คลังเก็บป้ายกำกับ: VDI

Amazon Workspaces เพิ่มเดสก์ท็อปเสมือนที่รัน Ubuntu นอกเหนือจาก Windows

AWS มีบริการเช่าเดสก์ท็อปเสมือน (VDI) บนคลาวด์ Amazon Workspaces มานานตั้งแต่ปี 2013 (ตอนนั้นเป็น Windows 7)

ที่ผ่านมา บริการ Amazon Workspaces ขยับขยายมาเป็น Windows 10 และ Amazon Linux 2 ของ AWS เอง ที่ราคาถูกกว่าแต่อาจไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายนัก

ล่าสุด AWS ประกาศเพิ่ม Ubuntu Desktop 22.04 LTS ที่อยู่ตรงกลาง นั่นคือแพงกว่า Amazon Linux 2 แต่ถูกกว่า Windows เข้ามาเป็นอีกตัวเลือก การใช้ Ubuntu ที่นิยมกว่าในสายงานวิศวกรรม-วิทยาศาสตร์ มีซอฟต์แวร์สายนี้ซัพพอร์ตเยอะกว่า ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เหล่านี้ และต้องการเดสก์ท็อปแบบ VDI ที่จัดการง่ายกว่า

ที่มา – AWS Blog

No Description

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/130706

VMware ออกอัปเดต VMware Horizon 8 เวอร์ชัน 2206

VMware ออกอัปเดต VMware Horizon 8 เวอร์ชัน 2206 เป็นอัปเดตต่อเนื่องจากเวอร์ชัน 2203 ที่เปิดตัวออกมาเมื่อช่วงเดือนเมษายน มีการปรับปรุงในหลายส่วน ทั้ง Horizon Agent, Horizon Connection Server และ Horizon Client โดยการปรับปรุงสำคัญที่เพิ่มมามีดังนี้

Credit: VMware

  • รองรับการสร้าง Custom Compute Profile (CPU, Memory, Core per Socket) สำหรับ Golden Image Snapshot ได้หลาย Profile พร้อมกันแล้ว
  • สามารถทำ Forensic Quarantine เพื่อ Archive ชุด Virtual Disk บน Instance Clone Desktop ได้ รองรับทั้ง Dedicated และ Floating Instance Clone Desktop
  • รองรับการเข้ารหัสไฟล์ Session Recording ในรูปแบบ .bin format เพื่อป้องกันการเปิดไฟล์โดยไม่ได้รับอนุญาต
  • รองรับการใช้งาน HW encoding บน Intel GPU แล้ว โดยรองรับ Intel 11th Gen Integrated Graphics ขึ้นไป (Tigerlake+)
  • ตัด Internet Explorer ออกจากการรองรับใน Horizon Console
  • รองรับการใช้งานระบบปฏิบัติการ Ubuntu 22.04, Red Hat Enterprise Linux (RHEL) Workstation 8.6 และ Red Hat Enterprise Linux (RHEL) Server 8.6
  • Horizon Agent for Linux รองรับ Real-Time Audio-Video redirection ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อ Webcam และ Audio-in เข้ากับ Remote Session ได้
  • Horizon Agent for Linux รองรับการใช้งาน vGPU ที่ความละเอียด 3840×2160 สูงสุด 4 หน้าจอ และ non-vGPU สูงสุด 1 หน้าจอ

ที่มา: https://virtualizationreview.com/articles/2022/08/02/horizon-8-2206.aspx

from:https://www.techtalkthai.com/vmware-releases-vmware-horizon-8-version-2206/

เสริมศักยภาพระบบ VDI ให้แข็งแกร่ง ด้วยโซลูชั่น VMware Horizon โดยทีมงานคุณภาพจาก SiS

โลกกำลังเดินหน้าสู่การทำงานในรูปแบบ New Normal ที่จะช่วยให้ผู้คนทำงานได้จากสถานที่ต่างๆ ได้อย่างไร้ขีดจำกัด และเทคโนโลยีอย่างเช่น Virtual Desktop Infrastructure หรือ VDI ที่ช่วยจำลองการทำงานเครื่องเดสก์ท็อปนั้น กลายเป็นเครื่องมือช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานให้แก่พนักงานองค์กรและผู้ดูแลระบบไอทีสามารถทำงานได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

