คลังเก็บป้ายกำกับ: DELL_EMC

Dell EMC PowerFlex เทคโนโลยีระบบอินฟราสตรัคเจอร์สุดล้ำ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์สมัยใหม่โดยเฉพาะ

เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นศูนย์กลางในการทำงานของธุรกิจในปัจจุบัน ที่ช่วยสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมาก องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องให้บริการที่ซับซ้อนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และเพื่อรับมือกับความต้องการใหม่ๆ เหล่านี้ องค์กรต่างๆ จึงต้องหาทางปรับปรุงศูนย์ข้อมูลของตนให้ทันสมัยและสอดรับกับธุรกิจในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม องค์กรต่างๆ มักประสบปัญหากับโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมที่ไม่ยืดหยุ่น ล้าสมัย และไม่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้น เพื่อให้เกิดความทันสมัยและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นซึ่งให้ SLA ที่เข้มงวด, ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน และเพิ่มความคล่องตัว เพื่อรองรับปริมาณงานทั้งแบบดั้งเดิมและแบบคลาวด์ได้อย่างยอดเยี่ยม

แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวและทันสมัย

แพลตฟอร์มที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์นั้น ได้มอบทางเลือกที่น่าสนใจในการสร้างความคล่องตัวขององค์กร ซึ่งรวมเอาทั้งฮาร์ดแวร์ที่ได้รับการรองรับตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ผนวกเข้ากับซอฟต์แวร์อัจฉริยะเข้าด้วยกัน เพื่อแบ่งปันและจัดการทรัพยากรได้อย่างชาญฉลาด อย่างไรก็ตามเมื่อองค์กรต้องเลือกแพลตฟอร์มดังกล่าวมาใช้งาน จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยที่สำคัญดังนี้:

• ต้องให้ SLA ที่เข้มงวดและคาดการณ์ได้ รองรับเวิร์กโหลดขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังต้องสามารถให้ความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และบริการข้อมูลที่สำคัญได้อีกด้วย
• แพลตฟอร์มต้องให้ความความยืดหยุ่นในระดับสูง รองรับการทำงานในสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของปริมาณงาน และความต้องการในการปรับขนาด
• ต้องเพิ่มความเรียบง่ายและความคล่องตัวของสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าเดิม ด้วยการอนุญาตให้ผู้ดูแลระบบจัดการขั้นตอนการทำงานของโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นไปแบบอัตโนมัติ

PowerFlex: โครงสร้างพื้นฐานที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์สายพันธุ์ใหม่

Dell EMC PowerFlex ตอบโจทย์ตรงตามวัตถุประสงค์ด้านไอทีที่จำเป็น ทำให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของซอฟต์แวร์และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง และยังให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้อย่างสม่ำเสมอสำหรับเวิร์กโหลดงานที่มีความสำคัญ

PowerFlex เป็นแพลตฟอร์มสมัยใหม่ ที่ให้ความยืดหยุ่นและสร้างประสิทธิภาพได้อย่างมหาศาล และสามารถปรับขนาดได้โดยตรง ในขณะเดียวกันก็ทำให้การจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นรากฐานในอุดมคติสำหรับองค์กร ในการปรับปรุงแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญให้ทันสมัย รวมภาระงานที่ต่างกันเข้าด้วยกัน และสร้างคลาวด์ส่วนตัวและแบบไฮบริดที่มีความคล่องตัวได้

ส่งมอบ SLA ที่เข้มงวดได้อย่างง่ายดาย

PowerFlex ใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ในการปลดปล่อยศักยภาพเพื่อความก้าวหน้าที่รวดเร็วในฮาร์ดแวร์มาตรฐานอุตสาหกรรม และให้ผลลัพธ์ SLA ที่เหนือชั้น PowerFlex รวบรวมทรัพยากรทั่วทั้งชุด Node ปลดล็อก I/O ขนาดใหญ่ และประสิทธิภาพด้านปริมาณงาน ในขณะลดลาเทนซีในการใช้งานลงไป
ด้วยระบบโครงสร้างแบบสมดุลในตัวเองที่ช่วยขจัดปัญหาต่างๆ ได้ พร้อมสร้างความมั่นใจในการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง สามารถขยายระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จาก Node เพียง 4 Node ไปจนถึง 1,000 Node ได้อย่างต่อเนื่อง PowerFlex จึงจัดการกับดาวน์ไทม์ที่ต่างๆ โดยให้ความพร้อมในการใช้งานได้ในระดับ 99.9999% นอกจากนี้ PowerFlex ยังมีการกำหนดค่าทรัพยากรที่หลากหลาย ช่วยให้คุณบรรลุวัตถุประสงค์ด้านสมรรถนะได้อย่างแม่นยำด้วยตัวเลือก CPU ที่ครอบคลุม (Intel และ AMD) ตัวเลือก GPU ประเภทของไดรฟ์ที่หลากหลาย รวมถึง SAS, NVMe และหน่วยความจำ Intel Optane และตัวเลือกเครือข่ายซึ่งได้แก่ ตัวเลือกเครือข่ายแบบ 25GbE และ 100GbE

พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

PowerFlex มอบความคล่องตัวในการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ PowerFlex มีความยืดหยุ่นในการผสมผสานและจับคู่หน่วยเก็บข้อมูล โหนดประมวลผล และ Node HCI ในการปรับใช้แบบไดนามิก ช่วยให้คุณปรับขนาดพื้นที่จัดเก็บและประมวลผลทรัพยากรพร้อมกันหรือแยกจากกันได้ ครั้งละ 1 Node และตามความต้องการของคุณ แพลตฟอร์มนี้ยังสามารถสนับสนุนสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลายพร้อมกันได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบปฏิบัติการ Bare Metal ไฮเปอร์ไวเซอร์ และแพลตฟอร์มคอนเทนเนอร์ – ด้วยแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการที่เป็นหนึ่งเดียวกันนี้ คุณสามารถสนับสนุนภาระงานที่มีความต้องการแตกต่างกัน บนแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ร่วมกันแบบยืดหยุ่นได้ และปรับปรุงระบบโครงสร้างของแอปพลิเคชันของคุณให้ทันสมัยตามกำหนดเวลาของคุณได้

โครงสร้างพื้นฐานของ PowerFlex สามารถกำหนดค่าใหม่ได้อย่างรวดเร็วตามความจำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของภาระงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีตัวเลือกการบริโภคที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของนวัตกรรมภายในเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge รุ่นล่าสุดของ Dell โดยแร็คของ PowerFlex นั้น ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนในการปรับใช้และเร่งเวลาในการสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น ลูกค้าสามารถเริ่มต้นจากขนาดเล็กและปรับระดับได้ด้วยอุปกรณ์ และเมื่อมีความต้องการมากขึ้น PowerFlex จะมีการจัดการการดำเนินงานด้านไอที (ITOM) และวงจรชีวิต (LCM) อย่างเต็มรูปแบบด้วย PowerFlex Manager เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเต็มที่พร้อมกับการจัดการต้นทุนไปพร้อมกัน คุณสามารถใช้ PowerFlex โดยเลือกรูปแบบการใช้ OPEX จากโซลูชัน APEX Custom ของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้แก่ APEX Flex on Demand หรือ APEX Datacenter Utility

ให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้

PowerFlex ออกแบบตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งสามารถให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้อย่างสม่ำเสมอ สำหรับภาวะแวดล้อมที่สำคัญต่อภารกิจที่เป็นความต้องการที่มากที่สุดของคุณ มีการปรับระบบให้เหมาะสมกับเวิร์กโหลดที่หลากหลายตั้งแต่ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์แบบดั้งเดิม และฐานข้อมูล NoSQL ในรูปแบบของการพัฒนาแอปลิเคชั่นยุคใหม่ ไปจนถึงภาระงานด้านการวิเคราะห์ที่เน้นปริมาณงาน

