คลังเก็บป้ายกำกับ: AIS_BUSINESS

AIS Business ผนึก VMware พัฒนาโซลูชั่นในเชิง Personalized ตอกย้ำความเป็นผู้นำการให้บริการคลาวด์เมืองไทย

AIS Business และ VMware(วีเอ็มแวร์) เดินหน้าประกาศความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ภายใต้ข้อตกลงใหม่ที่ร่วมกันทำงานเพื่อสร้างความแตกต่างที่ดีกว่าด้วยคลาวด์โซลูชันที่ถูกยกระดับและพัฒนาให้เหมาะสมกับความต้องการแบบ Personalized ของผู้ประกอบการกลุ่มต่างๆ ด้วยการนำเทคโนโลยี Multi-cloud ของ VMWare มาสร้างระบบนิเวศของคลาวด์ให้มีความสมบูรณ์ ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการให้บริการคลาวด์โซลูชันของไทย โดยมีเป้าหมายสำคัญในการนำโครงข่ายดิจิทัลอัจฉริยะและเทคโนโลยีชั้นนำ รวมถึงโซลูชันคลาวด์ของ VMware ที่จะมาช่วยผลักดันการทำงานของภาคธุรกิจ SME หรือแม้แต่กลุ่มผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมการผลิต ให้มีศักยภาพที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด ที่จะมีความสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศอีกด้วย

นายเอกภาวิน สุขอนันต์ Country Manager, Thailand, VMware “AIS ถือเป็นพาร์ทเนอร์เชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ VMware โดยในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาเรายังคงทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องโดยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศไทยด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสององค์กร ผ่านการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ของ VMware ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และโครงข่าย 5G ที่แข็งแกร่งจาก AIS ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นให้เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการแพลตฟอร์มคลาวด์แบบ Multi-cloud ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพและสร้างการเติบโตให้กับผู้ประกอบการไทย”

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “เราหวังว่าการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์กับ VMware ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งการทำงานในฐานะผู้นำด้านโซลูชันคลาวด์ที่มีความพร้อมและตอบโจทย์ผู้ประกอบการมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย เพราะเราเชื่อว่าโซลูชันคลาวด์ เป็นเสาหลักสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่จะช่วยให้องค์กรมีศักยภาพใหม่ๆ ในการทำดิจิทัลทรานฟอร์มเมชันภายในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน รวมถึงยังช่วยให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค การแข่งขัน และบริบทใหม่ๆ ของโลกได้อย่างทันท่วงที”

from:https://www.enterpriseitpro.net/ais-business-and-vmware-sign-mou-news-release/

AIS Business เปิดแผนให้บริการลูกค้าธุรกิจปี 2023 พร้อมก้าวไปกับองค์กรด้วยแนวทาง “เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน”

ชื่อ AIS เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคมอันดับหนึ่งของไทย แต่หลายปีที่ผ่านมา AIS ก็ได้ทำ Transformation ปรับเปลี่ยนแนวทางของบริษัทกลายเป็น Digitial Life Service Provider ที่ลูกค้าจะสามารถเลือกใช้บริการจาก AIS ได้หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การสื่อสารที่เป็นท่อเชื่อมต่อไปยังบริการอื่นๆ เท่านั้น แต่บริการต่างๆ ที่สำคัญในยุคดิจิทัลก็สามารถเลือกใช้ AIS ได้เสมอ และขั้นต่อไปของ AIS คือการก้าวไปสู่องค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co เป็นการขยายบริการ จากเดิมที่เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์สู่การเป็นผู้ให้บริการที่รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไรหรือมีปัญหาการใช้งานอย่างไรบ้าง ผ่านการใช้งานเทคโนโลยีอย่าง AI, Data Analytics, Intelligent IT, และ Autonomous Network

No Description

AIS Business บริการฝั่งลูกค้าองค์กรของ AIS แถลงถึงแนวทางการทำธุรกิจในปี 2023 โดยประกาศแนวทาง “เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน” ชู 3 มิติได้แก่ Growth, Trust, Sustainable

  • Growth: Accelerating Growth Beyond Pandemic Recovery เร่งการเติบโตของธุรกิจโดยการสร้างขีดความสามารถใหม่ๆ ด้วยเครื่องมือทางดิจิทัล
  • Trust: Modernizing Trusted Digital Infrastructure to Improve Efficiency, Agility and Security บริการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเชื่อถือได้
  • Sustainability: Creating Sustainable Business with Digital Solutions สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมเพื่อธุรกิจอย่างยั่งยืน

โดย AIS Business สร้างแฟลตฟอร์มที่มาพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้องค์กรลูกค้าสามารถทำ Digital Transformation ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ต้องการ หลังจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา AIS ได้นำร่อง ยกระดับตัวเองจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมสู่การให้บริการดิจิทัลเต็มรูปแบบมาก่อนแล้ว

No Description

ทุกวันนี้ AIS Business เป็นผู้ให้บริการ ดิจิทัลเต็มรูปแบบที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดในการจัดอันดับของ GlobalData ที่สำรวจจาก 200 บริษัทชั้นนำของไทยทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ และทาง AIS Business ยังขยายเครือข่ายพันธมิตรด้านเทคโนโลยีและธุรกิจชั้นนำกว่า 200 องค์กร พร้อมทั้งพัฒนาขีดความสามารถบุคลากรด้วยการเรียนรู้และได้รับใบรับรองด้านไอทีต่างๆ จำนวนมาก เพื่อความพร้อมในการให้บริการไอทีเต็มรูปแบบ

No Description

เร่งการเติบโตและฟื้นฟูธุรกิจหลัง COVID-19

ธุรกิจในไทยจำนวนมากต้องประสบปัญหา และหยุดชะงักไปในช่วงเหตุการณ์ COVID-19 แต่หลังจากนี้ธุรกิจต้องการความพร้อมในการกลับมาเติบโต AIS Business ได้เตรียมเทคโนโลยีและโซลูชันที่หลากหลายเพื่อเร่งการเติบโตให้ธุรกิจ พร้อมกับความสามารถในการปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

แพลตฟอร์ม 5G และคลาวด์ของ AIS Business เปิดทางให้ธุรกิจสามารถปรับธุรกิจสู่การเป็นธุรกิจอัตโนมัติเต็มรูปแบบ สามารถนำบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานทรัพยากรไอทีได้อย่างเต็มที่ ด้วยแพลตฟอร์ม และโครงสร้างพื้นฐานด้าน Digital ซึ่งรองรับการปรับตัวด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมดเข้าด้วยกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ รองรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เข้ากับคลาวด์เต็มรูปแบบด้วย Cloud Native Platform

No Description

ธุรกิจในยุคนี้ที่ต้องการการตัดสินใจจากข้อมูลเป็นสำคัญ AIS เองเป็นองค์กรที่มีการใช้ข้อมูลในการทำธุรกิจเป็นจำนวนมหาศาลอยู่แล้ว ทำให้ AIS Business มีความเชี่ยวชาญและพร้อมให้คำปรึกษากับธุรกิจว่าควรใช้ข้อมูลใดมาประกอบการตัดสินใจ และทำอย่างไรจึงจะได้ข้อมูลเหล่านั้นเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากพันธมิตรต่างๆ หรือการสร้างโซลูชัน IoT ให้เหมาะกับลูกค้าเพื่อเก็บข้อมูลได้ตามเวลาจริง เพื่อให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้ทันที

การสร้างโซลูชันใหม่ๆ จาก AIS Business จะเปิดทางให้ธุรกิจสามารถเปลี่ยนตัวเองไปได้หลังจากนี้ จากก่อนหน้านี้ที่ AIS Business มุ่งสร้างโซลูชันใหม่ๆ สำหรับภาคการผลิต ในปีนี้จะมีโซลูชันเพื่ออุตสาหกรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก, ธุรกิจขนส่ง, ธุรกิจการเงินการธนาคาร, หรือการจัดการอาคารและการจัดการเมือง

No Description

สร้างโครงสร้างที่น่าเชื่อถือ ยืดหยุ่น พร้อมกับความปลอดภัย

มุมที่สองที่ AIS Business เตรียมมุ่งไปคือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่น่าเชื่อถือให้กับธุรกิจต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพที่ดี วางใจได้ ขณะเดียวกันก็มีความปลอดภัยสูง

โครงสร้างส่วนแรกคือการให้บริการเน็ตเวิร์คที่ AIS Business สามารถช่วยองค์กรทั้งระดับสตาร์ตอัพไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ให้สามารถเชื่อมต่อทุกจุดเข้าด้วยกันด้วยเครือข่ายที่ทันสมัย เช่นการเชื่อมต่อเครือข่ายด้วยเทคโนโลยี software-defined network ที่จะช่วยบริหารจัดการการใช้งานเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งสามารถควบคุมได้จากศูนย์กลาง พร้อมเชื่อมต่อกับเครือข่าย 5G ที่มีเสถียรภาพเพื่อยกระดับสำหรับการใช้งานเครือข่ายระดับองค์กร ทำให้องค์กรสามารถขยายบริการไปได้อย่างรวดเร็วกว่าที่เคยทำมา

No Description

AIS Business มีบริการคลาวด์ที่ครบวงจรอย่าง AIS Cloud X ระบบนิเวศ Cloud อัจริยะ ที่พร้อมบริการหลายรูปแบบให้ธุรกิจเลือกใช้งานซึ่งพร้อมต่อเชื่อมกับ Infrastructure ในรูปแบบ MEC หรือ Edge ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ปลายทางสูงขึ้นได้โดยมี latency ต่ำ รวมถึง Infrastructure ที่พร้อมสนับสนุนการทำ hybrid/multi-cloud เปิดทางให้องค์กรสามารถใช้งานคลาวด์ รวมถึงศูนย์ข้อมูลในองค์กรเองผสานกันได้อย่างเหมาะสมโดยยังมีการจัดการที่ดี ตลาดจนโซลูชันเพื่อความต่อเนื่องในการให้บริการทั้งโครงสร้างแบบ High Availability และการทำศูนย์ข้อมูลสำรองในกรณีมีเหตุภัยพิบัติ Disaster Recovery ตลอดจนหากองค์กรมีเงื่อนไขในการเก็บข้อมูลทีมีความละเอียดอ่อนในประเทศตามเงื่อนไขการกำกับดูแลของอุตสาหกรรม AIS Business ก็มีบริการ Sovereign Cloud ให้บริการ เพื่อให้องค์กรมีความมั่นใจมากขึ้นในเรื่องเสถียรภาพ และความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล

ทั้งนี้หากองค์กรต้องการยกระดับความปลอดภัยของระบบดิจิทัลในองค์กร AIS Business ยังมีบริการด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น การปกป้องความปลอดภัยระดับอุปกรณ์ปลายทาง (End Point) , การเชื่อมต่อกับระบบ Cloud หรือ การดูแลการโจมตีรูปแบบต่างๆ เช่นการแฮกระบบ หรือการโจมตีแบบ DDoS AIS Business ก็มีบริการที่จะช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจขององค์กรด้วยความมั่นใจ

