คลังเก็บป้ายกำกับ: HPE_INFOSIGHT

HPE และ SiS Distribution ขอเรียนเชิญเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ “เติมเต็ม IT INFRA ECOSYSTEMS ด้วยที่สุดแห่ง A.I.” ลุ้นรับ Phone gaming [15 ต.ค. 2564]

Hewlett Packard Enterprise (HPE) และ SiS Distribution (Thailand) PCL. ร่วมกับ IT Essentials (Thailand) limited ขอเรียนเชิญเหล่าผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานด้าน IT เข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ หัวข้อ “เติมเต็ม IT INFRA ECOSYSTEMS ด้วยที่สุดแห่ง A.I. กับ HPE INFOSIGHT” ระบบช่วย Monitoring และวิเคราะห์ปัญหาอัจฉริยะที่จะมาช่วยดูแลจัดการกับปัญหาต่างๆ ของ IT Infra ในองค์กรได้แบบเหนือชั้น มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว สามารถส่งมอบบริการได้อย่างราบรื่น ประหยัดเวลา และลดค่าใช้จ่ายในการจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้ ด้วยการแก้ไขปัญหาได้แบบอัตโนมัติ พร้อมคำแนะนำเชิงคาดการณ์ ในวันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม 2564 เวลา 13.30-15.00 น. ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ฟรี และร่วมลุ้นรับ Phone gaming และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

การดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัลที่ล้วนมีการเชื่อมต่อและเกี่ยวข้องกับ IT ทั้งสิ้น ความสามารถในการบริหารจัดการระบบ IT ให้พร้อมใช้งาน มีความเสถียร และมีประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา เป็นพลังอย่างหนึ่งในการขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์กรในยุคนี้ ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายของฝ่าย IT ที่จะต้องคอย Monitor ระบบ IT และคอยแก้ไขปัญหามากมายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบ IT ขององค์กร ยิ่งระบบ IT มีความซับซ้อน การแก้ไขปัญหาก็ยากขึ้นและส่งผลต่อ Downtime ที่นานขึ้นเช่นกัน IT admin อาจจะต้องเสียเวลาทั้งวันไปกับการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ

ขับเคลื่อนและจัดการทุกๆ อย่างในระบบ Infrastructure environment ด้วย AI

“HPE InfoSight” เครื่องมือที่จะช่วยจัดการปัญหา Infrastructure ได้อย่างชาญฉลาด ผ่านการเก็บรวบรวมข้อมูลการทำงานของระบบต่างๆ และนำข้อมูล Big data เหล่านั้นมาวิเคราะห์ด้วย AI (Artificial Intelligence) ช่วยคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น, วิเคราะห์ปัญหา, ระบุสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาได้อย่างรวดเร็ว, ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน, ปิดช่องโหว่ด้าน Disruptive performance และลดเวลาในการจัดการกับปัญหาต่างๆ 

ระบบช่วย Monitoring และวิเคราะห์ปัญหาอัจฉริยะ ที่มาพร้อมความสามารถ Self-Managing, Self-Healing และ Self-Optimizing อัจฉริยะ ด้วย AIOPS (Artificial Intelligence for IT Operations) ที่จะทำให้ลืมการตอบสนองต่อปัญหาแบบเดิมๆ ที่ตอบสนองต่อปัญหาหลังจากเกิดปัญหาขึ้นมาก่อน เนื่องมาจากความสามารถในการมองเห็นที่จำกัดใน Infrastructure ที่เป็นแบบแยกส่วนและมีความซับซ้อน HPE InfoSight จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า Environment ของคุณทำงานได้ตลอดเวลา มีความรวดเร็ว และคล่องตัวตลอดเวลา ด้วยการดำเนินการอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI

ลดเวลาในการจัดการกับปัญหา

ในทุกๆ วินาที HPE InfoSight จะทำการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบมากกว่า 100,000 ระบบทั่วโลก และใช้ความฉลาดนั้นทำให้ทุกระบบฉลาดขึ้นและพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น HPE InfoSight ช่วยคาดการณ์และแก้ไขปัญหาของลูกค้าโดยอัตโนมัติได้ถึง  86% ช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา (root cause) ที่เกิดขึ้นใน Hybrid environment อีกต่อไป

วิเคราะห์ คาดการณ์ และป้องกันปัญหา Downtime ด้วยความสามารถของ AIOPS

  • สังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดปัญหาใน Infrastructure ตลอด 24×7 ช่วยลดเวลาในการทำงานของ  IT admin
  • คาดการณ์ปัญหาล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้น ช่วยในการปรับปรุงพัฒนา Uptime
  • ช่วยให้มั่นใจได้ว่า ระบบของคุณจะไม่ประสบปัญหาเดียวกันกับที่เกิดขึ้นใน IT environment อื่นๆ

รายละเอียดงานสัมมนาออนไลน์

หัวข้อสัมมนาออนไลน์ :  เติมเต็ม IT INFRA ECOSYSTEMS ด้วยที่สุดแห่งA.I. กับ “HPE INFOSIGHT”

วัน: ศุกร์ที่15ตุลาคม2564 เวลา: 13.30-15.00น.

ช่องทางการบรรยาย: ITE Facebook  (https://www.facebook.com/ITETHAILAND)

ลิงก์ลงทะเบียน: https://forms.gle/CPDeAm2Mx3zgVEZe9

กติกา การรับรางวัล

  • เพียงลงทะเบียนเข้าร่วมงานก็มีสิทธิ์ลุ้นรับ โทรศัพท์ GAMER ในยุคแห่ง ESPORT ONLINE กันเลย

>> อย่ารอช้า รีบลงทะเบียนกันได้ที่ https://forms.gle/CPDeAm2Mx3zgVEZe9

  • ลุ้นรับ ของรางวัลอื่นๆ สไตล์ Mobility อีกมากมาย

หมายเหตุ

  • บริษัทขอสงวนสิทธ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • การตัดสินของคณะกรรมการถือว่าเป็นเด็ดขาด และเป็นที่สิ้นสุดในทุกกรณี

ติดต่อ/สอบถาม: คุณนันทพร (ต่าย)

Email : Nunthaporn.t@ite-intl.com , thsales@ite-intl.com หรือ ITE Office เบอร์ 02-7140088

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-sis-distribution-it-infra-ecosystems-with-ai-15-oct-2564/

ดูแลรักษาระบบ Virtualization อย่างครบวงจรแบบอัตโนมัติ ด้วย HPE InfoSight ระบบ AI อัจฉริยะช่วยจัดการ Data Center จาก HPE

ระบบ Virtualization นั้นได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบ IT ภายในหลายธุรกิจองค์กร โดยไม่ว่าระบบนั้นๆ จะติดตั้งใช้งานบน Server, Storage, HCI หรือ dHCI ก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วเมื่อระบบถูกใช้งานไปนานๆ และมีการเพิ่มขยายทรัพยากรในระบบอย่างต่อเนื่อง ระบบก็จะมีความซับซ้อนที่สูงขึ้น และยากต่อการดูแล

HPE มีวิสัยทัศน์ในการช่วยเหลือผู้ดูแลระบบ IT ทั่วโลกให้สามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้ ด้วยการประยุกต์นำเทคโนโลยี AI มาใช้ช่วยดูแลระบบ Data Center ในทุกส่วนตั้งแต่ Virtualization, Server, Storage และ Network ได้อย่างครอบคลุม ภายใต้โซลูชัน HPE InfoSight ผู้ช่วย AI อัจฉริยะที่พร้อมช่วยดูแลทุกโซลูชันจาก HPE นั่นเอง

HPE InfoSight: ให้ AI เป็นผู้ช่วยดูแล Data Center ของธุรกิจองค์กร

credit : HPE

HPE InfoSight นั้นถือเป็นโซลูชันระบบ AIOps แรกๆ ของวงการที่ถูกเปิดตัวออกมาและใช้งานเป็นวงกว้าง โดยแนวคิดของ HPE InfoSight นั้นก็คือการมีระบบ AI ที่ทำงานอยู่บน Cloud ซึ่งทำหน้าที่รวบรวม จัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและปัญหาที่ถูกตรวจพบภายในระบบ Virtualization, Server และ Storage นั่นเอง

แรกเริ่มนั้น HPE InfoSight สามารถใช้งานได้กับโซลูชัน HPE Nimble Storage เท่านั้น และโซลูชันดังกล่าวนี้ก็ได้ถูกต่อยอดมาใช้งานกับโซลูชันอื่นๆ ของ HPE เพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น HPE Primera, HPE 3PAR StoreServ, HPE SimpliVity, HPE Synergy หรือแม้แต่ HPE ProLiant Server และ HPE Apollo Server ก็ตาม

ความสามารถของ HPE InfoSight นั้นมีด้วยกันหลากหลาย เช่น

  • การตรวจสอบค้นหาปัญหาหรือแนวโน้มการเกิดปัญหาภายในระบบต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลผสานรวมจากหลายระบบ ทั้ง Virtualization, Server, Storage และ Network พร้อมแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหา
  • การวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของระบบส่วนต่างๆ และทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การวางแผนลงทุนเพิ่มขยายระบบเป็นไปได้อย่างแม่นยำ
  • การทำงานแบบ Proactive Maintenance ด้วยการเปิด Ticket ไปยัง HPE โดยอัตโนมัติ และจัดการตรวจสอบว่าหากปัญหาถูกแก้ไขแล้ว ก็ให้ทำการปิด Ticket ได้ด้วยตนเองแบบอัตโนมัติ
  • สามารถเรียนรู้ปัญหาใหม่ๆ เพิ่มเติมได้ด้วยตนเอง จากข้อมูลที่ได้รับจากระบบ IT ต่างๆ กว่า 100,000 ระบบที่ทำการส่งข้อมูลมาทำการวิเคราะห์บน HPE InfoSight อย่างต่อเนื่อง

ด้วยแนวทางดังกล่าวนี้ HPE InfoSight จึงเป็น AI ที่จะมีความชาญฉลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา ด้วยการรวบรวมองค์ความรู้จากปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบ IT ของธุรกิจองค์กรทั่วโลก และนำองค์ความรู้เหล่านั้นมาใช้แก้ไขปัญหาให้กับระบบอื่นๆ ได้โดยอัตโนมัติ

กรณีศึกษา: HPE InfoSight + HPE Nimble Storage dHCI บริหารจัดการทั้ง Stack ของ Virtualization Infrastructure ได้ด้วย AI

credit : HPE

ท่ามกลางกระแสความนิยมของโซลูชัน Hyperconverged Infrastructure (HCI) ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เนื่องจากความง่ายดายในการติดตั้งและเริ่มต้นใช้งาน ทำให้งานของผู้ดูแลระบบ IT ใน Day 0 และ Day 1 นั้นกลายเป็นเรื่องง่าย แต่หลายธุรกิจองค์กรเองก็เริ่มเผชิญกับปัญหาในการใช้ระบบ HCI ในระยะยาวกันแล้ว นั่นก็คือการดูแลรักษาระบบในระยะยาวหรือ Day 2 Operation นั่นเอง

