คลังเก็บป้ายกำกับ: BIG_DATA_AND_DATA_SCIENCE

กลับมาอีกครั้ง! G-Able พร้อมปั้นคนเทคฯ สายงาน Data กับโครงการ “Tech Scoop Academy” รุ่นที่ 2 เฟ้นหาคนรุ่นใหม่สู่อุตสาหกรรม IT

ปัจจุบันความต้องการของคนทำงานที่มีทักษะทางด้านดิจิทัลเทคโนโลยีเพิ่มสูงมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้องค์กรทั่วโลกต่างต้องปรับตัว เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะเติบโตไปกับองค์กร ให้เข้ามาทำงาน รวมทั้งต้องสามารถสร้างสภาพแวดล้อมในองค์กรให้เหมาะแก่การเรียนรู้ ติดอาวุธ และเพิ่มพูนทักษะทางด้านดิจิทัลเทคโนโลยีให้พนักงานได้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ G-Able ผู้นำด้าน “Tech Enabler” ที่ช่วยยกระดับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติ มุ่งให้ความสำคัญกับพลังของคนรุ่นใหม่ (People Power) จึงเดินหน้าจัดโครงการ “Tech Scoop Academy” รุ่นที่ 2 ต่อเนื่อง เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่สนใจงานด้าน Data ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้ทักษะเฉพาะด้านของสายงานเทคโนโลยีและโซลูชัน IT เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรม IT และเทคโนโลยี ที่จะมอบประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้พัฒนาศักยภาพและองค์ความรู้ในการทำงาน ผ่านบทเรียนของผู้เชี่ยวชาญที่มีมาตรฐานและประสบการณ์การทำงานกับลูกค้าระดับแนวหน้าของไทย 

โดยโครงการ “Tech Scoop Academy” รุ่นที่ 2 นี้ G-Able ได้คัดสรรหลักสูตรการเรียนรู้เฉพาะด้านเพื่อพัฒนาผู้เข้าร่วมโครงการฯ ให้ก้าวเข้ามาเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงาน Data และสร้างองค์ความรู้ที่ก้าวทันโลก ผ่านเครื่องมือที่หลากหลาย เช่น SQL, Shell Script, Python Databrick (Azure / AWS), Power BI, Oracle ฯลฯ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะได้เรียนรู้และลองลงมือทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมการทำงานจริงและได้นำเสนอ Project Pitching เพื่อแสดงความสามารถและคว้าโอกาสในการเข้าร่วมงานกับบริษัทฯ โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับค่าตอบแทนทุกเดือน ตลอดระยะเวลา 4 เดือนเต็ม (1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2023)  พร้อมประกาศนียบัตรหลังจากจบโครงการอีกด้วย สนใจสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2023 ได้ที่ bit.ly/3EFqjWz

สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ

  • ต้องมีอายุ 22 – 26 ปี
  • มีความสนใจงานด้าน Data
  • กำลังศึกษาอยู่ระดับปริญญาตรี หรือจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์, เทคโนโลยีสารสนเทศ, วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสาขาต่างๆ ที่อยากเปลี่ยนสายอาชีพมาทำงานด้าน Database & Data Operation
  • สามารถเข้าร่วมโครงการได้ตลอดระยะเวลา 4 เดือนเต็ม (1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2023)  

from:https://www.techtalkthai.com/tech-scoop-academy-season-2-by-g-able/

Advertisement

“ไอทีวัน” วางรากฐานจัดการข้อมูลให้กับกลุ่มบริษัท เอสซีจี จัดทำ Data Governance พร้อมผลักดันธุรกิจให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้เต็มที่

ปัจจุบันธุรกิจต่างขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเป็นหลัก และเกิดการตื่นตัวในเรื่องการนำ “ข้อมูล” มาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจสูงสุด โดยแต่ละองค์กรต้องการข้อมูลที่พร้อมนำไปวิเคราะห์เพื่อพัฒนาและต่อยอดทางธุรกิจในหลากหลายมิติ

แต่หลายองค์กร ข้อมูลอาจยังไม่ได้ถูกนำมาจัดเก็บให้พร้อมสำหรับการนำไปใช้ เนื่องจากยังไม่ได้จัดทำในเรื่องของ Master Data Governance หรือ การกำกับดูแลข้อมูลหลัก ซึ่งถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพขององค์กรในการนำข้อมูลไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

กลุ่มบริษัท เอสซีจี เป็นองค์กรระดับประเทศที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของ Master Data Governance ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูลคุณภาพได้อย่างยั่งยืน โดยเลือก ไอทีวัน ผู้ให้บริการด้านไอทีและดิจิทัลโซลูชันครบวงจร มาช่วยวางรากฐานการจัดการข้อมูล รวมถึงการจัดทำ Master Data Governance เพื่อให้กลุ่มบริษัท เอสซีจี นำประโยชน์จากข้อมูลไปใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างเต็มที่

เป้าหมายของ Master Data Governance เริ่มจากข้อมูลที่ดี

การจัดทำ Master Data Governance มีเป้าหมายอยู่ที่การทำให้เกิดข้อมูลที่ดีภายในองค์กร ซึ่งข้อมูลที่ดีจะต้องมีคุณภาพ ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน มีมาตรฐานเดียวกัน และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้

เพื่อเป็นการวางรากฐานการจัดการข้อมูลหลักให้มีมาตรฐานเดียวกันในกลุ่มบริษัท เอสซีจี ทางไอทีวัน จึงได้ช่วยพัฒนาระบบ SAP Master Data Governance (SAP MDG) ให้กับทางเอสซีจี  เพื่อเชื่อมต่อการทำงานในการบริหารจัดการข้อมูลหลักระหว่างกลุ่มธุรกิจต่างๆ ภายในเอสซีจี ซึ่งมีระบบ SAP ERP ของตนเองใช้งานอยู่ เช่น SCG Corporate, SCG Chemicals, SCG Packaging, SCG Cement and Building Materials และ SCG Ceramics เป็นต้น

 

นางสาวนพนิดา  สุขจิระ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอทีวัน จำกัด กล่าวว่า “ในระบบจัดการทรัพยากร SAP จะมีโปรแกรมที่เรียกว่า SAP MDG (Master Data Governance) เพื่อนำมาใช้กำกับดูแลคุณภาพของข้อมูลหลักที่จะใช้ในองค์กรให้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน เมื่อข้อมูลหลักมีคุณภาพ หน่วยงานต่างๆ หรือบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องภายในเอสซีจี ก็จะได้รับประโยชน์จากการใช้ข้อมูลหลักเหล่านั้นด้วย ซึ่งทางเอสซีจีกำลังมองหาซอฟต์แวร์ใหม่ที่ดีและยืดหยุ่นเข้ามาใช้ในการจัดการบริหารข้อมูลหลักเพื่อทดแทนระบบงานเดิม หรือทำงานแบบ manual บางส่วน และซอฟต์แวร์ใหม่ควรจะสามารถใช้งานได้ต่อไปอีกอย่างน้อย 5-10 ปี จึงเป็นที่มาของความร่วมมือครั้งนี้”

ระบบ SAP MDG ทรานส์ฟอร์มสู่ข้อมูลที่ดีมีคุณภาพ

เมื่อการอัปเดตข้อมูลหลักเกิดขึ้นด้วยวิธีการทำงานแบบ manual อาจส่งผลถึงคุณภาพของข้อมูล โดยเฉพาะความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูล ดังนั้น ทางไอทีวันได้แนะนำระบบ SAP MDG ซอฟต์แวร์ใหม่ให้กับกลุ่มบริษัท เอสซีจี ในการทรานส์ฟอร์มสู่ข้อมูลหลักที่ดี เพื่อจัดทำมาตรฐานของข้อมูลให้พร้อมใช้งานต่อไป

นายกรกช จันทรศุภวงษ์ ผู้จัดการโครงการ บริษัท ไอทีวัน จำกัด กล่าวว่า “ระบบ SAP MDG เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อจัดการข้อมูลหลัก ซึ่งจะมีความสามารถที่โดดเด่นทางด้านคุณภาพข้อมูล (Data Quality) การทำงานที่ลื่นไหล (Workflow) และการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Data Validation) ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของทางกลุ่มบริษัท เอสซีจี ได้แก่

  • ซอฟต์แวร์ที่เป็นศูนย์กลางสำหรับจัดเก็บข้อมูลหลัก ที่มีการตรวจสอบว่าข้อมูลถูกต้อง และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลหลักไปยังระบบงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไว้ด้วยกัน
  • ซอฟต์แวร์ที่สามารถรองรับการขยายการเชื่อมต่อของข้อมูลหลักไปยังระบบงานอื่นๆ เพิ่มเติมได้ในอนาคต
  • ซอฟต์แวร์ที่สามารถรองรับการทำงานในรูปแบบต่างๆ ของผู้ใช้งาน ทั้งบนคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และทำงานนอกสถานที่ได้
  • ซอฟต์แวร์ที่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลหลักได้ เพื่อให้ข้อมูลมีคุณภาพ”

