ดีไซน์เครื่องที่ร่วมกับ Aston Martin จะเห็นได้จากการใช้ตะแกรงระบายอากาศด้านหน้าเครื่อง ที่ได้แรงบันดาลใจจากรถยนต์รุ่น Aston Martin DBS โดยยังคงสีแดงของแบรนด์ Lenovo และแนวคิดการวางไดรฟ์ด้านหน้าให้ใช้งานสะดวก เปิดเคสได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย เพื่อให้อัพเกรดได้ง่าย
หลังจากล้มเหลวกับบริการคลาวด์เกมมิ่ง Stadia จนต้องปิดตัว กูเกิลปรับทิศทางใหม่ นำเทคโนโลยีจาก Stadia มาให้บริการบริษัทเกมอื่นๆ แทน ภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า Google Cloud for Live Service Games
บริการภายใต้ร่มของ Google Cloud for Live Service Games เป็นผลิตภัณฑ์ที่กูเกิลมีอยู่ก่อนแล้ว แต่นำมาจัดชุดใหม่ให้เหมาะกับลูกค้ากลุ่มบริษัทเกม ที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่รองรับเกมแนว Live Service ที่มีผู้เล่นจำนวนมหาศาล
Jack Buser หัวหน้าฝ่ายลูกค้าอุตสาหกรรมเกมของ Google Cloud เคยอยู่ในทีม Stadia มาก่อน เขายอมรับว่าถึงแม้ Stadia ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ตัวเทคโนโลยีนั้นก้าวหน้ามาก จึงนำแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นมาให้บริการลูกค้าบริษัทเกมรายอื่นที่มีความต้องการแบบเดียวกัน และประสบปัญหาเรื่องการสเกลเซิร์ฟเวอร์ให้รองรับปริมาณผู้เล่นที่เยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกูเกิลเชี่ยวชาญเรื่องนี้อยู่แล้วจากการให้บริการ Google Search และ YouTube
Buser บอกว่าเขาเองก็เป็นเกมเมอร์ และเจอปัญหาเซิร์ฟเวอร์เต็มหรือเซิร์ฟเวอร์ล่มอยู่บ่อยๆ ซึ่งมันไม่ควรเกิดขึ้นในยุคนี้ มันเป็นปัญหาที่กูเกิลแก้ไขได้นานแล้ว (These problems are solved problems at Google) ตอนนี้กูเกิลเข้ามาให้บริการเกมใหญ่ๆ ของโลกหลายเกมตั้งแต่วันแรก ซึ่งมันเป็นเรื่องน่าเบื่อมาก เพราะระบบทำงานได้ดีไม่มีพัง (Just bored. Because it just works.)
Nokia ต้องการส่งต่อประโยชน์ของ MXIE เพื่อลดข้อกำหนด CAPEX ซึ่งจะช่วยให้องค์กรจำนวนมากตระหนักถึงคุณค่าของข้อมูล OT ที่มีลูกค้าระดับองค์กรกว่า 560 รายสำหรับการเชื่อมต่อกับ Industry 4.0
Stephan Litjens รองประธานฝ่าย Enterprise Campus Edge Solutions ของ Nokia กล่าวว่า:
“เรากำลังเพิ่มพลังการประมวลผลและความสามารถของ Nokia MXIE เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าสำหรับการใช้งานขั้นสูงของ Industry 4.0 โดยความสามารถของ MXIE ที่ประมวลผลด้วย GPU ใหม่จะรองรับกรณีการใช้งานที่ใช้ประโยชน์จาก AI และการเรียนรู้ของเครื่อง เช่น วิดีโอแบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์ข้อมูล OT ด้วยการแนะนำ MXIE จะช่วยลดต้นทุนล่วงหน้าของ industrial edge ของเราสำหรับธุรกิจต่างๆ เพื่อเร่งเส้นทางสู่ดิจิทัล”
และแน่นอนว่าหลายระบบ On-Premises ของธุรกิจเอง ยังคงต้องอาศัย Windows Server 2022 เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนระบบโดยรวมไม่ว่าจะเป็น Active Directory, File Sharing, Application Server หรือแม้แต่ Database Server สำหรับระบบภายใน
ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ Windows Server OEM ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการใช้งาน Windows Server 2022 ร่วมกับ Dell PowerEdge Server ได้อย่างคุ้มค่า ทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่น้อยลง และการติดตั้งหรือการดูแลรักษาที่ง่ายดายยิ่งขึ้น พร้อมประโยชน์ของการใช้งาน Windows Server 2022 ร่วมกับ Dell PowerEdge Server ที่เหนือยิ่งขึ้นกว่าเดิม
Microsoft OEM Software คืออะไร?