ด้วยความที่ระบบ HCI นั้นถูกออกแบบมาให้ทำงานแบบ Software-Defined ทั้งหมด และมีส่วนประกอบภายในที่หลากหลายได้แก่ Virtualization, Compute, Storage และ Network ในหนึ่งเดียว ในขณะที่ตัว Server Hardware ที่ถูกนำมาใช้ใน HCI เองนั้นก็ยังคงมีส่วนของ CPU, RAM, Disk, Network Interface และ BIOS/Firmware ในส่วนต่างที่ยังต้องดูแลอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นถึงแม้ HCI จะติดตั้งและเริ่มต้นใช้งานได้ง่าย แต่ในการดูแลรักษานั้นก็แทบจะไม่แตกต่างจากระบบ Virtualization แบบดั้งเดิมมากนัก เพียงแค่เปลี่ยนจากการดูแลระบบ Physical Hardware จำนวนมากที่เชื่อมต่อกัน มาเป็น Software-Defined ที่หลากหลายซึ่งทำงานร่วมกันและมีระบบบริหารจัดการแบบศูนย์กลางเท่านั้น

HPE InfoSight ในฐานะของระบบ AI อัจฉริยะที่จะเข้ามาช่วยผู้ดูแลระบบ IT ในการดูแลรักษา Data Center ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และวางแผนเพิ่มขยายได้อย่างแม่นยำนี้ ก็สามารถตอบโจทย์การดูแลรักษาระบบ HCI ไปจนถึงระบบที่เป็นทางเลือกสำหรับ HCI อย่าง Disaggregated HCI ได้อย่างง่ายดาย โดยในบทความนี้เราจะหยิบยกตัวอย่างของการนำ HPE InfoSight มาใช้เพื่อช่วยดูแลรักษาระบบ HPE Nimble Storage dHCI ซึ่งเป็นโซลูชัน Disaggregated HCI จาก HPE กัน

1. การดูแลรักษาระบบในระดับ Virtualization

HPE InfoSight จะทำการรวบรวมข้อมูลสถิติการใช้งานภายในระบบ Virtualization อย่าง VMware เพื่อนำไปแสดงผลการใช้งานและทำการวิเคราะห์เพื่อแนะนำถึงตรวจสอบค้นหาปัญหาต่างๆ เช่น การใช้พลังประมวลผลของแต่ละ VM ที่อาจมากผิดปกติ, ปริมาณการใช้ RAM ที่อาจเพิ่มขึ้นจนระบบมีไม่เพียงพอให้ใช้งาน หรือการเข้าถึงข้อมูลบางส่วนที่อาจเกิด Latency มากเกินไป เป็นต้น

HPE InfoSight ไม่เพียงแต่นำข้อมูลบนระบบ Virtualization มาใช้ในการวิเคราะห์เท่านั้น แต่ยังสามารถนำข้อมูลจากระบบส่วนอื่นๆ เช่น Server, Storage และ Network มาใช้ร่วมวิเคราะห์ได้ด้วย ทำให้เมื่อเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นมา HPE InfoSight จะสามารถช่วยค้นหาต้นเหตุของปัญหาเหล่านั้นได้อย่างแม่นยำ และยังสามารถให้คำแนะนำได้ว่าควรจะต้องแก้ไขอย่างไร

2. การดูแลรักษาระบบในส่วนของ Compute

HPE InfoSight สามารถติดตามปริมาณการใช้งาน CPU และ RAM ที่เกิดขึ้นในระบบได้ และยังสามารถตรวจจับเหตุการณ์การใช้ทรัพยากรในการประมวลผลที่สูงผิดปกตินี้ได้ทั้งในระดับของ VM และ Server เพื่อให้สามารถทำการแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกจุด เช่น การแนะนำให้ย้าย VM ที่ใช้ทรัพยากรบางส่วนสูงไปยัง Physical Server เครื่องอื่นในระบบที่ยังคงมีทรัพยากรส่วนนั้นอย่างเพียงพอ เป็นต้น

การรวบรวมข้อมูลในส่วนนี้จะผสานรวมกันทั้งข้อมูลจากระบบ Virtualization และข้อมูลที่ได้รับจาก HPE iLO ซึ่งเป็นข้อมูลจาก Physical Server โดยตรง ดังนั้น HPE InfoSight จึงสามารถใช้ช่วยในการบริหารจัดการลงไปได้ถึงระดับของ Hardware, BIOS และ Firmware เลยทีเดียว

3. การดูแลรักษาระบบในส่วนของ Storage

สำหรับระบบ HCI ทั่วๆ ไปนั้น ข้อมูลในส่วนของ Storage จะถูกรวบรวมจากระบบ Software-Defined Storage ที่ใช้งานและข้อมูลจาก SSD/HDD ภายใน Server แต่สำหรับกรณีของ HPE Nimble Storage dHCI นี้ ส่วนของ Storage จะถูกย้ายมาอยู่บน HPE Nimble Storage แทนทั้งหมด ซึ่ง HPE InfoSight ก็สามารถทำการรวบรวมข้อมูลจาก HPE Nimble Storage มาวิเคราะห์ร่วมกันได้

ในการวิเคราะห์ข้อมูลของ HPE Nimble Storage นี้ จะมีทั้งส่วนของความจุหรือ Capacity ที่ระบบสามารถแสดงผลพื้นที่ที่ถูกใช้ในการจัดเก็บข้อมูล และการทำ Data Reduction เพื่อลดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำ Deduplication, การทำ Compression หรือการ Clone ก็ตาม ในขณะที่ข้อมูลเชิงประสิทธิภาพอย่างเช่น Latency หรือ Bandwidth นั้นก็สามารถถูกตรวจสอบได้ถึงระดับของ VM เพื่อให้ทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน Storage ของแต่ละ VM และแจ้งเตือนเมื่อเกิดกรณีผิดปกติได้

4. การดูแลรักษาระบบในภาพรวม

HPE InfoSight จะนำข้อมูลทุกส่วนมาผสานรวมกันและแสดงผลเป็นภาพรวมการทำงานของระบบว่ามีปัญหาใดเกิดขึ้นบ้างในระดับของ Server และ Storage พร้อมจัดลำดับความสำคัญของปัญหาให้โดยอัตโนมัติ และแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหา ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบข้อมูลของปัญหาเหล่านั้นและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบ

5. การแจ้งเตือนและให้บริการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาโดยอัตโนมัติ

ในการแก้ไขปัญหาหรือแนวโน้มของการเกิดปัญหาใดๆ นั้น HPE InfoSight ยังสามารถทำการเปิด Support Ticket ไปยังทีมงาน HPE ได้โดยอัตโนมัติเมื่อเกิดปัญหาใดๆ ขึ้น เพื่อให้ทีมงาน HPE ทำการจัดส่ง Hardware ใหม่มาทดแทนอุปกรณ์เดิมที่เสียหาย และเมื่ออุปกรณ์เหล่านั้นถูกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว ระบบก็จะทำการอัปเดต Ticket นั้นๆ และปิดเคสให้โดยอัตโนมัติเมื่อมีปัญหา

แนวทางนี้ได้ช่วยให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปได้โดยอัตโนมัติสูงสุด โดยที่ผู้ดูแลระบบ IT ไม่ต้องวุ่นวายกับการเปิด Ticket, การรวบรวมข้อมูล Log ที่เกี่ยวข้อง และการติดตามเคสด้วยตนเองอีกต่อไป

HPE ระบุว่าในการใช้ HPE InfoSight ร่วมกับโซลูชันของ HPE Nimble Storage นี้ จะทำให้งานของผู้ดูแลระบบ IT มีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นอย่างมาก เช่น

  • สามารถทำนายแนวโน้มของปัญหาและแก้ไขประเด็นเหล่านั้นได้โดยอัตโนมัติมากถึง 86% ช่วยลด Downtime ของระบบและทำให้การใช้งานระบบยังคงเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • สามารถใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาลงได้ถึง 85% ด้วยข้อมูลแวดล้อมที่ครบถ้วน และคำแนะนำในการเพิ่มทรัพยากรส่วนที่จำเป็นของระบบ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูล, ประสิทธิภาพของระบบ หรือ Bandwidth ที่ต้องการ
  • สามารถช่วยแก้ไขปัญหาในส่วนที่นอกเหนือจาก Storage ได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการทำ Performance Tuning, การปรับแต่งด้าน Security ไปจนถึงการทำ Proactive Maintenance ที่แม่นยำ

สำหรับผู้ที่สนใจ HPE InfoSight, HPE dHCI หรือโซลูชันอื่นๆ จาก HPE และอยากขอคำปรึกษา, ออกแบบระบบ หรือขอใบเสนอราคา สามารถติดต่อทีมงาน Metro Connect ได้ทันทีที่ Email: MKTMCC@metroconnect.co.th  หรือโทร 02-089-4880 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Metro Connect ได้ทันทีที่ https://www.metroconnect.co.th/

from:https://www.techtalkthai.com/automate-manage-your-virtualize-system-with-hpe-infosight-by-mcc/

ตอบทุกโจทย์ความต้องการใน Data Center ขององค์กร ด้วยโซลูชัน HPE ครบวงจรจาก BizCon

การลงทุนอัปเกรดระบบ Data Center ของธุรกิจองค์กรในทุกวันนี้จะมองแต่เพียงเรื่องของเทคโนโลยีแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป แต่ประเด็นด้านรูปแบบการลงทุน และความยืดหยุ่นในการเพิ่มขยายระบบเองก็สำคัญไม่แพ้กัน

BizCon ในฐานะพันธมิตรระดับ Platinum Partner ของ HPE ต้องการที่จะตอบทุกโจทย์ความต้องการในการลงทุนด้านเทคโนโลยีของธุรกิจองค์กรให้ได้ จึงได้นำ 3 โซลูชันหลักจาก HPE มาให้บริการแก่ธุรกิจองค์กรไทย ได้แก่

  • ระบบ IT Infrastructure ใน Data Center ครอบคลุม Server และ Storage ทุกรุ่น
  • ระบบ HPE Ezmeral สำหรับรองรับ Container และ Multi-Cloud ในองค์กร
  • บริการ HPE GreenLake สร้างทางเลือกในการเช่าใช้งานทุกโซลูชันจาก HPE

BizCon ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการระบบ IT สำหรับธุรกิจองค์กร พร้อมประสบการณ์กว่า 30 ปี

BizCon Solutions นั้นถือเป็นหนึ่งในธุรกิจ IT ที่อยู่คู่เมืองไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยประสบการณ์ในวงการที่ยาวนานกว่า 30 ปี และมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญครอบคลุมทุกเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Cloud, Data Center, Enterprise Networking, Enterprise Security, End User Computing, Backup, Disaster Recovery รวมถึงการวางระบบ SAP สำหรับธุรกิจองค์กร

