คลังเก็บป้ายกำกับ: HPE_NIMBLE_STORAGE

[Guest Post] ยกระดับการขับเคลื่อนข้อมูลอย่างปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีจาก HPE

ถึงตอนนี้ มีงานวิจัยที่ยืนยันแล้วว่า โดยเฉลี่ย 67% ขององค์กรที่ไม่มีการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลจะเกิดการถดถอยทางธุรกิจ ขณะองค์กรที่มีการเปลี่ยนผ่านจะมีการเติบโตทางธุรกิจราวสองถึงสามเท่า อย่างไรก็ตาม องค์กรยังคงต้องเผชิญกับคลื่นความท้าทายสองประการ ได้แก่

1) การปรับเปลี่ยนอินฟราสตรัคเจอร์ไปสู่เทคโนโลยี Hyper Converged เพื่อแก้ปมปัญหาระบบงานไอทีหลากรุ่นหลายเทคโนโลยี (Multi-Gen IT) ในองค์กร รวมถึงบริหารจัดการข้อมูลที่ถูกเก็บกระจัดกระจาย (Silo) ตามฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีที่ดีพอสำหรับรองรับการทำงานแบบไฮบริด เพื่อการรับ-ส่งข้อมูลหรือภาระงานต่าง ๆ ที่ข้ามไปมาระหว่างคลาวด์ ระบบที่ใช้งานในองค์กร (On Premise) แอปพลิเคชัน หรือ อินฟราสตรัคเจอร์ที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องการความปลอดภัยจากแรนซั่มแวร์ในระดับสูง

2) การพัฒนากลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล (Data Driven) ซึ่งทวีความสำคัญต่อการเสริมสร้างรายได้และชี้ทิศทางความเป็นไปของธุรกิจ ดังนั้น ในยุคที่ “ข้อมูลต้องมาก่อน (Data First)” จึงต้องมีการกำกับการใช้งานและดูแลความปลอดภัยของข้อมูลซึ่งกระจายอยู่ทุกที่และเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตลอดจนจัดหาเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Root Insight) ที่มีประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์สูงสุดทางธุรกิจ

dHCI อินฟราสตรัคเจอร์ในยุคข้อมูลเป็นใหญ่

เดิมเทคโนโลยี Hyper Converged ถูกออกแบบมาเพื่อให้ระบบไอทีมีความยืดหยุ่นในการย่อ-ขยายให้เหมาะกับความต้องการใช้งาน ประสานให้เกิดการทำงานแบบมัลติแพลตฟอร์มระหว่างข้อมูลทั้งแบบมีและไม่มีโครงสร้าง แอปพลิเคชันเดิมและแอปพลิเคชันเกิดใหม่ เช่น คอนเทนเนอร์ ไมโครเซอร์วิส ให้พร้อมรับการทำงานบนคลาวด์อย่างปลอดภัย และด้วยต้นทุนการใช้งานแบบจ่ายตามจริง (Pay Per Use) แต่ในปัจจุบัน Disaggregated Hyperconverged Infrastructure-dHCI เช่น แพลตฟอร์ม HPE dHCI มีความพิเศษกว่า HCI แบบเดิม คือ เพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับขยายส่วนการประมวลผลและอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแยกจากกันได้อย่างอิสระ (Disaggregated) แต่ยังคงขีดความสามารถในบริหารจัดการเทคโนโลยีทั้งหมดได้จากจุดเดียว รองรับการทำงานร่วมกันระหว่างเซิร์ฟเวอร์รุ่นก่อน เช่น Gen8  Gen9 ระบบงานเก่าอย่างอีอาร์พีไปจนถึงเทคโนโลยีแบบโอเพ่นสแต็คซึ่งขจัดปัญหาเรื่อง Multi-Gen IT โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนระบบทั้งหมดให้เป็น dHCI เพื่อประหยัดต้นทุน การันตีระดับการให้บริการ SLA ที่มีมาตรฐานสูงเพื่อรองรับภาระงานสำคัญทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับวีเอ็มแวร์ หรือ ไมโครซอฟท์ อาซัวร์

แพลตฟอร์ม HPE GreenLake ซึ่งบูรณาการบริการ As a Service ทั้งส่วนการประมวลผล แอปพลิเคชัน ซอฟต์แวร์ การบริหารและการดูแลความปลอดภัยของข้อมูลทั้งระบบสำหรับรองรับการทำงานบนเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ในองค์กร หรือขึ้นสู่คลาวด์ แพลตฟอร์ม HPE SimpliVity แบบครบจบทุกฟังก์ชันในเครื่องเดียว เหมาะกับการรองรับภาระงานนอกดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีพื้นที่จำกัด เช่น สำนักงานสาชา ซึ่งสามารถเริ่มต้นการทำงานได้ที่หนึ่งโหนดและขยายโหนดเพิ่มได้ผ่านออนไลน์โดยการทำงานไม่หยุดชะงัก มีฟังก์ชันการปกป้องข้อมูลในตัวและการขจัดปัญหาข้อมูลซ้ำซ้อนและการบีบอัด ทำให้การแบ็คอัพข้อมูลมีความรวดเร็ว

ตัดคลื่นรบกวนความปลอดภัยของข้อมูลด้วย HPE Data Management  

มีการประเมินกันว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมา แรนซั่มแวร์ได้สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจราว 20 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ แต่ผ่านไปถึงปี 2568 คาดการณ์ว่าแรนซั่มแวร์จะสร้างความเสียหายสูงถึง 10.5 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยทุก ๆ 11 วินาที จะมีคนที่โดนแรนซั่มแวร์ 1 รายทั้ง ๆ ที่องค์กรส่วนใหญ่ต่างมีระบบปกป้องข้อมูล เช่น แอนตี้ไวรัส ไฟร์วอลล์ และ ระบบแบ็คอัพข้อมูล เป็นต้น ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

เพราะแรนซั่มแวร์ยุคนี้มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป คือ  1) เน้นโจมตีระบบแบ็คอัพเป็นอันดับแรก เพื่อให้องค์กรไม่สามารถกู้ระบบกลับคืนมาได้ เมื่อกู้คืนไม่ได้ก็ต้องจ่ายค่าไถ่ และ 2) การโจมตีไฟล์ต่าง ๆ ที่มีการแชร์ใช้ร่วมกัน (File Sharing)ทั้งจากระบบงาน แอปพลิเคชัน หรือการทำงานของยูสเซอร์ ซึ่งทำให้การแพร่ของแรนซั่มแวร์เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างและรวดเร็ว ดังนั้น การบริหารระบบแบ็คอัพให้มีประสิทธิภาพ องค์กรสามารถเริ่มต้นได้ด้วยสูตร 3-2-1-1 คือ มีข้อมูลแบ็คอัพ 3 ชุด เก็บบนมีเดียที่ต่างกัน 2 ประเภท เก็บไว้นอกองค์กร 1 ชุด เป็นข้อมูลแบ็คอัพที่ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ (Immutable Backup) 1 ชุด ซึ่งสำคัญต่อการรับมือแรนซั่มแวร์ที่แอบเข้ามาเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้งาน เก็บรหัสผ่านและรายละเอียดในการเข้าสู่ระบบ (Credentials) ก่อนจะออกไปและกลับเข้ามาอีกครั้งโดยปลอมตัวเป็นแอดมิน รวมถึงต้องมีระบบตรวจจับและการกู้คืนระบบที่มีประสิทธิภาพด้วย

HPE Cohesity แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลที่มาพร้อมระบบการปกป้องข้อมูลและการจัดการกับแรนซั่มแวร์ครบจบในเครื่องเดียว เพื่อการบริหารจัดการจากส่วนกลาง โดยมีซอฟต์แวร์ Helios เป็นตัวช่วยควบคุมการทำงาน มีจุดเด่นที่ฟังก์ชัน Immutable File System ซึ่งป้องกันการแก้ไขไฟล์ต่าง ๆ เพื่อปิดช่องโหว่การโจมตี File Sharing ระบบการยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (Multi-factor Authentication-MFA) เสริมด้วยเอไอและแมชชีนเลิร์นนิ่งในการตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ เพื่อการป้องกันแรนซั่มแวร์ได้ 100%

Zerto โซลูชันสำหรับการปกป้องระบบงานทางธุรกิจด้วยการกู้คืนข้อมูลข้ามแพลตฟอร์มประเภทต่าง ๆ โดย media ต้นทางและปลายทางไม่จำเป็นต้องเป็นเทคโนโลยีเดียวกัน ฟังก์ชัน CDP (Continuous Data Protection) สามารถช่วยปกป้องข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องจึงสามารถกำหนดระยะเวลาของข้อมูลที่ต้องการกู้คืนได้มีประสิทธิภาพ สามารถกู้คืนแอปพลิเคชันได้ 100% หรือกู้คืนข้ามไปมาระหว่างแพลตฟอร์มได้ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้โซลูชันสำหรับศูนย์คอมพิวเตอร์สำรอง (DR site) ได้ทั้ง Private Cloud และ Multi-cloud

การให้บริการ HPE Backup and Recovery เป็นการให้บริการสำรองข้อมูลผ่าน Cloud Management เรียกใช้Software As A Service  มีความยืดหยุ่น ไม่มีข้อกำหนดของระยะเวลาและจำนวน VM ขั้นต่ำ ธุรกิจสามารถเริ่มต้นเพียงจาก 1 VM ต่อเดือนเพียง 168 บาท ระบบรองรับการแบ็คอัพระบบ VMware แบบ Immutable รวมทั้งยังสามารถสำรองข้อมูลขึ้นคลาวด์ของ HPE

เพิ่มความทันสมัยให้กับแอปพลิเคชัน

 ปัจจุบัน ทิศทางการพัฒนาแอปพลิเคชันจะอยู่ในแนวทาง 5Rs ได้แก่ 1) Replace หาแอปพลิเคชันมาใช้งานแทน 2) Rehost เอาแอปพลิเคชันไปรันบนระบบที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่า 3) Re-platform เอาแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เข้ามาใช้งาน เช่น คอนเทนเนอร์ 4) Refactor เอาแอปพลิเคชันที่มีอยู่เดิมมาปรับปรุงด้วยเทคโนโลยีใหม่ และ 5) Rebuild การเขียนแอปพลิเคชันให้ใช้งานบนคลาวด์แพลตฟอร์ม

HPE Ezmeral แพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ DevOps ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ในรูปแบบ SOA หรือแอปพลิเคชันที่มีขนาดเล็กลงมาอย่างคอนเทนเนอร์ ไมโครเซอร์วิส โดยลดความยุ่งยากในการจัดการกับอินฟราสตรัคเจอร์ มีคุณสมบัติในการเก็บข้อมูลหลากแพลตฟอร์มและกระจัดกระจายให้เห็นเสมือนเป็นข้อมูลผืนเดียวกัน (Data Fabric) เพื่อการเข้าถึงข้อมูลที่ง่ายและหยิบมาใช้งานได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนสนับสนุน ML Ops (Machine Learning Operations) ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเอไอ แมชชีนเลิร์นนิ่งในการพัฒนาแอปพลิเคชันได้ง่ายและรวดเร็ว

หากท่านใดสนใจข้อมูล  HPE เพิ่มเติมสามารถติดต่อ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด

Facebook : https://www.facebook.com/yipintsoi

เบอร์โทรศัพท์ : 02 353 8600 ต่อ 3210 หรือ 8432

E-mail: yitmkt@yipintsoi.com

#YipInTsoi #HPE #dHCI #HCI #Zerto #HPE #DATAProtection #EZMERAL #Cloud #HybridCloud #Backup #SaaS

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-nimble-storage-data-management-by-yit/

