คลังเก็บป้ายกำกับ: IBM_DB2

นักวิจัยเผย! ปัญหาความปลอดภัยบนตัวจัดการดาต้า DB2 ของ IBM

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา นักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้ออกมาเผยรายละเอียดของช่องโหว่เกี่ยวกับหน่วยความจำบนผลิตภัณฑ์กลุ่ม DB2 ของ IBM ซึ่งเป็นระบบจัดการข้อมูล

โดยทำให้ผู้โจมตีที่อยู่บนเครื่องปัจจุบันเข้าถึงข้อมูลความลับ หรือแม้กระทั่งทำให้เกิดการโจมตีแบบ Denial of Service ได้ เป็นช่องโหว่ภายใต้รหัส CVE-2020-4414 ซึ่งกระทบกับ IBM Db2 V9.7, V10.1, V10.5, V11.1, และ V11.5 บนทุกแพลตฟอร์ม

ช่องโหว่นี้เป็นการใช้หน่วยความจำร่วมกันอย่างไม่เหมาะสมจนผู้ไม่ประสงค์ดีฉวยโอกาสเข้ามาทำกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตบนระบบได้ เพียงแค่ส่งข้อมูลคำร้องขอที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ก็สามารถดูดข้อมูล หรือทำให้เกิด DoS ได้ โดยทางทีมวิจัยด้านความปลอดภัยของ Trustwave SpiderLabs เป็นผู้ค้นพบช่องโหว่นี้

ทางนักวิจัยอธิบายว่า นักพัฒนาลืมใส่ระบบป้องกันให้หน่วยความจำที่แบ่งปันกับระบบ Db2 ทำให้ผู้ใช้ที่อยู่บนเครื่องเดียวกันสามารถอ่านและเขียนบนหน่วยความจำดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ทาง IBM ได้ออกแพทช์มาแก้ปัญหาตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนแล้ว

ที่มา : THN

from:https://www.enterpriseitpro.net/security-db2-ibm/

ก้าวสู่การทำ Big Data ด้วยระบบ Data Warehouse ที่มีประสิทธิภาพจาก IBM Integrated Analytics System

ท่ามกลางยุคสมัยที่หลายๆ ธุรกิจองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างกำลังมองหาหนทางในการนำข้อมูลที่องค์กรมีอยู่มาใช้วิเคราะห์ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนี้ เทคโนโลยีอย่าง Data Warehouse นั้นก็ถือเป็นหัวใจของการนำข้อมูล Structured Data ที่มีอยู่ภายในองค์กรมาใช้วิเคราะห์เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง และ IBM Integrated Analytics System ซึ่งเป็นโซลูชันสำเร็จรูปสำหรับการให้บริการ Data Warehouse ภายในองค์กรก็เป็นอีกโซลูชันที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยจุดเด่นด้านประสิทธิภาพ, ความง่ายในการติดตั้งใช้งานและดูแลรักษา รวมถึงความคล่องตัวในการเพิ่มขยายระบบได้หลากหลายรูปแบบ

 

ปัญหาของระบบ Data Warehouse ในปัจจุบัน – ช้า และขาดความยืดหยุ่น

เทคโนโลยี Data Warehouse นี้ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีจุดกำเนิดมาอย่างยาวนานเพื่อตอบโจทย์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจมาโดยตลอด และหลายๆ องค์กรที่มีระบบ Business Application ขนาดใหญ่หรือมีข้อมูลจากฐานข้อมูลที่หลากหลายนั้น ก็มักจะลงทุนในระบบ Data Warehouse เพื่อให้สามารถทำการรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่อย่างกระจัดกระจายมาจัดให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์และออกรายงานทางธุรกิจได้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี ระบบ Data Warehouse ที่ธุรกิจเคยลงทุนไปในอดีตนั้นก็อาจไม่ตอบโจทย์ในปัจจุบันและอนาคตอีกต่อไป ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วของข้อมูล และแนวโน้มในการวิเคราะห์ข้อมูลที่จะมีแหล่งที่มาของข้อมูลหลากหลายมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนนั้น ก็ทำให้ระบบ Data Warehouse ที่มีอยู่อาจมีทั้งประสิทธิภาพและข้อมูลที่ไม่เพียงพอ อีกทั้งด้วยการมาของเทคโนโลยี Cloud เอง ก็ทำให้ Data Warehouse แบบเดิมๆ ที่ไม่สามารถทำงานร่วมกับ Cloud ได้นั้นขาดความสามารถที่จำเป็นต่อธุรกิจในปัจจุบันและอนาคตไป โดยเฉพาะในแง่ของความยืดหยุ่นในการวิเคราะห์ข้อมูลและการเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่หลากหลายบน Cloud

นอกจากนี้ ระบบ Data Warehouse เองก็ยังถือเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีสำหรับเหล่าองค์กรที่ต้องการก้าวไปสู่กลยุทธ์ Data-Driven Business ด้วยการนำ Big Data Analytics มาใช้งาน แต่ระบบ Data Warehouse เดิมที่เคยออกแบบเอาไว้นั้นอาจถูกออกแบบภายใต้ข้อจำกัดทางด้านเทคโนโลยี ทำให้ไม่สามารถจัดเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาลและหลากหลายซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อศาสตร์ทางด้าน Data Science ในปัจจุบัน และไม่สามารถทำการเข้าถึงหรือวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วเพียงพอ

