ทางทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณกุลชาติ สกุลจิตจินดา ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งบริษัท ARS Chemical (Thailand) ที่มาถ่ายทอดประสบการณ์การดูแลระบบ IT ให้กับธุรกิจด้านการกำจัดแมลงที่มียอดขายกว่าพันล้าน แต่มีพนักงานแผนก IT เพียงแค่ 6 คน ดูแลระบบ IT ทั้งหมดสำหรับออฟฟิศ 7 สาขาและโรงงานอีก 2 แห่งในไทย ซึ่งก็มีแง่มุมน่าสนใจไม่น้อยมาแบ่งปันให้กับผู้ที่ทำงานในสาย IT กันดังนี้ครับ
รู้จัก ARS Chemical (Thailand) ธุรกิจที่มีชื่อเสียงด้านการกำจัดแมลงคู่สังคมไทยมากว่า 30 ปี
คุณกุลชาติได้เริ่มต้นเล่าถึงภาพรวมของธุรกิจ ARS Chemical ให้เราได้รู้จักกันก่อนว่าเป็นบริษัทที่เปิดตัวในไทยมาตั้งแต่ปี 1980 จนปัจจุบันมีอายุมากกว่า 30 ปีแล้ว โดยปัจจุบันได้ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรที่เป็นทั้งผู้ผลิต, ผู้นำเข้า, ผู้จัดจำหน่าย และผู้ส่งออกสินค้าด้วยกัน 4 ประเภท ดังนี้
Credit: ARS
อาท – สินค้ากลุ่มกำจัดแมลงในบ้านเรือน
เดลี่เฟรช – ผลิตภัณฑ์น้ำหอมปรับอากาศ
อาทเพ็ท – ผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง
มอนดามิน – ผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปาก
นอกจาก 4 ธุรกิจดังกล่าวนี้แล้ว ARS เองก็ยังมีธุรกิจบริการด้านการกำจัดแมลงตามอาคาร เพื่อรองรับความต้องการของภาคธุรกิจอีกด้วย
สำหรับในประเทศไทย นอกจาก ARS สาขาหลักแล้ว ก็ยังมีสาขาย่อยกระจายอยู่ 6 จังหวัดทั่วประเทศเพื่อกระจายสินค้าในภูมิภาคต่างๆ อย่างทั่วถึง และยังมีโรงงานอีก 2 แห่งที่มีศักยภาพในการผลิตสินค้าในระดับ Premium เจาะกลุ่มตลาดส่งออกที่่ต้องการมาตรฐานการผลิตและการรับรองในระดับสูงโดยเฉพาะ ทั้งหมดนี้เองที่ทำให้ ARS มียอดขายต่อปีสูงถึงหลักพันล้านบาท
หากใครนึกไม่ออกว่าผลิตภัณฑ์ของ ARS มีอะไรบ้าง ลองดูโฆษณาได้ดังนี้เลยครับ
อาท โนแมท เครื่องไฟฟ้าไล่ยุง
อาทควัน โฆษณาเก่าที่เพลงติดหูมาก
น้ำหอมปรับอากาศเดลี่เฟรช
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ARS Chemical (Thailand) ได้ที่ http://www.ars.co.th
9 สาขาทั่วไทย มีพนักงานทั้งหมด 600 คน เป็นผู้ใช้งานระบบ IT 300 คน และมีเจ้าหน้าที่ฝ่าย IT เพียงแค่ 6 คน
หลังจากจบการแนะนำบริษัทกันคร่าวๆ แล้ว คุณกุลชาติก็ได้เริ่มเข้าถึงประเด็นท้าทายของฝ่าย IT ที่หลายๆ บริษัทน่าจะประสบปัญหาที่คล้ายคลึงกัน คือมีทีมงาน IT ขนาดเล็กเพื่อดูแลธุรกิจขนาดใหญ่และต้องสนับสนุนผู้ใช้งานจำนวนมาก คุณกุลชาติได้แจกแจกโครงสร้างของฝ่าย IT ภายใน ARS ที่มีกันอยู่เพียง 6 คนให้เราได้เห็นภาพกันดังนี้
1 คน รับผิดชอบด้าน IT Support
1 คน รับผิดชอบระบบ Sales & Distribution เพื่อให้เซลส์ทั่วประเทศสามารถเข้าถึงข้อมูลการขายและคลังสินค้าได้ผ่าน Tablet
3 คน รับหน้าที่เป็น Developer พัฒนาส่วนเสริมและปรับแต่ง SAP ที่มีการใช้งานอยู่
