IBM ประกาศเพิ่มซอฟต์แวร์ 4 รายการลงบน AWS Marketplace ได้แก่ IBM Envizi ESG Suite, IBM Planning Analytics with Watson, IBM Content Services และ IBM App Connect Enterprise
IBM ได้มีการประกาศเป็นพันธมิตรกับ AWS ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาโดยจะทยอยเพิ่มซอฟต์แวร์เพื่อให้บริการลูกค้าในลักษณะ Software as a Service มากขึ้น ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ของ IBM มากกว่า 50 ตัวให้บริการอยู่บน AWS ล่าสุด IBM ได้ประกาศเพิ่มซอฟต์แวร์อีก 4 รายการลงบน AWS Marketplace ได้แก่
IBM Envizi ESG ซอฟต์แวร์ช่วยในการวัดระดับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด Environmental, Social และ Governance (ESG) สามารถเก็บข้อมูล Data Type ได้มากกว่า 500 รูปแบบ พร้อมทำการวิเคราะห์และทำการแสดงผลผ่านทาง Dashboard ได้
Planning Analytics with Watson ซอฟต์แวร์ Business Planning ช่วยในการติดตามตัวชี้วัดทางธุรกิจที่สำคัญ เช่น รายได้ หรือ คาดการณ์รายได้
IBM Content Services เครื่องมือในการจัดการไฟล์ข้อมูลทางธุรกิจ โดยสามารถจัดเก็บไฟล์ได้แบบศูนย์กลาง พร้อมระบบ Data Governance ช่วยกำหนดสิทธิการเข้าถึงและใช้งานข้อมูล
IBM App Connect Enterprise เครื่องมือช่วยในการเชื่อมต่อแอพพลิเคชัน Cloud Native หลายตัวเข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน
นอกจากนี้ IBM ยังเปิดตัว IBM Z และ Cloud Modernization Stack บน AWS Makertplace อีกด้วยโดยเป็นการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการย้ายระบบ Mainframe ขึ้นไปทำงานบน Cloud และยังมีการเปิดตัวบริการ IBM Consulting Platform Services on AWS สำหรับช่วยเหลือองค์กรในการบริหารจัดการ Cloud Application
วงการ shopping เข้าแล้วออกยาก ยุคนี้การสั่งซื้อสิ้นค้าออนไลน์แพร่กระจายตัวเร็วยิ่งกว่าคลัสเตอร์เชื้อไวรัส COVID-19 วิกฤติการระบาดของเชื้อไวรัสส่งผลกระทบไปทั่วโลก ดาราตกงาน อุตสาหกรรมหยุดชะงัก และเกือบทุกธุรกิจต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน Work from Home ทุกการปรับตัวในวิถีชีวิตแบบ New Normal ต่างมองหาตัวช่วยเข้ามาอำนวยความสะดวกและความคล่องตัว เพื่อให้ระบบงานสามารถเดินหน้าต่อไปได้ IT Solution จึงเริ่มขยับตัวเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะ Cloud Service และ Enterprise Software เป็นสินค้าไอทีที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ลงตัวที่สุด และคาดว่าปี 2022 จะมีเม็ดเงินการสั่งซื้อหมุนเวียนในตลาดไอทีระดับองค์กรมากขึ้น
Gartner บริษัทวิจัย คาดการณ์ว่าในปี 2022 ทั่วโลกจะมีการใช้จ่ายในตลาดไอทีสูงถึงเกือบ 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในกลุ่มสินค้า Enterprise Software, IT Service and Data Center ซึ่งตัวเลขนี้เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติของปี 2021 จะเพิ่มขึ้นถึง 5.1% และตัวเลขของกลุ่มสินค้าที่น่าจะเติบโตขึ้นมากที่สุด คือ Enterprise Software คาดว่าจะสามารถเพิ่มขึ้นถึง 11% ในจำนวน 672 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดย Gartner ได้จัดหมวดหมู่กลุ่มสินค้าในการวิจัย ได้รวมตลาด Cloud มาไว้ในกลุ่มเดียวกับตลาด Enterprise Software จึงทำให้ตัวเลขดูว่ามีการเติบโตมากขึ้น
