คลังเก็บป้ายกำกับ: FLASH_STORAGE

ก่อนที่คุณจะอัปเกรด Microsoft Exchange คุณควรรู้จัก Synology MailPlus ก่อน

การอัปเดตเวอร์ชันของเมลเซิร์ฟเวอร์เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากสำหรับผู้ดูแลระบบ IT ขององค์กร ยกตัวอย่างระบบเมล Microsoft Exchange ที่องค์กรหลายแห่งนำมาใช้เป็นตัวอย่าง เวอร์ชัน 2013 กำลังจะ EoL อย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนปีนี้ ซึ่งหมายความว่าองค์กรจะสูญเสียการซัพพอร์ตทางเทคนิคทั้งหมด

หากองค์กรเลือกที่จะไม่อัปเกรด Exchange และยังคงใช้เวอร์ชันเก่าอยู่ อาจพบปัญหาด้านความปลอดภัยกับเวอร์ชันของเซิร์ฟเวอร์อีเมล์ ด้วยกฎที่ว่า Exchange เวอร์ชันเก่าจะถูกยกเลิกทุกๆ 10 ปี เมื่อเวอร์ชันเก่าผ่านระยะการสนับสนุนแล้ว ปัญหาด้านความปลอดภัยจะไม่ได้รับการแก้ไขอีกต่อไป และผู้ใช้อาจพบสถานการณ์ที่จดหมายจาก Exchange เวอร์ชันเก่าถูกพิจารณาว่ามาจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัยโดยเซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ และไม่สามารถส่งได้ อาจก่อให้เกิดปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น อย่างเช่นช่องโหว่ที่มีความเสี่ยงสูงหลายรายการที่เกิดขึ้นใน Exchange เดือนมีนาคม 2021 หากไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยสำหรับเวอร์ชันเก่าในช่วงเวลานี้ อาจเปิดช่องโหว่ให้เซิร์ฟเวอร์อีเมลองค์กรเสี่ยงต่อสภาพแวดล้อมเครือข่ายที่อันตราย และสามารถส่งผลให้มีการรั่วไหลของการสื่อสารและข้อมูลที่เป็นความลับขององค์กรเกิดขึ้นได้

เหตุการณ์ที่คล้ายกันก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งในโลกแห่งความเป็นจริง ตัวอย่างเช่น CMC Magnetics Corporation บริษัทที่มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใช้ระบบอีเมลของ Microsoft Exchange เวอร์ชันเก่าในอดีต ซึ่งสอดคล้องกับการระงับแพตช์ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอย่างเป็นทางการของ Microsoft ทำให้จดหมายที่ส่งออกไปถูกส่งกลับมาบ่อยครั้ง เมื่อพิจารณาจากค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดระบบรวมไปถึงค่าบำรุงรักษารวมถึงข้อกำหนดด้านฟังก์ชันของเมลเซิร์ฟเวอร์ ในที่สุด CMC Magnetics Corporation จึงเลือกที่จะแทนที่ระบบเก่าด้วยอีเมลเซิร์ฟเวอร์ Synology MailPlus

ธุรกิจต้องเผชิญกับโครงสร้างค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นหลังจากการอัปเกรดหรือย้ายไปใช้ระบบคลาวด์

เมื่อเผชิญกับความท้าทายเช่นนี้ สิ่งแรกที่องค์กรประเมินคือการอัปเกรดเป็น Exchange เวอร์ชันใหม่ ซึ่งช่วยให้สามารถใช้สถาปัตยกรรม Exchange On-prem ต่อไปได้ แต่ภาคธุรกิจยังต้องพบกับความท้าทายที่มากขึ้นจากประกาศอย่างเป็นทางการของ Exchange เวอร์ชันใหม่ที่จะปรับเปลี่ยนระบบการซื้อเพียงครั้งเดียวให้เป็นระบบการสมัครสมาชิก (subscription) สำหรับองค์กรที่ใช้ Exchange 2013, 2016 และ 2019 อยู่ในปัจจุบัน สิ่งแรกที่องค์กรต้องพิจารณาคือการวางแผนค่าใช้จ่ายโดยรวมและคำนวณงบประมาณใหม่เพื่อเตรียมการก่อนหรือหลังการอัพเกรด สำหรับองค์กรที่กำลังเติบโตเมื่อองค์กรขยายตัว จำนวนบัญชีผู้ใช้ที่ต้องการก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ค่าบริการสมัครสมาชิกจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดภาระการเงินจากค่า subscription ในระยะยาว

(ภาพประกอบ: องค์กรที่กำลังใช้ Exchange จะพบกับหลายๆคำถาม เช่น ควรอัปเกรดไปยังเวอร์ชันใหม่ของ Exchangeหรือเปลี่ยนไปใช้ไปใช้งานโซลูชั่นอีเมลอื่นๆ)

ผู้ใช้ Exchange ที่มีอยู่ในปัจจุบันจะต้องเผชิญกับการเลือกอัพเกรดเป็นรุ่นใหม่ของ Exchange หรือเปลี่ยนไปใช้โซลูชั่นอีเมลอื่นๆ นอกจากการอัพเกรดเป็น Exchange เวอร์ชันใหม่ แบบ On-prem ยังมีตัวเลือกที่จะอัพเกรดโดยตรงไปยังเซิร์ฟเวอร์อีเมล์บนคลาวด์ของ Microsoft 365 อย่างไรก็ตาม โซลูชันอีเมลระบบคลาวด์หรือ SaaS ทั่วไปที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันมักไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในระดับองค์กร ตัวอย่างเช่น โซลูชันอีเมล SaaS ขาดฟังก์ชันการสำรองข้อมูลและตรวจสอบอีเมล จึงไม่สามารถกู้คืนอีเมลสำคัญหลังจากถูกลบโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือเมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้นและเป็นไปไม่ได้ที่จะค้นหาอีเมลที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว ต้องค้นหาแบบ manual ตามวันที่เท่านั้น ทำให้ยากต่อการตรวจสอบหลังจากนั้น และโครงสร้างค่าใช้จ่ายของการสมัครใช้งานระบบคลาวด์ตามจำนวนผู้ใช้มีแนวโน้มจะเป็นภาระหนักกับการเติบโตของขนาดของบริษัท ตัวอย่างเช่น หากโซลูชั่นเมล์ของ Google มีราคา $6 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน บริษัทที่มีผู้ใช้ 100 คนจะต้องจ่ายราคาสูงถึง $7,200 ต่อปี และต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการเพิ่มราคาของ Google ได้อย่างไม่คาดคิด

นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าทุกธุรกิจจะเหมาะสมกับการใช้งานระบบคลาวด์สาธารณะ สำหรับธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงความลับขององค์กรและความปลอดภัยสูง เช่น อุตสาหกรรมการเงินและการแพทย์ การเข้าสู่ระบบคลาวด์ก็เหมือนการเอาบริการของบุคคลภายนอกมาใช้ ทำให้ยากต่อการปฏิบัติตามกฎระเบียบการตรวจสอบที่ต้องการสำหรับการดำเนินการตามข้อกำหนดต่าง ๆ และความเป็นเจ้าของข้อมูล

องค์กรจะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ฟังก์ชั่นการจัดการ และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเมื่ออัพเกรดเซิร์ฟเวอร์ Exchange ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง On-prem หรือเลือกย้ายไปใช้บริการเมลในรูปแบบของคลาวด์ ธุรกิจที่เคยใช้บริการอีเมล Exchange หรือ SaaS บนระบบคลาวด์มาก่อน จึงสนใจเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์อีเมล Synology MailPlus

Synology MailPlus เป็นระบบเมลบนคลาวด์ส่วนตัวที่ใช้ NAS ของ Synology ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดรวมถึงความปลอดภัยและความเป็นเจ้าของข้อมูลให้กับองค์กรได้เป็นอย่างดี

ลงทุนเพียงครั้งเดียว ไม่มีค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนรายเดือน

เพื่อแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายที่เป็นเรื่องหนักใจที่สุดสำหรับธุรกิจ Synology MailPlus เป็นระบบใบอนุญาตถาวร ดังนั้นบริษัทเพียงแค่ซื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์ NAS และฮาร์ดดิสก์ตามความต้องการของประสิทธิภาพและความจุ และจากนั้นซื้อใบอนุญาตถาวรตามจำนวนผู้ใช้จริง ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียวเพื่อสร้างระบบบริการอีเมลขององค์กร

(ภาพประกอบ: Synology MailPlus เป็นโซลูชันอีเมลที่รวมสิทธิ์ใช้งานเซิร์ฟเวอร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกัน)

หากพิจารณาตัวอย่างการคำนวณต้นทุนรวมของเครื่องเซิร์ฟเวอร์จดหมายอีเล็กทรอนิกส์สำหรับองค์กรที่มีพนักงาน 100 คนภายในระยะเวลา 3 ปี หากใช้เซิร์ฟเวอร์ Microsoft Exchange นอกจากต้นทุนการซื้อฮาร์ดแวร์แล้ว ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อใบอนุญาตระบบปฏิบัติการและค่าสมาชิกตามจำนวนบัญชี ทำให้ต้นทุนรวมเป็น $29,500 สำหรับการติดตั้งและงบประมาณการอัปเกรดหากเซิร์ฟเวอร์ต้องได้รับการอัปเกรดในภายหลัง

ในขณะที่การเปลี่ยนไปใช้ Synology MailPlus ต้องการเพียงค่าธรรมเนียมการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์เริ่มต้น ($1,900 สำหรับ DS1621xs+ ระดับองค์กร) บวกกับการซื้อสิทธิ์ใช้งานถาวร (พนักงาน 100 คนลบสิทธิ์ใช้งานฟรี 5 รายการที่ MailPlusมอบให้) รวมเป็น $6,650 ซึ่งประหยัดได้มากถึง 77% เมื่อเทียบกับ Exchange

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนสิทธิ์การใช้งาน Synology MailPlus

อัปเกรดภายในคลิกเดียวพร้อมสิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์ใหม่และการอัปเดตด้านความปลอดภัยตลอดอายุการใช้งาน

นอกจากต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดแล้ว ธุรกิจยังจำเป็นต้องพิจารณาความง่ายของกระบวนการอัปเกรดด้วย ระบบ Synology MailPlus ยังมีข้อดีของการอัปเกรดด้วยคลิกเดียวจากภายในระบบ ช่วยลดความยุ่งยากและต้นทุนของการอัพเกรดรุ่นของระบบทั้งหมด

Synology MailPlus Server สนับสนุนระบบบัญชี LDAP และ AD โดยไม่จำเป็นต้องผูก Windows AD เช่น Exchangeทำให้มีความยืดหยุ่นในการจัดการมากขึ้น นอกจากนี้ MailPlus ยังมีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายกว่า โดยทุกฟังก์ชั่นของเซิร์ฟเวอร์สามารถใช้ได้บน UI ด้วย ตัวอย่างเช่น MailPlus Server อนุญาตให้คุณตั้งค่า DKIM โดยตรงจาก UI ในขณะที่ Exchange ต้องใช้เครื่องมือจาก third-party เพื่อทำเช่นนั้น

(ภาพประกอบ: MailPlus Server สามารถตั้งค่า DKIM ได้โดยตรงบน UI ซึ่งแตกต่างจาก Exchange ที่ต้องใช้เครื่องมือของ third-party ในการดำเนินการดังกล่าว)

ความเป็นส่วนตัวและความพร้อมใช้งานสำหรับธุรกิจในขณะที่เพิ่มเวลาให้บริการสูงสุด

สำหรับองค์กรที่ใช้งาน Synology MailPlus ระบบการจัดการเดียว ช่วยให้สามารถจัดการกระบวนการที่สำคัญและการปฏิบัติตามความปลอดภัย การควบคุมและความต้องการการสำรองข้อมูลได้ดีกว่า ตัวอย่างเช่นในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ MailPlus Server สามารถจัดการเก็บรวบรวมข้อมูลและส่งข้อมูลความลับของผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งคุณสมบัติการจัดการอีเมลธุรกิจทั้งหมดของ Synology MailPlus อยู่บน NAS ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งานแอปพลิเคชันการจัดการ เช่น การตรวจสอบและการสำรองข้อมูลได้ตามความต้องการ

นอกจากจะง่ายต่อการการปฏิบัติตามข้อบังคับการป้องกันข้อมูลทั้งหมดและอนุญาตให้ธุรกิจเป็นเจ้าของข้อมูลแบบเต็มรูปแบบ MailPlus ยังสามารถตอบสนองความต้องการของธุรกิจในการปรับปรุงความพร้อมให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยให้ความยืดหยุ่นที่มากขึ้นในการสำรองข้อมูลอีเมลด้วยแพ็กเกจที่เกี่ยวข้องกับการสำรองข้อมูลของ Synology ในขณะที่ Exchange ระบบอาจจะล่มได้หลายชั่วโมง แต่ระยะเวลาในการหยุดทำงานของระบบของ MailPlus น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงหรือแม้กระทั่งน้อยกว่านั้น ด้วยการปรับใช้ Synology MailPlus High Availability หรือ Synology High Availability (SHA) หรือปรับใช้ทั้งสองอย่าง จะช่วยลดการขัดข้องของบริการและเวลาในการหยุดให้บริการของอีเมลที่ต่ำที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินธุรกิจจะไม่หยุดชะงัก

ในปัจจุบันตัวเลือกบริการอีเมลสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลางมีหลากหลาย ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์อีเมลที่ใช้ฮาร์ดแวร์และบริการคลาวด์แบบสมัครสมาชิก นอกจากนี้ยังมี Microsoft Exchange เป็นตัวเลือกอีกด้วย แต่ในขณะที่องค์กรขยายตัวอย่างต่อเนื่อง พวกเขาต้องการระบบเมลที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ด้วยงบประมาณและการจัดการที่เหมาะสม หากคุณยังสงสัยว่าควรจะจะอัพเกรด Microsoft Exchange หรือไม่ ขอให้คุณพิจารณา Synology MailPlus เป็นตัวเลือกที่จะตอบโจทย์ความต้องการให้กับธุรกิจของคุณ

ติดต่อ Synology สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: https://sy.to/sbkjf

from:https://www.enterpriseitpro.net/sinology-mailplus-for-microsoft-exchange-upgrade/

Advertisement

NetApp ประกาศเลย์ออฟพนักงานถึง 8 เปอร์เซ็นต์ เพื่อจัดสรรทรัพยากรใหม่

บริษัทด้านเทคโนโลยีสตอเรจและการจัดการบนคลาวด์ NetApp ได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เตรียมเลย์ออฟพนักงานทั่วโลกประมาณ 8 เปอน์เซ็นต์ ตามข้อมูลที่ยื่นแบบฟอร์มให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดสรรทรัพยากรใหม่ไปเน้นธุรกิจที่มีโอกาสมากที่สุดก่อน

แผนการเลย์ออฟนี้มีกำหนดจะเสร็จภายในปีงบประมาณ 2023 ของ NetApp ซึ่งน่าจะภายในวันที่ 28 เมษายน ครั้งนี้ไม่ใช่การเลย์ออฟครั้งแรกของบริษัท ช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2022 ก็มีเลย์ออฟไปแล้ว 1 เปอร์เซ็นต์เพื่อปรับโครงสร้าง ลดการใช้พื้นที่สำนักงาน

นอกจากนี้ก็มีเลย์ออฟอีก 1 เปอร์เซ็นต์ช่วงต้นปีงบประมาณ 2023 เพื่อปรับโครงสร้าง จัดสรรทรัพยากรใหม่ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ทั้งนี้เมื่อกรกฎาคม 2023 NetApp มีพนักงานทั่วโลกประมาณ 12,000 คน อ้างอิงจากข้อมูลที่ยื่นต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ

การเลย์ออฟครั้งนี้คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายจากการจ่ายค่าชดเชยและสวัสดิการที่เกี่ยวข้องจากการปรับโครงสร้างองค์กรอยู่ในช่วง 85 – 95 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมแล้วในช่วงเดือนแรกของปีนี้ มีบริษัทไอทีที่ประกาศเลย์ออฟไปอย่างน้อย 17 บริษัท

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – CRN

from:https://www.enterpriseitpro.net/netapp-laying-off-8-percent-of-workforce/

Red Hat โยกธุรกิจสตอเรจพร้อมทีมงานไปอยู่กับ IBM

เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา IBM ประกาศว่า ธุรกิจสตอเรจของทั้ง Red Hat และ IBM จะรวมเข้าเป็นกลุ่มเดียวกันภายใต้เครือ IBM เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมสตอเรจแบบที่เป็นทั้ง Software-Defined และ Cloud-Native ให้เร็วกว่า ไปได้ไกลกว่าเดิม

ลูกค้าของทั้ง Red Hat และ IBM จะได้รับประโยชน์จากความสามารถใหม่ๆ ของทั้งสองฝั่ง และพาให้ IBM ก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดระบบสตอเรจระดับองค์กร และซอฟต์แวร์สตอเรจบนไฮบริดคลาวด์ไปพร้อมๆ กัน

โดยกลุ่มธุรกิจที่ควบรวมนี้จะทำหน้าที่พัฒนาและจำหน่ายตัว Red Hat OpenShift Data Foundation และ Red Hat Ceph Storage รวมทั้งบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องบนคลาวด์ ซึ่งทั้งสองตัวนี้ต่างได้รับความนิยมในชุมชนโอเพ่นซอร์สทั้ง Rook และ Ceph

ลูกค้าเดิมจะไม่เจอกับการเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบการใช้งานปกติ โดย Red Hat จะยังจำหน่ายและซัพพอร์ตทั้งสองตัวนี้บนแพลตฟอร์ม Red Hat ต่อไปอีกหลายปี โดยจะนำมาให้ใช้ในรูปของโซลูชั่นสตอเรจแบบผสานบนทั้ง Red Hat OpenShift Container Platform และ Red Hat OpenStack Platform

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ 

from:https://www.enterpriseitpro.net/red-hat-transfers-storage-portfolio-and-teams-to-ibm/

NetApp รุกตลาดไฮบริดมัลติคลาวด์เต็มพิกัดด้วย BlueXP

ผู้จำหน่ายโซลูชั่นในด้านสตอเรจและเทคโนโลยีสำหรับคลาวด์ NetApp กำลังหันหัวเสือเตรียมรุกตลาดไฮบริดและมัลติคลาวด์เต็มพิกัดด้วยการเปิดตัว BlueXP ระบบควบคุมจากศูนย์กลางตัวใหม่ที่ใช้จัดการสตอเรจและบริการดาต้าต่างๆ ครอบคลุมทั้ง On-Premises, ไพรเวท, และพับลิกคลาวด์

BlueXP เป็นเทคโนโลยีตัวแรกที่เปิดให้ผู้ใช้ตั้งค่าสตอเรจและบริการข้อมูลทั้งหลายจากฝั่ง On-Premises ไปที่คลาวด์ทั้งไพรเวทและพับลิกได้บนหน้าอินเทอร์เฟซเดียวกัน โดยทาง Ronen Schwartz รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปด้านคลาวด์สตอเรจ ของ NetApp กล่าวว่า

“BlueXP จะทำให้สตอเรจข้อมูลทั้งหมดอยู่รวมศูนย์กลางเดียวกัน มีให้สำหรับผู้ใช้ NetApp ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ On-Premises หรือบนคลาวด์ ทำให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพขึ้นมาก ถือว่า BlueXP นี้เป็นก้าวสำคัญของ NetApp เลยทีเดียว เป็นผลจากความพยายามที่ผ่านมามากมาย”

“เราได้พัฒนานวัตกรรมใหม่เยอะมาก ทั้งการเป็นคนแรกที่นำสตอเรจ On-Premises ขึ้นบนทั้ง AWS, Azure, และ Google Cloud ที่ไม่ใช่แค่โยกข้อมูลขึ้นคลาวด์ธรรมดาเท่านั้น แต่ยังทำให้ระบบเป็นคลาวด์นาทีฟอย่างแท้จริงอีกด้วย”

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – CRN

from:https://www.enterpriseitpro.net/netapp-%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ae%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%a5%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b8%b2/

NetApp รุกตลาดไฮบริดมัลติคลาวด์เต็มพิกัดด้วย BlueXP

ผู้จำหน่ายโซลูชั่นในด้านสตอเรจและเทคโนโลยีสำหรับคลาวด์ NetApp กำลังหันหัวเสือเตรียมรุกตลาดไฮบริดและมัลติคลาวด์เต็มพิกัดด้วยการเปิดตัว BlueXP ระบบควบคุมจากศูนย์กลางตัวใหม่ที่ใช้จัดการสตอเรจและบริการดาต้าต่างๆ ครอบคลุมทั้ง On-Premises, ไพรเวท, และพับลิกคลาวด์

BlueXP เป็นเทคโนโลยีตัวแรกที่เปิดให้ผู้ใช้ตั้งค่าสตอเรจและบริการข้อมูลทั้งหลายจากฝั่ง On-Premises ไปที่คลาวด์ทั้งไพรเวทและพับลิกได้บนหน้าอินเทอร์เฟซเดียวกัน โดยทาง Ronen Schwartz รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปด้านคลาวด์สตอเรจ ของ NetApp กล่าวว่า

“BlueXP จะทำให้สตอเรจข้อมูลทั้งหมดอยู่รวมศูนย์กลางเดียวกัน มีให้สำหรับผู้ใช้ NetApp ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ On-Premises หรือบนคลาวด์ ทำให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพขึ้นมาก ถือว่า BlueXP นี้เป็นก้าวสำคัญของ NetApp เลยทีเดียว เป็นผลจากความพยายามที่ผ่านมามากมาย”

“เราได้พัฒนานวัตกรรมใหม่เยอะมาก ทั้งการเป็นคนแรกที่นำสตอเรจ On-Premises ขึ้นบนทั้ง AWS, Azure, และ Google Cloud ที่ไม่ใช่แค่โยกข้อมูลขึ้นคลาวด์ธรรมดาเท่านั้น แต่ยังทำให้ระบบเป็นคลาวด์นาทีฟอย่างแท้จริงอีกด้วย”

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – CRN

from:https://www.enterpriseitpro.net/netapp-bluexp-press-release/

เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ต้นทุนลดลงมาเหลือแค่ 5 ดอลลาร์ฯ ต่อความจุหนึ่งเทอราไบต์

แม้ทั้งตลาดพีซีและเกมคอนโซลจะหันไปใช้ SSD กันเกือบหมด แต่ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน (HDD) แบบเดิมก็ยังครองตำแหน่ง และขยายตลาดในกลุ่มสตอเรจที่เก็บข้อมูลระยะยาว (Cold Storage) อย่างต่อเนื่อง ด้วยข้อได้เปรียบด้านราคาที่ยังถูกกว่า

ล่าสุด มีบริษัทอย่าง Folio Photonics ออกมาประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่สำหรับสตอเรจแบบออปติคัลดิสก์ ที่ทำให้ได้ไดรฟ์ขนาดใหญ่กว่า แต่ถูกกว่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยใช้วัสดุแบบใหม่ ร่วมกับเทคนิคการผลิตแบบใหม่ล่าสุด

โดยระบุว่าสามารถทำให้ได้ต้นทุนต่อเทอราไบต์อยู่ที่ 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ และน่าจะกดราคาได้สุดถึง 1 ดอลลาร์ฯ ต่อเทอราไบต์เลยทีเดียว ขณะที่ฮาร์ดไดรฟ์ที่เรียกว่าดีสุดคุ้มสุดในตลาดตอนนี้ยังแพงกว่า ยังมีทุนอยู่ที่ประมาณ 25 ดอลลาร์ฯ ต่อเทอราไบต์

ออพติคัลดิสก์แบบใหม่นี้ใช้ความสามารถในการอ่าน/เขียนข้อมูลซ้อนกันหลายชั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถทำให้คุ้มทุนในระดับตลาดองค์กรได้ แต่ Folio ใช้เทคโนโลยีใหม่ที่จดสิทธิบัตรอย่างการฉีดโพลิเมอร์ สร้างดิสก์แบบฟิล์ม ระบบการหยิบจานดิสก์ที่ปรับแต่งใหม่ และ “วัสดุยุคใหม่” ที่ไม่ได้เปิดเผย

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – Techspot

from:https://www.enterpriseitpro.net/new-optical-disc-tech-could-makes-5-tb/

ดาวน์โหลดฟรี! Whitpaper “12 เหตุผล ที่ทำให้ Veeam เป็นแบ็คอัพที่ดีที่สุดสำหรับ VMware” (ภาษาไทย)

เวอร์ช่วลไลเซชั่นกลายเป็นมาตรฐานไปแล้วในดาต้าเซ็นเตอร์ปัจจุบัน โดยมี VMware เป็นตัวผลักดันความก้าวหน้านี้ในองค์กรส่วนใหญ่ ทุกวันนี้เกือบทุกอย่างถูกทำเป็นเวอร์ช่วลกันหมด ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เซิร์ฟเวอร์ ไปจนถึงแอพพลิเคชั่นและฐานข้อมูลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจระดับโลก ดังนั้นการสำรองระบบ VMware จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ และเป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาเวลาวางยุทธศาสตร์ปกป้องข้อมูล

รายงานฉบับนี้จึงออกมาอธิบายถึงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ในหัวข้อที่ชื่อว่า “12 เหตุผลที่ทำให้ Veeam เป็นโซลูชั่นแบ็คอัพที่ดีที่สุดสำหรับ VMware” โดยจัดทำเป็นภาษาไทยทั้งฉบับ อ่านง่าย เข้าใจง่าย และดาวน์โหลดได้ฟรี!!

คลิกลงทะเบียนดาวน์โหลดฟรี!!

from:https://www.enterpriseitpro.net/12-reasons-veeam-is-the-best-for-backup-vmware/

Pure Storage เปิดตัว FlashBlade//S และ AI Reference Architecture ใหม่

Pure Storage เปิดตัว FlashBlade//S และ AI Reference Architecture ใหม่

Pure Storage ได้ประกาศเปิดตัว Flash Storage System ใหม่ในชื่อ FlashBlade//S Series ถูกออกแบบมาสำหรับเก็บข้อมูล File และ Object โดยเฉพาะ อุปกรณ์มีขนาด 5U สามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 2PB โดยมีรุ่นย่อยให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ S200 สำหรับเริ่มต้น และรุ่น S500 สำหรับลูกค้าที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ภายในถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ CPU จนถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายที่มีพอร์ท 100GbE มาทั้งหมด 8 ช่อง และมีการแยกโมดูล Storage และ Performance ออกจากกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี DirectFlash ซึ่งเป็น Flash Management Engine ช่วยควบคุมการทำงาน และ Purity//FB 4.0 สำหรับใช้เชื่อมต่อ Data Service Protocols ต่างๆ

Pure Storage ยังได้เปิดตัว AI Reference Architecture ใหม่ ในชื่อ AIRI//S เป็นแนวทางการใช้งาน FlashBlade//S ร่วมกับ NVIDIA DGX A100 ซึ่งเป็น Machine Learning Appliance โดยเชื่อมต่อกันผ่าน Quantum-2 InfiniBand Switch เพื่อให้องค์กรสามารถออกแบบระบบ AI เพื่อใช้งานได้เอง สำหรับลูกค้าที่สนใจซื้อ FlashBlade//S สามารถใช้งาน Pure Storage Evergreen ซึ่งเป็น Subscription Model แบบ Pay-as-you-go ได้เช่นกัน

ที่มา: https://blog.purestorage.com/perspectives/the-last-scale-out-solution-youll-ever-need-is-here/

from:https://www.techtalkthai.com/pure-storage-launches-flashblade-s-and-ai-reference-architecture/

Veeam Backup & Replication v12 เปิดตัวฟีเจอร์ Deeper Cloud รองรับคอนเทนเนอร์และสตอเรจอ๊อพเจ็กต์

ในงานประชุมประจำปีอย่าง VeeamON 2022 ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ได้มีการเผยโร้ดแมปผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2022 นี้ ที่มีนวัตกรรมมากมายเพิ่มเข้ามาในแพลตฟอร์มศูนย์กลางสำหรับปกป้องข้อมูลครอบคลุมทุกสภาพแวดล้อมการทำงาน

ไม่ว่าจะเป็นบนคลาวด์, ระบบเวอร์ช่วล, SaaS, Kubernetes, หรือแม้แต่ระบบทางกายภาพ ซึ่งโซลูชั่นใหม่ที่น่าสนใจครั้งนี้เป็นแบบคลาวด์แนทีฟที่ออกแบบมาทั้งบนคลาวด์ AWS, Azure, และ Google Cloud หรือแม้แต่ SaaS อย่าง Microsoft 365, และ Salesforce

นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะผสานการทำงานกับ Kasten by Veeam K10 for Kubernetes ให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงสิ่งที่ทุกคนรอคอยกันอย่าง Veeam Backup & Replication v12 ด้วย คุณ Danny Allan ซีทีโอของ Veeam กล่าวถึงนวัตกรรมที่กำลังจะเปิดตัวว่า:

“เราได้สนับสนุนลูกค้ากว่า 450,000 รายทั่วโลกในการปกป้องข้อมูลจากผู้ไม่ประสงค์ดี และช่วยลดดาวน์ไทม์ไปจนถึงการสูญเสียข้อมูล Veeam ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของ ได้ควบคุม และแบ๊กอัพหรือกู้คืนข้อมูลตัวเองได้อย่างแท้จริง จากทุกที่บนคลาวด์แบบไฮบริด”

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – StorageReview

//////////////////

สมัครสมาชิก Enterprise ITPro เพื่อรับข่าวสารด้านไอที

form#sib_signup_form_4 {
padding: 5px;
-moz-box-sizing:border-box;
-webkit-box-sizing: border-box;
box-sizing: border-box;
}
form#sib_signup_form_4 input[type=text],form#sib_signup_form_4 input[type=email], form#sib_signup_form_4 select {
width: 100%;
border: 1px solid #bbb;
height: auto;
margin: 5px 0 0 0;
}
form#sib_signup_form_4 .sib-default-btn {
margin: 5px 0;
padding: 6px 12px;
color:#fff;
background-color: #333;
border-color: #2E2E2E;
font-size: 14px;
font-weight:400;
line-height: 1.4285;
text-align: center;
cursor: pointer;
vertical-align: middle;
-webkit-user-select:none;
-moz-user-select:none;
-ms-user-select:none;
user-select:none;
white-space: normal;
border:1px solid transparent;
border-radius: 3px;
}
form#sib_signup_form_4 .sib-default-btn:hover {
background-color: #444;
}
form#sib_signup_form_4 p{
margin: 10px 0 0 0;
}form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message {
padding: 6px 12px;
margin-bottom: 20px;
border: 1px solid transparent;
border-radius: 4px;
-webkit-box-sizing: border-box;
-moz-box-sizing: border-box;
box-sizing: border-box;
}
form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message-error {
background-color: #f2dede;
border-color: #ebccd1;
color: #a94442;
}
form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message-success {
background-color: #dff0d8;
border-color: #d6e9c6;
color: #3c763d;
}
form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message-warning {
background-color: #fcf8e3;
border-color: #faebcc;
color: #8a6d3b;
}

from:https://www.enterpriseitpro.net/veeam-backup-replication-v12/

Western Digital เปิดตัวฮาร์ดไดรฟ์เซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 26TB ครั้งแรก

WD เตรียมเปิดตัวฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุมากที่สุดที่เคยมีมา มากถึง 26 เทอราไบต์ โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Shingled Magnetic Recording (SMR) ซึ่งซ้อนชั้นติดตามข้อมูลบนแผ่นดิสก์ด้านบนขึ้นมาเรื่อยๆ เหมือนมุงหลังคา

วิธีนี้ช่วยเพิ่มความจุได้โดยแลกกับความเร็วในการเขียนข้อมูล ทำให้ได้ไดรฟ์แบบใหม่ที่เหมาะกับการจัดเก็บข้อมูลระยะยาวในระบบคลาวด์ นอกจากนี้ WD ยังเปิดตัวไดรฟ์เซิร์ฟเวอร์แบบเดิมที่ความจุระดับ 22TB ด้วย

รวมไปถึงไดรฟ์ SSD แบบ NVMe ความจุสูงตระกูลใหม่สำหรับใช้งานบนคลาวด์ ที่ให้แบนด์วิธสูงขึ้นมาอีกระดับผ่านอินเทอร์เฟซ PCIe 4 สำหรับการเปิดตัวเหล่านี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดขึ้นในงานประชุม What’s Next Western Digital ที่กรุงซานฟรานซิสโก้

Ashley Gorakhpurwalla ซึ่งเป็นทั้ง EVP และ GM ของธุรกิจ HDD ของ Western Digital กล่าวว่า “ในฐานะที่เราเป็นพาร์ทเนอร์เคียงคู่กับผุ้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำมาโดยตลอด จึงเข้าใจความต้องการที่จำเพาะในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ยุคใหม่แบบนี้”

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – Datacenterknowledge

//////////////////

สมัครสมาชิก Enterprise ITPro เพื่อรับข่าวสารด้านไอที

form#sib_signup_form_4 {
padding: 5px;
-moz-box-sizing:border-box;
-webkit-box-sizing: border-box;
box-sizing: border-box;
}
form#sib_signup_form_4 input[type=text],form#sib_signup_form_4 input[type=email], form#sib_signup_form_4 select {
width: 100%;
border: 1px solid #bbb;
height: auto;
margin: 5px 0 0 0;
}
form#sib_signup_form_4 .sib-default-btn {
margin: 5px 0;
padding: 6px 12px;
color:#fff;
background-color: #333;
border-color: #2E2E2E;
font-size: 14px;
font-weight:400;
line-height: 1.4285;
text-align: center;
cursor: pointer;
vertical-align: middle;
-webkit-user-select:none;
-moz-user-select:none;
-ms-user-select:none;
user-select:none;
white-space: normal;
border:1px solid transparent;
border-radius: 3px;
}
form#sib_signup_form_4 .sib-default-btn:hover {
background-color: #444;
}
form#sib_signup_form_4 p{
margin: 10px 0 0 0;
}form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message {
padding: 6px 12px;
margin-bottom: 20px;
border: 1px solid transparent;
border-radius: 4px;
-webkit-box-sizing: border-box;
-moz-box-sizing: border-box;
box-sizing: border-box;
}
form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message-error {
background-color: #f2dede;
border-color: #ebccd1;
color: #a94442;
}
form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message-success {
background-color: #dff0d8;
border-color: #d6e9c6;
color: #3c763d;
}
form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message-warning {
background-color: #fcf8e3;
border-color: #faebcc;
color: #8a6d3b;
}

from:https://www.enterpriseitpro.net/western-digital-announces-first-26tb-server-hard-drive/