คลังเก็บป้ายกำกับ: VIRTUALIZATION__CONTAINER

F5 Webinar: Securing Container and Cloud Workload in 2023

F5 ขอเรียนเชิญผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานด้าน Cybersecurity รวมถึงผู้ดูแลระบบ Cloud เข้าร่วมงานสัมมนา F5 Webinar เรื่อง “Securing Container and Cloud Workload in 2023” เพื่อเรียนรู้การปกป้อง Container และ Cloud Workload จากภัยคุกคามในปี 2023 โดยใช้เทคโนโลยี Machine Learning ในวันอังคารที่ 21 มีนาคม 2023 เวลา 14:00 น. ผ่านทาง Live Webinar

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: Securing Container and Cloud Workload in 2023
ผู้บรรยาย: คุณประชาชาติ สถาพรนานนท์ Solutions Engineer จาก F5 (Thailand)
วันเวลา: วันอังคารที่ 21 มีนาคม 2023 เวลา 14:00 – 15:00 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
ภาษา: ไทย
ลิงก์ลงทะเบียน: https://us06web.zoom.us/webinar/register/1316782126836/WN_EVzckZcfTKWpAqZlsVZPAA

แอปพลิเคชันยุคใหม่จะมั่นคงปลอดภัยได้เท่ากับ Infrastructure ที่แอปพลิเคชันเหล่านั้นรันอยู่เท่านั้น คำกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่า ช่องทางการโจมตีของแฮ็กเกอร์ในปัจจุบันไม่ได้พุ่งเป้าแค่ Public Cloud Workload อีกต่อไป แต่รวมไปถึงระบบ Container ที่รันอยู่บน Physical/Virtual Infrastructure ด้วย การเก็บรวบรวมข้อมูลจากระบบต่างๆ จำเป็นต้องอาศัย Software as a Service (SaaS) และขุมพลัง Machine Learning เพื่อให้สามารถตรวจจับภัยคุกคามและช่องโหว่ได้แบบเรียลไทม์

เข้าร่วม Webinar นี้เพื่อรู้จักกับ Application Infrastructure Protection จาก F5 รวมถึงเทคโนโลยีการตรวจจับภัยคุกคามโดยใช้ Supervised Machine Learning ที่ผสานกับความเชี่ยวชาญด้าน SOC ซึ่งจะช่วยลดเวลา Mean-Time-To-Know (MTTK) สำหรับตรวจจับและค้นหาสาเหตุของปัญหาลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ในการวาง Infrastructure ให้แก่แอปพลิเคชันได้อย่างมั่นคงปลอดภัยอีกด้วย

from:https://www.techtalkthai.com/f5-webinar-securing-container-and-cloud-workload-in-2023/

Advertisement

Cloud HM X VMware Webinar: Power Your Super App with VMware Tanzu, the cloud-native tools of choice on Sovereign Cloud!

Cloud HM และ VMware ขอเชิญผู้สนใจทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “Power Your Super App with VMware Tanzu, the cloud-native tools of choice on Sovereign Cloud! (ขับเคลื่อน Cloud-Native Super App ของคุณด้วย VMware Tanzu ที่มาพร้อม Kubernetes, RabbitMQ, Memcached as a Service, และ Database as a Service บนมาตรฐาน Sovereign Cloud ที่แรกในประเทศไทย)”

โดยในงานนี้จะแนะนำทุกท่านให้รู้จักกับ VMware Tanzu เครื่องมือสุดล้ำสำหรับขับเคลื่อน Cloud-Native Super App โดยเฉพาะ! และที่พลาดไม่ได้คืองานนี้ยังมีการแนะนำฟีเจอร์ต่าง ๆ รวมถึงการใช้งาน VMware Tanzu แบบเจาะลึกสำหรับองค์กรชั้นน้ำอีกด้วย

งานสัมมนาจะจัดขึ้นในวันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 เวลา 14.00 – 15.30 น. ซึ่งท่านสามารถลงทะเบียนได้ดังนี้

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: Power Your Super App with VMware Tanzu, the cloud-native tools of choice on Sovereign Cloud! (ขับเคลื่อน Cloud-Native Super App ของคุณด้วย VMware Tanzu ที่มาพร้อม Kubernetes, RabbitMQ, Memcached as a Service, และ Database as a Service บนมาตรฐาน Sovereign Cloud ที่แรกในประเทศไทย)

วันเวลา: วันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 เวลา 14.00 – 15.30 น.

วิทยากร

  1. คุณจักรกฤษณ์ พรมแดง ตำแหน่ง Assistant Manager – Presales and Solution Integration, Cloud HM
  2. คุณเต็มภูมิ ชัยวัฒนายน ตำแหน่ง Solution Engineer, VMware

ช่องทางการเข้าร่วม: Zoom Webinar

ลิงก์ลงทะเบียน: https://us06web.zoom.us/webinar/register/WN_foimn0OCSyKfwuZ2sNj-pg

Agenda

  • Why Cloud Native?
  • Top Cloud Native Challenges and Trends in 2023
  • Get Started on Your Modern Application Journey
  • Benefits of Container and Container Orchestration
  • How Does VMware Tanzu Work and What are Its Features?
  • How Can Cloud HM Help You Maximize Your Use of VMware Tanzu?
  • Build Your Cloud-Native Super App with VMware Tanzu
  • Use Cases of VMware Tanzu
  • Q&A

from:https://www.techtalkthai.com/cloud-hm-x-vmware-webinar-power-your-super-app-with-vmware-tanzu-032023/