ไม่เพียงแต่ความเชี่ยวชาญเชิงเทคนิคเท่านั้น แต่การจับมือเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำทางด้าน Enterprise IT เองก็มีด้วยกันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น HPE, Aruba, Veritas, Veeam, VMware, Microsoft, Fortinet, Sophos, Trendmicro, Fireeye, Radware, Rapid7 และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถเลือกใช้งานโซลูชันที่เหมาะสมกับตนเองได้ โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก BizCon คอยสนับสนุนให้บริการติดตั้งและดูแลรักษาหลังการขายอย่างครบวงจร รวมถึงยังมีบริการ Managed Services เพื่อช่วยให้ธุรกิจองค์กรนำนวัตกรรมใหม่ๆ ไปใช้งานได้อย่างคล่องตัวโดยไม่ต้องกังวลถึงประเด็นด้านทักษะและความพร้อมของบุคลากร

ในแง่ความสัมพันธ์กับ HPE นั้น BizCon Solutions ถือเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของ HPE ด้วยการเป็น HPE Platinum Partner และ HPE Aruba Silver Partner โดยไม่ได้เป็นพันธมิตรกับคู่แข่งรายอื่นๆ ของ HPE เลย เรียกได้ว่าครอบคลุมทั้งโซลูชันฝั่ง Data Center, Networking และ Security ของ HPE เลยทีเดียว

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ BizCon ได้ที่ https://www.bizcon.co.th/

ปี 2021 มุ่งเน้นการให้บริการ HPE ตอบโจทย์ทุกมิติทั้งด้านเทคโนโลยีและรูปแบบการลงทุน

สำหรับปี 2021 นี้ BizCon ได้ตั้งเป้าหมายที่จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถฝ่าฟันวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ไปให้ได้ ในฐานะของผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ IT Infrastructure สำหรับธุรกิจองค์กร ที่นำเสนอโซลูชันของ HPE เป็นรากฐานสำคัญในการปรับตัวและเปิดรับต่อนวัตกรรมใหม่แห่งอนาคต ด้วยการมุ่งเน้นการนำเสนอ 3 โซลูชันหลักดังนี้

1. HPE IT Infrastructure Solutions

Credit: HPE

BizCon สามารถนำเสนอโซลูชันล่าสุดทางด้าน Data Center ของ HPE ไม่ว่าจะเป็นระบบ Server, Storage, Network และ Management ให้กับธุรกิจองค์กรได้ครบทุกสายผลิตภัณฑ์ของ HPE เพื่อให้ธุรกิจองค์กรมีทางเลือกในการใช้งานโซลูชันที่ตอบโจทย์ที่สุดของตนเอง โดยโซลูชัน Data Center จาก HPE นั้นมีจุดเด่นที่เหนือกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ดังนี้

  • ออกแบบโดยมุ่งเน้นความมั่นคงปลอดภัยเป็นสำคัญตั้งแต่ระดับของ Hardware, Software และ Supply Chain ช่วยลดความเสี่ยงที่ธุรกิจจะตกเป็นเหยื่อของภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบ
  • มีระบบ AI จาก HPE InfoSight คอยช่วยในการตรวจสอบวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นภายใน Data Center ในแบบ Real-Time ช่วยให้การแก้ไขปัญหาหรือจัดการกับประเด็นความเสี่ยงต่างๆ เป็นไปได้ในแบบเชิงรุก ช่วยลด Downtime ที่จะเกิดขึ้นกับระบบในระยะยาวลงได้เป็นอย่างดี
  • ครอบคลุมทุกโซลูชัน ไม่ว่าจะเป็น Server อย่าง HPE ProLiant/HPE Apollo, Storage อย่าง HPE Primera/HPE Nimble Storage, HCI อย่าง HPE SimpliVity และระบบบริหารจัดการอย่าง HPE OneView ตอบโจทย์ได้ทุกการใช้งานในธุรกิจทุกขนาด
  • พร้อมก้าวสู่ภาพของ Hybrid Cloud และ Multi-Cloud ได้อย่างเต็มที่ ด้วยการรองรับการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการ Cloud ชั้นนำหลายราย
  • การรับประกันทั่วประเทศไทย ที่มีระดับของบริการหลังการขายให้เลือกได้หลายระดับ มั่นใจได้ว่าระบบสำคัญจะสามารถดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสมอยู่เสมอ

นอกเหนือจากเทคโนโลยีของ HPE เอง ทาง BizCon ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือธุรกิจองค์กรในการผสานรวมระบบเทคโนโลยีอื่นๆ ให้ทำงานร่วมกับโซลูชันของ HPE ได้ เพื่อวางระบบโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจองค์กรให้ได้อย่างครอบคลุม

2. HPE Software Solutions

Credit: HPE

สำหรับธุรกิจองค์กรที่ต้องการก้าวสู่การพัฒนาระบบ Application สมัยใหม่เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Digital Transformation นั้น ทาง BizCon ก็พร้อมช่วยตอบโจทย์ระบบ IT Infrastructure สำหรับองค์กรกลุ่มนี้ด้วย HPE Ezmeral ครอบคลุมโซลูชันดังต่อไปนี้

  • HPE Ezmeral Container Platform สำหรับรองรับระบบ Cloud-Native Application ชั้นนำด้วย Kubernetes
  • HPE Ezmeral Data Fabric สำหรับรองรับโครงการระบบ Big Data & Analytics ด้วยเทคโนโลยีจาก MapR
  • HPE Ezmeral ML Ops สำหรับธุรกิจองค์กรชั้นนำที่มีการพัฒนา Machine Learning ของตนเอง ด้วยการนำแนวคิด DevOps เข้าไปเสริมกระบวนการสร้างโมเดลและการจัดการกับข้อมูล
  • HPE Ezmeral IT Ops & Automation สำหรับบริหารจัดการระบบ IT ขนาดใหญ่ด้วยเครื่องมืออย่าง HPE OneView ควบคู่ไปกับการใช้ AI จาก HPE InfoSight มาช่วยบริหารจัดการระบบ Data Center แบบอัตโนมัติ
  • HPE Managed Cloud Controls สำหรับควบคุมค่าใช้จ่ายและทำ Compliance ให้กับธุรกิจที่มีการใช้บริการ Public Cloud เป็นหลัก
  • Security Software นำโครงการ SPIFFE และ SPIRE ภายใต้ CNCF มาใช้เสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับระบบ Cloud-Native Platform

3. HPE Cloud Service Solutions

Credit: HPE

เพื่อให้ธุรกิจองค์กรมีทางเลือกในการลงทุนเทคโนโลยีที่ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น BizCon จึงได้นำโซลูชัน HPE GreenLake ซึ่งเป็นบริการเช่าใช้งานอุปกรณ์และระบบ IT สำเร็จรูปจาก HPE ที่ติดตั้งใช้งานได้ภายในองค์กรโดยตรง และคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง รวมถึงมีทีมงานของ HPE และ BizCon คอยดูแลสนับสนุนหลังการขาย พร้อมเพิ่มขยายระบบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

ปัจจุบัน HPE GreenLake มีโซลูชันที่สามารถเลือกใช้งานได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมทั้ง Container, Virtual Machine, Private Cloud, VDI, Database Platform, Big Data, Machine Learning, Data Protection, SAP, Compute, Storage, Networking, High Performance Computing, Managed Cloud Service และ Governance and Management ให้ธุรกิจองค์กรสามารถเลือกเช่าใช้ได้เฉพาะส่วนที่ตนเองต้องการ หรือเลือกใช้งานทั้งโซลูชันจาก HPE เลยก็ได้เช่นกัน

 

สนใจโซลูชันของ HPE ติดต่อ BizCon ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันใดๆ ของ HPE สามารถติดต่อทีมงาน BizCon เพื่อขอรับคำปรึกษา, ใบเสนอราคา หรือบริการด้านเทคนิคได้ทันทีที่ Email: BizconMarketing@bizcon.co.th หรือโทร 082-0103588, 098-5523307 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ BizCon ได้ที่  https://www.bizcon.co.th/

 

กิจกรรมพิเศษ !! เพื่อลุ้นรับของรางวัล  ( เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย มูลค่า 1,490.- )

ขอเชิญชวน ผู้ที่สนใจ ท่านสามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมสนุกๆ เพื่อลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษ จากทาง BizCon solutions ได้ที่ Facebook BizCon: https://www.facebook.com/BizCon-Solutions-Co-Ltd-536639640076652/

ฝากติดตามกันด้วยนะคะ

from:https://www.techtalkthai.com/complete-data-center-solutions-and-services-with-hpe-by-bizcon/

ชมย้อนหลัง งาน HPE Discover More Bangkok 2019

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทาง HPE Thailand ได้จัดงานใหญ่ประจำปี HPE Discover More Bangkok 2019 ซึ่งภายในงาน ก็ได้นำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชันใหม่ๆที่น่าสนใจมากมาย สำหรับผู้ที่พลาดไม่ได้เข้าร่วมงาน สามารถรับชมวิดีโอเซสชันและบรรยากาศงานย้อนหลังได้ในบทความนี้

เปิดงาน HPE Discover More Bangkok 2019 

Accelerating Next – ตอบโจทย์ IT Infrastructure ในยุค Edge to Cloud

National Agenda on AI โดย รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนา

Building Intelligent Data Platform and AI Data Center

HPE InfoSight: AI-driven Operation for Hybrid Cloud

Accelerating Business Transformation in Data-centric World

ชมบูธภายในงาน HPE Discover More Bangkok 2019

ติดต่อ HPE Thailand

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามอัพเดตข่าวสารใหม่ๆ จากทาง HPE Thailand ได้ที่ https://www.facebook.com/Connecthpetoday/

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-discover-more-bangkok-2019-recap/

เปิดตัว HPE Primera อุปกรณ์ Storage ล่าสุด ชูจุดเด่น 100% Available Guarantee และอัปเกรดได้เรื่อยๆ ไม่ตกรุ่น

HPE ได้ออกมาประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูลใหม่ล่าสุด HPE Primera ซึ่งเป็น All Flash Storage รุ่นใหม่ที่รองรับ NVMe และ Storage-Class Memory (SCM) เป็นหลัก พร้อมสนับสนุนการใช้งานและเพิ่มความทนทานด้วย AI อีกทั้งยังมาพร้อมกับ 100% Available Guarantee และความสามารถในการอัปเกรดระบบได้เรื่อยๆ โดยไม่มีวันตกรุ่น

Credit: HPE

HPE Primera นี้ทำงานด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Multi-Mode, All-Active และออกแบบมาให้รองรับการใช้งาน NVMe และ SCM ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อรองรับงาน Mission Critical ภายในระบบ IT ของธุรกิจองค์กรโดยเฉพาะ และสามารถรองรับการใช้งานในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน

จุดเด่นหนึ่งที่น่าสนใจคือการที่ HPE Primera นี้ออกแบบมาให้ทำงานโดยมี AI สนับสนุนโดยเฉพาะ ซึ่งก็มีทั้ง HPE InfoSight ที่สามารถช่วยตรวจสอบการใช้งาน Application ต่างๆ ภายในระบบ Storage และทำนายโอกาสที่จะเกิดความผิดปกติขึ้นในระบบล่วงหน้า ทำให้สามารถป้องกันปัญหาล่วงหน้าได้ พร้อมทั้งมี Embedded AI Engine ภายในช่วยตรวจสอบและประมวลผลความผิดปกติหรือทำนายปัญหาได้แบบ Real-time และยังมีเทคโนโลยีในการปกป้องข้อมูลที่หลากหลายอย่างเช่น Automatic Site Failover หรือ Data Protection บน Cloud และนี่เองที่ทำให้ HPE Primera กล้าที่จะใช้คำว่า 100% Availability Guarantee

