คลังเก็บป้ายกำกับ: SCM

[Guest Post] ติดปีกองค์กรสู่โลกแห่งอนาคตด้วยระบบจัดการอัจฉริยะ Atos & RISE with SAP

รู้หรือไม่ ? ทำไมองค์กรระดับโลกถึงสามารถบริหารคนที่มีจำนวนหลักหมื่นหรือหลักแสนคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำตอบคงหนีไม่พ้น การลงทุนเกี่ยวกับระบบหลังบ้านของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นระบบวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจ ERP, ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ CRM และอื่น ๆ อีกมากมาย

และรู้หรือไม่ว่า ใครคือผู้นำด้านโซลูชันระบบหลังบ้านขององค์กร ? หนึ่งในคำตอบคือ บริษัท SAP บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติเยอรมัน เจ้าของซอฟต์แวร์ที่เป็นโซลูชันทางธุรกิจอย่าง ERP, CRM, SCM และอื่น ๆ อีกมากมาย

ที่น่าสนใจคือ SAP มีพาร์ตเนอร์ระดับโลกอย่าง Atos ที่เป็นผู้ให้บริการด้านระบบคลาวด์เซอร์วิสชั้นนำ ที่จะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งของการจัดการข้อมูลบนระบบคลาวด์ให้มีความปลอดภัยอย่างเหนือชั้น ซึ่ง SAP จับมือกับ Atos เป็นพันธมิตรทางธุรกิจมายาวนานกว่า 35 ปี มีผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันซอฟต์แวร์มากกว่า 13,500 คน ให้บริการครอบคลุมถึง 42 ประเทศทั่วโลก และยังมีระบบข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยแบบ End-to-end อีกด้วย

แล้ว Atos & RISE with SAP น่าสนใจอย่างไร ?

ปัจจุบันการมีระบบหลังบ้านที่ช่วยบริหารองค์กรให้มีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่จะเป็นตัวช่วยผลักดันให้องค์กรเราเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ยังเป็นเครื่องมือช่วยขับเคลื่อน บูรณาการ และผสานระบบนิเวศภายในองค์กร เพื่อเข้าสู่โลกแห่งดิจิทัล

ตัวอย่างเช่น  ถ้าเราเป็นเจ้าของธุรกิจขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ในแต่ละวันเราต้องบริหารจัดการตั้งแต่ การขายของหน้าร้าน, รับคำสั่งซื้อจากลูกค้า, จัดการคำสั่งซื้อ, จัดการคลังสินค้า และบันทึกบัญชี ถ้าเรามีลูกค้าเพียงไม่กี่คน การบริหารจัดการเหล่านี้ คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ถ้าวันหนึ่งมีลูกค้ามาซื้อของจากบริษัทเราเพิ่มเป็นหลักร้อยหลักพันคน และยังไม่มีระบบจัดการเรื่องเหล่านี้ที่ดีพอ การบริหารจัดการเดิม ๆ ที่เคยดูเป็นเรื่องง่าย ๆ คงกลายเป็นเรื่องน่าปวดหัวอยู่ไม่น้อย

แต่ถ้าหากมีระบบหลังบ้านอย่าง ERP ที่ช่วยอัปเดตข้อมูลให้ทุกฝ่ายในองค์กร สามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงของทรัพยากรในบริษัทได้แบบ Real-time ก็จะสามารถช่วยบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ซึ่งระบบ SAP และ Atos นั้นสามารถตอบโจทย์และช่วยจัดการบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยจุดเด่นดังนี้

– Digital Platforms for SAP
โอนย้ายข้อมูลบริษัทไปยังระบบคลาวด์ได้อย่างปลอดภัย และมีเสถียรภาพด้วยโซลูชันอย่าง SAP S/4HANA

Industry Accelerators for SAP
เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจด้วยระบบวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจ ERP รับรู้ถึงข้อมูลเชิงลึกด้วย Market Forces & Trends

– Sustainability with SAP
เติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะ SAP จะช่วยวิเคราะห์ผลกระทบของธุรกิจเราต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เราสามารถวางแผนการเติบโต พร้อมกับการรักษาธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

– Rise with SAP
โซลูชัน On Cloud กับพันธมิตรอย่าง Atos ที่จะช่วยออกแบบรูปแบบการทำงาน, จัดการข้อมูลบนคลาวด์ และวิเคราะห์ข้อมูลอัตโนมัติด้วย AI และ Machine Learning

พูดง่าย ๆ คือ การร่วมมือระหว่าง SAP และ Atos ในครั้งนี้ เปรียบเสมือน “One-stop-service” สำหรับลูกค้ายุคนี้ที่ต้องการจะติดปีกธุรกิจตัวเองเข้าสู่โลกแห่งดิจิทัล แม้แต่บริษัทระดับโลกอย่าง EGAT, AOT หรือ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) ก็ยังไว้วางใจในระบบของ SAP และ Atos ด้วยเช่นกัน

แล้วธุรกิจยักษ์ใหญ่เหล่านี้ มองเห็นข้อดีในระบบของ SAP และ Atos อย่างไร ?

  1. Intelligent Enterprise
    การมีเทมเพลตพร้อมให้ลูกค้าปรับแต่ง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการ เพื่อช่วยให้เกิดกระบวนการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
  1. Peace of Mind
    ลูกค้าสามารถอุ่นใจได้ว่า ระบบต่าง ๆ ภายในองค์กร จะไม่ได้รับผลกระทบจากระบบของ Atos และ SAP เพราะบริการของ Atos และ SAP จะมาในรูปแบบ Decarbonized Cloud นั่นเอง
  1. Global Best Practice
    Atos และ SAP มีประสบการณ์ด้านการจัดการข้อมูลอย่างลึกซึ้งในหลาย ๆ อุตสาหกรรม รวมทั้งมีระบบนิเวศด้านไอทีจากพันธมิตรที่มีชื่อเสียงมากมาย ส่งผลให้ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์จากประสบการณ์ และนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น Internet of Things, AI และ Machine Learning
  1. Cloud
    Atos ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโซลูชัน Public Cloud ชั้นนำมากมาย เช่น Google Cloud, Microsoft Azure และ AWS ลูกค้าจึงไว้วางใจได้ว่า Atos มีประสบการณ์ด้านคลาวด์เซอร์วิสอยู่อย่างมาก

มาถึงตรงนี้ คงสรุปได้ว่า “ระบบจัดการหลังบ้านขององค์กร” คือหนึ่งในเครื่องมือที่จะผลักดันให้องค์กรสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการร่วมมือระหว่าง SAP และ Atos ในครั้งนี้ก็เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Digital Transformation ที่พร้อมจะติดปีกให้หลาย ๆ องค์กรเข้าไปสู่โลกแห่งดิจิทัล นั่นเอง

