คลังเก็บป้ายกำกับ: HYPER-CONVERGED_INFRASTRUCTURE

Sangfor HCI (aCloud) Modernize datacenter platform กับความสามารถที่หลากหลาย [Guest Post]

เนื่องด้วยปัจจุบันนี้มีการแข่งขันทางด้าน Business เป็นอย่างสูง ธุรกิจต้องยืนอยู่ให้ได้ในโลกการแข่งขันกันอย่างรุนแรง กับสภาพแวดล้อม และภัยคุกคามที่ควบคุมไม่ได้ รวมถึงสภาวะเศฐกิจที่ซบเซายาวนาน ซึ่งมีผลกับการลงทุนที่ชะลอตัว ทั้งในด้าน IT Infrastructure ซึ่งจำเป็นต้องพัฒนาเพื่อการแข่งขัน และด้วยงบการลงทุนที่จำกัด

ทางบริษัท Computer Union  ได้เล็งเห็นถึงปัญหา และนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้สามารถดำเนินธุรกิจได้แบบมีเสถียรภาพ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น และยั่งยืน ด้วย Sangfor HCI (aCloud) หรือ Hyper-Converged Infrastructure ที่เป็น Modernize Datacenter Platform ด้วยความเป็น Software Defined Infrastructure ทำให้จัดการด้าน Server Virtualization , Storage Virtualization และ Network Virtualization ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ ที่มีการใช้งานระบบ Production ที่มี Workload สูงขึ้น Sangfor HCI ยังสามารถจัดการเกี่ยวกับ System Resource แบบอัติโนมัติให้กับ Virtual Machine ในรูปแบบ Automate Hot add ได้แบบทันท่วงทีต่อสถานการณ์ จึงทำให้ระบบงานไม่เกิดการหยุดชะงักแล้วยังสามารถให้บริการ Service ต่างๆได้เป็นปกติ ทำให้ลดงานของเจ้าหน้าที่ IT ที่ดูแล Infrastructure ของลูกค้าได้อย่างราบรื่น

Sangfor HCI กับการ Backup ข้อมูล

ไม่เพียงเท่านั้น Sangfor HCI ยังมีระบบ Backup Virtualization ให้ใช้งานโดยไม่มีคิดค่าใช้จ่าย และไม่จำกัดจำนวน Virtual Machine โดยที่ไม่ต้องซื้อ Software Backup 3rd Party เพิ่มเพื่อมาทำการ Backup และยังสามารถ Backup Schedule ได้ในระดับความถี่ที่ทุกๆ 1 ชั่วโมง และสามารถ Backup Schedule ได้ในระดับ 1 Second ด้วยรูปแบบ Continuous Data Protection (CDP) แบบคิดค่าใช้จ่ายตามจำนวน Virtual Machine ที่ได้มีการใช้งานจริงเท่านั้น พร้อมทั้งยังสามารถกู้คืนข้อมูลได้ภายใน 5 นาที เท่านั้น จึงทำให้ระบบพร้อมใช้งาน ที่สำคัญที่สุดคือทำให้ประหยัดในการลงทุนได้เป็นอย่างมาก

นอกจากนั้นยังสามารถ Backup เพื่อจัดทำแบบ DC Site to DR Site ได้อีกด้วย และยังสามารถเลือกใช้งานเป็นแบบ 3 Node หรือแม้จะเป็นแบบ 2 Node Cluster ก็ยังได้ หรือใช้เพียง 1 Node ทำเป็น DR Site อย่างเดียวก็ได้ แล้วทำ Data Backup Replication มาที่ DR Site เป็นแบบ Full Data และ Job Schedule ครั้งถัดไป เป็นแบบ Incremental เพื่อลดการใช้งาน Internet Bandwidth ลงได้ที่ 70% และยังมีความสามารถในการทำ Failover ไป DR Site รวมถึงยังทำ Failback กลับมายัง DC Site ได้แบบเพียงไม่กี่คลิก นอกจากนี้แล้วยังมีความสามารถในการ Backup VMware จากการ Add vCenter Server เข้ามา และยังสามารถทำ Backup Job Copy ไปยัง Other Storage อาทิเช่น NAS , SAN ผ่าน iscsi protocol แม้จะเป็น 1 Gigabits Per Second หรือแบบ 10 Gigabits Per Second เพื่อแยกเก็บเป็นแบบ Long-Term ได้อีกด้วย

Sangfor HCI กับ Cyber Security

Sangfor HCI ยังมี Distributed firewall เพื่อป้องกันทางด้านความปลอดภัย หรือ Cyber Security Protection ในระดับ Security Microsegment เพื่อป้องกัน Virtual Machine จาก Hacker และ Ransomware Attack จากการเรียกค่าไถ่ ที่จะสร้างความเสียหาย อย่างรุ่นแรงกับ Virtual Machine ให้ Infrastructure ของท่าน เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายออกไปยัง Virtual Machine อื่นจึงมี Distributed firewall ให้มาใช้งานแบบไม่มีการคิดค่าใช่จ่าย หรือถ้าหาก HCI Cluster ของท่านต้องการใช้งาน Firewall ในลักษณะแบบ เต็มรูปแบบ อาทิ เช่น Firewall Web Filtering และ Policy Firewall ต่างๆ ก็ยังสามารถเลือกใช้ Next Generation Application Firewall หรือ NGAF ของทาง Sangfor HCI ได้เช่นกัน

Sangfor HCI กับ Containers หรือ Cloud Native

Sangfor HCI นอกจากจะสามารถใช้งานแบบ Traditional Infrastructure หรือ Applications แบบเดิม ยังสามารถรองรับการใช้งานในรูปแบบของ Containers หรือ Cloud-Native Applications ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้ง่ายต่อการใช้งาน สะดวก และรวดเร็ว และยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อหรือ 3rd Party เพื่อ Integration โดย OpenStack API ได้

Sangfor HCI กับ Hybrid Multi Cloud

ไม่เพียงเท่านี้ด้วยความสามารถของ Sangfor Cloud Platform หรือ SCP ที่สามารถทำ DC Site และ DR Site ได้ระหว่างกลุ่มของ Cluster Sangfor HCI แล้ว ยังสามารถทำเป็นลักษณะรูปแบบ Hybrid Multi-Cloud Solution ได้กับเพื่อนๆ Cloud Platform ในท้องตลาดได้ด้วยเช่นกัน และยังสามารถบริหารจัดการง่ายอีกด้วย และ Sangfor Cloud Platform ยังสามารถ คำนวณคิดค่าใช้จ่าย Billing สำหรับหน่วยงาน หรือระหว่าง Business Unit ตามนโยบายแผนงานในองค์กรของท่าน เพื่อให้จัดสรร System Resource ของ Virtual Machine เพื่อแบ่งการใช้งาน และยังสามารถแยก Tenant Network เพื่อทดสอบ Backup & Recovery Data ตามแผนประจำปีที่ DC Site และ DR Site ได้อีกด้วย

