คลังเก็บป้ายกำกับ: VMWARE_VSAN

รู้จักกับ HCI ฉบับผู้ดูแลระบบ IT มือใหม่ และแนวทางการพิจารณาระบบ HCI สำหรับปี 2022

Hyperconverged Infrastructure หรือ HCI ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ต้องมีใช้งานกันใน Data Center ของทุกธุรกิจองค์กร ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก, ธุรกิจขนาดกลาง หรือองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยจุดเด่นเรื่องความง่ายดายในการใช้งานและการดูแลรักษาที่ทำให้ผู้ดูแลระบบ IT หรือธุรกิจอื่นๆ สามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ หรือเร่งสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้ แทนที่จะต้องเสียเวลามาดูแลรักษาระบบ IT ด้วยตนเอง

ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ HCI ในฉบับที่เข้าใจได้ง่าย เหมาะกับผู้ดูแลระบบ IT มือใหม่ หรือธุรกิจองค์กรที่ต้องลงทุนจัดซื้อระบบ IT โดยยังไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากนัก

ปัญหาของการออกแบบระบบ Data Center แบบเดิมๆในองค์กร จนทำให้ต้องเกิด HCI

โดยทั่วไปแล้วธุรกิจหลายๆ แห่งที่ต้องเริ่มต้นมีระบบ IT ภายในบริษัทของตนเอง ก็มักจะมีต้องมีการใช้งานทั้งในส่วนของบริการ Cloud และการลงทุนซื้อ Hardware ต่างๆ มาติดตั้งใช้งานในองค์กร เพื่อรองรับ Business Application หรือระบบ IT ต่างๆ ที่ไม่มีให้ใช้งานในรูปแบบ Cloud

การลงทุนซื้อ Hardware ต่างๆ ให้มาทำงานร่วมกันนี้ ก็มักจะต้องมีในส่วนของ Server สำหรับเอาไว้ติดตั้ง Software ที่ธุรกิจจำเป็นต้องใช้ ซึ่งถ้าหากระบบ Software นั้นๆ มีขนาดใหญ่และมีความซับซ้อน ธุรกิจก็อาจต้องมีการซื้อ Server จำนวนหลายเครื่องให้ทำงานร่วมกัน และมีระบบเครือข่ายหรือ Network เชื่อมต่อระหว่าง Server เพื่อให้ระบบเหล่านี้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ หรือมีระบบ Storage สำหรับจัดเก็บข้อมูลธุรกิจโดยเฉพาะเพิ่มเข้ามา รวมถึงมีระบบบริหารจัดการเพื่อให้ผู้ดูแลระบบ IT เข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาได้ง่าย

อย่างไรก็ดี เมื่อธุรกิจเริ่มเติบโต มีพนักงานมากขึ้น มีระบบทางธุรกิจที่จำเป็นต้องใช้งานมากขึ้น และมีอุปกรณ์ Hardware ต่างๆ มากขึ้น ความยากในการบริหารจัดการดูแลรักษาระบบโดยรวมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้ระบบต่างๆ เริ่มมีปัญหา แก้ไขปัญหาได้ช้า และทำให้ธุรกิจเริ่มขาดความมั่นคง

HCI จึงเป็นเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องของความซับซ้อนของระบบ IT เหล่านี้ ให้ธุรกิจสามารถลงทุนใช้งาน HCI เพียงระบบเดียว และไม่ต้องยุ่งยากกับการดูแลรักษาระบบ Server, Storage และ Network สำหรับรองรับ Business Application สำคัญของธุรกิจอีกต่อไป

HCI คืออะไร? ทำไมหลายธุรกิจจึงตัดสินใจใช้งาน HCI

Credit : VMware

Hyperconverged Infrastructure หรือ HCI นั้น คือเทคโนโลยี Software-Defined Data Center ที่ใช้ Software ในการทำหน้าที่ 4 ส่วน ได้แก่

  1. Compute สร้างระบบ Server เสมือน (VM) และ Container เพื่อให้ Server จริง 1 เครื่อง ทำหน้าที่เป็น Server เสมือนได้หลายเครื่อง และรองรับการติดตั้ง Application ได้หลายชุดในระบบเดียวตามต้องการ
  2. Storage สร้างระบบ Storage เสมือนบน Server จริงจำนวนหลายเครื่อง เพื่อให้มีการจัดเก็บข้อมูลบน Server แต่ละชุดภายในระบบแบบกระจายตัว ทำให้เมื่อ Server เครื่องใดมีปัญหา เครื่องที่เหลือก็จะยังมีข้อมูลสำหรับใช้งานทดแทน และทำงานต่อเนื่องได้ทันทีโดยไม่สะดุดติดขัด
  3. Network สร้างระบบ Network เสมือน เชื่อมต่อ Server เสมือน, Container และ Storage เสมือนข้างต้นเข้าด้วยกัน
  4. Management มีระบบบริหารจัดการจากศูนย์กลาง ตรวจสอบแก้ไขปัญหาในระบบ HCI ได้จากหน้าจอเดียว

ระบบ HCI โดยทั่วไปนั้นมักเริ่มต้นจากการมี Server จริงจำนวน 3 เครื่อง ที่ติดตั้ง Software HCI เอาไว้ในแต่ละเครื่อง ทำให้ Server ทั้ง 3 เครื่องนั้นสามารถทำงานร่วมกันได้ และแต่ละเครื่องก็มีความสามารถทั้ง 4 ส่วนข้างต้นนี้อย่างครบถ้วน ทำให้ในภาพรวมแล้ว Server ทั้ง 3 เครื่องนี้ทำงานรวมกันเป็นระบบเดียว และหากมีเครื่องใดเครื่องหนึ่งมีปัญหา เครื่องที่เหลือก็จะสามารถทำงานทดแทนได้ทันที

ในการใช้งานจริงนั้น เมื่อติดตั้งระบบ HCI ภายใน Data Center ขององค์กร และเชื่อมต่อ HCI เข้ากับเครือข่ายภายใน Data Center แล้ว ธุรกิจจะสามารถใช้งาน HCI นั้นๆ ได้เสมือนกับเป็น Data Center ย่อมๆ ระบบหนึ่งทันที จากการสร้าง Server เสมือน (VM) ขึ้นมาใช้งานแทนการจัดซื้อ Server จริงได้เท่าที่ต้องการหรือเท่าที่ทรัพยากรของระบบจะรองรับ และติดตั้งใช้งาน Application ที่ต้องการลงไปบน VM เหล่านั้นได้ ทำให้ HCI เพียงระบบเดียว ก็อาจรองรับ Business Application, Database หรือระบบบริหารจัดการทางด้าน IT อื่นๆ ได้หลายระบบในตัว

สำหรับการใช้งานในระยะยาว เมื่อธุรกิจต้องการเพิ่มขยายระบบ HCI ก็สามารถทำการจัดซื้อระบบ HCI มาเพิ่มและเชื่อมต่อเข้ามายังระบบเดิมที่ใช้งานได้ทันที ทำให้ระบบมีทรัพยากรเพิ่มเติมเพื่อรองรับ Business Application และระบบ IT ใหม่ๆ เพิ่มเติมได้ ในขณะที่การบริหารจัดการก็ยังคงเกิดขึ้นแบบรวมศูนย์ได้จากหน้าจอที่เคยใช้บริหารจัดการระบบเดิม

