คลังเก็บป้ายกำกับ: BRANDING

TCP ส่ง “Red Bull Energy Soda” ขยายฐานพรีเมียม ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาด 20%

“เรดบูล” ภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP ตอกย้ำผู้นำตลาดเครื่องดื่มเอเนอร์จี้ ดริงก์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เปิดตัวสินค้าใหม่ “Red Bull Energy Soda” (เรดบูล เอเนอร์จี้โซดา) อร่อยซ่า กลิ่นผลไม้ สร้างโอกาสเติบโตในเซกเมนต์ใหม่ Refreshment Booster ที่รวมเครื่องดื่มเอเนอร์จี้ดริงก์และเติมความสดชื่นเข้าไว้ด้วยกัน ขยายฐานตลาดพรีเมียมเอเนอร์จี้ดริงก์

พร้อมแต่งตั้ง “เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของเรดบูล เอเนอร์จี้โซดา ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่มีเอเนอร์จี้ในการทำกิจกรรมหลากหลาย สุดทุกแพสชั่น ถ่ายทอดภาพลักษณ์ของแบรนด์และโดยจุดเด่นของ เรดบูล เอเนอร์จี้โซดา ที่เป็นเครื่องดื่มสำหรับคนมีไลฟ์สไตล์แอ็กทิฟ กลิ่นผลไม้อร่อยโดนใจ และไม่มีน้ำตาล มีให้เลือก 2 กลิ่น คือ แอปเปิ้ลเขียวจับคู่กับองุ่นมัสแกต และ เกรปฟรุตกับสับปะรด (กลิ่นนี้จะมีจำหน่ายเฉพาะที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่นเท่านั้น) ราคา 20 บาท ปริมาณ 250 มล. ในรูปแบบกระป๋องอะลูมิเนียมรักษ์โลก สามารถซื้อได้ที่ร้านค้าทั่วไป และ TCP Online Shop

นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า “กลุ่มธุรกิจ TCP เป็นผู้บุกเบิกเครื่องดื่มเอเนอร์จี้ดริงก์แบรนด์ Red Bull ให้เป็นที่รู้จักจนได้รับความนิยมทั่วโลก และวันนี้เราพร้อมสร้างการเติบโตให้กับตลาดไทยด้วยการนำความแข็งแกร่งของ Red Bull มาต่อยอดเป็นสินค้าใหม่ “เรดบูล เอเนอร์จี้โซดา”

นำไปสู่การขยายเซกเมนต์ย่อย “Refreshment Booster” เติมเต็มช่องว่างระหว่างเครื่องดื่มเอเนอร์จี้ดริงก์กับเครื่องดื่มสร้างความสดชื่น เราเชื่อมั่นว่า “เรดบูล เอเนอร์จี้โซดา” จะสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อผู้บริโภครุ่นใหม่ และต่อยอดการเติบโตในตลาดพรีเมียม ซึ่งปัจจุบันตลาดพรีเมียมมีการเติบโตจากปีที่ผ่านมา 19% โดยเราตั้งเป้าหมายจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 20% ภายในปีนี้”

from:https://www.thumbsup.in.th/red-bull-energy-soda?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=red-bull-energy-soda

รู้จัก GREE ผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติจีน ที่มีคุณภาพเจ๋งไม่แพ้ใครในโลก

หากเอ่ยถึงบริษัทนวัตกรรมเราจะนึกว่า Meta Google หรือ Microsoft วันนี้เราจะมารู้จัก GREE บริษัทนวัตกรรมด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติจีน ที่มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำไม่แพ้ใคร

GREE คือ ผู้นำด้านนวัตกรรม และผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ในประเทศประเทศจีน ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง 36.9% ของธุรกิจเครื่องปรับอากาศทั้งหมดในประเทศจีน และเป็นผู้นำติดต่อกันถึง 26 ปี

มูลค่าผลประกอบการรวมในจีนสูงสุดกว่า 560,000 ล้านบาท และยังเป็นผู้นำในการส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าไปทั่วโลก โดยมีรายได้จากการขายสินค้าไปทั่วโลกสูงสุดกว่า 1,000,000 ล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ามูลค่าการตลาดของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Facebook, Google, หรือ Microsoft เป็นต้น

ต้นกำเนิดของ GREE

GREE จดทะเบียนในตลาดหุ้นของจีน ชื่อว่า Shenzhen Stock Exchange และเป็นบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลก ซึ่งบริษัทได้รับการจัดอันดับจาก Fortune Global 500 ในฐานะบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก 500 อันดับแรก โดยอยู่ในอันดับ 436 วัดจากยอดขายของบริษัท และ ได้รับการจัดอันดับ “China Most Admired Company” โดยอยู่อันดับ 7 และเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นแบรนด์สัญชาติจีน

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการจัดอันดับจาก Forbes Global 2000 ในฐานะ “World Best Employer” โดยอยู่ในอันดับ 246 และยังคงอยู่ในกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก 500 อันดับแรก โดยวัดจาก มูลค่าตลาด, สินทรัพย์, ยอดขาย และกำไร ของบริษัทฯ บริษัทเป็นสัญชาติจีนที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้สูงสุดในประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงผลประกอบการที่เติบโตอย่างมั่นคงสม่ำเสมอ รวมถึงศักยภาพที่จะเติบโตมากขึ้นในอนาคต

จุดแข็งที่ทำให้ GREE เป็นบริษัทที่มีศักยภาพ สร้างผลประกอบการ และผลตอบแทนต่อนักลงทุนได้สูง

  1. GREE มีนวัตกรรมเป็นของตัวเอง มีการจดสิทธิบัตรนวัตกรรมของตัวเองถึงกว่า 79,000 สิทธิบัตร และได้รับรางวัลด้านนวัตกรรมมากมาย นอกจากนี้ GREE ยังมีศูนย์ R&D เกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นของตัวเอง ดังนั้น GREE จึงไม่ได้เพียงจำหน่ายสินค้าออกสู่ตลาดโลก แต่ยังขายนวัตกรรมด้วย ดังนั้น รายได้ของบริษัทจึงมาจากทั้งการจำหน่ายสินค้าที่ผลิตภายใต้แบรนด์ GREE และยังเป็นเบื้องหลังของนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆอีกหลายแบรนด์อีกด้วย
  2. นวัตกรรมของ GREE เป็นนวัตกรรมที่สร้างเพื่ออนาคตอย่างแท้จริง สิ่งที่ GREE คิดค้นพัฒนาตอบสนอง Mega Trend ของเครื่องใช้ไฟฟ้าในตลาดโลก
  3. ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยความร้อนสู่โลก เทคโนโลยีที่ทดแทนการใช้แรงงาน รวมถึงเทคโนโลเครื่องไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังจะเป็นเทรนด์หลักของโลก ดังนั้น ประเทศทั่วโลกที่ตื่นตัวกับเรื่องนี้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ GREE จะเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับและกวาดรายได้จากทั่วโลก โดยเคยทำรายได้สุงสุดถึง 1,000,000 ล้านบาท ในปี 2019

