The industrial internet of things (IIoT) สำหรับอุตสาหกรรมเป็นองค์ประกอบหลักของ Industry 4.0 โดย IIoT จะผสานการทำงานระหว่างเซ็นเซอร์และเครื่องจักรที่ถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างภาพของข้อมูลที่สมบูรณ์แบบในกระบวนการผลิตทั้งหมด เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการตัดสินใจ ถึงแม้ว่าในช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ได้มีองค์กรสายการผลิตจำนวนเพียง 10% เท่านั้นที่มีการนำ IIoT ไปปรับใช้งาน
Airbus เป็นลูกค้ากลุ่มแรกๆ ที่ช่วยลูกค้าของสายการบินในการนำเทคนิคการคาดการณ์ขั้นสูงไปปรับใช้ โดยในปี 2022 Airbus ได้ร่วมมือกับ GE เพื่อปรับใช้ซอฟต์แวร์การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่อิงตาม AI และ ML ที่ซับซ้อน เพื่อคาดการณ์ความล้มเหลวของชิ้นส่วนในเครื่องบิน และดำเนินการซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่อย่างทันท่วงที เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยและความสามารถในการทำกำไร
ตลาดสำหรับโซลูชันการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์มีมูลค่า 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2020 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 13,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2026 ทำให้เห็นถึงภาพการเติบโตของ IIoT, AI และ ML และยังได้สร้างอีกเทรนด์ย่อยที่สำคัญของวิวัฒนาการของโรงงานอัจฉริยะ นั่นคือ Digital Twin
การประยุกต์ใช้ Digital Twins มีตั้งแต่การทำนายอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ตามการออกแบบ (เช่นเดียวกับที่ GE ทำกับเครื่องยนต์ไอพ่นของเครื่องบิน) ไปจนถึงการจัดการโรงงานทั้งหมดและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานผ่านการจำลองและการวิเคราะห์แบบ What-if (ดังที่แสดงโดย Siemens)
A Siemens digital twin of a Jet Engine
จากคาดการณ์มองว่าเมื่อจบสิ้นปี 2021 เกือบครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั้งหมดจะนำ Digital Twins ไปปรับใช้ และคาดว่าธุรกิจต่างๆ จะประหยัดเงินได้มากถึง 1,00,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการใช้ Digital Twins
Mantle uses 3D printing to meet the extremely precise requirements regarding surface finish, temperature tolerance, and material durability in the tooling sector.
Limber Prosthetics and Orthotics ในซานดิเอโกจะสแกนแขนขาของผู้พิการทางดิจิทัล จากนั้นใช้การพิมพ์ 3 มิติเพื่อผลิตแขนขาเทียมเองภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าหนึ่งในสิบของต้นทุนของขาเทียมแบบดั้งเดิม
ปัจจุบัน AWS Private 5G รองรับ 4G LTE (Long Term Evolution) และจะรองรับ 5G ในเร็วๆนี้ ระบบควบคุมทั้งหมดทำงานบน AWS-managed Infrastructure โดยสามารถบริหารจัดการการผ่านทาง AWS Private 5G Console และควบคุมการเข้าถึงอุปกรณ์และแอพพลิเคชันผ่านทาง AWS Identity and Access Management (IAM) ได้ อย่างไรก็ตาม ภายในองค์กรจะต้องทำการติดตั้ง Radio Unit สำหรับปล่อยคลื่นสัญญาณ โดยจะต้องมีผู้ผ่าน Certified Professional Installer (CPI) เป็นผู้ทำการติดตั้ง ซึ่งเปิดโอกาสใน Partner ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ สามารถเข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้าได้
AWS Private 5G รองรับเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดยเริ่มให้บริการใน US East (Ohio), US East (N. Virginia) และ US West (Oregon) และเตรียมจะเปิดให้บริการกับประเทศอื่นๆเพิ่มเติมภายหลัง ส่วนค่าบริการอยู่ที่ 10 เหรียญต่อชั่วโมงต่อ Radio Unit และจ่ายขั้นต่ำที่ 60 วัน