Sangfor HCI กับ Ransomware

Sangfor HCI (aCloud) ยังสามารถป้องกันภัยคุกคามด้านความปลอดภัยจาก Hacker , Ransomware ด้วย Sangfor Extended Detection Defense & Response หรือ XDDR Solution ด้วยการใช้ AI และ Automation เพื่อ Detection & Response เพื่อจัดการและโต้ตอบการบุกรุก โจมตี จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ผ่อนหนักให้เป็นเบาไม่ให้เหตุการณ์ขยายวงกว้าง หรือ Scope of Impact ไปมากกว่านั้น หรือช่วยลดความรุนแรงและไม่ให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น เมื่อ XDDR Solution ตรวจพบหรือ Detection ว่าเกิดเหตุการณ์ตรงกับ Tigger ด้วย Incidence นั้นว่าเป็นการโจมตีจาก Hacker หรือ Ransomware ก็จะทำการ Threat Hunting แล้วจะทราบต้นต่อปัญหา ว่าเกิดการเริ่มต้น มาจากเครื่องไหนและเมื่อทราบ Root Case ที่แท้จริงแล้ว จากนั้นจะเกิดการ Response โดย Sangfor XDDR Solution จะทำการส่งคำสั่งให้ Next Generation Application Firewall หรือ NGAF ของทาง Sangfor ที่อยู่ภายใต้การทำงานของ HCI จะทำการสั่ง Firewall เพื่อสร้าง Policy ให้ทำการ Block Traffic นั้น หรือสั่งให้ Sangfor HCI ทำการ Shutdown Virtual Machine ที่เป็นต้นต่อปัญหาจากเหตุการณ์ที่ถูก Compromised Host นั้น เพื่อผ่อนจากหนักให้เป็นเบาแล้วทำการ Isolate Virtual Machine เครื่องนั้นออกไป

ท่านใดสนใจติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pure Storage ได้ที่ บริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด โทร. 02-311-6881 #7151, 7158 หรือ Email : cu_mkt@cu.co.th

ทั้งนี้ทางคอมพิวเตอร์ยูเนี่ยนมีทีม CU as-a-Service ที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่สามารถให้คำแนะนำและปรึกษาด้านการออกแบบและดีไซน์โซลูชัน รวมถึงการให้บริการ POC และติดตั้งใช้งาน โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cu.co.th/distributor/service/ หรือแสกน QR Code

เขียนโดย

คุณธานี พานตะศรี

System Engineer / Computer Union Co.,Ltd.

from:https://www.techtalkthai.com/sangfor-hci-acloud-modernize-datacenter-platform-by-cu/

Advertisement

TTT 2022 Reinforce: มุ่งสู่ Hyper-converged อีกก้าวการปฏิรูป Data Center ให้ทันสมัย โดย Nutanix

ทุกวันนี้หลายองค์กรกำลังพูดถึงเรื่อง Hybrid Multi-cloud กันหนาหูมากขึ้น แต่ก่อนที่จากก้าวสู่โลกที่มีความซับซ้อนมากกว่าเดิม โครงสร้างในองค์กรเองก็ต้องถูกปฏิรูปให้สอดคล้องกันเพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างไร้รอยต่อกับระบบสมัยใหม่ด้วย ซึ่งเทคโนโลยีหนึ่งที่ตอบโจทย์เหล่านั้นก็คือ Hyper-converged Infrastructure (HCI) โดยในงาน TTT 2022 Reinforce คุณทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี Country Manager จาก Nutanix (Thailand) ตัวจริงด้าน HCIให้เกียรติมาเล่าวิวัฒนาการของ HCI ว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีการเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ทีมงาน TechTalkThai ขอสรุปประเด็นนี้มาให้ติดตามกันอีกครั้งครับ

ย้อนกลับไปหลายปีก่อนจะเห็นได้ว่ารูปแบบ Infrastructure ในองค์กรนั้นเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์แต่ละหน้าที่อย่าง Server, Storage และ Network แต่ความยุ่งยากและซับซ้อนคือแต่ละส่วนก็อาจจะมีหลายยี่ห้อ ทำให้การบริหารจัดการเป็นไปได้ยากใช้ทักษะสูง ยิ่งซ้ำเติมปัญหาการขาดแคลนบุคลากร IT ที่ไม่เคยพอต่อตลาด

ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ของโลกตระหนักถึงข้อจำกัดเหล่านั้นดี ซึ่งพวกเขาต้องการคอนเซปต์ของ Web Scale ที่เน้นความง่าย ทนทาน และขยายตัวได้เรื่อยไป จึงนำไปสู่แนวทางที่เน้นการใช้เซิร์ฟเวอร์มาทำงานร่วมกัน และยกความซับซ้อนไปสู่ส่วนของซอฟต์แวร์แทน ที่มีความคล่องตัวและเปลี่ยนได้ง่ายกว่า รวมพลังของเซิร์ฟเวอร์ให้ทำงานทดแทนกันได้ รวมถึงพร้อมรับการเพิ่มของใหม่เข้ามาในระบบได้โดยง่ายอีกด้วย

Hyper-converged Infrastructure ได้อาศัยแนวคิดเดียวกันนี้เพื่อกรุยทางใหม่ให้โซลูชันระดับองค์กร โดยสิ่งที่ Nutanix ได้พยายามแก้ปัญหาระบบโครงสร้างพื้นฐานเมื่อ 10 กว่าปีก่อนก็คือการยุบรวมฮาร์ดแวร์ของเซิร์ฟเวอร์และ Storage เข้าด้วยกัน บริหารจัดการการทำงานด้วยซอฟต์แวร์แต่นั่นเป็นเพียงอดีตที่ผ่านมา “ความน่าตื่นเต้นของโลกใบนี้คือนวัตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอ เช่นเดียวกับ HCI ที่เราต้องมองให้สูงขึ้นไป” — คุณทวิพงศ์กล่าว

การเดินทางขั้นถัดมาของ Hyper-converged Infrastructure ยุคปัจจุบันสะท้อนมาจากมุมมองของผู้ใช้ต่อแพลตฟอร์มเฉกเช่นเดียวกับที่พวกเขามีต่อบริการคลาวด์ซึ่งมีพร้อมทุกอย่าง ตัว Nutanix HCI เองจึงได้มีการปรับตัวให้มีความสามารถที่ครบวงจรในแพลตฟอร์มเช่นกันคือ

