คลังเก็บป้ายกำกับ: MESSAGING

Cisco ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งบน Gartner’s Magic Quadrant ทางด้าน Meeting Solutions ปี 2017

Gartner, Inc บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชื่อดังของสหรัฐฯ ประกาศ Magic Quadrant ทางด้าน Meeting Solutions ประจำปี 2017 ออกมา ผลปรากฏ Cisco ยังคงรั้งตำแหน่งอันดับหนึ่งบน Leader ทั้งทางด้าน Ability of Execute และ Completeness of Vision ตามมา Microsoft และ Zoom

Gartner ให้คำจำกัดความของ Meeting Solutions ว่าเป็นโซลูชันที่ผสาน Communications, Collaboration และ Content เข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้สามารถทำงานกันเป็นกลุ่มได้แบบเรียลไทม์จากสถานที่ใดก็ได้ โดย Meeting Solutions ต้องมีคุณสมบัติในการติดต่อผ่าน Voice, Video, ข้อความและสามารถแชร์ Content ได้จากทั้งที่โต๊ะทำงานหรือผ่านทางอุปกรณ์พกพา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประชุม ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง รวมไปถึงอบรมพนักงานจากหลายๆ สาขาได้ง่ายยิ่งขึ้น

Magic Quadrant ทางด้าน Meeting Solutions จัดอันดับโดยพิจารณาจาก 2 ประเด็นหลัก คือ Completeness of Vision แสดงถึงวิสัยทัศน์ของ Vendor ว่าผลิตภัณฑ์ของตนเดินมาถูกทาง และตอบรับทิศทางในอนาคตมากน้อยเพียงใด และ Ability to Execute แสดงถึงการตอบโจทย์ลูกค้าในปัจจุบันและส่วนแบ่งทางการตลาด ซึ่งผลการจัดอันดับประจำปี 2017 ล่าสุดนั้น ผู้ที่ครองตำแหน่ง Leader มีด้วยกัน 3 Vendors ได้แก่ Cisco, Microsoft และ Zoom โดย Cisco เป็นอันดับหนึ่งทั้งทางด้าน Ability of Execute และ Completeness of Vision

Cisco ให้บริการ Meeting Solutions ในรูปของ Cisco Spark, Cisco WebEx และ Cisco Meeting Server โดยรองรับการติดตั้งทั้งบนระบบ Cloud, On-premises และแบบ Hybrid โดย Gartner มองว่า Cisco มีจุดเด่นตรงที่ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้าครอบคลุมทั้งในส่วนของฟีเจอร์และการรองรับมาตรฐานต่างๆ ที่สำคัญคือสามารถผสานทำการทำงานระหว่างการใช้งานผ่านอุปกรณ์พกพา การใช้งานจากโต๊ะทำงาน และห้องประชุมได้ยอดเยี่ยมที่สุด นอกจากนี้โซลูชันยังถูกออกแบบมาให้รองรับกับการใช้งานทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น Customer Care, Healthcare, Financial Services, Education และ Public Sector

ผู้ที่สนใจสามารถอ่านผลวิเคราะห์ของ Gartner ฉบับเต็มได้ที่: https://engage2demand.cisco.com/LP=7358

from:https://www.techtalkthai.com/gartner-mq-meeting-solutions-2017/

Amazon เตรียมปล่อยแอป Anytime ร่วมแจมตลาดแชท ชูจุดเด่นรวมทุกฟีเจอร์ของทุกค่ายไว้ในแอปเดียว

ทุกวันนี้แอปแชทก็มีมากมายหลายค่ายเต็มไปหมด ทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งเอเชียทั้งที่เรารู้จักและไม่รู้จักรวมๆกันเป็น 10 – 20 แอปได้ ส่วนแอปที่เป็นที่นิยมที่สุดในโลกก็คือค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook Messenger และ WhatsApp หรือถ้าในบ้านเราก็ไม่พ้นแอปสุดฮิตมีดีที่สติ๊กเกอร์อย่าง LINE Messenger และวันนี้เรากำลังจะได้เห็นแอปแชทตัวใหม่จาก Amazon ที่รวมฟีเจอร์เด่นๆ จากหลายๆแอปเข้าไว้ในแอปเดียว กับ Anytime

แอปแชทแต่ละแอปก็จะมีความสามารถหรือจุดเด่นที่ต่างกันออกไป อย่างเช่น สติ๊กเกอร์, เกม, การแชร์รูป, Video Call, Voice Call, การใช้ฟิลเตอร์หรือการใส่หน้ากากตลกๆ ใน Video Call, ส่ง SMS ฯลฯ ซึ่งฟีเจอร์ที่กล่าวมานี้บางแอปก็มีบางแอปก็ไม่มี แต่ Anytime ของ Amazon นี้บอกว่าจะมีทุกฟีเจอร์ที่บอกมาเลย