No Description

สร้างนวัตกรรม และ โซลูชันเพื่อสนับสนุนความยั่งยืนของธุรกิจและความยั่งยืนทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อม

ด้านที่สามของ AIS Business คือการทำธุรกิจไปพร้อมกับการสร้างเสริมให้สังคมและสิ่งแวดล้อมดีขึ้น โดยที่ผ่านมา AIS เองมีโครงการสนับสนุนสังคมหลายอย่าง ทั้งการสนับสนุนการศึกษาผ่านแพลตฟอร์ม AIS Academy for Thai หรือการเพิ่มความตระหนักภัยไซเบอร์ด้วยโครงการ AIS อุ่นใจไซเบอร์ ในแง่สิ่งแวดล้อม AIS ร่วมรับผิดชอบขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยโครงการ AIS e-Waste และการลดการใช้พลังงานของเครือข่าย AIS เองเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน

No Description

บทเรียนจากการจัดการของ AIS Businessเป็นโซลูชันที่องค์กรต่างๆ สามารถนำโซลูชันไปใช้งานได้ เช่น โซลูชันสำหรับการจัดการพลังงานในธุรกิจ, การตรวจสอบคุณภาพอากาศ, หรือการตรวจสอบของเสียที่เกิดจากอุตสาหกรรม

ทาง AIS Business ได้พยายามสร้าง ecosystem เพื่อให้ธุรกิจต่างๆ ใช้บริการดิจิทัลมากขึ้นเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจการอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การออกแบบหรือทดลองที่สามารถใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลสามมิติที่ประหยัดกว่าการสร้างต้นแบบจริงและต้องใช้วัสดุและพลังงานในการผลิตไปพร้อมกัน

และทั้งหมดคือแนวทางของ AIS Business ที่จะจับมือกับธุรกิจต่างๆ ให้สามารถก้าวข้ามผ่านช่วงเวลา COVID-19 สู่การเติบโตและก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
“Your Trusted Smart Digital Partner”
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : business@ais.co.th
Website : https://business.ais.co.th

from:https://www.blognone.com/node/133309

ดาวน์โหลดฟรี Whitepaper “การใช้ Microsoft Teams Phone โดย AIS Business”

AIS Business ร่วมกับ Microsoft ได้จัดทำ Whitepaper ฉบับภาษาไทย จะช่วยให้คุณเห็นถึงการใช้งาน Microsoft Teams Phone ที่เป็นแบบ Operator Connect ได้ผ่านทาง AIS Business ซึ่งสามารถที่จะเชื่อมโยงเบอร์ที่เป็น Fix line (เบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย 02) เข้ากับ Microsoft Teams จากนั้นก็นำมากำหนดเบอร์ภายในเพิ่มเติมให้กับพนักงานขององค์กรในแต่ละท่านได้ทันที
เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการมีเบอร์โทรศัพท์ใหม่และไม่อยากลงทุนระบบโทรศัพท์หรือการตั้งค่าที่มีความซับซ้อน พร้อมทั้งวิธีการติดตั้งและใช้งานได้ในภายในฉบับ
คลิกลงทะเบียนดาวน์โหลด พร้อมลุ้นรางวัล (ฟรี)

 

from:https://www.enterpriseitpro.net/whitepaper-microsoft-teams-phone/

ตรวจสุขภาพความปลอดภัยระบบไอทีด้วย Microsoft Defender for Cloud

ภัยไซเบอร์ทุกวันนี้คนร้ายสามารถหาจุดที่อ่อนแอที่สุดแล้วโจมตีไม่ว่าส่วนที่อ่อนแอนั้นจะเป็นส่วนที่เล็กน้อยเพียงใดก็ตาม แต่โครงสร้างไอทีที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวันนี้ องค์กรมักใช้คลาวด์จากผู้ให้บริการหลายราย รวมถึงมีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในศูนย์ข้อมูลขององค์กรเอง การดูแลว่าระบบใดมีความผิดพลาดในจุดใด เช่น การเปิดพอร์ตเกินความจำเป็น หรือมีการคอนฟิกที่ผิดหลักความปลอดภัยบางประการกลายเป็นเรื่องยากที่จะดูแลได้ทั่วถึง เซิร์ฟเวอร์สักตัวอาจจะคอนฟิกผิดพลาด ไม่ทำตามหลักความปลอดภัยที่ดี หรือใช้ซอฟต์แวร์เก่าจนเกิดความเสี่ยงกับระบบโดยรวม โครงสร้างไอทีขององค์กรเองกระจายตัวมากขึ้น ทั้งที่อยู่บนคลาวด์หลายราย เช่น Microsoft Azure, AWS, GCP หรือคลาวด์ผู้ให้บริการคลาวด์ในประเทศอย่าง AIS Cloud X ตลอดจนคลาวด์ภายในขององค์กรเอง

No Description

ช่องโหว่หรือการโจมตีอาจจะเกิดได้หลายทาง ตั้งแต่การคอนฟิกผิดพลาด เผลอเปิดสตอเรจออกอินเทอร์เน็ตโดยไม่ตั้งใจ หรือจะเป็นการใช้งานโดยขาดการบำรุงรักษา ทำให้มีซอฟต์แวร์ที่มีช่องโหว่อยู่ในระบบ

No Description

Microsoft Defender for Cloud บริการดูแลความปลอดภัยไอทีครบวงจร

Microsoft Defender for Cloud เป็นแพลตฟอร์มดูแลความปลอดภัยระบบไอทีบนคลาวด์ที่ครอบคลุมตลอดอายุการใช้งานของบริการไอทีในองค์กร โดยแบ่งออกเป็นบริการ 3 ส่วน ได้แก่

  • DevSecOps: ดูแลการพัฒนา ตั้งแต่ระดับโค้ด และ pipeline ในการพัฒนาซอฟต์แวร์
  • cloud security posture management (CSPM): ดูแลโครงสร้างและแนะนำถึงแนวทางการป้องกันการโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
  • cloud workload protection platform (CWPP): ระบบดูแลความปลอดภัยของ workload เฉพาะทาง เช่น เซิร์ฟเวอร์, คอนเทนเนอร์, สตอเรจ, และฐานข้อมูล

สำหรับฝ่ายไอทีที่ต้องดูแลระบบขนาดใหญ่และซับซ้อน รวมถึงการดูแลให้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ แล้ว CSPM จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยดูแลให้ระบบไอทีมีความแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างเป็นระบบ

ดูแลโครงสร้างไอทีให้ปลอดภัยอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง

การใช้งานคลาวด์นั้นลดภาระการดูแลให้องค์กรได้มากเนื่องจากความรับผิดชอบด้านความปลอดภัยหลายส่วนนั้นผู้ให้บริการคลาวด์รับผิดชอบแทนที่องค์กรให้ อย่างไรก็ดีองค์กรผู้ใช้โครงสร้างบนคลาวด์เองก็ยังมีความรับผิดชอบของตัวเองอยู่ ผู้ให้บริการคลาวด์ไม่สามารถเข้ามาแก้ไขหากผู้ใช้ยืนยันใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่อัพเดต หรือเปิดบริการที่ไม่ได้เข้ารหัสอย่าง FTP เมื่อคอนฟิกแล้ว คลาวด์ทุกรายก็จะให้บริการตามที่ผู้ใช้ต้องการแม้จะมีความเสี่ยง หลายครั้งฝ่ายไอทีอาจจะดูแลระบบเป็นอย่างดีแต่แอปพลิเคชันใหม่อาจจะมีส่วนที่ไม่ปลอดภัย มีการเปิดพอร์ตอันตรายโดยไม่มีใครรู้ตัวจนเวลาผ่านไปนาน

No Description

Defender CSPM เข้ามาช่วยแนะนำการใช้งาน ดูแลโครงสร้างทั้งระบบเพื่อให้ฝ่ายไอทีมองเห็นว่าสุขภาพระบบไอทีโดยรวมเป็นอย่างไร มีข้อบกพร่องส่วนใดต้องรีบเข้าไปจัดการแก้ไข โดยทั่วไปแล้วหากองค์กรมีระบบไอทีขนาดใหญ่ มีเซิร์ฟเวอร์นับร้อยหรือนับพันเครื่อง ผู้ดูแลอาจจะเจอปัญหาที่สแกนความปลอดภัยออกมาแล้วเจอรายงานปัญหาเล็กๆ น้อยๆ จนเต็มไปหมด ไม่สามารถจัดลำดับควาามสำคัญได้อย่างเหมาะสม

No Description

CSPM แจ้งปัญหาและความสำคัญให้กับผู้ใช้ด้วยระบบให้คะแนน หรือ Secure Score ที่เรียงตามลำดับความสำคัญของการปรับปรุงความปลอดภัยแบบต่างๆ ไมโครซอฟท์จะแสดงคำแนะนำให้ทำอะไรบ้างเพื่อแก้ไขความเสี่ยงแต่ละข้อ และความเสี่ยงของแต่ละข้อนั้นกระทบกับทรัพยากรใดในระบบไอทีขององค์กรบ้าง โดยฟีเจอร์ Secure Score นี้อยู่ในแพ็กเกจเบื้องต้นที่ใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

No Description

สำหรับองค์กรที่ต้องการดูแลความเสี่ยงต่างๆ มากขึ้น ไมโครซอฟท์ยังมีฟีเจอร์ Regulatory Compliance ช่วยจัดคำแนะนำการแก้ไขความเสี่ยงต่างๆ เข้ากับมาตรฐานความปลอดภัยที่ได้รับความเชื่อถือสูงๆ เช่น SOC TSP, PCI DSS ตลอดจนมาตรฐานอื่นๆ อีกนับสิบรายการ ทำให้องค์กรที่กำลังต้องการปรับปรุงระบบไอทีให้ผ่านมาตรฐานเหล่านี้ สามารถดูจุดที่ยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานและแก้ไขตามคำแนะนำได้ทันท่วงที

No Description

การวิเคราะห์เส้นทางการโจมตีที่มีความเสี่ยงสูง ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถโฟกัสกับการแก้ปัญหาส่วนที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างแม่นยำ เช่น เซิร์ฟเวอร์ที่มีสิทธิระดับสูง หรือระบบฐานข้อมูลที่มีข้อมูลสำคัญกลับเปิดรับการเชื่อมต่อจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง ฟีเจอร์ Attack path analysis ของ CSPM ก็สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงเหล่านี้ออกมาให้ผู้ดูแลเห็นภาพได้ทันที

ดูแลครบทุกคลาวด์และในศูนย์ข้อมูล

บริการตรวจสอบความปลอดภัยในคลาวด์เองไม่ใช่เรื่องใหม่นัก ผู้ให้บริการรายใหญ่มักมีบริการแบบเดียวกันเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานคลาวด์ได้อย่างปลอดภัยยิ่งๆ ขึ้น แต่บริการ Microsoft Defender for Cloud นั้นขยายขอบเขตออกไปด้วยการรองรับการดูแลความปลอดภัย ได้บน AWS, GCP, และระบบต่างๆ บนศูนย์ข้อมูลขององค์กรเองผ่านทาง Azure Arc

