คลังเก็บป้ายกำกับ: NUTANIX_ACROPOLIS

สรุปงานสัมมนา Transforming Your Legacy Infrastructure to be CLOUD! โดย ISSP สร้าง Private Cloud ให้พร้อมใช้งานด้วย Nutanix, Sophos และ Veeam

ทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้มาร่วมงานสัมมนา สรุปงานสัมมนา Transforming Your Legacy Infrastructure to be CLOUD! ซึ่งจัดขึ้นโดย ISSP เพื่ออัปเดตเทคโนโลยีล่าสุดสำหรับเปลี่ยนแปลงระบบ IT ของธุรกิจองค์กรให้ก้าวสู่การเป็น Private Cloud อย่างเต็มตัว ด้วยการเชิญวิทยากรจากทาง Nutanix, Sophos และ Veeam มาบรรยายในหัวข้อต่างๆ ซึ่งทาง TechTalkThai ก็ขอนำสรุปประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจดังนี้

ISSP ต่อยอดจากการเป็นผู้ให้บริการ ISP และ Cloud สู่การเป็น Solution Integrator อย่างครบวงจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในมุมของ ISSP เองนั้น แต่เดิมที่ได้มีการก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ให้บริการแบบ Solution Integrator หรือ SI มาตั้งแต่ปี 2016 ด้วยทีมงาน Technical Consultant ที่มีความเชียวชาญและประสบการณ์มาอย่างยาวนาน
ได้มีการจับมือกับผู้ผลิตเทคโนโลยีชั้นนำหลากหลายราย เพื่อนำเสนอโซลูชั่นสู่ภาคธุรกิจองค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมมาอย่างต่อเนื่อง และมีลูกค้าเพิ่มขึ้นมามากมายในช่วงปีที่ผ่านมา

จุดเด่นของ ISSP ในการให้บริการในฐานะ SI นี้ ก็คือความรู้ความสามารถที่ครบวงจร การนำเสนอโซลูชั่นที่เกิดประโยชน์ให้กับองค์กรของลูกค้าอย่างแท้จริง รวมถึงการให้บริการอย่างมืออาชีพ และจากประสบการณ์เดิมในฐานะของ ISP และผู้ให้บริการ Cloud ที่มีลูกค้าเป็นภาคธุรกิจองค์กรมาอย่างมากมาย ทำให้การออกแบบและนำเสนอโซลูชันนั้นเป็นไปได้อย่างยืดหยุ่นหลากหลาย และยังสามารถนำทรัพยากรหรือบริการต่างๆ จากในส่วนของ ISP และ Cloud เข้ามาให้บริการเพิ่มเติมเพื่อให้โซลูชันสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นได้

ที่ผ่านมา ISSP ได้มีโครงการต่างๆ ที่นำโซลูชันจาก Nutanix, Sophos และ Veeam ไปนำเสนอและติดตั้งให้กับลูกค้าธุรกิจองค์กรมากมาย ผู้ที่สนใจโซลูชันเหล่านี้สามารถปรึกษาทีมงานของ ISSP ได้ทันที

Nutanix: จาก HCI สู่การเป็น Private Cloud ที่รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ในขณะที่ยังคงความง่ายเอาไว้

ทีมงาน Nutanix ได้ออกมาเล่าถึงภาพรวมเทคโนโลยีของ Nutanix ในปัจจุบัน ที่มีโซลูชันใหม่ๆ เพิ่มเติมต่อยอดขึ้นมาจากระบบ Hyper-Converged Infrastructure หรือ HCI อยู่มากมาย ทำให้ภาพของการสร้างระบบ Private Cloud ภายในองค์กรนั้นกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งกว่าแต่ก่อนมาก ในขณะที่หากธุรกิจต่างๆ มีการใช้งาน Public Cloud เป็นหลัก Nutanix เองก็มีโซลูชันสำหรับตอบโจทย์ต่างๆ อยู่อีกมากมาย

ในมุมมองของ Nutanix นั้น การเริ่มต้นลงทุนในระบบ HCI จนก้าวมาสู่การเป็น Private Cloud นั้นมีด้วยกัน 3 ขั้นตอนหลักๆ ได้แก่

  1. การเริ่มต้นระบบ HCI แรก และย้าย Workload พื้นฐานภายใน Data Center หรือ VDI มาอยู่บนระบบ HCI ก่อน เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและการดูแลรักษา
  2. การต่อยอดด้วยเทคโนโลยีต่างๆ บนระบบ HCI เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมาใช้ AHV ซึ่งเป็น Hypervisor ของ Nutanix, การทำ Automation ในส่วนของ Security หรือ Network เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
  3. การทำ Standardization ด้วยการวางระบบ Self-Service หรือระบบ Automated Deployment สำหรับระบบต่างๆ เช่น Database, Web Server, Application Server ทำให้ระบบ HCI นั้นกลายเป็น Private Cloud ที่มีความสะดวกสบายในการใช้งานในระดับเดียวกับ Public Cloud

แน่นอนว่า Nutanix เองนั้นมีวิสัยทัศน์ด้านนี้มานานแล้ว และที่ผ่านมา Nutanix ก็ได้เร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงเข้าซื้อกิจการเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาเสริมให้กับโซลูชันของตนเอง เปลี่ยนภาพจากผู้ผลิตระบบ Software-Defined Data Center ไปสู่การเป็น Autonomous Data Center ที่ระบบสามารถจัดการตัวเองได้แบบอัตโนมัติ ด้วยโซลูชันต่างๆ ดังนี้

  • Nutanix Acropolis ระบบ HCI ประสิทธิภาพสูงที่ใช้งานง่าย เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของ Nutanix
  • Nutanix AHV ระบบ Hypervisor ของ Nutanix ที่พัฒนาความสามารถใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ในไทยลดค่าใช้จ่ายด้าน License ของระบบ Hypervisor ลงได้เป็นอย่างดี
  • Nutanix Prism ระบบบริหารจัดการจากศูนย์กลางของ Nutanix ที่ทำให้การบริหารจัดการระบบ HCI กลายเป็นเรื่องง่าย
  • Nutanix Prism Pro ระบบบริหารจัดการที่นำ Machine Learning มาทำให้การดูแลรักษาระบบ HCI มีความเป็นอัตโนมัติมากขึ้น, มีข้อมูลและผลการทำนายแนวโน้มต่างๆ สำหรับประกอบการตัดสินใจในการดูแลรักษาระบบ HCI ได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น และป้องกันปัญหาที่มีแนวโน้มจะเกิดได้ล่วงหน้า
  • Nutanix Move เครื่องมือสำหรับย้าย VM บน ESX, Hyper-V และ AWS มาสู่ Nutanix AHV ได้อย่างง่ายดาย
  • Nutanix Storage Services สำหรับการนำพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบน Nutanix มาให้บริการในรูปแบบของ File, Volume และ Object รองรับการใช้งานที่หลากหลาย
  • Nutanix Flow Networking ระบบ Firewall สำหรับควบคุมการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่าง VM ภายใน Hypervisor และการบริหารจัดการระบบ Virtual Network ได้แบบอัตโนมัติ
  • Nutanix Calm ระบบสำหรับการ Deploy และ Manage Application ต่างๆ ได้แบบอัตโนมัติ
  • Nutanix Era ระบบสำหรับการ Deploy Database โดยอัตโนมัติ พร้อมจัดการทำ Copy Data Management ได้ในตัว
  • Nutanix Karbon ระบบสำหรับการ Deploy Kubernetes Cluster เพื่อใช้งานบน HCI ได้ภายในเวลาเพียง 20 นาที พร้อมเชื่อมต่อกับ Nutanix Storage Services ได้ตามต้องการ
  • Nutanix Xi Cloud Services บริการ Cloud สำหรับตอบโจทย์เฉพาะทางต่างๆ จาก Nutanix

จะเห็นได้ว่าโซลูชันของ Nutanix ในปัจจุบันนี้มีมากขึ้นกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก และมีการเสริมเทคโนโลยีในส่วนของการ Deploy ระบบเพิ่มเข้ามาหลายรายการทีเดียว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ประสบการณ์การใช้งาน Private Cloud ที่อยู่บนโซลูชันของ Nutanix นี้ มีความสามารถในระดับเดียวกับบริการ Public Cloud จากผู้ให้บริการชั้นนำรายต่างๆ ทั่วโลกนั่นเอง

Sophos: Cybersecurity-as-a-Platform สู่ยุคที่โซลูชันทางด้าน Security ต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

ทีมงาน TechData ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายของ Sophos ได้มาเล่าถึงโซลูชันทางด้าน Security ที่จะเข้ามามีบทบาทต่อธุรกิจองค์กรมากขึ้น โดยชูโซลูชันหลักที่ถือเป็นเรือธงของ Sophos เองอย่าง Endpoint Protection และ Next Generation Firewall

Sophos Intercept X คือโซลูชันด้าน Endpoint Protection ที่ได้ต่อยอดมาจากเทคโนโลยี Antivirus ที่ Sophos เป็นผู้ผลิตรายแรกๆ ของโลก โดยล่าสุดนี้ Sophos Intercept X ก็ได้มีการเสริมเทคโนโลยี Deep Learning และ Endpoint Detection and Response (EDR) เข้าไป ทำให้การตรวจจับและยับยั้ง Malware, Exploit หรือ Ransomware นั้นเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

สำหรับ Sophos XG Firewall นั้นก็คือโซลูชัน Next Generation Firewall ที่ผสานเอาเทคโนโลยีจาก Astaro และ Cyberoam ที่ Sophos เข้าซื้อกิจการมา สามารถปกป้องระบบเครือข่ายของธุรกิจองค์กรได้ด้วยความสามารถในการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง, Traffic อันตราย และภัยคุกคามที่มีความซับซ้อนได้ รวมถึงยังได้มีการนำ Deep Learning มาผสานการทำงานร่วมกับ Intrusion Prevention และ Sandbox เพื่อคอยตรวจจับภัยคุกคามที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก และโต้ตอบต่อภัยคุกคามที่ตรวจพบโดยอัตโนมัติ ลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับธุรกิจองค์กรลงได้

แนวคิดหนึ่งที่ถูกหยิบยกมานำเสนอในครั้งนี้ก็คือ Synchronized Security ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ของ Sophos นั้นสามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ผ่านทาง Security Heartbeat และทำให้การบริหารจัดการหรือการจัดการกับภัยคุกคามใดๆ สามารถทำได้จากศูนย์กลางทั้งหมด ช่วยให้การตรวจจับและโต้ตอบกับภัยคุกคามต่างๆ เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว, ง่ายดาย และแม่นยำยิ่งขึ้นกว่าเดิม เกิดเป็นภาพของ Cybersecurity-as-a-Platform ภายในองค์กรได้

Veeam: ปกป้องข้อมูลสำคัญของธุรกิจองค์กรได้รอบด้าน ไม่ว่าจะใช้ระบบ IT Infrastructure แบบใด

Veeam เองนั้นก็ยังคงมากับภาพของผู้นำด้านเทคโนโลยีในการสำรอง, กู้คืน และบริหารจัดการข้อมูลอย่างครบวงจร โดยที่ Veeam Availability Suite นั้นก็คือผลิตภัณฑ์เรือธงในฐานะของเครื่องมือการสำรองข้อมูลที่สามารถใช้งานได้บนทุก Platform ซึ่งมาพร้อมกับระบบบริหารจัดการจากศูนย์กลางที่ง่ายต่อการใช้งาน

Veeam ได้นำเสนอถึงโซลูชันต่างๆ ของตนเองที่สามารถทำงานร่วมกับโซลูชัน HCI และ Nutanix AHV ได้ในงานสัมมนาครั้งนี้ เพื่อประกอบให้โซลูชันที่ ISSP ต้องการนำเสนอมีความครบถ้วนมากยิ่งขึ้น พร้อมเสริมด้วย Veeam Backup for Microsoft Office 365 ที่เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ขายดี ซึ่งผู้ใช้งานสามารถโหลดไปใช้งานได้ฟรีสำหรับผู้ใช้งานจำนวนไม่เกิน 10 คนได้ทันทีที่ https://www.veeam.com/free-backup-microsoft-office-365.html

สนใจโซลูชันระบบ IT สำหรับธุรกิจ ติดต่อ ISSP ได้ทันที!!