โดย Anytime จะมีฟีเจอร์ต่างๆ ดังนี้

  • ค้นหาเพื่อนจากชื่อ ไม่ต้องใช้เบอร์โทรศัพท์
  • คุยแบบส่วนตัว และสามารถใช้การเข้ารหัสเพื่อเพิ่มความปลอดภัย (ในกรณีที่คุยกันเรื่องธุรกิจ และอาจมีการเอ่ยถึงเลขบัญชี)
  • ใช้งานได้ทั้ง PC, Android และ iOS
  • แชร์รูป วีดีโอ ทั้งกลุ่มง่ายๆด้วยการใช้ @mentions
  • โทรด้วยเสียงหรือวีดีโอด้วยคุณภาพระดับสูงฟรีๆ
  • ส่งไฟล์ GIF, sticker, emoji ในแชทได้
  • ใส่ฟิลเตอร์ เอฟฟเคท์ หน้ากาก ในรูปหรือวีดีโอได้
  • เล่นเกมตัวต่อตัว หรือเล่นแข่งกันทั้งกลุ่มได้
  • ตั้งชื่อเล่นให้เพื่อนในกลุ่ม หรือเปลี่ยนสีของตัวหนังสือเพื่อนแต่ละคนได้
  • แชร์ตำแหน่ง, เพลงที่กำลังฟัง, สั่งอาหารด้วยกัน, แชร์ค่าอาหารด้วยกัน ฯลฯ
  • แชทกับบริการต่างๆ ทั้งจองโต๊ะร้านอาหาร, จองห้องโรงแรม หรือจะซื้อขายผ่าน Anytime ก็ได้

จากทุกฟีเจอร์ที่กล่าวมาดูเหมือนว่า Anytime จะรวบรวมฟีเจอร์ของหลายๆแอปเข้าไว้ด้วยกัน ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า เมื่อ Anytime เปิดให้ใช้กันทั่วโลกแล้ว จะสามารถแบ่งสัดส่วนความนิยมมาจากเจ้าตลาดอย่าง Messenger, Whatsapp หรือ LINE ในบ้านเราได้รึเปล่า

 

ที่มา : Androidauthority

from:https://droidsans.com/anytime-messaging-app-by-amazon/

อเมริกันตื่นตัว เตรียมอุดช่องว่างโอกาสการตลาดผ่าน messaging app

facebook-message1

สมาคมโฆษณาออนไลน์ The Interactive Advertising Bureau หรือ IAB ออกแถลงการณ์เปิดแผนช่วยให้นักการตลาดอเมริกันเข้าใจถึงโอกาสทำเงินบนแอปพลิเคชันรับส่งข้อความหรือ messaging app ให้ดีขึ้น รายงานนี้เป็นสัญญาณสะท้อนชัดเจนว่าไม่เพียงอเมริกา แต่นักการตลาดในประเทศอื่นรวมถึงไทยก็ควรจะหันมาอุดช่องว่างโอกาสนี้เช่นกันในปีหน้า

รายงานของ IAB ชี้ว่าปัจจุบัน ความรู้ความชำนาญหรือ know-how เกี่ยวกับแอปพลิเคชันรับส่งข้อความของนักการตลาดในสหรัฐฯ ยังไม่เข้มแข็งนัก ทั้งที่ผู้บริโภคทุกวันนี้นิยมใช้งานแอปพลิเคชันแชตอย่างจริงจัง สถิติล่าสุดพบว่าอิโมจิ ภาพ สติกเกอร์ และวิดีโอมากกว่า 2.5 ล้านชิ้นถูกส่งผ่านแอปพลิเคชันแชตของ Facebook อย่าง Messenger ทุกวัน

Evan Wray ผู้ร่วมก่อตั้งและ VP แห่ง Swyft Media ให้ความเห็นไว้ในรายงานของ IAB ว่าโลกของแอปพลิเคชันแชตวันนี้กำลังเดินตามรอยโลกของ social media เมื่อปี 2007-2008 ซึ่งแม้ว่าหลายแบรนด์จะรู้ว่ามีผู้ใช้งานหลายล้านคน แต่ทุกรายก็ยังต้องคิดหาทางว่าทำอย่างไรจึงจะ engage ผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นี่เองที่ถือเป็นโอกาสใหญ่สำหรับผู้ที่ชิงลงมือทำก่อน เหมือนช่วงปี 2007 ที่หลายแบรนด์มองเห็นโอกาสในโลก social

