 3 มิติต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยมเลย

temp 1

เห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผลอยู่ที่ 99 – 100 องศาเซลเซียสทีเดียว ซึ่งถือว่าสามารถควบคุมได้ตามมาตรฐาน ในการทำงานก็ปกติดีทุกอย่าง ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ไม่เกิน 90 องศาเซลเซียสเท่านั้น เอาเข้าจริงนับว่ามีความร้อนสูงกว่ารุ่นอื่นๆ จากกที่เป็นชิปประมวลผลตัวแรง และการ์ดจอแยกที่สามารถอัดไฟเพิ่มได้ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดโหมด Extreme Performance ทำให้พัดลมหมุนรอบเร็วสุดเมื่อทำงานหนักๆ โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง แม้จะดูสูงซักหน่อย ซึ่งเมื่อใช้งานทั่วไปในส่วนของเสียงพัดลมจะมีความเบามากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงเลย

Conclusion / Award

Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ เป็นสิ่งขนาดที่เกมเมอร์หลายคนต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ในส่วนของ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition มีอุปกรณ์บันเดิล ทั้งเมาส์และแผ่นรองเมาส์ พร้อมด้วย Code เกมและกล่องที่สวยงาม ได้สเปคล่าสุดชิปประมวลผล Intel Core i7-12700H ที่ล้ำหน้า ได้ความแรงที่ตอบโจทย์ทั้งการเล่นเกมแบบจริงจังหรือการทำงานแบบมืออาชีพ พ่วงด้วยการ์ดจอแยกตัวรองท็อป NVIDIA GeForce RTX 3070 ที่มีค่า TGP สูงถึง 140W บอกเลยว่าลื่นไหลทุกๆ เกม บนความละเอียด QHD หรือ FHD ที่ได้ทั้งตัวเครื่องเหมาะสม ประสิทธิภาพสูง และความสวยงามและแตกต่างในเครื่องเดียว 

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 20

ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาให้ความแตกต่างอย่างชัดเจน โดย MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ถือว่าเป็นรุ่นต่อยอดมาจากตัว MSI Crosshair 15 รุ่นปกติ ใช้วัสดุเป็นโลหะสีดำที่ฝาหลังพร้อมลวดลายที่ล้ำหน้าตามธีมเกม มีความโดดเด่นด้วยแนวคิดโลกอนาคต ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานมี Numpad ปุ่มเด้งรับกับนิ้วได้ดีเยี่ยม ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเองที่สำคัญเหนือกว่า Gaming Notebook ทั่วไปด้วยชุดระบายร้อน Cooler Boost 5 ช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นไหลอย่างที่สุด และไฟคีย์บอร์ดที่สวยงามอย่างที่ไม่มีใครเหมือน 

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 75

โดดเด่นด้วยหน้าจอขอบจอบางตัวเครื่องเล็กกระชับ มาพร้อมความละเอียดระดับ Quad HD ที่ 2560 x 1440 พิกเซล ได้ความละเอียดและคมชัดกว่า Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS ระดับมืออาชีพ รองรับการสนับสนุน Refresh Rate ที่ 165Hz ซึ่งลื่นไหลยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนแรมตัวเครื่องให้มาจัดเต็ม 32GB DDR4 ให้มาเป็นแบบ 2 แถว Dual Channel อีกทั้งให้หน่วยความจำความจุ SSD M.e NVMe PCIe Gen 4 1TBให้ความลื่นไหล ซึ่งตัวเครื่องยังสามารถใส่ SSD M.2 เพิ่มได้ นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 11 Home และ MSI Center เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดมาพร้อมใช้งานอีกด้วย

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 12

ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง USB 3.2 Type-C, USB 3.2 Type-A, RJ45, HDMI แต่น่าเสียดายที่ยังมี USB 2.0 Type-A มาให้อยู่ รวมไปถึงไม่มีพอร์ต Thunderbolt 4 ซึ่งถ้ามีมันจะดีมากๆ สมราคากว่าเดิม เมื่อเทียบกับสเปกและประสิทธิภาพ พร้อมประกัน 2 ปีเต็ม  ฉะนั้นถ้าสนใจ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่เป็น Limited Edition สเปกใช้งานลื่นๆ ฟีเจอร์ครบๆ ในงบเท่านี้ล่ะก็ สามารถจัดได้เลย เพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ระดับสูงรุ่นนี้ หรือรุ่นอื่นๆ จาก MSI สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย

MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition 22

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ ด้วยกัน ซึ่ง MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Performance

สเปกฮาร์ดแวร์ภายในใหม่ล่าสุดด้วยชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-12700H ทำงานแบบ 14 คอร์ 20 เธร์ด ประสิทธิภาพสูงไว้ใจได้ กับการทำงานแบบล้ำหน้า พร้อมการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3070 (TGP 140W) ความแรงที่ได้มากกว่ารุ่นก่อนๆ ชักเจน มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 4 โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 1TB ซึ่งอัปเกรด SSD M.2 ได้อีก ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 หน้าจอ 15.6″ IPS คุณภาพสูง 165Hz ใช้งานจริงได้ลื่นไหลหลากหลาย รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างน่าประทับใจ

award new performance

Best Design

จุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Editio แรงบันดาลใจในเกม ที่ประกอบไปด้วยหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นประตูห้องทดลองขององค์กร REACT ใน Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction รวมทั้งพื้นผิวด้านข้างที่มีการใช้งานวัสดุโลหะ มาพร้อมคุณลักษณะพื้นผิวแบบการพ่นทับด้วยเม็ดทรายละเอียด รวมถึงตกแต่งลวดลายด้วยการแกะสลักจากเทคโนโลยีเลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงหลายชั้น ออกมาเป็นเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งของตัวเครื่อง เมื่อเปิดสวิตช์ของตัวเครื่อง โลโก้ Extraction Crest ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์กร REACT รวมถึง Spectrum Backlight Keyboard ให้ความรู้สึกล้ำแบบ Sci-fi 

NBS award 7 Design

 

from:https://notebookspec.com/web/648026-review-msi-crosshair-15-extraction

Gaming Notebook 2022 แนะนำ 5 รุ่น แรงคุ้มที่สุด งบ 25,000 ไม่เกิน 30,000 บาท

Gaming Notebook 2022 จัดเต็มเรื่องประสิทธิภาพความแรงต่อความคุ้มค่า กับช่วงราคายอดนิยม 25,000 – 30,000 บาท ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000U หรือ Ryzen 5000H ที่ตอบสนองประสิทธิภาพโดยรวมที่ยอดเยี่ยม แรงลื่นแต่ร้อนน้อย แบตใช้งานได้นาน รวมไปถึงมีสเปกที่เป็น Intel Core i Gen 10H / 11H ที่ไม่เป็นรองกันในแง่ของความการเล่นเกมเลย

ประกบคู่กับการ์ดจอแยห NVIDIA GeForce GTX 1650 แต่ก็จัดว่าแรงเพียงพอต่อราคา ได้หน้าจอขนาดมาตรฐานที่ 15.6″ – 16.1″ พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz / 144Hz ในส่วนของแรมที่ 8GB และ SSD 512GB ก็ใส่เต็มพร้อมใช้งานทันที หรือเราจะอัปเกรดแรมหรือ SSD โดย Gaming Notebook 2022 ที่คัดมาแล้วได้การประกันดีที่สุดเป็น 3 ปี On-site Service

Advertisementavw

Gaming Notebook 2022

ส่วนฟีเจอร์ Gaming Notebook 2022 และดีไซน์ก็ล้ำหน้าไม่แพ้กัน รวมไปถึงมีลูกเล่นที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่งเสริมให้เรามีประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมสมกับเป็น Gaming Notebook 2021 เพื่อการทำงานหรือเล่นเกม สมกับแบรนด์ต่างๆ ทั้ง Acer / ASUS / Lenovo / HP ที่ตั้งใจนำเสนอ Notebook เล่นเกมที่ประสิทธิภาพดีในราคาไม่แพง แต่ได้ความแรงที่มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในการเล่นเกม 3 มิติ

แน่นอนว่าทุกรุ่นได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home หรือ 11 Home มาทันทีพร้อมใช้งาน สำหรับบทความนี้เราจะมาแนะนำ 5 รุ่นน่าซื้อ Gaming Notebook 2022 แรงคุ้มที่สุด งบ 25,000 ไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งบางรุ่นก็จะทั้งสเปก Core i และ Ryzen ด้วย พร้อมกับบอกจุดเด่นต่างๆ ไว้ให้เพื่อนๆ ได้เอาไปเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ จะมีรุ่นอะไรบ้างไปชมกันต่อเลย

Gaming Notebook 2022

แนะนำ Gaming Notebook 2022

  1. Acer Aspire 7 A715 ราคา 25,990 – 27,990 บาท
  2. ASUS TUF Gaming F15 FX506 ราคา 26,990 บาท
  3. Lenovo IdeaPad Gaming 3 ราคา 26,990 บาท
  4. Acer Nitro 5 AN515-57-50M1 ราคา 29,990 บาท
  5. HP Victus 16 ราคา 26,990 บาท


Acer Aspire 7 A715 ราคา 25,990 – 27,990 บาท 

Acer Aspire 7 A715 แม้ไม่ใช่ Gaming Notebook 2022 โดยตรง แต่ก็นับได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายคุ้มค่าสเปกดีน่าซื้อน่าใช้งานมากๆ จากการที่ได้สเปกแรงลื่นระดับ Gaming Notebook ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000U อย่าง Ryzen 5 5500 / Ryzen 7 5700U ทำงานร่วมกับการ์ดจอเกมมิ่งอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR6) พร้อมได้หน้าจอพาเนล IPS เกรดดี ที่ 144Hz รวมไปถึงเรื่องงานออกแบบดีไซน์ของตัวเครื่องก็ทำได้อย่างลงตัว สีสันก็ดูพรีเมียมหรูหราเรียบง่ายแต่ดูดี แน่นอนว่ามี Windows 11 Home มาให้ด้วย

Aspire%207%20A715 42G%20Black bk

สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่แรงลื่นแต่คุ้มค่า ซึ่งทาง Acer วางเอาไว้ โดยนำเสนอด้วยราคาเริ่มต้นที่ 25,990 บาท จนไปถึง 27,990 บาทเท่านั้นเอง ได้แรม 8GB DDR4 และ SSD M. 512GB พร้อมรองรับการอัปเกรดทันที ส่งผลให้ตลาดของโน๊ตบุ๊คราคาสองหมื่นบาทกลางๆ มีควาน่าสนใจ ที่สำคัญเป็นการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือส่งศูนย์เองก็ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงด้วย เหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ด้วย โดยแบตเตอรี่ตามที่ทาง Acer เคลมไว้คือ ใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมงทีเดียว ซึ่งได้ความแรงโดยรวมเทียบเท่ากับ Gaming Notebook 2022 หลายๆ รุ่นด้วย

Aspire%207%20A715 42G%20Black f

จุดเด่น

  • การออกแบบเล็กกระชับ น้ำหนักเบา งานประกอบแน่นหนา ดีไซน์พรีเมียม เบา 2.15 กิโลกรัม
  • สเปคประสิทธิภาพดีราคาคุ้มค่าได้ทั้งการทำงานจริงจังหรือเล่นเกมดีไม่แพ้ Gaming Notebook
  • ชิปประมวลผลแรงจริงด้วย AMD Ryzen 5000U + GeForce GTX 1650 ที่แรงลื่นแม้ไม่ใช่รุ่นใหม่
  • แรมขนาด 8GB x 1 แถว DDR4 รองรับการอัปเกรด 1 แถว + SSD M.2 ความจุ 512GB รวมเร็วสูง
  • หน้าจอ 15.6″ IPS คุณภาพดี Refresh Rate 144Hz ขอบหน้าจอบางเฉียบ
  • พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 3.2 Type-A, USB 3.2 Type-C, HDMI, LAN
  • ได้มาตรฐานเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 AX MU-MIMO
  • คีย์บอร์ดมีไฟ Backlit สีขาวตามสไตล์โน๊ตบุ๊คสายทำงาน
  • แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง
  • มีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย
  • ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที
  • มาพร้อมกับการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
  • ราคาเทียบกับสิ่งที่ได้ทั้งหมด ถือว่าคุ้มค่าที่สุดรุ่นนึงในตลาดตอนนี้

Acer Aspire 7 A715-42G-R4BX ราคา 25,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : AMD Ryzen 5 5500U (6C/12T : 2.10 – 4.00 GHz)
  • GPU : NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR6)
  • RAM : 8GB DDR4 3200 MHz (x1)
  • DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD 144Hz
  • STORAGE : SSD PCIe Gen3 NVMe 512GB
  • OS : Windows 10 Home
  • Warranty : 3 Years On-site Service

Acer Aspire 7 A715-42G-R4KZ ราคา 27,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : AMD Ryzen 5 5700U (8C/16T : 1.80 – 4.20 GHz)
  • GPU : NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR6)
  • RAM : 8GB DDR4 3200 MHz (x1)
  • DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD 144Hz
  • STORAGE : SSD PCIe Gen3 NVMe 512GB
  • OS : Windows 10 Home
  • Warranty : 3 Years On-site Service

ASUS TUF Gaming F15 FX506 ราคา 26,990 บาท

ASUS TUF Gaming F15 FX506 อีกหนึ่ง Gaming Notebook 2022 ตัวเลือก สเปก Intel Core i Gen 10H มาพร้อมกับชิปประมวลผล Core i5-10300H ตัวแรงราคาไม่แพง จับคู่มากับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR6) ประสิทธิภาพพอตัว ดีไซน์ให้ความรู้สึกดุดันและแข็งแกร่งเหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ชอบการแสดงออก ตัดกับการออกแบบรูปสี่เหลี่ยมคางหมูตรงกลางของฝาทำให้เกิดรูปแบบหกเหลี่ยมพร้อมดึงดูดสายตาไปที่โลโก้ TUF Gaming โดยนอกจากการตีบวกยัดสเปคจัดเต็มแน่นเอียดในราคาสุดคุ้ม เพียง 26,990 บาท

Tuf%20F15%20bornfire bk

โดย ASUS TUF Gaming F15 FX506 มี RGB Backlit Keyboard พร้อมได้รับการรับรองตามมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD-810H สเปกอื่นๆ มีหน่วยความจำแรมขนาด 8GB DDR4 และมี SSD M.2 ความจุ 512GB มาให้ด้วย ส่วนหน้าจอก็ขนาด 15.6″ความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับที่ 144 Hz ให้ภาพลื่นไหลสบายตา พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ได้ประกัน 2 ปี แบบ Global Warranty และประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty 1 ปีแรก นับว่าเป็น Gaming Notebook 2022 อีกรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในงบไม่เกิน 2x,xxx บาท

Tuf%20F15%20bornfire f

จุดเด่น

  • ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจตามสไตล์ TUF Gaming งานประกอบแน่นวัสดุดี
  • ขอบหน้าจอบางพิเศษ มิติเทียบเท่ารุ่น 14″ ตัวเครื่องเบา 2.3 กิโลกรัม
  • ประสิทธิภาพดีเยี่ยมด้วยชิปประมวลผล Core i5-10300H + GeForce GTX 1650
  • ติดตั้ง SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อมอัปเกรด SSD M.2 / SSD 2.5″ ได้ภายหลัง
  • ได้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพดี พร้อมรองรับ 144 Hz ลื่นไหลกว่า 60 Hz เดิมๆ
  • คีย์บอร์ดมีไฟ RGB All Zone พร้อมมีซอฟต์แวร์มาช่วยปรับแต่ง
  • อุณหภูมิในการใช้งานถือว่าไม่ร้อนจนเกินไป
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 6 ชั่วโมง
  • ได้มาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX
  • มีความทนทานระดับ Military Grade น้อยรุ่นนักที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบนี้
  • มาพร้อม Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ที่ดี
  • ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม ประทับใจมาก เมื่อเทียบกับราคา
  • ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ พร้อมฝากส่งเคลม 7-11 และมีประกันอุบติเหตุ 1 ปี

ASUS TUF Gaming F15 FX506LH-HN004W ราคา 26,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : Intel Core i5-10300H (4C/8T : 2.50 – 4.50GHz)
  • GPU : NVIDIA GeForce GTX 1650 (GDDR6 4GB)
  • RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz
  • DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD (1920 x 1080) 144Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
  • OS : Windows 11 Home
  • Warranty : 2 Years  Inter / 1 Year Perfect warranty 

Lenovo IdeaPad Gaming 3 / 3i ราคา 26,990 บาท

Lenovo IdeaPad Gaming 3 / Lenovo IdeaPad Gaming 3i จัดว่าเป็น Gaming Notebook 2022 ที่ได้ความแรงต่อราคาที่คุ้มค่ามากๆ สเปก AMD Ryzen 5000H / Intel Core i Gen 11H เน้นความคุ้มค่าน่าซื้อ เป็นโน๊ตบุ๊คสเปกแรงที่สามารถเอาไปเล่นเกมได้ลื่นไหลแน่นอน โดดเด่นด้วยชิปประมวลผล Ryzen 5 5600H / Core i5-11320H ที่แรงพอตัว พร้อมด้วยการ์ดจอแยกระดับ Gaming เริ่มต้นอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR6) ขนาดหน้าจอ 15.6″ Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz ด้วยแรมขนาด 8GB DDR4 และได้ SSD M.2 ความจุ 512GB

Ideapad%20gaming%2015ach6 bk

ได้ดีไซน์สวยงามตามสไตล์เน้นความเรียบง่ายแต่ดูดีเกินราคา พร้อมตัวเครื่องทั้งหมดเป็นโทนสีดำด้านและดำมันวาวอย่าง Shadow Black พร้อมติดตั้งคีย์บอร์ดไฟ RGB แบบ 4 โซน พร้อมความทนทานระดับ Military Grade มีระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที ที่สำคัญได้การรับประกัน Premium Care ซึ่งซ่อมฟรีถึงบ้าน 2 ปีและมีประกันอุบัติเหตุ 2 ปีด้วย โดยวางตำแหน่งเป็นซีรีส์ Gaming Notebook 2022 เริ่มต้นของทาง Lenovo ที่ดีเยี่ยมเกินราคา กับราคาเพียง 26,990 บาท นีับว่าเป็นอีกรุ่นที่ได้ความคุ้มค่ามากๆ ในการซื้อมาเล่นเกม  

Ideapad%20gaming%2015ach6 f

จุดเด่น

  • ดีไซน์การออกแบบสวยงาม เรียบหรู แตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป ตามสไตล์ Lenovo
  • ตัวเครื่องเล็กกระชับ จากขอบหน้าจอที่บางเฉียบ และตัวเครื่องเบา ชั่งจริงเพียง 2.02 กิโลกรัม
  • ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Core i5 / Ryzen 5 และการ์ดจอ GeForce GTX 1650
  • ได้สเปกแรมขนาด 8GB ใช้งานได้ทันที พร้อมมี SSD M.2 512GB ที่ใช้งานลื่นไหล
  • ประสิทธิภาพลื่นไหล ในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้งแนวออฟไลน์และออนไลน์
  • คีย์บอร์ดมีไฟเป็น 4-zone RGB รองรับ Anti-ghosting 100% ตัวปุ่มเด้งรับกับนิ้วดี
  • ตัวเครื่องทนทาน Military Grade ต่ออุณหภูมิภายนอกที่ร้อนหรือเย็น รวมถึงตกกระแทกและสั่นสะเทือน
  • มีซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage และฟีเจอร์ Lenovo Q-Control มาช่วยปรับแต่ง
  • มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 6 ชั่วโมง
  • ฟีเจอร์ Rapid Charge Pro ชาร์จแบตได้ไว จาก 0% – 50% ใช้เวลา 30 นาที
  • ฟีเจอร์ Privacy Shutter ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์กล้อง
  • ประกัน 2 ปี Premium Care ซ่อมฟรีถึงบ้าน พร้อมประกันอุบัติเหตุ

Lenovo IdeaPad Gaming 3 15IHU6-82K1010UTA ราคา 26,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : Intel Core i5-11320H (4C/8T, 3.20 – 4.50GHz)
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics + GeForce GTX 1650 
  • RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz 
  • DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD 120Hz
  • STORAGE : 512GB SSD PCIe M.2
  • OS : Windows 11 Home 
  • Warranty : 2 Years On-site Service + Accidental Damage Protection

Lenovo IdeaPad Gaming 3 15ACH6-82K201HMTA ราคา 26,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : AMD Ryzen 5 5600H (6C/12T, 3.30 – 4.20GHz)
  • GPU : Radeon 7 + GeForce GTX 1650 
  • RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz 
  • DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD 120Hz
  • STORAGE : 512GB SSD PCIe M.2
  • OS : Windows 11 Home 
  • Warranty : 2 Years On-site Service + Accidental Damage Protection

lenovo discount

Acer Nitro 5 AN515-57 ราคา 29,990 บาท

Acer Nitro 5 หนึ่งใน Gaming Notebook 2022 สเปกชิปประมวลผลผล Intel Core i Gen 11H อย่าง i5-11400H จับคู่มากับการ์ดจอแยกตัวแรงเริ่มต้นอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR6) เป็นหนึ่งใน Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ อีกรุ่นในตลาดที่ได้รับความสนใจทีเดียว ทั้งจากสเปกที่แรงลื่นคุ้มค่า อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ที่จัดเต็ม อาทิ คีย์บอร์ดไฟ RGB แบบ 4 โซน พร้อมหน้าจอ Full HD ที่ 144Hz ให้ความลื่นไหลทั้งการเล่นเกมหรือทำงาน ได้ประกัน 3 ปี On-site Serive ที่ดีเยี่ยม หรือส่งศูนย์ซ่อมด่วน 3 ชั่วโมง

Nitro%205%20AN515 56 bk

ส่วนแรมเป็นขนาด 8GB DDR4 มีที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 ความจุ 512GB (รองรับการอัพเกรด SSD M.2 / HDD 2.5″ SATA3 ภายหลัง) พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home แท้ใช้งานได้ทันที ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบสเตอริโอ โดยมีระบบเสียง DTS:X Ultra ที่สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ จำลองเสียง 3 มิติได้ มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันอีกรุ่นเลยทีเดียว พร้อมด้วยความสามารถ Killer Ethernet E2600 เพื่อการเล่นเกมออนไลน์ที่ลื่นไหล โดยมีซอฟต์แวร์ Killer Control Center 2.0 คอยควบคุมด้วย ดีกว่า Gaming Notebook 2022 ทีเดียวในส่วนนี้

Nitro%205%20AN515 56 c

จุดเด่น

  • ดีไซน์การออกแบบสวยงามให้ความ Gaming ตามสไตล์ Nitro 5 งานประกอบแน่นหนา
  • ประสิทธิภาพสูงจากชิปประมวลผล Intel Core i5-11400H + GeForce GTX 1650
  • ได้แรมขนาด 8GB และ SSD M.2 512GB รองรับ SSD M.2 อีก 1 และรองรับ HDD/SSD 2.5″ อีก 1 ช่อง
  • มีโปรแกรม Nitrosense + CoolBoots ปรับรอบพัดลมติดตั้งมาให้ในเครื่องเลย
  • จัดการความร้อนทำได้ดีเยี่ยม เย็นทั้ง CPU / GPU เมื่อใช้งานหนักๆ ดีกว่ารุ่นก่อนๆ
  • หน้าจอพาเนล IPS เกรดดี ความละเอียด Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz
  • พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 3.2 Type-A x 3 และ USB 3.2 Type-C x 1
  • LAN รองรับ Killer Ethernet E2600 ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
  • Killer Wi-Fi 6 AX 1650 มีเทคโนโลยี 2×2 MU-MIMO ดีกว่าแบบเดิมๆ
  • คีย์บอร์ดมีไฟ RGB แบบ 4 โซน สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 6 ชั่วโมง
  • มาพร้อมกับการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
  • ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 11 Home และซอฟต์แวร์ Acer Care Center

Acer Nitro 5 AN515-57-50M1 ราคา 29,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : Intel Core i5-11400H (6C/12T : 2.60 – 4.50GHz)
  • GPU : NVIDIA GeForce GTX 1650 (GDDR6 4GB)
  • RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz
  • DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD 144Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
  • OS : Windows 11 Home
  • Warranty : 3 Years On-site Service 

HP Victus 16 ราคา 26,990 บาท

HP Victus 16 เป็น Gaming Notebook 2022 หน้าจอ 16.1″ ที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด จากการใช้สเปกเป็น AMD Ryzen 5 5600H และการ์ดจอแยก GeForce GTX 1650 (4GB GDDR6) โดยมาพร้อมประสิทธิภาพดีและคุ้มค่า ทั้งชิปประมวลผลเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ที่ทั้งแรงและร้อนน้อย รวมถึงการ์ดจอก็แรงลื่น ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างราบรื่น พร้อมติดตั้งซอฟต์แวร์ช่วยจัดการ ในดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างไปจากแบรนด์อื่นๆ ออกแบบโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ให้มีความสวยงามความโดดเด่น ใช้งานง่ายและสะดวก

Hp%20Victus%2016 bk

สำหรับขนาดหน้าจอมีความใหญ่มากกว่า Gaming Notebook 2022 รุ่นอื่นๆ ในรุ่นราคาใกล้ๆ กัน ซึ่งใหญ่กว่า 15.6″ แบบรู้สึกได้ โดยตัวเครื่องมีน้ำหนักเพียง 2.46 กิโลกรัม หน้าจอเป็นพาเนล IPS ที่ความละเอียด Full HD ได้ Refresh Rate 144Hz ได้ขอบหน้าจอบางเฉียบ มิติตัวเครื่องเล็กกระชับ ซึ่งเหมาะสมในการเล่นเกม หรือทำงานต่างๆ ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง 1 x USB 3.2 Type-C, HDMI, 3 x USB 3.2 Type-A, LAN RJ-45, Headset, SD Card Reader ราคาอยู่ที่ 26,990 บาท การรับประกันเป็นแบบ On-site Service ระยะเวลา 2 ปี พร้อมบริการหลังการขายอื่นๆ

Hp%20Victus%2016 f

จุดเด่น

  • ดีไซน์การออกแบบสวยงาม งานประกอบแน่นวัสดุดี แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ และรุ่นก่อน
  • ตัวเครื่องเล็กกระชับ แม้จะเป็นหน้าจอ 16.1″ แต่เล็กและเบาพอๆ กับโน๊ตบุ๊คจอ 15.6″
  • ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Ryzen 5 5600H และการ์ดจอแยก GTX 1650
  • ติดตั้งแรม 8GB DDR4 และ SSD M.2 512GB ความเร็วสูง
  • หน้าจอพาเนล IPS เกรดสูงมาก ที่ 90% sRGB และเป็น 144Hz
  • ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้ง แนวออฟไลน์และออนไลน์
  • คีย์บอร์ดมีไฟเป็นสีขาวที่ดูแล้วสวยงาม ส่วนตัวชอบกว่าสีเขียวรุ่นก่อนๆ
  • มาพร้อม Windows 10 Home และซอฟต์แวร์ HP ใช้งานได้ทันที
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง
  • ลำโพง B&O คุณภาพเสียงดี น่าประทับใจ มีซอฟต์แวร์ปรับแต่งได้
  • สามารถจัดการความร้อนได้เป็นอย่างดี ถือว่าเย็นกว่าที่คาดเอาไว
  • พอร์ตการเชื่อมต่อครบถ้วนตามมาตรฐาน และมี SD Card Reader ด้วย
  • ประกัน 2 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน

HP Victus Gaming 16-e0082AX ราคา 26,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : AMD Ryzen 5 5600H (6C/12T , 3.30 – 4.20GHz)
  • GPU : Radeon 7 + GeForce GTX 1650 
  • RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz 
  • DISPLAY: 16.1″ IPS Full HD 144Hz
  • STORAGE : 512GB SSD PCIe M.2
  • OS : Windows 10 Home 
  • Warranty : 2 Year On-site Service 

ตาราง Gaming Notebook 2022

Model CPU GPU RAM SSD Display Warranty Price
Aspire 7 R5 5500U GTX 1650 8GB 512GB 15.6″ 144Hz 3Y On-site 25,990
TUF F15 i5-10300H GTX 1650 8GB 512GB 15.6″ 144Hz 2Y + 1Y Perfect 26,990
Gaming 3 i5-11320H GTX 1650 8GB 512GB 15.6″ 120Hz 2Y On-site + 2Y ADP 26,990
Nitro 5 i5-11400H GTX 1650 8GB 512GB 15.6″ 144Hz 3Y On-site 29,990
Victus 16 R5 5600H GTX 1650 8GB 512GB 16.1″ 144Hz 2Y On-site 26,990

สรุป Gaming Notebook 2022 ที่นำมาแนะนำนี้ เน้นความคุ้มค่าราคาไม่แพง สเปก Ryzen / Core i การ์ดจอ GTX 1650 แรงเล่นเกมลื่นไหล ได้หน้าจอขนาดมาตรฐานที่ 15.6″ พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz / 144Hz ในส่วนของแรมที่ 8GB และ SSD 512GB จริงๆ ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว แต่ถ้าให้แนะนำจริงๆ คือการอัปเกรดแรมให้เป็น 16GB ส่วน SSD / HDD ก็แล้วแต่ความต้องการเลย ว่าต้องความจุเพิ่มแค่ไหน ยังไงเพื่อนๆ ลองดูลองเลือกกันนะครับ ที่สำคัญคือก่อนที่จะซื้อหรือจ่ายเงินเช็คราคาให้ถี่ถ้วนก่อน เพราะบางครั้งมีโปรโมชั่นเด็ดได้ส่วนลดพิเศษเพิ่มอีก

Gaming Notebook 2022

 

from:https://notebookspec.com/web/644754-gaming-notebook-2022-budget-under30000

รีวิว Lenovo Legion 5 AMD Advantage สเปก Ryzen 7 5800H + RX6600M จอ QHD 165Hz อีกหนึ่งตัวแรงน่าซื้อ แบตทนใช้งานได้ 10+ ชม

Lenovo Legion 5 AMD Advantage นับได้ว่าเป็น Gaming Notebook ปี 2022 สเปก AMD สายพันธุ์แท้ 100% ที่ได้รับแพลตฟอร์ม Gaming อย่าง AMD Advantage จากการผ่านมาตรฐานข้อกำหนดขั้นสูง และด้วยความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในตลาด อย่างดีไซน์ภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์ มี DNA ที่เป็น Legion Series ที่เป็น Gaming จริงจังรุ่นล่าสุด พร้อมด้วยการทำงาน Lenovo Legion AI Engine ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบ AI เป็นตัวช่วยในการแจกแจงพลังงานแบบอัตโนมัติ และเลือกใช้ค่า CPU และ GPU ที่เหมาะสม เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

ชิปประมวผล AMD Ryzen Ryzen 7 5800H ที่ประสิทธิภาพสสูง สถาปัตยกรรม Zen 3 ได้ทั้งความแรงขึ้นและร้อนน้อย แน่นอนว่าในรุ่นนี้เลือกใช้การ์ดจอแยกเป็นค่ายเดียวกันอย่าง AMD Radeon RX6600M (8GB GDDR6) ที่มีความแรงความล้ำ กับค่า TGP 100W พร้อมติดตั้งแรมเป็น 16GB DDR4 Bus 3200MHz ผสานกับ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 3 ความจุ 512GB มี Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Coldfront 3.0 ที่ช่วยจัดการการระบายความร้อนให้ดียิ่งกว่า แม้ว่าเราจะใช้งานเล่นเกมหนักๆ รวมไปถึงประมวลผลไฟล์ที่ซับซ้อน 

Advertisementavw

Lenovo Legion 5

สำหรับ Lenovo Legion 5 AMD Advantage นั้นเรียกได้ว่ามาครบเครื่องเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่ความละเอียด Quad HD พาเนล IPS คุณภาพสูงโดยมี Refresh Rate ที่ 165Hz ลื่นไหลยิ่งกว่า สามารถที่จะสร้างประสบการณ์ในการเล่นเกมหรือรองรับทั้งการทำงานอย่างตัดต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์ 3 มิติ ก็ตอบสนองได้ยอดเยี่ยม มีพอร์ตการเชื่อมต่อที่มากที่สุดรุ่นหนึ่ง สนนราคา 44,990 บาท ได้ประกัน 3 ปี On-site ซ่อมฟรีถึงบ้าน และบริการอื่นๆ อย่างประกันอุบัติเหตุที่ 2 ปี โดยสามารถเคลมได้ 100% หรือเครื่องสำรองระหว่างซ่อมด้วย ซื้อช่วงนี้มีโปรโมชั่นเด็ด ได้เก้าอี้และโต๊ะ Gaming จาก Legion x AMD แถมไปเลยฟรีๆ 

VDO Review

Coming Soon

NBS Verdict

จากการที่รีวิวใช้งานจริงๆ ของ Lenovo Legion 5 AMD Advantage รุ่นปี 2022 ราคาเปิดตัวที่ 49,990 บาท สเปกชิปประมวลผล Ryzen 7 5800H การ์ดจอแยกเป็น Radeon RX6600M เรียกได้ว่าเป็น AMD ทั้งคู่ ที่สำคัญคือได้แพลตฟอร์ม AMD Advantage ที่ล้ำกว่า โดยทำงานร่วมกับ Lenovo Legion AI Engine ทั้งการเล่นเกมหลากหลายหรือทำงานประมวลผลหนักๆ รวมไปถึงทำงานนอกสถานที่ และความบันเทิงดูหนังฟังเพลงที่บ้านแล้ว บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสีสันใหม่อย่าง Phantom Blue ออกเป็นแนวสีน้ำเงินเข้ม ที่มีความสวยงามพร้อมกับความเรียบหรู แตกต่างจาก Gaming Notebook หลายๆ รุ่น

ข้อกำหนดของ AMD Advantage

  • ต้องใช้ชิปประมวลผล Ryzen 5000 และการ์ดจอแยก Radeon 6000 ร่วมกับซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ของ AMD
  • ต้องรองรับเทคโนโลยี Smart Access Memory เชื่อมต่อ CPU – GPU โดยตรง และระบบจัดการพลังงานในโน้ตบุ๊ก SmartShift ของ AMD
  • หน้าจอต้องมีความสว่างอย่างน้อย 300 nits แสดงผลมาตรฐานสี sRGB 100% หรือ NTSC 72% มี Refresh Rate ขั้นต่ำ 144Hz ดีเลย์ต่ำ (low latency) และรองรับ AMD Freesync
  • มี SSD M.2 NVMe PCIe Gen 3 อย่างน้อยหนึ่งตัว
  • ปุ่ม WASD ที่ใช้ในการเล่นเกม อุณหภูมิต้องต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียสเสมอ
  • แบตเตอรี่ในเครื่องสามารถรองรับการเล่นวิดีโอได้อย่างน้อย 10 ชั่วโมง

ซึ่งในส่วนของ Lenovo Legion 5 AMD Advantage ก็ผ่านมาตรฐานของแพลตฟอร์ม Lenovo Legion 5 AMD Advantage ทุกๆ อย่าง พร้อมได้ฟีเจอร์ที่มากมาย 

Lenovo Legion 5

ได้ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้นจากหน้าจอที่ดีกว่าละเอียดกว่า Full HD ที่ Quad HD พร้อม Refresh Rate ที่ 165Hz รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูงจาก เหลือเฟือในการใช้งานพื้นฐาน แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน ตัวเครื่องก็ร้อนน้อยจากเทคโนโลยี Legion Coldfront 3.0 ชอบมากๆ และใช้งานได้จริงก็คือการปรับโหมดเพียง Fn + Q เท่านั้น ก็ปรับโหมดประสิทธิภาพได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งเครื่องได้ละเอียดผ่านทางซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ด้วย โดดเด่นกว่า Gaming Notebook หลายรุ่นด้วยเว็บแคมที่ติดตั้งไว้ด้านบนหน้าจอ แต่ควบคุมผ่านปุ่ม E-Shutter ไว้ที่ด้านข้างตัวเครื่อง ซึ่งก็สะดวกไปอีก 

Lenovo Legion 5

อีกทั้งมี Unbeatable Protection Pack ที่ประกอบไปด้วยประกันแบบ 3 ปี On-site Service พร้อมบริการหลังการขายอื่นๆ อาทิ ประกันอุบัติเหตุแบบเคลม 100% ระยะเวลา 2 ปี มีเครื่องสำรองระหว่างรอเครื่องเคลม หรือบริการโทรศัพท์ Call Center 24/7 อีกด้วย ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์ ซึ่งนอกเหนือจากสเปกและฟีเจอร์ที่เยี่ยมยอดแล้ว ที่ประทับใจอีกอย่างก็คือได้พอร์ตเชื่อมต่อที่มากกว่า รวมถึงงานประกอบฮาร์ดแวร์ภายในก็เรียบร้อยมากๆ ด้วย เรียกได้ว่าใส่ใจในทุกรายละเอียดทั้งวิศวกรรมการออกแบบภายนอก รวมไปถึงภายในอย่างที่หาได้ยากใน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 37

เทียบสเปกราคากับรุ่นก่อนหน้านี้ของ Lenovo Legion 5 AMD Advantage นับว่าได้ประสิทธิภาพขั้นสูงยิ่งกว่า ทั้งแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่ใช้งานได้ 10 – 12 ชั่วโมง รวมถึงหน้าจอก็มาตรฐานสูงขึ้น พร้อมยังจัดกการจัดการความร้อนได้เป็นอย่าง นาทีนี้ใครกำลังจะซื้อ Gaming Notebook ปี 2022 รุ่นนี้ต้องเป็นตัวเลือกแรกๆ แน่นอน ในช่วงงบประมาณ 40,000 บาทกลางๆ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีข้อสังเกตในเรื่องของตัวเครื่องที่ค่อนข้างหนักกว่า Gaming Notebook หลายๆ รุ่น รวมถึงไฟคีย์บอร์ดเองก็แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่เป็นการ์ดจอแยก GeForce เพราะเป็นเพียงไฟสีขาว ที่ไม่สามารถปรับ RGB ได้ แต่ถ้าไม่ติดอะไรส่วนนี้หรือยอมรับได้ ก็ตามไปจัดกันได้เลย

จุดเด่น Lenovo Legion 5

  • ดีไซน์การออกแบบสวยงามเรียบง่ายแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ทำงานก็ลงตัวนำไปเล่นเกมก็ดุดัน
  • ตัวเครื่องได้ขอบหน้าจอที่บางเฉียบ งานประกอบแน่นวัสดุดีทั้งภายนอกและภายในสไตล์ Legion
  • ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Ryzen 7 5800H และการ์ดจอแยก Radeon RX6600M
  • ได้แพลตฟอร์ม Gaming จากทาง AMD ที่ให้ประสบการณ์ใช้งานหลายด้านเหนือชั้นกว่า
  • ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้งออฟไลน์ AAA และออนไลน์ที่ลื่นไหล 
  • หน้าจอ Quad HD คุณภาพสูง พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz / 3ms
  • คีย์บอร์ด Legion TrueStrike รองรับ Anti-ghosting 100% พิมพ์งานดี เล่นเกมมันส์
  • มาพร้อม Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที และสามารถ Restore ได้ง่าย
  • มีซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ที่ตั้งค่าได้มากมาย ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
  • มีพอร์ต USB 3.2 Type-C จำนวน 3 พอร์ต และ USB 3.2 Type-C จำนวน 2 พอร์ต
  • ลำโพงคุณภาพเสียงดี พร้อมระบบเสียง Nahimic ปรับแต่งได้เยอะ ประทับในทุกการใช้งาน
  • ความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อใช้งานหนักๆ จัดว่ามีอุณหภูมิที่เย็นมากๆ จาก Legion Coldfront 3.0
  • เว็บแคมที่ติดตั้งไว้ด้านบน สามารถครบคุมการเปิดปิดผ่านทาง E-Shutter ข้างตัวเครื่อง
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ราวๆ 10 – 12 ชั่วโมง ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่ใช้งานได้ยาวนาน
  • ประกัน 3 ปี On-site ซ่อมฟรีถึงบ้าน มีประกันอุบัติเหตุ 2 ปี และบริการหลังการขายอื่นๆ มากมาย

ข้อสังเกต Lenovo Legion 5

  • ไม่มี Card Reader ใดๆ ทั้ง SD Card หรือ micro SD Card ถ้าต้องใช้ ต้องซื้อแยกเอง
  • ไฟคีย์บอร์ดเป็นเพียงไฟสีขาว ไม่สามารถปรับแต่งเป็น RGB ได้เหมือนรุ่นการ์ดจอ GeForce
  • ในการใช้งานจริง บางเกมที่กินทรัพยากร แนะนำให้ปรับเป็น Full HD จะลื่นไหลกว่า

Specification

Lenovo Legion 5 AMD Advantage ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 44,990 บาท มีเพียงสเปกเดียว ใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 7 5800H ความเร็ว 3.20 – 4.40 GHz สถาปัตยกรรม Zen 3 (Cezanne) ล้ำด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ร้อนน้อยลงด้วย พร้อมการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง AMD Radeon RX6600M สถาปัตยกรรม RDNA 2 ที่ให้ความแรงลื่นทั้งในการทำงานหรือเล่นเกมเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook รุ่นก่อนๆ พร้อมได้แพลตฟอร์ม AMD Advantage ที่เป็นการการันตีว่าเหนือชั้นกว่าโน็ตบุ๊คเล่นเกมทั่วๆ ไปในหลายด้าน เช่น แบตเตอรี่ยาวนาน และอื่นๆ

Lenovo Legion 5 15ACH6H 82NW0030TA copy

ได้ที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 3 ความจุ 512GB พร้อมอัปเกรด SSD M.2 ได้อีก 1 ภายหลังทันที ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz สองแถว (อัพได้สูงสุด 32GB) ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 11 Home พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ความละเอียด Quad HD ที่ 2560 x 1440 พิกเซล พาเนล IPS เกรดสูง มี Refresh Rate รองรับ 165Hz ที่ 3ms ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม ใช้งานทั่วไปพื้นฐานลื่นไหลแน่นอน รวมไปถึงทำงานหนักๆ แบบมืออาชีพก็ดีเยี่ยมมากๆ

พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) ที่มีปุ่มเปิดปิดดิจิตอล และมีไมค์ในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง 2 x USB 3.2 Type-C (มี 1 พอร์ต รองรับการชาร์จ PD) , HDMI 2.0, 4 x USB 3.2 Type-A, LAN RJ-45, Headset รวมไปถึงขอบตัวเครื่องก็มี Kensington lock slot พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน รวมไปถึงมีประกันอุบัติเหตุแบบเคลม 100% ระยะเวลา 2 ปี และมีเครื่องสำรองระหว่างใช้งาน อีกทั้งมี Call Center 24/7 ด้วย

Lenovo Legion 5 15ACH6H-82NW0030TA ราคา 44,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : AMD Ryzen 7 5800H (8C/16T : 3.20 – 4.40 GHz)
  • GPU : AMD Radeon 8 + RX 6600M (8GB GDDR6)
  • RAM : 16GB DDR4 Bus 3200MHz
  • DISPLAY: 15.6″ IPS Quad HD @165Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 3 512GB
  • OS : Windows 11 Home
  • Warranty : 3 Years On-site  + 2 Years ADP 

แพคเกจ Unbeatable Protection Pack  ราคา 9,900 บาท

ประกันแบบ Premium Care ระยะเวลา 3 ปี

  • การสนับสนุนแบบ 24/7
  • พนักงาน Call Center เป็นผู้ชำนาญการด้านเทคนิคโดยเฉพาะ
  • รับประกันการซ่อมแบบ on-site next business day
  • เวลาทำการบริการ on-site ระหว่าง 9 AM- 9PM

การคุ้มครอง Lenovo Accidental Damage Protection (ADP) 2 ปี

  • การคุ้มครองด้านอุบัติเหตุแบบ Ultimate ADP
  • 100% ดูแลด้านชิ้นส่วนและบริการ

พร้อมโปรโมชั่นที่เด็ดมากและหนักมาก สำหรับคนที่ซื้อ Lenovo Legion 5 AMD Advantage ในส่วนของ 250 คนแรก รับไปเลย โต๊ะและเก้าอี้ Gaming จากทาง Legion x AMD มูลค่ากว่า 6,900 บาท เรียกได้ว่าถูกใจแฟนๆ Lenovo Legion 5 แน่นอน โดยโปรโมชั่นนี้จัดถึงวันที่ 31 มีนาคมนี้ หรือจนกว่าของจะหมด ใครสนใจก็ต้องรีบจัดกันหน่อย !!!

274876269 470691267879048 4700308137105591464 n

Hardware / Design

Lenovo Legion 5 AMD Advantage ในปี 2022 (Code Name คือ Lenovo Legion Y560) ต้องบอกเลยว่าเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหลายๆ ส่วน ที่มาพร้อมความแตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ได้ดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย แนวทำงานที่พกพาไปใช้งานได้ทุกที หรือเล่นเกมที่บ้านก็มีความลงตัว กับหน้าจอความละเอียด Quad HD พาเนลเป็น IPS เกรดสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz ให้ทั้งความลื่นไหลและคุณภาพดีสีสันสวยงามสมจริง และคมชัดกว่า Full HD แบบรุ้สึกได้ เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ที่สำคัญยังมีดีไซน์ขอบจอที่บางเฉียบ

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 10

ส่งผลให้ดีไซน์รวมๆ ของตัวเครื่องมีมิติที่เล็กกระชับ ด้วยความบางเพียง 26.3 มิลลิเมตร แต่ก็มาพร้อมกับน้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม ที่มีความหนักกว่าหลายๆ รุ่น ซึ่งเป็นจุดที่สมดุลทั้งในแง่ของประสิทธิภาพในการเล่นเกม และความสามารถในการพกพาได้อย่างลงตัว กับ Gaming Notebook ราคาระดับกลางค่อนไปทางบน ที่ไม่ได้เน้นแต่ความคุ้มค่าอย่างเดียว แต่อยากได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีด้วย จากงานประกอบขั้นสูงและฟีเจอร์ Gaming ต่างๆ รวมถึงหน้าจอคุณภาพที่สูงกว่า ซึ่งเชื่อได้เลยว่าน่าจะถูกใจหลายๆ คน