No Description

โดยการทำงานของ Microsoft Defender for Cloud ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำ Security Operations ที่สามารถทำงานได้ครบทั้งระบบไอที หน้าจอ dashboard เดียวสามารถมองเห็นสุขภาพโดยรวมของโครงสร้างทั้งหมด

AIS Business ที่ปรึกษาที่วางใจได้สำหรับผู้สนใจ Microsoft Defender for Cloud

AIS Business เป็นผู้ให้บริการไอทีที่ทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์อย่างใกล้ชิด ทั้งการให้บริการตั้งแต่การจัดซื้อบริการของ Microsoft Azure ผ่านทาง AIS Business เพื่อให้องค์กรสามาถจัดการภาษีและบัญชีได้ง่ายขึ้น ย้ายระบบไอทีขึ้นมาอยู่กับ AIS Cloud X ที่ทำงานร่วมกับบริการต่างๆ ของ Azure ได้ใกล้เคียงกับการใช้งานบนคลาวด์เต็มรูปแบบแต่ข้อมูลยังอยู่ในประเทศ หรือจะเป็นการให้คำปรึกษาช่วยเหลือองค์กรที่ต้องการนำ Microsoft Defender for Cloud มาดูแลความปลอดภัยของระบบไอทีโดยรวมทั้งองค์กร

AIS Business พร้อมให้บริการ Microsoft Azure สนใจปรึกษา หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ https://business.ais.co.th/solution/microsoftazure.html

AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
“Your Trusted Smart Digital Partner”
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email: business@ais.co.th
Website: https://business.ais.co.th

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/133155

AIS ย้ำผู้นำบทใหม่ตัวจริง สร้างเศรษฐกิจแบบร่วมกัน ECOSYSTEM ECONOMY พร้อมก้าวข้ามทุกขีดจำกัด ส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่เหนือชั้น ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับโลก ขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจฐานรากสู่การเติบโตร่วมกันของเศรษฐกิจดิจิทัล [press release]

AIS ปักหมุดแผนการดำเนินงานปี 2023 มุ่งสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจแบบร่วมกัน หรือ ECOSYSTEM ECONOMY ผสานความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมร่วมผู้ประกอบการ พร้อมสร้างศักยภาพของคนไทย ผ่านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่มีความอัจฉริยะ บนโครงข่าย 5G และเน็ตบ้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและคนไทย

  • Digital Intelligence Infrastructure: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอัจฉริยะ จากโครงข่าย 5G และเน็ตบ้าน พร้อม 5G Platform เพื่อภาคอุตสาหกรรม ด้วยการลงทุนในปีนี้ที่ 27,000 – 30,000 ล้านบาท
  • Cross Industry Collaboration: เชื่อมต่อธุรกิจข้ามอุตสาหกรรม พร้อมร่วมมือกับผู้ประกอบการรายย่อยกว่า 1.8 ล้าน ร้านค้าทั่วประเทศ สร้างการเติบโตไปด้วยกัน พร้อมประโยชน์เพื่อลูกค้า
  • Human Capital & Sustainability: ยกระดับขีดความสามารถของ Digital Talent และคนไทยผ่าน Education Platform รวมถึงส่งเสริมความรู้ทักษะดิจิทัลสร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า “จากผลการดำเนินงานของ AIS ในปีที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างการเติบโตที่สวนทางกับสถานการณ์การแข่งขัน ในมิติต่างๆ ทั้งรายได้ ผลกำไร และจำนวนลูกค้า ทำให้วันนี้ AIS เป็นผู้ให้บริการดิจิทัลที่สามารถส่งมอบโครงข่ายสื่อสาร 5G ที่เร็วแรงที่สุด มีความครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศเป็นอันดับ 1 มากกว่า 87% หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่าง AIS Fibre ที่เข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วไทย กว่า 8.8 ล้านครัวเรือน

ทั้งหมดเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า AIS สามารถก้าวข้ามทุกความท้าทายมาได้เสมอ แม้จะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป นั่นจึงเป็นที่มาของแนวคิดการจัดงาน AIS BEYOND THE BOUNDARIES ที่วันนี้เราพร้อมพาลูกค้าและคนไทยก้ามข้ามทุกขีดจำกัด พร้อมสร้างเศรษฐกิจแบบร่วมกัน ECOSYSTEM ECONOMY สู่การใช้ชีวิตบนโลกดิจิทัลที่ทุกคนจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การใช้งานที่เหนือชั้นจาก AIS ในทุกช่วงเวลา”

นายสมชัย ขยายความต่อไปอีกว่า การดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ Cognitive Tech-Co เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและคนไทยในการก้าวข้ามทุกข้อจำกัด และเติมเต็มECOSYSTEM ECONOMY ที่วันนี้ AIS มองการเติบโตของทุกภาคส่วนร่วมกันทั้ง ECOSYSTEM ทำให้โครงข่ายสื่อสารต้องมีความสามารถใหม่ๆ ที่มีความพร้อมที่จะเอื้อต่อการเติบโตของระบบนิเวศทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน ทั้งในเรื่องของเน็ตเวิร์คที่ต้องมีความ Interactive หรือสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าตลอดเวลา สามารถสร้างรูปแบบบริการเฉพาะบุคคลแบบ Personalization ของลูกค้าได้อย่างตรงใจ และมีความรวดเร็วสามารถตอบสนองในระดับ Real Time เพื่อให้เท่าทันทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งการใช้เทคโนโลยี Autonomous Network Monitoring เข้ามาการตรวจเช็คปริมาณการใช้งานของลูกค้าแบบ Realtime เพื่อให้สามารถจัดสรรCapacity ของเน็ตเวิร์คให้กับลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ หรือแม้แต่งานบริการดูแลลูกค้าแบบ Intelligent Service ที่มีการนำ AI เข้ามาเป็นตัวช่วยตรวจสอบ ช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาอัจฉริยะแบบ Smart Diagnostics

โดยวันนี้ AIS ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม ด้วยการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้มีความอัจฉริยะ (Digital Intelligence Infrastructure) ด้วยการถือครองคลื่นความถี่มากที่สุด ครบทั้งย่านความถี่ต่ำ กลาง และสูง รวมกว่า 1460 MHz  รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับ NT เพื่อร่วมกันพัฒนา Digital Infrastructure ของให้ประเทศให้มีความแข็งแกร่ง สามารถใช้คลื่นความถี่ที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนไทยตามความตั้งใจของทั้งสององค์กรที่ได้ประมูลมา รวมถึงจะทำให้ NT เป็นองค์กรโทรคมนาคมแห่งชาติสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ลูกค้า AIS ก็จะได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้น จากการมีคลื่น 700 MHz เพิ่มขึ้นอีก 10 MHz (Downlink 5 MHz และ Uplink 5 MHz) ทำให้ AIS มีคลื่น 700 MHz รวมเป็น 40 MHz (Downlink 20 MHz และ Uplink 20 MHz) ซึ่งจะทำให้ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ

นอกจากนี้ในส่วนของ 5G SA (Stand Alone) ซึ่งมีความสามารถในการช่วยประหยัดพลังงาน โดย AIS เป็นผู้ให้บริการรายแรกที่สามารถเปิดให้บริการได้ครบทั้ง 77 จังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตพื้นที่เศรษฐกิจ EEC ที่ครอบคลุมกว่า 92% ล่าสุดยกระดับการให้บริการที่รองรับ Millimeter Wave ในย่านความถี่สูงเป็นครั้งแรก ประกาศศักยภาพความเร็วแรงทะลุมาตรฐาน 5G ที่ 3Gbps บนเครือข่าย 5G Millimeter Wave ย่าน 26 GHz รายแรก รายเดียวในไทย ผ่านสมาร์ทโฟนระดับโลก

รวมไปถึงโครงข่ายเน็ตบ้านที่วันนี้ AIS Fibre เข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วไทยกว่า 8.8 ล้านครัวเรือน และครองส่วนแบ่งตลาดในเชิงของผู้ใช้งานกว่า 16% โดยล่าสุดได้มีการสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยเทคโนโลยีระดับโลกล่าสุด กับสายไฟเบอร์ออฟติกโปร่งใส (Transparent Fiber Optic) เชื่อมโยงอุปกรณ์กระจายสัญญาณและสร้างโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ Gigabit ทุกห้องภายในบ้านบนโครงข่ายเดียวกัน พร้อมเชื่อมต่อสัญญาณไวไฟแบบไร้รอยต่อ(Seamless Roaming) เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดทุกพื้นที่ในบ้าน

พร้อมยกระดับภาคอุตสาหกรรมผ่านบริการ AIS PARAGON (Next Generation Orchestration Platform) ที่จะเป็นเสมือน 5G One Stop Platform ให้ภาคอุตสาหกรรมช่วยบริหารจัดการ resources ผ่าน Cloud และ Edge Computing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยอีกหนึ่งโครงสร้างพื้นฐานอย่าง Green Data Center ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะเป็น Data Center ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

นอกจากนี้ CEO AIS ยังเน้นย้ำถึง การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทุกภาคส่วนข้ามอุตสาหกรรมแบบ Cross Industry ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับโลกเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกัน โดยในปีนี้เรายังคงทำงานร่วมกับร้านค้าถุงเงิน ร้านธงฟ้า ร้านค้ารายย่อย โชว์ห่วย ร้านสตรีทฟู้ด รวมกว่า 1.8 ล้าน ร้านค้าทั่วประเทศ ผ่านโครงการพอยท์เพย์ จากธนาคารกรุงไทย รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของไทยอย่าง เครือเซ็นทรัล รวมถึงร้กานค้าแบรนด์ดังจากทั่วประเทศรวมมากกว่า 20,000 ร้านค้า เพื่อเป็นการขับเคลื่อนและสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก ให้ลูกค้าสามารถนำ AIS Points มาแลกรับสิทธิพิเศษได้อย่างมากมายทั้ง กิน เที่ยว ช้อปปิ้ง ในขณะเดียวกันก็ได้ทำงานร่วมกับธนาคารกรุงเทพเพื่อส่งมอบบริการทางการเงินอย่าง บัตรเดบิต Be1st Digital AIS POINTS ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแง่ของการสะสมคะแนนจากพาร์ทเนอร์นอกเหนือจากการใช้บริการของ AIS พร้อมขยายการช้อปปิ้งออนไลน์ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

วันนี้ AIS ยังทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกเพื่อส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น SAMSUNG ที่ร่วมกันมอบความพิเศษกับการใช้งานเน็ตบ้านพร้อมสมาร์ททีวีตอบโจทย์การใช้งานด้านความบันเทิงในบ้านอย่างครบถ้วน, ZTE กับแท็บเล็ตสามมิติ Nubia Pad 3D ที่ทำงานด้วยเทคโนโลยี AI รุ่นแรกของโลกสามารถทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การจำลองภาพเสมือนจริงทั้ง การสื่อสาร สตรีมมิ่ง และการเล่นเกม รวมถึงการแชร์ข้อมูลในรูปแบบ 3 มิติโดยไม่ต้องสวมอุปกรณ์เสริม หรือแม้แต่การนำเสนอบริการทางการเงินร่วมกับสถาบันทางการเงิน อย่าง UOB กับบริการ UOB Best Buy เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงการใช้งานจากสมาร์ทโฟน 5G ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