Microsoft ประกาศรองรับ Windows 11 บน Mac M1 และ M2 ผ่านทาง Parallels Desktop แล้ว

Microsoft ประกาศรองรับ Windows 11 บน Mac M1 และ M2 ผ่านทาง Parallels Desktop แล้ว

Microsoft ได้ประกาศให้ Parallels Desktop 18 เป็น Authorized Solution สำหรับการใช้งาน Windows 11 Pro และ Enterprise เวอร์ชัน ARM บนอุปกรณ์ Mac Apple M1 และ M2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ใช้งานสามารถนำ License Windows 11 ที่มีมาใช้งานใน Guest OS ใน Parallels Desktop ได้ทันที อย่างไรก็ตามการใช้งาน Windows 11 บน Arm ยังมีข้อจำกัดอยู่ เช่นไม่รองรับ DirectX 12 และ OpenGL 3.3 สำหรับงานประเภทกราฟฟิก, Windows Subsystem for Android, Windows Subsystem for Linux, Windows Sandbox และ Virtualization-based Securit (VBS)

ที่มา: https://support.microsoft.com/en-us/windows/options-for-using-windows-11-with-mac-computers-with-apple-m1-and-m2-chips-cd15fd62-9b34-4b78-b0bc-121baa3c568c

from:https://www.techtalkthai.com/microsoft-supports-windows-11-on-mac-m1-m2-via-parallels-desktop/

4 ความท้าทายของ Kubernetes Monitoring

Kubernetes คือเครื่องมือที่ทำให้องค์กรสามารถควบคุมจัดการ Container จำนวนมากให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้อย่างอัตโนมัติ โดยผู้ดูแลสามารถกำหนดช่วงเวลาในการทำงาน ตรวจสอบสุขภาพ หรือกำหนดจำนวนของ Container เพื่อรองรับการให้บริการ เป็นต้น

แต่รู้หรือไม่ว่าความสามารถที่ชาญฉลาดนี้ได้เลเยอร์ความซับซ้อนไว้มากมาย ซึ่งในมุมของการทำ Kubernetes Monitoring เราจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องเหล่านั้น ซึ่งในบทความนี้เราจะขอพาทุกท่านไปรู้จักกับองค์ประกอบเบื้องหลังและความซับซ้อนที่รออยู่ รวมถึงเครื่องมือแบบใดที่ช่วยให้งานของเรานั้นง่ายขึ้นครับ

องค์ประกอบภายในของ Kubernetes

เพื่อความเข้าใจได้ง่ายขึ้น เราจะขออธิบายโครงสร้างองค์ประกอบของ Kubernetes ด้วยรูปภาพประกอบดังนี้

PODS คือยูนิตที่เล็กที่สุดภายใน Kubernetes ที่แอดมินสามารถควบคุมได้ โดยภายในก็คือกลุ่มของ Containerized ที่จะถูกปฏิบัติเหมือนกันจากการตั้งค่าระดับ PODS โดยแต่ละ Container ยังรันคนละแอปพลิเคชันกันได้ 

PODS รันอยู่บนสิ่งที่เรียกว่าโหนดซึ่งเป็นเครื่อง VM หรือ Physical ก็ได้ และเมื่อโหนดรวมตัวกันเป็นกลุ่มก็จะนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า Clusters โดยจะมีเครื่องหนึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบหลักอย่างน้อยที่ตัวหรือ Master (ตามคำแนะนำควรมี Master มากกว่า 1 ตัวเพื่อการันตีเรื่อง HA) ส่วน Kubelet ทำหน้าที่การันตีว่าทุก Container ที่ถูกประกาศไว้ในไฟล์ PodSpec (พูดถึง อิมเมจที่ใช้ ลักษณะการได้มาของอิมเมจ ข้อกำหนดของ DNS และอื่นๆ) จะถูกรันอย่างแน่นอน

อีกหนึ่งคำศัพท์ที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในภาพ แต่ควรทราบด้วยคือคอนเซปต์ของ namespaces ซึ่งทำให้สามารถแบ่งทรัพยากรของ Cluster ออกเป็นกลุ่มย่อยได้อีก จุดประสงค์ก็เพื่อใช้ในสภาพแวดล้อมต่างๆที่อาจมีการทำงานร่วมกัน อย่างไรก็ดีเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนเหมาะสม 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ Replica Set ที่คอยรักษาให้มีจำนวนของ PODS ตรงตามที่กำหนดไว้เสมอ และเนื่องจาก PODS เกิดขึ้นและหายไปได้เสมอ ดังนั้น IP Address จึงไม่สเถียรทำให้การสื่อสารต้องผ่านสิ่งที่เรียกว่า Services ที่สามารถแมป IP Address ให้โลกภายนอกเข้าถึงได้ โดยไม่ต้องรู้ว่าเบื้องหลังมี PODS เกิดขึ้นและหายไปอย่างไร

4 ความท้าทายของ Kubernetes Monitoring

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า Kubernetes มีความซับซ้อนอยู่ไม่น้อยเลย ซึ่งนำไปสู่ความท้าทาย 4 เรื่อง ที่ท่านต้องคำนึงถึงเมื่อต้องการทำ Monitoring คือ

1.) กลไกการสร้าง Tag และ Label กลายเป็นเรื่องที่จำเป็นเพราะจะช่วยให้เข้าใจข้อมูลที่เก็บมาได้ เช่น Backend, Frontend, Staging เป็นต้น