สนใจบริการ RISE with SAP และ Atos Services สามารถติดต่อได้ที่
คุณรตนพร สุริย์ อีเมล ratanaporn.suri@atos.net
หรือส่งข้อมูลความสนใจผลิตภัณฑ์มาที่ https://forms.gle/WCiXH3ZdFJUf1gFx6

from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-atos-rise-with-sap/

ฮิตาชิ แวนทารา พลิกวงการระบบจัดเก็บข้อมูลองค์กรด้วย Hitachi Virtual Storage Platform 5000 Series และซอฟต์แวร์บริหารจัดการ Hitachi Ops Center ขุมพลังแห่งระบบ AI

  • ลบล้างสถิติเก่าด้วย Hitachi Accelerated Fabric เทคโนโลยีใหม่ปั่นความเร็วได้ถึง 21 ล้าน IOPS พร้อมรองรับการขยายสูงถึง 69 เพตะไบต์ ยืนหนึ่งเหนือคู่แข่งทุกราย
  • ด้วยรากฐานระบบจัดเก็บข้อมูล NVMe Flash Array ที่เร็วที่สุดในโลก องค์กรจะพร้อมรับมือกับงานในทุกรูปแบบและปริมาณ
  • และด้วยศักยภาพอันเป็นตำนานของฮิตาชิ เราได้พัฒนาระบบ AI ที่ใหม่และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำหรับช่วยในการทำงานอย่างอัจฉริยะให้กับลูกค้า

ฮิตาชิ แวนทารา (Hitachi Vantara) ในเครือบริษัท ฮิตาชิ จำกัด (TSE: 6501) ประกาศเปิดตัวโซลูชันเก็บข้อมูลยุคใหม่พร้อมโครงสร้างพื้นฐานอันทรงพลัง ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ที่สามารถปรับขยายและยกระดับให้รองรับปริมาณงานทุกสเกล โซลูชันดังกล่าวประกอบด้วยแพลตฟอร์ม Hitachi Virtual Storage Platform (VSP) 5000 Series ซึ่งเป็นระบบจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กรใหม่ล่าสุดและเร็วที่สุดในโลก [1] พร้อมด้วยซอฟต์แวร์บริหารจัดการใหม่ล่าสุด Hitachi Ops Center และระบบปฏิบัติการอัปเดตใหม่ Hitachi Storage Virtualization Operating System เมื่อผนวกรวมกันแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาเร่งการทำงานในศูนย์ข้อมูลและส่งมอบระบบ IT ที่รองรับอนาคต ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่สุดล้ำที่เป็นรากฐานในการยกระดับสภาพแวดล้อมด้านศูนย์ข้อมูล ระบบคลาวด์ และ DataOps ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น

แพลตฟอร์ม Hitachi Virtual Storage Platform 5000 Series เป็นรากฐานสำหรับลูกค้าในการคว้าข้อได้เปรียบทางดิจิทัลเหนือคู่แข่งและบรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น คุณ Pratyush Khare ผู้ดำรงตำแหน่ง Vice President, Pre-Sales and Chief Technology Officer ประจำเอเชียแปซิฟิก บริษัท ฮิตาชิ แวนทารา กล่าวฮิตาชิ แวนทารา กำลังวางรากฐานสำหรับนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานระดับองค์กรที่มีความทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยโซลูชันใหม่ ที่ได้รับการออกแบบโดยใช้เทคโนโลยีที่รองรับอนาคต เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านศูนย์ข้อมูลในวันข้างหน้า

รากฐานของโครงสร้างพื้นฐานองค์กรที่ทันสมัย

Hitachi VSP 5000 Series มาพร้อมโครงสร้างพื้นฐานการเก็บข้อมูลสำหรับการดำเนินธุรกิจดิจิทัลทุกรูปแบบด้วยความเร็วและความยืดหยุ่นที่เป็นเลิศ เพื่อขับเคลื่อนปริมาณงานที่มีอยู่เดิม รวมถึงปริมาณงานใหม่ จำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์และระบบที่มีการใช้งาน AI โซลูชันนี้รองรับการจัดเก็บข้อมูลแบบบล็อกและไฟล์ ทั้งยังรองรับปริมาณงานหลากหลายประเภท ตั้งแต่การใช้งานทางธุรกิจที่มีความสำคัญ ไปจนถึงคอนเทนเนอร์และเมนเฟรม Hitachi VSP 5000 Series รองรับปริมาณงานทั้งหมดซึ่งทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นถึงขีดสุด

สถาปัตยกรรมใหม่ยกเครื่อง

VSP 5000 เป็น Flash Array ระดับ Enterprise ใหม่เอี่ยมที่พัฒนาขึ้นเพื่อมอบประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสูงสุด ด้วยสถาปัตยกรรมที่รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น SAS, NVMe และ Storage Class Memory (SCM) พร้อมขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจาก Hitachi Accelerator Fabric ส่งผลให้เป็น NVMe Flash Array ที่เร็วที่สุดในโลก ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลเชิงลึกและผลลัพธ์ทางธุรกิจเร็วขึ้น ด้วย IOPS สูงถึง 21 ล้าน นอกจากนี้ เจ้าของแอปพลิเคชันที่ใช้ทรัพยากรเยอะยังได้เห็นพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดด้วยเวลาตอบสนองที่รวดเร็วเพียง 70 ไมโครวินาที

VSP 5000 มาพร้อมกลไกลดพื้นที่การเก็บข้อมูลแบบใหม่ โดยใช้อัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิง (ML) ขั้นสูงในการลดพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลขณะเขียนแบบ On-The-Fly โดยประเมินจากขนาดของบล็อกและคุณลักษณะอื่น และอาศัยการกำจัดข้อมูลซ้ำซ้อนแบบ In-line และ Post-process เพื่อลดปริมาณการจัดเก็บข้อมูลให้มากที่สุด และส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานน้อยที่สุด ด้วยอัตราส่วนสูงสุดถึง 7:1 ในการจัดเก็บข้อมูลจริง

VSP 5000 สร้างขึ้นเพื่อรองรับธุรกิจดิจิทัลที่มีการทำงานตลอดเวลา ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Self-protecting พร้อมโครงสร้างทวีความแข็งแกร่ง ระบบจึงสามารถส่งต่อระดับการบริการได้แบบ 99.999999% Availability

พลิกโฉมการทำงานของศูนย์ข้อมูล

VSP 5000 ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญสำหรับองค์กรที่กำลังมองหาวิธียกระดับศูนย์ข้อมูลให้ทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการให้บริการอันเข้มงวด ครอบคลุมปริมาณงานหลากหลายประเภทและโมเดลการใช้งานแบบ Edge-to-core-to-multicloud