อีกจุดหนึ่งก็คือการชูความเป็น Timeless Storage ที่ถ้าหากธุรกิจองค์กรเลือกที่จะ Subscribe บริการของ HPE ก็จะทำให้ HPE Primera สามารถอัปเกรดอย่างต่อเนื่องได้โดยไม่ตกรุ่นอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น License ของความสามารถต่างๆ บนระบบ, การอัปเกรด Controller ให้ฟรีๆ ไปจนถึงการรับประกันให้กับทั้งการทำ Data Reduction และ Data Availability

ปัจจุบันนี้ข้อมูลเชิงเทคนิคอย่างเป็นทางการของ HPE Primera ยังไม่ออกมา โดยผู้ที่สนใจข้อมูลเบื้องต้นก็สามารถเข้าไปศึกษาก่อนได้ที่ https://www.hpe.com/us/en/storage/hpe-primera.html หรือดูคลิปแนะนำด้านล่างนี้ก่อนได้เลยครับ

ที่มา: https://community.hpe.com/t5/Around-the-Storage-Block/Introducing-HPE-Primera-the-first-storage-unicorn-with-mythical/ba-p/7051129#.XQpi94gzaUk

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-primera-is-announced/

HPE ประกาศรองรับ Memory-Driven Flash ใช้ SCM และ NVMe ใน Storage พร้อมเปิดตัว AI รุ่นใหม่

HPE ได้ออกมาอัปเดตหลายประเด็นทางด้านเทคโนโลยี Storage ของตนเองในงาน HPE Discover 2018 ทั้งในแง่ของ AI, Cloud และการรองรับ SCM และ NVMe ดังนี้

 

Credit: HPE

 

HPE InfoSight ระบบ AI สำหรับช่วยดูแลรักษาและทำนายปัญหาของระบบ Storage นั้นได้ถูกเพิ่มความสามารถให้ครอบคลุมไปถึง Virtualization Layer ได้แล้ว และยังช่วยแนะนำได้ด้วยว่าควรนำ Workload ใดไปทำงานอยู่บนระบบไหนเพื่อให้ใช้ทรัพยากรได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น ในขณะที่ยังเพิ่มการนำ Machine Learning ไปใช้ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาด้านประสิทธิภาพบน HPE 3PAR ได้ด้วย

ส่วนบริการ Cloud อย่าง HPE Cloud Volumes สำหรับใช้งานร่วมกับ HPE Nimble Storage นั้นก็ได้ประกาศรองรับการใช้งานในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เพิ่มเติมในปี 2019, ประกาศรองรับการทำงานร่วมกับ Docker และ Kubernetes เพื่อรองรับ DevOps และ Cloud-Native Application รวมถึงผ่านการรับรอง SoC 2 Type 1 Certification แล้ว

นอกจากนี้ HPE 3PAR และ HPE Nimble Storage ก็ประกาศรองรับ HPE Memory-Driven Flash โดยใช้ Storage Class Memory (SCM) และ NVMe ในการจัดเก็บข้อมูล ช่วยลด Latency ลงได้ 2 เท่า และทำงานได้เร็วขึ้น 50% รองรับการประมวลผลแบบ Real-time ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://hpe.com/storage/memorydrivenflash/

สำหรับประกาศอื่นๆ ที่น่าสนใจมีดังนี้

  • HPE Nimble Storage รองรับการทำ Peer Persistence สามารถทำ Multi-site Synchronous Replication พร้อม Automatic Failover ได้แล้วโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • รองรับการทำงานร่วมกันระหว่าง HPE Apollo, HPE DL380 Server และ Cohesity เป็นอีกทางเลือกในการ Backup ข้อมูล
  • เปิดตัว HPE Apollo 4200 Gen10 ระบบ Server สำหรับรองรับงาน Big Data Analytics และ Scale-Out Software Defined Storage
  • HPE GreenLake Flex Capacity มีลูกค้าใช้งานพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ On-Premises กว่า 500PB ด้วยค่าใช้จ่ายแบบ Pay-per-Use แล้ว
  • เปิดตัว HPE GreenLake for Backup โดยรองรับ Veeam สำหรับการสำรองข้อมูลโดยคิดค่าใช้จ่ายแบบ Consumption-based ได้แล้ว

 

ที่มา: https://news.hpe.com/hewlett-packard-enterprise-introduces-industry-leading-storage-intelligence-to-portfolio/

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-supports-memory-driven-flash-and-new-ai-for-its-storages/

HPE ประกาศรองรับ HPE ProLiant, Apollo, Synergy บน HPE InfoSight แล้ว ใช้ AI ดูแล Server ได้ทันที

ในงาน HPE Discover 2018 ทาง HPE ได้ออกมาประกาศถึงการเสริมความสามารถให้กับ HPE InfoSight ระบบ AI สำหรับตรวจสอบและทำนายปัญหาภายใน Data Center ว่าสามารถทำงานร่วมกับ HPE ProLiant, HPE Apollo และ HPE Synergy ได้แล้ว

 

Credit: HPE

 

เดิมที HPE InfoSight นี้เป็นเทคโนโลยีของ Nimble Storage ที่ HPE ซื้อกิจการเข้ามา ซึ่งทาง HPE ก็ได้เสริมความสามารถให้ HPE InfoSight นี้สามารถช่วยดูแลและทำนายการทำงานของระบบ Storage จาก HPE เพิ่มเติมเข้าไปได้แล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งในการประกาศครั้งนี้ HPE ก็ได้ประกาศรองรับให้ HPE InfoSight สามารถดูแล Server เพิ่มเติมได้ด้วย

ที่ผ่านมา HPE InfoSight สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาระบบลงไปได้มากถึง 79% และช่วยจัดการแก้ไขปัญหาที่ถูกเปิด Ticket มาได้โดยใช้เวลาน้อยลงถึง 85% โดยสามารถทำนายปัญหาที่อาจเกิดล่วงหน้าได้ 86% เลยทีเดียว นอกจากนี้ HPE InfoSight ยังสามารถทำงานร่วมกับ HPE OneView เพื่อช่วยให้การดูแลรักษาและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใน Data Center เป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นอีกด้วย

การใช้ HPE InfoSight จัดการกับ Server ของ HPE นี้จะเปิดให้ใช้งานได้ภายในเดือนมกราคมปี 2019 ที่จะถึงนี้ ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.hpe.com/info/infosight ทันที

 

ที่มา: https://news.hpe.com/hpe-delivers-cloud-based-ai-driven-operations-for-hpe-proliant-apollo-and-synergy-servers/

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-infosight-now-supports-hpe-servers/

รู้จักโซลูชัน HPE Nimble Storage กับการ Integrate ร่วมกับ VMware เพื่อการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

โซลูชันล่าสุดของ HPE อย่าง HPE Nimble Storage นั้น มักเป็นที่รู้จักกันในฐานะของ All Flash/Hybrid Flash Storage ที่มีจุดเด่นด้านการมีระบบ AI สำหรับช่วยในการบริหารจัดการและทำนายปัญหาที่อาจเกิดในอนาคตได้ล่วงหน้า กับการแถมความสามารถในการทำ Backup/Replication มาให้ในตัว แต่บทความนี้จะขอนำเสนอ HPE Nimble Storage ในมุมที่ต่างออกไป กับเทคโนโลยีในการ Integrate การทำงานเข้ากับ VMware ได้อย่างหลากหลาย เพื่อให้ระบบ Virtualization และ Hybrid Cloud ขององค์กรนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

Credit: HPE

 

รู้จัก HPE Nimble Storage ในแบบภาพรวมกันก่อน

สำหรับใครที่อาจยังไม่รู้จัก HPE Nimble Storage มาก่อน เทคโนโลยีนี้คือเทคโนโลยี Storage ล่าสุดที่ HPE ได้ทำการเข้าซื้อกิจการมา เพื่อใช้เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งสำหรับตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ที่กำลังมามองหา All Flash Storage หรือ Hybrid Storage ที่มีประสิทธิภาพสูง, ง่ายต่อการบริหารจัดการ และคุ้มค่า ด้วยความสามารถที่โดดเด่นดังต่อไปนี้

  • มีรุ่นให้เลือกหลากหลาย ทั้ง All Flash, Hybrid, Secondary Flash ตอบโจทย์ได้ตามต้องการด้วยช่วงราคาที่แตกต่างกัน
  • มีความสามารถในการเขียนอ่านข้อมูลสูง ไม่ว่าจะทำงานบน SSD หรือ HDD ก็ตาม
  • สามารถเพิ่มขยายได้หลากหลายวิธีการ ทั้ง Scale Up, Scale Out
  • ลดพื้นที่การเขียนข้อมูลได้ด้วยเทคโนโลยี Deduplication และ Compression ในตัว
  • สามารถทำการ Backup และ Replicate ข้อมูลได้ทันที ไม่ต้องซื้อ License เพิ่ม
  • มีระบบ AI บน Cloud ช่วยตรวจสอบ วิเคราะห์ และทำนายปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับ Storage และระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องล่วงหน้าได้
  • สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีจากผู้ผลิตรายต่างๆ ได้หลากหลาย

ที่ผ่านมาเรามักได้ยินชื่อเสียงของ HPE Nimble Storage ในเรื่องของความง่าย, ความคุ้มค่า และระบบ AI ที่มาช่วยบริหารจัดการเป็นหลัก แต่อันที่จริงแล้ว HPE Nimble Storage เองนี้ก็ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการทำ Virtualization โดยเฉพาะ จึงสามารถทำการ Integrate เข้ากับ VMware ได้หลากหลายความสามารถ และทำให้การใช้ HPE Nimble Storage ในโซลูชันของ VMware นั้นกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

 

ตอบโจทย์ Virtualization อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถในการ Integrate การทำงานร่วมกับ VMware ได้อย่างหลากหลาย

 

Credit: HPE

 

HPE Nimble Storage นี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ VMware เอาไว้อย่างมากมาย เพื่อให้การทำ Data Center Virtualization, Desktop Virtualization หรือ Hybrid Cloud นั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดายในขณะที่ยังคงมีประสิทธิภาพสูงสุด และคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว ดังต่อไปนี้

 

รองรับ VASA ในตัว เชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย

ในปัจจุบันนี้การ Integrate ระบบ Storage เข้ากับ VMware ผ่านทาง VASA ถือเป็นความสามารถพื้นฐานไปแล้ว และ HPE Nimble Storage ก็ได้ทำการฝังระบบ VASA Provider เข้าไปในตัวเลย และทำให้การเชื่อมต่อกับ vCenter สามารถทำได้อย่างง่ายนดายด้วยการติ๊กเลือกเปิดใช้งานเท่านั้น

 