BPaaS = business process as a service; IaaS = infrastructure as a service; PaaS = platform as a service; SaaS = software as a service หมายเหตุ: ผลรวมอาจไม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการปัดเศษ ที่มา: การ์ทเนอร์ (เมษายน 2564)
การเปิดให้บริการแพลตฟอร์ม IBM Cloud for Financial Services จะทำให้องค์กรในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยีพาร์ทเนอร์ที่เกี่ยวข้อง สามารถพัฒนาแอพพลิเคชันด้วย Red Hat OpenShift และย้ายเวิร์คโหลดเวอร์ชวลแมชชีน โดยมั่นใจว่าเวิร์คโหลดที่มีทั้งหมดจะสอดคล้องกับข้อบังคับที่กำกับดูแลอยู่ ด้วยระบบซิเคียวริตี้และการควบคุมด้านคอมไพลแอนซ์แบบบิวท์อิน ทั้งสำหรับเวิร์คโหลด cloud-native และเวิร์คโหลดวีเอ็มแวร์
IBM Cloud for Financial Services สร้างขึ้นบน IBM Cloud ซึ่งเป็นคลาวด์สำหรับธุรกิจที่โอเพนและปลอดภัยที่สุดในอุตสาหกรรม โดยใช้ Red Hat OpenShift เป็นสภาพแวดล้อม Kubernetes หลัก เพื่อช่วยบริหารจัดการซอฟต์แวร์ที่อยู่บนคอนเทนเนอร์ของทั้งองค์กร พร้อมบริการ PaaS ที่เป็น cloud-native ในรูปแบบของ API กว่า 200 รายการ ช่วยให้นักพัฒนาและอีโคซิสเต็มพาร์ทเนอร์สามารถสร้างและทำ modernization ได้ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัย
ปกป้องข้อมูลด้วย Confidential Computing
IBM Cloud for Financial Services ใช้เทคโนโลยี confidential computing เจเนอเรชัน 4 และการเข้ารหัสแบบ Keep Your Own Key ผ่านบริการ IBM Hyper Protect ที่ได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยระดับสูงที่สุดเท่าที่มี [1] ช่วยให้องค์กรสามารถควบคุมกุญแจการเข้ารหัสแต่เพียงผู้เดียว และสามารถกำหนดได้ว่าใครบ้างที่จะเข้าถึงข้อมูลขององค์กรได้ โดย confidential computing ยังช่วยให้สถาบันการเงินสามารถประมวลผลข้อมูลที่มีความสำคัญสูงของตนเองในพื้นที่ที่มีความปลอดภัย ภายใต้สภาพแวดล้อมคลาวด์ที่มีการใช้งานร่วมกัน
ศูนย์กลางของแพลตฟอร์ม IBM Cloud for Financial Services คือ IBM Cloud Framework for Financial Services ที่มีชุดซิเคียวริตี้และการควบคุมเพื่อให้เป็นไปตามกฎข้อบังคับต่างๆ ตามข้อกำหนดของอุตสาหกรรม ช่วยให้สามารถทำงานกับข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวบนพับลิคคลาวด์ได้อย่างปลอดภัย โดยส่วนนี้ได้รับการพัฒนาโดยธนาคารแห่งอเมริกาและโพรมอนทอรี ซึ่งเป็นหน่วยงานคอนซัลท์ด้านคอมไพลแอนซ์ชั้นนำของโลกที่เชี่ยวชาญธุรกิจบริการทางการเงิน และจะได้รับการดูแลต่อโดย Financial Services Cloud Council ที่นำโดยโฮเวิร์ด โบวิลล์ Head of IBM Hybrid Cloud Platform
SAP เข้าร่วมอีโคซิสเต็ม IBM Cloud for Financial Services
วันนี้ IBM Cloud for Financial Services มีอีโคซิสเต็มของ ISV และผู้ให้บริการ SaaS กว่า 90 ราย พร้อมด้วย SAP ที่เข้าร่วมล่าสุด ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานแอพองค์กรขนาดใหญ่ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ลูกค้าของ IBM Cloud for Financial Services จะสามารถเข้าถึงโปรแกรมการอบรมแบบ on demand และการสอบรับรองเพื่อรับประกาศนียบัตรจาก IBM Center for Cloud Training ได้ภายในเดือนนี้ โดยโปรแกรมดังกล่าวจะให้ความรู้เกี่ยวกับคอนเซ็ปต์หลักของ IBM Cloud for Financial Services รวมทั้งคอมโพเนนท์หลัก แอพพลิเคชันต่างๆ และสถาปัตยกรรมของโซลูชันต่างๆ