ส่วนซอฟต์แวร์ Hitachi Ops Center นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการดำเนินการและบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อยกระดับการตัดสินใจและทำให้การส่งมอบทรัพยากรมีความทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนให้ได้สูงสุด โดย Ops Center ช่วยให้ลูกค้าสามารถเร่งพัฒนาศูนย์ข้อมูลที่ชาญฉลาด ด้วยการช่วยทำงานอัตโนมัติสูงสุดถึง 70% ทั้งยังสามารถแสดงข้อมูลเชิงลึกอย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อใช้วินิจฉัยสภาพของระบบและดูแลการดำเนินงานด้านข้อมูลให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

อีกทั้งลูกค้ายังสามารถนำระบบจัดเก็บที่มีอยู่เดิมมาเพิ่มความสามารถให้เทียบเท่ากับ VSP 5000 ด้วยการทำ Storage Virtualization โดย VSP 5000 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการเปลี่ยนระบบจัดเก็บที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้ถึง 20%

มากไปกว่านั้น VSP Cloud Connect Pack เป็นการเพิ่มเกทเวย์ HNAS 4000 สำหรับการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างศูนย์ข้อมูลและคลาวด์สาธารณะ เพิ่มความยืดหยุ่น แต่คงไว้ซึ่งความสามารถในการค้นหา ผ่านกลไก metadata enrichment

ความยืดหยุ่นในการรองรับปริมาณงานสูงสุด

Hitachi Storage Virtualization Operating System (SVOS) คือขุมพลังของ VSP 5000 และได้รับการปรับให้เหมาะสมกับสถาปัตยกรรมแบบ Scale-out พร้อมรองรับเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น NVMe และ SCM นอกจากนั้นยังมี AI อัจฉริยะที่สามารถปรับให้เข้ากับสภาพที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อรองรับปริมาณงานทุกรูปแบบด้วยประสิทธิภาพสูงสุด ลดต้นทุนการจัดเก็บข้อมูล และคาดการณ์ข้อบกพร่องที่อาจกระทบต่อการทำงาน

VSP 5000 เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลเพียงหนึ่งเดียวในอุตสาหกรรมที่มีความยืดหยุ่น สามารถใช้งานเทคโนโลยี NVMe กับ SAS Flash Media ภายใต้ระบบเดียวกัน เพื่อให้คุ้มทุนและมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนั้นยังมีการทำ tiering แบบอัจฉริยะด้วย AI และ ML เพื่อจัดสรรการใช้งานของระบบจัดเก็บอย่างชาญฉลาด เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน

VSP 5000 ออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าสามารถเริ่มต้นจากขนาดเล็ก และเติบโตไปสู่ขนาดใหญ่ได้ตามต้องการ พร้อมกับให้บริการในแบบที่สามารถคาดการณ์ได้ นอกจากนั้นยังออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วและรวมปริมาณงานหลายประเภทเข้าด้วยกัน ทั้งระบบการทำธุรกรรมแบบดั้งเดิม การจัดเก็บที่ทันสมัย การวิเคราะห์ หรือแม้แต่เมนเฟรม โดยสามารถรวมการทำงานได้มากกว่าที่เคยเพื่อประหยัดต้นทุนและลดพื้นที่ของศูนย์ข้อมูล

สถาปัตยกรรมที่อัพเกรดได้ พร้อมที่จะเชื่อมต่อเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลที่มั่นคงอยู่แล้วกับเทคโนโลยีใหม่ เช่น SCM และ NVMe over Fabrics (NVMe-oF) โดยไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม

ประโยชน์เพิ่มเติมของ Hitachi VSP 5000 Series, Hitachi Ops Center และ SVOS ประกอบด้วย

  • Hitachi VSP 5100 เป็นโมเดลเริ่มต้นในตระกูล VSP 5000 Series มาพร้อมซอฟต์แวร์เสริมมากมายที่ช่วยบริหารข้อมูลครบวงจร วิเคราะห์ระบบอย่างทรงพลัง และบริหารจัดการข้อมูลดั้งเดิม
  • รับประกันข้อมูลไม่สูญหาย 100% สำหรับ VSP ทุกรุ่น รวมถึงรุ่นใหม่อย่าง VSP 5000
  • สำหรับลูกค้าที่ต้องการทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้เกิดภาวะฉุกเฉิน ฮิตาชิขอนำเสนอโซลูชัน Global-Active Device (GAD) ในการทำ active-active datacenter cluster 
  • Hitachi Ops Center Administrator ใช้งานง่าย ทำให้การบริหารจัดการและการทำงานด้าน IT คล่องตัวและง่ายขึ้น
  • Hitachi Ops Center ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการบริหารจัดการให้เป็นระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้าน IT และช่วยให้ลูกค้าสามารถแบ่งเวลาไปโฟกัสกับการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ อันเป็นประโยชน์ในการต่อยอดธุรกิจ

ความคิดเห็นจากลูกค้าและนักวิเคราะห์

ฮิตาชิ แวนทารา เป็นพันธมิตรที่ไว้วางใจได้ โดยช่วยให้ Conagra Brands สามารถปรับปรุงการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลให้ทันสมัยมากขึ้น Matt Bouges สถาปนิกด้าน IT ของ Conagra Brands กล่าว “Hitachi Virtual Storage Platform ใหม่ล่าสุด รวมถึง Hitachi Ops Center และระบบการปฏิบัติใหม่ล่าสุด มอบสมรรถภาพและประสิทธิภาพที่เราต้องการ โดยช่วยลดเวลาและต้นทุนที่เราต้องใช้ในการดำเนินงานด้าน IT พร้อมกับเร่งความเร็วในการสร้างมูลค่า และช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโต

แพลตฟอร์มสถาปัตยกรรม NVMe ช่วยให้ลูกค้าประหยัดต้นทุนในการรวมปริมาณงานมากมายเข้ากับระบบ Eric Burgener รองประธานฝ่ายวิจัยกลุ่มธุรกิจระบบโครงสร้างพื้นฐาน แพลตฟอร์ม และเทคโนโลยีของ IDC กล่าวสำหรับผู้นำด้าน IT ที่กำลังต้องการรวมระบบ ปัญหาด้านประสิทธิภาพ ความพร้อมใช้งาน และการปรับขนาดมีความสำคัญมาก ซึ่ง VSP 5000 สามารถตอบสนองความต้องการทั้งหมดนี้ โดยส่งมอบข้อมูลที่มีเวลาแฝงต่ำไม่ถึง 100 ไมโครวินาที พร้อมรับประกันข้อมูลไม่สูญหาย 100%”