ใช้ HPE Nimble Storage Folders ในฐานะของ VMware Storage Containers ได้

เทคโนโลยี HPE Nimble Storage Folders นี้สามารถเข้ามาเติมเต็มการใช้งาน VMware ได้เป็นอย่างดี ด้วยความสามารถในการเพิ่มหรือลดขนาด Folder ได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่ง HPE Nimble Storage Folders นี้ก็สามารถถูกนำไปใช้เชื่อมต่อเข้ากับ VVol Datastore และบริหารจัดการผ่าน vCenter ได้ทั้งหมด รองรับต่อการเติบโตของ Data Center ในอนาคตได้เป็นอย่างดี

 

รองรับ VVol อย่างเต็มตัว ตอบโจทย์ Virtualization Storage สำหรับอนาคต

การใช้งาน VVol นั้นจะช่วยให้ระบบ Virtualization ของวองค์กรมีความยืดหยุ่นสูงยิ่งขึ้นด้วยการจองพื้นที่เฉพาะเท่าที่ VM ต้องใช้งานจริงๆ และทำให้การบริหารจัดการข้อมูลของแต่ละ VM ทำได้อย่างสะดวก ง่ายดาย และยืดหยุ่นยิ่งกว่าเดิมเป็นอย่างมาก HPE Nimble Storage นี้มาพร้อมกับความสามารถในการรองรับ VVol ได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังสามารถ Offload งานประมวลผลด้านข้อมูลออกมาจาก VMware vSphere ได้ ทำให้ระบบโดยรวมมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นอย่างชุดเจน และปกป้องข้อมูลได้ถึงในระดับ VM

 

รองรับการทำ Backup/Recovery ร่วมกับ VMware VVols

HPE Nimble Storage นี้สามารถรองรับการทำ Array-based Replication ร่วมกับ VMware VVol เพื่อรองรับการทำ Disaster Recovery ได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถทำการกู้คืนข้อมูลหรือระบบ รวมถึงทำการ Clone VM ได้ ทำให้สามารถกู้คืนข้อมูลของ VM เป็นบางส่วนหรือกู้คืนข้อมูลทั้งหมดของ VM ก็ได้เช่นกัน และยังสามารถ Integrate การทำงานร่วมกับ VMware SRM ได้ด้วย

 

มี Plug-in สำหรับ vCenter รองรับความสามารถหลากหลาย

HPE Nimble Storage นี้มี vCenter Plug-in ของตัวเองที่จะช่วยให้การบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับข้อมูลสามารถทำได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ดังนี้

  • สามารถกู้คืนข้อมูลเป็นส่วนๆ โดยสามารถเลือกข้อมูลชุดที่ทำการสำรองเอาไว้ในแต่ละช่วงเวลาได้
  • สามารถกู้คืนข้อมูลไปยัง VM เดิม หรือ Clone VM ใหม่ขึ้นมาจาก Snapshot ก็ได้
  • สามารถกู้คืนข้อมูลเฉพาะ Disk ที่ต้องการได้ หรือจะทำการ Clone Disk ไปเชื่อมต่อเข้ากับ VM ก็ได้
  • เปิด VM ที่สาขาสำรองขึ้นมาในฐานะของระบบ Clone ได้
  • ปกป้องข้อมูลย้อนหลังโดยอัตโนมัติ 72 ชั่วโมง เพื่อป้องกันกรณีการลบ VM โดยอุบัติเหตุได้
  • ทำ Application-consistent Snapshot สำหรับ SQL Server และ Exchange ได้ผ่านทาง VSS for VVols

 

กำหนดค่าการทำงานผ่าน VMware SPBM ได้เลย

VMware Storage Policy Based Management (SPBM) นี้สามารถทำการกำหนดนโยบายการให้บริการ VVols ของ HPE Nimble Storage ได้โดยตรง ดังนี้

  • กำหนด Application Policy ให้ระบบมีประสิทธิภาพการทำงานที่เหมาะสมกับ Application ที่ต้องการใช้งาน
  • กำหนดช่วงเวลาในการทำ Snapshot และ Replication ได้ตามต้องการ
  • สามารถกำหนดการทำ Deduplication ได้อย่างอิสระ
  • เลือกทำ Data Encryption ในระดับ Per Virtual Disk ได้
  • สามารถเลือก Media สำหรับให้บริการข้อมูลได้ว่าจะเป็น All Flash หรือ Hybrid หรือแบบอื่นๆ

 

ประสิทธิภาพสูง รองรับ Bootstorm บน VDI ได้

 

Credit: HPE

 

ด้วยประสิทธิภาพระดับสูงของ HPE Nimble Storage รุ่น All Flash ก็ทำให้การรองรับ Virtual Desktop Infrastructure (VDI) นั้นกลายเป็นเรื่องง่าย และไม่ติดปัญหาคอขวดด้านประสิทธิภาพอย่างเช่นการเกิดเหตุ Bootstorm ของระบบ VDI ในขณะที่ความสามารถในการทำ Deduplication และ Variable Block Compression เองนั้นก็ช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลของ Virtual Desktop สามารถประหยัดพื้นที่ลงไปได้อย่างมหาศาล

นอกจากนี้ ความสามารถในการทำ Zero Copy Clone ของ HPE Nimble Storage เองก็ยังช่วยให้การ Clone VDI Base Image เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและไม่กินพื้นที่ของระบบเพิ่มอีกด้วย

 

HPE InfoSight VMVision ใช้ AI วิเคราะห์การทำงานได้ราย VM

 

Credit: HPE

 

HPE InfoSight VMVision นี้เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี Predictive Analytics ภายใน HPE InfoSight ที่จะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ทรัพยากรที่แต่ละ VM ใช้งานเป็นหลัก เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาด้านประสิทธิภาพของแต่ละ Datastore, Hypervisor, Host ได้ง่ายด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งาน vCPU, Memory, Network ของระบบทั้งหมด ทำให้ผู้ดูแลระบบเข้าใจความสัมพันธ์ของแต่ละกิจกรรมที่เกิดขึ้นซึ่งส่งผลต่อประเด็นด้านประสิทธิภาพ และทราบได้ถึงพื้นที่ว่างที่ VM ไม่ได้มีการใช้งาน เพื่อให้สามารถ Reclaim พื้นที่เหล่านั้นกลับคืนมาได้ และทราบได้ถึงว่ามี VM ใดที่เปิดทิ้งไว้แต่ไม่มีการทำงานจริงบ้าง เพื่อให้สามารถปิด VM หรือวางแผนลดจำนวน VDI ที่เปิดรอเอาไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

HPE InfoSight Cross-Stack Analytics for VMware: แก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้นด้วย AI

 

Credit: HPE

 

HPE InfoSight Cross-Stack Analytics for VMware นี้เป็นอีกความสามารถหนึ่งใน HPE Nimble Storage ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อนำ AI มาประยุกต์ใช้กับ VMware โดยเฉพาะ โดย HPE InfoSight จะทำการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในระบบ Virtualization อย่างครบถ้วนในทุกระดับ ตั้งแต่ Server, Storage, Network, Hypervisor, Operating System ไปจนถึง Application เพื่อให้การตรวจสอบและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็วที่สุด โดยทาง HPE นั้นระบุว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถช่วยทำนายล่วงหน้าถึงปัญหาที่มีแนวโน้มจะเกิดกับระบบได้มากถึง 9 ใน 10 ปัญหาเลยทีเดียว

 

ต่อยอดจาก Virtualization สู่ AI ได้ในอนาคต

การลงทุนกับระบบ Storage ในทุกวันนี้ถือว่ามีแง่มุมที่ต้องคิดมากกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย เพราะปัจจุบันการมาของเทรนด์ด้าน Big Data, AI, Machine Learning และ Deep Learning นั้นถือว่ามาแรงมาก และหลายๆ ธุรกิจเองก็ต้องมีการลองผิดลองถูกกับข้อมูลที่ตนเองมีอยู่ หรือข้อมูลใหม่ๆ ที่ทำการรวบรวมมา เพื่อค้นหาแนวทางในการสร้างคุณค่าใหม่ๆ จากข้อมูลด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลสมัยใหม่

การวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมหาศาลเหล่านี้ ประสิทธิภาพของระบบ Storage ถือว่าสำคัญมากในการลดปัญหาคอขวดในระหว่างการประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ให้น้อยลง ในขณะที่ความสามารถในการเพิ่มขยายระบบได้อย่างสะดวกและง่ายดายนั้นก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การลงทุนในระยะยาวเกิดความคุ้มค่า HPE Nimble Storage ซึ่งมีทั้งรุ่น All Flash, Hybrid Flash และ Secondary Flash จึงสามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้เป็นอย่างดีเมื่อองค์กรต้องการก้าวเข้าสู่โลกของ AI ด้วยการต่อยอดระบบจาก Storage เพื่องาน Virtualization เพียงอย่างเดียว ไปสู่การจัดเก็บข้อมูลและให้บริการข้อมูลสำหรับระบบ AI ในอนาคตได้ด้วยในตัว

 

ติดต่อ Metro Connect ได้ทันที

ผู้ที่สนใจ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม หรือต้องการใบเสนอราคา สามารถติดต่อขอคำปรึกษาเบื้องต้นได้ที่บริษัท Metro Connect Co.,Ltd โดยติดต่อ Mr.Yothin Hongphan โทร 02-089-4343 หรือ e-mail: yothihon@metroconnect.co.th website: http://www.metroconnect.co.th/

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-nimble-storage-for-vmware-by-metro-connect/

CS LOXINFO จับมือ HPE ผลักดัน HPE Nimble Storage ตอบโจทย์ Data Center และ Disaster Recovery ขององค์กรอย่างคุ้มค่า

CS LOXINFO และ HPE Thailand ได้ร่วมกันนำเสนอโซลูชันใหม่ล่าสุดทางด้าน Enterprise Storage อย่าง HPE Nimble Storage ที่จะสามารถตอบโจทย์ทั้งการจัดเก็บข้อมูลของระบบ Production Site และ Disaster Recovery (DR) Site ได้อย่างครอบคลุมครบวงจรในตัว พร้อมมีเทคโนโลยี AI สำหรับช่วยตรวจสอบและแจ้งเตือนความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายใน Data Center ได้โดยอัตโนมัติ เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับเหล่าองค์กรที่กำลังต้องการลงทุนในระบบ Data Center ในปัจจุบัน ให้มีความคุ้มค่าสูงสุด ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน และรองรับระบบ Application ต่างๆ ได้อย่างหลากหลายในหนึ่งเดียว

 

CS LOXINFO จับมือ HPE ผลักดัน HPE Nimble Storage สู่ตลาด เน้นตอบโจทย์ Data Center แห่งอนาคตที่ต้องการความคุ้มค่าและความง่ายดายในหนึ่งเดียว

 

Credit: HPE

 