2.) ในระบบของ Kubernetes คำถามที่ตอบได้ยากที่สุดคือ “แอปพลิเคชันของท่านรันอยู่ที่ใดกันแน่” แม้ว่าเราจะสามารถติดตามข้อมูลด้วยตนเองได้ แต่ธรรมชาติของ Container ที่เกิดและหายไปอยู่เสมอทำให้การติดตามไม่ง่ายนัก ด้วยเหตุนี้เองจึงมีเครื่องมือทำหน้าที่ช่วยค้นหาบริการ (Service Discovery) ซึ่งจะคอยตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงใน Pod และการคอนฟิค Container กล่าวได้ว่า Service Discovery เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำ Monitoring

3.) Kubernetes เวอร์ชัน 1.3 เป็นต้นมา ความสามารถ ‘Kubernetes Cluster Federation’ ได้ทลายขีดจำกัดการใช้งานของ Kubernetes ให้กระจายออกในหลายดาต้าเซนเตอร์หรือข้ามผู้ให้บริการคลาวด์ได้ แต่เช่นกันความท้าทายที่เกิดขึ้นคือการรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆเข้าด้วยกัน

4.) การมาถึงของ Kubernetes ได้เพิ่มเลเยอร์ใหม่ที่สูงกว่า Container ย้อนกลับไปสมัยอดีตที่เรามีเพียงโฮสต์และแอปพลิเคชัน คำถามของ Monitoring คือทราบว่าแอปอะไรรันอยู่บนโฮสต์ แต่คำถามเหล่านี้ค่อยๆยากขึ้นเรื่อยมา โดยเฉพาะ Kubernetes ที่เราไม่สามารถทราบได้เลยว่ามี Container หรือแอปใดที่รันอยู่บนโฮสต์นั้น ผู้ดูแลต้องมีเครื่องมือที่สามารถเข้าถึงภายใน Kubernetes อย่างแท้จริง

สามารถดาวน์โหลด Whitepaper “How to monitoring Kubernetes effectively” ได้ที่https://www.datadoghq.com/resources/effective-kubernetes-monitoring-whitepaper/

เมื่อเจาะลึกถึงกลไกการทำงานของตัว Kubernetes และธรรมชาติของ Container จะเห็นได้ว่าการทำ Monitoring ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะจำเป็นต้องทำงานแบบ Manual เองอีกมากมายถึงจะสกัดเอาคำตอบออกมาได้ อีกทั้งการติดตามก็ยากลำบาก แต่จะดีกว่าไหมหากมีเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาให้งานของท่านง่ายขึ้นกว่าที่เคย 

Datadog เครื่องมือ Kubernetes Monitoring ที่ช่วยให้งานของคุณง่ายขึ้นเยอะ!

เครื่องมือ Monitoring ที่ดีที่สุดคือเครื่องมือที่เข้าใจได้ง่ายที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่ง Datadog ได้ออกแบบบริการ Kubernetes Monitoring ด้วยจุดประสงค์นี้ เพียงแค่หน้า Overview ก็นำไปสู่การไขปัญหามากมาย

  • จากภาพประกอบจะเห็นได้ว่าหน้า Overview ได้ฉายภาพให้เห็นถึงจำนวนของสิ่งที่เกี่ยวข้องได้ทั้งองค์กร ทำให้ทีมงานมองเห็นภาพรวมได้ตรงกันและสามารถกดเพื่อขยายผลปลีกย่อยต่อไปได้ แม้แต่ทีมงานหน้าใหม่ก็สามารถเข้ามาเริ่มเรียนรู้ได้ง่ายๆจากหัวข้อนี้ ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปเจาะลึกรายละเอียดภายในได้เช่นจากตัวอย่างในหน้ากรอบของ PODS เมื่อมีการกดเข้าไปจะพบกับลิสต์รายการของ PODS ที่ขึ้นสถานะ CrashLoopBackOff ซึ่งหมายถึงเกิดปัญหาบางอย่างทำให้ POD มีการรีสตาร์ทอยู่เรื่อยๆ ทั้งนี้ Datadog สามารถแนะนำวิธีการแก้ปัญหาที่พบได้ทั่วไปให้แก่ผู้ใช้งานได้ 
  • มีหน้าแนะนำ Best Practice ได้ว่าปัญหาควรถูกแก้ไขอย่างไร โดยมีการจัดหมวดหมู่ปัญหาที่พบได้บ่อยเชื่อมโยงเข้ากับสถานการณ์ขององค์กร ที่สามารถนำไปสู่ต้นตอของปัญหาได้ต่อไป
  • ต้องยอมรับว่าปัญหาสามารถมองได้จากหลายมุม ทำให้ผู้ที่ยังไม่เชี่ยวชาญอาจจะนึกภาพไม่ออกว่าควรจะใช้แดชบอร์ดรูปแบบใด ซึ่งในหน้า Overview ท่านสามารถเลือกแดชบอร์ดแนะนำที่เสมือนเป็นทางลัดให้ตรงไปถึงปัญหาที่ต้องการได้
  • การใช้งานทุกเครื่องมือจะต้องมีการตั้งค่าเสียก่อนเป็นเรื่องปกติ ในกรณีของเครื่องมือ Monitoring ท่านก็ต้องกำหนดก่อนว่าจะติดตามข้อมูลอะไร ซึ่งมีปัจจัยมากมาย ในกรณีที่ไม่ทราบหน้าจอแนะนำในส่วน Overview สามารถช่วยท่านเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น
  • การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบในระบบเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งความสามารถ Visualize จะทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจความสัมพันธ์ต่างๆจากแผนภาพ โดยเฉพาะกับน้องใหม่ของทีมที่อาจเพิ่งเข้ามาร่วมงานก็จะเข้าใจได้ทันที ตลอดจนยังช่วยในเรื่องการวิเคราะห์คอนฟิคว่าดีพอหรือยัง เช่น สิทธิ์การแก้ไขเปลี่ยนแปลงคลัสเตอร์ ที่เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปแกะเนื้อหาใน YAML เลย นอกจากนี้ยังสามารถทราบได้ว่าแต่ละ PODS มีการคอนฟิคการสื่อสารให้คุยกับส่วนไหนได้บ้าง เพราะหากตั้งค่าได้ไม่ดีการทำงานก็จะไม่ถูกต้องหรือใช้การไม่ได้เลย
  • การกำหนดสิทธิ์ใน Kubernetes เป็นความท้าทายอย่างยิ่ง จากคอนเซปต์การทำงานภายในเช่น PODS, Cluster และ Namespace แต่ผู้ใช้งาน Datadog หมดห่วงกับเรื่องเหล่านี้ไปได้เลย เพราะสามารถตั้งค่าอย่างละเอียดด้วยสิทธิ์หลายระดับว่าจะกระทำการใดกับทรัพยากรใดได้บ้าง มากกว่านั้นยังครอบคลุมไปถึงการสร้าง Policy การใช้งานให้ Storage ได้อีกด้วย
  • ความรู้คือหัวใจในทุกเรื่องราว หากผู้ใช้งานยังไม่มีความมั่นใจหรืออื่นใดสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมจาก Datadog ได้ในหลายช่องทางทั้งเอกสารคู่มือ คอร์สเรียน หรือบล็อก

