คลังเก็บป้ายกำกับ: SAP_HYBRIS

ISS จัดสัมมนา ISS & SAP User Conference 2018 อัปเดตเทคโนโลยี SAP สำหรับผู้บริหารที่สนใจ

 

ISS Consulting (Thailand) Limited ได้จับมือกับ SAP จัดงานสัมมนาใหญ่ประจำปี ISS & SAP User Conference 2018 ในวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน 2018 เวลา 8.00 – 16.30 เพื่ออัปเดตเทคโนโลยีใหม่ๆ จาก SAP กับการนำไปประยุกต์ใช้งานในธุรกิจอย่างหลากหลาย ครอบคลุมเนื้อหาดังต่อไปนี้

  • SAP S/4HANA เทคโนโลยีพื้นฐานหัวใจหลักของ SAP สำหรับระบบ ERP ในทุกองค์กร
  • SAP Business Planning and Consolidation (BPC) วางแผนการเงินและจัดการงบประมาณต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีจาก SAP
  • SAP Extended Warehouse Management (SAP EWM) บริหารจัดการคลังสินค้าขนาดใหญ่ได้อย่างยืดหยุ่นด้วย SAP
  • SAP Analytics Cloud ระบบ Business Intelligence ที่ชาญฉลาดสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจด้วย Machine Learning
  • SAP IBP และ SAP ME&MII บริหารจัดการธุรกิจการผลิต ด้วยแนวคิด Factory Automation
  • Customer Engagement and Commerce รู้จักกับเทคโนโลยี CRM สำหรับทั้งธุรกิจ B2B และ B2C จาก SAP
  • SAP SuccessFactors ระบบบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจรด้วย Cloud จาก SAP
  • SAP Ariba ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยบริการ Cloud จาก SAP
  • SAP Business ByDesign รู้จักบริการ Cloud ERP สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางจาก SAP

โดยในงานนี้ทีมงาน ISS Consulting ได้ขนทัพผู้เชี่ยวชาญด้านระบบต่างๆ ของ SAP มาพบปะพูดคุยกับเหล่าผู้นำธุรกิจต่างๆ กว่า 300 รายซึ่งเป็นลูกค้าของ ISS Consulting เพื่อให้เหล่าธุรกิจต่างๆ ที่กำลังมองหาระบบใหม่ๆ ไปเสริมศักยภาพธุรกิจของตน ได้มาปรึกษาและพูดคุยรายละเอียดเชิงลึกกันโดยเฉพาะ พร้อมร่วมทำ Workshop ของ SAP S/4HANA สัมผัสประสบการณ์เทคโนโลยีล่าสุดจาก SAP ได้ทันทีติดต่อสอบถามทีมงาน ISS Consulting เพื่อเข้าร่วมงานผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ สามารถติดต่อทีมงาน ISS Consulting โดยตรงได้ที่ฝ่ายการตลาดทาง porntip.meerakul@issconsulting.net หรือโทร 02-237-0553 ต่อ 102 โดยทีมงาน ISS Consulting ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานเป็นรายบุคคล และจะทำการแจ้งรายละเอียดเรื่องสถานที่จัดงานสัมมนาให้ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานทราบ

from:https://www.techtalkthai.com/iss-sap-user-conference-2018/

มุมมองจาก ISS Consulting กับทิศทางของ SAP ในประเทศไทย ที่จะต้องก้าวไปพร้อมการเติบโตของธุรกิจ

ทางทีมงาน TechTalkThai ได้รับเกียรติมีโอกาสสัมภาษณ์คุณวิศิษฐ์ วิระยากรณ์ Managing Director แห่ง ISS Consulting (Thailand) Ltd. (ISS) ซึ่งเป็น SAP Partner ระดับ Platinum Partner และเป็น United VARs Partner เพียงรายเดียวในประเทศไทย โดยปัจจุบัน ISS มีพนักงานมากที่เป็นที่ปรึกษาของ SAP Solution ถึง 230 คน พร้อมให้บริการทุกโซลูชั่นของ SAP ได้อย่างครบครัน ในการพูดคุยครั้งนี้เราได้พูดคุยในหลายแง่มุมมาก และเชื่อว่าน่าจะมีประโยชน์กับผู้ที่มีความสนใจใน SAP Solution รวมถึงผู้ประกอบการสาย IT ในไทย และธุรกิจต่างๆ ที่กำลังเริ่มต้นทำ Digital Transformation ไม่น้อยทีเดียว เราจึงขอนำเนื้อหาที่พูดคุยมาสรุปให้ได้อ่านกันดังนี้ครับ

 

ISS Consulting (Thailand) Ltd. กับธุรกิจที่ดำเนินยาวมาเกือบ 20 ปี

 

 

ช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันพุธกลางเดือนธันวาคมที่หลายๆ บริษัททางด้าน IT เริ่มว่างกันแล้ว คุณวิศิษฐ์ที่เพิ่งเสร็จจากประชุมงานก็เริ่มมีเวลามาให้สัมภาษณ์กับทางทีมงาน TechTalkThai ด้วยท่าทีที่เป็นกันเอง แต่ก็พร้อมที่จะตอบได้ทุกคำถามที่พูดคุยกันอย่างเปิดเผย ทำให้การสัมภาษณ์เริ่มต้นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

คุณวิศิษฐ์เล่าย้อนไปถึงตั้งแต่สมัยที่ได้เริ่มต้นเข้ามาทำงานในบริษัท ISS Consulting (Thailand) Ltd. ตั้งแต่เมื่อ 18 ปีก่อน ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็นผู้ให้บริการในฐานะ SAP Consultant ด้วยพนักงานที่มีไม่ถึง 5 คน นับเป็นบริษัทแรกๆ ในไทยที่เข้ามาจับ SAP อย่างเต็มตัวด้วยการเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดนี้ไปพร้อมๆ กับธุรกิจไทยที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจตั้งแต่ครั้ง Subprime โดยมุ่งเน้นไปที่การเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี Enterprise Resource Planning (ERP) ของ SAP ที่ปัจจุบันได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น SAP S/4HANA หรือ SAP A1 เดิมนั่นเอง

 

ทีม SAP S/4 HANA แห่ง ISS Consulting

 

เมื่อทีมงานในประเทศไทยของ ISS Consulting เริ่มมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ SAP กันแล้ว ทางทีมงานก็ได้เริ่มต่อยอดการให้บริการ Business Consulting เพิ่มแก่ลูกค้าด้วยการเข้าไปวาง Business Process ให้กับเหล่าธุรกิจต่างๆ ที่กำลังเริ่มต้นนำระบบ ERP เข้ามาใช้งานในธุรกิจของตน พัฒนาขึ้นมาเป็น Best Practice เบื้้องต้นที่ทีมงาน ISS Consulting สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้กับลูกค้าในธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อให้ขึ้นระบบ SAP ได้อย่างรวดเร็วในเวลาถัดมา

จนกระทั่งปี 2005 ที่ SAP เริ่มมองหา Partner ในประเทศไทยสำหรับจัดจำหน่าย Software ของตนเองด้วย ทาง ISS Consulting ที่ในเวลานั้นเติบโตจนมีพนักงานถึง 40 คนแล้วก็ได้กลายมาเป็น Partner รายแรกๆ ของ SAP ในประเทศไทย และได้เติบโตมาพร้อมๆ กับ SAP พร้อมทั้งค่อยๆ เริ่มต้นเรียนรู้และนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ จาก SAP ที่นอกจาก ERP โดยเริ่มต้นสร้างทีม Business Intelligence (BI) และทีม SAP 2nd Level Help Desk Support ในลำดับต่อมา ในปี 2015 บริษัทได้เริ่มทำ SAP Business One (B1) ซึ่งเป็นระบบ ERP Solution สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กโดยปัจจุบันมีลูกค้า SAP B1 ประมาณ 60 บริษัทฯ ล่าสุดได้เริ่มต้นนำบริการ Cloud Solution จาก SAP เข้ามาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งแก่ธุรกิจไทยในปี 2017

 

ทีม SAP B1 แห่ง ISS Consulting

 

เติบโตไปพร้อมกับลูกค้า มีพนักงานที่ปรึกษา 230 คน มีประสบการณ์ในระบบ SAP สำหรับธุรกิจไทยกว่า 200 แห่ง

 

“ตอนนี้เราเชื่อว่าเราเป็นบริษัททำ SAP ที่มีพนักงานประจำมากที่สุดในไทย ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเราจะทำงานให้พวกเขาได้แน่นอน”

 

จวบจนถึงปัจจุบันนี้ ISS Consulting ได้เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการขยายทีมงานจนมีจำนวนที่ปรึกษาถึง 250 คน และพร้อมให้บริการทุกโซลูชันของ SAP ได้อย่างครอบคลุมทั้งระบบที่ติดตั้งภายในองค์กรแบบ On-premises ไปจนถึงบริการ Cloud ของ SAP รองรับได้ทั้งธุรกิจเล็กจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีทีมงานเพื่อคอยสนับสนุน, แก้ไขปัญหา และพัฒนาโมดูลเสริมเพิ่มเติมให้กับลูกค้าเป็นงานๆ ไปด้วย ไม่ได้จับเฉพาะโครงการขึ้นระบบขนาดใหญ่เท่านั้น ทำให้ ISS Consulting กลายเป็นธุรกิจ IT ที่มีพนักงานทางด้าน SAP จำนวนมากที่สุดในประเทศไทยรายหนึ่งไปแล้ว ด้วยประสบการณ์การติดตั้งระบบ SAP แบบครบวงจรรวมมากกว่า 160 แห่ง และดูแลระบบให้กับลูกค้ารายต่างๆ มากกว่า 80 แห่ง

 

Managing Director พร้อม Sales Director SAP A1 และ SAP B1

 

การเติบโตนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดพื้นฐานของคุณวิศิษฐ์ที่ได้กลายมาเป็นวัฒนธรรมองค์กรของ ISS Consulting ไปแล้วว่าต้องการจะเติบโตไปพร้อมๆ กับธุรกิจของลูกค้า เพราะการที่ธุรกิจใดจะเริ่มนำ SAP ไปใช้งานนั้นก็เป็นไปเพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงทั้งนั้น และยิ่ง ISS Consulting สามารถช่วยปรับแต่งระบบของ SAP ให้เข้ากับกระบวนการการทำงานของลูกค้าได้ดีขึ้นเท่าไหร่ ก็จะแปลว่าธุรกิจของลูกค้านั้นก็ย่อมเติบโตอย่างรวดเร็วได้ตามไปด้วย และนี่ก็เองก็เป็นที่มาของการส่งมอบระบบ SAP ที่มีคุณภาพสูงได้อย่างตรงเวลา และการมีพนักงานจำนวนมากเพื่อคอยสนับสนุนลูกค้าให้ต่อยอดระบบ SAP ได้อย่างต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้ ISS Consulting ยังได้รับเลือกให้เป็น Partner ของ SAP ในระดับ United VARs ซึ่งประเทศเดียวจะมี Partner เพียงหนึ่งรายเท่านั้นในกลุ่มนี้ เพื่อให้บรรดาบริษัทในกลุ่ม United VARs นั้นทำการจับมือกันแบ่งปันความรู้และทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนลูกค้าองค์กรที่มีธุรกิจหลายสาขากระจายอยู่หลายประเทศทั่วโลก แข่งขันกับเหล่า Big 5 ในวงการ SAP ได้แก่ Deloitte, EY, KPMG, PwC และ IBM ซึ่งก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ISS Consulting มีลูกค้าเป็นกลุ่มธุรกิจข้ามชาติเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความเข้มแข็งของ ISS Consulting นั้นเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์มาเป็นระยะเวลานาน การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับ SAP เพื่อเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการนำมาตอบโจทย์ของลูกค้าให้ได้ในทุกแง่มุม หากจะสรุปจุดแข็งหลักๆ ของ ISS Consulting ก็สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ความสามารถในการทำ Business Consulting ด้วยประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับภาคธุรกิจในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ทำให้การแนะนำกระบวนการหรือ Workflow ต่างๆ ที่เหมาะสมและตอบโจทย์ต่อกฎหมายในประเทศไทยสามารถทำได้อย่างครบถ้วน
  • ความสามารถในการทำ SAP Consulting ที่เชี่ยวชาญให้หลากหลายโซลูชันของ SAP ทำให้สามารถเลือกนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกค้าไปใช้ตอบโจทย์ในแต่ละงานได้เป็นอย่างดี ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น และเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละโซลูชันจาก SAP ได้โดยไม่มีประเด็นข้อจำกัดเรื่องทักษะหรือประสบการณ์ของทีมงานในการใช้งานเทคโนโลยีนั้นๆ
  • การเป็น United VARs ทำให้ธุรกิจต่างๆ สามารถวางใจได้หากวันหนึ่งจะต้องมีการขยายสาขาของธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากประเทศไทย ซึ่ง ISS Consulting ก็สามารถช่วยเป็นตัวกลางให้กับธุรกิจนั้นๆ ในการทำงานร่วมกับ United VARs ในประเทศอื่นๆ เพื่อถ่ายทอดกระบวนการการทำงานและ Workflow ที่ได้ทำการออกแบบเอาไว้ได้ทั้งหมด
  • การที่มีพนักงานหรือ Consultant ที่เป็นพนักงานประจำซึ่งมีความรู้ความสามารถด้าน SAP เป็นจำนวนมาก ทำให้ลดความเสี่ยงในการประสบปัญหาขาดคนหรือขาดทีมงานในการทำโครงการต่างๆ และมั่นใจได้ว่าจะยังคงมีทีมงานคอยสนับสนุนการใช้งาน SAP ต่อไปในอนาคต
  • การที่มีบริการ Support ระบบ SAP และมีทีมงานพัฒนาระบบต่อยอดให้กับ SAP เดิมที่ธุรกิจองค์กรใช้งานอยู่ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นโครงการขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ISS Consulting จะสามารถเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าได้เสมอ

 

ความรู้และประสบการณ์ที่ยาวนาน ทำให้โครงการขึ้นระบบ SAP จบได้ภายในเวลาเพียง 3-6 เดือน

หลายๆ คนอาจจะติดภาพว่า SAP นั้นเป็นระบบที่ใหญ่และใช้เวลาติดตั้งยาวนานเป็นปีๆ กว่าจะแล้วเสร็จ แต่ในมุมของ ISS Consulting กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะด้วยความที่ธุรกิจของ ISS Consulting เองนั้นมีครบถ้วนทั้งส่วนของ Business และ SAP ก็ทำให้สามารถนำ Best Practice ที่มีอยู่มาประยุกต์ให้เหมาะกับธูรกิจของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความต้องการของลูกค้าได้ ส่งผลให้การบริหารจัดการ Project เป็นไปได้อย่างราบรื่น และปิดงานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เป็นผลดีกับลูกค้าอีกว่ามี Time to Market ที่เร็วขึ้น พร้อมแข่งขันในตลาดได้อย่างรวดเร็วเหนือกว่าคู่แข่ง

 

“เลือกเทคโนโลยีถูก ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง”

 

Credit: SAP

 

หนึ่งในบทเรียนที่ได้รับจากคุณวิศิษฐ์ในระหว่างที่พูดคุยประเด็นนี้ก็คือข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของ ISS Consulting ที่มีเทคโนโลยีจาก SAP หลากหลายสำหรับเลือกนำเสนอแต่ละงาน การบริหารจัดการโครงการ Software ในลักษณะนี้นั้นต้นทุนหลักๆ ขึ้นอยู่กับเวลาที่ใช้ในการทำงานทั้งสิ้น ดังนั้นการวางแผนให้ถูกต้อง และการปฏิบัติงานให้ได้ตามแผนหรือดีกว่าแผนนั้นล้วนแต่จะทำให้ธุรกิจของ ISS Consulting เติบโต อีกทั้งยังทำให้ลูกค้าได้นำระบบงานใหม่ๆ ไปใช้อย่างรวดเร็ว สร้างความคุ้มค่าและคืนทุนได้ในเวลาที่สั้นลงอีกด้วย

ปัจจัยหลักที่ทำให้ ISS Consulting สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วก็คือการเลือกนำเสนอ Software ที่เหมาะสมกับลูกค้าได้ ตัวอย่างเช่น บางธุรกิจสามารถเริ่มต้นขึ้นระบบ ERP โดยเริ่มใช้งานจาก SAP B1 ตามคำแนะนำของ ISS Consulting เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในตอนเริ่มต้น, ค่อยๆ ปรับปรุงกระบวนการการทำงานไปทีละส่วน และช่วยให้สามารถมีระบบ ERP เริ่มต้นพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ธุรกิจองค์กรมีเวลาในการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและปรับวัฒนธรรมในองค์กรไปพร้อมๆ กัน หรือในบางบริษัทที่มีกระบวนการทำงานที่เหมาะกับระบบ SAP A1 ทาง ISS Consulting พร้อมที่จะนำเสนอการขึ้นระบบ ERP โดยยึดหลัก SAP Best Practice และการบริหารโครงการตามแผนงานโครงการอย่างมีประสิทธิภาพและขึ้นระบบได้เร็วขึ้น หรือบางธุรกิจสามารถใช้บริการ SAP Cloud Solution ซึ่งสามารถเริ่มได้ง่ายและค่อยต่อขยายต่อไปเมื่อมีความพร้อมทั้ง SAP ByDesign, C4C, Hybris, Success Factor และ อื่นๆ เป็นต้น

การเลือกนำเสนอระบบ SAP ที่เหมาะสมกับลูกค้าและการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด นอกจากจะทำให้โครงการสำเร็จได้อย่างรวดเร็วแล้ว ลูกค้าเองก็ยังจะต้องไม่ต้องแบบรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป และมีระบบที่เหมาะสมกับธุรกิจที่ช่วยดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเด็นด้านการเลือกเทคโนโลยีจึงถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญมากสำหรับ ISS Consulting และทำให้กลยุทธ์ของ ISS Consulting คือการขยายทีมงานเพื่อมารองรับเทคโนโลยีของ SAP ได้อย่างครอบคลุมนั่นเอง

 

แนวโน้มปี 2017 ที่ผ่านมา: SAP S/4HANA + SAP Fiori กลายเป็นตัวเลือกหลักของธุรกิจไทยที่ต้องการก้าวสู่การทำ Digital Transformation อย่างเต็มตัว

 

“ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า รากฐานต้องแข็งแรง”

 

คุณวิศิษฐ์ได้เล่าภาพรวมเกี่ยวกับปี 2017 ว่าเป็นปีที่เหล่าบรรดาธุรกิจต้องเตรียมระบบ IT ให้พร้อมสำหรับการทำ Digital Transformation ซึ่งไม่ว่าธุรกิจจะเลือกใช้เทคโนโลยีใดก็ตาม ระบบ ERP ที่เป็นหัวใจสำหรับการทำงานในทุกๆ วันต้องมีความพร้อมเสียก่อน เพื่อให้การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาผนวกรวมเข้ากับธุรกิจและระบบ ERP ที่มีอยู่เดิมเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันได้นั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มธุรกิจโรงงานและการผลิต ที่ต้องการมุ่งไปสู่การเป็น Smart Factory นั้น โครงสร้างพื้นฐานเรื่องข้อมูลธุรกิจอย่าง ERP จำเป็นจะต้องแข็งแรงเสียก่อน

ทั้งนี้ในช่วงปี 2017 ที่ผ่านมา และโครงการที่จะเริ่มต้นทำในปี 2018 ทาง ISS Consulting ได้เล่าถึงภาพที่เหล่าธุรกิจไทยนั้นเริ่มต้นมาใช้งาน SAP S/4HANA กันมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยบรรดาธุรกิจที่กำลังมองหาระบบ ERP แรกนั้นก็มักจะขึ้นระบบใหม่เป็น SAP S/4HANA ทันที ในขณะที่ลูกค้าเดิมที่เคยใช้ SAP มาก่อนแล้วก็มีแผนจำนวนมากในการอัปเกรดระบบมายัง SAP S/4HANA ด้วยเช่นกัน ด้วยสาเหตุทั้งแง่ของความเร็วของระบบที่สูงขึ้น, การรองรับการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคตไม่ว่าจะเป็น Artificial Intelligence (AI), Machine Learning, Business Intelligence (BI), Internet of Things (IoT) หรืออื่นๆ และทางเลือกในการติดตั้งที่มีทั้งแบบระบบ On-premises และ Cloud ให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมา ISS Consulting ก็ได้มีประสบการณ์ช่วยให้ลูกค้าสามารถ Go Live ระบบ SAP S/4HANA ไปแล้วมากกว่า 10 รายในประเทศไทย