GREE ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมในระดับที่เข้มข้นถึงขนาดกำหนดเป็น 1 ใน mission สำคัญขององค์กร เช่นล่าสุดในปี 2020 GREE ได้จดสิทธิบัตรจำนวน 15,072 ใบ แสดงว่า ทุกๆ 1 ชั่วโมง GREE ต้องสร้าง certificate ของนวัตกรรมใหม่ๆ 1-2 ใบ และเป็นเพียงบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงรายเดียวที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของบริษัทที่จดสิทธิบัตรสูงสุดในประเทศจีน และติดอันดับ Top 10 ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 6 แล้ว

สิ่งนี้เพื่อยืนยันว่า GREE ไม่เคยหยุด และจะไม่หยุดพัฒนา ทุกนวัตกรรมที่ถูกสร้างขึ้น จะถูกพัฒนาต่อยอดทำลายสถิตินวัตกรรมของตัวเองอยู่ตลอดเวลา และนี่คือสิ่งที่ดึงดูดใจนักลงทุนทั่วโลกที่สุด เบื้องหลังความสำเร็จของการทุบสถิติการพัฒนานวัตกรรมของตัวเองนี้

บริษัท กรี อิเลคทริค (ไทยแลนด์) จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดยได้เริ่มเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องปรับอากาศ แบรนด์ GREE ในปี 2010 บริษัท กรี อิเลคทริค (ไทยแลนด์) จำกัด นำเครื่องปรับอากาศที่ใช้ภายในบ้านเข้ามาทำตลาดให้ผู้บริโภคคนไทยได้รู้จัก และได้เริ่มขยายธุรกิจเครื่องปรับอากาศโดยครอบคลุมไปถึงธุรกิจเครื่องปรับอากาศอย่างครบวงจร

ด้วยการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องปรับอากาศสำหรับใช้ภายในบ้าน สำนักงาน เชิงพาณิชย์ รวมไปถึงกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมสำหรับโครงการในประเทศไทย ทำให้บริษัท กรี อิเลคทริค (ไทยแลนด์) จำกัด มีสินค้าครบวงจร ตามความต้องการของผู้บริโภคในทุกระดับชั้นและทุกประเภทของ การใช้งาน เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ “Total Solution For Air Conditioners”

สินค้านวัตกรรมใหม่ที่ทาง บริษัท กรี อิเลคทริค (ไทยแลนด์) จำกัด นำเข้ามานี้ ทางบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับในส่วนของบริการหลังการขายเป็นอย่างมากมาก นอกจากการรับประกันตัวสินค้าที่สูงกว่ามาตรฐานทั่วไป เช่น เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน รับประกัน Compressor 10 ปี อะไหล่ 5 ปี เป็นรายแรกของประเทศไทย ทั้งนี้บริษัทยังได้เตรียมความพร้อมของศูนย์บริการลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงมี Spare Part สินค้าทุกรุ่น

เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้ลูกค้าว่าสินค้าจะได้รับการดูแลหลังการขายอย่างดี และการส่งมอบงานบริการที่มีคุณภาพสู่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าและบริการ โดยมีการจัดสัมมนาเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ สำหรับโครงการอย่างสม่ำเสมอในปีที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้เองทำให้บริษัท กรี อิเลคทริค (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นที่ไว้วางใจของแบรนด์ชั้นนำ โดยมีเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกธุรกิจ ตั้งแต่ธุรกิจ SME ไม่จนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การันตรีด้วยการร่วมงานกับโครงการใหญ่ๆมากกว่า 300 โครงการ อาทิ

  • โครงการของหน่วยงานรัฐ
  • Shopping Center
  • โรงแรมชั้นนำ ทั่วประเทศ
  • โรงพยาบาล
  • ธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่
  • ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ และอื่นๆ

จากข้อมูลที่เราเล่ามาทั้งหมด ขอย้ำอีกครั้งว่า มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีนวัตกรรมอีกมากมาย และผลิตภัณฑ์อีกหลากหลายที่เราไม่สามารถหยิบยกมาพูดถึงได้หมด

หากใครสนใจเข้ารับชมสินค้า หรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่
Website : http://www.greethailnand.com
FB : Gree Thailand
Line : @greethailand

from:https://www.thumbsup.in.th/gree-china-brand?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=gree-china-brand

finbiz by ttb เผยเคล็ดลับ SME

ในปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจต้องพบเจอความท้าทายที่หลากหลาย และสิ่งหนึ่งที่ต้องเผชิญก็คือ การรักษาคนเก่งให้ทำงานด้วยไปนาน ๆ หรือการดึงดูดคนเก่งมาทำงานด้วย  แน่นอนว่า พนักงานเก่ง ๆ ย่อมอยากร่วมงานกับองค์กรที่เป็น “งานที่มั่นคง” ซึ่งในยุคก่อนหมายถึง การทำงานกับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ธนาคาร หรือ บริษัทเอกชนข้ามชาติ บริษัทที่มีการลงทุนขนาดใหญ่

แต่ในปัจจุบันมีบริษัทขนาดกลาง ขนาดเล็ก หรือแม้แต่บริษัทแบบ Start up ที่มีพนักงานไม่ถึง 50 คน เกิดขึ้นมากมาย ดังนั้น บริษัทเหล่านี้จะทำอย่างไรที่ทำให้คนเก่งรู้สึกว่าเป็นองค์กรที่มั่นคง อยากเข้ามาร่วมงานด้วย

finbiz by ttb ได้เสนอแนวคิดและเคล็ดวิธี สำหรับ SME เพื่อนำไปสู่การเป็นองค์กรที่มั่นคง ตอบโจทย์คนเก่ง ดึงดูดให้อยากมาร่วมงานและอยู่ไปนานๆ ซึ่ง SME ทำได้ไม่เกินกว่าความสามารถ เพื่อให้ก้าวผ่านความท้าทายนี้ไปได้