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันใดๆ เพื่อใช้งานภายในธุรกิจองค์กร สามารถติดต่อทีมงาน ISSP เพื่อนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอใบเสนอราคาได้ทันทีที่ Email: webmkt@isp-thailand.com หรือโทร 02 033-0999 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ ISSP ได้ที่ https://www.issp.co.th/

from:https://www.techtalkthai.com/issp-transforming-your-legacy-infrastructure-to-be-cloud-seminar-summary/

สรุปงานสัมมนา Nutanix .NEXT on Tour Bangkok 2018: จาก HCI ไปสู่ Multi-Cloud

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Nutanix ได้จัดงานสัมมนาใหญ่ประจำปี Nutanix .NEXT on Tour Bangkok 2018 ขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นงานสัมมนาแรกที่จัดขึ้นในโรงภาพยนตร์พารากอนซีนีเพล็กซ์ทำให้มีความแปลกใหม่และรองรับผู้เข้าร่วมงานกว่าพันคนได้แล้ว เนื้อหาในงานเองนั้นก็ยังถือว่าเข้มข้นไม่แพ้กัน ทางทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้ไปร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้ จึงขอสรุปเนื้อหาให้ผู้อ่านทุกท่านได้อ่านกันดังนี้ครับ

 

 

Digital Transformation คือสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องทำ แต่ระบบ IT ที่เอื้อให้สร้างนวัตกรรมได้ดีนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน

ในช่วงแรกของงานสัมมนานั้น Chirs Kozup ผู้ดำรงตำแหน่ง SVP ด้าน Marketing แห่ง Nutanix ได้มาเล่าถึงความสำคัญของการปรับตัวของธุรกิจ ที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ในอดีต จนกระทั่งปัจจุบันนี้ที่เป็นยุคของการทำ Digital Transformation ซึ่งก็เห็นได้จากการที่หลายๆ ธุรกิจซึ่งไม่ปรับตัวเข้าหาโลก Digital เลยนั้นก็เริ่มหายไปจากตลาดบ้างแล้ว

ประเด็นนี้เองที่ทำให้เหล่า CEO ของธุรกิจในทุกๆ อุตสาหกรรมต้องหันมาให้ความสำคัญกับ Digital มากขึ้น รวมถึงยังต้องให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ทางด้าน IT ขึ้นมาให้ได้เพื่อให้ธุรกิจยังคงเติบโตและแข่งขันต่อไปได้ในอนาคต โดยมีการอ้างอิงถึงตัวเลขผลสำรวจจาก Gartner ด้วยว่า 57% ของเหล่า CEO นั้นกำลังมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลง IT และ Digital ภายในองค์กรของตน

อย่างไรก็ดี ทุกคนคงเคยผ่านยุคสมัยที่ระบบ IT ภายในองค์กรนั้นเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงและวุ่นวายจากการที่มีผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตหลากหลายรายอยู่ภายในระบบเดียวกันและต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งถือเป็นปัญหาของเหล่าผู้ดูแลระบบทั่วโลกเลยทีเดียว ปัญหานี้ทำให้การพัฒนานวัตกรรมทางด้าน IT ในอดีตนั้นเกิดขึ้นช้ากว่าที่ควร โดย Nutanix ระบุว่าที่ผ่านมานั้นธุรกิจต่างๆ มีเวลาในการพัฒนา Application เพียงแค่ 20% เท่านั้น ในขณะที่เวลา 80% ที่เหลือนั้นตกไปกับการจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในระบบ IT Infrastructure นั่นเอง

Nutanix ที่ถือเป็นผู้ให้กำเนิดตลาด Hyper-Converged Infrastructure หรือ HCI ในระดับองค์กรนั้นก็ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องความยุ่งยากซับซ้อนในการดูแลรักษาระบบ IT Infrastructure มาตั้งแต่ก่อนที่คำว่า Digital Transformation จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อยุคของ Digital Transformation มาถึง Nutanix จึงเติบโตได้อย่างรวดเร็วควบคู่ไปด้วยกับกระแสนี้

 

Nutanix ยังคงเติบโตต่อเนื่อง และตั้งเป้าจะเป็นบริษัท Software ชั้นนำให้ได้

แรกเริ่มนั้น Nutanix เริ่มต้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ของการสร้างระบบ Private Cloud ภายในองค์กร โดยพัฒนาชั้นของ Software ต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบของ HCI ขึ้นมา ตั้งแต่การพัฒนา Nutanix AOS ขึ้นมาทำหน้าที่เป็นระบบ Software-Defined Storage (SDS) เพื่อเชื่อมผสาน Physical Storage ระหว่าง Server เข้าด้วยกัน พร้อมเสริมความสามารถด้านประสิทธิภาพและความทนทานเข้าไป และเสริมให้ทำงานร่วมกับ Hypervisor อย่าง VMware และ Hyper-V ได้ โดยบริหารจัดการจากศูนย์กลางได้ผ่าน Nutanix Prism เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลรักษาและการใช้งาน

จากนั้น Nutanix ก็ค่อยๆ รองรับการทำงานร่วมกับ Hardware ของผู้ผลิต Server หลากหลายค่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ไปพร้อมๆ กับการพัฒนา Hypervisor ของตนเองอย่าง Nutanix AHV เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับเหล่าองค์กร ทั้งหมดนี้ก็ทำให้ภาพของ Nutanix นั้นกลายเป็นโซลูชันระบบ HCI ที่มีความยืดหยุ่นสูง ผู้ใช้งานเลือกได้ทั้ง Hardware จากผู้ผลิตค่ายที่ต้องการได้ และยังเลือกใช้ Hypervisor ที่ต้องการได้อีกด้วย

แน่นอนว่าการมาของ Nutanix AHV ซึ่งเป็นน้องใหม่ในตลาด Hypervisor นี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ และเติบโตเรื่อยๆ ในแต่ละไตรมาส โดยปัจจุบันนี้ทั่วโลกลูกค้าของ Nutanix มีการใช้งาน Nutanix AHV มากถึง 35% โดยบางประเทศในภูมิภาคเอเชียนั้นก็มีอัตราการใช้งาน Nutanix AHV ที่สูงมากจนน่าตกใจ อย่างอินโดนีเซียเองก็มีการใช้งาน AHV ถึง 45% และยังสูงกว่านี้อีกโดยเฉพาะในเกาหลีและอินเดีย ส่วนรัสเซียนั้นก็มีการใช้งาน Nutanix AHV มากถึง 80% เลย ดังนั้นเหล่าธุรกิจองค์กรต่างๆ จึงสามารถมั่นใจได้ในคุณภาพของ Nutanix AHV

ปัจจุบันนี้ Nutanix มีลูกค้าด้วยกันมากถึง 10,610 รายใน 145 ประเทศทั่วโลก โดยมีพนักงานทั้งสิ้น 4,010 คน และมีการเติบโตของธุรกิจต่อปีที่สูงถึง 54% โดยโซลูชันของ Nutanix นั้นถูกนำไปใช้งานเพื่อรองรับ Mission Critical Workload สูงถึง 50% ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำให้ Nutanix กลายเป็นบริษัทระดับ 1,000 ล้านเหรียญไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันในโลกนี้มีธุรกิจ Software เพียงแค่ 45 รายเท่านั้นที่อยู่ในระดับ อีกทั้งยังมีเป้าหมายว่าจะเป็นบริษัทระดับ 3,000 ล้านเหรียญให้ได้ภายในปี 2021 ซึ่งปัจจุบันนี้มีบริษัท Software เพียงแค่ 15 แห่งเท่านั้นที่ไปถึงเป้าหมายตรงนั้นได้

สำหรับมุมมองของบริษัทจัดอันดับอย่าง Gartner, Forrester Wave และ IDC นั้น ต่างก็ยกให้ Nutanix เป็นอันดับหนึ่งในตลาด HCI ตรงกันทุกเจ้า ก็ถือว่าเป็นอีกมุมหนึ่งที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับเหล่าธุรกิจองค์กรต่างๆ ให้กล้าหันมาใช้งาน Nutanix กันมากขึ้นไปด้วยอีกทาง

 

ไม่ได้จบแค่ HCI แต่จะไปให้ถึง Cloud

ใน Session ถัดมานั้น Sunil Potti แห่ง Nutanix ก็ได้มาเล่าถึงวิสัยทัศน์ของ Nutanix และความเกี่ยวโยงกันของแต่ละเทคโนโลยีที่ Nutanix ได้พัฒนาหรือเข้าซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องจนทำให้ Nutanix ต้องออกมาเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายรายการในระยะหลังๆ นี้

 

 

เป้าหมายของ Nutanix นั้นก็คือการทำให้ระบบประมวลผลภายในองค์กรนั้น กลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายจนกลายเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถใช้งานและดูแลรักษาได้ ซึ่ง Nutanix ก็ใช้คำศัพท์ว่า Invisible เสมือนกับว่าระบบเหล่านี้ไม่มีตัวตน มองไม่เห็น แต่สามารถทำงานได้ตามที่เราต้องการ โดย Nutanix ได้แบ่งระดับของการทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้เข้าสู่สถานะ Invisible เอาไว้ดังนี้

  • Invisible Infrastructure เปลี่ยนการเชื่อมต่อระหว่าง Server, Storage, Network ให้กลายเป็นเรื่องง่ายด้วย HCI
  • Invisible Data Center เปลี่ยนการบริหารจัดการ Data Center ให้ง่ายขึ้นด้วย Private Cloud
  • Invisible Cloud เปลี่ยนการใช้งานระบบ Cloud ที่หลากหลายให้ง่ายขึ้นด้วย Multi-Cloud