ทั้งนี้ทาง ARS ในอดีตนั้นก็ไม่เคยมีการใช้งานบริการ IT Outsource ใดๆ เลย ยกเว้นส่วนที่เกี่ยวกับระบบ SAP เพราะเป็นส่วนงานที่สำคัญและมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ เรียกได้ว่างานของฝ่าย IT ในอดีตนั้นถือว่าหนักไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะต้องคอยแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองแทบทั้งหมดที่เกิดขึ้น
บทเรียนจากปัญหาต่างๆ ทำให้พบว่าการลงทุนสร้าง Data Center ด้วยตัวเองนั้นไม่ใช่ทางออกอีกต่อไป
อย่างไรก็ดีงานหนักนั้นก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทำให้ ARS ต้องมองหาทางเลือกใหม่ๆ แต่ประสบการณ์ในการผ่านวิกฤติต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นภายในบริษัทต่างหากที่ทำให้ทีมงาน ARS ต้องหันกลับมามองระบบ IT ที่มีอยู่ในแง่มุมใหม่ๆ กัน
คุณกุลชาติได้เล่าถึงภัยพิบัติ 3 ครั้งใหญ่ๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับระบบ IT ของ ARS ดังนี้
1. เกิดเพลิงไหม้ในห้อง Data Center
ในอดีตนั้น ARS เคยเกิดเหตุเพลิงไหม้เล็กๆ ภายในห้อง Data Center ที่ได้ลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่โตทันทีเมื่อระบบดับเพลิงเกิดทำงานอัตโนมัติขึ้นมา ซึ่งถึงแม้อุปกรณ์ Server และข้อมูลนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ตัวห้องเองนั้นก็เจิ่งนองไปด้วยน้ำ ทำให้งานใหญ่นั้นตกอยู่ที่การกู้คืนห้อง Data Center ให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้นั่นเอง
การกู้คืนห้อง Data Center ในครั้งนี้เสียเวลาค่อนข้างมาก และเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ก็ได้ทำให้ ARS ได้รับบทเรียนเรื่องการลงทุนเทคโนโลยีต่างๆ ในห้อง Data Center ให้ดีมีมาตรฐานมากขึ้น รวมถึงมีการเปลี่ยนระบบดับเพลิงที่ใช้งานทั้งหมด และทำให้ ARS ได้ตัดสินใจลงทุนในระบบ Disaster Recovery (DR) จากสาขาแม่ไปยังโรงงานเพิ่มเติม เพื่อเพื่อความทนทานให้กับระบบสำคัญของธุรกิจ ลดความเสี่ยงที่ระบบและข้อมูลจะเสียหายอีกในอนาคต
2. เหตุผู้ชุมนุมปิดถนนสีลมและสาทร
ในเหตุการณ์ทางด้านการเมืองครั้งใหญ่ที่มีเหล่าผู้ชุมนุมออกมาปิดถนน ทาง ARS ที่สาขาหลักตั้งอยู่บนถนนสาทรเองก็ได้รับผลกระทบจนพนักงานไม่สามารถเข้ามาทำงานได้ ถึงแม้จะโชคดีที่ไม่มีการตัดระบบไฟฟ้าของอาคาร ทำให้ระบบ IT ทั้งหมดยังคงทำงานอยู่ได้ แต่หากเกิดปัญหาอะไรในระหว่างช่วงที่มีผู้ชุมนุมปิดถนนขึ้นมานี้ ทีมงานก็จะไม่สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาใดๆ ได้เลย
โรงงานของ ARS นั้นเคยประสบอุทกภัย น้ำท่วมทั้งโรงงาน และโชคร้ายที่โรงงานแห่งนั้นเป็นโรงงานที่ ARS ได้เลือกใช้เป็นสาขาสำรองสำหรับระบบ DR พอดี ทำให้เกิดความเสียหายกับระบบ DR และทำให้ ARS ได้บทเรียนว่าการเลือกสาขาสำหรับทำ DR นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และความเสี่ยงก็เป็นสิ่งที่จัดการยากมากทีเดียว
ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้ทำให้ทีมงานฝ่าย IT ของ ARS เริ่มมองหาทางเลือกอื่นๆ นอกจากการลงทุนสร้าง Data Center เองที่นอกจากจะมีค่าใช้จ่ายสูงแล้ว ก็ยังมีความเสี่ยงและปัญหาต่างๆ ให้ต้องจัดการดูแลรักษาอีกมากมาย และแน่นอนว่าในช่วงเวลานั้น Cloud ก็เป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงพอดี ทำให้ทีมงาน ARS นั้นสนใจที่จะลองศึกษาและทำความเข้าใจกับ Cloud ไม่น้อยเลย
คุณกุลชาติเล่าต่อว่าในช่วงแรกๆ นั้นทีมงาน ARS เองก็เริ่มลองศึกษาเทคโนโลยี Cloud และไปเข้าร่วมงานสัมมนาต่างๆ เพื่อติดตามทิศทางของเทคโนโลยี Cloud ในประเทศไทย ซึ่งในสมัยนั้นก็ยังมีข้อกังขาเกี่ยวกับด้าน Bandwidth ที่ต้องใช้เชื่อมต่อไปยัง Cloud และ Security ของระบบ Cloud กันอยู่ จนกระทั่งมีโอกาสได้มาฟังงานสัมมนาที่จัดร่วมกันโดย INET และ SAP ทำให้เริ่มเห็นภาพมากขึ้นว่าการนำ Core Business Application ขึ้นไปยัง Cloud นั้นจะส่งผลดีและความคุ้มค่าให้กับธุรกิจได้อย่างไรบ้าง
ก่อนหน้านั้น ARS มีการใช้ SAP ในธุรกิจอยู่แล้วมาเกือบ 2 ปี และพบว่าในแต่ละครั้งที่ Server ภายในระบบ SAP มีปัญหา ก็ต้องเรียกทีมงานที่ดูแล Hardware และระบบปฏิบัติการเข้ามาแก้ไขปัญหา ซึ่งในแต่ละครั้งก็มีความวุ่นวายไม่น้อยเลย ทำให้ทาง ARS เองสบโอกาสว่าอยากจะลองเปลี่ยนไปใช้ Cloud เพื่อรองรับระบบ SAP แทนเพื่อลดความวุ่นวายตรงนี้ลง
ในขั้นตอนนี้คุณกุลชาติเน้นว่าสิ่งสำคัญที่คนทำงานแผนก IT ต้องทำให้ได้นั้นคือการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่าในการเลือกลงทุนในเทคโนโลยีต่างๆ และนำเสนอให้ผู้บริหารได้เข้าใจถึงข้อดีข้อเสีย และสามารถรับฟังคำแนะนำจากฝ่าย IT ในการลงทุนได้ เพราะระบบ IT และข้อมูลนั้นก็เปรียบเสมือนหัวใจของธุรกิจ การเลือกลงทุนในแต่ละครั้งจึงต้องมีทั้งความสมเหตุสมผล ความคุ้มค่า และเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจได้อย่างชัดเจน
ARS ได้เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการ MA ระบบ Server ภายใน Data Center กับค่าใช้จ่ายในการเช่าใช้บริการ Cloud จาก INET และพบว่าทั้งสองทางเลือกนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ใกล้เคียงกัน แต่การเช่าใช้ Cloud นั้นจะได้รับบริการในการดูแลรักษาระบบจาก INET แบบ 24×7 แถมมาด้วย ซึ่งนั่นก็คือการมีเจ้าหน้าที่คอยจัดการปัญหาให้กับระบบ SAP ของบริษัทอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังทำให้พนักงานในฝ่าย IT ของ ARS เองที่มีกันอยู่ 6 คนเท่านั้นสามารถมุ่งเน้นไปที่การรับผิดชอบงานของตนเองที่มีอยู่เดิมได้ ไม่ต้องไปพะวงกับการแก้ไขปัญหาภายใน Data Center อีก ทำให้การเช่าใช้ Cloud นั้นมีความคุ้มค่าที่เหนือกว่าการลงทุนใน Data Center เองอย่างชัดเจน และทำให้บอร์ดบริหารอนุมัติให้เริ่มนำ Cloud มาใช้ได้