ความมั่นคง ในยุคปัจจุบัน คืออะไร

สิ่งที่คนในยุคปัจจุบันมองคือ ความยาวนาน ไม่ได้เท่ากับความมั่นคง หรือดึงดูดอีกต่อไป แต่ความมั่นคง สร้างความน่าเชื่อใจ และดึงดูด ในมุมมองของคนยุคปัจจุบัน ประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ  ดังนี้

  1. องค์กรที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ และสามารถสนับสนุนให้พนักงานสามารถปรับตัวได้ทัน เพื่อลดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด หรือกะทันหัน เช่น การลาออก หรือ การไล่ออก
  2. มีการสื่อสารในองค์กรแบบ 360 องศา ทั้งจากผู้บริหารถึงพนักงาน และจากพนักงานถึงผู้บริหาร โดยมีการรับฟัง และพยายามทำความเข้าใจ ในหลากหลายช่องทาง
  3. สามารถทำให้พนักงานมองเห็นเส้นทางอาชีพ หรือ การเติบโตในอนาคตของตัวเองในองค์กรได้
  4. องค์กรที่พนักงานรู้สึกว่าตัวเองมีการพัฒนาที่ดี สามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงของพนักงานออกมาได้
  5. องค์กรสามารถให้เงินเดือนที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถ รวมไปถึงสวัสดิการ การดูแลสุขภาพด้านต่าง ๆ และให้การดูแลพนักงานตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด

จากทั้งหมด 5 ข้อนี้ พบว่ามิติของความมั่นคง ได้เปลี่ยนไปจากความมั่นคงขององค์กร ไปสู่การสร้างเสริมความมั่นใจในการดำรงชีวิตให้กับพนักงาน ซึ่งเป็นทั้งสิ่งที่ “พนักงานอยากได้” และองค์กรก็ได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน และเมื่อสามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้ จะมี “บุคลากรที่มีความสามารถ มีความคิดสร้างสรรค์ที่เต็มใจมอบแรงกายใจมันสมอง เพื่อพัฒนา สร้างผลงาน ยอดขาย รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร” ถึงแม้จะองค์กรไม่ได้ใหญ่โตมากก็ตาม

SME มั่นคง เพราะ พนักงานมั่นใจ

การจะเป็นองค์กรที่พนักงานให้ความไว้วางใจ และร่วมงานกันอย่างมั่นใจนั้น ไม่ยากอย่างที่คิด

  1. หมั่นสื่อสารกับพนักงานอยู่เสมอ เช่น การประกาศผลประกอบการเป็นระยะ เพื่อให้พนักงานเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ หากผลประกอบการดี พนักงานย่อมเกิดกำลังใจ หรือหากผลประกอบการไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง จะต้องสามารถบอกสาเหตุได้ พนักงานจะได้เข้าใจ และเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้
  2. เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็น มีช่องทางในการแสดงความคิด วิธีนี้จะช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนสำคัญขององค์การ สร้างความผูกพันระหว่างพนักงานและองค์กร สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรร่วมกัน และยังเป็นโอกาสได้แนวคิดในการพัฒนาองค์กร
  3. จัดการอบรมพัฒนาทักษะให้พนักงาน นอกจากจะช่วยพัฒนาฝีมือ ความคิดของพนักงานแล้ว ยังสามารถมาหักเป็นค่าใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์ด้านภาษีได้อีกด้วย
  4. ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน รวมถึงหาตัวช่วยในการพัฒนาสวัสดิการที่ดีให้กับพนักงาน เช่น ประกันกลุ่ม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น
  5. เป็น SME ที่มีสวัสดิการดี มั่นคง มั่นใจ ทั้งสำหรับองค์กรและพนักงาน แต่เมื่อพูดถึงสวัสดิการที่ดีสำหรับ SME ส่วนใหญ่แล้วถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย มักจะต้องมีพนักงานจำนวนไม่ต่ำกว่า 50 คน จึงจะมีโอกาสต่อรอง เพื่อให้ได้สวัสดิการ เช่น ประกันกลุ่ม หรือจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดี ๆ ให้กับพนักงานได้

อย่างไรก็ตาม มีผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยสร้างให้ SME มีสวัสดิการที่ดีได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งพนักงานและองค์กรเองด้วย

ประกันกลุ่ม Group Insurance

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มารองรับองค์กร ที่มีพนักงานเริ่มต้นเพียง คน และยังสามารถจ่ายเบี้ยแบบแบ่งเป็นรายเดือนได้อีกด้วย

ประโยชน์สำหรับพนักงาน

  • ลดความกังวลให้กับพนักงาน เมื่อยามเจ็บป่วย
  • สามารถเข้ารักษาที่โรงพยาบาล และคลินิกได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย
  • มีความผูกพันกับองค์กรมากขึ้น รู้สึกได้รับการดูแล
  • ภูมิใจเมื่อได้อยู่กับองค์กรที่มีมาตรฐาน

ประโยชน์สำหรับองค์กร

  • องค์กรสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี
  • สร้างความผูกพันกับพนักงาน ลดอัตราการลาออก (Turnover Rate)
  • ส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
  • นำมาช่วยลดหย่อนภาษีได้

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ Provident Fund

เริ่มต้นเพียง 2 คน ก็สามารถจัดตั้งกองทุนได้แล้ว และไม่กำหนดขั้นต่ำของจำนวนเงินนำส่งเข้ากองทุน อีกทั้งฟรีค่าธรรมเนียมจัดตั้งกองทุน

ประโยชน์สำหรับพนักงาน

  • ได้เงินสมทบจากนายจ้าง
  • มีเงินเก็บไว้ใช้หลังเกษียณ
  • สามารถนำเงินที่สะสมไปหักลดหย่อนภาษีได้
  • บริหารกองทุนโดยมืออาชีพ

ประโยชน์สำหรับองค์กร

  • ลดอัตราการลาออก (Turnover Rate)
  • ส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรด้านความมั่นคง
  • ส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านความใส่ใจพนักงาน
  • บริหารกองทุนโดยมืออาชีพ
  • นำมาช่วยลดหย่อนภาษีได้

การหาตัวช่วยดี ๆ จะช่วยให้ SME สามารถเป็นองค์กรที่สร้างความมั่นคง มั่นใจในการดำรงชีวิต ดึงดูดพนักงานเก่ง ๆ ได้ไม่ยากอีกต่อไป โดย ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มีบริการ ttb payroll plus ที่แม้บริษัทจะไม่ได้มีพนักงานมากมายนัก ก็สามารถใช้บริการได้ทั้งบริหารจัดการเงินเดือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดูแลสวัสดิการพนักงานให้องค์กร แบบครบวงจร และประหยัดต้นทุนได้ด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ https://www.ttbbank.com/th/sme/sme-digital-banking-and-other-services/sme-payroll/ttb-payroll-plus

from:https://www.thumbsup.in.th/finbiz-by-ttb-sme-worker?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=finbiz-by-ttb-sme-worker