จัดการความท้าทายต่างๆ ให้เป็นเรื่องง่าย

สิ่งที่ทำให้ VDI กลายเป็นประเด็นที่สำคัญในการนำมาใช้งานมากขึ้น นั่นเป็นเพราะความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเดสก์ท็อปที่เป็นแบบฟิสิคัล (Physical) รวมถึงการใช้งานแอปพลิเคชั่นในปัจจุบัน โดยมีประเด็นสำคัญที่เห็นได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่าง ประเด็นความปลอดภัยและการดำเนินตามข้อกำหนดและนโยบาย ซึ่ง VDI จะเข้ามาช่วยในการจัดการระบบไม่ให้มีการรั่วไหลของข้อมูลจากเดสก์ท็อป การเพิ่มความปลอดภัยในโพลิซีและทำการดีพลอยไปยัง VDI ทั้งหมด เป็นการช่วยให้ไอทีอินฟราสตรัคเจอร์ขององค์กรมีความปลอดภัยในระดับสูง

ประเด็นต่อมาก็คือเรื่องของการบริหารจัดการที่มีความซับซ้อนแบบดั้งเดิมนั้น จะถูกโครงสร้างแบบ VDI เข้ามาจัดการให้ดีขึ้น ด้วยการทำงานในลักษณะแบบ Centralized Management ช่วยให้ผู้ดูแลระบบไอทีสามารถจัดการทุกอย่างผ่านหน้าเว็บคอนโซลเดียว สามารถสร้างหรือลบพูลได้ในคราวเดียว แตกต่างกับระบบเดสก์ท็อปแบบเดิม หากมีการเพิ่มเครื่องใหม่เข้ามา ทีมงานไอทีก็ต้องใช้เวลาในการติดตั้งและคอนฟิกเครืองดังกล่าว ซึ่งก็จะใช้เวลานานกว่าเดิม แต่การมี VDI เข้ามาจะช่วยย่นระยะเวลาตรงนี้ไปได้มากพอสมควร สามารถใช้อิมเมจเดียวกันในการติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้มาตรฐานในการทำงานและความปลอดภัยเดียวกันทั้งองค์กร ด้วยประเด็นในข้างต้นทำให้ VDI เข้ามาช่วยลดเรื่องของดาวน์ไทม์ลงไปเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งเพิ่มผลผลิตในการทำงานได้ดีกว่าระบบแบบดั้งเดิม รวมถึงในระยะยาวนั้น VDI จะช่วยตอบโจทย์ด้านการลงทุนระบบไอทีได้ดีกว่า

เติมเต็มความสามารถ VDI ให้กับองค์กรด้วย โซลูชั่น VMware Horizon

VMware Horizon คือ โซลูชั่น VDI จากทาง VMware เป็นแพลตฟอร์ที่เพิ่มประสบการณ์ให้การทำงานของพนักงานดีขึ้นกว่าเดิม ด้วยความสามารถต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับกับการทำงานในยุคสมัยใหม่ ช่วยลดความวุ่นวายในการติดตั้งเครื่อง การกำหนดโพลิซีให้กับเครื่องใหม่ รวมถึงปัญหาความปลอดภัยต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ปัจจุบัน VMware Horizon รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพีซี, เครื่องแมค, แล็ปท็อป, อุปกรณ์ Thin Client หรือแม้กระทั่งสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

ตัว Horizon สามารถทำงานในแพลตฟอร์มที่เป็นแบบ “เดสก์ท็อป”หรือแบบ “แอปพลิเคชั่น” ก็เลือกได้ตามความต้องการ โดยในลักษณะแบบเดสก์ท็อปนั้น ทางระบบจะทำการโพรวิชั่นในแบบที่เป็นการใช้งานรูปแบบที่คุ้นเคย (เช่นในกรณีการใช้งานพีซีที่รัน วินโดวส์ 7 , วินโดวส์ 10 เป็นต้น) หรือทำการโพรวิชั่นในรูปแบบบแอปพลิเคชั่น ก็จะมีลักษณะแสดงผลหน้าตาเฉพาะแอปพลิเคชั่นตามที่เราได้วางโพลิซิให้กับกลุ่ม VDI นั้น (จะเหมาะสำหรับอุปกรณ์ประเภทสมาร์ทดีไวซ์หรือแท็ปเล็ต เป็นต้น)

 

มากมายด้วยคุณสมบัติที่น่าทึ่ง

คุณสมบัติของ VMware Horizon มีองค์ประกอบที่โดดเด่นและครอบคลุมงานต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนฟีเจอร์และแอปพลิเคชั่นทั้ง Smart Card, การทำ Client Drive Redirection, การทำ Location-based Printing, รองรับการใช้งาน HTML5, การ Load Balancing, ทำ Remote Helpdesk, ทำในเรื่องของ Scanning and Imaging Devices, รองรับระบบ 3D App ได้ รวมถึงฟีเจอร์ฟังก์ชั่นอื่นๆ อีกมากมาย

ข้อได้เปรียบของ Horizon ที่แตกต่างจาก VDI รายอื่นๆ ก็คือความสามารถที่เหนือชั้นที่อย่างเช่น Instant Clone ที่สามารถโคลนระบบได้อย่างรวดเร็วและแบบเรียลไทม์ และไม่จำเป็นต้องรีบูตระบบใหม่เลย ตลอดจนการทำงาน Applicaion Volume Delivery คือนอกจากจะโคลนระบบค่าคอนฟิกของเครื่องได้อย่างทันทีทันใดแล้ว Horizon ก็ยังทำการโคลนตัวแอปพลิเคชั่นทั้งหลายไปพร้อมกันได้ทันทีด้วยเช่นเดียวกัน หรือแม้กระทั่งฟีเจอร์อย่าง User Environment Manager (UEM) ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบไอทีสามารถกำหนดค่าเซตติงเป็นแบบ Personalized (รายบุคคล) ที่ไม่ว่ายูสเซอร์ท่านนั้นจะไปใช้เครื่องไหน ค่าคอนฟิกต่างๆ ก็จะตามไปด้วยในแบบเรียลไทม์ หรือจะกำหนดค่าเซตติงแบบ Location-Based (ตามสถานที่) ก็ทำได้ โดยค่าคอนฟิกที่กำหนดจะอิงตามโลเคชั่นเป็นหลัก

อรรถประโยชน์สูงสุดจาก Horizon

VMware Horizon ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กรในการปรับเปลี่ยนไปใช้โครงสร้างไอทีแบบ VDI กล่าวคือ ตัวระบบจะทำการจัดการเรื่องของการเตรียมอิมเมจได้เร็วกว่าระบบอื่นถึง 30%, ทำงานในส่วนการโคลนแอปพลิเคชั่นได้อย่างทันทีทันใด (Instant App Delivery) อีกทั้งยังทำการกำหนดกรุ๊ปโพลิซีในลักษณะที่มีเงื่อนไขตามที่องค์กรต้องการได้ ทั้งแบบ Personalized และแบบ Location ตามที่ได้กล่าวไปตอนต้น รวมถึงไม่มีดาวน์ไทม์ในการคอนฟิกและดีพลอยระบบเลย และที่สำคัญคุณสมบัติเหนืออื่นใดของ VMware Horizon สามารถที่จะผสานระบบเข้ากับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ VMware ได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็น VMware vSphere แพลตฟอร์มคลาวด์คอมพิวติ้งเวอร์ชวลไลเซชัน หรือ VMware vSAN ซึ่งเป็นระบบ Storage Virtualization Software หรือ NSX ซึ่งเป็น Network Security Virtualization Platform เป็นต้น นั่นจึงทำให้ VMware Horizon คือ VDI ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดแห่งยุค

เติมเต็มความเชี่ยวชาญด้วยทีมงานจาก SiS

SiS ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายคนสำคัญของ VMware ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ และสำหรับ VMware Horizon นั้นทีมงานของ SiS มองว่า ผู้ใช้งานจะได้ประโยชน์จากโครงสร้างด้าน Virtual Desktop Infrastructure อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งปัจจุบัน ตัว VDI ที่รันบน SiS Cloud Services ซึ่งเป็นบริการคลาวด์ที่มีความแข็งแกร่ง ทำให้การใช้งาน VDI จะมีเสถียรภาพในการใช้งานเป็นอย่างมาก

ความเชี่ยวชาญของ SiS ยังครอบคลุมไปถึงตัวโซลูชั่น VMware Workspace ONE ที่เป็นระบบในการจัดการแอปพลิเคชันในทุกอุปกรณ์ได้อย่างปลอดภัย ช่วยตอบสนองความต้องการของพนักงานตามสไตล์การทำงาน สถานที่ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ กลุ่มองค์กรที่เน้นเรื่องของความปลอดภัยข้อมูลลูกค้าด้วย

ความสามารถของทีมงาน SiS นั้น เมื่อผนึกรวมกับโซลูชั่นทั้ง  VMware Workspace ONE และ VMware Horizon ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกๆ Requirement ไม่ว่าจะเป็น

  • ต้องการมุ่งเน้นในเรื่องของ Data Protection และ Policy Control
  • ต้องการเพิ่มความปลอดภัยให้กับ Web Application
  • ต้องการใช้ Multifactor Authentication
  • ต้องการใช้ VPN ในการเข้าใช้งาน แอปพลิเคชั่น
  • ต้องการใช้งานระบบเสมือนอยู่บนหน้าจอ PC Desktop ในสำนักงา
  • ต้องการจัดการระบบเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานกฎข้อบังคับ PDPA

สำหรับผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์ตัว VMware Workspace ONE และ VMware Horizon ตอนนี้ทาง SiS ได้จัดทำโปรโมชั่นพิเศษ โดยถ้าเป็นการบริหารจัดการระบบ VMware Workspace ONE Modern Management Essentials สำหรับ 50 อุปกรณ์ มีราคาพิเศษอยู่ที่ 85,000 บาท หรือถ้าต้องการใช้งาน VMware Horizon 8 Advanced Term Edition รวมกับ VMware NSA Advanced Load Balancer for VDI จะมีราคา 500,000 บาท ซึ่งสามารถติดต่อกับทางทีมงานของ SiS ได้ทันที

 

ทดสอบการใช้งานได้จริง กับ Mini Showcase

และเพื่อจะทำให้เห็นภาพการใช้งานเทคโนโลยี VDI ได้อย่างเสมือนจริงๆ ทาง SiS ได้เตรียมความพร้อมให้ผู้ใช้งานเข้าไปทดสอบผลิตภัณฑ์ (และของตัวทดลองใช้งาน) VMware Horizon และ VMware Workspace ONE  ซึ่งได้จัดเตรียม Mini Showcase ขึ้นมา เพื่อสามารถให้องค์กรต่างๆ เข้าไปทดสอบการใช้งานเทคโนโลยีได้  โดยครอบคลุมองค์ประกอบต่างๆ ที่สามารถรันระบบ VDI ในทุกสภาวะการณ์ทำงานไอทีอินฟราสตรัคเจอร์ได้ครบถ้วน

ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมสัมผัสกับ Mini Showcase จริงได้ที่นี่

from:https://www.enterpriseitpro.net/vmware-horizon-sis/

Sangfor ผนึก Computer Union นำโซลูชั่น HCI ขั้นสูง ช่วยยกระดับองค์กรธุรกิจไทย ก้าวสู่ยุค Digital Transformation อย่างเต็มขั้น!

ในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีด้านไอทีเข้ามามีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลหรือที่เรียกกันว่า Digital Transformation ได้อย่างทันท่วงที องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีไอทีตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับแอดวานซ์เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จทั้งด้านการบริหารจัดการระบบไอทีและรวมถึงธุรกิจขององค์กรที่ต้องเติบโตต่อไป

โดยในครั้งนี้ทาง Enterprise ITPro ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานการเซ็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายระหว่าง Sangfor Technologies และ บริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด (CU) เป็นความร่วมมือของทั้งสองที่จะนำเสนอโซลูชั่นด้านไอที HCI ที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อนำพาองค์กรก้าวสู่ยุคของ Digital Transformation ได้อย่างไม่ติดขัด

เริ่มต้นนั้น เราได้มีโอกาสพูดคุยกับทางคุณ Lukie Li – Country Manager ของ Sangfor Technologies (Thailand) Co., Ltd. ได้อธิบายว่า Sangfor Technologies คือหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมทางด้านไอทีระดับโลก ให้บริการโซลูชั่นต่างๆ ทั้งในส่วนของ Network Security, Cloud Computing และ Infrastructure Solutions ซึ่งในแต่ละส่วนนั้นมีผลิตภัณฑ์และบริการมากมาย ที่ครอบคลุมในทุกเซกเมนท์ อาทิ เช่น Hyperconverged Infrastructure (HCI), Virtual Desktop Infrastructure (VDI), Next Generation Firewall, Internet Access Gateway, SD-WAN, Wan Optimization และอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีส่วนช่วยให้องค์กรธุรกิจต่างๆ สามารถใช้เทคโนโลยีในการสร้างการเติบโตและเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ปัจจุบัน Sangfor Technologies ดำเนินธุรกิจมากกว่า 20 ปีมีพนักงานกว่า 7,500 คนและมีสำนักงานสาขาต่างๆ มากกว่า 60 แห่งในทั่วโลก สำหรับในเอเชียนั้น ก็มีสำนักงานที่ตั้งขึ้น เช่น ในฮ่องกง, มาเลเซีย, ไทย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, พม่า, เป็นต้น ส่วนในประเทศไทยนั้น Sangfor เริ่มต้นเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยราวปี 2010 โดยมองเห็นศักยภาพตลาดเมืองไทย จึงได้มีการจัดตั้งสาขาในไทย ปัจจุบันทีมงานเกือบทั้งหมดกว่า 90% เป็นคนไทยอีกด้วย

Sangfor Technologies มาพร้อมกับโซลูชั่นที่โดดเด่น

Sangfor Technologies คร่ำหวอดในโลกของเทคโนโลยีด้านไอที อินฟราสตรัคเจอร์มาอย่างยาวนาน มีโซลูชั่นไอทีที่มีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับมากมายจากผู้ใช้งานในทั่วโลก อีกทั้งพนักงานของ Sangfor มากกว่า 40% (หรือมากกว่า 3,000 คน) ของทีมงานทั้งหมดนั้น เป็นบุคลากรที่มุ่งเน้นในส่วนของงานด้านพัฒนาและวิจัย (R&D) เป็นหลัก รวมไปถึงเทคโนโลยีทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น Server Virtulization, Storage Virtualization, แม้กระทั่งแพลตฟอร์มในการบริหารจัดการคลาวด์ และความเชี่ยวชาญด้านระบบซีเคียวริตี้ ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมวิจัยและพัฒนาของ Sangfor นั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นบริษัทไอทีที่ครบวงจรมากที่สุด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Sangfor แตกต่างและโดดเด่นจากคนอื่นๆ

Lukie Li – Country Manager, Sangfor Technologies (Thailand) Co., Ltd.

ปัจจุบัน Sangfor Technologies ได้แต่งตั้ง บริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด (CU) เป็นตัวแทนจำหน่าย โดยมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอในส่วนของเทคโนโลยีด้านคลาวด์ คอมพิวติ้งเป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์และบริการมากมาย แต่ที่จะเข้ามาเจาะตลาดโดยผ่านทาง CU ก็คือโซลูชั่น Sangfor Hyperconverged Infrastructure (HCI), โซลูชั่นด้าน Virtual Desktop Infrastructure (VDI) โดยที่ Sangfor มองว่าทั้งสองโซลูชั่นดังกล่าวจะเป็นแนวทางใหม่ของตลาดเมืองไทยและจะมีโอกาสที่จะทำตลาดได้อย่างดี

คุณ Lukie กล่าวถึงทาง CU ว่า เป็นบริษัทที่คนไทยรู้จักมาอย่างยาวนานและมีความเชี่ยวชาญในส่วนของเทคโนโลยีด้านดาต้าเซ็นเตอร์เป็นอย่างมาก ส่วน Sangfor นั้นพันธกิจหลักของพวกเขาก็คือการที่จะยกระดับองค์กรธุรกิจต่างๆ ในไทยซึ่งเป็นฐานลูกค้าของพวกเขาให้ก้าวไปตามแนวคิด Digital Transformation โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีด้านอินฟราสตรัคเจอร์ที่สะดวกและปลอดภัย ซึ่งเมื่อผนวกกับความสามารถและความเชี่ยวชาญของ CU แล้ว ก็นับว่าเป็นทางที่จะส่งผลให้เกิดความสำเร็จได้ในอนาคต

ผสานความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว

ทางทีมงานยังได้พูดคุยกับ คุณศุภกิจ ติยะวัชรพงศ์ Managing Director Enterprise Systems Distributor Business จากทาง คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน ในประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจ โดยคุณศุภกิจ กล่าวว่า ความร่วมมือกับ Sangfor นั้น จะมุ่งเน้นในส่วนของการนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านซอฟต์แวร์ Sangfor HCI และ Sangfor VDI ไปยังลูกค้าองค์กรต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับส่วนงานของ CU ในการให้บริการโซลูชั่นที่มุ่งเน้น Hybrid Cloud และคุณค่าให้แก่ลูกค้าเป็นหลัก

โดยเสริมว่า Sangfor HCI เป็นแพลตฟอร์มหลักที่จะช่วยให้การทำงานในโครงสร้างไอทียุคใหม่ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยมีคุณสมบัติต่างๆ มากมาย อย่างเช่น ความพร้อมในระดับ 99.99%, ผสานกับระบบทั้งแบ็กอัพและ CDP, ให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงกว่า รวมถึงเรื่องระบบการจัดการ Database ที่เป็นแบบ AI-Based ที่คุ้มค่ามากที่สุด ตลอดจนเรื่องของการบริหารจัดการที่ง่ายและครบวงจร

คุณศุภกิจ ติยะวัชรพงศ์ Managing Director Enterprise Systems Distributor Business บริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด

โดยรูปแบบการให้บริการที่จะมีให้ลูกค้าเลือกทั้งแบบ Sangfor HCI aServer appliance (คือมีอุปกรณ์ของตัวเอง) และแบบ Sangfor HCI software ที่ไปทำงานร่วมกับเซิร์ฟเวอร์รุ่นอื่นๆ ที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งจุดเด่นหลักๆ ของ Sangfor HCI คือความสามารถขั้นสูง (Advance Technologies) และการเพิ่มขยายตามการเติบโตของลูกค้า (Flexibility) ไม่นับรวมกับเรื่องของการรักษาความปลอดภัยในระดับ Data Center ที่ช่วยป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เหนือชั้น (Cyber Security Protection) ทำให้องค์กรในประเทศไทยสามารถที่จะติดตั้งหรือเลือกใช้งานระบบ HCI ที่มีประสิทธิภาพดังกล่าวได้อย่างเต็มที่และคุ้มค่าสำหรับการลงทุน

ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยความสามารถอันโดดเด่น

คุณศุภกิจ ได้อธิบายให้เราฟังถึงจุดโดดเด่นของ CU ในมุมต่างๆ อย่างน่าสนใจ โดย CU วางตัวเองไว้เป็น Value Added Distributor ที่เป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มคุณค่าให้แก่พาร์ทเนอร์ในบริบทของการดำเนินการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าในการนำเสนอเทคโนโลยีที่ดีที่สุดใหกับลูกค้า หรือมอบองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญที่ CU มีมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรที่ได้รับการยอมรับและได้รับการรับรองจาก Vendor รวมถึงมีศูนย์ Demo Center ขนาดใหญ่ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ให้ลูกค้าได้เข้าถึงได้ เป็นต้น

ในกรณีของความร่วมมือกับ Sangfor นั้น ทาง CU เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่และพร้อมที่จะเติมเต็มระบบแพลตฟอร์มของ Sangfor ต่างๆ เข้ามาในศูนย์ Demo Center ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะเป็นการการันตีถึงความตั้งใจและความจริงจังในการทำงานร่วมกัน ตลอดจนยังเป็นการพิสูจน์ให้ลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ที่จะเข้ามาใช้บริการหรือนำผลิตภัณฑ์ไปให้บริการต่อ ก็จะได้เห็นการทำงานอย่างจริงจัง และมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของ Sangfor ด้วยเช่นกัน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด โทร 02 3116991 #7151, 7156
Email : cu_mkt@cu.co.th

 

from:https://www.enterpriseitpro.net/sangfor-partner-cu-for-hci-to-customer/

Tangerine Webinar: Ignite Your Secure Workplace Journey & Boost Productivity with VMware

Tangerine ร่วมกับ VMware ขอเรียนเชิญผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานด้าน IT เข้าร่วมงานสัมมนา Tangerine Webinar เรื่อง “Ignite Your Secure Workplace Journey & Boost Productivity with VMware” พร้อมอัปเดตเทรนด์ล่าสุดจากงาน VMworld 2021 และการเตรียมพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยขององค์กรสู่ Digital Workplace ในวันอังคารที่ 12 ตุลาคม 2021 เวลา 10:30 น. ผ่านทาง Live Webinar ฟรี

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: Ignite Your Secure Workplace Journey & Boost Productivity with VMware
วันเวลา: วันอังคารที่ 12 ตุลาคม 2021 เวลา 10:30 – 12:00 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
จำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด: 500 คน
ภาษา: ไทย
ลิงก์ลงทะเบียน: https://us06web.zoom.us/webinar/register/3616323061442/WN_S6yHCkTAQsCKSmREbEwLFw

เข้าร่วม Webinar นี้เพื่ออัปเดตเทรนด์ล่าสุดจากงาน VMworld 2021 ทั้งเรื่อง Vision & Innovation เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีและโซลูชันอุบัติใหม่ รวมถึงแนวทางการวางกลยุทธ์แบบ Multi-cloud ที่จะเปลี่ยนรูปแบบไปสู่ SaaS-based ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยจุดประกายไอเดียให้ทุกท่านนำไปประยุกต์ใช้งานได้ก่อนใคร

นอกจากนี้ ท่านจะได้เรียนรู้การเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยขององค์กรสู่ Digital Workplace ซึ่งเป็นแก่นของการทำงานในยุค Next Normal ที่พนักงานสามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา และเชื่อมต่อกับระบบขององค์กรได้อย่างมั่นคงปลอดภัยสูงสุด พร้อมทำความรู้จักกับ VMware Horizon โซลูชัน Secure Work from Anywhere (VDI) และ VMware Carbon Black โซลูชัน Endpoint Security ที่เข้ามาตอบโจทย์ตรงจุดนี้

กำหนดการบรรยาย

10.30 – 10:35 Welcome & Introduction
10:35 – 11:05 Build the VMworld Experience That is Right for You – VMworld2021
11:05 – 11:20 Better Secure Work from Anywhere with VMware Horizon (VDI)
11:20 – 11:50 VDI Endpoint Protection with VMware Carbon Black Cloud & Demo
11:50 – 12:00 Q&A

ผู้บรรยาย

  • Phubet Pramuean, Partner Solution Architect, VMware (Thailand) Co., Ltd.
  • Kiatisak Liamdhamachit, Technical Consultant, Tangerine Co., Ltd.
  • Paisit Saithong, Technical Consultant, Tangerine Co., Ltd.

from:https://www.techtalkthai.com/tangerine-webinar-ignite-your-secure-workplace-journey-and-boost-productivity-with-vmware/

VMware เสริมความสามารถ Horizon รองรับ Hybrid Cloud และ Multi Cloud

VMware ประกาศเสริมความสามารถให้กับ VMware Horizon เพื่อให้รองรับการใช้งาน VDI บน Hybrid Cloud และ Multi Cloud โดยมีรายละเอียดดังนี้

Credit: VMware

  • สามารถใช้งาน Universal Brokering ได้บน VMware Horizon on Azure VMware Solution (AVS) แล้ว เพื่อเป็นช่องทางในการเข้าใช้งาน Virtual Desktop และแอพพลิเคชันบน Horizon Pod หรือ Cloud ปัจจุบันรองรับทั้ง On-premise, Horizon on VMware Cloud on AWS และ Horizon Cloud on Microsoft Azure
  • เพิ่ม Image Management Service บน VMware Horizon Cloud on Microsoft Azure และ VMware Horizon Cloud on VMware Cloud on AWS แล้ว เพื่อใช้ในการบริการจัดการ Desktop Image
  • เพิ่ม Cloud Monitoring Service สำหรับการ Monitor การใช้งานแบบ Real-time บน VMware Horizon for Azure VMware Solution (AVS)
  • รองรับ PostgreSQL ช่วยให้สามารถสร้าง Desktop ได้สูงสุด 20,000 desktops ต่อ Pod เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่
  • เตรียมเพิ่ม VMware Workspace ONE Assist ให้รองรับการทำ Remote Support สำหรับ Horizon Session

การใช้งาน VMware Horizon บน Cloud นั้นมีการเติบโตค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเมื่อต้นปี 2020 ในช่วงที่บริษัทต่างๆหันมาทำงานแบบ Remote Work นั้น ยอดการใช้งาน VMware Horizon บน Cloud มีการเติบโตถึง 82%

ที่มา: https://www.zdnet.com/article/vmware-updates-vdi-software-horizon-for-hybrid-and-multi-cloud-strategies/

from:https://www.techtalkthai.com/vmware-adds-features-on-horizon-for-hybrid-cloud-and-multi-cloud/

HP เข้าซื้อกิจการ Teradici ผู้พัฒนาโปรโตคอล PCoIP

HP ประกาศเข้าซื้อกิจการ Teradici ผู้พัฒนาโปรโตคอล PC-over-IP

Credit: ShutterStock.com

Teradici พัฒนาโปรโตคอล PC-over-IP (PCoIP) มาตั้งแต่ช่วงปี 2014 ซึ่งเป็นโปรโตคอลสำหรับใช้งาน Desktop Virtualization ที่มีความละเอียดสูงและใช้ Bandwidth ต่ำ ปัจจุบันมีการใช้งานใน Desktop-as-a-service ของ AWS ล่าสุด HP ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเล็งเห็นการเติบโตของตลาด Remote Desktop ที่เพิ่มมากขึ้นและจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการทำงานในอนาคต โดยมีการคาดการณ์ไว้ว่าตลาด Remote Desktop Software จะเติบโตขึ้นอีก 17% เมื่อถึงปี 2028

ปัจจุบัน HP จำหน่าย ZCentral Remote Boost สำหรับใช้เป็นช่องทางในการทำ Remote Desktop เข้าสู่ Workstation อยู่แล้ว โดยเตรียมจะนำ Teradici เข้าไปเสริมในส่วนนี้ ช่วยให้สามารถรองรับการใช้งานทั้งบน On-premise และ Cloud ได้ และสามารถเข้าถึงได้จากอุปกรณ์ทุกประเภทอีกด้วย การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้

ที่มา: https://www.theregister.com/2021/07/30/hp_inc_acquires_teradici/

from:https://www.techtalkthai.com/hp-acquires-teradici-pcoip-developer/

ไมโครซอฟท์อาจเปิดตัว “Cloud PC” สัปดาห์หน้าในงาน Inspire

ทางสำนักข่าว ZDNet รายงานว่า ไมโครซอฟท์อาจประกาศเปิดตัวบริการใหม่ในชื่อ Cloud PC ในอีเวนต์ Inspire สัปดาห์หน้า แม้จะยังไม่เคยออกมาเผยข้อมูลทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้เลย แต่ก็มีการลงชื่อเซสชั่นของกิจกรรมนี้ที่ใบ้ว่าจะมีการเปิดตัวนี้เกิดขึ้น

โดยระบุว่าวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ ไมโครซอฟท์ได้กำหนดการจัดกิจกรรมไว้ในชื่อ “What’s Next in End-User Computing” โดยมีผู้อำนวยการด้านเดสก์ท็อปแบบจัดการผ่านคลาวด์ของไมโครซอฟท์ คุณ Scott Manchester เป็นผู้ดำเนินรายการ

ZDNet ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า Manchester เป็นหัวหน้าทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Windows Virtual Desktop, Remote Desktop Services, Second Screen Remoting, งานมัลติมีเดียต่างๆ ไปจนถึงเทคโนโลยีด้านเครือข่ายด้วย

มีแหล่งข่าวระบุว่า Manchester กำลังซุ่มทำโปรเจ็กต์บริการชื่อ Cloud PC ซึ่งเป็นบริการเดสก์ท็อปแบบเวอร์ช่วลผ่านคลาวด์หรือ Desktop-as-a-Service ที่เปิดให้ทำงานผ่านอุปกรณ์ตัวเองในฐานะไคลเอนด์สำหรับรีโมทเดสก์ท็อปได้

ที่มา : Windowscentral

from:https://www.enterpriseitpro.net/cloud-pc-is-a-desktop-as-a-service/

Microsoft รีแบรนด์ Windows Virtual Desktop เป็น Azure Virtual Desktop

Microsoft ประกาศรีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ Windows Virtual Desktop เป็น Azure Virtual Desktop แล้ว เพิ่มการคิดค่าบริการแบบ Remote App Streaming และเตรียมเสริมฟีเจอร์ใหม่ในอนาคต

Credit: Microsoft

Azure Virtual Desktop เป็นบริการ Cloud VDI Desktop สำหรับองค์กรจาก Microsoft ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2018 ในครั้งนี้ได้ทำการรีแบรนด์เปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับบริการ Cloud จาก Azure โดย Microsoft ได้เพิ่มวิธีการนับ License ใหม่ สามารถคิดค่าบริการแบบ Remote app streaming เป็นการคิดค่าใช้จ่ายตามจำนวน Session เพิ่มเติมจากที่เมื่อก่อนจะนับตามจำนวน User เพื่อเป็นการตอบโจทย์นักพัฒนาที่นำบริการ Virtual Desktop ไปจำหน่ายร่วมกับซอฟต์แวร์ของตนเองแบบ Software-as-a-service

Microsoft ได้มีการปรับปรุง Azure Virtual Desktop ให้สามารถใช้งานร่วมกับ Microsoft Endpoint Manager ได้ โดยสามารถควบคุม Multisession VM ได้แล้ว นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งาน Azure Active Directory แบบ Public Preview และในอนาคตจะสามารถทำ Single sign-on ร่วมกับ FIDO2 และ Azure Files ได้

ที่มา: https://www.zdnet.com/article/microsoft-rebrands-wvd-as-azure-virtual-desktop-adds-new-app-streaming-pricing-option/

from:https://www.techtalkthai.com/microsoft-rebrands-windows-virtual-desktop-to-azure-virtual-desktop/

แจกฟรี Whitepaper ภาษาไทย: 7 แนวทางการออกแบบระบบ VDI รับแนวโน้ม Hybrid Work สำหรับปี 2021

เพื่อให้ธุรกิจองค์กรสามารถวางแผนรับมือกับการทำงานรูปแบบใหม่ในอนาคตอย่าง Hybrid Work ในปี 2021 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาง Dell Technologies, Intel, VMware และ TechTalkThai จึงได้ร่วมกันจัดทำ Whitepaper ในหัวข้อ “7 แนวทางการออกแบบระบบ VDI รับแนวโน้ม Hybrid Work สำหรับปี 2021” เพื่อให้ผู้ที่สนใจทำการดาวน์โหลดไปศึกษาได้ทันที

เอกสารฉบับนี้มีความยาว 12 หน้า เนื้อหาเป็นภาษาไทยทั้งหมด โดยจะแบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน ได้แก่

  • นิยามของ Hybrid Work
  • VDI กับบทบาทสำคัญต่อการวางระบบเพื่อรองรับ Hybrid Work
  • 7 แนวทางการออกแบบ VDI เพื่อรองรับ Hybrid Work ในอนาคต
  • แนวทางการออกแบบระบบ VDI ด้วยโซลูชันจาก Dell Technologies

ผู้ที่สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มดังต่อไปนี้เพื่อโหลดเอกสารได้ทันทีที่ https://go.techtalkthai.com/2020/10/free-thai-whitepaper-7-ways-to-design-vdi-for-hybrid-work-2021/

from:https://www.techtalkthai.com/free-thai-whitepaper-7-ways-to-design-vdi-for-hybrid-work-2021/