ด้วยเหตุนี้ แนวทางของระบบ HCI จึงถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับธุรกิจจำนวนมากได้เป็นอย่างดี จากเดิมที่บางธุรกิจเคยต้องมี Server จำนวนหลายสิบเครื่อง และ Storage ขนาดใหญ่ ก็สามารถใช้งาน HCI จำนวนเพียงแค่ระบบเดียวเพื่อทดแทน Hardware จำนวนมากที่เคยใช้งานได้ทันที ทำให้ HCI นั้นถูกใช้งานทั้งในการออกแบบขึ้นระบบใหม่ และการอัปเกรดจาก Server หรือ Storage เดิมที่มีอายุการใช้งานยาวนานมาก่อน

VMware HCI ระบบ HCI ที่ธุรกิจองค์กรทั่วโลกไว้วางใจ

VMware นั้นคือผู้นำทางด้านเทคโนโลยีสำหรับ Data Center และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกแนวคิดด้าน Virtualization ภายในองค์กร ดังนั้นเมื่อโลกของระบบ IT มุ่งไปสู่เทรนด์ของ HCI ทาง VMware จึงได้ทำการพัฒนาโซลูชัน VMware HCI ขึ้นมาตอบโจทย์ ด้วยการนำเทคโนโลยี 4 ส่วนมาผสานทำงานร่วมกัน ดังนี้

Credit : VMware
  1. VMware vSphere สำหรับทำหน้าที่ในส่วนของ Compute ภายใน HCI
  2. VMware vSAN สำหรับทำหน้าที่ในส่วนของระบบ Storage ภายใน HCI
  3. VMware NSX สำหรับทำหน้าที่ในส่วนของระบบ Network ภายใน HCI
  4. VMware vRealize Cloud Management สำหรับทำหน้าที่ในส่วนของระบบ Management ภายใน HCI

ด้วยการเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีที่มีธุรกิจองค์กรทั่วโลกมากกว่า 400,000 แห่งเลือกใช้เทคโนโลยีจาก VMware ก็ทำให้โซลูชัน VMware HCI นั้นได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกหลักของการวางระบบ HCI ไปแล้วในทุกวันนี้

VMware HCI ง่ายอย่างไร?

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ CTO และ  CFO เลือกใช้ VMware HCI

  • เริ่มต้นใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว
  • ค่าใช้จ่ายโดยรวมคุ้มค่ากว่าการซื้อ Server และ Storage แยกระบบมาใช้งาน
  • ประเมินค่าใช้จ่ายในการลงทุน ดูแลรักษา และเพิ่มขยายได้อย่างแม่นยำ
  • มีอิสระในการเพิ่มขยายระบบ สามารถใช้งาน Hardware รุ่นใหม่ล่าสุดได้เสมอ
  • รองรับการทำ Hybrid Multi-Cloud เพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนระยะยาวได้ดี

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ IT Manager และ IT Administrator เลือกใช้ VMware HCI

  • ติดตั้งใช้งานและดูแลรักษาได้ง่าย
  • ผู้ดูแลระบบเพียงคนเดียวสามารถดูแลได้ทั้ง Server, Storage และ Network อย่างง่ายดาย
  • สามารถสำรองข้อมูลเบื้องต้นด้วยการทำ Snapshot ได้ ต่อยอดสู่การทำ Disaster Recovery ได้
  • เพิ่มขยายระบบได้ง่าย เพียงแค่เสริมระบบ HCI ใหม่ให้มาทำงานร่วมกับ HCI ที่มีอยู่เดิมได้ทันที
  • รองรับได้ทั้ง VM และ Container ในระบบเดียว ลดความซับซ้อนในการดูแลระบบ IT Infrastructure ในระยะยาว

ปัจจัยเหล่านี้เองได้ทำให้ธุรกิจจำนวนมากเลือกใช้งาน HCI แทน Server และ Storage ในหลายระบบ เพื่อให้ได้มาซึ่งความง่ายดายและความรวดเร็วในการทำงาน และปลดล็อคเวลาของฝ่าย IT ในธุรกิจองค์กรให้สามารถทำงานในเชิงการสร้างสรรค์นวัตกรรมเชิงรุกเพื่อขับเคลื่อนองค์กรต่อไปได้

ขอเชิญร่วมรับชมเดโมโซลูชัน VMware HCI และ VMware vSAN โดยทีมงาน SiS ในวันที่ 26 มกราคม 2022

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชัน VMware HCI และ VMware vSAN สามารถติดต่อพาร์ทเนอร์ที่ดูแล หรือติดต่อ SIS โดยตรง TEL: 064-1919988 หรือ E-MAIL: vmware@sisthai.com

from:https://www.techtalkthai.com/hci-for-it-beginner-and-how-to-select-one-for-2022-by-sis/

สรุปงานสัมมนาออนไลน์ VMware HCI Economics Upgrade vSAN to Save Money

เทคโนโลยี HCI ได้เข้ามาเปลี่ยนโฉมขององค์กรอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ช่วยให้องค์กรสามารถบูรณาการ Infrastructure ทั้ง Computer, Network และ Storage ในส่วนของ VMware ได้นำเสนอโซลูชัน HCI ที่ชื่อว่า vSAN ให้องค์กรสามารถเริ่มต้นใช้ได้โดยง่าย  ล่าสุดใน vSAN เวอร์ชัน 7.0 Update 1 มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับการใช้งานจริง โดยทางทีมงาน TechTalkthai ได้รวบรวมประเด็นสำคัญในงานสัมมนาครั้งนี้มาให้ทุกท่านได้ติดตามกันครับ

หากท่านใดยังไม่เคยศึกษาเรื่อง HCI หรือยังไม่เคยทราบถึงเรื่องราวของ VMware vSAN มาก่อน ท่านสามารถอ่านเรื่องราวย้อนหลังของงานสัมมนาครั้งก่อนเพิ่มเติมได้ที่https://www.techtalkthai.com/summary-webinar-vmware-vsan-101-back-to-the-future/

vSAN คือซอฟต์แวร์ที่เมื่อติดตั้งแล้วจะทำให้ Hardware ของท่านกลายเป็นโซลูชัน HCI นั่นเอง อย่างไรก็ดีสิ่งที่ VMware โดดเด่นกว่าโซลูชันในท้องตลาดก็คือสามารถทำงานร่วมกับ Hardware ส่วนใหญ่ได้ และยังสามารถต่อยอดสู่โซลูชัน Cloud Native หรือ Container-based ได้อีกด้วย โดยวันนี้เราขอพาทุกท่านไปอัปเดตความสามารถใหม่ของ VMware vSAN 7.0 Update 1 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมายดังนี้

1.) Data Persistent platform (DPp)

องค์กรส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับเทคโนโลยี Container อย่าง Kubernetes เป็นอย่างมาก แต่ความต้องการของแอปพลิเคชันส่วนใหญ่คือต้องสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างต่อเนื่อง (Stateful) ทั้งนี้เราทราบกันดีว่า Container มักจะมีการเกิดขึ้นและหายไปตลอดเวลา ดังนั้นนักพัฒนาจึงมักหา Cloud Storage หรือโซลูชัน Object Storage เข้ามาใช้เพิ่ม ซึ่งแน่นอนว่าสร้างค่าใช้จ่ายตามมา