Logitech ประกาศรวมสินค้าแบรนด์ ASTRO และ Blue Microphones ภายใต้แบรนด์หลัก Logitech G

Logitech ประกาศการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ในเครือ ได้แก่ ASTRO, Blue Microphones และ Logitech for Creators โดยทั้งสามแบรนด์จะย้ายมาอยู่ภายใต้แบรนด์หลัก Logitech G เพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสารทำการตลาด และรวมสินค้าไว้ในที่เดียว มีผลตั้งแต่ 7 กรกฎาคม เป็นต้นไป

Logitech ซื้อกิจการ ASTRO มาในปี 2017 และซื้อกิจการ Blue Microphones ในปี 2018 โดยที่ผ่านมาแต่ละแบรนด์แยกทำการตลาดเอง เนื่องจากมีไลน์สินค้าเฉพาะกลุ่ม

อย่างไรก็ตามสินค้าในชื่อ ASTRO จะยังคงมีขายต่อไป แต่วางตำแหน่งเป็นอุปกรณ์เฮดเซตพรีเมียมของ Logitech G ส่วน Blue Microphones จะยังใช้ชื่อ Yeti ไว้ต่อไปในกลุ่มสินค้าไมโครโฟน ส่วนคำว่า Blue จะนำมาใช้เรียกเทคโนโลยีสินค้าของ Logitech G จากนี้

ที่มา: IGN และ Reddit: r/LogitechG

No Description

from:https://www.blognone.com/node/134269

Motul เปิดตัว ‘น้ำมันเครื่อง 8100 Power’ น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์สู่สมรรถนะสูงสุด

นปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ได้ผลิตเครื่องยนต์ที่มาพร้อมสมรรถนะสูงออกมาจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็ปล่อยมลพิษและสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไปด้วย จึงเป็นแนวคิดของ Motul ที่มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ก้าวทันเทคโนโลยีและเสริมสมรรถนะไปพร้อมๆ กัน

โดย Motul ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 8100 POWER น้ำมันเครื่อง สมรรถนะสูงพิเศษ 100% Synthetic Ester ที่รองรับทุกการขับขี่ และเชื่อมต่อทุกจิตวิญญาณของการขับเคลื่อนรถยนต์ ภายใต้แนวคิด ‘หล่อทุกหยด อดใจไม่อยู่’

รองรับการใช้งานจากค่ายรถยนต์ผู้ผลิตที่ระบุมาตรฐาน API หลากหลายประเทศทั้งญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกา และภูมิภาคเอเชีย รวมถึงให้อายุการเปลี่ยนถ่ายสูงถึง 10,000 กิโลเมตร (หรือตามระยะปกติที่คู่มือรถยนต์แนะนำ) ซึ่งหาได้ยากในกลุ่มน้ำมันหล่อลื่นสมรรถนะสูง

โดยจากสถิติ ผู้ใช้น้ำมันเครื่อง Motul ยินดีจ่ายเพิ่มขึ้น 20-30% เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่และเสริมเครื่องยนต์สู่สมรรถนะสูงสุด ซึ่ง 8100 POWER มีคุณสมบัติ ดังนี้

  • ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องบ่อยๆ
  • ขับขี่ระยะทางไกลได้ด้วยสมรรถนะสูงสุดโดยไม่เกิดความเสียหาย
  • ได้รับการรับรองจากมาตรฐานสากล
  • ลดโอกาสน้ำมันพร่องหายขณะใช้งาน

สำหรับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ด้านความหนืดสำหรับกลุ่มรถยนต์เป้าหมาย 8100 POWER นั้นสามารถใช้ได้กับรถยนต์หลากหลายรุ่น มีระดับความหนืดทั้งหมด 4 ระดับ ทั้ง 0W20, 5W30, 5W40, 5W50 (ขนาด 1 & 5 ลิตร) มาตรฐาน API SN PLUS ซึ่งครอบคลุมสมรรถนะรถได้หลายระดับในตลาด ด้วยการทำงานที่คุ้มค่า ทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถใช้ได้ครอบคลุมรถยนต์ทุกระดับสมรรถนะ

  • เน้นความคุ้มค่า กลุ่มรถยนต์ขนาดเล็ก/รถยนต์ทั่วไป
  • สมรรถนะระดับกลาง รถยนต์ทุกประเภท
  • เพิ่มมูลค่า กลุ่มรถเฉพาะเจาะจง
  • สมรรถนะสูง กลุ่มรถยุโรป/รถไฮเอนด์
  • สมรรถนะสูงพิเศษ กลุ่มรถสมรรถนะสูง/รถแข่ง

ESTER สารเคมีพิเศษสำหรับเครื่องยนต์สมัยใหม่

Ester คือสารเคมีสั่งทำพิเศษพร้อมคุณสมบัติทางกายภาพและเคมีตามความต้องการ เป็นสารมีขั้วทำให้ฟิล์มน้ำมันสามารถหล่อลื่นและลดการสึกหรอได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • START อัตราการไหลของน้ำมันที่เหมาะสม 
  • LIFE ยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
  • เพิ่มสมรรถนะการขับขี่แม้ในรอบเครื่องยนต์สูง
  • ความไว้วางใจได้ ลดการสึกหรอ ณ อุณหภูมิสูง
  • การขับขี่ที่ราบรื่น ลดเสียงรบกวนระหว่างขับขี่
  • ให้กำลังขับสูงสุด ช่วยลดแรงเสียดทาน
  • ลดโอกาสน้ำมันหายระหว่างใช้งาน
  • ทำความสะอาดให้เครื่องยนต์เหมือนใหม่

ทั้งนี้ 8100 POWER ของ Motul ได้รับพัฒนาด้วยสูตรเฉพาะที่ผ่านการรับรองโดยมาตรฐานสากล API SN PLUS ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับระยะการเปลี่ยนถ่ายที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำ สามารถใช้ได้กับเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลที่ไม่มีระบบกรองอนุภาคไอเสีย GPF/DPF หมดกังวลทุกปัญหาด้วยสูตรพิเศษที่มีสารเพิ่มคุณภาพรับแรงกดสูงซึ่งช่วยป้องกันการสึกหรอ ทำให้ 8100 POWER สามารถให้การปกป้องสูงสุดเครื่องยนต์สมัยใหม่สำหรับสภาพการขับขี่ทุกสมรรถนะ