แน่นอนว่าเทคโนโลยีทั้ง 3 ระดับนี้ต่างก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ในตัวเองดี เพราะเทคโนโลยีใหม่ๆ เองก็ได้เข้ามาเสริมระบบเหล่านี้ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และ Nutanix เองก็จะยังคงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือเข้าซื้อกิจการใหม่ๆ เข้ามาเสริมทั้ง HCI, Private Cloud, Multi-Cloud ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดย Nutanix เองก็มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจดังนี้

 

 

ความสามารถในสร้างประสบการณ์เดียวกับ Cloud ระดับโลกได้ภายใน Data Center

ด้วยการที่ Nutanix สามารถให้บริการได้ทั้ง Virtual, Volume, Files, ACS จึงสามารถนำเสนอบริการได้เทียบเท่ากับบริการ Cloud ชั้นนำที่มี Compute, Blocks, Files, Container ในตัวได้

จัดการ Application แบบอัตโนมัติด้วย Nutanix Calm

การ Provision, Scale และ Manage ระบบ Application ต่างๆ ที่มีส่วนประกอบหรือ Service ภายในที่เกี่ยวข้องเยอะจะกลายเป็นงานอัตโนมัติที่ผู้ใช้งาน Nutanix Calm สามารถทำได้ทั้งบน Cloud และบน Nutanix

จัดการ Network และ Security ได้ด้วย Nutanix Flow

เดิมที Nutanix นั้นมีทั้ง Compute และ Storage อยู่แล้ว Nutanix จึงได้เสริม Nutanix Flow เข้ามาเพื่อเติมเต็มความสามารถทางด้านการจัดการ Network และ Security ตั้งแต่การกำหนดการตั้งค่า, การทำ Micro-segmentation และการติดตามการเชื่อมต่อเครือข่ายของระบบ Application ต่างๆ ที่ทำงานอยู่บน Nutanix

ติดตามการทำงานของ Application ด้วย Netsil

Nutanix เพิ่งเข้าซื้อกิจการของ Netsil เข้ามาเพื่อทำระบบ Application Monitoring บน Cloud พร้อมกับบน Nutanix โดยเฉพาะ ทำให้ไม่ว่าจะทำการ Deploy Application ไปบนที่ใด และระบบจะทำงานเชื่อมต่อกันอย่างไร ผู้ดูแลระบบก็สามารถตรวจสอบการทำงานของระบบทั้งหมดได้ผ่าน Netsil

สร้างและใช้งาน Database ได้อย่างง่ายดายด้วย Nutanix Era

ปกติแล้วการดูแลรักษาระบบ Database นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการสร้างระบบ Database ใหม่ขึ้นมาให้ Application ใดๆ ใช้งานนั้นก็มีขั้นตอนซับซ้อนกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นการเตรียม VM หรือ Server, การทำ HA Cluster, การติดตั้ง Database และจัดการ License, การปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ และการตั้งค่าการสำรองข้อมูล Nutanix จึงได้พัฒนา Nutanix Era ขึ้นมาช่วยจัดการระบบตรงนี้ให้แบบอัตโนมัติ สามารถเลือกสร้าง Database ใหม่และกำหนดค่าได้ง่ายๆ เหมือนใช้งาน Cloud Database ได้เลย

ควบคุมค่าใช้จ่ายและความมั่นคงปลอดภัยของระบบบน Cloud ด้วย Nutanix Beam

เมื่อเข้าสู่ยุคของ Multi-Cloud การติดตามว่าระบบต่างๆ ที่ทำงานอยู่บนแต่ละ Cloud นั้นมีความมั่นคงปลอดภัยตามที่กำหนดใน Security Compliance หรือไม่ และการวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นบนแต่ละ Cloud นั้นก็จะกลายเป็นประเด็นสำคัญ Nutanix จึงได้นำเสนอโซลูชัน Nutanix Beam เพื่อตอบโจทย์เหล่านี้โดยเฉพาะ

รองรับการทำ Desktop-as-a-Serivce ได้ด้วย Nutanix Frame

สุดท้าย Nutanix ก็ได้เล่าถึงเทคโนโลยีล่าสุดที่เพิ่งเข้าซื้อกิจการมาก็คือ Nutanix Frame ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้าง Virtual Desktop บนบริการ Cloud และบน Nutanix ให้พร้อมใช้งานได้อย่างง่ายดาย ง่ายกว่าการติดตั้งใช้งานระบบ VDI เองเป็นอย่างมาก ซึ่งทาง Nutanix ก็ได้ทำการ Demo สดระบบ Nutanix Frame บน Cloud ทีสิงคโปร์ และทำการเปิดไฟล์ PowerPoint เพื่อแก้ไข, จัดการกับวัตถุ 3D, เปิด YouTube ดูได้อย่างลื่นไหลไม่กระตุก และยังใช้ Google Earth ได้แบบตอบสนองอย่างรวดเร็วอีกด้วย

 

เมื่อการบริหารจัดการและดูแลรักษาเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ธุรกิจก็ได้อิสระในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ กลับคืนมา

หลังจากที่จบช่วงเช้าไปแล้ว ช่วงบ่ายก็เป็นเวลาของ Break Out Session ด้วยกันมากถึง 9 ประเด็น ซึ่งก็มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

  • เจาะลึกการทำงานของ Nutanix Acropolis Hyperviser (AHV)
  • การทำ VM Micro-segmentation ด้วย Nutanix Flow
  • การบริหารจัดการ Data Center และวิเคราะห์ข้อมูลรวมถึงวางแผนได้อย่างแม่นยำด้วย Prism Pro
  • การติดตั้งใช้งาน SAP บน Nutanix
  • การปรับแต่งประสิทธิภาพการทำงานให้กับ Microsoft SQL Server บน Nutanix
  • การใช้ Nutanix Era ทำ Database Provisioning และบริหารจัดการ Lifecycle ของ Database
  • การใช้ Nutanix Beam ควบคุมการใช้บริการ Public Cloud ในแง่ของค่าใช้จ่ายและการทำ Security Compliance
  • การใช้ Nutanix Calm ทำ Application Auotmation และ Life Cycle Management ให้กับ Nutanix และบริการ Public Cloud
  • การใช้งาน Kubernetes ด้วย Nutanix Acropolis Container Service

 

เรียกได้ว่าหลายๆ เทคโนโลยีที่เพิ่งนำมาเล่าให้กับผู้เข้าร่วมงานในช่วงเช้านั้น ก็มี Session แยกย่อยให้ตอนบ่ายเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้าไปเรียนรู้เพิ่มเติมได้ทันที ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้เองก็ได้ถูกนำเสนอในเชิงที่ว่า Nutanix นั้นได้ทำให้ภาระงานต่างๆ ในการดูแลรักษาระบบ IT หลากหลายประการนั้นง่ายและเป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น คล้ายคลึงกับการใช้บริการ Cloud ชั้นนำ ทำให้เหล่าธุรกิจองค์กรต่างๆ สามารถนำแนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้งานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลต่อความซับซ้อนภายในระบบ IT Infrastructure ไปจนถึงการใช้งาน Cloud และทำให้การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องยิ่งกว่าในอดีตนั่นเอง

from:https://www.techtalkthai.com/nutanix-next-on-tour-bangkok-2018-event-summary/

เชิญร่วมงานสัมมนาใหญ่ประจำปี Nutanix .NEXT on Tour BKK 11 ตุลาคม 2561

พบคำตอบได้ภายในงาน Nutanix .NEXT in Bangkok 2018 งานใหญ่ประจำปีของ Nutanix ผู้นำ Enterprise Cloud Platform อันดับ 1 พร้อมด้วยพันธมิตรของเราอีกมากมาย ในวันที่ 11 ตุลาคม 2561 ณ พารากอนซีนีเพล็กซ์ สยามพารากอน ชั้น 6

นวัตกรรม และโซลูชั่นของ Nutanix พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้องค์กรรับมือกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้ง Multi-Cloud, Edge Computing, Dev/Ops, AI ล้วนสร้างความตื่นตัวให้กับองค์กรที่จะก้าวตามเพื่อประโยชน์สูงสุดขององค์กรกับการแข่งขันทางธุรกิจในทุกวันนี้

ไม่ว่าองค์กรของคุณจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่, SMB หรือองค์กรภาครัฐ ในงานท่านจะได้เรียนรู้โซลูชั่นใหม่ล่าสุดจาก Nutanixซึ่งสามารถนำ ไปปรับใช้ได้กับทุกสภาพแวดล้อม, ทุกแอพพลิเคชั่น และงานทุกประเภท

ขอเชิญเข้าร่วมงานสัมมนาใหญ่ที่สุดในปีนี้ที่งาน .NEXT On Tour – Bangkok เพื่อเรียนรู้วิธีเรียกคืนอิสรภาพของคุณในโลกของมัลติคลาวด์ในปัจจุบัน

 

Nutanix .NEXT On Tour – Bangkok

Date วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม 2561
Time เวลา 8:30 – 18:00
Location สถานที่ พารากอนซีนีเพล็กซ์ สยามพารากอน ชั้น 6
Register ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี https://bangkok.next-nutanix.com/

 

กำหนดการ

ตรววจสอบกำหนดการทั้งหมดได้ที่ https://bangkok.next-nutanix.com/agenda/

 

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ฟรีๆ ทันที

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ฟรีๆ ทันทีที่ https://bangkok.next-nutanix.com/

ลงทะเบียนวันนี้ ร่วมลุ้นรับ กระเป๋า Rimowa – Salsa และของรางวัลอีกมากมาย

 

 

พลาดไม่ได้กับงานสัมมนาเชิงไอทีครั้งแรก ที่จัดในโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

 

Acropolis Operating System ใหม่ล่าสุด ที่พัฒนาเพื่อตอบโจทย์ในโลกของ Virtualization, Container, Object Storage

Acropolis Hypervisor และ Flow ที่ผนวกรวมความสามารถของ Virtualization ที่ทรงประสิทธิภาพ, แข็งแกร่ง และเสริมความปลอดภัยด้วย Software Defined Network and Security เข้าไว้ด้วยกัน

Self Services Portal และ Calm สร้าง Private Cloud, IaaS และ PaaS ด้วยเครื่องมือที่เรียบง่าย, ทรงพลัง และประหยัดให้กับองค์กรของคุณ

ERA ยกระดับการติดตั้ง ปกป้องดูแล และกู้คืนดาต้าเบสสำคัญของคุณตลอดเวลา

BEAM เมื่อโลกของ Multi-Cloud เป็นเรื่องใกล้ตัว การบริหารจัดการ และดูแลค่าใช้จ่ายในโลกของPrivate Cloud และ Public Cloud ที่แตกต่างกันเป็นความท้าทายของเหล่าไอที

Frame โซลูชั่น VDI, Workspace ที่ทำงานผ่านWeb Browser ของคุณ ไม่ว่าจะงานหนักงาน งานเบา งาน 3D งานกราฟฟิก Nutanix Frame เอาอยู่

 