ที่พิเศษกว่านั้นคือการก้าวข้ามขีดจำกัด เดินหน้าผนึกกำลังร่วมกับพาร์ทเนอร์ในกลุ่ม Content Provider ทั้งระดับประเทศและระดับโลกมาให้คนไทยได้ได้รับชมสุดยอดคอนเทนต์ไม่ว่าจะเป็น Disney+ Hotstar, NETFLIX, 3Plus, MONOMAX และสุดยอดคอนเทนต์กีฬาระดับโลกกับ ไม่ว่าจะเป็น เทนนิส ฟุตบอลทั้งยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ยูฟ่ายูโรปาลีกและ ลีกชั้นนำของยุโรปอีกมากมาย กับช่อง beIN Sports ที่วันนี้ได้มอบความพิเศษให้กับลูกค้า AIS รับชมฟรีทุกช่องทุกรายการแข่งขันได้ถึง 11 เมษายน 2566

ในด้านการศึกษา CEO AIS อธิบายว่าหนึ่งในนโยบายที่นำศักยภาพดิจิทัลขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม คือการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น สร้างคุณค่าและการเข้าถึงดิจิทัลให้ทุกคนในสังคม โดยเฉพาะในแกนของการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา ที่วันนี้ AIS Academy ได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน สถานทูตแคนาดาประจำประเทศไทย และ สมาคมวิทยาลัยและสถาบันประเทศแคนาดา หรือ Colleges and Institutes Canada (CICan) ในการนำหลักสูตรการเรียนรู้จากสถาบันชั้นนำของประเทศแคนาดาเสมือนการนำโลกไร้พรมแดนมาให้คนไทยและลูกค้าได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง รวมถึงวันนี้เรายังนำศักยภาพโครงข่ายดิจิทัลมาพัฒนาเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและสร้างทักษะดิจิทัลให้คนไทยรู้เท่าทัน พร้อมอยู่กับโลกดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ ผ่านโครงการ AIS “อุ่นใจ CYBER”

นายสมชัย กล่าวในช่วงท้ายต่อไปอีกว่า “ด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่องมากที่สุดในอุตสาหกรรม ทำให้ AIS พร้อมก้าวข้ามทุกขีดจำกัดผลักดันให้เกิด เศรษฐกิจแบบร่วมกัน ECOSYSTEM ECONOMYเพื่อส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัล ทั้งโครงข่ายสื่อสารอัจฉริยะ และเน็ตบ้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ สิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์มากที่สุด รวมถึงงานบริการที่ดีที่สุด ภายใต้การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทุกภาคส่วน สอดประสานการทำงานโดยใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาสร้างการเติบโตร่วมกันให้กับลูกค้า คนไทย และประเทศชาติ”

เกี่ยวกับ AIS

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ผู้นำด้าน Digital Life Service Provider ที่มีคลื่นความถี่ในการให้บริการมากที่สุดอันดับ 1 รวม 1420 MHz และมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 46 ล้านเลขหมาย (ณ ธันวาคม 2565) พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี 5G ที่ครบ 77 จังหวัดแล้วเป็นรายแรกผ่าน 3 สายธุรกิจ ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงภายใต้แบรนด์ AIS Fibre และบริการดิจิทัล 5 ด้าน ได้แก่ วิดีโอ คลาวด์ ดิจิทัลเพย์เมนท์ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) และบริการร่วมกับพาร์ทเนอร์ตลอดจนขยายสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ อาทิ AIS eSports, AIS Insurance Service ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศขยายขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรม และยกระดับ คุณภาพชีวิตของคนไทยไปพร้อมกัน พบกับเราได้ที่ www.ais.th

from:https://www.techtalkthai.com/ais-beyond-the-boundaries-2023/

AIS Cloud X ทางเลือกสำหรับองค์กรที่ต้องการวางฐานข้อมูล SQL Server ในประเทศโดยไม่ต้องดูแลเอง

ระบบฐานข้อมูลนับเป็นหัวใจสำหรับของธุรกิจจำนวนมาก ข้อมูลทางธุรกิจ และข้อมูลลูกค้าล้วนอยู่บนระบบฐานข้อมูลนี้และต้องอาศัยการดูแลที่วางใจได้ มีการรักษาความปลอดภัยที่ดี มีการแก้ไขช่องโหว่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และต้องสามารถทำงานได้รวดเร็ว งานเหล่านี้นับเป็นความยุ่งยากของทีมไอทีในองค์กรที่ต้องคอยดูแลระบบฐานข้อมูลให้ทำงานต่อเนื่อง อีกทั้งต้องวางแผนว่าซอฟต์แวร์จะหมดอายุซัพพอร์ตในช่วงเวลาใด ทำให้ต้องมีการย้ายระบบและทดสอบครั้งใหญ่เมื่อต้องเปลี่ยนเวอร์ชั่นซอฟต์แวร์ในแต่ละครั้ง

No Description

ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์มีทางเลือกให้กับผู้ใช้ฐานข้อมูล Microsoft SQL Server ให้สามารถลดภาระการดูแลฐานข้อมูลของตัวเองไปได้ด้วยบริการ Azure SQL ที่ให้ไมโครซอฟท์เป็นผู้ดูแลฐานข้อมูลเอง ลดภาระงานฝ่ายไอที และเปลี่ยนความยุ่งยากในการดูแลระบบและย้ายซอฟต์แวร์ให้กลายเป็นบริการที่คิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งาน

แต่สำหรับองค์กรจำนวนมาก การต้องย้ายฐานข้อมูลไปคลาวด์ที่อยู่ต่างประเทศทำให้มีเงื่อนไขต้องพิจารณาเพิ่มเติม ทั้งกฎระเบียบการกำกับดูแลจากหน่วยงานต่างๆ ที่อาจจะต้องขออนุญาตเพิ่มเติม หรือในแง่ของประสิทธิภาพ ที่แอปพลิเคชันบางส่วนอาจจะยังอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ในประเทศและต้องเชื่อมต่อกับส่วนที่ย้ายขึ้นไปคลาวด์ทำให้ประสิทธิภาพการเชื่อมต่ออาจจะไม่ดีนัก หรือหากมีข้อมูลต้องส่งไปมาปริมาณมากๆ ก็จะเกิดค่าแบนวิดท์จนน่าตกใจได้

No Description

AIS Cloud X บริการคลาวด์จาก AIS Business นำบริการคลาวด์ Azure มาถึงองค์กรในไทยด้วย Azure Arc บริการที่ไมโครซอฟท์เปิดสิทธิให้ AIS สามารถนำบริการบน Azure มาอยู่ใกล้กับองค์กรในไทยยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึง Azure Arc บน AIS Cloud X ได้ง่ายๆผ่าน Azure Portal เดิมที่ใช้งานอยู่ และสามารถเปิดบริการและจัดการได้เหมือนการใช้ Azure ตามปกติ สามารถเรียกใช้ resource ต่างๆ บน Azure เช่น การเปิดใช้ virtual machine หรือบริการเพิ่มเติมหรือต้องการแยก Account ของ Azure สำหรับ Azure Arc ก็ทำได้เช่นกัน เพื่อเป็นการบริหารจัดการ resource แต่ละโครงการแยกออกจากกันก็สามารถทำได้

บริการ Azure SQL PaaS บน AIS Cloud X นั้นยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการจัดการที่องค์กรไม่ต้องจัดการระบบฐานข้อมูลเองเหมือนบน Azure ปกติ และยังได้รับแพตช์ต่อเนื่องทำให้ลดความกังวลเรื่องซอฟต์แวร์หมดอายุซัพพอร์ตไปได้ โดย Azure SQL Managed Instance นั้นสามารถตั้งค่าให้ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันที่พัฒนากับ SQL Server 2008 ขึ้นมาได้ ทำให้แน่ใจได้ว่าแอปพลิเคชันทั้งหมดยังสามารถงานต่อเนื่องได้เช่นเดิม หรือจะเปิดใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ SQL Server เมื่อพร้อมก็สามารถทำได้ตามช่วงเวลาที่ต้องการ

สำหรับองค์กรที่มีไลเซนส์ SQL Server พร้อมกับ Software Assurance อยู่แล้ว สามารถนำไลเซนส์มาใช้งานใน Azure SQL Managed Instance ต่อไปได้ ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมลดลง นอกจากนี้ระหว่างการย้ายฐานข้อมูลขึ้นสู่ AIS Cloud X องค์กรยังสามารถใช้ฐานข้อมูลทั้งบนคลาวด์และในศูนย์ข้อมูลของตัวเองได้นานถึง 180 วัน เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการย้ายแอปพลิเคชันไร้ปัญหาอย่างแท้จริง มีเวลาทดสอบระบบต่างๆ นานเพียงพอ

No Description

นอกจากการใช้งานระบบฐานข้อมูลเดิมได้อย่างต่อเนื่องแล้ว การใช้ Azure SQL PaaS บน AIS Cloud X ยังลดภาระการดูแลระบบฐานข้อมูล โดย AIS เป็นผู้ดูแลโครงสร้างพื้นฐานให้มีความพร้อม ขณะที่ไมโครซอฟท์ดูแลความปลอดภัยของระบบปฎิบัติการเครื่องและระบบฐานข้อมูล ทำให้องค์กรใช้เวลากับการพัฒนาแอปพลิเคชันได้เต็มที่

การใช้จัดการทรัพยากรของ Azure Arc PaaS บน AIS Cloud X ยังคงทำผ่าน Azure Portal ทำให้ได้ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยแบบเดียวกัน สามารถตรวจสอบการใช้งานและกำหนดสิทธิการเข้าถึงระบบต่างๆ ตลอดจนสามารถเก็บล็อกการเข้าถึงระบบได้ผ่านทางบริการของ Azure เอง

องค์กรที่ใช้ Azure SQL PaaS บน AIS Cloud X มีข้อได้เปรียบหลายประการ ตั้งแต่การมีวิศวกรคนไทยจาก AIS เป็นผู้ซัพพอร์ตเมื่อเกิดปัญหา ทั้งยังสามารถติดต่อ AIS Business ได้ตลอดเวลา การเชื่อมต่อที่อยู่ในประเทศ ทำให้สามารถเชื่อมต่อได้เต็มแบนวิดท์ ให้บริการคนไทยได้เต็มประสิทธิภาพ, และที่สำคัญคือทาง AIS Cloud X ไม่คิดค่าแบนวิดท์เหมือนการใช้คลาวด์ปกติ

การเชื่อมต่อโดยไม่ต้องกังวลค่าแบนวิดท์และยังอยู่บนเครือข่ายของ AIS ที่เชื่อมต่อไปยังทุกเครือข่ายในประเทศไทยด้วยประสิทธิภาพสูงเปิดทางให้องค์กรสามารถจัดรูปแบบการใช้งานได้อย่างอิสระ ทั้งการยกโครงสร้างทั้งหมดขึ้นไปอยู่กับ AIS Cloud X และยังให้บริการผู้ใช้ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี หรือจะย้ายแอปพลิเคชันบางส่วน แต่ยังต้องการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันในองค์กรอยู่ ก็สามารถแน่ใจได้ว่าแอปพลิเคชันจะทำงานร่วมกันได้โดยไม่เสียประสิทธิภาพ และไม่ต้องกังวลกับค่าแบนวิดท์หากมีการรับส่งข้อมูลปริมาณมากๆ

การใช้งาน SQL Server บน AIS Cloud X จึงเป็นบริการที่สร้างข้อได้เปรียบในหลายมุม เปิดแนวทางการใช้งานใหม่ๆ ให้องค์กรมีตัวเลือกที่ตรงความต้องการขึ้นกว่าเดิม

สำหรับองค์กรที่สนใจใช้บริการ Azure SQL PaaS บน AIS Cloud X สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://business.ais.co.th/solution/azure_sql_paass.html หรือปรึกษาทีมงาน AIS Business ได้ที่ email : business@ais.co.th

AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
“Your Trusted Smart Digital Partner”
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน

ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : business@ais.co.th
Website : https://business.ais.co.th

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/133041

ยกระดับการสื่อสารราบรื่นแก่องค์กรยุคใหม่ด้วย Operator Connect บน MS Teams Phone บริการยืนหนึ่งจาก AIS Business

เมื่อเทรนด์การทำงานยุคใหม่เปลี่ยนรูปแบบไปสู่ Hybrid Work หรือ Work from Home กันมากขึ้น การสื่อสารโดยใช้โทรศัพท์ตั้งโต๊ะประจำออฟฟิศแบบดั้งเดิมอาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ทั้งเรื่องความไม่ยืดหยุ่นคล่องตัว ต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงในการติดตั้งและการบำรุงรักษา รวมไปถึงต้นทุนเวลาที่ต้องสูญไปกับการตั้งค่าที่ยุ่งยากซับซ้อน

วันนี้องค์กรยุคใหม่สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดการสื่อสารแบบเดิม ๆ ได้แล้ว ด้วย Operator Connect บริการใหม่บน Microsoft Teams Phone ที่เข้ามาพลิกโฉมการสื่อสารสำหรับธุรกิจของคุณให้ง่ายดายและฉับไว เพิ่มความคล่องตัวให้กับทีมผู้ปฏิบัติงานแม้ไม่อยู่ในออฟฟิศ พร้อมบริการครบครันจาก AIS Business ผู้ให้บริการ Operator Connect รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ช่วยให้การเริ่มต้นใช้งานการสื่อสารด้วยหมายเลขออฟฟิศผ่าน Microsoft Teams ง่ายและรวดเร็วกว่าที่เคย

จากข้อจำกัดของโทรศัพท์องค์กรดั้งเดิม

หากมองย้อนกลับไปถึงสถานที่ทำงานสมัยก่อนช่วงโควิด หลาย ๆ ท่านคงคุ้นเคยกับภาพบรรยากาศที่มีพนักงานนั่งทำงานพร้อมโทรศัพท์ประจำโต๊ะหรือ IP Phone แต่กว่าจะมีการวางระบบโทรศัพท์ในลักษณะนั้นได้ย่อมต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนที่ยุ่งยากและซับซ้อน ตั้งแต่การติดตั้งตู้สาขาโทรศัพท์ PBX การเดินสายโทรศัพท์ การตั้งค่าคู่สายและฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ยิ่งในกรณีที่อุปกรณ์มีปัญหาระหว่างใช้งาน ก็ยิ่งทำให้การดำเนินงานหยุดชะงักในทันที เนื่องจากต้องรอทีม Support เข้ามาแก้ไขในภายหลัง

นอกจากความยุ่งยากในการติดตั้งและดูแลรักษาระบบโทรศัพท์แบบดั้งเดิมแล้ว กระบวนการทั้งหมดนี้ล้วนมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง การจัดซื้ออุปกรณ์โทรศัพท์หรือ IP Phone การดูแลบำรุงรักษาระบบและอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ กลับกลายเป็นว่าเงินที่ใช้จ่ายไปกับสินทรัพย์ถาวรของบริษัทหรือ CAPEX นั้นไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะบริษัทที่พึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจอาจถึงขั้นประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินก็เป็นได้

การใช้งานโทรศัพท์ประจำโต๊ะทำงานแบบเดิมนั้นยังไม่เอื้อต่อความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการติดต่อสื่อสารทั้งระหว่างภายในและภายนอกองค์กร ในกรณีที่พนักงานไม่ได้เข้าออฟฟิศ ลูกค้าที่โทรเข้ามายังหมายเลของค์กรก็อาจจะไม่สามารถติดต่อกับบริษัทหรือพนักงานโดยตรงได้ ซึ่งทำให้สูญเสียโอกาสทางธุรกิจไปโดยใช่เหตุ 

ดังนั้น ด้วยข้อจำกัดของการใช้ระบบโทรศัพท์แบบดั้งเดิม ทั้งเรื่องความยุ่งยากของการติดตั้งและการบำรุงรักษา ค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่สูง และการไม่รองรับความยืดหยุ่นและความคล่องตัวจากการเปลี่ยนสถานที่ทำงาน จึงทำให้การเลือกใช้ระบบตู้สาขาโทรศัพท์พร้อมอุปกรณ์สื่อสารติดตั้งในที่ทำงานไม่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่อีกต่อไป

สู่การสื่อสารทุกที่ ไร้ขีดจำกัดผ่าน Microsoft Teams Phone

เมื่อการทำงานไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในสำนักงานอีกต่อไป การใช้งานเครื่องมือเพื่อการสื่อสารและการทำงานร่วมกันบนคลาวด์อย่าง Microsoft Teams จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะตอบโจทย์การทำงานร่วมกันได้ทุกที่ในทุกเวลาผ่านหลากหลายชนิดอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป PC/MAC หรือแล็ปท็อป รองรับการใช้งานได้บนทุกระบบปฏิบัติการ มั่นใจได้ทุกการเชื่อมต่อเพื่อให้พนักงานไม่พลาดทุกการสื่อสาร

สำหรับฟีเจอร์ Teams Phone ที่ผสานรวมมาใน Microsoft Teams ก็เข้ามาช่วยยกระดับการสื่อสารสำหรับพนักงานองค์กรให้สามารถรับสายโทรศัพท์ โทรออกติดต่อบุคคลภายนอกองค์กรผ่านแอปพลิเคชัน Microsoft Teams บนเดสก์ท็อปหรืออุปกรณ์โมบายล์ต่าง ๆ โดยไม่ต้องพึ่งโทรศัพท์ประจำโต๊ะหรือ IP Phone ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นคล่องตัวให้พนักงานสามารถติดต่อกับพนักงานคนอื่นในองค์กรและลูกค้าภายนอกได้ทุกที่ ปลดล็อกข้อจำกัดเรื่องการติดต่อนอกสถานที่แม้ไม่ได้อยู่ในสำนักงาน

เพื่อให้การสื่อสารของธุรกิจองค์กรราบรื่นโดยไม่สะดุด AIS Business ในฐานะพันธมิตรหลักของ Microsoft จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายร่วมกับ Microsoft และให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับ SBC (Session Border Controller) เพื่อเชื่อมต่อระบบโทรศัพท์ขององค์กรกับ Microsoft Teams Phone ให้สามารถติดต่อสื่อสารไปยังหมายเลขปลายทางต่าง ๆ ได้ ทั้งหมายเลข Fixed Line และหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม

Microsoft Teams Phone ที่ให้บริการโดย AIS Business จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่สำหรับองค์กรยุคนี้ที่กำลังมองหาโซลูชันเพื่อการสื่อสาร ด้วยคุณสมบัติการใช้งานเช่นเดียวกับโทรศัพท์สำนักงานในราคาที่ถูกกว่า ลดค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากซับซ้อนของการติดตั้งและดูแลระบบ สะดวกรวดเร็วในการเริ่มต้นและง่ายต่อการใช้งาน เสริมการทำงานได้อย่างต่อเนื่องและราบรื่น เรียกได้ว่าประหยัดทั้งเงินและเวลาขององค์กรได้อย่างลงตัวและมีประสิทธิภาพ

ตารางแสดงการเปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่าง PBX และ Teams Phone

ยกระดับการสื่อสารอีกขั้นด้วย Operator Connect บน MS Teams

ล่าสุด AIS Business ร่วมกับ Microsoft ได้เปิดตัวบริการใหม่ชื่อว่า “Operator Connect” บน Microsoft Teams ที่ทำให้การใช้งาน Microsoft Teams Phone สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ตอบรับเทรนด์ Hybrid Work สำหรับองค์กรยุคใหม่ที่ต้องการความรวดเร็ว ฉับไว พร้อมใช้งานระบบสื่อสารได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการติดตั้งและการดูแลฮาร์ดแวร์ ด้วยราคาที่เป็นมิตรต่อองค์กร

Operator Connect เป็นโซลูชันระบบคลาวด์ที่ทำให้องค์กรสามารถใช้หมายเลขประจำองค์กรรับสายและโทรออกไปยังหมายเลขโทรศัพท์ภายนอกได้ผ่าน Microsoft Teams Phone บนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์โมบายล์ต่าง ๆ ทั้งมือถือและแท็บเล็ตในทุกระบบปฏิบัติการ เปรียบเสมือนการมีเบอร์ประจำที่ทำงานหรือโทรศัพท์สำนักงานพกติดตัวไปได้ทุกที่แม้ไม่ได้อยู่ในออฟฟิศ 

Operator Connect บน Microsoft Teams Phone เรียกได้ว่า สามารถทดแทนระบบโทรศัพท์ PABX แบบดั้งเดิมเลยก็เป็นได้ เพราะพนักงานสามารถรับสายจากลูกค้าและโทรออกด้วยเบอร์สำนักงานได้ตลอดเวลาบนอุปกรณ์ของตน ทำให้องค์กรของคุณไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อ จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจทุกรูปแบบที่มีทีมพนักงานฝ่ายขาย ผู้ให้บริการดูแลลูกค้าหลังการขาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกเมื่อ รวมไปถึงผู้บริหารที่ต้องการความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการปฏิบัติงานด้วย

Operator Connect กับจุดเด่นที่ตอบโจทย์ทุกองค์กร

คุณสมบัติของ Operator Connect คล้ายกับ Teams Direct Routing ในแง่ของความสามารถในการใช้เบอร์ของออฟฟิศโทรติดต่อไปยังภายนอกองค์กรได้ แต่จุดต่างที่ทำให้ Operator Connect โดดเด่นและเหมาะที่จะเป็นทางเลือกสำหรับองค์กรยุคใหม่ คือ ความง่ายและรวดเร็วในการเริ่มต้นใช้งาน โดยองค์กรสามารถเปิดใช้งาน Operator Connect กับ AIS Business บนหน้า Microsoft Teams Admin Center และตั้งค่าการใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วยตัวเอง หมดกังวลเรื่องการตั้งค่าและการติดตั้งฮาร์ดแวร์ที่ยุ่งยากซับซ้อน พร้อมให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจใช้งาน Operator Connect ได้ทันที