ตอบทุกโจทย์ความต้องการใน Data Center ขององค์กร ด้วยโซลูชัน HPE ครบวงจรจาก BizCon

การลงทุนอัปเกรดระบบ Data Center ของธุรกิจองค์กรในทุกวันนี้จะมองแต่เพียงเรื่องของเทคโนโลยีแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป แต่ประเด็นด้านรูปแบบการลงทุน และความยืดหยุ่นในการเพิ่มขยายระบบเองก็สำคัญไม่แพ้กัน

BizCon ในฐานะพันธมิตรระดับ Platinum Partner ของ HPE ต้องการที่จะตอบทุกโจทย์ความต้องการในการลงทุนด้านเทคโนโลยีของธุรกิจองค์กรให้ได้ จึงได้นำ 3 โซลูชันหลักจาก HPE มาให้บริการแก่ธุรกิจองค์กรไทย ได้แก่

  • ระบบ IT Infrastructure ใน Data Center ครอบคลุม Server และ Storage ทุกรุ่น
  • ระบบ HPE Ezmeral สำหรับรองรับ Container และ Multi-Cloud ในองค์กร
  • บริการ HPE GreenLake สร้างทางเลือกในการเช่าใช้งานทุกโซลูชันจาก HPE

BizCon ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการระบบ IT สำหรับธุรกิจองค์กร พร้อมประสบการณ์กว่า 30 ปี

BizCon Solutions นั้นถือเป็นหนึ่งในธุรกิจ IT ที่อยู่คู่เมืองไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยประสบการณ์ในวงการที่ยาวนานกว่า 30 ปี และมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญครอบคลุมทุกเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Cloud, Data Center, Enterprise Networking, Enterprise Security, End User Computing, Backup, Disaster Recovery รวมถึงการวางระบบ SAP สำหรับธุรกิจองค์กร

ไม่เพียงแต่ความเชี่ยวชาญเชิงเทคนิคเท่านั้น แต่การจับมือเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำทางด้าน Enterprise IT เองก็มีด้วยกันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น HPE, Aruba, Veritas, Veeam, VMware, Microsoft, Fortinet, Sophos, Trendmicro, Fireeye, Radware, Rapid7 และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถเลือกใช้งานโซลูชันที่เหมาะสมกับตนเองได้ โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก BizCon คอยสนับสนุนให้บริการติดตั้งและดูแลรักษาหลังการขายอย่างครบวงจร รวมถึงยังมีบริการ Managed Services เพื่อช่วยให้ธุรกิจองค์กรนำนวัตกรรมใหม่ๆ ไปใช้งานได้อย่างคล่องตัวโดยไม่ต้องกังวลถึงประเด็นด้านทักษะและความพร้อมของบุคลากร

ในแง่ความสัมพันธ์กับ HPE นั้น BizCon Solutions ถือเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของ HPE ด้วยการเป็น HPE Platinum Partner และ HPE Aruba Silver Partner โดยไม่ได้เป็นพันธมิตรกับคู่แข่งรายอื่นๆ ของ HPE เลย เรียกได้ว่าครอบคลุมทั้งโซลูชันฝั่ง Data Center, Networking และ Security ของ HPE เลยทีเดียว

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ BizCon ได้ที่ https://www.bizcon.co.th/

ปี 2021 มุ่งเน้นการให้บริการ HPE ตอบโจทย์ทุกมิติทั้งด้านเทคโนโลยีและรูปแบบการลงทุน

สำหรับปี 2021 นี้ BizCon ได้ตั้งเป้าหมายที่จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถฝ่าฟันวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ไปให้ได้ ในฐานะของผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ IT Infrastructure สำหรับธุรกิจองค์กร ที่นำเสนอโซลูชันของ HPE เป็นรากฐานสำคัญในการปรับตัวและเปิดรับต่อนวัตกรรมใหม่แห่งอนาคต ด้วยการมุ่งเน้นการนำเสนอ 3 โซลูชันหลักดังนี้

1. HPE IT Infrastructure Solutions

Credit: HPE

BizCon สามารถนำเสนอโซลูชันล่าสุดทางด้าน Data Center ของ HPE ไม่ว่าจะเป็นระบบ Server, Storage, Network และ Management ให้กับธุรกิจองค์กรได้ครบทุกสายผลิตภัณฑ์ของ HPE เพื่อให้ธุรกิจองค์กรมีทางเลือกในการใช้งานโซลูชันที่ตอบโจทย์ที่สุดของตนเอง โดยโซลูชัน Data Center จาก HPE นั้นมีจุดเด่นที่เหนือกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ดังนี้

  • ออกแบบโดยมุ่งเน้นความมั่นคงปลอดภัยเป็นสำคัญตั้งแต่ระดับของ Hardware, Software และ Supply Chain ช่วยลดความเสี่ยงที่ธุรกิจจะตกเป็นเหยื่อของภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบ
  • มีระบบ AI จาก HPE InfoSight คอยช่วยในการตรวจสอบวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นภายใน Data Center ในแบบ Real-Time ช่วยให้การแก้ไขปัญหาหรือจัดการกับประเด็นความเสี่ยงต่างๆ เป็นไปได้ในแบบเชิงรุก ช่วยลด Downtime ที่จะเกิดขึ้นกับระบบในระยะยาวลงได้เป็นอย่างดี
  • ครอบคลุมทุกโซลูชัน ไม่ว่าจะเป็น Server อย่าง HPE ProLiant/HPE Apollo, Storage อย่าง HPE Primera/HPE Nimble Storage, HCI อย่าง HPE SimpliVity และระบบบริหารจัดการอย่าง HPE OneView ตอบโจทย์ได้ทุกการใช้งานในธุรกิจทุกขนาด
  • พร้อมก้าวสู่ภาพของ Hybrid Cloud และ Multi-Cloud ได้อย่างเต็มที่ ด้วยการรองรับการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการ Cloud ชั้นนำหลายราย
  • การรับประกันทั่วประเทศไทย ที่มีระดับของบริการหลังการขายให้เลือกได้หลายระดับ มั่นใจได้ว่าระบบสำคัญจะสามารถดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสมอยู่เสมอ

นอกเหนือจากเทคโนโลยีของ HPE เอง ทาง BizCon ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือธุรกิจองค์กรในการผสานรวมระบบเทคโนโลยีอื่นๆ ให้ทำงานร่วมกับโซลูชันของ HPE ได้ เพื่อวางระบบโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจองค์กรให้ได้อย่างครอบคลุม

2. HPE Software Solutions

Credit: HPE

สำหรับธุรกิจองค์กรที่ต้องการก้าวสู่การพัฒนาระบบ Application สมัยใหม่เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Digital Transformation นั้น ทาง BizCon ก็พร้อมช่วยตอบโจทย์ระบบ IT Infrastructure สำหรับองค์กรกลุ่มนี้ด้วย HPE Ezmeral ครอบคลุมโซลูชันดังต่อไปนี้

  • HPE Ezmeral Container Platform สำหรับรองรับระบบ Cloud-Native Application ชั้นนำด้วย Kubernetes
  • HPE Ezmeral Data Fabric สำหรับรองรับโครงการระบบ Big Data & Analytics ด้วยเทคโนโลยีจาก MapR
  • HPE Ezmeral ML Ops สำหรับธุรกิจองค์กรชั้นนำที่มีการพัฒนา Machine Learning ของตนเอง ด้วยการนำแนวคิด DevOps เข้าไปเสริมกระบวนการสร้างโมเดลและการจัดการกับข้อมูล
  • HPE Ezmeral IT Ops & Automation สำหรับบริหารจัดการระบบ IT ขนาดใหญ่ด้วยเครื่องมืออย่าง HPE OneView ควบคู่ไปกับการใช้ AI จาก HPE InfoSight มาช่วยบริหารจัดการระบบ Data Center แบบอัตโนมัติ
  • HPE Managed Cloud Controls สำหรับควบคุมค่าใช้จ่ายและทำ Compliance ให้กับธุรกิจที่มีการใช้บริการ Public Cloud เป็นหลัก
  • Security Software นำโครงการ SPIFFE และ SPIRE ภายใต้ CNCF มาใช้เสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับระบบ Cloud-Native Platform

3. HPE Cloud Service Solutions

Credit: HPE

เพื่อให้ธุรกิจองค์กรมีทางเลือกในการลงทุนเทคโนโลยีที่ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น BizCon จึงได้นำโซลูชัน HPE GreenLake ซึ่งเป็นบริการเช่าใช้งานอุปกรณ์และระบบ IT สำเร็จรูปจาก HPE ที่ติดตั้งใช้งานได้ภายในองค์กรโดยตรง และคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง รวมถึงมีทีมงานของ HPE และ BizCon คอยดูแลสนับสนุนหลังการขาย พร้อมเพิ่มขยายระบบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

ปัจจุบัน HPE GreenLake มีโซลูชันที่สามารถเลือกใช้งานได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมทั้ง Container, Virtual Machine, Private Cloud, VDI, Database Platform, Big Data, Machine Learning, Data Protection, SAP, Compute, Storage, Networking, High Performance Computing, Managed Cloud Service และ Governance and Management ให้ธุรกิจองค์กรสามารถเลือกเช่าใช้ได้เฉพาะส่วนที่ตนเองต้องการ หรือเลือกใช้งานทั้งโซลูชันจาก HPE เลยก็ได้เช่นกัน

 

สนใจโซลูชันของ HPE ติดต่อ BizCon ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันใดๆ ของ HPE สามารถติดต่อทีมงาน BizCon เพื่อขอรับคำปรึกษา, ใบเสนอราคา หรือบริการด้านเทคนิคได้ทันทีที่ Email: BizconMarketing@bizcon.co.th หรือโทร 082-0103588, 098-5523307 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ BizCon ได้ที่  https://www.bizcon.co.th/

 

กิจกรรมพิเศษ !! เพื่อลุ้นรับของรางวัล  ( เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย มูลค่า 1,490.- )

ขอเชิญชวน ผู้ที่สนใจ ท่านสามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมสนุกๆ เพื่อลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษ จากทาง BizCon solutions ได้ที่ Facebook BizCon: https://www.facebook.com/BizCon-Solutions-Co-Ltd-536639640076652/

ฝากติดตามกันด้วยนะคะ

from:https://www.techtalkthai.com/complete-data-center-solutions-and-services-with-hpe-by-bizcon/

เสริมความมั่นคงทนทานและความยืดหยุ่นให้กับ Container และ Kubernetes ของธุรกิจองค์กร ด้วย HPE Intelligent Data Platform

เมื่อ Container และ Kubernetes ได้กลายเป็นเทคโนโลยีหลักสำหรับธุรกิจองค์กร การปรับ Enterprise Application ให้อยู่ในรูปของ Container เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและคล่องตัวต่อการนำไปใช้งานและการดูแลรักษานั้นก็ได้กลายเป็นโจทย์สำคัญ และก็ทำให้ธุรกิจองค์กรต้องมองหาหนทางในการปรับสถาปัตยกรรมของ Container ที่มักถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ Stateless Workload มาสู่การรองรับ Stateful Workload ให้ได้

HPE ในฐานะของผู้นำทางด้านเทคโนโลยี Data Center ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของประเด็นปัญหานี้ และได้พัฒนาเทคโนโลยีต่อยอดเสริมให้กับโซลูชัน Storage ชั้นนำของตนเองทั้ง HPE Nimble Storage และ HPE Primera Storage เพื่อให้รองรับการทำ Data Management สำหรับ Container และถูกผนวกรวมเข้าไปใน CI/CD Pipeline ได้อย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนให้ Container กลายเป็นระบบที่รองรับงานแบบ Stateful ท่ามกลางโลกของ Hybrid Cloud ได้อย่างแท้จริง