ด้วยความพร้อมของเทคโนโลยี 5G ของไทยจาก AIS Business ที่ผนึกกำลังกับทาง TARA พร้อมกับ Lertvilai & Sons ผู้พัฒนาโซลูชันหุ่นยนต์ FACoBOT Autonomous Mobile Robot (AMR) ขับเคลื่อนอัตโนมัติภายในโรงงานอุตสาหกรรมได้โดยไร้เส้นนำทาง ร่วมกับโซลูชันและแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ Quadra Technology ฝีมือคนไทยที่ทำให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากเครื่องจักรในกระบวนการผลิตจากฝั่ง OT มายังฝั่ง IT ได้อย่างมีมาตรฐาน จึงทำให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถทำให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตเข้าใกล้การเป็น Thailand Industry 4.0 ในอีกขั้นหนึ่งแล้ว
ความร่วมมือที่เกิดขึ้นรวมถึงโซลูชันนวัตกรรมทั้งหมดนี้ จึงเป็นเหมือนการตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยที่มีความสามารถในการสร้างโซลูชันและนวัตกรรมสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากฝั่ง OT หรือเป็นฝั่งต้นน้ำให้มาถึงฝั่ง IT หรือฝั่งปลายน้ำได้อย่างไร้รอยต่อผ่านเครือข่าย 5G ความเร็วสูง ทำให้เกิดเป็นโซลูชันที่ล้วนเป็นฝืมือของคนไทยพัฒนาขึ้นมาทั้งหมดที่พร้อมใช้งานแล้ววันนี้
Q-IIoT (Industrial Internet of Things): ระบบโปรแกรมเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลเครื่องจักรในกระบวนการผลิตแบบ Real-time พัฒนาตามมาตรฐาน IEC-62541 (Interoperability) โดยแสดงข้อมูลบน Dashboard ได้แก่ Equipment Status, Overall Equipment Effectiveness (OEE) และ Energy Status & Usage
หุ่นยนต์และเครื่องจักรทุกยี่ห้อในโรงงาน แม้จะมี PLC ต่างกัน ก็สามารถใช้งานร่วมกับ Q-IIoT ที่พัฒนาตามมาตราฐาน IEC-62541 เพื่อดึงข้อมูลออกมาแล้วส่งต่อไปยังระบบผลิตที่เป็น IT ผ่าน Q-ERP ไปยังคลาวด์หรือระบบส่วนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Servers, Web Apps หรือ Mobile Apps
ส่วนเทคโนโลยีที่ใช้เชื่อมต่อข้อมูลของ Lertvilai FACoBOT Autonomous Mobile Robot (AMR) for Industry 4.0 นั้น สามารถควบคุมผ่านแท็บเล็ตได้โดยตรงผ่าน Wi-Fi และมี Q-IIoT Server ที่วิ่งอยู่บนคลาวด์ ทำให้ FACoBOT AMR สามารถส่งข้อมูลผ่านเน็ตเวิร์กขึ้นไปบนคลาวด์ โดยมี FACoBOT AMR Manager เชื่อมต่อกับ Global Cloud หรือ Local Cloud ของโรงงานผลิต เพื่อดึงข้อมูลจากคลาวด์มาประมวลผลสั่งการกลับมายัง AMR ต่อไป
การเชื่อมต่อ AMRs กับเครือข่ายภายในโรงงานก็สามารถทำได้หลากหลายเช่นกัน ทั้งการเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตแบบ Land Line, WiFi, 4G และ 5G ซึ่งสำหรับ 5G นั้นมีลักษณะการใช้งานสำหรับ Industry 4.0 หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ General Public Network, Public Network with SLAs, Mobile Operator Network Slicing, Dedicated Radio Equipment (ติดตั้งและจัดการโดยเครือข่ายผู้ให้บริการ) และ Standalone Private Network (ผ่านคลื่นความถี่ของผู้ให้บริการ)
นอกจากนี้ ยังมีการนำ AMRs ไปใช้งานใน EEC Automation Park โดยความร่วมมือกับ Mitsubishi, Lertvilai และ DAIFUKU โดย Mitsubishi มี Physical Model Line อยู่ แล้วใช้ Lertvilai FACoBOT AMR เป็นหุ่นยนต์วิ่งรับของที่ผลิตเสร็จเรียบร้อยจาก Mitsubishi Model Line มาส่งที่ DAIFUKU Automated Storage & Retrieval System (ASRS) เพื่อเก็บเข้าชั้นหรือนำสินค้าที่เก็บไว้ไปวางบนสายพานลำเลียงต่อไป
ในภาพรวม กระบวนการอัตโนมัติที่เกิดขึ้นในโรงงาน e-F@ctory ก็มีการนำ Q-IIoT เชื่อมต่อกับ Q-ERP เข้ามาผนวกรวมกับ Mitsubishi Electric Factory Automation ในแต่ละขั้นตอนตั้งแต่การนำสินค้าจาก PLC/AMR ที่ Shop Floor ซึ่งอยู่ในระดับ OT ไปสู่ระบบ IT