ในขณะเดียวกัน อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจในไทยเป็นอย่างมากก็คือ SAP Fiori ที่ช่วยให้การใช้งานระบบ ERP ขององค์กรต่างๆ นั้นเกิดขึ้นได้ในแบบ Mobile-first ด้วยการรองรับทั้งการใช้งานผ่านอุปกรณ์พกพาอย่าง Smartphone และ Tablet ควบคู่ไปกับการเข้าถึงผ่าน PC หรือ Notebook ได้ ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทั้งสำหรับเหล่าผู้บริหารหรือฝ่ายขายที่ต้องมีการเดินทางอยู่ตลอด ไปจนถึงสายการผลิตที่สามารถเลือกใช้อุปกรณ์พกพาในการทำงานภายในโรงงานได้ทุกที่ทุกเวลา

ส่วนการทำ Business Intelligence หรือ BI นั้นก็เริ่มกลับมาเป็นโจทย์ของเหล่าธุรกิจองค์กรอีกครั้งด้วยความที่ข้อมูลนั้นมีปริมาณมหาศาลมากขึ้น และการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจก็ได้กลายเป็นหนึ่งในงานที่จำเป็นในการทำงานไปแล้ว จึงทำให้ SAP Analytics Cloud (SAC) ได้รับความนิยมไม่น้อยเช่นกันด้วยความสามารถในการสร้างรายงานทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ฝ่ายต่างๆ ของธุรกิจในการวิเคราะห์ข้อมูลได้ในหลากหลายแง่มุมและคล่องตัว สร้างความคุ้มค่าให้กับธุรกิจได้ในเวลาไม่นาน

โดยรวมแล้วในปี 2017 ที่ผ่านมานี้ ทาง ISS Consulting ก็พบกับธุรกิจกลุ่มต่างๆ ที่เริ่มต้นใช้งาน ERP ใหม่ค่อนข้างมาก และกลายมาเป็นลูกค้าใหม่สำหรับ ISS Consulting ในส่วนของโซลูชัน SAP A1 มากกว่า 10 ราย และ SAP B1 มากกว่า 25 ราย

 

แนวโน้มปี 2018: ได้เวลาของ SAP Cloud และเทคโนโลยีแห่งอนาคต

ส่วนปี 2018 นี้ทางคุณวิศิษฐ์แห่ง ISS Consulting ได้วิเคราะห์ว่าบริการ SAP Cloud ต่างๆ นั้นจะเริ่มมีลูกค้าในไทยนำไปใช้งานกันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ใช้เวลาในปี 2017 ในการทำความรู้จัก, ทดลองใช้งาน และประเมินค่าใช้จ่ายเพื่อเปรียบเทียบกับระบบ SAP แบบเดิมกันมาทั้งปี ด้วยจุดเด่นด้านความง่ายในการขึ้นระบบ, ความยืดหยุ่นด้านค่าใช้จ่าย และความหลากหลายของโซลูชันที่มีมากกว่าแต่ก่อน โดยโซลูชันทางด้าน Cloud ที่เกี่ยวกับ SAP นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่กลุ่มของบริการในแบบ IaaS/PaaS และ SaaS นั่นเอง

 

SAP บน IaaS/PaaS: ตอบโจทย์ธุรกิจที่กำลังเติบโตได้เป็นอย่างดี

 

Credit: SAP

 

บริการ Cloud ในแบบ IaaS หรือ Infrastructure as a Service นั้นก็คือการนำบริการระบบ Virtual Machine (VM) และ Cloud Database จากเหล่าผู้ให้บริการายที่ได้รับการรับรองคุณภาพและประสิทธิภาพการทำงานจาก SAP มาใช้ในการติดตั้งระบบต่างๆ ของ SAP ลงไป และเชื่อมต่อเครือข่ายกับองค์กรต่างๆ อย่างมั่นคงปลอดภัยด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้เหล่าธุรกิจหรือองค์กรนั้นไม่ต้องลงทุนสร้าง Data Center ของตนเอง แต่ก็สามารถเริ่มใช้งาน SAP ได้ทันที ในขณะที่บริการ Cloud ในแบบ PaaS หรือ Platform as a Service นั้นทาง SAP จะมีระบบ Platform ที่ทำงานบนบริการ Cloud ของผู้ให้บริการชั้นนำรายต่างๆ เพื่อให้นำไปใช้ติดตั้งได้สำเร็จรูปยิ่งขึ้น รองรับการพัฒนา Software ต่อยอดในอนาคตได้อย่างง่ายดาย

IaaS และ PaaS นี้สามารถตอบโจทย์ของธุรกิจองค์กรได้ดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเหล่าธุรกิจที่กำลังมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งทุกรายประสบปัญหาเดียวกันก็คือการที่เคยต้องอัปเกรดเพิ่มขยาย Hardware สำหรับระบบ SAP ทุกๆ 2-3 ปีเพื่อให้รับต่อการเติบโตให้ทัน แต่ก็ต้องพบกับความล่าช้าในการจัดซื้อ Hardware, การติดตั้ง Software และการปรับแต่งค่าต่างๆ ให้ระบบทั้งหมดทำงานร่วมกันได้ ซึ่ง IaaS จะมาช่วยให้การเพิ่มขยายเหล่านี้เป็นไปได้แทบจะทันทีที่องค์กรต้องการ ไม่ต้องรอการจัดซื้อหรือติดตั้งอีกต่อไป อีกในอนาคตหากองค์กรต้องการลดขนาดระบบลงเพื่อลดค่าใช้จ่าย ก็สามารถทำได้อย่างยืดหยุ่นเช่นกัน

ทาง ISS Consulting ก็ได้เตรียมตอบรับกระแสนี้แล้วด้วยการเตรียมความพร้อมด้านการติดตั้ง SAP บน AWS เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับเหล่าธุรกิจองค์กร รวมถึงยังมีบริการ Migrate ระบบเพื่อให้ธุรกิจที่เดิมเคยมี Data Center ของตนเอง และอยากย้ายระบบขึ้นไปใช้ Cloud เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความคล่องตัวนั้น มีผู้ให้บริการมืออาชีพที่มีประสบการณ์จาก ISS Consulting เป็นผู้ช่วยให้โครงการเหล่านี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

 

SAP Cloud: ตอบโจทย์เฉพาะทางขององค์กรอย่างรวดเร็วด้วย SaaS

สำหรับบริการกลุ่ม SaaS หรือ Software as a Service นี้ ก็จะเป็นบริการอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความหลากหลายสูงมาก เนื่องจากที่ผ่านมา SAP ได้มีการเข้าซื้อกิจการผู้ให้บริการ Cloud สำหรับธุรกิจจำนวนมากมาทำการปรับปรุงให้ระบบเหล่านั้นทำงานบน SAP HANA และเปิดให้บริการในฐานะโซลูชันของ SAP เอง ทำให้บริการเหล่านี้มีความน่าเชื่อถือสูง และยังสามารถทำการ Integrate ระบบเข้ากับระบบอื่นๆ ของ SAP เพื่อรองรับการขยายระบบและการเติบโตของธุรกิจในอนาคตได้อีกด้วย โดยบริการที่ ISS Consulting ได้เลือกนำมาให้บริการในไทยมีดังนี้

  • SAP Business ByDesign: บริการ Cloud ERP สำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ที่ต้องการขึ้นระบบ SAP อย่างรวดเร็ว
  • SAP Hybris: บริการ Cloud E-Commerce และ Customer Relationship Management (CRM) ที่พร้อมตอบโจทย์การทำ Omnichannel Marketing ได้ในตัวทั้งสำหรับธุรกิจ B2C และ B2B ในส่วนของการขาย, การตลาด และการบริการ
  • SAP SuccessFactors: บริการ Cloud Human Capital Management (HCM) สำหรับตอบโจทย์การทำงานของแผนกทรัพยากรบุคคลหรือ HR ได้อย่างครอบคลุม
  • SAP Ariba: บริการ Cloud สำหรับงานทางด้านการจัดซื้อขององค์กร ช่วยให้แผนกจัดซื้อและ Supplier สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และรวดเร็ว
  • SAP Leonardo: บริการ Cloud สำหรับการต่อยอดเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อการทำ Digital Transformation โดยเฉพาะ รองรับทั้ง Internet of Things (IoT), Machine Learning, Big Data, Analytics และ Blockchain
  • SAP Analytics Cloud: บริการ Cloud BI สำหรับใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ, ออกรายงาน, ทำนายแนวโน้มธุรกิจล่วงหน้าด้วย Machine Learning และวางแผนงานและการเงินในอนาคต

บริการเหล่านี้ช่วยให้ ISS Consulting สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน เนื่องจากทำให้ ISS Consulting มีเทคโนโลยีที่จะไปช่วยตอบโจทย์หรือแก้ไขปัญหาให้กับแผนกต่างๆ ขององค์กรมากยิ่งขึ้น เติมเต็มวิสัยทัศน์ที่ต้องการจะเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าของ ISS Consulting ได้เป็นอย่างดี

 

การมาของ Cloud ทำให้องค์กรต้องใช้เวลาเลือกมากขึ้น แต่ความคุ้มค่าจะตกอยู่ที่ตัวธุรกิจเอง

อย่างไรก็ดี คุณวิศิษฐ์ได้เล่ามุมมองว่าการที่ SAP มีบริการ Cloud มาให้เป็นอีกทางเลือกกันนั้นก็จะทำให้เหล่าธุรกิจหรือองค์กรอาจต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และเปรียบเทียบเพื่อเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดกับตนนานขึ้นกว่าในอดีตก่อนจะเริ่มโครงการกัน แต่การใช้เวลาในการประเมินประเด็นเหล่านี้ให้มากก็จะเป็นผลดีต่อธุรกิจองค์กรเองในระยะยาว ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงทั้งประเด็นด้านค่าใช้จ่ายที่ต้องลงทุนไปก่อน, การดูแลรักษา, แผนการเพิ่มขยายในอนาคต และอื่นๆ อีกมากมาย โดยทาง ISS Consulting เองก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเหล่าลูกค้าในการเปรียบเทียบความเหมาะสมและค่าใช้จ่ายของแต่ละทางเลือกให้กับลูกค้าทุกรายก่อนตัดสินใจด้วย

ส่วนเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AI, Machine Learning, IoT, Blockchain ที่อยู่ใน SAP Leonardo นั้นก็จะเข้าสู่ช่วงที่องค์กรจะได้เริ่มเรียนรู้และทดลองแนวคิดของเทคโนโลยีต่างๆ ดังกล่าว ส่วนการนำมาใช้จริงนั้นก็อาจจะต้องขึ้นระบบอื่นๆ และเตรียมข้อมูลต่างๆ ให้พร้อม รวมถึงมีนโยบายจากภาคธุรกิจที่ชัดเจนเสียก่อนว่าจะมุ่งไปในทิศทางไหนด้วยเทคโนโลยีใดเพื่อวัตถุประสงค์อะไร โดยหากจะนำเทคโนโลยี IoT มาใช้ การคัดเลือกและทดสอบ Sensor Hardware เองก็เป็นอีกประเด็นสำคัญที่ภาคธุรกิจต้องเริ่มศึกษากันแล้ว ทั้งนี้การที่เทคโนโลยีเหล่านี้มีให้พร้อมทดสอบได้บน Cloud ก็เป็นผลดีกับองค์กรที่จะทำให้สามารถประเมินความสามารถและประโยชน์ของเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นไปด้วยอีกทางหนึ่ง

 

ISS Consulting กับรางวัลมากมายจาก SAP

ด้วยการร่วมงานกับ SAP มาอย่างยาวนาน และการเติบโตที่รวดเร็ว ก็ทำให้ทาง ISS Consulting นั้นได้รับรางวัลจากทาง SAP มาอย่างมากมาย ดังนี้

 

 

  • 2016 – SAP Business One Top Partner
  • 2016 – SAP Business One Enterprise Partner of the Year
  • 2016 – SAP Business One VAR of the Year
  • 2016 – SAP United VARs Best Newcomer of the Year
  • 2016 – SAP Valued Partner Top General Business Performance
  • 2016 – SAP APJ Partner Excellence Award for SME
  • 2015 – SAP All-in-One Highest Growth SME Partner
  • 2015 – SAP Business One Highest Growth SME Partner
  • 2013 – SAP Business All-in-One Best Performance Award
  • 2013 – SAP Business All-in-One Best Contribution Award
  • 2012 – SAP Best Customer Reference Contribution Award
  • 2012 – SAP Special Award
  • 2010 – SAP Business All-in-One Best Performance Award
  • 2010 – SAP Authorized Business All-in-One Channel Partner And BusinessObjects Solution Provider
  • 2007 – SAP Business All-in-One Outstanding Sales Performance
  • 2007 – Country of the Year
  • 2005 – SAP Silver Partner
  • 2004 – SAP Silver Partner

จะเห็นได้ว่าในปี 2016 ที่ผ่านมา ทาง ISS Consulting นั้นได้รับรางวัลใหญ่มามากมาย แต่ที่น่าสนใจก็คือรางวัลที่ได้รับในฐานะของ Partner สำหรับโซลูชัน SAP B1 ยอดเยี่ยมประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ถึงแม้ทาง ISS Consulting จะเพิ่งเริ่มทำได้ไม่นาน แต่ก็สามารถทำยอดขายได้สูงที่สุดในภูมิภาค ด้วยการนำจุดเด่นของ SAP B1 ไปใช้ตอบโจทย์ของธุรกิจได้อย่างถูกต้องจนเติบโตอย่างรวดเร็วนั่นเอง

 

บุคลากรสาย SAP ยังขาดแคลน แต่ก็เป็นงานที่มีความมั่นคง

อีกประเด็นหนึ่งที่ทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณวิศิษฐ์ก็คือเรื่องของประเด็นที่ Consultant และ Developer นั้นขาดแคลนมากขึ้นเรื่อยๆ และในสายงาน SAP เองเดิมทีก็ถือเป็นสายงานที่มีความเฉพาะสูงอยู่แล้ว ทางทีมงาน TechTalkThai จึงได้ถามถึงสถานการณ์นี้กับทางคุณวิศิษฐ์โดยตรง

คำตอบของคุณวิศิษฐ์นั้นถือว่าเรียบง่ายแต่ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะที่ผ่านมา ISS Consulting เองก็เคยจัดโครงการ SAP Trainee เพื่อให้เด็กจบใหม่หรือผู้ที่สนใจมีโอกาสได้เข้ามาเรียนรู้เทคโนโลยีของ SAP เป็นเวลา 2-3 ปีมาแล้ว 2 รอบ เพื่อปั้นคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ตรงนี้มากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นกลับไม่ดีอย่างที่คิดเพราะสุดท้ายคนที่มีความรู้แล้วก็อาจจะย้ายงานหรือย้ายสายอยู่ดี แผนการสร้างคนเองตั้งแต่ศูนย์จึงต้องล้มเลิกไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ดี ธุรกิจนั้นต้องเติบโตต่อไป คุณวิศิษฐ์จึงเลือกที่จะขยายธุรกิจและประกาศรับพนักงานใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาธุรกิจให้มีความเข้มแข็ง มี Pipeline ของโครงการใหม่ๆ ที่ชัดเจน และมีการเปิดธุรกิจหลากหลายเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของ SAP พร้อมกับความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้า สร้างความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ในวงการให้เกิดขึ้นมา ทำให้คนที่มีประสบการณ์กับ SAP อยู่แล้วสามารถมาต่อยอดและเติบโตกับ Career Path ที่มั่นคงได้ที่ ISS Consulting จนทำให้สามารถดึงดูดพนักงานที่มีประสบการณ์มาได้เป็นจำนวนมาก กลายเป็นบริษัททางด้าน SAP ที่มีพนักงานเยอะที่สุดไปแล้วในปัจจุบัน อีกทั้งพนักงานแต่ละคนที่มีงานให้รับผิดชอบอย่างชัดเจนอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถภูมิใจกับความสำเร็จในผลงานของตนที่ช่วยให้ลูกค้าของ ISS Consulting เองเติบโตต่อไปได้ด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมีการริเริ่มบริการการพัฒนา Software เสริมเพื่อเพิ่มความสามารถให้กับระบบ SAP ที่มีอยู่เดิม เป็นงานที่มีขนาดไม่ใหญ่และใช้เวลาไม่เยอะมาก นอกจากจะเป็นการสร้างรายได้ช่องทางใหม่ให้กับ ISS Consulting แล้ว ก็ยังเป็นช่องทางให้พนักงานแต่ละคนได้มีโอกาสไปทำอะไรใหม่ๆ เป็นการพัฒนาตนเองด้วยเช่นกัน

คุณวิศิษฐ์ได้ให้ข้อคิดในประเด็นเรื่องการรักษาพนักงานเอาไว้ด้วยกัน 3 ข้อหลัก ดังนี้

  • ทำงานร่วมกันแบบเพื่อนและพี่น้อง ครอบครัว ให้กลายเป็นทีมงานที่ร่วมงานกันได้อย่างรู้ใจ ถ้าทีมงานดีมีความสุขแล้ว พนักงานก็จะไม่ย้ายไปไหน
  • กำหนดสวัสดิการขั้นพื้นฐานตามมาตรฐานและคงไว้ซึ่งสวัสดิการเหล่านั้นอย่างเคร่งครัดและเท่าเทียบกัน
  • พนักงานสามารถเติบโตเป็นอะไรก็ได้บริษัทฯ หากมีความเข้าใจในหน้าที่และเรียนรู้ตลอดเวลา โดยที่ปรึกษาสามารถเติบโตเป็นผู้จัดการโครงการหรือผู้จัดการโครงการอาวุโส และเติบโตไปพร้อม ๆ กับบริษัท

3 ประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นที่สำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพนักงานที่เริ่มมีอายุและมีครอบครัวแล้ว ก็จะต้องมองหาทั้งความมั่นคง, รายได้ และความสมดุลในชีวิตส่วนตัวและการทำงานมากขึ้นไปพร้อมๆ กัน

 

ติดต่อ ISS Consulting ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจติดต่อทีมงาน ISS Consulting สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ทันทีที่ http://www.issconsulting.co.th/

from:https://www.techtalkthai.com/sap-trends-2018-in-thailand-by-iss-consulting/

เชิญร่วมงานสัมมนาฟรี “Win the competition in 2018 with SAP Hybris Sales Cloud” – 15 ธันวาคม 2017 นี้

เน็กซัสฯ ร่วมมือกับ เอสเอพี ประเทศไทย ขอเรียนเชิญเหล่าผู้บริหาร, ฝ่ายบริหารการตลาด และฝ่ายบริหารการขาย เข้าร่วมงานสัมมนา “Win the competition in 2018 with SAP Hybris Sales Cloud” ในวันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2017 นี้ เพื่อแชร์ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับเทรนด์พฤติกรรมการซื้อ-ขายสินค้าของลูกค้าในยุคดิจิตอล และการเปลี่ยนพฤติกรรม การบริหารงานขายของทีมขายเพื่อให้สามารถปิดยอดขายได้รวดเร็วเหนือคู่แข่งในปี 2018

 

พิเศษสุด! ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้บริหารธุรกิจ ผู้ที่ทำงานในส่วนของการบริหารการตลาด การบริหารทีมขาย หรือผู้ที่สนใจได้ทดลองใช้งานจริงเครื่องมือ SAP Hybris Sales Cloud ที่ช่วยในการบริหารงานขายและทีมขายให้มีประสิทธภาพเหนือคู่แข่ง ตอบโจทย์การทำงานในยุคดิจิตอลที่สามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา รองรับการทำงานในทุกอุปกรณ์ ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการขายและการตลาดเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ช่วยในการตัดสินใจ และนำข้อมูลไปต่อยอดสร้างโอกาสการขายใหม่ๆ ใช้งานง่าย ประมวลผลด้วยระบบปฏิบัติการที่ดีที่สุด SAP HANA

 

สิ่งที่ผู้เข้าร่วมงานสัมมนาจะได้รับ

– การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า B2C และ B2B
– ความแตกต่างของการขายแบบเดิมกับยุคดิจิตอล
– การบริหารทีมขายในยุคดิจิตอลให้ประสบความสำเร็จ
– โซลูชั่นที่ตอบโจทย์การบริหารทีมขายยุคดิจิตอลให้ประสบความสำเร็จ
– สร้างยอดขาย และกำไรอย่างยั่งยืน ด้วยเครื่องมือที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฝ่ายขาย และการตลาด
– เข้าใจลูกค้ามากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสการขายใหม่ๆ และช่วยผู้บริหารในการตัดสินใจ
– ลองใช้งานจริงเครื่องมือ SAP Hybris Sales Cloud ที่ช่วยในการบริหารงานขายและทีมขายให้มีประสิทธภาพเหนือคู่แข่ง

 

รายละเอียดงาน

13.00 – 13.30 Registration
13.30 – 13.40 Welcome
13.40 – 14.40 Sales Team with The Future of Selling
14.40 – 14.50 Coffee Break
14.50 – 16.00 Win the competition with SAP Hybris Sales Cloud
16.00 – 16.30 Q&A

 

รายละเอียดการจัดงาน

วันที่ 15 ธันวาคม 2017, เวลา : 13.00 – 16.30 น.
ณ เอสเอพี ประเทศไทย อาคารลิเบอร์ตี้ สแควร์ ชั้น 9 (BTS:  ศาลาแดง, MRT สีลม)
โทร 02-091-1900 ต่อ 1980
อีเมล์ mkt.th@nexus-sr.com

  1. งานสัมมนา (ฟรี 100 ที่นั่ง เท่านั้น)
  2. บริษัทขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ลงทะเบียนก่อน วันที่ 12 ธันวาคม 2017 เท่านั้น

 

งานสัมมนาครั้งนี้เหมาะกับใคร?