รับชมบรรยากาศของงาน .NEXT On Tour 2017 ได้ที่นี่

 

from:https://www.techtalkthai.com/nutanix-next-on-tour-bangkok-2018-seminar-invitation/

เรื่องราวความสำเร็จของ TRIS Corperation ในการทำ Transformation ด้วย Nutanix

วันนี้ทางทีมงาน TechTalkThai ได้เข้าร่วมฟังความสำเร็จของการ Transformation ของระบบ Unified Communication ด้วย Nutanix ในบริษัท TRIS Corperation หรือสถาบันการจัดอันดับเครดิต ซึ่งงานหลักๆ จะเป็นที่ปรึกษาของบริษัทภาครัฐและเอกชนรายใหญ่ เช่น ปตท. ธนาคารกรุงไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยในวันนี้เราได้รับเกียรติจาก คุณ อรรณพ ดำรงพาณิชกิจ ผู้อำนวยการอวุโส ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลโซลูชัน และ คุณ ทวิพงศ์ อโนทัพสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทย นูทานิคซ์ เนื้อหาวันนี้คือมุมของผู้ใช้ Hyperconverged ตัวจริงเสียงจริงจะมาแชร์ประสบการณ์ด้านเทคนิคแบบเข้มข้นจะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยครับ

คุณ ทวิพงศ์ อโนทัพสินทวี, Manager of Nutanix Thailand และ คุณ อรรณพ ดำรงพาณิชกิจ, SVP of IT Solution at TRIS Corp

คุณ ทวิพงศ์ ได้เล่าว่าในปี 2018 Gartner ได้ยกให้บริษัท Nutanix เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ Hyperconverged (HCI) เรียบร้อยแล้ว นี่คือเครื่องพิสูจน์ว่าผู้ใช้งานทั่วโลกมีเสียงตอบรับที่ดีกับผลิตภัณฑ์ แน่นอนว่าการมาถึงของ HCI ทำให้เกิดประโยชน์หลายด้าน เช่น ความเร็วในการทำงานเนื่องจาก Storage อยู่ใกล้กับหน่วยประมวลผลมากกว่า การประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องของ Controller หรือ ความง่ายในการขยายโครงสร้างให้รองรับการความต้องการที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามตอนนี้ Nutanix ก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นด้านซอฟต์แวร์เต็มตัวแล้วเช่นกันด้วยการมี Hypervisor ที่ต่อยอดมาจาก KVM ที่ชื่อ Acropolis ซึ่งส่วนนี้ลูกค้าใช้ได้ฟรี อีกส่วนหนึ่งคือซอต์ฟแวร์บริหารจัดการผ่าน Web UI อย่าง Prism ที่ออกมาให้ใช้งานง่ายสามารถจัดการได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการ Multi-cloud, Hybrid-Cloud (สร้าง VM บน Azure, AWS, Google เป็นต้น) และ Storage หากอยากได้ความง่ายพวกการทำ Report ขั้นสูง Analytics เหตุการณ์ต่างๆ สามารถเพิ่ม License เข้าไปได้ (สามารถขอ Demo จาก Vendor ได้) สุดท้ายได้สรุปว่า “Nutanix พยายามสร้างให้ตัวเองเป็น Unified Platform สำหรับองค์กรซึ่งไม่ว่าจะต้องการแบบไหนก็สามารถรองรับได้

ในส่วนของ TRIS Corperation ทาง คุณ ทวิพงศ์ ได้เล่าขั้นตอนถึงการทำ Transformation ระบบ Unified Communication ด้วย Microsoft Cloud และ Skype for Business บนโครงสร้างพื้นฐานของ Nutanix ดังนี้

สาเหตุของการ Transformation

  1. ผู้ลงทุนเปลี่ยน คือ TRIS มีผู้ถือหุ้นเป็นบริษัทอย่าง S&P เข้ามาถือหุ้น ดังนั้นเมื่อบริษัทระดับโลกเข้ามาก็ต้องมีการประเมินตรวจสอบจึงต้องมีการโละ ล้าง เปลี่ยนแปลงระบบครั้งใหญ่ให้ได้มาตรฐานเทียบเท่ากับบริษัทสากล
  2. ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายเพราะค่าเช่าตึกนั้นแพงจะให้สร้างศูนย์ดาต้าเซนเตอร์มีขนาดใหญ่ก็ไม่เหมาะสมเพราะมองว่าสุดท้ายแล้วพยายามไปจบลงที่ Cloud เป็นส่วนผสมให้มากขึ้น
  3. บริการที่บริษัทจะนำเสนอกับลูกค้าต้องทำได้รวดเร็ว เชื่อถือได้ และคล่องตัว หยุดชะงักไม่ได้ เพราะระบบที่มีอยู่ตอบโจทย์ไม่ได้ตามต้องการ

ความท้าทายและโจทย์ยาก

  1. TRIS เช่าอาคารที่มีเก่าแก่มากว่าหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นอายุของสายโทรศัพท์ที่เดินเข้าตึกนั้นเก่ามากเอาแน่เอานอนไม่ได้ จะเดินใหม่ก็ยุ่งยาก ไหนจะเรื่องของสัมปทานผู้ให้บริการ เรื่องราคาอีกเพราะตึกอยู่กลางเมือง ครั้นจะไปทำระบบผสมแบบรักษาบางส่วนไว้ก็จะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพื่อเชื่อมต่อระบบเก่าและใหม่ตามมาซึ่ง คุณ ทวิพงศ์ เน้นว่าในมุมของไอทีเรารู้กันที่อยู่ว่า Cost ที่แฝงในจุดนี้มีมากอย่างมีนัยสำคัญ
  2. การย้ายการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ต้องไม่กระทบกับการทำงาน ดังนั้นนอกจากต้องใช้พื้นที่น้อยแล้วเวลา Migrate ระบบแค่เดือนกว่าๆ จะทำอย่างไรให้ทัน
  3. ต้องเลือก Vendor ที่มีความน่าไว้ใจ เพราะว่าที่ผ่านมาไอทีเจ็บตัวกันมาเยอะเพราะซื้อเทคโนโลยีมา สุดท้ายก็จะใช้ไม่คุ้มค่าเต็มที่ ดังนั้นต้องง่ายต่อการขยายประสิทธิภาพ และ ต้องมั่นใจได้ว่าจะไม่ Obsolete รวดเร็วเกินไป
  4. เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนคนก็ต้องเปลี่ยนเพราะการทำ Transformation ปัจจัยหลักคือต้องมาจาก คน กระบวนการ และท้ายสุดคือเทคโนโลยี

ตีโจทย์เอาชนะอุปสรรคสู่ความสำเร็จ

  • ทำ Hybrid ของเก่าใช้ตู้โทรศัพท์เดิมไม่ได้แน่สุดท้ายจึงเลือกใช้ Skype มาเป็น Platform ระบบ Unified Communication ที่เลือก Microsoft เพราะเล็งเห็นแล้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการวาง Roadmap ทำให้มีการพัฒนาอยู่เรื่อย อีกทั้งชื่อชั้นก็น่าเชื่อถือและใหญ่พอที่จะอยู่ได้อีกนานสุดท้ายแล้วจึงได้ภาพคร่าวๆ มาตามด้านล่าง Transformation เป็นระบบ Digital

 

  • เทคโนโลยี Hyperconverged ตอบโจทย์ได้ด้วย Nutanix ดังนี้
  1.  จากเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากและสถาปัตยกรรมแบบเก่าด้วย Nutanix สามารถลดลงเหลือแต่ 4U เป็น Backup กันอยู่คนละชั้น ดังนั้นการขนย้ายของก็ไม่กระทบพนักงานแต่อย่างใด
  2. ค่าใช้จ่ายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ค่าเช่าพื้นที่ ค่าไฟที่เคยใช้ก็ลดไปกว่า 40% (ในส่วนเซิร์ฟเวอร์) ค่า MA Hardware จำนวนเยอะๆ ก็ไม่ต้องมีแล้ว สิ่งสำคัญคือด้วย Acropolis (AHV) ซึ่งถือเป็นพระเอกของงานเพราะไม่มีเรื่องของ License เลย สุดท้ายจึงสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล รวมถึงสามารถจัดทำแผนค่าใช้จ่ายเสนอบอร์ดบริหารได้อย่างใกล้เคียงมากเพราะไม่มี License แอบแฝงมาภายหลัง
  3. สามารถ Scale-out ได้ง่ายเพราะอย่างที่รู้กันซึ่งตรงกับการโฆษณา
  4. HA ในตัวเพราะ Nutanix มี 4 โหนด ดังนั้นจากมีโหนดไหนร่วงไปก็ทำงานต่อได้ โดยทางทีมงานของ TRIS เคยพบว่า Ram เสียต้องใส่เพิ่มแต่ Nutanix สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องมีการรีบูตระบบ หรือ ถอดโหนดเปลี่ยนดึงออกมาได้เลยโดยไม่กระทบการทำงาน
  5. User Experience ดีกว่าเดิม เราได้ถามถึงหัวข้อนี้เพราะว่า User หลายคนกังวล ซึ่งตอนแรกในทีม TRIS เองก็มีประสบการณ์กับ Hypervisor ชื่อดังที่เรารู้จักดีและกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่ปรากฏว่าเมื่อลองใช้ Nutanix แล้วง่ายมากจนติดใจ เช่น การบริหารจัดการ ผ่าน Central ไม่ว่าเรื่องของ Storage หรือ การใช้งาน VM หรืออื่นๆ ในสภาพแวดล้อมของ Public Cloud ด้วย Prism และการออกแบบ UI ที่สบายตา ทำให้ทีมทึมงานเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วัน
  6. การออก Report ทำได้อย่างรวดเร็ว (นึกถึงสมัยก่อนต้องไปดู IOPS จากโปรแกรมจัดการ Storage CPU/Ram จากอีกที่) มีหน้าจอติดตามประสิทธิภาพการทำงานได้จากที่เดียวทำให้แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
  7. ระบบของ Nutanix สามารถบริหารซิงค์กับ Cloud ได้ เนื่องจากภาพสุดท้ายที่วางไว้คือต้องสามารถ Work from anywhere ดังนั้นใครอยู่ด้านนอกก็วิ่งเข้าใช้งานผ่าน Public Cloud ภายในก็ใช้งานใน Private Cloud ซึ่ง Nutanix Prism สามารถรองรับกับ Public Cloud กับเจ้าใหญ่ๆ ได้อยู่แล้ว
  • การปรับทัศนคติิของคน TRIS ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะคนคือปัจจัยหลักจึงจัด Workshop เพื่อให้คนมาเรียนรู้เทคโนโลยีด้วยกัน เช่น โครงการ ‘New Tris New Me’ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ความรู้บุคคลากรด้าน Awareness เพราะด้วยระบบ Unified Communication สามารถเข้าถึงคนได้มากกว่าจากเดิมเป็นเมล์คนไม่ค่อยใส่ใจ พอเป็นแชท หรือ Pop-up ผ่านมือถือสามารถเข้าถึงคนมากขึ้น