นอกจากน้ำมันเครื่อง 8100 Power ที่เพิ่งเปิดตัวนี้ Motul เองก็ยังมีอีกหลากหลายผลิตภัณฑ์คุณภาพที่น่าสนใจ โดยสามารถเข้ามาดูเพิ่มเติมกันได้ที่ https://www.motul.com/th/th

from:https://www.thumbsup.in.th/motul-8100-power?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=motul-8100-power

‘เซ็นทรัล’อัดงบ 1,000 ล้านบาท ลดราคาครั้งใหญ่ ทั้งห้าง-ออนไลน์ ยาว 2 เดือน

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เซ็นทรัลพัฒนา ได้ร่วมมือกับพันธมิตร วางเป้าหมายให้ประเทศไทยสู่การเป็น “The Best Shopping Destination แห่งเอเชียแห่งเอเชีย” ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามาใช้จ่าย ทำให้ได้จัด มหกรรมเซลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี “THE GREATEST GRAND SALE 2023” ที่จะสร้าง Top of mind ของกลุ่มลูกค้าคนไทยและทั่วโลก

พร้อมร่วมกระตุ้นเม็ดเงินสะพัดให้กับเศรษฐกิจของไทยในช่วงไตรมาส 2 จากปัจจัยบวกของเศรษฐกิจไทยที่มีสัญญาณดีขึ้น และมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงภาคการท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งปีหลังให้มีการเติบโตที่ดี

จุดแข็งในการจัดงานครั้งนี้ มาจาก 3 ด้านสำคัญได้แก่ 1. The Great Synergy การผนึกกำลังของบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล และพันธมิตรชั้นนำระดับประเทศ เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจช่วงกลางปีคึกคักต่อเนื่อง 2. No.1 Best Mid-Year Sale of All Time ร่วมตอกย้ำการเป็นมหกรรมเซลล์กลางปีแห่งชาติที่ดีที่สุดตลอดกาล ลดยิ่งใหญ่ทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และออนไลน์ ด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 80% จาก 9,500 ร้านค้า รวมกว่า 16,500 แบรนด์

3. ผลักดันไทยให้เป็น The Best Shopping destination of Asia ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยภาคเอกชน พร้อมร่วมตอบสนองดีมานด์ด้านช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า จากจุดแข็งของศูนย์การค้าที่เชื่อมโยงทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน ครอบคลุมทุกหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก-รอง

“ทั้งหมดสอดรับกับแผนโปรโมทการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่วางเป้าเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ ทั้งเพิ่มจำนวนเที่ยวบินจากจีน และการส่งเสริมไทยเที่ยวไทย โดยประเมินว่าจะทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวขาเข้าในปี 2566 ถึงระดับ 25-30 ล้านคน ตามเป้าหมายที่ภาครัฐวางไว้ พร้อมร่วมกระตุ้นซอฟเพาเวอร์ของประเทศไทย ตามยุทธศาสตร์ใหม่ของ ททท.”

ทางด้าน ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยว่า เซ็นทรัล รีเทล เห็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจไทยมาตั้งแต่ต้นปี ทั้งเรื่องกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาแข็งแกร่ง และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้การจัดในปีนี้ เซ็นทรัล รีเทล ได้นำ 8 ธุรกิจในเครือกว่า 350 ร้านค้าในศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ นำสินค้ากว่า 14,000 แบรนด์ มาให้ลดสูงสุดกว่า 80% รวมถึงให้ส่วนลดจาก The 1 และบัตรเครดิต พร้อมให้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่จำนวนมาก เพื่อร่วมตอบทุกโจทย์ความต้องการของนักช้อปทั่วโลก ทั้งหมดจะทำให้เซ็นทรัล รีเทล ให้เป็นที่หนึ่งในใจของกลุ่มนักชอปทั่วโลก ทั้งความครบครัน คุ้มค่า และสะดวกสบายแบบไร้รอยต่อ รวมถึงเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้คึกคักขึ้น

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ ประชาชาติธุรกิจ

from:https://www.thumbsup.in.th/central-pattana-the-greatest-grand-sale?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=central-pattana-the-greatest-grand-sale

โคเวย์ ไตรมาส 1 ยอดขายโตทะลุเป้า 200% เร่งรุกตลาดเครื่องฟอกอากาศครึ่งปีหลัง

นายปาร์ค ชุนยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องกรองน้ำในไทย ยังมีความแข่งขันที่รุนแรงต่อเนื่อง และประเทศไทยเป็นตลาดศูนย์กลางในภูมิภาคนี้ ทำให้แผนของโคเวย์ในครึ่งปีหลังเตรียมรุกเครื่องน้ำในไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่สู่ตลาด

ขณะเดียวกันจะเน้นกลยุทธ์ Subscription ระบบสมาชิกใช้บริการายเดือน ที่เป็นจุดของบริษัท เพื่อขยายตลาดในไทยและการนำเสนอราคาที่มีความคุ้มค่า (Value) และมุ่งสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ (Experiences) ผ่านนวัตกรรมสินค้า พร้อมเดินหน้าใช้ Influencer Marketing ด้วยการให้อินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นลูกค้ามาบอกถึงประสบการณ์และบริการของผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค และการดึง KOL ชื่อดังมาร่วมรุกตลาด

สำหรับทิศทางการทำงานช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมุ่งสนับสนุน Well-being Life ให้กับคนไทย รวมถึงความคุ้มค่า พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ผ่านนวัตกรรมสินค้าประสิทธิภาพสูง โดยการใช้เทคโนโลยีและดีไซน์ใหม่ ๆ เพื่อให้แบรนด์ Coway กลายเป็นวัฒนธรรมการดื่มน้ำและอากาศบริสุทธิ์ในชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างกลมกลืน และสามารถครองใจผู้บริโภคทุกกลุ่มเพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์ด้านสุขภาพอันดับ 1 ของเมืองไทยอย่างแท้จริง หลังครองตำแหน่งเจ้าตลาดมาแล้วทั้งในเกาหลีใต้และมาเลเซีย