PowerFlex ช่วยสร้างระบบขนาดใหญ่สำหรับระบบคลาวด์อัตโนมัติและแพลตฟอร์มการจัดการคอนเทนเนอร์ พร้อมความสามารถด้านระบบอัตโนมัติที่ครอบคลุมด้วย PowerFlex Manager REST API และโมดูล Ansible แบบกำหนดค่าเอง เพื่อรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน แอปพลิเคชัน และขั้นตอนในการประมวลผล DevOps

PowerFlex Manager ช่วยให้คุณทำการดีพลอยและการขยายระบบแบบอัตโนมัติ โดยใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ทำให้ทีมไอทีมีเวลาเพื่อไปที่การริเริ่มเชิงกลยุทธ์อื่นๆ ได้ และด้วยความสามารถขั้นสูงอย่างเช่นเช่น การจำลองแบบดั้งเดิม การบีบอัด และการเข้ารหัสแบบผสมผสาน และการปฏิบัติตามข้อกำหนด FIP-140-2 ทำให้การจัดการและการป้องกันข้อมูลง่ายขึ้น และทำให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยได้ เมื่อรวมกับ VMware Site Recovery Manager (SRM) แล้ว PowerFlex จะสามารถกู้คืนระบบจากผลกระทบจากภัยพิบัติและสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจได้ อีกทั้งการรองรับ Native CloudIQ ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้ในวงกว้าง ในขณะที่มีการผสานรวมกับ AppSync จะทำให้เกิดการจัดการสำเนาข้อมูลและการปกป้องข้อมูลของแอปพลิเคชัน

PowerFlex มอบผลลัพธ์ SLA ที่ยอดเยี่ยม ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและให้ความสามารถในการคาดการณ์ได้ในการเพิ่มปริมาณงานที่มีความสำคัญต่อภารกิจที่หลากหลาย PowerFlex เติมพลังให้ศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยของคุณ ดังนั้น ไอทีของคุณจะเป็นผุ้เปิดใช้งานและเป็นรากฐานที่สำคัญในนวัตกรรมทางธุรกิจของคุณ

G-Able มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญคอยช่วยให้คำปรึกษาตั้งแต่การออกแบบ Solution และการติดตั้ง รวมถึงบริการหลังการขาย โดยเป็นการให้บริการแบบครบวงจร สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : contactcenter@g-able.com โทร. 02-781-9333

from:https://www.enterpriseitpro.net/dell-emc-powerflex-g-able/

PowerFlex เทคโนโลยีระบบอินฟราสตรัคเจอร์สุดล้ำ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์สมัยใหม่โดยเฉพาะ

เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นศูนย์กลางในการทำงานของธุรกิจในปัจจุบัน ที่ช่วยสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมาก องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องให้บริการที่ซับซ้อนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และเพื่อรับมือกับความต้องการใหม่ๆ เหล่านี้ องค์กรต่างๆ จึงต้องหาทางปรับปรุงศูนย์ข้อมูลของตนให้ทันสมัยและสอดรับกับธุรกิจในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม องค์กรต่างๆ มักประสบปัญหากับโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมที่ไม่ยืดหยุ่น ล้าสมัย และไม่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้น เพื่อให้เกิดความทันสมัยและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นซึ่งให้ SLA ที่เข้มงวด, ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน และเพิ่มความคล่องตัว เพื่อรองรับปริมาณงานทั้งแบบดั้งเดิมและแบบคลาวด์ได้อย่างยอดเยี่ยม

แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวและทันสมัย

แพลตฟอร์มที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์นั้น ได้มอบทางเลือกที่น่าสนใจในการสร้างความคล่องตัวขององค์กร ซึ่งรวมเอาทั้งฮาร์ดแวร์ที่ได้รับการรองรับตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ผนวกเข้ากับซอฟต์แวร์อัจฉริยะเข้าด้วยกัน เพื่อแบ่งปันและจัดการทรัพยากรได้อย่างชาญฉลาด อย่างไรก็ตามเมื่อองค์กรต้องเลือกแพลตฟอร์มดังกล่าวมาใช้งาน จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยที่สำคัญดังนี้:

• ต้องให้ SLA ที่เข้มงวดและคาดการณ์ได้ รองรับเวิร์กโหลดขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังต้องสามารถให้ความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และบริการข้อมูลที่สำคัญได้อีกด้วย
• แพลตฟอร์มต้องให้ความความยืดหยุ่นในระดับสูง รองรับการทำงานในสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของปริมาณงาน และความต้องการในการปรับขนาด
• ต้องเพิ่มความเรียบง่ายและความคล่องตัวของสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าเดิม ด้วยการอนุญาตให้ผู้ดูแลระบบจัดการขั้นตอนการทำงานของโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นไปแบบอัตโนมัติ

PowerFlex: โครงสร้างพื้นฐานที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์สายพันธุ์ใหม่

PowerFlex ตอบโจทย์ตรงตามวัตถุประสงค์ด้านไอทีที่จำเป็น ทำให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของซอฟต์แวร์และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง และยังให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้อย่างสม่ำเสมอสำหรับเวิร์กโหลดงานที่มีความสำคัญ

PowerFlex เป็นแพลตฟอร์มสมัยใหม่ ที่ให้ความยืดหยุ่นและสร้างประสิทธิภาพได้อย่างมหาศาล และสามารถปรับขนาดได้โดยตรง ในขณะเดียวกันก็ทำให้การจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นรากฐานในอุดมคติสำหรับองค์กร ในการปรับปรุงแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญให้ทันสมัย รวมภาระงานที่ต่างกันเข้าด้วยกัน และสร้างคลาวด์ส่วนตัวและแบบไฮบริดที่มีความคล่องตัวได้

ส่งมอบ SLA ที่เข้มงวดได้อย่างง่ายดาย

PowerFlex ใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ในการปลดปล่อยศักยภาพเพื่อความก้าวหน้าที่รวดเร็วในฮาร์ดแวร์มาตรฐานอุตสาหกรรม และให้ผลลัพธ์ SLA ที่เหนือชั้น PowerFlex รวบรวมทรัพยากรทั่วทั้งชุด Node ปลดล็อก I/O ขนาดใหญ่ และประสิทธิภาพด้านปริมาณงาน ในขณะลดลาเทนซีในการใช้งานลงไป
ด้วยระบบโครงสร้างแบบสมดุลในตัวเองที่ช่วยขจัดปัญหาต่างๆ ได้ พร้อมสร้างความมั่นใจในการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง สามารถขยายระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จาก Node เพียง 4 Node ไปจนถึง 1,000 Node ได้อย่างต่อเนื่อง PowerFlex จึงจัดการกับดาวน์ไทม์ที่ต่างๆ โดยให้ความพร้อมในการใช้งานได้ในระดับ 99.9999% นอกจากนี้ PowerFlex ยังมีการกำหนดค่าทรัพยากรที่หลากหลาย ช่วยให้คุณบรรลุวัตถุประสงค์ด้านสมรรถนะได้อย่างแม่นยำด้วยตัวเลือก CPU ที่ครอบคลุม (Intel และ AMD) ตัวเลือก GPU ประเภทของไดรฟ์ที่หลากหลาย รวมถึง SAS, NVMe และหน่วยความจำ Intel Optane และตัวเลือกเครือข่ายซึ่งได้แก่ ตัวเลือกเครือข่ายแบบ 25GbE และ 100GbE

พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

PowerFlex มอบความคล่องตัวในการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ PowerFlex มีความยืดหยุ่นในการผสมผสานและจับคู่หน่วยเก็บข้อมูล โหนดประมวลผล และ Node HCI ในการปรับใช้แบบไดนามิก ช่วยให้คุณปรับขนาดพื้นที่จัดเก็บและประมวลผลทรัพยากรพร้อมกันหรือแยกจากกันได้ ครั้งละ 1 Node และตามความต้องการของคุณ แพลตฟอร์มนี้ยังสามารถสนับสนุนสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลายพร้อมกันได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบปฏิบัติการ Bare Metal ไฮเปอร์ไวเซอร์ และแพลตฟอร์มคอนเทนเนอร์ – ด้วยแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการที่เป็นหนึ่งเดียวกันนี้ คุณสามารถสนับสนุนภาระงานที่มีความต้องการแตกต่างกัน บนแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ร่วมกันแบบยืดหยุ่นได้ และปรับปรุงระบบโครงสร้างของแอปพลิเคชันของคุณให้ทันสมัยตามกำหนดเวลาของคุณได้

โครงสร้างพื้นฐานของ PowerFlex สามารถกำหนดค่าใหม่ได้อย่างรวดเร็วตามความจำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของภาระงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีตัวเลือกการบริโภคที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของนวัตกรรมภายในเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge รุ่นล่าสุดของเดลล์ เทคโนโลยีส์ โดยแร็คของ PowerFlex นั้น ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนในการปรับใช้และเร่งเวลาในการสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น ลูกค้าสามารถเริ่มต้นจากขนาดเล็กและปรับระดับได้ด้วยอุปกรณ์ และเมื่อมีความต้องการมากขึ้น PowerFlex จะมีการจัดการการดำเนินงานด้านไอที (ITOM) และวงจรชีวิต (LCM) อย่างเต็มรูปแบบด้วย PowerFlex Manager เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเต็มที่พร้อมกับการจัดการต้นทุนไปพร้อมกัน คุณสามารถใช้ PowerFlex โดยเลือกรูปแบบการใช้ OPEX จากโซลูชัน APEX Custom ของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้แก่ APEX Flex on Demand หรือ APEX Datacenter Utility

ให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้

PowerFlex ออกแบบตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งสามารถให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้อย่างสม่ำเสมอ สำหรับภาวะแวดล้อมที่สำคัญต่อภารกิจที่เป็นความต้องการที่มากที่สุดของคุณ มีการปรับระบบให้เหมาะสมกับเวิร์กโหลดที่หลากหลายตั้งแต่ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์แบบดั้งเดิม และฐานข้อมูล NoSQL ในรูปแบบของการพัฒนาแอปลิเคชั่นยุคใหม่ ไปจนถึงภาระงานด้านการวิเคราะห์ที่เน้นปริมาณงาน

PowerFlex ช่วยสร้างระบบขนาดใหญ่สำหรับระบบคลาวด์อัตโนมัติและแพลตฟอร์มการจัดการคอนเทนเนอร์ พร้อมความสามารถด้านระบบอัตโนมัติที่ครอบคลุมด้วย PowerFlex Manager REST API และโมดูล Ansible แบบกำหนดค่าเอง เพื่อรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน แอปพลิเคชัน และขั้นตอนในการประมวลผล DevOps

PowerFlex Manager ช่วยให้คุณทำการดีพลอยและการขยายระบบแบบอัตโนมัติ โดยใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ทำให้ทีมไอทีมีเวลาเพื่อไปที่การริเริ่มเชิงกลยุทธ์อื่นๆ ได้ และด้วยความสามารถขั้นสูงอย่างเช่นเช่น การจำลองแบบดั้งเดิม การบีบอัด และการเข้ารหัสแบบผสมผสาน และการปฏิบัติตามข้อกำหนด FIP-140-2 ทำให้การจัดการและการป้องกันข้อมูลง่ายขึ้น และทำให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยได้ เมื่อรวมกับ VMware Site Recovery Manager (SRM) แล้ว PowerFlex จะสามารถกู้คืนระบบจากผลกระทบจากภัยพิบัติและสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจได้ อีกทั้งการรองรับ Native CloudIQ ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้ในวงกว้าง ในขณะที่มีการผสานรวมกับ AppSync จะทำให้เกิดการจัดการสำเนาข้อมูลและการปกป้องข้อมูลของแอปพลิเคชัน

PowerFlex มอบผลลัพธ์ SLA ที่ยอดเยี่ยม ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและให้ความสามารถในการคาดการณ์ได้ในการเพิ่มปริมาณงานที่มีความสำคัญต่อภารกิจที่หลากหลาย PowerFlex เติมพลังให้ศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยของคุณ ดังนั้น ไอทีของคุณจะเป็นผุ้เปิดใช้งานและเป็นรากฐานที่สำคัญในนวัตกรรมทางธุรกิจของคุณ

G-Able มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญคอยช่วยให้คำปรึกษาตั้งแต่การออกแบบ Solution และการติดตั้ง รวมถึงบริการหลังการขาย โดยเป็นการให้บริการแบบครบวงจร สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : contactcenter@g-able.com โทร. 02-781-9333

from:https://www.enterpriseitpro.net/powerflex-g-able/

Dell EMC PowerStore คว้ารางวัลชนะเลิศในกลุ่ม Storage-Midrange จาก CRN

จากการประมวลผลของเจ้าหน้าที่สำนักข่าว CRN ได้ออกมาเป็นการจัดอันดับสุดยอดผลิตภัณฑ์ที่พลิกโฉมวงการไอทีประจำปีนี้ ซึ่งผู้ชนะสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์สตอเรจระดับ Midrange ได้แก่ Dell EMC PowerStore

โดยทาง Dell Technologies ได้เริ่มขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Dell EMC PowerStore ด้วยการเปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง PowerStore 500 เพื่อเจาะตลาดแอเรย์สตอเรจแบบ Flash ล้วนในราคาย่อมเยา ทำให้ PowerStore 500 เป็นตัวเลือกที่ดีที่ให้ประสิทธิภาพระดับองค์กรสำหรับบริการด้านสตอเรจกับธุรกิจทุกขนาด รวมถึงการใช้งานในพื้นที่ห่างไกลหรือในสำนักงานต่างสาขา, สภาพแวดล้อมแบบ Edge, หรือแม้แต่ติดตั้งในระบบไอทีขนาดใหญ่

ซึ่งตัวแอเรย์ที่มีให้ผ่านบริการ Flex On Demand ของ Dell นี้ มาพร้อมกับแชสซีขนาด 2U ที่มีความจุมากสุดถึง 1.2 เพตาไบต์ รองรับคำสั่ง SQL ได้มากถึง 2.4 รายการต่อนาที และเวอร์ช่วลเดสก์ท็อปได้ 1,500 ตัวต่อเครื่อง นอกจากนี้ Dell ยังพึ่งเปิดตัวซอฟต์แวร์ PowerStoreOS 2.0 ที่ยกระดับประสิทธิภาพขึ้นไปอีกขั้น และสามารถรันแอพพลิเคชั่นบนระบบได้โดยตรงผ่านฟีเจอร์ AppsON เรียกว่าได้ทั้งประโยชน์ด้านประสิทธิภาพ การผสานรวมโหลดงานเข้าด้วยกัน และความสามารถด้านโมบิลิตี้ได้เป็นอย่างดี

อ่านรายละเอียดทั้งหมดที่นี่ – CRN

from:https://www.enterpriseitpro.net/dell-emc-powerstore-crn-award/

เจาะลึก Dell EMC PowerStore ระบบ Enterprise Storage ความสามารถรอบด้าน ตอบโจทย์หลากหลายรูปแบบ

การเลือกระบบ Enterprise Storage ที่ดีในทุกวันนี้ ก็คงหนีไม่พ้นการเลือกระบบที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถตอบสนองทุกๆข้อมูลและแอปพลิเคชั่นในยุคดิจิตัล รองรับการขยายโดยไม่มีผลกระทบ, มีฟังก์ชั่นครบครันช่วยให้คุ้มค่า เพิ่มประสิทธิภาพ และสามารถดูแลรักษาได้ง่าย