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 43

เหมาะสมกับเพื่อนๆ ที่อยากได้โน๊ตบุ๊คเอาไปเล่นเกมที่เน้นจริงจัง แต่ไม่อยากได้ดีไซน์ Gaming ที่ลวดลายมากเกินไป เพราะใช้เครื่องเดียวกันทั้งงานและความบันเทิง ด้วยความที่สเปกเองก็แรงลื่นเอาไปทำงานหนักๆ อย่างโปรเซสไฟล์ภาพถ่ายหรือตัดต่อวีดีโอก็ได้แบบสบายๆ โดยวัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นพลาสติกทั้งหมดก็จริง โดยเลือกใช้พลาสติกเกรดสูงที่ให้สัมผัสที่ดีอีกทั้งยังทนทานไม่เป็นรอยง่ายๆ งานประกอบรวมก็มีคุณภาพมาตรฐาน ส่วนของ E-Shutter ไว้เปิดปิดเว็บแคมจะอยู่ขอบเครื่องด้านข้างทางขวา เลื่อนใช้งานได้สะดวก เพื่อความปลอดภัย

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 25

ตอกย้ำการออกแบบและดีไซน์ตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นสีสันที่เป็นตัวเครื่องเลือกที่จะให้มีความเรียบง่าย อย่างสีดำด้านออกเทาๆ เวลาที่โดนกับแสงตลอดทั้งตัวเครื่องโดยมีชื่อสีว่า Phantom Blue โดยมีโลโก้ Legion ที่ฝาหลังและบานพันแบบแกนเดียวขนาดใหญ่เป็นสีไทเทเนียม โดยขอบบานพับมีโลโก้ Y แบบรุ่นก่อนๆ อยู่ พร้อมกันนั้นก็มีโลโก้ของ Lenovo อยู่ 2 ตำแหน่งคือฝาหลังและด้านในตัวเครื่อง ส่วนด้านล่างตัวเครื่องก็จะเป็นช่องดูลมเย็นขนาดใหญ่ พร้อมยางรองยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นเล็กน้อย

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 40

โดดเด่นด้วยการอัพเกรดระบบควบคุมอุณหภูมิและระบายความร้อน Lenovo Legion Coldfront 3.0ให้ระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้น ผ่านใบพัด 2 ตัวขนาดใหญาพิเศษและท่อนำความร้อนแบบทองแดง ทำให้ระบายความร้อนได้รวดเร็วมากขึ้น เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ด้วยพัดลม 2 ตัว ฮีท์ไปป์ขนาดใหญ่ 3 เส้นพร้อมแผ่นโลหะที่ Cover ทั้ง CPU / GPU แบบเต็มพื้นที่ ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อน 4 ทิศทาง ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไป โดยยังให้ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมอยู่

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 55

สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุของ Lenovo Legion 5 AMD Advantage ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Lenovo ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมในดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความเข้มและดุดันเอาไว้ ด้วยโลโก้ที่ดูน้อยแต่มาก รวมไปถึงการเลือกใช้ไฟคีย์บอร์ดสีขาวสีเดียว แตกต่างจาก Lenovo Legion 5 สเปกที่เป็นการ์ดจอแยก GeForce คาดว่าเพื่อให้เห็นความแตกต่าง อย่างไรก็ตามก็จัดว่าเป็นอีกหนึ่งข้อสังเกต เพราะเชื่อว่าหลายคนน่าจะอยากได้เป็น RGB แบบ 4 โซนมากกว่า เพราะแบบนั้นเราจะเลือกสีไฟเป็นอะไรก็ได้ 

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 11
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 13
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 36
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 45
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 44
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 54

Keyboard / Touchpad

คีย์บอร์ด Lenovo Legion TrueStrike แม่นยำ นุ่มนวล หนักแน่น โดยตัวปุ่มเองมีขนาดที่ใหญ่ และที่โดดเด่นก็จะเป็นปุ่มทิศทางที่ใหญ่กว่าคีย์บอร์ด Gaming Notebook หลายๆ แบรนด์ พร้อมไฟสีขาวสีเดียว ไม่สามารถปรับไฟ RGB แบบ 4 โซนเหมือน Legion 5 รุ่นก่อน โดยรองรับ Anti-Ghosting 100% และตอบสนองได้รวดเร็วใน 1ms กับมาตรฐานคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size พร้อมมี Numpad ไว้ใช้งานด้านตัวเลข อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังเด้งตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด 

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 27

ในส่วนของทัชแพดนั้นได้รับการออกแบบมาใหม่ที่ดูแล้วเรียบง่าย ลักษณะเป็นแบบซ่อนปุ่มคลิ๊กซ้ายขวาให้มีความเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ดูแล้วมีความสวยงามไม่น้อยเลยสำหรับการดีไซน์ออกแบบภายในตัวเครื่อง โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกการใช้งานที่ดี ที่สำคัญเรายังสามารถปิดทัชแพดและปุ่ม Windows แบบอัตโนมัติเมื่อเราเข้าสู่การเล่นเกม ผ่านทางฟีเจอร์นี้ในซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ที่เราสามารถเลือกเปิดปิดเองก็ได้ 

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 32
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 31
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 30

อีกทั้งสามารถเลือกปรับโหมดได้เองซึ่งจะมีสถานะไฟที่ปุ่ม Power แตกต่างกันออกไป  ระหว่างโหมดการรักษาอุณหภูมิ Quiet ที่เน้นทั้งประหยัดพลังงานและเงียบโดยไฟจะเป็นสีฟ้า ส่วน Auto เน้นการใช้งานทั่วไปไฟจะเป็นสีขาว และสุดท้ายกับ Performance จะเป็นการเน้นเล่นเกมหรือทำงานหนักๆ เลือกใช้งานได้ด้วยการกดปุ่ม Fn + Q นอกจากนี้ยังสามารถเร่งความแรงได้ด้วยการเปิด Dual Burn เพื่อดัน CPU และ GPU ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดไปพร้อมๆ กัน 

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 57

Screen / Speaker

ในส่วนของหน้าจอ Lenovo Legion 5 AMD Advantage เป็นแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 15.6″ บนความละเอียดที่มากกว่า Full HD 1920 x 1080 พิกเซล แบบรุ่นก่อนๆ แต่อยู่ในระดับ Quad HD 2560 x 1440 พิกเซล ให้ความคมชัดที่มากกว่า ที่สำคัญพาเนลยังเป็น IPS คุณภาพสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz / 3ms ได้ความลื่นไหลกว่า 60Hz ทั่วไป (คุณภาพดีกว่ารุ่น IPS 144Hz ทั่วไป) แบบรู้สึกได้แม้จะนำไปใช้งานเล่นอินเตอร์เน็ตก็ตาม ให้การแสดงผลที่สมจริงมุมมองกว้างกว่าพวกโน๊ตบุ๊คที่เป็นพาเนล TN เหมาะการใช้งานทุกประเภทแน่นอน พร้อมรองรับเทคโนโลยี VESA DisplayHDR 400 ทำให้แสดงส่วนมืดส่วนสว่างที่ดีกว่าในบาง Content ด้วย

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 20

เมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี จากภาพที่คมชัดกว่า Gaming Notebook ทั่วไปที่เป็นความละเอียด Full HD เรียกได้ว่า Lenovo Legion 5 AMD Advantage เป็นการสร้างอีกหนึ่งมาตรฐานของ Gaming Notebook ในช่วงปี 2022 ที่สำคัญยังมาพร้อมเว็บแคมและไมค์ที่มีฟีเจอร์ E- Shutter ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์กล้องที่ทำให้เรามั่นใจว่ากล้องจะเห็นในเวลาที่เราต้องการใช้งานเท่านั้น โดยตัวปุ่มถูกติดตั้งอยู่ที่ขอบตัวเครื่องด้านข้างทางขวา 

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 22
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 23
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 24

การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอ Lenovo Legion 5 AMD Advantage ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ด้วย Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 92% / AdobeRGB ที่ 70% / DCI-P3 ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยม ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐาน เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ เหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก ใครที่จริงจังด้านสีสันถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจรุ่นนึงทีเดียว

s4 2

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางของหน้าจอและมุมซ้ายบนมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องมุมซ้ายล่างที่ลดลงไปที่ระดับ 12% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ส่วนค่าคลาดสี Delta-E อยู่ที่ 1.89 เท่านั้น (ไม่เกิน 2.0 คือว่ายอดเยี่ยม) ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตราฐานทั่วไป เหมาะสำหรับคนเอามาทำงานด้านสี หรือตกแต่งโปรเซสภาพถ่าย รวมถึงตัดต่อวีดีโอได้ดี

s1 2
s2 2
s3 2

ระบบและการออกแบบลำโพงที่เป็นจุดเด่นอย่างแท้จริง ด้วยลำโพงคุณภาพดี ให้ย่านเสียงกลางและแหลมที่ชัดเจน ทำงานแบบ 2 x 2W แยกซ้ายขวาที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้าจำนวน 2 ตัว  ซึ่งได้คุณภาพเสียงที่ดี ในระดับที่น่าพอใจ แต่แนะนำยังไงก็ต่อลำโพงแยกหรือหูฟังจะดีกว่า พร้อมระบบเสียง Nahimic ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง ซึ่งผ่านการออกแบบมาให้เหมาะกับสายเกม ให้เสียงดังชัด สมจริง รอบด้าน 360 องศา

nahimic

แถมยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ เสริมให้ประสบการณ์การฟังของผู้ใช้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เช่น Night Mode ลดระดับเสียงได้อัจฉริยะ และ Sound Tracker แสดงให้ผู้ใช้เห็นแหล่งกำเนิด นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสตรีมเสียงจากเครื่องไปยังชุดหูฟังได้ถึงสองชุด โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์เสียงได้ ด้วยฟีเจอร์ Sound Sharing และเชื่อมต่อเครื่องกับลำโพงบลูทูธ สร้างเสียงเซอร์ราวได้ ด้วยฟีเจอร์ BT Link นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความสามารถที่หาไม่ได้ใน Gaming Notebook ทั่วไป 