ทดสอบ Cloud ของ INET จนมั่นใจในทีมบริการ ก่อนย้าย SAP ขึ้นไปเป็นระบบ Production บน Cloud
อย่างไรก็ดี การเปรียบเทียบราคาเฉยๆ นั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ทีมงาน IT ของ ARS มั่นใจได้ว่าบริการ Cloud นั้นจะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ ARS พบอยู่ได้จริง และยังไม่มั่นใจในบริการที่จะได้รับด้วยว่าทีมสนับสนุนหลังการขายนั้นจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่างๆ ได้ด้วยคุณภาพระดับใด ทำให้ทาง ARS พูดคุยกับ INET เพื่อขอทดสอบระบบจริงก่อน
การทดสอบที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นถือว่าเข้มข้นมาก ซึ่งก็ทำให้ทีมงาน ARS ได้เข้าใจถึงศักยภาพของทีมงาน INET ในการสนับสนุนและให้บริการแก่ลูกค้าที่เช่าใช้ Cloud โดยทาง ARS ได้นำระบบ SAP บางส่วนขึ้นไปทำงานบน INET Cloud ก่อน และเมื่อพบกับปัญหาทั้งในระหว่างย้ายระบบหรือพบปัญหาในระหว่างการใช้งานจริง ก็ทำการติดต่อแจ้งให้ทีมงาน INET ช่วยตรวจสอบและแก้ไขปัญหา ซึ่งความเป็นมืออาชีพในการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและรวดเร็ว รวมถึงการประสานงานติดต่อพูดคุยให้เข้าใจสถานการณ์กันอยู่ตลอดเสมือนเป็นทีมงานเดียวกัน ก็ทำให้ทีมบริการของ INET สามารถชนะใจทีมงาน ARS ได้เป็นอย่างดี
หลังจากได้ทดสอบกันจนวางใจในฝีมือของทีมงาน INET แล้ว คุณกุลชาติก็เล่าต่อว่าทาง ARS ได้ตัดสินใจย้ายระบบ SAP ทั้งหมดออกจาก Data Center ขึ้นไปบน INET Cloud ทำให้ภายใน Data Center ของ ARS นั้นเหลือแต่ส่วนของระบบเครือข่ายและ IT Infrastructure ที่จำเป็นเท่านั้น แต่ไม่มี Server สำหรับ SAP เหลืออยู่อีกแล้ว พร้อมทั้งเช่าใช้สัญญาณ Internet จาก INET เพื่อเชื่อมต่อทุกๆ สาขาเข้ากับ Data Center ของ INET ทำให้ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
อีกจุดหนึ่งที่คุณกุลชาติได้พูดถึงข้อดีของ INET Cloud ก็คือการที่มีระบบสำรองข้อมูลให้พร้อมใช้งานได้ทันที รวมถึงยังมีเทคโนโลยี Snapshot บน Cloud ที่ทำให้การปกป้องข้อมูลสามารถทำได้สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น และด้วยการที่ INET เองก็มี Data Center กระจายอยู่หลายแห่ง เชื่อมต่อกันด้วยระบบเครือข่ายความเร็วสูง การทำ DR เพิ่มเติมก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ต้องมีค่าใช้จ่ายมากมายเหมือนการลงทุน Data Center เองอีกต่อไป และยังทำให้ ARS สามารถคลายกังวลในประเด็นเรื่อง Ransomware ที่เป็นข่าวใหญ่โตหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้
คุณกุลชาติได้เล่าถึงประสบการณ์จริงว่าที่ผ่านมายังไม่เคยพบปัญหาว่า INET Cloud ล่มในระบบ SAP ที่เป็น Production เลย อาจจะมีบ้างที่ผู้ใช้งานรายงานมาว่าระบบช้า ซึ่งเมื่อทีมงาน IT ของ ARS แจ้งไปยัง INET การแก้ไขปัญหาก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทันใจ และเมื่อระบบ SAP เองมีปัญหา ทางทีมงาน INET ก็สามารถช่วยเหลือในส่วนของ SAP Basis ได้ทั้งหมด ทำให้ ARS แทบจะหมดห่วงเรื่องการดูแลรักษาระบบ SAP ไปเลย