Container สำหรับ Enterprise Application ต้องมีข้อมูลล่าสุดควบคู่กับ Application เสมอ

ในมุมของธุรกิจองค์กรนั้น Container และ Kubernetes นอกจากจะเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยรองรับ Cloud Native Application ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำ DevOps ได้อย่างคล่องตัวแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้ก็ยังถือเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยปูทางไปสู่ภาพของ Hybrid Cloud และ Multi-Cloud ได้อย่างยืดหยุ่นอีกด้วย

อย่างไรก็ดี โดยทั่วไปแล้วการใช้งาน Container นั้นมักถูกใช้เพื่อรองรับ Workload ที่เป็นแบบ Stateless ในขณะที่ระบบจัดเก็บข้อมูลสำคัญของธุรกิจนั้นมักถูกแยกออกไปเป็นอีกระบบหนึ่ง ทำให้ในการใช้งานจริง การย้าย Workload ระหว่างระบบ IT Infrastructure ไม่ว่าจะภายในองค์กรเองหรือย้ายออกไปยังบริการ Cloud นั้น จะต้องมีขั้นตอนของการจัดการกับข้อมูลเพื่อให้ Application ยังคงทำงานได้สมบูรณ์ครบถ้วนอยู่เสมอ ซึ่งทำให้ระบบขาดความคล่องตัวอย่างที่ธุรกิจองค์กรคาดหวัง

แนวคิดของการปรับระบบ Container เพื่อให้รองรับ Stateful Workload และทำให้ข้อมูลนั้นถูกผูกไปกับ Application และ Stateless Workload ทั้งหมดจึงกลายเป็นทางออกที่หลายธุรกิจองค์กรมองหา ซึ่งแนวคิดนี้จะทำให้ Enterprise Application ที่เคยถูกพัฒนาขึ้นมาแบบ Monolithic หรือยังคงมีส่วนของข้อมูลปริมาณมหาศาลอยู่ภายในระบบนั้น สามารถได้รับประโยชน์จาก Container ได้ และทำให้มั่นใจได้ว่าการย้ายระบบ Application ไปยัง IT Infrastructure ใดๆ นั้นจะทำให้ Application ยังคงทำงานได้สมบูรณ์ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนอย่างแน่นอน

ผสานเทคโนโลยี Storage เสริม Container ให้รองรับทั้งงาน Stateless และ Stateful

HPE ได้พัฒนาแนวทางเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้โดยอาศัยระบบ Enterprise Storage เป็นศูนย์กลางสำคัญในการบริหารจัดการข้อมูล เพื่อให้ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำเข้าไปผนวกเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Container, ขั้นตอนการทำ CI/CD และการ Deploy ระบบ Application เสมอ และทำให้ระบบ Application บน Container ทั้งหมดสามารถเริ่มต้นทำงานได้ด้วยข้อมูลชุดล่าสุดทันที ไม่ว่าระบบนั้นๆ จะทำงานอยู่บน IT Infrastructure ใดก็ตาม

ในแนวทางดังกล่าว HPE ได้เลือกที่จะเชื่อมระบบ Storage ชั้นนำของตนเองไม่ว่าจะเป็น HPE Primera Storage หรือ HPE Nimble Storage ให้สามารถทำงานร่วมกับ Kubernetes ได้ ทำให้การจัดการกับข้อมูลนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Pipeline ในการพัฒนาระบบ และพัฒนา Workflow เพิ่มภายในระบบ Storage เพื่อให้มีกระบวนการการทำงานที่สอดคล้องไปกับขั้นตอนปกติในการใช้ Container เพื่อเสริมความมั่นคงทนทานและความมั่นคงปลอดภัยให้กับข้อมูล ในขณะเดียวกัน HPE ก็ได้เสริมความสามารถในส่วนของการทำ Hybrid Cloud ให้กับข้อมูลด้วย ทำให้การ Deploy ระบบบน IT Infrastructure ใดๆ นั้น ข้อมูลชุดล่าสุดจะถูกนำไปใช้งานด้วยเสมอ

หัวใจสำคัญของแนวทางนี้ คือ HPE CSI Driver for Kubernetes ที่รับบทบาทสำคัญในการเชื่อมผสาน HPE Storage เข้ากับระบบ Kubernetes และทำให้การเชื่อมต่อ Storage จากเดิมที่เป็นแบบ Static นั้นกลายมาเป็นแบบ Dynamic ได้ และสามารถควบคุมผ่านแนวทาง Infrastructure-as-Code ทำให้การจัดเตรียมทรัพยากรเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้แบบอัตโนมัติผ่าน Script หรือการกำหนดค่าการทำงานบน Kubernetes ได้นั่นเอง

HPE Intelligent Data Platform ตอบโจทย์ Container สำหรับธุรกิจองค์กรด้วย HPE Nimble Storage และ HPE Primera Storage

ภายใต้แนวคิด HPE Intelligent Data Platform นี้ ทาง HPE ได้นำเสนอ 3 คุณสมบัติใหม่ที่ระบบ Enterprise Storage จะต้องมีเพื่อรองรับการทำ Stateful Workload บนโลกของ Container ได้แก่

1. Container Data Management Experience การทำให้นักพัฒนา Software นั้นสามารถจัดการกับระบบ IT Infrastructure ในส่วนของการจัดเก็บข้อมูล, ชุดข้อมูล และระบบฐานข้อมูลได้เสมือนกับการจัดการ Application โดย HPE ได้ใช้ Kubernetes StorageClass ซึ่งจะช่วยให้การบริหารจัดการสร้าง Volume บน HPE Storage นั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดายและเป็นอัตโนมัติผ่าน Kubernetes

ด้วยแนวทางนี้จึงไม่เพียงแต่จะทำให้ข้อมูลนั้นสามารถถูกผูกติดไปกับ Application ได้เท่านั้น แต่ในกระบวนการพัฒนา, การทำ QA และการแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้โดยมีชุดข้อมูลที่ใหม่ล่าสุดสำหรับใช้ในระหว่างการทำงาน ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น และทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นไปได้ด้วยจากการใช้ Snapshot ที่ถูกสร้างขึ้นและใช้ในการสำเนาข้อมูลได้ รวมถึงยังทำการลบตัวเองทิ้งได้เมื่อไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ใช้งานในภายหลังแล้ว ทำให้ใช้พื้นที่บนระบบ Storage ได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

2. Operational Efficiency อีกบทบาทสำคัญของ HPE Storage ก็คือการช่วยให้ Service-Level Objective หรือ SLO ของระบบดีขึ้น โดยระบบต้องมีประสิทธิภาพ, ความมั่นคงปลอดภัย, การปกป้องระบบ, ความมั่นคงทนทาน และมีความสามารถในการเพิ่มขยายระบบได้ตามความต้องการของธุรกิจ ซึ่ง HPE ก็สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ด้วยวิธีการอันหลากหลาย

  • การทำ Snapshot หรือ Clone ผ่าน Kubernetes StorageCass ช่วยปกป้องข้อมูลในทุกขั้นตอนการพัฒนาและการ Deploy
  • การสำเนาข้อมูลผ่านการทำ Replication ระหว่าง Data Center หรือ Cloud เพื่อให้มีอิสระในการเลือก Deploy ระบบไปยังแต่ละที่ได้ โดยไม่ต้องมี Overhead รอการ Copy ข้อมูลระหว่างระบบอีกต่อไป
  • การกำหนด QoS ในระดับ Volume เพื่อให้มั่นใจว่าระบบ Application จะมีประสิทธิภาพเพียงพอกับที่ต้องการ
  • การทำให้ Data Volume ในระบบ Storage ที่หลากหลายทำงานร่วมกันแบบ Multitenancy ได้ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการใช้งาน
  • สามารถเพิ่มขยายจำนวน Pod สำหรับแต่ละ Worker Node ได้
  • สามารถทำการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเสริมความมั่นคงปลอดภัยได้
  • รองรับการเข้าถึงข้อมูลได้ทั้งในแบบ File และ Block ทำให้ Application สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ในรูปแบบเดียวกันไม่ว่าจะอยู่บนระบบใด

3. True Hybrid Cloud for Containers เพื่อให้ Stateful Container สามารถทำงานได้แบบ Hybrid Cloud อย่างเต็มที่ ทาง HPE จึงได้พัฒนา HPE Cloud Volumes ขึ้นมา เพื่อให้อุปกรณ์ HPE Storage สามารถส่งข้อมูลขึ้นไปยังบริการ Public Cloud และใช้งานข้อมูลเหล่านั้นได้เสมือนกับการใช้งาน HPE Storage ภายในองค์กร ช่วยให้การย้ายข้อมูลระหว่าง Data Center และ Cloud เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย และย้ายระบบทั้งส่วนของ Application และข้อมูลไปยัง IT Infrastructure ที่ต้องการใช้งานได้ทันที

สำหรับโซลูชันของระบบ HPE Storage หลักๆ ที่สามารถรองรับการทำ Stateful Container ได้นั้นก็ได้แก่

  • HPE Nimble Storage ระบบ Storage สำหรับธุรกิจองค์กรที่เน้นเรื่องของประสิทธิภาพ, ความคุ้มค่า และความง่ายดายเอาไว้ในหนึ่งเดียว สำหรับรองรับ Business Application และ Workload ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน https://www.hpe.com/emea_europe/en/storage/nimble.html
  • HPE Primera Storage ระบบ Tier-0 Storage ที่เน้นเรื่องของประสิทธิภาพและความมั่นคงทนทานเพื่อรองรับ Mission Critical Workload เป็นหลัก สำหรับระบบ Application สำคัญอย่างเช่น ERP https://www.hpe.com/emea_europe/en/storage/hpe-primera.html

สนใจโซลูชันของ HPE ติดต่อ BizCon ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันใดๆ ของ HPE สามารถติดต่อทีมงาน BizCon เพื่อขอรับคำปรึกษา, ใบเสนอราคา หรือบริการด้านเทคนิคได้ทันทีที่

Email: BizconMarketing@bizcon.co.th หรือโทร 082-0103588, 098-5523307

from:https://www.techtalkthai.com/make-your-container-more-resilience-and-flexible-with-hpe-inteliigence-data-platform-by-bizcon-solutions/

HPE เชิญร่วมงาน Cybersecurity Crime on Data Center on the New Normal 25 ส.ค. 2020 นี้

Hewlett Packard Enterprise ร่วมกับ Intel Micro Electronic (Thailand) ขอเรียนเชิญท่านเข้าร่วมงาน Cybersecurity Crime on Date Center: on the New Normal ในวันอังคารที่ 25 สิงหาคม 2020 เพื่อแนะนำวิธีการป้องกันการโจมตีของ Ransomware ที่มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อท่านและองค์กรของท่านอย่างไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยมีรายละเอียด กำหนดการ และวิธีการลงทะเบียน ดังนี้

ปัญหา Ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่นั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวเราทุกคน และเป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายต่อการทำงานเป็นอย่างมาก ซึ่ง Ransomware ในปัจจุบันนั้นได้มีการพัฒนาให้ฉลาด และอันตรายมากขึ้น เราจะทำอย่างไรให้องค์กรของเราไม่พบเจอกับความเสี่ยงเหล่านั้น เราจะป้องกันด้วยวิธีการไหน หรือ หากเกิดปัญหาขึ้นแล้ว เราจะรับมือ และจัดการกับปัญหาเหล่านี้อย่างไร