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 49
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 47
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 50

Connector / Thin And Weight

Lenovo Legion 5 AMD Advantage จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันที่สุดรุ่นนึง ไม่ว่าจะเป็น 4 x USB 3.2 Type-A, 2 x USB 3.2 Type-C (รองรับ DisplayPort และ Power Delivery), 1 x HDMI 2.0, LAN RJ45 และ Mic-in/Headphone-out โดยตัวพอร์ตเองมีทั้งด้านข้าง 2 ข้าง และด้านหลัง เรียกได้ว่ามีการจัดว่าอย่างลงตัว เหมาะสมกับการใช้งานจริง พร้อมใส่สัญลักษณ์ตามพอร์ตต่างๆ เอาไว้ ให้ความโดดเด่น

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 42

แต่อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่ไม่ในส่วนของ SD Card Reader มาให้ หรือแม้แต่ micro-SD Card Reader ก็ไม่มีมาให้เช่นกัน ทำให้ถ้าต้องใช้งานก็ต้องซื้อมาต่อแยกเท่านั้น เพราะถ้ามีก็จะนับว่าสมบูรณ์แบบมากๆ พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีความสเถียร กว่าการเชื่อมต่อมาตรฐาน Wi-Fi 5 AC แบบรุ่นก่อนหน้า พร้อมรองรับการใช้งานพื้นฐานและการเล่นเกมได้ดียิ่งกว่า 

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 53
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 52
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 41

ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ค่อนข้างใหญ่โตพอสมควรกับการจ่ายไฟที่ 230Watt ตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คที่สเปกแรงก็ต้องใช้กำลังไฟที่สูงด้วย ส่วนของการพกพา จัดว่ามีความใหญ่โตกว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ด้วยน้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็จัดว่ามีความหนักขึ้นมาก็จริง แต่ก็ถือว่าพอพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่กับน้ำหนักรวมอยูท่ี 3.2 กิโลกรัมโดยประมาณ

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 5
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 6
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 7

Inside / Upgrade

การแกะเครื่องนั้นสามารถที่จะทำได้ค่อนข้างง่าย เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนวางอย่างลงตัว งานประกอบก็เรียบร้อยมากๆ โดยตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุอยู่ที่ 5100 mAh ในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรด SSD M.2 ได้ทันทีอีก 1 ตัว ซึ่งมีการใช้แผ่นโลหะครอบปิดเอาไว้ด้วย เอาไว้เพื่อเสริมความแข็งแรง สำหรับในส่วนของแรมนั้นจะต้องถอดเอาที่ครอบโลหะออกก่อนจากนั้นก็จะเห็นแรม โดยตัวเครื่องนั้นจะมี 8GB แบบ SO-DIM x 2 แถว รวมเป็น 16GB เราสามารถที่จะอัพเกรดหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 32 GB (ที่ 2 แถว)

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 62

ระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion 5 AMD Advantage นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมระบายความร้อนขนาดใหญ่ พร้อม Cover ด้วยโลหะปกคลุมทั้งหมด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไปอีกด้วย เรียกได้ว่าเหมือนกับสเปกที่เป็น Ryzen 7 5800H + RTX 3060 แต่การใช้งานจริงจะดีขึ้นหรือเปล่านั้นไปติดตามกันต่อดู

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 64
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 63
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 65
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 69
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 70
Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 68

Performance / Software    

Lenovo Legion 5 AMD Advantage เครื่องนี้เป็นสเปกขายจริง พร้อมกับชิปประมวลผลตัวแรงยอดนิยมในตลาดของ Gaming Notebook ของ AMD อย่าง Ryzen 7 5800H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่า Ryzen 5000U ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 โค้ดเนม Cezanne มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 3.20 – 4.40 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 16MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 45W ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม

 แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังรวมไปถึงเล่นเกมเป็นหลัก ก็รองรับได้อย่างสบายๆ และดีที่สุดแน่นอน จะเป็นรองก็เพียง Ryzen 9 5900HX เท่านั้นเอง พร้อมด้วยฟีเจอร์ของ AMD Smart Access Memory จะช่วยให้ CPU Ryzen สามารถเข้าถึงแรมของ GPU Radeon ได้โดยตรง เพื่อลดปัญหาคอขวดและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานของ GPU ส่งผลให้ความแรงดีกว่า โดยพร้อมได้แรม SO-DIM ขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz (8GB x 2) ใช้งานได้ทันที พร้อมรองการอัปเกรดได้แบบ 16GB x 2 

c1 2.   c2 2

ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดติดมากับชิปประมวลผล Ryzen 7 5800H อย่าง AMD Radeon 8 มีความเร็วในการทำงานที่ 2100MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น เน้นการใช้พื้นฐานหรือใช้งานทั่วไปเพื่อประหยัดพลังงานมากกว่า อย่างเล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง แต่ถ้ากรณีที่ใช้งานประมวลผล 3 มิติหนักๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือทำงาน ก็จะมีการสลับอัตโนมัติ

โดยมีการ์ดจอแยกอย่าง AMD Radeon RX 6600M สถาปัตยกรรม NAVI 23 เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร มี 1,792 Stream Processors ที่ค่า TGP (Total Graphic Power) 100W มีแรม 8GB GDDR6 กับ Memory bus 128-bit  ซึ่งไม่ใช่แค่แรงแต่ยังร้อนน้อยกว่า เน้นใช้งานกับ AMD Gaming Notebook ระดับบน รองรับเกมระดับ AAA ก็ยังสามารถปรับกราฟิกได้ถึง Ultra ให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น สมจริงกว่าที่เคยมีมา เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เทียบเคียงกับคู่แข่งอย่าง RTX 3060 ได้เลย

  g1 1.   g2 1

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / CINEBENCH 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงมากๆ อย่างน่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีจาก Ryzen 5000H ที่ได้ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H / Intel Core i7-10875H ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยก RX6600M เองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนสุด ที่เน้นการทำงาน 3D เป็นหลัก

cine15 1.   cine20 1

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าประทับใจมากๆ บนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 3 ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนที่เป็น SATA 3 หรือ SSD M.2 SATA 3 แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3570 MB/s และเขียนที่ 2982 MB/s ความเร็วถือว่าทำได้ดีเยี่ยมยอด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ราคาคุ้มค่า ที่ได้ SSD ระดับสูง อันนี้เป็นจุดเด่นที่ชัดเจนทีเดียว

ssd 2

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 7118 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง AMD Radeon RX6600M ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่ารุ่น Legion 5 ที่เป็น NVIDIA GeForce RTX 3060 ในระดับหนึ่งทีเดียว

pc10 2

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 8476 และประมวลผลคาดการณ์เกม Battlefield V ปรับสุด Quad HD ได้ 80+ FPS เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน ซึ่งโดยรวมแล้วเป็นรอง RTX 3060 ประมาณนึง

3d copy 2

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 90 – 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil Village / GTA V / Battlefield V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง SCUM / PUBG / DOTA 2 / APEX ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย

game full

ทดสอบเกมทุกๆ เกมก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล ตาม Native ของหน้าจอ และความละเอียดกว่า 1920 x 1080 พิกเซล ไว้เปรียบเทียบ โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด จากกราฟเฟรมเรทตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดยในส่วนของ Resident Evil Village เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB สมกับตัวการ์ดจอที่ 12GB ทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าประทับใจทีเดียว แต่ถ้าเป็นเกมใหม่อย่าง Elden Ring ก็อาจจะได้เฟรมเรทไม่สูงมาก แต่บอกเลยว่าภาพสวยงามสุดๆ

game Quad

ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / DOTA 2  รวมไปถึงเกม SCUM ที่กินสเปก ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 2560 x 1440 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน  ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย  ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่อย่างบางเกม แนะนำให้ปรับกลางๆ หรือปรับเป็น Full HD น่าจะลื่นไหลและเหมาะกับการเล่นมากกว่า  

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 61

Lenovo Legion 5 AMD Advantage แน่นอนว่ามาพร้อมซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage มีในส่วนเรื่องเช็คการทำงานของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังเลือกใช้งานเฉพาะการ์ดจอแยกด้วยการปิด Hybrid Mode ตรงนี้ได้เลย อีกทั้งตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย นับได้ว่า Lenovo Vantage เป็นซอฟต์แวร์ Ultility ติดเครื่องที่ดีและใช้งานจริงได้

van

Battery / Heat / Noise

Lenovo Legion 5 AMD Advantage นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ประมาณ 5100 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยก็จริง แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียวเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อดู Youtube ได้ยาวนานประมาณ 9 – 12 ชั่วโมง ซึ่งหากดูตามตารางแล้วนั้นจะเห็นได้ว่า Lenovo Legion 5 ทำเวลาได้ใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คที่บางเบาเน้นพกพาเลยก็ว่าได้ คาดว่าจะเป็นเพราะการจัดการพลังงานที่ดีของ Lenovo และชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000H รุ่นใหม่นั่นเอง 

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 56

ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องโดยรวม Lenovo Legion 5 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับการ์ดจอแยกพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมอที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป จากการที่มีพัดลมสองตัวพร้อมฮีตไปป์ 3 เส้นเป่าออกด้านหลังด้านข้าง 4 ทิศทาง และเทคโนโลยี Lenovo Legion Coldfront 3.0 ช่วยจัดการได้อย่างเยี่ยมยอด

batt2

ส่วนเรื่องอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติ ชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60 องศาเซลเซียส ส่วนการ์ดจอแยกจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียสเช่นกัน ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุด ด้วยการเปิดโหมด Performance เพื่อเริ่งประสิทธิภาพ จากการทดสอบโดย CPU ชิปประมวลผล อยู่ที่ไม่เกิน 97 องศาเซลเซียส ส่วน GPU การ์ดจอแยกจะอยู่ที่ไม่เกิน 94 องศาเซลเซียส ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่ได้ร้อนจนเกินไป เมื่อเทียบกับความแรงที่ได้กลับมานับว่ามีความน่าประทับใจ

temp4

Conclusion / Award

Lenovo Legion 5 AMD Advantage เป็น Gaming Notebook ปี 2022 ได้สเปก AMD ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอแยก ที่น่าสนใจมากๆ จาก Ryzen 7 5800 ที่ดีขึ้นในทุกๆ มิติ ส่วน Radeon RX6600M เรียกได้ว่าเข้าคู่กันเป็นอย่างดี ตามแพลตฟอร์ม AMD Advantage ส่งผลให้ได้ทั้วประสิทธิภาพที่ดี ร้อนน้อยลง และแบตยาวนานขึ้นในเครื่องเดียว ได้แรมขนาด 16GB DDR4 และ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 3 ความจุ 512GB โดยตัวเครื่องสี Phantom Blue ที่สวยงาม น้ำหนักอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม มีเทคโนโลยี Lenovo Legion Coldfront 3.0 ที่ช่วยควบคุมความอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี โดยปุ่ม WASD ที่เคลมไว้ว่าไม่ร้อนจนเกินไป ก็ไม่ร้อนรบกวนจริงๆ เวลาเล่นเกม 

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 39

คีย์บอร์ด Lenovo Legion TrueStrike แม่นยำ นุ่มนวล หนักแน่น  รองรับ Anti-Ghosting 100% และตอบสนองได้รวดเร็วใน 1ms ทนทานมากขึ้นด้วยการเคลือบสารให้คุณสมบัติต้านทานการเสียดสีและการสึกกร่อน และแบตเตอรี่ที่ปรับใหม่ให้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ใช้ได้นานถึง 9 – 12 ชั่วโมง ด้วยเทคโนโลยี Hybrid Mode พร้อมด้วย SmartShift ช่วยให้ชิปประมวลผล Ryzen การ์ดจอแยก Radeon รีดประสิทธิภาพออกมาได้อย่างสูงสุด ในการถ่ายเทพลังงานระหว่าง CPU / GPU อย่างชาญฉลาดที่สุด  อีกทั้งสามารถเลือกปรับโหมดได้เองระหว่าง Quiet, Balance และ Performance สลับด้วยการกด Fn + Q ใช้งานได้ง่ายๆ 

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 61

นอกจากนี้ยังสามารถเร่งความแรงได้ด้วยการเปิด Dual Burn เพื่อดัน CPU และ GPU ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดไปพร้อมๆ กัน สมกับเป็น Gaming Notebook มีความเป็น Legion ที่ไม่ใช่แค่สวยงามดุดันแต่เน้นประสิทธิภาพด้วย ทำให้ไม่ว่าเราจะใช้งานทั่วไปอย่าง ดูหนังฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต ทำงานเอกสารลื่นไหลแน่นอน รวมไปถึงเอาไปทำงานตัดต่อวีดีโอโปรเซสไฟล์ภาพก็สบายๆ เสริมประสิทธิภาพการเล่นเกมด้วย AI อัจฉริยะที่มาพร้อมกับ Lenovo Legion 5 AMD Advantage รุ่นใหม่ล่าสุด อีกทั้งมี Radeon Chill จะช่วยปรับสมดุลการใช้งานของการ์ดจอ เพื่อได้เฟรมเรทอย่างเหมาะสม และในขณะเดียวกันก็ยังช่วยลดการใช้พลังงาน และเป็นการลดความร้อนไปด้วยในตัว

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 21

และที่สำคัญคือจอ 15.6″ Qua HD ที่ 2560 x 1440 พิกเซล พาเนล IPS เกรดสูง ได้ 165 Hz ให้ความลื่นไหล และภาพไม่ฉีกขาดด้วย AMD FreeSync รองรับเทคโนโลยี VESA DisplayHDR 400 จอจัดเต็มกว่าหลายๆ รุ่น และในส่วนของ FidelityFX Super Resolution จะเติมพิกเซลที่ขาดหายไป เพิ่มความคมชัดยิ่งขึ้นไปอีก แม้ดีไซน์หลักจะยังเป็นรูปแบบเดิมคล้ายกับ Legion 5 รุ่นก่อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นดีไซน์ที่ลงตัวที่สุดแบบหนึ่ง เพราะทำให้ตัวเครื่องมีช่องระบายความร้อนได้ทั้ง 4 ทิศทาง พอร์ตเชื่อมต่อที่มากกว่าและสามารถใช้ประโยชน์เครื่องจากด้านหลังได้เต็มที่ รวมไปถึงจอภาพที่สามารถกางได้ 180 องศา ที่กางได้มากกว่า Gaming Notebook หลายๆ รุ่น

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 18

โดยรุ่นที่เรานำมาทดสอบเป็นตัวขายจริงในตลาด ถือว่าเป็น Gaming Notebook ได้สเปกที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและการ์ดจอ ขอบจอบางเฉียบ ดีไซน์เน้นเรียบๆ ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง พร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม ได้คุ้มค่าคุ้มราคา อย่างไรก็ตามใครคนไหนที่กำลังมองหา Gaming Notebook งบประมาณ 44,990 บาท (บางร้านลดราคาลงอีก) ก็สามารถดูไว้เป็นตัวเลือกได้ พร้อมช่วงนี้ได้ของแถมหนักๆ กับ โต๊ะและเก้าอี้ Gaming จากทาง Legion x AMD มูลค่ากว่า 6,900 บาท ใครสนใจก็ตามไปจัดกันได้ โดยโปรโมชั่นนี้มีทุกร้าน สอบถามตัวแทนจำหน่ายอีกครั้งก่อนที่จะชำระเงินนะครับ 

Lenovo Legion 5 AMD Advantage Review 9

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Lenovo Legion 5 AMD Advantage ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Design

เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Lenovo Legion Series โน๊ตบุ๊คสาย Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Lenovo Legion 5 AMD Advantage รุ่นใหม่ปี 2022 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามเรียบหรูดูเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม อีกทั้งยังพกพาไปทำงานได้ลงตัว รวมไปถึงตัวเครื่องก็แข็งแรงทนทาน งานประกอบเรียบร้อยทั้งภายนอกและภายใน ได้คีย์บอร์ด Legion TrueStrike ไฟสีขาว ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่หลายคนสนใจ กับรูปลักษณ์ที่รองรับการทำงานก็ดี เล่นเกมก็ดูลงตัว จบครบในเครื่องเดียว

NBS award 7 Design 

Best Performance

ด้วยสเปก Lenovo Legion 5 AMD Advantage ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ AMD Ryzen 5000H ตัวล่าสุด อย่าง Ryzen 7 5800H และการ์ดจอแยกระดับรุ่นใหม่อย่าง AMD Radeon RX6600M ที่ TGP 100Watt ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 16GB แบบ DDR4  รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูง 512GB อีกทั้งได้หน้าจอ QHD พาเนล IPS คุณภาพสูงที่ดีเยี่ยม Refresh Rate 165Hz รองรับเทคโนโลยี VESA DisplayHDR 400 ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ

award new performance

Best Gaming

ได้แพลตฟอร์ม AMD Advantage ที่เหนือชั้นในหลายๆ ด้าน และความบันเทิงก็ทำได้ดีจากลำโพงเสียงดีพร้อมระบบเสียง Nahimic ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง มาพร้อมด้วยสเปคของระบบที่สดใหม่และเร็วแรงจาก  Legion AI Engine ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบ AI จะเป็นตัวช่วยเลือกใช้ค่า CPU และ GPU ที่เหมาะสม ทำงานหรือเล่นเกมก็ทำได้เป็นอย่างดี ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่า 9 – 12 ชั่วโมง ส่งผลให้ Lenovo Legion 5 AMD Advantage เป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจทีเดียว

award new Gaming

 

from:https://notebookspec.com/web/642609-review-lenovo-legion-5-amd-advantage