ข้อมูลอ้างอิง
[1] Based on IBM Hyper Protect Crypto Service, the only service in the industry built on FIPS 140-2 Level 4-certified hardware. FIPS 140-2 Security Level 4 provides the highest level of security defined in this standard. At this security level, the physical security mechanisms provide a comprehensive envelope of protection around the cryptographic module with the intent of detecting and responding to all unauthorized attempts at physical access.
นี่จึงเป็นที่มาของ DCS SOC as a Service บริการศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยระบบเครือข่ายและเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเป็นความร่วมมือของบริษัท ดาต้าโปร คอมพิวเตอร์ ซิสเต็มส์ จำกัด (DCS) และบริษัท Acer Cyber Security (ACSI) โดยบริการ SOC as a Service พร้อมที่จะช่วยดูแลความปลอดภัย เพื่อป้องกันภัยคุกคามแบบ Real time ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีกระบวนการทำงานที่ได้มาตรฐาน และทีมผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์
แต่เมื่อมาถึงยุคของระบบ Cloud ทำให้เหล่าผู้ผลิตซอฟต์แวร์สามารถก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น การใช้ระบบ Cloud เป็นโครงข่ายพื้นฐานแทนการขยายระบบผ่านการเพิ่มจำนวนเซิร์ฟเวอร์ช่วยประหยัดเงินลงทุนได้อย่างมหาศาล ผู้ผลิตซอฟต์แวร์สามารถขยายระบบได้อย่างรวดเร็ว พร้อมตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค ที่สำคัญคือเมื่อซอฟต์แวร์อยู่บนระบบ Cloud ย่อมช่วยลดภาระงานของผู้ดูแลระบบเครือข่ายและฐานข้อมูลลงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ระบบ Cloud ยังช่วยให้สามารถทดสอบฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย ส่งผลให้การให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบ Cloud หรือ Software as a Service กลายเป็นทางออกสำหรับการขยายตลาดสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก
True IDC เปิด ISV On-boading Program สนับสนุนผู้ผลิตซอฟต์แวร์สู่ตลาด Cloud
เพื่อให้ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ประสบความสำเร็จในการขยายบริการเข้าสู่ระบบ Cloud ทาง True IDC จึงได้เปิดบริการ ISV On-boarding Program ให้คำปรึกษาและแนะนำแนวทางปฏิบัติโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้ผลิตซอฟต์แวร์สามารถพัฒนาและต่อยอดซอฟต์แวร์ของตนพร้อมให้บริการในรูปของ Software as a Service ได้
ISV On-boarding Program ครอบคลุมการให้คำปรึกษา แนะนำแนวทาง และให้การสนับสนุน 4 ประการหลัก ดังนี้
1. Solution Assessment
บริการประเมินซอฟต์แวร์ของผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของการให้บริการแบบ as a Service ความคุ้มค่า ความเสี่ยง และเงินลงทุน รวมไปถึงช่วยวาง Roadmap พร้อมแนะนำแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้ผู้ผลิตซอฟต์แวร์สามารถขยายการให้บริการไปสู่ระบบ Cloud ในรูปของ Software as a Service ได้