สถานะปัจจุบันแล้วก้าวต่อไปในอนาคต

ด้วยข้อดีที่กล่าวมาข้างต้นตอนนี้ระบบของ Nutanix สามารถตอบโจทย์ระบบ Unified Communication ของ TRIS อย่างเบ็ดเสร็จในเส้นตายที่กำหนดเพียง 1 เดือนกว่าๆ ในอนาคต TRIS มุ่งเป้าที่จะย้าย Core Business ไว้บนระบบ Nutanix ทั้งหมดซึ่งตอนนี้กำลังทดสอบอยู่ โดยทางทีมงานก็แง้มว่าแอปพลิเคชันสามารถทำงานได้ดีกว่าเดิมมากด้วย Nutanix เมื่อดูค่า IOPS มีผลดีอย่างน่าพอใจ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้เราจะเห็นระบบจริงของบริษัทบน Nutanix ซึ่งสามารถรองรับอุปกรณ์ Work Anywhere และ Any Mobile (เพราะเราไม่สามารถจำกัดยี่ห้อของอุปกรณ์ผู้ใช้งานได้) อีกทั้งต้องเป็นระบบที่มีความสเถียรด้วย DR แบบ 3 ไซต์ (กำลังพิจรณาตัวเลือกอยู่) ต่อจากนั้นสิ่งสำคัญต่อไปคือเรื่องของ Security ต้องให้ได้มาตรฐานตั้งแต่หน้าบ้านถึงหลังบ้าน

สุดท้าย คุณ ทวิพงศ์ ให้ข้อคิดกับชาวไอทีว่า “การลงทุนไม่ใช่ว่าจ่ายแพงสุดแล้วจะต้องดีที่สุด เพราะสุดท้ายมันอยู่ที่ว่าเทคโนโลยีนั้นเหมาะสมคุ้มทุนกับองค์กรเราหรือไม่ เมื่อก่อนเราอาจไม่มีทางเลือกแต่วันนี้เทคโนโลยีมาถึงแล้วเป็นเวลาที่เราชาวไอทีต้องมองหาความคุ้มค่าให้แก่องค์กร ” และเสริมว่า “องค์กรไหนต้องการ Transformation ต้องคิดใหม่ทำใหม่แต่ระบบต้องทำงานได้เหมือนเดิม ด้วยประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม ซึ่งเราพบว่า Nutanix ตอบโจทย์ธุรกิจของเราและเป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดโอกาสและมีทางเลือกการทำงานได้หลากหลาย

from:https://www.techtalkthai.com/transformation-success-case-of-tris-corperation-with-nutanix/

เรื่องราวความสำเร็จของ TRIS Corporation ในการทำ Transformation ด้วย Nutanix

วันนี้ทางทีมงาน TechTalkThai ได้เข้าร่วมฟังความสำเร็จของการ Transformation ของระบบ Unified Communication ด้วย Nutanix ในบริษัท TRIS Corporation หรือสถาบันการจัดอันดับเครดิต ซึ่งงานหลักๆ จะเป็นที่ปรึกษาของบริษัทภาครัฐและเอกชนรายใหญ่ เช่น ปตท. ธนาคารกรุงไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยในวันนี้เราได้รับเกียรติจาก คุณ อรรณพ ดำรงพาณิชกิจ ผู้อำนวยการอวุโส ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลโซลูชัน และ คุณ ทวิพงศ์ อโนทัพสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทย นูทานิคซ์ เนื้อหาวันนี้คือมุมของผู้ใช้ Hyperconverged ตัวจริงเสียงจริงจะมาแชร์ประสบการณ์ด้านเทคนิคแบบเข้มข้นจะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยครับ

คุณ ทวิพงศ์ อโนทัพสินทวี, Manager of Nutanix Thailand และ คุณ อรรณพ ดำรงพาณิชกิจ, SVP of IT Solution at TRIS Corp

คุณ ทวิพงศ์ ได้เล่าว่าในปี 2018 Gartner ได้ยกให้บริษัท Nutanix เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ Hyperconverged (HCI) เรียบร้อยแล้ว นี่คือเครื่องพิสูจน์ว่าผู้ใช้งานทั่วโลกมีเสียงตอบรับที่ดีกับผลิตภัณฑ์ แน่นอนว่าการมาถึงของ HCI ทำให้เกิดประโยชน์หลายด้าน เช่น ความเร็วในการทำงานเนื่องจาก Storage อยู่ใกล้กับหน่วยประมวลผลมากกว่า การประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องของ Controller หรือ ความง่ายในการขยายโครงสร้างให้รองรับการความต้องการที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามตอนนี้ Nutanix ก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นด้านซอฟต์แวร์เต็มตัวแล้วเช่นกันด้วยการมี Hypervisor ที่ต่อยอดมาจาก KVM ที่ชื่อ Acropolis ซึ่งส่วนนี้ลูกค้าใช้ได้ฟรี อีกส่วนหนึ่งคือซอต์ฟแวร์บริหารจัดการผ่าน Web UI อย่าง Prism ที่ออกมาให้ใช้งานง่ายสามารถจัดการได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการ Multi-cloud, Hybrid-Cloud (สร้าง VM บน Azure, AWS, Google เป็นต้น) และ Storage หากอยากได้ความง่ายพวกการทำ Report ขั้นสูง Analytics เหตุการณ์ต่างๆ สามารถเพิ่ม License เข้าไปได้ (สามารถขอ Demo จาก Vendor ได้) สุดท้ายได้สรุปว่า “Nutanix พยายามสร้างให้ตัวเองเป็น Unified Platform สำหรับองค์กรซึ่งไม่ว่าจะต้องการแบบไหนก็สามารถรองรับได้

ในส่วนของ TRIS Corporation ทาง คุณ ทวิพงศ์ ได้เล่าขั้นตอนถึงการทำ Transformation ระบบ Unified Communication ด้วย Microsoft Cloud และ Skype for Business บนโครงสร้างพื้นฐานของ Nutanix ดังนี้

สาเหตุของการ Transformation

  1. ผู้ลงทุนเปลี่ยน คือ TRIS มีผู้ถือหุ้นเป็นบริษัทอย่าง S&P เข้ามาถือหุ้น ดังนั้นเมื่อบริษัทระดับโลกเข้ามาก็ต้องมีการประเมินตรวจสอบจึงต้องมีการโละ ล้าง เปลี่ยนแปลงระบบครั้งใหญ่ให้ได้มาตรฐานเทียบเท่ากับบริษัทสากล
  2. ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายเพราะค่าเช่าตึกนั้นแพงจะให้สร้างศูนย์ดาต้าเซนเตอร์มีขนาดใหญ่ก็ไม่เหมาะสมเพราะมองว่าสุดท้ายแล้วพยายามไปจบลงที่ Cloud เป็นส่วนผสมให้มากขึ้น
  3. บริการที่บริษัทจะนำเสนอกับลูกค้าต้องทำได้รวดเร็ว เชื่อถือได้ และคล่องตัว หยุดชะงักไม่ได้ เพราะระบบที่มีอยู่ตอบโจทย์ไม่ได้ตามต้องการ

ความท้าทายและโจทย์ยาก

  1. TRIS เช่าอาคารที่มีเก่าแก่มากว่าหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นอายุของสายโทรศัพท์ที่เดินเข้าตึกนั้นเก่ามากเอาแน่เอานอนไม่ได้ จะเดินใหม่ก็ยุ่งยาก ไหนจะเรื่องของสัมปทานผู้ให้บริการ เรื่องราคาอีกเพราะตึกอยู่กลางเมือง ครั้นจะไปทำระบบผสมแบบรักษาบางส่วนไว้ก็จะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพื่อเชื่อมต่อระบบเก่าและใหม่ตามมาซึ่ง คุณ ทวิพงศ์ เน้นว่าในมุมของไอทีเรารู้กันที่อยู่ว่า Cost ที่แฝงในจุดนี้มีมากอย่างมีนัยสำคัญ
  2. การย้ายการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ต้องไม่กระทบกับการทำงาน ดังนั้นนอกจากต้องใช้พื้นที่น้อยแล้วเวลา Migrate ระบบแค่เดือนกว่าๆ จะทำอย่างไรให้ทัน
  3. ต้องเลือก Vendor ที่มีความน่าไว้ใจ เพราะว่าที่ผ่านมาไอทีเจ็บตัวกันมาเยอะเพราะซื้อเทคโนโลยีมา สุดท้ายก็จะใช้ไม่คุ้มค่าเต็มที่ ดังนั้นต้องง่ายต่อการขยายประสิทธิภาพ และ ต้องมั่นใจได้ว่าจะไม่ Obsolete รวดเร็วเกินไป
  4. เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนคนก็ต้องเปลี่ยนเพราะการทำ Transformation ปัจจัยหลักคือต้องมาจาก คน กระบวนการ และท้ายสุดคือเทคโนโลยี

ตีโจทย์เอาชนะอุปสรรคสู่ความสำเร็จ

  • ทำ Hybrid ของเก่าใช้ตู้โทรศัพท์เดิมไม่ได้แน่สุดท้ายจึงเลือกใช้ Skype มาเป็น Platform ระบบ Unified Communication ที่เลือก Microsoft เพราะเล็งเห็นแล้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการวาง Roadmap ทำให้มีการพัฒนาอยู่เรื่อย อีกทั้งชื่อชั้นก็น่าเชื่อถือและใหญ่พอที่จะอยู่ได้อีกนานสุดท้ายแล้วจึงได้ภาพคร่าวๆ มาตามด้านล่าง Transformation เป็นระบบ Digital

 