ภายในงานนี้ ท่านจะได้รับฟังเนื้อหาเกี่ยวกับความน่ากลัวของ Ransomware ในปัจจุบันพร้อมทั้งการรับมือ และการแก้ปัญหาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Cybersecurity และโซลูชันต่างๆ จาก HPE ที่จะมาช่วยให้ท่านปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ นอกจากนั้น ท่านจะได้รับฟังข้อมูลเกี่ยวกับ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เพื่อเตรียมความพร้อมในการวางระบบให้สอดคล้องกับกฏหมายที่จะเริ่มใช้งานในไม่ช้า

รายละเอียดงาน

วัน: 25 สิงหาคม 2020 (อังคาร)
เวลา: 09:00 – 16:30
สถานที่: Mitrtown Hall ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ (MRT สามย่าน)

กำหนดการ

09:00 – 09:30

Registration

09:30 – 10:00

Welcome Speech

10:00 – 10:45

Ransomware Situation on New Normal – วิเคราะห์ เจาะประเด็น Ransomware ในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมในการรับมือไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมัลแวร์เรียกค่าไถ่ โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้าน cybersecurity จากบริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด

10:45 – 11:00

Coffee Break

11:00 – 12:00

Panel Discussion: Prevent, Detect, and Recovery – จะดีกว่ามั้ยถ้าเรารู้วิธีการป้องกัน Ransomware ตั้งแต่ต้น แต่หากเราถูกโจมตีแล้ว เราจะมีวิธีการตรวจจับ และกู้คืนข้อมูลอย่างไร ร่วมฟังกรณีตัวอย่าง และวิธีการป้องกัน ตรวจจับ และกู้คืน จากผู้เชี่ยวชาญจาก HPE

12:00 – 13:00

Lunch

13:00 – 14:00

Ready to Counter the Ransomware in 20 Minutes – รับฟัง 3 โซลูชันหลักจาก HPE ที่จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับ Ransomware ในเวลาเพียงโซลูชันละ 20 นาที

  1. HPE StoreOnce: มารู้จักหลักการการนำกฎ 3-2-1 ซึ่งเป็น Center ของการจัดเก็บข้อมูลและ HPE Alliance Software เช่น Commvault และ Veeam
  2. HPE Nimble Storage dHCI และ HPE Cohesity: นิยามใหม่ของการจัดการข้อมูลและป้องกัน Ransomware อย่างครบวงจร ‘Detect, Protect, and Recovery’
  3. HPE SimpliVity: ระบบดาต้าเซ็นเตอร์อัจฉริยะ: บริหารการจัดการข้อมูลบน Next Generation Hyperconverged Platform

14:00 – 15.00

What is the PDPA (Personal Data Protection Act.) and How to Deal with it – PDPA คืออะไรและคุณพร้อมรับมือกับมันแล้วหรือยัง HPE ขอนำเสนอโซลูชันที่ช่วยให้คุณเบาใจเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้การทำงานของคุณคล่องตัวและง่ายขึ้น

15:00 – 15:30

Coffee Break

15:30 – 16.15

Smart “X” for the New Normal – ชีวิตติดสมาร์ทได้ด้วย Smart Solutions จาก HPE มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Smart Office หรือ Smart Exam เพื่อสอดคล้องกับการใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่

16:15 – 16.30

Q&A, Closing

สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ทันที

เพียงเข้าไปกรอกข้อมูลที่เว็บไซต์ http://www.readyregister.com/form/w/display/922 หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านทางอีเมล์ support@wareerak.com และโทร. 099-551-3554 (คุณพลอย)

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b4%e0%b8%8d%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a1%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99-cybersecurity-crime-on-data-center-on-the-new-normal-25-%e0%b8%aa-%e0%b8%84-2020-%e0%b8%99/

HPE เชิญร่วมงาน Cybersecurity Crime on Data Center on the New Normal 25 ส.ค. 2020 นี้

Hewlett Packard Enterprise ร่วมกับ Intel Micro Electronic (Thailand) ขอเรียนเชิญท่านเข้าร่วมงาน Cybersecurity Crime on Data Center: on the New Normal ในวันอังคารที่ 25 สิงหาคม 2020 เพื่อแนะนำวิธีการป้องกันการโจมตีของ Ransomware ที่มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อท่านและองค์กรของท่านอย่างไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยมีรายละเอียด กำหนดการ และวิธีการลงทะเบียน ดังนี้

ปัญหา Ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่นั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวเราทุกคน และเป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายต่อการทำงานเป็นอย่างมาก ซึ่ง Ransomware ในปัจจุบันนั้นได้มีการพัฒนาให้ฉลาด และอันตรายมากขึ้น เราจะทำอย่างไรให้องค์กรของเราไม่พบเจอกับความเสี่ยงเหล่านั้น เราจะป้องกันด้วยวิธีการไหน หรือ หากเกิดปัญหาขึ้นแล้ว เราจะรับมือ และจัดการกับปัญหาเหล่านี้อย่างไร

ภายในงานนี้ ท่านจะได้รับฟังเนื้อหาเกี่ยวกับความน่ากลัวของ Ransomware ในปัจจุบันพร้อมทั้งการรับมือ และการแก้ปัญหาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Cybersecurity และโซลูชันต่างๆ จาก HPE ที่จะมาช่วยให้ท่านปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ นอกจากนั้น ท่านจะได้รับฟังข้อมูลเกี่ยวกับ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เพื่อเตรียมความพร้อมในการวางระบบให้สอดคล้องกับกฏหมายที่จะเริ่มใช้งานในไม่ช้า

รายละเอียดงาน

วัน: 25 สิงหาคม 2020 (อังคาร)
เวลา: 09:00 – 16:30
สถานที่: Mitrtown Hall ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ (MRT สามย่าน)

กำหนดการ

09:00 – 09:30

Registration

09:30 – 10:00

Welcome Speech

10:00 – 10:45

Ransomware Situation on New Normal – วิเคราะห์ เจาะประเด็น Ransomware ในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมในการรับมือไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมัลแวร์เรียกค่าไถ่ โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้าน cybersecurity จากบริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด

10:45 – 11:00

Coffee Break

11:00 – 12:00

Panel Discussion: Prevent, Detect, and Recovery – จะดีกว่ามั้ยถ้าเรารู้วิธีการป้องกัน Ransomware ตั้งแต่ต้น แต่หากเราถูกโจมตีแล้ว เราจะมีวิธีการตรวจจับ และกู้คืนข้อมูลอย่างไร ร่วมฟังกรณีตัวอย่าง และวิธีการป้องกัน ตรวจจับ และกู้คืน จากผู้เชี่ยวชาญจาก HPE

12:00 – 13:00

Lunch

13:00 – 14:00

Ready to Counter the Ransomware in 20 Minutes – รับฟัง 3 โซลูชันหลักจาก HPE ที่จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับ Ransomware ในเวลาเพียงโซลูชันละ 20 นาที

  1. HPE StoreOnce: มารู้จักหลักการการนำกฎ 3-2-1 ซึ่งเป็น Center ของการจัดเก็บข้อมูลและ HPE Alliance Software เช่น Commvault และ Veeam
  2. HPE Nimble Storage dHCI และ HPE Cohesity: นิยามใหม่ของการจัดการข้อมูลและป้องกัน Ransomware อย่างครบวงจร ‘Detect, Protect, and Recovery’
  3. HPE SimpliVity: ระบบดาต้าเซ็นเตอร์อัจฉริยะ: บริหารการจัดการข้อมูลบน Next Generation Hyperconverged Platform

14:00 – 15.00

What is the PDPA (Personal Data Protection Act.) and How to Deal with it – PDPA คืออะไรและคุณพร้อมรับมือกับมันแล้วหรือยัง HPE ขอนำเสนอโซลูชันที่ช่วยให้คุณเบาใจเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้การทำงานของคุณคล่องตัวและง่ายขึ้น

15:00 – 15:30

Coffee Break

15:30 – 16.15

Smart “X” for the New Normal – ชีวิตติดสมาร์ทได้ด้วย Smart Solutions จาก HPE มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Smart Office หรือ Smart Exam เพื่อสอดคล้องกับการใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่

16:15 – 16.30

Q&A, Closing

สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ทันที

เพียงเข้าไปกรอกข้อมูลที่เว็บไซต์ http://www.readyregister.com/form/w/display/922 หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านทางอีเมล์ support@wareerak.com และโทร. 099-551-3554 (คุณพลอย)

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-cybersecurity-crime-on-data-center-on-the-new-normal-aug-2020/

รู้จักกับแนวคิด dHCI: จะเลือกใช้งานระหว่าง CI และ HCI ไปทำไมในเมื่อใช้ทั้งคู่พร้อมกันได้ด้วย HPE Nimble Storage

ถึงแม้ Hyper-Converged Infrastructure หรือ HCI นั้นจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากภาคธุรกิจองค์กรทั่วโลกด้วยประเด็นด้านความง่ายในการใช้งานและการบริหารจัดการ รวมถึงการรองรับการเพิ่มขยายระบบได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ดีนั้นผลสำรวจจากภาคธุรกิจองค์กรเองนั้นก็ยังชี้ให้เห็นว่าการใช้งาน Converged Infrastructure หรือ CI ที่เน้นเรื่องของประสิทธิภาพเป็นหลักเพื่อรองรับ Business Application สำคัญนั้นก็ยังคงจำเป็นอยู่ HPE จึงได้ทำการพัฒนาโซลูชันที่มีชื่อเรียกว่า dHCI ขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ทั้งความง่ายดายและประสิทธิภาพของระบบไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ธุรกิจองค์กรนั้นได้นำจุดโดดเด่นของทั้งสองสถาปัตยกรรมมาใช้งานร่วมกัน และตอบโจทย์การใช้งานในระยะยาวได้อย่างคุ้มค่าสูงสูงสุด

รู้จักกับ CI และ HCI กันก่อน

สำหรับผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการ Enterprise Data Center มานาน ก็คงจะจำกันได้ดีว่าเทคโนโลยีในฝั่ง Converged Infrastructure หรือ CI นั้นเกิดขึ้นมาได้ระยะใหญ่มากแล้วด้วยแนวทางที่เหล่าผู้พัฒนาเทคโนโลยีนั้นได้จับมือร่วมกันออกแบบ Rack ที่มีการติดตั้งทั้ง Server, Storage, Networking และ Software พร้อมทำการทดสอบความเข้ากันได้ทั้งหมดและทดสอบประสิทธิภาพของระบบให้เรียบร้อย เพื่อให้ธุรกิจองค์กรสามารถเลือกใช้งานระบบที่ผ่านการออกแบบและทดสอบจนมั่นใจมาแล้วไปติดตั้งใช้งานเพื่อให้บริการ Business Application สำหรับธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

อย่างไรก็ดี CI นั้นมีจุดอ่อนใหญ่ที่ประเด็นด้านราคาที่ค่อนข้างสูง และความยากในการเพิ่มขยายหรือปรับแต่งระบบให้นอกเหนือไปจากรูปแบบมาตรฐานที่ผ่านการทดสอบมา ทำให้เกิดการพัฒนา Hyper-Converged Infrastructure หรือ HCI ที่เน้นเรื่องความง่ายในการติดตั้งใช้งานและเพิ่มขยายเข้ามาเป็นหลักในช่วยไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