ในอีกกลุ่มสินค้าของแบรนด์โคเวย์ ที่สามารถยอดขายเติบโตต่อเนื่อง กับกลุ่มเครื่องฟอกอากาศ ที่สร้างยอดขายในไตรมาสแรก เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 200% และสินค้าต้องมีการรีสต็อกต่อเนื่อง มาจากการเพิ่มจำนวนบูธให้บริการที่ครอบคลุมในพื้นที่ของไทย และการเพิ่มจำนวน Health Planner หรือผู้ให้คำปรึกษาและวางแผนสุขภาพ ซึ่งเป็นการช่วยขยายแบรนด์ให้เติบโตต่อเนื่อง

รวมทั้งยังมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพเหนือกว่า เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่หันมาให้ความสำคัญเรื่องของสุขภาพและต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และสะดวกสบายมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์สุขภาพ และคงสถานะแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอันดับ 1 ในเมืองไทยต่อไป

from:https://www.thumbsup.in.th/coway-just-drink?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=coway-just-drink

ทรูมันนี่ สร้างปรากฏการณ์ “เป็นไปได้ ได้ทุกคน” เปิดตัวลิซ่า แบล็กพิงก์ เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัล สร้างปรากฎการณ์เขย่าวงการ ตอกย้ำจุดยืนซูเปอร์แอปทางการเงินหนึ่งเดียวที่มีบริการครบที่สุด ทั้งการใช้จ่าย ออม และลงทุน ภายใต้แนวคิด “เป็นไปได้ ได้ทุกคน” รุกขยายบริการผ่าน 3 กลยุทธ์ Ease, Value และ Access พร้อมดึงศิลปินระดับโลก “ลิซ่า แบล็กพิงก์” เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ร่วมแคมเปญการสื่อสารระดับประเทศ

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทุกวันนี้ ทรูมันนี่ ได้พลิกโฉมการใช้จ่ายของผู้คนให้เป็นมากกว่าแอปสำหรับจ่ายหรือโอน แต่เป็นแอปที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกคนในทุกวัน โดยมีฐานผู้ใช้งานในปัจจุบันกว่า 27 ล้านคน และเป็นแอปทางการเงินที่เป็นที่รู้จักสูงสุดอันดับหนึ่ง[1]  วันนี้ เราพร้อมยกระดับภารกิจของเราขึ้นไปอีกขั้น ด้วยจุดยืนในการเป็นซูเปอร์แอปทางการเงินเพียงหนึ่งเดียวที่ให้บริการครบที่สุด บนแนวคิด ‘Effortless Money Management Service’ เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงทุกบริการการเงินที่ง่าย และได้รับประโยชน์คุ้มค่าทุกครั้งที่ใช้ ตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกกลุ่ม”

จากข้อมูลการศึกษาผู้ใช้งาน ทรูมันนี่ พบว่า นอกจากกลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินแล้ว ยังมีคนจำนวนมากที่มีบัญชีธนาคารแต่ก็ประสบปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ ได้แก่ ความรู้ เวลา ทุนทรัพย์ อายุ ความยากในกระบวนการ ไปจนถึงมุมมองต่อตนเองในเรื่องโอกาสที่มีในชีวิต ทำให้ไม่สามารถใช้เครื่องมือทางการเงินได้อย่างครบถ้วนและเต็มที่

ทรูมันนี่ จึงมุ่งมั่นที่จะทลายทุกข้อจำกัดเดิมๆ ของทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะมีจุดเริ่มต้นที่ต่างกันอย่างไร ก็สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายและครบแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนผ่านทรูมันนี่ ซึ่งจะเปิดประตูสู่ความ “เป็นไปได้ ได้ทุกคน” ด้วยการนำเสนอบริการใน 3 กลุ่ม ได้แก่

บริการในกลุ่มใช้จ่าย: ตอบรับและเติมเต็มไลฟ์สไตล์ผู้ใช้ (Enrich your life) ทั้งการจ่ายออนไลน์ ออฟไลน์ โอนเงิน ใช้จ่ายต่างประเทศ และวงเงินใช้ก่อนจ่ายทีหลัง

บริการในกลุ่มการเงิน: ช่วยให้เงินงอกเงยเป็นเรื่องง่าย (Simplify your finance) บริการด้านการออม ลงทุน ประกัน และสิทธิประโยชน์หลากหลาย

บริการสนับสนุนธุรกิจ: เพิ่มพลังธุรกิจให้ไปได้ไกลกว่า (Empower your business) บริการสนับสนุน SME และผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ระบบสมาชิก และฟีเจอร์โปรโมทร้านค้า เป็นต้น

ชู 3 กลยุทธ์ Ease, Value, Access ยกระดับแพลตฟอร์มสู่ “ซูเปอร์แอปการเงิน”

นางสาวณัฐวดี แซ่เอี้ย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมทางธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่จะเดินหน้าผสานผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า การใช้งานที่ง่ายเหนือความคาดหมาย และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้แนวคิด “เป็นไปได้ ได้ทุกคน” ผ่าน 3 กลยุทธ์ ดังนี้

  1. Ease (Ease in Every Way): นำเสนอประสบการณ์ที่สะดวก บริการที่เข้าใจง่าย รวมถึงระบบที่ช่วยคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผู้ใช้แต่ละราย  เช่น นำเสนอตัวเลือกกองทุนตามความสนใจและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือแผนประกันที่สอดคล้องกับความต้องการ เพื่อลดความยุ่งยากของกระบวนการต่างๆ
  2. Value (Value in Every Move): เปิดประตูสู่โลกการเงินที่ได้คุณค่ามากกว่า เช่น บริการเงินฝากดอกเบี้ยสูง พร้อมสิทธิในการได้รับเงินคืน เมื่อผูกบัญชีเพื่อการใช้จ่าย ฟีเจอร์รีวอร์ดสที่รวมทุกส่วนลดและสิทธิพิเศษเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งการใช้จ่าย ออม และลงทุน โดยเตรียมยกระดับฟีเจอร์รีวอร์ดสสู่ Loyalty Program ที่มอบสิทธิประโยชน์หลากหลายและคุ้มค่ายิ่งขึ้นในอนาคต
  3. Access (Accessible to Everyone): ช่วยให้ทุกคนสามารถเริ่มสร้างความมั่นคงทางการเงินในแบบของตนเองได้ โดยมีข้อจำกัดน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนผ่านหลากหลายสินทรัพย์ที่แม้มีเงินน้อยก็เริ่มได้ เช่น มีกองทุนรวมที่เลือกลงทุนได้ตั้งแต่ 1 บาท หรือซื้อแผนประกันด้วยเงินหลักร้อยต้นๆ ไปจนถึงการสมัครขอวงเงินใช้ก่อนจ่ายทีหลัง โดยไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือน รู้ผลอนุมัติทันที