ความคิดเห็นจากพาร์ทเนอร์

ลูกค้าจำนวนมากต่างมองหาแพลตฟอร์มที่มีความเร็วและความยืดหยุ่นโดยปราศจากความเสี่ยงเรื่องระบบขัดข้อง ซึ่งแพลตฟอร์ม Hitachi Virtual Storage Platform (VSP) 5000 ที่มีสถาปัตยกรรม NVMe ประสิทธิภาพสูงและรองรับการขยายขนาด สามารถมอบความเร็วและความยืดหยุ่นที่สร้างหลักประกันว่าลูกค้าจะพร้อมสำหรับโอกาสทางธุรกิจเสมอ Jack Kim รองประธานฝ่ายธุรกิจบริการของ HIS กล่าวแพลตฟอร์มดังกล่าวยังช่วยประหยัดต้นทุน ขจัดความเสี่ยงในการเกิดระบบขัดข้อง และรักษาความปลอดภัยข้อมูลอย่างเหนือชั้น สำหรับลูกค้าของเรา Hitachi VSP 5000 ถือเป็นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง

ลูกค้าของเราสมควรได้รับโซลูชันสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยและดีที่สุด ซึ่งฮิตาชิ แวนทารา ก็เดินหน้าส่งมอบข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ Suk-Hee Lee ผู้อำนวยการของ LGH กล่าวด้วย Virtual Storage Platform (VSP) 5000 ฮิตาชิไม่เพียงแค่มอบสถาปัตยกรรม NVMe ที่มีประสิทธิภาพและรองรับการขยายขนาดเท่านั้น แต่ยังได้มอบโอกาสในการเข้าถึง NVMe-oF หากลูกค้าต้องการด้วย

[1] อ้างอิงจากการทดสอบภายในองค์กรโดยใช้เกณฑ์ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม เทียบกับผลิตภัณฑ์คู่แข่งในท้องตลาด

การวางตลาด

Hitachi Virtual Storage Platform (VSP) 5000, Hitachi Ops Center และ Storage Virtualization Operating System พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้

ติดตาม ฮิตาชิ แวนทารา ได้ที่

เกี่ยวกับ ฮิตาชิ แวนทารา

ฮิตาชิ แวนทารา ในเครืองของบริษัท ฮิตาชิ จำกัด ช่วยให้ผู้นำองค์กรค้นพบและสามารถนำข้อมูลมาใช้สร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างชาญฉลาด และบรรลุผลสำเร็จที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและสังคม ซึ่งเราเรียกว่ากำไรสองเท่า ฮิตาชิ แวนทารา ผสานประสบการณ์กว่า 100 ปีในด้านเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ (OT) กับประสบการณ์กว่า 60 ปีในด้าน IT เพื่อปลดล็อกพลังของข้อมูลจากธุรกิจ บุคลากร และเครื่องจักรของลูกค้า นอกจากนี้ เรายังช่วยเหลือองค์กรต่าง ในการจัดเก็บ ยกระดับ ใช้งาน และสร้างรายได้จากข้อมูล เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มช่องทางใหม่ในการสร้างรายได้ และลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ โดยองค์กรที่ติดทำเนียบ Fortune 100 กว่า 80% ต่างไว้วางใจใช้งานโซลูชันข้อมูลของฮิตาชิ แวนทารา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hitachivantara.com

เกี่ยวกับบริษัท ฮิตาชิ จำกัด

บริษัท ฮิตาชิ จำกัด (TSE: 6501) มีสำนักงานใหญ่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น บริษัทมุ่งเน้นธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคมซึ่งผสานเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ เทคโนโลยีสารสนเทศ และผลิตภัณฑ์เข้าด้วยกัน บริษัทมีรายได้รวมในปีงบการเงิน 2561 (สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2562) ที่ระดับ 9.4806 ล้านล้านเยน (8.54 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีพนักงานราว 296,000 คนทั่วโลก ฮิตาชิส่งมอบโซลูชันดิจิทัลผ่านศูนย์ลูมาด้า (Lumada) ใน 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ Mobility, Smart Life, Industry, Energy และ IT เพื่อเพิ่มคุณค่าทางสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจให้แก่ลูกค้า สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hitachi.com

HITACHI เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของบริษัท ฮิตาชิ จำกัด ส่วนเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ และชื่อบริษัทอื่น เป็นทรัพย์สินของผู้เป็นเจ้าของ

from:https://www.techtalkthai.com/transform-your-data-storage-with-hitachi-virtual-storage-platform-5000-series/

เปิดตัว HPE Primera อุปกรณ์ Storage ล่าสุด ชูจุดเด่น 100% Available Guarantee และอัปเกรดได้เรื่อยๆ ไม่ตกรุ่น

HPE ได้ออกมาประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูลใหม่ล่าสุด HPE Primera ซึ่งเป็น All Flash Storage รุ่นใหม่ที่รองรับ NVMe และ Storage-Class Memory (SCM) เป็นหลัก พร้อมสนับสนุนการใช้งานและเพิ่มความทนทานด้วย AI อีกทั้งยังมาพร้อมกับ 100% Available Guarantee และความสามารถในการอัปเกรดระบบได้เรื่อยๆ โดยไม่มีวันตกรุ่น

Credit: HPE

HPE Primera นี้ทำงานด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Multi-Mode, All-Active และออกแบบมาให้รองรับการใช้งาน NVMe และ SCM ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อรองรับงาน Mission Critical ภายในระบบ IT ของธุรกิจองค์กรโดยเฉพาะ และสามารถรองรับการใช้งานในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน

จุดเด่นหนึ่งที่น่าสนใจคือการที่ HPE Primera นี้ออกแบบมาให้ทำงานโดยมี AI สนับสนุนโดยเฉพาะ ซึ่งก็มีทั้ง HPE InfoSight ที่สามารถช่วยตรวจสอบการใช้งาน Application ต่างๆ ภายในระบบ Storage และทำนายโอกาสที่จะเกิดความผิดปกติขึ้นในระบบล่วงหน้า ทำให้สามารถป้องกันปัญหาล่วงหน้าได้ พร้อมทั้งมี Embedded AI Engine ภายในช่วยตรวจสอบและประมวลผลความผิดปกติหรือทำนายปัญหาได้แบบ Real-time และยังมีเทคโนโลยีในการปกป้องข้อมูลที่หลากหลายอย่างเช่น Automatic Site Failover หรือ Data Protection บน Cloud และนี่เองที่ทำให้ HPE Primera กล้าที่จะใช้คำว่า 100% Availability Guarantee

อีกจุดหนึ่งก็คือการชูความเป็น Timeless Storage ที่ถ้าหากธุรกิจองค์กรเลือกที่จะ Subscribe บริการของ HPE ก็จะทำให้ HPE Primera สามารถอัปเกรดอย่างต่อเนื่องได้โดยไม่ตกรุ่นอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น License ของความสามารถต่างๆ บนระบบ, การอัปเกรด Controller ให้ฟรีๆ ไปจนถึงการรับประกันให้กับทั้งการทำ Data Reduction และ Data Availability