  1. ผู้บริหาร ผู้จัดการ พนักงาน ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย ฝ่าย IT หรือผู้ที่สนใจเรียนรู้แนวทางช่วยบริหารงานขายให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่ง และสนับสนุนให้สามารถปิดการขายได้เร็วยิ่งขึ้น
  2. ผู้ที่สนใจหาแนวทางบริหารงานขายของธุรกิจในปี 2018 ให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่ง
  3. ผู้ที่สนใจมองหาเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานขายในปี 2018 ให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่ง

 

ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม และลงทะเบียนได้ที่:
http://nexus-sr.com/en/เชิญร่วมงานสัมมนา-crm-win-the-competition-in-2018-with-sap-socia/

 

เกี่ยวข้องกับเน็กซัสฯ

บริษัท เน็กซัส ซิสเท็ม รีซอร์สเซส จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระบบซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจให้กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม โรงงาน การกระจายสินค้าและธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก และมีประสบการณ์กว่า 18 ปี โดยบริษัทมีโซลูชั่นประกอบด้วย โซลูชั่นระดับเอนเตอร์ไพรส์ และระดับเอสเอ็มอี รวมถึงโซลูชั่นบนคลาวด์ ทั้ง SAP ERP (S/4HANA, SAP Business All-in-One, SAP Business One), SAP CRM, SAP Hybris Sales Cloud, SAP Business Intelligence, SAP Analytics และระบบเสริมอื่นๆ เพื่อช่วยสนับสนุนลูกค้าในการบริหารรวมถึงยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานสากล เพื่อการแข่งขันในตลาดยุคดิจิทัล

กลุ่มธุรกิจที่เชี่ยวชาญ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร 02-091-1900 ต่อ 1980 อีเมล์ info.th@nexus-sr.com เว็บไซต์ http://www.nexus-sr.com

from:https://www.techtalkthai.com/sap-and-nexus-win-the-competition-in-2018-with-sap-hybris-sales-cloud-free-seminar/

[PR] ผลสำรวจล่าสุดจาก SAP Hybris เผย ผู้บริโภคชาวไทยมีความอดทนในระดับต่ำ ต่อความผิดพลาดต่างๆของแบรนด์

เอสเอพี นิวส์ ไบท์ – 16 พฤศจิกายน 2560 – เมื่อเร็วๆนี้ เอสเอพี เอสอี (NYSE: SAP) ได้เผยผลการศึกษาเฉพาะในแต่ละประเทศ จากรายงาน SAP Hybris Consumer Insights Report ประจำปี 2017 ที่สำรวจว่าผู้บริโภคชาวไทยพิจารณาถึงเรื่องใดบ้างเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกับแบรนด์ต่างๆ โดยผลการสำรวจผู้บริโภคกว่า 7,000 คนทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) โดย 1,000 คนในนั้นอาศัยอยู่ในประเทศไทย ได้เผยให้เห็นว่ามีปัจจัยใดบ้างที่นำความสัมพันธ์ของแบรนด์กับลูกค้าไปสู่วามสำเร็จ และปัจจัยใดบ้างที่จะนำความสัมพันธ์ไปสู่จุดจบ

เมื่อพิจารณาถึงช่วงเวลาของการจบความสัมพันธ์กับแบรนด์นั้น ผู้บริโภคชาวไทยยอมรับว่า พวกเขาพร้อมที่จะเปลี่ยนใจไปแบรนด์อื่นได้ง่ายกว่าผู้ร่วมการสำรวจจากประเทศอื่นๆ ในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่แบรนด์นั้นๆ เกิดข้อผิดพลาดมากกว่าสองครั้ง โดย 61 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าชาวไทย ลงความเห็นว่าความผิดพลาดมากกว่าสองครั้งของแบรนด์อาจนำไปสู่จุดจบของความสัมพันธ์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าผลสำรวจผู้บริโภคจากประเทศอื่นๆ

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมการสำรวจจากประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าที่เรียกร้องมากที่สุด ในแง่ของความต้องการที่จะได้รับการติดต่อกลับจากแบรนด์ โดยเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ร่วมการสำรวจ (48 เปอร์เซ็นต์) คาดหวังการตอบกลับจากแบรนด์ภายในหนึ่งชั่วโมง ในขณะที่ 93 เปอร์เซ็นต์คาดหวังการตอบกลับภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นไปได้ว่า การที่พวกเขาอาจมีความคาดหวังในระดับที่สูงเช่นนี้ เพราะพวกเขาแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลให้กับแบรนด์ ซึ่งข้อมูลในที่นี้ไม่รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์มือถือของพวกเขา ทั้งนี้ 90 เปอร์เซ็นต์เผยว่า พวกเขายินดีที่จะแชร์ข้อมูลกับแบรนด์ภายในประเทศ (85 เปอร์เซ็นต์ ยินดีที่จะแชร์ข้อมูลกับแบรนด์ต่างประเทศ) อย่างไรก็ดี 43 เปอร์เซ็นต์ เลือกที่จะแชร์ข้อมูลรายได้ต่อเดือนมากกว่าการให้หมายเลขโทรศัพท์มือถือของตนเองกับแบรนด์

นิโคลัส คอนโทพูลอส รองประธานฝ่ายการตลาด สำหรับตลาดที่เติบโตเร็วของ SAP Hybris กล่าวว่า “ลูกค้าคาดหวังให้แบรนด์ต่างๆดูแลพวกเขา เช่นเดียวกับการดูแลความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นๆ ทั้งการใช้เวลาในการทำความเข้าใจลูกค้า ไม่เพิกเฉยพวกเขา และแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ ความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่ และความเชี่ยวชาญในการจัดระเบียบข้อมูลผู้บริโภคด้วยวิธีที่จะทำให้แบรนด์สามารถเข้าใจลูกค้าได้เป็นรายบุคคล แล้วตอบสนองต่อความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม”

ผลสำรวจจาก SAP Hybris ได้ชี้ให้เห็นถึงข้อมูลเพิ่มเติมเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคชาวไทย ดังต่อไปนี้

  • 59 เปอร์เซ็นต์ ยินดีที่จะแชร์อีเมลส่วนตัวให้กับแบรนด์ต่างๆ
  • 65 เปอร์เซ็นต์ คาดหวังว่าแบรนด์ต่างๆจะปกป้องข้อมูลส่วนตัวเพื่อรักษาผลประโยชน์ของพวกเขา
  • 42 เปอร์เซ็นต์ คาดหวังว่าแบรนด์ต่างๆจะนำเสนอโปรโมชั่นทั้งออนไลน์ และในร้านค้า ที่สอดคล้องกับความสนใจของพวกเขา
  • 47 เปอร์เซ็นต์ ต้องการให้แบรนด์ต่างๆทำให้พวกเขาประหลาดใจ
  • เหตุผลหลักที่ทำให้ลูกค้ารจบความสัมพันธ์กับแบรนด์ คือการ “ไม่พบข้อมูลผู้ใช้งาน” (77 เปอร์เซ็นต์)

หากต้องการอ่านรายงาน SAP Hybris Consumer Insights Report ประจำปี 2017 ฉบับสมบูรณ์ และศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยในการติดต่อสื่อสารกับแบรนด์ ท่านสามารถเยี่ยมชมได้ที่ เว็บไซต์ https://www.hybris.com/en/lovestory/th สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ SAP Hybris ท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซด์ News Center สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอสเอพี ท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซด์ SAP News Center หรือติดตามความเคลื่อนไหวผ่านทวิตเตอร์ @sapnews

###

เกี่ยวกับ SAP Hybris Solutions

SAP Hybris คือกลุ่มโซลูชั่นที่มอบหลากหลายช่องทางในการเข้าถึงลูกค้า และซอฟต์แวร์ด้านการขายที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถทำความเข้าใจลูกค้าถึงแก่นแท้แบบเรียลไทม์ ส่งมอบประสบการณ์ที่โดนใจ มีความเกี่ยวเนื่องกับประสบการณ์ของลูกค้า รวมถึงการขายสินค้า บริการ และคอนเทนท์ดิจิตอลได้มากขึ้นในทุกจุดติดต่อลูกค้า ทุกช่องทาง และทุกดีไวซ์ โดยใช้เครื่องมือบริหารจัดการข้อมูลลูกค้า เครื่องมือทางการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยบริบทสภาพแวดล้อม และขั้นตอนในการขายที่เป็นหนึ่งเดียว โซลูชั่น SAP Hybris ได้ช่วยให้องค์กรชั้นนำระดับโลกจำนวนมากสามารถดึงดูดความสนใจ รักษา และขยายฐานลูกค้าได้ นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์ SAP Hybris สำหรับการเข้าถึงลูกค้าและการขายนั้น จะช่วยองค์กรต่างๆ ในการวางโครงสร้างพื้นฐาน แผนงาน และเครื่องมือทางธุรกิจในการสร้างมุมมองลูกค้าแบบองค์รวมจากทุกๆ ช่องทาง รวมทั้งการเข้าถึงลูกค้าที่ง่ายขึ้น และการแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อนได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซด์ www.hybris.com