  • เทคโนโลยี Hyperconverged ตอบโจทย์ได้ด้วย Nutanix ดังนี้
  1.  จากเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากและสถาปัตยกรรมแบบเก่าด้วย Nutanix สามารถลดลงเหลือแต่ 4U เป็น Backup กันอยู่คนละชั้น ดังนั้นการขนย้ายของก็ไม่กระทบพนักงานแต่อย่างใด
  2. ค่าใช้จ่ายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ค่าเช่าพื้นที่ ค่าไฟที่เคยใช้ก็ลดไปกว่า 40% (ในส่วนเซิร์ฟเวอร์) ค่า MA Hardware จำนวนเยอะๆ ก็ไม่ต้องมีแล้ว สิ่งสำคัญคือด้วย Acropolis (AHV) ซึ่งถือเป็นพระเอกของงานเพราะไม่มีเรื่องของ License เลย สุดท้ายจึงสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล รวมถึงสามารถจัดทำแผนค่าใช้จ่ายเสนอบอร์ดบริหารได้อย่างใกล้เคียงมากเพราะไม่มี License แอบแฝงมาภายหลัง
  3. สามารถ Scale-out ได้ง่ายเพราะอย่างที่รู้กันซึ่งตรงกับการโฆษณา
  4. HA ในตัวเพราะ Nutanix มี 4 โหนด ดังนั้นจากมีโหนดไหนร่วงไปก็ทำงานต่อได้ โดยทางทีมงานของ TRIS เคยพบว่า Ram เสียต้องใส่เพิ่มแต่ Nutanix สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องมีการรีบูตระบบ หรือ ถอดโหนดเปลี่ยนดึงออกมาได้เลยโดยไม่กระทบการทำงาน
  5. User Experience ดีกว่าเดิม เราได้ถามถึงหัวข้อนี้เพราะว่า User หลายคนกังวล ซึ่งตอนแรกในทีม TRIS เองก็มีประสบการณ์กับ Hypervisor ชื่อดังที่เรารู้จักดีและกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่ปรากฏว่าเมื่อลองใช้ Nutanix แล้วง่ายมากจนติดใจ เช่น การบริหารจัดการ ผ่าน Central ไม่ว่าเรื่องของ Storage หรือ การใช้งาน VM หรืออื่นๆ ในสภาพแวดล้อมของ Public Cloud ด้วย Prism และการออกแบบ UI ที่สบายตา ทำให้ทีมทึมงานเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วัน
  6. การออก Report ทำได้อย่างรวดเร็ว (นึกถึงสมัยก่อนต้องไปดู IOPS จากโปรแกรมจัดการ Storage CPU/Ram จากอีกที่) มีหน้าจอติดตามประสิทธิภาพการทำงานได้จากที่เดียวทำให้แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
  7. ระบบของ Nutanix สามารถบริหารซิงค์กับ Cloud ได้ เนื่องจากภาพสุดท้ายที่วางไว้คือต้องสามารถ Work from anywhere ดังนั้นใครอยู่ด้านนอกก็วิ่งเข้าใช้งานผ่าน Public Cloud ภายในก็ใช้งานใน Private Cloud ซึ่ง Nutanix Prism สามารถรองรับกับ Public Cloud กับเจ้าใหญ่ๆ ได้อยู่แล้ว
  • การปรับทัศนคติิของคน TRIS ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะคนคือปัจจัยหลักจึงจัด Workshop เพื่อให้คนมาเรียนรู้เทคโนโลยีด้วยกัน เช่น โครงการ ‘New Tris New Me’ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ความรู้บุคคลากรด้าน Awareness เพราะด้วยระบบ Unified Communication สามารถเข้าถึงคนได้มากกว่าจากเดิมเป็นเมล์คนไม่ค่อยใส่ใจ พอเป็นแชท หรือ Pop-up ผ่านมือถือสามารถเข้าถึงคนมากขึ้น

สถานะปัจจุบันแล้วก้าวต่อไปในอนาคต

ด้วยข้อดีที่กล่าวมาข้างต้นตอนนี้ระบบของ Nutanix สามารถตอบโจทย์ระบบ Unified Communication ของ TRIS อย่างเบ็ดเสร็จในเส้นตายที่กำหนดเพียง 1 เดือนกว่าๆ ในอนาคต TRIS มุ่งเป้าที่จะย้าย Core Business ไว้บนระบบ Nutanix ทั้งหมดซึ่งตอนนี้กำลังทดสอบอยู่ โดยทางทีมงานก็แง้มว่าแอปพลิเคชันสามารถทำงานได้ดีกว่าเดิมมากด้วย Nutanix เมื่อดูค่า IOPS มีผลดีอย่างน่าพอใจ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้เราจะเห็นระบบจริงของบริษัทบน Nutanix ซึ่งสามารถรองรับอุปกรณ์ Work Anywhere และ Any Mobile (เพราะเราไม่สามารถจำกัดยี่ห้อของอุปกรณ์ผู้ใช้งานได้) อีกทั้งต้องเป็นระบบที่มีความสเถียรด้วย DR แบบ 3 ไซต์ (กำลังพิจรณาตัวเลือกอยู่) ต่อจากนั้นสิ่งสำคัญต่อไปคือเรื่องของ Security ต้องให้ได้มาตรฐานตั้งแต่หน้าบ้านถึงหลังบ้าน

สุดท้าย คุณ ทวิพงศ์ ให้ข้อคิดกับชาวไอทีว่า “การลงทุนไม่ใช่ว่าจ่ายแพงสุดแล้วจะต้องดีที่สุด เพราะสุดท้ายอยู่ที่ว่าเทคโนโลยีนั้นเหมาะสมคุ้มทุนกับองค์กรเราหรือไม่ เมื่อก่อนเราอาจไม่มีทางเลือกแต่วันนี้เทคโนโลยีมาถึงแล้วเป็นเวลาที่เราชาวไอทีต้องมองหาความคุ้มค่าให้แก่องค์กร ” และเสริมว่า “องค์กรไหนต้องการ Transformation ต้องคิดใหม่ทำใหม่แต่ระบบต้องทำงานได้เหมือนเดิม ด้วยประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม ซึ่งเราพบว่า Nutanix ตอบโจทย์ธุรกิจของเราและเป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดโอกาสและมีทางเลือกการทำงานได้หลากหลาย

from:https://www.techtalkthai.com/transformation-success-case-of-tris-corporation-with-nutanix/

Nutanix AOS 5.0 ออกแล้ว จัดการ ESXi ได้แทน vCenter

Nutanix ประกาศเปิดตัว Nutanix AOS 5.0 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมท้าชน Amazon Web Services (AWS) ได้ในฐานะของระบบ Private Cloud ที่มีความสามารถเทียบเคียงกันได้

Credit: Nutanix

ใน Blog ของ Nutanix ได้ระบุถึงการที่ Nutanix พยายามจะเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยี Enterprise Cloud และเปิดให้องค์กรต่างๆ สามารถสร้าง Cloud เพื่อให้บริการแผนกต่างๆ หภายในองค์กรได้จาก Data Center ขององค์กรเอง และมีบริการต่างๆ พร้อมให้ใช้งานอยู่บน Nutanix ซึ่งสามารถสั่งเปิดปิดการใช้งานได้ตามต้องการโดยไม่ต้องทำการแก้ไขโครงสร้างพื้นฐานใดๆ โดยแนวทางนี้ทาง Nutanix ก็มองว่าเหมือนกับสิ่งที่ AWS ทำ เพียงแต่เป็นการยกความสามารถเหล่านั้นเข้ามาอยู่ภายในองค์กรนั่นเอง

Credit: Nutanix

สำหรับฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจบน Nutanix AOS 5.0 นี้มีดังนี้

 

ฟีเจอร์ใหม่ใน Acropolis – Data Plane

  • Acropolis File Services (AFS) เปิด Generally Available แล้ว สามารถใช้ Nutanix เป็น NAS Storage ได้ทั้งสำหรับบน ESXi และ AHV
  • Acropolis Block Services (ABS) สามารถใช้ Nutanix เป็น iSSI Storage ให้กับระบบอื่นๆ ได้ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ได้แก่การทำ Dynamic Load Balancing, Flash Pinning, รองรับการทำ CHAP, ปรับขนาดพื้นที่ได้แบบ Online และ Oracle ได้รับรองการทำงานร่วมกับ ABS แล้ว
  • Metro Availability Witness เพิ่ม Service ขนาดเล็กสำหรับคอย Monitor การทำงานของ Metro Availability ที่เป็นการทำ Synchronous Replication เพื่อทำ Disaster Recovery ของ Nutanix โดยตัว Witness นี้จะช่วยทำ Automatic Failover ให้นั่นเองห
  • ปรับปรุงการทำ Compression ให้ดีขึ้น และในระบบ All Flash จะมีการเปิด Compression ให้เป็น Default โดย Nutanix อ้างว่าเมื่อเปิดทุกฟีเจอร์รวมกันแล้ว จะสามารถประหยัดพื้นที่ลงได้ด้วยอัตราส่วน 4:1 (ขึ้นกับชนิดของข้อมูล)
  • สามารถใช้ Node เดียวเพื่อทำหน้าที่เป็น Replication Target ได้ โดยต้องใช้ Nutanix Node ที่มี Raw Capacity ประมาณ 40TB สำรับจัดเก็บข้อมูล, สำรองข้อมูล และเก็บ Snapshot ในต่างสาขาได้ ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นกว่าเดิม
Credit: Nutanix

 

ฟีเจอร์ใหม่ใน AHV – Hypervisor

  • AHV Affinity Rules กำหนดได้ว่า Virtual Machine ใดจะต้องถูกเลือกให้ทำงานบน Host หรือกลุ่มของ Host ชุดใด เพื่อใหห้ VM เหล่านั้นยังคงทำงานได้มีประสิทธิภาพเสมอในกรณีที่เกิด Failover หรือ Resource Scheduling
  • Acropolis Dynamic Scheduling (ADS) Nutanix จะย้าย VM ให้ไปทำงานบน Host ต่างๆ อย่างเหมาะสมที่สุดได้เองโดยอัตโนมัติ
  • CPU/Memory Hot Add สามารถเพิ่ม vCPU และ Memory ให้กับ VM ได้ทันทีในขณะที่กำลังใช้งาน

 

ฟีเจอร์ใหม่ใน Prism – Management

  • Prism Self-Service หน้า Self Service เปิดให้ผู้ใช้งาน Login เข้ามาได้ด้วย AD Credential เพื่อร้องขอหรือสร้าง VM ได้ตามโควต้าที่กำหนด
  • Network Visualization แสดงการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่าง VM, Host, Switch พร้อมระบุ VLAN และสถานะการทำงานในปัจจุบัน ให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย
  • ESXi Management สามารถบริหารจัดการ ESXi ทั้งหมดได้จากหน้าจอของ Prism คล้ายกับการใช้งาน vCenter
  • Just-in-Time Capacity Forecasting (มีเฉพาะบน Prism Pro) สามารถทำนายล่วงหน้าได้ว่าอนาคตจะต้องลงทุนอะไรเพิ่มสำหรับระบบ Application ใดๆ บ้าง ด้วยแนวโน้มของการใช้งานทรัพยากรในแต่ละระบบ
  • Search ได้ดีขึ้น (มีเฉพาะบน Prism Pro) รองรับการใช้ Boolean Operator ในการค้นหาข้อมูลได้ เช่น “vm iops <1500” เป็นต้น
Credit: Nutanix

 

ที่มา: https://www.nutanix.com/2017/01/03/5-0-release/

from:https://www.techtalkthai.com/nutanix-aos-5-0-is-released/

[PR] Acropolis Hypervisor หรือ AHV ของนูทานิกซ์ ได้รับการรับรองให้ใช้งานกับ SAP® Business Suite ที่ขับเคลื่อนโดย SAP NetWeaver®

ลูกค้าที่ใช้ SAP NetWeaver จะได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน และระบบเวอร์ชวลไลเซชั่นที่ทรงประสิทธิภาพ ของ AHV ที่ติดตั้งอยู่บน Nutanix Enterprise Cloud Platform