ปัจจุบันนี้ข้อมูลเชิงเทคนิคอย่างเป็นทางการของ HPE Primera ยังไม่ออกมา โดยผู้ที่สนใจข้อมูลเบื้องต้นก็สามารถเข้าไปศึกษาก่อนได้ที่ https://www.hpe.com/us/en/storage/hpe-primera.html หรือดูคลิปแนะนำด้านล่างนี้ก่อนได้เลยครับ

ที่มา: https://community.hpe.com/t5/Around-the-Storage-Block/Introducing-HPE-Primera-the-first-storage-unicorn-with-mythical/ba-p/7051129#.XQpi94gzaUk

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-primera-is-announced/

เปิดตัว NetApp AFF A320 NVMe All Flash Storage รุ่นล่าสุดสำหรับองค์กร

NVMe-over-Fabric หรือ NVMe-oF นั้นได้เริ่มกลายเป็นเทคโนโลยีหลักสำหรับใช้ในการเชื่อมต่อ All Flash Storage กันแล้ว และ NetApp ก็ได้ประกาศเปิดตัว NetApp AFF A320 ระบบ NVMe All Flash Storage รุ่นล่าสุด เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่ต้องการใช้งานเทคโนโลยีล่าสุดนี้แล้ว

Credit: NetApp

NetApp AFF A320 นี้รองรับการ Scale-Out ได้สูงสุด 24 Node, สามารถรองรับ SSD ได้สูงสุด 576 ชุด, มีพื้นที่ใช้งานสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 35PB โดยมีขนาดเริ่มต้นเพียงแค่ 2U เท่านั้น

จุดเด่นของ NetApp AFF A320 นี้ นอกจากการรองรับความสามารถทั้งหมดของ NetApp ONTAP แล้ว ตัวอุปกรณ์นี้ก็ยังถูกออกแบบมาให้รองรับ NVMe ทั้งหมด โดยรองรับการใช้ NVMe/FC ในการเชื่อมต่อไปยัง Host และใช้ NVMe/RoCE เพื่อเชื่อมต่อไปยัง NVMe Drive Shelf ได้ด้วย ทำให้ประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดนั้นจะสูงมากกว่าการใช้ Protocol แบบเดิมๆ

ในขณะเดียวกัน NetApp ก็ได้เล่าถึงวิสัยทัศน์ของตนเองสำหรับ SAN สมัยใหม่ ที่จะต้องมีการใช้ Persistent Memory เพื่อเสริมความเร็วบน Host และมีการใช้ Storage Class Memory (SCM) ในฐานะ Cache เพื่อเสริมความเร็วให้กับ Storage ด้วย โดยการเชื่อมต่อทั้งหมดนั้นจะใช้ NVMe เป็น Protocol หลัก

Credit: NetApp

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NetApp AFF A320 สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.netapp.com/us/products/storage-systems/all-flash-array/aff-a-series.aspx

ที่มา: http://blog.netapp.com/aff-a320-nvme-for-the-masses/

from:https://www.techtalkthai.com/netapp-aff-a320-nvme-all-flash-storage-is-announced/

HPE ประกาศรองรับ Memory-Driven Flash ใช้ SCM และ NVMe ใน Storage พร้อมเปิดตัว AI รุ่นใหม่

HPE ได้ออกมาอัปเดตหลายประเด็นทางด้านเทคโนโลยี Storage ของตนเองในงาน HPE Discover 2018 ทั้งในแง่ของ AI, Cloud และการรองรับ SCM และ NVMe ดังนี้

 

Credit: HPE

 

HPE InfoSight ระบบ AI สำหรับช่วยดูแลรักษาและทำนายปัญหาของระบบ Storage นั้นได้ถูกเพิ่มความสามารถให้ครอบคลุมไปถึง Virtualization Layer ได้แล้ว และยังช่วยแนะนำได้ด้วยว่าควรนำ Workload ใดไปทำงานอยู่บนระบบไหนเพื่อให้ใช้ทรัพยากรได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น ในขณะที่ยังเพิ่มการนำ Machine Learning ไปใช้ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาด้านประสิทธิภาพบน HPE 3PAR ได้ด้วย

ส่วนบริการ Cloud อย่าง HPE Cloud Volumes สำหรับใช้งานร่วมกับ HPE Nimble Storage นั้นก็ได้ประกาศรองรับการใช้งานในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เพิ่มเติมในปี 2019, ประกาศรองรับการทำงานร่วมกับ Docker และ Kubernetes เพื่อรองรับ DevOps และ Cloud-Native Application รวมถึงผ่านการรับรอง SoC 2 Type 1 Certification แล้ว

นอกจากนี้ HPE 3PAR และ HPE Nimble Storage ก็ประกาศรองรับ HPE Memory-Driven Flash โดยใช้ Storage Class Memory (SCM) และ NVMe ในการจัดเก็บข้อมูล ช่วยลด Latency ลงได้ 2 เท่า และทำงานได้เร็วขึ้น 50% รองรับการประมวลผลแบบ Real-time ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://hpe.com/storage/memorydrivenflash/

สำหรับประกาศอื่นๆ ที่น่าสนใจมีดังนี้

  • HPE Nimble Storage รองรับการทำ Peer Persistence สามารถทำ Multi-site Synchronous Replication พร้อม Automatic Failover ได้แล้วโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • รองรับการทำงานร่วมกันระหว่าง HPE Apollo, HPE DL380 Server และ Cohesity เป็นอีกทางเลือกในการ Backup ข้อมูล
  • เปิดตัว HPE Apollo 4200 Gen10 ระบบ Server สำหรับรองรับงาน Big Data Analytics และ Scale-Out Software Defined Storage
  • HPE GreenLake Flex Capacity มีลูกค้าใช้งานพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ On-Premises กว่า 500PB ด้วยค่าใช้จ่ายแบบ Pay-per-Use แล้ว
  • เปิดตัว HPE GreenLake for Backup โดยรองรับ Veeam สำหรับการสำรองข้อมูลโดยคิดค่าใช้จ่ายแบบ Consumption-based ได้แล้ว

 

ที่มา: https://news.hpe.com/hewlett-packard-enterprise-introduces-industry-leading-storage-intelligence-to-portfolio/

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-supports-memory-driven-flash-and-new-ai-for-its-storages/

Oracle เสริม 4 ความสามารถใน IoT Cloud: AI, Machine Learning, Digital Twin และ Digital Thread

Oracle ได้ออกมาประกาศการอัปเดตครั้งใหญ่ของบริการ Oracle Internet of Things (IoT) Cloud ด้วยการเพิ่มความสามารถใหม่ๆ เข้าไปด้วยกัน 4 ประการ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรโดยเฉพาะ ดังนี้