ท่านใดสนใจเครื่องมือของ Datadog สามารถรับสิทธิ์ทดลองใช้งานเป็นเวลา 14 วัน เพียงลงทะเบียนได้ที่ https://www.datadoghq.com/blog/unify-kubernetes-insights-with-the-kubernetes-overview-page/#

ท่านใดสนใจติดต่อทีมงาน Datadog Thailand เพื่อขอคำปรึกษาหรือการสาธิตโซลูชันได้ที่นี่

ที่มาและเครดิตรูปภาพ : 

https://www.datadoghq.com/blog/unify-kubernetes-insights-with-the-kubernetes-overview-page/#

https://www.datadoghq.com/blog/the-power-of-tagged-metrics/

https://www.datadoghq.com/blog/navigate-kubernetes-resources-with-live-containers/

from:https://www.techtalkthai.com/4-challenges-of-kubernetes-monitoring-datadog/

Tangerine x VMware Webinar: VMware Tanzu Application Platform (TAP) เปิดประสบการณ์ที่เหนือกว่า พัฒนาแอปพลิเคชันแบบ End-to-end

Tangerine ร่วมกับ VMware (Thailand) ขอเชิญเหล่านักพัฒนาเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์เรื่อง “VMware Tanzu Application Platform (TAP) เปิดประสบการณ์ที่เหนือกว่า พัฒนาแอปพลิเคชันแบบ End-to-end” พร้อมเคล็ดลับการพัฒนาแอปฯ ให้ไว ลดต้นทุน และแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว หมดห่วงเรื่อง Downtime ในวันพุธที่ 26 ตุลาคม เวลา 14:00 น. ลงทะเบียนเข้าฟังบรรยายได้ฟรี

รายละเอียดงานสัมมนา

หัวข้อ: VMware Tanzu Application Platform (TAP) เปิดประสบการณ์ที่เหนือกว่า พัฒนาแอปพลิเคชันแบบ End-to-end
วัน: วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2022
เวลา: 14:00 – 15:30 น.
ช่องทางการบรรยาย: Live Webinar
ลิงก์ลงทะเบียน: https://forms.gle/j4gJmKNANpra9DqWA

ยุค Digital 4.0 ทำให้ Software กลายเป็นหัวใจสำคัญธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์, บริการ หรือช่องทางหลักในการดำเนินธุรกิจของหลายองค์กร ความได้เปรียบในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจ แข่งขันกันอยู่ที่ความเร็ว และความเสถียรของ Application เพื่อให้ตอบสนองได้ทันใจลูกค้า

ร่วมเปิดประสบการณ์พัฒนาแอปพลิเคชันได้ไวยิ่งขึ้น ลดต้นทุน ลดเวลาการพัฒนาแอปฯ จากหลักเดือนเหลือเพียงหลักวัน พร้อมทริกในการแก้ปัญหาใดๆ ในซอฟต์แวร์ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง หมดห่วงปัญหา Downtime เสริมความคล่องตัวให้ธุรกิจ

สนใจเข้าร่วมงาน สามารถสแกน QR Code หรือกดปุ่มลงทะเบียนด้านล่าง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 02-678-8660 ต่อ 106

from:https://www.techtalkthai.com/tangerine-x-vmware-webinar-vmware-tanzu-application-platform/