ในความร่วมมือครั้งนี้ HPE Nimble Storage ที่มีความโดดเด่นมากในหลายแง่มุม จะถูกผลักดันให้กลายเป็นเทคโนโลยี Mainstream Storage ใหม่สำหรับเหล่าลูกค้าธุรกิจขนาดกลางไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ และเหล่าผู้ให้บริการ Internet Service Provider (ISP) หรือ Cloud Service Provider (CSP) ในประเทศไทยเป็นหลัก โดย HPE Nimble Storage นั้นเป็นเทคโนโลยี All Flash Storage และ Hybrid Flash Storage ที่ HPE เข้าซื้อกิจการมาเมื่อไม่นานมานี้ โดยมีจุดเด่นทั้งด้านความยืดหยุ่นในรุ่นที่หลากหลายและคุ้มค่า, มีความสามารถในการทำ Backup และ DR ในตัวโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และการมีระบบ HPE InfoSight ซึ่่งเป็นเทคโนโลยี AI คอยช่วยดูแลสอดส่องปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน Data Center ครอบคลุมได้ถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อระหว่าง Storage กับ Server ได้ทั้งในแง่ Availability และ Performance ทำให้มีจุดเด่นเหนือกว่า Storage ค่ายอื่นๆ เป็นอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้ CS LOXINFO เองในฐานะของ Partner รายใหญ่ของ HPE ที่มีทีมงานวิศวกรที่พร้อมสนับสนุนการนำเทคโนโลยีจาก HPE ไปใช้งานทั้งภายในองค์กรและการนำมาให้บริการ Cloud จึงได้เตรียมผลักดันเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้สู่ตลาดองค์กร ซึ่งก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียวเพราะ HPE Nimble Storage นั้นมาพร้อมกับแนวคิดใหม่ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยยืดหยุ่นด้วย Storage หลากหลายรุ่นจาก HPE Nimble StorageHPE Nimble Storage นี้มาพร้อมกับไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนกับ Enterprise Storage ค่ายอื่นนัก ด้วยการจัดกลุ่ม 3 ผลิตภัณฑ์หลักดังนี้

  • All-Flash Array ระบบ All Flash Storage สำหรับงาน Production ที่มีความทนทานสูงกว่าระดับ 99.9999%
  • Adaptive Flash Array ระบบ Hybrid Flash Storage สำหรับงาน Data Center ที่มุ่งเน้นเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนเป็นหลัก
  • Secondary Flash Array ระบบ All Flash Storage สำหรับระบบ Backup และ Disaster Recovery ที่ต้องการความเร็วในการเขียนอ่านและกู้ข้อมูลสูงโดยเฉพาะ โดยมีการบีบอัดข้อมูลมากเป็นพิเศษถึง 18:1

ก็ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไม่กี่รายที่มีเทคโนโลยี All Flash สำหรับระบบ Backup และ DR แยกออกมาต่างหาก ซึ่งภาพนี้เองก็อาจกลายเป็นแนวทางหลักในอนาคตได้จากการที่เทคโนโลยีในฝั่ง Data Reduction นั้นมีประสิทธิภาพสูงขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ HPE Nimble Storage เองก็ยังมีเทคโนโลยี CASL ที่ช่วยให้การเขียนข้อมูลบน Hard Disk Drive (HDD) มีประสิทธิภาพทัดเทียมกับ Solid State Drive (SSD) ได้ด้วยการจัดเรียงข้อมูลที่จะทำการเขียนให้อยู่ในรูปแบบของ Sequential Write แทน ทำให้การใช้งาน Adaptive Flash Array นั้นก็ยังถือว่ามีประสิทธิภาพและความคุ้มค่าที่เหนือกว่า Hybrid Storage ทั่วๆ ไปอยู่พอสมควรเลยทีเดียวสำรองข้อมูลและทำ DR ได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องมี License ใดๆ เพิ่มเติมสำหรับ HPE Nimble Storageอีกหนึ่งในความสามารถที่โดดเด่นของ HPE Nimble Storage ก็คือความสามารถในการสำรองข้อมูลและสำรองระบบภายในตัวที่แถมมาให้ฟรีแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการทำ Snapshot ได้แบบไม่จำกัดจำนวน, การรองรับการทำ Cloning ระบบและข้อมูลได้ รวมถึงการทำ Replication ได้ อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำ Data Reduction ให้กับข้อมูลที่ Replicate ออกไป ทำให้ประหยัด Bandwidth ในการทำ DR ลงไปได้มหาศาล

 

ตัวอย่างโซลูชันการสำรองข้อมูลแบบครบวงจรร่วมกันระหว่าง HPE และ Veeam Credit: HPE

 

ความสามารถนี้เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ CS LOXINFO นำมาใช้เติมเต็มโซลูชันทางด้าน Backup และ DR ของตน ด้วยการผสานเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ากับบริการฝั่ง Data Center และการสนับสนุนการใช้งานหลังการขายของทีมวิศวกรระบบ ก็ทำให้ HPE Nimble Storage กลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากสำหรับองค์กรที่ต้องการทำ DR Site ในงบประมาณที่จำกัดได้อย่างคุ้มค่า

 

ตัวอย่างการใช้งาน HPE Nimble Storage Secondary Flash Array สำหรับสำรองข้อมูลอย่างรวดเร็วและคุ้มค่า Credit: HPE

 

HPE InfoSight: ดูแลรักษา Data Center ด้วย AI แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

HPE เล่าว่า HPE Nimble Storage นี้มีค่า Availability ที่เหนือยิ่งกว่า 99.9999% ได้ด้วยเทคโนโลยี HPE InfoSight ซึ่งเป็นระบบ Artificial Intelligence หรือ AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาบน Cloud เพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลการทำงานของ HPE Nimble Storage และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งกับตัว HPE Nimble Storage เองและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อรายล้อมอยู่ทั้งหมด ทำให้ HPE สามารถทำนายล่วงหน้าได้ว่าอุปกรณ์ใดมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาขึ้นได้ในอนาคต และทำการสับเปลี่ยนอุปกรณ์นั้นล่วงหน้าได้โดยไม่ต้องเสี่ยงรอให้เกิด Downtime

นอกจากนี้ HPE InfoSight เองก็ยังสามารถช่วยตรวจสอบและระบุสาเหตุของปัญหาได้อย่างแม่นยำ พร้อมมีคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาให้อย่างครบถ้วน ทั้งในแง่ของการระบุสาเหตุที่ระบบไม่สามารถให้บริการได้ หรือสาเหตุที่ระบบ Application ที่มาเชื่อมต่อนั้นทำงานได้ช้า ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถทำงานได้ง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งทีมสนับสนุนการใช้งานของ HPE เองนั้นก็สามารถช่วยระบุและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ด้วยข้อมูลที่เพียบพร้อมจาก HPE Nimble Storage ที่ถูกส่งขึ้นไปบน Cloud นั่นเอง

 

 

CS LOXINFO จัดโซลูชันพิเศษ ตอบโจทย์ Data Center องค์กรด้วย HPE Nimble Storage แบบครบวงจร

ในความร่วมมือกันครั้งนี้ ทาง CS LOXINFO ได้จัดโซลูชันเฉพาะสำหรับ Nimble Storage เพื่อให้เหล่าองค์กรสามารถนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้ไปตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลายขององค์กรได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ด้วย 3 โซลูชันหลักดังนี้

  1. Virtualization & Server Consolidation ช่วยให้เหล่าองค์กรสามารถสร้าง Virtualized Data Center ด้วย HPE Nimble Storage ร่วมกับ HPE ProLiant และ Server อื่นๆ พร้อมกับระบบ Hypervisor ที่ตอบโจทย์การลงทุนขององค์กรได้อย่างสูงสุด
  2. Database Solution ด้วยประสิทธิภาพการทำงานในระดับสูง และความสามารถในการสำรองข้อมูลของ HPE Nimble Storage นั้น ก็ทำให้ CS LOXINFO สามารถช่วยเหล่าองค์กรอัปเกรดระบบ Database ที่มีอยู่ให้ทำงานด้วยประสิทธิภาพและความทนทานของข้อมูลที่สูงขึ้น จากการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีของ HPE Nimble Storage นั่นเอง
  3. Data Center Upgrade with Backup & DR ด้วยความสามารถในการสำรองข้อมูลทั้งภายในสาขาเดียวกันและต่างสาขาของ HPE Nimble Storage ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทาง CS LOXINFO จึงพร้อมช่วยองค์กรทำการอัปเกรด Data Center ในปัจจุบันให้สามารถใช้งาน Flash Storage ของ HPE Nimble Storage เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ใน Data Center อีกทั้งยังมาพร้อมกับความสามารถในการทำ Backup และ DR ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้าน License ซึ่งทาง CS LOXINFO เองก็มีบริการ Data Center สำหรับใช้งานเป็นได้ทั้ง Data Center หลักและ DR Site ได้ตามความต้องการ

นอกจากนี้ CS LOXINFO เองก็ยังมีบริการด้านการ Consulting ให้คำปรึกษาด้านการออกแบบและอัปเกรดอุปกรณ์ต่างๆ ภายใน Data Center เพื่อให้ตอบโจทย์ของธุรกิจองค์กรที่ต้องเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ซึ่งความง่ายดายในการบริหารจัดการ ใช้งาน และการเพิ่มขยายของ HPE Nimble Storage นี้ก็ได้เข้ามาช่วยเสริมให้การออกแบบนี้มีความยืดหยุ่นสูงขึ้น ในขณะที่ทีมงานของ CS LOXINFO เองก็มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการ Integrate เทคโนโลยีต่างๆ ร่วมกับโซลูชันของ HPE เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซลูชันจาก Veeam ที่ได้จับมือกับ HPE และ CS LOXINFO มาโดยตลอด ก็ทำให้โซลูชันด้านการทำ Backup, DR และ Multi-Cloud นั้นสามารถเกิดขึ้นมาได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีของ HPE ร่วมกับ Veeam

 

วางใจด้วย Data Center ชั้นนำจาก CS LOXINFO

ด้วยประสบการณ์การทำธุรกิจทางด้าน Internet และ Data Center มามากกว่า 20 ปีของ CS LOXINFO, การให้บริการ Cloud ในหลากหลายรูปแบบทั้ง SaaS, PaaS และ IaaS อย่างครบวงจร อีกทั้งด้วยฐานะ Gold Storage Partner ของ HPE นี้ก็สามารถทำให้เหล่าองค์กรเองมั่นใจในบริการ, ประสบการณ์ และเทคโนโลยีจากทาง CS LOXINFO ได้ อีกทั้งทาง CS LOXINFO เองก็ได้รับมาตรฐานระดับนานาชาติมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น IT Security Management ISO/IEC 27001, Service Management System ISO/IEC 20000, Quality Management System ISO/IEC 9001 และ Business Continuity Management ISO/IEC 22301 อีกด้วย รวมถึงทาง CS LOXINFO เองก็ยังมีแผนที่จะเข้ารับการตรวจสอบตามมาตรฐาน Cloud Security Alliance CSA Star Certification เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับเหล่าธุรกิจองค์กรว่าจะได้รับบริการที่มีมาตรฐานอย่างแท้จริง

 

 

และแน่นอนว่าหากองค์กรกำลังมองหาบริการ Disaster Recovery (DR) Site อยู่นั้น ปัจจัยเรื่องความเร็วและความเสถียรของระบบเครือข่ายที่ใช้เชื่อมต่อนั้นก็ถือเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาให้ดีที่สุดปัจจัยหนึ่ง ทาง CS LOXINFO เข้าใจถึงปัญหานี้ดีจึงมีบริการนำเสนอ Internet Link เชื่อมต่อตรงจาก Data Center ขององค์กรมาสู่ Cloud Data Center ของ CS LOXINFO เองโดยตรง ทำให้การสำรองข้อมูลหรือระบบสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องไม่ติดขัด รวมถึงเมื่อต้องกู้คืนระบบงานต่างๆ ขึ้นมาใช้งานบน Cloud Data Center แทนระบบ Production หลัก ผู้ใช้งานในองค์กรเองก็จะได้มีระบบเครือข่ายความเร็วสูงในการเชื่อมต่อออกไปยังระบบงานสำรองเหล่านั้น และทำงานได้อย่างรวดเร็วต่อเนื่องด้วยประสบการณ์ที่ดี

ปัจจุบันลูกค้าของ CS LOXINFO นี้มีจำนวนหลายพันองค์กรทั่วประเทศไทย โดยมากกว่า 25% ของธุรกิจในตลาด SET ก็เป็นลูกค้าของ CS LOXINFO ด้วยเช่นกัน ความสำเร็จนี้เป็นผลต่อยอดมาจากการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของ CS LOXINFO และการมีทีมงานวิศวกรคอยดูแลรักษาระบบต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอด 24×7 ที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในระดับองค์กรได้เป็นอย่างดี

 

 

ด้วยประเด็นต่างๆ เหล่านี้ การเลือกใช้ CS LOXINFO เพื่อช่วยตอบโจทย์ด้านการเช่าใช้พื้นที่ Data Center หรือการทำ DR Site นั้นก็จึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และมั่นใจได้ว่าจะมีทีมงานคอยให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นกับระบบ Business Application ที่มีความสำคัญสูงมากของคุณอย่างแน่นอน

 

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อ CS LOXINFO ได้โดยตรง

 

 

ด้วยความพร้อมทั้งแง่มุมของเทคโนโลยีจากการดำเนินธุรกิจทางด้าน Internet และ Data Center มาอย่างยาวนาน รวมถึงยังมีทีมงานที่เปี่ยมประสบการณ์ทางด้านระบบ Cloud และผลิตภัณฑ์จากทาง HPE ในฐานะ Gold Storage Partner ที่พร้อมให้บริการทุกองค์กรได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทาง CS LOXINFO จึงพร้อมที่จะเป็นผู้ช่วยสำหรับทุกๆ องค์กรในการออกแบบ, ทดสอบระบบ, ติดตั้ง, ดูแลรักษา และช่วยกู้คืนระบบหรือข้อมูลสำคัญให้กับทุกๆ องค์กรที่ใช้งาน HPE ภายในศูนย์ข้อมูลด้วยบริการ Cloud Backup และ Cloud Disaster Recovery (DR) แล้ววันนี้

ผู้ที่สนใจบริการ Cloud จาก CS LOXINFO และต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือทดสอบใช้งาน หรือขอใบเสนอราคา สามารถติดต่อทีมงาน CS LOXINFO ได้ทันทีที่ 02-263-8185 (presales@csloxinfo.net) หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการต่างๆ ของ CS LOXINFO ก่อนได้ที่ http://www.csloxict.com/ ทันที

from:https://www.techtalkthai.com/cs-loxinfo-and-hpe-to-push-hpe-nimble-storage-as-the-mainstream-storage-for-data-center-and-disaster-recovery/

รู้จัก HPE Nimble Storage ระบบ All Flash Storage ใหม่จาก HPE ที่เน้นเรื่องความเร็วและความง่ายสำหรับองค์กร

เมื่อพูดถึงอุปกรณ์ SAN Storage กันแล้ว คนที่เคยมีประสบการณ์มักนึกถึงความยุ่งยากในการติดตั้ง, ดูแลรักษา, บริหารจัดการ และราคาที่สูง แต่หากได้มาลองทำความรู้จักกับ HPE Nimble Storage มุมมองดังกล่าวก็อาจเปลี่ยนไปบ้างไม่มากก็น้อย เพราะนี่คือเทคโนโลยี All Flash Storage ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเดิมๆ ที่เคยพบเจอใน Traditional SAN Storage ในทุกแง่มุมนั่นเอง ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ HPE Nimble Storage เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุน SAN Storage กันครับผม

 

Nimble Storage: จากบริษัท Startup ด้าน SAN Storage ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2008 สู่บริษัทในเครือ HPE ในปี 2017

 

Credit: HPE Nimble Storage

 

Nimble Storage นี้เป็นบริษัท Startup ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 โดยผู้ก่อตั้งสองคนคือคุณ Varun Mehta และคุณ Umesh Maheshwari ซึ่งต่างก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในบริษัทผู้ผลิต Storage ชื่อดังในวงการหลายราย ที่ตัดสินใจออกมาสร้างธุรกิจ Startup ร่วมกัน เพื่อตอบรับต่อกระแสการมาของ Solid State Drive (SSD) สำหรับการใช้งานใน Data Center ระดับองค์กร และเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกคือ Nimble Storage CS200 เมื่อปี 2010 ในฐานะของระบบ Hybrid Array ที่ผสาน SSD และ Hard Disk Drive (HDD) เข้าด้วยกันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานนั่นเอง

 

Credit: HPE Nimble Storage

 

เทคโนโลยีหลักที่ทำให้ Nimble Storage แตกต่างจากผู้ผลิตระบบ Storage รายอื่นๆ นั้นก็คือระบบ File System ที่มีชื่อว่า CASL ซึ่งทำให้ HDD แบบ Nearline SAS นั้นสามารถมีประสิทธิภาพในการเขียนข้อมูลได้เทียบเท่ากับ SSD พร้อมความสามารถในการปกป้องข้อมูลที่หลากหลาย ทำให้ในแง่ประสิทธิภาพและความทนทานนั้น Nimble Storage ถือว่าไม่เป็นรองใคร ในขณะที่อีกเทคโนโลยีหนึ่งซึ่งโดดเด่นไม่แพ้กันเลยก็คือระบบ Big Data Analytics บน Cloud ของ Nimble Storage ที่ได้นำข้อมูลการทำงานของระบบมาทำการวิเคราะห์และแจ้งเตือนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วหรืออาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า ด้วยการนำ AI และ Machine Learning มาใช้นั่นเอง

Nimble Storage พาธุรกิจขงตนเองก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ New York Stock Exchange ได้หลังจากผ่านการระดมทุนด้วยกันถึง 5 รอบเมื่อปี 2013 ภายใต้ชื่อ NMBL และกลายเป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 6 จากการจัดอันดับ 500 Fastest Growing ของ Deloitte เมื่อปี 2015 ถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว

ในที่สุดเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา ทาง HPE ก็ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Nimble Storage อย่างเป็นทางการด้วยมูลค่าที่สูงถึง 1,090 ล้านเหรียญหรือราวๆ 42,000 ล้านบาท และเปลี่ยนชื่อกลายมาเป็น HPE Nimble Storage มุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักทางด้าน Storage ของ HPE ไปนั่นเอง

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ HPE Nimble Storage นั้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการ SAN Storage ได้ในทุกระดับ ดังนี้

  • Adaptive Flash Array สำหรับองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลางที่ต้องการระบบเริ่มต้นในราคาประหยัดแต่ยังคงมีประสิทธิภาพสูง
  • All Flash Array สำหรับองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่ต้องการ SAN Storage ประสิทธิภาพสูงที่บริหารจัดการได้ง่าย
  • Secondary Flash Array สำหรับผู้ที่ต้องการระบบสำรองที่ทำงานได้ด้วยความรวดเร็วในราคาประหยัด พร้อมการบีบอัดข้อมูลที่เหนือกว่าปกติ
  • HPE Cloud Volumes บริการใหม่ล่าสุดที่นำเทคโนโลยีของ Nimble Storage ไปใช้ร่วมกับบริการ Cloud ชั้นนำอย่าง AWS และ Microsoft Azure โดยสามารถรองรับการทำ Multi-Cloud สำหรับการจัดการข้อมูลได้ในตัว

 

CASL: เทคโนโลยีหลักที่ทำให้ Nimble Storage มีประสิทธิภาพสูง และแตกต่างจาก SAN Storage อื่นๆ

หากใครที่คุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม SAN Storage ก็อาจจะคุ้นเคยกับการนำเสนอว่าที่ผ่านมาโลกของ Storage นั้นมีคอขวดของระบบอยู่ที่ HDD ที่ประสิทธิภาพไม่ได้สูงขึ้นมากนัก ในขณะที่ CPU, RAM และ Network มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตามกฎของ Moore’s Law ทำให้เหล่าบรรดาผู้ผลิต SAN Storage นั้นหันไปใช้ Flash หรือ SSD เพื่อแก้ปัญหาคอขวดดังกล่าว แต่ Nimble Storage นั้นกลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไปมากทีเดียวในประเด็นนี้

ท่ามกลางวิกฤติคอขวดของ HDD และการมาของ SSD ทาง Nimble Storage กลับมีแนวทางที่แตกต่างที่จะเปลี่ยนสถาปัตยกรรมของระบบ Storage นั้นเพื่อให้ CPU เป็นหัวใจหลักของระบบ Storage แทน และทำให้ประสิทธิภาพของ Storage นั้นขึ้นอยู่กับ CPU แทนอย่างเต็มตัว ซึ่งแนวทางนี้ทาง Nimble Storage ก็ได้นำมาพัฒนาเป็นเทคโนโลยีพร้อมสิทธิบัตรภายใต้ชื่อว่า Cache-Accelerated Sequential Layout หรือ CASL นั่นเอง โดยการทำงานของ CASL นี้จะแบ่งการทำงานหลักๆ ออกเป็น 2 ส่วน คือการเขียนข้อมูล และการอ่านข้อมูล

การเขียนข้อมูลของ CASL นี้จะรองรับการเขียนข้อมูลได้หลากหลาย Block Size พร้อมๆ กันภายในระบบเดียว โดย Nimble Storage จะนำข้อมูลที่ถูกเขียนในแต่ละช่วงจังหวะมาทำการ Deduplication/Compression เสียก่อน จากนั้นจึงนำข้อมูลมาเรียงต่อกันให้กลายเป็น Block ขนาด 10MB ก่อนที่จะทำการเขียนข้อมูลงไปยัง HDD โดยตรงทีเดียว ไม่ผ่าน SSD แต่อย่างใด ซึ่งประสิทธิภาพการเขียนข้อมูลแบบ Sequential ของ HDD นั้นก็ถือว่าสูสีหรือเหนือกว่า SSD ในบางกรณีด้วยซ้ำ ทำให้ Nimble Storage สามารถเขียนข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงมาก โดย HDD จำนวน 21 ชุดใน Nimble Storage สามารถมีประสิทธิภาพได้สูงถึง 300,000 IOPS เลยทีเดียว

 

Credit: HPE Nimble Storage

 

ข้อมูลที่ถูกเขียนนี้จะถูกปกป้องด้วย Triple-parity RAID หรือแปลว่า HDD สามารถเสียได้ 3 ลูกสูงสุดพร้อมกัน และข้อมูลที่เขียนลงไปนั้นหากเป็น Hot Data ที่มีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้งาน ข้อมูลนั้นๆ จะถูกสำเนาลงไปยัง SSD ที่ทำหน้าที่เป็น Cache ทำให้อายุของ SSD ยืนยาวกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ มาก อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำ Thin Provisioning ได้ในตัว และมีระบบสำหรับแก้ไขปัญหา Fragmentation ที่อาจเกิดขึ้นกับการจัดเก็บข้อมูลได้ และหากต้องการเข้ารหัสข้อมูล Nimble Storage เองก็รองรับความสามารถนี้ได้ด้วยเช่นกัน

ในการอ่านข้อมูลของ CASL นั้นก็จะสามารถใช้ SSD ทำหน้าที่เป็น Cache เพื่อเพิ่มความเร็วในการอ่านข้อมูลได้ รวมถึงยังสามารถกำหนดได้ว่าแต่ละ Volume จะมีพฤติกรรมการจัดเก็บข้อมูลบน Flash ทั้งหมด (All Flash), เก็บข้อมูลผสมกันระหว่าง SSD/HDD (Auto Flash) หรือจะเก็บข้อมูลบน HDD เท่านั้น (No Flash) เพื่อให้เหมาะสมต่อความต้องการในการใช้งาน

 

Credit: HPE Nimble Storage

 

ทั้งนี้ Nimble Storage เองก็รองรับการเพิ่มขยายได้ทั้งแบบ Scale-up และ Scale-out จึงทำให้เหล่าองค์กรต่างๆ มีทางเลือกในการลงทุนต่อยอดที่ยืดหยุ่นได้ในอนาคต สามารถเลือกหนทางที่เหมาะสมกับทั้งความต้องการและงบประมาณได้เป็นอย่างดี

 

ไม่ต้องซื้อ Backup Software แยก ด้วยความสามารถในการทำ Application-aware Snapshot/Replication

อีกหนึ่งจุดแข็งที่น่าสนใจมากของ Nimble Storage นี้ก็คือความสามารถในการปกป้องข้อมูลที่มากับตัวอุปกรณ์เลยโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายด้าน License การใช้งานใดๆ เพิ่ม ทำให้ความคุ้มค่าในการลงทุนเลือกใช้งาน Nimble Storage นั้นถือว่าสูงมาก เพราะทำให้องค์กรแทบไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ Backup และ Disaster Recovery อีกเลยในหลายๆ กรณี

ในแง่ของการ Backup นั้น Nimble Storage มาพร้อมกับความสามารถในการทำ Snapshot ได้อย่างรวดเร็วและไม่จำกัดจำนวน ทำให้สามารถใช้แทนระบบ Backup ได้ทันที อีกทั้งนอกจากการ Revert Snapshot ตามปกติแล้ว ข้อมูล Snapshot เหล่านั้นยังสามารถูกนำไปทำ Cloning ได้ในเวลาเพียง 1 วินาทีเพื่อสร้างเป็นข้อมูลอีกชุดสำหรับใช้งานแยกกับข้อมูลหลักได้อย่างง่ายดาย โดย Snapshot ของ Nimble Storage นี้ยังรองรับทั้งการทำ Application-aware และ VM-aware ได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าการกู้คืนข้อมูลจะมีโอกาสที่ประสบความสำเร็จสูง

ส่วนการทำ Replication นั้น Nimble Storage จะทำการบีบอัดเฉพาะข้อมูลของ Block ที่เปลี่ยนแปลงก่อนส่งออกไปยังระบบสำรองอีกชุด ทำให้ปริมาณ Traffic ที่ต้องใช้นั้นน้อยมากและส่งผ่าน WAN ได้ ซึ่งที่ผ่านมาในประเทศไทยเองก็เคยมีการทดสอบทำ Replication ข้ามไปยัง Data Center ที่สิงคโปร์ และกู้คืนข้อมูลได้มาแล้ว พร้อมนำไปใช้ทำ Disaster Recovery ต่อยอดได้ทันทีโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายด้าน License ใดๆ เพิ่มเติม

 

InfoSight: ระบบ Big Data Analytics, Machine Learning และ AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาดูแลอุปกรณ์ทั้งหมดของ Nimble Storage นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว

 

Credit: HPE Nimble Storage

 

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Nimble Storage แตกต่างเหนือจากคู่แข่งรายอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ HPE นั้นเข้าซื้อกิจการของ Nimble Storage ก็คือ InfoSight ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบ Big Data ที่รวบรวมพฤติกรรมและรายงานจากอุปกรณ์ Nimble Storage ทั่วโลกทุกชุดเอาไว้ด้วยกัน และนำข้อมูลเหล่านั้นมาเรียนรู้และวิเคราะห์เพื่อแสดงถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น, ทำนายแนวโน้มปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมบอกสาเหตุและวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยการประยุกต์ใช้ Machine Learning และ AI ในความสามารถส่วนนี้นั่นเอง

อุปกรณ์ HPE Nimble Storage จะทำการรวบรวมข้อมูลการใช้งานอุปกรณ์และ Log การทำงานต่างๆ แล้วส่งไปยัง InfoSight บน Cloud เพื่อวัถตุประสงค์ 2 ส่วนหลักๆ ดังนี้

  • เรียนรู้รูปแบบการเกิดปัญหากับระบบ Data Center ใหม่เพิ่มเติมจากข้อมูลเหล่านี้ เช่น การหาความสัมพันธ์ว่าการที่ระบบไม่สามารถให้บริการได้ตามปกตินั้น มีความเกี่ยวพันกับปัจจัยแวดล้อมอย่างไรบ้าง เพื่อสร้างเป็น Pattern ใหม่ๆ ในการทำนายแนวโน้มการเกิดปัญหา, การวิเคราะห์ต้นตอของปัญหา และทำการแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ โดยอาศัยควบคู่กันทั้ง Machine Learning และการให้วิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาทำการวิเคราะห์และสร้าง Pattern ใหม่ๆ เพิ่มเติม
  • การนำข้อมูลจากแต่ละอุปกรณ์มาเทียบกับ Pattern ของปัญหาต่างๆ เพื่อทำการวิเคราะห์ แจ้งเตือน และให้รายละเอียดของปัญหาต่างๆ เพื่อนำไปสู่การป้องกันปัญหาล่วงหน้าหรือแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่

ข้อมูลที่ InfoSight ได้ทำการรวบรวมนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ Storage เท่านั้น แต่หากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจาก Network, Server, Datbase หรือ Application ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง InfoSight ก็สามารถวิเคราะห์ปัญหาเหล่านี้ให้ได้เช่นกัน เนื่องจากข้อมูลปริมาณมหาศาลหรือ Big Data ที่ InfoSight รวบรวมเอาไว้นั้นครอบคลุมถึง Pattern การใช้งานร่วมกับ Application และ Environment ต่างๆ ที่หลากหลาย จนทำให้ InfoSight มีข้อมูลมากเพียงพอที่จะนำมาวิเคราะห์และเปรียบเทียบได้ ถือเป็นอีกจุดเด่นที่เหนือกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่เพิ่งมีการพัฒนาระบบ Data Analytics หรือ Machine Learning ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้เป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ HPE ยังได้นำ InfoSight มาผสานเข้ากับผลิตภัณฑ์กลุ่ม HPE 3PAR แล้วในปัจจุบัน และอนาคตก็จะนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์กลุ่ม Server และ Storage ทั้งหมดต่อไปด้วย เพื่อให้การสนับสนุนการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ของ HPE เกิดขึ้นได้ในแบบ Predictive ซึ่งสามารถช่วยลด Downtime ในระบบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยสร้างความพึงพอใจของลูกค้าให้ได้เป็นอย่างมาก โดยที่ผ่านมา Nimble Storage นั้นได้รับคะแนน Net Promoter Score หรือ NPS ที่วัดความพึงพอใจของผู้ใช้งานนั้นมากถึง 85 คะแนน เหนือกว่าผู้ผลิตระบบ Storage ในตลาดรายอื่นๆ อย่างชัดเจน

 

HPE Nimble Storage แตกต่างจาก HPE 3PAR อย่างไร? เมื่อไหร่ควรเลือกใช้เทคโนโลยีไหน?

สำหรับคำถามนี้ถือเป็นคำถามที่หลายๆ คนสงสัยกันเป็นอย่างมาก ซึ่งทางทีมงาน TechTalkThai ก็ได้ทำการสอบถามและพูดคุยในรประเด็นนี้กับทีมงาน HPE นานพอสมควร จนได้รับคำตอบที่ค่อนข้างชัดเจนดังนี้

HPE Nimble Storage นี้จะถูกวางให้เป็นระบบ SAN Storage สำหรับการใช้งานในแบบ General Purpose สำหรับองค์กรขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับองค์กรที่มองหาโซลูชันที่ง่ายทั้งการใช้งาน, การบริหารจัดการ, การออกแบบ, การเชื่อมต่อกับ Cloud และการขยายระบบให้รองรับการทำ Disaster Recovery เนื่องจากระบบนั้นแถม License การทำ Backup และ DR มาให้ในตัวแล้วอย่างครบถ้วน

ส่วน HPE 3PAR นั้นก็จะยังคงเป็น Storage หลักสำหรับองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่ต้องการใช้ความสามารถทั้งในส่วนของ SAN และ NAS Storage รวมถึงหากต้องการนำไปใช้ในการทำ Consolidation เป็นหลัก 3PAR เองก็ยังสามารถตอบโจทย์ได้ดี และหากต้องการระบบที่ Synchronize ระหว่างหลายสาขาอยู่ตลอด รองรับการทำ Failover สำหรับ Mission Critical Application เทคโนโลยีของ HPE 3PAR ก็จะเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อกรณีการใช้งานนี้

สรุปง่ายๆ คือ สำหรับระบบที่ไม่ใหญ่มาก, ต้องการความง่าย, ความคุ้มค่า, Backup, DR ก็สามารถเลือกใช้ HPE InfoSight ได้เลย แต่หากต้องการระบบใหญ่ๆ รองรับการเพิ่มขยายและการทำ Cluster ข้ามสาขาเพื่อรองรับ Mission Critical Application ก็ควรจะต้องขยับไปใช้ HPE 3PAR แทนนั่นเอง

 

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HPE Nimble Storage ได้ทันที

ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HPE Nimble Storage ได้ที่ https://www.hpe.com/us/en/storage/nimble.html ครับ เว็บไซต์นี้เพิ่งอัปเดตมาไม่นาน มีข้อมูลใหม่เพิ่มเข้ามากขึ้นพอสมควรเลยทีเดียว

 

ติดต่อทีมงาน HPE ได้โดยตรง

 

 

สำหรับผู้ที่สนใจต้องการให้ทาง HPE เข้าไปนำเสนอโซลูชัน หรือต้องการใบเสนอราคา สามารถติดต่อทีมงาน HPE Thailand ได้โดยตรงที่คุณ Boontida boontida.srisawasd@hpe.com หรือโทร 0819900691

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-nimble-storage-all-flash-storage-introduction/