ในส่วนของการตั้งค่ากำหนดหมายเลขโทรศัพท์แก่พนักงานแต่ละคนนั้น บริษัทก็สามารถบริหารจัดการภายในองค์กรได้อย่างราบรื่นง่ายดายผ่านหน้า Microsoft Teams Admin Center ไม่ว่าจะเป็นการผูกหมายเลขโทรศัพท์ประจำโต๊ะกับบัญชี Teams ของพนักงาน การตั้งค่าลำดับการโทร หรือการสลับหมายเลขหมุนเวียนภายในองค์กรเพื่อรองรับการเปลี่ยนพนักงานเข้า-ออก โดยกระบวนการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาดำเนินการผ่านผู้ให้บริการ แต่สามารถแก้ไขตั้งค่าได้ด้วยตัวเอง ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาและเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงานได้เป็นอย่างมาก

นอกจากการเริ่มต้นใช้งานและการบริหารจัดการที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วแล้ว จุดเด่นอีกอย่างของ Operator Connect บน Microsoft Teams Phone คือ การประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย เนื่องจาก Teams Phone ใช้งานได้ผ่านระบบคลาวด์ทั้งหมด องค์กรจึงไม่ต้องลงทุนติดตั้งตู้สาขาโทรศัพท์หรือโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ใด ๆ ที่หน้างาน รวมถึงอุปกรณ์โทรศัพท์ IP Phone ด้วย อีกทั้งไม่ต้องสำรองเงินเพื่อใช้จ่ายในการดูแลรักษาระบบหรือเปลี่ยนทรัพยากรทางด้าน IT ในกรณีที่อุปกรณ์เสื่อมเสียหายตามระยะเวลาการใช้งาน 

ต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ถูกลงในการใช้งาน Operator Connect บน Microsoft Teams Phone นั้นจึงเป็นข้อได้เปรียบที่ต่างจากการใช้งานระบบโทรศัพท์ PBX แบบดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่ต้องลงทุนจำนวนเงินมหาศาลนับหลายล้านไปกับฮาร์ดแวร์โครงสร้างพื้นฐานสำหรับติดตั้งระบบโทรศัพท์ แต่เมื่อองค์กรเลือกใช้ Operator Connect บน Microsoft Teams Phone ก็สามารถเปลี่ยนจากการลงทุนเงินก้อนไปกับสินทรัพย์ถาวรของบริษัท (CAPEX) แบบเดิม ๆ ไปสู่การลงทุนในรูปแบบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ (OPEX) ต่อเดือนตามจำนวนผู้ใช้งานในองค์กร ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้มากถึง 48% พร้อมกับเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและนำเงินทุนไปต่อยอดธุรกิจในส่วนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

AIS Business ผู้ให้บริการ Operator Connect หนึ่งเดียวในไทย

บริการ Operator Connect บน Microsoft Teams Phone ถือว่าเป็นความร่วมมือครั้งล่าสุดระหว่าง AIS Business กับ Microsoft โดย AIS Business เป็นผู้ให้บริการ Operator Connect รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย พร้อมให้บริการครบวงจรแบบ One-stop Service ตั้งแต่การให้คำปรึกษาแนะนำรูปแบบการใช้งานให้เหมาะสมกับแต่ละองค์กร การให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์เชื่อมต่อระหว่าง Microsoft Teams และ SBC แบบองค์รวม การให้บริการ Microsoft Teams Phone พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ประจำที่ (Fixed Line) สำหรับโทรติดต่อภายนอก ไปจนถึงการให้บริการหลังการขายและการดูแลสนับสนุนอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

ด้วยการให้บริการในรูปแบบ Subscription-based Model ของ Operator Connect จาก AIS Business นั้น ยิ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้องค์กรในเรื่องค่าใช้จ่ายตามปริมาณการใช้งาน ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับความต้องการตามจำนวนผู้ใช้งานที่แตกต่างกันในแต่ละองค์กร (จำนวนผู้ใช้งานขั้นต่ำ 5 หมายเลข) โดยประกอบด้วย

  • ค่า License ของระบบ Microsoft Teams Phone
    (สำหรับลูกค้า Microsoft 365 E5 ไม่ต้องชำระค่า License เพิ่ม)
  • ค่าบริการรายเดือนต่อผู้ใช้งาน
  • ค่า Voice Airtime Pooling ตามการใช้งาน

ดังนั้น เมื่อเทียบกับการใช้งานระบบโทรศัพท์แบบดั้งเดิมแล้ว Operator Connect จึงถือว่ามีความคุ้มค่าแก่การลงทุนในราคาย่อมเยา เพื่อเสริมการสื่อสารและสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรให้มีความสะดวกรวดเร็ว ราบรื่นไร้รอยต่อ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม และวันนี้ AIS Business พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งของแรงขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวข้ามข้อจำกัดการสื่อสารแบบเดิม ๆ ก้าวรุดไปข้างหน้า และเชื่อมต่อทุกฝ่ายให้เข้าถึงกันผ่านบริการ Operator Connect บน Microsoft Teams Phone

สำหรับลูกค้าองค์กรที่สนใจใช้ระบบ Microsoft Teams Phone และบริการ Operator Connect กับองค์กรของตน พร้อมรับบริการคำแนะนำสำหรับองค์กรยุคใหม่จาก AIS Business สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ AIS Business ที่ดูแลองค์กรของท่าน หรือ E-mail: business@ais.co.th

————————————————

AIS Business พาร์ตเนอร์ที่ช่วยตอบโจทย์ทุกเรื่อง ICT & Digital ที่คุณมั่นใจ

“Your Trusted Smart Digital Partner”

ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่

Email : business@ais.co.th 

Website : Microsoft Teams Phone (ais.co.th)

from:https://www.techtalkthai.com/ais-operator-connect-on-ms-teams-phone/

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ก้าวสู่ Smart University ด้วยบริการจาก AIS Business

ท่ามกลางภูมิประเทศอันสวยงามกว่า 5,000 ไร่ ในจังหวัดเชียงราย คือที่ตั้งของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สถาบันอุดมศึกษาชั้นแนวหน้าของประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ อันพิสูจน์ได้จากการเป็นมหาวิทยาลัยไทยที่ได้รับอันดับสูงที่สุดจากการจัดลำดับ THE World University Rankings 2023 โดย Times Higher Education (THE) องค์กรจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก

สิ่งเหล่านี้คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้หาก มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงไม่มีพื้นฐานด้านวิชาการ การบริหารจัดการที่เป็นเลิศ และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ พื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง มีความยืดหยุ่นพร้อมปรับตัวรับกับทุกความเปลี่ยนแปลง

“ เพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์ การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของอาเซียน ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และยุทธศาสตร์ดิจิทัล เพื่อก้าวสู่ Smart University เราให้ความสำคัญกับการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี ที่พร้อมต่อยอดสู่การศึกษาที่พัฒนาอย่างไม่สิ้นสุด “ รศ. ดร.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าว

รศ. ดร.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ระบบไอทีเพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์ดิจิทัล

การจะเดินตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มหาวิทยาลัยต้องมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยี โดยมีการกำหนดยุทธศาสตร์ดิจิทัล เพื่อการพัฒนาด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย การรองรับการเติบโตของอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง (GMS) และภาคเหนือตอนบน

การอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตแบบ Digital Life Style มอบประสบการณ์การเรียนการสอนที่ไม่มีขีดจำกัด สนองตอบต่อรูปแบบการเรียนรู้แบบ Blended Learning ที่รองรับการเรียนรู้แบบผสมผสาน และการให้บริการการแพทย์ด้วยเทคโนโลยี Telemedicine

รวมถึงการใช้บุคลากรที่มีจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถให้การบริการที่รวดเร็วต่อความต้องการ พร้อมใช้งานได้ทันท่วงที รวมถึงปรับตัวเพื่อรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลง ท้ายสุดคือการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

นั่นทำให้ มหาวิทยาลัยจำเป็นต้องยกระดับการเรียนการสอนด้าน การดำเนินงาน และที่สำคัญคือโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี ถึงที่พร้อมทั้งประสิทธิภาพ ความสเถียร และมีความยืดหยุ่นสูง

การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีครั้งสำคัญ

นี่จึงเป็นที่มาของการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายทั้งแบบใช้สาย และไร้สาย รวมถึงเสริมประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ครั้งสำคัญ ด้วยการเลือกใช้โซลูชันจากซิสโก้ โดยมี AIS Business (เอไอเอสบิสสิเนส) พันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่มหาวิทยาลัยให้ความไว้วางใจ

เอไอเอสบิสสิเนส ช่วยวางแผน ออกแบบ จัดหา และติดตั้งโซลูชันต่าง ๆ ด้วยแนวคิด Intelligent Network ประกอบด้วย

1) Intelligent Connectivity โครงข่ายการเชื่อมต่ออัจฉริยะ
– การขยายแบนวิดธ์ระบบเครือข่ายจาก 1 Gbps เป็น 10 Gbps ครอบคลุมทั้งการปรับปรุงเครือข่าย Fiber ทั่วมหาวิทยาลัย และอัปเกรดสวิตช์ทั้ง Core, Distributed และ Access เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีทั้งความเร็ว และความเสถียร

– การอัปเกรดเครือข่ายไร้สายด้วยมาตรฐาน Wi-Fi 6 ด้วยอุปกรณ์แอคเซสพอยต์จากซิสโก้มากกว่า 2000 จุด โดยใช้อุปกรณ์มาตรฐานสูงอย่าง Cisco Catalyst 9800 Wireless Controller และ Catalyst 9120AX Access Point

ที่ไม่เพียงขยายพื้นที่การใช้งานมากขึ้น แต่ยังรองรับสื่อการเรียนการสอนสมัยใหม่ และ Blended Learning ซึ่งมีการใช้งานจากอุปกรณ์ต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งโน๊ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์แท๊ปเล็ต ที่จำเป็นต้องมีระบบเครือข่าย และอินเทอร์เน็ต ที่มีประสิทธิภาพ

2) Intelligent Security ระบบความปลอดภัยไซเบอร์อัจฉริยะ
การเสริมความปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทั้งในปัจจุบัน และอนาคต พร้อมปกป้องเครือข่าย รวมถึงผู้ใช้จากภัยไซเบอร์ทุกรูปแบบ ด้วย Cisco Firepower อุปกรณ์ Next Generation Firewall ที่สามารถให้บริการ Advanced Malware Protection (AMP) และ Next-generation IPS (NGIPS) เพิ่มเติมได้ในเครื่องเดียว