ดังนั้นการอัปเกรดระบบ Data Warehouse ทั้งในเชิงของ Software และ Hardware นั้นก็ถือเป็นภารกิจสำคัญของเหล่าธุรกิจองค์กรต่างๆ ที่ต้องการจะเติบโตและสร้างนวัตกรรมท่ามกลางยุคที่ข้อมูลถือเป็นทรัพยากรสำคัญอย่างในทุกวันนี้ และนี่เองก็ทำให้ IBM Integrated Analytics System หรือ IIAS ถูกใช้งานทั่วโลกเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ให้กับองค์กรโดยเฉพาะ

 

IBM Integrated Analytics System: ระบบ Data Warehouse แห่งอนาคต ตอบโจทย์ Big Data สำหรับธุรกิจและภาครัฐ

IBM Integrated Analytics System หรือ IIAS นี้คือระบบ Integrated System ที่ IBM ได้ออกแบบระบบสำเร็จรูปซึ่งผสานทั้งเทคโนโลยีของ Server, Storage, Networking และ Software ทางด้าน Data Warehouse และ System Monitoring & Management เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ระบบนี้สามารถให้บริการ Data Warehouse ประสิทธิภาพสูงสำหรับองค์กร ที่พร้อมจะเชื่อมต่อเพื่อรวบรวมข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง หรือนำข้อมูลออกไปวิเคราะห์ได้ตามต้องการ อีกทั้งยังสามารถรองรับการทำงานในลักษณะ Hybrid Cloud ได้ในตัว รองรับต่อแนวโน้มในอนาคตที่องค์กรจะต้องมีระบบวิเคราะห์ข้อมูลกระจายตัวอยู่หลากหลาย พร้อมแหล่งข้อมูลหรือ Data Source ที่จะกระจัดกระจายอยู่ทั้งภายในและภายนอกองค์กร

ข้อดีของ IIAS นี้คือการที่ระบบมีความสำเร็จรูปสูงมาก และสามารถเพิ่มขยายระบบได้อย่างคล่องตัวและง่ายดาย ดังนั้นองค์กรที่ต้องการลงทุนในระบบ Data Warehouse หรือต้องการปรับปรุงระบบ Data Warehouse ที่มีอยู่ให้รองรับต่อข้อมูลปริมาณมหาศาล และสามารถประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วนั้น ก็สามารถเลือกใช้งาน IIAS เพื่อลดเวลาที่ต้องใช้ในการติดตั้งและดูแลรักษา ในขณะที่ยังได้ระบบที่มีประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลในระดับสูงไปใช้งาน ทำให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์และใช้งานข้อมูลเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องกังวลกับประเด็นทางด้าน IT Infrastructure เพื่อรองรับข้อมูลมหาศาลเหล่านี้อีกต่อไป

สำหรับตัวอย่างการใช้งาน IIAS เองก็มีหลากหลาย เช่น

  • ระบบ Data Warehouse สำหรับธุรกิจทางด้านการเงินและธนาคาร ที่ระบบเหล่านี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจอยู่แล้ว การอัปเกรดมาใช้ IIAS นี้ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล, เพิ่มความยืดหยุ่นและทนทานของระบบ รวมถึงยังเปิดให้ระบบ Data Warehouse สามารถทำงานร่วมกับ Cloud และใช้ทรัพยากรหรือข้อมูลปริมาณมหาศาลที่มีอยู่บน Cloud ได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
  • ระบบ Data Warehouse สำหรับธุรกิจภาครัฐที่ต้องการเริ่มต้นก้าวเข้าสู่โลกของ Big Data ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากระบบ Application และแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่เดิมภายในองค์กรเข้ามาสู่ศูนย์กลาง พร้อมให้นำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์หรือให้บริการข้อมูลแก่ภาคประชาชนต่อไปได้
  • ระบบ Data Warehouse สำหรับธุรกิจค้าปลีก ที่แต่ละวันนั้นก็มีปริมาณ Transaction มหาศาล และต้องการออกรายงานเชิงธุรกิจอย่างรวดเร็วแบบวันต่อวัน หรือต้องการนำข้อมูลไปวิเคราะห์เชิงการตลาดแบบ Real-time ไปจนถึงต้องการเริ่มต้นระบบ Machine Learning, Deep Learning หรือ AI ที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูล Transaction ปริมาณมหาศาลเหล่านี้ให้ได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://www.ibm.com/th-en/marketplace/integrated-analytics-system/

 

อัปเกรดจาก IBM Netezza สู่ IBM Integrated Analytics System เสริมประสิทธิภาพพร้อมความสามารถด้าน Data Science และ Machine Learning

IBM Netezza นั้นนับเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยี Data Warehouse ของ IBM ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และถูกเลือกใช้งานโดยธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจได้อย่างแม่นยำ และเมื่อแนวโน้มของการนำข้อมูลมาใช้งานนั้นเติบโตเป็นอย่างมาก หลายองค์กรที่ใช้ IBM Netezza อยู่เดิมจึงเลือกที่จะอัปเกรดระบบที่ใช้งานอยู่มาสู่ IBM Integrated Analytics System ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Data Warehouse ล่าสุดของ IBM นั่นเอง