ความสำเร็จของการจัดทำ Data Governance

หลังจากนำระบบ SAP MDG มาใช้ในกลุ่มบริษัทภายใต้ SCG เป็นระยะเวลา 5 เดือน สำหรับบริหารฐานข้อมูลผู้ขายและลูกค้า พบว่าระบบช่วยให้การทำงานตั้งแต่การสร้าง การปรับปรุงข้อมูล การอนุมัติ การยืนยันข้อมูล ตลอดจนการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังระบบงานหลักต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“ระบบบริหารข้อมูลบน SAP MDG ช่วยให้การทำงานของบุคลากรที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ถูกต้อง และเพิ่มความสามารถในการให้บริการบริษัทในเครือ SCG ได้มากขึ้น จากเดิมที่การจัดการข้อมูลเพื่อให้บริการธุรกิจบนระบบงานที่แตกต่างกัน ต้องอาศัยบุคลากรเป็นหลักในการนำเข้าและปรับปรุงข้อมูล หลังจากที่นำระบบ SAP MDG มาใช้งาน การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ การบริหารข้อมูลแบบรวมศูนย์ เพื่อกระจายข้อมูลไปยังระบบต่างๆ ของบริษัทในเครือฯ ที่อ้างอิงและใช้งานข้อมูลร่วมกัน สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการในด้านความพร้อมและคุณภาพของข้อมูลที่มีการสำรองข้อมูลและเชื่อมต่อกับกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง” นายปิยะพล วลัยกนก บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (Director – Corporate IT) กล่าว

หากองค์กรใดกำลังมองหาแนวทางการยกระดับข้อมูลหลักให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อเตรียมข้อมูลให้พร้อมสำหรับรองรับระบบงานและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไอทีวัน มีที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอทีและดิจิทัลโซลูชันครบวงจรให้กับองค์กรธุรกิจชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งพร้อมช่วยทรานส์ฟอร์มสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Organization) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

 

from:https://www.techtalkthai.com/itone-data-governance-guest-post/

ATCI ฉลองความสำเร็จของอุตสาหกรรมไอทีไทยในเวทีนานาชาติ [Guest Post]

8 องค์กรใหญ่ของไทย คว้ารางวัลอันทรงเกียรติจาก ASOCIO

สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย ATCI (The Association of Thai ICT Industry) เป็นสมาคมของผู้ประกอบการทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ สมาคมแรกของประเทศไทย โดยมีวิสัยทัศน์ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของไทย ให้เติบโต และแข็งแรง  ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

ในปี 2022 นี้ องค์กรของไทยได้ประสบความสำเร็จในการใช้ IT อย่างโดดเด่น และได้รับรางวัลจาก สมาพันธ์ ASOCIO (Asian-Oceanian Computing Industry Organization) ซึ่งเป็นองค์กรภูมิภาค ประกอบด้วยสมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและบริการจาก 24 ประเทศในภาคพื้นเอเซีย-โอเชียเนีย

ความสำเร็จขององค์กรไทยใน ASOCIO

8 องค์กรของไทย ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจาก ASOCIO ในฐานะผู้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้พัฒนาองค์กรได้อย่างอย่างโดดเด่น และประสบผลสำเร็จ โดยได้มีการมอบรางวัล ASOCIO Awards ให้กับองค์กรของประเทศสมาชิกที่มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลเทคโนโลยี เช่น Blockchain, IoT, AI, Robotics, Big Data, Cyber Security & Cloud based solutions มาใช้ในการพัฒนาการให้บริการด้านต่าง ๆ และการบริหารขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพจนประสบผลสำเร็จ  คณะกรรมการตัดสินรางวัลของสมาพันธ์ ASOCIO ได้เห็นชอบให้องค์กรของประเทศไทยได้รับรางวัล ASOCIO Awards ในแต่ละสาขาดังนี้

หมวด

องค์กร

1) Outstanding Tech Company Award

บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน)

2) Outstanding User Organization Award

บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัล ไอดี จำกัด

3) Digital Government Award

กรมสรรพสามิต

4) EdTech Award

บริษัท โคนิเคิล จำกัด

5) HealthTech Award

กระทรวงสาธารณสุข

6) Cybersecurity Award

บริษัท ที-เน็ต จำกัด

7) Environmental, Social & Governance Award

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

8) Start-Up Award

บริษัท อีซีไรช์ ดิจิทัล เทคโนโลยี จำกัด

การมอบรางวัลในปีนี้ได้จัดให้มีขึ้น ในวันที่ 28 ตุลาคม 2565 เวลา 19.00 น. ณ Resorts World Sentosa Convention Centre ประเทศสิงคโปร์ ในการประชุม ASOCIO Digital Summit 2022 ระหว่างวันที่ 26 – 28 ตุลาคม 2565

นายสุภัค ลายเลิศ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย

นายสุภัค ลายเลิศ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย กล่าวว่า  “เป็นเรื่องที่น่ายินดี และภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง  จากความสำเร็จขององค์กรไทยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในเวที ASOCIO ที่สามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประสิทธิภาพกับการบริหารองค์กรและการให้บริการลูกค้าจนเป็นที่ยอมรับ และได้รับรางวัลจากองค์กรระดับนานาชาติซึ่งรางวัลในครั้งนี้ถือเป็นแรงผลักดันให้องค์กรทั้งภาครัฐฯ และภาคเอกชนในประเทศไทย ได้มีการเติบโตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ และนำมาปรับใช้เพื่อพร้อมก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง 

รายละเอียดผู้ได้รับรางวัล ASOCIO 2022

  1. บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลประเภท Outstanding Tech Company Award

เป็นบริษัทที่สร้างสรรค์นวัตกรรม และพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มสําหรับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (บริการธุรกิจดิจิทัล) และนําเสนอผลิตภัณฑ์นั้นแก่ผู้ใช้ในรูปแบบของบริการที่ครอบคลุม (SaaS: ซอฟต์แวร์เป็นบริการ) ระหว่างธุรกิจและรัฐบาล (B2G) ระหว่างธุรกิจและธุรกิจ (B2B) และระหว่างเอกชนและสาธารณะ หรือผู้บริโภค (B2C) เพื่อประโยชน์สูงสุดจากการใช้บริการของบริษัทด้วยวิสัยทัศน์ของบริษัท ที่ดีกว่าเร็วกว่าที่
ถูกกว่า

  1. บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัล ไอดี จำกัด (NDID) ได้รับรางวัลประเภท Outstanding User Organization Award

เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม NDID ซึ่งเป็นระบบนิเวศในการเชื่อมต่อสมาชิกเพื่อส่งและรับคําขอการรับรองความถูกต้อง และข้อมูล เช่น e – KYC, e – ความยินยอม และ e – ลายเซ็น เพื่อเป็นการส่งเสริม
ให้เกิดการยอมรับ และใช้งานสาธารณะ

  1. กรมสรรพสามิต ได้รับรางวัลประเภท Digital Government Award

กรมสรรพสามิตมุ่งเน้นการใช้มาตรการทางภาษีเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยแนวคิดที่ให้ความสำคัญในเรื่องของสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) รวมถึงการสร้างมาตรฐาน และใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ ไม่เพียงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการจัดเก็บแต่ยังมุ่งหวังที่จะช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับทั้งผู้ประกอบการในด้านความสะดวก รวดเร็ว มีมาตรฐาน อีกทั้งบุคลากรของกรมสรรพสามิตยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ภารกิจของกรมสรรพสามิตประสบผลสำเร็จและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อความยั่งยืนของประชาชน และประเทศชาติ

  1. บริษัท โคนิเคิล จำกัด ได้รับรางวัลประเภท EdTech Award

โคนิเคิล เป็นผู้บริการโซลูชันด้าน การพัฒนาบุคลากรและองค์กร ด้วยแนวคิด Everyday Learning Experience ทำให้องค์กรเป็น Learning Organization หรือองค์กรแห่งการเรียนรู้ ผ่านแพลตฟอร์มที่สร้างด้วยทีมงานของตนเอง เนื้อหาคอนเทนต์ที่ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญในแวดวงต่าง ๆ และบริการให้ปรึกษาด้านการเรียนทุกรูปแบบ

  1. กระทรวงสาธารณสุข ได้รับรางวัลประเภท HealthTech Award

“Mor Prom” Digital Health Platform สำหรับคนไทย สำหรับบริหารจัดการข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด 19 แสดงประวัติและรายละเอียดการฉีดวัคซีน รองรับการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ รองรับการเชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษา การตรวจสอบสิทธิรักษา การนัดหมายแพทย์ Telemedicine การให้บริการใบรับรองสุขภาพแบบดิจิทัล พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายกับหน่วยบริการสุขภาพทุกระดับ ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล คลินิก และร้านยา มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้านสุขภาพและการดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานสากล ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.)