โดยในเรื่องความง่ายและการจัดการการเงิน ล่าสุด ทรูมันนี่ ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Recurring Manager (ผู้ช่วยจัดการออมและจ่าย) ให้ผู้ใช้สามารถจัดการรายจ่ายประจำต่างๆ ได้อย่างไม่สะดุด ไม่ว่าจะเป็น ค่าสมาชิกรายเดือน บิลมือถือ หรือบริจาคเพื่อการกุศล โดยสามารถดูยอดสรุปค่าบริการ และได้รับแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดจ่าย อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าในการตัดเงินจากบัญชีทรูมันนี่ไปฝากเป็นเงินออมได้ทุกเดือน พร้อมรับดอกเบี้ยสูงสุดถึง 4%*

และสำหรับฟีเจอร์เพื่อร้านค้า ทรูมันนี่ ยังเตรียมเปิดตัว มันนี่บ๊อกซ์ กล่องเรียกทรัพย์ ที่จะแจ้งเตือนด้วยเสียงแบบเรียลไทม์เมื่อลูกค้าชำระเงินสำเร็จ ช่วยให้ผู้ประกอบการมั่นใจยิ่งขึ้นว่าเงินเข้าชัวร์ในทุกการรับชำระเงินผ่านทรูมันนี่

นอกจากนี้ ทรูมันนี่ ยังเดินหน้ายกระดับเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ TrueMoney Secure ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจจับและแจ้งเตือนพฤติกรรมต้องสงสัยแบบเรียลไทม์ ฟีเจอร์ยืนยันตัวตนและเข้ารหัสหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการสแกนใบหน้าเพื่ออนุมัติรายการตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป และสายด่วนแจ้งภัยการเงินตลอด 24 ชั่วโมง

เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา ดึง “ลิซ่า” สื่อสารแบรนด์ “ทรูมันนี่ เป็นไปได้ ได้ทุกคน”

เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ ล่าสุด ทรูมันนี่ ได้ดึงศิลปิน K-Pop ระดับโลกอย่าง ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า แบล็กพิงก์’ มาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ เพื่อร่วมถ่ายทอดจุดยืนของแบรนด์ผ่านภาพยนตร์โฆษณา “ทรูมันนี่ เป็นไปได้ ได้ทุกคน” ที่บินไปถ่ายทำถึงประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งบอกเล่าถึงความเป็นไปได้ในชีวิตที่ทรูมันนี่มอบให้ผู้คนผ่านบริการทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต้องการสตาร์ทธุรกิจเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแม้จะมีทุนน้อย คนรุ่นใหม่ที่มีฝันและเปี่ยมไปด้วยพลังความสามารถซึ่งทำให้ความสำเร็จไม่ถูกจำกัดด้วยอายุ และคนที่มองหาโอกาสและความรู้ด้านการเงินเพื่อเริ่มหนทางสู่อิสระในชีวิตที่จะได้ทำตามใจฝัน โดยมี ลิซ่า พาผู้ชมไปสัมผัสความเป็นไปได้ของผู้คนเหล่านี้และผลลัพธ์ที่มีทรูมันนี่เป็นผู้ช่วยให้เป็นไปได้จริง

นางอนัณทินี จิตจรุงพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด  กล่าวว่า “นับเป็นครั้งแรกที่ ทรูมันนี่ ทำการสื่อสารอย่างยิ่งใหญ่ระดับประเทศ โดยลิซ่าถือเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์โดดเด่น น่ารัก เป็นกันเอง อีกทั้งยังมีความสามารถและความทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลงานจนเป็นที่รักของคนไทยและผู้คนทั่วโลก การดึง ลิซ่า มาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์นั้นจะสะท้อนพลังและความเป็นไปได้ที่มากกว่าในชีวิตสำหรับทุกคน และตรงกับสิ่งที่ ทรูมันนี่ต้องการมอบให้ คือการช่วยให้ทุกคนสามารถสร้างความเป็นไปได้ตามแบบฉบับของตัวเองและผลักดันทุกเป้าหมายในชีวิตให้เป็นไปได้มากกว่าที่เคยผ่านบริการทางการเงินของเรา โดยในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปีในปีนี้ ทรูมันนี่ ยังเตรียมจัดเต็มแคมเปญสมนาคุณสุดพิเศษครั้งใหญ่กว่าที่เคย รวมไปถึงสิทธิพิเศษอีกมากมายสำหรับผู้ใช้ทรูมันนี่ตลอดทั้งปี พร้อมกิจกรรมสุดเซอร์ไพรส์ให้เหล่าแฟนด้อมของลิซ่าได้ร่วมสนุกเร็วๆ นี้ ขอให้รอติดตาม”

รับชมภาพยนตร์โฆษณา “ทรูมันนี่ เป็นไปได้ ได้ทุกคน” ได้ทั่วประเทศทางสื่อต่างๆ ที่พร้อมสร้างความประทับใจแล้ววันนี้ ที่ https://www.truemoney.com/lisa-campaign/

from:https://www.thumbsup.in.th/truemoney-make-every-move-count?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=truemoney-make-every-move-count

ศรีจันทร์ เผยกลยุทธืยอดขายโต 30% ตั้งเป้าเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 2568

ศรีจันทร์สหโอสถ เผยความสำเร็จยืนหยัดในวงการเครื่องสำอางไทยนานกว่า 74 ปี ยึดมั่น “คุณภาพคุ้มค่าเกินราคา” เลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อผู้บริโภค ไม่กระทบแม้วงการเครื่องสำอางแข่งดุ ยังเติบโตต่อเนื่องกว่า 30% คิดเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท

นายรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด กล่าวว่า แม้จะมีอัตราเติบโตที่ค่อนข้างสูง แต่การแข่งขันในวงการเครื่องสำอางมีแบรนด์ใหม่ ๆ ออกมาต่อเนื่อง ทำให้เรามองหาธุรกิจอื่นๆ มาเสริมความเข้มแข็งของบริษัท เพราะการพึ่งพารายได้จากธุรกิจเพียงกลุ่มเดียว ไม่สามารถตอบโจทย์บริบทธุรกิจในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนได้

ดังนั้น จึงพร้อมที่จะรุกไปสู่ธุรกิจ Health, Beauty & Wellness เนื่องจากเทรนด์สุขภาพมาแรงมากขึ้น และมองว่าอนาคตคนจะใช้เงินกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยตอนนี้อยู่ระหว่างวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพตัวแรกออกมาทำตลาดภายในปีนี้ และวางเป้าหมายต้องการให้สัดส่วนรายได้จากกลุ่ม Health & Wellness อยู่ที่ 30% ส่วนเครื่องสำอาง และสกินแคร์อยู่ที่ 70% พร้อมตั้งเป้า นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2568 ด้วย