2. Cloud Architecture Design Support
True IDC มีทีมวิศวกรระบบ Cloud ผู้เชี่ยวชาญซึ่งพร้อมช่วยเหลือผู้ผลิตซอฟต์แวร์ในการให้คำปรึกษา ปรับแต่ง และรีวิวการออกแบบโครงข่ายระบบ Cloud ให้พร้อมรองรับต่อการให้บริการ Software as a Service รวมไปถึงให้คำแนะนำด้านการเลือกใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้ซอฟต์แวร์ที่รันมีประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายถูกลงกว่าเดิม
3. Migration Support
บริการให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการย้ายระบบซอฟต์แวร์และโอนถ่ายข้อมูลจาก Data Center ไปยังระบบ Cloud ครอบคลุมไปจนถึงการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และการทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ที่ให้บริการผ่านระบบ Cloud สามารถทำงานได้อย่างไร้ปัญหา
ด้วยการสนับสนุนทั้ง 4 ประการนี้ ทำให้มั่นใจว่าผู้ผลิตซอฟต์แวร์มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในการปรับการให้บริการซอฟต์แวร์ของตนไปเป็นแบบ Software as a Service และมีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา แนะนำ และดูแลอย่างใกล้ชิด
สำหรับฝั่งพนักงานเอง บริการเสริมบนสมาร์ตโฟนสามารถใช้งานได้ทั้งบน Apple iOS และ Android ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถบันทึกการมาทำงาน ขอลางาน หรือเรียกดูสลิปเงินเดือนผ่าน Mobile Application ได้ทันที ในขณะที่ธุรกิจประเภทโรงงานที่พนักงานไม่ได้มีสมาร์ตโฟนใช้ทุกคน ก็สามารถเลือกติดตั้งเครื่อง Kiosk เพื่อให้พนักงานเข้ามาจัดการข้อมูลประวัติส่วนตัว ดูรายละเอียดการทำงาน หรือขอ OT ด้วยตนเองได้โดยไม่ต้องเขียนเอกสารและตามล่าลายเซ็นต์จากหัวหน้างานของตนอีกต่อไป ช่วยลดภาระการขออนุมัติทั้งฝั่งพนักงานและหัวหน้างาน ในขณะที่ฝ่าย HR สามารถติดตามการขออนุมัติและสถานะการทำงานต่างๆ แบบออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์
Software as a Service บนระบบ Cloud Computing มาตรฐานสูงของ CS LOXINFO
MATRIX HRM เป็นบริการบนระบบ Cloud ในรูปแบบ Software as a Service ซึ่งถูกติดตั้งอยู่ภายใน Data Center มาตรฐานสูงของ CS LOXINFO ถึง 3 แห่ง ได้แก่ อาคารซีดับเบิลยู อาคารเดอะคลาวด์ และอาคาร กสท.โทรคมนาคม พร้อมรับประกันความเชื่อมั่นด้านคุณภาพและความมั่นคงปลอดภัยในการให้บริการด้วยมาตรฐาน ISO 9001, ISO 20000 และ ISO 27001 ที่สำคัญมีระบบสำรองข้อมูลโดยอัตโนมัติทุกวัน ส่งผลให้ Data Center ทั้ง 3 แห่งสามารถทำงานทดแทนกันได้โดยอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุขัดข้อง
นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยกรณีศึกษาของบริษัทต่างๆ ในการย้ายตัวเองไปอยู่บนคลาวด์ พร้อมกับเคล็ดลับสำหรับผู้ที่ทำงานด้านไอทีที่ต้องการยกระดับทักษะตัวเองให้ทันยุคคลาวด์นี้ด้วย อีกทั้งยังมีงานวิจัยต้นฉบับจาก Tech Pro Research ที่วิเคราะห์หาบริการด้านธุรกิจและไอทีบนคลาวด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และผลที่ได้ของบริษัทต่างๆ ที่เลือกใช้บริการดังกล่าว