  1. บริษัท ที-เน็ต จำกัด ได้รับรางวัลประเภท Cybersecurity Award

เป็นผู้นำในการให้บริการด้าน IT Security สัญชาติไทย มีทีมวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีด้านที่เกี่ยวข้อง เป็นตัวแทนของประเทศไทยที่ได้รับรางวัลในระดับอาเซียน และได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นทางด้านนวัตกรรมจากนายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่มีเครื่องหมายธรรมาภิบาล มีการเผยแพร่ความรู้ ยกระดับความมั่นคงปลอดภัยให้แก่หน่วยงาน และแจ้งเตือนภัยทางด้านเทคโนโลยีแก่สาธรรณะ อย่างสม่ำเสมอ มีผลงานเด่นคือ การเผยแพร่มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยฉบับภาษาไทย วิจัย พัฒนา Drone Jammer และ Drone Detector เป็นต้น

  1. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้รับรางวัลประเภท Environmental, Social & Governance Award

          การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)  ได้นำโซลูชั่น การจัดการสินทรัพย์ระดับองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า กฟผ. ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ซึ่งปัจจุบันได้ขยายการใช้โซลูชันการจัดการสินทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไปยังโรงไฟฟ้า และเขื่อน ทุกแห่งแล้ว โดยเทคโนโลยี AI นี้ จะช่วยในเชิงคาดการณ์ พยากรณ์ ด้านพลังงานให้มีความรวดเร็ว แม่นยำยิ่งขึ้น ตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาดอย่างราบรื่นตามนโยบาย Carbon Neutrality ของประเทศไทย ลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ส่งผลดีต่อประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม

  1. บริษัท อีซีไรช์ ดิจิทัล เทคโนโลยี จำกัด ได้รับรางวัลประเภท Start-Up Award

          เป็นบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลที่ให้บริการโซลูชั่น AI สําหรับการตรวจสอบคุณภาพข้าวและพันธุ์ข้าว ด้วยความมุ่งมั่นที่จะผลักดันเทคโนโลยีให้เป็นส่วนหนึ่งของการเกษตร โดยการนําปัญญาประดิษฐ์มาใช้ และนําแพลตฟอร์มดิจิทัลมาสู่อุตสาหกรรมการเกษตรไทย เพื่อเพิ่มมูลค่า ประสิทธิภาพ และยกระดับภาคส่วนนี้ให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล  และมุ่งหวังให้ AI โซลูชั่นเป็นตัวกลางระดับโลกในการซื้อขายสินค้าเกษตร ซึ่งจะมีความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

นายสุภัค ลายเลิศ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ที่ 3 จากซ้าย)  ดร.โกเมน พิบูลย์โรจน์ Chief  Executive Officer บริษัท ที-เน็ต จำกัด (ซ้ายสุด) นายนพพล พันธ์เงิน ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าพระนครใต้ (ที่ 2 จากซ้าย) นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์  รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข (ที่ 4 จากซ้าย) นายบุญสันต์ ประสิทธิ์สัมฤทธิ์  ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด (ที่ 5 จากซ้าย) นายภูวินทร์ คงสวัสดิ์  Chief  Executive Officer บริษัท อีซีไรช์ ดิจิทัล เทคโนโลยี จำกัด (ที่ 2 จากขวา) และนายนภสินธุ์  เสือดี Product  Excellence Lead บริษัท โคนิเคิล จำกัด (ขวาสุด)

from:https://www.techtalkthai.com/atci-celebrates-the-success-of-the-thai-it-industry-on-an-international-stage/

Databricks x BAC ขอเชิญเข้าร่วมสัมมนาในหัวข้อ DATABRICKS – Destination Lakehouse [15 ธ.ค. 2565] ณ ห้องประชุม 102 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไม่มีค่าใช้จ่าย

บริษัท บิสซิเนสแอพพลิเคชั่น จำกัด (BAC) ประกาศจับมือ  DATABRICKS บริษัทผู้เชี่ยวชาญในการทำ Data Lakehouse Platform & AI Solution บน Public Cloud  ขอเรียนเชิญท่านผู้สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาใน หัวข้อ “ DATABRICKS – Destination Lakehouse” ในวันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 13.00 น เป็นต้นไป ณ ห้องประชุม 102 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

บริษัท บิสซิเนสแอพพลิเคชั่น จำกัด (BAC) ประกาศจับมือ  DATABRICKS บริษัทผู้เชี่ยวชาญในการทำ Data Lakehouse Platform & AI Solution บน Public Cloud

โดย BAC นอกจากจะเป็นตัวแทนจำหน่าย DATABRICKS แล้ว  BAC จะเป็นศูนย์เรียนรู้ DATABRICKS (Training Centre ) แห่งแรกในประเทศไทย 

และเพื่อเป็นการตอกย้ำศักยภาพในการร่วมมือของทั้งสองบริษัท ทั้งในเรื่อง การเป็นผู้นำเทคโนโลยี DATA Platform ชั้นนำของโลก (DATABRICKS) และ บริษัทผู้เชี่ยวชาญในด้าน Analytics Solution ในประเทศไทย ของ BAC

ขอเรียนเชิญท่านผู้สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาใน หัวข้อ “ DATABRICKS – Destination Lakehouse” ในวันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 13.00 น เป็นต้นไป ณ ห้องประชุม 102 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

รายละเอียดงานสัมมนา

หัวข้อ: DATABRICKS – Destination Lakehouse
วันเวลา: วันพฤหัสบดี ที่ 15 ธันวาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป
สถานที่: ห้องประชุม 102 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ลิงก์ลงทะเบียน: https://www.bac.co.th/event_register_new/BAC_EVENT_22_12_15.aspx

กำหนดการ:

1.00- 1.30          Registration  
1.30 – 1.45         Welcome address                  
1.45 – 2.05         Databricks overview                 
2.05 – 2.30         Introduction to Databricks platform & Lakehouse  (Demo)  
2.30 – 2.45         Coffee Break  
2.45 – 3.05         Databricks accelerating Downstream analytics
3.05 – 3.30         Customer success stories
3.30 – 4.00          Fireside Chat
4.00 – 4.20          BAC & Databricks Partnership       
4.20 – 4.30          Q&A      
4.30                    Closing

from:https://www.techtalkthai.com/databricks-x-bac-seminar-databricksdestination-lakehouse-15-dec-22/

รู้จัก digi.data.go.th แพลตฟอร์มคอมมูนิตี้ใหม่สำหรับคนสาย Data – เรียนรู้ แบ่งปัน ร่วมมือ เพื่อใช้ข้อมูลพัฒนาธุรกิจและประเทศ

เมื่อข้อมูลเข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตมากขึ้น ทั้งในแง่ของชีวิตประจำวันทั่วไป การทำงานของธุรกิจ และการให้บริการของภาครัฐ การส่งเสริมให้มีการใช้ข้อมูลอย่างถูกต้อง ปลอดภัย บริหารจัดการข้อมูลอย่างมีมาตรฐาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไปมีทักษะที่เพียงพอต่อการทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากข้อมูล จึงได้กลายมาเป็นหนึ่งภารกิจของภาครัฐเช่นกัน 

ในวันนี้ ขอเชิญทุกท่านมาทำความรู้จักกับแพลตฟอร์ม digi.data.go.th จากสถาบันนวัตกรรมและธรรมาภิบาลข้อมูล (DIGI) ที่จะเข้ามาช่วยส่งเสริมความรู้ให้กับธุรกิจและบุคคลทั่วไป ให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ถูกต้อง ยกระดับการใช้ข้อมูลในประเทศไทยให้สามารถสร้างมูลค่าได้อย่างแท้จริง

รู้จักกับแพลตฟอร์ม digi.data.go.th

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ งาน DIGI Data Awards 2022 ดร.มนต์ศักดิ์ โซ่เจริญธรรม ผู้อํานวยการสถาบันนวัตกรรมและธรรมาภิบาลข้อมูล ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม digi.data.go.th ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่สนใจในการใช้ข้อมูล โดยมีเป้าประสงค์ในการช่วยสร้างความรู้และความเข้าใจในการใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง นำข้อมูลมาสร้างคุณค่าได้ มีการบริหารจัดการข้อมูลที่ดี ได้คุณภาพตามกรอบธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ ซึ่งจะนำไปสู่อนาคตที่องค์กรต่างๆสามารถเปิดเผย แลกเปลี่ยน และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน เกิดเป็น Ecosystem ของข้อมูลภายในประเทศที่จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืนนั่นเอง

แพลตฟอร์ม digi.data.go.th นั้นมีภารกิจด้วยกัน 4 ส่วน ตามกรอบปฏิบัติ 4D ได้แก่

  1. ขับเคลื่อน Data Governance ภายในหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามกรอบธรรมาภิบาลข้อมูลของรัฐ ส่งเสริมการบริหารจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ ได้มาตรฐานสากล เตรียมพร้อมต่อการใช้ประโยชน์ และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างองค์กร
  2. ส่งเสริมการพัฒนา Data Skill สำหรับบุคลากรของรัฐและบุคคลทั่วไป เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เพิ่มทักษะที่นำไปใช้สร้างมูลค่าและช่วยพัฒนาองค์กรได้
  3. สร้าง Data Community เพื่อเป็นเครือข่ายด้านข้อมูลของทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีขอบเขตทั้งในด้านการปรึกษาปัญหา พูดคุย และการสร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรที่จะต่อยอดสู่การพัฒนาระบบที่ใช้ข้อมูลร่วมกัน หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างองค์กร
  4. ผลักดัน Data Innovation ที่เป็นประโยชน์ สามารถสร้างมูลค่า และช่วยในการทำงานของหน่วยงานต่างๆได้ 

ในระยะหนึ่งปีแรกแรกของการเปิดตัว สถาบันนวัตกรรมและธรรมาภิบาลข้อมูลจะเน้นการทำงานไปที่ภารกิจในด้าน Data Skill และการสร้างชุมชนผู้ใช้ข้อมูล (Data Community) ผ่านแพลตฟอร์ม digi.data.go.th ก่อน โดยในปัจจุบัน ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าใช้งานแพลตฟอร์มเพื่อเรียนรู้ทักษะและแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลได้แล้วโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด

คอร์ส Data Skill เปิดให้เรียนแล้ววันนี้ เรียนฟรี รับประกาศนียบัตรหลังเรียนจบ

แพลตฟอร์ม digi.data.go.th เปิดตัวมาพร้อมกับคอร์สเรียนออนไลน์ด้านข้อมูลที่เปิดให้ผู้ที่สนใจทั่วไปเข้าร่วมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยในปัจจุบันมีด้วยกัน 2 คอร์ส ได้แก่

1. Data Storytelling 101 – สื่อสารข้อมูลอย่างไรให้เข้าใจง่าย ได้ใจความ และน่าสนใจ 

คอร์สนี้จะแนะนำเกี่ยวกับลักษณะพื้นฐานทั่วไปของข้อมูล การทำ Data Visualization และภาพเพื่อเล่าเรื่องราวจากข้อมูล รวมไปถึงแนะนำเทคนิคและเคล็ดลับต่างๆที่จะช่วยให้การสื่อสารข้อมูลนั้นน่าสนใจมากยิ่งขึ้น 

คอร์ส Data Storytelling 101 นี้ ใช้เวลาในเรียนเพียง 1 ชั่วโมง เมื่อเรียนจบหลักสูตรและผ่าน Quiz ท้ายหลักสูตรแล้ว ผู้เข้าเรียนก็จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากสถาบันนวัตกรรมและธรรมาภิบาลข้อมูล

2. การปรับปรุงข้อมูลให้เป็น Machine Readable – ทำข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์อ่านได้ พร้อมใช้งานต่อยอด

อีกหนึ่งทักษะพื้นฐานสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากข้อมูล คือการเตรียมข้อมูลให้ระบบหรือคอมพิวเตอร์สามารถอ่านและเข้าใจได้เสียก่อน ในคอร์สนี้ ผู้เรียนจะได้รู้จักกับหลักการและเงื่อนไขเบื้องต้นในการปรับปรุงข้อมูลที่มีให้อยู่ในรูป Machine Readerable โดยมีเนื้อหาโฟกัสไปที่ชุดข้อมูลและการทำงานของภาครัฐ แต่ประชาชนทั่วไปก็สามารถเรียนและนำความรู้มาใช้กับงานข้อมูลทั่วไปได้เช่นกัน

คอร์สการปรับปรุงข้อมูลให้เป็น Machine Readable ใช้ระยะเวลาในการเรียนประมาณ 1 ชั่วโมง และมีประกาศนียบัตรรับรองให้หลังเรียนจบหลักสูตร

ในอนาคต สถาบันนวัตกรรมและธรรมาภิบาลข้อมูลวางแผนที่จะสร้างคอร์สเรียนใหม่ๆโดยนำเนื้อหาที่เกี่ยวกับนวัตกรรมข้อมูล และพื้นฐานของการทำงานร่วมกับข้อมูลเข้ามาเปิดให้เรียนรู้กันเพิ่มเติม โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารได้จากหน้าแฟนเพจ Data Innovation and Governance Institute, DIGI

นอกจากนี้  สถาบันนวัตกรรมและธรรมาภิบาลข้อมูลยังได้มีการจัดทำและเผยแพร่บทความให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและการใช้ข้อมูลให้กับผู้สนใจทั่วไป โดยเนื้อหามีตั้งแต่เนื้อหาเกี่ยวกับข้อมูลและเทคโนโลยีพื้นฐาน เช่น Digital Transformation คืออะไร เทคโนโลยี IoT คืออะไร ไปจนถึงเนื้อหาเจาะลึกเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ข้อมูล เช่น ทำความรู้จักกับ Clustering Model และสรุปการใช้งาน Correlation Coefficient เป็นต้น 

หากสนใจอ่านบทความเหล่านี้ สามารถเข้าไปได้ที่หน้า บทความ ของแพลตฟอร์ม digi.data.go.th 

ข้อมูลถูกนำไปใช้อย่างไรบ้าง ติดตามตัวอย่างได้ที่หน้า “ผลงาน” 

สำหรับผู้ที่สนใจการนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้กับการทำงานหรือธุรกิจ ภายในแพลตฟอร์ม digi.data.go.th ได้จัดตั้งพื้นที่สำหรับแสดงผลงานการใช้ข้อมูลโดยเฉพาะ ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าไปศึกษา Use-case ต่างๆที่เกิดขึ้น ดูตัวอย่างชุดข้อมูล แนวทางการวิเคราะห์และการนำเสนอข้อมูลออกมาให้เข้าใจได้ง่าย รวมไปถึงการดาวน์โหลดข้อมูลมาทดลองใช้งาน 

ในปัจจุบันหน้าผลงานนี้มีผลงานการใช้ข้อมูลให้ศึกษามากกว่า 40 รายการในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา เกษตรกรรม สาธารณสุข สังคม เศรษฐกิจ และอื่นๆ 

สนใจด้าน Data ติดตาม DIGI ไว้ พร้อมรับความรู้แน่นๆในหลายช่องทาง

นอกจากในแพลตฟอร์ม digi.data.go.th แล้ว สถาบันนวัตกรรมและธรรมาภิบาลข้อมูลยังมีการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ข้อมูล การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในช่องทางอื่นๆ ท่านที่สนใจสามารถเข้าไปกดติดตามเพื่อรอรับข่าวสารและความรู้ส่งตรงถึงมือได้ ตามช่องทาง ดังนี้

สถาบันนวัตกรรมและธรรมาภิบาลข้อมูล หรือ DIGI (Data Innovation and Governance Institute) เป็นหน่วยงานภายใต้การดูแลของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA – องค์การมหาชน)  ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมข้อมูล และเป็นศูนย์กลางความรู้ และการให้บริการด้านการบริหารจัดการข้อมูลตามกรอบธรรมาภิบาล สนับสนุนการนำข้อมูลไปใช้ และการสร้างคุณค่าจากข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรม 

เข้าใช้งานแพลตฟอร์มสนับสนุนการใช้ข้อมูลของ DIGI และเรียนรู้เกี่ยวกับ DIGI เพิ่มเติมได้ที่ https://digi.data.go.th 

from:https://www.techtalkthai.com/digi-data-go-th-thai-data-community-platform/

Blendata จับมือ Get On ผสานซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูง ยกระดับบริการและเทคโนโลยีด้าน Big Data ครบวงจร [Guest Post]

เบลนเดต้า (Blendata) บริษัท Deep Tech ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการ Big Data อัจฉริยะ เผย Blendata ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ Get On Technology ผู้เชี่ยวชาญและผู้นำด้าน IT Transformation ในระดับองค์กร ตัวแทนจำหน่าย Dell Technologies ในประเทศไทย ตั้งเป้าหมายพัฒนาบริการ เครื่องมือ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Big Data ให้ครอบคลุมครบวงจรและทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผ่านการผสานความสามารถของซอฟต์แวร์ด้าน Big Data จาก Blendata และฮาร์ดแวร์ จาก Dell Technologies พร้อมบริการจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญ หนุนองค์กรธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชนนำ Big Data ไปใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยกระดับศักยภาพองค์กร พร้อมแข่งขันในทุกสังเวียนธุรกิจ

นายณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เบลนเดต้า จำกัด เปิดเผยว่า หากย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน Big Data คือคำยอดฮิตที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ในระยะแรกองค์กรส่วนใหญ่ได้นำไปใช้ในแง่ของการจัดเก็บข้อมูลเป็นหลัก โดยไม่ได้มีการนำข้อมูลที่จัดเก็บไว้ไปต่อยอดในด้านอื่น ๆ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน Big Data ไม่ได้เป็นแค่เทรนด์และไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่มีหน้าที่เพียงการจัดเก็บข้อมูลอีกต่อไป แต่กลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ทุกองค์กรจำเป็นต้องนำไปปรับใช้ในการวิเคราะห์หาข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ (Big data analytics) ออกมาในรูปแบบ Use case ที่วัดผลและจับต้องได้มากขึ้น อีกทั้ง Blendata ยังมองเห็นช่องว่างของตลาด Big Data ในปัจจุบัน ที่ยังขาดบริการและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์แบบ End-to-end ส่งผลให้เมื่อต้องการทำโปรเจค Big Data ที่มีการทำงานร่วมกันระหว่าง Infrastructure, Software และ Hardware นั้น องค์กรจะต้องทำการจัดซื้อเครื่องมือทั้งหมดจากผู้ให้บริการหลายแห่ง ซึ่งทำให้เกิดความซับซ้อนและข้อจำกัดในการใช้งาน

จากที่มาดังกล่าว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรและธุรกิจ Blendata ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์และ Deep Tech ผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้าน Big Data สัญชาติไทย จึงได้ผนึกกำลังครั้งสำคัญกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในด้าน Infrastructure และเป็นผู้นำด้าน IT Transformation อย่าง บริษัท เก็ต ออน เทคโนโลยี จำกัด หรือ Get On ตัวแทนจำหน่าย Dell Technologies ในประเทศไทย เพื่อเสริมศักยภาพการทำ Big data analytics ให้แข็งแกร่งขึ้น ด้วยการผสานการทำงานระหว่างซอฟต์แวร์จาก Blendata และฮาร์ดแวร์จาก Dell Technologies โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการให้บริการและเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับ Big Data ที่ตอบโจทย์ธุรกิจแบบครบวงจร และเพื่อให้ลูกค้าสามารถทำโปรเจค Big data ได้สำเร็จรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญด้วยบริการที่มีคุณภาพนายณัฐนภัสกล่าว

ด้าน นายวุฒิชัย ปุณยกนก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เก็ต ออน เทคโนโลยี กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายและลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม พบว่าองค์กรในประเทศไทยมีความต้องการในการทำ Big data analytics มากขึ้นและต้องการตัวเลือกทางเทคโนโลยีที่หลากหลาย โดย Get On ในฐานะตัวแทนจำหน่าย Dell Technologies ซึ่งมีอุปกรณ์ด้าน Infrastructure ที่มีความพร้อมและมีโซลูชันครบวงจร โดยสามารถนำเสนอทั้งในส่วนของ Compute, Network รวมถึง Storage โดยมีความหลากหลายและเหมาะสมกับงานที่องค์กรต้องการ ตัวอย่างเช่น Power Scale ซึ่งเหมาะกับการเก็บข้อมูลประเภท Unstructured เพื่อทำ Data analytics เป็นต้น และ Dell ยังมีเครื่องมือที่ชื่อว่า CloudIQ ที่เข้ามาช่วยในการทำ Monitoring, Troubleshoot อุปกรณ์ที่เป็นของ Dell จากศูนย์กลางได้ ทำให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการอุปกรณ์ที่เป็น Dell ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม Get On มองหาซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถด้าน Infrastructure ของ Dell Technologies จึงได้ร่วมมือกับ Blendata ซึ่งเป็น Local Partner ที่มีแพลตฟอร์มด้าน Big Data ประสิทธิภาพสูงและทันสมัย พร้อมกับมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็น Data Scientist, Data Engineer และ Data Analyst ถือเป็นการนำจุดแข็งของทั้งสองบริษัทเข้ามาช่วยยกระดับโซลูชันด้าน Big Data ให้ครอบคลุมครบวงจร เพื่อช่วยองค์กรในการเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจและเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนองค์กรแบบเก่าให้เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนายวุฒิชัยกล่าว

จากความร่วมมือในครั้งนี้ Blendata และ Get On ได้เปิดตัวแพ็คเกจ Big Data Starter Kits พร้อมให้บริการใน 3 แพ็กเกจหลัก ขนาด S, M และ L สำหรับจำนวนผู้ใช้งานและ Workloads ที่แตกต่างกัน ช่วยให้กลุ่มธุรกิจทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง จนถึงขนาดใหญ่ ที่มี First party data อยู่ในมือ สามารถทำ Big data analytics ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษา การออกแบบโซลูชัน แพลตฟอร์ม Big Data รวมทั้งทีมงานซัพพอร์ตในประเทศ ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนจากการใช้เครื่องมือจากผู้ให้บริการหลายแห่ง ช่วยลดระยะเวลาในการวางรากฐานโปรเจค Big Data จาก 6 เดือนเหลือเพียง 2 เดือน และสามารถนำไปใช้กับ Use case ทางธุรกิจได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำ Centralized data, Business performance analysis, Operation monitoring & analysis, Customers 360, Next best offer, Real-time analytics, Root cause analysis, Anomaly detection และอื่น ๆ อีกมากมาย

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ marcom@got.co.th หรือ โทร 66 (0)2 9111 999 # 295

from:https://www.techtalkthai.com/blendata-get-on-mou-guest-post/

ซิสโก้จับมือแพลนเน็ตคอม พัฒนา “โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์” ขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี้ในไทย [Guest Post]

โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์ทำหน้าที่เป็นแกนหลักรองรับบริการสมาร์ทซิตี้

กรุงเทพฯ – 10 พฤศจิกายน 2565 – ซิสโก้ และ บมจ.แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย (PLANET) เปิดตัว PLANET Edge Data Center” โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์ต้นแบบสำหรับขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี้ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0  ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาดิจิทัลในประเทศไทย (Country Digital Acceleration – CDA) ของซิสโก้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมศักยภาพการเชื่อมต่อ และสร้างประสบการณ์ดิจิทัลแบบเน็กซ์เจนให้กับประชาชนผ่านนวัตกรรมสมาร์ทซิตี้ เช่น ระบบไฟส่องสว่างแบบอัจฉริยะตามท้องถนน และระบบเซ็นเซอร์ ฯลฯ

ขณะที่ประเทศไทยกำลังขยายโครงการสมาร์ทซิตี้อย่างต่อเนื่อง โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์จะมอบแพลตฟอร์มที่รวดเร็ว ยืดหยุ่น และประหยัดพลังงานพร้อมความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ขับเคลื่อนโซลูชั่นที่ใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้า (Big Data), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Internet of Things (IoT) ที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากทางด้านเศรษฐกิจและสังคมทั่วประเทศ

นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน)

นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แพลนเน็ตคอมและซิสโก้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันมาอย่างยาวนาน และเรามีความยินดีในการขยายความร่วมมือดังกล่าวภายใต้โครงการ CDA ของซิสโก้ แพลนเน็ตคอมในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล เรามุ่งพัฒนาโซลูชั่นเพื่อสร้างเมืองดิจิทัลที่สามารถใช้ศักยภาพของ 5G ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ และชีวิตที่มีคุณภาพ การที่เราเป็นพาร์ทเนอร์กับซิสโก้ทำให้ธุรกิจและการบริการของเราเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าด้วยดีตลอดมา จนถึงวันนี้เราร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศด้วยความชำนาญของเราทั้งคู่ผ่านการพัฒนา ‘PLANET Edge Data Center’ ที่จะนำไปติดตั้งตามหัวเมืองจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศภายในปี 2566 โดยใช้เวลาในการติดตั้งที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงซึ่งเป็นจุดเด่นของโมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์

ปัจจุบัน เนื่องจากมีการใช้งาน Big Data, IoT และ AI เพิ่มมากขึ้น จึงมีความต้องการระบบประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงมากกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ของเมืองเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีข้อมูลมหาศาลและถูกประมวลผลแบบเรียลไทม์ รวมถึงข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆและกล้องที่ติดตั้งในตัวเมือง, การทำ Image Processing สำหรับระบบ Face Recognition เพื่อวิเคราะห์และรู้จำใบหน้า หรือระบบอ่านและค้นหาป้ายทะเบียนรถ

โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์นำเสนอรูปแบบของโซลูชั่นดาต้าเซ็นเตอร์แบบครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาและความท้าทายเหล่านี้ โดยทำงานร่วมกับบริการคลาวด์ที่มีอยู่เพื่อใช้งานด้านข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รองรับการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว รวมถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งทั้งหมดนี้จะเปลี่ยนเมืองต่างๆ ให้เป็นดิจิทัลซิตี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และความปลอดภัยของประชาชน

โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์บรรจุความสามารถของดาต้าเซ็นเตอร์ในคอนเทนเนอร์มาตรฐานสำหรับการขนส่ง โดยมีอัตราส่วนประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Power Usage Effectiveness – PUE) อยู่ที่ 1.3 ถึง 1.5 สามารถขนย้ายไปได้เกือบทุกที่ทั่วโลก ทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก มีความยืดหยุ่นของโลเคชั่นอย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถปรับขนาดของบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากในแต่ละพื้นที่ และรองรับการทำภารกิจในพื้นที่ห่างไกลของประเทศ โดยสามารถใช้งานแทนดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ระดับไฮเปอร์สเกลที่ไม่จำเป็นต้องสร้างระบบใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ฐานราก

นายทวีวัฒน์ จันทรเสโน กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย และพม่า

นายทวีวัฒน์ จันทรเสโน กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย และพม่า กล่าวว่า “ประเทศไทยกำลังอยู่บนเส้นทางการเร่งพัฒนาด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยการปรับใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าในด้านต่างๆ  ความร่วมมือระหว่างซิสโก้และแพลนเน็ตคอม ภายใต้ ‘โครงการขับเคลื่อนการพัฒนาดิจิทัลในประเทศไทย’ (CDA) ของซิสโก้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตที่เอื้อประโยชน์แก่คนทุกกลุ่มในไทย ‘โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์’ นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญบนเส้นทางดิจิทัลของประเทศที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของไทย และช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ชีวิตดิจิทัลที่ก้าวล้ำเราหวังว่าจะได้เห็นเทศบาล อำเภอ หรือเมืองอัจฉริยะมากขึ้นที่ได้รับประโยชน์จากความร่วมมือนี้”

‘PLANET Edge Data Center’ ประกอบด้วยโมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์จากซิสโก้ และโซลูชั่นสำหรับสมาร์ทซิตี้จากแพลนเน็ตคอมที่พัฒนาและใช้งานแล้วที่อำเภอบ้านฉาง ระยอง ซึ่งเป็นเมืองต้นแบบในการพัฒนา 5G สู่เมืองอัจฉริยะ โซลูชั่นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของซิสโก้สำหรับ ‘PLANET Edge Data Center’ ประกอบด้วย Cisco HyperFlex — Hyper-Converged Infrastructure (HCI), Cloud Operations Platform (Intersight), สวิตช์ Catalyst, Series Integrated Services Routers (ISR), Next-Generation Firewall, DNS Security, Secure Network Analytics (Stealthwatch)  ทั้งนี้ ‘PLANET Edge Data Center’ สามารถทำงานร่วมกับบริการคลาวด์ (IaaS) และ Platform as a Services (PaaS) ตามมาตรฐาน TIER III ด้วยฟอร์มแฟคเตอร์แบบบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ นับเป็นดาต้าเซ็นเตอร์สำเร็จรูปขนาดเล็กที่สามารถติดตั้งและใช้งานได้ทุกที่ โดยสามารถใช้เป็นส่วนต่อขยายเพิ่มเติมจากดาต้าเซ็นเตอร์แบบปกติที่มีอยู่ หรือใช้งานแบบแยกเดี่ยว (standalone) ก็ได้

ข้อดีของโมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์ หรือดาต้าเซ็นเตอร์แบบตู้คอนเทนเนอร์

  • เพิ่มกำลังความสามารถของดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อตอบสนองความต้องการ ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนสูงสุดได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
  • สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็วภายใน 12 ถึง 16 สัปดาห์
  • ประหยัดพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม โดยค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานในดาตาเซ็นเตอร์ (PUE) อยู่ที่ 3 ถึง 1.5 สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์
  • โซลูชั่นแบบครบวงจรลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง และช่วยให้สามารถใช้งานได้จริงภายในเวลาอันรวดเร็ว
  • ขนย้ายได้สะดวก เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดเตรียมโลเคชั่น

เกี่ยวกับ ซิสโก้

ซิสโก้ (NASDAQ: CSCO) เป็นผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกที่ยกระดับการใช้งานอินเทอร์เน็ต ซิสโก้สร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ จากวิธีการใช้แอปพลิเคชันที่แตกต่างไปจากเดิม การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน และช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับทีมของคุณเพื่อโลกแห่งอนาคต เปิดประสบการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์ก และติดตามข่าวสารของซิสโก้บนทวิตเตอร์ที่ Twitter @Cisco.

บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน)

แพลนเน็ตคอม (mai: PLANET) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2537 และจดทะเบียนในตลาด mai เมื่อปี พ.ศ. 2557 โดยปัจจุบันเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมแบบครบวงจร ให้บริการออกแบบ ติดตั้ง และบริการหลังการขาย สำหรับโครงสร้างพื้นฐานระบบโครงข่ายโทรคมนาคม ระบบการสื่อสารแบบรวมศูนย์ ระบบส่งสัญญาณภาพและเสียงแบบดิจิทัล ระบบรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์ ไอโอทีแพลทฟอร์ม การวิเคราะห์ภาพและข้อมูลอัจฉริยะ การแพทย์ทางไกล เทคโนโลยียานพาหนะไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และ เทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ำด้วยระบบดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีไปใช้เพื่อยกระดับและพัฒนาประเทศไปสู่สังคมคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero-Carbon) ยกระดับภาคการผลิตไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพของผลผลิต (Increasing Productivity) รวมไปถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน (Improving a Quality of Life)

from:https://www.techtalkthai.com/cisco-joins-forces-with-planetcom-to-develop-mobile-data-centers-to-drive-smart-cities-in-thailand/

Alteryx Auto Insights แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลอัตโนมัติสำหรับทุกคนในองค์กร สร้างธุรกิจ Data-driven อย่างมีประสิทธิภาพ

องค์กรทั่วโลกตระหนักเป็นอย่างดีแล้วว่าข้อมูลเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดำเนินธุรกิจของทุกอุตสาหกรรม จากเดิมที่มุ่งเน้นไปยังการนำข้อมูลมาใช้ในการดำเนินการ หลายองค์กรในปัจจุบันให้ความสำคัญมากขึ้นกับการใช้ข้อมูลให้ได้อย่างเต็มที่ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ จะทำอย่างไรให้สมาชิกภายในองค์กรสามารถใช้ข้อมูลในการทำงานได้โดยสะดวกและถูกต้องแม้ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ จะทำอย่างไรให้องค์กรสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที นำไปสู่ผลลัพธ์และการเติบโตของธุรกิจ  โซลูชัน Alteryx Auto Insights ที่เราจะมาแนะนำในบทความต่อไปนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบความท้าทายเหล่านี้โดยเฉพาะ

โจทย์ของธุรกิจในวันนี้ คือการหา Insights ที่รวดเร็ว แม่นยำ ใครก็ทำได้ และเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ

ธุรกิจจำนวนมากในปัจจุบันล้วนแต่มีข้อมูลที่พร้อมใช้งานในองค์กรอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การสร้างประโยชน์จากข้อมูลอย่างเต็มที่นั้นยังคงเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายส่วน โดยทั่วไป ปัญหาของการนำข้อมูลมาใช้นั้นไม่ใช่เพราะธุรกิจมีข้อมูลน้อยเกินไป แต่เกิดเพราะธุรกิจมีข้อมูลอยู่มาก แต่กลับนำมาใช้ไม่ได้เต็มที่และรวดเร็วเท่าที่ควรด้วยปัจจัยหลายอย่าง

  • ธุรกิจมีความพร้อมไม่มากพอสำหรับการเปิดให้สมาชิกในองค์กรใช้งานข้อมูลอย่างอิสระ ไม่มีเครื่องมือที่ช่วยให้การนำข้อมูลมาวิเคราะห์เป็นเรื่องง่ายและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานของทุกแผนก
  • บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านข้อมูลขาดแคลน ไม่สามารถรองรับความต้องการจากทุกฝ่ายงานได้ ส่งผลให้พลาดโอกาสในการวิเคราะห์เชิงลึกและการนำเทคนิคขั้นสูงมาใช้ในการประมวลผลข้อมูล และพลาดโอกาสที่จะสร้าง Insights เชิงลึกที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจมากกว่า
  • สมาชิกในองค์กรไม่ทราบถึงประโยชน์ของการใช้ข้อมูลอย่างถ่องแท้ หรือทราบแต่เพราะการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเรื่องยากและใช้เวลานาน การนำข้อมูลมาใช้ในการทำงานจึงเป็นขั้นตอนที่ถูกมองว่าเสียแรงและเวลาโดยไม่คุ้มค่า การใช้ข้อมูลจึงไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงาน
  • เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้อยู่ในองค์กรไม่เหมาะกับการดำเนินการของแต่ละฝ่ายงาน ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ
  • สมาชิกในองค์กรไม่มีความเชี่ยวชาญด้านข้อมูลมากพอที่จะเชื่อในผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ข้อมูล ไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุ ความผิดปกติ หรือเล็งเห็นถึงเหตุการณ์ที่น่าสนใจในชุดข้อมูลที่มีอยู่ ทำให้ Action ที่ตามมาไม่ดีเท่าที่ควร

ปัญหาข้างต้นนี้ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะสำหรับธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง และมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันหลายส่วนซึ่งส่งผลให้วัฒนธรรมการใช้ข้อมูลไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงภายในองค์กร ในโลกของธุรกิจที่การใช้ข้อมูลเป็นแนวทางปฏิบัติที่เริ่มมีกันอย่างแพร่หลาย การเติบโตของธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันนั้นได้รับผลกระทบจากความท้าทายเหล่านี้โดยตรง 

จากเดิมที่ธุรกิจเข้าใจกันว่าใครใช้ข้อมูลได้มากกว่าย่อมได้เปรียบ แต่ในวันนี้ ปัจจัยที่กำหนดความสำเร็จคือความสามารถในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Alteryx Auto Insights ระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทำความเข้าใจกับข้อมูลที่มีอยู่ในมืออย่างเต็มประสิทธิภาพ

เพื่อตอบสนองกับความท้าทายด้านข้อมูลของธุรกิจในปัจจุบัน Alteryx ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันข้อมูลระดับโลกจึงได้พัฒนาโซลูชัน Alteryx Auto Insights แพลตฟอร์มที่จะช่วยให้ทุกคนภายในองค์กรสามารถวิเคราะห์ ทำความเข้าใจ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่องค์กรมีอยู่อย่างแท้จริง Auto Insights เป็นแอปพลิเคชันแบบ Web-based ที่จะวิเคราะห์และสร้าง Dashboard จากข้อมูลที่มีขึ้นให้โดยอัตโนมัติ โดยมาพร้อมกับคำอธิบาย และเกร็ดต่างๆเกี่ยวกับข้อมูลที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปดูถึงรายละเอียดและที่มาของบทวิเคราะห์ได้

Alteryx Auto Insights แบ่งการใช้งานออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่

Discover

หน้าแรกของแพลตฟอร์ม Alteryx Auto Insights จะแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่น่าสนใจจากชุดข้อมูลที่เชื่อมต่ออยู่ รวมไปถึงตัวแปรต่างๆหรือ Mearues ที่แพลตฟอร์ม Auto Insights ได้นำขึ้นมาแสดงผลให้ตามความเหมาะสม โดยจะสรุปให้ผู้ใช้เห็นง่ายๆผ่านกราฟและคำอธิบายสั้นๆโดยอัตโนมัติ ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกเข้าไปชมรายละเอียดของข้อมูล สาเหตุของการเพิ่มขึ้น ลดลง หรือปัญหาที่ทำให้ค่ามาตรวัดต่างๆเปลี่ยนแปลงไป และความผิดแผกของข้อมูลจากแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้ในระยะยาว หรือที่เรียกกันว่า Outliers นั่นเอง

ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนชุดข้อมูลใหม่ที่เชื่อมต่อกับ Alteryx Auto Insights ได้ในไม่กี่คลิก และเมื่อเปลี่ยนชุดข้อมูลระบบก็จะทำการประมวลผล Insights ของข้อมูลชุดใหม่ให้เห็นโดยอัตโนมัติ

Missions

ในแถบ Missions ผู้ใช้สามารถสร้าง Mission ใหม่เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของข้อมูลในส่วนที่พวกเขาสนใจเป็นพิเศษได้ เช่น ผู้จัดการฝ่ายขายอาจสนใจข้อมูลของยอดขายโดยเฉพาะ ก็สามารถสร้าง Mission สำหรับทีมขาย และสร้าง Dashboard ที่เจาะลึกไปยังการขายในแต่ละพื้นที่ แต่ละอุตสาหกรรม ด้วยเครื่องมือ Filter ที่ Alteryx Auto Insights มี แน่นอนว่าทุกอย่างจะถูกประมวลผล วิเคราะห์ และแสดงผลออกมาเป็นแผนภาพโดยอัตโนมัติ รวมไปถึงคำอธิบายการวิเคราะห์ จุดที่น่าสนใจ และการชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด

การสร้าง Mission นั้นจะช่วยให้พนักงานในแผนกต่างๆสามารถมี Dashboard ข้อมูลแยกกันได้โดยสะดวกและรวดเร็ว เน้นเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานของตัวเองและใช้ข้อมูลได้อย่างเต็มที่ จากการวิเคราะห์ทางสถิติและ AI ภายในแพลตฟอร์ม

Search

หน้า Search นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถตั้งคำถามที่ดีกับชุดข้อมูลได้ โดยในหน้านี้จะแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่น่าสนใจ เช่น จุดใดในข้อมูลที่มีความเปลี่ยนแปลงเยอะที่สุด ปัจจัยใดที่ส่งผลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งใหม่ๆสิ่งใดที่เกิดขึ้นและน่าจับตามอง เมื่อผู้ใช้มองเห็นไอเดียเหล่านี้ ก็จะสามารถเห็นภาพได้ว่าควรนำข้อมูลไปใช้ในส่วนใด ควรวิเคราะห์ลงลึกกับข้อมูลไหน ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงานและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีต่อธุรกิจในที่สุด

รู้ทันทุกความเคลื่อนไหวของข้อมูลด้วยการแชร์และแจ้งเตือน

นอกจากเข้ามาใช้งานในแพลตฟอร์ม Alteryx Auto Insights โดยตรงแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถแบ่งปันแดชบอร์ดและข้อมูลที่น่าสนใจด้วยการแชร์ลิงก์ให้เพื่อนร่วมงานเขามาดูข้อมูลได้ อีกทั้งยังสามารถตั้งค่า Subscribe การแจ้งเตือนความเปลี่ยนแปลงของข้อมูลหรือสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลไปยังอีเมลโดยตรง ทั้งการแจ้งเตือนรายวัน รายสัปดาห์ หรืออื่นๆ ช่วยให้ Insights ถูกส่งตรงไปยังผู้ทำงานและสามารถหยิบจับมันขึ้นมาใช้ในการดำเนินการได้ทันที

เชื่อมต่อกับ Alteryx Auto Insights ได้ง่ายๆ ผ่าน Alteryx Designer และฐานข้อมูลอื่นๆ

สำหรับท่านใดที่ใช้งาน Alteryx Designer ในการจัดการและทำความสะอาดข้อมูลอยู่แล้ว การเริ่มใช้งาน Alteryx Auto Insights ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงเพิ่ม Component ของ Auto Insights ลงไปใน Workflow เท่านั้น เมื่อกดเริ่มการทำงาน ระบบก็จะทำการอัพโหลดข้อมูลไปยังแพลตฟอร์มคลาวด์ และสามารถคลิกลิงก์เพื่อเริ่มดูการวิเคราะห์ข้อมูลได้ทันที

หรือหากไม่ได้ใช้งาน Alteryx Designer ก็สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มโดยตรงผ่าน Connector ได้ทันที ในปัจจุบัน Auto Insights รองรับการเชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูลที่รองรับ ODBC ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น MySQL, Postgres, Oracle SQL และอื่นๆ รวมไปถึงไฟล์ Spreadsheet อย่าง Excel และ CSV ด้วย

สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับ Alteryx Auto Insights เพิ่มเติม ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน Unlock Insights, Automate Your Data เลย

พูดมาถึงตรงนี้เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคงจะสนใจการทำงานของแพลตฟอร์ม Auto Insights กันมากขึ้น หากท่านใดที่ต้องการเรียนรู้ถึงตัวแพลตฟอร์มนี้และการประยุกต์ใช้ในงานต่างๆโดยละเอียด  และสอบถามพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญจาก Sift Analytics Group และ Alteryx โดยตรง ก็สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงาน Unlock Insight, Automate Your Data ที่จะจัดขึ้น ณ โรงแรม  Swissôtel Bangkok Ratchada ในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ผ่านเว็บไซต์ http://alteryx.sift-ag.com/auto-insight-thailand

โดยภายในงาน ผู้เข้าร่วมจะมีโอกาสได้เรียนรู้เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลและ Automation มาผลิกโฉมธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและความคล่องตัวยิ่งขึ้น ด้วยแพลตฟอร์มจาก Alteryx ทั้ง Alteryx APA Platform, Alteryx Auto Inisights และ Alteryx Machine Learning พร้อมรับชมสาธิตการใช้งานจริงของแพลตฟอร์มเหล่านี้ด้วย

ในส่วนของหัวข้อการพูดคุยในวันงาน จะมีรายละเอียดดังนี้

  • Transform your business with Analytic Process Automation เรียนรู้การนำเทคโนโลยี Robotic Process Automation จากแพลตฟอร์ม Alteryx APA เข้ามาแบ่งเบาภาระงานในองค์กร ช่วยให้กระบวนการทำงานรวดเร็ว ลดข้อผิดพลาด และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • Unlock the hidden insight in your data by Alteryx Auto Insights แนะนำการทำงานของแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลอัตโนมัติ ที่จะช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเรื่องง่าย ใครในองค์กรก็สามารถทำได้ ค้นพบ Insights ใหม่ๆได้อย่างรวดเร็ว นำไปพัฒนาธุรกิจได้อย่างแม่นยำ
  • Find out the relationship in your data with Alteryx Machine Learning สาธิตการใช้เทคโนโลยี Machine Learning เข้ามาใช้เพื่อหาความสัมพันธ์ของข้อมูลในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำผลลัพธ์ที่ได้ไปปรับปรุงกระบวนการทำงานและการให้บริการของธุรกิจอย่างเจาะลึก
  • สาธิตการใช้งานของแพลตฟอร์ม Alteryx Auto Insight เพื่อให้ทุกท่านสามารถเห็นภาพการใช้งานจริงและความสามารถของแพลตฟอร์มในการต่อยอดกระบวนการดำเนินการด้านต่างๆ

สร้างวัฒนธรรม Data-driven ด้วยแพลตฟอร์มข้อมูลที่ทุกคนใช้งานได้

แนวโน้มของการทำงานในยุคปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ คือการทำงานที่ซับซ้อนและหลากหลายขึ้นกว่าเก่า รูปแบบของการทำงานและความต้องการของโลกธุรกิจนั้นกระตุ้นให้ธุรกิจต้องมองหาเครื่องมือที่จะช่วยให้พนักงานในองค์กรสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้เทคโนโลยีมาช่วยผ่อนแรง ลดระยะเวลา และสร้างผลลัพธ์ได้อย่างตรงจุด ตอบสนองความต้องการและสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

แพลตฟอร์ม Alteryx Auto Insights คือเครื่องมือ Self-service หนึ่งที่ทำให้เรามองเห็นถึงภาพของอนาคตที่ทุกคนในองค์กรสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว มี Insights เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในทุกๆวัน และสร้างคุณค่าให้กับองค์กรได้เต็มประสิทธิภาพจากข้อมูลที่มี เพราะข้อมูลนั้นไม่ใช่เพียงความรับผิดชอบของนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลหรือนักวิเคราะห์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในทุกตำแหน่ง ทุกส่วนงานภายในธุรกิจนั่นเอง 

หากท่านใดสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Alteryx Auto Insights สามารถติดต่อทีมงาน Sift Analytics Group ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการโซลูชัน Alteryx และสร้างวัฒนธรรมข้อมูลภายในองค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆได้ที่ช่องทางการติดต่อด้านล่างนี้

Sift Analytics Group
โทร. 02-645-2544 
อีเมล sift-th@sift-ag.com 
Line: @siftthailand

from:https://www.techtalkthai.com/alteryx-auto-insights-auto-analytics-enabling-data-driven-business/

เชิญร่วมงาน Google Exclusive Workshop: Manage Your Data Wisely with Google Cloud โดย True IDC

21 ตุลาคมนี้ True IDC ขอพาคุณไปเยือนออฟฟิศ Google ประเทศไทย! เพื่อร่วมทำเวิร์กชอปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Manage Your Data Wisely with Google Cloud” มาทำความรู้จักกับบริการ Google Cloud Platform ตั้งแต่ Core Infrastructure ตลอดจนบริการยอดนิยมอย่าง Google Big Query ตัวช่วยวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลองค์กรอย่างชาญฉลาด ในครั้งนี้ True IDC เตรียมเวิร์กชอปเน้น ๆ มาถึง 3 หัวข้อ ให้คุณได้ลงมือปฏิบัติจริง

พิเศษสุด! ร่วมลุ้นรับของที่ระลึกจาก Google Cloud ในช่วง Q&A รวม 5 รางวัล

📆 วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2022
⏰ เวลา 9:00 – 13:00 น.
🏢 Google ประเทศไทย (แผนที่, BTS เพลินจิต)
📍 ลงทะเบียนที่: https://bit.ly/3SOpgbt (จำกัด 30 ที่นั่งเท่านั้น)

พร้อมรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเมื่อสมัครใช้บริการ Google Cloud Platform ผ่าน True IDC หลังจบงาน

กำหนดการ

09:00 – 09:30 Registration
09:30 – 10:00 Google Cloud Platform – Your Digital Transformation Partner
• Google Cloud Services Overview
• Explore Google Cloud Core Infrastructure
10:00 – 10:30 Workshop 1: Get Started with Google Cloud Shell
10:30 – 11:15 Workshop 2: Set Up Network and HTTP Load Balancers
11:15 – 11:55 Google Big Query – An effortless tool you need
Workshop 3: Experience Big Query on Your Own
11:55 – 12:15 Q&A
12:15 – 13:00 Lunch

from:https://www.techtalkthai.com/google-exclusive-workshop-manage-your-data-wisely-with-google-cloud-by-true-idc/

[Guest Post] งานแสดงเทคโนโลยีธุรกิจ 5G แห่งอนาคต เริ่มอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้!!

เปิดประสบการณ์สู่โลกของธุรกิจเทคโนโลยีไร้สายความเร็วสูง 28-29 กันยายน ณ สามย่านมิตรทาว์นฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ

วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค  ผู้จัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติในเอเชีย เปิดตัวงานแสดงสินค้าใหม่ล่าสุดในสายธุรกิจเทคโนโลยี ภายใต้ชื่องาน ‘BYOND MOBILE’ (บิยอน โมบาย) ซึ่งเป็นงานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับธุรกิจ 5G เครือข่ายความเร็วสูง อันจะเป็นจุดนับพบที่สำคัญของผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศของอุตสาหกรรม 5G ต่อยอดสู่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่จะเชื่อมโยงผู้ให้บริการและสตาร์ทอัพได้มาพบปะเจรจาธุรกิจเพื่อการต่อยอดในอนาคต โดยงาน BYOND MOBILE มีกำหนดการจัดงานระหว่างวันที่ 28-29 กันยายน 2565 ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ ตั้งแต่เวลา 10:00-18:00 น. นับเป็นอีกงานที่ผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์รวมของธุรกิจ 5G แห่งอนาคต ตลอด 2 วันของการจัดงาน มีการนำเสนอเทคโนโลยีสุดล้ำสำหรับธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ การแพทย์ด้วยระบบดิจิทัล เทคโนโลยีเพื่อการเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ กระบวนการผลิตและวิทยาการหุ่นยนต์ สมาร์ทซิตี้ เมืองแห่งเทคโนโลยี และยานยนต์แห่งอนาคต ด้วยความร่วมมือจากบรรดาผู้ประกอบการและเจ้าของกิจการด้านเครือข่ายความเร็วสูง อินเตอร์เน็ต เครือข่ายการสื่อสารผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ และระบบไอทีอัจฉริยะมากกว่า 50 แบรนด์ พร้อมด้วยตารางงานประชุมสัมมนาเชิงวิชาการที่อัดแน่นสำหรับผู้ที่สนใจ ร่วมรับฟังการแบ่งปันข่าวสารความรู้ แนวโน้มของธุรกิจ นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ การสาธิตผลิตภัณฑ์โดย CEO แบรนด์ชั้นนำมากกว่า 40 วิทยากรรับเชิญ ตลอดจนการแข่งขัน Start-up ของธุรกิจสายเทคโนโลยีซึ่งได้รับความสนใจอย่างคับคั่ง

พิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ นำโดย มร.อิกอร์ เพาก้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค ผู้จัดงาน พร้อมด้วย คุณจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) และ ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าวสนับสนุนการจัดงาน และเปิดงานอย่างเป็นทางการด้วยปาฐกถาจาก คุณเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมเยี่ยมชมบูธผู้ประกอบการและพูดคุยกับผู้บริหารจากแบรนด์ชั้นนำภายในงาน

BYOND MOBILE เป็นอีกงานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม 5G และการรวมตัวของผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบนิเวศของเทคโนโลยีเครือข่ายความเร็วสูงทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจเครือข่ายแห่งอนาคต ภายในงานจะมีการนำเสนอบริษัทชั้นนำของ blue-chip ตลอดจนสตาร์ทอัพที่มาจากสายเทคโนโลยีทั้งหมด บนพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม. จัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น 5G จากแบรนด์ชั้นนำกว่า 50 แบรนด์ และพาวิลเลียนนานาชาติจากประเทศสหราชอาณาจักร พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีเครือข่ายมือถือและโซลูชันระบบคลาวด์ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และหุ่นยนต์ ตลอดจน AR/VR แมชชีนเลิร์นนิง และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เราเชื่อมั่นว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นเวทีเจรจาการค้าใหม่ที่ช่วยกระตุ้นความตื่นตัวของอุตสาหกรรม 5G ระดับประเทศต่อไป” กล่าวโดย มร.อิกอร์ เพาก้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค ผู้จัดงาน

คุณจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) กล่าวสนับสนุนการจัดงาน “เหตุผลที่สำคัญสำหรับการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะงาน BYOND MOBILE ที่เปิดงานอย่างเป็นทางการวันนี้ คือ ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านจะสามารถศึกษาแนวโน้มของตลาด เรียนรู้ถึงแนวทางการพัฒนาแบรนด์และธุรกิจให้สอดคล้องกันเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน ตลอดจนการสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการพบปะพูดคุยโดยตรงจากผู้ประกอบการจากแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมนั้นๆ เพื่อค้นหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่จากการเลือกและเปรียบเทียบคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างชัดเจน และแม้ว่าคุณอาจสามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้จากโลกอินเตอร์เน็ต แต่การมาร่วมงานแสดงสินค้าแบบพบปะกันตัวต่อตัว จะทำให้คุณได้แลกเปลี่ยนความรู้ พูดคุยแนวทางแก้ไขปัญหา ตลอดจนเป็นเวทีเจรจาการค้าที่รวมหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ เจ้าของกิจการ ผู้ซื้อ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้ที่เดียวกัน ซึ่งทางสสปน. เชื่อมั่นว่าทุกงานแสดงสินค้านำมาซึ่งประโยชน์มากมายต่อภาคอุตสาหกรรมและเป็นกลไกที่สำคัญประการหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทางเราสนับสนุนการจัดแสดงสินค้ามาโดยตลอด”

“เทคโนโลยี 5G กำลังเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในหลายมุมมองและที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การรวมกันของเทคโนโลยี 5G ในภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ระบบการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ชีววิทยาศาสตร์และการดูแลสุขภาพด้วยระบบดิจิทัล และอีกมากมาย เราเชื่อมั่นว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ เทคโนโลยี 5G จะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญและเพิ่มขอบข่ายของธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้มากยิ่งขึ้น” ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าว “ทางศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีนี้มาโดยตลอด เราพร้อมที่จะสนับสนุนทุกงานวิจัยอันจะนำมาซึ่งการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อผลักดันและเสริมสร้างการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยให้ทันเทียมกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก ซึ่งในขณะนี้เรากำลังอยู่ในช่วงตั้งค่าเครือข่ายความเร็วสูง และทดสอบเสถียรภาพของเครือข่าย 5G ที่เกี่ยวข้องด้านการอำนวยความสะดวกในอุตสาหกรรม 4.0 โดยมีการจัดตั้งเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi เป็นศูนย์กลาง นวัตกรรมแห่งใหม่บนพื้นที่ EEC มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในวังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง โดยมีเป้าหมายสำคัญในการช่วยยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมเดิม รวมถึงการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ควบคู่กับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งการจัดแสดงงาน BYOND MOBILE ในครั้งนี้มอบโอกาสที่ดีในเชิงธุรกิจ และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนตื่นตัวมากขึ้น” ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ กล่าว

BYOND MOBILE เป็นโอกาสอันดีสำหรับพวกเราทุกคนในการรับฟัง-เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญและนำข้อมูลข่าวสารใหม่ไปต่อยอดธุรกิจที่นำเสนอโดยเจ้าของแบรนด์ ผู้ปฏิบัติงาน ผู้ให้บริการ หน่วยงานที่กำกับดูแล ตลอดจนในมุมของผู้ใช้บริการเอง ในนามของ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประเทศไทย ผมยินดีต้อนรับทุกเทคโนโลยี ทุกผลิตภัณฑ์และการบริการที่จะมีส่วนสำคัญในการพัฒนารูปแบบของธุรกิจด้วยเครื่องมือที่ดีที่สุด และส่งผลต่อการพัฒนาเครือข่ายเศรษฐกิจของประเทศไทย” คุณเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าว

5G เป็นองค์ประกอบหลักที่ส่งผลต่อโครงสร้างพื้นฐาน อันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ดำเนินการพัฒนาการบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่นำเทคโนโลยี 5G เข้ามาใช้ เพื่อขับเคลื่อนสังคมด้วยนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ การสร้างระบบนิเวศที่ครบครันด้วยอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้วยนวัตกรรม สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ศูนย์กลางของเมืองอัจฉริยะในภูมิภาคอาเซียน” คุณเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ กล่าวเสริม

BYOND MOBILE (บิยอน โมบาย) เป็นเวทีเจรจาการค้าผ่านงานแสดงสินค้าอันเป็นสะพานที่เชื่อมระดับโลกสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติที่ให้บริการกลุ่มประเทศ 11 ประเทศเพื่อเชื่อมต่อกับตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก แล้วพบกัน ระหว่างวันที่ 28 – 29 กันยายน 2565 ณ ฮอลล์ 1-2 สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ เปิดโลกการเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเครือข่ายไร้สายแห่งอนาคต!

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ทาง https://byondmobile.asia/
ลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://eventpassinsight.co/el/to/Q87OY [ไม่มีค่าใช้จ่าย]
from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-byond-mobile-5g-28-29-sep-22/