แม้จะแตกไลน์ธุรกิจใหม่ๆ แต่ศรีจันทร์ก็ยึดมั่นในคุณภาพสินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง จึงเป็นที่มาของแคมเปญ SRICHAND Better Than Ever ดีกว่าที่เคย เปิดตัวสูตรใหม่ของ SRICHAND Super Coverage หรือที่รู้จักกันในชื่อแป้งสร้างผิว, รองพื้นสร้างผิว

ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโปรดักส์ที่เป็นที่ยอมรับในท้องตลาด แต่ในขณะเดียวกันเรามองว่าอยากพัฒนาตัวโปรดักส์ให้ดีกว่าที่เคย จึงปรับสูตรให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มส่วนผสมในกลุ่ม skincare benefit ช่วยปกป้องรังสี และแสงสีฟ้าจากมือถือ พร้อมปรับโทนสีใหม่ให้ครอบคลุมกับสีผิวของผู้ใช้ทุกคน

นอกจากนี้ศรีจันทร์ก็รุกกลยุทธ์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ตามกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน เพื่อดึงให้แบรนด์ศรีจันทร์เป็น Top of Mind ในใจของลูกค้า พร้อมที่จะแนะนำบอกต่อ และกลับมาซื้อใหม่อย่างสม่ำเสมอ

from:https://www.thumbsup.in.th/srichand-better-than-ever?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=srichand-better-than-ever

‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ ปลุกกระแสคนรุ่นใหม่ ปล่อยไอเดียผ่านการปรุงอาหารแบบโซเดียมต่ำ

‘การทำอาหาร’ ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายทางอารมณ์ ลดความเครียดจากความวุ่นวายของโลกภายนอกได้ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะ ‘Kitchen Therapy’ คือการบำบัดด้วยการเข้าครัวทำอาหาร ทั้งในทางการแพทย์ ยังเป็นที่ยอมรับว่าการลงมือทำอาหารเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยบำบัดจิตใจให้ดีขึ้นได้

หลาย ๆ คนบอกว่า การทำอาหารทำให้เกิดความภาคภูมิใจ และยังเป็นวิธีแสดงความคิดสร้างสรรค์อีกทางหนึ่ง โดยการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านการทำอาหาร หยอดความสุขปรุงรสชาติลงไปในอาหารทุกจาน ส่วนอีกต่อของ ‘การทำอาหาร’ คือการสร้างความสุขให้กับคนที่ได้รับประทาน ทั้งกับครอบครัวและคนที่เรารักได้

ในส่วนของอาหารหลาย ๆ เมนูที่ถูกปากถูกใจมักจะมีส่วนผสมจากผงชูรส (โมโนโซเดียมกลูตาเมต) แทบทั้งสิ้น เพื่อเพิ่มรสชาติความอูมามิให้กับอาหารมื้อหลักได้ชูรสความอร่อยแบบกลมกล่อม โดยไม่ต้องใช้เครื่องปรุงเสริมอย่างอื่น ซึ่งผงผลึกสีขาวที่เราต่างคุ้นเคยกันดี และรู้จักกันในชื่อ “ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ” ถือว่าเจ้าผงนัวที่ว่านี้ได้อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนานไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น พร้อม ๆ กับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผงชูรสของหลาย ๆ คน เช่นกัน

ซึ่งแท้จริงแล้วการเลือกใช้ผงชูรสสำหรับการปรุงอาหารในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากช่วยปรุงรสชาติให้อร่อยนัวขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ได้รับกรดอะมิโนที่เป็นผลดีต่อร่างกายอย่างเพียงพอ ซึ่งกรดอะมิโนจำเป็นมีความสำคัญต่อร่างกายหลายด้าน อาทิ สังเคราะห์โปรตีน เสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ต่อยอดแนวคิด ตลอดจนสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุดจากการปรุงอาหารสร้างสรรค์รสชาติด้วยผงชูรส พร้อมเจาะกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจเกี่ยวกับการทำอาหารโดยเฉพาะ ผ่านโครงการ ‘Ajinomoto Young Chef Thailand’ เพื่อเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่มีแพชชันด้านการทำอาหาร โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด “โซเดียมน้อยลง แต่ยังคงความอร่อย” สอดคล้องกับพันธกิจของอายิโนะโมะโต๊ะที่ต้องการแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพของผู้คนในสังคม

จากที่ผ่านมา โครงการ ‘Ajinomoto Young Chef Thailand’ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในวงกว้าง ทุกทีมที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่มีศักยภาพและชูไอเดียกันอย่างเต็มเปี่ยมตลอดระยะเวลาของการแข่งขัน ซึ่งนอกจากผู้เข้าแข่งขันทุกทีมจะได้รับความประทับใจและโอกาสที่เพิ่มประสบการณ์ในการสร้างสรรค์เมนูอาหาร การปรุงรสชาติอาหารแล้ว ยังได้รับความรู้ที่ทางอายิโนะโมะโต๊ะมอบให้ คือเทคนิคการทำอาหารให้อร่อยแต่โซเดียมน้อยลงด้วยการใช้ผงชูรส โดยมุ่งหวังให้การต่อยอดโครงการฯ ในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการทำอาหารของใครหลาย ๆ คนไม่มากก็น้อย ไปพร้อม ๆ กับการสื่อสารและยกระดับการมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ โครงการ Ajinomoto Young Chef Thailand ยังทำให้มองเห็นถึงศักยภาพและพลังของคนรุ่นใหม่ที่ต่างขับเคลื่อนด้วยแพชชัน แรงบันดาลใจ และความมุ่งมั่นในการรังสรรค์เมนูอาหาร สร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสังคมไทย ยังเป็นจุดเริ่มต้นให้คนในแวดวงอาหารได้หันมาใส่ใจพฤติกรรมการปรุงอาหารอย่างถูกวิธีผ่านความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยคนรุ่นใหม่จะกลายเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดี ในการสรรค์สร้างอาหารที่ดีมีประโยชน์ เพื่อสุขภาพที่ดี และความเป็นอยู่ที่ดี ให้กับสังคมไทยในอนาคตต่อไป

from:https://www.thumbsup.in.th/ajinomoto-young-chef-thailand?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=ajinomoto-young-chef-thailand