*SAP Hybris ได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนมกราคม 2016 เพื่อนำเสนอโซลูชั่นต่างๆของเอสเอพี เพื่อการเข้าถึงลูกค้าและการขาย พร้อมทั้งข้อเสนอด้านผลิตภัณฑ์ต่างๆ พนักงาน และธุรกิจของบริษัทที่ซื้อกิจการมา อย่าง Hybris AG ซึ่งยังคงทำหน้าที่เป็นหน่วยงานของเราตามกฎหมายจนกว่าการรวมกิจการกับเอสเอพีจะเสร็จสิ้นลง

เกี่ยวกับ เอสเอพี

เอสเอพี  ผู้นำในด้านซอฟแวร์ระบบการจัดการองค์กร ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานขององค์กรในทุกขนาดมีประสิทธิภาพ จากทีมสำนักงานเบื้องหลังสู่ห้องประชุม จากคลังสินค้าสู่หน้าร้าน จากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสู่โทรศัพท์พกพา เอสเอพี ช่วยให้บุคลากรและองค์กรทำงานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยให้เข้าถึงตลาดได้อย่างลึกซึ้ง นำมาซึ่งความสามารถในการแข่งขันและบทบาทผู้นำของตลาด แอพลิเคชั่นและบริการของเอสเอพีช่วยให้ผู้ใช้กว่า 365,000 ราย สามารถดำเนินธุรกิจอย่างก้าวหน้ามีผลกำไร ปรับตัวได้ฉับไว และเติบโตอย่างยั่งยืน หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเข้าชม www.sap.com

from:https://www.techtalkthai.com/sap-hybris-consumer-insight/

DoHome กับการตัดสินใจย้ายระบบ SAP และ E-Commerce ขึ้นสู่ Cloud ของ AWS

ทางทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณมารวย ตั้งมิตรประชา หนึ่งในผู้บริหารจากทาง DoHome ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกวัสดุบ้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมกับทีมงาน Amazon Web Services (AWS) ในประเทศไทย กับประเด็นการนำระบบ IT Infrastructure ที่สำคัญของ DoHome ไม่ว่าจะเป็น SAP S/4HANA และ E-Commerce ที่ใช้ระบบ SAP Hybris ขึ้นไปวางบน AWS ทั้งหมด จึงขอสรุปประเด็นต่างๆ มาเป็นกรณีศึกษาดังนี้ครับ

 

รู้จัก DoHome กันก่อน

ธุรกิจของ DoHome นี้เริ่มต้นธุรกิจจากยุคของคุณพ่อคุณแม่ โดยแรกเริ่มนั้นเป็น หจก. ศ.อุบลวัสดุ จำกัดในจังหวัดอุบลราชธานี และเติบโตจนได้จดทะเบียนมาเป็นบริษัท อุบลวัสดุ จำกัด แล้วค่อยๆ ขยายสาขามาทั่วประเทศไทยภายใต้ชื่อของ DoHome ปัจจุบันมีสาขาอยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ อุบลราชธานี โคราช ขอนแก่น อุดรธานี เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานครอีก 3 สาขา โดยอีกไม่นานจะเปิดเพิ่มอีกสาขาหนึ่งในกรุงเทพฯ อีกด้วย

ในส่วนของ DoHome Shop Online ที่เปิดตัวเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมานี้จะเป็นเว็บไซต์ E-Commerce เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่ม B2C ไปทั่วประเทศไทย โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้จาก https://www.dohome.co.th/ จากนั้นทาง DoHome จะทำการจัดส่งสินค้าไปให้ถึงที่หมายทันที เป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอีกทางหนึ่ง

 

เมื่อธุรกิจเติบโต การนำ SAP มาบริหารจัดการก็กลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

จากธุรกิจในห้องแถวขนาดเล็กที่ขยายกลายเป็นร้านค้าปลีกและค้าส่งวัสดุบ้านในหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย การนำ Software มาใช้ในการช่วยบริหารจัดการและดำเนินธุรกิจในสาขาต่างๆ ให้เป็นไปได้อย่างราบรื่นนั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมา อย่างไรก็ดี ถึงแม้ SAP จะตอบโจทย์ในเชิงธุรกิจได้ดี แต่ระบบ IT Infrastructure กลับไม่เป็นไปเช่นนั้น

แรกเริ่มทาง DoHome ได้ใช้ SAP บนระบบ Server และ Storage ภายในองค์กรเองแบบ On-premises โดยได้ทำการประเมินและจัดซื้อ Hardware มาเพื่อให้รองรับต่อการใช้งานเป็นระยะเวลา 5 ปี แต่เมื่อใช้งานไปได้จริง 2-3 ปีก็พบว่าทรัพยากรของระบบเริ่มไม่เพียงพอ เนื่องจากธุรกิจนั้นเติบโตอย่างรวดเร็วและมียอดขายมากขึ้นในแต่ละเดือน ทำให้ปริมาณข้อมูลที่ต้องจัดเก็บและประมวลผลนั้นเพิ่มขึ้นเกินกว่าที่คาดคะเนเอาไว้ และต้องอัปเกรดระบบก่อนกำหนด

การอัปเกรดระบบนี้ก็เป็นไปได้อย่างยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในการเพิ่มอุปกรณ์ Hardware ภายในระบบ, การโยกย้ายและปรับแต่ง Software ให้ทำงานร่วมกับ Hardware ใหม่ๆ ที่จัดซื้อเข้ามา และอื่นๆ เรียกได้ว่าขั้นตอนเหล่านี้ไม่ง่ายเลยทีเดียว อีกทั้งระบบใหม่ที่อัปเกรดมาเพื่อรองรับการใช้งานอนาคตไปอีก 5 ปีนี้ก็ไม่สามารถตอบโจทย์ได้จริง และต้องทำการอัปเกรดใหม่อีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 2-3 ปีเหมือนเดิม

ด้วยเหตุเหล่านี้เอง ทาง DoHome จึงเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ให้กับระบบ IT Infrastructure เพื่อให้ตอบรับต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจ ที่ยากจะทำนายว่าจะเติบโตไปแค่ไหน และนี่เองก็เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ DoHome เริ่มพิจารณาระบบ Cloud

 

เริ่มใช้ Cloud กับระบบ E-Commerce

ในช่วงเวลาเดียวกับที่ DoHome นั้นมีปัญหากับระบบ On-premises ที่ทำการเพิ่มขยายและอัปเกรดได้ยาก ทาง DoHome เองก็มีโครงการที่จะเปิดตัว DoHome Shop Online ซึ่งเป็นระบบ E-Commerce สำหรับจำหน่ายสินค้าของ DoHome ผ่านทางเว็บไซต์เพื่อขยายฐานลูกค้า โครงการนี้ถือเป็นโครงการใหม่ ทำให้ DoHome ถือโอกาสพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างการใช้งานระบบ On-premises แบบเดิมๆ กับการใช้งานระบบ Cloud

ทาง DoHome ได้พิจารณาทั้งข้อดีและข้อเสียของ IT Infrastructure ทั้งสองรูปแบบ และทำการทดสอบ ก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้ Amazon Web Services (AWS) เป็นระบบ Cloud เบื้องหลังระบบ E-Commerce นี้ด้วยประเด็นด้านความง่ายดายในการดูแลรักษา, ความง่ายในการเพิ่มขยาย, ค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าในช่วงพัฒนา และค่าใช้จ่ายในภาพรวมที่ถูกและคุ้มค่ากว่าการลงทุนเป็นระบบ On-premises

เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกใช้ AWS ในที่สุดทาง DoHome ก็ได้ทำการติดตั้ง SAP Hybris ซึ่งเป็นระบบ E-Commerce จาก SAP ลงไปบน AWS และเริ่มต้นให้บริการ DoHome Shop Online ได้อย่างรวดเร็ว

ที่น่าสนใจคือ หลังจากที่ระบบ DoHome Shop Online นั้นเริ่มขึ้น Production จริงแล้ว ทางทีมงาน AWS จากประเทศไทยก็เข้ามาทำการช่วยปรับแต่งระบบให้มีความคุ้มค่าในการใช้งานสูงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ จาก AWS ที่ทาง DoHome ยังไม่เคยใช้งานเข้ามาเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบและลดค่าใช้จ่าย ทั้งในส่วนของ Front-end และ Back-end ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของระบบ DoHome Shop Online นี้ลดลงไปได้จากเดิมถึง 40% เลยทีเดียว

สำหรับอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของ DoHome ในการเริ่มต้นใช้งานระบบ Cloud นั้น คือการที่แผนก IT ต้องทำการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ และปรับแนวคิดที่มีต่อเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ได้ เพื่อให้สามารถนำศักยภาพของ Cloud มาใช้งานให้ได้เกิดประโยชน์สูงสุด ในขณะที่ข้อดีของการนำ Cloud มาใช้นั้นก็คือการที่ AWS นั้นไม่มี Downtime ของระบบเลยตั้งแต่ใช้งานมา ทำให้ทีมงานไม่ต้องลำบากในการดูแลรักษาระบบอีกต่อไป

นอกจากนี้ เนื่องจาก DoHome นั้นมีหลายสาขาอยู่ทั่วประเทศไทย การที่ระบบอยู่บน Cloud นั้นก็ทำให้การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายจากแต่ละสาขาไปยัง AWS นั้นทำได้ง่าย มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการเชื่อมเครือข่ายในทุกสาขาเข้าด้วยกันเอง อีกทั้งทีม Developer ก็สามารถทำงานจากสาขาใดๆ ก็ได้ และพัฒนาความสามารถใหม่ๆ ส่งขึ้นไปยังระบบ Cloud โดยตรงด้วยตัวเอง ซึ่งทาง AWS เองก็มีบริการต่างๆ ในแง่มุมของ IaaS และ PaaS ให้เลือกใช้ได้หลากหลาย ทำให้การเพิ่มฟังก์ชันใหม่ๆ เข้าไปทำได้ง่ายและไม่ต้องกังวลในประเด็น Infrastructure แต่อย่างใด

ที่ผ่านมาธุรกิจส่วน E-Commerce นี้สร้างรายรับให้กับ DoHome มากถึงปีละ 13 ล้านบาท และปีนี้ก็คาดว่ายอดจะเติบโตขึ้นไปเกินกว่า 30 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง

 

ตัดสินใจย้าย SAP ขึ้น AWS ด้วยความมั่นใจ

หลังจากที่โครงการ E-Commerce ถูกใช้งานบน AWS อย่างมั่นคงทนทานและยืดหยุ่นเต็มที่ได้ประสบความสำเร็จดีแล้ว ก้าวถัดไปของ DoHome ก็คือการย้ายระบบ SAP ที่เคยมีปัญหาเรื่องการเพิ่มขยายมาโดยตลอดขึ้นไปยัง AWS ด้วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งทาง AWS นั้นก็เป็น Partner เหนียวแน่นกับ SAP อยู่แล้ว จึงมีเครื่องมือและข้อมูลการย้ายระบบ SAP ขึ้นไปยัง Cloud ให้อย่างพร้อมสรรพอยู่ที่ https://aws.amazon.com/sap/ ทำให้ทาง DoHome สามารถย้ายระบบ SAP ขึ้น AWS ได้อย่างมั่นใจ พร้อมเปิดใช้งานเป็น Production ภายในปีนี้ และใช้เป็น SAP S/4HANA ไปเลย

การย้าย SAP ขึ้น AWS ในครั้งนี้นอกจากจะตอบโจทย์การเพิ่มขยายระบบอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของธุรกิจ และการเข้าถึงได้จากทุกสาขาอย่างง่ายดายแล้ว ประเด็นเรื่องของการทำให้การเพิ่มความสามารถใหม่ๆ ให้กับ SAP และการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่าง SAP เข้ากับระบบ E-Commerce ก็จะสามารถทำได้อย่างง่ายดายคล่องตัวยิ่งขึ้นนั้นก็ถือเป็นประเด็นสำคัญสำหรับ DoHome ด้วยเช่นกัน

การใช้ SAP บน AWS ในครั้งนี้ ทาง DoHome ได้ทำการประเมินค่าใช้จ่ายเอาไว้ว่าจะช่วยลดการลงทุนทางด้าน IT Infrastructure ลงไปได้ถึง 30% เลยทีเดียว

 

 

ใช้ SAP บน AWS มีความยืดหยุ่นสูง มีทีมงานมืออาชีพให้การสนับสนุนในไทย

ปัจจัยหลักที่ทำให้ DoHome สามารถใช้งาน SAP บน AWS ได้อย่างประสบความสำเร็จนั้น ก็คือความยืดหยุ่นของระบบ AWS ที่ตอบโจทย์การใช้งานของ DoHome เป็นอย่างมาก รวมถึงความคล่องตัวที่ทำให้ DoHome ย้ายระบบขึ้นไปได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการคิดลิขสิทธิ์ของระบบแบบ Bring Your Own License (BYOL) ที่ทำให้ DoHome สามารถนำ SAP License ของตนเองไปติดตั้งใช้งานบน Cloud ได้เลย, การมี SUSE ให้ใช้งานได้บน AWS และการเปิดให้ SAP Partner ในไทยสามารถมาช่วยเหลือให้การสนับสนุนการติดตั้งใช้งานร่วมกับทีมงานของ AWS ในไทยได้ ทำให้ทั้งโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนทางด้านเทคนิคจากทีมงานชาวไทยโดยตรงทั้งหมด

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งาน SAP บน AWS สามารถศึกษาได้ดังต่อไปนี้ครับ

from:https://www.techtalkthai.com/dohome-moves-sap-and-e-commerce-to-amazon-web-services-cloud/

SAP กับกลยุทธ์ใหม่ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกระดับได้ด้วยระบบ Cloud

ในงาน SAP Solution Summit 2017 ที่ผ่านมา ทาง SAP Thailand ได้ออกมาเล่าถึงทิศทางใหม่ๆ ของ SAP เอง ที่นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สำหรับตอบโจทย์การทำ Digital Transformation ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นแล้ว SAP เองก็ยังปรับตัวและเปลี่ยนโฉมให้กลายเป็นเทคโนโลยีที่องค์กรทุกขนาดสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่าแต่ก่อน ด้วยการมาของ SAP Cloud นั่นเอง ทางทีมงาน TechTalkThai จึงขอสรุปเนื้อหาที่ได้รับฟังมาให้ได้อ่านกันดังนี้ครับ

 

3 กลยุทธ์หลักของ SAP

คุณนพดล เจริญทอง ผู้ดำรงตำแหน่ง General Business Team Lead จาก SAP ประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงไปของ SAP ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ว่ามีกลยุทธ์สำคัญด้วยกัน 3 ประการ ได้แก่

  1. การผลักดัน SAP S/4HANA อย่างเต็มตัว เพื่อให้เหล่าองค์กรขนาดใหญ่ปรับใช้ SAP S/4HANA ซึ่งเป็นเทคโนโลยี In-memory Data Platform จาก SAP เพื่อให้การประมวลผลข้อมูลต่างๆ มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ตอบรับกับBusiness Application ใหม่ๆ ของ SAP ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังตอบรับต่อโลกของ Big Data, Artificial Intelligence (AI) และ Internet of Things (IoT) ในอนาคตได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
  2. การผลักดันบริการ Cloud จาก SAP เพื่อให้เทคโนโลยีของ SAP นั้นสามารถถูกเข้าถึงได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่าในอดีต และเปิดตลาดไปสู่ธุรกิจ SMB ได้ง่ายขึ้น
  3. การส่งเสริมพันธมิตรทางการค้าให้เติบโตมากขึ้น เพื่อให้ในแต่ละประเทศนั้นมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละผลิตภัณฑ์หรือโมดูลของ SAP มากขึ้น เป็นอีกแรงผลักที่จะช่วยให้การนำ SAP ไปใช้งานภายในหลายๆ อุตสาหกรรมเกิดขึ้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ในประเทศไทยเองเราก็เห็นภาพของ 3 กลยุทธ์นี้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการที่เหล่าลูกค้าองค์กรของ SAP เริ่มหันไปใช้ SAP S/4 HANA กันมากขึ้น, การที่เริ่มมีพันธมิตรทางการค้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ Cloud ต่างๆ ของ SAP และเริ่มนำเสนอบริการ Cloud ไปยังลูกค้าองค์กร ไปจนถึงการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีของ SAP อย่างต่อเนื่องแทบทุกเดือนในแต่ละปี ให้เหล่าองค์กรต่างๆ สามารถเข้าไปอบรมกันได้ฟรีๆ เพื่อนำแนวคิดของ SAP และเทคโนโลยีใหม่ๆ ไปใช้ปรับปรุงการทำงานภายในแผนกต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

 

 

5 ประเด็นหลักในงาน SAP Solution Summit 2017: วันนี้ SAP กลายเป็น Cloud Company แล้ว

คุณนพดลได้กล่าวสรุปเนื้อหาภายในงาน SAP Solution Summit เอาไว้ด้วยกัน 5 ประเด็นหลักๆ ดังนี้

  1. Core Digital หัวใจสำคัญของเทคโนโลยีทั้งหมดใน SAP โดยรองรับการใช้งานภายใน 25 อุตสาหกรรมธุรกิจ ทำให้สามารถตอบโจทย์องค์กรต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย
  2. Internet of Things (IoT) ในภาคธุรกิจ สามารถตอบโจทย์ได้ด้วย SAP Leonardo
  3. Workforce Management สามารถตอบโจทย์ของแผนกทรัพยากรบุคคลในแต่ละองค์กรได้ด้วย SAP SuccessFactors
  4. Customer Engagement สามารถตอบโจทย์ของธุรกิจค้าปลีก หรือธุรกิจที่ต้องการเปิดช่องทางการขายแบบ Omnichannel ได้ด้วย SAP Hybris
  5. Supplier Management สามารถตอบโจทย์ของแผนกจัดซื้อภายในองค์กรให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ด้วย SAP Ariba

 

จะเห็นได้ว่า 4 หัวข้อนี้เป็นเรื่องของ Cloud ล้วนๆ ซึ่งทางคุณนพดลเองก็ได้ชี้ให้เห็นด้วยเช่นกันว่าทุกวันนี้ SAP ได้เปลี่ยนไปเป็น Cloud Company แล้ว และภายในงาน SAP Solution Summit 2017 นี้เองก็ได้มีเหล่าพันธมิตรทางการค้ามาเปิดบูธเพื่อนำเสนอบริการ Cloud จาก SAP กันอย่างคับคั่งเลยทีเดียว

ลองฟังบทสัมภาษณ์ของคุณนพดลในงาน SAP Solution Summit 2017 เพิ่มเติมได้เลยครับ

 

Cloud: ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ธุรกิจทุกขนาดทั่วโลก สามารถเข้าถึง SAP ได้อย่างง่ายดาย ด้วย Time to Value ที่รวดเร็ว

หากใครติดตามข่าวของ SAP มาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่าในระยะหลังนั้น SAP มีการเข้าซื้อกิจการของ Cloud Business Application สำหรับตอบโจทย์แผนกต่างๆ ขององค์กรอย่างหลากหลายมาโดยตลอด ซึ่งสาเหตุของการเข้าซื้อกิจการเหล่านั้น ก็เป็นเพราะว่า SAP ต้องการเข้าสู่ตลาดของ Cloud ด้วยการนำบริการ Cloud Business Application ที่ดีที่สุดในแต่ละหมวดผลิตภัณฑ์มานำเสนอต่อลูกค้าปัจจุบันของ SAP และว่าที่ลูกค้ารายใหม่ๆ ของ SAP ในอนาคตนั่นเอง

การที่ SAP ก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Cloud เองนี้ ก็เป็นการช่วยล้างภาพความเป็นระบบใหญ่ที่จะมีแต่องค์กรขนาดใหญ่สามารถเข้าถึงได้ไปค่อนข้างมาก เพราะบริการ Cloud ต่างๆ ของ SAP นั้นสามารถเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่ 5 – 10 ผู้ใช้งาน ทำให้แม้แต่องค์กรขนาดเล็กหรือขนาดกลางเองก็สามารถใช้งานเทคโนโลยีของ SAP ได้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่า SAP นั้นมองว่าธุรกิจในอนาคตนั้นจะใช้คนปริมาณน้อยลงในการดำเนินธุรกิจที่มีความสำคัญสูง ดังนั้นการที่เปิดให้เหล่าธุรกิจที่มีพนักงานจำนวนน้อยสามารถใช้งานเทคโนโลยีของ SAP เองได้ ก็จะเป็นตัวช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจเหล่านี้ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ

ในทางกลับกัน การที่ธุรกิจใดๆ สามารถเริ่มต้นใช้งาน SAP ได้ตั้งแต่ตอนที่ธุรกิจยังมีขนาดเล็ก ก็จะทำให้ธุรกิจเหล่านั้นสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต เพราะ SAP เองก็มีบริการ Cloud ที่รองรับการเติบโตของธุรกิจจนกลายเป็นองค์กรขนาดใหญ่ได้เลย ทำให้ธุรกิจเหล่านั้นไม่ต้องกังวลถึงประเด็นเรื่องของการย้ายข้อมูล, การย้ายระบบ, การเพิ่มแผนกใหม่ในองค์กร หรือแม้แต่การปรับเปลี่ยน Workflow ต่างๆ เพราะ SAP มีพร้อมให้หมดแล้ว

สำหรับบริการ SAP Cloud Solution ที่ถือว่าโดดเด่นและน่าสนใจที่ได้นำมาจัดแสดงภายในงาน มีดังนี้

  • SAP Leonardo ระบบ IoT Platform จาก SAP ที่มีการผสานเทคโนโลยี IoT, Big Data Analytics, Blockchain และ AI เข้าไว้ภายในระบบเดียวกัน พร้อมให้นำไปใช้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ทันที
  • SAP Hybris ระบบ Omni-channel E-Commerce จาก SAP ที่ตอบโจทย์ได้ทั้งฝ่ายขาย, ฝ่ายการตลาด, ฝ่ายบริการได้ภายในระบบเดียว สามารถใช้งานได้ทั้งสำหรับธุรกิจ B2B และ B2C
  • SAP Ariba ระบบบริหารจัดการ Supplier จาก SAP ที่จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานของ Supplier แต่ละราย, ประเมินความคุ้มค่าในการจัดซื้อ พร้อมวิเคราะห์ว่าการจัดซื้อแต่ละครั้งจะสามารถปรับปรุงให้คุ้มค่าสูงสุดได้อย่างไรบ้าง
  • SAP SuccessFactors ระบบ Human Resource Management จาก SAP ที่ครอบคลุมทั้งการจัดการเงินเดือนและสวัสดิการพนักงาน, การฝึกอบรม, การประเมินประสิทธิภาพ, การจ้างพนักงานใหม่ ไปจนถึงการวางแผนจ้างพนักงานในแต่ละแผนกได้อย่างครอบคลุม
  • SAP Concur ระบบบริหารจัดการการเดินทางของพนักงาน เพื่อให้ทุกการเดินทางข้ามประเทศนั้นเป็นไปได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสำหรับธุรกิจที่พนักงานต้องมีการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ
Credit: SAP

 

ต่อยอดจากระบบ Cloud สู่ ERP ได้อย่างเต็มตัวด้วย SAP S/4HANA และ SAP Cloud Platform

ถึงแม้บริการ Cloud จาก SAP นั้นเกิดขึ้นมาจากการเข้าซื้อกิจการหลากหลายสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ แต่ SAP เองนั้นก็มีกลยุทธ์ภาพใหญ่มาโดยตลอดที่ทุกๆ บริการ Cloud เหล่านั้นจะต้องทำงานร่วมกันจนกลายเป็นระบบ ERP ขนาดใหญ่ได้ในท้ายที่สุด ดังนั้นในแต่ละการเข้าซื้อกิจการนั้น ทาง SAP เองก็จะตั้งทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมาทำงานร่วมกับธุรกิจที่ได้เข้าซื้อกิจการมา เพื่อปรับเปลี่ยน Backend ของระบบเหล่านั้นให้ทำงานบน SAP S/4HANA และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับ Business Application อื่นๆ ของ SAP เองได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อรองรับภาพของการ Integrate ระบบขนาดใหญ่ในอนาคตได้นั่นเอง

ด้วยแนวทางนี้ ทำให้เหล่าลูกค้ารายใหม่ๆ ของ SAP เองนั้นอาจจะเริ่มต้นจากการใช้งานบริการ Cloud จาก SAP เพียงระบบเดียว จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มการใช้งานบริการ Cloud อื่นๆ ในภายหลัง และผสานระบบทั้งหมดเข้าด้วยกันด้วยการใช้ SAP Cloud Platform ส่วนสำหรับลูกค้าที่มีการใช้งาน SAP เดิมอยู่แล้ว ก็สามารถใช้งานบริการ Cloud ของ SAP ในบางผลิตภัณฑ์ที่สนใจ และทำการ Integrate ระบบร่วมกันกลายเป็นการทำงานแบบ Hybrid Cloud ได้ทันที

 

SAP Digital Boardroom อีกหนึ่งอนาคตสำคัญของ SAP สำหรับตอบโจทย์การทำ Data-driven Decision Making โดยผู้บริหารระดับสูง

ภายในงาน SAP Solution Summit 2017 นี้ก็ยังได้มีการจัดแสดงอีกหนึ่งโซลูชันที่น่าสนใจจาก SAP อย่าง SAP Digital Boardroom ที่เป็น Software สำหรับการทำ Business Intelligence รุ่นล่าสุดที่ตอบโจทย์เหล่าผู้บริหารโดยเฉพาะ ด้วยแนวคิดการแบ่งหน้าจอออกเป็น 3 ส่วน เพื่อแสดงข้อมูลในอดีต, ปัจจุบัน และอนาคตในแต่ละจอ

Credit: SAP

 

สำหรับการแสดงข้อมูลเกี่ยวกับอดีตนั้น จะทำให้ผู้บริหารนั้นมองเห็นข้อมูลของอดีตที่ผ่านมาทั้งหมดว่ามีสถิติตัวเลขในประเด็นต่างๆ อย่างไร พร้อมมีการทำ Predictive Analytics ทำนายอนาคตด้วย Machine Learning ให้กับทุกๆ ข้อมูลแนวโน้ม รวมถึงยังสามารถนำ Machine Learning มาใช้แนะนำการทำงานหรือปรับแต่งกระบวนการการทำงานต่างๆ ได้ทันที ทำให้ง่ายต่อการอ่านผลข้อมูลต่างๆ และเข้าใจข้อมูลต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

ข้อมูลที่จะนำมาแสดงบน SAP Digital Boardroom นี้สามารถเลือกได้ทั้งข้อมูลจากภายในระบบ SAP เอง, ข้อมูลภายในบริการ Cloud ต่างๆ ของ SAP ไปจนถึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก ทำให้องค์กรสามารถทำการออกแบบการแสดงผลและ Interaction ในการ Drill-down ข้อมูลต่างๆ บน SAP Digital Boardroom ได้เป็นอย่างดี

อีกหนึ่งความสามารถที่น่าสนใจก็คือการทำ Simulation โดยเฉพาะเพื่อให้เหล่าผู้บริหารสามารถปรับแต่ง Parameter ในการจำลองสถานการณ์ต่างๆ ในอนาคตได้ ทำให้เหล่าผู้บริหารนั้นสามารถเห็นภาพและทิศทางในการดำเนินธุรกิจหรือการลงทุนได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น และสามารถทำการ Forecast แนวโน้มต่างๆ ได้ด้วยตนเองอย่างง่ายดาย

รับชมคลิปแนะนำ SAP Digital Boardroom จากภายในงาน SAP Solution Summit 2017 ได้ดังนี้เลยครับ

 

ติดต่อทีมงาน SAP Thailand ได้โดยตรงทันที

สำหรับผู้ที่สนใจติดต่อทีมงาน SAP Thailand เพื่อปรึกษาในประเด็นต่างๆ นั้น สามารถติดต่อได้โดยตรงดังนี้

SAP Thailand Ltd.
287 Liberty Square Building, 9th Floor
Silom Road, Bangrak
Bangkok 10500
Thailand
Phone: +66 2206 8800
International Phone: +66 2206 8855
Fax: +66/2/631-1818

from:https://www.techtalkthai.com/sap-new-strategy-to-help-thai-sme-business-with-cloud-offerings/

IBM เข้าซื้อกิจการ Digital Agency ต่อเนื่ืองเป็นรายที่ 3 คราวนี้ถึงคราว ecx.io จากเยอรมนี

IBM รุกหนักตลาด Digital Agency มาก โดยคราวนี้ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของ ecx.io ผู้ให้บริการครบวงจรทางด้าน Digital Agency ที่มีสาขาแม่อยู่ที่ Dusseldorf ในประเทศเยอรมนี และนี่นับเป็นบริษัท Digital Agency แห่งที่ 3 ที่ IBM ประกาศเข้าซื้อกิจการตั้งแต่เปิดปีนี้มา ซึ่งทั้งหมดจะถูกผนวกเข้าไปอยู่ภายใต้ทีม IBM Interactive Experience (IBM iX) เพื่อนำองค์ความรู้ทางด้าน Digital Marketing, Commerce และ Platform ของ IBM และบริษัทที่เข้าซื้อกิจการทั้งหมดนี้มาช่วยให้ลูกค้าองค์กรก้าวไปสู่การทำ Digital Transformation ได้อย่างเต็มตัว

ibm_ecxio

ecx.io เป็น Digital Agency ชื่อดังในแถบยุโรปที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการนำเทคโนโลยีทางด้าน Platform สำหรับร้านค้าและลูกค้า ได้แก่ Adobe, Sitecore และ SAP hybris ไปติดตั้งใช้งานให้แก่กลุ่มลูกค้าองค์กร

พนักงานทั้ง 200 คนจาก ecx.io จะเข้าร่วมกับทีมของ IBM เพื่อนำความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเหล่านี้มาเสริมทีม IBM iX ในขณะที่ลูกค้าเก่าของ ecx.io เองก็จะได้มีโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีทางด้าน Data Analytics, Cloud และ Cognitive จาก IBM ด้วยเช่นกัน

ใครที่อยากรู้จัก ecx.io มากขึ้น ลองเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่ http://www.ecx.io/ เลยนะครับ

ที่แน่ๆ ปีนี้ IBM มีอะไรให้น่าติดตามเยอะมาก การเปิดปีใหม่ด้วยการรุกตลาด Digital Agency หนักขึ้นแบบนี้ ถือเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายพอสมควร

ที่มา: http://www-03.ibm.com/press/us/en/pressrelease/48960.wss

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-acquired-thrid-digital-agency-company-ecx-io/