อย่างไรก็ดีใน vSAN 7 U1 มีความสามารถ Data Persistence Platform หรือการที่สามารถรองรับ Object Storage จาก Vendor ต่างๆ มาเป็น Datastore ใน vSAN ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเกิดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการให้ยุ่งยากอีกต่อไป ไม่เพียงเท่านั้นตามภาพประกอบ vSAN ยังมีฟีเจอร์ Direct Configuration หรือกลไกที่ช่วยลดความซ้ำซ้อน เพราะปัจจุบันแอปพลิเคชันจะมีการสำรองข้อมูลด้วยตัวเองได้ ดังนั้นสิ่งที่ Direct Configuration ทำคือระดับ Storage จะไม่มีการเขียนข้อมูลนั้นซ้ำอีก ทำให้ประหยัดพื้นที่ไปได้อย่างมาก โดยผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ทั้ง vSAN ปกติหรือ Direct Configuration ผ่านจากหน้า vCenter

2.) HCI Mesh

HCI Mesh คืออีกหนึ่งฟีเจอร์ไฮไลต์ใน vSAN 7 U1 ซึ่งทำให้โซลูชันนี้สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการ Scale การใช้งานได้อย่างคุ้มค่า เพราะทำให้ผู้ใช้งานสามารถ Mount Datastore จาก Cluster หนึ่งให้ไปยัง Cluster อื่นได้ โดยตอนที่ผู้ใช้สร้าง VM ก็จะสามารถเลือกที่เก็บไฟล์ของ VM ไว้ที่ Local Datastore หรือ Remote Datastore ได้

ยกตัวอย่างเช่นในกรณีที่องค์กรนั้นมี vSAN หลาย Cluster ตามฟังก์ชันการทำงาน ปรากฏว่ามี Cluster หนึ่งที่เป็น Oracle Database และดิสก์ใน Local Datastore ใกล้ที่จะเต็ม แต่ด้วยข้อจำกัดของ License ผู้ใช้งานไม่สามารถเพิ่ม VM หรือ vSAN Node ได้ หากมี HCI Mesh ผู้ใช้งานก็สามารถทำ Remote Datastore จาก Cluster ที่เหลืออยู่ ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มดิสก์ราคาถูกกว่ามาใช้ได้ นอกจากนี้ HCI Mesh ยังรองรับการทำ vMotion ข้าม Cluster ได้อีกด้วย

3.) Compress-only

vSAN แบบ All flash ก่อนหน้านี้จะสามารถทำฟังก์ชัน de-duplication ไปพร้อมกับ Compression เท่านั้น ประเด็นคือแอปพลิเคชันฐานข้อมูลอาจจะถูกลดทอนประสิทธิภาพจาก Deduplication ซึ่งใน vSAN 7 U1 ทาง VMware ได้เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกโหมดเฉพาะ Compression only ได้ ที่จะเหมาะสมกับแอปพลิเคชันที่ปริมาณข้อมูลมากแต่ไม่ซ้ำกันนั่นเอง

4.) Increased Effective Capacity

จากภาพท่านจะเห็นได้ว่า vSAN 7 และ 7 U1 มีการสำรองพื้นที่น้อยลง โดย 7.0 จะขอจองพื้นที่ที่เรียกว่า Slack space เพื่อเอาไว้ใช้ Rebuild ข้อมูลกรณี Node fail หรือเมื่อผู้ใช้ต้องการเปลี่ยนการทำ RAID แต่ในเวอร์ชันใหม่ VMware ได้แบ่งสัดส่วนการจองอย่างชัดเจนคือ Operation และ Host Rebuild ซึ่งส่วนหลังจะคิดตามจริง คือเมื่อจำนวนเครื่องใน Cluster เพิ่มขึ้น Reserved Space จะลดลงตาม ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าเมื่อเครื่องจำนวนมากขึ้นแต่ละเครื่องจะมีสัดส่วนดิสก์น้อยลงอยู่แล้ว จึงจองพื้นที่แค่จำเป็นในการ Rebuild สำหรับเครื่องนั้นให้เพียงพอแต่ไม่ต้องจองคงที่ 30% อย่างในเวอร์ชัน 7.0

5.) Operation Reserve

มีการอัปเดตรายละเอียดในช่อง Monitor->Capacity โดยก่อนหน้าที่ผู้ใช้งานจะสามารถดูได้เพียงแค่ว่าใช้พื้นไปแล้วเท่าไหร่ จองไว้เท่าไหร่ แต่อัปเดตใหม่ระบบจะสามารถแสดงให้ท่านเห็นได้ว่าสามารถใช้พื้นที่ได้สูงสุดเท่าไหร่ (Threshold) ผู้ใช้งานสามารถปรับได้ที่ปุ่ม Configure ตามภาพประกอบ ด้วยเหตุนี้แอดมินขององค์กรสามารถวางแผนการขยายการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น

6.) Share Witness for 2-Node vSAN Deploments

ปกติแล้วเมื่อเรา Deploy 2-Node vSAN หรือ 1 Cluster มีแค่ 2 Node จะต้องมีการสร้างเครื่อง Witness 2 เครื่องต่อ Cluster แต่ในเวอร์ชันล่าสุด 2-Node vSAN ตัว Witness 2 เครื่องจะสามารถแชร์ใช้กับโฮสต์สูงสุดถึง 64 เครื่องหรือ 32 2-Node Cluster ทั้งนี้จะช่วยลดทั้งการใช้ Resource และความยุ่งยากในการบริหารจัดการ

7.) Durability During Maintenance Mode

ปกติแล้วกรณีที่มีการซ่อมบำรุง VMware จะเปิดให้ผู้ใช้สามารถทำ Maintenance Mode ได้ ประเด็นคือระหว่างนั้นหากมีเครื่องเสียขึ้นมาจริงๆ การทำ RAID ของเราอาจไม่เพียงพอ ดังนั้นความสามารถใหม่ที่ถูกเพิ่มขึ้นมาแก้ปัญหานี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เช่นในกรณีเช่น Cluster 4 Node ทำ RAID 1 ระหว่างที่เครื่องหนึ่งเข้าสู่โหมดซ่อมบำรุง แต่ในขณะนั้นมีการเขียนข้อมูลเกิดขึ้น ระบบจะสามารถเขียนข้อมูลไปยังเครื่องอื่นแทน (ตามภาพประกอบ) หากเครื่องเสียและเครื่องในโหมดซ่อมบำรุงกลับมาแล้วก็สามารถรวมข้อมูลกันได้ แต่ทั้งนี้ท่านก็ต้องมีเครื่องมากกว่าปกติเช่น RAID 1 ก็ต้องมีเครื่องอย่างน้อย 4 เครื่อง เป็นต้น หากเป็น RAID 5 ต้องมี 5 เครื่องเป็นอย่างน้อย

8.) Faster vSAN Host Restart

มีการปรับปรุงให้เก็บ metadata table จากเดิมที่อยู่ใน Memory ซึ่งเมื่ออัปเดตและต้องรีสตาร์ทระบบ ต้องมา Rebuild ข้อมูลใหม่แต่แรกทำให้ช้า ด้วยเหตุนี้เองจึงแก้ปัญหาด้วยการย้าย metadata table ไปเก็บใน Persistence Cache แทนให้โหลดกลับมาใช้ใหม่ได้จึงลดเวลาไปมาก