  • มีความสามารถรองรับ Virtualization และ Kubernetes
  • ครอบคลุมการสำรองและกู้คืนข้อมูล พร้อมเข้าสู่การทำ DR
  • มีเครื่องมือด้าน Security ที่จำเป็นในการทำ Microsegmentation ให้ทรัพยากรภายในถูกปกป้องทุกภาคส่วน
  • มีฟีเจอร์ช่วยดูแลด้านข้อมูลให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการข้อมูลภายใต้ HCI ได้อย่างสะดวกครอบคลุม
  • รองรับการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการคลาวด์ และถูกจัดการได้จากซอฟต์แวร์ของ Nutanix ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้วิธีการใช้งานของผู้ให้บริการอื่น

สุดท้ายนี้คุณทวิพงศ์ได้แนะนำแนวทางในการเลือก HCI ที่เหมาะสมไว้ว่า “ต้องรองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ละเว้นการทำงานอย่างเจาะจง ที่จะนำองค์กรกลับสู่ความซับซ้อน ที่สำคัญคือต้องทำงานร่วมกับ Vendor รายอื่นได้ทั้งส่วนของ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และผู้ให้บริการคลาวด์ ซึ่ง Nutanix เองมีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วนสมบูรณ์พร้อมให้บริการ”

ผู้ที่สนใจเรื่องอัปเดตเทรนด์เรื่อง Hyper-converged Infrastructure สามารถรับชมวิดีโอการบรรยายเรื่อง “มุ่งสู่ Hyper-converged อีกก้าวการปฏิรูป Data Center ให้ทันสมัย” โดยคุณทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี Country Manager, Nutanix (Thailand) ภายในงานสัมมนา TTT 2022 Reinforce: Enterprise IT Infrastructure ที่เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ได้ที่นี่

ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อทีม Nutanix (Thailand) ได้ที่ LINE: @NutanixThailand หรือ Facebook: Nutanix Thailand

from:https://www.techtalkthai.com/ttt-2022-reinforce-hyper-converged-infrastructure-by-nutanix/

เจาะลึกเทรนด์ Cloud & Data Center ของไทยในงาน TTT 2022 Reinforce: Enterprise IT Infrastructure Day

เจาะลึกเทรนด์ด้าน Data Center และกลยุทธ์ Hybrid Multi-cloud ในไทย การปฏิรูป Data Center ด้วยเทคโนโลยี Hyper-converged Infrastructure แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของการทำ Cloud Migration และการวางสถาปัตยกรรมระบบ Container และ Kubernetes เพื่อการพัฒนา Cloud Native Apps อย่างมั่นคงและยั่งยืน ในงาน TTT 2022 Reinforce: Enterprise IT Infrastructure Day วันที่ 5 ตุลาคม 2020 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม BITEC

📆 วันพุธที่ 5 ตุลาคม 2022
⏰ เวลา 8:00 – 17:00 น.
🏢 Grand Hall, BITEC Bangna
🇹🇭 บรรยายภาษาไทยทุกเซสชัน

กำหนดการบรรยาย Track 1: Cloud & Data Center

09:00 – 09:30 สรุปเทรนด์ Data Center และกลยุทธ์ Hybrid Multi-Cloud ในไทยปี 2022
คุณณัฐพัชญ์ นราพิมพ์สกุล Head of Consulting & Professional Services, True IDC
09:30 – 10:00 ปรับเปลี่ยนสถาปัตยกรรม Infrastructure อย่างไร เมื่อ Cloud เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจดิจิทัลในยุคปัจจุบันและอนาคต
คุณโชติวิทย์ จารุวรรณสถิตย์ Advisory Solution Architect & Field CTO, Dell Technologies
10:00 – 10:30 Google Cloud Migration – นำระบบขึ้นสู่ Cloud อย่างมั่นใจ
คุณธีระ วิวัฒน์โชติพร Senior Google Cloud Solutions, Tangerine
10:30 – 11:00 พักรับประทานอาหารว่างและเยี่ยมชมบูธ
11:00 – 11:30 วางรากฐานองค์กรให้พร้อมก้าวสู่การทำ Application Modernization
คุณเต็มภูมิ ชัยวัฒนายน Specialist Solution Engineer, VMware Tanzu และคุณธนกร อินทรัตน์ System Engineer, Veeam Software (Thailand)
11:30 – 12:00 มุ่งสู่ Hyper-converged อีกก้าวการปฏิรูป Data Center ให้ทันสมัย
คุณทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี Country Manager, Nutanix (Thailand)
12:00 – 13:30 พักรับประทานอาหารกลางวันและเยี่ยมชมบูธ

งานสัมมนานี้เหมาะสำหรับ: CIO, CTO, CISO, DPO, IT Manager, Compliance Manager, Cloud Architect, Security Engineer, Security Analyst, Network Engineer, IT Admin, IT Auditor และผู้ที่สนใจด้าน Cloud, Data Center, Networking และ Cybersecurity

🎉 พิเศษ!! ลงทะเบียนและเข้าร่วมงานเพื่อลุ้นรับ MacBook Air (M2), AirPods Max และ Sandisk Extreme Portable SSD อย่างละ 2 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 130,000 บาท

ดูรายละเอียด กำหนดการ และลงทะเบียนได้ที่: https://conf.techtalkthai.com/re22/

เกี่ยวกับงานสัมมนา TTT 2022 Reinforce: Enterprise IT Infrastructure Day

จากซีรีส์งานสัมมนาออนไลน์ TTT Virtual Summit ที่มีคนติดตามมากกว่า 8,000 คน สู่งานสัมมนาใหญ่ Enterprise IT Infrastructure Day ส่งท้ายปี 2022 ในรูปแบบ Physical Event ภายใต้แนวคิด Reinforce เสริมแกร่งรากฐานระบบ IT พลิกโฉมสู่ธุรกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืนและมั่นคงปลอดภัย ภายในงานท่านจะได้อัปเดตแนวโน้ม นวัตกรรม แนวทางปฎิบัติ และกรณีศึกษาที่น่าสนใจทางด้าน IT Infrastructure สำหรับองค์กร ครอบคลุมทั้งด้าน Cloud & Data Center, Networking, Cybersecurity และ Standards & Compliance ผ่านการบรรยายรวม 20 เซสชัน

นอกจากนี้ยังมีบูธจัดแสดงนวัตกรรมสำหรับองค์กรอีกกว่า 30 บูธ สำหรับให้ผู้เข้าร่วมงานขอคำปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแชร์ประสบการณ์ด้าน Enterprise IT Infrastructure โดยตรงกับผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงาน องค์กร และบริษัท IT/Consult ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

from:https://www.techtalkthai.com/ttt-2022-reinforce-track-1-cloud-and-data-center/

ขอเชิญร่วมงานสัมมนาออนไลน์ “ก้าวสู่ยุคโรงงานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ด้วยการ Digital Transformation ผ่านโซลูชั่น Sangfor ที่เรียบง่าย เชื่อถือได้และมีความปลอดภัยขั้นสูงสุด”

Get-On และ Sangfor ขอเชิญผู้สนใจทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “ก้าวสู่ยุคโรงงานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ด้วยการ Digital Transformation ผ่านโซลูชั่น Sangfor ที่เรียบง่าย เชื่อถือได้และมีความปลอดภัยขั้นสูงสุด” โดยงานจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2565 เวลา 10.00 – 12.00 น.