ในการอัปเกรดนี้ไม่เพียงแต่ระบบจะมีความเร็วในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลมากขึ้นจากการที่ Hardware มีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งในส่วนของ Server และ Storage แต่ Software เองก็ได้ถูกออกแบบให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วยการนำ In-memory Database มาใช้ พร้อมทั้งยังเพิ่มความสามารถในการย้ายข้อมูลไปยังระบบ Cloud และการให้บริการข้อมูลให้เข้าถึงได้ง่ายผ่าน Common SQL ด้วย

นอกจากนี้ด้วยการที่ IIAS นั้นมีระบบ IBM Data Science Experience (DSX) มาให้พร้อมใช้งานในตัว ก็ทำให้การต่อยอดจาก Data Warehouse ไปสู่การทำ Data Science และ Machine Learning สามารถเกิดขึ้นในธุรกิจองค์กรได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องลงทุนในระบบอื่นๆ เพิ่มเติม ส่งผลให้องค์กรสามารถทดลองใช้เทคโนโลยีประมวลผลข้อมูลรูปแบบใหม่ๆ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจองค์กรต่อยอดขึ้นไปได้อีกขั้นหนึ่ง

 

เร็วแรงด้วย IBM Power System และ IBM FlashSystem ผสาน IBM DB2 และ Blu Acceleration

จุดเด่นหนึ่งที่ถือว่าน่าสนใจมากของ IIAS นี้ก็คือการที่ระบบนี้เลือกใช้ Hardware ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ร่วมกับเทคโนโลยี Database ประสิทธิภาพสูงของ IBM เองเพื่อเร่งประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลให้สูงสุด ดังนี้

  • IBM Power System S822L ระบบ Linux Server ประสิทธิภาพสูงที่ใช้หน่วยประมวลผล IBM POWER8 พร้อมการออกแบบระบบให้รองรับงานทางด้านการประมวลผลข้อมูลให้สูงกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ ถึง 2 เท่า ด้วยการออกแบบระบบการรับส่งข้อมูลภายใน Server ให้มีประสิทธิภาพสูงกว่าปกตินั่นเอง
  • IBM FlashSystem 900 ระบบ All-Flash Storage จาก IBM รุ่นที่เน้นประสิทธิภาพการเขียนอ่านข้อมูลให้สูงถึงขีดสุด เพื่อรองรับระบบ Real-time Analytics โดยเฉพาะ
  • IBM DB2 พร้อม Blu Acceleration ระบบฐานข้อมูลประสิทธิภาพสูงที่ทำงานแบบ In-memory Database เพื่อให้การเขียนอ่านข้อมูลเกิดขึ้นได้ด้วยประสิทธิภาพในระดับที่สูงสุด

การยกระดับทั้งเทคโนโลยีในฝั่งประมวลผลและรับส่งข้อมูลบน Server, การเลือกใช้ All-Flash Storage และการใช้ In-memory Database ร่วมกันนี้เองที่เป็นหัวใจของการออกแบบระบบ Integrated System ของ IIAS นี้ให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เพื่อรองรับการเติบโตของข้อมูลปริมาณมหาศาลในอนาคต ให้องค์กรยังมั่นใจได้ว่าระบบ IT Infrastructure สำหรับ Data Warehouse นี้จะยังคงทำงานได้อย่างรวดเร็วต่อไปในอนาคตได้

 

ผสานเทคโนโลยีได้หลากหลาย ตอบโจทย์การทำ Data Warehouse ได้ครบวงจร

โจทย์หนึ่งที่ถือว่าใหญ่มากสำหรับระบบ Data Warehouse และ IBM ให้ความสำคัญสูงมากนั้น ก็คือการที่ IBM ได้พยายามออกแบบระบบให้รองรับการเชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ได้มากมาย เพื่อให้พร้อมนำไปใช้งานตอบโจทย์ด้านระบบ Data Warehouse ที่หลากหลายได้ ดังนี้

  • การเชื่อมต่อกับระบบ Extract/Transform/Load (ETL) อย่างเช่น IBM Master Data Management, IBM Information Governance Catalog, IBM Quality Stage และ IBM Datastage
  • การเชื่อมต่อกับระบบ Unstructured Data ที่ถูกจัดเก็บอยู่ภายใน Apache Hadoop ได้ผ่านทาง IBM BigSQL
  • การเชื่อมต่อกับระบบ Data Analytics, Machine Learning และ AI อย่าง IBM Cognos Analytics, IBM Planning Analytics, IBM SPSS, IBM CPLEX, IBM Watson Analytics และอื่นๆ
  • การเชื่อมต่อกับระบบ Data Virtualization อย่าง IBM Hybrid Data Management รองรับการใช้งานข้อมูลได้จากทั้งภายในระบบ Data Center หรือ Private Cloud ขององค์กร ร่วมกับข้อมูลที่อยู่บน Public Cloud ได้ พร้อมมีเทคโนโลยี Data Mover สำหรับโอนถ่ายย้ายข้อมูลระหว่างกันได้อย่างง่ายดาย