ดังนั้น การประยุกต์ใช้งานดังกล่าวจึงนับว่าเป็นต้นแบบของ Digital Manufacturing (4.0) ที่มีการใช้งานจริงแล้วใน EEC Automation Park และสามารถนำโซลูชันดังกล่าวไปปรับใช้ต่อยอดในโรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมการผลิต พร้อมนำพาประเทศไทยไปยัง Thailand Industry 4.0
สำหรับลูกค้าองค์กรที่สนใจโซลูชันของ AIS สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ AIS Business ที่ดูแลองค์กรของคุณ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อีเมล business@ais.co.th
สายการผลิตแบบยืดหยุ่น Layout-free Production Line การนำเสนอโซลูชันที่เปลี่ยนจาก Fixed Line ในสายงานการผลิตที่ยากต่อการเปลี่ยนแปลง มาสู่การสร้างสายการผลิตแบบยืดหยุ่นที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการการผลิตและสภาพแวดล้อมของพื้นที่รวมถึงข้อจำกัดอื่น ๆ รองรับความต้องการของการจัดสายงานการผลิตที่หลากหลาย สามารถออกแบบให้เหมาะสม ปรับเปลี่ยนตามรูปแบบการใช้งานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อันนำพาไปสู่การลดต้นทุน เสริมความคล่องตัวในการดำเนินงานและการส่งออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว
นอกเหนือไปจากการใช้ AR ในสายการผลิตแล้ว อีกแนวทางหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากนั้นก็คือการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับเครื่องจักรด้วยเทคโนโลยี AR ผ่านแว่นตา AR ที่จะทำให้พนักงานแต่ละคนได้สัมผัสกับเครื่องจักรเสมือนในโลก AR และเปิดดูชิ้นส่วนหรือการประกอบภายใน เพื่อทำความเข้าใจและเรียนรู้การทำงานของเครื่องจักรในเชิงลึกได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้การฝึกอบรมวิศวกรหรือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเครื่องจักรนั้นเป็นไปได้อย่างคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
พัฒนา Augmented Reality Mobile Application สำหรับใช้งานในธุรกิจได้ง่ายๆ ไม่ต้องเขียนโค้ดเองด้วย Vuforia
นอกเหนือจากเทคโนโลยี AR ที่มีให้ใช้งานได้ใน Thingworx แล้ว ISID ก็ยังได้นำโซลูชัน Vuforia Studio Drag and Drop AR ซึ่งเป็นระบบ Low-Code Development Platform ที่จะทำให้ธุรกิจโรงงานและการผลิตสามารถสร้าง AR Application ที่เชื่อมต่อดึงข้อมูลที่ตนเองต้องการให้สัมพันธ์กับเครื่องจักรหรือวัตถุภายในสายการผลิตได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องลงมือเขียนโค้ด แต่ทำการสร้าง AR Application แบบง่ายๆ ด้วยการลากวาง และกำหนดเงื่อนไขการแสดงผลหรือโต้ตอบได้
Vuforia Studio Drag and Drop AR นี้จะช่วยให้ธุรกิจโรงงานและการผลิตสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมในการผลิตของตนเองขึ้นมาได้ อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งให้ Application นี้เหมาะสมกับรูปแบบการผลิต, เครื่องจักร, ระบบ ERP/MES ที่ใช้งาน และบทบาทของพนักงานแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไปได้ ช่วยให้การทำ Digital Transformation นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกับผู้บริหารและผู้จัดการสายการผลิตเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พนักงานระดับปฏิบัติการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยประสบการณ์การทำงานที่ดี
สนใจติดต่อ ISID Thailand ได้ทันที
สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันข้างต้น สามารถติดต่อทีมงาน ISID Thailand ได้ทันทีที่ sales_th@isidsea.com หรือติดต่อมาที่ ISID South East Asia Thailand ที่เบอร์ 02-632-9112-3 ได้ตลอดเวลาทำการ 9:00-18:00 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ ISID Thailand ได้ที่ http://www.isidsea.com/ และ Facebook Fan Page ได้ที่ https://www.facebook.com/isidthailand ทันที