Cloud ที่ทำให้ระบบมี Downtime ต่ำลง ช่วยให้ ARS สามารถประหยัคค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก
ธุรกิจของ ARS นั้นมีด้วยกันหลากหลายส่วน และการที่ระบบ SAP ไม่สามารถใช้งานได้นั้นก็จะทำให้การทำงานล่าช้า และต้องเสียค่าปรับให้กับลูกค่าของตนหากไม่สามารถส่งสินค้าได้ตามเวลาที่กำหนด ซึ่งก่อนที่จะย้ายไปใช้ Cloud นั้นทางทีมงาน IT ของ ARS เองก็ต้องคอยแก้ปัญหาเร่งด่วนนี้ด้วยความกดดันอยู่เสมอ เพราะเมื่อระบบ IT ล่มจนทำให้งานล่าช้า ค่าปรับที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งก็อาจทำให้กำไรในการขายแต่ละงานนั้นหดหายลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
แต่หลังจากย้ายมาใช้ INET Cloud แล้วระบบมีความเสถียรสูงขึ้นด้วยการสนับสนุนของทีมงาน INET นั้น ก็ทำให้ประเด็นปัญหาเหล่านี้จบลงไป ARS นั้นไม่ต้องเผชิญกับการจ่ายค่าปรับอันเป็นเหตุที่เกิดมาจากระบบ IT ล่มหรือ SAP มีปัญหาอีกเลย
ทนทานและประสิทธิภาพสูงด้วยระบบ Cloud ที่มี IT Infrastructure จาก HPE เป็นหลัก
โดยปกติแล้วการเช่าใช้ Cloud นั้น ผู้เช่าใช้มักไม่มีโอกาสได้รู้ว่า Hardware ที่นำมาให้บริการตนเองนั้นคือระบบใด ซึ่งทาง INET ก็ได้ชูจุดนี้ว่าบริการ INET Cloud นั้นเลือกใช้ Hardware ในระดับองค์กรเป็นหลัก โดยทางระบบ Cloud ที่ให้บริการ SAP ของ ARS นั้นก็ได้เลือกใช้ Server และ Storage จาก HPE เพื่อให้บริการในครั้งนี้ ซึ่งระบบนี้ก็สามารถรองรับ SAP ได้เป็นอย่างดี และมีความทนทานกับความมั่นคงปลอดภัยในระดับที่ยอมรับได้จากองค์กร โดยประกอบไปด้วยระบบต่างๆ ดังนี้
HPE Server หลากหลายรุ่น พร้อม CPU Intel Xeon สำหรับรองรับงานประมวลผลใน Data Center โดยเฉพาะ
HPE ProLiant Server สำหรับให้บริการ Enterprise Cloud
HPE Synergy สำหรับให้บริการ SAP Hana Node และ Bare Metal Service
เทคโนโลยีที่ทำให้ธุรกิจและชีวิตดีขึ้น ย่อมเป็นที่ต้องการของตลาด และบทบาทของแผนก IT ในองค์กรที่จะต้องเปลี่ยนไปเพราะ Cloud
“เทคโนโลยี ถ้าแพงแล้วดี ลูกค้าก็จ่าย”
มาถึงกับช่วงสุดท้ายของการพูดคุย ที่คุณกุลชาติได้ให้ข้อคิดจากประสบการณ์ของตนในวงการ IT หลายสิบปีจนได้ขึ้นสู่การเป็นผู้จัดการอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศแห่ง ARS ว่า สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่มูลค่าสูงที่มีแผนก IT ขนาดไม่ใหญ่นั้น การเลือกใช้ Cloud และ Outsource ร่วมกันนั้นจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากในระยะยาว และจะทำให้แผนก IT ภายในองค์กรเปลี่ยนไปทำงานเชิงบริหารและกลยุทธ์ทางด้าน IT แทนได้ เพราะมีเวลาเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเยอะมาก ส่งผลให้มีเวลาสามารถไปศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ และเลือกใช้แต่สิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับองค์กรได้อยู่ตลอด