จะเห็นได้ว่า IIAS นี้สามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อให้ระบบโดยรวมมีความสามารถในการจัดการข้อมูลได้ตามรูปแบบที่ธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องการได้อย่างยืดหยุ่นทีเดียว และไม่เพียงแต่การเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีของ IBM เองเท่านั้น แต่ IIAS นี้ก็ยังสามารถเชื่อมต่อและทำงานร่วมกับโครงการ Open Source Software ทางด้านการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างหลากหลาย เพราะ IBM ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการต่างๆ ร่วมกับชุมชน Open Source เช่น Jupyter Notebooks, Apache Spark, RDBMS, NoSQL, Hadoop และอื่นๆ อีกมากมาย

 

ง่ายดายด้วยบริการติดตั้งและดูแลรักษาจาก IBM

ด้วยการออกแบบระบบให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่นในการใช้งานและเพิ่มขยาย ในขณะที่ยังคงง่ายต่อการดูแลรักษาและตอบโจทย์ ทาง IBM จึงได้ออกแบบ IIAS ให้มี Technology Stack ที่ครอบคลุมต่อทุกความต้องการในการจัดการและการใช้งานข้อมูล อีกทั้งยังมีการใช้งาน Container เพื่อให้สามารถให้บริการต่างๆ ได้อย่างหลากหลายและกินทรัพยากรของระบบโดยรวมน้อยกว่าการใช้ Virtual Machine (VM) ดังเช่นในอดีต

แนวทางดังกล่าวนี้ถึงแม้จะทำให้ IIAS มีส่วนประกอบที่มากมาย แต่ทาง IBM เองก็ได้นำเสนอ IIAS ในฐานะของ Integrated System ที่ทำการติดตั้งมาแบบสำเร็จรูปทั้งในส่วนของ Software และ Hardware ให้พร้อมใช้งานได้ทันที ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในขั้นตอนการติดตั้ง อีกทั้งภายใน IIAS นี้ก็ยังมีระบบ Management และ Monitoring ที่ครอบคลุมครบถ้วน พร้อมให้เข้าถึงได้ผ่านทาง Web Browser ให้บริหารจัดการและแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว ไม่ต้องยากลำบากกับการเรียนรู้และบริหารจัดการระบบผ่านทาง Command Line เหมือนในอดีตอีกต่อไป

นอกจากนี้ หากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นกับระบบ ระบบก็จะมีการแจ้งปัญหาดังกล่าวผ่านทาง Notification และผู้ดูแลระบบเองก็สามารถทำการเปิดเคสขอการสนับสนุนจากทาง IBM ได้ทันทีผ่านระบบบริหารจัดการ ดังนั้นในแง่ของการดูแลรักษานั้นจึงถือว่าค่อนข้างง่ายและสะดวกสบายมากทีเดียว

สำหรับในระยะยาว หากองค์กรต้องการให้ระบบ Data Warehouse นี้มีความทนทานที่สูงขึ้น ก็สามารถเพิ่มขยายระบบให้รองรับการทำงานทดแทนแบบ High Availability (HA) หรือ Disaster Recovery (DR) ต่อได้ในอนาคตด้วย

 

IIAS พร้อมให้ทดสอบการใช้งานจริงแล้วในไทยที่ Ingram Micro รายเดียวเท่านั้นในประเทศไทย

Ingram Micro ตัวแทนจำหน่ายของ IBM อย่างเป็นทางการในประเทศไทยได้ทำการติดตั้งระบบ IBM Integrated Analytics System แล้วภายใน Data Center ของ Ingram Micro ที่ถนนรัชดาภิเษก นับเป็นระบบ Demo ชุดแรกและชุดเดียวในประเทศไทย เพื่อให้เหล่าธุรกิจองค์กรที่มีแผนที่จะขยับขยายระบบ Data Warehouse ที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพและความสามารถที่สูงขึ้น รวมถึงแผนการเริ่มต้นไปสู่ระบบ Big Data Analytics ได้ทดลองนำข้อมูลที่มีอยู่และเทคโนโลยีที่ใช้งานอยู่มาทำงานร่วมกับ IIAS เพื่อให้เข้าใจถึงประโยชน์ที่จะได้รับมากยิ่งขึ้น และตัดสินใจลงทุนได้ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้านมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่า Ingram Micro เองในฐานะของตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางด้านระบบ IT สำหรับองค์กรหลากหลายแบรนด์เองก็สามารถนำเทคโนโลยีที่หลากหลายทั้งจากทาง IBM เองและจากผู้ผลิตรายอื่นๆ มาทดสอบการทำงานร่วมกับระบบ IIAS ได้ ก็ทำให้การทดสอบเทคโนโลยีนั้นมีความสมจริงมากขึ้นด้วยการสร้าง Environment ให้มีความคล้ายคลึงกับระบบที่ต้องการใช้งานจริงให้มากที่สุดได้ และทำให้ภาพของการทดสอบเทคโนโลยีมีความครบครันรอบด้านมากขึ้นไปอีกทาง

ทั้งนี้ทาง IBM เองก็มีเอกสารคู่มือเกี่ยวกับการใช้งาน IIAS ให้นำไปศึกษากันได้ฟรีๆ แบบออนไลน์อยู่ที่ https://docs-iias.mybluemix.net/ ดังนั้นผู้ที่สนใจก็อาจทำการศึกษาในช่องทางนี้เพื่อให้เข้าใจถึงพื้นฐานและความสามารถของระบบก่อนทำการทดสอบได้ทันที

 

ติดต่อ Ingram Micro ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชัน IBM Integrated Analytics System หรือ IIAS สามารถติดต่อทีมงานของ Ingram Micro (Thailand) Ltd. เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม, นำเสนอผลิตภัณฑ์ หรือทดสอบการใช้งานจริงได้ทันทีที่ อีเมล TH-IBMSW@ingrammicro.comและสามารถติดตามข่าวสารใหม่ๆ จาก Ingram Micro ได้ที่ https://www.facebook.com/IngramMicroThailand/ และจาก IBM Thailand ที่ https://www.facebook.com/IBMThailand/

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-integrated-analytics-system-for-big-data-and-data-warehouse-by-ingram-micro/

IBM เผย นำ Neural Network ผสานลง IBM Db2 เรียนรู้และปรับปรุง SQL Query ให้มีประสิทธิภาพ

IBM ได้ออกมาเล่าถึงแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพของ SQL Database อย่าง IBM Db2 ด้วยการนำเทคโนโลยี Machine Learning เข้ามาผสานใช้งานแล้ว

 

Credit: IBM

 

ก่อนหน้านี้ IBM Db2 นั้นมีการจัดเก็บข้อมูลสถิติการใช้งาน CPU, RAM, Network และ I/O ของการทำ Query ในแต่ละรูปแบบเพื่อนำมาสร้าง Model และเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีสุดมาตั้งแต่ปี 1979 แล้ว แต่ปัจจุบันทาง IBM ก็ได้ตัดสินใจนำ Machine Learning เข้าไปเรียนรู้พฤติกรรมการทำงานของ IBM Db2 เพิ่มเติม สร้างเป็น Neural Network ขึ้นมา

IBM ระบุว่า Neural Network นี้จะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของ IBM Db2 ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดที่ดีที่สุด โดยที่ผู้ดูแลระบบไม่ต้องเข้าไปทำ Database Tuning ด้วยตัวเองมากอย่างแต่ก่อน และยังช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับบน Database ได้ดีขึ้นอีกด้วย

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถรับชม Webinar ภาษาอังกฤษโดยตรงกับทาง IBM ได้ที่ https://www.ibm.com/analytics/events/machine-learning-everywhere/ ครับ

 

ที่มา: http://www.ibmbigdatahub.com/blog/databases-learn

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-embeds-neural-network-into-ibm-db2-for-machine-learning/

รู้จัก Dell Toad: ตัวช่วย Developer และ Database Administrator ให้ทำงานกับระบบฐานข้อมูลได้ง่ายขึ้น

dell_logo

การเติบโตของการใช้งาน Application ในระดับองค์กร และปริมาณของข้อมูลที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างมหาศาลในปัจจุบันนี้ ทำให้ระบบฐานข้อมูลของแต่ละองค์กรนั้นทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น และการบริหารจัดการระบบฐานข้อมูลให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ถือเป็นหัวใจหนึ่งที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจ Dell เข้าใจในจุดนี้เป็นอย่างดี และได้นำเสนอโซลูชัน Toad แก่เหล่าองค์กรทั่วโลกมากมาย เพื่อช่วยให้องค์กรเหล่านั้นสามารถสร้างคุณค่าใหม่ๆ จากระบบฐานข้อมูลภายในองค์กรได้มากยิ่งขึ้น ดังนี้

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

 

ช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ต้องเชื่อมต่อกับ Database มี Code Quality ดีขึ้น

Toad-for-Oracle-screenshot-6

Toad Software นั้นได้มีการผสานนำองค์ความรู้ทางด้าน Best Practice ในการเชื่อมต่อกับระบบ Database ชั้นนำจากหลากหลายยี่ห้อเอาไว้ในผลิตภัณฑ์ และสามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือพัฒนา Software ต่างๆ เพื่อให้เหล่านักพัฒนาหรือ Developer นั้นสามารถสร้างโค้ดในส่วนที่เชื่อมต่อกับระบบ Database ได้จากการอ้างอิง Best Practice เหล่านั้น ทำให้โค้ดส่วนนี้มีทั้งประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี, มีการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย และง่ายต่อการปรับเปลี่ยนแก้ไขในอนาคต

Toad-for-Oracle-screenshot-8

นอกจากนี้ด้วย Module ของ Toad ที่จะช่วยดึงข้อมูลภายใน Database ออกมาแสดงให้นักพัฒนาได้เห็นในระหว่างพัฒนา ก็ทำให้การพัฒนา Software ในแต่ละส่วนนั้นมีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น และมั่นใจได้มากยิ่งขึ้นว่าโค้ดต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมานี้จะสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องตรงตามความต้องการของระบบ

 

ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น

Toad-for-Oracle-screenshot-3

Toad นั้นมีความสามารถรองรับในการบริหารจัดการระบบ Database ได้หลากหลายยี่ห้อแบบอัตโนมัติ ทำให้งานต่างๆ ของเหล่าผู้ดูแลระบบนั้นมีความรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น, สามารถปรับแต่งประสิทธิภาพการทำงานของระบบได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับ Database ได้ไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งยังสามารถช่วยแจ้งเตือนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับระบบ Database ให้เหล่า Database Administrator สามารถทำการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย

 

 

ตรวจสอบการทำงาน และวิเคราะห์รูปแบบการใช้งาน Database ทั้งหมดได้จากศูนย์กลาง

Toad-for-Oracle-screenshot-1

ภายในชุด Software ของ Toad นี้ยังได้พ่วงความสามารถในการทำ Database Monitoring และ Database Analytics เข้ามาเพื่อช่วยให้การติดตามการทำงานและการตรวจสอบประสิทธิภาพหรือการวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานเป็นไปได้อย่างง่ายดายจากหน้าจอเดียว ทำให้การวางแผนการปรับแต่ง, การออกแบบระบบฐานข้อมูล หรือการลงทุนอัปเกรดระบบฐานข้อมูลนั้นสามารถทำได้อย่างแม่นยำด้วยข้อมูลการใช้งานจริงที่มีอยู่

Toad-for-Oracle-screenshot-9

 

รองรับฐานข้อมูลหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกระบบสำหรับองค์กร

Toad นี้สามารถรองรับระบบ Database ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Oracle Database, IBM DB2, MySQL, Microsoft SQL Server, SAP รวมถึงโซลูชัน Big Data อย่าง Apache Hadoop และ NoSQL Database จากหลากหลายผู้ผลิต เพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถเลือกใช้เทคโนโลยีระบบ Database ที่เหมาะสมกับความต้องการที่สุดได้ ในขณะที่ Toad ก็ยังคงเป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการและพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อเชื่อมต่อกับระบบ Database ทั้งหมดได้อย่างต่อเนื่อง

 

Toad Extension for Eclipse: ปลั๊กอินใช้งานฟรี ช่วยให้พัฒนา Java ได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับผู้ที่ใช้งาน Eclipse ในการพัฒนา Java Application นั้น Toad มีชุด Freeware Extension ให้สามารถโหลดไปใช้งานได้ฟรีๆ เพื่อทำให้การเขียนโค้ดส่วนที่เชื่อมต่อกับ Oracle, MySQL, PostgreSQL และ MongoDB เป็นไปได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ โดยผูู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและทำการ Download ได้ฟรีๆ ทันทีที่ http://software.dell.com/products/toad-extension-for-eclipse/

 

สนใจ Toad? ติดต่อ Value เพื่อรับราคาพิเศษได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันของ Toad Software สามารถติดต่อเพื่อปรึกษารายละเอียดทางเทคนิคและขอรับใบเสนอราคาได้ทันทีที่ Dellsoftware@value.co.th หรือโทร 02-261-2900 ต่อ 1496 หรือโทร 081-855-2241

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

from:https://www.techtalkthai.com/introduce-dell-toad-database-optimization-and-monitoring-tool/

IBM เปิดตัว DS8880 Hybrid Storage รุ่นล่าสุด เร็วขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า

IBM ได้ทำการเปิดตัว IBM DS8880 Hybrid Storage โดยมีจุดเด่นใหม่ๆ ที่น่าสนใจดังนี้

ibm_ds8880_hybrid_storage

  • ใช้ IBM Power 8 Servers 2 ชุด ทำหน้าที่เป็น Redundant Storage Controller
  • มี Cache สูงสุด 2TB
  • มี Bandwidth เพิ่มขึ้นจาก IBM DS 8870 รุ่นก่อนถึง 2 เท่า และมี IOPS มากขึ้น 50-60%
  • ติดตั้ง Disk Drive ได้สูงสุด 1,536 ชุด และ Flash Card ได้สูงสุด 240 ชุด
  • มี Storage Interface ได้สูงสุด 128 ช่อง รองรับ 8/16Gbps FC
  • เชื่อมต่อกับ Mainframe ได้เร็วขึ้นด้วย High Performance FICON
  • ควบคุม IO ได้ด้วย IO Priority Manager
  • เขียน DB2 Log ได้เร็วขึ้นในการทำ Metro Mirror ด้วยเทคโนโลยี zHyperWrite และรองรับ HyperSwap ด้วย
  • มีระบบ Self-Learning Caching Algorithm ชื่อ SARC สำหรับรองรับการ Cache ให้แก่ Application ที่มีรูปแบบหลากหลาย
  • มีระบบ Adaptive Multi-Stream Pre-fetching (AMP) ช่วยดึงข้อมูล Sequential Data ล่วงหน้า
  • มีระบบ Intelligent Write Caching (IWC) ช่วยให้ Random Write เร็วขึ้นได้ 2 เท่า

สำหรับรุ่นที่จะเปิดตัว มีด้วยกัน 3 รุ่น ได้แก่

  • IBM DS8884 รุ่นเล็กขนาด 40U
  • IBM DS8886 รุ่นใหญ่ขนาด 46U
  • IBM DS8888 รุ่น All Flash เปิดตัวช่วงต้นปี 2016

สำหรับในไทย จะมีงานเปิดตัววันที่ 24 พฤศจิกายน 2015 นี้นะครับ ใครสนใจไปร่วมงานก็ติดต่อทีมงาน IBM Thailand ได้เลยครับ