พันธกิจที่ The Interactive Advertising Bureau จะดำเนินการในปีหน้า จึงจะมีการให้ความรู้ด้าน messaging app และ chatbot แก่นักการตลาดอย่างจริงจัง โดยจะเน้นศาสตร์ในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (targeting) และการวัดผล (measurement)

ที่น่าสนใจคือ IAB ระบุว่าจะให้แนวทางสร้างโฆษณา native ad ที่จะไม่ทำให้ผู้บริโภครำคาญด้วย จุดนี้ IAB เน้นน้ำหนักไปที่แอปพลิเคชันอย่าง Facebook Messenger ที่ยังมีข้อจำกัดระหว่างผู้บริโภคชาวอเมริกันและโลกของโฆษณา เช่นเดียวกับแอปพลิเคชันอย่าง Instagram, Tinder และ Tumblr ที่มีคุณสมบัติแชตเช่นกัน

สิ่งที่เราสามารถสรุปได้จากข่าวนี้ คือเนื้อหาความรู้เรื่องแอปพลิเคชันแชตในเชิงการตลาดที่ IAB ประกาศมา ถือว่าครอบคลุมแนวทางที่นักการตลาดยุคดิจิทัลควรต้องเรียนรู้ให้ลึกซึ้งในปีหน้า ซึ่งจะเป็นปีที่คาดว่าภาพอีโมจิจะถูกใช้งานมากขึ้นกว่าปีนี้ สถิติปีนี้คือ 2 ล้านล้านอีโมจิเฉพาะในสหรัฐอเมริกา

ที่มา: IAB

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2016/12/iab-messaging-app-us/

2 ตารางไขข้อข้องใจ ทำไมแบรนด์จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อโอกาสทองบนแอพแชท

1_570_855_0_100_campaign-asia_content_messaging_apps_815x544

แม้จะเป็นข้อมูลที่ถูกเปิดเผยตั้งแต่ปลายกันยายนที่ผ่านมา แต่ 2 ตารางนี้ของบริษัทวิจัย Forrester มีคุณค่ามากจนน่าเสียดายหากไม่ถูกหยิบมาพูดถึงบน thumbsup เพราะทั้ง 2 ตารางนี้สามารถชี้เหตุผลที่แบรนด์ควรรู้เพื่อลดความสงสัยในการทำตลาดบนแอปพลิเคชันแชตได้อย่างแจ่มชัดดูง่าย ซึ่งจะทำให้แบรนด์มีโอกาสสามารถเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลกได้ในพริบตา

Forrester ระบุว่าทุกวันนี้ ผู้บริโภคกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลกใช้เวลาระหว่างวันไปกับแอปพลิเคชันรับส่งข้อความหรือ messaging-app แถมบางคนในกลุ่มนี้ยังใช้แอพแชทมากกว่าหนึ่ง ตัวเลขนี้สะท้อนความจำเป็นของแบรนด์ที่จะต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถคว้าโอกาสทองที่รออยู่

Forrester ลงมือรวบรวมข้อมูลของแอพแชท 10 รายหลักของโลกในรูปตารางเรียบง่าย เรียงลำดับจากฐานผู้ใช้มากไปหาน้อย ขณะเดียวกันก็ให้รายละเอียดว่าชาวออนไลน์นิยมใช้งานแอปนั้นในพื้นที่ใด พร้อมกับประเมินข้อมูลในมิติการตลาดและโฆษณาบนแต่ละแอปได้อย่างเห็นภาพกว้าง

0_0_750_0_70_campaign-asia_content_Screen Shot 2016-09-26 at 9.30.07 am

นอกจากแผนภาพนี้ ในรายงานเรื่อง “The Future of Messaging Apps” บริษัทวิจัย Forrester ยังระบุว่า 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้แอปพลิเคชันแชต กลายเป็นตลาดใหญ่คือ Facebook และแอปพลิเคชันเอเชีย เพราะ WeChat, LINE และ KakaoTalk ที่เน้นขยายตัวในรูปแบบแพลตฟอร์มการตลาดและอีคอมเมิร์ซ โดย Facebook เป็นรายเดียวที่สามารถแข่งขันได้ในมุมของฐานผู้ใช้มหาศาล

ดังนั้นเมื่อรวม WhatsApp และ Messenger เข้าด้วยกัน ผลคือ Facebook สามารถไล่ตามแอปเอเชียได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดตัว Messenger ในฐานะแพลตฟอร์มช่วงปี 2015 และการเปิดตัวระบบแชทอัตโนมัติหรือ bots on Messenger