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ : ก้าวสู่ยุคโรงงานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ด้วยการ Digital Transformation ผ่านโซลูชั่น Sangfor ที่เรียบง่าย เชื่อถือได้และมีความปลอดภัยขั้นสูงสุด

วันเวลา : วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2565 เวลา 10.00 – 12.00 น.

วิทยากร

  1. วีรกุล ธนากรวิเศษ ,  Sangfor Cloud Product Manager
  2. สุภาส จำปาทอง, Sangfor Solution Consultant
  3. ธีระชัย เกษมพงศ์จรัส , Get-On Presales

ลงทะเบียนได้ที่ : https://sangfor.zoom.us/webinar/register/WN_iZhpYRidTW61rmge6eLwAQ

การระบาดของ Covid-19 ครั้งใหญ่ที่กินเวลานานกว่าสองปี ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพรวมของเศรษฐกิจโลกอย่างมาก และด้วยเหตุนี้การดำเนินธุรกิจของกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตจึงเป็นไปได้อย่างยากลำบาก โดยจะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้ผลิตได้มีการปรับนโยบายในหลายแง่มุมเช่น การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มยอดการผลิต การพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดแบบให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ร่วม รวมถึงการแสวงหากลยุทธ์ใหม่ๆ ในการเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจ

โดยในปี 2023 นี้ นอกจากมีการคาดการณ์ว่ากลุ่มธุรกิจในภูมิภาค APEC กว่า 50% จะมีการลงทุนในส่วนของเทคโนโลยีมากขึ้นแล้ว แนวคิดแบบ Cloud-first หรือนโยบายการเปลี่ยนมาใช้ระบบคลาวด์แทนระบบ On-premise ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตแบบรายวันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นองค์กรก็ควรที่จะให้ความสำคัญกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะหากอิงจากสถิติ ณ ปัจจุบัน การโจมตีทางไซเบอร์ก็ยังคงเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะลดลงในอนาคต

ร่วมลุ้นของรางวัลมากมาย อาทิเช่น Wireless Charger, ไม้เซลฟี่, แก้ว Starbuck และตุ๊กตา

from:https://www.techtalkthai.com/geton-x-sangfor-webinar-dx-by-sangfor-hci/

ขอเชิญร่วมงานสัมมนาออนไลน์ “SANGFOR EDUCATION SERIES, The Hybrid Learning & Cyber Security Solution” [18 Aug 2022 — 14.00o.]

Sangfor ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาในหัวข้อ “SANGFOR EDUCATION SERIES, The Hybrid Learning & Cyber Security Solution” โดยท่านจะได้รับฟังกรณีศึกษาของโซลูชันจาก Sangfor กับภาคการศึกษา ที่ช่วยตอบโจทย์ด้านการเรียนรู้ยุคใหม่และพร้อมกับการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ โดยงานจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม 2565 เวลา 14.00 – 16.00 น.

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ : SANGFOR EDUCATION SERIES, The Hybrid Learning & Cyber Security Solution

วิทยากร :

  • รัตสกานต์ ศรีสวัสดิ์ ตำแหน่ง Channel Manager
  • สุภาส จำปาทอง ตำแหน่ง Solution Consultant
  • รักษ์ชาติ เกตุบุญลือ ตำแหน่ง Education Consultant 
  • ไกรพล กุลศิริวุฒิชัย ตำแหน่ง Solution Consultant 

วันเวลา : วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม 2565 เวลา 14.00 – 16.00 น.

ภาษา : ไทย

ลิงก์ลงทะเบียน : https://sangfor.zoom.us/webinar/register/WN_709H0nGvSoyw6qBstQWnRQ

ร่วมรับฟังและแบ่งปันประสบการณ์ การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานด้านการศึกษาและมหาวิทยาลัยจากผู้เชี่ยวชาญในมุมของผู้ใช้งานและผู้ให้บริการฝั่ง Education

การสัมมนาครั้งนี้จะทำให้ท่านได้ทราบถึงกลยุทธ์และกลวิธีบริหารจัดการระบบเครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรับมือการความท้าทายในยุคของ Hybrid Learning และการโจมตีของเหล่าผู้ไม่ประสงค์ดี Hacker ที่มุ่งหวังจะสร้างความเสียหายให้กับองค์กรในยุค IT Transformation พร้อมกับเพิ่มขีดความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data)

ในการบรรยายครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ผศ.นรินทร์ พนาวาส ผู้ช่วยอธิการบดี และรักษาการรองคณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ , มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขต ชลบุรี ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ของมหาวิทยาลัยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

from:https://www.techtalkthai.com/sangfor-education-series-webinar-the-hybrid-learning-and-cyber-security-solution-18-aug-2022/

TechTalk Webinar : Modernize Your Business with the Leading HCI Platform

ขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “Modernize Your Business with the Leading HCI Platform” ซึ่งท่านจะได้เรียนรู้กับโซลูชัน Nutanix เพื่อนำไปใช้ในองค์กร โดยงานจะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 2 สิงหาคม 2565 เวลา 10.00 – 12.00 น. โดยมีกำหนดการลงทะเบียนดังนี้

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ : Modernize Your Business with the Leading HCI Platform

วิทยากร :

  • Miss Aumaporn Sengsui, Senior Vice President – Sales, The Practical Solution Public Company Limited.
  • Mr.Thawipong Anotaisinthawee, Country Manager, Nutanix (Thailand) Co.,Ltd.
  • Mr. Peemphol AumMongkhon, Pre-sales Engineer Professional, VSTECS (Thailand) Co.,Ltd.
  • Mr. Tanakiat Waradetjumroen, Technical Consultant, The Practical Solution Public Company Limited.
  • Mr. Watcharapol Sansudjai, Technical Consultant, The Practical Solution Public Company Limited.

วันเวลา : วันอังคารที่ 2 สิงหาคม 2565 เวลา 10.00 – 12.00 น.