Dell EMC ในฐานะของผู้นำนวัตกรรมทางด้านระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับธุรกิจองค์กร ได้มองไกลยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการออกแบบระบบ Dell EMC PowerStore ให้มีความยืดหยุ่น สามารถใช้งานได้เป็นทั้ง Unified Storage หรือ HCI พร้อมใส่ความสามารถมากมายเข้ามาอย่างครบถ้วน เพื่อให้ธุรกิจองค์กรนำไปประยุกต์ใช้งานได้ตามต้องการ เป็นระบบ Storage ที่ตอบโจทย์ได้อย่างหลากหลาย

ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ Dell EMC PowerStore กันแบบเจาะลึกครับ

Dell EMC PowerStore: All Flash Data Storage ความเร็วสูงในแบบ Software-Defined

Credit: Dell Technologies

Dell EMC PowerStore นี้ถูกออกแบบขึ้นมาในฐานะของ Midrange Storage แต่ก็เต็มไปด้วยความสามารถในระดับ Enterprise ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากกับ Business Application สำคัญๆ ใช้ได้ดีเยี่ยมกับการจัดเก็บข้อมูลที่หลากหลาย มีปริมาณมากๆ ประสิทธิภาพเป็นเลิศสำหรับงาน Analytics, IoT, OLTP และงานพัฒนา AI ต่างๆ

จุดเด่นของ Dell EMC PowerStore ที่เหนือกว่าระบบ Storage รุ่นก่อนหน้าของ Dell EMC นั้นก็คือการรวมข้อดีของ Storage หลายๆ รุ่นเอาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบ All Flash ทั้งในระดับของ Hardware และ Software เหมือน XtremIO, การเพิ่มขยายและบริหารจัดการได้ง่ายเหมือน SC Series ไปจนถึงการรองรับ Workload ได้หลากหลายเหมือน Unity XT และยังเพิ่มทางเลือกในการใช้งานระบบให้เป็นแบบ HCI ได้ กรณีนี้ทำให้องค์กรสามารถลด Storage Footprint ลงไปได้อย่างมหาศาลในการลงทุนระบบ Storage เป็น Dell EMC PowerStore

นอกจากนี้โซลูชันต่อไปนี้สามารถนำไปตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะทางได้เป็นอย่างดี เช่น

  • การสร้าง Metro Cluster ด้วยการใช้ Dell EMC PowerStore Metro Node ทำให้สามารถออกแบบระบบ Metro Active/Active Cluster ได้อย่างง่ายดาย
  • การสร้าง Big Data Cluster ด้วย Microsoft SQL Server 2019 บน Dell EMC PowerStore ทำให้สามารถเชื่อมต่อใช้งานข้อมูลได้หลากหลายช่องทาง และเพิ่มขยายได้อย่างง่ายดาย
  • การสร้าง Hybrid / Multi-Cloud Data Center ด้วยการทำงานร่วมกับ VMware VCF เพื่อให้ Data Center มีความยืดหยุ่นสูงสุด
Credit: Dell Technologies

ความสามารถโดดเด่น ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดที่น่าสนใจของ Dell EMC PowerStore มีดังต่อไปนี้

ประสิทธิภาพสูงด้วย NVMe, SCM และหน่วยประมวลผล Intel® Xeon® Scalable Processors

Dell EMC PowerStore สามารถทำงานในรูปแบบ End-to-End NVMe ทำให้มีประสิทธิภาพอย่างเต็มเปี่ยมในการเข้าถึงข้อมูล NVMe SSD และสามารถเลือกใช้ Dual-Port Intel Optane Storage Class Memory ในการเพิ่มความเร็วขั้นกว่าถึงระดับสูงสุด ทำให้ performanceดีกว่าเดิม โดยมี IOPS ที่สูงขึ้นถึง 7 เท่า และมี Latency ลดลงถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับระบบ Storage รุ่นก่อนหน้า

นอกจากนี้ด้วยหน่วยประมวผล Intel Xeon Scalable Processor ช่วยให้ Dell EMC PowerStore มีขีดความสามารถที่ดีขึ้น ในการรองรับฟังกชั่นงานได้หลากหลาย สามารถอัปเกรดเพิ่มเติมความสามารถใหม่ๆ ในอนาคตได้ และยังทำให้ระบบมีพลังประมวลผลที่สูงพอ สำหรับให้บริการ Hypervisor และใช้งาน Container หรือ VM ได้โดยตรงอีกด้วย

เพิ่มขยายได้อย่างอิสระทั้งแบบ Scale Up และ Scale Out รวมถึงยังทำ Metro Cluster แบบ Active/Active ได้

ในแง่ของการเพิ่มขยายระบบนั้น Dell EMC PowerStore ก็มีทางเลือกให้ทั้งการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในแบบ Scale Up บนอุปกรณ์ชุดเดิมที่มีอยู่ได้สูงสุดถึง 1PB Raw Capacity / 2.8PB Effective Capacity หรือจะเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลไปพร้อมๆ กันในแบบ Scale Out ได้สูงสุดถึง 4 appliance รวม 8 โหนดต่อ cluster ซึ่งแต่ละคู่ของโหนดในแต่ละ appliance ทำงานแบบ Active/Active

สำหรับธุรกิจที่ต้องการระบบเพื่อรองรับระบบงานสำคัญขององค์กรอย่างเช่น Mission Critical Application หรือสถาบันการเงิน Dell EMC PowerStore ก็มีออปชันสำหรับ PowerStore Metro Node ที่จะเป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อเชื่อม Dell EMC PowerStore ที่อยู่ใน Data Center คนละแห่งและห่างไกลกัน ให้สามารถทำงานร่วมกันแบบ Active/Active ที่สามารถทำการเขียนและอ่านข้อมูลได้ทั้งสองฝั่งพร้อมๆ กัน ตอบโจทย์ระบบที่ต้องการ Recovery Point Objective (RPO) และ Recover Time Objectives (RTO) ที่ต่ำที่สุดถึงระดับศูนย์

Credit: Dell Technologies

ประหยัดพื้นที่ด้วย Inline Data Reduction ที่อัตราส่วน 4:1

Dell EMC PowerStore จะมีการเปิดใช้งาน Data Deduplication และ Data Compression เอาไว้อยู่ตลอดเวลา โดยใช้ความสามารถจาก Intel QuickAssist (Hardware Acceleration) สำหรับการลดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลลง ทำให้โซลูชันนี้สามารถรับประกันการลดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้อัตราส่วนถึง 4:1 โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบแต่อย่างใด

จัดการได้ทั้งแบบ Automation และ Autonomous ในหนึ่งเดียว

ในการบริหารจัดการระบบแบบ Automation นั้น Dell EMC PowerStore สามารถรองรับได้ทั้งการผสานระบบทำงานร่วมกับ VMware, การใช้ vRO Plugin, การทำงานร่วมกับ Kubernetes ผ่าน CSI Driver และการใช้ Ansible ในการบริหารจัดการแบบ Infrastructure-as-Code

นอกจากนี้ Dell EMC ยังมีการนำเทคโนโลยี Machine Learning มาช่วยทั้งในส่วนของการตั้งค่าและการทำ Performance Tuning เพื่อลดเวลาที่ผู้ดูแลระบบต้องใช้ในการบริหารจัดการระบบลง อีกทั้งยังมี Dell EMC CloudIQ ที่จะคอยรวบรวมข้อมูลและทำนายแนวโน้มการเกิดปัญหาของระบบ เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทำการป้องกันปัญหาได้ในแบบเชิงรุก ลดการเกิด Downtime ที่ไม่คาดฝันของระบบลงได้