Credit: Oracle

 

Digital Twin for Supply Chain Management

การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลของทรัพย์สินในแบบ Physical หรือ Physical Asset ให้หลากหลายแง่มุม เพื่อให้สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาทำการวิเคราะห์และ Simulate ได้ ทำให้การทำธุรกิจโดยอาศัยข้อมูลเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการดำเนินการ, ลด Downtime ที่อาจเกิดกับเครื่องจักรหรือกระบวนการ และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานสินทรัพย์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น

 

Digital Thread for Supply Chain Management

Framework สำหรับเชื่อมต่อกระบวนการต่างๆ ทางธุรกิจให้ทำการสร้างและส่งข้อมูลเข้าไปยังระบบ Supply Chain Management (SCM) หรือ Enterprise Resource Planning (ERP) โดยอัตโนมัติ ทำให้ระบบ IoT ได้รับข้อมูลทั้งหมดในแบบ Real-time และทำให้การบริหารจัดการการผลิตสามารถทำได้ด้วยข้อมูลแบบครบวงจรอย่างแท้จริง

 

AI & Machine Learning

Oracle ได้เพิ่มความสามารถของ Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning (ML) เข้ามายัง Oracle IoT Cloud เพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถทำการต่อยอดการนำข้อมูลไปใช้งานต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น การทำ Anomaly Detection ตรวจจับการทำงานผิดปกติที่เกิดขึ้น, การทำ Predictive Analytics วิเคราะห์ว่าเครื่องจักรจะมีปัญหาหรือไม่ได้ล่วงหน้า, การแนะนำสิ่งที่ควรทำ และอื่นๆ โดยสามารถนำไปใช้งานได้ในทุกแง่มุมของธุรกิจทันที

 

นอกจากนี้ Oracle ยังได้ออกมาเปิดตัวโซลูชันสำหรับเจาะจงภาคอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี IoT ด้วยกันอีก 3 ระบบ ได้แก่

  • Digital Field Service ระบบสำหรับทำการดูแลรักษาและแก้ไขปัญหาหน้างาน โดยรวมเอาระบบ Intelligent Remote Monitoring, Failure Prediction, Over-the-Air Repair และ Dynamic Technician Dispatch เอาไว้รดว้ยกัน และยังรองรับการทำ Augmented Reality (AR) มาใช้แนะนำการซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ ได้ด้วย
  • Smart Connected Factory โซลูชันสำหรับการตรวจสอบปัญหา, วิเคราะห์ต้นตอของปัญหา และแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาในโรงงานโดยเฉพาะ และยังรองรับการนำ Virtual Reality (VR) มาใช้ในการตรวจสอบการทำงานของโรงงานในแต่ละชั้น และใช้ฝึกอบรมพนักงานได้ด้วย
  • Digital Fleet Management โซลูชันสำหรับติดตามการรับส่งสินค้า, การบริหารจัดการความเสี่ยง และการผสานข้อมูลการขนส่งจากหลายผู้ให้บริการเข้าด้วยกันได้แบบ Real-time

 

ผู้ที่สนใจสามารถทำการทดลองใช้ Oracle Cloud ได้ฟรีๆ ทันทีที่ https://cloud.oracle.com/tryit?intcmp=ocom-ft

 

ที่มา: https://www.oracle.com/corporate/pressrelease/oracle-expands-iot-cloud-portfolio-083117.html

from:https://www.techtalkthai.com/oracle-adds-4-features-in-oracle-iot-cloud-ai-machine-learning-digital-twin-and-digital-thread/

รู้จัก Epicor: ระบบ ERP ในราคาคุ้มค่าสำหรับธุรกิจ SME มีลูกค้ากว่า 20,000 รายแล้วทั่วโลก

ระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญในการที่องค์กรจะแข่งขันในปัจจุบัน และก้าวเข้าสู่การทำ Digital Transformation ได้อย่างเต็มตัว ซึ่ง Epicor หนึ่งในผู้ผลิตระบบ ERP ชั้นนำระดับโลกที่มีลูกค้ามากกว่า 20,000 องค์กรเองก็มุ่งมั่นที่จะก้าวเข้ามาขยายตลาดในประเทศไทย ร่วมพัฒนาธุรกิจไทยให้ตอบรับต่อการก้าวไปเป็น Digital Business ได้ในปัจจุบัน

 

Epicor: ระบบ ERP ในราคาคุ้มค่าสำหรับธุรกิจ SME ตอบโจทย์ธุรกิจหลากหลายแง่มุม

Epicor เป็นผู้พัฒนาระบบ ERP ที่มีประสบการณ์มากว่า 40 ปี พร้อมทั้งยังมีลูกค้ากว่า 20,000 องค์กรใน 150 ประเทศทั่วโลก โดยมีโมดูลต่างๆ สำหรับใช้บริหารจัดการธุรกิจได้อย่างครอบคลุมดังต่อไปนี้

Credit: Epicor

 

  • ระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ของ Epicor
  • ระบบจัดการทุนมนุษย์ (HCM)
  • ระบบจัดการการเงิน
  • ระบบการดำเนินการผลิต (MES)
  • ระบบจัดการห่วงโซ่อุปทาน (SCM)
  • ซอฟต์แวร์ค้าปลีก
  • ซอฟต์แวร์จัดจำหน่าย
  • ซอฟต์แวร์ด้านธุรกิจไม้แปรรูป และวัสดุก่อสร้าง
  • ซอฟต์แวร์ด้านชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์

Epicor นั้นเปิดให้องค์กรสามารถเลือกได้เองว่าจะใช้งานโมดูลใดๆ ได้เองตามต้องการ เพื่อให้องค์กรลงทุนเฉพาะในเทคโนโลยีส่วนที่ใช้งาน อีกทั้งยังมีความสามารถครอบคลุมต่อการทำงานในแต่ละโมดูล ให้ธุรกิจองค์กรสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับกระบวนการการทำงานที่ต้องการ ทำงานได้อย่างยืดหยุ่นต่อเนื่อง

 

เลือกติดตั้งใช้งานได้ทั้งแบบ On-premise และเช่าใช้แบบ SaaS

ในการใช้งาน Epicor นี้ สามารถเลือกติดตั้งแบบ On-premise ภายใน Data Center ขององค์กรเองก็ได้ หรือจะทำการเช่าใช้บน Cloud ในรูปแบบ Software-as-a-Service (SaaS) ก็ได้เช่นกัน ทำให้องค์กรสามารถมีทางเลือกการติดตั้งใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการเชิงธุรกิจได้

 

ติดต่อทีมงาน Adeptus Thai ได้ทันที

หากคุณสนใจ Epicor ERP Software สามารถติดต่อเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริษัท Adeptus Thai Co., Ltd. เบอร์โทร 081-846-6862 หรือกรอกรายละเอียดที่ https://form.jotform.me/72040976375461 และจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อคุณกลับไปเพื่อพูดคุยในรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับระบบ ERP และความต้องการทางธุรกิจของคุณโดยตรง

from:https://www.techtalkthai.com/epicor-erp-for-sme/

รู้จัก Gen-Z: สถาปัตยกรรม Memory Bus ใหม่ที่จะเร็วกว่าเดิมหลายร้อยเท่า

ปัจจุบันนี้เทคโนโลยี CPU, Memory และ Storage ก็ก้าวหน้าขึ้นไปทุกวัน ความเร็วของแต่ละระบบนั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ จน Bus นั้นเริ่มกลายเป็นคอขวดของระบบ ทำให้เหล่าผู้ผลิตชั้นนำทั่วโลกต้องมาร่วมมือกันภายใต้กลุ่ม Gen-Z Consortium เพื่อร่วมกันออกแบบสถาปัตยกรรม Memory Bus ใหม่ด้วยกัน โดยมุ่งเน้นที่ความสามารถดังต่อไปนี้

gen-z_banner

  • เพิ่ม Bandwidth และลด Latency ลง โดยจะมี Bandwidth สูงตั้งแต่หลายสิบ GB/s ไปจนถึงหลายร้อย GB/s และมี Latency ต่ำกว่า 100ns
  • รองรับการเพิ่ม Memory ในระบบได้แบบ Real-time เพื่อตอบโจทย์การเพิ่มขยายทรัพยากรในระบบได้โดยไม่มี Downtime
  • สามารถทำการกับระบบปฏิบัติการที่มีอยู่เดิมได้โดยไม่ต้องปรับแต่งและแก้ไขอะไร และรองรับการขยายได้ตั้งแต่ระดับเครื่องไปจนถึงระดับ Rack
  • เป็นมาตรฐานกลางแบบเปิด สำหรับให้ทุกคนในอุตสาหกรรมนำไปใช้ได้

ในโครงการนี้ยังได้มีการนำเสนอแนวคิด Memory Semantic Fabric ที่จะทำให้ CPU สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ด้วย Memory Operation อย่าง Load/Store, Put/Get และ Atomic Operation ต่างๆ ได้โดยตรง ซึ่งจะทำให้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ มีความง่ายกว่าเดิมเป็นอย่างมาก เพราะเดิมการเข้าถึงข้อมูลในระบบ Storage นั้นจะเป็นแบบ Block-based ที่ต้องมีชั้นของ Software มาจัดการโดยเฉพาะ แนวคิดนี้จะช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลกลุ่ม Storage Class Memory (SCM) หรือการเข้าถึงข้อมูลจาก Pool ต่างๆ ในระดับ Rack Scale และการเข้าถึงข้อมูลภายในระบบแบบ Multi-node มีความซับซ้อนน้อยลง แต่มีความเร็วสูงขึ้น

gen-z_memory_semantic_fabric

ปัจจุบัน Gen-Z Consortium มีสมาชิกได้แก่ AMD, ARM, Cavium Inc., Cray, Dell EMC, Hewlett Packard Enterprise (HPE), Huawei, IBM, IDT, Lenovo, Mellanox Technologies, Micron, Microsemi, Red Hat, Samsung, Seagate, SK hynix, Western Digital Corporation และ Xilinx

ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://genzconsortium.org/ และ http://genzconsortium.org/wp-content/uploads/2016/05/Gen-Z-Consortium-Briefing-Deck_Final.pdf ได้ทันทีเลยนะครับ

ที่มา: http://genzconsortium.org/?news=industry-leaders-join-forces-to-promote-new-high-performance-interconnect

from:https://www.techtalkthai.com/introduce-gen-z-new-memory-bus-architecture/

[PR] การวัดสิ่งที่จับต้องไม่ได้: สถานการณ์ยากลำบากด้านการเงินในยุคสมัยใหม่

ตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษมาแล้ว ได้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าวิธีการตรวจสอบมูลค่าของธุรกิจต่าง ๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เป็นที่รับรู้ว่ามูลค่ามีความสัมพันธ์กับทรัพย์สินที่จับต้องได้ สิ่งของทางกายภาพที่สามารถเห็นและจับต้องได้ ทุกอย่างตั้งแต่เงินสดไปและสินค้าคงคลังไปจนถึงเครื่องจักรในโรงงานและอาคารสำนักงาน แต่ไม่ใช่สำหรับปัจจุบันแล้วเนื่องจากมูลค่าทางธุรกิจที่แท้จริงพบในทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ สิ่งของที่ไม่อาจมองเห็นได้แต่มีมูลค่าสูงมาก เช่น ทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท แบรนด์ หรือทรัพยากรมนุษย์

สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้อยู่ภายหลังหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่บางหุ้นและการประเมินมูลค่าที่เราได้เห็นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ลองนึกถึง Facebook ( มูลค่าตามราคาตลาดสูงสุดจำนวนมากกว่า 104 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ) และทวิตเตอร์ ( มูลค่าตามราคาตลาดที่ได้รับการประเมิน 12.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ซึ่งก่อให้เกิดมูลค่าสูงมาก เช่น ข้อมูลลูกค้า ขั้นตอนวิธี การเข้าถึงข้อมูล ข้อมูลลับ การใช้ข้อมูล และแบรนด์

การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในวิธีที่มูลค่านำความท้าทายอันแท้จริงสำหรับการงานด้านการเงินของธุรกิจ หากการทำงานด้านการเงินเพื่อทำความเข้าใจและนำเสนอมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจของพวกเขา มันต้องสามารถวิเคราะห์และวัดผลได้อย่างแม่นยำ และรายงานสิ่งที่จับต้องไม่ได้ในโลกนี้ ซึ่งมีทั้งข้อมูลที่มีระบบและไม่มีระบบ ต้องมีความเข้าใจในสิ่งที่เป็นสินทรัพย์ใหม่ ซึ่งก่อให้เกิด KPI สำหรับพวกเขาและวัดผลประสิทธิภาพของทรัพย์สินใหม่เหล่านี้ ข้อมูลเหล่านี้ต้องได้รับการรายงานในวิธีที่โปร่งในและชัดเจนแก่นักลงทุน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ ดังที่เราได้พบเห็นในปัจจุบัน จะมีการดึงเอาความชาญฉลาดและมูลค่าออกมาจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยการนำข้อมูลที่มีโครงสร้างและไม่มีโครสร้างทั้งสองนี้มาผสมผสานกัน