HCI นั้นถูกออกแบบโดยอ้างอิงจากแนวคิดของ Data Center ขนาดใหญ่ที่ใช้การทำ Software-Defined Storage ฝังลงไปใน Server เพื่อให้ Local Storage ภายใน Server แต่ละเครื่องถูกผสานเข้าเป็นผืนเดียวกัน ทำงานร่วมกันได้ และทำงานทดแทนกันได้หากมี Server หรือ Disk ชุดใดเสียหายไป ซึ่งด้วยราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่าและการเพิ่มขยายที่ง่ายดาย ก็ทำให้ HCI นั้นกลายเป็นที่นิยมของธุรกิจองค์กรอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้เทคโนโลยีฝั่ง CI จะถูกพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาด้านความยากในการเพิ่มขยายไปบ้างแล้ว แต่ในแง่ของราคานั้นก็ยังถือว่าแพงกว่า HCI อยู่ดีเพราะในระบบนั้นจำเป็นต้องมี Storage เฉพาะเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ตลาดของ CI และ HCI นั้นแยกขาดจากกันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน กล่าวคือ CI นั้นจะรองรับการนำไปใช้งานในรูปแบบเฉพาะทางได้ดี และมีประสิทธิภาพที่สูงมาก ในขณะที่ HCI นั้นจะรองรับการนำไปใช้งานอย่างยืดหยุ่นหลากหลายมากกว่า และมีประสิทธิภาพที่สูงเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป

ถึงแม้ HCI จะใช้งานง่าย แต่ CI ก็ยังคงจำเป็นต่อธุรกิจองค์กร

แม้ว่า HCI จะเข้ามาตีตลาดได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ CI เองนั้นก็ยังมีบทบาทภายในธุรกิจองค์กรเป็นอย่างมาก และเป็นสัดส่วนที่ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว โดย Enterprise Strategy Group หรือ ESG นั้นได้ทำการสำรวจธุรกิจองค์กรกว่า 324 แห่ง และพบว่าองค์กรเกินกว่าครึ่งนั้นยังคงมีการใช้งานทั้ง CI และ HCI พร้อมๆ กัน ในขณะที่องค์กรที่ใช้งาน CI เพียงอย่างเดียวนั้นก็ยังคงมีสัดส่วนที่สูงถึง 31% ในขณะที่องค์กรที่เลือกใช้งานเฉพาะ HCI อย่างเดียวนั้นยังคงมีสัดส่วนเพียงแค่ 10%

Credit: ESG

แน่นอนว่าแนวโน้มในอนาคตนั้น HCI เองก็คงจะได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ตัวเลขสัดส่วนในการสำรวจนี้ก็บอกให้เราได้รู้ว่าไม่ว่า CI หรือ HCI นั้นต่างก็มีความจำเป็นต่อธุรกิจองค์กรทั้งคู่ เพราะโจทย์ที่ทั้งคู่ตอบนั้นคือคนละโจทย์กัน ซึ่งประเด็นนี้เองก็จะกลายเป็นปัญหาของผู้ดูแลระบบ Data Center ที่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องดูแลระบบที่หลากหลายภายใน Data Center ของธุรกิจอยู่ดี

HPE ในฐานะของผู้นำทางด้านเทคโนโลยี Data Center เองก็เล็งเห็นว่าโจทย์นี้ถือเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับธุรกิจองค์กร ซึ่งถึงแม้ HPE จะมีทั้งโซลูชันในส่วนของ CI และ HCI แต่ในระยะยาวแล้ว การออกแบบโซลูชันใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจให้ได้ในขณะที่ระบบยังคงมีความง่ายดายในการดูแลรักษาและเพิ่มขยายสำหรับผู้ดูแลระบบ IT นั้น ก็ย่อมจะส่งผลที่ดีกว่าต่อธุรกิจองค์กรทั่วโลก ทำให้ HPE ได้พัฒนาโซลูชัน dHCI ขึ้นมานั่นเอง

dHCI = Disaggregated HCI

ปัญหาใหญ่ๆ ที่เหล่าธุรกิจองค์กรพบในการใช้งาน HCI นั้น ก็คือการที่ระบบ HCI จะต้องบังคับให้มีการเพิ่มทั้ง Compute และ Storage ไปพร้อมๆ กันในการเพิ่มขยายระบบ เนื่องจากระบบทั้งสองส่วนนี้อยู่บน Hardware ชุดเดียวกัน ทำให้ในการใช้งานจริงนั้นเมื่อทรัพยากรหมดเพียงแค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง ภาคธุรกิจก็ต้องลงทุนเพิ่มขยายระบบทั้งสองส่วนไปพร้อมๆ กันอย่างไม่มีทางเลือก

ปัญหานี้ทำให้ในการใช้งาน HCI ในช่วง 3-5 ปีแรกนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินกว่าที่จำเป็นเป็นอย่างมาก แนวคิดของการทำ Disaggregated HCI หรือ dHCI นี้จึงเกิดขึ้นมาในฐานะของ 2nd Generation HCI นั่นเอง โดยทำการแยกชั้นของ Compute และ Storage ออกจากกัน โดยที่ระบบทั้ง 2 ยังคงสามารถทำงานร่วมกันและเชื่อมต่อกันได้อย่างอัตโนมัติ และเพิ่มขยายแบบ Scale-Out เป็นส่วนๆ ได้ ทำให้ในระยะยาวแล้ว ธุรกิจสามารถลงทุนขยายเฉพาะส่วนที่ตนเองต้องการได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด

HPE Nimble Storage dHCI ผสานความง่ายของ HCI เข้ากับประสิทธิภาพของ CI ตอบโจทย์ความคล่องตัวและความคุ้มค่าที่เหนือกว่า

แนวทางของ HPE ในการริเริ่มโซลูชัน dHCI นั้นเกิดขึ้นโดยมุ่งเน้นที่จะผสาน CI เข้ากับ HCI และแก้โจทย์ดังต่อไปนี้ของทั้งสองสถาปัตยกรรม

  • นำข้อดีด้านความง่ายในการบริหารจัดการ, ดูแลรักษา และเพิ่มขยายของ HCI มาใช้
  • นำข้อดีด้านประสิทธิภาพ และการเลือกเพิ่มขยายเฉพาะส่วนของ Compute หรือ Storage จาก CI มาใช้
  • ยังคงรองรับการให้บริการ VM ได้อย่างยืดหยุ่น และดูแลรักษาระบบในภาพรวมจากศูนย์กลางได้ง่ายดาย
  • มีความทนทานของระบบที่สูง ตอบโจทย์ Business Application ของธุรกิจองค์กรได้เป็นอย่างดี

HPE นั้นได้เลือกที่จะพัฒนาโซลูชัน dHCI โดยต่อยอดจากแนวคิดของ CI ที่นำ Server และ Storage มาทำงานร่วมกันเป็นหลัก โดยทำการเพิ่มความสามารถด้านการบริหารจัดการ, ดูแลรักษา และเพิ่มขยายระบบอย่างง่ายดายของ HCI เข้ามาใช้ โดยโซลูชันดังกล่าวนี้จะใช้ HPE Nimble Storage เป็นระบบ Storage หลักร่วมกับ HPE ProLiant สำหรับทำหน้าที่ Compute และมี HPE InfoSight ช่วยในการดูแลรักษาระบบด้วย AI พร้อมทั้งทำการตั้งชื่อให้กับโซลูชันนี้ว่า HPE Nimble Storage dHCI

ความสามารถหลักๆ ของ HPE Nimble Storage dHCI มีดังนี้

  • ติดตั้งใช้งานได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที
  • ใช้ VMware vSphere เป็นระบบ Hypervisor มั่นใจได้ในความสามารถและความมั่นคงทนทาน
  • เห็นภาพรวมได้อย่างครบถ้วนทุกมุมมอง ด้วย HPE InfoSight ที่มาพร้อมกับการทำ Predictive Analytics, Performance/Resource Optimization ทำให้การดูแลรักษาระบบเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ลด Downtime ลงไปได้อย่างมหาศาล และทำให้การตัดสินใจต่างๆ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างอัตโนมัติ
  • บริหารจัดการระบบได้ในรูปแบบเดียวกับ HCI โดยยุบรวมชั้นของ Compute และ Storage เข้าด้วยกัน แล้วบริหารจัดการได้จากศูนย์กลางในรูปแบบของ Policy-Driven Automation ในระดับของ VM ทำให้ไม่ต้องมีการตั้งค่าระบบ Storage อย่างยากเย็นอีกต่อไป จัดการทุกอย่างได้ผ่าน vCenter โดยตรง
  • สามารถเพิ่มขยายระบบแบบแยกเฉพาะส่วนของ Compute หรือ Storage ได้ โดยขั้นตอนการเพิ่มทรัพยากรเข้าไปใน Cluster นั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดายและอัตโนมัติ
  • มีความทนทานที่สูงระดับ 99.9999% โดยไม่มี Single Point of Failure ในระบบ รวมถึงมีการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความทนทานให้กับข้อมูลทั้งหมดที่จัดเก็บอยู่ในระบบที่ระดับของ Software
  • มีประสิทธิภาพที่สูงอยู่เสมอในด้วย Latency ต่ำกว่าระดับ 200 Microsecond อยู่เสมอ พร้อมทำ QoS ให้กับการเข้าถึงข้อมูลได้
  • มีเทคโนโลยีการลดขนาดของข้อมูลที่สามารถลดขนาดของข้อมูลได้สูงสุดถึง 21 เท่า ทำให้การใช้งานระบบมีความคุ้มค่าอย่างเต็มที่
  • มีระบบสำรองข้อมูลให้พร้อมใช้งาน และสามารถทำงานร่วมกับโซลูชันสำรองข้อมูลชั้นนำอย่าง Veeam หรือ HPE Recovery Manager Central ได้
  • สามารถทำงานร่วมกับบริการ Cloud เพื่อก้าวสู่การทำ Hybrid Cloud ได้ทันที รองรับทั้ง HPE Cloud Volumes และ Anthos ของ Google Cloud

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HPE Nimble Storage dHCI สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hpe.com/emea_europe/en/storage/nimble-storage-dhci.html

ESG เผยผลการทดสอบ HPE Nimble Storage dHCI: ติดตั้งพร้อมใช้งานได้ในเวลาเพียงไม่นาน จัดการได้ง่ายดายผ่านระบบ GUI และ Automation

นอกเหนือไปจากการสำรวจภาพรวมของตลาดแล้ว ESG เองก็ยังได้ทำการทดสอบการใช้งาน HPE Nimble Storage dHCI และได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจดังนี้

Credit: ESG
  • การเริ่มต้นติดตั้ง HPE Nimble Storage นั้นสามารถทำการตั้งค่าแรกเริ่มให้พร้อมเริ่มต้นใช้งานได้ในเวลาเพียงแค่ 60 วินาทีเท่านั้น
  • สำหรับการตั้งค่า HPE Nimble Storage ให้เป็น dHCI นั้น ก็มีรายละเอียดบอกอย่างครบถ้วน เริ่มต้นตั้งแต่การตั้งค่า vCenter ที่มี OVA ให้พร้อมนำไปใช้งานได้ใน HPE Mimble Storage เลย, การเริ่มต้นสร้าง Cluster บน vCenter และการติดตั้ง Plugin ต่างๆ
  • การติดตั้ง HPE Nimble Storage dHCI นี้สามารถทำจนเสร็จเริ่มต้นใช้งานจริงได้ในเวลาเพียง 12 นาทีเท่านั้น จากนั้นก็สามารถสร้าง VM แรกผ่านทาง vSphere Plugin ได้ทันที
  • การเพิ่ม Physical Server ใหม่เข้าไปใน Cluster นั้นก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายภายในการคลิกเพียงแค่ 6 ครั้ง และใช้เวลาเพียงไม่ถึง 3 นาที
  • ภายใน HPE Nimble Storage dHCI นี้ ข้อมูลของ VM ทั้งหมดจะถูกจัดเก็บอยู่ภายใน Datastore และ VMware Virtual Volumes เป็นหลัก
  • ระบบสามารถมี Snapshot ย้อนหลังได้หลายพันชุด และสามารถ Clone ระบบขึ้นมาจาก Snapshot ได้ อีกทั้งยังสามารถทำ Snapshot กับระบบที่กำลังใช้งานอยู่ได้โดยไม่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพ
  • มีระบบสำหรับตรวจสอบ Configuration ของระบบว่าถูกต้องหรือไม่ โดยจะทำการตรวจสอบตามกฎด้วยกันทั้งสิ้น 54 ข้อม และแสดงข้อมูลให้เห็นชัดเจนว่าการตั้งค่าใดที่มีปัญหาบ้าง เพื่อให้สามารถทำการแก้ไขได้โดยง่าย

ผลการทดสอบนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความง่ายในการตั้งค่าเริ่มต้นและการใช้งานเบื้องต้นของ HPE Nimble Storage dHCI ซึ่งผู้ใช้งานนั้นหากคุ้นเคยกับการใช้งาน VMware vSphere และ VMware vCenter อยู่แล้ว ก็จะสามารถใช้งานและดูแลรักษาระบบดังกล่าวได้อย่างง่ายดายบนเครื่องมือที่คุ้นเคย

เอกสารฉบับเต็มของรายงานนี้อยู่ที่ https://www.hpe.com/emea_europe/en/pdfViewer.html?resource=/content/hpe/country/emea_europe/en/resources/storage/White-paper/a00075391enw&parentPage=/emea_europe/en/products/storage/nimble-storage-dhci ครับ ผู้ที่สนใจสามารถนำไปศึกษาได้ทันที

ดูแลรักษาและบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย AI จาก HPE InfoSight

ด้วย HPE InfoSight ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI สำหรับตรวจสอบและแก้ไขปัญหาต่างๆ ภายใน Data Center โดยเฉพาะของ HPE ซึ่งทำงานอยู่บน Cloud และรวบรวมประมวลผลข้อมูลจากระบบต่างๆ ของ HPE ทั่วโลกนั้น ก็ทำให้ HPE InfoSight มีข้อมูลรูปแบบของปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างครบถ้วนอยู่แล้วในตัว ทำให้ในการใช้งานจริงนั้นมีข้อมูลสถิติว่ากว่า 86% ของปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบนี้ สามารถถูกแก้ไขได้โดยอัตโนมัติด้วยความสามารถของ HPE InfoSight เลยทีเดียว

HPE InfoSight นั้นได้รวบรวมเอาทั้งข้อมูลจาก HPE ProLiant, HPE Nimble Storage, Network ภายในระบบ ไปจนถึงข้อมูลระดับของ Virtualization และ Application ต่างๆ ภายใน HPE Nimble Storage dHCI ไปประมวลผล ทำให้ไม่ว่าปัญหานั้นๆ จะเกิดขึ้นที่ระดับใด HPE InfoSight ก็สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นและมีคำตอบให้ได้อยู่เสมอ

นอกจากในแง่มุมของการแก้ไขปัญหาแล้ว HPE InfoSightl เองก็ยังสามารถช่วยทำนายแนวโน้มการใช้ทรัพยากรหรือประสิทธิภาพในส่วนต่างๆ เพื่อให้ผู้ดูแลระบบมีข้อมูลสำหรับนำไปวางแผนเพิ่มขยายทรัพยากรได้ตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นจากการใช้งานจริง และสามารถทำนายล่วงหน้าได้ด้วยว่าระบบใดมีแนวโน้มที่จะมีปัญหา เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถทำการป้องกันล่วงหน้าได้ทันท่วงที ลดความเสี่ยงที่จะเกิด Downtime ภายในระบบลงได้เป็นอย่างดี

ติดต่อทีมงาน Metro Connect ได้ทันที

ผู้ที่สนใจโซลูชันของ HPE สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอทดสอบใช้งานระบบได้ทันทีที่ทีมงาน Metro Connect คุณโยธิน หงส์พันธุ์ (Mr.Yothin Hongphan) yothinhon@metroconnect.co.th 02-089-4343

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-nimble-storage-dhci-introduction-by-metro-connect/

ทลายทุกข้อจำกัดเรื่องจัดเก็บข้อมูลระดับ Enterprise ทุกอย่างจะเร็วและง่ายด้วย HPE Nimble

HPE Nimble เป็นเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบอัจฉริยะ สามารถช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลขององค์กรขนาดใหญ่ทำได้ง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม

บนโลกธุรกิจ การทำงานในวันนี้กลายเป็นโลกที่แข่งขันกันด้วยข้อมูลไปแล้ว และเมื่อเอ่ยถึงเรื่องระบบการจัดเก็บข้อมูล ในทุก ๆ องค์กรธุรกิจไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ มักจะมอบหมายหน้าที่นี้ให้เป็นเรื่องของฝ่ายไอที เพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนและเข้าใจยาก แต่ในวันนี้ที่เราเข้าสู่ยุคของ Big Data ในอนาคตข้างหน้าอีกไม่ช้าบุคลากรในระบบผู้บริหารขององค์กรต่าง ๆ จะต้องทำการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับบุคลากรฝ่ายไอทีมากขึ้น เพราะเทคโนโลยีการบริหารจัดเก็บข้อมูลนั้นจะส่งผลต่อศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจอย่างมาก ทั้งนี้การทำความรู้จักเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาช่วยให้การจัดเก็บ ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นนั้น จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับคนทั้งองค์กร ซึ่งหนึ่งเทคโนโลยีที่น่าสนใจและตอบโจทย์การจัดเก็บข้อมูลในระดับ Enterprise ในวันนี้ คงไม่มีใครเกิน HPE Nimble

HPE Nimble คืออะไร

HPE Nimble คือ เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูง โดยได้มีการนำหลักการของแมชชีนเลิร์นนิ่ง (Machine Learning) เข้ามาช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ศักยภาพที่เหนือระดับของ HPE Nimble

เชื่อว่าองค์กรในระดับ Enterprise น่าจะมีความคุ้นเคยกับระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบ SAN Storage และหลาย ๆ องค์กรธุรกิจก็อาจจะยังมีการใช้ระบบนี้อยู่ ซึ่งขอปูพื้นความเข้าใจกันอีกครั้ง SAN Storage เป็นรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลแบบหนึ่ง ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายยาวนานมากว่า 10 ปี จะมีการนำ HDD ติดตั้งลงใน Storage แล้วส่งข้อมูลผ่านข้อมูลผ่าน SAN Switch โดยมีการนำ Storage มาเชื่อมต่อกับ Server หลายเครื่อง และก็จะมีระบบเฉพาะเข้ามาช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงานตามหน้าที่ประสานกันในการรับส่งข้อมูล แม้ระบบนี้จะดีแต่ก็ยังมีข้อจำกัดในตัวอุปกรณ์ที่เป็นอุปสรรคทำให้ระบบทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ข้อจำกัดดังกล่าวก็อยู่ตรงที่ HDD ที่ระบบการทำงานนั้นยังเป็นแบบจานหมุน การจะรับส่ง บันทึก หรือค้นหาข้อมูลแต่ละครั้งจะทำได้ไม่เร็วพอ เพราะกว่าหัวอ่านจะไปค้นหาตำแหน่งข้อมูลที่บันทึกอยู่ในจานหมุน หรือค้นหาตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะบันทึกข้อมูลก็ต้องใช้เวลา ซึ่งเทคโนโลยี HPE Nimble นั้นได้เข้ามาทลายข้อจำกัดในเรื่องฮาร์ดแวร์ตรงนี้ออกไป โดยในมีการพัฒนาระบบที่เรียกว่า CASL เข้ามาช่วยค้นหาและบันทึกข้อมูลลง HDD ได้เร็วขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ประสิทธิภาพการอ่าน เขียน และบันทึกข้อมูลของ HDD สามารถทำได้เร็วเทียบเท่ากับการใช้อุปกรณ์จัดเก็บแบบ SSD เลยทีเดียว พร้อมกันนั้นเทคโนโลยีนี้ยัง สามารบีบอัดข้อมูลขนาดใหญ่ ๆ ให้เล็กลงได้โดยไม่ทำให้ไฟล์ข้อมูลต้องสูญเสียคุณภาพ เพื่อการจัดเก็บ รับส่ง และสำรองข้อมูลได้ง่ายขึ้น 

ศักยภาพที่เหนือระดับอีกประการของ HPE Nimble ก็คือการพัฒนาระบบการทำงานให้มีความอัจฉริยะมากขึ้น สามารถที่จะงานทำการเชื่อมโยงระบบ Data Center ขององค์กรไว้เป็นหนึ่งเดียว และระบบการทำงานแบบอัจฉริยะจะช่วยคาดการณ์แนวโน้มของปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการรับส่ง หรือสำรองข้อมูล รวมถึงวิเคราะห์ปัญหาและทำการแจ้งเตือนให้ผู้ดูแลระบบรู้ล่วงหน้าก่อนปัญหาจะเกิดขึ้นได้อย่างเสร็จสรรพ นี่จึงเป็นศักยภาพที่เหนือระดับของ HPE Nimble ที่องค์กรต่าง ๆ มองข้ามไปไม่ได้

ทำไมคุณควรใช้เทคโนโลยี HPE Nimble 

มาถึงตรงนี้หลาย ๆ ท่านอาจจะเริ่มเห็นประโยชน์และศักยภาพของเทคโนโลยี HPE Nimble กันแล้ว แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าองค์กรของตนควรจะลงทุนกับเทคโนโลยีนี้ดีหรือไม่ จึงขอสรุปเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจของทุกท่านดังนี้ 

  • เทคโนโลยีนี้ช่วยลดปัญหาข้อจำกัดต่าง ๆ ในการจัดเก็บข้อมูลในระดับองค์กรได้เป็นอย่างดี สามารถที่จะจัดเก็บข้อมูลบันทึกและอ่านข้อมูลได้อย่างแม่นยำ รวมถึงสำรองข้อมูลจำนวนมาก ๆ ในองค์กรขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว มีความปลอดภัยสูง และยังสามารถทำงานเชื่อมต่อกับระบบ Cloud ขององค์กรได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วด้วย จึงนับเป็นทางเลือกที่ดีที่สามารถตอบโจทย์เรื่องการจัดเก็บข้อมูลตั้งแต่องค์กรขนาดกลางไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่
  • เทคโนโลยีนี้ช่วยลดต้นทุนให้กับองค์กรได้ เพราะโดยปกติแล้วในทุก ๆ องค์กรจะต้องมีการซื้อลิขสิทธิ์ระบบสำรองข้อมูลและกู้คืนข้อมูล เป็นค่าใช้จ่ายแยกย่อยออกมาจากเรื่องของการสร้างระบบจัดเก็บข้อมูล แต่หากเลือกใช้เทคโนโลยีนี้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้อีกเลย เพราะเทคโนโลยี HPE Nimble สามารถดูแลครอบคลุมในเรื่องสำรองข้อมูลและกู้คืนข้อมูลได้อย่างครบครัน
  • เทคโนโลยีนี้ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการเรื่อง Data Center ได้ง่ายมากขึ้น สามารถนำไปใช้กับการแก้ไขปรับปรุงศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center ขององค์กรได้อย่างสะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น จึงเป็นการช่วยลดภาระงานด้านไอทีให้กับองค์กร
  • เทคโนโลยีนี้ช่วยลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นในระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบเดิม ๆ โดยใช้ Machine Learning เข้ามาช่วยทำให้ระบบมีความอัจฉริยะ สามารถที่จะทำงานร่วมกับระบบ Network, Server, ฐานข้อมูล และแอปพลิเคชันขององค์กรได้แบบครบจบในที่เดียว ช่วยให้กระบวนการต่าง ๆ ในการทำงานเกี่ยวกับข้อมูลลดความซับซ้อนลง จึงช่วยให้องค์กรมีศักยภาพในการแข่งขันด้านข้อมูลที่สูงขึ้น ส่งผลให้องค์กรสามารถเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วได้