9.) Overriding Default Gateway

จะช่วยในกรณีต้องการชี้ Gateway ไปที่อื่นเช่น ขาของ Network vSAN อยู่คนละ Subnet กับขา Management หรือ vMotion เป็นต้น ซึ่งปรากฏในกรณีของ 2 Node Cluster และ Stretched-cluster ฟีเจอร์นี้จะเข้ามาตอบโจทย์ได้

10.) Data-in-Transit Encryption

VMware ได้อัปเดตให้โซลูชันสามารถทำการเข้ารหัสข้อมูลในระหว่างส่งข้ามเครื่องได้แล้วและไม่จำเป็นต้องมี KMS เพิ่มเติม ซึ่งองค์กรสามารถตอบโจทย์ความต้องการของ PDPA ในส่วนการปกป้องข้อมูลได้

11.) Secure Disk Wipe

กรณีที่มีการถอดดิสก์ไปใช้ยัง Cluster อื่น องค์กรจะเสี่ยงต่อการเปิดเผยข้อมูลเพราะข้อมูลที่ถูกลบแบบธรรมดามีโอกาสสูงที่จะถูกกู้คืนกลับมาได้ ซึ่งในอัปเดตใหม่จะมีฟีเจอร์ที่สามารถลบข้อมูลได้อย่างมั่นใจตามมาตรฐาน NIST แต่ข้อจำกัดคือไม่รองรับดิสก์ประเภท Magnetic

12.) I/O Insight

กรณีที่อยากจะปรับเปลี่ยน Workload แต่ไม่รู้จักกับลักษณะการทำงานของ VM นั้นมาก่อน vSAN I/O Insight จะช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการทำงานของ VM ได้ว่าเป็นอย่างไรเช่น การทำงานในรูปแบบ Sequential/Random มีขนาดการเขียน Block เท่าไหร่ และอื่นๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้วางแผนต่อไป

13.) Data Migration pre-check for disks

กรณีที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเช่น ถอดดิสก์ออก หรือการเปลี่ยนแปลงจะมีผลต่อ VM ใด ฟังก์ชัน Pre-check จะช่วยหาคำตอบให้ได้ว่าการกระทำที่วางแผนเอาไว้จะมีผลกระทบอย่างไร มากแค่ไหน ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงสำเร็จเป็นต้น

14.) File Service Enhancement

มีการอัปเดตให้บริการ File รองรับ SMB เวอร์ชัน 2.1 และ 3 ได้ จากเวอร์ชัน 7.0 ที่ทำได้แค่ NFS ด้วยเหตุนี้ปัจจุบันจึงสามารถรองรับการทำงานกับ Active Directory ได้ ซึ่งกลไกในการให้บริการ File Service เบื้องหลังก็คือการสร้าง Container ขึ้นมารองรับนั่นเอง

15.) Identify IOPS Limit Enforcement

เมื่อตอนเป็น Dev/Test ตัว VM อาจมีการถูกจำกัด IOPS เอาไว้ และหลายครั้งที่ผู้ปฏิบัติงานอาจลืมแก้ไขเมื่อย้ายเครื่องสู่การใช้จริง ด้วยเหตุนี้เองในเวอร์ชันใหม่หน้า vCenter จะสามารถแสดงได้ว่ามีการจำกัด IOPS เอาไว้หรือไม่ ตามภาพประกอบแสดงด้วยสีส้ม 

from:https://www.techtalkthai.com/summary-vmware-webinar-hci-economics-upgrade-vsan-to-save-money/

เชิญร่วมงานสัมมนา Lenovo DCG Webinar vSAN Update

Lenovo ร่วมกับ VMware จัดงานสัมมนาออนไลน์ (Webinar) เรื่อง “Lenovo DCG Webinar vSAN Update” เพื่ออัปเดตข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และโซลูชันสุดล้ำจาก Lenovo และ VMware ที่จะช่วยให้องค์กรของคุณสามารถขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จได้อย่างเนื่อง ในวันพุธที่ 4 พฤศจิกายน เวลา 10:00 น. ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าฟังบรรยายได้ฟรี

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: Lenovo DCG Webinar vSAN Update
ผู้บรรยาย: Sanchai Leelahakiat, SDI Business Development Manager, Lenovo DCG Thailand และ Phubet Pramuean, vSAN Systems Engineer, VMware Thailand
วันเวลา: วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2020 เวลา 10:00 – 11:25 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
ลิงค์ลงทะเบียน: https://us02web.zoom.us/webinar/register/WN_7SjMvHf6SdSRiYidedD39g

from:https://www.techtalkthai.com/lenovo-dcg-webinar-vsan-update/

[Guest Post] วีเอ็มแวร์ นำเสนอระบบ Intrinsic Security ความปลอดภัยที่รวมอยู่ภายในสำหรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มความรวดเร็วในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางด้านธุรกิจ รองรับการปรับเปลี่ยนอย่างยืดหยุ่น

  • มุ่งเน้น Intrinsic Security ระบบรักษาความปลอดภัยที่แท้จริง ที่รวมอยู่ภายใน เพื่อให้องค์กรธุรกิจพร้อมรองรับอนาคต รวมถึงการทำงานจากที่บ้านและนอกสถานที่
  • โซลูชันที่ก้าวล้ำขยายขีดความสามารถในการตรวจสอบองค์กรอย่างทั่วถึง รองรับการตอบสนอง ปรับตัว เร่งการดำเนินธุรกิจในโลกวิถีใหม่

 

วีเอ็มแวร์ ผู้นำด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับซอฟต์แวร์ระดับองค์กร เปิดเผยถึงการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยที่แท้จริงที่รวมอยู่ภายใน (Intrinsic Security) ซึ่งจะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถปกป้องธุรกิจให้ปลอดภัยในโลกวิถีใหม่ โดยครอบคลุมบุคลากรที่ทำงานจากที่บ้านและนอกสถานที่ รวมไปถึงระบบคลาวด์ภายในองค์กรและระบบคลาวด์สาธารณะ  โซลูชันซีเคียวริตี้ดังกล่าวจะยกระดับการรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์สาธารณะและระบบคลาวด์ภายในองค์กร รวมถึงส่วนปฏิบัติงานด้านการรักษาความปลอดภัย และบุคลากรที่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่าง ๆ ช่วยให้ผู้บริหารฝ่ายรักษาความปลอดภัยสารสนเทศ (Chief Information Security Officer – CISO) สามารถจัดการและคุ้มครองดูแลการเข้าถึงแอพต่าง ๆ บนระบบคลาวด์ซึ่งส่งผ่านไปยังอุปกรณ์ทุกประเภทได้อย่างชาญฉลาด ควบคู่ไปกับการสร้างธุรกิจที่ยืดหยุ่น พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนในอนาคต

รายงานเกี่ยวกับภัยคุกคามทั่วโลกของวีเอ็มแวร์ คาร์บอนแบล็ค (VMware Carbon Black’s Global Threat Report[1]) ชี้ว่า สถานการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ทั่วโลกมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นสืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย 91% ของบุคลากรฝ่ายรักษาความปลอดภัยทั่วโลกที่ตอบแบบสอบถามระบุว่าตนเองได้พบเห็นแนวโน้มการโจมตีทางไซเบอร์โดยรวมที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นผลมาจากการที่พนักงานทำงานจากที่บ้านกันมากขึ้น  นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก 32% พบว่ามีปัญหาช่องว่างที่สำคัญอย่างมากสำหรับความสามารถขององค์กรในการตรวจสอบภัยคุกคามด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ขณะที่กว่าหนึ่งในสี่ (28%) ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกว่ามีปัญหาช่องว่างที่สำคัญหรือร้ายแรงในแง่ของการรองรับการทำงานจากที่บ้าน  ในสภาพแวดล้อมธุรกิจแบบใหม่ที่มีการกระจัดกระจายสูงมากเช่นนี้ องค์กรธุรกิจจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนแนวทางเรื่องการรักษาความปลอดภัย เพื่อปกป้ององค์กรจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการใช้เทคนิคและวิธีการที่หลากหลายกว่าที่เคยมีมา เพื่อขู่กรรโชกองค์กร ทำให้การดำเนินงานหยุดชะงัก และแทรกซึมเข้าสู่องค์กร

ซันเจย์ เค. เดชมุคห์ รองประธานและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า “องค์กรธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พึ่งพานวัตกรรมดิจิทัลอย่างมาก เพื่อตอบสนอง ปรับตัว และเพิ่มความรวดเร็วฉับไวในการดำเนินธุรกิจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ และจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความยืดหยุ่นและความปลอดภัยให้แก่องค์กร เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว  วีเอ็มแวร์มุ่งมั่นที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจในภูมิภาคนี้ปรับใช้แนวทางของเราในเรื่องการรักษาความปลอดภัยที่แท้จริง ซึ่งจะช่วยให้องค์กรปรับเปลี่ยนการดำเนินงานได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในสภาพแวดล้อมธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง”

ที่งาน VMworld 2020 วีเอ็มแวร์นำเสนอโซลูชันและบริการที่หลากหลายเพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถอยู่รอดและเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคตในตลาดที่มีความวุ่นวายมากที่สุด  วีเอ็มแวร์นำเสนอแพลตฟอร์มคลาวด์ ดิจิทัลเวิร์กสเปซ เน็ตเวิร์ก ซีเคียวริตี้ และการปรับปรุงแอพให้ทันสมัย ซึ่งเป็นรากฐานดิจิทัลที่ยืดหยุ่นและสอดคล้องกันสำหรับการสร้าง ใช้งาน จัดการ เชื่อมต่อ และปกป้องแอปพลิเคชันต่าง ๆ ในทุก ๆ ที่

 

 

การรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ภายในองค์กรและระบบคลาวด์สาธารณะ

องค์กรต่างๆ มุ่งพัฒนาไปสู่แพลตฟอร์มคลาวด์และการปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัย และต้องการโซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและใช้งานง่าย  ด้วยเหตุนี้ วีเอ็มแวร์จึงได้เปิดตัว VMware Carbon Black Cloud WorkloadTM ซึ่งให้การปกป้องที่เหนือกว่า ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับการคุ้มครองเวิร์กโหลดที่ทันสมัย เพื่อลดช่องทางการโจมตี และเสริมสร้างสถานะความปลอดภัยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น  นวัตกรรมโซลูชันดังกล่าวประกอบด้วยฟีเจอร์การรายงานความเสี่ยงตามลำดับความสำคัญและการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเวิร์กโหลดพื้นฐาน รวมไปถึงเทคโนโลยีชั้นนำด้านการป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคาม เพื่อปกป้องเวิร์กโหลดที่รันอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเวอร์ช่วลไลซ์ ระบบคลาวด์ภายในองค์กร และระบบคลาวด์แบบไฮบริด

โซลูชันดังกล่าวผสานรวมความเชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยของคาร์บอนแบล็ค เข้ากับความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับดาต้าเซ็นเตอร์ของวีเอ็มแวร์ เพื่อสร้างระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับเวิร์กโหลดที่ โซลูชัน VMware Carbon Black Cloud Workload บูรณาการเข้ากับ vSphere อย่างกลมกลืน โดยทำหน้าที่เป็นระบบรักษาความปลอดภัยแบบไม่ใช้เอเจนต์ (Agentless) ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและจัดการระบบ และประกอบด้วย Telemetry ต่าง ๆ สำหรับการคุ้มครองเวิร์กโหลดในกรณีการใช้งานที่หลากหลาย  โซลูชันแบบครบวงจรนี้จะช่วยให้ทีมงานฝ่ายรักษาความปลอดภัยและฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานสามารถปกป้องเวิร์กโหลดใหม่ๆ และเวิร์กโหลดที่มีอยู่ได้โดยอัตโนมัติในทุก ๆ จุด ตลอดทุกขั้นตอนของการรักษาความปลอดภัย ทั้งยังเพิ่มความสะดวกในการควบคุมดูแลและผนวกรวมสแต็คด้านไอทีและซีเคียวริตี้เข้าไว้ด้วยกัน  สำหรับทีมงานฝ่ายรักษาความปลอดภัย โซลูชัน VMware Carbon Black Cloud Workload จะให้คุณประโยชน์ดังต่อไปนี้:

  • การตรวจสอบอย่างทั่วถึงเพื่อระบุความเสี่ยงและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเวิร์กโหลด: Carbon Black Cloud Workload ช่วยให้ทีมงานฝ่ายรักษาความปลอดภัยและฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานสามารถทุ่มเทความสนใจไปยังจุดอ่อนที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด รวมถึงช่องโหว่ที่พบเห็นได้ทั่วไปในสภาพแวดล้อม เพราะโซลูชันนี้ไม่ได้มุ่งเน้นการค้นหาจุดอ่อนให้ได้จำนวนมากที่สุด แต่เป็นการค้นหาจุดอ่อนที่มีโอกาสถูกโจมตีมากที่สุด

 

  • การป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองต่อการโจมตีขั้นสูง: ทีมงานฝ่ายรักษาความปลอดภัยมักจะขาดความสามารถในการตรวจสอบและควบคุมภายในสภาพแวดล้อมดาต้าเซ็นเตอร์แบบเวอร์ช่วลไลซ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โซลูชั่น Carbon Black Cloud Workload จะช่วยปกป้องเวิร์กโหลดที่รันอยู่ในสภาพแวดล้อมดังกล่าว ด้วยการประเมินจุดอ่อนและการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเวิร์กโหลด บวกกับเทคโนโลยีการป้องกันไวรัสแห่งอนาคต (Next-Generation Antivirus – NGAV) การตรวจสอบพฤติกรรมของเวิร์กโหลด และการตรวจจับและตอบสนองต่ออุปกรณ์ปลายทาง (Endpoint Detection and Response – EDR) สำหรับเวิร์กโหลดต่างๆ

 

  • การดำเนินงานที่ง่ายขึ้นสำหรับทีมงานฝ่ายไอทีและฝ่ายรักษาความปลอดภัย: แนวทางแบบ Intrinsic ของวีเอ็มแวร์เป็นการสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่รวมอยู่ภายในระบบเวอร์ช่วล เพื่อปกป้องเวิร์กโหลดในทุก ๆ ที่ และทำให้ทีมงานไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างความปลอดภัยกับความสะดวกในการดำเนินงาน

Carbon Black Cloud Workload จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมในภายหลังในช่วงปีนี้ รวมถึงโมดูล Carbon Black Cloud สำหรับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและคุ้มครองเวิร์กโหลด Kubernetes ความสามารถใหม่ๆ เหล่านี้จะช่วยให้ทีมงานฝ่ายรักษาความปลอดภัยสามารถกำกับดูแลและควบคุมสภาพแวดล้อม Kubernetes ได้อย่างเหมาะสม

 

อนาคตของการดำเนินงานด้านความปลอดภัย

การตรวจจับและตอบสนองต่อกรณีปัญหาด้านความปลอดภัยมีความสำคัญและความท้าทายเพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  องค์กรต่าง ๆ จึงต้องการ “มุมมอง” ที่หลากหลายมากขึ้นสำหรับการตรวจสอบอุปกรณ์ปลายทาง เวิร์กโหลด ผู้ใช้ และแอปพลิเคชันต่าง ๆ และต้องการแนวทางที่รอบด้านมากกว่าเดิมสำหรับการตอบสนองต่อภัยคุกคาม เนื่องจากเวิร์กโหลดและแอปพลิเคชันต่าง ๆ มีการเชื่อมต่อถึงกันเพิ่มมากขึ้น

Extended Detection and Response (XDR) จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ ด้วยการจัดหาแนวทางแบบครบวงจรสำหรับการตรวจจับและตอบสนองต่อกรณีปัญหาด้านความปลอดภัย ซึ่งอาจเกิดขึ้นในหลายๆ ส่วน ตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทาง เวิร์กโหลด ไปจนถึงผู้ใช้และเครือข่าย

 

การรักษาความปลอดภัยสำหรับบุคลากรที่ทำงานนอกสถานที่

บุคลากรที่ทำงานจากที่บ้านหรือนอกสถานที่ก่อให้เกิดปัญหาท้าทายในหลายๆ เรื่อง เช่น การเพิ่มพนักงานเข้าสู่ระบบ การตรวจสอบและกำกับดูแล การรักษาความปลอดภัย การคุ้มครองพนักงาน และอื่น ๆ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาท้าทายเหล่านี้และรองรับการทำงานรูปแบบใหม่ในอนาคต องค์กรจำเป็นที่จะต้องพลิกโฉมแนวทางการรักษาความปลอดภัย การให้บริการ และความซับซ้อนในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมไอที  และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว วีเอ็มแวร์จึงได้เปิดตัวส่วนขยายเพิ่มเติมสำหรับ VMware SASE Platform, Workspace Security VDI และ Workspace Security Remote

โซลูชันใหม่นี้จะรองรับการควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยอย่างครบวงจรตามแนวทาง Zero Trust ทั้งยังเพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการ โดยอาศัยเทคโนโลยีชั้นนำอย่างเช่น Secure Access Service Edge, Digital Workspace และ Endpoint Security ซึ่งทำงานอย่างสอดประสานกันบนแอปพลิเคชั่น ระบบคลาวด์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งหมด

 

บูรณาการระบบแบบคลิกเดียว (One-Click) ร่วมกับ Zscaler

พร้อมกันนี้ วีเอ็มแวร์และ Zscaler ได้เปิดตัวส่วนบูรณาการระบบใหม่ ซึ่งจะรองรับการตรวจสอบและปกป้องบุคลากรที่ทำงานนอกสถานที่ได้อย่างทั่วถึงและครบวงจร  ส่วนบูรณาการระบบแบบ One-Click นี้จะช่วยให้ลูกค้าของทั้งสองบริษัทสามารถหยุดยั้งภัยคุกคามใหม่ๆ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ปลายทาง และรองรับการเข้าใช้งานแอปพลิเคชันภายในองค์กรแบบมีเงื่อนไขตามแนวทาง Zero Trust อย่างแท้จริง

 

เกี่ยวกับวีเอ็มแวร์

วีเอ็มแวร์เป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความซับซ้อน บริการคลาวด์, เน็ตเวิร์กกิ้ง, ระบบซีเคียวริตี้และดิจิทัลเวิร์คเพลสของวีเอ็มแวร์พร้อมมอบรากฐานดิจิทัลแบบไดนามิกและมีประสิทธิภาพให้กับลูกค้าทั่วโลก ภายใต้ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์มากมาย โดยสำนักงานใหญ่วีเอ็มแวร์ตั้งอยู่ที่เมืองพาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย วีเอ็มแวร์ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นพลังสนับสนุนที่ดี จากแนวโน้มและผลกระทบการจัดการนวัตกรรมเชิงพื้นที่ในระดับโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.vmware.com/company.html

VMware, Carbon Black, VMworld, และ Carbon Black Cloud Workload เป็นเครื่องหมายทางการค้าของวีเอ็มแวร์ อิงค์ หรือ บริษัทในเครือในประเทศสหรัฐอเมริกาและเขตอื่นๆ บทความนี้อาจเพิ่มไฮเปอร์ลิงค์เพื่อนำไปสู่เว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของ VMware โดยเว็บไซต์นั้นๆ ถูกสร้างและดูแลโดยบุคคลที่สามซึ่งจะเป็นผู้รับผิดชอบเนื้อหาในเว็บไซต์นั้นๆ แต่เพียงผู้เดียว

[1] Global Threat Report: Extended Enterprise Under Threat, VMware Carbon Black, August 2020

from:https://www.techtalkthai.com/vmware-intrinsic-security/

VMware Webinar: VMware vSAN 101: Back to the Future [11 ก.ย. 2020 เวลา 10.30น.]

TechTalkThai ขอเรียนเชิญ IT Manager, System Engineer, ผู้ดูแลระบบ IT, และผู้ที่สนใจทุกท่าน เข้าร่วมฟัง VMware Webinar ในหัวข้อเรื่อง “VMware vSAN 101: Back to the Future” เพื่อเรียนรู้ถึงความสามารถของโซลูชัน VMware vSAN ล่าสุด กับแนวทางการก้าวต่อยอดจาก Hyper-Converged Infrastructure สู่การเป็น Hybrid Cloud Platform อย่างเต็มตัว และการรองรับ Kubernetes บน vSAN ในวันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2020 เวลา 10.30 – 12.00 น. โดยมีกำหนดการและวิธีการลงทะเบียนดังนี้

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: VMware vSAN 101: Back to the Future
ผู้บรรยาย: ทีมงาน VMware ประจำประเทศไทย
วันเวลา: วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2020 เวลา 10.30 – 12.00 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
ภาษา: ไทย

ถึงเวลาแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลง Infrastructure แบบเก่า ที่มีทั้ง Server, Network และ Storage ที่ใช้มานาน ไปสู่ Hybrid Cloud Platform ด้วย มาร่วมกันเตรียมความพร้อมให้ตัวคุณเองและองค์กรด้วย VMware vSAN อันเป็น Software Define Storage ยอดขายอันดับ 1 จาก VMware ที่ได้รับการรับรองทั้งจาก IDC และ Gartner

ในหัวข้อนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึก Feature และการใช้งาน vSAN ตั้งแต่การติดตั้งที่สามารถทำได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว มาดูกันว่าระบบมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการปกป้องข้อมูลให้เหมาะกับประเภทของ Application อย่างไรบ้าง และ version ใหม่สามารถใช้งานได้ง่ายเหมือน version เก่าหรือไม่อย่างไร พร้อมเผย Features ใหม่ๆ ที่จะมารองรับการใช้ร่วมกับ Next-Gen App Platform อย่าง Kubernetes

ร่วมเรียนรู้ประเด็นดังต่อไปนี้ใน Webinar ครั้งนี้:

  • Datacenter Revolutions
  • VMware vSAN Hyper Converged Infrastructure
  • Easy bring-up vSAN HCI
  • Features และ Use Cases
  • ถาม – ตอบ

Webinar ครั้งนี้จะนำเสนอโดยทีมงาน VMware ที่พร้อมตอบทุกคำถามที่เกี่ยวข้อง

ลงทะเบียนเข้าร่วม Webinar ได้ทันที

ผู้ที่สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อเข้าร่วม Webinar ในหัวข้อนี้ได้ทันทีที่ https://vmware.zoom.us/webinar/register/5015967139203/WN_EleY9k1VTQidfJAIw3YrHA โดยทีมงานขอความกรุณากรอกข้อมูลชื่อบริษัทด้วยชื่อเต็มของหน่วยงานหรือองค์กร เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการจัดการกับข้อมูลการลงทะเบียน

from:https://www.techtalkthai.com/vmware-webinar-vmware-vsan-101-back-to-the-future/

เชิญร่วมงานสัมมนาออนไลน์ Lenovo DCG Webinar – vSAN VCF

Lenovo และ Vmware ขอเรียนเชิญลูกค้าคนสำคัญ เข้าร่วมฟังการสัมมนาออนไลน์ (Webinar) “Lenovo DCG Webinar – vSAN VCF” เพื่ออัปเดตข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และโซลูชันสุดล้ำจาก Lenovo และ Vmware ที่จะช่วยให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: Lenovo DCG Webinar – vSAN VCF
วันเวลา: วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน 2020 เวลา 13:30 – 14:30 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
ลิงค์ลงทะเบียน: https://us02web.zoom.us/webinar/register/WN_zCcaqYd7QkuOxmyd_EFLig

from:https://www.techtalkthai.com/%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b4%e0%b8%8d%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a1%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%a5/

เชิญร่วมงานสัมมนาออนไลน์ Lenovo DCG Webinar – vSAN VCF

Lenovo และ Vmware ขอเรียนเชิญลูกค้าคนสำคัญ เข้าร่วมฟังการสัมมนาออนไลน์ (Webinar) “Lenovo DCG Webinar – vSAN VCF” เพื่ออัปเดตข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และโซลูชันสุดล้ำจาก Lenovo และ Vmware ที่จะช่วยให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: Lenovo DCG Webinar – vSAN VCF
วันเวลา: วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน 2020 เวลา 13:30 – 14:30 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
ลิงค์ลงทะเบียน: https://us02web.zoom.us/webinar/register/WN_zCcaqYd7QkuOxmyd_EFLig

from:https://www.techtalkthai.com/lenovo-dcg-webinar-vsan-vcf/

ขอเชิญร่วมงานสัมมนาออนไลน์ฟรี VMware EVOLVE Online 2020 ลุ้นรับฟรี iPad Pro และ Apple Watch

ขอเชิญทุกท่านในวงการ IT เข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ฟรี VMware EVOLVE Online 2020 งานสัมมนาออนไลน์ใหญ่จาก VMware ที่อัปเดตเทคโนโลยีล่าสุดพร้อมกันทั่วโลก พร้อมทำ Online Hands-on Lab เพื่อทำความรู้จักกับ VMware vSphere 7, VMware Tanzu Mission Control, Container, Software-Defined Networking, Hybrid Cloud และ VMware Cloud on AWS ซึ่งสามารถเข้าร่วมในเวลาใดก็ได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2020 พร้อมลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษ Apple iPad Pro, Apple Watch, Apple AirPods Pro และ Bang & Olufsen BeoPlay E8 2.0 โดยมีรายละเอียดของกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน และวิธีการลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรีดังนี้

VMware EVOLVE Online 2020

วันเวลา เมษายน 2020 – 30 มิถุนายน 2020
สถานที่ Online
ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี https://evolve.vmware.com/register.html?src=em_5e5cdfe8e02fc
รายละเอียดเพิ่มเติม https://evolve.vmware.com/?src=em_5e5cdfe8e02fc

เนื้อหาภายในงานสัมมนา

สำหรับเนื้อหาภายในงานสัมมนานี้ จะมุ่งเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก VMware พร้อมแนวโน้มหลักๆ ของเทคโนโลยีสำหรับการทำงานในปี 2020 โดยครอบคลุมทั้งฝั่งของ Data Center, Cloud, End User และ Security ดังนี้

Online Session

เนื้อหาสัมมนาออนไลน์ ที่มีให้เลือกชมได้กว่า 40 หัวข้อรวมถึง Keynote โดยสามารถรับชมได้แบบ On-Demand ในช่วงเวลาใดก็ได้ที่สะดวก และแบ่งออกเป็นประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจดังนี้

  • Multi-Cloud รวมประเด็นด้านการทำ Cloud Management, Cloud Migration และระบบ HCI สำหรับทำ Private/Hybrid Cloud
  • Virtual Cloud Network รวมเนื้อหาเกี่ยวกับ VMware NSX และ SD-WAN
  • App Modernization รวมเทคโนโลยีด้าน Enterprise Container, Kubernetes และ VMware Tanzu โซลูชันสำหรับจัดการ Multi-Cloud Container ล่าสุดจาก VMware
  • Digital Workspace รวมเนื้อหาด้าน Virtual Desktop Infrastructure (VDI) และ Unified Endpoint Management (UEM) สำหรับทำงานที่บ้านอย่างมั่นคงปลอดภัย
  • Business Continuity เนื้อหาเฉพาะกิจที่ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางและเทคโนโลยีสำหรับนำไปใช้ในการ Work from Home ได้โดยเฉพาะ รวมถึงมีกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นแล้วจากธุรกิจองค์กรทั่วโลกให้เรียนรู้

Whitepaper

รวมเอกสารบทความต่างๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง Container, Kubernetes, Cloud, UEM, HCI, SD-WAN พร้อมกรณีศึกษามากมาย

กิจกรรมภายในงานสัมมนา

นอกเหนือจากเนื้อหาที่มีให้รับชมได้แล้ว ภายในงาน VMware EVOLVE Online 2020 นี้ก็ยังมีกิจกรรมอีกมากมายให้ผู้เข้าร่วมได้ร่วมสนุกกันในงาน ดังนี้

Hands-On Practice Labs

Online Lab ให้เราได้สัมผัสกับเทคโนโลยีต่างๆ ของ VMware เกือบ 20 Lab ที่ครอบคลุมเนื้อหาทั้ง VMware vSphere 7, Kubernetes, VMware Tanzu Mission Control, VMware Cloud on AWS, VMware vRealize Automation 8, VMware vRealize Network Insight, VMware vSAN, VMware NSX, VMware SD-WAN by VeloCloud, VMware Workspace ONE และ VMware Horizon Cloud Service เรียกได้ว่าใครที่กำลังศึกษาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของ VMware มาทดลองทำแล็บในนี้ก็น่าจะช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้นทีเดียว

Hands-On Odyssey Labs

เกมสนุกๆ จาก VMware ที่จะมีโจทย์มาให้เราทำการตอบด้วยการทำแล็บได้ได้ดังที่โจทย์ต้องการ เป็นการฝึกฝีมือและวัดความเข้าใจในเทคโนโลยีต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยจะมีบททดสอบทั้งสำหรับ VMware vSphere, VMware vRealize Operations, VMware vSAN, VMware NSX-T และ VMware Horizon

Knowledge Quiz

กิจกรรมตอบคำถามวัดความรู้และแข่งขันกัน โดยมีระบบแสดงคะแนนและอันดับของผู้ที่ทำคะแนนได้สูงสุดด้วย

แชทคุยกับทีมงานมืออาชีพจาก VMware

สำหรับผู้ที่มีคำถามใดๆ สงสัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีล่าสุดของ VMware สามารถแชทเพื่อหาคำตอบจากทีมงาน VMware ได้โดยตรง

ลุ้นรับรางวัลจากกิจกรรม Leaderboard

สำหรับผู้เข้าร่วมงาน VMware EVOLVE Online 2020 นี้ จะได้รับการสะสมคะแนนทุกๆ ครั้งที่มีการเข้าถึงเนื้อหาใดๆ ภายในงานหรือร่วมกิจกรรมภายในงาน และจะสามารถลุ้นรับ 4 รางวัลจาก VMware ได้แก่

  • Apple iPad Pro 12.9″ มูลค่า 1,000 เหรียญหรือราวๆ 30,000 บาท
  • Apple Watch Series 5 มูลค่า 440 เหรียญหรือราวๆ 13,200 บาท
  • Bang & Olufsen BeoPlay E8 2.0 True Wireless Earbuds มูลค่า 350 เหรียญหรือราวๆ 10,500 บาท
  • Apple AirPods Pro มูลค่า 250 เหรียญ หรือราวๆ 7,500 บาท

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ฟรีทันทีที่ https://evolve.vmware.com/register.html?src=em_5e5cdfe8e02fc โดยเมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้ว จะสามารถใช้ Email เข้าสู่ระบบงานสัมมนาออนไลน์ได้ทันทีที่ https://onlinexperiences.com/Launch/Event.htm?ShowKey=80190

from:https://www.techtalkthai.com/vmware-evolve-online-2020-free-online-seminar-invitation/

VMUG Webinar: รับมือกับข้อกำหนดด้าน Security Compliance ด้วยคุณสมบัติ Encryption ใน vSAN โดย VMware

VMware User Group Thailand ขอเรียนเชิญผู้บริหารฝ่าย IT, ผู้จัดการ IT, Cloud Engineer, System Engineer และผู้ดูแลระบบ IT เข้าร่วมฟัง Webinar ในหัวข้อเรื่อง “รับมือกับข้อกำหนดด้าน Security Compliance ด้วยคุณสมบัติ Encryption ใน vSAN โดย VMware” เพื่อรู้จักกับเทคโนโลยีด้านการเข้ารหัสข้อมูลที่มีให้ใช้งานได้ภายใน VMware vSAN โดยทีมงาน VMware โดยตรง ในวันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2020 เวลา 14.00 – 15.30 น. โดยมีกำหนดการและวิธีการลงทะเบียนดังนี้

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: รับมือกับข้อกำหนดด้าน Security Compliance ด้วยคุณสมบัติ Encryption ใน vSAN โดย VMware
ผู้บรรยาย: คุณภูเบศวร์ ประเหมือน HCI SE Specialist, VMware
วันเวลา: วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2020 เวลา 14.00 – 15.30 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
จำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด: 100 คน
ภาษา: ไทย

VMware vSAN เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำ HCI ของ VMware มีการรับรองความถูกต้องโดยมาตรฐาน FIPS 140-2 ตามที่เรียกกกันว่า data-at-rest ด้วยการใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ที่คล่องตัว vSAN จึงไม่จำเป็นต้องใช้ไดรฟ์เข้ารหัสที่มีราคาแพง (SED) และการจัดการที่ซับซ้อนและต่อไดรฟ์ การเข้ารหัส vSAN รองรับการตรวจสอบความถูกต้องแบบ 2 ปัจจัยรวมถึง SecurID และ CAC และเป็นส่วนหนึ่งของ STIG (Security Technical Implementation Guides) ที่ได้รับการรับรองจาก DISA (Defense Information Systems Agency) อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมของ HCI ความปลอดภัยสามารถจัดการได้ในระดับ VM เพื่อช่วยให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบไม่ว่าจะเป็น GDPR, PDPA หรือข้อกำหนดอื่นๆ

ทีมงาน VMware Thailand จะมาเป็นผู้บรรยายในครั้งนี้ พร้อมตอบทุกคำถามของ VMware vSAN ได้ใน Webinar ครั้งนี้

ลงทะเบียนเข้าร่วม Webinar ได้ฟรี

ผู้ที่สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อเข้าร่วม Webinar ในหัวข้อนี้ได้ฟรีๆ ทันทีที่ https://zoom.us/webinar/register/WN_7mEjyJuVTYyfVIKxlUDhew โดยทีมงานขอความกรุณากรอกข้อมูลชื่อบริษัทด้วยชื่อเต็มของหน่วยงานหรือองค์กร เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการจัดการกับข้อมูลการลงทะเบียน

from:https://www.techtalkthai.com/vmug-webinar-security-compliance-with-vsan-encryption-by-vmware/

[Video Webinar] การใช้ vSAN Persistent Storage เพื่อรองรับ Cloud Native Application โดย VMware

สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าชมการบรรยาย VMUG Webinar เรื่อง “VMUG Webinar: การใช้ vSAN Persistent Storage เพื่อรองรับ Cloud Native Application” เพื่อเรียนรู้วิธีการออกแบบระบบ HCI และ Virtualization ให้สามารถทำงานร่วมกับ Container ชั้นนำอย่าง Docker และ Kubernetes เพื่อรองรับการทำ DevOps และ Microservices โดยทีมงาน VMware ที่เพิ่งจัดไปเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หรือต้องการรับชมการบรรยายซ้ำอีกครั้ง สามารถเข้าชมวิดีโอบันทึกย้อนหลังได้ที่บทความนี้ครับ

ผู้บรรยาย: คุณภูเบศวร์ ประเหมือน HCI SE Specialist, VMware

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เราได้แนะนำคุณสมบัติใหม่ ๆ ของ vSAN 6.7 U3 ไปกันแล้ว วันนี้ขอลงรายละเอียดของคุณสมบัติในการทำ Persistent Volumes ให้กับ Kubernetes ซึ่งจะทำให้ vSphere Administrator สามารถให้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ตรงตามต้องการของ Developers ในองค์กร และใน session จะสาธิตการ เรียกใช้งาน Persistent Volume และการ Monitor vSAN Storage ผ่านหน้า vSphere UI อีกด้วย

from:https://www.techtalkthai.com/vmug-webinar-vsan-persistent-storage-for-cloud-native-application-by-vmware-video/