เลือกใช้งานได้ทั้งแบบ Unified All Flash Storage และ HCI

ถือเป็นอีกไฮไลท์เด่นของ Dell EMC PowerStore เลยก็ว่าได้ กับการออกแบบระบบให้มี 2 รุ่น ที่เป็นได้ทั้ง Unified Storage และ HCI ดังนี้

Dell EMC PowerStore T Series: ระบบ Unified All Flash Storage รองรับการเชื่อมต่อเข้าถึงข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ

Dell EMC PowerStore T Series นี้จะทำการติดตั้งระบบปฏิบัติการ PowerStoreOS ลงไปยัง Hardware โดยตรง ทำให้ระบบทำหน้าที่เป็น Unified Storage ที่สามารถให้บริการ Storage ได้ผ่านทาง Protocol ที่หลากหลาย เช่น iSCSI, NVMe-FC, FC, vVols, SMB และ NFS สำหรับใช้งานเป็น Enterprise Storage หลักขององค์กรได้ทันทีอย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการนำ Hardware ทั้งหมดของระบบมาให้บริการ Storage นั่นเอง

Dell EMC PowerStore X Series: ระบบ All Flash HCI ที่รองรับทั้ง Container และ Virtual Machine ด้วย VMware

Dell EMC PowerStore X Series นี้จะไม่ได้ติดตั้งระบบปฏิบัติการ PowerStoreOS ลงไปโดยตรง แต่จะมีการติดตั้ง VMware ESXi ลงไปก่อนเพื่อทำหน้าที่เป็น Hypervisor แล้วจึงค่อยติดตั้ง PowerStoreOS ลงไปบน Hypervisor ดังกล่าวอีกทีหนึ่ง เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถแบ่งสรรทรัพยากรบน Dell EMC PowerStore X เพื่อไปรัน VM ในขณะที่ยังคงให้บริการ Block Storage ตามปกติได้อีกด้วย ซึ่งความสามารถดังกล่าวนี้ถูกเรียกว่า AppsON

ทั้งสองรุ่นนี้ทำให้แต่ละองค์กรสามารถเลือกกลยุทธ์ในการลงทุนระบบ Enterprise Storage ที่เหมาะสมกับตนเองได้ ซึ่งความเป็นไปได้เหล่านี้เกิดจากการที่สถาปัตยกรรมระบบของ Dell EMC PowerStore นี้เป็นแบบ Software-Defined อย่างเต็มตัวด้วยการออกแบบแบบ Microservices ทำให้สามารถนำไปติดตั้งใช้งานได้ทั้งบน Hardware และ Hypervisor นั่นเอง

 

Credit: Dell Technologies

ด้วยการเลือกใช้ Hardware ประสิทธิภาพสูงอย่าง Intel® Xeon® Scalable Processors 2-4 ชุด ควบคู่ไปกับหน่วยความจำปริมาณมากตั้งแต่ 384GB – 2.56TB นี้ก็ทำให้ Dell EMC PowerStore มีทรัพยากรที่เหลือเฟือ สามารถแบ่งบางส่วนมาให้ Hypervisor ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตอบโจทย์ Hybrid Multi-Cloud ได้ในตัว

ด้วยระบบที่มีสถาปัตยกรรมเดียวแต่สามารถเป็นได้ทั้ง Unified Storage และ HCI นี้ ทำให้ Dell EMC PowerStore สามารถถูกนำไปใช้งานได้หลากหลายทั้งภายใน Data Center และ Edge รวมถึงยังมีบริการ Dell EMC Cloud Storage Services สามารถเชื่อมโยงข้อมูลขึ้นไปยังบริการ Cloud ชั้นนำที่ต้องการได้ ทำให้การออกแบบระบบ Hybrid / Multi-Cloud นั้นสามารถทำได้อย่างยืดหยุ่น

อัปเกรดและเพิ่มขยายได้อย่างยืดหยุ่น คุ้มค่าในระยะยาว

คุณสมบัติในการเป็น Software-Defined ของ Dell EMC PowerStore นี้ ทำให้การอัปเดตระบบทั้งหมดสามารถเกิดขึ้นได้ในระดับ Software ซึ่งล่าสุดในการเปิดตัว PowerStoreOS 2.0 ก็ทำให้ระบบเดิมที่มีอยู่นั้นมีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 25% ทำให้องค์กรไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มเติม แต่ได้ระบบที่มีประสิทธิภาพและความสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

ในแง่ของการเพิ่มขยายระบบ Dell EMC มีโครงการ Anytime Upgrade สามารถอัปเกรดได้ทั้ง Controller เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ หรือจะเพิ่มขยายแบบ Scale Out ในราคาพิเศษก็ได้ อีกทั้งยังมี Dell Technologies On Demand ที่ทำให้การลงทุนนั้นมีความยืดหยุ่น เลือกลงทุนได้ทั้งในแบบ as you grow, as you use หรือ as a service ให้ตอบโจทย์ต่อ CFO

ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dell EMC PowerStore ได้ที่ https://www.delltechnologies.com/en-th/storage/powerstore-storage-appliance.htm

สนใจติดต่อ Dell Technologies ได้ทันที

ผู้ที่สนใจบริการ Dell EMC PowerStore หรือโซลูชันด้านระบบ Storage และ Backup สามารถติดต่อทีมงาน Dell Technologies ได้ทันทีที่อีเมล DellTechnologies@kkudos.com หรือโทร 090-949-0823 (วศิน)

from:https://www.techtalkthai.com/deep-dive-dell-emc-powerstore-enterprise-software-defined-storage/

สร้างมิติใหม่ของโครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูล ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจาก Dell EMC PowerStore

การทำงานขององค์กรระดับเอนเทอร์ไพรซ์ในยุคแห่งข้อมูลหรือที่เรียกว่า Data Era นั้น สิ่งที่เป็นประเด็นต้องคำนึงและใส่ใจเป็นอย่างมากก็คือเรื่องของเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล ที่ต้องให้ประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเต็มที่ และยังต้องเหมาะสมทั้งในเรื่องของงบประมาณและการขยายตัวทางธุรกิจได้ด้วย

Dell EMC PowerStore คือโซลูชั่นสำหรับการจัดเก็บข้อมูลรุ่นใหม่จากทาง เดลล์ เทคโนโลยีส์ ที่เป็นผู้นำระบบการจัดเก็บข้อมูลในระดับเอ็นเทอร์ไพรซ์ พวกเขาได้มีการออกแบบ PowerStore ให้เป็นแบบ Data-Centric มาพร้อมกับระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ และสถาปัตยกรรมที่ปรับเปลี่ยนได้

ระบบที่ให้เสถียรภาพขั้นสูงสำหรับองค์กร

PowerStore ช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์การทำงานของแอปพลิเคชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพที่สูงระดับ 99.9999% ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการการประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาล มันถูกออกแบบให้มีลักษณะการทำงานอย่างเช่น

– สามารถรองรับงานได้ทุกสภาพเวิร์กโหลด : PowerStore ทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเรียบง่ายด้วยการรองรับทั้งเวิร์กโหลดที่หลากหลายทั้งแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ ด้วยสถาปัตยกรรม สเกล-อัพ และ สเกล-เอาท์ รองรับทั้ง บล็อค (block) ไฟล์ และ VMware vVols

– เพิ่มขีดความสามารถสูงสุดในการทำงาน : มันถูกออกแบบให้ตอบสนองได้เร็วกว่าผลิตภัณฑ์รุ่นก่อนหน้าถึงสามเท่า ผ่านทางเทคโนโลยีอย่าง NVMe ในแบบ end-to-end และสามารถรองรับหน่วยความแบบ Storage Class Memory ด้วยขุมพลังจาก Intel® Optane™ SSD แบบดูอัล พอร์ต

– การลดข้อมูลแบบอัจฉริยะ: PowerStore ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการระบบจัดเก็บข้อมูล ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับทั้งสมรรถนะและประสิทธิภาพ ในขณะที่ให้การรับประกันในการลดปริมาณข้อมูลลงในรูปแบบ 4: 1 ทั้งนี้ ฟังก์ชันการลดข้อมูลอัจฉริยะ (Intelligent Data Reduction) นี้จะทำงานตลอดเวลาโดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ

– ความยืดหยุ่นที่เพิ่มมากขึ้น: Dynamic Resiliency Engine (DRE) ของ PowerStore ช่วยให้ลูกค้าสามารถรักษาประสิทธิภาพในขณะที่ป้องกันความล้มเหลวของ dual drive โดย DRE ช่วยลดการจัดการลงถึง 98% เมื่อเทียบกับการใช้เทคโนโลยี RAID ในแบบเดิม

– การทำ Tiering ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น: PowerStore ใช้ storage class memory (SCM) เป็นพื้นที่จัดเก็บถาวรและสร้างความแตกต่างระหว่าง SCM และไดรฟ์ NVMe มาตรฐานภายในระบบ ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความเร็วในการเข้าถึงเมตะดาต้า (metadata) เพื่อลด workload latency ได้ถึง 15%  โดยทั้งนี้สามารถทำได้โดยการใช้ไดรฟ์ Intel® Optane™ D4800X เพียงไดรฟ์เดียว

มอบความยืดหยุ่นให้กับคลาวด์ด้วย PowerStore

ลูกค้าสามารถใช้งาน PowerStore ในรูปแบบที่สนองตอบต่อความต้องการทางธุรกิจและกลยุทธ์ทางด้านคลาวด์ขององค์กรได้เป็นอย่างดีที่สุด ด้วยเหตุผลที่สำคัญดังนี้

Dell Technologies Cloud Validated Designs สำหรับ PowerStore ออกแบบมาเพื่อการนำไปใช้งานที่มีความยืดหยุ่นต่อเวิร์กโหลดที่ต้องการประสิทธิภาพในการทำงานสูง ในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริด-คลาวด์

Dell EMC Cloud Storage Services สามารถเชื่อม PowerStore เข้ากับพับลิกคลาวด์สำคัญๆ ทั้งหมดได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น AWS, Azure และ Google Cloud ได้ ทั้งนี้ Cloud Storage Services ยังให้การกู้คืนข้อมูลเมื่อเกิดภัยพิบัติ (DRaaS) ให้กับ VMware Cloud บน AWS ได้อีกด้วย

PowerStore สามารถนำมาใช้ ในรูปแบบระบบการจัดเก็บข้อมูลทางเลือกภายในโครงสร้างพื้นฐานแบบอัตโนมัติของ Dell EMC PowerOne ซึ่งช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงขององค์กรไปสู่การดำเนินงานที่เหมือนคลาวด์ให้เร็วยิ่งขึ้น

อัปเกรดระบบง่ายด้วย Dell EMC Future-Proof Program

PowerStore อยู่ภายใต้โปรแกรมที่เรียกว่า Dell EMC Future-Proof Program ซึ่งให้ทางเลือกที่เพิ่มมากขึ้น ให้ความสามารถในการคาดการณ์การใช้งานล่วงหน้า อีกทั้งให้การคุ้มครองการลงทุนผ่านความสามารถในการอัปเกรดได้ทุกเวลา   Dell EMC Future-Proof Program  ถือเป็นโปรแกรมการอัปเกรดที่มีความยืดหยุ่นที่สุดในอุตสาหกรรม

ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของ เดลล์ เทคโนโลยีส์ ลูกค้าสามารถ ปรับปรุงหรือปรับขยายประสิทธิภาพและความสามารถของ PowerStore หลังจากระยะเวลาการใช้งานเพียง 180 วัน ทั้งนี้ เมื่อผสานรวมเข้ากับสถาปัตยกรรมที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ของ PowerStore ทำให้องค์กรสามารลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสามารถทำการเคลื่อนย้ายแพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน เดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้ส่งมอบ PowerStore ไปสู่ลูกค้าทั่วโลกคิดเป็นปริมาณที่สูงกว่า 400 เพตาไบต์  ในกว่า 60 ประเทศให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ การศึกษา เกมมิ่ง การขนส่ง เฮลธ์แคร์ การค้าปลีก และบริการทางการเงิน และสำหรับผู้ใช้ PowerStore รายใหม่ยังรวมถึง มหาวิทยาลัย Columbia Southern ธนาคาร Habib Bank, RealPage, saberVox, Tech Data, The University of Pisa, Tilly’s และ Ultraleap เป็นต้น

สำหรับผู้ที่สนใจใช้งาน Dell EMC PowerStore  สามารถติดต่อทีมงาน Dell Technologies ประจำประเทศไทยได้ทันทีที่ อีเมล Chidchanok.uthaigorn@dell.com โทร 090-949-0823 (วศิน)

 

from:https://www.enterpriseitpro.net/dell-emc-powerstore-3/

Webinar : งาน Cyber Recovery & Business Resiliency: Be Ready for the Next Decade

โลกยุค Digital Data ข้อมูลคืออาวุธสำคัญในการสร้างแต้มต่อในการแข่งขันทางธุรกิจ แต่ก็มีประด็นอื่นๆ อีกมากมายในยุค Next Normal ที่อาจทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักอย่างไม่คาดฝัน รวมถึงรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมและการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีพัฒนาการล้ำขึ้นอย่างมาก คุณพร้อมรับความท้าทายต่างๆ เหล่านี้อย่างดีแล้วหรือยัง กลยุทธ์สำหรับ Cyber Recovery และ Business Resiliency ขององค์กรคุณพร้อมสำหรับโลกอนาคตแล้วหรือยัง

เดลล์ เทคโนโลยีส์ และอินเทล ขอเชิญท่านร่วมงานสัมมนานี้ เพื่อค้นหาคำตอบที่คุณต้องการ และเตรียมพร้อมกลยุทธ์ด้าน Cyber Recovery และ Business Resiliency สำหรับองค์กรของคุณ

 

from:https://www.enterpriseitpro.net/webinar-cyber-recovery-business-resiliency-be-ready-for-the-next-decade/

Dell PowerEdge Server ช่วยสร้างอินฟราสตรัคเจอร์แบบอัตโนมัติ ช่วงเร่งธุรกิจสู่การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล

การสร้างสรรค์นวัตกรรมไอทีที่มีประสิทธิภาพและช่วยตอบโจทย์ให้กับองค์กรได้นั้น จำเป็นต้องมีเครื่องมือหรือโซลูชั่นที่มีความสามารถ ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพในการทำงานที่รวดเร็ว อุปกรณ์และเครื่องมือที่มีความอัจฉริยะ รวมถึงรองรับการเปลี่ยนแปลงขององค์กรได้เป็นอย่างดี

เทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์อัจฉริยะ Dell PowerEdge Server จากทางเดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้มีการผนึกเอาขีดความสามารถขั้นสูงจากทางอินเทล เพื่อสร้างระบบอินฟราสตรัคเจอร์ที่มีแข็งแกร่งรองรับงานทั้งในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่นี้ มากับแนวคิดที่สำคัญก็คือ การมีนวัตกรรมอันล้ำสมัย (Innovate) ที่รวมเอาเทคโนโลยี AI มาทำงานร่วม ประเด็นที่สองก็คือความสามารถในการปรับเปลี่ยน (Adapt) ได้ตลอดเวลา เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น และสามารถขยายตัวได้ทันท่วงที (Grow) เพื่อรองรับเวิร์กโหลดที่อาจเกิดขึ้นในทันทีทันได้ ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปได้อย่างราบรื่น

มุ่งหน้าสู่โครงสร้างแบบ Autonomous Infrastructure

เดลล์ เทคโนโลยีส์ มุ่งหน้าสู่ระบบการประมวลผลข้อมูลด้วยการเปิดตัวสายผลิตภัณฑ์ Dell PowerEdge Server ที่ทรงพลังและมีความปลอดภัยสูงสุด ด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่ออกมาใหม่นี้ เดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้เปิดเส้นทางเพื่อมุ่งตรงสู่โครงสร้างพื้นฐานแบบอัตโนมัติ (autonomous infrastructure) เพื่อมอบประสิทธิภาพทางด้านไอทีที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อตอบรับการทำงานของ AI และเพื่อจัดการกับความต้องการใช้งานด้านไอทีเพื่อการประมวลผลที่ปลายทาง (edge computing) ที่เพิ่มขึ้น

Dell PowerEdge Server ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป แพลตฟอร์มรุ่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมให้ ส่งมอบความสามารถในการประมวลผลแบบ adaptive compute ได้อย่างแท้จริงและช่วยให้เกิดระบบการทำงานแบบอัจฉริยะ (intelligent systems) ที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานการประมวลแบบผลอัตโนมัติที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับแอปพลิเคชันสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่ต้องการพลังในการประมวลผลสูงหรือมีความซับซ้อน ความก้าวหน้าเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มผลผลิตได้สูงสุด อีกทั้งยังมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเร่งระยะเวลาการสร้างสรรค์นวัตกรรมภายในองค์กรของพวกเขาได้ดีมากยิ่งขึ้น

อัดแน่นด้วยขุมพลังจาก 3rd Generation Intel® Xeon® Scalable Processors
เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับ PCIe Gen 4.0 ที่เพิ่มประสิทธิภาพของปริมาณงานขึ้นเป็นสองเท่าจากรุ่นก่อนหน้า และเพิ่มตัวเร่งความเร็วสูงสุดหกตัวต่อเซิร์ฟเวอร์เพื่อรองรับเวิร์กโหลดที่ต้องการการใช้งานปริมาณดาต้าเป็นจำนวนมากที่สุด เทคโนโลยีเหล่านี้เมื่อทำงานควบคู่ไปกับระบบอัตโนมัติอัจฉริยะจะช่วยให้รองรับการทำงาน AI ได้สูงที่สุด ทำให้องค์กรสามารถคาดการณ์และตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ Dell PowerEdge Server ได้เสริมแกร่งด้วยขุมพลังด้วยหน่วยประมวลผลอินเทลรุ่นใหม่ ในรุ่นต่างๆ เช่น


– PowerEdge R650 ผลิตภัณฑ์ Rack Server ที่ถูกแแบบโดยใช้ขุมพลังหน่วยประมวลผล
3rd Generation Intel® Xeon® Scalable Processors เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่พัฒนาเพื่อให้เป็นเซิร์ฟเวอร์ทรงพลังเพือรองรับงาน ที่ต้องจัดการกับงานเวิร์กโหลดที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพ อย่างเช่น การจัดการฐานข้อมูล, การทำระบบ Virtual Desktop Infrastructure (VDI) หรืองานที่เน้น AI/ML และ High-Performance Computing (HPC) เป็นต้น

– PowerEdge R750 มาพร้อมด้วยโพรเซสเซอร์ 3rd Generation Intel® Xeon® Scalable Processors มอบประสิทธิภาพที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้นถึง 43 เปอร์เซ็นต์ รองรับเวิร์กโหลดที่ต้องใช้การประมวลผลมากที่สุด ตัวอย่างเช่นงาน ฐานข้อมูล, การทำระบบ Virtual Desktop Infrastructure (VDI) หรืองานที่เน้น AI/ML และ High-Performance Computing (HPC) เป็นต้น

– PowerEdge R750xa สร้างขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเร่งความเร็ว มอบประสิทธิภาพที่เข้มข้นในส่วนของ GPU เพื่อการเทรนระบบแมชชีนเลิร์นนิ่ง การวินิจฉัย ตลอดจน AI ต่างๆ ด้วยการสนับสนุนจากชุดซอฟต์แวร์ NVIDIA AI Enterprise ที่เป็นสิทธิ์เฉพาะสำหรับ VMware vSphere 7 Update 2 โดยเซิร์ฟเวอร์ 2U แบบ dual socket ถูกขับเคลื่อนโดย 3rd Generation Intel® Xeon® Scalable Processors และรองรับ GPU แบบ double-wide สูงสุดสี่ตัวและ GPU แบบ single-wide 6 ตัว

– PowerEdge MX750c เป็นผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์รุ่นล่าสุดในกลุ่มของ PowerEdge MX เหมาะสำหรับระบบอินฟราสตรัคเจอร์ที่ทำงานในแบบ Ecosystem ด้วยคุณสมบัติที่ครบถ้วน, ประสิทธิภาพสูง เป็นโซลูชั่นการประมวลผลแบบโมดูล่าร์ที่ออกแบบมาเพื่อการขยายขีดความสามารถเพิ่มเติมนอกเหนือจากเดิมได้ ตัวอย่างเช่น งานประเภทเวอร์ช่วลไลเซชั่น, การจัดการะบบ Software-defined Storage and Networking หรืองานด้านการวิเคราะห์ระบบฐานข้อมูล เป็นต้น

– PowerEdge C6520 ถูกพัฒนาให้กลายเป็นเซิร์ฟเวอร์ทีมีความสามารถในการประมวลผลเพื่อเร่งประสิทธิภาพของดาต้าเซ็นเตอร์และรองรับการขยายตัวของระบบอย่างไร้ขีด ใช้ขุมพลัง 3rd Generation Intel® Xeon® Scalable Processors สามารถอัพขนาดได้สูงถึง 40 คอร์ต่อโพรเซสเซอร์ เหมาะสำหรับพวกงานประเภท High-Performance Computing (HPC), Web Tech หรือผูู้ให้บริการ XaaS Service Providers ต่างๆ

ก้าวกระโดดทั้งในด้านประสิทธิภาพและความสามารถ

PowerEdge เซิร์ฟเวอร์ใหม่ของเดลล์ซึ่งขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากแพลตฟอร์ม
3rd Generation Intel® Xeon® Scalable Processors ที่กำลังมาแรงของอินเทล จะมอบฐานรากให้กับผู้ใช้งานและองค์กรเพื่อความสำเร็จแบบก้าวกระโดดทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความสามารถในการปรับขยายตามความต้องการในการทำงาน (scalability) การรักษาความปลอดภัย ตลอดจนด้าน AI ในดาต้าเซ็นเตอร์ และเมื่อผนึกเอาความสามารถของ PCIe Gen 4.0 และ AI-enabled จะช่วยให้ทุกคนก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีการประมวลผลที่ปลายทาง หรือ edge computing ได้อย่างเชื่อมั่น

สำหรับผู้ที่สนใจใช้งาน Dell EMC PowerEdge Server ร่วมกับ 3rd Generation Intel® Xeon® Scalable Processors ภายใน Data Center ขององค์กร สามารถติดต่อทีมงาน Dell Technologies ประจำประเทศไทยได้ทันทีที่ อีเมล Chidchanok.uthaigorn@dell.com โทร 090-949-0823 (วศิน)

from:https://www.enterpriseitpro.net/dell-poweredge-server/

ทดลองใช้งานฟรี ! Dell PowerEdge Rack Server R6515

ถ้าท่านกำลังมองหาเซิร์ฟเวอร์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเวิร์กโหลด เช่น Virtualization, HCI และ OpenStack Ready Architecture ได้อย่างมั่นใจ

Dell PowerEdge Rack Server R6515 คือคำตอบ

Specification:

  • Form Factor : 1U,Classis with up to 8x 2.5” Hard Drives, Riser Config, 1×16 LP PCle slot
  • Processor : AMD EPYC™ 7232P
  • Processor Speed / Core : 3.10GHz, 8C/16T, 64M Cache (120W) DDR4-3200
  • Memory: 16GB (1x 16GB) RDIMM, 3200MT/s, Dual Rank
  • Network: 2 x 1Gb Onboard LOM (BCM5720) V2 Hard disk Group#1:2x 600GB
  • Hard Drive SAS 12Gbps 10k 512n 2.5in Hot-Plug
  • Hard disk Group#2 : N/A
  • RAID Controller : PERC H730P RAID Controller, 2Gb NV Cache, Minicard
  • Optical Drive : DVD+/-RW,SATA, Internal
  • Power Supply : Dual, Hot Plug, Redundant Power Supply (1+1), 550W
  • System Management : iDRAC9 Enterprise X5 with OpenManage Enterprise Advanced
  • Warranty : 3Yr ProSupport and Mission Critical: (7×24) 4-hour Onsite Service + 3Yr Keep Your Hard Drive

ลงทะเบียนทดสอบฟรีที่นี่

from:https://www.enterpriseitpro.net/dell-poweredge-rack-server-r6515/

Dell EMC เปิดตัว PowerScale F900 และ OneFS 9.2

Dell EMC เปิดตัว PowerScale F900 แบบ All-NVMe พร้อมออกอัปเดต OneFS 9.2 เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและปรับปรุงความปลอดภัย

Credit: Dell

Dell EMC PowerScale ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นการผสานความสามารถ Software และ Server เข้าด้วย เพื่อตอบโจทย์งานทางด้าน Unstructured Data นอกจากนี้ระบบยังมีความสามารถในการ Scaling, Automation และรองรับ Multi-cloud

ล่าสุด Dell EMC ได้ทำการประกาศเปิดตัวรุ่นใหม่ Dell EMC PowerScale F900 ที่มาในรูปแบบ All-NVMe สำหรับงานที่ต้องการความรวดเร็วในการทำงาน เช่น M&E ระดับ 8K, Algorithmic Trading, AI, ML และ HPC โดยอุปกรณ์จะมาพร้อม 24 NVMe SSD ที่สามารถเลือกขนาดได้ 46TB ถึง 368TB ต่อ Node และสามารถขยายได้สูงสุด 93PB ต่อ Cluster และใช้หน่วยประมวลผผล Intel Cascade Lake นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งาน NVIDIA GPUDirect อีกด้วย

สำหรับระบบปฏิบัติการ OneFS ก็ได้รับการปรับปรุงเช่นเดียวกันในรุ่น 9.2 ซึ่งถูกทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น เมื่อใช้งานกับรุ่น F200 จะเพิ่มความเร็วได้ถึง 25% และเมื่อใช้งานกับ F600 จะช่วยเพิ่ม Sequential Read อีก 70% และรองรับการใช้งาน NFS over RDMA ในพอร์ท 40 GbE ได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีการเสริมความปลอดภัยด้วย IPv6 external key manager และ STIG

ที่มา: https://www.storagereview.com/news/dell-emc-powerscale-f900-onefs-9-2-announced

from:https://www.techtalkthai.com/dell-announces-dell-emc-powerscale-f900-and-onefs-9-2/

[Guest Post] รู้จัก Dell EMC PowerStore ออกแบบมาเพื่อทุก Workload ในยุค Data Era

Data-centric

  • รองรับทุก workload ในเครื่องเดียวไม่ว่าจะเป็น physical, virtual และ container-based apps และ databases
  • End-to-End NVMe เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลและ response time
  • Scale up และ Scaleout เพิ่มประสิทธิภาพทั้งการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูล
  • Always-on Inline data reduction 4:1

ในปัจจุบันเป็นยุคของการบริหารจัดการข้อมูล ถ้าหากองค์กรต่าง ๆ ไม่ได้นำเทคโนโลยีมาใช้งานควบคู่กับการจัดการข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในทุกๆวัน อาจจะทำให้เกินความซับซ้อนในการบริหารจัดการ เพราะว่าในปัจจุบันมีวิธีการเก็บข้อมูลได้หลายหลายที่ไม่ว่าจะเป็น edge to core to cloud ทำให้หลายองค์กรเริ่มไม่เก็บข้อมูลแค่ที่เดียวเพื่อบริหารความเสี่ยง แต่เราจะบริหารจัดการข้อมูลที่อยู่หลายแหล่งได้  จึงเกิดความท้าทายในการจัดการข้อมูลของ IT ในยุคปัจจุบัน

แต่ในขณะเดียวกัน IT ก็ต้องการวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาให้สามารถจัดการกับข้อมูลเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น และรวดเร็วยิ่งขึ้น และสะดวกต่อการเชื่อมต่อกับ cloud หรือเป็นระบบ automated tasks หรือใช้ร่วมกับ management frameworks ด้วย Dell EMC PowerStore เป็น Storage ที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ซึ่งออกแบบมาสำหรับการบริหารจัดการข้อมูลยุคใหม่

PowerStore X ออกแบบมาควบคู่กับ VMware ESXi สามารถเชื่อมต่อกับ external VM server

PowerStore T ออกแบบมาเป็น Unified storage รองรับทั้ง block, files และ vVol

Any workload

PowerStore รองรับทั้ง block, files, and VMware vVols เทคโนโลยีล่าสุดระดับ enterprise-class รองรับtraditional และ modern workloads จาก Databases ถึง ERP และ EMR apps, cloud native application รองรับการเชื่อมต่อ multi-protocol และ multi-format storage (virtual volumes, containers, files) ในขนาด 2U Appliance เพื่อช่วยให้ IT สะดวกต่อการจัดการและรวบรวม workload ใน Datacenter

Autonomous appliance

PowerStore built-in เทคโนโลยี machine learning (ML) ช่วยประหยัดขั้นตอนการตัดสินใจของมนุษย์ เช่น initial volume, migrations, load balancing ทุกๆขั้นตอนถูกจัดการโดย PowerStore onboard machine learning (ML) engine ช่วยในการบริหารจัดการและ fine-tunes cluster เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช่จ่ายในองค์กร

Flexible architecture

PowerStoreOS ออกแบบมาเพื่อ Container-based รองรับการทำ Fault tolerance และ security โดยแยกออกจาก OS ทั่วไปเหมือนกับ microservices สามารถเปิด service และสามารถโยกย้ายได้อย่างรวดเร็ว IT สามารถเลือกที่จะ deploy PowerStoreOS และ configuration ต่างๆไปยัง PowerStore Hardware หรือ virtual machine (VM) ที่ทำงานอยู่บน PowerStore ที่ built-in  VMware Hypervisor ได้

เมื่อ PowerStoreOS ได้ทำงานบน VM, IT สามารถ access Hypervisor เพื่อ deploy application ที่ appliance ได้โดยตรง และยังสามารถควบคุมและทำงานโดยใช้ VMware tools จาก host ภายนอกได้ความสามารถนี่ชื่อว่า AppON เป็นความสามารถที่ใช้ควบคุม Data และ Workload จำนวนมายที่ Core และ Datacenter เพื่อให้ยืดหยุ่นต่อการใช้งานและง่ายต่อการบริหารจัดการ ยกตัวอย่างเช่น “infrastructure application และ anti-virus หรือ monitoring software.

จากการพัฒนาร่วมกันของ Dell EMC และ VMware ทำให้ PowerStore สามารถย้าย services ระหว่าง PowerStore Cluster หรือ VMware cluster ผ่าน VMware vMotion และ Storage vMotion เพียงใช้  PowerStore ทำให้สามารถ deployed application ต่างบน server network, hyperconverged infrastructure หรือบน PowerStore applicance โดยตรงและสามารถ migrated data ระหว่าง PowerStore Cluster และ VMware

สนใจข้อมูลผลิตภัณฑ์ Dell EMC เพิ่มเติมติดต่อได้ที่ DellEMC@vstecs.co.th

from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-dell-emc-powerstore-any-workload-data-era/