กรุงเทพฯ ประเทศไทย –  18 พฤศจิกายน 2559: นูทานิกซ์, (NASDAQ: NTNX) บริษัทด้าน

เอ็นเตอร์ไพรซ์คลาวด์แพลทฟอร์ม ประกาศว่า Acropolis Hypervisor หรือ AHV เวอร์ชวลไลเซชั่นที่ติดตั้งอยู่บน Enterprise Cloud Platform ของนูทานิกซ์ได้รับการรับรองโดย SAP ให้ใช้กับ SAP® Business Suite ที่ขับเคลื่อนด้วย SAP NetWeaver® ที่ทำงานบน Linux  ลูกค้าของนูทานิกซ์จะสามารถสร้างและให้บริการแอปพลิเคชั่นที่สำคัญต่อธุรกิจอย่าง SAP บน Nutanix Enterprise Cloud Platform ซึ่งเป็นทั้งโครงสร้างพื้นฐานของระบบ รวมถึงเวอร์ชวลไลเซชั่นแบบเบ็ดเสร็จที่เรียบง่ายแต่ทรงประสิทธิภาพ

nutanix-nx-8150-bezel-650

ในอดีตหลายองค์กรต้องใช้เวลาและความพยายามไปกับการติดตั้งใช้งานและจัดการโครงสร้างพื้นฐานและเวอร์ชวลไลเซชั่นมากกว่าที่จะได้โฟกัสไปยังงานที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนธุรกิจที่สำคัญกว่า การใช้งาน Nutanix Enterprise Cloud Platform ที่ติดตั้ง AHV เพื่อใช้ร่วมกับ SAP NetWeaver ช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ในการบริหารจัดการระบบเวอร์ชวลไลเซชั่นจากจุดเดียว และขจัดความจำเป็นที่จะต้องจัดซื้อและบริหารจัดการซอฟต์แวร์เวอร์ชวลไลเซชั่น นักพัฒนาสามารถพัฒนาและทดสอบแอปพลิเคชั่นของตนเองได้เร็วขึ้น ด้วยการใช้งานสภาพแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพสูงได้อย่างรวดเร็ว และสร้างเวิร์กโฟลว์ด้วยการใช้ PowerShell Commandlets และ APIs ที่นูทานิกซ์มีมาให้อย่างครบครัน

นายราจีฟ เมอรานี รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมของนูทานิกซ์ กล่าวว่า “การที่ Enterprise Cloud Platform ของเราได้รับการรับรองมาตรฐานจาก SAP เพื่อใช้งานกับ SAP Business Suite นั้นลูกค้ายังได้ประโยชน์อื่นๆ จาก AHV เช่น ลูกค้าอย่าง ASM และ Excelitas ใช้ประโยชน์จากแพลทฟอร์มของเราเพื่อช่วยให้ธุรกิจของพวกเขามีความคล่องตัวด้านไอทีเพิ่มขึ้นและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น”

นอกจาก AHV ที่ได้รับการรับรองแล้ว ฮาร์ดแวร์แพลทฟอร์ม Nutanix NX-series ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Broadwell ยังได้รับการรับรองให้ใช้งานกับ SAP Business Suite ด้วย ลูกค้าที่ใช้งาน SAP Business Suite ยังสามารถใช้ Nutanix Acropolis Block Services ซึ่งรองรับสตอเรจภายนอกเพื่อทำงานกับระบบฐานข้อมูลอื่นๆ เช่น SAP Adaptive Server® Enterprise (SAP ASE), Oracle DB, Microsoft SQL Server และ IBM DB/2 บนระบบคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่ หรือบนเวอร์ชวลเซิร์ฟเวอร์ต่างๆ

 

การวางจำหน่าย

Nutanix NX-series ที่ใช้แพลทฟอร์ม Broadwell มีวางจำหน่ายแล้ว ลูกค้าที่สนใจใช้งาน SAP NetWeaver on Linux on Nutanix AHV สามารถยื่นขอรับการสนับสนุนด้าน Controlled Availability โดยส่งอีเมลไปที่ sap-ahv@nutanix.com

 

แหล่งข้อมูล

  • ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nutanix Enterprise Cloud Platform ที่ทำงานกับ SAP Business Suite: https://www.nutanix.com/sap

 

เกี่ยวกับ นูทานิกซ์

นูทานิกซ์สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ดูเสมือนไร้ตัวตน ยกระดับมาตรฐานการใช้ไอที เน้นการใช้แอปพลิเคชั่นและการให้บริการที่เพิ่มศักยภาพต่อธุรกิจ นูทานิกซ์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ คลาวด์ แพลทฟอร์ม นำคุณประโยชน์จากวิศวกรรมแบบเว็บ-สเกลและการออกแบบที่ออกแบบมาสำหรับผู้บริโภค การประมวลผล เวอร์ชวลไลเซชั่น และสตอเรจมารวมไว้ในโซลูชั่นที่ยืดหยุ่นและควบคุมการทำงานด้วยซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ที่ชาญฉลาด ซึ่งทำให้สามารถคาดการณ์ประสิทธิภาพการทำงานได้ สามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานคล้ายคลาวด์ มีระบบความปลอดภัยที่เข้มงวด และสามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นที่หลากหลายขององค์กรแบบโมบิลิตี้ได้อย่างลื่นไหล ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nutanix.com หรือ ติดตามผ่านทวิตเตอร์ของเราที่ @nutanix

 

© 2016 นูทานิกซ์ เป็นเครื่องหมายการค้าของ นูทานิกซ์ อิงค์ เครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนอื่นๆ เป็นทรัพย์สินของเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้นๆ

 

SAP, SAP NetWeaver, Adaptive Server, TechEd and SAP products and services mentioned herein as well as their respective logos are trademarks or registered trademarks of SAP SE (or an SAP affiliate company) in Germany and other countries. See http://www.sap.com/corporate-en/legal/copyright/index.epx for additional trademark information and notices. All other product and service names mentioned are the trademarks of their respective companies.

from:https://www.techtalkthai.com/nutanix-acropolis-hypervisor-supports-sap-business-suite-from-sap-netweaver/

Nutanix เปิดตัวฟีเจอร์ Network Orchestration และ Microsegmentation จัดการเครือข่ายและรักษาความปลอดภัยได้มากขึ้น

Nutanix ได้ออกมาประกาศเสริมความสามารถทางด้านการจัดการระบบเครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยให้แก่ระบบ Hyper-Converged Infrastructure ด้วยกัน 3 ความสามารถใหญ่ๆ บน Nutanix Prism ดังนี้

 

แสดงแผนผังการติดตั้งระบบเครือข่ายภายใน Hyper-Converged Infrastructure ทั้งหมด

Nutanix Prism สามารถแสดงการเชือ่มต่อระบบเครือข่ายในแต่ละ VLAN ของแต่ละ Virtual Machine บนแต่ละ Virtual Switch ได้ ทำให้การแก้ไขปัญหาทางด้านระบบเครือข่ายภายในระบบ Virtualization สามารถทำได้ง่ายขึ้น และยังสามารถเลือกดู Traffic เป็นราย Application, User, VM, VLAN และ Host ได้อีกด้วย โดยฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้งานได้ภายในเดือนมกราคมปี 2017 ที่จะถึงนี้

nutanix_prism_network_visualization

 

รองรับการทำ Microsegmentation ได้ใน Nutanix Acropolis

ระบบ Hypervisor ของ Nutanix เองอย่าง Nutanix Acropolis นี้จะรองรับการทำ Microsegmentation ได้ในตัว เพื่อเสริมความปลอดภัยในการเชื่อมต่อเครือข่ายให้แก่ Virtual Machine ทั้งหมดบนระบบ Virtualization ได้ โดยความสามารถนี้จะอยู่ภายใต้บริการที่มีชื่อว่า Acropolis Microsegmentation Services (AMS) ซึ่งสามารถบริหารจัดการได้จาก Nutanix Prism และควบคุมเครือข่ายได้ที่ระดับ L3/L4

nutanix_acropolis_microsegmentation_services

 

รองรับการทำ Network & Security Orchestration ได้ในตัว

Nutanix Acropolis จะมี Open API สำหรับใช้เชื่อมต่อและส่งข้อมูลไปยัง Top-of-Rack (ToR) Switch, Application Delivery Controller (ADC) และ Firewall ทำให้การสร้าง, เปลี่ยนแปลง หรือลบ Virtual Machine ใดๆ บน Nutanix นั้นจะมีการแจ้งไปยังอุปกรณ์เครือข่ายอื่นๆ ภายใน Data Center เพื่อทำการปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ ในเชิงเครือข่ายและความปลอดภัยตาม VM นั้นๆ ด้วย โดยปัจจุบันนี้รองรับผู้ผลิตอย่าง Arista Networks, Brocade, Citrix, F5 Networks, Mellanox, Palo Alto Networks, Plexxi, vArmour แล้ว และมีผู้ผลิตรายอื่นที่รองรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

nutanix_prism_network_and_security_orchestration

 

เกี่ยวกับ Throughwave Thailand

throughwave_logo

Throughwave Thailand เป็นตัวแทนจำหน่าย (Distributor) สำหรับผลิตภัณฑ์ Enterprise IT ครบวงจรทั้ง Server, Storage, Network และ Security ที่มีลูกค้าเป็นองค์กรชั้นนำระดับหลายหมื่นผู้ใช้งานมากมาย โดยทีมงาน Throughwave Thailand ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าจากทีมงาน Engineer มากประสบการณ์ ที่คอยสนับสนุนการใช้งานของลูกค้าตลอด 24×7 ร่วมกับ Partner ต่างๆ ทั่วประเทศไทยนั่นเอง

ที่มา: http://www.nutanix.com/press-releases/2016/11/09/nutanix-unveils-powerful-one-click-networks-broaden-enterprise-cloud-platform/http://www.nutanix.com/2016/11/09/nutanix-enterprise-cloud-platform-just-got-better/

from:https://www.techtalkthai.com/nutanix-announces-network-visualization-network-orchestration-and-microsegmentation/

Citrix XenDesktop บน Nutanix: แนวทางสำหรับระบบ VDI ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

zenith_logo_w200

Virtual Desktop Infrastructure (VDI) ได้กลายมาเป็นโซลูชั่นมาตรฐานสำหรับองค์กรที่ต้องการความสามารถในการบริหารจัดการและการรักษาความปลอดภัยให้แก่เครื่องลูกข่ายภายในองค์กรในระดับสูงสุดไปแล้ว และในบรรดาโซลูชั่นทั้งหมดนี้ Zenith Comp ขอแนะนำสุดยอดโซลูชั่นสำหรับ VDI ในเวลานี้ ด้วยการผสานรวมโซลูชั่นกันระหว่าง Citrix XenDesktop ที่เรียกได้ว่าเป็น VDI Software ที่ดีที่สุด ควบคู่กับ Nutanix ซึ่งเป็น Hyperconverged Infrastructure ที่ดีที่สุดในเวลานี้

nutanix_citrix_03

 

Citrix XenDesktop: ประสบการณ์ของระบบ VDI ที่ดียิ่งกว่าการใช้งาน PC จริง

Citrix เองได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน Remote Terminal และ Virtual Desktop ต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้เทคโนโลยี Citrix XenDesktop สามารถตอบโจทย์การใช้งาน Virtual Desktop ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น