3) Intelligent Managed Service บริการช่วยจัดการอัจฉริยะ
สนับสนุนการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยด้วยบริการ Managed Services ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากเอไอเอส เพื่อช่วยดูแลระบบไอทีต่าง ๆ ให้ทำงานอย่างราบรื่น รวมถึงช่วยแบ่งภาระของหน่วยงานหลักด้านไอทีอย่างศูนย์บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้สามารถทุ่มเทกับการพัฒนาบริการดิจิทัลต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

ความเป็นมืออาชีพ และประสบการณ์ในการวางโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
ด้วยประสบการณ์ในการออกแบบ ติดตั้งดิจิทัลโซลูชัน และทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถาบันการศึกษา และองค์กรขนาดใหญ่มากมาย ทำให้เอไอเอสบิสสิเนสมีความเข้าใจความต้องการของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นอย่างดี จึงสามารถจัดหาโซลูชันที่สามารถตอบสนองต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านต่างๆ ของมหาวิทยาลัยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการใช้งาน เพื่อเพิ่มความเสถียร และป้องกันความเสียหายแก่อุปกรณ์ดิจิทัล เช่น ภายใต้สภาพแวดล้อมการใช้งานที่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 5,000 ไร่ มีทั้งภูเขา และป่าไม้ เอไอเอสบิสซิเนสจึงเลือกใช้สายไฟเบอร์ออปติกชนิดพิเศษที่สามารถป้องกันการกัดแทะจากกระรอก รวมถึงมีการป้องกันมด หรือแมลง เข้าไปสร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์แอคเซสพอยต์ เป็นต้น

“ ในฐานะผู้นำด้านบริการดิจิทัลโซลูชัน เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในการสร้าง Smart Education Solution ที่จะช่วยสนับสนุนวิสัยทัศน์ในการก้าวสู่ Smart University เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักศึกษา, บุคคลากรของมหาวิทยาลัย และรูปแบบการศึกษาในยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ คุณพรสิทธิ์ ปาลิไลยก์ Solution Sales and Partner Management Manager, AIS กล่าว

คุณพรสิทธิ์ ปาลิไลยก์ Solution Sales and Partner Management Manager, AIS

พร้อมต่อยอดความก้าวหน้าอย่างไม่สิ้นสุด

ด้วยความพร้อมของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี ด้วยโซลูชันจากซิสโก้ และการให้บริการโดยเอไอเอสบิสสิเนส ทำให้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พร้อมรับมือกับทุกความท้าทาย และพัฒนาตามวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็น มหาวิทยาลัยชั้นนำของอาเซียนที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ (A Leading University in ASEAN with International Recognition) ได้อย่างยั่งยืน

from:https://www.enterpriseitpro.net/ais-x-mfu-go-to-smart-university/

AIS Business ผลักดันองค์กรสู่ Cognitive Tech-Co ด้วยเทคโนโลยีแบบอัจฉริยะ ช่วยสร้างธุรกิจไทยให้เติบโตแบบยั่งยืน

เอไอเอส มุ่งสร้างการเติบโตและเพิ่มศักยภาพในการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาเพิ่มเติมมากขึ้นจากการที่เป็นผู้ให้บริการในรูปแบบการสื่อสารทั่วไปให้เปลี่ยนมาเป็น Digital Life Service Provider อย่างยาวนานมากกว่า 7-8 ปี แต่อย่างไรก็ตาม เอไอเอส เองยังคงมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา และมองไปถึงอนาคตที่จะให้บริการแก่ลูกค้า โดยวางเป้าหมายจะเป็น Cognitive Tech-Co เพื่อตอบสนองความต้องการด้วยโซลูชันที่ดียิ่งขึ้น

Cognitive Tech-Co คืออะไร?

เอไอเอส อธิบายว่า การก้าวสู่ผู้ให้บริการในลักษณะการเป็น Cognitive Tech-Co นั้น ก็คือการเติมความอัจฉริยะลงไปในบริการหรือลงไปในโซลูชัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ความอัจฉริยะดังกล่าวจะช่วยให้ AIS Business สามารถรับรู้ในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกค้าของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น การรับรู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า, รับรู้ถึงบริการที่ทางลูกค้าใช้อยู่ว่ามีปัญหาหรือต้องปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมในจุดใด โดยระบบที่เป็นแบบ Cognitive จะสามารถจัดการและแก้ไขในจุดนี้ได้


ความอัจฉริยะที่จะใส่ลงไปในโซลูชันใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นจะหมายรวมถึงเทคโนโลยีด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics), เทคโนโลยีอัจฉริยะ (Intelligent IT), ระบบเครือข่ายอัตโนมัติ (Autonomous Network) โดยสิ่งเหล่านี้จะถูกนำมาเป็นเอ็นจิ้นหลักเพื่อทำให้ เอไอเอส ก้าวสู่การเป็น Cognitive Tech-Co อย่างแท้จริง เพื่อสร้างประสบการณ์และคุณค่าที่ยอดเยี่ยมในการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านทางกลุ่มการให้บริการใน 4 กลุ่มหลักๆ ประกอบด้วย

– กลุ่ม Mobile ที่จะมุ่งเน้นการเพิ่มประสบการณ์ด้านการใช้งานเครือข่าย 5G ให้มีประสิทธิภาพที่ยิ่งขึ้น
– กลุ่ม Fixed Broadband เป็นการเพิ่มขีดความสามารถของ Hi-Speed Home Internet ให้เร็วขึ้น
– กลุ่ม Enterprise Business ช่วยเร่งให้ธุรกิจและองค์กร ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
– กลุ่ม Digital Service เพิ่มนวัตกรรมโซลูชันใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าได้ใช้งาน เช่น ธุรกิจประกันภัย, ธุรกิจด้านการเงินใหม่ๆ เป็นต้น

AIS Business ช่วยธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

AIS Business คือส่วนบริการธุรกิจขององค์กรของเอไอเอส ที่มุ่งเน้นในการนำเสนอโซลูชัน ในระดับเอ็นเทอร์ไพรส์ โดยมีวัตถุประสงค์ ในการสร้างระบบเศรษฐกิจแบบดิจิทัล ด้วยการช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับธุรกิจในประเทศไทย ที่เพียบพร้อมด้วยบริการและเซอร์วิส ตลอดจนความเป็นมืออาชีพที่องค์กรต่างๆ สามารถไว้วางใจได้ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้ธุรกิจและองค์กรในเมืองไทยสามารถที่จะใช้งานเทคโนโลยีในระดับเอ็นเทอร์ไพรส์ได้อย่างเต็มขีดความสามารถนั่นเอง


กลุ่มบริการและเซอร์วิสหลักๆ ของ AIS Business ที่กล่าวไว้ในข้างต้น ประกอบด้วย บริการด้านระบบ 5G Ecosystem, เทคโนโลยี Intelligent Network, แพลตฟอร์ม Digital Infrastructure and Platform เช่น Cloud หรือเทคโนโลยี IoT, ถัดมาจะเป็นกลุ่ม Data-Driven Business และกลุ่มบริการที่เกี่ยวข้องกับ Trusted Professionals ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมา AIS Business สามารถสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการด้านไอซีทีในเมืองไทยได้อย่างน่าทึ่ง จนได้รับการันตีจาก GlobalData ในการสำรวจองค์กรระดับ Top 200 ของในประเทศไทย โดยทั้งหมดเห็นพ้องว่า AIS Business คือผู้นำในการให้บริการด้าน ICT อันดับหนึ่งจากการสำรวจในปีที่ผ่านมา

ตั้งเป้าวางรากฐานธุรกิจไทยให้มั่นคงและยั่งยืน

จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ทำให้ AIS Business ตระหนักได้ว่า องค์กรธุรกิจในเมืองไทยยังมีโอกาสอีกมากที่จะเร่งประสิทธิภาพด้วยการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้งานและมีความยั่งยืนอย่างแท้จริง จึงได้สร้างแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน” (Growth, Trust and Sustainable) เพื่อให้ทั้ง AIS Business, คู่ค้า รวมทั้งลูกค้า เติบโตไปอย่างมั่นใจไปพร้อมๆ กัน ผ่านทางโซลูชันและโครงข่ายที่เชื่อถือได้ของเอไอเอส ก้าวไปสู่การดำเนินธุรกิจในแบบ Sustainable Business ได้ในอนาคต


จากแนวคิดดังกล่าวทำให้ AIS Business ได้กำหนดทิศทางในการดำเนินงานของปี 2023 ไว้ตามประเด็นต่างๆ ดังนี้

เร่งการเติบโตของธุรกิจโดยการสร้างขีดความสามารถใหม่ๆ
ด้วยเครื่องมือทางดิจิทัล (Growing)
AIS Business พุ่งเป้าไปที่ประเด็นของการเติบโต ด้วยการเพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจ โดยอาศัยเครื่องมือในการสร้างธุรกิจ ทั้งหลายให้ตอบโจทย โดยแบ่งออกเป็นแนวทางต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยีโซลูชันที่น่าสนใจ อาทิ

– สร้าง Enable Unmanned and Automation ด้วย 5G High Speed and Low Latency, Network Slicing, นิเวศคลาวด์ที่ครบวงจร เป็นต้น
– สร้าง Increasing Business Agility ด้วย DC/DR Network, Multi-Cloud Backup & Recovery เป็นต้น
– สร้าง Accelerate Time to Market ด้วย AIS 5G NextGen Platform, Cloud and Container เป็นต้น
– สร้าง Optimize Operation Efficiency ด้วย Workflow Management
– สร้าง Better Data Intelligence ด้วย Data Analytics, Data Insight, เป็นต้น
– สร้าง Enable New Industry Solutions เช่น Smart Manufacturing, Smart Retail, Smart City เป็นต้น

บริการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพ
ปลอดภัย และเชื่อถือได้ (Trusted)
AIS Business สร้างความน่าเชื่อถือในการให้บริการ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจที่จำเป็นต้องดำเนินธุรกิจอยู่บนความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง โดยไม่ว่าจะเป็นทั้งโครงข่ายหรือเซอร์วิส ตลอดจนโซลูชันต่างๆ ที่วางใจได้ ดังตัวอย่างบริการต่อไปนี้

– การสร้าง Modernize Network ให้ทันสมัยด้วย SD-WAN, 5G FWA Hybrid MPLS, Centralized Management เป็นต้น
– การสร้าง Modernize Cloud and Platform ด้วย 5G Edge Computing, AIS Cloud X, Sovereign Cloud, เป็นต้น
– การสร้าง Ensure Cybersecurity Protection ด้วย Secured Network and Cloud, Endpoint Protection, Data Sovereignty เป็นต้น
– การสร้าง High Availability เช่น DC/DR Network, Multi-Cloud Backup & Recovery เป็นต้น

สร้างระบบนิเวศนวัตกรรม เพื่อธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability)
AIS Business พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยเสริมนวัตกรรมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การสร้างระบบนิเวศสำหรับการพัฒนานวัตกรรมร่วมกับพันธมิตรต่างๆ มาพร้อมกับโซลูชันหลากหลายโซลูชัน อาทิเช่น โซลูชันที่เข้ามาช่วยในการบริการจัดการการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยคาร์บอน การปล่อยน้ำเสียโดยใช้ข้อมูลแบบ real-time จากอุปกรณ์ IoT ดังตัวอย่างบริการต่อไปนี้