ช่องทางการบรรยาย : https://us06web.zoom.us/webinar/register/WN_nGw2aunuSiKdkhRHhSDwuw

ลิงก์ลงทะเบียน : ในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน และ ทุกองค์กรมีความจำเป็นต้อง ปรับโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน แต่ล่ะกลุ่มธุรกิจ องค์กรต่างต้องการให้มีผู้นำในด้านเทคโนโลยีที่สามารถให้คำปรึกษา ปรับตัวได้ตามยุคสมัยมาดูองค์กรของตนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกเศรษกิจปัจจุบัน Nutanix ได้พัฒนาเทคโนโลยี และโซลูชันต่างๆขึ้นมามากมายในช่วงที่ผ่านมาบนพื้นฐานของ Nutanix Enterprise Cloud Platform ตอบโจทย์การใช้งานได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ ด้วย Portfolio product ของนูทานิคซ์ ที่ครอบคลุม การใช้งานได้ทุก work load พร้อมทั้งรองรับการใช้งานในรูปแบบ Hybrid Multi-Cloud ช่วยให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ทั้ง on premise และ On Cloud ได้ในหน้าจอเดียวบริหารจัดการง่าย เพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับองค์ของคุณ

from:https://www.techtalkthai.com/vstecs-nutanix-tps-webinar-modernize-your-business-with-the-leading-hci-platform/

ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของคุณให้ทันสมัย ด้วยเทคโนโลยี Hybrid Multi-cloud

Hybrid หรือ Multi-cloud กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะในที่สุดแล้วองค์กรต่างพบว่ารูปแบบดังกล่าวนี้สามารถช่วยผสมผสานความต้องการของตัวเองได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเปิดกว้างไม่ต้องยึดติดกับผู้ให้บริการเจ้าหนึ่งเจ้าใดอีกด้วย แต่ความท้าทายของการก้าวเข้าสู่ยุค Hybrid Multi-cloud นี้อาจจะไม่สวยหรูอย่างที่คิด หากระบบไอทีเดิมของท่านยังไม่ได้ถูกปฏิรูปให้สอดคล้องกับการทำงานยุคใหม่

ที่งาน TTT Virtual Summit 2022 กับหัวข้อ Data Center Technology คุณทวิพงศ์ อโรทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทยของนูทานิกซ์ จะมาแนะนำเคล็ดลับสำหรับการเลือกระบบ Hyper-converged สำหรับยุคปัจจุบันที่ถูกออกแบบมาให้พร้อมทำงานด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างแท้จริง

เมื่อพูดถึงการทำงานแบบเก่าหลายท่านคงจะหวนคิดถึงการทำงานแบบ Server, Storage และ Network ที่ในองค์กรหนึ่งต้องมีแต่ละทีมที่มีทักษะต่างกันไปทำให้เกิดกำแพงการทำงาน อีกทั้งการขาดบุคคลากรที่มีทักษะในวงการไอทีเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเรื่อยมาและไม่มีท่าทีลดลงเลย นอกจากเรื่องทักษะแล้วการออกแบบเช่นนี้ยังทำให้เกิด Single Point of Failure เช่นหากส่วนของ Network ไม่สามารถเข้าถึง Storage ได้ข้อมูลทั้งฟาร์มก็จะได้รับผลกระทบทันที

นอกจากปัญหาข้างต้นแล้วสถาปัตยกรรมแบบเก่ายังคงทำให้เกิดต้นทุนสูงมาก เพราะแต่ละฮาร์ดแวร์ก็มีซอฟต์แวร์ควบคุมของตัวเอง Storage ก็มี Controller ที่มีซอฟต์แวร์ชุดหนึ่งด้วยความซับซ้อนนี้เองจึงนำไปสู่ข้อจำกัดในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพราะหากเปลี่ยนแปลงบางอย่างเล็กน้อยก็ต้องไปกระทบปัจจัยอื่นมากมาย

อย่างไรก็ดีในที่สุดเมื่อเทคโนโลยีคลาวด์ถือกำเนิดขึ้นโครงสร้างพื้นฐานก็ได้ถูกผลิกโฉมไปจาก Hardware Defined สู่โลกแห่ง Software Define หรือสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า Web Scale กล่าวคือระบบโครงสร้างพื้นฐานของคลาวด์เหล่านี้ต้องไม่ก่อให้เกิด Single Point of Failure เนื่องจากการ Downtime ของคลาวด์จะขัดแย้งกับแนวทางธุรกิจโดยตรง รวมถึงต้องขยายตัวเพิ่มจำนวนได้รวดเร็วและไม่จำกัด จึงนำไปสู่การควบรวมระบบ Server และ Storage เข้าด้วยกันโดยอาศัยซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยบริหารจัดการทรัพยากร กลายเป็นเทคโนโลยี Hyper-converged ยุคที่หนึ่งนั่นเอง

แต่โลกแห่งเทคโนโลยีนั้นไม่เคยหยุดนิ่งการก่อกำเนิดแอปพลิเคชันหนึ่งยังเหลืองานอยู่อีกมากทั้งเรื่องของ Virtualization, Container, Backup & Recover, DR, Security, Data Management, Hybrid Multi-cloud Management ด้วยเหตุนี้เองการอัปเกรตสู่เทคโนโลยี Hyper-converged ยุคถัดไปจึงถือกำเนิดขึ้นแล้ว ซึ่งหมายถึงการต้องผนวกโซลูชันที่จำเป็นเหล่านี้เข้ามาเช่น ซอฟต์แวร์ Hypervisor, Container, Data Protection ให้ครอบคลุมกับงานที่เหลืออยู่ภายในตัวโซลูชัน Hyper-converged

ด้วยเหตุเอง Nutanix ผู้นำในตลาด Hyper-converged เสมอมาจึงได้พัฒนาระบบของตนให้มาพร้อมกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์พื้นฐาน ซึ่งผู้ใช้งานแพลตฟอร์มของ Nutanix สามารถเริ่มต้นสู่การสร้างแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วด้วยเครื่องมือครบถ้วนและไม่ต้องยุ่งยากกับการพึ่งพาเครื่องมืออื่นๆ ในทางกลับกันแม้ Nutanix จะมีความครอบคลุมแทบทุกด้านแต่ก็ยังเปิดกว้างให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานร่วมกับผู้ให้บริการรายอื่นได้ ตลอดจนมีพาร์ทเนอร์ที่ช่วยในระดับแอปพลิเคชันอย่าง Red Hat OpenShift และ Citrix ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ระดับองค์กรและ End User

ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี Hybrid Multi-cloud สามารถรับชมวิดีโอการบรรยายเรื่อง “ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของคุณให้ทันสมัย ด้วยเทคโนโลยี Hybrid Multi-cloud” โดยคุณทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี Country Manager จาก Nutanix (Thailand) ภายในงานสัมมนา TTT Virtual Summit: Enterprise Cloud & Data Center 2022 ที่เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 21 – 23 มิถุนายน ได้ที่นี่

from:https://www.techtalkthai.com/tvs-2022-cd-hybrid-multi-cloud-by-nutanix/

เชิญร่วมงานสัมมนา Cisco HyperAutomation Platform (HCI & CI) วันที่ 21 เม.ย. 13:30 น.

Cisco และ Ingram Micro ขอเชิญผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานด้าน Data Center เข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ Cisco HyperAutomation Platform (HCI & CI) ในวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน เวลา 13:30 – 15:00 น. ลงทะเบียนเข้าฟังบรรยายได้ฟรี

รายละเอียดงานสัมมนา

หัวข้อ: Cisco HyperAutomation Platform (HCI & CI)
ผู้บรรยาย: คุณธนวิทย์ ชาญสุไชย CISG Sale Specialist, Data Centre Thailand
วันเวลา: วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน เวลา 13:30 – 15:00 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Conference
ลิงก์ลงทะเบียน: https://app.partner-apac.ingrammicro.com/e/er?s=1546404098&lid=9091&elqTrackId=97C7E7E23E59678CEF907E96C9ABF932&elq=57d12a3b38ea4acfb61edea3c3992362&elqaid=8346&elqat=1

ภายในงาน ท่านจะได้พบกับก้าวใหม่ของโลกเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอีกขึ้นจาก Hyper-converged Infrastructure (HCI) สู่ HyperAutomation Platform ที่จะทำให้การบริหารการจัดการทั้งส่วน Compute, Network และ Storage รวมศูนย์ผ่านระบบเดียว

กำหนดการบรรยาย

13:30 – 14:00 Cisco Data Center Portfolio
14:00 – 15:00 Cisco HyperAutomation Platform
15:00 – 15:20 Q&A

from:https://www.techtalkthai.com/cisco-ingram-webinar-cisco-hyperautomation-platform/

[Guest Post] Sangfor HCI จุดเริ่มต้นของ Cloud Solution ด้วยราคาที่เหมาะสม

หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพด้าน Data Center และระบบคลาวด์ ให้กับองค์กร สามารถตอบโจทย์ได้ด้วย Sangfor HCI Solution ที่อยู่ภายใต้แนวคิด Software Defined IT Infrastructure แบบรวมศูนย์ หรือเรียกว่า 1 Stop Software Defined Data Center Solution ที่มาพร้อมความปลอดภัย ประหยัด สามารถจัดการแบบ Centralize Management ได้โดยง่าย

การลงทุนทางด้าน IT Infrastructure สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันนี้ คือเรื่องของ TCO (ต้นทุนรวมของเจ้าของ) และ ROI (ผลตอบแทนการลงทุน) เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง หากองค์กรจะต้องจัดหาระบบ IT Infrastructure สักชุดเพื่อมาใช้งานทดแทนของเดิมหรือรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต สิ่งที่ต้องตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ เรื่องของค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดหา การย้ายข้อมมูล การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้เกิดความรู้ความชำนาญในผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้งาน รวมถึงการดูแลรักษาและการขยายขีดความสามารถของ อุปกรณ์นั้นๆ ในอนาคต

ในปัจจุบันหลายๆ องค์กรมีความสนใจเกี่ยวกับ Cloud Solution ถ้าหากจะไป Cloud เราควรจะเริ่มจาก HCI (Hyper Converted Infrastructure) HCI คือการนำทุกอย่างมาทำเป็น Virtualization ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ Virtual Machine , Virtual Storage และ Virtual Network และนำทรัพยากรบนเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) มารวมกัน (Pools) เมื่อถึงเวลาใช้งาน เราสามารถนำทรัพยากรเหล่านั้นมาจัดสรรให้ Virtual Machine , Virtual Storage , Virtual Network ใช้งานได้ และเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการระบบ เราจะจัดการทุกอย่างผ่าน Centralize management คือการจัดการที่จุดๆ เดียวไม่ต้องแยกกันจัดการ ในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้น จะช่วยให้ไม่เสียเวลาในการแก้ไขปัญหาและง่ายต่อการดูแล ยกตัวอย่างเช่น กรณีถ้ามีเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) ที่มีการใช้งานอยู่ในรูปแบบ HCI Solution โดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่จำนวน 3 เครื่อง (Node) หากวันหนึ่งเกิดมีเครื่องใดเครื่องหนึ่งเสียหรือมีปัญหาขึ้นมาไม่สามารถใช้งานได้ เครื่องที่เหลือจะสามารถทำงานแทนได้ แต่การลงทุน 3 เครื่อง (Node) นั้น อาจจะต้องใช้งบประมาณสูงเกินไป จะดีกว่าไหม? ถ้าเราเริ่มต้นเพียง 2 เครื่องและสามารถขยายระบบเพิ่มได้ด้วยการเพิ่ม Node โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งระบบใหม่

Sangfor HCI เป็น Software HCI ที่สามารถใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบ X86 ได้ทุกแบรนด์ชั้นนำ แต่ในการเลือกใช้งาน Server ควรเลือกตามคำแนะนำของ ITIC Report เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีที่สุด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการทำ HCI Solution มักจะต้องเริ่มต้นการใช้งาน Server ที่จำนวน 3 เครื่องเป็นอย่างน้อย เพื่อให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ Sangfor HCI สามารถเริ่มต้นที่ 2 เครื่อง (Server) ได้ และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน โดยความสามารถพื้นฐาน หรือ Feature หลักๆ ของระบบ HCI Solution ที่ควรมี เช่น การทำ Live Migration , VM HA , Distributed resource scheduler ซึ่ง Sangfor HCI ได้มีการนำ Feature หลักๆ มารวมกันไว้ให้ทั้งหมดแล้ว และยังมี Feature อื่นๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมารวมมาให้ด้วย โดยไม่มีการแบ่งประเภทของ License มีเพียง License แบบเดียว ในขณะที่ถ้าเป็นแบรนด์อื่นๆ อาจจะต้องซื้อ License Edition หรือ License ประเภทอื่นเพิ่มเติมจาก 3rd Party

เราจะมาทำความรู้จักกับ Sangfor HCI ที่กำลังเป็นที่น่าสนใจ และมีความโดดเด่นเฉพาะตัวกับความสามารถในด้านต่างๆ ดังนี้