กรณีศึกษาองค์กรระดับโลกกับการใช้เทคโนโลยี HPE Nimble

องค์กรใหญ่ระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจด้านอุตสาหกรรมพลังงาน วิศวกรรมการผลิตไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีสาขาอยู่ที่ประเทศไทยด้วย อย่างบริษัท Siemens เป็นองค์กรที่ช่วยยืนยันได้ว่าประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนี้เข้ามาเปลี่ยนแปลงและส่งผลดีต่อองค์กรอย่างไร หากมองจากโครงสร้างองค์กรและรูปแบบธุรกิจของ Siemens ก็จะเห็นว่ามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของ Data จำนวนมาก มีปริมาณข้อมูลที่ต้องวิเคราะห์ ประมวลผลและจัดเก็บมากมายในแต่ละวัน 

ซึ่งแต่เดิมวิศวกรของ Siemens เมื่อจะทำโครงการอะไรสักชิ้น ก็จะต้องมาคำนึงถึงเรื่องของ Data ว่าจะค้นหาอย่างไร จะจัดเก็บอย่างไร ซึ่งทำให้เสียเวลาในการโฟกัสงานหลัก ๆ ไปพอสมควร โครงการต่าง ๆ ที่ควรจะใช้เวลาทำเพียงนิดเดียวจึงมีความจำเป็นต้องยืดเวลาออกไปโดยไม่จำเป็น ผู้บริหาร Siemens มองเห็นปัญหานี้จึงเลือกที่จะใช้ HPE Nimble เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการข้อมูล โดยทาง Siemens ได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในส่วนของงาน Digital Factory ขององค์กร ทำให้เหล่าวิศวกรของ Siemens สามารถที่จะมีเวลามากขึ้นกับการโฟกัสงานของตนเอง มีเวลามากขึ้นในการหาแนวคิดใหม่ ๆ ที่ดีขึ้นในการทำงาน โดยไม่ต้องไปเสียเวลากับเรื่องของการหาวิธีจัดเก็บหรือรับส่งข้อมูลต่าง ๆ ในงานโครงการต่าง ๆ ดังเช่นที่เคยเป็นมาอีกต่อไป 

หลังจากที่ Siemens ได้ใช้งานเทคโนโลยีนี้มาสักระยะปรากฎว่าไม่เพียงที่เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยลดเวลาในการจัดการข้อมูลต่าง ๆ และช่วยลดปริมาณงานเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับระบบซอฟต์แวร์การทำงานขององค์กรได้เป็นอย่างดี ช่วยให้พวกเขาสามารถบริหารจัดการเรื่อง Data Center ได้ง่ายขึ้น และยังสามารถที่จะคาดการณ์ปัญหาของระบบการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้าได้ชัดเจนและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วย

นี่คือ ความน่าสนใจของเทคโนโลยี HPE Nimble ที่สามารถทลายทุกข้อจำกัดแบบเดิม ๆ ในเรื่องการจัดเก็บข้อมูลองค์กรระดับ Enterpriseได้อย่างตอบโจทย์  เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับองค์กรธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการเติบโตอย่างก้าวกระโดด หนึ่งโซลูชั่นด้านไอทีที่บอกเลยว่าลงทุนแล้วคุ้มค่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ HPE Nimble Storage  และสินค้ากลุ่ม Storage  เพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ควิกเซิร์ฟ โปรไวเดอร์ จำกัด โทร 024961234 หรือเว็บไซต์ https://www.quickserv.co.th

from:https://www.techtalkthai.com/quickserv-introduces-hpe-nimble-storage-for-enterprises/

TechTalk Webinar: HPE Intelligent Storage – Flash Storage with Data Protection โดย​ HPE Thailand

ISS Consulting (Thailand) Ltd. ขอเรียนเชิญเหล่า IT Manager, Data Center Engineer, System Engineer, Cloud Engineer และผู้ที่ดูแลระบบ Data Center ขององค์กร เข้าร่วมฟัง TechTalk Webinar ในหัวข้อเรื่อง “HPE Intelligent Storage – Flash Storage with Data Protection โดย HPE Thailand” มาทำความรู้จักกับ HPE Nimble Storage ระบบ All Flash Storage ล่าสุดจาก HPE พร้อมรับชม Demo ความสามารถด้านการทำ Data Protection ที่มีให้พร้อมใช้งานได้ในตัว ในวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 14.00 – 15.30 น. โดยมีกำหนดการและวิธีการลงทะเบียนดังนี้

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: HPE Intelligent Storage – Flash Storage with Data Protection โดย HPE Thailand
ผู้บรรยาย: คุณ Songphon Sangmas, HPE Nimble Storage Thailand
วันเวลา: วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 14.00 – 15.30 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
จำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด: 100 คน
ภาษา: ไทย

ใน Webinar ครั้งนี้ ทีมงาน HPE จะมาเล่าถึงภาพรวมของเทคโนโลยี All Flash Storage และผลิตภัณฑ์ HPE Nimble Storage ให้ทุกท่านได้รู้จักกัน รวมถึงจะมีการ Demo ความสามารถในการทำ Data Protection ที่มีมาให้พร้อมใช้งานได้ในตัวอุปกรณ์ เพื่อให้ทุกท่านสามารถนำไปเป็นทางเลือกพิจารณาได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นสำหรับระบบ All Flash Storage ที่สามารถทำงานได้เป็นทั้ง Production Storage และ Backup ไปพร้อมๆ กัน

ลงทะเบียนเข้าร่วม TechTalk Webinar ได้ฟรี

ผู้ที่สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อเข้าร่วม TechTalk Webinar ในหัวข้อนี้ได้ฟรีๆ ทันทีที่ https://zoom.us/webinar/register/WN_svdaMKfQSOu01Nq2J_hWcA โดยทีมงานขอความกรุณากรอกข้อมูลชื่อบริษัทด้วยชื่อเต็มของหน่วยงานหรือองค์กร เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการจัดการกับข้อมูลการลงทะเบียน

from:https://www.techtalkthai.com/techtalk-webinar-hpe-intelligent-storage-flash-storage-with-data-protection-demo/

HPE ประกาศรองรับ Memory-Driven Flash ใช้ SCM และ NVMe ใน Storage พร้อมเปิดตัว AI รุ่นใหม่

HPE ได้ออกมาอัปเดตหลายประเด็นทางด้านเทคโนโลยี Storage ของตนเองในงาน HPE Discover 2018 ทั้งในแง่ของ AI, Cloud และการรองรับ SCM และ NVMe ดังนี้

 

Credit: HPE

 

HPE InfoSight ระบบ AI สำหรับช่วยดูแลรักษาและทำนายปัญหาของระบบ Storage นั้นได้ถูกเพิ่มความสามารถให้ครอบคลุมไปถึง Virtualization Layer ได้แล้ว และยังช่วยแนะนำได้ด้วยว่าควรนำ Workload ใดไปทำงานอยู่บนระบบไหนเพื่อให้ใช้ทรัพยากรได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น ในขณะที่ยังเพิ่มการนำ Machine Learning ไปใช้ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาด้านประสิทธิภาพบน HPE 3PAR ได้ด้วย

ส่วนบริการ Cloud อย่าง HPE Cloud Volumes สำหรับใช้งานร่วมกับ HPE Nimble Storage นั้นก็ได้ประกาศรองรับการใช้งานในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เพิ่มเติมในปี 2019, ประกาศรองรับการทำงานร่วมกับ Docker และ Kubernetes เพื่อรองรับ DevOps และ Cloud-Native Application รวมถึงผ่านการรับรอง SoC 2 Type 1 Certification แล้ว

นอกจากนี้ HPE 3PAR และ HPE Nimble Storage ก็ประกาศรองรับ HPE Memory-Driven Flash โดยใช้ Storage Class Memory (SCM) และ NVMe ในการจัดเก็บข้อมูล ช่วยลด Latency ลงได้ 2 เท่า และทำงานได้เร็วขึ้น 50% รองรับการประมวลผลแบบ Real-time ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://hpe.com/storage/memorydrivenflash/

สำหรับประกาศอื่นๆ ที่น่าสนใจมีดังนี้

  • HPE Nimble Storage รองรับการทำ Peer Persistence สามารถทำ Multi-site Synchronous Replication พร้อม Automatic Failover ได้แล้วโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • รองรับการทำงานร่วมกันระหว่าง HPE Apollo, HPE DL380 Server และ Cohesity เป็นอีกทางเลือกในการ Backup ข้อมูล
  • เปิดตัว HPE Apollo 4200 Gen10 ระบบ Server สำหรับรองรับงาน Big Data Analytics และ Scale-Out Software Defined Storage
  • HPE GreenLake Flex Capacity มีลูกค้าใช้งานพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ On-Premises กว่า 500PB ด้วยค่าใช้จ่ายแบบ Pay-per-Use แล้ว
  • เปิดตัว HPE GreenLake for Backup โดยรองรับ Veeam สำหรับการสำรองข้อมูลโดยคิดค่าใช้จ่ายแบบ Consumption-based ได้แล้ว

 

ที่มา: https://news.hpe.com/hewlett-packard-enterprise-introduces-industry-leading-storage-intelligence-to-portfolio/

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-supports-memory-driven-flash-and-new-ai-for-its-storages/

รู้จักโซลูชัน HPE Nimble Storage กับการ Integrate ร่วมกับ VMware เพื่อการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

โซลูชันล่าสุดของ HPE อย่าง HPE Nimble Storage นั้น มักเป็นที่รู้จักกันในฐานะของ All Flash/Hybrid Flash Storage ที่มีจุดเด่นด้านการมีระบบ AI สำหรับช่วยในการบริหารจัดการและทำนายปัญหาที่อาจเกิดในอนาคตได้ล่วงหน้า กับการแถมความสามารถในการทำ Backup/Replication มาให้ในตัว แต่บทความนี้จะขอนำเสนอ HPE Nimble Storage ในมุมที่ต่างออกไป กับเทคโนโลยีในการ Integrate การทำงานเข้ากับ VMware ได้อย่างหลากหลาย เพื่อให้ระบบ Virtualization และ Hybrid Cloud ขององค์กรนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

Credit: HPE

 

รู้จัก HPE Nimble Storage ในแบบภาพรวมกันก่อน

สำหรับใครที่อาจยังไม่รู้จัก HPE Nimble Storage มาก่อน เทคโนโลยีนี้คือเทคโนโลยี Storage ล่าสุดที่ HPE ได้ทำการเข้าซื้อกิจการมา เพื่อใช้เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งสำหรับตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ที่กำลังมามองหา All Flash Storage หรือ Hybrid Storage ที่มีประสิทธิภาพสูง, ง่ายต่อการบริหารจัดการ และคุ้มค่า ด้วยความสามารถที่โดดเด่นดังต่อไปนี้

  • มีรุ่นให้เลือกหลากหลาย ทั้ง All Flash, Hybrid, Secondary Flash ตอบโจทย์ได้ตามต้องการด้วยช่วงราคาที่แตกต่างกัน
  • มีความสามารถในการเขียนอ่านข้อมูลสูง ไม่ว่าจะทำงานบน SSD หรือ HDD ก็ตาม
  • สามารถเพิ่มขยายได้หลากหลายวิธีการ ทั้ง Scale Up, Scale Out
  • ลดพื้นที่การเขียนข้อมูลได้ด้วยเทคโนโลยี Deduplication และ Compression ในตัว
  • สามารถทำการ Backup และ Replicate ข้อมูลได้ทันที ไม่ต้องซื้อ License เพิ่ม
  • มีระบบ AI บน Cloud ช่วยตรวจสอบ วิเคราะห์ และทำนายปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับ Storage และระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องล่วงหน้าได้
  • สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีจากผู้ผลิตรายต่างๆ ได้หลากหลาย

ที่ผ่านมาเรามักได้ยินชื่อเสียงของ HPE Nimble Storage ในเรื่องของความง่าย, ความคุ้มค่า และระบบ AI ที่มาช่วยบริหารจัดการเป็นหลัก แต่อันที่จริงแล้ว HPE Nimble Storage เองนี้ก็ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการทำ Virtualization โดยเฉพาะ จึงสามารถทำการ Integrate เข้ากับ VMware ได้หลากหลายความสามารถ และทำให้การใช้ HPE Nimble Storage ในโซลูชันของ VMware นั้นกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

 

ตอบโจทย์ Virtualization อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถในการ Integrate การทำงานร่วมกับ VMware ได้อย่างหลากหลาย

 

Credit: HPE

 

HPE Nimble Storage นี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ VMware เอาไว้อย่างมากมาย เพื่อให้การทำ Data Center Virtualization, Desktop Virtualization หรือ Hybrid Cloud นั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดายในขณะที่ยังคงมีประสิทธิภาพสูงสุด และคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว ดังต่อไปนี้

 

รองรับ VASA ในตัว เชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย

ในปัจจุบันนี้การ Integrate ระบบ Storage เข้ากับ VMware ผ่านทาง VASA ถือเป็นความสามารถพื้นฐานไปแล้ว และ HPE Nimble Storage ก็ได้ทำการฝังระบบ VASA Provider เข้าไปในตัวเลย และทำให้การเชื่อมต่อกับ vCenter สามารถทำได้อย่างง่ายนดายด้วยการติ๊กเลือกเปิดใช้งานเท่านั้น

 

ใช้ HPE Nimble Storage Folders ในฐานะของ VMware Storage Containers ได้

เทคโนโลยี HPE Nimble Storage Folders นี้สามารถเข้ามาเติมเต็มการใช้งาน VMware ได้เป็นอย่างดี ด้วยความสามารถในการเพิ่มหรือลดขนาด Folder ได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่ง HPE Nimble Storage Folders นี้ก็สามารถถูกนำไปใช้เชื่อมต่อเข้ากับ VVol Datastore และบริหารจัดการผ่าน vCenter ได้ทั้งหมด รองรับต่อการเติบโตของ Data Center ในอนาคตได้เป็นอย่างดี

 

รองรับ VVol อย่างเต็มตัว ตอบโจทย์ Virtualization Storage สำหรับอนาคต

การใช้งาน VVol นั้นจะช่วยให้ระบบ Virtualization ของวองค์กรมีความยืดหยุ่นสูงยิ่งขึ้นด้วยการจองพื้นที่เฉพาะเท่าที่ VM ต้องใช้งานจริงๆ และทำให้การบริหารจัดการข้อมูลของแต่ละ VM ทำได้อย่างสะดวก ง่ายดาย และยืดหยุ่นยิ่งกว่าเดิมเป็นอย่างมาก HPE Nimble Storage นี้มาพร้อมกับความสามารถในการรองรับ VVol ได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังสามารถ Offload งานประมวลผลด้านข้อมูลออกมาจาก VMware vSphere ได้ ทำให้ระบบโดยรวมมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นอย่างชุดเจน และปกป้องข้อมูลได้ถึงในระดับ VM

 

รองรับการทำ Backup/Recovery ร่วมกับ VMware VVols

HPE Nimble Storage นี้สามารถรองรับการทำ Array-based Replication ร่วมกับ VMware VVol เพื่อรองรับการทำ Disaster Recovery ได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถทำการกู้คืนข้อมูลหรือระบบ รวมถึงทำการ Clone VM ได้ ทำให้สามารถกู้คืนข้อมูลของ VM เป็นบางส่วนหรือกู้คืนข้อมูลทั้งหมดของ VM ก็ได้เช่นกัน และยังสามารถ Integrate การทำงานร่วมกับ VMware SRM ได้ด้วย

 

มี Plug-in สำหรับ vCenter รองรับความสามารถหลากหลาย

HPE Nimble Storage นี้มี vCenter Plug-in ของตัวเองที่จะช่วยให้การบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับข้อมูลสามารถทำได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ดังนี้

  • สามารถกู้คืนข้อมูลเป็นส่วนๆ โดยสามารถเลือกข้อมูลชุดที่ทำการสำรองเอาไว้ในแต่ละช่วงเวลาได้
  • สามารถกู้คืนข้อมูลไปยัง VM เดิม หรือ Clone VM ใหม่ขึ้นมาจาก Snapshot ก็ได้
  • สามารถกู้คืนข้อมูลเฉพาะ Disk ที่ต้องการได้ หรือจะทำการ Clone Disk ไปเชื่อมต่อเข้ากับ VM ก็ได้
  • เปิด VM ที่สาขาสำรองขึ้นมาในฐานะของระบบ Clone ได้
  • ปกป้องข้อมูลย้อนหลังโดยอัตโนมัติ 72 ชั่วโมง เพื่อป้องกันกรณีการลบ VM โดยอุบัติเหตุได้
  • ทำ Application-consistent Snapshot สำหรับ SQL Server และ Exchange ได้ผ่านทาง VSS for VVols

 

กำหนดค่าการทำงานผ่าน VMware SPBM ได้เลย

VMware Storage Policy Based Management (SPBM) นี้สามารถทำการกำหนดนโยบายการให้บริการ VVols ของ HPE Nimble Storage ได้โดยตรง ดังนี้

  • กำหนด Application Policy ให้ระบบมีประสิทธิภาพการทำงานที่เหมาะสมกับ Application ที่ต้องการใช้งาน
  • กำหนดช่วงเวลาในการทำ Snapshot และ Replication ได้ตามต้องการ
  • สามารถกำหนดการทำ Deduplication ได้อย่างอิสระ
  • เลือกทำ Data Encryption ในระดับ Per Virtual Disk ได้
  • สามารถเลือก Media สำหรับให้บริการข้อมูลได้ว่าจะเป็น All Flash หรือ Hybrid หรือแบบอื่นๆ

 

ประสิทธิภาพสูง รองรับ Bootstorm บน VDI ได้

 

Credit: HPE

 

ด้วยประสิทธิภาพระดับสูงของ HPE Nimble Storage รุ่น All Flash ก็ทำให้การรองรับ Virtual Desktop Infrastructure (VDI) นั้นกลายเป็นเรื่องง่าย และไม่ติดปัญหาคอขวดด้านประสิทธิภาพอย่างเช่นการเกิดเหตุ Bootstorm ของระบบ VDI ในขณะที่ความสามารถในการทำ Deduplication และ Variable Block Compression เองนั้นก็ช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลของ Virtual Desktop สามารถประหยัดพื้นที่ลงไปได้อย่างมหาศาล

นอกจากนี้ ความสามารถในการทำ Zero Copy Clone ของ HPE Nimble Storage เองก็ยังช่วยให้การ Clone VDI Base Image เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและไม่กินพื้นที่ของระบบเพิ่มอีกด้วย

 

HPE InfoSight VMVision ใช้ AI วิเคราะห์การทำงานได้ราย VM

 

Credit: HPE

 

HPE InfoSight VMVision นี้เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี Predictive Analytics ภายใน HPE InfoSight ที่จะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ทรัพยากรที่แต่ละ VM ใช้งานเป็นหลัก เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาด้านประสิทธิภาพของแต่ละ Datastore, Hypervisor, Host ได้ง่ายด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งาน vCPU, Memory, Network ของระบบทั้งหมด ทำให้ผู้ดูแลระบบเข้าใจความสัมพันธ์ของแต่ละกิจกรรมที่เกิดขึ้นซึ่งส่งผลต่อประเด็นด้านประสิทธิภาพ และทราบได้ถึงพื้นที่ว่างที่ VM ไม่ได้มีการใช้งาน เพื่อให้สามารถ Reclaim พื้นที่เหล่านั้นกลับคืนมาได้ และทราบได้ถึงว่ามี VM ใดที่เปิดทิ้งไว้แต่ไม่มีการทำงานจริงบ้าง เพื่อให้สามารถปิด VM หรือวางแผนลดจำนวน VDI ที่เปิดรอเอาไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

HPE InfoSight Cross-Stack Analytics for VMware: แก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้นด้วย AI

 

Credit: HPE

 

HPE InfoSight Cross-Stack Analytics for VMware นี้เป็นอีกความสามารถหนึ่งใน HPE Nimble Storage ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อนำ AI มาประยุกต์ใช้กับ VMware โดยเฉพาะ โดย HPE InfoSight จะทำการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในระบบ Virtualization อย่างครบถ้วนในทุกระดับ ตั้งแต่ Server, Storage, Network, Hypervisor, Operating System ไปจนถึง Application เพื่อให้การตรวจสอบและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็วที่สุด โดยทาง HPE นั้นระบุว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถช่วยทำนายล่วงหน้าถึงปัญหาที่มีแนวโน้มจะเกิดกับระบบได้มากถึง 9 ใน 10 ปัญหาเลยทีเดียว

 

ต่อยอดจาก Virtualization สู่ AI ได้ในอนาคต

การลงทุนกับระบบ Storage ในทุกวันนี้ถือว่ามีแง่มุมที่ต้องคิดมากกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย เพราะปัจจุบันการมาของเทรนด์ด้าน Big Data, AI, Machine Learning และ Deep Learning นั้นถือว่ามาแรงมาก และหลายๆ ธุรกิจเองก็ต้องมีการลองผิดลองถูกกับข้อมูลที่ตนเองมีอยู่ หรือข้อมูลใหม่ๆ ที่ทำการรวบรวมมา เพื่อค้นหาแนวทางในการสร้างคุณค่าใหม่ๆ จากข้อมูลด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลสมัยใหม่

การวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมหาศาลเหล่านี้ ประสิทธิภาพของระบบ Storage ถือว่าสำคัญมากในการลดปัญหาคอขวดในระหว่างการประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ให้น้อยลง ในขณะที่ความสามารถในการเพิ่มขยายระบบได้อย่างสะดวกและง่ายดายนั้นก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การลงทุนในระยะยาวเกิดความคุ้มค่า HPE Nimble Storage ซึ่งมีทั้งรุ่น All Flash, Hybrid Flash และ Secondary Flash จึงสามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้เป็นอย่างดีเมื่อองค์กรต้องการก้าวเข้าสู่โลกของ AI ด้วยการต่อยอดระบบจาก Storage เพื่องาน Virtualization เพียงอย่างเดียว ไปสู่การจัดเก็บข้อมูลและให้บริการข้อมูลสำหรับระบบ AI ในอนาคตได้ด้วยในตัว

 

ติดต่อ Metro Connect ได้ทันที

ผู้ที่สนใจ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม หรือต้องการใบเสนอราคา สามารถติดต่อขอคำปรึกษาเบื้องต้นได้ที่บริษัท Metro Connect Co.,Ltd โดยติดต่อ Mr.Yothin Hongphan โทร 02-089-4343 หรือ e-mail: yothihon@metroconnect.co.th website: http://www.metroconnect.co.th/

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-nimble-storage-for-vmware-by-metro-connect/