– การทำ Drive Sustainable Business ด้วยโปรแกรม AIS Academy for Thai, AIS Aunjai Cyber, e-Waste, Lower Energy เป็นต้น
– การทำ ESG-Friendly ด้วย Energy & Emission Management, Air Quality & Wastewater Monitoring เป็นต้น
– การทำ Digital Innovation Ecosystem ด้วย AIS 5G NEXTGen Platform, Experience Center, Business Application Marketplace เป็นต้น

การสร้างสรรค์ Intelligent Digital Infrastructure

สิ่งที่ AIS Business กำลังมุ่งเน้นในปี 2023 ตามแนวคิด “เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน” พวกเขาได้ยกตัวอย่างไดอะแกรมที่น่าสนใจและนำไปใช้งานในอุตสาหกรรมหลายแห่งเขาเรียกมันว่า Intelligent Digital Infrastructure หรือโครงสร้างดิจิทัลแบบอัจฉริยะ

โครงสร้างอัจฉริยะ Intelligent Digital Infrastructure ของ AIS Business

จากภาพไดอะแกรมเบื้องต้นนั้น AIS Business มีโซลูชันที่ครอบคลุมโดยองค์กรธุรกิจสามารถดำเนินการและใช้งานโครงสร้างดิจิทัลนี้ตั้งแต่การสร้างระบบเครือข่ายแบบ 5G ที่เป็นส่วนตัว (5G Private Network) เชื่อมโยงกับดีไวซ์และอุปกรณ์ IoT ในองค์กรของตน

ในกรณีทีต้องการเชื่อมโยงอุปกรณ์เพื่อส่งข้อมูลผ่านทางระบบเครือข่ายไปยัง Cloud นั้น AIS Business ก็ได้จัดเตรียมโครงข่ายการเชื่อมโยงเชื่อมได้ทั้งแบบ 5G Wireless หรือแบบ Fixed Fiber Optics วิ่งไปบนเครือข่าย Intelligent Core Network ที่มีความอัจฉริยะ รวมถึงยังมีบริการการประมวลผลแบบ EDGE Computing รองรับในกรณีต้องการประมวลผลในระยะใกล้ๆ เป็นการตอบสนองด้านความปลอดภัยในการเชื่อมต่อ

และเมื่อองค์กรต้องการเก็บข้อมูลไปไว้บน Cloud ทาง AIS Business ก็พร้อมให้บริการ Cloud ที่เป็นแบบ Sovereign Cloud ซึ่ง Cloud รูปแบบนี้ AIS Business ได้รับการการรับรองมาตรฐานจาก VMware ในการเป็น VMware Cloud Verified Sovereign Cloud แล้ว ส่วนในกรณีที่บางองค์กรอาจจะวางข้อมูลไว้ระบบในดาต้าเซ็นเตอร์ทาง AIS Business ก็พร้อมให้บริการ Multi-Location Data Centers อยู่ในหลายๆ แห่งทั่วประเทศ ก็สามารถทำได้เช่นกัน และสุดท้ายหากองค์กรต้องการวางระบบไปที่ระบบ Hyperscale Cloud ก็มีให้เลือกใช้ทั้ง Microsoft, AWS หรือ Huawei Cloud เป็นต้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอบสนองด้านความปลอดภัยของข้อมูลในระบบ Cloud นั่นเอง

กรณีศึกษาที่น่าสนใจจากลูกค้าองค์กร

แนวคิด Intelligent Digital Infrastructure นั้นถูกนำมาใช้จริงกับลูกค้าของ AIS Business ไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่นในกรณีของ Easy Buy ก็นำเอาโซลูชันของ AIS Business ไปใช้งานผ่านทาง โซลูชันเช่น 5G FWA and SD-WAN เป็นต้น


ถัดมาเป็นกรณีศึกษาของกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างเช่น SCG โดย AIS Business ได้นำเอาโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับระบบ Autonomous (เช่น Autonomous EV Truck) และใช้ระบบอุปกรณ์ด้าน IoT เข้ามาร่วมในการทำงาน (สามาถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 35%) รวมถึงการดึงเอาข้อมูลผ่านทางดีไวซ์นั้นๆ และส่งผ่านโครงข่ายอัจฉริยะที่วางไว้ ทั้งนี้ช่วยในเรื่องของการสร้างธุรกิจที่เป็นแบบอัตโนมัติมากขึ้น

และส่วนของกรณีศึกษาจากทาง Somboon Manufacturing จะนำเอาระบบเช่น AS/RS-Warehouse และ Unmanned AGV เข้ามาช่วยในการจัดการและคำนวณด้านพื้นที่ทำให้พวกเขาสามารถเพิ่มการใช้งานพื้นที่ได้สูงถึง 60% รวมถึงลดค่าใช้จ่าย OPEX ได้มากถึง 30% อีกด้วย!

สร้าง Ecosystem และ Partnership ได้แบบยั่งยืน

สิ่งที่ AIS Business มุ่งมั่นที่จะดำเนินงานในปี 2023 นี้ ก็เพื่อจะเป็นการสร้างระบบที่มีความยั่งยืนไม่ว่าจะในส่วนของการสร้าง Ecosystem หรือการให้ความสำคัญกับพาร์ทเนอร์ โดยการผสานกันทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม โดย AIS Business มีโซลูชันที่มีความอัจฉริยะในหลากหลายส่วน พร้อมกับยังร่วมมือกับองค์กรอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อร่วมกันสร้างนวัตกรรมความอัจฉริยะในธุรกิจนั้นๆ ดังตัวอย่างกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นให้เห็นแล้วในช่วงที่ผ่านมา และก็จะขยายเพิ่มเติมให้เห็นกันมากขึ้นตามแนวคิด “เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน” นั่นเอง

AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย

“Your Trusted Smart Digital Partner”

เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน

==========================

สนใจปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่

E-mail : business@ais.co.th

Website : https://business.ais.co.th

Line : https://lin.ee/VrXDoF4

 

from:https://www.enterpriseitpro.net/ais-business-growth-trusted-and-sustainable/

AIS Business ผนึก สมาคมซีไอโอไทย ปั้นรายการ “Tech in Ten” เปิดพื้นที่ พูดคุย แลกเปลี่ยนแนวคิด

AIS Business จับมือกับ สมาคมซีไอโอไทย (TCIOA) ร่วมกันเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนแนวคิด สู่การเป็น Hub ด้านองค์ความรู้ อัพเดทข้อมูล เรื่องราวน่าสนใจ ในแวดวงเทคโนโลยี สำหรับองค์กร ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ SME หรือแม้แต่ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ที่ต้องการนำเทคโนโลยีเข้าไปทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันผ่านรายการ “Tech in Ten” อัพเดทเทรนด์สำหรับดิจิทัลองค์กรยุคใหม่ใน 10 นาที 

รายการที่นำเอากูรูตัวจริงที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมาแชร์ประสบการณ์ผ่านแนวคิด Tech เจาะลึกเทคโนโลยีเพื่อองค์กรยุคใหม่ Trend อัพเดทความเคลื่อนไหวเทรนด์ใหม่ในโลกดิจิทัลเพื่อธุรกิจ Trick มุมมองประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริง 

นับเป็นการตอกย้ำถึงเป้าหมายการทำงานของ AIS Business ในปีนี้ที่มุ่งสร้าง Digital Business Ecosystem อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะความพร้อมในการส่งต่อองค์ความรู้ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลให้กับกับองค์กรต่างๆ ที่จะสนับสนุนและสร้างความเติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน

AIS Business

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS อธิบายว่า “นอกเหนือจากการทำงานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีให้มีความแข็งแรง พร้อมต่อการเชื่อมต่อกับภาคธุรกิจในทุกมิติแล้ว วันนี้เรายังเชื่อว่า การส่งเสริม อัพเดทความรู้ และเทรนด์การเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ คืออีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนให้องค์กรภาคธุรกิจมีความเข้าใจในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันได้ 

ทำให้วันนี้เราสร้างความร่วมมือกับ สมาคมซีไอโอไทย (TCIOA) เพื่อสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยี และดิจิทัลในแง่มุมต่างๆ ผ่านการทำรายการ Tech in Ten ซึ่งถ่ายทอดโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในเชิงการทำงานจริงจาก AIS มาผนวกกับองค์ความรู้ในเชิงวิชาการ นโยบายเทรนด์ที่จะทำให้เห็นภาพใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยบุคลากรจากสมาคมซีไอโอไทย

โดยเราเชื่อว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้จะทำให้รายการ Tech in Ten กลายเป็น Hub ด้านดิจิทัลเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการ องค์กรธุรกิจ หรือแม้แต่ภาครัฐ ในการทำ Digital Transformation ขององค์กร”

นายกำพล ศรธนะรัตน์ นายกสมาคมซีไอโอไทย (TCIOA) กล่าวเสริมว่า “ด้วยเจตนารมณ์ของสมาคมซีไอโอไทย ที่ต้องการเป็นศูนย์รวมของหน่วยงานทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนในการขับเคลื่อนการทำ Digital Transformation ตั้งแต่ในระดับองค์กรไปจนถึงในระดับประเทศ 

ดังนั้นการทำงานร่วมกันครั้งนี้กับ AIS จึงเป็นการตอกย้ำถึงการสนับสนุน ส่งเสริม ทุกภาคส่วนให้มีความเข้าใจในการนำดิจิทัลเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงาน หรือแม้แต่การเริ่มต้นทำ Digital Transformation โดยเราพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ด้านธุรกิจ การเป็นผู้นำ และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ผ่านรายการ Tech in Ten ที่จะทำให้หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ทุกภาคส่วน ได้รับประโยชน์และมองเห็นโอกาสจากการนำเทคโนโลยีเข้าไปขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต”

สำหรับรายการ Tech in Ten เป็นรายการในรูปแบบ Talk Show ตอนละ 10 นาที เน้นการคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด องค์ความรู้ ข้อมูล ในเรื่องเกี่ยวกับดิจิทัลเทคโนโลยีสำหรับผู้ประกอบการ องค์กร และภาคธุรกิจต่างๆ ภายใต้แนวคิด “Tech Trend Trick” โดย Tech เป็นการนำเสนอที่เจาะลึกเทคโนโลยีเพื่อองค์กรยุคใหม่ Trend อัพเดทความเคลื่อนไหวเทรนด์ใหม่ในโลกดิจิทัลเพื่อธุรกิจ และ Trick มุมมองประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริง

โดย Tech in Ten EP.แรก มาในชื่อตอน “Digital Transformation ที่ไม่ใช่แค่ เปลี่ยน แต่เป็นการ แปลงร่างและสร้างความร่วมมือใหม่ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร” ซึ่งสามารถรับชมได้ทางโซเชียลมีเดียของ AIS Business https://youtu.be/AvfyKG464wg

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/ais-business-creates-the-program-tech-in-ten/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=ais-business-creates-the-program-tech-in-ten