  • องค์กรที่ต้องการ Virtual Desktop สำหรับผู้ใช้งานจำนวนมากๆ ในราคาที่คุ้มค่า
  • องค์กรที่ต้องการ Virtual Desktop เฉพาะทางสำหรับผู้ใช้งานเชิงเทคนิคระดับสูง
  • องค์กรที่ต้องการ Virtual Desktop สำหรับการใช้งานผ่านเครื่อข่าย 3G/4G เป็นหลัก
  • องค์กรที่ต้องการ Virtual Desktop คุณภาพสูงที่เปิดดูไฟล์ Video/3D ได้อย่างลื่นไหล
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

ด้วยเทคโนโลยี Citrix HDX ที่ช่วยให้การส่งข้อมูลทั้งภาพและเสียงจาก Virtual Desktop ไปยังเครื่องรับปลายทางที่ไม่ว่าจะเป็น Notebook, Mobile Device หรือ Thin Client ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงและใช้ Bandwidth น้อยผ่านโปรโตคอลที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษอย่าง Citrix ICA ทำให้ Virtual Desktop ของ Citrix นั้นมีคุณภาพที่เทียบเท่าได้กับการใช้งาน PC จริงๆ และเหนือกว่าคู่แข่งรายอื่นอย่างชัดเจน เป็นจุดแตกต่างให้ Citrix สามารถให้บริการ Virtual Desktop ได้หลากหลายรูปแบบแม้ระบบเครือข่ายจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม

นอกจากนี้ความสามารถในการบริหารจัดการ Virtual Desktop, Application Virtualization รวมไปจนถึงการจัดการในแง่ของ Security นั้นต่างก็ถูกผสานเข้ามาในระบบบริหารจัดการของ Citrix XenDesktop ทั้งหมดแล้ว ทำให้การตรวจสอบการทำงานและควบคุมการใช้งาน Virtual Desktop ทั้งหมดภายในองค์กร สามารถทำได้จากศูนย์กลางผ่านหน้าจอการบริหารจัดการเพียงหน้าจอเดียว

 

Nutanix: Hyperconverged Data Center แห่งอนาคต ที่ทั้งง่ายดายและทรงพลัง

Nutanix นั้นคือผู้ผลิตเทคโนโลยีของ Software Defined Infrastructure ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานระดับองค์กรได้ดีที่สุดในเวลานี้ ด้วยความสามารถในการรองรับ Hypervisor ได้หลากหลายที่สุดในตลาด ทำให้การสร้างระบบ Hyperconverged Infrastructure สามารถทำได้อย่างยืดหยุ่นตามเทคโนโลยีที่องค์กรต้องการเลือกใช้

ในภาพรวมแล้วการทำ Hyperconverged Infrastructure ของ Nutanix นั้น ทำให้ Server Hardware ของ Nutanix แต่ละตัวสามารถทำหน้าที่เป็น Server, Storage และ Network ได้ในตัว โดยระบบ Local Storage ของ Server ทั้งหมดจะทำงานผสานเหมือนเป็นระบบเดียวกันด้วย Nutanix Distributed File System (NDFS) โดยรวมพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบน Server แต่ละตัวเข้าด้วยกัน เพื่อให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเติบโตขึ้นตามจำนวนของ Nutanix Node ที่ติดตั้ง และให้ Server แต่ละตัวทำการจัดเก็บข้อมูลสำรองของกันและกัน เพื่อเพิ่มความทนทานให้กับระบบในภาพรวม

นอกจากนี้ Nutanix เองยังได้มีการเสริม 2 เทคโนโลยีหลักลงไปอย่าง Automated Flash Tiering เพื่อให้ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดอยู่ในระดับเดียวกับ Flash Storage และเทคโนโลยี Deduplication เพื่อลดพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลที่มีความซ้ำซ้อนลง ซึ่งส่งผลต่อการใช้งาน VDI เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าทุกๆ Virtual Machine ในระบบ VDI จะมีความเร็วเท่ากับ Flash Storage และใช้พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลของ 1,000 Virtual Machine พอๆ กับการจัดเก็บข้อมูลเพียงไม่ถึง 10 Virtual Machine ในระบบเท่านั้น

 

Citrix + Nutanix: 1,000 Vitual Desktop ไม่ใช่ปัญหา

Citrix ได้ทำการทดสอบการทำงานของ Citrix XenDesktop ร่วมกับ Nutanix เพื่อจำลองสถานการณ์การใช้งาน VDI จำนวน 1,000 ผู้ใช้งานทั้งแบบ Hosted Virtual Desktop (HVD) และ Hosted Shared Desktop (HSD) มาเป็นที่เรียบร้อย พร้อมออกเอกสารรับรองการออกแบบภายใต้ชื่อของ Citrix Validated Solutions (CVS) เพื่อรองรับการใช้ Nutanix เป็น Infrastructure สำหรับ Citrix

nutanix_citrix_02

ด้วยอิสระในการเลือกใช้งาน Hypervisor บน Nutanix ได้ทั้ง VMware vSphere, Microsoft Hyper-V และ Nutanix Acropolis ก็ทำให้องค์กรมีทางเลือกทั้งในเชิงของเทคโนโลยีและราคาให้เหมาะสมต่อทรัพยากรที่มีอยู่ได้ และในขณะเดียวกัน Citrix XenDesktop เองก็รองรับการทำงานร่วมกับ Hypervisor ทั้ง 3 ได้อย่างสมบูรณ์

การจับคู่กันครั้งนี้ทำให้การติดตั้ง VDI ไม่ใช่เรื่องยากที่กินเวลานานอีกต่อไป การตั้งค่าต่างๆ ในฝั่งของ Data Center นั้นสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ด้วยความเร็วในการติดตั้ง Nutanix แต่ละเครื่องที่ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ก็ทำให้การเตรียมการฝั่ง IT Infrastructure เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ในขณะที่การติดตั้ง Citrix และการ Provision Virtual Desktop จำนวนมหาศาลขึ้นมานั้นก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี Deduplication บน Flash Storage ของ Nutanix นั่นเอง

nutanix_citrix_01

ไม่เพียงแต่ประเด็นเรื่องของความเร็วและความง่ายเท่านั้น Nutanix และ Citrix ต่างก็รองรับการเพิ่มความทนทานให้กับระบบ VDI ด้วยการเสริมความสามารถในการทำ High Availability และ Disaster Recovery พร้อมการทำ Backup เข้าไปด้วยภายในระบบเดียว ทำให้กลายเป็นโซลูชั่นที่มีความสมบูรณ์พร้อมในตัว และมีความยืดหยุ่นสูง สามารถค่อยๆ ทะยอยเพิ่มทั้งปริมาณของ VDI และความสามารถต่างๆ ที่ต้องการเข้าไปในภายหลังได้ตามความพร้อมขององค์กร โดยยังคงบริหารจัดการระบบทั้งหมดได้จากศูนย์กลาง

 

ลงทะเบียนเข้าร่วม Workshop กับทาง Citrix และ Nutanix กันได้ทันที

ทาง Zenith Comp ได้จับมือกับทาง Citrix และ Nutanix จัดงาน Workshop ภายใต้หัวข้อ “Virtual Desktop Make It Simple” ขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคม 2016 ที่จะถึงนี้ เพื่อเจาะลึกกับการสร้างระบบ Virtual Desktop Infrastructure กันง่ายๆ ด้วยเทคโนโลยีจากทั้ง Citrix และ Nutanix ร่วมกัน โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ทันทีในแบบฟอร์มต่อไปนี้

 

ติดต่อ Zenith Comp ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชั่น VDI จาก Citrix และ Nutanix สามารถติดต่อทีมงาน Zenith Comp ได้ทันทีที่ Nutanix@zenithcomp.co.th หรือติดต่อคุณวลัยพร 084-173-7268

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

from:https://www.techtalkthai.com/citrix-xendesktop-on-nutanix-the-best-vdi-solution-by-zenithcomp/

Nutanix เปิดตัว Nutanix Xpress ระบบ Hyperconverged รุ่นเล็กสำหรับตลาด SMB

Nutanix ผู้ผลิตระบบ Hyper-Converged Infrastructure ชื่อดัง ได้ทำการเปิดตัว Nutanix Xpress ซึ่งเป็น Hyper-Converged Infrastructure Appliance รุ่นล่าสุดที่มีขนาดเล็ก สำหรับเจาะตลาดกลุ่ม SMB โดยเฉพาะ โดยมีความสามารถต่างๆ ดังนี้

nutanix_xpress_hero_xbox_2

Hardware

nutanix_xpress_hardware_spec

 

Software

  • รองรับ Cluster ขนาด 3-4 Node
  • ติดตั้งมาพร้อมกับ Nutanix AHV และรองรับการใช้งาน VMware vSphere, Microsoft Hyper-V ได้
  • รองรับการทำ Data Tiering, Compression, Deduplication, VM-centric Snapshot/Clone, VM Flash Mode, Data Path Redundancy, Tunable Redundancy Factor, Replication, Disaster Recovery, VSS Integration, Remote Backup, Cloud Connect และ Metro Availability
  • รองรับการเชื่อมต่อกับ AWS และ Microsoft Azure เพื่อทำ Remote Backup ได้
  • บริหารจัดการจากศูนย์กลางได้ทันที

 

จุดแตกต่างหลักๆ จาก Appliance รุ่นเดิมเลยก็คือ CPU ที่รองรับนี้จะมีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก ในขณะที่ Hard Disk Drive เองก็มีจำนวนน้อยลงตามไปด้วย แต่ใช้ 3.5″ HDD ขนาด 2/4/6TB แทน 2.5″ HDD รวมถึง Network Interface เริ่มต้นนั้นมีขนาดเพียงแค่ 1GbE เท่านั้น (สามารถเพิ่ม 1/10GbE เป็น Option ได้) ก็ถือว่าค่อนข้างสมเหตุสมผลกับการก้าวเข้าสู่ตลาดของ SMB ที่ระบบต่างๆ จะมีขนาดเล็กกว่าองค์กร และให้ความสำคัญกับประเด็นทางด้านราคาและความคุ้มค่าเป็นหลัก

 

สนใจติดต่อ Throughwave Thailand ได้ทันที

throughwave_logo

สำหรับผู้ที่สนใจ Nutanix หรือ VMware และต้องการให้เข้าไปนำเสนอระบบ หรือทดสอบระบบ หรือสอบถามราคา หรือรับบริการอัพเกรดและดูแลรักษา Nutanix และ VMware  สามารถติดต่อบริษัท ทรูเวฟ ประเทศไทย จำกัด ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-210-0969 หรืออีเมลล์ info@throughwave.co.th ได้ทันที หรือตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ http://www.throughwave.co.th

 

ที่มา: http://www.nutanix.com/2016/05/24/nutanix-xpress-warm-welcome-to-the-global-200000/

from:https://www.techtalkthai.com/nutanix-launched-nutanix-xpress-hyperconverged-infrastructure-for-smb/