ทั้งนี้การทำงานร่วมกับผู้ใช้งานทั่วๆ ไปและการคิดเผื่อแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรานั้นก็ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับคนในแผนก IT ตัวอย่างเช่นการจัดการปัญหา Ransomware ในบริษัทที่ผู้ใช้งานทั่วไปหลงเชื่อการหลอกลงและการโจมตีในรูปแบบที่ซับซ้อนหลากหลายนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากคน IT ไม่เข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานทั่วไป การทำความเข้าใจในประเด็นเหล่านี้และออกแบบระบบการทำงานให้เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหา โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องมาสับสนกับเรื่องราวของเทคโนโลยีมากนักก็เป็นหัวใจสำคัญ
อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญสำหรับคน IT ในยามนี้คือการช่วยภาคธุรกิจในการเลือกเทคโนโลยีให้ดี การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ถูกต้องและเหมาะสมนั้นจะทำให้ธุรกิจเติบโตไปได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันนี้ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทจนกลายเป็นหัวใจของธุรกิจไปแล้ว
สำหรับเหล่าผู้ดูแลระบบที่มีการใช้งาน SAP HANA อยู่ และกำลังพิจารณาการเลือกใช้งาน All Flash Storage เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับระบบ SAP ที่มีอยู่เดิม ทาง HPE ได้มีการแนะนำ Whitepaper ที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกใช้ All Flash Storage สำหรับ SAP HANA โดยเฉพาะ พร้อมแนะนำการตั้งค่าและการออกแบบระบบเบื้องต้นที่เหมาะสมให้นำไปศึกษาเป็นแนวทางกันได้ฟรีๆ ดังนี้ครับ
เอกสารฉบับนี้มีชื่อว่า THE BEST ALL-FLASH ARRAY FOR SAP HANA โดยเป็นเอกสารจาก Taneja Group ที่เป็นนักวิเคราะห์ธุรกิจทางด้าน IT โดยเฉพาะ ได้ออกมาเขียนรายงานสรุปเปรียบเทียบการใช้งาน All Flash Storage จากค่ายต่างๆ ในการใช้งานร่วมกับ SAP HANA พร้อมการทำ Storage Replication, System Replication และ Backup เพื่อสำรองข้อมูลของระบบ SAP HANA ด้วย โดยครอบคลุมทั้งเทคโนโลยี All Flash Storage จาก HPE, Dell EMC, NetApp และ Pure Storage เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาได้เข้าใจความแตกต่างในการเลือกใช้งานแต่ละเทคโนโลยี
มิติใหม่ของการลงทุนระบบ IT มาถึงไทยอย่างเต็มตัวแล้ว เมื่อ HPE เปิดตัวโปรแกรม HPE Flash Now ให้องค์กรสามารถใช้งาน HPE 3PAR All Flash Storage ที่ติดตั้งภายใน Data Center ขององค์กร ซึ่งมาพร้อมกับแพ็คเกจการดูแล โดยมีค่าใช้จ่ายรายเดือนเพียง 1 บาทต่อ 1GB เท่านั้น