Oracle ออกอัปเดต Virtual Box 7.0 รองรับ 3D App และ Cloud Integration

Oracle ออกอัปเดต Oracle VM VirtualBox เวอร์ชัน 7.0 ซอฟต์แวร์ Open-source Virtualization Platform รองรับ 3D App และ Cloud Integration

Credit: Oracle

ในเวอร์ชันนี้ ได้มีการปรับปรุงและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลายส่วน โดยจุดเด่นหลักคือการรองรับการเชื่อมต่อกับ Oracle Cloud Infrastucture (OCI) เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของทีม DevOps ทำให้สามารถบริหารจัดการ Virtual Machine (VM) ที่อยู่ทั้ง Development และ Production Environment ได้พร้อมกันผ่านทางหน้าจอ Dashboard เดียว และรองรับการ Export VM จากระบบ On-premise ขึ้นไปยัง OCI ผ่าน Virtual Box ได้ และผู้ดูแลระบบสามารถทำ Automated VM Builder เพื่อสร้างระบบ Automation ในการสร้าง VM ใหม่ ช่วยลดเวลาในการทำงานได้

Virtual Box 7.0 ยังมีการปรับปรุงการทำงานของ VM กับแอพพลิเคชัน 3D เพิ่มเติม โดยรองรับการทำงานกับ DirectX 11 และ OpenGL แล้ว นอกจากนี้ยังรองรับการทำ VM Encryption ซึ่งรองรับอัลกอริทึมเข้ารหัส AES 128/256-bit ได้ทั้ง VM data, logs และ Configuration file โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบ

ที่มา: https://siliconangle.com/2022/10/12/oracle-revamps-virtualbox-virtualization-software-cloud-integration-3d-app-support/

from:https://www.techtalkthai.com/oracle-releases-virtual-box-7-0-support-3d-app-and-cloud-integration/

เจาะลึกเทรนด์ Cloud & Data Center ของไทยในงาน TTT 2022 Reinforce: Enterprise IT Infrastructure Day

เจาะลึกเทรนด์ด้าน Data Center และกลยุทธ์ Hybrid Multi-cloud ในไทย การปฏิรูป Data Center ด้วยเทคโนโลยี Hyper-converged Infrastructure แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของการทำ Cloud Migration และการวางสถาปัตยกรรมระบบ Container และ Kubernetes เพื่อการพัฒนา Cloud Native Apps อย่างมั่นคงและยั่งยืน ในงาน TTT 2022 Reinforce: Enterprise IT Infrastructure Day วันที่ 5 ตุลาคม 2020 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม BITEC

📆 วันพุธที่ 5 ตุลาคม 2022
⏰ เวลา 8:00 – 17:00 น.
🏢 Grand Hall, BITEC Bangna
🇹🇭 บรรยายภาษาไทยทุกเซสชัน

กำหนดการบรรยาย Track 1: Cloud & Data Center

09:00 – 09:30 สรุปเทรนด์ Data Center และกลยุทธ์ Hybrid Multi-Cloud ในไทยปี 2022
คุณณัฐพัชญ์ นราพิมพ์สกุล Head of Consulting & Professional Services, True IDC
09:30 – 10:00 ปรับเปลี่ยนสถาปัตยกรรม Infrastructure อย่างไร เมื่อ Cloud เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจดิจิทัลในยุคปัจจุบันและอนาคต
คุณโชติวิทย์ จารุวรรณสถิตย์ Advisory Solution Architect & Field CTO, Dell Technologies
10:00 – 10:30 Google Cloud Migration – นำระบบขึ้นสู่ Cloud อย่างมั่นใจ
คุณธีระ วิวัฒน์โชติพร Senior Google Cloud Solutions, Tangerine
10:30 – 11:00 พักรับประทานอาหารว่างและเยี่ยมชมบูธ
11:00 – 11:30 วางรากฐานองค์กรให้พร้อมก้าวสู่การทำ Application Modernization
คุณเต็มภูมิ ชัยวัฒนายน Specialist Solution Engineer, VMware Tanzu และคุณธนกร อินทรัตน์ System Engineer, Veeam Software (Thailand)
11:30 – 12:00 มุ่งสู่ Hyper-converged อีกก้าวการปฏิรูป Data Center ให้ทันสมัย
คุณทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี Country Manager, Nutanix (Thailand)
12:00 – 13:30 พักรับประทานอาหารกลางวันและเยี่ยมชมบูธ

งานสัมมนานี้เหมาะสำหรับ: CIO, CTO, CISO, DPO, IT Manager, Compliance Manager, Cloud Architect, Security Engineer, Security Analyst, Network Engineer, IT Admin, IT Auditor และผู้ที่สนใจด้าน Cloud, Data Center, Networking และ Cybersecurity

🎉 พิเศษ!! ลงทะเบียนและเข้าร่วมงานเพื่อลุ้นรับ MacBook Air (M2), AirPods Max และ Sandisk Extreme Portable SSD อย่างละ 2 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 130,000 บาท