Forrester ยังพยากรณ์ว่าในช่วง 18 ถึง 36 นับจากนี้ แอปพลิเคชันแชทจะขยายตัวจนผลักดันบริการประเภท smart contextual services ของแบรนด์ส่วนใหญ่ รวมถึงการใช้ชุดคำสั่ง API ในแบรนด์ที่จะมีมากขึ้น เช่นเดียวกับการปรับปรุงระบบให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าและบริการ ก่อนจะชำระเงินได้ผ่านอุปกรณ์โมบายล์ หรือแม้แต่การเชื่อมต่อบริการเข้ากับเครื่องใช้ในบ้านที่ออนไลน์ได้ (กลุ่ม internet-of-things)

แนวทางนี้เกิดขึ้นแล้วกับ WeChat ที่ประเดิมบนจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งหมดนี้ทำให้ Forrester เชื่อว่าแอปแชทส่วนใหญ่จะพยายามสรรหาคุณสมบัติและบริการตามวงจรการบริโภคหรือ customer lifecycle ทั้งในช่วงซื้อหรือ acquisition phases (discover, explore และ buy) และช่วงหลังซื้อ retention phases (use, ask และ engage) ยิ่งขึ้น

0_0_750_0_70_campaign-asia_content_Screen Shot 2016-09-26 at 9.30.44 am

ที่มา: Campaignasia

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2016/10/brands-messaging-app-forrester/

Google Allo จะมี Incognito Mode ตั้งเวลาให้ลบข้อความได้ พร้อมทั้ง Search Engine แบบ Built-in

ถึงแม้ว่าตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องของ Google Allo อย่างเจ้า Google Duo จะเปิดใช้บริการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาถึงตอนนี้ทาง Google ก็ยังไม่ได้มีท่าทีใดๆเลยครับที่จะเปิดให้บริการเจ้า Google Allo อย่างเป็นทางการ (แอพแชทที่มาพร้อม AI) แต่ก็เชื่อเหลือเกินว่าคงอีกไม่นานนี้แล้วที่มันจะพร้อมให้เราเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆของการใช้งานแอพแชท

แต่ก่อนที่เราจะไปถึงวันนั้นล่าสุดเราก็ไปได้ข้อมูลเพิ่มเติมของเจ้าแอพพลิเคชั่นนี้มาว่า…มันจะมีฟีเจอร์สำคัญๆอย่าง Incognito Mode ที่ทำให้เราสามารถตั้งเวลาให้แอพลบข้อความได้อัตโนมัติ ซึ่งเร็วที่สุดเลยคือ 5 วินาทีและยังสามารถปรับเปลี่ยนใหม่ได้อีกตามต้องการ แต่ทั้งนี้แอพ Google Allo ในเวอร์ชั่นทดสอบยังไม่มีการแจ้งเวลานับถอยหลังให้เราเห็นแต่อย่างใด ดังนั้นเราจะไม่สามารถทราบได้เลยว่าอีกกี่วินาทีข้างหน้านี้มันจะทำลายตัวเอง ซึ่งก็หวังว่า Google จะปรับปรุงส่วนนี้ให้ในเวอร์ชั่นที่จะเปิดให้บริการ

Allo-in-incognito-mode
Allo-in-incognito-mode (1)

นอกจากเรื่องของฟีเจอร์ข้อความลับๆด้านบนนี้แล้ว เจ้าแอพ Allo ยังจะมาพร้อมกับ Search engine ที่ถูก Built-in มาให้ภายในแอพเลย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผู้ใช้จะสามารถค้นหาสิ่งต่างๆได้ด้วยคีย์เวิร์ดเหมือนกับการใช้งาน Google Search ซึ่งผลการค้นหาที่ Allo จะนำมาแสดงได้ก็จะมีตั้งแต่ข้อความที่เคยพูดคุยกับเพื่อนในแชท ไปจนถึงสิ่งต่างๆภายนอกแอพ ดังจะเห็นได้จากภาพตัวอย่างด้านล่างนี้ครับ

Searching-for-keywords-across-conversations-and-contacts
Pulling-up-results-from-Google-Assistant-and-other-sources

ดูรวมๆแล้วบอกได้เลยครับว่า Google Allo เป็นแอพที่น่าใช้ไม่เบาเลยทีเดียว อย่างน้อยๆก็เอาไว้แอบคุยกับกิ๊กได้แน่ๆ (555+) แต่ประเด็นหลักๆเลยคือมันจำเป็นที่จะต้องมีคนใช้กับเราด้วยครับ เพราะแอพแชทที่จะไปรอดได้คือต้องมีเพื่อนเข้ามาใช้งานกันเป็นจำนวนมาก เพราะต่อให้แอพดีแค่ไหนแต่ไม่ได้รับความนิยมอาจจะด้วยเรื่องของดีไซน์ต่างๆภายในแอพ แอพนั้นๆก็จะกลายเป็นแอพร้างไปในทันที ยังไงคงต้องมารอดูกันอีกทีว่า Google Allo จะได้รับความนิยมมากน้อยขนาดไหนในบ้านเรา ซึ่งหาก Google เปิดให้ใช้บริการเมื่อไรทางเราจะรีบนำมาแจ้งให้ทราบโดยเร็วที่สุดครับ

from:https://www.appdisqus.com/2016/08/23/google-allo-to-feature-end-to-end-encryption-disappearing-messages-and-built-in-search.html

“Allo & Duo” สอง AI ที่จะมาเป็นคู่หูคนใหม่จาก Google

3-Gbot_animation_v4-GIF_abbrev (1)

นอกจากการเปิดตัว Google Home ภายใต้การทำงานร่วมกับ Google Assistant ผู้ช่วยดิจิตอลของ Google แล้ว ในงาน I/O 2016 ที่จบลงไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีอีกสองคู่หูที่ได้รับการกล่าวขานอย่างมากบนโลกออนไลน์ นั่นก็คือแอปพลิเคชันรับส่งข้อความ “Allo” และบริการวิดีโอคอลล์ “Duo” นั่นเอง

โดย Google ระบุว่า Allo นั้นเป็นแอปส่งข้อความอัจฉริยะ เพราะมันสามารถคาดเดา และเสนอข้อความตอบกลับให้กับผู้ใช้ได้ล่วงหน้า โดยที่ไม่ต้องพิมพ์ตัวอักษรใด ๆ เลยแม้แต่ตัวเดียว  อีกทั้งมันยังเรียนรู้รูปแบบการตอบของคุณเพื่อให้มันสามารถเลียนแบบได้เหมือนมากขึ้นด้วย (กูเกิลบอกว่า ยิ่งคุณใช้ Allo บ่อยเท่าไร มันก็ยิ่งเรียนรู้ได้มากเท่านั้น)

อีกหนึ่งคุณสมบัติที่น่าสนใจของ Allo คือ การผนวกข้อมูลแผนที่ ร้านอาหาร เสิร์ช YouTube หรือกระทั่งบริการแปล ลงมาในการสนทนาได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากเพื่อนชวนคุณไปรับประทานอาหาร และคุณตอบว่าอยากรับประทานอาหารอิตาเลียน Allo จะค้นหาร้านอาหารอิตาเลียนที่อยู่ในละแวกนั้นขึ้นมาแสดงทันที

อย่างไรก็ดี หากกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัว Google ก็มี Incognito Mode ให้เลือกใช้ โดยข้อความจะถูกเข้ารหัสแบบ End-to-End ให้ด้วย

ส่วนคู่หูของ Allo อย่าง Duo นั้นเป็นบริการวิดีโอคอลล์ ที่ Google ระบุว่าใช้งานไม่ยาก แถมยังใช้ได้ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ iOS เน็ตเวิร์กช้าหรือเร็ว อยู่ในนิวยอร์ก หรือนิวเดลี โดยคุณสมบัติที่น่าสนใจคือ “Knock Knock” ซึ่งจะแสดงภาพของผู้โทรเข้ามาแบบ Live ให้ได้เห็นก่อนจะกดรับสาย และทำให้การรับโทรศัพท์มีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการรับสายในอดีต ส่วนด้าน Privacy ก็เช่นเคย Duo มีการเข้ารหัส แบบ End-to-End เช่นกัน

อย่างไรก็ดี หลังจากการเปิดตัวสิ้นสุดลง ได้มีคำถามตามมามากมายเกี่ยวกับ Allo และ Duo โดยเฉพาะ Allo ในเรื่องที่ว่า Google ทำมาเพื่อใครกันแน่ เพื่อผู้ใช้ หรือเพื่อตัว Google เองในการให้ AI ได้เรียนรู้เยอะ ๆ จากการมอนิเตอร์บทสนทนาของผู้ใช้งาน

ที่มา Official Google Blog

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2016/05/allo-and-duo-ai-apps-for-messeaging-and-video-calling/

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบ Chat-based มาแน่ ! Facebook เผยผู้ใช้ส่งข้อความผ่านแอป มากกว่า SMS ถึง 3 เท่า

จากงาน F8 ที่ผ่านมา Mark Zuckerburg เล่าไว้ว่า แอปพลิเคชัน Facebook Messenger เป็นแพลตฟอร์มของบริษัทที่เติบโตได้เร็วที่สุดในปี 2015 และเป็นแอปที่ได้รับความนิยมทั่วโลกมากเป็นอันดับ 2 (เป็นรองแค่ Facebook) ในระบบ iOSScreen Shot 2559-04-24 at 3.24.30 PM

ในงานเดียวกันนี้เองเมื่อปีที่แล้ว Facebook Messenger เพิ่งประกาศว่ามีจำนวนผู้ใช้ 700 ล้านคน และเพิ่มมาเป็น 800 ล้านคนในเดือนมกราคม จนในที่สุดตอนนี้ยอดผู้ใช้ทะลุ 900 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อย

เนื่องจากการเติบโตของแอปพลิเคชันสำหรับส่งข้อความเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว ตัวเลขที่เล่ามาเลยไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพียงแต่เมื่อเทียบกับแอปพลิเคชันตัวอื่นๆ ของ Facebook อย่าง Instagram และ WhatsApp ก็ถือว่า Messenger เติบโตโดดเด่นเหนือตัวอื่นๆ

Mark Zuckerburg ยังเล่าว่า กิจกรรมที่เกิดขึ้นบน Facebook Messenger และ WhatsApp รวมกัน มีจำนวนการใช้งานมากกว่า SMS ถึง 3 เท่า หรือถ้าให้เห็นเป็นตัวเลขคือ 6 หมื่นล้านข้อความ เทียบกับ 2 หมื่นล้านข้อความต่อวัน

สำหรับ Chatbot ที่มี 2 บริษัทที่กำลังทดสอบฟีเจอร์นี้อยู่ ได้แก่ 1-800-Flowers และ CNN บวกกับจำนวนการส่งข้อความ รวมถึงจำนวนคนส่งข้อความที่เพิ่มขึ้นทุกวัน กลยุทธ์ในการทำอีคอมเมิร์ซแบบ Chat-based จึงน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์ต้องหันมาจริงจังกันมากขึ้น ถ้าไม่อยากตามหลังคู่แข่ง

ที่มา : THE VERGE

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2016/04/messenger-and-whatsapp-60-billion-messages-per-day/

Facebook Messenger มีเกมหมากรุกซ่อนอยู่ เล่นได้ทั้งบน PC และสมาร์ทโฟน พร้อมวิธีเปิดใช้งานที่นี่

466552051

Facebook Messenger แอพแชตยอดนิยมคู่ใจผู้ใช้งาน Facebook ที่มีผู้ใช้งานในปัจจุบันจำนวนกว่า 800 ล้านคนต่อเดือนได้มีฟีเจอร์ลับซ่อนเกมหมากรุกเข้าไว้โดยสามารถเล่นกับเพื่อนได้ทั้งบน PC และสมาร์ทโฟนอีกด้วย ซึ่งทีมงาน @flashfly ก็มีวิธีเปิดใช้งานและวิธีการเล่นมาฝากกันแล้ว

gsmarena_001

เริ่มจากให้พิมพ์ “@fbchess play” ในช่องคุยกับเพื่อนคนใดก็ได้ที่ต้องการเล่นหมากรุกด้วย เพียงเท่าก็เป็นการเรียกเกมหมากรุกขึ้นมาแล้ว วิธีการเดินคือให้พิมพ์ตัวอักษรของหมากที่จะเดินกับแถวที่เป็นตัวเลขเช่น “@fbchess e4″ คือให้หมากแถว e เดินไปแถวที่ 4 เป็นต้น ซึ่งไม่สามารถใช้เม้าส์หรือนิ้วจิ้มหน้าจอแล้วลากไปวางได้ ถ้าจะเลิกเล่นก็ให้พิมพ์ว่า “@fbchess resign”

Facebook-chess

play-facebook-messengers-secret-chess-game.w654

ส่วนวิธีการใช้งานทั้งหมดนั้นสามารถให้ @fbchess ช่วยบอกวิธีได้ด้วยการพิมพ์ “@fbchess help” ลงไปก็จะแสดงขึ้นมาดังนี้

  • Start game with random colors: @fbchess play
  • Pick the colors: @fbchess play white/black
  • Pick the opponent: @fbchess play white John
  • Make a move: use Standard Algebraic Notation
    1. @fbchess e4 or @fbchess Pe4 moves pawn to e4
    2. Nbd2 to move knight from b-file to d2
    3. B2xc5 to take on c5 with 2nd rank bishop
    4. e8=Q to promote pawn to queen
    5. 0-0-0 or O-O to castle
  • Claim draw (e.g. 3-fold repetition): @fbchess draw claim
  • Offer a draw in the current position: @fbchess draw offer
  • Offer an undo of the last move: @fbchess undo
  • Resign: @fbchess resign
  • Show current position: @fbchess show
  • Show stats between current players: @fbchess stats
  • Continue a game from another conversation: @fbchess continue
  • From 1:1 conversation, @fbchess continue with [friend]
  • From group chat, @fbchess continue from [thread name]

ที่มา –  reddit 

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=137969

WeChat และ LINE ทำรายได้แซง WhatsApp แอพแชทที่มีผู้ใช้เยอะที่สุดในโลก

พูดถึงดแอพแนว Messaging หรือแอพแชทแล้ว ไม่ว่าในประเทศเราหรือต่างประเทศแอพแนวนี้ก็ได้รับความนิยมกันอย่างมากเหมือนๆกันครับ เพียงแต่อาจจะแตกต่างกันที่แอพที่ได้รับความนิยมเท่านั้น ซึ่งหากวัดกันที่ยอดคนใช้บริการแล้วต้องบอกเลยครับว่า WhatsApp เป็นแอพแชทที่ได้รับความนิยมสูงสูดในโลก โดยมีผู้ใช้บริการถึง 900 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งตามปกติแล้วยิ่งมีคนใช้บริการเยอะเท่าไรก็น่าจะสามารถทำรายได้ได้เยอะจริงไหมครับ? แต่รู้หรือไม่ว่าเอาเข้าจริงๆกลับไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดกันเลยล่ะครับ

12769823803_2e24f8aeca_b

เพราะหากมองกันที่การทำรายได้แล้ว จากข้อมูลที่เราได้มาล่าสุดพบว่าแอพแชทอย่าง WhatsApp ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลกกลับทำรายได้น้อยกว่าแอพแชทที่มาโด่งดังในเอเชียบ้านเราครับ โดยในข้อมูลที่เราได้มาได้ระบุไว้ว่า แอพ WeChat ของจีนสามารถทำรายได้ประมาณ 7$ ต่อผู้ใช้ 1 คน ส่วน KakaoTalk สามารถทำรายได้ 4.24$ ต่อผู้ใช้ 1 คน และ LINE สามารถทำรายได้ 3.16$ ต่อคนครับ ในขณะที่ WhatsApp ที่มีผู้ใช้เยอะที่สุดในโลกนั้นกลับสามารถทำรายได้ได้เพียง 6 เซนต์ต่อผู้ใช้ 1 คนเท่านั้น (ข้อมูลทั้งหมดเป็นการเฉลี่ยรายได้ต่อเดือนนะครับ)

และขณะนี้ WeChat นั้นมีผู้ใช้ที่แอคทิฟอยู่ทั้งหมด 600 ล้านคน ซึ่งก็ตีเป็นรายได้ต่อเดือนที่ทำได้ประมาณ 4.2 พันล้านเหรียญ ส่วน LINE มีผู้ใช้ทั้งหมด 200 ล้านคนต่อเดือนซึ่งก็ตีเป็นรายได้ประมาณ 632 ล้านเหรียญต่อเดือน ขณะที่ WhatsApp กลับทำรายได้ได้เพียง 54 ล้านเหรียญจากผู้ใช้งาน 900 ล้านคนต่อเดือนเท่านั้นครับ

งานนี้บอกเลยครับว่าผู้ใช้เยอะกว่าไม่ได้หมายความว่าจะทำรายได้เยอะกว่าเสมอไป ซึ่งไม่ต้องสงสัยนะครับว่าเพราะอะไร LINE หรือ WeChat สามารถทำรายได้ต่อเดือนได้เยอะกว่า เหตุผลง่ายๆเลยก็คือ WhatsApp นั้นคิดค่าบริการเป็นรายปี โดยให้ผู้ใช้จ่ายค่าบริการเพียง 99 เซนต์ต่อปีเท่านั้น ส่วน LINE กับ WeChat นั้นเป็นการให้ใช้บริการฟรีๆ แต่ไปหารายได้จากการขายสติ๊กเกอร์ รวมทั้งในส่วนเสริมอื่นๆอย่างพวกเกมส์ต่างๆนั่นเองครับ

ทั้งนี้ Facebook Messenger ก็เป็นอีกแอพหนึ่งนะครับที่ได้รับความนิยมในการใช้งาน แต่ทว่าตอนนี้มันยังไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการใดๆออกมา ดังนั้นจึงไม่ถูกพูดถึงในครั้งนี้ครับ

อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดแอพแชทนั้นนับเป็นตลาดที่เติบโตเร็วมากๆเลยครับ แถมยังมีที่ว่างเหลืออยู่อีกเพียบให้ทั้งเหล่าหน้าเก่าและหน้าใหม่เข้ามาเติมเต็มตรงจุดนี้ ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2018  จะมีผู้ใช้งานแอพแชทเพิ่มขึ้นอีก 1.1 พันล้านคนเลยทีเดียวเชียวครับ นับเป็นตลาดที่น่าสนใจไม่น้อยเลยจริงไหมครับ

 

 

 

ที่มา : Phonearena

from:http://www.appdisqus.com/2015/10/22/asian-messaging-apps-make-dollars-per-user-american-apps-make-cents.html

ลือ!! Screenshot โชว์แอพ Hangouts 4.0 สำหรับ Android Wear

ต้นทาง: ลือ!! Screenshot โชว์แอพ Hangouts 4.0 สำหรับ Android Wear

หลังจากเมื่อวานทางเว็บไซต์ Android Police ได้ออกมาเปิดเผยให้เราเห็นถึงรายละเอียดของแอพ Hangouts 4.0 ที่ทาง Google กำลังจะปล่อยออกมาในไม่ช้านี้ ล่าสุดวันนี้ทาง Android Police ก็มีข่าวลือมาอัพเดทเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าแอพ Hangouts อีกแล้วครับ โดยในข่าวลือดังกล่าวนั้นได้ระบุไว้ว่าทาง Google กำลังวางแผนในการใส่แอพ Hangouts 4.0 ลงมาในแพลตฟอร์มอย่าง Android Wear ด้วย ซึ่งก็ดูน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งครับ

1434097358476

โดยหากข่าวลือที่ว่านี้เป็นจริงเหล่าผู้ใช้ Android Wear ก็จะสามารถใช้แอพ Hangouts ผ่านทาง Android Wear เพื่อติดต่อสื่อสารกับเพื่อนได้สะดวกขึ้นครับ ถึงแม้ว่าแอพอย่าง Hangouts นั้นอาจไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไรนักในไทย แต่ในต่างประเทศแอพนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแอพแชทที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

โดยการใช้งานแอพ  Hangouts ผ่าน Android Wear นั้นเราจะสามารถทำการเลื่อนขึ้นเลื่อนลงผ่านหน้าปัดของเจ้า Android Wear ในการเช็คข้อความที่เราได้รับทั้งหมด รวมทั้งสามารถตอบกลับข้อความหรือบทสนทนาทีเราคุยกับเพื่อนของเราได้เลยครับ ทั้งนี้บริเวณด้านนของแอพจะมีแถบสีเขียวอยู่ ที่ซึ่งเราจะสามารถสลับบัญชีผู้ใช้ของเราได้อีกด้วยครับ

แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าการใช้ Hangouts ผ่าน Android Wear นั้นจะไม่สามารถแสดงรูปภาพได้ แต่แอพจะแจ้งเตือนเราเพียงว่าเพื่อนของเราได้ส่งรูปภาพมาให้เรานะ ประมาณนั้นครับ โดยเหตุผลที่แอพ Hangouts ไม่แสดงรูปภาพนั้นคาดว่า เพื่อเป็นการประหยัดการใช้พลังงานของแบตเตอรี่ รวมทั้งการแสดงผลรูปภาพอาจไม่เหมาะกับขนาดหน้าจอของ Android Wear เท่าไรนั้นเองครับ

1434097376779

นอกจากนี้ในการที่เราจะพูดคุยกับเพื่อนนั้น นอกจากการพิมพ์โดยปกติแล้วเรายังสามารถโต้ตอบกับเพื่อนด้วยเสียงของเราอได้ รวมทั้งสามารถส่ง Emoji และเลือกข้อความที่แอพเตรียมไว้ให้แล้วอย่าง “Ok”, “Yes” หรือ “Love you” ด้วยครับ

1434097395934

เชื่อว่าหลายๆคนคงมีคำถามวว่า แล้วแอพนี้สามารถรับคำสั่งเสียงหรือการสั่งการด้วยเสียงได้หรือไม่? ตอนนี้ต้องบอกว่าแอพนี้ดูเหมือนจะยังทำไม่ได้นะครับ ตามที่ทาง Android Police ระบุไว้ว่าฟีเจอร์นี้ยังทำงานได้ไม่ดีนัก แต่อย่างไรก็ตามทาง Android Police เองก็ได้ระบุไว้ว่าข้อมูลทั้งหมดตอนนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง เพราะอย่างที่เรียนไว้ข้างต้นว่าข่าวนี้เป็นข่าวลือ ฉะนั้นมีเพียงเวลาเท่านั้นครับที่จะบอกเราได้ว่า วันที่แอพ Hangouts 4.0 บน Android Wear เปิดตัวอย่างเป็นทางการจะสามารถทำอะไรได้บ้าง

 

 

 

ที่มา : 9to5google

ที่มา – iPhone, iPad, Android, Windows Phone 8 เกมรีวิว แอพพลิเคชั่นรีวิว วิจารณ์ มือถือ ข่าวสารล่าสุด – APPDISQUS –

from:http://www.appdisqus.com/2015/06/12/hangouts-app-for-android-wear-leak.html