โดยทั่วไปแล้ว All Flash Storage นั้นเป็นเทคโนโลยีที่มีราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ในตลาด แต่ด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่าดิสก์แบบเก่าๆ อย่าง SAS และ SATA แบบเทียบกันไม่ได้เลย จึงทำให้ All Flash Storage ได้รับความสนใจจากตลาดองค์กรเป็นอย่างมาก
HPE เล็งเห็นว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุนนั้นเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้เหล่าองค์กรลังเลในการลงทุนทางเทคโนโลยีที่จะมาช่วยสร้างโอกาสและความได้เปรียบทางธุรกิจ จึงได้ออกโปรแกรม HPE Flash Now ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ตลาดองค์กรที่ไม่ต้องการลงทุนเป็นก้อนใหญ่ตั้งแต่แรก และองค์กรที่ยังประเมินความเติบโตทางธุรกิจได้ไม่ชัดเจน หรือความต้องการใช้เทคโนโลยีสำหรับธุรกิจแกว่งขึ้นลงเป็นช่วงๆ หรือยังไม่นิ่ง โปรแกรม HPE Flash Now นับเป็นมิติใหม่ที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการบริโภคเทคโนโลยี ตลอดจนรูปแบบการลงทุนทางเทคโนโลยี จากการซื้อขาด (CAPEX) มาเป็นการใช้งานแบบการใช้บริการ (As-a-Service) และจ่ายค่าใช้บริการเป็นรายเดือนแทน (OPEX) โดยในวาระนี้ HPE ได้ใช้ All Flash Storage มาเปิดตัวนำร่องโปรแกรมด้วยราคาสุดคุ้ม และสะเทือนวงการ IT เพียง 1 บาทต่อ 1GB ต่อเดือนเท่านั้น เรียกได้ว่าในภาพรวมของธุรกิจและทางบัญชีนั้น คุ้มค่ากว่าการลงทุนแบบซื้อขาดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งวันนี้ โปรแกรมมิติใหม่แห่งการลงทุนทางไอที HPE Flash Now พร้อมให้บริการทั่วประเทศไทยแล้ว นอกจากนี้ กรณีที่องค์กรมีความต้องการใช้งานอุปกรณ์จัดเก็บ (Storage) ประเภทอื่นที่ไม่ใช่ 3PAR ทาง HPE ก็มีแพ็คเกจพร้อมให้เลือกภายใต้ concept เดียวกันกับ โปรแกรม HPE Flash Now เช่นกัน
HPE Flash Now นับเป็นโปรแกรมที่สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการธุรกิจและวงการไอทีเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่พลิกโฉมโมเดลธุรกิจ และรูปแบบการใช้งานทางไอที ที่จะช่วยขยายผลเชิงบวกไปถึงผลประกอบการธุรกิจขององค์กรด้านบัญชีและการเงินของบริษัทอย่างสิ้นเชิง
ร่วมสัมผัสประสบการณ์การใช้ HPE 3PAR All Flash Storage ในรูปแบบ As-a-Service สไตล์ Public Cloud ที่ติดตั้งอยู่ใน Data Center ขององค์กร ง่ายต่อการดูแลความปลอดภัยและควบคุมในราคาค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จับต้องได้ พร้อมมีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจาก HPE คอยสนับสนุนทางเทคนิค แก้ปัญหาระดับพรีเมี่ยม ดูแลลูกค้าเฉพาะราย (Dedicated Account Engineer) บนความยืดหยุ่นสูงสุด ที่พร้อมรองรับความต้องการปริมาณ Capacity ที่แกว่งหรือเพิ่มขึ้นฉับพลันในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว