คลังเก็บป้ายกำกับ: Amazon

Amazon เตรียมเลย์ออฟเพิ่มจากเดิมอีก 9,000 คน

ซีอีโอ Amazon คุณ Andy Jassy กล่าวในบันทึกถึงพนักงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า บริษัทกำลังจะเอาพนักงานออกอีกกว่า 9,000 รายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า นอกเหนือจากที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้

การเลย์ออฟครั้งก่อนหน้าก็ปาไปเกือบ 18,000 คนแล้ว ตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่แล้วยาวมาถึงมกราคม แต่ครั้งนั้นเป็นกลุ่มธุรกิจรีเทล ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ต่างๆ แผนกจ้างงาน และฝ่ายทรัพยากรบุคคล แต่ครั้งนี้ลามออกมาฝ่ายอื่นด้วย

คุณ Jassy กล่าวว่า การตัดสินใจล่าสุดครั้งนี้ของแอมะซอนเกิดขึ้นเพื่อปรับโครงสร้างต้นทุนให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเพื่อรับมือกับ “ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้” โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่เรียกกันภายในว่า “OP2”

พร้อมย้ำว่า นี่เพื่อให้บริษัทยังสามารถมีเงินลงทุนพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าที่สำคัญ และให้ผลระยะยาว ที่สำคัญกับทั้งตัวลูกค้าและทีมงานแอมะซอนทั้งหมดได้อยู่ สำหรับฝ่ายผู้โชคดีได้แก่ บริการคลาวด์ ฝ่ายบุคคล ฝ่ายโฆษณา และธุรกิจ Twitch

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – CNBC

from:https://www.enterpriseitpro.net/amazon-to-lay-off-9000-more-workers/

Advertisement

Amazon ออก Fire TV สองรุ่นใหม่ รุ่นแรกจอ QLED อีกรุ่นราคาถูก เริ่มต้น 200 ดอลลาร์

Amazon ประกาศอัพเดตไลน์สินค้าสมาร์ททีวีตระกูล Fire TV โดยเพิ่มรุ่นราคาถูกที่สุดรุ่นใหม่เข้ามา และเพิ่มประเทศที่มีสมาร์ททีวีนี้ขาย โดย Daniel Rausch รองประธานฝ่ายอุปกรณ์ความบันเทิงของ Amazon บอกว่าถึงตอนนี้ สินค้าตระกูล Fire TV ทั้งอุปกรณ์เชื่อมต่อ และสมาร์ททีวี ขายได้รวมกันแล้วมากกว่า 200 ล้านชุุด

เริ่มที่สินค้าแรก Fire TV Omni QLED Series สมาร์ททีวีรุ่นบน ที่รองรับ Fire TV Ambient Experience หน้าจอ 4K QLED ระบบเสียง Dolby Vision IQ และ HDR10+ Adaptive มาพร้อมหน้าจอ 3 ขนาดคือ 43 นิ้ว, 50 นิ้ว และ 55 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 449.99 ดอลลาร์

No Description

Amazon ยังเพิ่มสมาร์ททีวีรุ่นใหม่ Fire TV 2-Series ที่มีราคาถูกที่สุดในทั้งหมด (ถูกกว่า Fire TV 4-Series) เริ่มต้นที่ 199.99 ดอลลาร์ มีสองขนาดจอให้เลือก 32 นิ้ว และ 40 นิ้ว โดยจอ 32 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD ส่วน 40 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD ระบบเสียงรองรับ HDR 10, HLG, และ Dolby Digital Audio ส่วนการทำงานร่วมกับ Alexa มีฟังก์ชันครบ

No Description

Fire TV Omni QLED Series เริ่มเปิดให้พรีออเดอร์วันนี้ สินค้าส่งมอบ 11 พฤษภาคม เป็นต้นไป ส่วน Fire TV 2-Series สั่งซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ โดย Amazon ยังเพิ่มประเทศที่ขายได้แก่ สหราชอาณาจักร เยอรมนี และเม็กซิโก

ที่มา: Amazon

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/133142

บริการคลาวด์เกมมิ่ง Amazon Luna เปิดให้บริการนอกสหรัฐอเมริกาแล้ว

Amazon Luna บริการคลาดว์เกมมิ่งของค่าย Amazon เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 แต่ตลอดสองปีกว่าๆ ที่ผ่านมายังจำกัดพื้นที่เฉพาะสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวเท่านั้น

ล่าสุด Amazon Luna ประกาศขยายพื้นที่ใหม่ 3 ประเทศคือ แคนาดา เยอรมนี สหราชอาณาจักร ถือเป็นครั้งแรกที่ออกนอกสหรัฐอเมริกา โดยลูกค้า Amazon Prime ในประเทศเหล่านี้จะได้สิทธิการเล่นเกมบางเกมฟรีด้วย

แนวทางของ Amazon Luna คือแยก “ช่อง” (channel) ของเกมให้เลือกเล่นตามหมวดหมู่ที่สนใจ และจ่ายเงินเฉพาะช่องที่ต้องการเล่น โดยช่อง Luna+ ที่รวมเกมดังจากหลายค่าย (เช่น Control, Devil May Cry 5, Mega Man 11) คิดราคา 8.99 ปอนด์/เดือน, ช่อง Ubisoft+ มีเฉพาะเกมของค่าย Ubisoft คิดราคา 14.99 ปอนด์/เดือน เป็นต้น

No Description

ที่มา – Amazon Luna Blog

from:https://www.blognone.com/node/133139

DPReview เว็บรีวิวกล้องในตำนาน เตรียมปิดเว็บไซต์ หลังโดน Amazon เลย์ออฟยกทีม

หากใครที่เป็นช่างภาพแล้วจะซื้อกล้องใหม่สักตัว คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาเว็บไซต์รีวิวกล้องในตำนานอย่าง DPReview กันดี เพราะในเว็บไซต์มาพร้อมข้อมูลกล้องที่แน่นเอียด และเป็นแหล่งอ้างอิงชั้นดีให้แก่เหล่าตากล้องมานาน แต่หลังจากเดือนเมษายน 2023 เป็นต้นไปก็โบกมือลากันได้เลย เพราะบริษัทแม่อย่าง Amazon ได้สั่งเลย์ออฟพนักงานยกทีม ปิดตำนานเว็บที่อยู่คู่กับวงการถ่ายภาพมากว่า 25 ปี

DPReview ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1998 และถูกเข้าซื้อโดย Amazon ในช่วงปี 2007 และตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ได้อัปเดตข้อมูลสเปค ตัวอย่างภาพถ่าย และรีวิวของกล้องถ่ายภาพ และเลนส์เกือบทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ ในส่วนของเว็บบอร์ดยังเรียกได้ว่าเป็นชุมชนของช่างภาพที่ใหญ่ที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลกด้วย

และถือเป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะเมื่อคืนที่ผ่านมา DPReview.com ได้ขึ้นแบนเนอร์ชี้แจงผ่านหน้าเว็บไซต์ เตรียมปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 10 เมษายน 2023 สาเหตุเป็นเพราะ Amazon ได้สั่งเลย์ออฟพนักงานครั้งใหญ่กว่า 18,000 ตำแหน่ง ซึ่งทีมงานของ DPReview ก็ได้รับผลกระทบครั้งนี้แบบเต็ม ๆ ยกทีม

โดยเว็บไซต์จะทำการอัปเดตคอนเทนต์รีวิวต่าง ๆ จนถึงวันที่ 10 เมษายน หลังจากนั้นหน้าเว็บไซต์ของ DPReview จะถูกล็อก ไม่สามารถโพสต์หรือ คอมเมนต์ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จะยังสามารถอ่านคอนเทนต์บนเว็บไซต์ได้จนกว่าจะถูกปิดตัวลงอย่างถาวร (ไม่มีรายละเอียดว่าจะปิดเว็บไซต์ถาวรวันไหน)

ส่วนผู้ที่เคยมีส่วนร่วมเขียนคอนเทนต์บนเว็บไซต์ สามารถดาวน์โหลดข้อมูลรูปภาพ และข้อความที่เคยเขียนไว้จนถึงวันที่ 6 เมษายน 2023 หากพ้นกำหนดไปแล้วจะไม่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้อีกต่อไป และข้อมูลบัญชีผู้ใช้ทั้งหมดจะถูกลบหลังจากที่เว็บไซต์ทำการปิดตัวอย่างสมบูรณ์แบบ

ที่มา: DPReview, TechCrunch

from:https://droidsans.com/dpreview-to-close-10-april-2023/

Amazon ปิดเว็บ DPReview หลังเข้าซื้อมา 16 ปี

Amazon ปิดเว็บ DPReview เว็บรีวิวอุปกรณ์ถ่ายภาพจากอังกฤษที่เคยได้รับความนิยมสูง โดย Amazon ซื้อมาจากเจ้าของเดิมเมื่อปี 2007 นับเป็นเว็บเก่าแก่เพราะเปิดมาตั้งแต่ปี 1998 หรือ 25 ปีมาแล้ว แต่รอบนี้ได้รับผลกระทบจากการปรับลดคนรอบล่าสุด ทำให้ทีมงานถูกยุบไป

ตัวเว็บไซต์ยังคงมีอัพเดตเรื่อยๆ และเดือนที่ผ่านมามียอดผู้เข้าชมจาก SimilarWeb อยู่ที่ 7.1 ล้านคน ขณะที่สมัย Amazon เข้าซื้อมียอดผู้เข้าชม 7 ล้านคน (แต่กระบวนการนับอาจจะต่างกัน)

เว็บไซต์และทีมงานจะยังคงทำงานต่อไปจนถึงวันที่ 10 เมษายนนี้

ที่มา – DPReview

No Description

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/133108

Amazon ปลดคนเพิ่ม 9,000 คน หลังเพิ่งปลดรอบแรกเมื่อเดือนมกราคม AWS, Twitch โดนด้วย

Amazon ประกาศปลดพนักงานเพิ่มเติมอีก 9,000 คนหลักจากรอบปลายปี 2022 จนถึงมกราคม 2023 นั้นปลดไปแล้ว 18,000 คน โดย Andy Jessy ระบุว่ารอบที่แล้วบริษัทมีเวลาไม่พอที่จะวิเคราะห์ว่าจะลดคนส่วนใดได้บ้างทำให้มีการประกาศเพิ่มในรอบนี้

การปลดคนในรอบนี้กระทบคนทำงานในธุรกิจที่ทำกำไรได้ดีอยู่ด้วย เช่น ธุรกิจโฆษณา และ AWS หลังจากที่รอบก่อนหน้านี้เน้นไปที่ธุรกิจที่ไม่ทำเงินนัก เช่น ร้านค่าปลีก อย่าง Amazon Fresh และ Amazon Go รวมถึงทีมทำผู้ช่วยดิจิทัล Alexa

แม้จะประกาศออกมาแล้วว่าจะปลดคนแต่บริษัทก็ยังไม่ได้ตัดสินใจรายชื่อผู้ที่จะถูกปลดจริงๆ โดยจะแจ้งผู้ถูกปลดกลางเดือนเมษายนไปจนถึงสิ้นเดือน

ที่มา – BarChart.com

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/133088

Amazon อาจซุ่มพัฒนา Web Browser ของตนเองอยู่

ข้อมูลนี้ยังไม่เป็นทางการ แต่มาจากแบบสำรวจของ Amazon ที่ส่งหาลูกค้า โดยมีคำถามหลายข้อที่ทำให้เดาได้ว่า Amazon น่าจะพิจารณาพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ของตนเองขึ้นมา

ตัวอย่างคำถาม เช่น ถ้า Amazon ทำเว็บเบราว์เซอร์ ควรมีฟีเจอร์พิเศษใด ที่จะทำให้ผู้ใช้งานอยากดาวน์โหลดมาลอง, ถามเรื่องการใช้เบราว์เซอร์ปัจจุบัน, สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงในเบราว์เซอร์ที่ใช้ เป็นต้น ส่วนคำถามสุดท้ายในแบบสอบถาม น่าจะบอกใบ้ฟีเจอร์ที่ Amazon สนใจเป็นจุดขาย ได้แก่ ความเป็นส่วนตัว, การซิงก์รหัสผ่านข้ามอุปกรณ์ และฟีเจอร์การช้อปปิ้ง

เหตุผลที่ Amazon สนใจเข้าสู่ธุรกิจเบราว์เซอร์ น่าจะมาจากทิศทางผู้พัฒนาเบราว์เซอร์รุ่นใหม่ ต้องการบล็อกคุกกี้ และเพิ่มระดับความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งกระทบกับธุรกิจโฆษณาของ Amazon ที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ระดับหลายหมื่นล้านดอลลาร์

Amazon เคยทำเบราว์เซอร์มาแล้วครั้งหนึ่งชื่อ Silk ซึ่งเป็นเบราว์เซอร์ที่ติดมากับแท็บเล็ต Kindle Fire

ที่มา: Gizmodo

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/133079

Amazon ปิดบริการ Newsstand บอกรับหนังสือพิมพ์-นิตยสารอิเล็กทรอนิกส์บน Kindle

เมื่อหลายปีก่อนเราอาจคุ้นเคยกับประโยคว่า สื่อกระดาษอย่างหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารควรปรับตัวด้วยการขายเวอร์ชันอิเล็กทรอนิกส์ เช่น e-newspaper หรือ e-magazine แทน แต่วันนี้ประโยคนี้อาจไม่เป็นจริงอีกแล้ว

Amazon ประกาศยุติบริการ Amazon Newsstand ที่ให้สมัครสมาชิกรับ e-newspaper และ e-magazine บนเครื่องอ่านอีบุ๊กตระกูล Kindle (บริการนี้ยังรวมถึงการสมัครฉบับกระดาษส่งถึงบ้าน โดยจ่ายเงินผ่านระบบของ Amazon ได้ด้วยหากต้องการ)

ตอนนี้ Amazon Newsstand ปิดรับสมัครสมาชิกใหม่เรียบร้อยแล้ว ส่วนสมาชิกเก่าที่จ่ายเงินไปแล้วจะใช้บริการได้ถึง 4 กันยายน 2023 หากยังมีอายุสมาชิกเหลืออยู่ เจ้าของหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารจะหาช่องทางทดแทนให้ (เช่น สมัครกับเว็บไซต์ของนิตยสารนั้นโดยตรง ซึ่งต้องใช้เบราว์เซอร์หรือแอพเฉพาะแทน) ตัวไฟล์หนังสือพิมพ์และนิตยสารฉบับเก่าๆ จะยังอ่านได้แม้บริการปิดไปแล้ว

Amazon ไม่ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ยกเลิกบริการ Kindle Newsstand บอกเพียงว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก และพยายามปิดบริการเป็นเฟสๆ เพื่อให้เกิดผลกระทบกับลูกค้าน้อยที่สุด

อีกทางเลือกหนึ่งของลูกค้าคือ ย้ายไปใช้บริการอ่านอีบุ๊กแบบเหมาจ่าย Kindle Unlimited ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งสามารถอ่าน e-newspaper และ e-magazine ได้ด้วย แต่บริการนี้มีเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และอาจมีหัวหนังสือไม่เท่ากับใน Kindle Newsstand

กูเกิลมีบริการสมัครสมาชิกนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบเดียวกันผ่าน Google News ซึ่งชิงปิดตัวไปก่อนแล้วตั้งแต่ปี 2020

ที่มา – Amazon via Good Reader

No Description

from:https://www.blognone.com/node/133052

AWS เปิดตัว Amazon Linux 2023 พัฒนาจาก Fedora, ซัพพอร์ตยาว 5 ปี

AWS เปิดตัว Amazon Linux 2023 (AL2023) ดิสโทรลินุกซ์เวอร์ชัน Amazon พัฒนาเองสำหรับใช้บนคลาวด์ AWS มาตั้งแต่ปี 2010

เวอร์ชันก่อนหน้านี้ของ Amazon Linux คือ Amazon Linux 2 ในปี 2017 ก่อนเปลี่ยนวิธีเรียกเวอร์ชันเป็นเลขปี เริ่มจากใน Amazon Linux 2022 เมื่อปีที่แล้ว โดยเวอร์ชันแบบใหม่จะซัพพอร์ตระยะยาว 5 ปี (2 ปีแรกอัพเดตทุกไตรมาส + 3 ปีหลังอัพเดตเฉพาะความปลอดภัย)

Amazon Linux 2023 ยังอิงจากฐาน Fedora เช่นเดียวกับเวอร์ชัน 2022 (ที่เปลี่ยนมาจาก CentOS) แต่ใช้วิธีรวมชิ้นส่วนจาก Fedora 34, 35, 36 เข้าด้วยกัน ส่วนเคอร์เนลลินุกซ์เป็น AWS พัฒนาขึ้นเองโดยอิงจากซอร์สโค้ดของ kernel.org ไม่ได้ใช้เคอร์เนลของ Fedora โดยการปรับแต่งทั้งหมดเปิดซอร์สโค้ดกลับคืนสู่ชุมชน

ของใหม่ที่สำคัญนอกจากเวอร์ชันของแพ็กเกจซอฟต์แวร์คือ Amazon Linux 2023 หันมาใช้ระบบจัดการแพ็กเกจตัวใหม่ dnf แทน yum ของเดิม (ตามทิศทางของ Fedora), เปิดใช้งาน Amazon EBS Gp3 Volumes เป็นค่าดีฟอลต์แทน Gp2 ของเดิม ราคาค่าเช่าสตอเรจถูกลง

ที่มา – AWS Blog

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/133036

Project Kuiper โครงการอินเทอร์เน็ตดาวเทียมของ Amazon เตรียมเปิดบริการจริงปลายปี 2024

ทุกวันนี้โครงการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink มีการใช้งานเป็นวงกว้าง แถบอาเซียนนั้นก็เปิดบริการในฟิลิปปินส์แล้ว แต่ Project Kuiper ของ Amazon ที่เปิดตัวโครงการมานานกลับไม่มีความคืบหน้ามากนัก ล่าสุดทาง Amazon ออกมาประกาศว่าจะยิงดาวเทียมจริงสองดวงแรกกลางปีนี้ และน่าจะเปิดบริการได้จริงภายในสิ้นปี 2024

Project Kuiper จะเป็นดาวเทียมชุดแรกที่ส่งด้วยจรวด Vulcan Centaur ของ ULA นอกจากนี้ทาง Amazon ยังทำสัญญาส่งดาวเทียมกับ Arianespace และ Blue Origin ไว้ด้วย ร่วมการส่ง 83 เที่ยวบิน ซึ่งต้องการส่งดาวเทียมทั้งหมด 3,236 ดวง

จานรับส่งสัญญาณดาวเทียมของ Project Kuiper มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

  • รุ่น 11 นิ้ว น้ำหนักน้อยกว่า 2.3 กิโลกรัม แบนด์วิดท์สูงสุด 400Mbps ราคาต่ำกว่า 400 ดอลลาร์
  • รุ่นเล็ก 7 นิ้ว น้ำหนักน้อยกว่า 0.5 กิโลกรัม แบนด์วิดท์ 100Mbps ต้นทุนต่ำที่ไม่บอกราคา โดยอาจจะใช้กับงานรัฐบาลหรือองค์กรที่ต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT
  • รุ่นใหญ่ 19×30 นิ้ว เน้นความเร็วระดับ 1Gbps

ระหว่างที่บริษัทเริ่มยิงดาวเทียมทดสอบกลางปีนี้ก็จะเตรียมสร้างสายการผลิตดาวเทียม และเริ่มเดินสายการผลิตในปลายปี 2023 จากนั้นจึงผลิตจำนวนมากภายในกลางปี 2024 เพื่อให้ทันเปิดบริการปลายปี

หาก Amazon สามารถเปิดบริการได้ภายในปี 2024 จริงก็นับว่าค่อนข้างเร็ว เพราะ Starlink นั้นเริ่มยิงดาวเทียมสองดวงแรกเดือนกุมภาพันธ์ 2018 และกว่าจะเปิดบริการจริงในแบบเบต้าก็เดือนพฤศจิกายน 2020 โดยการเปิดบริการช่วงแรกของ Project Kuiper ก็น่าจะคล้ายกับ Starlink ที่เปิดบริการจำกัดพื้นที่มากๆ ในช่วงแรก แล้วค่อยๆ ขยายออกไปภายหลัง

ที่มา – Amazon

from:https://www.blognone.com/node/133030