แนวคิดของ OEM Software อาจเป็นที่คุ้นเคยสำหรับผู้ดูแลระบบ IT ในธุรกิจองค์กรหลายแห่งอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ที่เพิ่งเข้าสู่วงการ Enterprise IT เราจะขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับ Microsoft OEM Software กันก่อน
ในวงการ IT ก็คล้ายคลึงกัน Microsoft OEM Software นั้นก็คือ License ของ Microsoft ที่จัดจำหน่ายให้กับผู้ผลิต Hardware โดยตรง ซึ่งจะทำให้โรงงานเหล่านั้นสามารถขาย Software ของ Microsoft ในราคาที่ถูกกว่าการที่ลูกค้าไปซื้อผ่านช่องทางอื่นๆ เอง แต่ก็มากับเงื่อนไขต่างๆ เพิ่มเติม อย่างเช่นในกรณีของ Windows Server จะมีเงื่อนไขดังนี้
License ของ Windows Server OEM จะถูกผูกติดอยู่กับ Motherboard ของ Server ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วผู้ใช้งานจะสามารถอัปเกรด Hardware ในส่วนอื่นๆ ได้ตามต้องการ ยกเว้นในกรณีที่ Motherboard มีปัญหา
สามารถใช้ License Microsoft Software Assurance เสริมเพื่อรองรับการอัปเกรดเพิ่มเติมได้ในอนาคต
สำหรับการใช้ Windows Server OEM ร่วมกับ Dell PowerEdge Server นั้นจะช่วยลดขั้นตอนการติดตั้งและความซับซ้อนในการจัดซื้อ License ลงมาได้เป็นอย่างมาก โดย License ดังกล่าวจะถูกผูกอยู่กับ Dell PowerEdge Server เครื่องนั้นๆ และ Dell Technologies จะรับหน้าที่เป็น Contact Point ในการดูแลรักษาและแก้ไขปัญหาให้ทั้งในส่วนของ Server Hardware และ Windows Server Software ทั้งหมด
อัปเกรดระบบสู่ Windows Server 2022 ตอบโจทย์ทั้งความมั่นคงปลอดภัย และความยืดหยุ่นที่สูงยิ่งขึ้นในแบบ Hybrid Multicloud
สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจองค์กรจำนวนมากพิจารณาการอัปเกรดระบบไปสู่ Windows Server 2022 นั้น ก็คือเรื่องของความมั่นคงปลอดภัยที่สูงขึ้น และการรองรับสถาปัตยกรรมของ Application ในแบบ Hybrid Multicloud ที่ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
ในแง่ของความมั่นคงปลอดภัย Windows Server 2022 สามารถทำงานร่วมกับ Hardware เพื่อปกป้องระบบด้วยแนวทางใหม่ๆ เพิ่มเติมได้ เช่น
Secured-Core Server ปกป้อง Server เพิ่มเติมได้ด้วยความสามารถของ Hardware จาก OEM Partner ที่ผ่านการทดสอบและรับรองร่วมกับ Microsoft
Hardware Root-of-Trust ใช้ชิป Trusted Platform Model 2.0 (TPM 2.0) บน Server เพื่อจัดเก็บกุญแจเข้ารหัสสำคัญของระบบภายใน Hardware ที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูง ลดโอกาสการถูกเจาะระบบโจมตีเพื่อขโมยกุญแจเข้ารหัสลงได้
Firmware Protection ใช้เทคโนโลยี Dynamic Root of Trust for Management (DRTM) และ Direct Memory Access (DMA) เพื่อปกป้อง Firmware ส่วนต่างๆ ของระบบให้มีความมั่นคงปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ส่วนในแง่ของการใช้งาน Windows Server 2022 ก็สามารถตอบโจทย์ให้กับภาคธุรกิจองค์กรได้ด้วยความสามารถดังต่อไปนี้
Identity จัดการการยืนยันตัวตนและกำหนดสิทธิ์ให้กับผู้ใช้งานและระบบต่างๆ ภายในองค์กรด้วย Active Directory Domain Services
Network Infrastructure จัดการ DNS และ DHCP ภายในองค์กรได้จากศูนย์กลาง ทั้งสำหรับผู้ใช้งานและระบบ IT ต่างๆ ภายในองค์กร
ใช้ Windows Server 2022 แบบ OEM บน Dell PowerEdge Server: ลดความซับซ้อน เพิ่มความคุ้มค่า เสริมความมั่นคงปลอดภัย
เพื่อให้ธุรกิจองค์กรสามารถเริ่มต้นใช้งาน Windows Server 2022 ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นระบบ IT ใหม่ หรือการอัปเกรดระบบเก่า ทาง Dell Technologies จึงได้จับมือกับ Microsoft ในฐานะของ OEM Partner เพื่อนำ Windows OEM Software ในส่วนของ Windows Server 2022 มาติดตั้งบน Dell PowerEdge Server และจัดจำหน่ายพร้อมให้บริการแบบครบวงจร ดังนี้
ในการใช้ Windows Server 2022 บน Dell PowerEdge Server แบบ OEM นี้ ทีมงาน Dell Technologies จะทำหน้าที่เป็น Contact Point เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งในส่วนของ Dell PowerEdge Server และ Windows Server 2022 ให้ทั้งหมด ช่วยให้ผู้ดูแลระบบ IT สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น และสามารถจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในเชิงของความเข้ากันได้ระหว่าง Software และ Hardware ได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น
สนใจ Dell PowerEdge Server และ Windows Server 2022 ติดต่อทีมงานDell Technologies ได้ทันที
Contrast that with just this one example of insanely powerful iron you can buy from Dell. The first R6525s have 256GB RAM, 3TB NVM, 2x10G net, 2x AMD EPYC 7513. Second, same, but 2x AMD EPYC 7443. So that’s a total of 288 vCPU, 15 TB NVM, 1.3TB RAM for $1,287/month over 3 years! pic.twitter.com/l1qapdRF6T