ดูรายละเอียด กำหนดการ และลงทะเบียนได้ที่: https://conf.techtalkthai.com/re22/

เกี่ยวกับงานสัมมนา TTT 2022 Reinforce: Enterprise IT Infrastructure Day

จากซีรีส์งานสัมมนาออนไลน์ TTT Virtual Summit ที่มีคนติดตามมากกว่า 8,000 คน สู่งานสัมมนาใหญ่ Enterprise IT Infrastructure Day ส่งท้ายปี 2022 ในรูปแบบ Physical Event ภายใต้แนวคิด Reinforce เสริมแกร่งรากฐานระบบ IT พลิกโฉมสู่ธุรกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืนและมั่นคงปลอดภัย ภายในงานท่านจะได้อัปเดตแนวโน้ม นวัตกรรม แนวทางปฎิบัติ และกรณีศึกษาที่น่าสนใจทางด้าน IT Infrastructure สำหรับองค์กร ครอบคลุมทั้งด้าน Cloud & Data Center, Networking, Cybersecurity และ Standards & Compliance ผ่านการบรรยายรวม 20 เซสชัน

นอกจากนี้ยังมีบูธจัดแสดงนวัตกรรมสำหรับองค์กรอีกกว่า 30 บูธ สำหรับให้ผู้เข้าร่วมงานขอคำปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแชร์ประสบการณ์ด้าน Enterprise IT Infrastructure โดยตรงกับผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงาน องค์กร และบริษัท IT/Consult ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

from:https://www.techtalkthai.com/ttt-2022-reinforce-track-1-cloud-and-data-center/

ขอเชิญร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการออนไลน์ในหัวข้อ “SUSE Rancher”

SUSE ขอเรียนเชิญผู้สนใจทุกท่านเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการในรูปแบบออนไลน์ โดยท่านจะได้เรียนรู้ไปกับเครื่องมือบริหารจัดการ Kubernetes ที่ชื่อว่า Rancher

โดย Rancher Virtual Rodeos เป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการเชิงลึก ออนไลน์ ไม่มีค่าใช้จ่าย ถูกออกแบบมาเพื่อให้ DevOps และทีมไอที ได้มีโอกาสทดลองติดตั้งและบริหารจัดการ Kubernetes ด้วยตนเอง ทั้งหมดนี้เป็นภาษาไทย จากผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคของ Rancher โดยมีเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับผู้เริ่มต้นหรือมีประสบการณ์มาบ้าง โดยมุ่งหวังที่จะให้ความรู้แก่ทุกคนที่สนใจเรียนรู้วิธีใช้ Container technology หรือ Kubernetes

งานจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม 2565 เวลา 9.00 – 12.00 น.

ลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3dPiP8S

รายละเอียดการประชุมเชิงปฏิบัติการ

หัวข้อ : SUSE Rancher

ผู้บรรยาย :

  • คุณ Borisuth Opasanont ตำแหน่ง Country Manager, Thailand SUSE
  • คุณ Pihan Jantarasaard ตำแหน่ง Solution Architect, Thailand SUSE

วันเวลา : วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม 2565 เวลา 9.00 – 12.00 น.

ภาษา : ไทย

ลิงก์เข้าร่วม : https://bit.ly/3dPiP8S

สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม
ผู้เข้าร่วมประชุมควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการทำงานของ Docker การประชุมเชิงปฏิบัติการนี้จะใช้เครื่องมือบน web ที่เรียกว่า HobbyFarm เครื่องมือนี้ช่วยให้คุณเข้าถึงการทำงานของระบบผ่านทาง web browser

หัวข้อในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ได้แก่ :
• แนวคิดและสถาปัตยกรรมของ Docker และ Kubernetes
• การติดตั้งและกำหนดค่าของเซิร์ฟเวอร์
• การปรับใช้ Kubernetes cluster
• การปรับใช้แอปพลิเคชันและการเข้าใช้งาน

กำหนดการ

แนะนำโรดิโอ (15 นาที)
• วัตถุประสงค์ของโรดิโอ
• ภาพรวม Docker และ Kubernetes

การปรับใช้เซิร์ฟเวอร์ (30 นาที)
• การจัดเตรียมเซิร์ฟเวอร์
• การติดตั้ง Rancher เซิร์ฟเวอร์
• คำแนะนำของ Rancher UI

พัก (15 นาที)

การปรับใช้ Kubernetes (1 ชั่วโมง 45 นาที)
• การติดตั้ง Kubernetes
• สำรวจ Rancher cluster และ CLI
• การติดตั้งแอพพลิเคชั่นจากแคตตาล็อก

ถาม & ตอบ (15 นาที)

from:https://www.techtalkthai.com/rancher-rodeo-thailand-27102022/

TTT 2022 Reinforce: Enterprise IT Infrastructure Day | 5 ตุลาคมนี้

จากซีรีส์งานสัมมนาออนไลน์ TTT Virtual Summit ที่มีคนติดตามมากกว่า 8,000 คน สู่งานสัมมนาใหญ่ Enterprise IT Infrastructure Day ส่งท้ายปี 2022 ในรูปแบบ Physical Event ภายใต้แนวคิด Reinforce เสริมแกร่งรากฐานระบบ IT พลิกโฉมสู่ธุรกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืนและมั่นคงปลอดภัย ภายในงานท่านจะได้อัปเดตแนวโน้ม นวัตกรรม แนวทางปฎิบัติ และกรณีศึกษาที่น่าสนใจทางด้าน IT Infrastructure สำหรับองค์กร ครอบคลุมทั้งด้าน Cloud & Data Center, Networking, Cybersecurity และ Standards & Compliance ผ่านการบรรยายรวม 20 เซสชัน

นอกจากนี้ยังมีบูธจัดแสดงนวัตกรรมสำหรับองค์กรอีกเกือบ 30 บูธ สำหรับให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถขอคำปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแชร์ความรู้ด้าน IT Infrastructure สำหรับองค์กรโดยตรงกับผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงาน องค์กร และบริษัท IT/Consult ชั้นนำระดับโลก ได้แก่ Alcatel-Lucent Enterprise, Allied Telesis, Blancco, Cisco, Cloudflare, Commscope, Dell Technologies, Fortinet, Hillstone Networks, HPE Aruba, Juniper Networks, Netka, Nutanix, Panduit, Schneider Electric, Sophos, Tenable, Thales Group, TmaxSoft, Veeam และ VMware ไปจนถึงเหล่าผู้เชี่ยวชาญในไทยที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์และกรณีศึกษาต่างๆ ให้เหล่าธุรกิจไทยนำไปประยุกต์ใช้ได้ทันที เช่น AIS, Bangkok MSP, Bangkok Systems & Software, Computer Union, STelligence, Soft De’but, Tangerine, True IDC และ Yip In Tsoi

📍 ไฮไลต์ของงาน: พบกับวิทยากรรับเชิญพิเศษจาก AIS 5G, True IDC, สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติ (สกมช.) และธนาคารกสิกรไทย ที่จะมาอัปเดตเทรนด์ 5G, Data Center และ Hybrid Multi-cloud ในไทย รวมไปถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบโครงสร้างพื้นฐานตาม พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การจัดตั้ง SOC และการวางกลยุทธ์เพื่อรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์

📆 วันพุธที่ 5 ตุลาคม 2022
⏰ เวลา 8:00 – 17:00 น.
🏢 Grand Hall, BITEC Bangna
🇹🇭 บรรยายภาษาไทยทุกเซสชัน

งานสัมมนานี้เหมาะสำหรับ: CIO, CTO, CISO, DPO, IT Manager, Compliance Manager, Cloud Architect, Security Engineer, Security Analyst, Network Engineer, IT Admin, IT Auditor และผู้ที่สนใจด้าน Cloud, Data Center, Networking และ Cybersecurity

🎉 พิเศษ!! ลงทะเบียนและเข้าร่วมงานเพื่อลุ้นรับ MacBook Air (M2), AirPods Max และ Sandisk Extreme Portable SSD อย่างละ 2 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 130,000 บาท

ดูรายละเอียด กำหนดการ และลงทะเบียนได้ที่: https://conf.techtalkthai.com/re22/

from:https://www.techtalkthai.com/ttt-2022-reinforce-enterprise-it-infrastructure-day/

[Guest Post] รู้ไหม ลูกค้า Azure นั้นยังต้องการกระจายโหลดงานขนาด Enterprise

VMware NSX Advanced Load Balancer (Avi) By VST ECS

ด้วยความที่ Microsoft Azure ได้โตขึ้นเร็วมากในธุรกิจ Public Cloud  เป็นแหล่งดึงดูดกลุ่ม Enterprise เข้ามาใช้งานเพื่อซัพพอร์ทงานที่มีอยู่หลายแห่งทั่วโกล ย่อมต้องทั้งเรื่องการซัพพอร์ต ความปลอดภัยและ ความเข้มงวดของระบบ ต่างๆ ขณะที่กลุ่มงาน Enterprise ได้ปรับตัวให้เจ้าตัว Azure ให้รันกลุ่มงาน Enterprise ในระบบคลาวน์  กลุ่มนี้จึงยังต้องการกลุ่ม Enterprise-Grade สำหรับการทำโหลดบาลานต์เพื่อให้แน่ใจว่าพวกแอปพลิเคชันของเขายังน่าเชื่อถือและตรงตาม SLA (Service Level Agreement) 

SLA

ตัวชี้วัด

ความคงทนของแอปพลิเคชัน

  •   เป็นเปอร์เซ็นของเวลาที่แอปพลิเคชันทำงานได้
      (VM ตัวเดียว/ กลุ่มของ VM / โซนของ VM)

Load Balancing

  • จำนวนการเชื่อมต่อ ต่อวินาที
  • ความหน่วง ต้นทาง-ปลายทาง
  • เวลาที่ตอบสนอง

ความปลอดภัย

  • ทำ SSL Terminate
  • OWASP CRS
  • SSL/TLS Certifications Security

การวิเคราะห์ & ระบบมอนิเตอร์

  • จำนวนเซตของเกณฑ์ที่สามารถดูผลได้
  • สถิติอัลกอลิทึมต่างๆ

ตาราง : เกณฑ์ SLA โดยทั่วไปที่ต้องการในกลุ่มแอพพริเคชันขนาดใหญ่

อุปกรณ์โหลดบาลานด์ยุคก่อนๆ หรืออาจจะเป็นเวอร์ชันเวอร์ชวลก็ตาม อาจจะยังไม่เข้าถึงความออโตเมต และการขยับขยาย โดยในมุมของการเสกลที่จำเป็นต่อผล SLAs บนคราวด์ ยังมีข้อจำกัดเรื่องความยากที่จะเซตอัพและดูแล ขณะที่กลุ่มซอฟแวร์โอเพนซอร์สเองที่มีราคาถูก แต่ก็ดูยังไม่สมบูรณ์เท่าไร โดยที่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการบริการ ที่ต้องการทีมที่ทำเป็นเป็นพิเศษ

Avi Network ได้นำเอา Enterprise-Grade และระบบบริการแอปพลิเคชัน Multi-Cloud ไปยังตัว Azure ด้วย VMware NSX Advance Load Balancer (ได้เปลี่ยนชื่อจาก Avi Vantage) ทำให้ มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และมีการทำโหลดบาลานด์ข้ามระบบคลาวด์ได้ รวมถึงยังใส่ความปลอดภัยในเรื่องของแอพพลิเคชันไว้ให้ด้วยบนระบบ Azure โดยมีทั้งที่ทำไว้ให้แล้ว และระบบวิเคราะห์ผลการทำงานต่างๆ ในระดับเอนเตอร์ไพรท์ ซึ่งตัว Software-Defined นี้ที่มีให้คือ

  • ซอฟแวร์โหลดบาลานด์
  • เวปแอปพลิเคชันไฟล์วอล (iWAF)
  • ระบบโครงข่ายที่ยืดหยุ่นได้ สำหรับระบบแอปพลิเคชัน Container

ตัว NSX Advance Load Balancer (ตามรูปที่1) ถูกสร้างโดยใช้สถาปัตยกรรมแบบให้แยกชั้นทำงาน ไม่เหมือนการทำงานแบบแบบสมัยก่อน โดยโครงสร้างนี้จะแยกชั้นการทำงานกับชั้นควบคุมแยกออกจากกัน เพื่อให้สามารถซัพพอตร์งานแอปพลิเคชันบน L4-L7 และยังสามารถซัพพอร์ตข้ามไปยังแพตฟอร์มอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบคลาวด์ หรือ On-Premise ด้วยการจัดการที่เดียว โดยตัว Software Defined โดยเฉพาะ และใช้งาน REST API 100% เพื่อให้เกิดการทำงานอัตโนมัติไปยังทุกๆ ส่วน เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของท่านไห้สามารถเซตเงื่อนไข กฏเกณฑ์ต่างๆได้ และสามารถทำการสปินส่วนงานบริการได้ทุกเมื่อ (Service Engine) เมื่อพบกว่าเซอวิสต์ที่ให้บริการมีการใช้งานมาก และสามารถลดงานบริการเพิ่มเติมได้ ตามที่ต้องการ

NSX Advanced Load Balance Architecture for Application Delivery

AVI ได้มีกลุ่ม Policy ไว้ใช้กับ MICROSOFT AZURE

ตัว NSX Advanced Load Balancer ได้นำเสนอชุด Policy สำหรับใช้งานบน Microsoft Azure (ดูตามรูปที่2) เพื่อให้เกิดการติดตั้งได้ง่ายกับการเสกลขนาดใหญ่ และออโตเมติกกับโครงสร้างภายในตัว Azure เอง

 

ไม่เพียงการเชื่อมต่อจะง่ายแล้ว แต่มันยังมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการใช้ฮาร์ดแวร์ในการทำงานด้วย ตัว NSX Advanced Load Balance จัดเก็บประสิทธิภาพที่สูงไว้โดยไม่ต้องอัพเกรด Hardware และยังสเกลได้ถึงหลักล้าน SSL Transection ต่อวินาที

NSX Advanced Load Balancer ซัพพอร์ตช่องทางการตัดสินใจด้วยในระดับแอปพลิเคชัน รวมถึงชนิดของการติดตั้ง , ผังโครงสร้าง ขนาดของไซด์ การขยายและการทำ HA

ข้อดีของการเชื่อมต่อของ AVI และ AZURE

  1. Service Engine ตัว AVI SE เป็นการทำงานโหลดบาลานด์บน virtual IP (VIP) นั้นเป็นซอฟแวร์ ทำให้ตัว SEs นี้สามารถเกิดขึ้นมาซัพพอร์ตกับกลุ่มงานแอพพลิเคชันที่ต้องการได้ เป็นวงจรออโตเมต ของระบบ SE เอง ซึ่งจริงๆแล้ว SE สามารถติดตั้งได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Bare Metal, VM, Container ขึ้นอยู่กับความต้องการ และขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการการใช้ทราฟฟิกที่ต้องจัดการ
  2. Networks :VNets, NICs และ IP Address IPAM, Azure DNS และ Third Party Integration ก็สามารถใช้งานร่วมกันได้เพื่อให้ได้รับชุดของ IP Address อัตโนมัติได้
  3. Azure Scale Sets กลุ่มของ Avi Pool สามารถอ้างอิงกับฝั่งของ Azure Scale Set ได้ โดยสามารถ Sync กันได้ตลอดเมื่อมีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยที่ Avi สามารถ Takeover เพื่อทำ Auto scale ได้อีกด้วย และมีระบบวัดต่างๆมากกว่าร้อยแบบ เพื่อช่วยในการตัดสินในทั้งการ Scale In-Out

             คลิกเดียวของ Avi สามารถทำการโหลดบาลานด์และเวปแอปพลิเคชันไฟวอล บน Azure

    สนใจติดต่อสอบถามทีมงาน VMware ได้ทันที

    สำหรับผู้ที่สนใจ VMware สามารถลงทะเบียน
    ลุ้นรับฟรีของรางวัลสุดพิเศษจากทาง VST ECS จำนวน 10 รางวัล ได้ที่ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSf-PikK1B4eFOHpbQjz_U6anwNCFRJjJg8Qvr22cqMa7lZrvw/viewform?usp=sf_link

 

หรือสแกน QR Code 

 

ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม สามารถติตด่อทาง VSTECS  ได้ที่ VMware@vstecs.co.th

from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-vmware-nsx-advanced-load-balancer-avi-by-vst-ecs/