ดังนั้น จึงเห็นได้ชัดว่าหากแผนกการเงินมีความเข้าใจมูลค่าของธุรกิจอย่างแม่นยำ การจัดการข้อมูลจะเป็นเรื่องที่สำคัญ แผนกการเงินต้องกระตุ้นให้เกิดข้อมูลจากทุกสายงานธุรกิจและการดำเนินงาน และนำข้อมูลนี้ไปผสมผสานรวมกับแหล่งข้อมูลเดียว ( SSOT ) นอกจากนั้นก็จะสามารถสร้างเรื่องเล่าที่จูงใจรอบ ๆ ข้อมูลนี้ มันต้องทำงานร่วมด้วยช่วยกันกับผู้จัดการทุกสายงานธุรกิจเพื่อทำความเข้าใจความหมายโดยนัยของสิ่งที่ข้อมูลกำลังจะบอกอย่างลึกซึ้ง ในรูปแบบนี้ การเงินคือระบบแนะนำสำหรับธุรกิจ ซึ่งเชื่อมต่อแผนกต่าง ๆ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายเข้าด้วยกันเพื่อค้นพบ ทำความเข้าใจ และรายงานมูลค่า

อย่างไรก็ตาม ในการเปิดใช้วิสัยทัศน์นี้แผนกการเงินจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิธีในการทำงาน วันของสเปรดชีทและกระบวนการด้วยมือ ไกลเกินไปสำหรับช่วงระยะเวลาสุดท้ายของการทำรายงาน หากมีการวัดมูลค่าของสินทรัพย์อย่างแม่นยำ การกลับไปกลับมาระหว่างผู้จัดการด้านการเงินและด้านธุรกิจต้องเก็บไว้เป็นคุณสมบัติขั้นต่ำของระบบ ไม่เพียงแต่จะเป็นการสร้างรายงานให้ช้าลงเท่านั้น แต่ยังให้ขอบเขตสำหรับข้อผิดพลาดเพื่อเข้าในไปในกระบวนการอย่างเงียบ ๆ แผนกการเงินต้องการระบบที่สามารถมอบการลื่นไหลของงานและความปลอดภัย ( เพื่อมั่นใจว่าผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลที่อ่อนไหวสามารถเห็นได้เพียงเท่านั้น ) ขณะที่รับประกันว่ามีการรักษาข้อมูลปัจจุบันและที่ปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ยิ่งไปกว่านั้น แผนกการเงินไม่สามารถพึ่งพาระบบ ERP มาตรฐานได้อย่างเรียบง่าน แต่ต้องการขยายเข้าไปในระบบสายงานธุรกิจและระบบที่คาดการณ์และซับซ้อนได้ต่อไปซึ่งจะทำงานกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในโลกของบิ๊กดาต้า

ระบบการจัดการประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรในระบบคลาวด์สมัยใหม่ตอบสนองความต้องการทั้งหมด และสำหรับเหตุผลนี้ ผมคาดหวังที่จะเห็นระบบดังกล่าวจะสร้างผลลัพธ์ต่อระยะเวลาสุดท้ายของการสร้างรายงานในอนาคตอันใกล้ จะมีระบบของการค้นหาธุรกิจอย่างเป็นระบบสำหรับสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้แต่มีมูลค่ามากมาย เช่น การวิเคราะห์ “ความลับ” และ “ความรู้” จากนั้นก็จะนำมาผสมผสานในรายงานที่ขับเคลื่อนด้วยการเล่าเรื่อง ผลลัพธ์คือทีมงานด้านการเงินที่สามารถวัดมูลค่าธุรกิจได้อย่างแม่นยำและรายงานในวิธีการที่โปร่งใสแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย

บทความโดย คุณจัสสเปียร์ ซิงห์ รองประธานฝ่ายแอพพลิเคชั่น ERP และ SCM ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น

คุณจัสสเปียร์ ซิงห์ รองประธานฝ่ายแอพพลิเคชั่น ERP และ SCM ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น
คุณจัสสเปียร์ ซิงห์ รองประธานฝ่ายแอพพลิเคชั่น ERP และ SCM ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น

from:https://www.techtalkthai.com/oracle-intangible-assets-measurement/

Honeywell เปิดโควต้าฟรี 10 ที่นั่ง งานสัมมนาเทคโนโลยี IT สำหรับงาน Supply Chain

image002

สำหรับองค์กรที่กำลังมองหาแนวทางในการปรับปรุงระบบ Supply Chain โดยอยากจะมีการนำเทคโนโลยีและ Internet of Things เข้าไปช่วย ทาง Honeywell ได้จัดงาน Honeywell Executive Luncheon Forum สำหรับหัวข้อเทคโนโลยี Supply Chain โดยเฉพาะ มีรายละเอียดดังนี้ครับ

วัน: 5 สิงหาคม 2558
เวลา: 11:30 น. – 17:00 น.
สถานที่: ห้องบอลรูม 3 โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ

กำหนดการ

11:30 น. ลงทะเบียน/รับประทานอาหารกลางวัน
13:00 น. กล่าวต้อนรับโดยฮันนี่เวลล์
13:05 น. เปิดประสบการณ์กับ นายวรการ ศรีนวลนัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด
13:50 น. วิวัฒนาการของเครือข่ายซัพพลายทั่วโลก นายตะวัน จันแดง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและอินโดจีน ฮันนี่เวลล์ สแกนนิ่ง แอนด์ โมบิลิตี้
14:30 น. ร่วมสัมผัสประสบการณ์และชมการสาธิตโซลูชั่นด้านซัพพลายเชนแบบครบวงจร พร้อมของว่าง ชา/กาแฟ

  • Warehouse & Distribution Centre Operations
  • Creating Holistic In-Store Experiences
  • Transport & Logistics Support
  • Efficient Voice for Hands-free Workflows

16:30 น. เน็ตเวิร์คกิ้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

งานนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเกี่ยวข้องในการวางแผนด้าน Supply Chain, Warehouse และทีม IT ขององค์กรที่มีความต้องการในการปรับปรุงระบบเหล่านี้ให้ดีขึ้นครับ เพราะจะได้เห็นภาพรวมของระบบที่มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ไปใช้ ควบคู่ไปกับแนวคิดในการออกแบบระบบเหล่านี้ และเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังนั่นเองครับ

ทั้งนี้ทางทีมงาน TechTalkThai ได้รับโควต้าเข้าร่วมงานจาก Honeywell สำหรับผู้อ่านฟรีจำนวนทั้งสิ้น 10 ที่นั่งครับ ถ้าหากใครสนใจโควต้านี้ก็ลงทะเบียนด้านล่างนี้ได้เลย และทางทีมงาน Honeywell จะทำการสุ่มผู้โชคดีและติดต่อกลับไปครับ

from:https://www.techtalkthai.com/honeywell-it-for-supply-chain-management-seminar/