ที่มา: http://www-03.ibm.com/systems/ke/storage/announcement.html , http://public.dhe.ibm.com/common/ssi/ecm/ts/en/tsl03228usen/TSL03228USEN.PDF  , http://www.storagereview.com/ibm_launches_new_ds8880_hybrid_storage_family 

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-announced-latest-ds8880-hybrid-storage/

ไอบีเอ็มเปิดตัวเมนเฟรม z13 ระบบที่ทรงพลังและปลอดภัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา [Official News]

สุดยอดนวัตกรรมก้าวล้ำตอบโจทย์ธุรกรรมยุคโมบายล์แบบเรียลไทม์

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 6 กุมภาพันธ์ 2558: ไอบีเอ็ม [NYSE: IBM] เปิดตัวระบบเมนเฟรมรุ่นใหม่ z13 หนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์ที่ก้าวล้ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัสและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของธุรกรรมต่างๆ แบบเรียลไทม์ รวดเร็วกว่าระบบคู่แข่งถึง 17 เท่า ปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมในยุคโมบายล์ โดยเฉพาะในแวดวงการเงินการธนาคารหรือค้าปลีกขนาดใหญ่ที่ต้องรองรับการดำเนินการขนาดหลายล้านล้านรายการ พร้อมประหยัดค่าใช้จ่ายและสามารถปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น

ibm_z13_1

เมนเฟรม z13 มอบความสามารถใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน อาทิ

  • z13 มีไมโครโปรเซสเซอร์ที่เร็วที่สุดในโลก โดยเร็วกว่าโปรเซสเซอร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปถึง 2 เท่า ทั้งยังมีหน่วยความจำมากกว่าถึง 300 เปอร์เซ็นต์ และแบนด์วิธมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นระบบแรกที่สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากถึง 2.5 พันล้านรายการต่อวัน โดยธุรกรรมบน z13 จะมีลักษณะต่อเนื่อง ได้รับการปกป้อง และสามารถแก้ไขได้ตั้งแต่ต้นจนจบ เพิ่มความมั่นใจและตอบโจทย์ธุรกรรมโมบายล์ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มเป็น 40 ล้านล้านธุรกรรมต่อวันภายในปี 2568
  • z13 คือระบบแรกที่รองรับการเข้ารหัสแบบเรียลไทม์สำหรับธุรกรรมโมบายล์ทั้งหมด ไม่ว่าจะมีขนาดเท่าใด จึงช่วยปกป้องข้อมูลการทำธุรกรรมต่างๆ และรองรับการตอบสนองที่ฉับไว โดยระบบที่ก้าวล้ำนี้นำไปสู่การจดสิทธิบัตรใหม่กว่า 500 รายการ เช่น เทคโนโลยีการเข้ารหัสลับที่รองรับฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมสำหรับธุรกรรมโมบายล์ เป็นต้น
  • z13 เป็นเมนเฟรมรุ่นแรกที่มีความสามารถด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเวคเตอร์แบบในตัว และส่งมอบข้อมูลการทำธุรกรรมทั้งหมดได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้สถาบันการเงินหรือบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่สามารถตรวจจับการฉ้อโกงในธุรกรรมทางธุรกิจได้แบบเรียลไทม์และ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ช่วยหยุดยั้งธุรกรรมก่อนที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค พร้อมการนำเสนอข้อมูลเชิงลึก ‘ขณะเชื่อมต่อ’ รวดเร็วกว่าคู่แข่งถึง 17 เท่า ด้วยค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย

“ทุกครั้งที่ผู้บริโภคทำการซื้อหรือกดปุ่มรีเฟรชบนสมาร์ทโฟน อาจก่อให้เกิดชุดเหตุการณ์ต่อเนื่องเพิ่มขึ้นบนระบบประมวลผลที่รองรับธุรกรรมนั้นๆ ตั้งแต่ 4 ถึง 100 ครั้ง เมนเฟรม z13 ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษให้สามารถจัดการกับธุรกรรมหลายพันล้านรายการเหล่านั้นได้อย่างทรงประสิทธิภาพ ในเศรษฐกิจยุคโมบายล์ในปัจจุบัน มีเพียงเมนเฟรมของไอบีเอ็มเท่านั้นที่สามารถนำเอาระบบดาต้าเซ็นเตอร์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกมาไว้ในมือคุณ” นายสุรฤทธิ์ วูวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจระบบและเทคโนโลยี บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าว “ทุกวันนี้ ผู้บริโภคคาดหวังธุรกรรมโมบายล์ที่รวดเร็ว ง่ายดาย และปลอดภัย สิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจก็คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยและทรงพลัง ที่ผนวกเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ก้าวล้ำเข้าไว้ด้วยกัน”


เมนเฟรม z13 รองรับธุรกรรมโมบายล์และ“ผลกระทบแบบดาวกระจาย” ได้อย่างปลอดภัย

ปัจจุบันผู้บริโภคจำนวนมหาศาลทำธุรกรรมผ่านอุปกรณ์โมบายล์ และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไม่ช้านี้ โดยแต่ละธุรกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูล การเปรียบเทียบกับข้อมูลการซื้อก่อนหน้านี้ การกระทบยอดระหว่างธนาคาร หรือการใช้ส่วนลดสำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิก ล้วนก่อให้เกิดชุดเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องบนระบบประมวลผลหลายๆ ระบบ เป็น “ผลกระทบแบบดาวกระจาย” (starburst effect) ซึ่งอาจก่อให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ณ แต่ละจุดของการสื่อสาร โดยผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศและไอที 71 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าประเด็นเรื่องความปลอดภัยเป็นปัญหาท้าทายที่สำคัญที่สุดขององค์กรที่ปรับใช้เทคโนโลยีโมบายล์ในการดำเนินงาน (Mobile Enterprise) เพราะมีจุดโจมตีมากมาย

เมื่อผสานรวมเข้ากับโซลูชั่น IBM MobileFirst ระบบเมนเฟรม z13 จะมอบสมรรถนะ ความพร้อมใช้งาน การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และการรักษาความปลอดภัยที่เหนือกว่า รวมถึงประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์พกพา ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถสร้างสรรค์แอพที่ดีกว่าและปลอดภัยมากกว่า โดย IBM MobileFirst Protect มอบการรักษาความปลอดภัยที่ไร้รอยต่อและการจัดการแบบครบวงจรสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์ โปรแกรม เนื้อหา และธุรกรรมทั้งหมดของลูกค้า

ibm_z13_2

เมนเฟรม z13 ก้าวล้ำด้วยการส่งมอบข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับธุรกรรมทั้งหมด

z13 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อรองรับการปรับแต่งเพิ่มเติม ทั้งการตรวจสอบรูปแบบการซื้อสินค้าของลูกค้าในแบบเรียลไทม์ เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นสำหรับสินค้าที่เกี่ยวข้องก่อนที่ลูกค้าจะเดินออกจากร้าน และในบางกรณีอาจเสนอโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจก่อนที่ลูกค้าจะเดินเข้ามาในร้าน

ระบบ z13 ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถวิเคราะห์ธุรกรรมของลูกค้าได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ และสามารถใช้เทคโนโลยีการสร้างแบบจำลองสำหรับการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ของไอบีเอ็มอย่าง SPSS ปรับแต่งธุรกรรมได้ทันทีที่เกิดขึ้น

สนับสนุน Hadoop เพื่อรองรับการวิเคราะห์ข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง สามารถเพิ่มเติม DB2 BLU สำหรับ Linux ซึ่งรองรับฐานข้อมูลในหน่วยความจำเพื่อเพิ่มศักยภาพการค้นหาข้อมูลให้รวดเร็วขึ้น เร่งความเร็วของระบบวิเคราะห์ข้อมูล IBM DB2 และเสริมประสิทธิภาพสำหรับเวิร์คโหลดการวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านคณิตศาสตร์ได้

เมนเฟรม z13 กับระบบคลาวด์ภายในองค์กรที่สมบูรณ์แบบ

z13 เป็นสถาปัตยกรรมคลาวด์ภายในองค์กร (private) และแบบไฮบริด (hybrid) ที่สมบูรณ์แบบ ด้วยความสามารถในการปรับขนาดและจัดการเวิร์คโหลดมากมายได้อย่างปลอดภัย โดยสถาปัตยกรรมแบบ Scale-out นี้จะสามารถรันเซิร์ฟเวอร์เสมือนได้มากกว่า 50 ระบบต่อหนึ่งคอร์ จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนของซอฟต์แวร์ ไฟฟ้า และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก

มีการประเมินว่าระบบคลาวด์ z Systems บน z13 มีค่าใช้จ่ายโดยรวมในการดูแลรักษาระบบน้อยกว่า 32 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 3 ปี เมื่อเทียบกับระบบคลาวด์ x86 และมีค่าใช้จ่ายโดยรวมในการดูแลรักษาระบบน้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 3 ปี เมื่อเทียบกับระบบคลาวด์สาธารณะ (public) นอกจากนั้น z13 ยังใช้มาตรฐานเปิด จึงรองรับ Linux และ OpenStack ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ibm_z13_3

ตอบโจทย์ด้วยบริการเช่าซื้อตามราคาตลาด

ไอบีเอ็ม โกลบอล ไฟแนนซิ่ง (IBM Global Financing) ยังมอบบริการเช่าซื้อตามราคาตลาดสำหรับเมนเฟรม z13 รุ่นใหม่นี้ พร้อมสินเชื่อผ่อนชำระสำหรับลูกค้าที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดและต้องการอัพเกรดจากระบบรุ่นเก่าเป็นรุ่น z13 หรือเปลี่ยนระบบ z ที่มีอยู่ให้เป็นอุปกรณ์เช่าขณะที่อัพเกรด หรือซื้อระบบ z13 เครื่องใหม่

######################

เกี่ยวกับ z13

ระบบ z13 เป็นผลลัพธ์จากการลงทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ และการพัฒนาที่ยาวนานถึง 5 ปี โดยเป็นนวัตกรรมที่นำไปสู่การจดสิทธิบัตรใหม่กว่า 500 รายการ และอาศัยการทำงานร่วมกับลูกค้ากว่า 60 ราย นับเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งของไอบีเอ็มในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มอบคุณประโยชน์ที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ z13 และ IBM z Systems ได้ที่ ibm.com/systems/z

from:http://www.techtalkthai.com/ibm-releases-new-powerful-mainframe-z13/