  • Feature – Automate Hot add ความสามารถในการช่วยเพิ่มทรัพยากรกับให้เครื่อง Virtual machine ที่ใช้งานอยู่ในกรณีที่เครื่องมีการใช้ทรัพยากรเกินกว่าค่า Ratio ที่กำหนดไว้ โดยการนำ Policy จาก Sangfor HCI ที่กำหนดไว้มาเป็นตัวจัดการ และทำการเพิ่มทรัพยากรโดยการนำทรัพยากรจากส่วนกลางที่ทำ Cluster ไว้มาเพิ่มให้กับ Virtual Machine ที่ใช้งานอยู่ เพื่อให้เครื่องสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
  • DR Site ของ Sangfor HCI มีความสามารถพิเศษกว่าเพื่อนร่วมตลาดอื่นๆ คือสามารถเริ่มต้นการทำ DR Site ได้ที่ 1 เครื่อง (Server) เนื่องจากเทคโนโลยีที่ Sangfor HCI นำมาใช้เป็นการเลือกทำ DR Site เป็นราย Virtual Machine ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้สามารถกำหนดขนาดของ DR Site ที่ต้องการได้ นอกจากนี้การ Sync ข้อมูลระหว่าง DC และ DR Site ยังทำเป็นลักษณะ Incremental Replication คือ การส่งข้อมูลเฉพาะส่วนที่ต่างกันข้ามไป-มาระหว่าง DC และ DR Site ซึ่งระหว่างการส่งข้อมูลไป-มานั้นจะมีการทำ Compression เพื่อลดจำนวนข้อมูลที่ซ้ำซ้อนกันด้วย ทำให้ข้อมูลมีขนาดเล็กลง และใช้เวลาในการส่งข้อมูลรวดเร็วยิ่งขึ้น
  • Backup Sangfor HCI เป็น HCI เจ้าหนึ่งที่มีตัวจัดการ Backup เป็นของตัวเอง โดยสามารถทำการ Backup ลงใน Cluster HCI ของตัวเองได้ หรือสามารถ Backup ลงที่อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกได้เช่นกัน โดย Feature Backup ที่ติดมาพร้อมกับ License ของ Sangfor HCI หรือเรียกได้ว่าแถมมากับ License หลัก จะมีความสามารถ Backup ข้อมูลได้ในระดับชั่วโมงต่อชั่วโมง โดยมีชื่อเรียกว่า Scheduler backup หากเป็นตัวที่เสียค่า License เพิ่มเติมจะเรียกว่า CDP (Continue us data protection) โดยจะแตกต่างจากตัวฟรี คือสามารถ Backup ได้ในระดับ วินาทีต่อวินาที โดยในตลาดของ HCI และ Software backup มีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่สามารถนำเทคโนโลยี CDP มาใช้ได้ นอกจากนี้ในการ Recovery ข้อมูล License ทั้ง 2 แบบสามารถ Commit RTO ได้ที่ 5 นาที ซึ่งมีประสิทธิภาพมากว่า Software Backup ในตลาดบางแบรนด์ที่ยัง Commit RTO ที่ 15 นาที
  • ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ Sangfor HCI มี Feature ที่ Build in มาให้ เรียกว่า Distributed Firewall หรือmicro segment ที่มีความสามารถป้องกันในระดับ Hypervisor โดย Feature นี้เป็นเหมือนการสร้างกำแพงกั้นระหว่าง Virtual machine โดยทำให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ จึงทำ IT ที่ดูแลสามารถจัดการแก้ไขได้ก่อนที่จะโจมตีสำเร็จ ซึ่ง Feature ที่กล่าวมานี้มีการตรวจสอบและการันตีจากทาง Mitre.org ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร เป็นผู้ตรวจสอบช่องโหว่ของ Software ทุกประเภท ซึ่ง HCI ที่ไม่มีช่องโหว่ในระดับ Hypervisor ในปัจจุบันมีเพียง 2 แบรนด์ในโลก และ Sangfor HCI เป็นหนึ่งใน 2 แบรนด์นั้น
  • การบริหารจัดการและดูแล Sanfor HCI ทำให้ทุกอย่างเป็น One click to play และทำทุกอย่างผ่าน Centralize management ซึ่งเป็น GUI ที่สามารถใช้งานได้ง่าย เริ่มต้นตั้งแต่การติดตั้ง , Monitor , Dashboard , Report , Trouble shooting , Notification ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถใช้งาน GUI ได้อย่างสะดวก สามารถดูแลและบริหารจัดการได้ง่าย ไม่เสียเวลา

หากท่านเป็นผู้ที่กำหนดทิศทางทาง IT ในองค์กรหรือเป็นผู้ที่กำลังจะตัดสินใจเลือก Infrastructure ใหม่ให้กับองค์กรหรือลูกค้า Sangfor นับว่าเป็นแบรนด์หนึ่งที่อาจจะไม่ได้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งใน Gartner แต่เชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าใช้งานแล้วมีความรู้สึกพึ่งพอใจและอยากบอกให้คนอื่นได้ลองใช้ต่ออย่างแน่นอน แล้วท่านละอยากจะทดลองใช้ หรืออยากจะรู้จัก Sangfor เพิ่มขึ้นไหม? ถ้าสนใจติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด โทร. 02-311-6881 #7151, 7158 หรือ Email. cu_mkt@cu.co.th

ผู้เขียนบทความ

คุณพนมพร มีเสงี่ยม (นก)

System Engineer Specialist

Computer Union Co.,Ltd.

คุณณัฐวุฒิ สุวรบุตร (ปอนด์)

System Engineer Specialist

Computer Union Co.,Ltd.

from:https://www.techtalkthai.com/start-your-cloud-solution-with-reasonable-price-with-sangfor-hci-by-cu/

AIS Business และ CSL จับมือ HPE เปิดตัวโซลูชัน Private Cloud ภายใต้ชื่อ AIS Cloud in a Box by HPE

AIS Business และ CSL ร่วมกับ Hewlett Packard Enterprise ประเทศไทย เปิดตัว AIS Cloud in a Box by HPE ชุดโซลูชัน Private Cloud ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีที่สุดทั้งส่วน Hyper-Converged Infrastructure, Private Cloud และ Data Protection มั่นใจทั้งด้านประสิทธิภาพและความมั่นคงปลอดภัย ตอบโจทย์ความท้าทายยุค Digital Transformation ของธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่

AIS Cloud in a Box by HPE คือการผสานรวม 3 เทคโนโลยีชั้นนำที่ทาง AIS Business และ CSL เลือกสรรมาอย่างดีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้าน Private Cloud ของธุรกิจองค์กร ได้แก่ HPE SimpliVity, HPE Azure Stack HCI และ HPE Protect Ransomware

1. AIS Cloud in a Box by HPE: HPE SimpliVity

HPE SimpliVity เป็นเทคโนโลยีของ 2nd Hyper-Converged Infrastructure ที่ได้ถูกจัดอันดับเป็นผู้นำในระดับโลก พร้อมทั้งรองรับความต้องการของธุรกิจจองค์กรที่ไม่ใช่แค่ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดแต่ได้มาถึงความคุ้มค่าที่เป็นพื้นฐานของความต้องการเบื้องต้นของธุรกิจ ที่ต้องการระบบที่มีความเชื่อถือได้และรองรับธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีการแข่งขันกันสูง

คุณสมบัติเด่นของ HPE SimpliVity ได้แก่

  • ใช้เทคโนโลยีของ Hypervisor ที่เป็นอันดับหนึ่งของระดับโลกจาก VMware
  • บริหารการจัดการจากศูนย์กลางไม่ว่าจะเป็น VM, Backup, Monitoring และอื่นๆ
  • มีการทำงานสำหรับทำ In-line Deduplication, Compression และ Optimization โดยเฉพาะ ช่วยลดภาระของ CPU และ Memory ในแต่ละ Node
  • มีเทคโนโลยี Backup ที่ดีที่สุดในการสำรองข้อมูล โดยไม่กระทบกับการทำงานของระบบ
  • มีซอฟต์แวร์ช่วยให้การทำ Business Continuity Plan ได้อย่างเรียบง่ายโดยลดภาระของผู้ดูแลระบบ 
  • รองรับการขยายระบบในรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการขยายแค่ Computing, Capacity หรือ Scale Out Node ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. AIS Cloud in a Box by HPE: HPE Azure Stack HCI

HPE Azure Stack HCI เป็นโซลูชันล่าสุดในตระกูล Azure Stack ซึ่งทำงานอยู่บนสถาปัตยกรรมแบบ Hyper-Converged Infrastructure ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งาน Virtualized Apps บน On-Premises และสามารถเชื่อมต่อกับ Microsoft Azure เพื่อใช้งานในรูปแบบ Hybrid Cloud ได้อย่างไร้รอยต่อ เทคโนโลยีเบื้องหลังของระบบนี้ คือ การใช้ Microsoft Hyper-V คู่กับ Microsoft Storage Spaces Direct ซึ่งช่วยให้ธุรกิจองค์กรสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว คุ้มค่า และง่ายดาย

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Windows Admin Center ในการผสานระบบเข้าด้วยกันกับ Microsoft Azure เพื่อทำงานร่วมกันในรูปแบบดังต่อไปนี้

  • Azure Site Recovery – ทำ HA และ DR as a Service
  • Azure Monitor – ติดตามการทำงานของ Apps, Network, Infrastructure โดยมี AI ช่วยเหลือจากศูนย์กลาง
  • Cloud Witness –ใช้ Azure ทำหน้าที่เป็น Witness ในระบบ Cluster
  • Azure Backup – ทำการสำรองข้อมูลระยะไกลเพื่อป้องกัน Ransomware
  • Azure Update Management – ทำการตรวจสอบและติดตั้งอัปเดตใหม่ๆ ให้กับ Windows VM ทั้งบน Azure และบน On-Premises

3. AIS Cloud in a Box by HPE: HPE Protect Ransomware 

โซลูชัน Protect Ransomware โดย HPE Cohesity เป็นนิยามใหม่ของการจัดการข้อมูล มาพร้อมกับฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Backup, Scale-Out NAS, S3 Storage และการทำงานแบบ Multi-Cloud นอกจากนี้ยังถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันภัยคุกคามจาก Ransomware ได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย ทำให้มั่นใจว่า หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ธุรกิจองค์กรจะสามารถกู้คืนข้อมูลส่วนที่ถูกทำลายไป (หรือถูกเข้ารหัส) ได้ง่ายและมั่นคงปลอดภัย

Protect Ransomware โดย HPE Cohesity ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก คือ

  • Prevent – ปกป้องข้อมูลในระดับ File System คือการป้องกันไม่ให้ Ransomware สามารถเข้ารหัส Shared Files หรือข้อมูลที่ถูก Backup ไว้ได้
  • Detect – ตรวจสอบความผิดปกติของไฟล์ข้อมูลด้วยเทคโนโลยี Machine Learning เช่น ความเปลี่ยนแปลงของการใช้งานรายวันและรูปแบบการใช้งานที่ผิดปกติในประวัติการใช้ไฟล์ข้อมูล เป็นต้น
  • Respond – รองรับการขยายตัวได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด (Unlimited File System) ทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีข้อจำกัดในการสำรองข้อมูลทุกกรณี รวมไปถึงสามารถกู้คืนข้อมูลกลับมาทั้ง Volume VM หรือเฉพาะบางไฟล์ได้ภายในเสี้ยววินาที

ยกระดับสถาปัตยกรรมระบบ IT ไปอีกขั้น

จากการผสานรวม 3 เทคโนโลยีของ HPE ที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี AIS Cloud in a Box by HPE จึงเหมาะสำหรับธุรกิจองค์กรที่ต้องการผนวกรวม Workload ที่ใช้งานอยู่บนหลายๆ ผลิตภัณฑ์หรือหลายๆ เทคโนโลยีเข้ามาอยู่ในระบบเดียวและสามารถบริหารจัดการได้ง่าย พร้อมขยายระบบออกไปในอนาคตตามขนาดของธุรกิจที่เติบโต รวมไปถึงธุรกิจองค์กรที่ต้องการอัปเกรดระบบ Virtualization แบบดั้งเดิมไปสู่สถาปัตยกรรมแบบ HCI ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและยืดหยุ่นกว่า เสริมด้วยการป้องกัน Ransomware และการปกป้องข้อมูลที่ไว้วางใจได้

เริ่มต้นใช้ AIS Cloud in a Box by HPE ได้วันนี้ พร้อมบริการ Migration

ผู้ที่สนใจเริ่มใช้ Private Cloud ประสิทธิภาพสูงที่มาพร้อมการปกป้องข้อมูลที่ไว้วางใจได้ สามารถติดต่อ AIS Business หรือ CSL ได้ทันที โดยสามารถเลือกได้ว่าจะติดตั้ง AIS Cloud in a Box by HPE ที่ Data Center ของตนเองหรือที่ CSL ก็ได้ ซึ่งมีทั้งหมด 8 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งในเขตกรุงเทพปริมณฑลและเขตพื้นที่เศรษฐกิจหลักในหลายๆ ภูมิภาค เช่น สมุทรปราการ ปทุมธานี ชลบุรี ขอนแก่น เชียงใหม่ และสงขลา เป็นต้น

AIS Cloud in a Box by HPE มีหลายแพ็กเกจให้เลือกสรรตามปริมาณทรัพยากรที่ต้องใช้ (CPU, Memory, Storage) โดยเริ่มต้นที่จำนวน 2 Nodes ตอบโจทย์การใช้งานทั้งธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ รวมไปถึงมีทีมงานและเครื่องมือสำหรับช่วยโยกย้าย Workload จากระบบเดิมไปสู่ระบบใหม่ได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับ Enterprise Cloud ของ AIS Business และ CSL เพื่อวางสถาปัตยกรรมแบบ Hybrid Cloud ได้อีกด้วย

โปรโมชันพิเศษ!! เริ่มต้นใช้ AIS Cloud in a Box by HPE วันนี้ สามารถเลือกผ่อนชำระได้ทั้งแบบ 3 ปีและ 5 ปี

ด้วยประสบการณ์ด้าน One Stop ICT Service กว่า 25 ปีของ CSL พาร์ทเนอร์ที่ช่วยตอบโจทย์ทุกเรื่อง IT ที่คุณมั่นใจ

“Your Trusted Smart Digital Partner”

ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจกับ CSL ได้ที่
อีเมล: business@ais.co.th
เว็บไซต์: https://www.csl.co.th/

from:https://www.techtalkthai.com/csl-ais-cloud-in-a-box-by-hpe/